《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.  (อ่าน 60204 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
ตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม









《 CONTACT LOVE 》
สัมผัสร้าย สัมผัสรัก



by
MintK



จริงๆแล้วผมไม่ชอบความยึดติดนะ เกลียดการถูกตีกรอบและคำสั่ง
จะเรียกว่ารักอิสระจนมากเกินไปก็ได้แต่นั้นแหละที่เป็นตัวตนของผม
และคิดว่าไม่น่าจะมีใครมาทำให้ผมเปลี่ยนแปลงไปได้ด้วย...







CONTENT

สัมผัสที่ 1 สัมผัสที่ 2 สัมผัสที่ 3 สัมผัสที่ 4 สัมผัสที่ 5
สัมผัสที่ 6 สัมผัสที่ 7 สัมผัสที่ 8 สัมผัสที่ 9 สัมผัสที่ 10
สัมผัสที่ 11 สัมผัสที่ 12 สัมผัสที่ 13 สัมผัสที่ 14 สัมผัสที่ 15
สัมผัสที่ 16 สัมผัสที่ 17 สัมผัสที่ 18 สัมผัสที่ 19 สัมผัสที่ 20
สัมผัสที่ 21 สัมผัสที่ 22 สัมผัสที่ 23 สัมผัสที่ 24 สัมผัสที่ 25
สัมผัสที่ 26 สัมผัสที่ 27 สัมผัสที่ 28 สัมผัสที่ 29 สัมผัสที่ 30
สัมผัสที่ 31 สัมผัสที่ 32 สัมผัสที่ 33 สัมผัสที่ 34 สัมผัสที่ 35
สัมผัสที่ 36 สัมผัสที่ 37 สัมผัสที่ 38 สัมผัสที่ 39 สัมผัสที่ 40
สัมผัสพิเศษ

ภาคสัมผัสที่ไหวหวั่น

สัมผัสที่ไหวหวั่น ไหวหวั่นครั้งที่ 1 ไหวหวั่นครั้งที่ 2 ไหวหวั่นครั้งที่ 3 ไหวหวั่นครั้งที่ 4 ไหวหวั่นครั้งที่ 5
ไหวหวั่นครั้งที่ 6 ไหวหวั่นครั้งที่ 7 ไหวหวั่นครั้งที่ 8 ไหวหวั่นครั้งที่ 9 ไหวหวั่นครั้งที่ 10 ไหวหวั่นครั้งที่ 11
ไหวหวั่นครั้งที่ 12 ไหวหวั่นครั้งที่ 13 ไหวหวั่นครั้งที่ 14 ไหวหวั่นครั้งที่ 15


MY STORY OTHER

◑ MAKE FRIEND ◐ ★ เพื่อนรัก★ >>> COMPLETE.
[ LOVE YOU DEAR ] ~ รักเหอะ ~ >>> UPDATE


MY FACEBOOK PAGE >>> MINTK
MY TWITTER >>> @MiniMinnie27

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2017 12:55:18 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1

สัมผัสที่ 1



 
อากาศที่เย็นยะเยือกจนแทบจะบาดผิวแต่กลับไม่สามารถดับความร้อนลุ่มที่สุมอยู่ภายในกายได้ ความมืดสลัวที่มีเพียงแสงไฟดวงเล็กจากภายนอกสาดส่องเข้ามาให้บรรยากาศดูน่าค้นหามากยิ่งขึ้น เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังลั่นแข่งกับเสียงร้องครวญครางของใครอีกคน การหอบหายใจอย่างหนักสอดประสานกับจังหวะการขยับที่รุนแรงและหนักหน่วง เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นทุกอย่างก็สงบนิ่ง กายขาวสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะบลือตาขึ้นมองผ่านม่านน้ำตาไปยังคนเบื้องหน้าที่ยกยิ้มกริ่ม รอยยิ้มสุดแสนจะเจ้าเล่ห์แต่กลับชวนให้หลุ่มหลง มันชวนหลุ่มหลงจนกล้าที่จะตามมายังสถานที่แห่งนี้ แล้วทุกอย่างก็เริ่มต้นโดยที่ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลงโดยง่าย








 
“คริส! ทางนี้ๆ”

ผมหันไปยังเสียงเรียกก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปหาคนที่ร้องเรียกอย่างไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่อง ไม่ค่อยอยากจะประกาศตัวว่าเป็นเพื่อนมันเลยจริงๆครับแต่ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วแหละนะ เอ๊ะ ผมแนะนำตัวรึยัง? คงยังสินะ ผมชื่อ คริสตัล ครับ เพื่อนๆมักเรียกว่า คริส เฉยๆจนคนที่ไม่รู้ก็คิดว่าผมชื่อนั้นไปละ ผมเป็นลูกชายคนเล็กที่มีพี่ชายอีกคนส่วนพ่อทำงานอยู่เมืองนอกแม่อยู่ไทยมีรายได้จากการกิจการต่างๆมากมาย แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่บาร์ภายในโรงแรมที่เป็นกิจการของครอบครัวเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มแก๊งค์นี่แหละครับ

“มาช้าวะ”

คนที่ทักผมในทีแรกเป็นคนเดียวกับที่ท้วงอยู่ตอนนี้ มันชื่อ มิกซ์ ครับ เป็นคนห่ามๆและโคตรกวนตีน ดีหน่อยที่เบ้าหน้าดีไม่งั้นไม่มีทางได้รวมอยู่ในกลุ่มแน่ ผมไม่ได้บอกว่าพวกเราคัดสรรคนจากหน้าตาหรอกนะ แต่มันเหมือนมีแรงดึงดูดกันเองไง จู่ๆก็รวมกลุ่มกันไปเองแถมยังเบ้าหน้าดีมีดีกรีเป็นหนุ่มเฟรสชี่หน้าใสขวัญใจอันดับต้นๆของเพจดังอย่างคิ้วท์บอยมหาลัย พูดไปก็เหมือนอวยตัวเองเพราะงั้นเลิกอวยแล้วมานั่งดริ้งส์กันดีกว่า

“รถติด”

ผมตอบแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อนอีกคนที่ชื่อแวน คนนี้หน้าใสตาตี๋เหมือนเจ๊กเหมือนจีน แต่มันก็มีเชื้อจริงๆนั้นแหละนะ

“พูดอย่างกับมึงขับมาเอง”

คนนี้ชื่อ คม หน้าตามันคมเข้มสมชื่อแถมยังหุ่นดีมีซิกแพ็คเรียกได้ว่าถูกใจชาวเกย์เป็นที่สุด ผมส่ายหัวตอบเพื่อนแล้วรับแก้วที่มีน้ำสีอำพันมาจิบก่อนจะวางแล้วเอนหลังพิงเบาะแถมถอนหายใจไปอีกเฮือกใหญ่ๆ

“เป็นไรวะ?”

คนนี้ชื่อ นาย และมันก็เป็นลูกเจ้าของโรงแรมนี้อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้า

“เซ็ง”

ผมตอบแล้วลุกขึ้นมายกแก้วกระดกทีเดียวหมดจนเพื่อนโหแซว

“เบาๆเว้ย เดี๋ยวเหล้าหมดก่อนพวกกูเมา”

“นี่พึ่งแก้วแรก อย่ามาทำเป็นหวงไอ้มิกซ์”

“เซ็งอะไรวะ?”

ผมไหวไหล่ให้ไอ้แวนที่ถาม มันเลยส่ายหัวประมาณว่างั้นก็ช่างมึงแต่ไอ้มิกซ์มันไม่ยอมจบอย่างไอ้แวนนี่สิ

“เรื่องเฮียครอสอะดิ”

มันพูดถึงพี่ชายผมที่ชื่อ ทีครอส ครับ อ่อ ผมบอกไปรึยังว่าผมเป็นลูกเสี้ยว เสี้ยวเยอรมัน-ฝรั่งเศษ-ไทย-อังกฤษ คือพ่อผมเป็นลูกครึ่งเยอรมัน-ฝรั่งเศษแล้วมาได้กับแม่ผมที่เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษไง คิดเอาแล้วกันว่าดีเอ็นเอที่หลากหลายเชื้อชาติแบบนี้จะทำให้เบ้าหน้าผมและพี่ชายเป็นที่ต้องตาต้องใจขนาดไหน

“แสนรู้นะมึง”

“เหมือนมึงอะ”

“สัส”

การอยู่ไทยตั้งแต่เกิดจนปัจจุบันทำให้ผมแกร่งกล้าในการใช้ภาษาผิดกับหน้าตาที่อินเตอร์ตาฟ้ามากๆ พวกสี่ตัวนี้ยังเคยบอกเลยว่าเห็นกันครั้งแรกเกือบจะทักออกไปเป็นภาษาอังกฤษแล้วถ้าผมไม่สบถเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำออกมาซะก่อน(ตอนนั้นกำลังด่ากันกับพี่ครอสทางโทรศัพท์ไงครับ เรื่องปกติพี่น้องรักกันนะ)

“แล้วพี่มึงทำอะไรให้อีกละ?”

เป็นคมที่ขัดเพื่อหยุดการปะทะของผมกับมิกซ์

“ไม่อนุมัติคอนโดของกู”

“ห่ะ? นี่มึงจะสร้างคอนโดเหรอวะ?? อย่างมึงนี่นะเล่นอสังหาฯกับเขาด้วย???”

เชี่ยมิกซ์

“มันจะซื้อคอนโดไอ้ควาย”

ขอบคุณแวนที่ด่าแทน

“อ้าว ไหนมึงบอกว่าพี่มึงจะซื้อให้เป็นของขวัญที่เข้ามหาลัยได้ด้วยตัวเอง ตกลงจะหลับคำว่างั้น?”

ไม่อยากจะอวดอีกแล้วครับว่าผมสอบเข้ามหาลัยอันดับหนึ่งของประเทศได้ด้วยตัวเองนะครับ ไม่ได้ใช้อำนาจของครอบครัวเหมือนอย่างไอ้พวกที่นั่งหน้าสลอนทั้งสี่คนนี้

“ก็ให้ แต่เห็นว่าจะเลือกให้กูเอง โคตรเซ็ง”

“ทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจไปได้”

นายมันพูดพร้อมกับยกมือมาผลักหัวผมเบาๆ สัส นั่งอยู่คนละฝั่งยังจะอุสาเอื้อมมาแกล้งกูอีกนะมึง

“มันเอาแต่ใจอยู่แล้วป่าววะ”

“เชี่อมิกซ์ ไม่เจอตีนกูคงไม่สงบใช่ไหมมึง”

“กูล้อเล่นครับเพื่อน แต่แม่งจริงๆนะเว้ย”

“ไอ้สัส!”

ด่าไปก็โยนก้อนน้ำแข็งใส่มันไปอีกสองสามก้อน ไอ้คนที่เหลือก็หัวเราะสนุกสนานไปโดยที่ไม่มีการช่วยผมเลยสักคน เจริญจริงๆเพื่อนกู หลังจากนั้นพวกเราก็กินกันไปคุยกันไปมีบางทีที่หันไปอ่อยสาวตามประสาหนุ่มหน้าตาดีแต่ยกเว้นผมนะครับ ก็ผมเป็นเกย์อะ เรื่องที่ผมเป็นพวกเพื่อนๆมันรู้ดีมันเลยไม่คิดจะชวนและก็ไม่ได้รังเกียจอะไรมาตั้งแต่ตอนแรกที่รู้ ถือว่าเป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่งของพวกมันเลยก็ว่าได้

“แม่งเซ็งวะ”

ผมยกยิ้มเมื่อเห็นหน้าเซ็งๆของไอ้มิกซ์ เป็นไงละมึง ทำเป็นพูดให้กูดีนักโดนสาวที่กำลังป้อหันไปคุยคนใหม่ซะงั้น อยากจะขำให้ฟันร่วง ไอ้นายที่นั่งเฝ้าโต๊ะเป็นเพื่อนผมเลยหันไปเติมเหล้าให้มันอย่างนิ่งๆเงียบๆตามประสามัน ไอ้นายมันเป็นแนวคุณชายขี้เก๊กครับ ผมไม่อยากจะเม้าท์เพื่อนนะแต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆอะ

“ขอโทษนะครับ”

ผมทั้งสามคนหันไปมองพนักงานชายที่เดินเข้ามาทักผม

“ครับ?”

“มีคนฝากนี่มาให้ครับ”

ผมมองแก้วเตกิล่าในถาดแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เห็นผมหน้าอ่อนแต่ก็ใช่ว่าจะปัญญาอ่อนไปรับของใครมากินสุ่มสี่สุ่มห้านะครับ

“ไม่ทราบว่าจากใครครับ?”

“ลูกค้าที่นั่งอยู่บนชั้นลอยครับ”

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองและก็ไม่เห็นใครที่น่าจะเป็นคนส่งให้ผมด้วย

“คนไหนละ?”

“เขาคงไปเข้าห้องน้ำมั่งครับ สักครู่คงมา นั่งอยู่โซนนั้นนะครับ”

ผมหันไปมองโต๊ะโซฟาที่มีว่างอยู่หนึ่งที่นอกนั้นก็มีผู้จับจองหมดแล้ว ถึงแม้ที่นี่จะอยู่ในโรงแรมและราคาค่อนข้างแพงแต่ก็เป็นที่นิยมนะครับ คนเต็มแทบทุกวัน ยิ่งคืนวันศุกร์แบบนี้ด้วยแล้ว อย่าให้พูดถึงเลยเดี๋ยวจะหาว่าโฆษณาร้านให้เพื่อนอีก ผมพยักหน้าให้พนักงานรับแก้วมาวางไว้ที่โต๊ะแล้วก็ไม่แตะต้องมันเลยแม้แต่น้อย

“ใครกินเตกิล่าวะ?”

คมที่เดินมากับแวนถามขึ้นเมื่อมองเห็นแก้วที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางโต๊ะ

“จะของใครซะอีกละ”

ไอ้มิกซ์ตอบแทนพร้อมแสะยิ้มมาทางผม

“จากใครวะ?”

“ไม่รู้”

“อ้าว”

ผมไม่สนใจเพื่อนแล้วลอบหันไปมองยังด้านบนอีกครั้งแต่ก็ยังไม่เห็นใครมาจับจองที่นั่งตรงนั้นเหมือนเดิม สักพักผมก็รู้สึกได้ถึงการสั่นของโทรศัพท์ พอหยิบมันขึ้นมาก็แทบเบ้ปากเมื่อเห็นรายชื่อผู้โทรเข้ามา

“ไปคุยโทรศัพท์แป๊บ”

บอกเพื่อนแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากอาณาบริเวณของร้านไปจนถึงลิฟท์ที่ด้านหนึ่งได้ทำเป็นโซนสำหรับสูบบุหรี่ ผมเดินไปยืนพิงกำแพงลิฟท์อีกฝั่งแล้วกดโทรกลับเพราะกว่าจะออกมาถึงนี่สายก็ตัดไปก่อนแล้ว

“Hi dad?”

ถ้าคุยกับพ่อผมจะพูดเป็นภาษาอังกฤษครับไม่ต้องแปลกใจ ไม่ต้องถามด้วยว่าทำไมเพราะผมกำลังจะบอกว่าพ่อผมพูดไทยไม่ได้และท่านก็ทำงานอยู่ที่เมืองนอกตลอด จะกลับมาหาพวกผมที่ไทยประมาณสองครั้งต่อปีเป็นอย่างน้อยหรือแล้วแต่โอกาส นักธุรกิจใหญ่ก็งี้แหละนะ ต้องทำใจครับ

/อยู่ไหน? ได้ยินจากสิว่าไม่ได้อยู่บ้าน/

สิคือชื่อที่พ่อใช้เรียกแม่ โดยที่ชื่อเต็มๆคือสิริกิต หรือชื่อเล่นที่แท้จริงคือแม่เกต

“มากินข้าวกับเพื่อนที่โรงแรมxxx”

/ข้าวหรือเหล้า?/

ใครบอกว่าชาวต่างชาติเห็นเรื่องเหล้ายาเป็นเรื่องปกติผมของค้านหัวชนฝาเลยครับ อย่างน้อยก็พ่อผมคนหนึ่งแหละที่ไม่ชอบให้ผมแตะต้องทั้งๆที่ก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้ ส่วนพ่อนะมีกินบ้างถ้าต้องออกงานสังคม

“ผมจะยี่สิบแล้วนะแด๊ด”

/แต่ก็ยังไม่ถึง/

ผมกรอกตาพ้นลมหายใจในทันที เซ็งกว่าที่โดนไอ้พี่ครอสไม่ยอมให้ซื้อคอนโดที่ชอบนั้นอีก

“แล้วโทรมามีอะไรครับ?”

/โทรเพราะคิดถึงไม่ได้?/

อย่าไปเชื่อตาแก่นี่นะครับ ผมบอกเลยว่าตอแหล

“ผมจะพยายามเชื่อ”

/ทีครอสโทรมาบอกไอว่ายูอยากได้คอนโดของxxx/

ไอ้พี่ตัวดี

“ครับ”

/รู้ใช่ไหมว่าเป็นโครงการของใคร?/

“รู้ครับ”

มันเป็นโครงการของคู่แข่งทางธุรกิจของพี่ชายผมไง แต่ผมไม่สน ผมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจและผมชอบการออกแบบของที่นั้นด้วย

/แต่ก็ยังจะเอา?/

“ใช่ครับ”

/ถ้าพ่อจะให้คอนโดของเราที่xxx ทั้งตึกแลกกับที่นั้นเพียงห้องเดียว จะเอาไหม?/

“ไม่ครับ”

เห็นลูกตัวเองโลภมากรึไงวะ อยากจะรู้

/อย่าดื้อน่าคริสตัล/

“ผมไม่ได้ดื้อ แต่ผมจะเอา”

“หึ”

ผมแทนสะดุ้ง พอหันไปมองยังต้นตอของเสียงก็ต้องเบิกตากว้าง คนตรงหน้ากดยิ้มเจ้าเล่ห์และยืนยกแขนค่ำกับพนังเหนือหัว ตัวใหญ่ๆนั้นยืนบังผมจนมิด ผิวสีแทนซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์ดัง กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นจมูกโชยมาให้ชวนสัมผัสอีกครั้ง ดวงตาสีเข้มแลดูดุแต่แฝงไปด้วยความว่างเปล่าจนติดจะเย็นชา คิ้วเข้ม จมูกโด่งและรูปหน้าหล่อรับกับเรือนผมสีดำทรงปอมปาดัวร์ที่เซ็ตมาเป็นอย่างดี ไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่แต่ก็พูดได้อย่างเต็มปากว่าผู้ชายคนนี้โคตรหล่อ

/คริสตัล?/

“อะ ครับ?”

/สรุปคือจะเอา?/

“เอา”

ปากจะตอบพ่อแต่ตานะจ้องอยู่กันใครอีกคนแบบไม่วางตาเลยครับ ผมได้ยินเสียงคนปลายสายพ้นลมหายใจหน่อยๆก่อนจะพูดต่อแต่ผมไม่สนใจจะฟังแล้ว ทำไมนะเหรอ ก็คนตรงหน้าที่จ้องมองสบตากันไม่ถึงนาทีได้เลื่อนตัวลงมาจูบปากแลกลิ้นกับผมแล้วยังไงละ ลีลาเด็ดดวงอย่าบอกใคร ถ้าปลายสายจะได้ยินเสียงการแลกเอ็มไซน์นี้ไปด้วยผมก็ไม่แปลกใจเลยครับ

/คริส!/

ผมสะดุ้งแล้วผลักคนตรงหน้าออกแรงๆก่อนจะหันมาสนใจโทรศัพท์ต่อ สัส แค่ปากนะนั้น ล่อซะเคลิ้มเลยกู

/เมื่อกี้ทำอะไรอยู่ เรียกตั้งหลายทีแล้วก็ไม่ตอบ?/

“ผมเข้าห้องน้ำอยู่ครับ ค่อยคุยกันอีกทีได้ไหมแด๊ด”

/ได้ อย่ากินให้มาก แล้วจะให้คนขับรถไปรับหรือให้ทีครอสไปรับ?/

“เดี๋ยวผมโทรหาคนที่บ้านเอง แค่นี้นะครับ”

/โอเค บาย/

“บาย”

ผมเก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าทันทีที่วางสายไปแล้ว พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็น ‘เขา’ ยังคงยืนยิ้มอยู่เหมือนเดิม

“เมาไหม?”

เป็นคำทักทายที่เข้ากับสถานะการณ์จริงๆ

ผมส่ายหัวเป็นคำตอบและกำลังจะเดินหลบไปอีกทางเพื่อกลับไปยังด้านในแต่ก็โดนคนตัวใหญ่จับแขนไว้แล้วดึงเข้าสู่อ้อมกอดแข็งแรง

“ปล่อย”

“ร่างกายปกติดีแล้วเหรอ?”

ผมเม้มปากจนเป็นเส้นตรงโดยทันที หน้าที่แดงระเรื่อจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ยิ่งทวีความเข้มเมื่อเจอคำถามที่ชวนให้นึกไปถึงเรื่องราวระหว่างเราในยามค่ำคืนและเตียงที่หนานุ่ม อ้อ สปริงเด้งดีซะด้วย

“กลับกัน”

ผมหันไปจ้องหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

“ทำไมชอบสั่ง?”

เขาตีหน้าไม่ยีหละอย่างหน้าหมั่นไส้ ผมเลยจัดการกระทืบเท้าใส่ไปทีจนเขาเผลอปล่อยมือนั้นแหละจึงได้หนีโดนการก้าวไวๆเข้าไปยังด้านในเลาส์ ทันทีที่ไปถึงโต๊ะพวกที่นั่งอยู่ต่างก็มองมาที่ผมเป็นตาเดียวจนผมต้องถาม

“มีอะไร?”

“หงุดหงิดไรมาอีกวะ?”

เป็นนายที่ถามและผมก็นั่งลงข้างๆมัน

“เบื่อคน”

“พี่ชายมึงอะนะ?”

“เลิกถามแล้วกินไปเลยไอ้มิกซ์!”

“โว้ๆ มีพาล”

“ชิ”

ผมเลยคุยแล้วหันไปยกแก้วกระดกลงคอจนนายต้องคอยห้ามแต่ก็ห้ามไม่ได้อยู่ดีแหละ ผมนั่งกินไปเงียบๆไม่อยากเอ่ยปากกับใครเพราะกลัวตัวเองจะไปพาลใส่จนเวลาร่วงเลยไปค่อนคืน และแน่นอนว่าพวกนี้เมาแอ๋เป็นที่เรียบร้อย อย่าว่าแต่มันเลยครับ ผมก็เมา

“ใครมารับวะคริส?”

แวนถามเสียงยานๆ พวกมันกำลังช่วยพยุงกันขึ้นไปเปิดห้องนอนทั้งที่สภาพก็ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่เลย ผมเองก็เซครับ ดีที่มีไอ้นายช่วยพยุงไม่งั้นก็ล้มเหมือนกันแหละ พอหงุดหงิดแล้วซัดแหลกไม่เจียมบอดี้ตัวเองไง สมเพศตัวเองชิป

“เออวะ ลืมโทรเรียกเลย”

ผมตอบยิ้มๆจนไอ้นายส่ายหัว

“มึงนอนนี่แหละ เดี๋ยวกูเปิดห้องให้”

“ไม่เอ๊า จะกลับบ้าน”

“เกิดเป็นเด็กดีจะกลับบ้านนอนอะไรตอนนี้วะ”

“เชี่ยมิกซ์!”

“หุบปากไปทั้งคู่นั้นแหละ กูหนวกหู”

แวนถึงกับฟิวส์ขาด

“พวกมึงสามตัวไปเช็คอินอยู่ด้วยกันเลยไป กูจะพาคริสไปอีกห้อง”

ผมฟังได้แค่นั้นแล้วทุกอย่างก็เงียบไปซะดื้อๆ ไม่รู้ว่าใครทำอะไรแต่ก็เบาใจเพราะยังไงไอ้พวกนี้ก็เพื่อนกัน ถึงจะกะล่อนปลิ้นปล้อนไปหน่อยแต่ก็พอไว้ใจได้








“อื้ออออ”

ผมส่งเสียงในลำคอเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรหนักๆแถวเอว คนขี้รำคาญที่ไม่ชอบให้ใครมาใกล้เวลานอนเลยต้องตื่นเมื่อทนไม่ไหว คิดไปคิดมา แขนไอ้นายมันจะมาพาดอยู่ตรงนี้ได้ไงวะ

“ตื่นเหรอ?”

“อืม”

ตอบมันไปส่งๆ แต่เดี๋ยวนะ…นี่ไม่ใช่เสียงไอ้นายแน่ๆ…
เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมเลยลืมตาแล้วหันควับไปมองทางด้านหลัง

ชัดเลย

เขาโผล่มาได้ไงวะ!?!

“มาอยู่นี่ได้ไง?”

คืองงจริงๆนะ แล้วไอ้นายอะ มันหายหัวไปไหนทำไมปล่อยให้เพื่อนตัวเองมานอนอยู่กับใครก็ได้แบบนี้วะ

“ก็นี่มันห้องผม ไม่ให้อยู่นี่แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหนละ?”

ห่ะ?

สถบในใจพร้อมกับลุกขึ้นนั่งและกวาดสายตาไล่ฝ่าความมืดไปโดยรอบ

เออวะ สถานที่เดียวกันกับเมื่อคืนเป๊ะๆ

“งั้นไอมาอยู่นี่ได้ไง?”

ถ้าพูดกับคนไม่คุ้นผมจะแทนตัวเองว่าไอครับ แสดงออกได้อย่างชัดเจนเลยว่ากูไม่สนิทกับมึง ถึงจะเย็นชาไปนิดแต่ผมก็ยังมีกำแพงที่กั้นขวางระหว่างคนร่วมเตียงธรรมดากับคนที่รู้จักและสนิทชิดเชื้ออยู่นะ

“นั่งรถมา”

กวนตีน!

“นี่!”

“ผมว่าผมบอกชื่อตัวเองไปแล้วนะ”

“แล้วไง?”

“ลองเรียกหน่อยสิ”

ผมยังคงตีหน้าบึ้งและนั่งกอดอกมองกลับอย่างไม่เกรงกลัว คนตรงหน้าหัวเราะหึแล้วขยับเข้ามาใกล้จนผมถอนหนีแทบไม่ทัน

“พยศจังนะ ทีเมื่อคืนยังเรียกซะลั่นห้อง”

มันใช่เวลามารำลึกไหมละวะ!?!

“ไอเมา”

“ตอนนี้ก็เมา”

“หายแล้วเว้ย!”

สุดจะทนแล้วครับ ตะคอกใส่หน้าแล้วก็ขว้างทั้งหมอนทั้งผ้าห่มไปใส่ไอ้เจ้าของห้องจนมันเผลอผมเลยได้จังหวะก้าวลงจากเตียง แต่ทว่า…


พรึ๊บ!


โคตรเหี้ย

ผมขาอ่อนจนลุกไม่ขึ้น

แล้วไหรจะอาการหน่วงๆที่ก้นกับสะโพกนี้อีก

อย่าบอกนะว่า

“หึหึ คิดแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้…”

ผมหันไปมองคนพูดด้วยความไม่เข้าใจ มันก็ลงจากเตียงไปเปิดไฟเล็กอย่างสบายใจก่อนจะเดินมายืนตรงหน้ามองจ้องลงมาอย่างผู้ที่กุมชัยชนะไว้เต็มสองมือ

“…ก็เลยจัดไปสองสามยกก่อนนอน แต่ดูท่าทางคงจะหนักเกินไปสินะ หึหึ”

กูอยากฆ่ามัน นี่พูดจริงๆ



To be con...
 :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 16:03:45 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 2



ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีทุกอย่างรอบตัวก็สว่างไสวชวนแสบตาไม่ใช่น้อย ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะหลี่ตามองหาเจ้าของห้องที่ผมยังคงนอนอยู่นี่ แต่ก็ไม่เห็น ก็ดีนะ จะได้ถือโอกาสสำรวจห้องไปในตัวเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นมันอย่างเต็มตา(ครั้งแรกรีบกลับเลยไม่ทันได้มองดีๆไงครับ) พอได้เห็นชัดๆในครั้งนี้เลยถึงกับอึ้งไปนิด ห้องอย่างสวยเลยครับ เป็นการตกแต่งแนวผสมผสานที่ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี ห้องทั้งห้องถูกทาด้วยสีขาวและมีลายกราฟฟิคสีดำตกแต่งเป็นจุดๆ เฟอร์นิเจอร์เป็นโทนสีดำเทาแต่ก็มีของตกแต่งชิ้นเล็กอย่างกรอบรูปตั้งโต๊ะแจกันหรือพวกกล่องเล็กๆบางอย่างเป็นสีแดงตัดกับชั้นวางสีดำด้าน มีทีวีจอแบนตั้งอยู่ตรงกลางและตำแหน่งมันอยู่ตรงปลายเตียงพอดีอีก ทำไมก่อนหน้านี้ผมไม่เห็นวะ ที่นี้ต้องมีอะไรสักอย่างมาบังตาผมไว้แน่ๆ

“ตื่นแล้วเหรอ?”

เฮือก!

กำลังมองสำรวจเพลินๆจู่ๆมันก็โผล่มาซะงั้น เป็นผีเรอะผลุบๆโผล่ๆชิปหาย

“ยังไม่ตื่นมั้ง แล้วนี่กี่โมง?”

มันหัวเราะแล้วเดินเข้ามาหาพร้อมกับก้มลงจูบทั้งๆที่ก็น่าจะรู้นะว่าผมยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน ช่างกล้านะครับ แล้วกูก็ไม่หลบด้วยนะ หึหึ

“จะเที่ยงแล้วครับ”

“เชี่ย!”

เหมือนมันจะอึ้งกับคำสถบแต่นาทีนี้ผมไม่สน

“โทรศัพท์ไอละ?”

มันชี้ไปที่โต๊ะตั้งโคมไฟข้างเตียงและด้านล่างนั้นมีโทรศัพท์มือถือพร้อมกระเป๋าตังค์ของผมวางเคียงคู่กันอยู่ ผมรีบถล่าไปคว้าโทรศัพท์มาก่อนเพื่อนโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัวว่าตัวเองนั้นมีเพียงเสื้อยืดตัวใหญ่หลวมโคร่งติดกายเพียงชิ้นเดียว

เซ็กซี่ไปดิ

ยิ่งตอนหันหลังแล้วโก่งก้นไปหยิบเอาโทรศัพท์นี่ ยิ้มกว้างเชียวนะมึง

เมื่อได้โทรศัพท์มาไว้ในมือจึงรีบกดเปิดเตรียมตัวโดนด่าเต็มที่แต่ทว่า...มันไม่ติดครับ...

“แบตหมดมั้ง เอาที่ชาร์ตไหม?”

“ดี”

จบคำตอบรับของผมเขาก็หายไปจากห้องนอนไม่นานก็กลับมาพร้อมกับสายชาร์ต แต่แทนที่มันจะส่งให้ผมกลับหันมาแย่งโทรศัพท์ผมไปจากมือแล้วจัดการต่อสายเสียบชาร์ตแล้ววางไว้ที่เดิมอย่างเสร็จสรรพ

“ไปอาบน้ำ”

สั่งจังวะ!

ถึงจะขัดใจแต่ในเมื่อมองรูปการณ์แล้วไม่อาจปฏิเสธได้ผมเลยจำใจต้องทำตาม ดูเหมือนไอ้คนสั่งมันจะเข้าใจผิดคิดว่าผมยอมทำตามแต่โดยดีเหมือนลูกแมวเชื่องๆ

ขอโทษเถอะ ผมมันเสือดาว ไม่ใช่ลูกแมว

หลายนาทีผ่านไปผมก็อาบน้ำเสร็จและออกมาด้วยชุดคลุมอาบน้ำมีผ้าขนหนูผืนนุ่มพาดบ่ามาด้วย ที่เสียเวลาอาบน้ำนานเพราะผมเผลอแช่น้ำอุ่นในอ่างน้ำวนของมันนานไปหน่อย ก็นะ ต้องโทษมันสิที่ทำผมปวดเมื่อยตัวถึงขนาดนี้

“มานี่”

สั่งกูอีกละ

ผมจิกตาไปมองไอ้คนสั่งที่ยังคงนั่งอยู่ที่ปลายเตียง แต่มันแต่งตัวเซ็ตผมใหม่แล้วนะครับ ไปอาบน้ำห้องอื่นมาละมั้งช่างมันเถอะ ผมยกผ้าขนหนูขึ้นเช็ดผมอย่างไม่สนใจจนมันหัวเราะหึ พอหันไปมองบางสิ่งข้างๆเตียงก็ต้องขมวดคิ้ว

“นั้นอะไร?”

คนถูกถามกดยิ้มตีคิ้วอย่างกวนตีน

“อยากรู้ก็มานี่”

“งั้นไม่อยากรู้ก็ได้”

“เสื้อผ้าคริสนั้นแหละ มานี่จะช่วยแต่งตัว”

แปลกๆที่ได้ยินชื่อตัวเองออกจากปากมันนอกจากเวลามีเซ็กส์ แต่ก็ช่างมันเถอะ

“ไอแต่งตัวเองได้ เอามานี่”

“ดื้อจริงๆด้วย”

จากที่ปกติตอนนี้ชักเริ่มจะหงุดหงิดแล้วครับ

“มีสิทธิ์อะไรมาว่าไอ?”

“สิทธิ์ความเป็นผัวไง”

“แค่คู่นอนต่างหาก!”

“ไม่เอาน่า ยอมรับเถอะว่าเราลงล็อคกันดีขนาดไหน”

มันก็ลงทุกคนนั้นแหละวะ แค่มันลงได้ถูกจุดสมใจมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย อะไร อย่ามาเบ้ปากอย่างนั้นนะ นิดหน่อยจริงๆเหอะ

พอเห็นผมไม่ยอมเข้าใกล้ไอ้คนชอบสั่งเลยถือโอกาสฉุดแขนในช่วงที่ผมเผลอจนล้มโครมไปปะทะกับตัวใหญ่ๆของมัน อยากถามมากว่ามันอายุเท่าไหร่แต่ด้วยความที่ไม่อยากสนิทไปมากกว่านี้เลยต้องปัดมันทิ้งไป

“นั่งดีๆ”

สั่งอีกละ ผมที่กำลังดิ้นเพื่อที่จะหนีให้หลุดจากการกอดรัดแต่ไปๆมาๆกลับมานั่งครอบทับจนเหมือนขี่ม้าอยู่ตรงส่วนนั้น เอิ่ม นี่มึงไม่ได้จงใจใช่ไหม ตอบ!?! เอาจริงๆคือตัวผมไม่ได้เล็กนะครับ ก็อย่างที่รู้ว่าผมมีเชื้อชาวต่างชาติซะ80%ขนาดนั้นจะให้ผมผ่าเหล่าผ่ากอมาตัวเล็กกระทัดรัดก็ใช่เหตุ ผมเป็นผู้ชายร่างโปร่งที่สูง178ครับ แต่ไอ้คนที่กอดก่ายผมอยู่นี่มันตัวโคตรจะใหญ่เลยทั้งอุ้มทั้งกอดผมได้สบายๆชนิดที่ผมยังเผลอคิดว่าตัวเองเป็นเด็กอายุสิบขวบรึเปล่าวะ

และตอนนี้ผมก็ยอมจำนน(เพราะเหนื่อย)นั่งอยู่บนตักให้มันช่วยเช็ดผมสีบรอนด์ทองที่เริ่มยาวเคลียไหล่ ไม่รู้ทำไมเช็ดไปเช็ดมาสาบเสื้อที่ต้นคอถึงได้ไหลลงไปอยู่ที่ต้นแขนแถมยังสัมผัสได้ถึงริมฝีปากและลมหายใจของคนที่ด้านหลังไปทั่ว แค่เลียแล้วจูบนะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้กัดงับทำรอยฟันไว้ให้นี่ผมสะดุ้งโหย่งเลย

“เจ็บ!”

“ก็ชอบไม่ใช่เหรอ?”

พูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียนจนผมตีขาไปเพี๊ยะหนึ่ง แล้วคิดว่าไอ้ยักษ์นี่จะสะทกสะท้านไหมครับ แน่นอนว่าไม่ นอกจากไม่สะทกแล้วมันยังไล่กัดไล่จูบไปทั้งทั้งแผ่นหลัง เล่นเอาผมเผลอหลุดเสียงครางตามแทบไม่ทัน มือหนาเลื่อนบดขยี้หัวนมที่เริ่มแข็งสู้ก่อนจะมาปลดปมมัดของชุดคลุมแล้วสะบัดมันทิ้ง ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพเปลือยไปทั้งตัวพร้อมด้วยรอยจูบสีแดงที่เด่นหลาอยู่บนผิวขาวๆ ผมได้ยินเสียงหัวเราะหึตามสไตล์มันดังแว่วมาก่อนที่จะถูกอุ้มขยับออกและบางสิ่งที่แข็งขื่นอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์เนื้อดีก็โผล่ออกมาทักทายชาวโลก ผมเหลียวไปมองใบหน้าหล่อที่ยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนถูกอกถูกใจอะไรนักหนา ไม่นานก็ต้องสะดุ้งเมื่อนิ้วเย็นๆได้แทรกเข้ามาภายในอย่างไม่บอกกล่าว

“อ๊ะ!”

“หึ ลื่นเชียวนะ”

ได้ข่าวว่ามึงเอาเจลใส่มาไม่ใช่เหรอวะ!

สองขาใหญ่ที่ผมนั่งทับอยู่ค่อยๆแยกออกจากกันจนทำให้ผมต้องแยกตามพลางแอ่นก้นไปด้านหลังเพิ่มขึ้นอีก แน่นอนว่าคงถูกใจมันมากดูจากจำนวนของนิ้วที่เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วและไม่นานก็ถอดออกแต่น้ำสิ่งใหญ่และร้อนกว่าเข้ามาจ่ออยู่ที่ปากทางเข้าแทน

“อ๊า!!!”

ผมร้องลั่นเมื่อมันจับตัวผมกดใส่ส่วนนั้นของมันจนสุดทางในทีเดียว เล่นเอาทั้งจุกทั้งเจ็บครับแต่โคตรรู้สึกดี ผมได้ยินเสียงมันซี๊ดปากเบาๆเพราะภายในคงตอดรัดมันเต็มที่ ทุกส่วนตอบรับกันดีจนแทบจะแตกทั้งๆที่ยังไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย

“เห็นไหมว่าเราลงล็อคกันขนาดไหน”

ยังจะมีอารมณ์มาพูดอย่างนี้อีกนะ

ผมแอ่นตัวเมื่อมือหนาทั้งสองข้างเปลี่ยนจากเบื้องล่างขึ้นมานวดคลึงที่ส่วนบน หน้าอกที่แบนราบจะนูนขึ้นก็เพราะมันนี่แหละครับ คิดเอาว่ามันบีบเค้นแรงถึงขนาดไหนแล้วผมก็ยังเสียวได้ต่อเพราะข้างล่างก็ยังเสียบคากันไว้อยู่อย่างนั้น

“อึ๊ก อือออ”

“หึ”

“เจ็บนะ”

เสียงสั่นและอ่อยมากจนตัวเองยังขนลุก

“ขยับเองสิ”

แล้วมันก็ไม่สนใจที่ผมพูดเลยยยยยยย

ผมจิกตาไปจ้องมันทีด้วยความเคืองปนหงุดหงิด แต่มันก็ยังคงยิ้มครับ ยิ้มหน้าด้านๆเลยด้วย ผมสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายขยับนิดหน่อยเหมือนจะกระตุ้นและมันก็ได้ผล ผมก้มลงเอามือเท้าที่เข่าทั้งสองข้างของเขาแล้วจึงเริ่มเคลื่อนไหวส่วนล่างจนได้ยินเสียงสวบสาบให้ได้ออกร้อนที่หน้าเล่นๆ


“หึ”

ขอพูดอีกครั้งว่าโคตรเกลียดเสียงหัวเราะของมันเลย

ดูเหมือนคนสั่งการจะเริ่มทนไม่ไหว มันเลยช้อนตัวผมขึ้นโดยการอุ้มจากข้อพับขาแล้วสวนเข้ามาแรงๆจนผมผวาอ้าปากร้องครางอย่างไม่คิดจะเก็บงำ ความเสียวซ่านพุ่งทวีคูณเมื่อความหนักหน่วยสวนเข้าออกอย่างถี่ยิบ ผมเอื้อมมือไปโอบรอบคอเขาจากทางด้านหลังเลยสบโอกาสให้คนชอบสั่งได้กัดงับเข้าที่ซอกคอขาว

“อ๊า อึ๊ก อืมมมม”

ด้านบนก็เจ็บแปร๊บด้านล่างก็เสี่ยวว๊าบ เอาซะสั่นไปทั้งร่างร้อนลุ่มไปทั้งทรวงจนแทบจะระเบิดออกมาซะให้ได้

“เดี๋ยว อื้อ ช้าหน่อย อ๊าาาาา”

ขอพูดก่อนได้ไหมห่ะ จะกระทุ้งอะไรนักหนาได้ข่าวว่าเมื่อคืนก็พึ่งทำไป...เออ...กี่ยกวะ?

“จะเสร็จแล้วเหรอหืม?”

ถามดีๆก็ได้ไม่ต้องมางับหู กูเสียว

และเมื่อผมไม่ตอบมันก็เลยแกล้งด้วยการจับผมพลิกมานอนคว่ำอยู่บนเตียงทั้งที่ส่วนนั้นของเรายังคงคากันอยู่ ผมนี่ก็ความรู้สึกไวนะครับ เสียวมันทุกครั้งที่ตัวขยับแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อมันก็กระแทกเข้ามารัวเลยครับ ผมก็ได้แต่ร้องครางมือจิกทึ้งอยู่ที่ผ้าปูที่นอนสีเทาตัดดำของมันจนแทบขาด

“เรียกชื่อผม”

ใช่เวลามาสั่งไหมวะ!

“เร็ว”

แม่ง

“ทัต”

เชี่ย!

พอเรียกแล้วมันเร่งเครื่องซะงั้น เล่นเอาผมบิดเร้าไปด้วยแรงที่ถาโถมเข้าใส่อย่างหนักหน่วง

“ทัต! เบา อ๊า!!”

“ซี๊ด”

มันซี๊ดปากเบาๆเพราะผมเผลอรัดมันแน่นกว่าเดิม ไม่ต้องให้สาธยายเลยครับว่าเวลาเสียวสุดๆแล้วข้างในมันจะตอดดีขนาดไหน ยิ่งผมเพิ่มแรงโอบรัดนี่ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเจอผมรัดแน่นๆเข้ามันเลยผ่อนแรงแล้วทรุดตัวลงมาจับหน้าผมให้หันไปหาแล้วจูบปากแลกลิ้นกันไป นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราเข้ากันได้ดีนั้นก็คือรู้จังหวะซึ่งกันและกัน เมื่อกี้มันอารมณ์รุนแรงเกินไปผมเลยให้ผ่อนแต่เมื่อเจ้าตัวจะไม่ไหวผมก็รัดซะแน่นจนเจ้าตัวได้สตินั้นแหละ รู้ว่ายิ่งแรงยิ่งมันส์แต่นี่มันตอนกลางวันนะครับ แล้วผมยังต้องกลับบ้านด้วย เพราะงั้นแค่เบาะๆพออย่าให้ต้องนอนซมเหมือนเมื่อคืนอีกเลย

เมื่ออารมณ์เริ่มเข้าที่มันเลยเริ่มขยับแต่ดุดันเช่นเดิม ผมสะดุ้งทุกครั้งที่มันกระแทกเข้ามาแรงๆและโดนจุดอ่อนซะทุกครั้ง เมื่อโดนกระแทกแบบเน้นๆอย่างนั้นมากๆเข้าอารมณ์เริ่มกระเจิง ผมเลยยกมือไปโอบไหล่แล้วละเลงกรงเล็บจนได้ยินเสียงซี๊ดออกมาจากปากคนด้านบน มันกดยิ้มแล้วก้มลงมากัดปากล่างผมไปทีอย่างหมั่นเขี้ยว ผมนี่สติหลุดไปตั้งแต่มันยิ้มแล้วครับ คนเหี้ยอะไรหล่อแล้วยังลีลาเด็ดกระแทกมาทีแทบทะลุลำไส้

“หึ เชื่องเฉพาะตอนมีเซ็กส์เท่านั้นสินะ”

พูดจาน่าถีบแต่ถีบไม่ได้เพราะมันยังสวนตรงนั้นเข้าออกแบบเน้นๆเลยเอาทั้งจุกทั้งเสียว ผมนี่ร้องเสียงหลงแล้วท่านี้มันเข้าได้ลึกมากด้วยไง มือก็จิกผ้าปูที่นอนจนจะแหลกคามืออยู่ละ

“Shut up!”

“หึ”

“เห้ย!”

ผมเผลอร้องอีกครั้งเมื่อจู่ๆมันก็ถอดส่วนนั้นออกและผลักผมให้นอนตะแคงแล้วเข้ามายกขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่าก่อนจะสอดใส่เข้ามาให้ทั้งอย่างนั้น

“อ๊า!!!”

เชี่ย! โคตรเสียว!!

มันหัวเราะเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือแรงที่ดุนดันเข้าออกจนเตียงไหวไปทั้งหลัง พระเจ้า! ว่าท่าเมื่อกี้ลึกแล้วท่านี้ยิ่งลึกเข้าไปอีก

“อ๊ะ อ๊า!”

“อืมมม..คริส..”

อย่ามาเรียกด้วยน้ำเสียงกระเส่าแบบน้านนนน

“ทัต”

“หืม?”

“จะออก”

“อีกนิด”

กูไม่ไหวเว้ย แล้วดูมันเอามือมาบีบตรงนั้นของผมไว้นะ โอ้ยยยย ทรมานแต่ก็โคตรซาบซ่าน

“อึ๊ก อา”

“คริส”

“อร๊าาาาา!!!”

“อึ๊ก”

ผมกระตุกเกร็งเมื่อไปถึงจุด รู้สึกว่าใครอีกคนจะถึงพร้อมๆกันกับผมแต่นั้นก็ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า...มันไม่ได้ใส่ถุงยาง!

“อาบน้ำด้วยกัน”

ยังจะสั่ง แต่ก็ช่างมันเถอะครับ ผมเหนื่อย ผมปล่อยให้ไอ้ยักษ์อุ้มไปที่ห้องน้ำด้วยสาระร่างที่อ่อนเปรี้ยเพลียแรง ไม่อยากจะสำออยหรอกนะแต่มันหนักหน่วงต่อร่างกายจริงๆ เมื่อเข้ามาได้มันก็พาผมไปล้างเนื้อล้างตัวที่ฝักบังก่อนจะพาลงไปนั่งแช่อ่างน้ำวนเล่น ผมก็นอนพิงอกซบไหล่มันอย่างสบายจนเกือบหลับไปแล้วด้วยซ้ำ

“วันนี้จะไปไหน”

“กลับบ้าน”

“วันนี้วันเสาร์ ไปเที่ยวกันหน่อยดีไหม?”

ผมว่าผมพูดภาษาคนนะครับ ทำไมมันถึงไม่รู้เรื่องกันอย่างนี้วะ

“ก็บอกว่าจะกลับบ้าน”

“เดี๋ยวตอนเย็นค่อยกลับ จะไปส่ง แต่ตอนนี้ไปด้วยกันก่อน”

ผมเอียงหน้าจ้องมองมันเหมือนมีคำถามซึ่งก็มีจริงๆนั้นแหละ

“ไปไหน?”

“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”

กวนตีน

“งั้นไม่ไป”

“ยังไงก็ต้องไป”

“อย่ามาสั่ง อย่ามาบังคับ ไม่ชอบ!”

“...”

“....”

“ไปแต่งตัวกัน”

เหี้ย!!!

.
.
.
.
.

และแล้วผมก็ต้องมานั่งตีหน้ามุ้ยไม่สบอารมณ์อยู่ที่ห้องอาหารสุดหรูในโรงแรมระดับห้าดาวบวกๆๆ ไอ้ยักษ์ที่บังคับผมมาก็ตั้งหน้าตั้งตาสั่งแถมยังได้ไวน์มาจิบไปดูวิวเมืองกรุงผ่านบานกระจกไปอย่างชิลโคตร อ้อ มีอีกอย่างที่ผมอยากบอกคือผมรู้ที่อยู่ของมันแล้วครับหลังจากที่ไม่เคยสังเกตมาก่อนทั้งที่ครั้งก่อนที่มาค้างก็กลับเองนะ มันอยู่ที่คอนโดหรูสวยการตกแต่งเน้นให้คนเมืองหัวสมัยใหม่อยู่และราคาหรูใช่ย่อย แต่ก็ไม่เท่าคอนโดที่ผมอยากได้อยู่ดี ที่นั้นราคาขั้นต่ำก็เหยียบแปดล้านไปแล้ว

พอพูดถึงคอนโดแล้วก็คิดถึงพี่ครอส จะว่าไปโทรศัพท์ก็ยังไม่ได้เปิดเครื่องเลยนี่หว่า

ผมเลิกตีหน้าโกรธกดดันไอ้ยักษ์ที่ไม่รู้สึกรู้สาแล้วหันไปคว้าโทรศัพท์ตัวเองมาเปิดเครื่อง พอเครื่องกลับมาทำงานปกติเสียงแจ้งเตือนต่างๆก็เด้งรัวๆจนเครื่องเกือบค้าง ตั้งแต่เกิดมาผมสาบานได้ว่าไม่เคยเห็นมิสคอลเยอะขนาดนี้มาก่อนและคนแรกที่ผมติดต่อกลับนั้นก็คือพี่ชายครับ

/คริสตัล!!!!/

อื้อหืออออ เสียงทะลุโสตประสาทจนแก้วหูเกือบขาดเลยวุ้ย

“คะ ครับ?”

/ไม่ต้องมาครับ ตอนนี้มึงอยู่ไหน!?!/

โอ้โห อารมณ์มาเต็มมาก

“อยู่...แถวๆนี้แหละ”

/บอกกูมาเดี๋ยวนี้ กูจะไปลากคอมึงกลับมากระทืบให้สาสมกับที่ให้คนอื่นเค้าวุ่นวายกันไปหมด ไอ้น้องเวร/

สาบานได้ว่าพี่กับน้องคุยกันครับไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตมาตั้งแต่ชาติปางไหน

“ห่วงก็บอกว่าห่วงดิ”

/กูมีน้องเหี้ยๆแบบนี้คนเดียวเว้ย อย่าให้ต้องฆ่าทิ้งเพราะแม่งหาซื้อไม่ได้แล้ว/

สมควรดีใจไหมครับ ช่วยบอกผมที

“เอาน่าๆ ทำอย่างกับผมไม่เคยหายหัวไปงั้นแหละ”

/หายนะเคย แต่ไม่เคยหายไปทั้งที่เมาแถมยังติดต่อไม่ได้แบบนี้!/

“ไม่คิดว่าผมจะหิ้วสาวไปนอนกกบ้างอ่อ”

ไอ้ยักษ์ตรงข้ามหันมามองพลางส่งยิ้มกวนตีนมาให้อีกแน๊ะ ผมเลยทำปากไปว่า ‘เสือก’ แบบเน้นๆเรียกเสียงหัวเราะหึได้เช่นเคย

/สภาพมึงเมื่อคืนคงไปหิ้วสาวกกได้อยู่หรอกเนอะ/

เชี่ยละ ไอ้นายโทรบอกพี่ผมแน่ๆ

“ไอ้นายบอกเหรอ?”

/ก็เออสิวะ แล้วนี่มึงอยู่ไหนอยู่กับใครแล้วทำอะไรอยู่?/

“เออ...อยู่กับเพื่อนนะ”

/เพื่อนไหน? ไอ้นาย ไอ้แวน ไอ้คมหรือไอ้มิกซ์?/

“เพื่อนที่พึ่งรู้จักกันนะ ตอนนี้ก็กินข้าวกันอยู่ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วจะกลับ”

/กลับยังไง?/

ยิ่งกว่าพ่อก็พี่ผมนี่แหละครับ

“แท๊กซี่”

/หยุดแม้แต่จะคิด กินเสร็จแล้วโทรหากูเดี๋ยวให้คนไปรับ/

“ครับๆ”

/เออ งั้นแค่นี้แหละ/

บทจะจบง่ายๆก็ง่ายนะครับ คุยไม่สมกับที่โทรมาเป็นร้อยๆสายเลย แต่ผมพอจะเดาชะตากรรมตัวเองตอนกลับไปที่บ้านได้แล้วแหละ

“นอกจากจะดื้อแล้วยังขี้โกหกอีกนะ”

ผมตวัดสายตาไปมองไอ้ยักษ์ที่พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมวางสายไปแล้ว

“เสือก”

“ทำไมไม่บอกไปละว่ากกผัวอยู่”

“เพราะไอไม่มีผัวไง เลยไม่ต้องบอก”

“เอากันขนาดนั้นไม่เรียกว่าผัวจะให้เรียกว่าอะไรครับ?”

“แค่คู่นอนไง”

“หึ เรามันลึกซึ้งกว่านั้นนะคริส”

“ได้แค่นั้นก็ดีแล้ว ถ้าจะให้เรียกคนที่มีอะไรกันว่าผัว ไอคงจะมีผัวเป็นสิบแล้วมั้ง”

“งั้นหลังจากนี้ก็อย่าไปมีอะไรกับใคร มีกับผมคนเดียวพอ”

“ทำไมไอต้องทำตามที่ยูบอก”

“เรียกชื่อ”

“ไม่”

“อย่าดื้อน่าคริส”

“เรื่องของไอ”

“แล้วจะได้เห็นดีกัน”

“หวังว่ามันจะดีอย่างที่ปากพูดนะ”

“หึ”


To Be Con...

 :katai2-1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:44:54 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
รุนแรงกันจริงๆ

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 3

 



 

ผมเดินก้าวลงจากรถแล้วปิดประตูตามหลังเบาๆก่อนจะมุ่งหน้าสู่ตึกสูงห้าชั้นอันเป็นตึกย่อยของคณะเศรษฐศาสตร์ที่ผมกำลังเรียนอยู่ครับ เหมือนผมจะยอกย้อนกับตัวเองอยู่บ้างก็ตรงที่ผมชอบเศรษฐศาสตร์แต่ไม่ชอบที่จะหยิบจับธุรกิจของครอบครัว พ่อกับแม่อาจเข้าใจไปว่าผมอาจจะอยู่ในช่วงวัยต่อต้านแต่เดี๋ยวก็เข้าไปช่วยสืบทอดแต่ผิดมหันต์เลยครับ ผมแค่ชอบเลยเรียนและคนที่รู้ดีนั้นก็คือพี่ชายของผมนั้นแหละ

 

“อ้าวคริส มาเช้าจังนะ”

 

ผมยิ้มให้กับพี่เอมซึ่งเป็นรุ่นพี่ปีสองที่ค่อนข้างจะสนิทกับผมพอสมควร ถึงจะไม่มากแต่ก็พอพูดคุยหัวเราะหยอกล้อกันได้ในระดับหนึ่งนะครับ

 

“วันนี้พี่ชายมาส่งนะครับ เลยต้องมาแต่เช้า”

 

ไอ้พี่ครอสมันมีประชุมเช้าแล้วยังจะมายังคับขู่เข็นให้ผมมามหาลัยพร้อมพี่แกให้ได้อีก ผมละเซ็ง คนพึ่งได้พักสาระร่างหลังจากที่เจอศึกหนักชนิดถึงลูกถึงคนมานะครับ จริงๆแล้วก็แอบมีไข้ด้วยแหละแต่ผมไม่ได้บอกใคร พอกินข้าวแล้วก็หายากินเองนอนพักไปยาวๆก็หาย ตอนนี้ก็เกือบจะหายสนิทดีละเหลือแค่อาการเพลียๆมึนๆอึนๆอีกนิดหน่อย

 

“ไม่เปลี่ยนใจจริงๆเหรอคริส พี่ละเสียดาย อย่างเราน่าจะชนะแบบท่วมท้นเลยน๊า”

 

ผมส่ายหัวหวือแสดงเจตนารมณ์เดิมอย่างชัดเจนจนพี่ท่านจิ๊ปากใส่ ที่พี่เอมพูดหมายถึงการประกวดดาวเดือนอะไรนั้นไงครับ แน่นอนว่าหน้าตาอย่างผมต้องตกเป็นเป้าหมายแต่ผมยังเอาตัวรอดได้เพราะกลุ่มก๊วนผมยังมีความหน้าตาดีที่ไล่เลี่ยกัน ผมเลยได้ยกพวกมันให้พี่ท่านเลือกไปแทนส่วนตัวเองก็ชิ้งหนีจนวันต่อมาก็โดนให่เลี้ยงชาบูเป็นของเซ่นไหว้ คือผมเป็นคริสเตียนป่าววะ จะมาเซ่นไหว้ทำซากอะไร แต่ก็ช่างมันเถอะครับผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป แล้วไอ้ที่โดนเลือกนั้นก็คือไอ้มิกซ์ครับ ได้ด้วยความกะล่อนล้วนๆ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะไม่ไปตอบคำถามแบบกวนตีนๆใส่กรรมการให้ได้ขายหน้ากันทั้งคณะหรอกนะ

 

“อ้อ คริสยังไม่เจอลุงรหัสตัวเองใช่ไหมจ้ะ?”

 

“ครับ พี่ก้อนบอกว่าเขาไปต่างประเทศยังไม่กลับ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะกลับมารึยัง”

 

“กลับมาแล้วจ้ะ เมื่อวันศุกร์พี่ก็เห็นอยู่นะ แต่ไม่ได้บอกเพราะพี่ไม่เห็นเรา เป็นไงละ พอขอเบอร์ขอไลน์แล้วหวงนัก เวลามีข่าวคราวอะไรเลยติดต่อไม่ได้เลย”

 

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป ผมขี้รำคาญครับ ยิ่งการคุยกับคนไม่สนิทยิ่งไม่ชอบ เวลาผมพูดกับทัตถึงได้ห้วนๆสั่นๆไม่อยากจะเสวนาด้วยสักเท่าไหร่แต่ก็ยกเว่นเวลาโดนกวนมากๆแล้วปรี๊ดแตกนะ อ้อ ไม่นับเสียงร้องนะครับ อันนั้นเยอะตามอารมณ์ที่ถูกบิ้ว

 

“งั้นผมจะเจอได้ยังไงครับ?”

 

“ได้คำใบ้ว่าอะไรจ้ะ?”

 

“ผู้ที่เทวดามอบให้”

 

เชื่อไหมว่าตอนผมได้คำใบ้ผมหลุดหัวเราะอย่างเสียมาดเลยนะ โคตรลิเก แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับยากเอาการเลยนะครับ ลองคิดดูสิ ผมจะไปรู้ไหมละว่าใครเป็นผู้ที่เทวดามอบให้ แต่ละคนก็มาจากสเปิร์มกันทั้งนั้นอะ

 

“อืม…จะใบ้เพิ่มว่ายังไงดีละเนี้ย ไม่คิดเลยนะว่าคนๆนั้นจะใบ้อะไรแบบนี้”

 

คิดเหมือนกันครับ ช่างกล้าชิปหาย

 

“งั้นเอางี้ พี่จะบอกรถที่เขาขับแล้วกันนะ”

 

พูดว่า ‘เขา’ อย่างนี้แสดงว่าเป็นผู้ชายสินะ ก็ดี ค่อยคุยกันง่ายหน่อย

 

“Lamborghini Gallardo สีฟ้าเทาหม่นๆ”

 

ผมถึงกับอ้าปากค้าง ขับรถแบบนี้ได้ต้องรวยสัสๆอะ แถมเผลอๆยังมีคันเดียวในมหาลัยด้วยละมั้ง ใบ้แบบโคตรเจาะจงเลยครับ

 

“มีคันเดียวในมหาลัยและยังไม่มีใครได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถอีกด้วย”

 

โอ้โห้ มีออฟชั่นเสริมให้ซะด้วย ข่าวละเอียดยิบจนน่าปรบมือให้รัวๆ

 

“อ่า ครับ ขอบคุณมาก”

 

“ไม่เป็นไรจ้ะ งั้นพี่ขึ้นตึกแล้วนะ นี่คริสจะไปโรงอาหารเหรอ?”

 

 “ครับ”

 

“งั้นก็บ๊ายบาย”

 

“บายครับ”

 

ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งเมื่อร่างอรชรนั้นเดินตรงไปขึ้นลิฟท์แล้วจึงเดินตัดโถงใต้ตึกโผล่ไปยังทางเดินที่ทอดยาวไปถึงโรงอาหารของคณะ จริงๆแล้วเป้าหมายของผมคือไม้หินอ่อนใต้ร่มไม้ข้างตึกเรียนที่มันเยื้องๆกับโรงอาหารต่างหากครับ เช้าขนาดนี้ไอ้สี่ตัวนั้นคงยังมาไม่ถึงหรอกครับ แถมนักศึกษายังไม่ค่อยเฉียดมาตรงนี้เท่าไหร่เหมาะแก่การนั่งงีบมาก ว่าแล้วก็วางกระเป๋าเท้าแขนแล้วฟุบหน้าลงนอนหลับสักงีบกันดีกว่า ผมหลับไปจริงๆเพราะหลังทานมื้อเช้าผมกรอกยาเข้าปากไปอีกรอบเลยมึนๆเบลอๆอยู่นี่ไงครับ จนไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่เหมือนกันแต่มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ผมหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วรับสายทั้งที่ยังไม่เงยหน้าหรือลืมตามอง

 

“อือ”

 

/อยู่ไหนคริส?/

 

นายโทรมานั้นเอง

 

“โต๊ะข้างตึก”

 

/หลับเหรอ? งั้นเดี๋ยวเดินไปหา/

 

“โอเค”

 

เมื่อวางสายแล้วก็เก็บไว้ที่เดิมแต่จู่ๆก็ได้ยินเสียง ‘หึ’ลอยมาเบาๆ นี่ผมเกลียดจนถึงกับหลอนติดหูเลยเหรอวะเนี้ย

 

“เอากาแฟสักหน่อยไหม?”

 

“ก็ดี”

 

เอ๊ะ…

 

เดี๋ยวนะ…



พรึ๊บ!

 

“เห้ย! มาอยู่นี่ได้ไง!?!”

 

นั้นแหละครับ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นไอ้คนในจิตหลอนโผล่มานั่งหน้าสล่อนอยู่ข้างๆแบบตัวเป็นๆ แน่นอนว่ามันยังคงยิ้มอยู่อย่างเคยแต่มือกลับยื่นกาแฟร้อนยี่ห้อดังที่แก้วเดียวตกไปหลายร้อยมาให้ผม

 

“ขับรถมา”

 

มันตอบแล้วเหลือบมองไปทางที่จอดรถหน้าโรงอาหารและผมก็ต้องเบิดตากว้างอีกครั้ง เหี้ยเถอะ นั้นมันแลมโบฯแบบที่พี่เอมบอกมาเป๊ะๆ อย่าบอกนะว่า…

 

“อะไรคือ ‘ผู้ที่เทวดามอบให้’ ”

 

“ก็ความหมายของชื่อเทพทัตไง”

 

โป๊ะเช๊ะ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นวะครับ โลกจะกลมเกินไปแล้วนะเว้ย ซิกแซกบ้างก็ได้หรือจะให้ดีก็แตกเป็นสองซีกไปเลย ผมจะดีใจเป็นอย่างมาก

 

จะว่าไปก่อนหน้านี้ตอนมันไปส่งผมมันก็ใช้เบนซ์นี่นา รถจะเยอะไปไหนวะครับ

 

“รู้แล้วสิ”

 

“เออ!”

 

“พูดจาไม่เพราะกับรุ่นพี่เลยนะครับ”

 

“ไอพอใจ ยูจะทำไม?”

 

“บอกให้เรียกชื่อ”

 

“ไม่”

 

“คริส”

 

“ทำมะ อุ๊ป!”

 

เชี่ยเถอะ!

 

มันกล้าจูบผมในมหาลัยแถมยังใกล้โรงอาหารชนิดที่ใครๆก็สามารถมองเห็นได้ ดีหน่อยที่มันแค่จูบเพื่อมากัดปากผมเล่นๆเลยไม่ได้ดูดปากแลกลิ้นนานแต่ก็เจ็บอยู่นะครับ

 

“ดื้อ”

 

“คริส”

 

!!!

 

 อื้อหือ ไอ้นายมาได้อย่างโคตรจะถูกจังหวะ

 

พอเห็นเพื่อนตัวเองยืนมองอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าตื่นตกใจพอสมควรผมเลยรีบลุกขึ้นหยิบกระเป๋ากำลังจะชิ้งหนีแต่ก็โดนคว้าแขนไว้อีก ไวเหี้ยๆ

 

“เดี๋ยวโทรหา”

 

ผมมองมันตาปริบๆในหัวก็คิดว่า กูบอกเบอร์ให้มึงรู้ตอนไหนวะ? มันเหมือนจะเข้าใจสายตาผมนะแต่ก็ไม่พูดอะไรเอาแต่ยิ้มแล้วก็ลุกขึ้นเดินผ่านไอ้นายไปยังตึกโดยที่มีผมมองตามจนสุดสายตา

 

“นั้นใคร?”

 

ผมส่ายหัวประมาณว่าไม่มีอะไรเพราะเห็นหน้ามันตกใจแล้วก็รู้สึกไม่ดี ถึงแม้เพื่อนผมจะรู้ว่าผมเป็นเกย์แต่ผมก็ไม่เคยทำประเจิดประเจ้อให้พวกมันเห็นนะครับ อย่างมากก็แค่ขึ้นรถไปกับผู้ชายหรือเดินไปด้วยกันแค่นั้น แต่นี้มันน่าจะเห็นถึงฉากเด็ดเลยแหละ

 

“มึงอย่ามาปฏิเสธ ถึงขั้นจูบกันในมหาลัยมันไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ?”

 

“ก็แค่คู่ขา”

 

ไอ้นายขมวดคิ้วก่อนจะหลุบตาลงต่ำเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง

 

“ไปห้องเรียนเหอะวะ กูไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว”

 

ผมสัมผัสได้ถึงสายตาหลายๆคู่ที่กำลังจ้องมองมายังผมจนเสียวสันหลัง ถึงแม้จะถูกจ้องบ่อยจนเริ่มชินแต่ในเมื่อเรื่องจูบพึ่งเกิดขึ้นความใคร่อยากจะรู้ของผู้คนที่เห็นจึงมีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ไอ้นายพยักหน้ารับแล้วหันหลังเดินนำผมไปยังตึกที่ทัตพึ่งเดินเข้าไปเมื่อครู่ เรียนที่เดียวกัน คณะเดียวกัน แถมยังเป็นสายรหัสกันอีก มันจะบังเอิญมากเกินไปแล้วนะครับ ตามจริงแล้วผมไม่คิดว่ามันจะยังอยู่ในช่วงเรียนอยู่ด้วยซ้ำ ก็เห็นตัวใหญ่ๆของตีหน้าเป็นผู้ใหญ่ซะขนาดนั้นก็นึกว่าทำงานไปแล้วอะ แต่ที่ไหนได้ แก่กว่าผมแค่สองปีเองเหรอวะ

 

 

 

 

 

 

Rrrrrrrrr

 

ผมหันไปมองยังเครื่องมือสื่อสารสีดำด้านรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นแล้วก็ขมวดคิ้ว ถึงแม้ตอนนี้จะหมดชั่วโมงเรียนแต่พวกผมยังคงนั่งเล่นอยู่ที่ใต้ถุนตึกครับ ผมวางมือจากงานที่พึ่งได้มาและคว้ามาสไลดร์รับสายท่ามกลางความงุนงงว่าเบอร์แปลกที่ไหนที่โทรมา

 

“ไฮ”

 

/ไง/

 

...หืม…เสียงอย่างนี้มัน…

 

“ทัต?”

 

/หึ ยอมเรียกชื่อแล้วเหรอ/

 

ผมกรอกตาในทันทีทั้งที่มันไม่มีทางเห็น กลับเป็นเพื่อนๆที่ล้อมหน้าล้อมหลังผมเองที่จ้องกันตาไม่กระพริบ

 

“มีอะไร?”

 

/เรียนเสร็จกี่โมง?/

 

“ยูจะอยากรู้ไปทำไม?”

 

/จะได้ไปรับถูกไง/

 

“ไม่ต้อง”

 

/คริส/

 

เสียงเข้มมาเชียว แต่ขอโทษเถอะ กูไม่กลัวมึงหรอกเว้ย

 

“แค่นี้ใช่ไหม งั้นไอวางแล้วนะ”

 

/คริสตัล/

 

คราวนี้มาชื่อเต็มและเสียงเข้มจนผมอดสะอึดไม่ได้ ความรู้สึกเหมือนไปทำอะไรผิดแล้วโดนพ่อจับได้อะไรแบบนั้นนะครับ แต่นี่ไม่ใช่พ่อ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับผมทั้งสิ้น แล้วจะไปนึกหวั่นมันทำไมวะคริส

 

“บาย”

 

ว่าแล้วก็กดตัดสายไปทันที

 

“ไอ้คริส!”

 

ผมนี่สะดุ้งโหย่งเลย ไอ้เหี้ยมิกซ์ ถ้าจะเรียกเสียงดังขนาดนั้นมึงไม่ไปประกาศใส่เสียงตามสายไปเลยละวะ

 

“อะไร?”

 

“มึงมีอะไรจะสารภาพกับพวกกูไหม?”

 

มาแนวนี้คงรู้เรื่องเมื่อเช้ากันหมดแล้วและไม่อยากถามต้องให้ผมเอ่ยก่อนอีกเช่นเคย และผมก็ส่ายหัวเหมือนเดิมเช่นกัน

 

“ไอ้ห่า หัดปกปิดเพื่อนนะมึง”

 

“เออวะ เดี๋ยวนี้หัดมีความลงความลับ น้อยใจสัส”

 

สาบานได้ว่าพวกมันเป็นผู้ชายทึกๆแถมยังอายุยี่สิบกันแล้ว กูจะบ้าตายกับนิสัยเด็กที่ไม่เข้ากับเบ้าหน้าเอาซะเลย ดีที่ไอ้นายไม่ผสมโรงไปกับไอ้มิกซ์ไอ้แวน แต่มันก็เป็นตัวกระจายข่าวนี่หว่า

 

“หุบปากแล้วแดรกไปเลยขนมมึงเนี้ย มาหิวเหี่ยไรตอนบ่ายสาม”

 

ไอ้มิกซ์เบะปากเลยครับ

 

“อย่านอกเรื่องครับเพื่อน ตอบกูมาว่าทัตคือใคร?”

 

“ลุงรหัสกู”

 

“แต่ฟังจากที่มึงคุยมันไม่ใช่วะ บอกความจริงมาอย่าหัดตอแหลครับ”

 

เอ๊าไอ้นี่

 

“ความจริงเหอะ”

 

“คนเมื่อเช้านะเหรอ?”

 

ทำไมพอไอ้นายถามขึ้นมาทุกคนถึงชะงักแถมหุบปากฉับเหมือนกำลังลุ้นกับอะไรสักอย่างด้วยวะ ผมพยักหน้ารับไอ้นายเลยพ้นลมออกจมูกแล้วหันหน้าหนีไปมองทางอื่นซะงั้น เป็นอะไรของมึงครับ

 

“คนที่จูบมึงนะเหรอ สัส แม่งโคตรกล้า”

 

“แล้วทำไมเขาถึงมาจูบปากแลกลิ้นกับมึงได้วะ?”

 

ผมโบกหัวไอ้คนช่างซักอย่างไอ้มิกซ์กับไอ้แวนไปคนละทีแบบเน้นๆจนมันลูบหัวปอยๆร้องโอดครวญเป็นแมวน้อย เรื่องสอดนี่ขอให้บอก พวกมันชำนาญนักแล

 

“เสือก”

 

“เรื่องของเพื่อนก็เหมือนเรื่องของกู มึงบอกกูมา อย่าบอกนะว่าจับแดรกไปแล้วนะ”

 

ผมไม่ตอบ

 

“เชี่ย!”

 

และพวกมันทั้งสองก็ร้องขึ้นอย่างพร้อมเพียงโดยไม่ได้นัดแนะกันซะด้วย ทีงี้ละสามัคคีชุมนุมกันชิปหาย

 

“จะว่าไป ไอ้คมมันไปเข้าห้องน้ำหรือไปสร้างห้องน้ำวะ?”

 

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้นายที่เบี่ยงประเด็นได้อย่างยอดเยี่ยมและดูเหมือนไอ้สองตัวนี้มันก็โอนเอียงไปด้วยเหมือนกัน แหม ทีตอนกูเบี่ยงนี่มึงวกกลับมาดีจั๊ง ไม่ค่อยจะลำเอียงเลยวะครับ

 

“เดี๋ยวกูไปดูเอง”

 

เป็นไอ้แวนที่อาสา เมื่อจบเรื่องผมเลยหันไปทำงานของตัวเองต่อไป ไอ้นายทำเสร็จตั้งแต่สิบนาทีก่อนแล้วและอีกสามตัวที่เหลือมันชอบดองเป็นนิสัยครับ ส่วนผมนะไงก็ได้ ว่างก็ทำไม่ว่างก็เอาไว้ก่อน และตอนนี้ผมก็โคตรจะว่าง ไม่ได้มีนัดไปไหนกับใครเป็นพิเศษด้วยเพราะผมไม่ได้เปิดโทรศัพท์อีกเครื่องที่เอาไว้ติดต่อสำหรับบรรดากิ๊กกั๊กทั้งหลาย จะว่าไปทัตมันเอาเบอร์ผมมาจากไหนวะ แถมยังเป็นเบอร์ส่วนตัวจริงๆด้วยอีก

 

ติ๊ง

 

“เหี้ย!”

 

“อะไรของมึงไอ้มิกซ์?”

 

ไอ้นี่ชักจะเยอะขึ้นทุกวัน กะอีแค่ไลน์เด้งมันต้องตกใจถึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ ประสาท

 

“ไอ้คมกำลังโดนพวกเกษตรยำตรงหลังห้องน้ำนอกตึก!”

 

ผมนี่ตาเบิกกว้างทันที เออ เหี้ยจริงอย่างที่มันว่า

 

“คริสมึงเฝ้าของ ส่วนไอ้มิกซ์ไปกับกู”

 

“เห้ยได้ไงวะ กูก็อยากไปช่วย”

 

“ไม่ต้อง”

 

นี่เป็นอีกสิ่งที่พวกนี้มักทำแต่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย นั้นคือการทำเหมือนผมเป็นเหมือนคนไม่เอาไหนที่ต้องการคนปกป้องประคบประหงม ผมชกต่อยเป็นและมีแรงพอตัวนะครับวงเล็บนิดนึงว่าพอตัวนะ

 

“แต่กูจะไป”

 

“ดื้อ!”

 

ไอ้นายตะคอกด่าผมเว้ย มันกล้าด่าผมด้วยเว้ย แต่มันก็หันกลับมาดึงผมให้วิ่งไปยังสถานที่นั้นพร้อมๆกับมันเหมือนอนุญาตให้ผมไปด้วยได้ผมเลยไม่ถือที่มันด่า เมื่อผมสามคนไปถึงที่นั้นก็เห็นไอ้คมกับไอ้แวนกำลังโดนยำอยู่จริงๆวะ ยำด้วยผู้ชายแปดต่อสอง ไอ้หมาหมู่เอ๊ย

 

“เห้ย มาเสือกไรตรงนี้ครับน้อง รึเป็นพวกเดียวกับไอ้พวกนี้”

 

หนึ่งในคนกลุ่มนั้นหันมาถามน้ำเสียงโคตรจะกวนโอ้ย ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เดือดขึ้นของไอ้นายได้ในทันทีเพราะมันยังไม่ปล่อยมือที่จับมือผมอยู่ พวกคนกลุ่มนั้นเลยหยุดทุกการกระทืบแล้วหันมามองที่เรา ไอ้คมกับไอ้แวนเลยได้พักหายใจหายคอกัน

 

“เอาไงดีวะนาย?”

 

ไอ้มิกซ์หันมากระซิบถาม ถึงจะดูเหมือนจะใจเย็นแต่สายตามันกลับตรงกันข้ามเลยนะครับ ผมบอกเลยว่าผมเป็นคนเดียวที่ยังใจเย็นอยู่ถึงจะมีอารมณ์โกรธอยู่บ้างก็เถอะ

 

“อัตราโดนยำมีสูงวะ ถึงจะสู้ได้แต่เราเละ”

 

“เชี่ยแม่ง!”

 

“แต่กูก็ยอม”

 

“หึ มันต้องงี้สิวะ”

 

พวกมึงคุยกันนี่ รู้สึกถึงกูกันบ้างไหมครับ ไอ้เพื่อนเชี่ย

 

“ว่าไงละวะ มึงเป็นพวกมันเหรอถึงแสลนหน้าเข้ามาหาถึงที่”

 

ไอ้คนเดิมถามแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือพวกนั้นพุ่งเป้ามาที่เราทั้งสาม อ้อ พุ่งมาทั้งกลุ่มนั้นแหละครับ ไอ้แวนที่โดนไม่หนักเท่าไอ้คมเลยได้โอกาสไปพยังไอ้คมให้ได้สติขึ้นมาอีกนิด

 

“ถ้าผมบอกว่าใช่ละ”

 

“มึงก็จะโดนเหมือนพวกมันไงละ”

 

“ผมอยากรู้ว่าเพื่อนผมมันไปทำอะไรให้พวกพี่ พี่ถึงได้ยำมันขนาดนี้”

 

ไอ้นายแม่งเจ๋งอะ รู้ด้วยว่าพวกนั้นเป็นรุ่นพี่ แต่ก็นะ หน้าตาแต่ละคนก็ดูเหมือนผ่านสมรภูมิอะไรมานัดต่อนัดแล้วด้วย ถือว่าแก่ประสบการณ์ในด้านนี้แล้วกัน

 

“มันเสือกมาสูบบุหรี่ทับที่กู”

 

“เหตุผลส้นตีน”

 

เชี่ยมิกซ์ช่างกล้า แล้วพวกแม่งก็หันไปจ้องมันตาขวางเลยนะครับ

 

“ปากดีนะน้อง”

 

“ไม่ได้ดีแค่ปากนะพี่ ลองดูไหม”

 

ว่าแล้วไอ้มิกซ์ก็กระโจนไปใส่รุ่นพี่หัวโจกอย่างบ้าระห่ำ ผมนี่ตาเบิกกว้างเพราะความไวแสงและแรงในการชกต่อยของมัน เล่นเอาพี่เขาหงายหลังล้มลงกับพื้นเลยไงครับ

 

“ถอยไป”

 

ไอ้นายหันมาบอกกับผมเบาๆในระหว่างที่คนอื่นๆกำลังอึ้งแดรกและเผลอตัว ไอ้นี่ก็ใช่ย่อย มันใช้โอกาสนี้ถีบพวกคนอื่นๆที่ยังไม่ได้ตั้งตัวจนล้มและหันไปซัดกับอีกคนเหมือนกับไอ้มิกซ์ที่กำลังคลุกวงในไปแล้ว ผมนี่แทบไม่มีคนเข้ามากร่างกรายเลยครับ เหมือนไอ้นายกับไอ้มิกซ์มันเป็นหน้าด่านบวกเกราะกำบังไม่ให้พวกนั้นแทรกเข้ามาถึงผมได้ เออ กูสมควรอยู่เฝ้ากระเป๋าให้พวกมึงจริงๆสินะ พึ่งรู้สึกว่าตัวเองกากก็คราวนี้แหละวะ

 

แต่ทว่ามันกลับมีคนหลุดมาจากได้นายและตรงเข้ามาหาผมได้ครับ หน้าแม่งก็เต็มไปด้วยเลือดเหมือนออกมาจากจมูกยังเสือกจะแสะยิ้มจนผมขนลุก แล้วผมทำไงนะเหรอ มันต่อยมาผมก็หลบดิ หลบทันด้วยนะเว้ยแล้วยังใจดีแจกหมัดใส่ท้องมันไปอีกที คือทักษะการต่อสู้ผมพอมีไง ไม่งั้นไปเจอได้เกย์สายเถื่อนแล้วไม่โอเคผมจะรอดมาได้เหรอ พวกไอ้นายมันห่วงเวอร์ไปเองอะ

 

“ทำอะไรกัน?”

 

เสียงแข็งๆติดจะเข้มและดุทำให้พวกเราทั้งสองฝั่งถึงกับหยุดชะงัก ผมที่กำลังจะถีบไอ้ที่กำลังเข้ามาหาอีกคนก็ชะงักไปเหมือนกัน และเมื่อหันไปเห็นว่าเป็นใครเลยไม่สน ใช้โอกาสที่ทุกคนนิ่งถีบไปแบบง่ายๆจนแม่งหงายหลังร้องโอ้ยแล้วยังจะกัดฟันลุกมาหาผมอีกรอบนะครับ แต่คราวนี้มันมาไม่ถึงตัวผมเพราะมีตัวควายของไอ้พี่ทัตเข้ามาขวาง

 

“ไม่ได้ยินที่กูถาม?”

 

เสียงเหี้ยมสัสๆ

 

อยากจะตอบกลับชะมัดว่าที่เห็นอยู่นี่คงกำลังเล่นขายของกันอยู่มั่ง

 

“มึงมายุ่งไรด้วยวะทัต”

 

อ้าว รู้จักกันซะงั้น งี้ก็เป็นฝ่ายศัตรูสินะ

 

“แต่พวกนี้มันรุ่นน้องกู”

 

อันนี้ก็ถูก ตกลงมึงอยู่ฝ่ายเดียวกับกูใช่ไหมเนี้ย

 

“รุ่นน้องมึงแม่งกวนตีน”

 

“อ้าวพี่ พูดงี้ก็สวยดิ”

 

ไอ้มิกซ์ครับ แต่พอพวกมันจะกระโจนใส่กับอีกเสียงกัมปนาถของคนตรงหน้าผมก็แผดเสียงเข้มที่กดต่ำแต่ไม่ดังมากขึ้นมาอีกรอบ

 

“หยุด”

 

“แม่งเอ๊ย! กลับเว้ย!! พวกมึงระวังตัวไว้เลยนะ คราวหน้าไม่แน่นิ่งคาตีนกู กูไม่จบแน่ๆ!!!”

 

“ไอ้เศษ”

 

ทัตเอ่ยชื่อคนพูดเสียงเข้มและผมก็ได้ยินชื่อมันชัดๆจนหลุดหังเราะพรืด ดีที่ไม่ดังมากจนเจ้าตัวได้ยินแต่คนตรงหน้าผมได้ยินแน่นอน ดูจากการปรายตามองมาที่ผมแป๊บๆแล้วหันกลับไปตีหน้าดุข่มได้พวกนั้นต่อนะน่ะ

 

ทำตัวเชี่ยๆแล้วชื่อแม่งก็โคตรจะเข้ากับหน้า กูอย่างฮา ฮ่าๆๆๆๆ

 

ผมมันแต่ก้มหน้าเอามือปิดปากกับกุมท้องพยายามกลั่นหัวเราะเต็มที่แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าพวกนั้นล่าถอยไปตอนไหนแต่มือใหญ่ๆของไอ้คนตรงหน้าเอื่อมมาจับไหล่ส่วนอีกข้างก็เสยคางผมขึ้นให้หันไปมองมันด้วย ให้ตาย ผมกลั่นหัวเราะจนเมื้อยแก้มไปหมดแล้วเนี้ย น้ำตาเล็ดเลยด้วย

 

“ไม่โดนอะไรใช่ไหม?”

 

ถามพร้อมกับมองสำรวจผมไปซะแทบพรุนไปทั้งร่าง ผมยกมือปฏิเสธไปเพราะกำลังสงบสติอารมณ์ให้คงเดิม พอสายตาหันไปเจอไอ้นายกับไอ้มิกซ์ที่กำลังช่วยกันพยุงไอ้คม(ที่โดนเละสุด)กับไอ้แวน(ที่สะบักสะบอมได้ที่)ขึ้นมาแล้วก็หุบยิ้มฉับ เหี้ยเอ๊ย นี่มันทำกันเกินไปป่าววะ

 

“ยูรู้จักกันกับพวกนั้นใช่ไหม?”

 

ผมถามเสียงเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดจนมันขมวดคิ้ว

 

“ก็รู้ แต่ไม่ได้สนิท”

 

“งั้นยูไปไกลๆไอเลย ต่อจากนี้เราไม่ต้องมารู้จักมาเจอะเจอกันอีก”

 

“อย่าพาลสิคริส”

 

“ก็ดูที่พวกมันทำดิ๊!”

 

ผมตะเบ็งเสียงใส่พอดีกับที่เพื่อนผมมาถึงมันเลยได้มองเห็นอย่างชัดๆ

 

“คริสไปเอารถมารับพวกกูที จอดอยู่ที่เดิมนะ”

 

ไอ้นายหันมาบอกพร้อมกับยื่นกุญแจรถมาให้ผมเลยเลิกสนใจไอ้คนนอกอีกคนแล้วฟันไปรับกุญแจมาจากเพื่อน แต่ยังไม่ทันจะเดินไปไหนมือหนาก็คว้าแขนผมไว้ซะก่อน

 

“เชี่ยไรวะ!”

 

“ไม่ต้องไป เดี๋ยวโทรเรียกรถให้”

 

“ไม่ต้อง!”

 

“อย่าดื้อ”

 

มันพูดจบก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู พูดไม่กี่คำก็วางและไม่ถึงห้านาทีรถตู้สีดำคันหนึ่งก็เข้ามาจอกเทียบที่ด้านหน้าพวกเราเลย

 

“พาเพื่อนไปขึ้นรถ”

 

มันพูดพลางพยักเพยิอเบ้าหน้าหล่อๆไปทางรถตู้คันนั้น พวกเพื่อนผมก็พยุงกันไปขึ้นอย่างว่าง่ายเลยนะครับ แต่ก็นะ เพื่อนเจ็บอยู่อย่าพึ่งไปแย้งอะไรมันมากเลย เมื่อพวกเพื่อนขึ้นไปกันหมดแล้วและผมกำลังจะตามขึ้นไปไอ้ยักษ์มันก็ดึงผมไว้อีก

 

“เราไปอีกคัน”

 

บ้านพ่อมันผลิตน้ำมันรึเปล่าวะ สิ้นเปลืองชะมัด เมื่อเจ้านายพูดงั้นคนขับรถที่ออกมายืนเปิดประตูให้ในตอนแรกก็ปิดประตูแล้วรีบวิ่งอ้อมไปขึ้นประจำตำแหน่งแล้วขับออกไปต่อหน้าต่อตา ผมที่มองตามตาปริบๆเลยถูกไอ้คนชอบสั่งกึ่งดึงกึงลากไปยังแลมโบฯของมัน จะว่าไป ยังไม่ได้เอาพวกกระเป๋าที่โต๊ะเลยนี่หว่า

 

“เดี๋ยว”

 

ผมร้องห้ามเมื่อมันจะยัดผมเข้ารถ

 

“มีอะไรอีก?”

 

“ขอไปเอากระเป๋าก่อน อยู่ใต้ถุนตึก”

 

“เข้าไปนั่งรอ เดี๋ยวไปเอาให้”

 

แล้วคิดว่าผมจะขัดมันได้ไหมครับ ไม่ได้อยากจะยอมหรอกนะแต่มันเล่นไม่ปล่อยโอกาสให้ผมขัดเลยนี่สิ พูดจบมันก็จับผมยัดใส่รถทิ้งกุญแจลงบนตักแล้วปิดประตูตามหลัง ผมมองตามร่างยักษ์ๆของมันที่เดินตรงไปยังตึกแล้วก็มึนตึบในหัว มันจะชอบสั่งอะไรมากมายวะ ตั้งแต่เกิดมาเคยถูตื้ออยู่ก็หลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนที่ตื้อผมในรูปแบบนี้เลยวะ จะตื้อให้รักให้หลงมันต้องนุ่มนวนชวนหลงผิดไม่ใช่เอาแต่สั่งเอาแต่บังคับแบบนี้ไม่ใช่เหรอวะ

 

อย่างนี้เค้าเรียกอยากให้สยบไม่ได้อยากให้รัก

 

ไอ้ประสาท!

 

แล้วคิดว่าคนอย่างคริสตัลสยบได้ง่ายๆอย่างนั้นเหรอ หึ

 

TBC…
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:46:45 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยอดไปเลยคริสตัล มีลุงรหัสสุดยอด เทพทัต
แล้วไปสัมผัสกัน จนมีครั้งที่ 1-3 ได้ไง
เจอกันยังไง งง อยากรู้
ทัต หล่อ สูงใหญ่ สูงกว่าลูกครึ่งคริสซะอีก
เลยจับคริส กดสบายๆ แถมหลงใหลคริสมากๆด้วย
รอตอนต่อไป
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ก็ต้องรอดูกันต่อไปสินคริสตัล

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 4

 
 

 

ตอนนี้ผมกำลังนั่งตีหน้าบึ้งตึงมองหน้าคนตัวโตที่เอาแต่มองผมเขม่งเหมือนกัน ทำไมถึงมาจ้องหน้าปานจะเชือดคอกันแบบนี้นะเหรอ ก็เพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมกับมันพึ่งเถียงกันเรื่องค่าใช้จ่ายมาไงละครับ ไอ้พี่ทัตมันจะโชว์ป๋าโดยการออกค่ารักษาและค่ายาให้พวกผมทั้งหมดแต่ผมปฎิเสธอย่างเอาเป็นเอาตายจนคนในโรงพยาบาลเกือบจะเข้ามาแยกเพราะคิดว่าไม่นานคงได้ลงไม้ลงมือเป็นแน่ ไอ้นายกับไอ้มิกซ์ถึงกับเงียบกริบปล่อยให้ผมอาละวาทกับคนแปลกหน้า(สำหรับพวกมัน)ไปจนกระทั่งมีเสียงเรียกไปรับยาและจ่ายเงินนั้นแหละมันถึงได้ตีคู่กันไปรับและจ่ายเงินแทนไอ้คมและไอ้แวน

 

“ดื้อ”

 

“ไม่ต้องมาพูด มันไม่ใช่ธุระอะไรของยูด้วยซ้ำ”

 

“แต่พี่อยากช่วย”

 

ผมแอบขนลุกนิดหน่อยที่ได้ยินมันเรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่’ แต่พอหันไปเจอบรรดาเพื่อนๆที่กลับมากับครบทีมแล้วจึงเข้าใจ มันกะจะทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดีต่อหน้าคนอื่นสินะ

 

“แค่นี้ก็พอแล้ว ขอบคุณมาก”

 

ไม่ได้ประชดนะครับ สาบานได้

 

“คริส”

 

“อ้อ งั้นกรุณาไปส่งพวกไอที่มหาลัยอีกรอบหน่อยแล้วกัน หลังจากนั้นก็ทางใครทางมัน”

 

“คริส”

 

ผมคงไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าเสียงที่เรียกชื่อผมมันกดต่ำลงเหมือนบรรยากาศที่เริ่มยะเยือกลงเช่นกัน ผมไม่สนใจทุกสิ่งอย่างที่มันกำลังกดดันแต่ลุกขึ้นไปช่วยพยุงไอ้คมที่มีไอ้นายช่วยอยู่อีกข้างให้ออกเดินไปยังหน้าโรงพยาบาล รถตู้ที่มาส่งนั้นจอดอยู่ไม่ไกลจากประตูนักและข้างๆนั้นก็คือแลมโบฯสีฟ้าหม่นของมัน

 

ผมพยุงเพื่อนขึ้นรถแล้วตัวเองก็ถือโอกาสขึ้นมานั่งกับเพื่อนอย่างเนียนๆจนขึ้นมากันหมดแต่รถก็ยังไม่ออกตัวทั้งที่คนขับก็ประจำตำแหน่งและสตาร์ทรถแล้วด้วย

 

“ขึ้นครบแล้วนี่ครับ ทำไมยังไม่ออกตัวละ?”

 

ผมถาม

 

“คุณเทพทัตยังไม่ให้ไปครับ”

 

“ห่ะ?”

 

งงกันทั้งคัน งงกันทั้งแถบ แล้วพอมองไปที่ตัวการมันดั๊นยืนตีหน้ายักษ์สมตัวเอามือล้วงกระเป๋าอย่างเท่ห์ไปอีก สายตามันจ้องมาที่รถแต่ถึงไม่ได้เอ่ยปากอะไรผมก็รับรู้ได้อยู่ดีว่ามันอยากให้ผมลงไปหา ผมกัดฟันมองหน้าเพื่อนที่คงอยากกลับไปพักผ่อนเต็มแก่แล้วก็ต้องทำใจขยับตัวจะลงแต่ไอ้นายก็ดึงแขนไว้ก่อน

 

“จะไปไหน?”

 

“ลงไปหามัน”

 

“ลงไปทำไมวะ?”

 

อันนี้เป็นไอ้มิกซ์ที่ถามต่อ

 

“ถ้าไม่ลงพวกมึงก็ไม่ได้กลับสักทีดิ ไม่เป็นไรหรอกน่ามันคงอยากให้กูไปนั่งกับมันนั้นแหละ”

 

“ลุงรหัสมึงโคตรกวนตีนเลยวะ”

 

“ระวังปากหน่อยไอ้มิกซ์”

 

ไอ้นายท้วงไอ้มิกซ์ ผมหันไปสบตาไอ้นายอีกนิดหน่อยก็รู้ว่ามันห่วงแต่ก็ช่วยไม่ได้ ผมดึงแขนออกจากมันก่อนจะก้าวลงไปและประตูรถก็ปิดเองอัตโนมัติในทันที

 

“ไปขึ้นรถ”

 

เสียงเข้มสัสๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมเดินไปขึ้นรถของมันโดยที่มีไอ้เจ้าของเดินตามหลัง เมื่อเข้าประจำที่ทั้งสองคนแล้วมันก็พาพุ่งทยานออกจากเขตโรงพยาบาลโดยที่ไปคนละทางกับรถตู้และมหาลัยด้วยนะครับ

 

“จะพาไอไปไหน?”

 

“......”

 

มันไม่ตอบเว้ย

 

“ได้ยินที่ไอถามไหม?”

 

“......”

 

“ทัต!”

 

“คอนโด”

 

“ไอไม่ไป”

 

“คุณไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธผม ไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น”

 

“ไอมีสิทธิ์เพราะไอไม่ใช่คนของยู”

 

“ใครบอกว่าไม่ใช่”

 

“ก็ไอพูดอยู่นี่ไง”

 

“เดี๋ยวก็ใช่”

 

“ไม่มีทางใช่ไปตลอดชีวิตนั้นแหละ!”

 

สิ้นคำตะคอกด้วยอารมณ์โมโหของผมมันก็หักพวกมาลัยเข้าซอยเปลี่ยวที่กำลังจะขับผ่านในเสี้ยววินาที ผมทั้งตกใจทั้งงงแต่พอมันจอดรถสนิทมันก็หันมาดึงผมเข้าหาตัวแล้วประกบปากจูบอย่างรุนแรง เน้นนะครับว่าอย่างรุนแรง มันทั้งดูดทั้งกัดจนผมได้รสเลือดจางๆก่อนจะแทรกเรียวลิ้นเข้ามากวาดต้อนลิ้นของผมด้วยอีก ผมทั้งผลักทั้งทุบแต่มันไม่สะทกสะท้านเหมือนอย่างเคยแถมยังมีการรวบมือผมขึ้นเหนือหัวแล้วใช้เนคไทผูกไว้กับร่องหมอนหนุนของเบาะนั่งอีกต่างหาก

 

“อึ๊ก!”

 

ผมสะดุ้งเมื่อมือหนาปลดซิบแล้วล้วงเอาส่วนนั้นของผมออกมารูดเล่นอย่างมันส์มือ ปากก็ทำหน้าที่ได้ดีชิปหายไหนจะมืออีก โอ้ยยยย เสียวจนสั่นไปทั้งตัวเลยอะ

 

“อ๊า...ทัต...อืมมม..”

 

ผมครางแผ่วเมื่อปากได้รับอิสระและเจ้าตัวก็หันไปซุกไซ้ที่ซอกคอลามลงไปยังอกสักพักก็กัดเบาๆให้ผมสะดุ้งเล่น ผมทั้งแอ่นตัวทั้งบิดเร้าแต่เนื่องจากสถานที่ไม่เอื้อจึงทำให้ขยับมากไม่ได้ ผมเริ่มปวดหนึบและร้อนลุ่มที่ส่วนนั้น จังหวะการรูดรั้งที่เร่งไปตามแรงอารมณ์ทำให้ผมกำลังจะไปถึงเป้าหมายแต่ไอ้ยักษ์ช่างแกล้งมันก็ยังคงแกล้งผมต่อไป ผมขมวดคิ้วทันทีที่จู่ๆมือหนาที่เร่งเร้าอยู่เมื่อครู่หยุดชะงักแล้วผละถอยออกไปซะอย่างนั้น

 

“หยุด...ทำไม...”

 

ผมถามด้วยดวงตาที่มึนเบลอและเสียงหอบหายใจที่หนักหน่วง ทัตยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เชียดเช่นทุกทีแล้วผมก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังคลืบคลานเข้ามา

 

“อ๊ะ!”

 

และมันก็เป็นไปตามที่สังหรณ์ใจ ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงเชือกอะไรสักอย่างที่มันเอามามัดตรงส่วนนั้นที่กำลังโป่งพองของผม

 

“เจ็บ! เอามันออกไปนะ!!”

 

“หึ”

 

ผมรู้ว่ามันอยากจะแกล้งผมแต่ก็คิดไม่ถึงว่ามันจะเล่นแรงถึงขนาดนี้ มันโคตรแน่นเล่นเอาทั้งเจ็บทั้งจุกหน่วง จะไปเอาออกก็ไม่ได้ถอยกลับก็ไม่ไหวอีก ทรมานชิปหาย

 

แต่ยังครับ มันยังไม่จบเพียงแค่นั้น ผมเบิกตากว้างเมื่อมันโชว์ของเล่นก้อนกลมรีๆที่มีสายเชื่อมออกมายังแป้นปุ่มควบคุมในมือมัน ดวงตาสีนิลยังคงจ้องมองผมด้วยสายตาวิบวับเหมือนสนุกสนานเต็มที่

 

“ไม่นะทัต”

 

ผมรู้ว่านาทีนี้มันไม่คิดจะฟังผมหรอก ปกติแม่งก็ไม่ฟังอยู่แล้วด้วย ผมเริ่มดิ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเอามันไปจ่อไว้ที่ทางเข้าด้านหลังนั้นแล้ว

 

“อึ๊ก!”

 

และก็ใส่เข้าไปในที่สุดชนิดที่ไม่มีคงมีครีมอะไรเสริมเลยสักนิด เจ็บครับ เจ็บจนน้ำตาเล็ด

 

“ทัต”

 

“หืม?”

 

“เจ็บ”

 

“ชู่”

 

ชู่พ่อง!

 

ผมตัวกระตุกเมื่อสิ่งแปลกปลอมนั้นถูกดันเข้าไปจนโดนสุดอ่อนไหวเข้า เหมือนมันจะจงใจซะด้วยเพราะทันทีที่หาเจอรอยยิ้มร้ายก็ฝุดขึ้นมาทันที อย่าบอกนะว่า...

 

“อ๊า!!”

 

ผมดิ้นพล่านเมื่อมันกดเปิดสวิสจนสิ่งนั้นสั่นรัวเคลื่อนไหวอย่างเร็วและแรงอยู่ที่จุดๆนั้นของผม มือที่ถูกมัดอย่างแน่นหนาเริ่มเสียดสีไปกับผิวผ้าจนเห่อแดง ส่วนกลางที่ถูกมัดก็ได้แต่ปวดฉุ สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยโดนทำอะไรที่วิปริตแบบนี้มาก่อนเลย

 

ไอ้เหี้ยเอ๊ย!!!!

 

“ทัต! อร๊าาาา!!”

 

“หึ ทีอย่างนี้ละเรียกไม่ขาดปากเลยนะที่รัก”

 

ผมกัดฟันจ้องมันอย่างนึกตำหนิแต่พอมันเพิ่มระดับการสั่นเป็นขั้นสุดผมก็หลุดทุกองศาเลยครับ ในขณะที่ผมสั่นเทิมด้วยความกระสันไอ้คนทำมันกลับก้มลงมาจุ๊บปากไวๆแล้วหันกลับไปประจำตำแหน่งพวงมาลัยก่อนจะออกรถในเวลาต่อมา ผมมองไม่เห็นด้านนอกเพราะมันปรับเบาะให้เอนลงนอนราบในระดับต่ำสุด แต่สิ่งที่ผมมองเห็นคือช่วงกลางกายที่โป่งพองนูนออกมาจากกางเกงสแลคเนื้อดี โคตรอยากฉกมาขย้ำเล่นหรือไม่ก็ดูดบ๊วบให้สักยกสองยก ยิ่งตอนสติเตลิดแบบนี้ยิ่งมันส์

 

“ทัต”

 

ผมเอ่ยเรียกเสียงอ่อนจนฟังดูยั่วเพราะความกระสัน แต่ไอ้คนฟังมันทำแค่ชายตามองแล้วหันกลับไปยิ้มคนเดียว

 

“ทัต”

 

“ครับ?”

 

“จะ...ไม่ไหวแล้ว”

 

“จะเสร็จแล้วเหรอ ไวไปไหม หึหึ”

 

ผมกัดฟันแน่นจนปวดไปทั้งหง่ามขา เอิ่ม ไม่เกี่ยวกันเหรอ โทษครับผมเพลินไปหน่อย

 

“อยาก...”

 

พูดพร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มไปด้วย

 

“อยากอะไรครับ?”

 

สัส! ต่อปากต่อคำชิปหาย ดูแค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วนี่ว่าอยากอะไร

 

“ทัต...อื้ออออ...”

 

“ใจเย็นครับ ใกล้ถึงแล้ว”

 

ผมกัดฟันทนจนรถมันเลี้ยวเข้าในตัวอาคารและวนไม่นานก็จอดสนิท ไอ้ตัวการหันมายิ้มให้ก่อนจะเอื้อมมือไปแกะปมผ้าที่ข้อมือจนได้อิสระ แต่พอจะแก้มัดปมที่ส่วนนั้นของตัวเองมันกลับรวมมือผมไว้เหมือนเดิมอีก

 

“ห้ามแกะและห้ามเอาสิ่งนั้นออกด้วย ไม่งั้นไม่ใช่แค่เนคไทกับไข่สั่นแน่”

 

มีการกดเสียงขู่กันอีก

 

“ใส่กางเกงซะ”

 

จบด้วยการสั่ง ผมก็ได้แต่ฮึดฮัดแล้วใส่กางเกงที่ยากลำบาก มันลำบากยังไงรู้ไหมครับ ลำบากตรงที่พยายามไม่ให้สัมผัสกับส่วนที่พองนูนนั้นแรงๆไง การโดนรัดจนปวดฉุแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องน่าพิศวาดเลยนะ และได้ไข่ข้างในก็ยังคงสั่นอยู่อย่างนั้นจนผมเหงื่อแตกพลักๆ

 

ไอ้พี่ทัตมันดับเครื่องแล้วลงจากรถเดิมอ้อมมาเปิดประตูให้ผมอย่างเอาใจ อยากจะตะโกนบอกว่าเอาใจเชี่ยไรผมไม่ต้องการนาทีนี้ขอเอาตัวอย่างเดียวเป็นพอ ขอแรงๆด้วยเลยอะ

 

เมื่อใส่กางเกงเสร็จผมก็ก้าวลงจากรถ แต่ทว่าแค่ก้าวออกไปยืนยังไม่ทันจะเที่ยงตรงดีก็ทรุดฮวบลงจนต้องให้ใครอีกคนพยุงตัวไว้ ขาผมสั่นพับๆเลยครับ แทบไม่มีแรงยืนเลยด้วย ไอ้พี่ทัตหัวเราะหึแล้วโอบเอวผมด้วยแขนข้างเดียวส่วนอีกข้างไปผลักประตูปิดกดล็อครถแล้วจับยัดใส่กระเป๋าก่อนจะเอามาคล้องขาและอุ้มผมขึ้นด้วยท่าเจ้าสาว เอาจริงๆก็อยากสะดีดสะดิ้งอยู่นะ ไม่อยากให้ใครเห็นว่าผมสำออยไงครับ แต่นาทีนี้ผมไม่ไหวจริงๆเลยต้องอยู่นิ่งๆโอบแขนคล้องคอไปด้วยจนถึงห้องพักสุดหรูชั้นบนสุดนั้นแหละ

 

ตุ๊บ!

 

เหี้ย!!

 

จำเป็นต้องโยนกันลงแบบนี้ไหมวะ ถึงเตียงจะนุ่มแอร์กำลังเย็น(เพราะพึ่งเปิด)และไฟที่สว่างเพียงเล็กน้อย

 

บรรยากาศโคตรน่าเสียตัว

 

“อืมมมม”

 

ผมส่งเสียงในลำคอเมื่อไอ้คนที่โยนผมลงเตียงได้กระโจนขึ้นค่อมแล้วรุกจูบอย่างหื่นกระหาย คงกลั่นไว้แทบตายสินะกว่าจะขับมาถึงห้องได้เนี้ย ผมยกมือขึ้นโอบรอบคอแล้วเอียงหน้าให้ได้องศาภายในก็เกี้ยวกระหวันเรียวลิ้นตอบกลับจนเกิดเสียงเจาะแจะให้ได้ฟังเพลินๆ ผมขยับตัวนิดหน่อยเมื่อมือหนาลูบไล่ผิวกายไปมาจนเสื้อผ้าหลุดออกจากร่างไปอย่างกับเสกเอา ง่ายสัส มันละปากออกแล้วไล่จมูกเรียวลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอ ไอ้ที่สั่นๆอยู่ข้างในแม่งก็ทำงานต่อไปอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย แกนกายผมก็ยิ่งปวดขึ้นทุกครั้งที่โดนกระตุ้นอารมณ์

 

“โอ้ย!”

 

ผมร้องลั่นทันทีที่รู้สึกถึงอาการแปร๊บที่ต้นคอ ไอ้นี่มันกัดผม! ไอ้เวร!!

 

“บอกว่าอย่าทำรอย อ๊า!”

 

กูกำลังด่ามึงอย่าพึ่งซ่ามาจับน้องหนูกูสิครับ มันเจ็บ!

 

“หึ”

 

มันหัวเราะแล้วจึงลากเลียตามรอยฟันแล้วไล่ลงไปกัดที่หัวนมน้อยๆของผมต่อ ไอ้เชี่ย กูสะดุ้งแทบไม่ทัน

 

“ทัต”

 

เสียงสั่นเลยกู

 

“หืม?”

 

“เอามันออก”

 

ผมผ่อนเสียงแล้วช้อนตามอง ถ้ามีหูนี่ก็นางแมวยั่วสวาทเลยนะครับ

 

“เอาอะไรออก?”

 

เสือกมาแกล้งโง่อีก

 

“เอาทั้งเชือกทั้งไข่สั่นนั้นแหละ น่านะ”

 

โอ้ยยยยย กูอายตัวเอง

 

“ยังไม่ได้ครับ”

 

“น่ะทัต เอาออกนะครับ”

 

เลเวลขั้นสุดแล้วนะเว้ย ถ้ายังไม่ได้กูถีบแทนแล้วนะ

 

“หึหึ อยากไปมากเลยเหรอ?”

 

“อร๊าาาาา!!”

 

พูดเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องล้วงไปกดไอ้ไข่บ้าๆนั้นก็ได้ กูเสียววววว

 

“ตอบมาสิ”

 

ผมพยักหน้าให้ทั้งน้ำตาที่เริ่มจะคลอหน่วย อารมณ์มาเต็ม กำลังจะถึงปลายทางทีไรมันก็หยุดจนผมจุกไปซะทุกที

 

“สัญญามาก่อนสิ ว่าจะไม่ดื้อกับผม…”

 

ผมยังคงไม่ตอบแต่ช้อนตามองพลางกัดฟันแน่น

 

“จะเป็นของผมคนเดียว…”

 

“……”

 

“สัญญามาสิคริส ไม่งั้นผมไม่ให้ไปนะ”

 

ใจผมนี่ปฎิเสธไปตั้งแต่ข้อแรกที่มันเอ่ยแล้วครับ แต่ร่างกายโคตรจะเรียกร้อง

 

“ว่าไงหืม?”

 

“ฮะ อ๊ะ!”

 

แล้วมันก็วนนิ้วไปมาที่ด้านในจนผมจิกเกร็งทั้งมือทั้งเท้า โคตรอยากปล่อยอยากเสร็จแต่มันปล่อยไม่ได้ มันโดนรัดจนแน่นอย่างกับแหน่มอยู่อย่างนี้ แม่งโคตรทรมาน

 

“คริส”

 

“อืม”

 

“คริสครับ”

 

“ก็อืมแล้วไงวะ!”

 

“หึหึ ดีมาก”

 

มันถอดมือออกจากช่องทางด้านหลังแล้วมาแก้ปมที่รัดทางด้านหน้าจนเริ่มคลาย สัส แดงเถือกเลยครับ ผมนอนแผ่ลงอย่างโคตรจะโล่งจนตัวกระตุกนิดหน่อยเมื่อสิ่งที่สั่นอยู่ข้างในโดนดึงออกมาในที่สุด ผมนอนแผ่หลาหอบหายใจอย่างหนักอยู่อย่างนั้นไม่นานก็ต้องสะดุ้งโหย่งเมื่อไอ้พี่ทัตมันเอาส่วนนั้นของตัวเองแทงพรวดเข้ามาทีเดียวจนสุดทาง ผมร้องลั่นจนสุดเสียง ความเจ็บเหมือนโดนฉีกและคับแน่นนั้นทำให้หัวสมองผมมึนเบลอและขาวโพลน

 

“ซี๊ดดด ตอดดีชิป”

 

“อ๊ะ อา อย่า อืมมม อย่าพึ่งขยับ”

 

“ไม่ไหวแล้วครับ”

 

ฟอดดดดด

 

บอกแล้วก็ก้มลงมาหอมไปฟอดใหญ่ๆ ส่วนล่างก็ขยับเสียดสีเข้าออกอย่างช้าๆพอเริ่มลื่นได้ที่จึงเริ่มกดลึกและเน้นหนักจนผมไม่รู้จะบรรยายยังไง โอ้ยยยย เสียวโคตรๆจุกโคตรๆแต่ก็ถึงใจโคตรๆด้วยเช่นกัน ทัตเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนผมเริ่มดิ้น ความร้อนระอุปะทุที่จุดนั้นแล้วก็ปลดปล่อยออกมาในที่สุด ผมไม่ได้หลั่งเร็วแบบนี้เป็นปกตินะครับ ก็ผมโดนไอ้นี่มันแกล้งมาสักพักแล้วอะแล้วมันก็กลั่นอยู่ในนั้นไงพอถูกกระตุ้นหนักๆเลยออกเร็วไปหน่อยก็แค่นั้น

 

“หึ”

 

“อ๊ะ!”

 

ยังไม่ทันไรมันก็จับผมตะแคงข้างยกขาข้างหนึ่งขค้นพาดบ่าแล้วกระแทกเข้ามาทั้งอย่างนั้น ผมได้แต่อ้าปากร้องอย่างเดียวเลยครับ เสียวเหี้ยๆ ยิ่งเสียวผมยิ่งตอดรัดมันมากขึ้นจนเหงื่อแต่ละคนไหลซึมออกมาทั้งที่แอร์เย็นเฉียบ

 

“อึ๊ก ทัต อาาา”

 

“หืม?”

 

“พอก่อน อืม หยุดก่อน”

 

ครั้งนี้มันยอมทำตามที่ผมขอครับ มันหยุดขยับแล้วจุ๊บที่ต้นขาผมเบาๆก่อนจะปล่อยลงแต่ส่วนนั้นก็ยังคาอยู่เหมือนเดิม ผมถกตัวขึ้นจนส่วนนั้นหลุดมันมองผมงงๆแต่ผมไม่สน ผมยันตัวลุกขึ้นแล้วไปนั่งค่อมมันก่อนจะจับไอ้แทงใหญ่ๆนั้นจ่อที่ปากทางใหม่แล้วกดน้ำหนักตัวเองลงจนทะลุทะลวงได้สะใจชิปหาย ไอ้พี่ทัตเอนตัวใช้แขนค่ำกับเตียงทั้งซี๊ดปากทั้งยกยิ้มอย่างพอใจเต็มที่สายตานี่อย่าให้พูดถึง โคตรจะวิบวับจนผมกระชากมันเข้ามาจูบแลกลิ้นเป็นพัลวัน ไม่บ่อยที่ผมจะเล่นเองได้แรงขนาดนี้ ไม่บ่อยที่ผมจะเต็มที่ได้มากขนาดนี้และไม่บ่อยที่ผมกับมันจะแตกพร้อมฟกันแบบนี้

 

“อ๊าาาาา!!!”

 

 

Tbc…

พักหายใจหายคอกันนิส ไรท์จะตายแล้ววววว
 :jul1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:47:28 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่ทัต คริส  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เคมีตรงกัน
คริส เลิกปฏิเสธพี่ทัต เถอะ
ตามติด หลงคริสซะ
ไม่ยอมแยกจากคริสซะด้วย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 5




ผมงัวเงียตื่นนอนด้วยอาการที่โคตรจะปวดไปหมดทุกส่วนของร่างกาย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่รอยจ้ำแดงและรอยกัดจนดูเหมือนเป็นโรคห่าอะไรสักอย่าง พอผมโวยวายใส่ไอ้คนทำมันกลับหัวเราะขำแล้วจ้องมองเหมือนจะภูมิใจเสียเต็มประดา
ดีที่ยังพอมีแรงลุกมาอาบน้ำอาบท่าแล้วเปลี่ยนไปใส่ชุดนักศึกษาตัวใหม่เอี่ยมที่ไม่รู้มันซื้อมาไว้ให้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะครับ ผมมองดูนาฬิกาจนเห็นว่าแปดโมงกว่าๆแล้วจึงรีบเดินออกจากห้องนอนไปหาไอ้เจ้าของห้องที่ด้านนอก พอเปิดประตูได้กลิ่นหอมๆของมื้อเช้าก็แตะจมูกจนทำให้ท้องพยศส่งเสียงโครกครากอย่างน่าอาย

“เรียบร้อยแล้วเหรอ?”

ผมชายตามองพ่อครัวจำเป็นที่แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเต็มยศแต่กลับมีผ้ากันเปื้อนผืนบางคาดอยู่ที่ด้านหน้า

“อุบ!”

ไม่นะ อย่าหลุดเสียงหัวเราะออกไปเชียวนะ แต่ว่า…ไอ้หน้าหมีขนปุกปุยตรงกลางนั้นคืออะไรวะ โคตรไม่เข้ากับเบ้าหน้าคนใส่เล๊ย

“อยากหัวเราะก็ตามสบายนะ”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

เมื่อได้รับอนุญาตแล้วผมก็ไม่คิดจะเกรงใจ ผมหัวเราะอย่างสุดจิตสุดใจงอตัวกุมท้องจนน้ำตาเล็กน้ำตาล้วง นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้หัวเราะแบบนี้ สะใจดีชะมัด

“หมีน่ารักเนอะ”

“นี่นะเหรอ?”

พูดพลางชี้ไปที่หน้าหมีกลางลำตัว

“เหมาะกับผมไหม?”

กล้าถามนะครับ หมีขาวขนปุยหน้ายิ้มๆแต่ไอ้คนใส่หน้าเข้มถึงจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้น่ารักเท่าครึ่งของหมีนั้นหรอก

“ก็…โอเคมั้ง”

“อย่ามั้งสิ”

“หึหึ ก็คนใส่ตัวโตอย่างกับยักษ์แบบนี้มันค่อนข้างขัดกันอยู่นะ”

ทัตทำท่านึกอะไรสักอย่างก่อนจะหันไปปิดเตาแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออกพลางเดินมาทางผม จนเมื่อมาถึงตัวจึงเอาผ้ากันเปื้อนผืนนั้นใส่ให้ผมแทนซะงั้น

“เห้ย! ใส่ให้ไอทำไม!?”

“คริสใส่แล้วเหมาะกับหมีขาวมากกว่าจริงๆด้วย…”

ผมนิ่งฟังคนตัวโตที่จ้องผมตาเป็นประกาย ดวงตาเราสบกันอยู่อย่างนั้นแบบไม่มีใครหลบใคร ปากเค้าคลี้ยิ้มน้อยๆ มือหนายกขึ้นมาจับผมสีบรอนด์ทองที่กรอบหน้าไปทัดหูอย่างเบามือ

“ผมสีอ่อนเหมือนกัน…”

แล้วก็เลื้อนมาลูบที่ใต้ดวงตาสีฟ้าอ่อน

“ดวงตาสดใส…”

แล้วก็เลื้อยลงมาแตะที่ริมฝีปากบางได้รูปสีแดงระเรื่อ

“ปากที่ยิ้มกว้าง…”

ผมพึ่งรู้สึกตัวว่ากำลังยิ้มอยู่ก็ตอนนี้แหละครับ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมจดจำทุกคำพูดและสิ่งที่เค้าทำจนมันแทรกซึมเข้าไปภายในใจ ใบหน้าเข้มลดยิ้มแล้วเลื่อนเข้ามาหาอย่างช้าๆ ผมค่อยๆหลับตาเพื่อรับรสจูบที่อ่อนโยนที่สุดอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มันวาบหวาม มันซาบซ้านไปทั้งใจจนจังหวะการเต้นผิดปกติ จนแทบจะหายใจไม่สะดวก จากที่เคยเป็นคนเจนจัดกลับกลายเป็นเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักแม้กระทั้งวิธีการจูบไปซะอย่างนั้น

“หึ”

ผมลืมตาเมื่อคนตรงหน้าผละถอยออกก่อนจะหัวเราะเบาๆ มือหนายกมาลูบข้างแก้มอย่างนึกเอ็นดูและรอยยิ้มกว้างที่ประดับบนใบหน้านั้นก็ทำให้ผมเริ่มหลบสายตา

ให้ตาย ตั้งแต่เกิดมาพึ่งเคยอายจนไม่กล้าสู้หน้า

“ทานมื้อเช้ากันเถอะ”

“อืม”

ทัตปล่อยมืออีกข้างจากเอวผมแล้วหันหลังไปจัดการกับอาหารที่เตาไม่นานมื้อเช้าแบบอเมริกันเบรคฟัสก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ผมที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วเลยได้แต่มองตามเจ้าของห้องที่หยิบจับนั้นนี่อย่างคล่องแคล่ว ท่าทางเหมือนคุ้นกับการเข้าครัวอย่างผิดความคาดหมาย

“ยูทำอาหารทานเองบ่อยเหรอ?”

ผมเอ่ยถามเมื่อเจ้าตัวเข้ามานั่งตรงข้ามพร้อมกับแก้วน้ำส้มในมือสองแก้ว เค้าวางแก้วหนึ่งให้ผมส่วนอีกแก้วก็ยกขึ้นดื่มเอง

“ไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่ก็พอทำได้”

ผมพยักหน้ารับแล้วเราก็ลงมือกินกันไปอย่างเงียบๆ ไม่นานก็หมดและผมก็เป็นฝ่ายอาสาล้างถ้วยชามเอง

“ทำเป็นเหรอ?”

แหมะ มีดูถูก

“ก็…พอได้แหละ”

เออ ยอมรับก็ได้ว่าไม่เคยทำ ไอ้คนตรงหน้าหัวเราะหึเลยครับ ก็แล้วไงละ ถึงผมจะเชื้อฝรั่งแรงแต่คติไทยที่ว่า ‘อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นความให้ลูกท่านเล่น’ ผมก็รู้จักอยู่นะ

“จานผมซื้อมาแพงนะ”

“เอ๊ะ!”

“หึหึ ไม่ต้องทำหรอก วางไว้นั้นแหละเดี๋ยวมีแม่บ้านมาจัดการ ไม่รีบไปเรียนเหรอ?”

จะว่าไปก็ถูกของเค้านะ ผมหันไปมองนาฬิกาดิจิตอลที่พนังจนเห็นว่าเก้าโมงแล้วก็เบิกตากว้าง เชี่ย! ผมมีเรียนเก้าโมงครึ่งนะครับ

“ยูรีบเลยเดี๋ยวไอเข้าคลาสสาย”

“โอเคๆ งั้นไปกันเลยแล้วกัน”

“เดี๋ยว! แล้วกระเป๋าไอละ?”

จะว่าไปก็ยังไม่เห็นตั้งแต่เมื่อคืนเลยนี่หว่า

“อยู่บนรถ เมื่อวานมัวแต่อุ้มคนเลยไม่ทันได้ถือขึ้นมา”

ผมแทบอ้าปากค้าง ไม่รู้ป่านนี้ไอ้พี่ครอสมันจะถอดผมออกจากทะเบียนบ้านรึยัง ก็เล่นไม่กลับไปนอนบ้านบ่อยขนาดนี้นี่นะ

“ไปกันเถอะ”

ผมเดินตามไอ้เจ้าของห้องไปจนมันพาออกจากห้องลงลิฟท์และเดินไปยังลานจอดรถชั้นบนสุด(คอนโดนี้มีลานจอดถึงแค่ชั้น5ครับ ส่วนตัวห้องมีถึงชั้น40)

ผมกวาดตามองไปโดยรอบแล้วเห็นรถจอดอยู่เพียงห้าคันก็นึกตะหงิดใจ แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่านี่มันเลยเวลาเริ่มงานของมนุษย์เงินเดือนมามากโขเลยพอจะเข้าใจ ทัตเดินไปปลดล็อครถแล้วเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้ผมขึ้นไปนั่งก่อนจะปิดและเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง โคตรจะสุภาพบุรุษจนน่าหลงไหลแต่ผมกลับไม่หลงอย่างที่สมควรจะเป็น

ผมว่าผมมีเซ้นต์ที่แม่นนะ และเซ้นต์ของผมก็บอกว่าคนๆนี้เล่นด้วยได้แต่ห้ามหลงรักเป็นอันขาด ด้วยความที่ทุกอย่างมันชวนให้หลงผมเลยตกลงใจที่จะเข้ามาเล่นด้วยและกะจะตีจากอย่างที่เคยทำมา แต่สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงคือทัตมันดูเหมือนจะหลงผมเกินคาด ผมไม่รู้ว่ามันแค่ความหลงไหลเพียงชั่วคราวหรืออะไร แต่ถ้าบอกว่าต้องการแค่มีเซ็กส์ด้วยมันก็ไม่ควรจะรุ่มรามกับผมถึงขนาดนี้ หรือจะต้องการความรักเหรอ…น่าคิด…แต่ก็ไม่น่าใช่

 “ทัต”

คิดเองแล้วปวดหัว เพราะงั้นเราจงเอ่ยปากถามไปเถิดแล้วจะเกิดผล...เกี่ยว?...

“หืม? ทำไมยอมเรียกชื่อง่ายๆแล้วละเนี้ย”

“ไอถามจริงๆ ยูต้องการอะไรจากไอ?”

เจ้าตัวหันมามองผมแป๊บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปสนใจที่ถนนเบื้องหน้าต่อ

“ทำไมถึงถามอย่างนั้น?”

“ถ้าต้องการแค่เซ็กส์ที่ลงล็อค ก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ จะมาผูกมัดกันทำไม?”

“แล้วถ้าบอกว่ารักละ?”

“ไอไม่เชื่อ”

“เชื่อเถอะ ผมรักคุณจริงๆนะคริส”

ผมเม้มปากแน่น

“ตั้งแต่ผมเจอคุณที่บาร์รู้ไหมว่าผมคิดอะไร?”

ผมส่ายหัวทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทัตคงไม่เห็น หรือจะเห็นก็ช่างมันเถอะ

“ผมคิดว่าคนนี้แหละที่ผมต้องเอามาเป็นของตัวเองให้ได้”

“ไอเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ”

“ก็ตอนแรกไง พอยิ่งได้รู้จักมันก็ยิ่งท้าทาย จากที่ถูกใจก็เปลี่ยนเป็นชอบ จากชอบก็เป็นรัก รักจนอยากจะครอบครองไว้เพียงคนเดียว”

“เวอร์ชะมัด”

ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ ถ้าให้นับดูดีๆตั้งแต่เจอกันครั้งแรกนี่ก็พึ่งผ่านไปได้อาทิตย์กว่าๆ ใครมันจะไปรู้สึกได้ลึกซึ้งถึงขนาดนั้นในระยะเวลาเพียงแค่นี้

“แล้วตอนนี้ผมก็ได้อย่างที่ผมปรารถนาจริงๆ”

“เหอะ ฝันอยู่รึเปล่าครับคุณ”

“คริส”

“อะไร?”

“ผมรักคุณนะ”

“อย่ามาตอแหล”

“เขินเหรอ?”

“ไอเปล่า”

“แต่หน้าคุณแดง”

ห่ะ!

จริงเหรอวะ!!

ด้วยความตกใจผมเลยยกมือขึ้นมาทาบแก้มอย่างไว และนั้นก็ทำให้คนข้างๆหัวเราะขบขัน

“ผมล้อเล่น”

ไอ้เหี้ย!!!

ผมจิ๊ปากขัดใจแล้วหันออกไปมองวิวด้านนอกไม่สนใจไอ้คนกวนตีนที่ยังคงยิ้มไม่เลิก เวลาผ่านไปไม่นานแลมโบฯคันหรูก็เข้ามาจอดเทียบที่ลานจอดข้างตึกเรียนในตำแหน่งเดียวกับที่จอดเมื่อวานเป๊ะๆ สงสัยจริงๆว่าทำไมถึงไม่มีคนมาจอดล็อคนี้เลยทั้งที่รอบข้างเค้าก็จอดกันหมด จะบอกว่ามันเช่าที่ไว้ก็คงจะไม่ใช่ ที่นี้มหาลัยนะครับไม่ใช่โรงแรมหรือคอนโด

“ไปละ”

ผมหยิบเอากระเป๋าแล้วเตรียมจะเปิดประตู แต่ใครอีกคนก็ดึงแขนผมไว้ซะก่อน

“มีอะไร?”

“จำที่สัญญาได้ไหม?”

ผมตีหน้านิ่งแล้วเม้มปากแน่น ไม่อยากจะยอมรับแต่ในเมื่อพลั่งปากออกไปแล้วก็คงต้องเป็นอย่างนั้น

“อย่าผิดสัญญาของเรานะ”

พูดแล้วก็เอี้ยวตัวมาจูบปากผมเบาๆไม่นานก็ผละออกพร้อมกับปล่อยมือที่แขนไปด้วย ผมไม่ตอบอะไรแล้วก้าวลงจากรถ พยายามก้าวเข้าตึกให้ไวที่สุดเหมือนพยายามหนีจากคนด้านหลังให้ไกลที่สุดทั้งที่น่าจะรู้ว่าไม่ว่าจะหนีขนาดไหนทัตก็ยังคงตามมาฉุดรั้งเค้าไว้ได้เสมอ








“มาสักทีนะไอ้คนดัง”

ทันทีที่ย่างก้าวเข้าไปในห้องเรียนและเดินไปหาพวกเพื่อนที่นั่งหน้าสลอนแต่ยังไม่ทันที่จะได้นั่งปากไอ้มิกซ์ก็ชวนหาเรื่องเลยครับ

“ดังบ้าอะไรของมึง?”

ผมวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะอีกตัวส่วนตัวเองก็นั่งอีกตัวที่อยู่ข้างไอ้นาย

“นี่มึงไม่ได้เปิดโทรศัพท์เลยใช่ไหม?”

ผมขมวดคิ้ว จะว่าไปก็ลืมโทรศัพท์ของตัวเองไปเลยจริงๆ ผมหันมาควานหามันในประเป๋าเป้ของตัวเองจนเจอ มีมิสคอลจากไอ้นายและพี่ครอสไม่กี่สายนอกนั้นคือแจ้งเตือนของแอปเฟสบุ๊คที่ไม่รู้มีเรื่องราวอะไรนักหนา

“นี่ไงมึง ข่าวล่ามาแรง”

ไอ้แวนส่งโทรศัพท์ของมันมาให้ผม เนื่องจากห้องที่เรียนเป็นห้องสโลปที่ที่นั่งไต่ระดับจากสูงลงต่ำทำให้ไอ้แวนที่อยู่ด้านหลังเหนือผมสามารถที่จะส่งโทรศัพท์มาให้ดูได้อย่างง่ายดายและสิ่งที่โชว์หลาต่อหน้าผมนั้นก็คือภาพของผมที่กำลังลงจากรถหรูเมื่อเช้าสองช็อตและรูปเจ้าของรถลงมาอีกสองช็อตพร้อมแคปชั่นที่ว่า

‘ตุ๊กตาหน้ารถคนแรกก็ล่อไปซะเกรดพรีเมี่ยมขนาดนี้ ชะนีทั้งหลายก็นกไปสิคะ’

“อะไรคือนกวะ?”

“ไอ้นี่ก็ไม่ทันศัพท์วัยรุ่น นกหมายถึงอดแดรกนะ เข้าใจม่ะ?”

ผมพยักหน้าให้ไอ้มิกซ์ที่ช่วยตอบ วันนี้ไอ้คมไม่ได้มาเรียนครับ ผมคาดว่าอาการปวดของมันคงเริ่มระบมและน่าจะมาไม่ไหวนั้นแหละ ตอนนี้เลยเหลือแค่ผม ไอ้นาย ไอ้แวนและไอ้มิกซ์ที่ยังคงสุมหัวกันอยู่

“แล้วไงวะ?”

“มึงเปิดเฟสมึงดูเองเลยไอ้คริส”

“เออ กูเห็นด้วย แม่งอยู่กับผัวแล้วไม่ลืมหูลืมตาดูโลกภายนอกเลยเนอะ”

“ใครผัวกู?”

อันนี้ผมกดเสียงถามด้วยความขุ่นใจ แต่ไอ้ตัวกวนอย่างเชี่ยมิกซ์มันไม่สะทกสะท้านหรอกครับ

“จะใครละ ก็คนที่พามึงไปด้วยเมื่อคืนไหนจะเป็นหัวข้อข่าวในวันนี้อีก จริงๆก็ตั้งแต่เมื่อวานแล้วด้วยซ้ำ”

“มันไม่ใช่ผัวกู”

“แต่เอากันยันทุกวันนี้”

ครั้งนี้ไอ้นายถึงกับตบหัวไอ้มิกซ์ดังป้าบเลยครับ

“เชี่ยนาย ตบกูทำไมวะ”

“ปากมึงไง พูดเสียงดังทำเหี้ย”

ผมโคตรรักไอ้นายเลยนี่บ่องตง

“กูบอกแล้วไงว่าแค่คู่ขา”

“คู่ขาที่กัดมึงไม่ปล่อยด้วยใช่ไหมละ”

ผมเหยียดปากให้กับพวกเพื่อนที่รู้กันแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ผมส่งโทรศัพท์คืนไอ้แวนไปแล้วหันมาปลดล็อคเครื่องของตัวเองเพื่อดูกระแสข่าวที่พวกมันว่า จริงๆมันก็เวอร์ไปนะครับ ที่ผมเห็นคือมีเพียงแค่สองโพสจากเพจดังของมหาลัยหนึ่งในนั้นคือโพสเมื่อกี้และอีกหนึ่งคือโพสที่มีรูปตอนมันจูบผมเมื่อวาน..

ห่ะ!

ถ่ายทันตอนจูบด้วยเหรอวะเนี้ย!!

ตายๆๆชีวิตอันแสนสุขของไอ้คริส

ยอดไลน์เป็นพันและคอมเมนต์หลักหลายร้อยนั้นทำให้ผมเริ่มปวดประสาท นอกจากการไลน์คอมเมนต์และแชร์ในเพจแล้วยังลามมาถึงการแอดเฟรนที่เฟสผมบวกกับจำนวนทักแชตที่มากพอๆกัน

“เป็นไงละมึง ดังอย่างที่กูบอกไหมละ?”

มึงไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะเชี่ยมิกซ์

“กูพึ่งรู้ว่าลุงรหัสมึงจะดังขนาดนี้ ทำไมเมื่อก่อนไม่ยักกะมีตัวตนวะ”

เป็นไอ้แวนที่เริ่มวิเคราะห์

“เห็นพี่ก้อนบอกว่ามันพึ่งกลับมาจากต่างประเทศ”

พี่ก้อนคือพี่รหัสของผมเองครับ จริงๆชื่อก็อตแต่ผมชอบเรียกว่าก้อนเพราะอยากจะกวนเล่นๆเพิ่มความสนิทชิดเชื้อแต่หาตัวยากมากผิดกับลุงรหัสที่โผล่มาหาจนเป็นกระแสอย่างที่เห็น

“อ้อ แล้วไปสนิทสนมกันจนลึกซึ้งถึงขนาดนั้นได้ยังไงวะ?”

“มึงเลิกเสือกสักเรื่องจะได้ไหมวะแวน?”

“ไม่ได้วะ เดี๋ยวขาดใจตาย”

“งั้นก็ตายไปเลย”

“เชี่ยแม่งไม่ห่วงกูเลย”

“สมควรห่วง?”

“ไอ้คริส! มึงมานี่เลย มาให้กูฆ่าซะดีๆ กวนโอ้ยวะสัส”

มันไม่พูดเปล่านะครับ แต่มันเล่นโน้มตัวมาบีบคอผมเขย่าโหยงเหยงจนไอ้นายไอ้มิกว์หัวเราะร่า ผมเองก็ร้องโอดโอยไปตามประสาแต่หน้ายิ้มกว้างอย่างที่ทำประจำเมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อน หลายๆคนในคลาสก็หันมามองแต่ก็ไม่มีใครสนใจ ผมโดนไปสักพักใหญ่ๆไอ้แวนที่เป็นคนประทุษร้ายผมก็ยิ้มหลาส่งสายตาล้อๆผมมาอีก

“อะไรของมึงอีกไอ้แวน?”

ผมถามพลางหันมาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไอ้นี่ก้เล่นซะเสื้อผมยับเลย

“เล่นตีตราจองซะเต็มกำลังขนาดนี้ มึงหนีไม่รอดหรอกไอ้คริส”

ผมตีหน้างงอยู่พักหนึ่งแต่เมื่อพอจับใจความได้ก็รีบตะคุบที่หลังคอตัวเองทันที ไอ้นี่มันแกล้งหยอกเพื่อที่จะส่องดูรอยที่คอผมครับ ไอ้เจ้าเล่ห์ ไอ้คนไม่มีเหลี่ยมแต่โคตรเหี้ย

“ฮ่าๆๆๆ พึ่งรู้สึกตัวเหรอวะ ฮ่าๆๆๆ”

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!”

“หึหึ”

“มีอะไรวะไอ้แวน?”

“อย่าเสือกไอ้มิกซ์”

“เขินแล้วปากจัดวะ มึงเอาหูมานี่ไอ้มิกซ์เดี๋ยวกูบอก”

“เชี่ยแวน!”

แล้วพวกมันก็รู้กันอย่างทั้งถึง ดีที่อาจารย์ที่เข้าคลาสช้าไปหลายนาทีเดินเข้ามาขัดการแซวของพวกมันซะก่อนไม่งั้นผมคงโดนพรุนไปกว่านี้ ไม่อยากจะเอ่ยเลยว่าตอนแรกที่เห็นสภาพตัวเองในกระจกเมื่อเช้าแล้วแทบอาละวาด รอยแดงมีแทบจะทุกอณูรูขุมขนจนเหมือนตุ๊กแกที่ผมแสนเกลียด ไอ้คนทำโดนผมด่าเช็ดไปหลายยกแต่ก็นะ มันได้แต่หัวเราะและยิ้มจนผมเหนื่อยที่จะด่าแล้วหลังจากนั้นก็อาบน้ำกินข้าวกันอย่างที่รู้ๆนั้นแหละ

พวกเราเรียนเสร็จก็ตกเที่ยงพอดี วิชานี้เป็นเมนหลักซึ่งใช้เวลามากเพราะหน่วยกิตเยอะ พวกเราทั้งสี่เลือกที่จะนั่งรอให้คนทยอยเดินออกจากห้องไปให้หมดก่อนแล้วจึงตามลงไปทีหลังเพราะคนใช้ลิฟท์น้อยลงจะได้ไม่แออัดมากจนเกินไป

“กินไรดีวะ?”

ทันทีที่ถึงโรงอาหารท่ามกลางสายตาและเสียงซุบซิบนินทาไอ้มิกซ์ผู้ซึ่งไม่หวั่นแม้วันมามากก็เอ่ยถามขึ้น ผมทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะก่อนจะกวาดตามองตามร้านค้า

“ผัดซีอิ๋วเส้นใหญ่ ไปซื้อให้ด้วยไอ้มิกซ์”

“ใช้แต่กูแหละมึงอะ”

“วันก่อนกูก็เป็นคนไปซื้อป่าววะ”

“เออๆ”

ผมยิ้มหยี๋ตาใส่เพื่อนจนมันเดินไปซื้อให้พร้อมกับไอ้แวนที่โดนไอ้นายฝากซื้อเช่นกัน

“งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อน้ำ มึงเอาไร?”

“น้ำเปล่าแหละ”

มันพยักหน้ารับแล้วก็ลุกขึ้นเดินตรงไปยังร้านขายน้ำที่อยู่อีกด้าน ผมสบโอกาสช่วงว่างๆหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง อ้อ พวกที่ขอแอดเฟรนมาผมไม่รับเลยสักคนครับแต่ปล่อยให้เค้าติดตามอย่างเดียวในแชตก็ใม่ตอบจริงๆคือไม่ได้เปิดดูแต่ลบทิ้งไปเลยเสียมากกว่า ผมกดเข้าไปดูเพจที่สร้างกระแสให้ผมและเลื่อนๆลงไปดูโพสอื่นนอกเหนือจากโพสเรื่องของผม จนไปเจอรูปถ่ายหน้าตรงโพสท่าให้ถ่ายอย่างเต็มที่ของทัตเข้า

‘ทัต เทพทัต ศิริพัฒนโอฬาร เดือนมหาวิทยาลัยปี25xx คณะเศรษฐศาสตร์นานาชาติ หล่อ รวย โสด ครบรสเจ้าคร้า’

ผมเหยียดปากจนเป็นรูปสระอิพอดีกับที่ไอ้นายกลับมาเห็นมันชโงกหน้ามามองดูด้วย

“ไลน์หลายพันเหมือนกันนะ”

“แล้วไง?”

ผมตอบส่งๆก่อนจะไล่ดูโพสอื่นไปเรื่อยๆจนไอ้เพื่อนทั้งสองคนที่เหลือกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับจานมื้อเที่ยงในมือ ผมรับจานของตัวเองมาเตรียมจะจัดการแต่เสียงฮือฮาที่ดังแซงแซ่ขึ้นทำให้ต้องหยุดชะงักและเงยหน้าขึ้นจนเห็นสายตาไอ้นายที่มองผมแล้วเลื่อนไปทางด้านหลัง

“พี่นั่งด้วยได้ไหม?”

เสียงทุ้มนุ่มแน่นอย่างนี้ ชัดเลย ไอ้พี่ทัต!

“ไม่”

ผมตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองและตักผัดซีอิ๋วของตัวเองเข้าปากเคี้ยวหงุบหงับเลยด้วย แต่อย่างมันหรือจะฟังผม ดูจากที่มันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆก็รู้แล้วครับ ผิดเองใช่ไหมที่พวกผมพากันมานั่งโต๊ะใหญ่สำหรับแปดคนทั้งๆที่มีกันแค่สี่ชีวิต เลยทำให้เหลือพื้นที่สำหรับผู้ไม่พึ่งปรารถนาอีกสี่

“ดื้ออย่างที่มึงบอกเลยวะทัต”

เสียงบุคคลปริศนาเอ่ยกับมันทำให้ผมหันไปมองจนเห็นสิ่งมีชีวิตเพศชายอีกสองที่น่าจะเป็นเพื่อนมันแต่ผมไม่คุ้นหน้า ก็นะ พวกปีสามไม่ค่อยมาวอแวกับการรับน้องปีหนึ่งอยู่แล้วพวกผมเลยไม่ค่อยได้คุ้นสักเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นปีสองคุ้นเกือบหมดนะครับ

“หึ”

“ขำเหี้ย”

ผมด่าไอ้คนข้างๆจนเพื่อนมันพลอยหัวเราะตามมันไปด้วย ประสาทกันทั้งกลุ่มรึไงวะ โดนด่าแล้วเสือกหัวเราะชอบใจซะงั้น

“อร่อยไหม?”

ผมไม่ตอบเพราะเคี้ยวอยู่

“ไอ้ทัตจะกินไร?”

“เอาแบบนี้”

มันตอบเพื่อนแล้วชี้มาที่จานของผม ไม่มีสมองคิดเองรึไงวะ เพื่อนมันพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปส่วนอีกคนก็เดินไปทางร้านขายน้ำเงียบๆแบบที่คงรู้กันว่าใครจะกินไร

“เลอะแล้วคริส”

พูดแล้วก็หยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่มุมปากล่างให้ผมเบาๆ ผมชะงักแทบจะทันทีพร้อมกับสายตาที่จ้องไปยังเพื่อนอีกสามชีวิตที่ชะงักมองมายังผมเหมือนกัน อย่าว่าแต่พวกนี้เลยครับ เค้ามองกันทั้งโรงอาหารอะ ลองคิดดูนะว่าคนที่กำลังเป็นกระแสทั้งสองมาอยู่ด้วยกันและทำทีมุ้งมิ้งชิปหายต่อหน้าสาธารณชนเกือบร้อยชีวิตมันจะเป็นที่น่าสนใจขนาดไหน

แต่มันก็นิ่งนะครับ

ถึงมึงจะนิ่งแต่กูอายวะ

โคตรอายเลยด้วย

“หึ แค่นี้เขิน?”

“แค่นี้บ้า ยูลองมองดูรอบๆสิว่ากำลังนั่งอยู่ที่ไหนแล้วเป็นจุดสนใจขนาดไหน แม่ง”

“ไปสนใจทำไมก็แค่คนอื่น”

“เรื่องของไอ”

“คริสนะ สนใจแค่พี่ก็พอ”

“แค่กๆๆ”

สัส พูดได้ไม่อายปาก แล้วดูนั้นดิ ไอ้มิกซ์เหลือกตามองแล้วนั้นไหนจะไอ้นายยังนิ่งค้างส่วนไอ้แวนหนักสุด มันคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวค้างขณะที่อ้าปากเตรียมซูดเต็มที่

“นี่น้ำ”

ผมรับน้ำที่เป็นของผมมาจากมันแล้วยกขึ้นกระดกไปหลายอึกจนค่อยยังชั่วขึ้นนั้นแหละ

“อายปากบ้างเหอะ พูดอะไรนะ”

“พูดเรื่องจริงทำไมต้องอาย”

“สัส”

“อย่าด่าเยอะ เดี๋ยวจะโดนแว้งกัดเอานะ หึหึ”

ผมแยกเขี้ยวใส่มันเลยครับ กูหมั่นใส้แม่ง

“เออ โทษนะพี่ แต่พี่คงไม่ได้กำลังตามจีบเพื่อนผมอยู่ใช่ไหม?”

ไอ้มิกซ์ครับที่เอ่ยถามและก็โดนผมหันไปจิกตาใส่เต็มกำลังเลยด้วย

“อืม”

แล้วมึงจะไปตอบมันทำไมวะเห้ย

“อืมคือ?”

“ก็จีบอยู่ แต่โคตรดื้อ”

“เหยดดดดดดดดดดดด”

ไอ้แวนกับไอ้มิกซ์หอนพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมายแล้วเสียงก็โคตรจะดัง ผมถีบพวกมันตอนนี้จะทันไหมครับ ส่วนไอ้ตัวการก็ยิ้มหน้าแป้นจนน่าจิ้มตาแตก

“อย่างพี่นะไม่ต้องจีบมันแล้วมั่ง ลึกซึ้งกันขนาดนั้นแล้วนี่”

เอาจริงๆไอ้แวนมันก็ปากวอนหาตีนไม่แพ้ไอ้มิกซ์เลยนะครับ

“พวกมึงเก็บปากไว้แดรกข้าวจะดีกว่าไหม”

“เพื่อนคริสครับ อย่าเขินสิครับ”

“เขินพ่องมึงสิมิกซ์”

“ก็อย่างที่เห็นแหละพี่ ไอ้คริสเวลาเขินมันชอบด่าเป็นปกติ ดั๊นมาชอบคนฮาร์ดคอร์อย่างมันก็ต้องทำใจนิสนะพี่"

“เชี่ยแวน”

“หึหึ”

เคร้ง!

ผมวางช้อนส้อมกระทบจานเสียงดังก้องเลยครับ ไม่กงไม่กินแม่งแล้ว กุหงุดหงิด

“จะไปไหน?”


ไอ้พี่ทัตถามพร้อมกับจับแขนผมไว้ในขณะที่ผมกำลังลุกขึ้นยืน

“เรื่องของไอ”

“นั่งลงกินให้อิ่ม”

“อย่ามาสั่ง”

“เอาน่า ไม่กวนแล้วก็ได้”

ผมหลี่ตามองแต่ยังไม่ยอมนั่งนะครับ ขืนนั่งตามที่มันสั่งผมก็หงอมันดิ ไม่เอาอะผมไม่ยอม

“บอกให้นั่ง”

“พี่เค้าบอกให้นั่งก็นั่งดิวะ เรื่องเยอะนะมึงนะ”

“นี่มึงจะแปรพรรคเหรอไอ้แวน”

“กูป๊าวววว กูอยู่ข้างมึงเสมอ แต่กูเห็นมึงกินไปได้แค่สามคำเองนะ นี่กูห่วง”

ผมเม้มปากนิดหน่อยก่อนจะนั่งลงตามที่เพื่อนบอก เน้นนะครับ เอาปากกามาร์คเกอร์มาขีดเน้นๆใส่เส้นใต้สีแดงสดด้วยเลยก็ได้ว่าผมนั่งเพราะเพื่อนบอกไม่ใช่เพราะยอมใครบางคน

“ขอบใจนะ”

ไอ้พี่ทัตหันไปบอกกับไอ้แวนเรียกความสงสัยของผมและเพื่อนผมไปได้มากโข มันพูดอะไรของมัน ไปขอบจงขอบใจไอ้แวนทำไม แต่มันก็ไม่ปล่อยให้สงสัยนานหรอกครับ

“ขอบใจที่ห่วงคริส แต่คราวหน้าไม่ต้อง พี่ขอห่วงคนเดียวพอ เพราะแค่นั้นพี่ก็หึงได้”

เชดดดดดด มันพูดด้วยท่าทีสบายหน้าตายปากยิ้มแต่บรรยากาศไม่ใช่อารมณืเล่นๆแน่นอนครับ ผมถึงกับอ้าปากค้างในขณะที่ไอ้แวนยิ้มตอบแหย่ๆ

ดูท่าทางอาการมันจะหนักกว่าที่ผมคิดนะครับ กับคู่ขาคนนี้นะ

Tbc...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:48:05 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูมีจุดมุ่งหมายจะเอาชนะเกินไป หวังว่าคงไม่ได้คิดไม่ดีหรอกนะ (ชักระแวงไปกับคริสตัล)

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
พี่ทัตซึนมากกกกก รอติดตามค่ะ ชอบๆ หวังว่าพี่ทัตจะมาดีนะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทัต หลงคริสมากๆ
ปากว่ารัก แต่ช่วงเวลามันสั้นมากที่รู้จักกัน
มันต้องมีเหตุผล แบบทัตเคยรู้จักคริสมาก่อนแน่เลย
ถึงไม่เคยจีบหญิง ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ
ไว้รออ่านส่วนของเทพทัต
จะได้หายสงสัย ว่าคงไม่มาหลอกคริส
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ปล. ขอแก้คำผิดนะ
ก็…โอเคมั่ง ------ มั้ง
ก็เลื่อยลงมาแตะที่ริมฝีปากบาง ------ เลื้อย
อาละวาท ------ อาละวาด
ใช่แต่กูแหละมึง ------ ใช้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2017 18:47:48 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
ทัต หลงคริสมากๆ
ปากว่ารัก แต่ช่วงเวลามันสั้นมากที่รู้จักกัน
มันต้องมีเหตุผล แบบทัตเคยรู้จักคริสมาก่อนแน่เลย
ถึงไม่เคยจีบหญิง ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ
ไว้รออ่านส่วนของเทพทัต
จะได้หายสงสัย ว่าคงไม่มาหลอกคริส
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ปล. ขอแก้คำผิดนะ
ก็…โอเคมั่ง ------ มั้ง
ก็เลื่อยลงมาแตะที่ริมฝีปากบาง ------ เลื้อย
อาละวาท ------ อาละวาด
ใช่แต่กูแหละมึง ------ ใช้

ขอบคุณมากคะ

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 6




“คริส”

ผมหันไปมองตามที่ถูกเรียกซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ครับที่ผมโดนคนที่ไม่รู้จักเรียก และส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงซะด้วยสิ

“ครับ?”

“คือ…เราชื่อมิวนะ เราขอถามอะไรหน่อยได้ป่ะ?”

ไอ้เพื่อนอีกสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆหัวเราะขึ้นมาอย่างรู้ทัน จะไม่ให้รู้ได้ยังไงละครับก็ทุกครั้งที่โดนทักก็จะมาพูดแนวนี้ทุกครั้งไป ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติและใบหน้าที่เฉยชา

“ถ้าจะถามว่าผมเป็นอะไรกับพี่ทัต ผมจะบอกตรงนี้เลยว่าผมเป็นหลานรหัสที่เค้าและเราไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่กำลังเป็นกระแส ชัดเจนพอไหมครับ?”

คุณเธอกระพริบตาปริบๆแล้วจึงพยักหน้ารับ ผมไม่ได้รอดูปฎิกิริยาหลังจากนั้นแล้วหันหลังเดินออกจากตึกมาพร้อมเพื่อนทั้งสามทันที

“เพื่อนกูอย่างฮอตเว้ยเฮ้ย”

“มึงอยากฮอตบ้างไหมมิกซ์ เดี๋ยวกูเอาน้ำมันมาราดตัวแล้วจุดไฟให้ด้วยเลย”

“โห ไม่ค่อยจะรักกูเลยนะมึง”

“แน่นอน”

“จะว่าไป พี่ปีสองเค้าเรียกรวมตัวกันที่โดมใช่ไหมวะ?”

ไอ้แวนเอ่ยขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ ผมเองก็ลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าวันนี้มีนัดเข้าประชุมกันทั้งคณะที่โดมใหญ่

“ใช่ ไปกันเลยเหอะใกล้ถึงเวลารวมแล้วนี่”

“อะไรว๊า พึ่งเรียนเสร็จก็ต้องเข้าประชุม กูจะบ้าตาย”

ผมส่ายหัวพลางยิ้มขำให้คำบ่นของไอ้มิกซ์ ถึงมันจะไร้สาระไปบ้าง ปากดีไปหน่อย กวนตีนไม่น้อยแต่มันก็สร้างสีสันในชีวิตได้มากพอตัวเลยนะครับ

“ถ้าพวกพี่เค้าให้ลงชื่อกูฝากลงหน่อยนะเว้ย งานนี้ขอชิ้งวะ”

“เห้ย ได้ไงวะไอ้คริส”

“เอาน่าไอ้แวน มันคงเบื่อกับการเป็นจุดสนใจแหละ กระแสยิ่งมาแรงแหกทางโค้งอยู่ด้วย”

“กูพึ่งจะได้ยินอะไรที่มันเข้าท่าจากปากมึงเป็นครั้งแรกเลยนะไอ้มิกซ์”

นอกนั้นหมาทั้งฝูง

“แล้วมึงจะไปไหน?”

ผมไหวไหล่เป็นคำตอบให้ไอ้นาย ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่ครับว่าจะไปไหนแต่ที่แน่ๆคือไม่ขอเข้าไปในโดมที่จุนักศึกษาทั้งคณะไว้เป็นอันขาด ผมพอจะเดาได้ว่าเค้าจะคุยเรื่องตัวแทนดาวเดือนคณะนี้แหละเพราะอีกไม่นานก็จะเริ่มประกวดกันแล้ว ปีนี้ทางมหาวิทยาลัยให้ประกวดก่อนงานกีฬามหาลัยครับและยังได้ยินมาว่าจะจัดให้เหมือนงานประกวดใหญ่ๆระดับประเทศเลยก็ว่าได้ อู่ฟู่ไหมละมหาลัยนี้

“งั้นกูแยกตรงนี้เลยนะ”

ไอ้แวนกับไอ้มิกซ์พยักหน้ารับแต่ไอ้นายยังจ้องผมเขม่ง พอเห็นว่าผมไม่สนแล้วหันหลังเดินหลบหลีกฝูงชนไปยังด้านหลังตึกแล้วมันก็หันไปเดินต่อ ผมลัดเลาะจากสวนด้านหลังผ่านห้องน้ำที่เคยเกือบโดนยำไปจนถึงประตูทางออกเล็กของมหาลัย ที่นี้พื้นที่ใหญ่ไงครับเลยต้องมีประตูทั่วทุกสารทิศ แต่ประตูใหญ่จะมีเพียง 2 ที่แค่นั้น

การจราจรภายนอกรั้วมหาลัยในช่วงบ่ายแก่ๆแบบนี้กำลังเริ่มพุ้งพล่านได้ที่เพราะเป็นช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนมัธยมกำลังเลิกเรียนกัน อากาศร้อนๆทำให้ผมคิดถึงความเย็นของแอร์ และแอร์ที่ใกล้ที่สุดนั้นก็คือร้านขายน้ำปั่นฝั่งตรงข้ามนั้น ผมหันซ้ายแลขวาเมื่อไม่มีสะพานลอยตรงจุดนี้ก็ต้องข้ามถนนเท่านั้นละวะ รถก็เยอะแต่กะช่วงเวลาระยะห่างและขอให้ชะลอความเร็วคงจะไหวอยู่ ว่าแล้วผมก็รีบหาเป้าหมายเลยครับ ไม่นานก็เจอระยะห่างที่ต้องการ ผมรีบวิ่งไปหยุดอยู่ที่เส้นแบ่งกลางถนนเพื่อรอระยะห่างของอีกฝั่งสักพักก็ได้จังหวะแต่ทว่า…





ปรี๊ดดดด!!!





เหี้ยแล้ว





เอี้ยดดดดด!!!!!!!





ตุ๊บ!


“โอ้ย!”

ผมอุทานทันทีที่ตัวผมถล่ามาล้มลงที่ฟุตบาท พอเรียบเรียงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง จังหวะที่ผมกำลังจะวิ่งจู่ๆก็มีรถจากอีกฝั่งที่ผมข้ามมาแล้วพุ่งมายังผมเหมือนจะแซงอีกคันมาจนผมคิดว่าตัวเองคงจะโดนชนเข้าอย่างจังแน่ๆแต่ในชั่วพริบตานั้นตัวผมก็ถูกฉุดให้หลบพ้นด้วยฝีมือของใครสักคนที่ผมยังคงนอนทับอยู่ ณ ขณะนี้

“เจ็บตรงไหนไหม?”

เสียงที่คุ้นหูทำให้ผมใจกระตุก พอหันไปมองหน้าสบตาก็เป็นไปตามคาด

ทัตมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงแล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ว่าไงละ เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

ผมส่ายหัวแต่ยังคงจ้องมองมันอึ้งๆ ทัตพ้นลมหายใจเหมือนจะหัวเสียนิดๆแล้วจึงพยุงผมลุกขึ้น

“อึ๊ก!”

ไม่ใช่ผมนะครับที่ร้อง แต่เป็นคนที่ช่วยผมได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปดนี่ต่างหาก ที่สำคัญไอ้รถคันนั้นก็ขับหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ทะเบียนก็ไม่ทันได้มอง สัสเอ๊ย

“เป็นอะไร?”

“เจ็บข้อมือ คงซ้นนะ”

“ไหนเอามาดูดิ”

“ไม่เป็นไรมากหรอก ว่าแต่คริสไม่เจ็บตรงไหนจริงๆนะ ตกใจมากรึเปล่า?”

“บอกว่าไม่เจ็บก็ไม่เจ็บสิ ตกใจนะแน่นอน แต่ที่ตกใจกว่าคือยูมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงมากกว่า”

ไอ้พี่ทัตไม่ตอบแต่หันไปมองที่ร้านน้ำปั่นซึ่งเป็นเป้าหมายที่ผมกำลังจะไป

“ไปหาหมอไหม?”

ผมถามเพราะเห็นมันกุมแขนตัวเองอยู่เนืองๆ ความรู้สึกผิดพุ่งเข้าใส่จนไม่สนใจก็ไม่ได้ ผมเองก็มีสามัญสำนึกมากพอนะครับไม่ใช่สักแต่จะอคติอย่างเดียว

“ไม่หรอก เดี๋ยวนวดก็หาย”

“ไม่ได้ ไปหาหมอดีกว่า”

“แต่ว่า…”

“ไปนะทัต”

ไอ้คนเจ็บดูจะอึ้งเล็กน้อยกับท่าทีของผม อย่าว่าแต่มันเลยผมเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะห่วงมันมากถึงขนาดนี้เหมือนกัน ทัตยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้าผมเลยหันไปโบกแท๊กซี่เพื่อพากันไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ไม่ถึงสิบนาทีเราก็มาถึงและเนื่องจากโรงพยาบาลนี้เป็นของเอกชนเลยรอไม่นายก็ได้เข้าไปตรวจ ระหว่างที่รอทัตเข้าไปหาหมอผมเลยได้เวลาหันมาสำรวจตัวเองจนเห็นว่ามีแผลถลอกนิดหน่อยแต่เสื้อผ้าเปื้อนใช้ได้ ผมเดินไปหาพยาบาลเพื่อขอทำแผลจนพยาบาลพาเข้าไปในห้องทำแผลเสร็จออกมาก็เจอทัตนั่งตีหน้าเครียดกำลังยกโทรศัพท์แนบหูตัวเองสักพักเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นและนั้นก็ทำให้ทัตหันมาเจอผมในที่สุด ผมเห็นสีหน้าเป็นกังวลเมื่อครู่คลายลงแล้วก็พลอยใจชื้นไปด้วย

“ไปไหนมานะ?”

ผมชี้ข้ามหลังตัวเองไปยังห้องทำแผลพอทัตเห็นมันเลยพยักหน้ารับรู้

“ไหนบอกว่าไม่เจ็บ?”

“ก็ไม่ได้เจ็บจริงๆแต่เป็นแผลเลยให้พยาบาลทำแผลให้”

“โอเค งั้นไปรอรับยากันเถอะ”

ผมพยักหน้ารับแล้วจึงพากันเดินไปนั่งรอรับยาที่ๆทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้ ในระหว่างที่นั่งรอนั้นเราแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลยและผมก็รู้สึกว่าไอ้คนที่นั่งข้างๆมันดูจะเครียดๆพิกล มันจะเครียดอะไรวะในเมื่อทั้งผมทั้งมันก็ปลอดภัยกันดีแล้ว



Rrrrrr

เป็นเสียงโทรศัพท์ของคนตีหน้าเฉยนั่งนิ่งอยู่ร่วมสิบนาที ทัตเอื้อมมือข้างที่ไม่มีผ้าพันเป็นดักแด้ไปล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงปลายตามองรายชื่อผู้โทรเข้าแล้วจึงหันมามองที่ผม

“เดี๋ยวออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บนะ”

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ จริงๆมันจะลุกไปรับที่ไหนโดยที่ไม่ต้องบอกผมก่อนก็ได้นะ แต่ในเมื่อมันอยากทำแบบนี้ก็ช่างมันเถอะครับ

“คุณเทพทัตค่ะ”

พอเจ้าของชื่อเดินหายไปรับโทรศัพท์พยาบาลประจำห้องยาดั๊นเรียกชื่อซะงั้น ผมที่ยังคงอยู่เลยต้องลุกไปรับยาและฟังคำบรรยายต่างๆนานาแทนมันพร้อมกับจ่างตังค์เป็นอันเสร็จสรรพ พอกลับมานั่งที่เดิมรอจ่ายเงินในส่วนของการทำแผลของผมต่อทัตก็กลับมาพอดี

“ได้ยาแล้วเหรอ?”

“แล้วเห็นไหมละ?”

“กวนครับ งั้นก็กลับกันเถอะ”

“ยังต้องรอจ่ายตังค์ในส่วนของไออีกรอบ”

ทัตพยักหน้ารับรู้แล้วทรุดลงนั่งข้างๆเหมือนเดิมแล้วมีการแย่งเอาถุงยาของตัวเองไปในทันที พอเปิดเห็นยาให้ถุงแล้วก็ทำทีสะอิดสะเอียนจนผมเผลอยิ้มขำ

“กินให้หมดด้วยนะ”

“ให้มาเยอะเวอร์ แค่ข้อมือซ้นจะให้ยากินมาทำไมก็ไม่รู้ แค่ยาทาก็พอแล้วมั้ง”

ฟังดูน้ำเสียงเหมือนเด็กน้อยสองสามขวบที่ไม่ชอบกินยากำลังงงแงกับพ่อแม่ยังไงยังงั้น แต่ความเป็นจริงแล้วมันคือยักษ์ที่เบ้ปากขมวดคิ้วพยายามทำให้ดูแอ๊บทั้งที่หน้าเข้มๆนั้นไม่ค่อยจะเปลี่ยนไปในทางนั้นเลยแม้แต่น้อย

“อย่ามาทำตัวเป็นเด็ก เสียเงินไปแล้วก็กินให้หมด”

“จริงสิ จ่ายไปเท่าไหร่เดี๋ยวพี่จ่ายคืนให้”

“ไม่เอา ที่เจ็บก็เพราะช่วยไอใช่ม่ะ เพราะงั้นไอจ่ายนะถูกแล้ว”

“อย่ามาทำตัวน่ารักน่าคริส”

“พูดอะไรวะ”

นอกจากจะไม่เข้าใจที่มันพูดแล้วผมยังไม่เข้าใจอีกว่าทำไมจู่ๆถึงรู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งที่แอร์ก็ออกจะเย็น ไอ้พี่ทัตหัวเราะเสียงแผ่วแล้วเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ผมเลยได้แต่หันหนีจนได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองนั้นแหละจึงได้ลุกหนีไปจ่ายเงินจนเรียบร้อย ผมกับทัตกลับเข้ามหาวิทยาลัยโดยรถแท๊กซี่เหมือนเดิมครับ อย่าไปบอกไอ้พี่ครอสนะว่าผมขึ้นแท๊กซี่ ไอ้พี่ครอสมันแอนตี้ครับ ตัวเองแอนตี้ไม่พอยังจะมาให้น้องแอนตี้ไปด้วยแต่ผมก็ไม่ได้แอนตี้อย่างที่มันเป็นหรอกนะ ผมเฉยๆ แต่ผมไม่ชอบขับรถเองสักเท่าไหร่ นั้นคือสาเหตุที่ผมไม่ได้ขับรถมาเรียนเองแต่ยังคงใช้บริการคนขับรถที่บ้านหรือถ้าพี่ครอสว่างมันก็จะมารับมาส่งเองด้วย(ซึ่งก็เป็นส่วนน้อยแหละนะ)

“แล้วเราจะไปไหนต่อ?”

พอลงจากรถได้มันก็ถามผมเลยครับ ผมมองดูรอบๆอาณาบริเวณของตัวตึกคณะที่เงียบอย่างกับป่าช้าเพราะนักศึกษาไปเข้าโดมกันหมดแล้วก็ส่ายหัว

“ไม่รู้”

“แล้วทำไมไม่เข้าโดมกับเพื่อน?”

“แล้วทำไมยูไม่ไปรวมตัวกับคนอื่นๆด้วยละ?”

“ปกติพี่ก็ไม่เข้าอยู่แล้ว”

มันไปเป็นเดือนคณะและเดือนมหาลัยได้ยังไงวะครับ กิจกรรมอะไรก็ไม่เข้าแบบนี้

“ไอก็ไม่อยากเข้า”

“นิสัยไม่ดีนะเรา”

“พึ่งจะรู้เหรอ?”

“หึหึ”

แล้วมันใช่เรื่องที่ต้องมายืนต่อปากต่อคำกันกลางแจ้งแบบนี้ไหมวะเนี้ย

“หิวไหม?”

ผมนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้าเพราะเริ่มหิวขึ้นมานิดๆแล้วเหมือนกัน ตอนเที่ยงก็กินไปแค่นิดเดียวด้วยนี่นะ

“งั้นออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็ยอมเดินตามแรงฉุดดึงง่ายๆจนไปถึงรถไอ้คนที่ถือโอกาสจับมือผมเลยต้องปล่อยเพื่อที่จะได้ค้นหากุญแจรถ ผมมองดูคนใช้มือได้เพียงข้างเดียวแล้วก็นึกสงสาร พอมันได้กุญแจมาแล้วผมเลยไปแย่งเอามาถือไว้เองก่อนจะกดปลดล็อคแล้วเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับท่ามกลางความงุนงงของเจ้าของรถที่แท้จริง

“ยืนเซ่ออยู่ทำไม ขึ้นรถดิ”

“จะขับให้เหรอ?”

“นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่ ถ้าไอไม่ขับแล้วจะไปกันยังไง ข้อมือขยับไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”

มันยิ้มครับ

“เออเนอะ ลืมไปเลย”

สรุปคือโง่จริงสินะ

ผมพ้นลมหายใจพลางนึกขำไปด้วยก่อนจะก้าวขึ้นรถไปพร้อมๆกับมัน แลมโบฯเป็นรถที่ขับยากในระดับหนึ่งนะครับซึ่งมันต้องมีเทคนิคเสริมเพิ่มเติมจากระบบออโต้ธรรมดาอยู่พอประมาณ ไอ้พี่ทัตมันก็เลยบอกผมพอคร่าวๆจนผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะสตาร์ทและออกตัวไปในที่สุด

“ขับนิ่มดีเหมือนกันนี่”

ผมกรอกตาก่อนจะแตะเบรคเพราะถูกช่วงสัญญาณไฟแดงพอดี

“ไอนะขับปกติแต่ยูต่างหากที่ขับเร่งขับไวเหมือนจะไปงานวิ่งควายที่ไหนก็ไม่รู้”

“หึหึ รู้จักงานพวกนี้ด้วย”

“ก็เคยได้ยินในข่าวอะไรเทือกนั้น”

“หืม ดูหน้าไม่น่าจะเป็นพวกสนใจข่าวคราวเลยนะ”

ผมหันไปถลึงตาใส่มันเลยครับ พอกำลังจะด่าสัญญาณไปดั๊นเปลี่ยนเลยต้องหุบปากฉับแล้วตั้งใจขับรถต่อไป แต่จะว่าไป...

“เราจะไปกินอะไรที่ไหนกัน?”

ขับออกมาตั้งนานยังไม่รู้ถึงจุดหมายเลยอะ เพี้ยนไปแล้วสิกู

“นั้นสิ แล้วคริสอยากกินอะไร?”

“ไม่รู้ ยังไม่หิวเท่าไหร่”

“งั้นไปดื่มกาแฟรองท้องกันก่อนดีไหม?”

“ก็ได้”

“งั้นขับไปที่XXXX  จะมีร้านกาแฟชื่อ candy crush อยู่ติดถนนใหญ่”

บอกแบบเจาะจงแบบนี้แสดงว่าต้องรู้จักที่นั้นเป็นการส่วนตัว คนอย่างไอ้พี่ทัตมันรู้จักร้านกาแฟชื่อมุ้งมิ้งแบบนี้ด้วยเหรอวะ ไม่อยากจะเชื่อ

“มันเป็นร้านของคนรู้จักพี่เอง เค้กอร่อยมาก”

บอกมาเหมือนอ่านใจผมได้เลยครับ

“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

“มันแสดงออกทางสีหน้าครับที่รัก”

พูดแล้วก็ยกมือขึ้นมายีหัวผมเบาๆอย่างกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก แต่มันชักจะมากเกินไปแล้วนะครับ อย่างนี้ผมก็ยุ่งหมดสิ

“อย่ากวนขับรถอยู่แล้วใครเป็นที่รักของยูไม่ทราบ”

“ก็เด็กดื้อที่นั่งขับรถให้อยู่ข้างๆนี่ไงที่เป็นที่รักของพี่”

“ในรถมีถุงอะไรสักอย่างไหม?”

“หืม จะเอามาทำไม?”

“อยากอ้วก”

“หึหึ”








กรุ๊งกริ๊ง

เสียงกระดิ่งดังขึ้นทันทีที่บานประตูถูกเปิดเข้าไปยังภายในร้าน ร้านนี้มีสไตล์เลดี้แบบโคตรๆเลยครับ ตกแต่งอย่างกับหลุดออกมาจากโลกการ์ตูนลิตเติลโพลนี่(ยังรู้จักอีกนะกู)ที่เน้นโทนสีพาสเทลชวนหวานแหว่วแบบสุดๆ ตอนจอดรถที่หน้าร้านแล้วมองไปยังด้านหน้าผมละอยากจะเปลี่ยนใจแต่ก็ไม่ทันเพราะไอ้คนแนะนำมันลงจากรถแล้วไปยืนรออยู่ด้านนอกเหมือนจะบังคับผมอยู่กรายๆ ไอ้นิสัยชอบสั่งมันฝังลึกถึงชั้นสเต็มเซลล์เลยเหรอวะนี่ขนาดไม่ได้เอ่ยปากพูดการกระทำยังแสดงออกแทนได้อีก

“สวัสดีค่ะ มาสองท่านนะคะ”

พนักงานสาวบ๊องแบ๊วผูกแกะสองข้างแต่งตัวด้วยชุดเมดกระโปรงฟูๆเดินออกมาต้อนรับ ไอ้คนพามาพยักหน้าให้ไปทีหนึ่งเค้าเลยพาเดินไปยังโต๊ะนั่งที่อยู่ด้านในเป็นโซฟาเล็กสองที่ตรงข้ามกัน พอนั่งปุ๊บไอ้พี่ทัตก็จัดการสั่งทั้งน้ำทั้งขนมโดยที่ไม่ถามความเห็นของผมสักนิด ผมเองก็ได้แต่มองตามตาปริบๆจนพนักงานทวนออเดอร์แล้วก็เดินจากไป

“จ้องซะขนาดนี้ มีลูกกันเลยดีไหม?”

“ตีนเหอะ”

มันยิ้มร่าจนผมอดไม่ไหวต้องโยนหมอนอิงไปใส่ด้วยความหมั่นไส้ขั้นสุด

“รุนแรงนะเรา โยนมางี้ไม่กลัวพี่เจ็บเหรอครับ?”

“ถ้ากลัวจะทำไหมละ แล้วไอ้ที่สั่งๆไปนี่ถามไอสักคำไหมว่าอยากกินรึเปล่า?”

“พี่มั่นใจว่าคริสต้องชอบ”

“แล้วถ้าไอไม่ชอบละ?”

“พี่จะยอมให้เรากดเลยอะ”

หนีไม่พ้นเรื่องบนเตียงตลอด

“แต่ถ้าเราชอบพี่จะกดเราเองนะ”

“พูดอย่างกับไม่เคยเนอะ”

“ก็ชอบไง พี่บอกแล้วว่าเรานะลงล็อคกันที่สุด”

ผมเงียบเพราะเถียงไม่ได้ ก็ยอมรับแหละนะว่าเรื่องบนเตียงไอ้พี่ทัตมันสุดยอดที่สุดเท่าที่เคยมีมาแต่ผมก็ยังไม่คิดที่จะปักหลักกับคนๆนี้อยู่ดี นี่ขนาดยังไม่อยากปักหลักนะครับ แต่ดูเหมือนข้างในกำลังมีความยอกย้อนอะไรสักอย่างที่ผมไม่อยากจะยอมรับ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นมาแต่เบื้องลึกมันกลับค่อยๆผุดขึ้นโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้แต่อย่างใด

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

ผมเลยหน้าขึ้นไปมองคนถาม พึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองนั่งเหม่ออยู่นานจนมีของกินอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด

“ป่าว”

“โกหกไม่เก่งก็อย่าทำ มีอะไรไม่สบายใจบอกพี่ได้นะ?”

“ก็บอกว่าป่าวไง เนี้ย ของกินมาแล้วก็กินไปสิ สั่งอะไรมาเยอะแยะก็ไม่รู้”

“ก็สั่งมาให้เรานั้นแหละ”

“เยอะเกิน”

“ไม่หมดก็ห่อกลับ เค้กร้านนี้อร่อยจริงๆนะ พี่รับประกัน”

พูดไปก็ตักเค้กมะพร้าวอ่อนขนาดพอดีคำมาจ่ออยู่ตรงหน้าผมไปด้วย ผมชั่งใจมองดูลูกค้าในร้านที่ดูเหมือนไม่มีใครสนใจเลยยอมที่จะอ้าปากรับ ไม่อยากจะพูดเลยครับว่าเพียงแค่คำแรกก็ทำให้ผมนึกชอบมันซะแล้ว ความหวานที่พอดิบพอดีมีรสมะพร้าวอ่อนๆและความนุ่มนิ่มของเนื้อเค้กที่แทบละลายทันทีที่เข้าปาก โคตรอร่อยอะ

“หึหึ เป็นไง อร่อยไหม?”

ผมไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ ตาก็มองไปที่แก้วน้ำสีส้มนวลๆคล้ายชานมเย็นนั้นไปด้วย

“น้ำอะไรนะ?”

“เค้าเรียกว่าหยินหยาง”

“ห่ะ?”

“เป็นการผสมกันระหว่างชาจีนกับกาแฟ สูตรเฉพาะของทางร้าน อร่อยนะ”

ผมหยิบแก้วมาดูดดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วมันก็อร่อยอย่างที่ได้ยินจริงๆครับ มันมีรสของกาแฟที่อ่อนลงและกลิ่นชานมหอมหวานออกมันนิดๆใส่น้ำแข็งเย็นๆดูดๆไปสดชื้นชิปหาย เออ ชอบวะ

“เป็นไง ชอบไหม?”

“อืม ชอบ”

ตอนนี้อารมณ์ดีแล้วครับ ได้กินของอร่อยๆใครก็อารมณ์ดีกันนี่เนอะ

“แล้วพี่ละ?”

“ยูทำไม?”

“ชอบกันบ้างรึยังครับมายเดียร์?”

...เชี่ย...

“อย่ามาเนียน กินไปเงียบๆเลย”

“อย่าเขินสิ”

“ป่าวเหอะ”

“แล้วหน้าแดงทำไม?”

“ป่าวนะ”

ขอร้อง อย่าจี้เยอะ เดี๋ยวกูหลุดแล้วจะยุ่งครับ

“คริส”

ผมเหลือบตาขึ้นไปมองคนเรียกทั้งที่ช้อนยังคาปากอยู่ กินไปกินมาก็จะหมดชิ้นเข้าให้แล้วนะครับ

“ชอบพี่เถอะนะ”

สัส ตัวโตอย่างกับควายหน้าเข้มอย่างกับยักษ์แต่มาทำท่าอ้อนช้อนตามองเป็นลูกแมวแสนเชื้องนี่มันใช่เหรอ

แต่ก็น่ารักดีวะ

น่ารักจนเผลอยิ้มกว้างทั้งที่สมองยังไม่ได้สั่งการเลยด้วยซ้ำ

“รักกันเถอะนะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้เสียใจ”

“แค่ลมปาก ใครก็พูดได้”

“เรื่องอุบัติเหตุเมื่อกี้ยังพิสูจน์ความจริงใจของพี่ไม่ได้อีกเหรอ?”

ผมเบ้ปากพลางไหวไหล่ไปอีก

“คริสตัล”

“อะไร?”

จะมาไม่ไหนอีกวะครับ

“อยากจูบ”

ไอ้เชี่ยพี่ทัต พูดมาได้ไม่อายปาก

แต่ก็ทำผมเขินได้แล้วกันอะ

โอ้ย ทำไมมันหน้าหนางี้วะ

“ยิ่งหน้าแดงๆแบบนี้ยิ่งอยากกอด อยากจูบแรงๆ หมอแก้มสักฟอดสองฟอดแล้วก็....”

“พอ!”

“จับถอดเสื้อผ้า...”

“บอกให้หยุดพูดไงวะ!”

“บีบตรงจุกเล็กที่หน้าอกเล่นเบาๆ...”

“ไอ้พี่ทัต!”

“บอกเค้าห่อกลับหมดนี่เลยได้ไหม?”

“อะไรของยู”

“ก็ที่นี้คนเยอะอะ ทำอะไรไม่สะดวกเลย กลับไปกินต่อที่ห้องดีกว่าเผื่อพี่จะได้กินของโปรดด้วยไง”

“จะไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป๊!!”

“หึหึ”


Tbc....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:48:39 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
เขิลลลลลจุงงงงง อิพี่รุกแรงมาก น้องจะไม่เขินไหวหรอ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รุกหนักจริง ๆ

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
อ๋อยยยยย ทำไมเขินงี้  :laugh:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 7



ตอนนี้ผมกำลังนอนโง่ๆอยู่ที่บ้านครับ จริงๆผมก็มีเรียนนะแต่ไม่รู้ทำไมอาจารย์ถึงพร้อมใจกันยกเลิกคลาสทั้งเช้าบ่ายจนว่างอย่างที่เห็นนี่แหละ อ้อ สำหรับคนที่อยากรู้เรื่องไอ้คนหน้าด้านเมื่อวานเดี๋ยวผมจะอัพเดตให้ฟัง คือพอกินเสร็จผมก็ขับรถไปส่งที่คอนโดและกะจะนั่งแท๊กซี่กลับแต่มันกลับบอกให้ขับรถมันมาเลย พอปฎิเสธก็ไม่ยอมลงจากรถจนต้องเออออตามจนแลมโบฯสีฟ้าเทาได้ถือฤกดิ์ดีมาจอดนอนแน่นิ่งอยู่ในอาณาบริเวณบ้านของผมซะงั้น

อดแปลกใจกับตัวเองไม่ได้เหมือนกันวะครับ ว่าทำไมช่วงนี้กูใจอ่อนกับมันจัง นี่กูกินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่าวะเห้ย

“เฮ้ย~”

“อ้าว นั้นใครมานอนถอนหายใจอยู่ที่โซฟาบ้านเราจ้ะนม ทำไมฉันไม่คุ้นหน้าเลย”

ผมกรอกตาทันทีที่ได้ยินเสียงหวานของผู้เป็นมารดาซึ่งคุณนายท่านกำลังเดินถือตะกร้าผลไม้เข้ามาพร้อมกับแม่บ้านคนสนิทที่ชื่อนม

“โถ่แม่ นี่ลูกชายสุดหล่อของแม่ไง”

“หืม ฉันมีลูกชายคนเดียวชื่อทีครอสนะ”

“แม่อ่า”

คุณท่านหัวเราะคิกคักชอบใจใหญ่เลยครับ ให้มันได้อย่างนี้สิ เห็นว่าหน้าตาดีที่สุดในบ้านแล้วก็ชอบแกล้งกันจริง ผมเบ้ปากใส่คุณนายของบ้านที่วางตะกร้านั้นไว้ที่โต๊ะแล้วจึงเข้ามานั่งเบียดจนผมต้องลงปรับมุมไปนอนหนุนตักซะเลย ยกมือกอดพร้อมกับมุดหน้าเข้าหาพุงด้วยเลยเอ๊า

“อ้อนเอาอะไรครับ ลุกขึ้นมากินผลไม้ม่ะ มีสตอเบอรี่ของโปรดน้องคริสด้วยนะ”

แม่มักเรียกผมแบบโคตรจะมุ้งมิ้งว่า ‘น้องคริส’ เป็นปกตินะครับ ส่วนไอ้พี่ครอสจะโดนเรียกว่า ‘พี่ครอส’ เรียกซะน่ารักชนิดที่ไม่ปรึกษาเพศของลูกกันเลยทีเดียว

ผมส่ายหน้าเข้าหาหน้าท้องแม่เพิ่มแรงอ้อนเข้าไปอีกจนแม่ลูบหัวมาเบาๆ นานๆทีคุณท่านจะว่างมาให้ผมอ้อนนี่ครับ ปกติไปแต่งานเลี้ยงงานสมาคมฯอะไรก็ไม่รู้ บวกกลับพักหลังๆผมไม่ค่อยได้กลับบ้านเร็วหรืออยู่บ้านนานๆนอกจากกลับมานอนสักเท่าไหร่ สรุปคือช่วงเวลาว่างไม่ตรงกับเลยทำให้พลอยไม่ได้เจอกันไปด้วยนั้นแหละนะ

“เงยหน้ามาสิ”

ผมเงยไปหาตามที่คุณท่านเอ่ยแล้วก็อ้าปากรับชิ้นสตอเบอรี่ครึ่งซีกนั้นเข้าปากเคี้ยวหงุบหงิบหวานฉ่ำกำลังดี โอ้ย อร่อยชิปหาย

“นอนกินไม่ดีนะลูก”

“ดีออก มีคนป้อนด้วย”

“หึ เอาอีกไหม?”

“เอาครับ”

คุณนายหัวเราะเสียงแผ่วแล้วก็นั่งป้อนสตอเบอรี่ผมต่อไปสลับกับหันไปสนใจโทรทัศน์ที่กำลังฉายรายการข่าวแวดวงสังคมไฮโซไฮซ้อทั่วไป

“จะว่าไป พี่ครอสออกรถใหม่เหรอจ้ะ?”

ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยพอนึกออกก็ร้องอ้อจนแม่ก้มลงมามอง

“ป่าวครับ นั้นรถรุ่นพี่คริส พอดีเค้าให้ยืมขับกลับมา”

“อ้าว แล้วเค้าไม่ต้องใช้เหรอ?”

“มันมีรถหลายคันครับ”

“น้องคริสพูดไม่เพราะ ไปเรียกรุ่นพี่ว่ามันได้ยังไง ไอ้การคุยห่ามๆเหมือนพี่ครอสนะทิ้งไปเลยนะ แม่ละไม่ชอบจริงๆ”

“ไม่ทันแล้วมั้งแม่”

แม่ส่ายหัวระอาแต่ผมกลับหัวเราะได้อะ ผมนอนอ้อนแม่ต่อสักพักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะความสุขซะงั้น ให้ตายสิ ไม่อยากลุกเลยวะครับ

“โทรศัพท์ดังไม่ใช่เหรอ ไม่ลุกมารับเดี๋ยวสายก็ตัดหรอกลูก?”

“ปล่อยให้มันตัดไปเลยแม่ คริสอยากนอน”

“อย่ามาทำนิสัยเสียแบบนี้ ลุกมาดีๆเจ้าเด็กไม่รู้จักโต”

“โอ้ยแม่ หยิกคริสทำไม คริสเจ็บนะ”

“ลุกเลย ถ้าพ่อโทรมาแล้วไม่รับแม่ไม่ช่วยแก้ตัวให้นะ”

ผมเบ้ปากให้คุณนายท่านไปทีก่อนจะผุดลุกขึ้นมานั่งแล้วคว้าเอาโทรศัพท์มาดู แต่ยังไม่ทันจะรับสายก็ตัดไปซะก่อน คนที่โทรมาคือไอ้มิกซ์ครับ เพราะงั้นไม่ต้องโทรกลับหรอกมั้งขี้เกียจคุย

“ใครละ?”

“เพื่อนครับ”

ผมตอบแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม เอื้อมมือไปหยิบองุ่นไร้เมล็ดมาพวงหนึ่งแล้วชูขึ้นเหนือปากก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปงับจากพวกมากินทีละลูก ปากเคี้ยวหนุบหนับตาจ้องมองทีวีจนโทรศัพท์แฝดเสียงร้องขึ้นมาอีกและก็เป็นคนเดิมมันนั้นแหละที่โทรเข้ามา

ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระกูจะด่าให้ลั่นบ้านเลย คอยดู

“เออ”

/รับช้าไอ้สัส โดนเสียบอยู่ไงวะ?/

กวนส้นตีน

“เดี๋ยวมึงจะถูกเอง”

ผมพยายามพูดแบบซอฟเต็มที่แล้วนะครับ แต่ก็ยังคงโดนคุณหญิงท่านจิกตาดุอยู่เป็นละลอก

“มีอะไรก็รีบๆพูดมา?”

/ใจเย็นดิวะ กูจะชวนมึงไปออนเดอะฟอล์กัน แต่ตอนนี้กูยังติดอะไรนิดหน่อยที่มหาลัย มึงมาหากูหน่อยดิ/

“เพื่อ? กูไปเจอมึงตอนดึกเลยดีกว่าไหม”

/โถ่ ไอ้คุณชายครับ คนอื่นเค้าก็อยู่ที่นี้กันหมดครับ มึงจะฝ่าเหล่าฝ่ากอไปถึงไหน/

“สัส”

เพี้ยะ!

“โอ้ย! คริสเจ็บนะแม่”

“พูดจาไม่เพราะเลยน้องคริส”

ผมทำหน้าหงอจนแม่ยอมลูบแขนตรงที่โดนตีเมื่อกี้ให้เบาๆ ได้ยินเสียงหัวเราะดังแว่วมากับสายด้วย

“หัวเราะหาพ่อง!”

“น้องคริส!”

“ครับๆ คริสไม่พูด(ให้แม่ได้ยิน)แล้ว คริสออกไปข้างนอกนะแม่”

ว่าแล้วผมก็ผุดลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังไม่ได้วางสาย

“กลับดึกใช่ไหม?”

“ครับ”

“ถ้าจะไปเมาไม่ต้องขับรถไป แล้วเอารถไปคืนเจ้าของเค้าก่อนนะ”

“ครับแม่”

ผมก้มลงหอมแก้มมารดาไปอีกสองฟอดแล้วจึงเดินกลับขึ้นห้องไปหยิบกระเป๋าตังค์และกุญแจรถ เอาโทรศัพท์(ที่เกือบลืมไปแล้วว่ายังต่อสายอยู่)ขึ้นมาแนบหูปรากฎว่าพวกเชี่ยนั้นยังไม่วางแต่แอบฟังทุกการกระทำของผมอยู่เงียบๆ โรคจิตป่าววะ

“กูกำลังออกไป แค่นี้แหละ”

/เดี๋ยวๆ มึงจะมายังไงครับน้องคริส หึหึหึ/

กูว่าละต้องโดนแซวเรื่องนี้ ปกติผมไม่ค่อยคุยกับแม่ให้พวกมันได้ยินไงครับ จะบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้

“เรื่องของกู”

ผมกดตัดสายใส่มันทันทีก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปยังชั้นล่างแล้วตรงดิ่งไปขึ้นแลมโบฯสีฟ้าเทาโดยทันที






“เชดดดดดดด วันก่อนยังเป็นแค่ตุ๊กตาหน้ารถ มาวันนี้แม่งเป็นเจ้าของรถเองเลยเว้ยเห้ย”

“เจ้าของเหี้ยดิ”

ผมด่าพร้อมกับปาถุงขนมแถวนั้นใส่ไอ้ปากหมาที่มาถึงยังไม่ทันจะนั่งก็เห่าหอนวะดัง คนมองกันให้พรึ๊บ จริงๆแล้วก็โดนมองตั้งแต่แลมโบฯคันหรูเข้ามาจอดเทียบริมฟุตบาทหน้าตึกแล้วแหละนะ ได้พวกสี่ตัวที่นั่งรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเลยได้เห็นแบบจะๆว่าผมมาด้วยรถอะไรและก็ไม่ต้องเดาด้วยว่ามันคือรถของใคร

“แล้วเจ้าของไปไหนละวะ ทำไมมึงได้ขับมาเอง ปกติมึงขี้เกียจขับรถจะตาย”

ไอ้แวนถามต่อเมื่อผมนั่งลงข้างๆไอ้นาย วันนี้ไอ้คมมามหาลัยได้แล้วครับ ถึงแม้จะยังมีผ้าก็อตพันอยู่รอบตัวก็เหอะ

“ไม่รู้”

“อ้าว”

สี่เสียงสอดประสานแต่ผมทำได้แค่ไหวไหล่

กำลังจะตอบไปว่าไม่ใช่กงการอะไรที่กูจะต้องรู้แต่ไอ้เจ้าของประเด็นกลับเดินตีหน้ามึนตรงเข้ามาทางที่ผมกำลังนั่งอยู่พอดี คือมึงรู้ได้ไงวะว่ากูอยู่นี่ แล้วจังหวะเวลาแม่งก็โคตรจะแม่น กูมาปุ๊บมันโผล่มาปั๊บ ยังกะเจ้ากรรมนายเวรยังไงยังงั้น แล้วมันไม่ได้มาคนเดียวด้วยนะครับ คราวนี้มันพาเพื่อนมาด้วยอีกสอง คนหนึ่งผมเคยเจอแล้วที่โรงอาหารแต่อีกคนไม่เคยแถมยังถือกีต้าร์มาด้วยอีก

“มารับพี่เหรอคริส?”

มาถึงปุ๊บก็วางมือแหมะไว้บนหัวผมปั๊บ ไม่จับกูไปดูดปากแลกลิ้นเลยละวะจะได้แสดงความเป็นเจ้าของได้อย่างแจ่มแจ้งกว่านี้ไปเลย แม่ง (กูประชดนะ)

“มั่นหน้าไปไหม ไอมาหาเพื่อน แล้วยูก็เอารถยูคืนไปด้วย”

“พี่ยังขับรถไม่ได้”

ตีหน้าซื่อพลางชูข้อมือที่ถูกพันอย่างกับมัมมี่มาเป็นพล็อบประกอบฉากไปอีก แล้วทำไมเพื่อนทั้งสองของมึงต้องหัวเราะด้วยวะ

“ก็ให้คนขับรถยูมาเอาไปสิ”

“ไม่ดีกว่า ฝากไว้กับคริสนั่นแหละดีแล้ว”

“ถามไอสักคำไหมว่าต้องการรึเปล่า?”

“ไม่ต้องการก็จะยัดเยียดให้ เหมือนอย่างที่ยัดเยียดความเป็นผะ..อุ๊บ!...”

เกือบไปละ เกือบอุดปากมันไม่ทันแล้วครับ

ลืมไปว่าสกิลความหน้าด้านของแม่งมีสูงขนาดไหน ผมสู้ไม่ไหวจริงๆวะเรื่องนี้

ไอ้พี่ทัตยิ้มขำเมื่อผมลดมือที่เอาไปอุดปากมันลงแต่ยังไม่ทันไรมันก็ดึงกลับไปจุ๊บเบาๆที่ฝ่ามือจนผมต้องรีบฉุดกลับมาในทันที เหี้ยละ สายตาแต่ละคนนี่โคตรจะแซวผมเลย ถ้าจะมองกันแบบนั้นมึงเอ่ยปากแซวกันมาตรงๆเลยก็ได้ กูไม่ว่าาาา แต่จะถีบแม่งเรียงตัวเลยสัส

“มองเหี้ยไรวะ!”

“วู้ๆ อย่าโหดครับเพื่อนคริส เขินก็บอกว่าเขิน”

“สัส!”

“ฮ่าๆๆๆ เอาเลยครับพี่ทัต เชิญต่อตามสบายผมรอได้แถมถ้ามีหนังสดให้ดูด้วยอีกจะยิ่งแหล่มเลย”

“สัสมิกซ์!!”

ผมจะถีบมันจริงๆนะถ้าไม่ติดโต๊ะเนี้ยโดนจัดหนักๆไปแล้ว ไอ้พี่ทัตแม่งก็เอาแต่หัวเราะเหมือนเพื่อนมันอีกสองคนที่เข้ามานั่งร่วมโต๊ะคุยกับพวกเพื่อนผมกันต่ออย่างหน้าตาเฉย

“แล้วไม่มีเรียนกันเหรอ ใส่ชุดไปรเวทมาทั้งนั้นเลย”

เพื่อนไอ้พี่ทัตถามขึ้นครับ

“อาจารย์ยกเลิกคลาสนะพี่ ทั้งเช้าทั้งบ่ายเลย ที่เข้ามหาลัยก็แค่มาช่วยไอ้ว่าที่เดือนมหาลัยมันซ้อม”

ไอ้แวนเป็นคนตอบและผมก็พึ่งรู้สาเหตุที่พวกนี้มารวมตัวกันก็ตอนนี่นั้นเอง

“ใครวะว่าที่เดือนมหาลัย?”

เพื่อนไอ้พี่ทัตอีกคนถาม

“ผมไง หล่อสุดในกลุ่มขนาดนี้พี่ไม่น่าถามเลยวะ”

กูอยากอ้วก แล้วแต่ละคนก็กรอกตาเบ้ปากใส่ไม่ต่างกันเลยสักนิด มึงสมควรพิจารณาตัวเองจากปฏิกิริยาของคนรอบข้างได้แล้วนะเชี่ยมิกซ์

“แล้วพี่เอากีต้าร์มาทำไมอะ?”

“ก็เอามาเล่นสิวะ รึมึงจะเอามาตกปลากิน”

ผมถึงกับหลุดขำ ไอ้มิกซ์มึงเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อแล้วสิมึง

“โห่พี่ ผมหมายถึงพี่เอามาทำไมไม่เล่น”

“มึงจะเล่นไหมละ?”

“ไม่อะ ผมเล่นไม่เป็น”

“เห้ย สมัยนี้ยังมีผู้ชายที่เล่นกีต้าร์ไม่เป็นอีกเหรอวะ?”

“มีดิ หล่อด้วย”

“มั่นหน้าสัส”

“นี่เลยๆ ไอ้คริสมันเล่นเป็นแถมเก่งด้วยนะเออ”

ผมแทบเหวอ มึงอย่ามาโยนให้กูงี้สิวะ

“หน้าหวานๆแบบนี้น่าจะร้องเพราะด้วยสินะ”

พี่แม่งพูดจาดูดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มีคำว่าหน้าหวาน เปลี่ยนเป็นหล่อแทนได้ไหมอะ

ผมไม่ตอบโต้อะไรแต่ยื่นมือไปรับกีต้าร์จากเพื่อนไอ้พี่ทัตมาเกาคลอเบาๆวอล์มนิ้วเล่นๆแต่เพื่อนมันผิวปากหวือเลยครับ กูก็ยิ้มไปสิ นี่ถือว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของผมเลยนะ แต่พักหลังๆมาไม่ค่อยได้เล่นสักเท่าไหร่เพราะมันแต่ไปแอ่วหนุ่มๆในบาร์ในผับแทน เหอๆ

“มึงเล่นเพลงนั้นดิคริส”

“เพลงอะไร?”

“เพลงที่มึงเล่นตอนรับน้องไง ชื่ออะไรนะไอ้แวน”

“ใจแลกเบอร์โทร?”

“พ่องมึงสิ!”

“ฮ่าๆๆ กูหยอกครับกูหยอก เพลงปล่อยใช่ม่ะไอ้คริส?”

ผมพยักหน้าให้แล้วก็บรรเลงเข้าสู่ท้วงทำนองทันที ไอ้แวนดีดนิ้วเป็นจังหวะควบคู่กับผมในขณะที่ไอ้มิกซ์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลฟ์สดอย่างไว

“สวัสดีครับชาวโซเชียล วันนี้กระผมนายมิกซ์ผู้แสนชิคและเต็มไปด้วยความหล่อเหลาภูมิใจนำเสนอ…แท๊นแท๊นแท่นนนนน….”

ผมส่ายหัวระอาพลางระบายยิ้มอ่อนๆเมื่อมันชูโทรศัพท์มาให้ติดหน้าผมและมันไปพร้อมๆกัน ผมไม่ได้มองจอและไม่ได้สังเกตุปริมาณผู้ชมหรือยอดไลน์ ผมเพียงแค่ดีดกีต้าร์ไปโยกตัวไปไม่มีเสียงขับร้องใดๆมีเพียงท้วงทำนองที่พริ้วไหวดุจสายลมและลื่นไหลดุจสายน้ำที่ค่อยๆไหลปลอบปะโลมหัวใจ

เล่นไปจนเกือบจบเพลงไอ้นายที่นั่งข้างผม(ทางด้านซ้ายและขวาเป็นไอ้พี่ทัต)ก็สะกิดไหล่ขึ้นมาผมเลยหันไปหาแต่ยังไม่ได้ถามมันก็ดึงคอเข้าไปใกล้กันหน้ามันและกระซิบกระซาบทั้งที่มือผมก็ยังคงดีดอยู่อย่างนั้น สิ่งที่มันบอกไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับมันแค่บอกชื่อเพลงที่อยากให้ผมเล่นเป็นเพลงต่อไปแต่ยังไม่ทันจะขึ้นอินโทรเพลงใหม่อย่างต่อเนื่องแขนผมอีกข้างก็โดนใครอีกคนฉุดให้ออกห่างจากไอ้นายจนมือผมหลุดจากการบรรเลงไปด้วย เมื่อเพลงหยุดทุกคนจึงชะงักและหันไปมองที่ตัวต้นเหตุเป็นตาเดียว

“จะดึงทำไมวะ?”

“เอากีต้าร์คืนไอ้เจไป”

“ห่ะ?”

“ก็บอกให้คืนมันไป ไอ้เจมาเอาไปดิ”

มันพูดเสียงหงุดหงิดเต็มกำลังทั้งๆที่บรรยากาศเมื่อกี้กำลังครื้นเครงได้ที่เลยนะครับ ทำไมชอบขัดความสุขคนอื่นจังวะ ผมยื่นกีต้าร์ไปให้เจ้าของที่พึ่งรู้ชื่อไปก่อนจะกลับมานั่งกอดอกตีหน้าเซ็งอยู่ที่เดิม

“เอาน่า อย่าพึ่งซีเรียสกันดี๊ น้องคริสเล่นไม่ได้งั้นเดี๋ยวพี่เจเจคนนี้จะเล่นให้เอง”

พี่แกเริ่มเล่นต่อในทันทีสบกับที่มีไอ้มิกซ์ที่ยังคงอัพเดตแบบเรียลไทม์ก็ยิ่งสร้างบรรยากาศให้สนุกขึ้นมาอีกครั้ง คนอื่นจะสนุกยังไงก็ช่างมันเถอะครับ เวลานี้กูหงุดหงิด ไอ้พี่ทัตก็เอาแต่จ้องหน้าในขณะที่ไอ้นายก็ปล่อยออร่าอึกครึ้มออกมาเช่นกัน กูคนกลางนี่โดนหนักสุดนะเว้ย พวกมึงจะไม่ชอบขี้หน้าหรืออะไรก็ช่วยไปเคลียร์ๆกันเองดิวะอย่ามาดึงกูไปยุ่งเกี่ยวด้วย กูไม่มีส่วนให้พวกมึงไม่ชอบขี้หน้ากันนะเว้ย

…เอ๊ะ หรือจะมีส่วน…

“กลับ”

การสั่งแบบนี้ เสียงแบบนี้ มีเพียงคนๆเดียวที่พูดและคนที่ถูกสั่งก็ไม่ใช่ใคร

แต่คิดว่าผมจะยอมไหมครับ แน่นอนว่าไม่ ผมยังคงนั่งเฉยทำทีไม่ได้ยินจนโดนฉุดแขนแรงๆนั้นแหละ กูร้องเลย

“เชี่ย! ไอเจ็บนะ!!”

“อย่าดื้อ”

“เห้ยๆ ใจเย็นๆไอ้ทัต จะรุนแรงไปทำไมว๊า”

“มึงหุบปากไอ้ฟีฟ่า”

“ปล่อยดิวะ!”

ผมไม่สนว่ามันจะเถียงหรือคุยกับใครแต่นาทีนี้กูเจ็บจริงและกูก็สะบัดจริงแต่ก็ไม่หลุด ผมกัดฟันกรอกด้วยความโมโหและไอ้นายที่นั่งอยู่ก็ผุดลุกขึ้นมาผลักอกไอ้พี่ทัตแรงๆจนมันเกือบเซ นี่ขนาดผลักแรงแล้วมันยังแค่เกือบเซนะครับ ผมที่โดนมันจับแขนอยู่เลยเซไปพร้อมกับมันแต่ยังดีที่ไอ้นายจับแขนผมอีกข้างไว้เลยไม่ได้ถล่าไปซบอยู่กับไอ้พี่ทัตเต็มๆ

“ปล่อย”

พึ่งเคยเห็นไอ้นายเล่นบทโหดและเป็นฝ่ายรุกก่อนวะครับ ปกติมันนิ่งและมีเหตุผลนะ ถ้าจะทีเรื่องคือมันจะดูสถานการณ์ก่อนและไม่เป็นคนเริ่มอย่างแน่นอนอะ

“ยุ่งอะไรด้วยไม่ทราบ?”

ไอ้พี่ทัตก็กวนตีนกลับซะงั้น มึงจะวางมวยกันกูไม่ว่า แต่ช่วยปล่อยมือจากกูให้กูได้หลบวิถี่หมัดของพวกมึงก่อนจะได้ไหมวะ แม่ง

“พี่ทำเกินไป เพื่อนผมเจ็บพี่ไม่เห็นรึไง”

“แค่นี้เนี้ยนะ หึ หนักกว่านี้ยังเคยทำมาแล้วด้วยซ้ำ”

“พี่แม่งเหี้ยวะ”

“ใจเย็นๆเว้ยไอ้นาย”

“กูควรเย็น? มึงก็เห็นว่าแม่งบังคับไอ้คริสขนาดไหน?”

ไอ้นายหันไปตะคอกใส่ไอ้แวนที่ทำทีจะเข้ามาห้ามจนมันเองก็สะอึก ผมได้แต่มองตามจะอ้าปากพูดแววตาของไอ้พี่ทัตก็ตวัดมามองประมาณว่าอย่างแม้แต่จะเอ่ยปากใดๆออกมาไม่งั้นคงไม่จบเพียงแค่นี้แน่

“ไอ้ทัตมึงก็ใจเย็นลงหน่อยดิวะ น้องมันก็ไม่ได้จะหนีไปไหนสักหน่อย”

“มึงไม่รู้อะไรนะสิเจ”

“ตอนนี้กูรู้อยู่อย่างเดียวคือพวกเรากำลังตกเป็นเป้าให้คนอื่นเค้ามุงอยู่นะเว้ย”

เอ๊าเวร ผมเองก็พึ่งรู้สึกตัว พอมองไปรอบๆนี่แทบจะลมจับ คนมุงกันให้แซดเลยครับ โทรศัพท์หลายสิบเครื่องโชว์หลาจ่อกล้องมาทางเราแล้วด้วยซ้ำ กูดังอีกแล้วสิเนี้ย แต่ไอ้สองคนนี้มันไม่สนใจเลยสักนิด เอาแต่จ้องหน้ากันเหมือนในหัวสมองกำลังรบกันอยู่ก็ไม่ปาน ถ้าใครหลบตาก่อนคือน็อคเอ๊าอะไรเทือกนั้น…เออ กูก็คิดไปได้เนอะ…

“ปล่อยมือก่อน ทั้งคู่เลย”

ไอ้นายเหลือบตามามองผมสลับกับไอ้พี่ทัตจนยอมปล่อยในที่สุด เมื่อไอ้นายยอมปล่อยผมเลยหันไปสบตาดุๆใส่ไอ้คนที่ยังไม่ยอมจนมันยอมปล่อยด้วยอาการฉุนเฉียวเล็กๆ

“เอาละครับคุณผู้ชม ในเมื่อนางเอกของเราว่างเว้นจากการถูกจับกุมด้วยสองหนุ่มเราจึงมีโอกาสแทรกตัวเข้าไปสัมภาษณ์กันสักนิด คุณคริสครับ ไม่ทราบว่ารู้สึกอย่างไรที่เป็นบุคคลพิเศษจนโดนยื้อแย่งด้วยสองหนุ่มหล่อแต่น้อยกว่าผมแบบนี้”

“รู้สึกว่าอยากถีบมึงมากครับเชี่ยมิกซ์”

“สัส พูดไม่เพราะออกอากาศเลยนะมึง”

“มึงหลุดยิ่งกว่ากูอีกนะมิกซ์ แล้วก็หยุดถ่ายได้ละก่อนที่จะโดนก็จับขว้าง”

“เออๆ แม่งกำลังสนุกเลยสัส”

กูขอโบกมันเป็นค่ามัดจำก่อนได้ไหมวะ

“ทัต”

ผมตัดสินใจหันไปหาคนตัวใหญ่ที่ยังคงยืนกอดอกตีหน้าบึ้งอย่างกับยักษ์วัดแจ้งอยู่ใกล้ๆ

“กลับไปเถอะ วันนี้ไอมีนัดแล้ว”

“นัดไหนกับใคร?”

“ไอจำเป็นต้องตอบด้วยเหรอ? บอกว่าไม่ว่างก็คือไม่ว่าง ถ้าขับรถไม่ได้ก็ให้เพื่อนพากลับดิ คงขับรถได้ใช่ไหมครับ?”

ประโยคหลังผมหันไปถามเพื่อนมันทั้งสองและพวกเค้าก็พยักหน้ารับเหลือแต่ไอ้ตัวการที่ยังง่องแง่งไม่เลิก

“ตอบพี่มา”

“อย่ามาเยอะ”

“หรือจะเอาให้เยอะกว่านี้ก็ได้นะคริส”

“ไปไกลๆตีน”

“คริส”

“โว๊ะ ก็นัดกับไอ้พวกนี้นั้นแหละ พวกไอจะไปดริ้งส์กันต่อ จบไหม?”

“ไม่”

สัส!

“จะไปที่ไหนและกี่โมง?”

“ยูไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ที่ไอต้องรายงานนะทัต แม้แต่คนในครอบครัวจริงๆไอยังไม่เคยรายงานเลยด้วยซ้ำ”

“แต่พี่คือผัว!”

เชี่ย

เสียงดังสัสๆ

“ทัต!”

“ตราบใดที่ยังไม่ยอมรับพี่ก็จะพูดจะประกาศอยู่แบบนี้ต่อไป ลองดูสิว่าจะยังมีใครที่ไม่รู้ถึงสถานะของเราบ้าง”

“Damn it!”

“ไปขึ้นรถ แล้วจะไปที่ไหนตอนกี่โมงค่อยว่ากัน”

“ยูไม่มีสิทธิ์มาสั่งไอ”

“อยากจะให้ย้ำอีกใช่ไหมคริส คราวนี้เอาเสียงดังกว่าเมื่อกี้แล้วกัน”

“Shit!!”

“คริส ไปกันเถอะ อย่าไปสนใจพวกบ้าอำนาจเลยวะ”

ผมหันไปมองคนพูดอย่างไอ้นายที่ยังคงจ้องไปที่ไอ้พี่ทัตเขม่ง ไอ้พี่ทัตก็จ้องตอบอย่างไม่ยอมรามือ

“ไปขึ้นรถซะคริส”

“คริส”

เสียงไอ้พี่ทัตกับไอ้นายเอ่ยสลับกันไปมาจนผมแทบกุมขมับ เกิดมาหน้าตาดีเสน่ห์ล้นเหลือเลยต้องทำใจอย่างนี้ใช่ไหมครับ โอ๊ะ อย่าพึ่งอ้วกกันนะ ขอยาระงับประสาทให้ผมก่อน ผมจะบ้าตายแล้วเนี้ย

ปรี๊นๆ

เสียงแตรรถดังสนั่นลั่นมาจากทางด้านหลังจนทุกคนต้องหันไปมอง และเมื่อเห็นต้นตอของเสียงผมก็ยิ้มกว้างออกมาทันที

เป็นครั้งแรกที่ผมโคตรรู้สึกดีที่ได้เจอหน้าไอ้พี่ครอสเลยวะครับ

“กูไปนะไว้เจอกันที่ร้าน ส่วนยูให้เพื่อนไปส่งซะ บาย”



Tbc….

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:49:07 โดย MyMinT1990 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
รอดจากสมรภูมิ เฮ้ออออ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เกลียดพี่ทัตว่ะ รู้สึกจะบังคับน้องมากไปมั้ย ก็รู้ว่ารู้สึกหวงแต่น้องมันยังไม่รับเป็นแฟนนะ อย่าเยอะได้ป่ะเป็นห่วงก็ตามดูห่างๆ  รู้สึกอึดอัดแทนน้องเลยเนี่ย ไม่มีอิสระเลย

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรกันนะ
ทัตเยอะไปว่ะ ทำเป็นบังคับนู่นนี่
ตัวเองยังไม่มีสถานะนะคะ จำไว้หน่อยยู
จริงๆรำนางมาหลายตอนละ
เป็นผัวแล้วไงอ่ะ ไม่ใช่พ่อ แค่คู่นอนเนาะ
สำคัญตัว

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
นายชอบคริส? บางทีพี่ทัตอาจจะมองออก แต่พี่ยังไม่ได้มีสถานะมากกว่าคู่นอนของคริสนะ หึงได้แต่ไม่ควรแสดงออก (ทำเฉยแล้วตามไปแอบดู หรือเก็บกลับบ้านตอนน้องเมาดีกว่า)

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 8




“มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า?”

ผมหันไปมองคนถามที่พึ่งจะเอ่ยปากหลังจากที่ผมขึ้นมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถได้สักพัก ไอ้พี่ครอสไม่ได้มารับผมกลับบ้านแน่เพราะทางที่มันขับมาเป็นคนละทิศกับบ้านเราเลย

“ป่าวนี้”

“เหรอ”

“ทำไมถึงถามงั้น?”

“ก็เห็นบรรยากาศแปลกๆเลยบีบแตรเรียก จริงๆก็แค่ไปส่องดูเห็นว่าแกขับรถของคนอื่นกลับบ้าน”

เมื่อคืนไอ้พี่ครอสมันไม่ได้กลับมานอนบ้านครับ เห็นบอกว่าไปสิงค์โปรแล้วกลับดึกแถมเหนื่อยจัดเลยอยู่นอนที่โรงแรมแถวสนามบิน ผมว่ามันตอแหลนะ เมื่อก่อนดึกขนาดไหนมันก็กลับไม่เหมือนผม มันต้องมีแอบซุกแฟนซุกกิ๊กไว้ไม่บอกน้องแหง่มๆ

“แล้วนี่จะพาผมไปไหน ผมมีนัดตอนเย็นนะ”

“นี่ก็เย็นแล้ว”

“หมายถึงช่วงค่ำๆนะ โว๊ะ พี่อย่ามานอกเรื่องดิ ตอบมาจะพาผมไปไหน?”

“ไปบริษัท”

“ไปทำไม?”

“ไปเอารถให้แกขับไง จะได้ไม่ต้องเอารถของชาวบ้านเค้ามาขับ”

“ผมไม่เอา แล้วนั้นมันก็เหตุสุดวิสัยด้วย”

“จะสุดไม่สุดพี่ก็ไม่ชอบทั้งนั้น ถ้าไม่ขับเองก็ให้คนขับมารับมาส่ง ไม่ใช่ไปอาศัยคนอื่นเค้าอย่างกับเราไม่มี”

“โอ้ยยยย พี่แม่งคิดเยอะวะ ไอ้พี่ทัตมันข้อมือซ้นเพราะช่วยผมจากอุบัติเหตุเลยขับรถไม่ได้ พอไปส่งมันที่คอนโดผมจะนั่งแท๊กซี่กลับมันเลยให้รถขับกลับแทน เข้าใจป่ะ?”

“อุบัติเหตุอะไร?”

ทำไมผมรู้สึกกดดันแปลกๆด้วยวะครับ แถมเหมือนพี่ผมจะเหยียบคันเร่งหนักกว่าเดิมอีก

“รถเฉี่ยวนะ”

“แล้วเป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ไม่เป็นอะไร ยังไม่โดนแถมยังขับหนีไปเฉย”

“แถวไหน? เดี๋ยวจะติดต่อขอดูกล้องวงจรปิดแถวนั้นให้”

“เห้ยพี่ ไม่ต้องๆ”

“ไม่ได้ ถ้ามีลงมาดูมาถามไถ่ยังพออภัย แต่หนีอย่างนี้แม่งต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

พี่ผมนอกจากจะใจร้อนใจเร็วแล้วยังอารมณ์ร้อนอีกนะครับ ประมาณว่าข้าเจ๋งข้าแน่อย่ามาแหย่มถ้ายังกลัวตาย ผมละอยากให้พี่ผมเปลี่ยนอาชีพจากนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงไปเป็นยากูซ่าซะจริง ท่าจะรุ่งกว่ากันเยอะ

“ตอบมา”

“แถวประตูสามอะ แต่ไม่ต้องไปเอาเรื่องเค้านะ ผมไม่เป็นอะไรซะหน่อย”

ไอ้พี่ครอสจิ๊ปากนิดหน่อยแต่เป้าหมายพี่แกก็ยังคงเดิมครับ ผมนั่งนิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแล้วก็พบว่าความบรรลัยที่แท้จริงพึ่งจะเริ่มต้นขึ้นนี้เอง ไอ้เหี้ยมิกซ์เล่นกูแล้ว มันปล่อยไลฟ์สดไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงยอดวิวยอดแชร์แม่งสนั่นโซเชียลมาก แถมคอมเม้นต์แต่ละคนนี้ไม่อยากจะอ่านเลยวะครับ ผมยกมือข้างที่ว่างกุมขมับแล้วนวดวนไปมาจนพี่ครอสมันเหลียวมามอง

“ปวดหัว?”

“นิดหน่อย”

“งั้นคืนนี้ก็นอนพักซะ ไม่ต้องออกไปไหน”

“ไม่ถึงขนาดนั้นป่าววะพี่ แค่ปวดประสาทกับไอ้มิกซ์”

พี่แกขำหึเลยครับ พี่ครอสมันรู้จักเพื่อนผมทุกคนไงมันเลยพอรู้ว่าแต่ละคนมีนิสัยยังไงและเชี่ยมิกซ์มันเป็นประเด็นที่ผมเอาไปบ่นกับพี่แกบ่อยๆด้วย ผมเปลี่ยนใจหันมาเล่นเกมส์แทนไม่นานก็มาถึงตึกสูงระฟ้าอันเป็นสถานที่ทำงานหลักของธุรกิจในเครือบ้านผม พี่ครอสมันขับวนขึ้นไปจอดที่ชั้นบนจนผมเห็นรถสปอร์ตหรูสองที่นั่งป้ายแดงและสีแดงไปทั้งคัน โคตรแซ่บ แต่มันเป็นของใคร?

“นั้นรถใคร?”

ผมชี้ถามเมื่อพี่ชายลงจากรถตามหลังมา

“ของวิเวียน””

“หืม เลขาพี่รวยถึงขนาดถอยเบนซ์ป้ายแดงเลยเหรอ?”

จริงๆก็รุ้จัว่าเงินเดือนเลขาผู้บริหารระดับบิ๊กมันก็ต้องได้เยอะเป็นธรรมดาแต่ก็อดจะท้วงไม่ได้จริงๆวะครับ

“อยากได้รึไง?”

“ป่าว”

“เข้าไปข้างในกัน”

“จะให้ผมเข้าไปทำไม มาเอารถไม่ใช่อ่อ”

“เข้ามาก่อนเหอะน่า”

ผมเบ้ปากแล้วจึงเดินตีคู่เข้าไปในตึกพร้อมกับพี่ชาย ระหว่างทางเจอพนักงานเค้าก็ทักทายทำความเคารพพี่ครอสเหมือนปกติแต่ที่ไม่ปกติคือสายตาสงสัยว่าผมโผล่มาได้ยังไงประมาณนั้น ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าผมไม่ยุ่งกับธุรกิจทุกอย่างของบ้าน ผมชอบที่จะอยู่เป็นอิสระแบบนี้และพี่ผมก็ไม่ได้บังคับอะไร ผมเลยไม่จำเป็นที่จะต้องมาตึกนี่บ่อยๆ เท่าที่จำความได้น่าจะมาแค่สองสามครั้งแต่ก็แค่เข้ามาเอาของให้พี่ชายแล้วก็กลับ จะอยู่นานหน่อยก็ตั้งแต่งานเปิดตัวตึกนี้อย่างเป็นทางการนั่นแหละ เรียกว่าเป็นการออกงานสังคมในนามของน้องชายผู้บริหารเป็นครั้งแรกเลยมั้ง หลังจากวันนี้กระแสสังคมถามหาผมกันให้กรึ่มแต่ผมไม่โผล่ไปสักงานจนเลิกลาและซากันไปเอง

“กลับมาแล้วเหรอคะคุณทีครอส อ้าว สวัสดีคะคุณคริสตัล”

สาวสวยใบหน้าคมเข้มที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางนานาชนิดเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมเดินคู่กับเจ้านายของเธอ

“สวัสดีครับพี่วิเวียน”

ผมทักแค่นั้นแล้วก็เดินตามพี่ชายเข้าไปในห้องทำงาน ภายในห้องที่กว้างขวางนี้มีโต๊ะทำงานและโซนโซฟานั่งเล่นที่มุมห้อง นอกนั้นก็เป็นแค่ตู้โชว์พวกโล่รางวัลและใบประกาศอะไรอีกเยอะแยะ ผมเลือกที่จะไปนั่งลงที่โซฟาในขณะที่พี่ชายเดินตรงไปนังโต๊ะทำงาน

“ลุกขึ้นมานั่งดีๆดิคริส”

มันเอ็ดเมื่อเห็นผมเริ่มเลื้อยจากที่นั่งก็จะกลายเป็นนอนลงไปละ

“ผมขอสักงีบนะ”

“ก็บอกว่าให้นอนพัก”

“ก็งีบหนึ่งนี่ไง”

“ไอ้ดื้อเอ๊ย”

แล้วผมก็หลับไปจริงๆครับ หลับแบบหลับลึกเลยด้วยตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่มุกอย่างภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากภายนอกที่ส่องสว่างผ่านบานกระตกหนาด้านหลังโต๊ะทำงานของไอ้พี่ครอสนั้นแหละที่ส่องเข้ามา ส่วนไอ้พี่ชายผมมันก็นั่งหันหน้าออกข้างนอกมองวิวไปพร้อมกับวนแก้วไวน์ในมือไปมา ผมเห็นแค่มือข้างเดียวที่โผล่จากเก้าอี้ของมันมาครับเลยไม่รู้ว่ามันกำลังทำสีหน้าแบบไหนแล้วคิดยังไงถึงไม่เปิดฟงเปิดไฟวะ

“พะ…”

Rrrrrr

ไอ้พี่ครอสขยับตัวนิดหน่อยเพื่อรับสายที่โทรเข้ามาในจังหวะเดียวที่ผมกำลังจะเอ่ยเรียกพี่ชาย

“อืม…พูดมาแต่ส่วนหลักปลีกย่อยค่อยเข้ามาหาฉันในวันพรุ่งนี้พร้อมเอกสารและรูปถ่าย….มั่นใจนะ…โอเค แค่นี้ก่อนไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่…อืม”

แล้วก็เงียบไปหลายนาทีจนผมคิดว่ามันคงวางสายไปแล้วจึงเอ่ยปากทักอีกครั้ง

“พี่ครอส”

มันหมุนเก้าอี้หันมาทางผมก่อนจะวางแก้วแล้วกดรีโมตเปิดไฟซะสว่างโร่ เล่นเอาผมต้องหลับตาเพื่อปรับทัศนียภาพใหม่

“ตื่นแล้วเหรอ”

“คงยังมั้ง”

“กวนตีนนะไอ้น้อง”

“กี่โมงแล้วอะ?”

“สามทุ่มครึ่ง”

อื้อหือ ผมนอนยาวไปร่วมสี่ชั่วโมงเลยวะครับ

“ยังปวดหัวอยู่ไหม?”

เห็นโหดๆกวนตีนๆแต่พี่ผมก็ห่วงผมที่สุดเสมอ

“ไม่อะ แค่มึนๆเพราะพึ่งตื่น”

“มาเอาน้ำไปกิน”

ผมลุกขึ้นไปรับแก้วน้ำเปล่าที่คาดว่าเป็นของมันแต่มันไม่กินมายกขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้ว พึ่งรู้ตัวว่าหิวน้ำก็ตอนมีน้ำไหล่ลงคอนี่แหละนะ

“จะไปกี่โมง?”

“สักพักมั้ง ไอ้พวกนั้นยังไม่โทรตามเลย”

“นี่กุญแจรถ”

มันพูดพลางยื่นกุญแจมาให้ตรงหน้า ผมหันหน้าหนีแล้วเบ้ปาก ไม่อยากขับนะจริงแต่ถ้าไม่รับเดี๋ยวมันก็เทศนาเอาอีก

“แล้วเรื่องคอนโดนะ เลิกคิดไปได้เลย”

“ได้ไงอะ!?”

“ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ”

“แต่นี่มันผมไม่ใช่พี่!”

“แต่แกก็ยังใช่นามสกุลเดียวกับฉันอยู่ เพราะงั้นก็ทำตามที่ฉันบอกซะ เลิกคิดแล้วถ้ายังอยากอยู่คอนโดก็ไปเลือกเอาที่เป็นโครงการของเรา”

“พี่แม่งไม่แฟร์เลยวะ”

“กูแฟร์ที่สุดแล้วคริส”

“อย่ามาทำเป็นพูด เรื่องรถผมยอมรับมาขับเองก็ได้แต่คอนโดผมไม่ยอมวะ”

“มันจะอะไรกันนักหนาวะคริส กะอีกแค่ห้องให้ซุกหัวนอนไปวันๆ”

“พี่จะมาเข้าใจอะไรผมละ วันๆอยู่แต่กับงานคุยอยู่แต่เรื่องธุรกิจ จะมารับรู้ชีวิตคนอื่นจะมาเข้าใจความต้องการของคนอื่นได้ยังไงในเมื่อพี่คิดแต่ในสิ่งที่พี่สนและทำแต่ในสิ่งที่พี่ต้องการ แล้วพอผมจะทำจะเอาบ้างทำไมต้องมาห้าม ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจทุกอย่างอยู่แล้ว จะให้ผมถอนตัวจากกองมรดกเลยก็ได้!!!”

“อย่ารวน ตอนนี้กูคุยเรื่องคอนโดอยู่อย่าลามไปเรื่องอื่น”

“ช่างหัวผมเถอะน่า!”

ว่าจบก็หุนหันออกจากห้องมาโดยที่ไม่สนคำทักท้วงใดๆอีกเลย ดีที่ไอ้พี่ครอสมันไม่ตามออกมา ผมเดินมากดลิฟท์ลงไปชั้นล่างสุดเพื่อเรียกแท๊กซี่ คือผมไม่ได้หยิบกุญแจรถมันมาไงครับ ที่ผมฟิลขาดนั้นก็เพราะผมฉุนที่ไอ้พี่ครอสมันสัญญาแล้วว่าจะให้คอนโดที่ผมต้องการ แต่มาเป็นแบบนี้มันเลยเหมือนคนไม่รักษาสัญญา ใจหนึ่งก็รู้ว่ามันห่วงแต่ผมไม่เห็นว่าจะมีอันตรายอะไรเลย

“ไป####ครับพี่”

ผมบอกกับแท๊กซี่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแชตหาเพื่อนเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัว ไอ้พวกนั้นมันบอกว่ากำลังออกไปที่ร้านเหมือนกันใครไปถึงก่อนก็ไปนั่งได้เลยเพราะไอ้มิกซ์มันจองโต๊ะไว้แล้ว ผมไม่ได้โกรธไอ้พี่ครอสมันมากนักหรอกครับ เมื่อกี้ก็แค่ฉุนเฉียว เดี๋ยวผ่านคืนนี้ไปก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ พวกเราสองคนทะเลาะกันบ่อยด่ากันจนเป็นเรื่องปกติแต่ไม่เคยจะยาวนานเลยสักครั้ง มากสุดก็สองวันแค่นั้นแหละ

ผมมาถึงที่ร้านก่อนเพื่อนเพราะพี่แท๊กซี่พาดิ่งมาอย่างไว ไม่รู้เพราะกลัวเอารถกลับไม่ทันหรือกลัวโดนผมฆ่าเนื่องจากสายตาและบรรยากาศโคตรอึกครึ้ม ผมจ่ายเงินให้เกินตัวเลขและไม่เอาเงินทอนแล้วก้าวลงจากรถ เมื่อเดินขึ้นบันไดไปยังหน้าประตูการ์ดแทบจะปูพรมแดงให้ผมเดินเลยด้วยซ้ำครับ ไม่ใช่อะไรหรอกแค่ผมโชว์บัตรวีไอพีให้เค้าดูก็แค่นั้น กลุ่มผมมีกันทุกคนครับเพราะที่นี้คือร้านของญาติไอ้มิกซ์เองและบัตรนี้จะมีเพียงสิบใบเท่านั้น อยู่กับพวกผมไปแล้วห้า ส่วนอีกห้าจะอยู่ไหนก็ช่างมันเถอะ

ผมเดินตามพนักงานเข้าไปยังโซนโซฟาด้านข้างที่ไอ้มิกซ์จองไว้รอไม่นานเครื่องมือที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ ผมยกขึ้นกระดกทันทีดับความโมโหที่ยังคุกรุ่นอยู่ภายในใจจนหมดไปเกือบๆห้าแก้วไอ้พวกเพื่อนตัวดีมันถึงโผล่หัวกันมา

“ช้าโคตร”

“มีอุบัติเหตุรถเลยติดกะทันหัน”

ไอ้นายเป็นคนตอบแล้วจึงนั่งลงข้างๆผมส่วนอีกฝั่งก็เป็นไอ้แวนไอ้คมและจบลงที่ไอ้มิกซ์

“โมโหอะไรมาวะ ยกเอายกเอาอย่างกับกลัวใครแย่งงั้นแหละ”

ผมไม่ตอบไอ้แวนแต่ยกแก้วขึ้นดื่มต่อและก็เป็นไอ้นายที่ตอบมันแทนแถมเสือกถูกซะด้วย

“ทะเลาะกับพี่ครอสมาอีกนะสิ”

“ทำไมมึงรู้?”

ไอ้นายโชว์โทรศัพท์ของมันที่เป็นห้องแชตที่มีข้อความจากใครบางคนบอกว่าช่วยดูผมด้วย ไม่ต้องถามเลยว่าเป็นใครเพราะชื่อที่โชว์หลาเป็นสัญลักษณ์รูปไม้กางเขนนั้นเป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนอยู่แล้ว

“มึงเป็นสายให้พี่กูเหรอ?”

“สายบ้าอะไร พี่เค้าเป็นห่วงมึงก็แค่นั้น”

“เอามาดูอีกดิ”

ผมจะคว้าเอาโทรศัพท์มันมาดูอีกรอบเผื่อมันคุยกันเกินเลยกว่านั้นประมาณว่าไปเผาอะไรผมไว้งี้แต่ไอ้นายกลับไวกว่า มันชูขึ้นเหนือหัวหนีผมได้อย่างทันท่วงที แหมะ ส่วนสูงมึงกับกูก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลยนะ ว่าแล้วผมก็แสยะยิ้มเขย่งตัวไปแย่งเอาใหม่จนยื้ออีท่าไหนไม่รู้ให้สะดุดล้มทับมันไปโครมใหญ่เรียกเสียงหัวเราะจากไอ้บ้าทั้งสามตัวที่เหลือไปซะงั้น

“ชิป”

ผมอุทานแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่งพอดีกับที่ได้นายมันเผลอผมก็ฉกเอาโทรศัพท์มันมาได้ในที่สุด ผมกดยิ้มที่มุมปากพลางตีคิ้วกวนๆส่งกลับไปให้จนโดนมันกอดคอขยี้หัวด้วยความหมั่นเขี้ยว

“เอาจริงๆนะ ถ้าพวกกูไม่รู้จักมึงทั้งคู่มาก่อนกูคงคิดว่าพวกมึงเป็นคู่ผัวเมียกันแหง่งๆ”

ผมทำท่าจะถีบไอ้คนพูดอย่างไอ้แวนทันทีที่มันพูดจบจนมันสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้ทำจริงหรอกครับ

“คิดส้นตีนอะไร ไอ้นายมันไม่ใช่เกย์ พูดงี้มันเสียหายนะเว้ย”

“แหมะๆ มีออกโรงปกป้องซะด้วย”

“มึงมาลองเป็นเมียกูดูไหมมิกซ์ เดี๋ยวจัดหนักจัดเต็มให้ชนิดที่ไม่ฟ้าเหลืองกูไม่หยุดอะ”

“เชี่ยคริส กูขนลุกเลยสัส”

“เห็นมะ แล้วมึงคิดว่าไอ้นายจะไม่รู้สึกเหมือนมึงรึไง”

“กูไม่เห็นจะรู้สึกอย่างมันเลย”

ผมชะงักทันทีก่อนจะขมวดคิ้วแล้วหันไปมองที่คนพูดด้วยความไม่เข้าใจ ไอ้นายนั่งลอยหน้าลอยตายกแก้วของมันขึ้นมาดื่มเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่พูดออกมา

“มีอะไร จ้องกูกันทำไม?”

“ไอ้นาย อย่าบอกนะว่ามึงเองก็แปรพรรคแล้ว”

“แปรพรรคอะไรของมึงคม?”

“ก็มึงบอกว่า…”

“กูหมายถึงเป็นไอ้คริสนะกูไม่เป็นไรเพราะคุ้นกันอยู่แล้วแต่ถ้าเป็นคนอื่นกูถีบเปรี้ยง”

“อ้ออออออออ~”

ผมยกแก้วขึ้นดื่มบ้างแต่ก็ยังไม่หายแครงใจนะ ผมพยายามเลิกสนใจความตะขิดตะขวงใจนี้โดยการพูดคุยเรื่องอื่นกับคนอื่นไปเรื่อยๆจนแต่ละคนเริ่มหันเหความสนใจไปยังสาวๆที่กำลังแดดิ้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แปลกอยู่นิดหน่อยตรงที่ผมไม่คิดจะกวาดสายตามองหาเป้าหมายเหมือนอย่างที่ชอบทำเวลามาเที่ยวแบบนี้เลย ไม่รู้สินะแต่เหมือนผมจะอิ่มตัวแปลกๆ เหมือนอยากจะหยุดเรื่องแบบนี้ไว้สักพักก่อนอะไรแบบนั้น

“จะไปไหนวะ?”

ไอ้นายหันมาถามเมื่อเห็นผมลุกขึ้นยืน

“ไปห้องน้ำ”

“ให้ไปเป็นเพื่อนไหม?”

“ไม่ต้องๆ กูยังไม่เมาไม่ไปฉุดใครเค้าหรอกน่า”

“กูกลัวมึงจะโดนฉุดต่างหากละไอ้ควาย มึงไม่รู้สึกตัวเลยเหรอว่าคนที่จ้องจะงาบมึงมีเยอะขนาดไหน?”

ผมส่ายหัวหวือเลย ก็วันนี้ไม่มีอารมณ์มองไงเลยไม่ได้สนใจอะไร

“เออๆ จะไปก็ไป เร็วกูจะราดละเนี้ย”

ไอ้นายส่ายหัวยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นผมเลยเดินนำมันไปที่ห้องน้ำดีหน่อยที่ไปถึงห้องประตูก็ว่างพอดี ผมไม่ชอบฉี่ใส่โถด้านนอกครับรำคาญสายตาคนไง ผมเข้าไปจัดการธุระจนเสร็จออกมาล้างไม้ล้างมือเรียบร้อยถึงออกมาหาไอ้นายที่ยืนรออยู่แถวหน้าประตู แต่เมื่อไปถึงไอ้นายมันกำลังถูกรุมโดยสาวๆหุ่นสะบึ้มอยู่เลยครับ ถ้านางเดียวก็คงเอาไหวแต่นี่มันสามนางเลยนะเว้ย เพื่อนกูฮอตสัสๆ

“อ๊ะ ขอโทษนะครับพอดีเพื่อนผมออกมาแล้วนะ”

ทุกสายตาหันมามองผมทันทีที่ไอ้นายโยนขี้มาให้ เพื่อนเวรเอ๊ย ผมยกยิ้มในแบบปกติแต่เสียงกรี๊ดตอบกลับมาซะดังขนาดนี้คงไม่ปกติในสายตาเจ้าหล่อนทั้งหลายสินะ เมื่อเห็นผมปุ๊บสองในสามนั้นเลยเดินเข้ามาเกี่ยวแขนผมทันทีเลยด้วย

“เพื่อนหล๊อหล่อนะคะ พูดไทยได้รึเปล่าเอ่ย?”

“ได้ครับ”

“หุ้ย เริศเฟ้อ สนใจไปต่อด้วยกันไหมคะสุดหล่อ?”

“ไม่เป็นไรครับ พอดีผมไม่สนใจผู้หญิงนะ”

“หืม เป็นเกย์เหรอเนี้ย โอ้ย เสียดายน้ำเชื้ออะ หน้าตาดีอย่างนี้สนใจฝากสเปิร์มไว้กับเค้าไหมตัวเอง แต่ต้องฝากด้วยเจ้านั้นเท่านั่นนะ คริคริ”

แรงส์!

ผมแทบผงะแต่ก็ขยับไม่ถนัดสักเท่าไหร่เพราะยังคงดึงทึ้งอยู่ด้วยสองสาวที่ขนาบซ้ายขวา ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้นายที่ยืนยิ้มกลั่นขำเต็มที่จนน่าถีบด้วยสองขาหน้า ไหนบอกมาเพื่อกันผมโดนฉุดไงวะ นี่ไงกำลังจะโดนฉุดอยู่ละแม่งยังยิ่งแถมยังมายิ้มใส่อีก แม่ง

ผมกำลังจะอ้าปากด่าแต่เสียงยังไม่ทันได้ออกก็โดนใครบางคนเอื้อมมือมาจากทางด้านหลังดึงหน้าให้หันไปหาแล้วก้มลงมาปิดปากผมด้วยปากของมันเอง

ไอ้พี่ทัต!

ผมแทบไม่ได้ยินเสียงหวีดร้องรอบข้างเพราะมัวแต่ตะลึงกับการโผล่มาของมัน มาได้ยังไงแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

“ขอโทษนะครับสาวๆ ผมขอตัวแฟนผมคืนจะได้ไหม?”

ผมกระพริบตาปริบๆในขณะที่สาวทั้งสองเองก็พยักหน้าอึ้งๆจนปล่อยมือจากแขนผมในที่สุด ไอ้พี่ทัตยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณเบาๆแล้วจึงกึ่งลากกึ่งจูงผมไหนหลุดไปจากสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความมึนงง แม้แต่เสียงร้องเรียกของไอ้นายยังไม่เข้าหูผมเลยอะ

“ทัต”

ผมเอ่ยเรียกเมื่อมันพาผมออกมาจากด้านในร้านและไปยืนหลบมุมอยู่ที่ข้างราวระเบียงที่มีต้นไม้เกาะเกี่ยวจนดูเหมือนเป็นระเบียงต้นไม้ไปแล้ว เอิ่ม มันไม่ใช่เวลามาชื้นชมสถายที่นี่เนอะ

“มาอยู่นี่ได้ไง?”

“ขับรถมา”

“ห่ะ! แล้วมือไม่เจ็บรึไง เอามาดูดิ!?”

ผมไม่รอให้มันยื่นมาให้แต่กลับเข้าไปจับแขนมันขึ้นมาดูเอง มันเอาผ้าที่เคยพันเป็นมัมมี่ออกแล้วครับแต่น่าจะบวมอยู่นิดๆถ้ามองไม่ผิดอะนะ

“บ้าป่าววะ แขนยังไม่หายจะขับมาทำไม คนขับรถก็มีไม่ใช่อ่อ แล้วเพื่อนอีกละ นิสัยวะทัต”

ผมยืนด่าแม่งทั้งอย่างนั้นดีหน่อยที่ตรงนี้ไม่มีใครผมเลยไม่ต้องยั้งอะไรแต่พอหันไปมองหน้าไอ้ตัวการมันกลับยิ้มอยู่ครับ ยิ้มเหี้ยไรวะกูด่ามึงอยู่นะเว้ย มันดึงมือกลับแล้วเปลี่ยนเป็นดึงผมเข้าไปใกล้ในขณะที่มันนั่งลงหมิ่นๆที่ขอบระเบียง ดีนะที่นี่เป็นแค่ระเบียงเตี้ยๆคือมีไว้ตกแต่งยกจากระดับพื้นไม่สูงผมเลยไม่เสียวกลัวมันพาหงายหลังตกลงพื้นสักเท่าไหร่ พอได้ที่มันก็ฟุบหน้าลงกับไหล่เหมือนหมดเรี่ยวแรงจากอะไรมาสักอย่าง ดูเหมือนมันจะสลดจนผมอดอยู่นิ่งๆไม่ได้

“ห่วงพี่เหรอ?”

เชี่ย!

กูขอถอนคำพูดที่บอกว่ามันสลดนะครับ แม่งก็แค่สำออยแตะอั๋งกูดีๆนี่เอง

“ปล่อย!”

ผมเริ่มดิ้นและพยายามแกะมือที่โอบรอบเอวทั้งสองข้างออกแต่แม่งก็โคตรจะเหนียว

“อยู่นิ่งๆ”

สั่งอีกละ

“ปล่อย ไอจะกลับไปหาเพื่อน”

“หึ ไปหาชู้ซะมากกว่ามั้ง”

ผมขมวดคิ้วพลางเลิกดิ้นไปในบันดล มันพูดบ้าอะไรของมัน

“ใครเป็นชู้ใคร?”

“ก็ใครละที่หึงที่หวงเราอยู่นะ”

“ไอเห็นมีแต่ยูนั้นแหละที่เป็นบ้าเป็นบอแบบนั้นอยู่คนเดียว”

“คิดดูใหม่คริส”

เดี๋ยวนี้กิ๊กๆกั๊กๆผมก็ไม่มีนะครับ ตั้งแต่รู้จักมันคือไม่มีเวลาไปออร้อออติกใครเค้าอีกเลย แล้วจะเป็นใครละวะ เหมือนทัตจะเห็นผมงงหนักเลยยิ้มระอาพลางส่ายหน้าไปมาจนผมต้องยกมือสองข้างไปบีบแก้มมันให้อยู่นิ่งๆ อืม ผมคงมึนอยู่สินะถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้

“ทำไมยังเฉยอยู่อีกละ?”

“ห่ะ?”

“ตามรูปการณ์แล้วถ้าจับหน้าแบบนี้แล้วต้องก้มลงมาจูบด้วยสิ รีบก้มลงมาเลยเดี๋ยวจะรอรับ”

อย่าว่าแต่จะก้มลงไปจูบเลยครับ ผมเล่นตบหน้ามันด้วยสองมือจนเหมือนตีฉาบเสียงดังเพี๊ยะอย่างน่าดูชม เห็นมันทำหน้านิ่วแล้วก็ยิ้มออกแฮะ สะใจอยู่เล็กๆ แต่ยังไม่ทันเต็มที่เท่าไหร่มือหนาก็คว้าเอาท้ายทอยผมให้ด้มลงไปหาเองจนปากจรดปากลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในทันทีทั้งที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว

“อื้ออออ”

จูบกับมันแต่ละครั้งยอมรับว่าสามารถทำผมเคริ้มได้โคตรง่าย มันเก่งและดูเชี้ยวเรื่องพวกนี้จนผมคิดว่าถ้าในนอนกับใครคนๆนั้นคงหลงมันได้ในทันที

“ขอโทษ”

มันผละปากออกจากปากผมแล้วเปลี่ยนไปไซ้อยู่แถวหูพร้อมกับเอ่ยบอกเสียงแผ่ว มือหนานวดอยู่ที่แก้มก้นจนข้างในเริ่มกระตุกไปพร้อมกับใจที่สะดุดจนเต้นผิดจังหวะ

“เรื่องอะไร?”

“เรื่องเมื่อตอนเย็นไง ขอโทษที่หึงแรงไปหน่อย ให้อภัยพี่นะครับ?”

ผมไม่ตอบแต่เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง เอาจริงๆคือรู้สึกแพ้วะครับ แพ้คนที่ดูแกร่งเอาตัวเองเป็นใหญ่แต่กลับมาหงอมาอ่อนในเราเพียงคนเดียวแบบนี้ แพ้คนที่ทำเหมือนเราเป็นสิ่งล้ำค่าเป็นคนสำคัญเสียเต็มประดาจนแทบจะใจอ่อนยวบเข้าให้แล้ว

“ก็ได้ แต่คราวหน้าเพลาๆลงบ้างก็ได้ บอกแล้วว่าไม่ชอบให้บังคับ”

มันยิ้มกว้างแแล้วเข้ามาจูบดูดปากผมไปอีกทีจนผมฟาดเข้าให้นั้นแหละถึงเลิกแกล้ง เสียงหัวเราะหึดังมาจากคนตรงหน้าเหมือนอย่างเคยแต่คราวนี้ผมกลับยิ้มตามและยอมที่จะยืนอยู่นิ่งๆภายในอ้อมแขนของมันง่ายๆซะอย่างนั้น

“กลับกัน”

“แต่…”

“จะกลับไปกินก็ได้ แต่เวลากลับต้องกลับกับพี่ โอเคไหม?”

ผมพยักหน้ารับแล้วหันหลังเตรียมเดินกลับเข้าร้านแต่ยังคงก้าวไปไหนไม่ได้เพราะมันยังไม่ยอมคลายมือออกอะ

“ทัต โอ้ย!”

เจ็บสัส

ไอ้พี่ทัตมันรั้งผมไปดูดที่ต้นคอแรงๆก่อนที่จะเลียไปอีกที ผมเอามือมาคลำจนรับรู้ได้ถึงความแปร๊บตรงจุดนั้น ห่อเลือดชัวร์ไม่ต้องสงสัยเลย

“ไม่เข้าไปแล้วเหรอ งั้นกลับกันเลยไหม?”

“สัส!”

“หึหึ”

ผมกลับเข้าไปนั่งดื่มต่อโดยที่ไอ้แวนกับไอ้มิกซ์หายหัวไปแอ่วสาวเป็นที่เรียบร้อย จะเหลือก็แต่ไอ้คมที่ได้แต่นั่งพะหงกหัวรับจังหวะเสียงเพลงและไอ้นายที่นั่งดื่มไม่พูดไม่จา ผมมองไล่ดูผู้คนรอบข้างจนไปสบตาเข้ากับไอ้พี่ทัตที่นั่งจ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว มันนั่งอยู่ที่บาร์คนเดียวและดูเหมือนจะไม่ได้ดื่มอะไรมากด้วย

“คริส”

“ห่ะ?”

ผมหันไปหาคนเรียกซึ่งเป็นไอ้นาย มันตีหน้าบึ้งยิ่งกว่าเมื่อกี้อีกครับ

“กูบอกแล้วไงว่าให้อยู่ห่างๆลุงรหัสของมึงไว้”

“มึงก็เห็นว่ามันไม่ปล่อยกู”

“แต่มึงก็ยังคงเล่นด้วยเนี่ยนะ มึงปฎิเสธได้เว้ยแต่มึงไม่ทำ ทำไมวะคริส? มึงชอบมันรึไง?”

ผมนิ่งไปนิดพลางเหลือบตาไปมองยังบุคคลที่เป็นประเด็นไอ้นายเลยหันไปมองตามสายตาผมและก็ต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว

“กู…ไม่รู้วะ ยอมรับว่าไม่ชอบนิสัยมันแต่…บางทีมันก็ไม่ได้แย่”

“มึงไม่เคยคบใครอย่างจริงจังนี่”

เป็นไอ้คมที่พูดแทรกขึ้นมา

“ก็จริง”

“งั้นก็ลองดูดิ เผื่อมึงจะเลิกล่องลอยสักที”

“ไอ้คม!”

“มึงจะใส่อารมณ์ทำไมวะไอ้นาย ไม่ดีรึไงมันจะได้เลิกไปกับคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วปักหลักอยู่กับคนๆเดียว กูว่าพี่เค้าก็รักไอ้คริสพอตัวแหละน่า ไม่งั้นคงไม่ตามทั้งที่ไอ้คริสก็ใช่ว่าจะไม่ไล่”

ไอ้นายถึงกับเงียบแต่ก็ยังคงกำมือแน่นอย่างไม่เห็นด้วยอยู่ดี ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มสายตาก็ยังคงจ้องไปที่ใครอีกคนอย่างพินิจพิจารณา ผมรู้ว่าผมยังไม่ได้รักมันแต่อาจจะเริ่มชอบ ชอบในรสสัมผัสและการกระทำบางอย่างที่แสดงออกได้อย่างชัดเจนว่าผมคือสิ่งสำคัญ

“จะไปไหนวะคริส?”

ไอ้คมถามเมื่อจู่ๆผมก็วางแก้วลงกับโต๊ะเสียงดังปึกแล้วผุดลุกขึ้นยืน เกือบจะเซด้วยแต่ดีที่ยังหยั้งตัวไว้ได้ทัน

“ไปหามัน”

ไอ้คมยิ้มกริ่มในขณะที่ไอ้นายพ้นลมหายใจแล้วยกเหล้าขึ้นกระดกทีเดียวหหมดแม๊ค ผมเลิกสนใจเพื่อนแล้วเดินไปหาไอ้พี่ทัตที่ยิ้มรอผมอยู่ก่อนแล้ว พอไปถึงก็ยกมือขึ้นโอบรอบคอแล้วดึงมันเข้ามาจูบแบบดุเด็ดเผ็ดมันส์ทันที เสียงโห่แซวดังแว่วเข้าหูแต่ผมไม่ได้สนใจอะไรนอกจากลีลาการแลกลิ้นกันคนตรงหน้า ถ้าเป็นสถานบันเทิงแบบนี้ผมกล้าที่จะโชว์พอสมควรเพราะมันมืดเป็นทุนเดิมและแต่ละคนก็มาหาความสำราญกันอยู่แล้ว ผมผละปากออกจากมันเมื่อเริ่มหายใจไม่ทันจนได้ยินเสียงมันหัวเราะหึก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มพลางโอบกอดผมเข้าแนบชิดกับตัวเองไปทั้งตัว

“ดีใจนะเนี้ย”

“ไม่ดีรึไง”

“ยิ่งกว่าดีอีก”

ผมยิ้ม

“เดี๋ยวจะดียิ่งกว่านี้อีก”


Tbc…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:49:43 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 9






ปึก!

“อื้ออออ”

ทันทีที่ปิดประตูได้ผมก็ถูกผลักจนชิดกับพนั่งด้านข้างก่อนที่เจ้าของห้องจะโน้มตัวมากดจูบหนักๆแทบกระชากวิญญาณกันไป ผมเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิตสีเข้มในขณะที่มันเองก็สาละวนกับเสื้อผ้าผมอยู่เช่นกัน เรากอดก่ายกันไปมาจนเสื้อผ้าหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น สักพักผมก็โดนอุ้มกระเต็งมายังโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง ฟืนไฟไม่เปิดกันละครับ ดีที่มันยังเปิดแอร์อยู่ไม่งั้นคงร้อนตายแน่กะอีแค่ไฟราคะนี้ก็ดูท่าจะไม่ยอมมอดลงง่ายๆซะด้วย

ผมผลักมันที่กำลังค่อมทับผมให้นั่งอยู่กับที่แต่ส่วนนั้นชี้โด่ชี้เด่ยั่วสายตากันมาก ผมเปลี่ยนกระแสเกมส์ลุกขึ้นไปค่อมนั่งทับกับตักกว้างมือก็จับส่วนนั้นของมันลูบๆนวดๆวนไปมาจนมันเริ่มหอบหายใจอย่างหื่นกระหายหนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม ผมยิ้มยั่วแล้วจึงดึงมันเข้ามาจูบอีกครั้ง เหมือนผมจะเสพติดการจูบจากมันไปแล้วแฮะ ลิ้นร้อนทั้งสองเกี้ยวกระหวันกันจนแทบจะหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมสะดุ้งนิดหน่อยที่มือหนาลูบวนอยู่ที่ปากทางเข้าทางด้านหลังอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พอวนไปได้สักพักเสียงเป๊าะก็ดังขึ้นก่อนที่จะรู้สึกเย็นๆชื้นๆที่ช่องทางนั้น

นี่มันมีเจลอยู่ทุกที่เลยรึไงวะ แต่ก็ดีอยู่แหละผมจะได้ไม่เจ็บมากด้วย

“อึ๊ก!”

นิ้วเรียวรุกล้ำเข้ามาภายในช่องทางรัดแน่นจนผมหลุดเสียงร้อง ไอ้คนทำมันก็ได้แต่ยิ้มร้ายพลางส่งสายตาหื่นกามมาด้วยอีก ผมโดนนิ้วมันจวกแทงเข้าออกขยายความรัดแน่นจนได้ที่ผมเลยเอาส่วนใหญ่โตนั้นจ่อที่ปากทางแต่ยังไม่กดตัวลงไปหาแต่อย่างใด

ไอ้ยักษ์ดูเหมือนจะรู้ว่ากำลังโดนผมแกล้งมันเลยดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้งก่อนอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะผละถอยและเลื่อนลงไปขบเม้มที่ยอดอกแทน ความเจ็บแปร๊บวิ่งพล่านไปทั้งทั้งร่างจนผมเผลอและโดนตัวการสวนส่วนนั้นเข้ามาเองดังสวบแบบหนักๆเน้นๆชนิดที่ไม่มีการยั้งมืออะไรทั้งสิ้น

“อ๊าาาา!!!!”

“ซี๊ด”

ผมกระตุกไปทั้งตัวแบบที่ห้ามอะไรไม่อยู่แล้ว อารมณ์กระเจิดกระเจิงไปกับจัวหวะการโหมกระหน่ำที่ส่วนนั้นจนตัวโยกคลอไปตาม

“ทัต อ๊ะ ทัตเบา อืม อา!”

แรงสวนขึ้นลงจากส่วนนั้นหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆขัดกับสิ่งที่ผมร้องขอ ถึงแม้จะยังตึงยังเจ็บแต่ไม่นานมันก็ลื่นไหลและกลายเป็นความร้อนลุ่มแทบหลอมละลายดั่งเทียนไขที่ถูกลนไฟ เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังระงมผสมผสานกับเสียงร้องครางจากปากผม

ไอ้เหี้ย!

โคตรดี โคตรเสียว โคตรๆเลยเว้ย!!

จากที่ขย่มอยู่ดีๆจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นโดนเปลี่ยนโหมดถูกจับให้นอนราบไปกับโซฟา ผมได้แต่อ้าปากร้องกับสิ่งหนักหน่วงที่ได้รับ ทั้งตัวกระตุกเกร็งเมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ทัตก็ยังคงเป็นทัต มันเห็นว่าผมกำลังจะเสร็จมันเลยเอื้อมมือมาบีบไว้แน่นจนผมต้องกัดฟันกรอด

“ทัต! อย่าแกล้ง อื้อออ”

มันยิ้มร้ายแล้วจุ่ๆก็หยุด ผมหอบหายใจสลับกันกลั่นใจอย่างน่าเวทนา คือเข้าใจฟิลคนกำลังจะถึงแล้วจู่ๆมันหยุดไหมครับ ถ้าฆ่าได้ผมฆ่ามันไปแล้วอะ เสือกมาแกล้งอะไรแบบนี้

“ทัต!”

“จุๆ แป๊บนึงครับ”

แล้วมันก็อุ้มผมเข้าห้องนอน ทันทีที่หลังสัมผัสกับฟูกนุ่มๆผมก็แผ่หลาทันที ส่วนนั้นของผมยังคงเต้นตุบๆ ทัตมองแล้วยิ่มก่อนจะเดินไปหยิบอะไรสักอย่างที่ลิ้นชักตู้เสื้อผ้า ผมบลือตามองแต่ก็เห็นไม่ชัดเพราะมันไม่ได้เปิดไฟ จนกระทั้งมันเข้ามาคุกเข่าอยู่ตรงกลางระหว่างขา มันหยิบบางอย่างมาคาบไว้แล้วผมก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามันคืออะไร

เหี้ยละ

“จะไปไหนละ?”

ผมถามพลางใช้อีกมือดึงขาผมไว้เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะถอยหนี

“ไม่เล่นนะทัต”

“ทำไมละ สนุกดีออก”

มึงสนุกอยู่คนเดียวนะสิไอ้สัส!

ไอ้ยักษ์ยังคงยิ้มร้ายแล้วเอาบางอย่างมารัดที่ส่วนนั่นของผมจนอึดอัดไปหมด

“ทัต มันแน่น”

“ก็รัดให้แน่น”

“ไม่เอานะ เอามันออกไป”

ผมเอื้อมมือจะไปแกะออกแต่ก็โดนรวบมือขึ้นเหนือหัวทั้งสองข้างซะงั้น

แกร๊ก!

เสียงอะไร?

ผมหันขึ้นไปมองและสิ่งที่เป็นต้นตอของเสียงนั้นคือกุญแจมือครับ แถมยังคล้องเข้ากับแขนของผมทั้งสองข้างแล้วด้วย

“ทัต!”

“ใจเย็นๆ”

“ทำอะไรของยูนะ!?!”

นาทีนี้กูไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว

“แค่สนุกกันนิดหน่อยน่า”

“อ๊ะ!!”

ผมสะดุ้งโหย่งเลยครับ ก็จู่ๆไอ้พี่ทัตมันก็เอาก้อนกลมๆที่ถูกร้อยเป็นเส้นยาวๆยัดใส่ที่ช่องทางเล็กทีละเม็ด มันทั้งเย็นทั้งแปลกๆจนผมสั่นไปทั้งร่าง ไอ้คนทำหัวเราะหึเหมือนชอบใจแล้วก็ยัดใส่เข้ามาเรื่อยๆจนสุดความยาว

ไอ้สัส กูด่าไม่ออกเลยครับ ผมหายใจหนักๆขาดช่วงบ้างก็ตอนที่ขยับเพียงนิดก็รู้สึกไปกับสิ่งที่อยู่ข้างในแล้ว

“ทำหน้าตายั่วดีนี่”

กูจะไปรู้ไหมว่ากูทำหน้ายังไงอยู่! มือก็ถูกคล้องอยู่เหนือหัว ขาก็ถูกมันจับพาดอยู่ที่ไหล่ ด้านในก็มีของเล่นเหี้ยๆของมันแทรกอยู่ น้องชายของผมก็โดนรัดซะแน่น

กูจะตายแล้วไอ้เหี้ย!

“ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอครับที่รัก”

ผมกัดฟันเม้มปากจนมันเอื้อมมือมาบีบแก้มแล้วก้มลงมาขบเม้มด้วยปากของมันเอง ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาหยอกล้อกันก่อนที่จะสะดุ้งอีกครั้งเมื่อส่วนด้านหลังสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตที่กำลังจะแทรกตัวเข้ามาทั้งที่บางสิ่งยังคาอยู่

“อื้ออออ”

มันไม่สนใจที่ผมดิ้นหรือร้องเลยสักนิด ความเจ็บแปร๊บแล่นพล่านขึ้นมาทันทีจนผมต้องจิกเล็บพลางเกร็งกระตุก เหมือนมันจะเข้าได้ยากขึ้นเมื่อโดนผมต่อต้านเลยเปลี่ยนแผนมารุกผมที่ปากจนอารมณ์เริ่มเคลิ้มสติเริ่มเบลอมันจึงสวนเข้ามาอีกทีแบบกดดันสุดแรงแทงเข้ามาทันทีจนผมร้องลั่นน้ำตาไหลพราก

เจ็บเหี้ยๆ เจ็บสัสๆ แต่ตัวก็กระตุกไม่หยุดเช่นกัน

มันละความสนใจจากปากไปยันตัวขึ้นมองหน้าด้วยรอยยิ้มร้าย ด้านล่างเริ่มขยับจนผมอยากกระชากมือไปข่วนหนังซะให้เข็ดแต่ก็ทำไม่ได้ มันสวนเข้ามาทีผมแทบจะร้องจ๊าก มันเป็นความรู้สึกใหม่ที่ทั้งเจ็บปวดแต่ก็เป็นรสสัมผัสที่ถึงใจกว่าที่เคย มันยิ้มกว้างเมื่อเสียงครางผมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ความวาบหวามเริ่มจุดประกายความกระสั่นให้สติมึนเบลอ สมองผมขาวโพลนไปหมด สายตาเริ่มเบลอเลยหยาดเยิ้ม ความต้องการพุ่งทยานสู่สรวงสวรรค์อย่างที่ไม่เคยได้รับรู้มากถึงขนาดนี้

“ชอบไหม?”

มันถามเสียงกระเส่า ผมยังคงอ้าปากร้องแต่ก็พยักหน้ารับ

“เรียกชื่อ”

“อ๊ะ ทัต อาาาา”

“คริสเป็นของใคร?”

“อือออ ข ของ อ๊ะ ของทัต”

“จำไว้ด้วยละ ว่าคริสเป็นของพี่…เท่านั้น…”

“อร๊าาาาา!!!”








กลิ่นบุหรี่ที่เจือจางมากับสายลมไม่ได้ทำให้คนที่ฟุบหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวเลยสักนิด คริสสลบไปกลางคันระหว่างที่เค้ากำลังโหมกระหน่ำในยกที่สาม ของเล่นแต่ละชิ้นยังคงกระจักกระจายอยู่ที่พื้น จริงๆแล้วทัตไม่ได้มีนิสัยชอบเล่นกับของพวกนี้ แต่ที่หยิบออกมาใช้เพียงเพื่อให้ร่างกายนั้นจดจำและระลึกถึงความหรรษาที่เค้าได้มอบให้ ร่างกายคริสหื่นกามยิ่งกว่าที่เจ้าตัวคิด ทัตกดยิ้มแล้วสูดเอาความขมฝืดที่หวานนิดๆติดลิ้นลงปอดก่อนจะพ้นออกมาช้าๆ สายตามองตรงเข้าห้องจ้องดูร่างบางที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ใบหน้าหวานพริ้มหลับชวนให้หลงไหล ร่างกายที่ตอบสนองเข้ากันได้ยิ่งทำให้ไฟในกายตื่นตัวทุกครั้งที่สัมผัส

ทัตจ้องมองด้วยแววตาที่นิ่งงันขัดกับภายในที่ตีรวน

สมองสั่งการอีกอย่างแต่ใจกลับทำไปอีกทาง นั้นคือสิ่งที่เค้ารับรู้ได้ในตอนนี้

ครืน ครืน

โทรศัพท์ในมือเค้าสั่น ชื่อที่โชว์หลาทำให้เค้าขมวดคิ้วมุ้นแต่ก็สไลด์รับสายในเวลาไม่นาน

“ครับ อาเชนต์”

/นอนอยู่รึเปล่า?/

“เปล่าครับ”

/พรุ่งนี้จะไปพร้อมอาไหม? หรือจะไปเอง?/

ทัตนิ่งไปนิดเมียนมองไปที่คนหลับอีกหน่อยแล้วจึงตอบ

“เดี๋ยวผมขับรถไปเองครับ จะพาคนอื่นไปด้วยนะ”

/ใคร?/

“ไปถึงเดี๋ยวผมแนะนำให้รู้จัก”

/แฟน?/

“หึ”

/นี่แกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่?/

เค้าไม่ตอบพอดีกับที่ใครอีกคนขยับตัวเค้าจึงชิงบอกขอวางสายไปก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน

“โอ้ย!”

เสียงหวานร้องอุทานเมื่อขยับร่างจะหันไปอีกฝั่ง ทัตรีบเดินเข้ามาหาจนคนตรงหน้าลืมตาขึ้นมามอง

“ตื่นมาทำไม? นี่ยังไม่เช้าเลย”

“อื้ออออ เจ็บอะ”

เค้ายิ้ม เวลางัวเงียคริสจะช่างอ้อนเหมือนลูกแมวผิดกับช่วงเวลาปกติ อ้อ ตอนเมาก็เหมือนแมว แต่เป็นแมวยั่วสวาทนะ

“นอนต่อเถอะ”

“หิวน้ำ”

“แป๊บนะ”

เค้าลุกไปรินน้ำใส่แก้วแล้วนำกลับมาให้คนบนเตียงดื่ม คริสดื่มจนหมดแล้วก็คืนแก้วมาก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เค้าดึงผ้าห่มคลุมให้ร่างบางจนถึงคอก่อนจะนำแก้วไปเก็บ

ทัตยังคงไม่นอน เค้ายืนมองคริสจากด้านข้างของเตียง สมองยังคงตีรวนจนไม่สงบ สงสัยคืนนี้ต้องพึ่งบุหรี่ยันเช้าซะแล้ว








“ทัต”

“หืม?”

สายตาคมเหล่มองมายังผมนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อไป ตอนนี้เรากำลังไปที่ไหนสักที่หลังจากที่ผมเรียนเสร็จครับ อย่าให้พูดถึงเรื่องเมื่อเช้าเลยเนอะ ไม่มีอะไรมากก็แค่แทบลุกไม่ขึ้นจนโดนอุ้มกระเต็งไปอาบน้ำด้วยกันและลากสังขาลไปเรียนก็แค่นั้น ดีหน่อยที่เรียนถึงแค่บ่ายสองแต่พอคิดจะกลับไปนอนพักไอ้พี่ทัตกลับพาขับรถออกนอกเส้นทางคอนโดมันหรือบ้านผมโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าด้วยว่าจะพาไปไหน

“บอกสักทีสิว่าจะพาไอไปไหน?”

มันหัวเราะหึเบาๆก่อนจะตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง เมื่อรถจอดสนิทมันก็ปลดสายเบลแล้วโน้มตัวมาใกล้จนหน้าเราแทบจะชนกันอยู่รอมร่อ

“บอกมาสิว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกัน?”

มีการถามกลับพร้อมกดยิ้มร้ายอย่างน่าหมั่นไส้

“แล้วยูอยากให้เป็นอะไรละ?”

แต่ผมก็ยังเป็นผมอะนะ ถ้าคิดจะข่ม(นอกจากเรื่องอย่างว่า)ก็คิดใหม่ไปได้เลย

“เมีย”

“มากไป แค่แฟนก็พอ”

นี่อุสาขยับขึ้นมาให้มากกว่าการเป็นคู่ขาแล้วนะ ผมคิดอยู่นานถึงเรื่องการเป็นแฟนและคำบอกเล่าของไอ้คมในคืนวานก็ทำให้ผมตัดสินใจได้ ลองดูสักตั้งคงไม่เป็นไร ถ้าผมรักมันไม่ได้จริงๆค่อยถอยออกมาและถือว่ายังคงได้กำไรจากเซ็กส์ที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าเกิดรักกันขึ้นมา…ก็คงดีละมั้ง…

“หึ”

มันยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วเข้ามาจูบปากแรงๆก่อนจะกลับไปคาดเบลและขับรถต่อ

“นี่”

“โรงพยาบาล”

“ห่ะ?”

“จะพาไปโรงพยาบาล”

“ไปทำไม? หรือยูเป็นอะไรไม่สบายตรงไหน?”

ผมชักระแวงแล้วนะ ช่วงหลังๆมานี่มันไม่ใส่ถุงยางด้วยสิ เมื่อคืนก็ไม่ใส่แถมยังแตกในซะทุกรอบกว่าจะล้วงจะล้างออกได้โคตรลำบาก ไหนจะอาการปวดตามเอวตามสะโพกอีกไงครับ แรงช้างแรงม้าชิปหาย นี่คนหรือควายตอบผมที

“ป่าว จะพาไปหาคนสำคัญอีกคน”

ผมขมวดคิ้ว

“เมียอีกคน?”

“พี่มีเราคนเดียวครับ คนๆนั้นเป็นพี่สาว แต่เกิดอุบัติเหตุเมื่อปีก่อนทำให้ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล”

“ร้ายแรงมากเหรอถึงได้ยังไม่ได้ออกมาพักพื้นที่บ้าน?”

“ก็พอตัว”

ผมเงียบกริบ อารมณ์อยากจะกวนมันลดฮวบไปกว่าครึ่ง เห็นอย่างนี้ผมก็ขี้สงสารนะครับ เห็นพวกคนพิการมาขอทานเป็นไม่ได้อะ ไหนจะพวกที่แชร์ให้สมทบทุนช่วยเหลือคนยากไร้ในโซเชียลนั้นอีก ผมให้หมดครับ ถึงจะเป็นเงินเล็กๆน้อยๆผมก็ยินดีจะให้เพราะผมคิดว่าผมมีเยอะแล้ว ผมพอใช้และคนพวกนั้นจำเป็นที่จะต้องได้เพื่อการมีชีวิตอยู่ต่อไป

มือหนาเอื้อมมาขยี้หัวผมเบาๆเมื่อเห็นท่าทีนิ่งเงียบผิดปกติ

“ไม่ดีใจเหรอ พี่จะพาไปให้คนในครอบครัวรู้จักเลยนะ?”

“มีใครอยู่ที่นั้นบ้างเนี้ย?”

“มีแค่อากับพี่สาว”

แอบถอนหายใจเบาๆหวังว่ามันจะไม่ได้ยินแต่เสียงหัวเราะที่ดังตามมานั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าแม่งคงได้ยินไปแล้วนั้นแหละ

“แล้วพ่อกับแม่ละ?”

“อยู่อิตาลี่”

“ไปเที่ยว?”

“ทำงาน”

ผมพยักหน้ารับ จริงๆก็ไม่เคยอยากจะรู้เรื่องราวของมันมากมายนักหรอกแต่ในเมื่อเป็นแฟนกันแล้วก็ขอรู้สักนิดแล้วกัน

“เริ่มอยากรู้เรื่องของพี่ขึ้นมาแล้วละสิ?”

มันเป็นอับดุลรึเปล่าวะ คนพึ่งคิดไปเมื่อกี๊เลยนะ

ผมไหวไหล่แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพราะเมื่อกี้ได้ยินเหมือนเสียงแจ้งเตือนไลน์ เป็นพี่ชายผมครับที่ไลน์มาหา

‘อยู่ไหน?’

ช่วงนี้ทำไมมันชอบตามผมจังวะ แต่ก่อนไม่ยักกะสนใจ

‘ข้างนอก ทำไม?’

‘วันนี้เข้าบ้านด้วย ถ้าจะหายไปบ่อยขนาดนี้มึงไปเปลี่ยนนามสกุลเลยเถอะ’

‘ก็ได้นะ’

‘ส้นตีน แล้วทำไมไม่เอารถไปขับ?’

จำได้ไหมครับว่าผมโกรธไอ้พี่ครอสจนต้องโบกแท๊กซี่ออกมาหาเพื่อนนะ ตอนนั้นมันโมโหอยู่ไงแล้วมันจะไปมีอารมณ์เอารถมันมาขับไหมละ ถามจริงๆ

‘พอใจ’

‘อย่าให้กูต้องตามไปลากคอมึงนะ’

ผมเผลอยิ้ม

‘มาดิ’

‘อย่าท้าไอ้น้อง’

‘เดี๋ยวกลับ แต่อาจจะดึกหน่อย’

‘ก็แค่นั้น’

ผผมปิดล็อคหน้าจอเมื่อคุยเสร็จและเมื่อเงยหน้าขึ้นมองด้านนอกปรากฏว่ามันเลี้ยวรถเข้ามาจอดในรงจอดรถของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“คุยกับใคร?”

มันถามเสียงเข้ม เรื่องความหึงโหดนี่ไม่มีใครเกินเลยสินะ จะเวอร์ไปไหนวะครับ

“พี่ชาย”

“จริง?”

“ถ้าไม่เชื่อก็อย่ามาถาม”

“โอเค”

มันไหวไหล่แล้วดับเครื่องเปิดประตูก้าวลงจากรถไปเลย ผมได้แต่กนด่าในใจแล้วลงรถตามมันไป ด้านนอกอากาศร้อนเชี่ยๆเลยครับ เนื่องจากนี่ยังเป็นเวลาบ่ายกว่าๆอยู่แดดจึงแรงเป็นปกติยิ่งเป็นเมืองไทยยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ผมยังไม่ทันจะบ่นมันก็เข้ามาจับมือดึงลากเข้าไปภายในตัวอาคารทันที มันเดินตามทางของตึกทะลุซอยนั่นละแวกนี้ดูคล่องแคล่วจนผมคิดว่ามันคงมาบ่อยพอสมควร หรืออาจจะบ่อยมากเลยด้วยซ้ำเพราะนางพยาบาลบางคนถึงกับเอ่ยทักทายเหมือนรู้จักมักจีกันมานานอะไรประมาณนั้น แต่เมื่อทุกคนที่หันมามองผมและไล่สายตาลงมาที่มือที่กุมกันอยู่ก็ต้องเบิดตากว้าง ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งแล้วเดินตามไอ้คุณชายเอาแต่ใจไปจนถึงห้องพักพิเศษชั้นล่างสุดและดูเหมือนจะเป็นห้องใหญ่เพราะเป็นห้องสุดท้ายของทางเดินถัดไปนั้นก็เป็นระเบียงราวเหล็กที่สามารถเปิดออกไปยังสวนด้านหลังได้

‘ชาลิตา ศิริพัฒนโอฬาร’

นั้นคือชื่อที่โชว์อยู่ด้านหน้า ไอ้พี่ทัตเคาะประตูสองสามทีก่อนจะเปิดเข้าไปที่ด้านใน ผมชักจะเกร็งๆขึ้นมาซะแล้วสิ แต่ก็ต้องก้าวตามมันเข้าไปอยู่ดีเพราะมันยังไม่ปล่อยมือออกจากผมครับ

“มาแล้วเหรอทัต”

เสียงใครบางคนเอ่ยขึ้น ผมที่ซึ่งเดินหลบอยู่ข้างหลังเลยยังไม่เห็นหน้าแต่คิดว่าน่าจะเป็นอามันนะ

“สวัสดีครับอาเชนต์”

มันปล่อยมือจากผมไปยกมือไหว้คนอายุมากกว่าก่อนจะหันมาดันผมให้ขึ้นไปยืนอยู่ข้างๆ ผมรีบยกมือไหว้ทันทีที่เจอคนที่มันเรียกว่าอาอย่างชัดๆ เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่เหมือนทัตแต่หน้าไม่เข้มเท่าแถมยังยิ้มอ่อนโยนทำให้ดูอ่อนเยาร์อย่างน่าอิจฉา ถ้าทันไม่บอกก่อนว่าเป็นอาผมก็คงคิดว่าเป็นพี่ชายมันไปแล้วด้วยซ้ำ ชุดสูทหรูที่เขาสวมอยู่บ่งบอกถึงตำแหน่งหน้าที่การงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

“นี่เหรอแฟนที่ว่า หน้าตาดีนี่ ตาถึงนะเรา”

มันทำเพียงแค่ยกยิ้มตอบ

“พี่อีฟเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ก็เหมือนอย่างทุกวัน นี่ก็พึ่งหลับไปเมื่อชั่วโมงก่อน จะอยู่รอจนอีฟตื่นไหมละ?”

“ขอดูก่อนแล้วกัน”

“งั้นไปนั่งคุยกันที่ระเบียงแล้วกัน”

มันพยักหน้ารับแล้วดันหลังผมให้เดินไปยังระเบียงเคียงคู่มัน อาเค้าก็เดินออกไปนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ชื่ออะไรละเรา?”

“คริสตัลครับ”

“สมชื่อจริงๆ ดูล้ำค่ามาก”

“ขอบคุณครับ”

“นามสกุลละ?”

คนรวยทำไมต้องชอบถามถึงนามสกุลวงตระกูลหรือเครือญาติด้วยก็ไม่รู้ นี่เป็นอีกสิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้

“เฟรงเบิร์ค…คริสตัล เฟรงเบิร์คครับ”

“หืม”

ครางเครือในลำคอแล้วหันไปจ้องสบตากับผู้เป็นหลานชายที่ยังคงตีหน้าเฉยชาอยู่เหมือนเดิม

“เราเป็นอะไรกับทีครอส เฟรงเบิร์คเหรอ?”

“น้องชายครับ”

“อ่าห่ะ มิน่าละ หน้าตาก็คล้ายๆกันอยู่นะ”

ผมไม่แปลกใจหรอกที่คุณเขาจะรู้จักพี่ชาย ไอ้พี่ครอสมันออกงานบ่อยนะครับ พอๆกันกับแม่แต่ยกเว้นผม

Rrrrrr

“อ่า…อาขอตัวไปคุยธุระก่อนนะ ตามสบายเลยนะคริสตัล”

“ขอบคุณครับ”

แล้วเขาก็เดินเข้าไปภายในห้องเพื่อตรงออกไปทางประตูหน้า ผมหันไปหาคนพามาที่ยังนิ่งเงียบเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ด้วยความไม่เข้าใจ ถ้าพามาแล้วตีหน้าเครียดแบบนี้จะพามาทำไมวะ ผมก็ไม่ได้อยากใคร่รู้เรื่องครอบครัวมันขนาดนั้นสักหน่อย หรือถ้าอยากรู้ก็แค่พูดให้ฟังก็ได้

“ไอกลับก่อนก็ได้นะ”

มันส่ายหัวแล้วหันมาสบตา สักพักก็ก้มลงมาจูบปากเบาๆแล้วโอบเอวผมไว้อีกที

“วันที่รู้ข่าวเรื่องพี่อีฟนะ พี่ยังอยู่ที่ลอนดอนอยู่เลย ตอนนั้นทั้งตกใจทั้งห่วงอยากกลับมาดูอาการเดี๋ยวนั้นแต่ก็ทำไม่ได้”

“……”

“พอมาถึงไทยในสามวันต่อมาก็ต้องตกใจกับผลการรักษาอีกรอบ”

“หมอว่าไง?”

“เกือบเป็นอัมพาตเพราะกระดูกหักไปทับเส้นประสาท”

มันเอ่ยต่อเหมือนคนเล่าเรื่องปกติแต่ทว่าสายตานั้นเปลี่ยนไป สายตาที่ดูเย็นชาและดุดันนั้นเปลี่ยนเป็นวาวโรจจนเหมือนมีเปรวเพลิงสุมอยู่ภายใจ

“อุบัติเหตุทางรถเหรอ?”

“ใช่”

มันหันมามองผมเมื่อตอบจบ ผมยังคงนิ่ง เริ่มจะคาดการณ์เรื่องราวได้อย่างคร่าวๆแล้วด้วย

“แต่ยังจับคนผิดไม่ได้”

“ตั้งปีหนึ่งมาแล้วเนี้ยนะ?”

“หึ”

มันทำได้เพียงหัวเราะเสียงเย็น

“อีกไม่นานก็คงจะจับได้แล้วแหละ”

“รู้ตัวคนทำแล้วเหรอ?”

“รู้นานแล้วแต่ยังทำอะไรไม่ได้”

“แล้วทำไมไม่จับตั้งแต่ตอนนี้เลยละ”

“มันจะง่ายเกินไปนะสิ”

“……..”

“อย่างมันต้องได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่พี่อีฟได้รับอย่างสาสมซะก่อน”



Tbc….
พี่ทัตเริ่มเผยธาตุแท้ออกมาทีละนิดแล้ว คริคริ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:50:11 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
เห้ยยยย พี่ทัตจะร้ายกับคริสตัลจริงๆหรอออ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
แววดราม่า จะมีการหักหลังอะไรกันไหม

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อย่าบอกว่าพี่ครอสขับชนละจะแก้แค้นคริสแทนนะ
จริงๆให้คริสโดนบ้างก็ดี นางดื้อมากอะ ไม่สนใครจะห่วง เอาตามที่น้องคริสสบายจัย

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ถ้าทำเลวกับคนที่ไม่รู้เรื่อง เพื่อแก้แค้นอีกค
ระวังจะเจ็บเองนะทัต  :angry2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด