สัมผัสที่ 8
“มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า?”
ผมหันไปมองคนถามที่พึ่งจะเอ่ยปากหลังจากที่ผมขึ้นมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถได้สักพัก ไอ้พี่ครอสไม่ได้มารับผมกลับบ้านแน่เพราะทางที่มันขับมาเป็นคนละทิศกับบ้านเราเลย
“ป่าวนี้”
“เหรอ”
“ทำไมถึงถามงั้น?”
“ก็เห็นบรรยากาศแปลกๆเลยบีบแตรเรียก จริงๆก็แค่ไปส่องดูเห็นว่าแกขับรถของคนอื่นกลับบ้าน”
เมื่อคืนไอ้พี่ครอสมันไม่ได้กลับมานอนบ้านครับ เห็นบอกว่าไปสิงค์โปรแล้วกลับดึกแถมเหนื่อยจัดเลยอยู่นอนที่โรงแรมแถวสนามบิน ผมว่ามันตอแหลนะ เมื่อก่อนดึกขนาดไหนมันก็กลับไม่เหมือนผม มันต้องมีแอบซุกแฟนซุกกิ๊กไว้ไม่บอกน้องแหง่มๆ
“แล้วนี่จะพาผมไปไหน ผมมีนัดตอนเย็นนะ”
“นี่ก็เย็นแล้ว”
“หมายถึงช่วงค่ำๆนะ โว๊ะ พี่อย่ามานอกเรื่องดิ ตอบมาจะพาผมไปไหน?”
“ไปบริษัท”
“ไปทำไม?”
“ไปเอารถให้แกขับไง จะได้ไม่ต้องเอารถของชาวบ้านเค้ามาขับ”
“ผมไม่เอา แล้วนั้นมันก็เหตุสุดวิสัยด้วย”
“จะสุดไม่สุดพี่ก็ไม่ชอบทั้งนั้น ถ้าไม่ขับเองก็ให้คนขับมารับมาส่ง ไม่ใช่ไปอาศัยคนอื่นเค้าอย่างกับเราไม่มี”
“โอ้ยยยย พี่แม่งคิดเยอะวะ ไอ้พี่ทัตมันข้อมือซ้นเพราะช่วยผมจากอุบัติเหตุเลยขับรถไม่ได้ พอไปส่งมันที่คอนโดผมจะนั่งแท๊กซี่กลับมันเลยให้รถขับกลับแทน เข้าใจป่ะ?”
“อุบัติเหตุอะไร?”
ทำไมผมรู้สึกกดดันแปลกๆด้วยวะครับ แถมเหมือนพี่ผมจะเหยียบคันเร่งหนักกว่าเดิมอีก
“รถเฉี่ยวนะ”
“แล้วเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ไม่เป็นอะไร ยังไม่โดนแถมยังขับหนีไปเฉย”
“แถวไหน? เดี๋ยวจะติดต่อขอดูกล้องวงจรปิดแถวนั้นให้”
“เห้ยพี่ ไม่ต้องๆ”
“ไม่ได้ ถ้ามีลงมาดูมาถามไถ่ยังพออภัย แต่หนีอย่างนี้แม่งต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
พี่ผมนอกจากจะใจร้อนใจเร็วแล้วยังอารมณ์ร้อนอีกนะครับ ประมาณว่าข้าเจ๋งข้าแน่อย่ามาแหย่มถ้ายังกลัวตาย ผมละอยากให้พี่ผมเปลี่ยนอาชีพจากนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงไปเป็นยากูซ่าซะจริง ท่าจะรุ่งกว่ากันเยอะ
“ตอบมา”
“แถวประตูสามอะ แต่ไม่ต้องไปเอาเรื่องเค้านะ ผมไม่เป็นอะไรซะหน่อย”
ไอ้พี่ครอสจิ๊ปากนิดหน่อยแต่เป้าหมายพี่แกก็ยังคงเดิมครับ ผมนั่งนิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแล้วก็พบว่าความบรรลัยที่แท้จริงพึ่งจะเริ่มต้นขึ้นนี้เอง ไอ้เหี้ยมิกซ์เล่นกูแล้ว มันปล่อยไลฟ์สดไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงยอดวิวยอดแชร์แม่งสนั่นโซเชียลมาก แถมคอมเม้นต์แต่ละคนนี้ไม่อยากจะอ่านเลยวะครับ ผมยกมือข้างที่ว่างกุมขมับแล้วนวดวนไปมาจนพี่ครอสมันเหลียวมามอง
“ปวดหัว?”
“นิดหน่อย”
“งั้นคืนนี้ก็นอนพักซะ ไม่ต้องออกไปไหน”
“ไม่ถึงขนาดนั้นป่าววะพี่ แค่ปวดประสาทกับไอ้มิกซ์”
พี่แกขำหึเลยครับ พี่ครอสมันรู้จักเพื่อนผมทุกคนไงมันเลยพอรู้ว่าแต่ละคนมีนิสัยยังไงและเชี่ยมิกซ์มันเป็นประเด็นที่ผมเอาไปบ่นกับพี่แกบ่อยๆด้วย ผมเปลี่ยนใจหันมาเล่นเกมส์แทนไม่นานก็มาถึงตึกสูงระฟ้าอันเป็นสถานที่ทำงานหลักของธุรกิจในเครือบ้านผม พี่ครอสมันขับวนขึ้นไปจอดที่ชั้นบนจนผมเห็นรถสปอร์ตหรูสองที่นั่งป้ายแดงและสีแดงไปทั้งคัน โคตรแซ่บ แต่มันเป็นของใคร?
“นั้นรถใคร?”
ผมชี้ถามเมื่อพี่ชายลงจากรถตามหลังมา
“ของวิเวียน””
“หืม เลขาพี่รวยถึงขนาดถอยเบนซ์ป้ายแดงเลยเหรอ?”
จริงๆก็รุ้จัว่าเงินเดือนเลขาผู้บริหารระดับบิ๊กมันก็ต้องได้เยอะเป็นธรรมดาแต่ก็อดจะท้วงไม่ได้จริงๆวะครับ
“อยากได้รึไง?”
“ป่าว”
“เข้าไปข้างในกัน”
“จะให้ผมเข้าไปทำไม มาเอารถไม่ใช่อ่อ”
“เข้ามาก่อนเหอะน่า”
ผมเบ้ปากแล้วจึงเดินตีคู่เข้าไปในตึกพร้อมกับพี่ชาย ระหว่างทางเจอพนักงานเค้าก็ทักทายทำความเคารพพี่ครอสเหมือนปกติแต่ที่ไม่ปกติคือสายตาสงสัยว่าผมโผล่มาได้ยังไงประมาณนั้น ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าผมไม่ยุ่งกับธุรกิจทุกอย่างของบ้าน ผมชอบที่จะอยู่เป็นอิสระแบบนี้และพี่ผมก็ไม่ได้บังคับอะไร ผมเลยไม่จำเป็นที่จะต้องมาตึกนี่บ่อยๆ เท่าที่จำความได้น่าจะมาแค่สองสามครั้งแต่ก็แค่เข้ามาเอาของให้พี่ชายแล้วก็กลับ จะอยู่นานหน่อยก็ตั้งแต่งานเปิดตัวตึกนี้อย่างเป็นทางการนั่นแหละ เรียกว่าเป็นการออกงานสังคมในนามของน้องชายผู้บริหารเป็นครั้งแรกเลยมั้ง หลังจากวันนี้กระแสสังคมถามหาผมกันให้กรึ่มแต่ผมไม่โผล่ไปสักงานจนเลิกลาและซากันไปเอง
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณทีครอส อ้าว สวัสดีคะคุณคริสตัล”
สาวสวยใบหน้าคมเข้มที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางนานาชนิดเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมเดินคู่กับเจ้านายของเธอ
“สวัสดีครับพี่วิเวียน”
ผมทักแค่นั้นแล้วก็เดินตามพี่ชายเข้าไปในห้องทำงาน ภายในห้องที่กว้างขวางนี้มีโต๊ะทำงานและโซนโซฟานั่งเล่นที่มุมห้อง นอกนั้นก็เป็นแค่ตู้โชว์พวกโล่รางวัลและใบประกาศอะไรอีกเยอะแยะ ผมเลือกที่จะไปนั่งลงที่โซฟาในขณะที่พี่ชายเดินตรงไปนังโต๊ะทำงาน
“ลุกขึ้นมานั่งดีๆดิคริส”
มันเอ็ดเมื่อเห็นผมเริ่มเลื้อยจากที่นั่งก็จะกลายเป็นนอนลงไปละ
“ผมขอสักงีบนะ”
“ก็บอกว่าให้นอนพัก”
“ก็งีบหนึ่งนี่ไง”
“ไอ้ดื้อเอ๊ย”
แล้วผมก็หลับไปจริงๆครับ หลับแบบหลับลึกเลยด้วยตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่มุกอย่างภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากภายนอกที่ส่องสว่างผ่านบานกระตกหนาด้านหลังโต๊ะทำงานของไอ้พี่ครอสนั้นแหละที่ส่องเข้ามา ส่วนไอ้พี่ชายผมมันก็นั่งหันหน้าออกข้างนอกมองวิวไปพร้อมกับวนแก้วไวน์ในมือไปมา ผมเห็นแค่มือข้างเดียวที่โผล่จากเก้าอี้ของมันมาครับเลยไม่รู้ว่ามันกำลังทำสีหน้าแบบไหนแล้วคิดยังไงถึงไม่เปิดฟงเปิดไฟวะ
“พะ…”
Rrrrrrไอ้พี่ครอสขยับตัวนิดหน่อยเพื่อรับสายที่โทรเข้ามาในจังหวะเดียวที่ผมกำลังจะเอ่ยเรียกพี่ชาย
“อืม…พูดมาแต่ส่วนหลักปลีกย่อยค่อยเข้ามาหาฉันในวันพรุ่งนี้พร้อมเอกสารและรูปถ่าย….มั่นใจนะ…โอเค แค่นี้ก่อนไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่…อืม”
แล้วก็เงียบไปหลายนาทีจนผมคิดว่ามันคงวางสายไปแล้วจึงเอ่ยปากทักอีกครั้ง
“พี่ครอส”
มันหมุนเก้าอี้หันมาทางผมก่อนจะวางแก้วแล้วกดรีโมตเปิดไฟซะสว่างโร่ เล่นเอาผมต้องหลับตาเพื่อปรับทัศนียภาพใหม่
“ตื่นแล้วเหรอ”
“คงยังมั้ง”
“กวนตีนนะไอ้น้อง”
“กี่โมงแล้วอะ?”
“สามทุ่มครึ่ง”
อื้อหือ ผมนอนยาวไปร่วมสี่ชั่วโมงเลยวะครับ
“ยังปวดหัวอยู่ไหม?”
เห็นโหดๆกวนตีนๆแต่พี่ผมก็ห่วงผมที่สุดเสมอ
“ไม่อะ แค่มึนๆเพราะพึ่งตื่น”
“มาเอาน้ำไปกิน”
ผมลุกขึ้นไปรับแก้วน้ำเปล่าที่คาดว่าเป็นของมันแต่มันไม่กินมายกขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้ว พึ่งรู้ตัวว่าหิวน้ำก็ตอนมีน้ำไหล่ลงคอนี่แหละนะ
“จะไปกี่โมง?”
“สักพักมั้ง ไอ้พวกนั้นยังไม่โทรตามเลย”
“นี่กุญแจรถ”
มันพูดพลางยื่นกุญแจมาให้ตรงหน้า ผมหันหน้าหนีแล้วเบ้ปาก ไม่อยากขับนะจริงแต่ถ้าไม่รับเดี๋ยวมันก็เทศนาเอาอีก
“แล้วเรื่องคอนโดนะ เลิกคิดไปได้เลย”
“ได้ไงอะ!?”
“ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ”
“แต่นี่มันผมไม่ใช่พี่!”
“แต่แกก็ยังใช่นามสกุลเดียวกับฉันอยู่ เพราะงั้นก็ทำตามที่ฉันบอกซะ เลิกคิดแล้วถ้ายังอยากอยู่คอนโดก็ไปเลือกเอาที่เป็นโครงการของเรา”
“พี่แม่งไม่แฟร์เลยวะ”
“กูแฟร์ที่สุดแล้วคริส”
“อย่ามาทำเป็นพูด เรื่องรถผมยอมรับมาขับเองก็ได้แต่คอนโดผมไม่ยอมวะ”
“มันจะอะไรกันนักหนาวะคริส กะอีกแค่ห้องให้ซุกหัวนอนไปวันๆ”
“พี่จะมาเข้าใจอะไรผมละ วันๆอยู่แต่กับงานคุยอยู่แต่เรื่องธุรกิจ จะมารับรู้ชีวิตคนอื่นจะมาเข้าใจความต้องการของคนอื่นได้ยังไงในเมื่อพี่คิดแต่ในสิ่งที่พี่สนและทำแต่ในสิ่งที่พี่ต้องการ แล้วพอผมจะทำจะเอาบ้างทำไมต้องมาห้าม ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจทุกอย่างอยู่แล้ว จะให้ผมถอนตัวจากกองมรดกเลยก็ได้!!!”
“อย่ารวน ตอนนี้กูคุยเรื่องคอนโดอยู่อย่าลามไปเรื่องอื่น”
“ช่างหัวผมเถอะน่า!”
ว่าจบก็หุนหันออกจากห้องมาโดยที่ไม่สนคำทักท้วงใดๆอีกเลย ดีที่ไอ้พี่ครอสมันไม่ตามออกมา ผมเดินมากดลิฟท์ลงไปชั้นล่างสุดเพื่อเรียกแท๊กซี่ คือผมไม่ได้หยิบกุญแจรถมันมาไงครับ ที่ผมฟิลขาดนั้นก็เพราะผมฉุนที่ไอ้พี่ครอสมันสัญญาแล้วว่าจะให้คอนโดที่ผมต้องการ แต่มาเป็นแบบนี้มันเลยเหมือนคนไม่รักษาสัญญา ใจหนึ่งก็รู้ว่ามันห่วงแต่ผมไม่เห็นว่าจะมีอันตรายอะไรเลย
“ไป####ครับพี่”
ผมบอกกับแท๊กซี่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแชตหาเพื่อนเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัว ไอ้พวกนั้นมันบอกว่ากำลังออกไปที่ร้านเหมือนกันใครไปถึงก่อนก็ไปนั่งได้เลยเพราะไอ้มิกซ์มันจองโต๊ะไว้แล้ว ผมไม่ได้โกรธไอ้พี่ครอสมันมากนักหรอกครับ เมื่อกี้ก็แค่ฉุนเฉียว เดี๋ยวผ่านคืนนี้ไปก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ พวกเราสองคนทะเลาะกันบ่อยด่ากันจนเป็นเรื่องปกติแต่ไม่เคยจะยาวนานเลยสักครั้ง มากสุดก็สองวันแค่นั้นแหละ
ผมมาถึงที่ร้านก่อนเพื่อนเพราะพี่แท๊กซี่พาดิ่งมาอย่างไว ไม่รู้เพราะกลัวเอารถกลับไม่ทันหรือกลัวโดนผมฆ่าเนื่องจากสายตาและบรรยากาศโคตรอึกครึ้ม ผมจ่ายเงินให้เกินตัวเลขและไม่เอาเงินทอนแล้วก้าวลงจากรถ เมื่อเดินขึ้นบันไดไปยังหน้าประตูการ์ดแทบจะปูพรมแดงให้ผมเดินเลยด้วยซ้ำครับ ไม่ใช่อะไรหรอกแค่ผมโชว์บัตรวีไอพีให้เค้าดูก็แค่นั้น กลุ่มผมมีกันทุกคนครับเพราะที่นี้คือร้านของญาติไอ้มิกซ์เองและบัตรนี้จะมีเพียงสิบใบเท่านั้น อยู่กับพวกผมไปแล้วห้า ส่วนอีกห้าจะอยู่ไหนก็ช่างมันเถอะ
ผมเดินตามพนักงานเข้าไปยังโซนโซฟาด้านข้างที่ไอ้มิกซ์จองไว้รอไม่นานเครื่องมือที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ ผมยกขึ้นกระดกทันทีดับความโมโหที่ยังคุกรุ่นอยู่ภายในใจจนหมดไปเกือบๆห้าแก้วไอ้พวกเพื่อนตัวดีมันถึงโผล่หัวกันมา
“ช้าโคตร”
“มีอุบัติเหตุรถเลยติดกะทันหัน”
ไอ้นายเป็นคนตอบแล้วจึงนั่งลงข้างๆผมส่วนอีกฝั่งก็เป็นไอ้แวนไอ้คมและจบลงที่ไอ้มิกซ์
“โมโหอะไรมาวะ ยกเอายกเอาอย่างกับกลัวใครแย่งงั้นแหละ”
ผมไม่ตอบไอ้แวนแต่ยกแก้วขึ้นดื่มต่อและก็เป็นไอ้นายที่ตอบมันแทนแถมเสือกถูกซะด้วย
“ทะเลาะกับพี่ครอสมาอีกนะสิ”
“ทำไมมึงรู้?”
ไอ้นายโชว์โทรศัพท์ของมันที่เป็นห้องแชตที่มีข้อความจากใครบางคนบอกว่าช่วยดูผมด้วย ไม่ต้องถามเลยว่าเป็นใครเพราะชื่อที่โชว์หลาเป็นสัญลักษณ์รูปไม้กางเขนนั้นเป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนอยู่แล้ว
“มึงเป็นสายให้พี่กูเหรอ?”
“สายบ้าอะไร พี่เค้าเป็นห่วงมึงก็แค่นั้น”
“เอามาดูอีกดิ”
ผมจะคว้าเอาโทรศัพท์มันมาดูอีกรอบเผื่อมันคุยกันเกินเลยกว่านั้นประมาณว่าไปเผาอะไรผมไว้งี้แต่ไอ้นายกลับไวกว่า มันชูขึ้นเหนือหัวหนีผมได้อย่างทันท่วงที แหมะ ส่วนสูงมึงกับกูก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลยนะ ว่าแล้วผมก็แสยะยิ้มเขย่งตัวไปแย่งเอาใหม่จนยื้ออีท่าไหนไม่รู้ให้สะดุดล้มทับมันไปโครมใหญ่เรียกเสียงหัวเราะจากไอ้บ้าทั้งสามตัวที่เหลือไปซะงั้น
“ชิป”
ผมอุทานแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่งพอดีกับที่ได้นายมันเผลอผมก็ฉกเอาโทรศัพท์มันมาได้ในที่สุด ผมกดยิ้มที่มุมปากพลางตีคิ้วกวนๆส่งกลับไปให้จนโดนมันกอดคอขยี้หัวด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เอาจริงๆนะ ถ้าพวกกูไม่รู้จักมึงทั้งคู่มาก่อนกูคงคิดว่าพวกมึงเป็นคู่ผัวเมียกันแหง่งๆ”
ผมทำท่าจะถีบไอ้คนพูดอย่างไอ้แวนทันทีที่มันพูดจบจนมันสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้ทำจริงหรอกครับ
“คิดส้นตีนอะไร ไอ้นายมันไม่ใช่เกย์ พูดงี้มันเสียหายนะเว้ย”
“แหมะๆ มีออกโรงปกป้องซะด้วย”
“มึงมาลองเป็นเมียกูดูไหมมิกซ์ เดี๋ยวจัดหนักจัดเต็มให้ชนิดที่ไม่ฟ้าเหลืองกูไม่หยุดอะ”
“เชี่ยคริส กูขนลุกเลยสัส”
“เห็นมะ แล้วมึงคิดว่าไอ้นายจะไม่รู้สึกเหมือนมึงรึไง”
“กูไม่เห็นจะรู้สึกอย่างมันเลย”
ผมชะงักทันทีก่อนจะขมวดคิ้วแล้วหันไปมองที่คนพูดด้วยความไม่เข้าใจ ไอ้นายนั่งลอยหน้าลอยตายกแก้วของมันขึ้นมาดื่มเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่พูดออกมา
“มีอะไร จ้องกูกันทำไม?”
“ไอ้นาย อย่าบอกนะว่ามึงเองก็แปรพรรคแล้ว”
“แปรพรรคอะไรของมึงคม?”
“ก็มึงบอกว่า…”
“กูหมายถึงเป็นไอ้คริสนะกูไม่เป็นไรเพราะคุ้นกันอยู่แล้วแต่ถ้าเป็นคนอื่นกูถีบเปรี้ยง”
“อ้ออออออออ~”
ผมยกแก้วขึ้นดื่มบ้างแต่ก็ยังไม่หายแครงใจนะ ผมพยายามเลิกสนใจความตะขิดตะขวงใจนี้โดยการพูดคุยเรื่องอื่นกับคนอื่นไปเรื่อยๆจนแต่ละคนเริ่มหันเหความสนใจไปยังสาวๆที่กำลังแดดิ้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แปลกอยู่นิดหน่อยตรงที่ผมไม่คิดจะกวาดสายตามองหาเป้าหมายเหมือนอย่างที่ชอบทำเวลามาเที่ยวแบบนี้เลย ไม่รู้สินะแต่เหมือนผมจะอิ่มตัวแปลกๆ เหมือนอยากจะหยุดเรื่องแบบนี้ไว้สักพักก่อนอะไรแบบนั้น
“จะไปไหนวะ?”
ไอ้นายหันมาถามเมื่อเห็นผมลุกขึ้นยืน
“ไปห้องน้ำ”
“ให้ไปเป็นเพื่อนไหม?”
“ไม่ต้องๆ กูยังไม่เมาไม่ไปฉุดใครเค้าหรอกน่า”
“กูกลัวมึงจะโดนฉุดต่างหากละไอ้ควาย มึงไม่รู้สึกตัวเลยเหรอว่าคนที่จ้องจะงาบมึงมีเยอะขนาดไหน?”
ผมส่ายหัวหวือเลย ก็วันนี้ไม่มีอารมณ์มองไงเลยไม่ได้สนใจอะไร
“เออๆ จะไปก็ไป เร็วกูจะราดละเนี้ย”
ไอ้นายส่ายหัวยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นผมเลยเดินนำมันไปที่ห้องน้ำดีหน่อยที่ไปถึงห้องประตูก็ว่างพอดี ผมไม่ชอบฉี่ใส่โถด้านนอกครับรำคาญสายตาคนไง ผมเข้าไปจัดการธุระจนเสร็จออกมาล้างไม้ล้างมือเรียบร้อยถึงออกมาหาไอ้นายที่ยืนรออยู่แถวหน้าประตู แต่เมื่อไปถึงไอ้นายมันกำลังถูกรุมโดยสาวๆหุ่นสะบึ้มอยู่เลยครับ ถ้านางเดียวก็คงเอาไหวแต่นี่มันสามนางเลยนะเว้ย เพื่อนกูฮอตสัสๆ
“อ๊ะ ขอโทษนะครับพอดีเพื่อนผมออกมาแล้วนะ”
ทุกสายตาหันมามองผมทันทีที่ไอ้นายโยนขี้มาให้ เพื่อนเวรเอ๊ย ผมยกยิ้มในแบบปกติแต่เสียงกรี๊ดตอบกลับมาซะดังขนาดนี้คงไม่ปกติในสายตาเจ้าหล่อนทั้งหลายสินะ เมื่อเห็นผมปุ๊บสองในสามนั้นเลยเดินเข้ามาเกี่ยวแขนผมทันทีเลยด้วย
“เพื่อนหล๊อหล่อนะคะ พูดไทยได้รึเปล่าเอ่ย?”
“ได้ครับ”
“หุ้ย เริศเฟ้อ สนใจไปต่อด้วยกันไหมคะสุดหล่อ?”
“ไม่เป็นไรครับ พอดีผมไม่สนใจผู้หญิงนะ”
“หืม เป็นเกย์เหรอเนี้ย โอ้ย เสียดายน้ำเชื้ออะ หน้าตาดีอย่างนี้สนใจฝากสเปิร์มไว้กับเค้าไหมตัวเอง แต่ต้องฝากด้วยเจ้านั้นเท่านั่นนะ คริคริ”
แรงส์!
ผมแทบผงะแต่ก็ขยับไม่ถนัดสักเท่าไหร่เพราะยังคงดึงทึ้งอยู่ด้วยสองสาวที่ขนาบซ้ายขวา ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้นายที่ยืนยิ้มกลั่นขำเต็มที่จนน่าถีบด้วยสองขาหน้า ไหนบอกมาเพื่อกันผมโดนฉุดไงวะ นี่ไงกำลังจะโดนฉุดอยู่ละแม่งยังยิ่งแถมยังมายิ้มใส่อีก แม่ง
ผมกำลังจะอ้าปากด่าแต่เสียงยังไม่ทันได้ออกก็โดนใครบางคนเอื้อมมือมาจากทางด้านหลังดึงหน้าให้หันไปหาแล้วก้มลงมาปิดปากผมด้วยปากของมันเอง
ไอ้พี่ทัต!
ผมแทบไม่ได้ยินเสียงหวีดร้องรอบข้างเพราะมัวแต่ตะลึงกับการโผล่มาของมัน มาได้ยังไงแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
“ขอโทษนะครับสาวๆ ผมขอตัวแฟนผมคืนจะได้ไหม?”
ผมกระพริบตาปริบๆในขณะที่สาวทั้งสองเองก็พยักหน้าอึ้งๆจนปล่อยมือจากแขนผมในที่สุด ไอ้พี่ทัตยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณเบาๆแล้วจึงกึ่งลากกึ่งจูงผมไหนหลุดไปจากสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความมึนงง แม้แต่เสียงร้องเรียกของไอ้นายยังไม่เข้าหูผมเลยอะ
“ทัต”
ผมเอ่ยเรียกเมื่อมันพาผมออกมาจากด้านในร้านและไปยืนหลบมุมอยู่ที่ข้างราวระเบียงที่มีต้นไม้เกาะเกี่ยวจนดูเหมือนเป็นระเบียงต้นไม้ไปแล้ว เอิ่ม มันไม่ใช่เวลามาชื้นชมสถายที่นี่เนอะ
“มาอยู่นี่ได้ไง?”
“ขับรถมา”
“ห่ะ! แล้วมือไม่เจ็บรึไง เอามาดูดิ!?”
ผมไม่รอให้มันยื่นมาให้แต่กลับเข้าไปจับแขนมันขึ้นมาดูเอง มันเอาผ้าที่เคยพันเป็นมัมมี่ออกแล้วครับแต่น่าจะบวมอยู่นิดๆถ้ามองไม่ผิดอะนะ
“บ้าป่าววะ แขนยังไม่หายจะขับมาทำไม คนขับรถก็มีไม่ใช่อ่อ แล้วเพื่อนอีกละ นิสัยวะทัต”
ผมยืนด่าแม่งทั้งอย่างนั้นดีหน่อยที่ตรงนี้ไม่มีใครผมเลยไม่ต้องยั้งอะไรแต่พอหันไปมองหน้าไอ้ตัวการมันกลับยิ้มอยู่ครับ ยิ้มเหี้ยไรวะกูด่ามึงอยู่นะเว้ย มันดึงมือกลับแล้วเปลี่ยนเป็นดึงผมเข้าไปใกล้ในขณะที่มันนั่งลงหมิ่นๆที่ขอบระเบียง ดีนะที่นี่เป็นแค่ระเบียงเตี้ยๆคือมีไว้ตกแต่งยกจากระดับพื้นไม่สูงผมเลยไม่เสียวกลัวมันพาหงายหลังตกลงพื้นสักเท่าไหร่ พอได้ที่มันก็ฟุบหน้าลงกับไหล่เหมือนหมดเรี่ยวแรงจากอะไรมาสักอย่าง ดูเหมือนมันจะสลดจนผมอดอยู่นิ่งๆไม่ได้
“ห่วงพี่เหรอ?”
เชี่ย!
กูขอถอนคำพูดที่บอกว่ามันสลดนะครับ แม่งก็แค่สำออยแตะอั๋งกูดีๆนี่เอง
“ปล่อย!”
ผมเริ่มดิ้นและพยายามแกะมือที่โอบรอบเอวทั้งสองข้างออกแต่แม่งก็โคตรจะเหนียว
“อยู่นิ่งๆ”
สั่งอีกละ
“ปล่อย ไอจะกลับไปหาเพื่อน”
“หึ ไปหาชู้ซะมากกว่ามั้ง”
ผมขมวดคิ้วพลางเลิกดิ้นไปในบันดล มันพูดบ้าอะไรของมัน
“ใครเป็นชู้ใคร?”
“ก็ใครละที่หึงที่หวงเราอยู่นะ”
“ไอเห็นมีแต่ยูนั้นแหละที่เป็นบ้าเป็นบอแบบนั้นอยู่คนเดียว”
“คิดดูใหม่คริส”
เดี๋ยวนี้กิ๊กๆกั๊กๆผมก็ไม่มีนะครับ ตั้งแต่รู้จักมันคือไม่มีเวลาไปออร้อออติกใครเค้าอีกเลย แล้วจะเป็นใครละวะ เหมือนทัตจะเห็นผมงงหนักเลยยิ้มระอาพลางส่ายหน้าไปมาจนผมต้องยกมือสองข้างไปบีบแก้มมันให้อยู่นิ่งๆ อืม ผมคงมึนอยู่สินะถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้
“ทำไมยังเฉยอยู่อีกละ?”
“ห่ะ?”
“ตามรูปการณ์แล้วถ้าจับหน้าแบบนี้แล้วต้องก้มลงมาจูบด้วยสิ รีบก้มลงมาเลยเดี๋ยวจะรอรับ”
อย่าว่าแต่จะก้มลงไปจูบเลยครับ ผมเล่นตบหน้ามันด้วยสองมือจนเหมือนตีฉาบเสียงดังเพี๊ยะอย่างน่าดูชม เห็นมันทำหน้านิ่วแล้วก็ยิ้มออกแฮะ สะใจอยู่เล็กๆ แต่ยังไม่ทันเต็มที่เท่าไหร่มือหนาก็คว้าเอาท้ายทอยผมให้ด้มลงไปหาเองจนปากจรดปากลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในทันทีทั้งที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“อื้ออออ”
จูบกับมันแต่ละครั้งยอมรับว่าสามารถทำผมเคริ้มได้โคตรง่าย มันเก่งและดูเชี้ยวเรื่องพวกนี้จนผมคิดว่าถ้าในนอนกับใครคนๆนั้นคงหลงมันได้ในทันที
“ขอโทษ”
มันผละปากออกจากปากผมแล้วเปลี่ยนไปไซ้อยู่แถวหูพร้อมกับเอ่ยบอกเสียงแผ่ว มือหนานวดอยู่ที่แก้มก้นจนข้างในเริ่มกระตุกไปพร้อมกับใจที่สะดุดจนเต้นผิดจังหวะ
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องเมื่อตอนเย็นไง ขอโทษที่หึงแรงไปหน่อย ให้อภัยพี่นะครับ?”
ผมไม่ตอบแต่เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง เอาจริงๆคือรู้สึกแพ้วะครับ แพ้คนที่ดูแกร่งเอาตัวเองเป็นใหญ่แต่กลับมาหงอมาอ่อนในเราเพียงคนเดียวแบบนี้ แพ้คนที่ทำเหมือนเราเป็นสิ่งล้ำค่าเป็นคนสำคัญเสียเต็มประดาจนแทบจะใจอ่อนยวบเข้าให้แล้ว
“ก็ได้ แต่คราวหน้าเพลาๆลงบ้างก็ได้ บอกแล้วว่าไม่ชอบให้บังคับ”
มันยิ้มกว้างแแล้วเข้ามาจูบดูดปากผมไปอีกทีจนผมฟาดเข้าให้นั้นแหละถึงเลิกแกล้ง เสียงหัวเราะหึดังมาจากคนตรงหน้าเหมือนอย่างเคยแต่คราวนี้ผมกลับยิ้มตามและยอมที่จะยืนอยู่นิ่งๆภายในอ้อมแขนของมันง่ายๆซะอย่างนั้น
“กลับกัน”
“แต่…”
“จะกลับไปกินก็ได้ แต่เวลากลับต้องกลับกับพี่ โอเคไหม?”
ผมพยักหน้ารับแล้วหันหลังเตรียมเดินกลับเข้าร้านแต่ยังคงก้าวไปไหนไม่ได้เพราะมันยังไม่ยอมคลายมือออกอะ
“ทัต โอ้ย!”
เจ็บสัส
ไอ้พี่ทัตมันรั้งผมไปดูดที่ต้นคอแรงๆก่อนที่จะเลียไปอีกที ผมเอามือมาคลำจนรับรู้ได้ถึงความแปร๊บตรงจุดนั้น ห่อเลือดชัวร์ไม่ต้องสงสัยเลย
“ไม่เข้าไปแล้วเหรอ งั้นกลับกันเลยไหม?”
“สัส!”
“หึหึ”
ผมกลับเข้าไปนั่งดื่มต่อโดยที่ไอ้แวนกับไอ้มิกซ์หายหัวไปแอ่วสาวเป็นที่เรียบร้อย จะเหลือก็แต่ไอ้คมที่ได้แต่นั่งพะหงกหัวรับจังหวะเสียงเพลงและไอ้นายที่นั่งดื่มไม่พูดไม่จา ผมมองไล่ดูผู้คนรอบข้างจนไปสบตาเข้ากับไอ้พี่ทัตที่นั่งจ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว มันนั่งอยู่ที่บาร์คนเดียวและดูเหมือนจะไม่ได้ดื่มอะไรมากด้วย
“คริส”
“ห่ะ?”
ผมหันไปหาคนเรียกซึ่งเป็นไอ้นาย มันตีหน้าบึ้งยิ่งกว่าเมื่อกี้อีกครับ
“กูบอกแล้วไงว่าให้อยู่ห่างๆลุงรหัสของมึงไว้”
“มึงก็เห็นว่ามันไม่ปล่อยกู”
“แต่มึงก็ยังคงเล่นด้วยเนี่ยนะ มึงปฎิเสธได้เว้ยแต่มึงไม่ทำ ทำไมวะคริส? มึงชอบมันรึไง?”
ผมนิ่งไปนิดพลางเหลือบตาไปมองยังบุคคลที่เป็นประเด็นไอ้นายเลยหันไปมองตามสายตาผมและก็ต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว
“กู…ไม่รู้วะ ยอมรับว่าไม่ชอบนิสัยมันแต่…บางทีมันก็ไม่ได้แย่”
“มึงไม่เคยคบใครอย่างจริงจังนี่”
เป็นไอ้คมที่พูดแทรกขึ้นมา
“ก็จริง”
“งั้นก็ลองดูดิ เผื่อมึงจะเลิกล่องลอยสักที”
“ไอ้คม!”
“มึงจะใส่อารมณ์ทำไมวะไอ้นาย ไม่ดีรึไงมันจะได้เลิกไปกับคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วปักหลักอยู่กับคนๆเดียว กูว่าพี่เค้าก็รักไอ้คริสพอตัวแหละน่า ไม่งั้นคงไม่ตามทั้งที่ไอ้คริสก็ใช่ว่าจะไม่ไล่”
ไอ้นายถึงกับเงียบแต่ก็ยังคงกำมือแน่นอย่างไม่เห็นด้วยอยู่ดี ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มสายตาก็ยังคงจ้องไปที่ใครอีกคนอย่างพินิจพิจารณา ผมรู้ว่าผมยังไม่ได้รักมันแต่อาจจะเริ่มชอบ ชอบในรสสัมผัสและการกระทำบางอย่างที่แสดงออกได้อย่างชัดเจนว่าผมคือสิ่งสำคัญ
“จะไปไหนวะคริส?”
ไอ้คมถามเมื่อจู่ๆผมก็วางแก้วลงกับโต๊ะเสียงดังปึกแล้วผุดลุกขึ้นยืน เกือบจะเซด้วยแต่ดีที่ยังหยั้งตัวไว้ได้ทัน
“ไปหามัน”
ไอ้คมยิ้มกริ่มในขณะที่ไอ้นายพ้นลมหายใจแล้วยกเหล้าขึ้นกระดกทีเดียวหหมดแม๊ค ผมเลิกสนใจเพื่อนแล้วเดินไปหาไอ้พี่ทัตที่ยิ้มรอผมอยู่ก่อนแล้ว พอไปถึงก็ยกมือขึ้นโอบรอบคอแล้วดึงมันเข้ามาจูบแบบดุเด็ดเผ็ดมันส์ทันที เสียงโห่แซวดังแว่วเข้าหูแต่ผมไม่ได้สนใจอะไรนอกจากลีลาการแลกลิ้นกันคนตรงหน้า ถ้าเป็นสถานบันเทิงแบบนี้ผมกล้าที่จะโชว์พอสมควรเพราะมันมืดเป็นทุนเดิมและแต่ละคนก็มาหาความสำราญกันอยู่แล้ว ผมผละปากออกจากมันเมื่อเริ่มหายใจไม่ทันจนได้ยินเสียงมันหัวเราะหึก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มพลางโอบกอดผมเข้าแนบชิดกับตัวเองไปทั้งตัว
“ดีใจนะเนี้ย”
“ไม่ดีรึไง”
“ยิ่งกว่าดีอีก”
ผมยิ้ม
“เดี๋ยวจะดียิ่งกว่านี้อีก”
Tbc…