สัมผัสที่ 10
“กลับมาแล้วเหรอ?”
ผมเอ่ยทักพี่ชายที่เดินตีหน้านิ่วเข้ามาในห้อง ไอ้พี่ครอสดูจะแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นผมนั่งเอ่อละเหยดูทีวีกินสตอเบอรี่อยู่ที่บ้านในช่วงเวลาหัวค่ำแบบนี้
“ไหนบอกจะกลับดึก?”
มันท้วงแล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ ผมชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งแล้วเอาหน้าซบหันไปมองพี่ชาย
“แล้วไม่ดีเหรอ?”
“ก็ดีแต่แปลกใจไง”
ผมเบ้ปากจนมันหัวเราะหึยกมือขึ้นยีหัวผมไปอีก ได้ทีแล้วมันส์มือใหญ่เลยด้วย จนผมผลักมือมันออกเพราะรู้สึกว่าจะแรงเกินไปแล้วแต่มันไม่ยอมปล่อยครับ มีการดึงผมเข้าไปล็อคคอแล้วจี้เอวไปด้วยอีก ผมก็ดิ้นสิครับ จักกะจี้อะ ไอ้พี่ครอสแม่งชอบใจใหญ่แถมพอมือผมไปปัดโดนหน้ามันเข้ามันเลยรวบมือผมไว้เหนือจัดการครูดหนวดเคราไปกับคอจนผมหดคอหนีแทบไม่ทัน
“ฮ่าๆๆ ไม่เล่นงี้ดิไอ้พี่ครอส ฮ่าๆๆๆ แม่! พี่ครอสแกล้งคริส!!”
“กล้าขึ้นไอ้กับพี่เหรอ มึงตายแน่คริส”
“สัส ฮ่าๆๆๆ”
ไอ้พี่ครอสยิ้มร่าเมื่อแกล้งผมได้แต่สักพักมันก็หยุดชะงักไปซะดื้อๆ พอได้โอกาสผมก็เด้งตัวหนีไปนั่งกอดหมอนอิงอยู่อีกฝั่งเลยครับ ให้ตาย หัวเราะจนน้ำตาแตกเลยกู
ไอ้พี่ครอสยังคงนิ่งคิ้วหนาที่มีสีเข้มกว่าผมไปเฉดหนึ่งขมวดมุ้ยเหมือนตอนเข้ามาใหม่ๆ
“มึงไปโดนใครกัดคอมาวะ?”
ผมรีบยกมือขึ้นจับที่ท้ายทอยโดยทันที หน้าตาไม่ต้องพูดถึงเลยครับ คงจะเหวอมากเพราะตกใจจริงอะไรจริง ก็บอกแล้วว่าอย่าทำรอยไอ้เชี่ยทัตนี่!
“ช่างผมเถอะน่า”
“อย่าไปทำใครเค้าท้องนะมึง”
ผมขำพรืดเลย
“รับทราบครับ ไม่มีท้องมาให้พี่เลี้ยงแน่นอน ผมเอาหัวเป็นประกันเลย”
ก็ผมเป็นเกย์นี่หว่า จะไปทำใครเค้าท้องได้ละ ถ้าท้องเองละอาจไม่แน่ แต่ก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วแหละนะ
“เสียงดังเอะอะอะไรกันสองคนนี้”
ผมรีบลุกไปซ้อนหลังมารดาแล้วฟ้องไปยกใหญ่จนโดนไอ้พี่ครอสฟาดหมอนมาให้พลางชี้หน้าคาดโทษ ผมไหวไหล่เลยครับ แม่เข้าข้างผมอยู่แล้วเพราะตอนเด็กไอ้พี่ครอสชอบแกล้งผมเป็นประจำ แต่เอ๊ะ ตอนนี้ก็ยังแกล้งอยู่นี่หว่า
“ไม่รู้จักโตกันทั้งคู่เลย”
“ว่าพี่ครอสอีกเลยแม่ มันเริ่มก่อนนะคริสนั่งอยู่เฉยๆก็มาแกล้งอะ”
“กวนตีนมึง”
“ทีครอส”
“โถ่แม่”
“พอๆเลิกเล่นแล้วไปกินข้าวกันได้แล้ว ป้านมตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว”
“คร้าบบบบ”
ผมเดินคล้องแขนแม่ไปยังห้องอาหารโดยไม่ลืมจะหันไปแลบลิ้นปริ้นตาใส่พี่ชาย ไอ้พี่ครอสมันก็ทำปากหมุบหมับแล้วทำมือปาดคอขู่ผมไปด้วยก่อนจะเดินตามมา
วันนี้เป็นวันที่เราอยู่กันพร้อมหน้าเป็นครั้งแรกในรอบเดือนได้ละมั้งครับ พร้อมหน้าในที่นี้หมายถึงผม พี่ชาย และแม่เพียงแค่นั้นนะ อย่างที่รู้ๆว่าพ่อผมอยู่ต่างประเทศและนานๆทีถึงจะกลับมาจนกลายเป็นเรื่องปกติ
“คริส”
พี่ชายเรียกขึ้นเมื่อพวกเราทานอาหารคาวเสร็จและกำลังตามด้วยของหวานล้างปาก ของหวานที่ว่าคือกล้วยบวชชีครับ แม่ผมชอบขนมไทยไงเพราะงั้นแต่ละมื้ออาหารจะมีขนมไทยหรือของหวานแบบไทยๆตบท้ายเสมอ
“ว่า?”
“เรื่องคอนโดนะ”
ผมแทบจะวางช้อนลงถ้วยในทันทียังดีที่ยั้งมือไว้ได้ทัน
“ทำไม?”
“ไม่ต้องเอาแล้วได้ไหม อยู่บ้านนี่แหละจะได้มีคนอื่นช่วยดูแล”
“ผมโตแล้วเหอะ”
ผมเริ่มทำน้ำเสียงไม่พอใจใส่พี่ชายจนทั้งแม่ทั้งพี่ครอสต่างถอนหายใจพร้อมๆกัน
“พี่แค่ห่วง”
“นั้นสิคริส อยู่บ้านเรานี่แหละลูก ถึงลูกจะไม่ค่อยกลับหรือกลับดึกแต่แม่ก็สบายใจทุกครั้งที่เห็นว่าคริสยังกลับมาบ้านนะ”
ผมถึงกับเม้มปากแน่นวางช้อนในมือลงแล้วผุดลุกขึ้นเดินหนีกลับขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองทันที ผมรู้ว่าผมทำตัวไม่ดี แต่ผมก็ขัดแม่ไม่ได้ คำพูดของแม่คือประกาศิตสำหรับผม แล้วในเมื่อแม่พูดถึงขนาดนั้นผมยังจะต้านได้อยู่อีกเหรอ
ผมเดินไปล้มตัวลงกับที่นอนกว้างขนาดคิงส์ไซต์ ทุกทีก็นอนได้ไม่รู้สึกอะไรแต่ทำไมวันนี้มันกลับดูกว้างจนเกินไปซะงั้น หรือเพราะช่วงนี้ไปนอนที่เตียงใครบางคนบ่อยจนชิน หรือเพราะช่วงนี้มีใครอีกคนนอนเคียงข้างแต่กลับไม่อึดอัดหรือขัดข้องในใจ
ก๊อกๆๆ
“คริส”
เป็นเสียงพี่ครอสที่ดังตามหลังเสียงเคาะประตูสองสามครั้ง ผมนิ่งไปนิดก่อนจะตะโกนกลับไปว่าประตูไม่ได้ล็อคพี่ครอสเลยเปิดเข้ามานั่งอยู่ริมเตียงข้างๆผมในที่สุด
“งอลพี่เหรอ?”
“ยังจะถาม ที่คุยต่อหน้าแม่เพราะอยากให้แม่เข้าข้างใช่ไหมละ ไอ้พี่เจ้าเล่ห์”
“หึหึ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะ”
พี่ครอสเอื้อมมือมาขยี้หัวผมอีกทีเหมือนจะอ่อนโยนนะแต่ตอนท้ายกลับกดหัวผมให้จมลงไปกับหมอนซะงั้น
“ไอ้พี่เหี้ย!”
“ปากจัดอย่างนี้มีแฟนได้ไงวะ”
มันพูดเหมือนจะปลงๆแต่โคตรดูถูกกันเลยนะครับ
“รู้ได้ไงว่าเป็นแฟน อาจจะแค่คู่ขาหรือกิ๊กๆกั๊กๆก็ได้ ผมออกจะหล่อ”
“ทำรอยซะขนาดนั้นเค้าไม่เรียกกิ๊กแล้วไอ้อ่อน”
ความผิดมันคนเดียวเลย คราวหน้ากูจะกัดมึงคืนบ้างไอ้เชี่ยพี่ทัต!
“ไม่พามาให้เห็นหน้าบ้างวะ?”
ผมส่ายหัว ขืนเอามาให้เจอเรื่องที่ผมเป็นเกย์ก็แตกดังโพล๊ะกันพอดี เรื่องนี้ผมยังปิดกับครอบครัวอยู่ครับ ถึงแม้คนภายนอกจะรู้อยู่บ้างแต่คนในครอบครัวคือไม่มีหลุดให้ได้ระแคะระคาย
“ทำไม ไม่สวยเหรอ?”
ผมกรอกตา ไอ้ไม่สวยก็จริงเพราะมันโคตรหล่อแทน
“ไม่ตอบอีก”
มันขยี้หัวผมมาอีกจนผมต้องปัดออกอย่างนึกรำคาญ
“ทำไมมีแต่คนชอบเล่นหัวผมวะ”
ผมบ่นครับไม่ได้เจาะจงจะเอาคำตอบ แต่ไอ้พี่ชายมันเลิกคิ้วแปลกใจซะงั้น
“มีคนเล่นหัวมึงได้นอกจากกูอีกเหรอ?”
ผมถึงกับไปไม่เป็น ตกลงนี่กูขุดหลุมฝังตัวเองสินะ
“ก็พวกไอ้นายไง”
“พวกนั้นไม่เล่นหัวมึงแน่”
พี่กูเสือกฉลาดอีก
“ช่างมันเหอะน่า”
“คริส”
เสียงแข็งมาแล้วครับ
“นอกจากพวกไอ้นายมึงไปสนิทกับใครอีก?”
“เยอะแยะ”
“อย่ามาพูดเหมือนกูไม่รู้จักนิสัยมึงไปหน่อยเลย มึงเป็นน้องกูนะ”
จำกันได้ใช่ไหมว่าผมเป็นคนที่สนิทกับคนอื่นยากหรืออาจจะเรียกว่าไม่อยากสนิทด้วยถ้าหากไม่มีเหตุให้ต้องคุ้นกันจริงๆ การที่ผมมีคู่ขานั้นผมก็เลือกนะครับ ถ้าไม่โอเคคือไม่คุยด้วยเลยแต่ถ้าโอเคก็ไปด้วยเพียงชั่วครั้งชั่วคราวไม่เคยรู้ประวัติในส่วนลึกหรือเรียกใช้บริการซ้ำเกินสองครั้ง
“จะว่าไป ดูท่าทางมึงจะสนิทกับเจ้าของแลมโบฯคันนั้นมากนี่”
เอาแล้วไง
“ก็สายรหัส”
“พี่รหัสมึงกูยังไม่เห็นสนิทขนาดนี้”
อยากถามมากว่ามันไปรู้ลึกรู้ซึ้งเกี่ยวกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของผมถึงขนาดนี้ได้ยังไง หรือว่าจะมีสาย พูดถึงสายแล้วก็หนีไม่พ้น
“ไอ้นายมันพูดอะไรให้พี่ฟังอีกละ?”
พี่ผมถึงกับชะงัก
ชัวร์เลย
“มันแค่บอกว่ามึงสนิทกับลุงรหัสแต่มันไม่ไว้ใจลุงรหัสมึง”
ผมถึงกับพ้นลมแล้วหันหน้าหนี
“คิดมาก”
“มึงสิที่คิดน้อยเกินไป”
“ได้ทีแล้วรุมผมเหรอ นี่ผมยังงอลพี่อยู่นะ”
“มันคนละเรื่องกันคริส”
ผมนอนมองหน้าพี่ชายที่จ้องมายังผมเขม่งเช่นกัน พี่ครอสหน้าตาคล้ายผมก็จริงแต่พี่แกจะคมเข้มเหมือนได้เชื้อเอเชียมากกว่าผมที่ค่อนไปทางฝรั่งมังค่า
“พี่นี่หล่อเนอะ”
“ไม่ต้องมาชมกลบเกลื่อนเลยคริส”
“ป่าวซะหน่อย”
พี่ครอสถอนหายใจก่อนจะยิ้มอ่อนแล้วล้มตัวลงมานอนข้างๆอย่างที่ชอบทำเมื่อสมัยเด็ก เวลาที่พวกเราจะเปิดใจคุยกันพี่ครอสมักจะมานอนค้างที่ห้องผมเป็นประจำครับ โดนสอบสวนแน่กู
“จะนอนนี่เหรอ?”
“ไม่ได้?”
“ก็ป่าว แต่ไปอาบน้ำก่อนเลยไป เหม็นเหงื่อวะ”
“หึ ไอ้แสบเอ๊ย”
ไอ้พี่ครอสมันตั้งท่าจะเข้ามาแกล้งผมอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผมกลิ้งหลบได้ทันมันเลยพลาดตบที่นอนไปแทน ไอ้พี่บ้านี่มันชอบแกล้งน้องครับต้องเตรียมตัวหนีตลอดเวลาเพราะผมสู้มันไม่ได้สักอย่างทั้งแรงทั้งความเจ้าเล่ห์ ผมมันคนใสๆนี่เนอะ
ใครแอบเบ้ปาก
เมื่ออยู่คนเดียวผมเลยลุกขึ้นไปเปิดเพลงจากเครื่องเล่นโฮมเธียเตอร์คลอเบาๆให้บรรยากาศไม่เงียบเหงา ผมชอบฟังเพลงนะ ส่วนมากจะฟังแนวป๊อบร็อคหรืออาร์แอนบี ผมหยิบโทรศัพท์ติดมือมาด้วยก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เตียงอีกรอบ ตัวเลขแจ้งเตือนของแอปยอดนิยมอย่างเฟสบุ๊คยังคงมีมาล้นหลามผิดกันไลน์และไอจีที่ไม่ค่อยจะมีความเคลื่อนไหวสักเท่าไหร่ ส่วนทวิตสไกด์หรือบีโก้ผมไม่ค่อยแตะครับ ไม่ใช่อะไรหรอกนะแค่เล่นไม่เป็น ผมกดเข้าไปในเฟสของตัวเองไล่ดูรายการแจ้งเตือนเห็นว่าไม่ค่อยมีอะไรสำคัญก็ไม่ได้กดเข้าไปดูในเชิงลึก ส่วนมากมีแต่พวกแท๊คชื่อมาจากเพจคิ้วบอยไงครับ เค้าเม้นต์กันเค้าคุยกันเค้าก็แท๊คผมมาด้วย ผมไม่อ่านเม้นต์แต่เลือกที่จะกดเข้าไปดูในเพจเลยจนเจอรูปคู่ของผมกับไอ้พี่ทัตโชว์หลาอยู่เพียบ ชนิดที่แทบจะทุกฝีก้าวที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเลยซะผมสยองสัสเลยวะ แบบนี้เค้าต้องเรียกว่าสโต๊กเกอร์หรือปาปารัสซี่อะ มีความงงหนักมาก และก็ระแวงมากเหมือนกัน
Rrrrrr สัส!
ผมสะดุ้งเลยครับ คือคนกำลังคิดอะไรแบบสยองๆอยู่แล้วจู่ๆโทรศัพท์ก็แผดเสียงพร้อมสั่นครืนขึ้นมาไง เกือบทำหลุดมือตกใส่ดั้งตัวเองแล้วด้วยซ้ำ และชื่อที่โชว์หลานั้นก็ทำให้ผมอดหงุดหงิดไม่ได้
“มีไร?”
/ตอบรับซะน่ารักเชียว/
ตรงไหนวะ
“ถ้าจะโทรมากวนเล่นก็เชิญป้ายหน้าเลยครับ”
/หึหึ กวนนะครับ/
“สรุปมีไร?”
/คิดถึงแฟนเลยโทรหาแฟน/
“จริงสิ ที่คอนโดไม่มีแฟนนี่เนอะ มีแต่แอร์”
/.........../
เงียบกริบ แดรกจุดไปสิครับงานนี้ ผมก็ช่างกล้าเล่นอีกเนอะ คิดแล้วสมเพชตัวเองชิปหาย
“ทัต”
จนเป็นผมที่ต้องเรียกสติมันให้กลับมาประทับร่าง หวังว่าคงไม่อ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าไปวางไข่แล้วหรอกนะ
/หึหึ เอาซะอึ้งเลยนะ เล่นมุขแบบนี้ก็เป็น?/
“เรื่องของไอ”
/แล้วทำอะไรอยู่?/
“เรื่องของไออีกนั้นแหละ”
/เอาดีๆสิคริส/
“ทำไมชอบสั่งจังวะ?”
/ไม่ได้สั่ง แต่อยากให้ตอบ/
ผมกรอกตา มันต่างกันตรงไหนวะ
“นอนฟังเพลงเล่น”
/เหงาไหมไม่มีคนคอยกวน?/
“รู้ด้วยเหรอว่าเป็นตัวกวน”
/ถึงจะกวนแต่ก็กวนให้รักนะ ว่ายังไงครับ น้องคริสรักพี่รึยัง?/
ขอกระโถน ณ บัดนาว ตอนนี้อยากอ้วกมากถึงมากที่สุด
“ให้ผ่านไปสักสามชาติเศษก่อนนะครับ แล้วค่อยมาถามใหม่”
ผมได้ยินเสียงหึดังมาตามสายเบาๆก่อนที่ทั้งผมทั้งมันจะเงียบกันทั้งคู่ สักพักก็ได้ยินเหมือนเสียงรถวิ่งผ่านจากปลายสายแสดงว่ามันคงอยู่ข้างนอกสินะ
“อยู่ไหนนะทัต?”
ที่ถามก็แค่เพื่อทำลายความเงียบนะครับไม่ได้อยากรู้จริงๆหรอก
/อยู่.../
“ห้ามตอบว่าอยู่ในใจนะ มุขโคตรเก่าเลยวะ”
“หึหึ”
/หัวเราะอย่างนี้แสดงว่าจะพูดใช่ไหมละ?”
/ป่าว/
“อ้าว”
งี้กูก็แป๊กสิเห้ย
/จะบอกว่าอยู่ที่หน้าบ้าน/
ผมขมวดคิ้ว เหมือนจะรู้ได้ถึงรางสังหรณ์แปลกๆที่กำลังคลืบคลานเข้ามา
“บ้านไหน?”
/บ้านไหนน๊า/
เสือกมีการมาเล่นลิ้นอีก ผมรีบยันตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งปรีไปเปิดกระจกบานเลื่อนที่กั้นไปยังระเบียงด้านนอก ห้องผมอยู่ชั้นสองที่เป็นห้องแรกระเบียงจึงยาวมาจนถึงโซนด้านหน้าและผมก็สามารถมองลงไปยังหน้าบ้านหรือแม้แต่ถนนด้านนอกได้อย่างชัดเจน และผมก็เจอแลมโบฯสีฟ้าหม่นคันเงาจอดอยู่ที่หน้าประตูรั้วและไอ้เจ้าของมันก็ยืนเก๋กหล่อเท้าสะโพกกับตัวรถมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ามืออีกข้างถือโทรศัพท์แนบหูแถมยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่แต่มึงจะสวมแว่นตาดำเพื่อ?...ได้ข่าวว่านี่มันจะสองทุ่มแล้วนะครับ ทำอย่างกันตัวเองเป็นดาราหนีหน้าประชาชน
เดี๋ยวกูจะฟ้องแม่ยกมึง!
“มาทำไมวะ?”
ผมถามทั้งที่ยืนมองมันอยู่ตรงระเบียง มันเลยเงยหน้าขึ้นมากาก่อนจะยิ้มเท่ห์ๆสไตล์มันมาให้ไปอีก ขยันหยอดแล้วยังขยันแต๊ะอีกนะไอ้หล่อลากไส้ ไอ้ไวมหาประลัย ไอ้ใหญ่ทอร์นาโด ไอ้ปืนกลยิงรัว
เดี๋ยวนะ ทำไมมันชักจะแปลกๆแล้ววะ นี่กูด่ามันจริงป่าวเนี้ย
/ก็บอกไปแล้วนี่ว่าคิดถึง/
“อย่ามาเวอร์ พึ่งห่างกันไม่กี่ชั่วโมงเอง”
/ความคิดถึงมันมีจำกัดเวลาด้วยเหรอว่าต้องห่างกันขนาดไหนหรือนานขนาดไหน?/
มาเป็นหลักเป็นการทั้งที่เบ้าหน้าแม่งโคตรจะเจ้าเล่ห์
/ลงมาหาหน่อย/
“สั่งอีกละ”
/ไม่ได้สั่ง นี่คือคำขอ...นะครับ คิดถึงมากอยากกอดด้วย/
ผมเม้มปากพลางชั่งใจคิด จริงๆจะปฏิเสธไปเลยก็ได้แต่คือขอสารภาพเลยว่าแอบใจเต้นไปตั้งแต่มันบอกว่ามาหาเพราะคิดถึงแล้วครับ สภาพการณ์เลยอ้ำอึ้งอย่างที่เห็น
/นะครับ/
ไอ้เชี่ย
ไปหัดทำเสียงอ้อนแบบนี้มาจากไหน แล้วคิดดูว่าตัวควายๆหน้าเข้มๆอย่างมันมาทำทีอ้อนเป็นลูกเสือเชื่องๆดูสิครับ โอ้ยยยยย ไปแล้วชีพจรหัวใจไปหมดแล้ว
“เออๆ เห็นแก่ว่ายูเทียวรับเทียวส่งไอหรอกนะ”
/หึหึ เอาที่สบายใจเลยครับ/
“งั้นไม่ลง”
/ยกเว้นอันนี้ดิ/
ผมยิ้ม แล้วไม่กี่นาทีต่อมาผมก็ระเห็ดตัวเองลงไปยืนปั้นจิ้มปั้นเจ้อต่อหน้ามันได้โดนที่คอยหลบผู้คนในบ้านแทบตายอย่างกับหลบกระสุนจากศัตรูก็ไม่ปาน จริงๆมันก็ไม่ได้เวอร์วังขนาดนั้นหรอกครับ แค่หลบแม่กับป้านมให้ได้ก็พอ อ้อ ยังมีไอ้พพี่ครอสอีกนี่เนอะ
“ไอมีเวลาให้ไม่มากนะ พี่ครอสมันจะมานอนด้วยเดี๋ยวเข้าไปในห้องไม่เจอไอแล้วจะซวย”
“ซวยอะไร?”
มัยถามกลับแล้วถอดแว่นห้อยไว้กับคอเสื้อเชิตที่ปลดลงจนแทบจะเห็นนมอยู่ละ มึงอยากโชว์อะไรขนาดนั้นวะ มีนมดูมๆให้ได้โชว์ร่องกูจะไม่ว่าสักคำแต่นี่อะไร แค่หน้าอกผู้ชายแมนๆแน่นๆผิวสีแทนอ่อนที่โคตรจะเซ็กซี่
เห้ย! ต้องไม่ใช่งี้ดิ (หลุดอีกละกู)
“พี่ชายไอไม่รู้ว่าไอคบกับผู้ชาย”
“แล้วยังไง? ไม่รู้ก็บอกให้เค้ารู้ไปสิ”
“จะบ้ารึไง!”
“ไม่รู้วันนี้สักวันหนึ่งก็ต้องรู้อยู่ดี หรือคริสจะเปลี่ยนไปคบผู้หญิง?”
“ไม่มีทาง”
ผมส่ายหัวหวืดเลย ผมเป็นเกย์ครับไม่ใช่ไบที่จะหญิงก็ได้ชายก็ดีแบบนั้น ไอ้พี่ทัตหัวเราะหึแล้วเข้ามาประชิดตัวดึงผมเข้าไปกอดแบบไม่รับรู้ถึงความร้อนใจของผมเลยสักนิด ผมที่ตั้งตัวไม่ทันเลยดิ้นคลุกคลักอยู่ภายในอาณัติของไอ้แฟนแสนเชื่อง โคตรจะเชื่องโคตรจะฟังกันชิปหาย
“ปล่อยไอนะ เดี๋ยวคนในบ้านมาเห็นเหรอทัต!”
มันยิ้มครับ มันยิ้ม แล้วแม่งก็ยังไม่ปล่อยผมแต่ก้มลงมาหอมแก้มไปสองฟอดใหญ่ๆชนิดที่สะใจมันแล้วนั้นแหละถึงได้ยอมปล่อยในที่สุด
“สัส!”
ด่าไปก็เช็ดแก้มตัวเองไป สงสัยจะเช็ดแรงไปหน่อยเพราะออกร้อนไปทั้งแก้มเลยวะ
“ปากน่ากัดวะ”
“ไปไกลๆตีนเลย”
“หึหึ”
“ถ้าไม่มีอะไรงั้นไอกลับเข้าไปในบ้านแล้วนะ”
“เมื่อกลางวันขอโทษนะที่เล่าเรื่องเครียดๆให้ฟัง”
ผมเหลือบตามองจ้องสบตากับคนตรงหน้าที่ยังคงยิ้ม ถึงแม้ตรงนี้จะค่อนข้างมืด ถึงแม้ผมจะมองเห็นไม่ชัดแต่ผมรับรู้ได้ว่าแววตาของมันตอนนี้นิ่งจนติดจะเย็นชาผิดกับสิ่งที่มันพูดออกมาอย่างสิ้นเชิง
“ถ้าไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆก็ไม่ต้องพูด”
มันเงียบ ผมเงียบ จู่ๆก็เกิดเดดแอร์ขึ้นมาซะงั้น
“ทำไมถึงพูดอย่างนั้นละ?”
ผมไหวไหล่
“พี่ขอโทษครับ”
คราวนี้เสียงมันอ่อนลงมาอีกหน่อยและแววตาก็ดูเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย หึ ตอแหลเก่งกว่าที่คาดแฮะ
“ช่างมันเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับไออยู่แล้วนี่”
ทัตยิ้ม มือหนายกขึ้นมายีหัวผมเบาๆก่อนที่ตัวมันจะเข้ามาจุ๊บที่หน้าผากกำลังจะเลื่อนลงมาที่ปากแต่ผมก็ผลักมันออกซะก่อน
“นี่มันหน้าบ้าน”
“ไม่มีใครเห็นซะหน่อย”
“รู้จักกันไว้ดีกว่าแก้ไหมห่ะ”
“หึหึ โอเคครับ โอเค เอาตามที่คุณชายคริสตัลสบายใจเลย”
ผมหมั่นไส้แอคติ้งไหวไหล่ชูมือในเชิงยอมแพ้ของมันเลยชกอกมันไปทีไม่แรงมากแน่นอนแต่ไอ้คนโดนมันกวนตีนครับ มันยกมือขึ้นจับมือผมแนบอกแล้วทำทีเจ็บปวดเหลือแสนจนอยากประเคนตีนให้ไปอีกรอบ
“ตอแหลวะ”
ฟอดดดด
เชี่ย!
มันดึงผมเข้าไปหอมอีกรอบอะครับ แบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวแถมยังไม่อายผีสางนางไม้แถวนี้อีกเช่นเคย ผมหันซ้ายมองขวาเมื่อรู้ว่าไม่มีใครมาเห็นแน่นอนก็จัดศอกใส่ไปเต็มๆแรงแบบที่มึงเจ็บจริงจุกจริงไม่ใช้สแตนอินไม่มีสตั้นส์แน่นอน
“อึ๊ก”
“สมน้ำหน้า”
มันไม่โต้ตอบใดๆเอาแต่ทรุดลงกุมท้องก้มหน้าอยู่อย่างนั้นจนผมเริ่มจะใจเสีย คือถึงกูจะทำแรงแต่ก็ไม่น่าจะเป็นถึงขนาดนั้นป่าววะ หรือจะไปโดนจุดสำคัญเข้า แต่ท้องมันก็แข็งพอตัวจากที่เคยเห็นซิกแพ็คเน้นๆนั้นไม่น่าจะอ่อนแอขนาดนั้นนี่หว่า
“ทัต ลุกขึ้นมาอย่ามาตอแหลไปหน่อยเลย”
“..........”
“ทัต”
“..........”
“ทะ เหี้ย!”
กำลังจะเข้าไปสะกิดพร้อมเอ่ยเรียกแต่ยังไม่ทันที่มือจะไปโดนตัวไอคนตอแหลตรงหน้าผมก็โดนแรงดึงจากทางด้านหลังจนเกือบหงายล้มก้นจ้ำเป้าแต่ดีที่ไอ้คนดึงมันรับร่างผมไว้ได้ทันซะก่อน ผมเบิกตากว้างทันทีที่เห็นบุคคลที่สาม เหมือนอย่างที่ทัตเองก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอาการปกติสุขทุกอย่างไม่มีวี่แววเจ็บเหมือนอย่างเมื่อครู่เลยสักนิด
“มีอะไรกันรึเปล่า? ทำไมไม่เข้าไปคุยกันในบ้าน?”
ผมส่ายหัวหวืดให้พี่ชายก่อนจะหลบสายตาดุๆของมันไปมองทัตที่ตีหน้านิ่จ้องมองมายังผมและพี่สลับกันไปมา
“แล้วนี่ใคร?”
“เออ...สายรหัสผมไง ชื่อเทพทัต ส่วนทัตนี่พี่ทีครอส พี่ชายไอ”
“อื้อหึ”
ไอ้พี่ครอสครางรับในลำคอแล้วเบนสายตาไปมองแลมโบฯที่ด้านหลังก่อนจะแสยะยิ้มร้าย แต่ทัตกลับมองจ้องมายังมือของพี่ครอสที่ยังคงโอบเอวผมอยู่ ก็คนมันจะล้มไงครับไอ้พี่ครอสเลยโอบไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเลย
“แขกมาหาไม่พาเข้าบ้านมันเสียมารยาทนะคริส”
“เออ...คือ....”
“ทำไมเหรอ หรือมีอะไรที่...”
“เปล่าสักหน่อย ทัตแค่เอาของมาให้ผม ตอนนี้ก็จะกลับแล้วด้วย ใช่ไหมทัต?”
ไอ้นั้นแม่งก็ไม่หือไม่อือไปกับกูเลยนะครับ
“ทัต”
มันเหลือบตามามองผมนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปจ้องตากับพี่ชายผมต่อไป
“ใช่ครับ ผมกำลังจะกลับแล้ว”
“อย่างนั้นเหรอ อืม น่าเสียดายแฮะ อุสาเจอคนที่น้องชายผมสนิทสนมด้วยถึงขั้นเอารถกลับมาบ้านได้แบบนี้ทั้งที หวังว่าเราจะมีโอกาสได้นั่งคุยกันในสักวันนะครับ”
“ผมก็หวังอย่างนั้นครับ”
TBC....
พี่ครอสเป็นคนน่ารักนะ โดยเฉพาะเวลาอยู่กับครอบครัว