《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.  (อ่าน 60215 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อีฟ พี่สาวทัต เคยมีไรกับครอสหรือเปล่า
หรืออุบัติเหตุเกิดจากครอส
แล้วทัตมาแก้แค้น     
ทัตแก้แค้นเอากับคริสหรือ    :katai1: :katai1: :katai1:
รอตอนต่อไป
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-02-2017 21:07:44 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อย่าบอกว่าเป็นพี่ครอสนะ

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 10




 
“กลับมาแล้วเหรอ?”

ผมเอ่ยทักพี่ชายที่เดินตีหน้านิ่วเข้ามาในห้อง ไอ้พี่ครอสดูจะแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นผมนั่งเอ่อละเหยดูทีวีกินสตอเบอรี่อยู่ที่บ้านในช่วงเวลาหัวค่ำแบบนี้

“ไหนบอกจะกลับดึก?”

มันท้วงแล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ ผมชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งแล้วเอาหน้าซบหันไปมองพี่ชาย

“แล้วไม่ดีเหรอ?”

“ก็ดีแต่แปลกใจไง”

ผมเบ้ปากจนมันหัวเราะหึยกมือขึ้นยีหัวผมไปอีก ได้ทีแล้วมันส์มือใหญ่เลยด้วย จนผมผลักมือมันออกเพราะรู้สึกว่าจะแรงเกินไปแล้วแต่มันไม่ยอมปล่อยครับ มีการดึงผมเข้าไปล็อคคอแล้วจี้เอวไปด้วยอีก ผมก็ดิ้นสิครับ จักกะจี้อะ ไอ้พี่ครอสแม่งชอบใจใหญ่แถมพอมือผมไปปัดโดนหน้ามันเข้ามันเลยรวบมือผมไว้เหนือจัดการครูดหนวดเคราไปกับคอจนผมหดคอหนีแทบไม่ทัน

“ฮ่าๆๆ ไม่เล่นงี้ดิไอ้พี่ครอส ฮ่าๆๆๆ แม่! พี่ครอสแกล้งคริส!!”

“กล้าขึ้นไอ้กับพี่เหรอ มึงตายแน่คริส”

“สัส ฮ่าๆๆๆ”

ไอ้พี่ครอสยิ้มร่าเมื่อแกล้งผมได้แต่สักพักมันก็หยุดชะงักไปซะดื้อๆ พอได้โอกาสผมก็เด้งตัวหนีไปนั่งกอดหมอนอิงอยู่อีกฝั่งเลยครับ ให้ตาย หัวเราะจนน้ำตาแตกเลยกู

ไอ้พี่ครอสยังคงนิ่งคิ้วหนาที่มีสีเข้มกว่าผมไปเฉดหนึ่งขมวดมุ้ยเหมือนตอนเข้ามาใหม่ๆ

“มึงไปโดนใครกัดคอมาวะ?”

ผมรีบยกมือขึ้นจับที่ท้ายทอยโดยทันที หน้าตาไม่ต้องพูดถึงเลยครับ คงจะเหวอมากเพราะตกใจจริงอะไรจริง ก็บอกแล้วว่าอย่าทำรอยไอ้เชี่ยทัตนี่!

“ช่างผมเถอะน่า”

“อย่าไปทำใครเค้าท้องนะมึง”

ผมขำพรืดเลย

“รับทราบครับ ไม่มีท้องมาให้พี่เลี้ยงแน่นอน ผมเอาหัวเป็นประกันเลย”

ก็ผมเป็นเกย์นี่หว่า จะไปทำใครเค้าท้องได้ละ ถ้าท้องเองละอาจไม่แน่ แต่ก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วแหละนะ

“เสียงดังเอะอะอะไรกันสองคนนี้”

ผมรีบลุกไปซ้อนหลังมารดาแล้วฟ้องไปยกใหญ่จนโดนไอ้พี่ครอสฟาดหมอนมาให้พลางชี้หน้าคาดโทษ ผมไหวไหล่เลยครับ แม่เข้าข้างผมอยู่แล้วเพราะตอนเด็กไอ้พี่ครอสชอบแกล้งผมเป็นประจำ แต่เอ๊ะ ตอนนี้ก็ยังแกล้งอยู่นี่หว่า

“ไม่รู้จักโตกันทั้งคู่เลย”

“ว่าพี่ครอสอีกเลยแม่ มันเริ่มก่อนนะคริสนั่งอยู่เฉยๆก็มาแกล้งอะ”

“กวนตีนมึง”

“ทีครอส”

“โถ่แม่”

“พอๆเลิกเล่นแล้วไปกินข้าวกันได้แล้ว ป้านมตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว”

“คร้าบบบบ”

ผมเดินคล้องแขนแม่ไปยังห้องอาหารโดยไม่ลืมจะหันไปแลบลิ้นปริ้นตาใส่พี่ชาย ไอ้พี่ครอสมันก็ทำปากหมุบหมับแล้วทำมือปาดคอขู่ผมไปด้วยก่อนจะเดินตามมา

วันนี้เป็นวันที่เราอยู่กันพร้อมหน้าเป็นครั้งแรกในรอบเดือนได้ละมั้งครับ พร้อมหน้าในที่นี้หมายถึงผม พี่ชาย และแม่เพียงแค่นั้นนะ อย่างที่รู้ๆว่าพ่อผมอยู่ต่างประเทศและนานๆทีถึงจะกลับมาจนกลายเป็นเรื่องปกติ

“คริส”

พี่ชายเรียกขึ้นเมื่อพวกเราทานอาหารคาวเสร็จและกำลังตามด้วยของหวานล้างปาก ของหวานที่ว่าคือกล้วยบวชชีครับ แม่ผมชอบขนมไทยไงเพราะงั้นแต่ละมื้ออาหารจะมีขนมไทยหรือของหวานแบบไทยๆตบท้ายเสมอ

“ว่า?”

“เรื่องคอนโดนะ”

ผมแทบจะวางช้อนลงถ้วยในทันทียังดีที่ยั้งมือไว้ได้ทัน

“ทำไม?”

“ไม่ต้องเอาแล้วได้ไหม อยู่บ้านนี่แหละจะได้มีคนอื่นช่วยดูแล”

“ผมโตแล้วเหอะ”

ผมเริ่มทำน้ำเสียงไม่พอใจใส่พี่ชายจนทั้งแม่ทั้งพี่ครอสต่างถอนหายใจพร้อมๆกัน

“พี่แค่ห่วง”

“นั้นสิคริส อยู่บ้านเรานี่แหละลูก ถึงลูกจะไม่ค่อยกลับหรือกลับดึกแต่แม่ก็สบายใจทุกครั้งที่เห็นว่าคริสยังกลับมาบ้านนะ”

ผมถึงกับเม้มปากแน่นวางช้อนในมือลงแล้วผุดลุกขึ้นเดินหนีกลับขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองทันที ผมรู้ว่าผมทำตัวไม่ดี แต่ผมก็ขัดแม่ไม่ได้ คำพูดของแม่คือประกาศิตสำหรับผม แล้วในเมื่อแม่พูดถึงขนาดนั้นผมยังจะต้านได้อยู่อีกเหรอ
ผมเดินไปล้มตัวลงกับที่นอนกว้างขนาดคิงส์ไซต์ ทุกทีก็นอนได้ไม่รู้สึกอะไรแต่ทำไมวันนี้มันกลับดูกว้างจนเกินไปซะงั้น หรือเพราะช่วงนี้ไปนอนที่เตียงใครบางคนบ่อยจนชิน หรือเพราะช่วงนี้มีใครอีกคนนอนเคียงข้างแต่กลับไม่อึดอัดหรือขัดข้องในใจ

ก๊อกๆๆ

“คริส”

เป็นเสียงพี่ครอสที่ดังตามหลังเสียงเคาะประตูสองสามครั้ง ผมนิ่งไปนิดก่อนจะตะโกนกลับไปว่าประตูไม่ได้ล็อคพี่ครอสเลยเปิดเข้ามานั่งอยู่ริมเตียงข้างๆผมในที่สุด

“งอลพี่เหรอ?”

“ยังจะถาม ที่คุยต่อหน้าแม่เพราะอยากให้แม่เข้าข้างใช่ไหมละ ไอ้พี่เจ้าเล่ห์”

“หึหึ”

“ไม่ต้องมาหัวเราะ”

พี่ครอสเอื้อมมือมาขยี้หัวผมอีกทีเหมือนจะอ่อนโยนนะแต่ตอนท้ายกลับกดหัวผมให้จมลงไปกับหมอนซะงั้น

“ไอ้พี่เหี้ย!”

“ปากจัดอย่างนี้มีแฟนได้ไงวะ”

มันพูดเหมือนจะปลงๆแต่โคตรดูถูกกันเลยนะครับ

“รู้ได้ไงว่าเป็นแฟน อาจจะแค่คู่ขาหรือกิ๊กๆกั๊กๆก็ได้ ผมออกจะหล่อ”

“ทำรอยซะขนาดนั้นเค้าไม่เรียกกิ๊กแล้วไอ้อ่อน”

ความผิดมันคนเดียวเลย คราวหน้ากูจะกัดมึงคืนบ้างไอ้เชี่ยพี่ทัต!

“ไม่พามาให้เห็นหน้าบ้างวะ?”

ผมส่ายหัว ขืนเอามาให้เจอเรื่องที่ผมเป็นเกย์ก็แตกดังโพล๊ะกันพอดี เรื่องนี้ผมยังปิดกับครอบครัวอยู่ครับ ถึงแม้คนภายนอกจะรู้อยู่บ้างแต่คนในครอบครัวคือไม่มีหลุดให้ได้ระแคะระคาย

“ทำไม ไม่สวยเหรอ?”

ผมกรอกตา ไอ้ไม่สวยก็จริงเพราะมันโคตรหล่อแทน

“ไม่ตอบอีก”

มันขยี้หัวผมมาอีกจนผมต้องปัดออกอย่างนึกรำคาญ

“ทำไมมีแต่คนชอบเล่นหัวผมวะ”

ผมบ่นครับไม่ได้เจาะจงจะเอาคำตอบ แต่ไอ้พี่ชายมันเลิกคิ้วแปลกใจซะงั้น

“มีคนเล่นหัวมึงได้นอกจากกูอีกเหรอ?”

ผมถึงกับไปไม่เป็น ตกลงนี่กูขุดหลุมฝังตัวเองสินะ

“ก็พวกไอ้นายไง”

“พวกนั้นไม่เล่นหัวมึงแน่”

พี่กูเสือกฉลาดอีก

“ช่างมันเหอะน่า”

“คริส”

เสียงแข็งมาแล้วครับ

“นอกจากพวกไอ้นายมึงไปสนิทกับใครอีก?”

“เยอะแยะ”

“อย่ามาพูดเหมือนกูไม่รู้จักนิสัยมึงไปหน่อยเลย มึงเป็นน้องกูนะ”

จำกันได้ใช่ไหมว่าผมเป็นคนที่สนิทกับคนอื่นยากหรืออาจจะเรียกว่าไม่อยากสนิทด้วยถ้าหากไม่มีเหตุให้ต้องคุ้นกันจริงๆ การที่ผมมีคู่ขานั้นผมก็เลือกนะครับ ถ้าไม่โอเคคือไม่คุยด้วยเลยแต่ถ้าโอเคก็ไปด้วยเพียงชั่วครั้งชั่วคราวไม่เคยรู้ประวัติในส่วนลึกหรือเรียกใช้บริการซ้ำเกินสองครั้ง

“จะว่าไป ดูท่าทางมึงจะสนิทกับเจ้าของแลมโบฯคันนั้นมากนี่”

เอาแล้วไง

“ก็สายรหัส”

“พี่รหัสมึงกูยังไม่เห็นสนิทขนาดนี้”

อยากถามมากว่ามันไปรู้ลึกรู้ซึ้งเกี่ยวกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของผมถึงขนาดนี้ได้ยังไง หรือว่าจะมีสาย พูดถึงสายแล้วก็หนีไม่พ้น

“ไอ้นายมันพูดอะไรให้พี่ฟังอีกละ?”

พี่ผมถึงกับชะงัก

ชัวร์เลย

“มันแค่บอกว่ามึงสนิทกับลุงรหัสแต่มันไม่ไว้ใจลุงรหัสมึง”

ผมถึงกับพ้นลมแล้วหันหน้าหนี

“คิดมาก”

“มึงสิที่คิดน้อยเกินไป”

“ได้ทีแล้วรุมผมเหรอ นี่ผมยังงอลพี่อยู่นะ”

“มันคนละเรื่องกันคริส”

ผมนอนมองหน้าพี่ชายที่จ้องมายังผมเขม่งเช่นกัน พี่ครอสหน้าตาคล้ายผมก็จริงแต่พี่แกจะคมเข้มเหมือนได้เชื้อเอเชียมากกว่าผมที่ค่อนไปทางฝรั่งมังค่า

“พี่นี่หล่อเนอะ”

“ไม่ต้องมาชมกลบเกลื่อนเลยคริส”

“ป่าวซะหน่อย”

พี่ครอสถอนหายใจก่อนจะยิ้มอ่อนแล้วล้มตัวลงมานอนข้างๆอย่างที่ชอบทำเมื่อสมัยเด็ก เวลาที่พวกเราจะเปิดใจคุยกันพี่ครอสมักจะมานอนค้างที่ห้องผมเป็นประจำครับ โดนสอบสวนแน่กู

“จะนอนนี่เหรอ?”

“ไม่ได้?”

“ก็ป่าว แต่ไปอาบน้ำก่อนเลยไป เหม็นเหงื่อวะ”

“หึ ไอ้แสบเอ๊ย”

ไอ้พี่ครอสมันตั้งท่าจะเข้ามาแกล้งผมอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผมกลิ้งหลบได้ทันมันเลยพลาดตบที่นอนไปแทน ไอ้พี่บ้านี่มันชอบแกล้งน้องครับต้องเตรียมตัวหนีตลอดเวลาเพราะผมสู้มันไม่ได้สักอย่างทั้งแรงทั้งความเจ้าเล่ห์ ผมมันคนใสๆนี่เนอะ

ใครแอบเบ้ปาก

เมื่ออยู่คนเดียวผมเลยลุกขึ้นไปเปิดเพลงจากเครื่องเล่นโฮมเธียเตอร์คลอเบาๆให้บรรยากาศไม่เงียบเหงา ผมชอบฟังเพลงนะ ส่วนมากจะฟังแนวป๊อบร็อคหรืออาร์แอนบี ผมหยิบโทรศัพท์ติดมือมาด้วยก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เตียงอีกรอบ ตัวเลขแจ้งเตือนของแอปยอดนิยมอย่างเฟสบุ๊คยังคงมีมาล้นหลามผิดกันไลน์และไอจีที่ไม่ค่อยจะมีความเคลื่อนไหวสักเท่าไหร่ ส่วนทวิตสไกด์หรือบีโก้ผมไม่ค่อยแตะครับ ไม่ใช่อะไรหรอกนะแค่เล่นไม่เป็น ผมกดเข้าไปในเฟสของตัวเองไล่ดูรายการแจ้งเตือนเห็นว่าไม่ค่อยมีอะไรสำคัญก็ไม่ได้กดเข้าไปดูในเชิงลึก ส่วนมากมีแต่พวกแท๊คชื่อมาจากเพจคิ้วบอยไงครับ เค้าเม้นต์กันเค้าคุยกันเค้าก็แท๊คผมมาด้วย ผมไม่อ่านเม้นต์แต่เลือกที่จะกดเข้าไปดูในเพจเลยจนเจอรูปคู่ของผมกับไอ้พี่ทัตโชว์หลาอยู่เพียบ ชนิดที่แทบจะทุกฝีก้าวที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเลยซะผมสยองสัสเลยวะ แบบนี้เค้าต้องเรียกว่าสโต๊กเกอร์หรือปาปารัสซี่อะ มีความงงหนักมาก และก็ระแวงมากเหมือนกัน

Rrrrrr

 สัส!

ผมสะดุ้งเลยครับ คือคนกำลังคิดอะไรแบบสยองๆอยู่แล้วจู่ๆโทรศัพท์ก็แผดเสียงพร้อมสั่นครืนขึ้นมาไง เกือบทำหลุดมือตกใส่ดั้งตัวเองแล้วด้วยซ้ำ และชื่อที่โชว์หลานั้นก็ทำให้ผมอดหงุดหงิดไม่ได้

“มีไร?”

/ตอบรับซะน่ารักเชียว/

ตรงไหนวะ

“ถ้าจะโทรมากวนเล่นก็เชิญป้ายหน้าเลยครับ”

/หึหึ กวนนะครับ/

“สรุปมีไร?”

/คิดถึงแฟนเลยโทรหาแฟน/

“จริงสิ ที่คอนโดไม่มีแฟนนี่เนอะ มีแต่แอร์”

/.........../

เงียบกริบ แดรกจุดไปสิครับงานนี้ ผมก็ช่างกล้าเล่นอีกเนอะ คิดแล้วสมเพชตัวเองชิปหาย

“ทัต”

จนเป็นผมที่ต้องเรียกสติมันให้กลับมาประทับร่าง หวังว่าคงไม่อ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าไปวางไข่แล้วหรอกนะ

/หึหึ เอาซะอึ้งเลยนะ เล่นมุขแบบนี้ก็เป็น?/

“เรื่องของไอ”

/แล้วทำอะไรอยู่?/

“เรื่องของไออีกนั้นแหละ”

/เอาดีๆสิคริส/

“ทำไมชอบสั่งจังวะ?”

/ไม่ได้สั่ง แต่อยากให้ตอบ/

ผมกรอกตา มันต่างกันตรงไหนวะ

“นอนฟังเพลงเล่น”

/เหงาไหมไม่มีคนคอยกวน?/

“รู้ด้วยเหรอว่าเป็นตัวกวน”

/ถึงจะกวนแต่ก็กวนให้รักนะ ว่ายังไงครับ น้องคริสรักพี่รึยัง?/

ขอกระโถน ณ บัดนาว ตอนนี้อยากอ้วกมากถึงมากที่สุด

“ให้ผ่านไปสักสามชาติเศษก่อนนะครับ แล้วค่อยมาถามใหม่”

ผมได้ยินเสียงหึดังมาตามสายเบาๆก่อนที่ทั้งผมทั้งมันจะเงียบกันทั้งคู่ สักพักก็ได้ยินเหมือนเสียงรถวิ่งผ่านจากปลายสายแสดงว่ามันคงอยู่ข้างนอกสินะ

“อยู่ไหนนะทัต?”

ที่ถามก็แค่เพื่อทำลายความเงียบนะครับไม่ได้อยากรู้จริงๆหรอก

/อยู่.../

“ห้ามตอบว่าอยู่ในใจนะ มุขโคตรเก่าเลยวะ”

“หึหึ”

/หัวเราะอย่างนี้แสดงว่าจะพูดใช่ไหมละ?”

/ป่าว/

“อ้าว”

งี้กูก็แป๊กสิเห้ย

/จะบอกว่าอยู่ที่หน้าบ้าน/

ผมขมวดคิ้ว เหมือนจะรู้ได้ถึงรางสังหรณ์แปลกๆที่กำลังคลืบคลานเข้ามา

“บ้านไหน?”

/บ้านไหนน๊า/

เสือกมีการมาเล่นลิ้นอีก ผมรีบยันตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งปรีไปเปิดกระจกบานเลื่อนที่กั้นไปยังระเบียงด้านนอก ห้องผมอยู่ชั้นสองที่เป็นห้องแรกระเบียงจึงยาวมาจนถึงโซนด้านหน้าและผมก็สามารถมองลงไปยังหน้าบ้านหรือแม้แต่ถนนด้านนอกได้อย่างชัดเจน และผมก็เจอแลมโบฯสีฟ้าหม่นคันเงาจอดอยู่ที่หน้าประตูรั้วและไอ้เจ้าของมันก็ยืนเก๋กหล่อเท้าสะโพกกับตัวรถมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ามืออีกข้างถือโทรศัพท์แนบหูแถมยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่แต่มึงจะสวมแว่นตาดำเพื่อ?...ได้ข่าวว่านี่มันจะสองทุ่มแล้วนะครับ ทำอย่างกันตัวเองเป็นดาราหนีหน้าประชาชน

เดี๋ยวกูจะฟ้องแม่ยกมึง!

“มาทำไมวะ?”

ผมถามทั้งที่ยืนมองมันอยู่ตรงระเบียง มันเลยเงยหน้าขึ้นมากาก่อนจะยิ้มเท่ห์ๆสไตล์มันมาให้ไปอีก ขยันหยอดแล้วยังขยันแต๊ะอีกนะไอ้หล่อลากไส้ ไอ้ไวมหาประลัย ไอ้ใหญ่ทอร์นาโด ไอ้ปืนกลยิงรัว

เดี๋ยวนะ ทำไมมันชักจะแปลกๆแล้ววะ นี่กูด่ามันจริงป่าวเนี้ย

/ก็บอกไปแล้วนี่ว่าคิดถึง/

“อย่ามาเวอร์ พึ่งห่างกันไม่กี่ชั่วโมงเอง”

/ความคิดถึงมันมีจำกัดเวลาด้วยเหรอว่าต้องห่างกันขนาดไหนหรือนานขนาดไหน?/

มาเป็นหลักเป็นการทั้งที่เบ้าหน้าแม่งโคตรจะเจ้าเล่ห์

/ลงมาหาหน่อย/

“สั่งอีกละ”

/ไม่ได้สั่ง นี่คือคำขอ...นะครับ คิดถึงมากอยากกอดด้วย/

ผมเม้มปากพลางชั่งใจคิด จริงๆจะปฏิเสธไปเลยก็ได้แต่คือขอสารภาพเลยว่าแอบใจเต้นไปตั้งแต่มันบอกว่ามาหาเพราะคิดถึงแล้วครับ สภาพการณ์เลยอ้ำอึ้งอย่างที่เห็น

/นะครับ/

ไอ้เชี่ย

ไปหัดทำเสียงอ้อนแบบนี้มาจากไหน แล้วคิดดูว่าตัวควายๆหน้าเข้มๆอย่างมันมาทำทีอ้อนเป็นลูกเสือเชื่องๆดูสิครับ โอ้ยยยยย ไปแล้วชีพจรหัวใจไปหมดแล้ว

“เออๆ เห็นแก่ว่ายูเทียวรับเทียวส่งไอหรอกนะ”

/หึหึ เอาที่สบายใจเลยครับ/

“งั้นไม่ลง”

/ยกเว้นอันนี้ดิ/

ผมยิ้ม แล้วไม่กี่นาทีต่อมาผมก็ระเห็ดตัวเองลงไปยืนปั้นจิ้มปั้นเจ้อต่อหน้ามันได้โดนที่คอยหลบผู้คนในบ้านแทบตายอย่างกับหลบกระสุนจากศัตรูก็ไม่ปาน จริงๆมันก็ไม่ได้เวอร์วังขนาดนั้นหรอกครับ แค่หลบแม่กับป้านมให้ได้ก็พอ อ้อ ยังมีไอ้พพี่ครอสอีกนี่เนอะ

“ไอมีเวลาให้ไม่มากนะ พี่ครอสมันจะมานอนด้วยเดี๋ยวเข้าไปในห้องไม่เจอไอแล้วจะซวย”

“ซวยอะไร?”

มัยถามกลับแล้วถอดแว่นห้อยไว้กับคอเสื้อเชิตที่ปลดลงจนแทบจะเห็นนมอยู่ละ มึงอยากโชว์อะไรขนาดนั้นวะ มีนมดูมๆให้ได้โชว์ร่องกูจะไม่ว่าสักคำแต่นี่อะไร แค่หน้าอกผู้ชายแมนๆแน่นๆผิวสีแทนอ่อนที่โคตรจะเซ็กซี่

เห้ย! ต้องไม่ใช่งี้ดิ (หลุดอีกละกู)

“พี่ชายไอไม่รู้ว่าไอคบกับผู้ชาย”

“แล้วยังไง? ไม่รู้ก็บอกให้เค้ารู้ไปสิ”

“จะบ้ารึไง!”

“ไม่รู้วันนี้สักวันหนึ่งก็ต้องรู้อยู่ดี หรือคริสจะเปลี่ยนไปคบผู้หญิง?”

“ไม่มีทาง”

ผมส่ายหัวหวืดเลย ผมเป็นเกย์ครับไม่ใช่ไบที่จะหญิงก็ได้ชายก็ดีแบบนั้น ไอ้พี่ทัตหัวเราะหึแล้วเข้ามาประชิดตัวดึงผมเข้าไปกอดแบบไม่รับรู้ถึงความร้อนใจของผมเลยสักนิด ผมที่ตั้งตัวไม่ทันเลยดิ้นคลุกคลักอยู่ภายในอาณัติของไอ้แฟนแสนเชื่อง โคตรจะเชื่องโคตรจะฟังกันชิปหาย

“ปล่อยไอนะ เดี๋ยวคนในบ้านมาเห็นเหรอทัต!”

มันยิ้มครับ มันยิ้ม แล้วแม่งก็ยังไม่ปล่อยผมแต่ก้มลงมาหอมแก้มไปสองฟอดใหญ่ๆชนิดที่สะใจมันแล้วนั้นแหละถึงได้ยอมปล่อยในที่สุด

“สัส!”

ด่าไปก็เช็ดแก้มตัวเองไป สงสัยจะเช็ดแรงไปหน่อยเพราะออกร้อนไปทั้งแก้มเลยวะ

“ปากน่ากัดวะ”

“ไปไกลๆตีนเลย”

“หึหึ”

“ถ้าไม่มีอะไรงั้นไอกลับเข้าไปในบ้านแล้วนะ”

“เมื่อกลางวันขอโทษนะที่เล่าเรื่องเครียดๆให้ฟัง”

ผมเหลือบตามองจ้องสบตากับคนตรงหน้าที่ยังคงยิ้ม ถึงแม้ตรงนี้จะค่อนข้างมืด ถึงแม้ผมจะมองเห็นไม่ชัดแต่ผมรับรู้ได้ว่าแววตาของมันตอนนี้นิ่งจนติดจะเย็นชาผิดกับสิ่งที่มันพูดออกมาอย่างสิ้นเชิง

“ถ้าไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆก็ไม่ต้องพูด”

มันเงียบ ผมเงียบ จู่ๆก็เกิดเดดแอร์ขึ้นมาซะงั้น

“ทำไมถึงพูดอย่างนั้นละ?”

ผมไหวไหล่

“พี่ขอโทษครับ”

คราวนี้เสียงมันอ่อนลงมาอีกหน่อยและแววตาก็ดูเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย หึ ตอแหลเก่งกว่าที่คาดแฮะ

“ช่างมันเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับไออยู่แล้วนี่”

ทัตยิ้ม มือหนายกขึ้นมายีหัวผมเบาๆก่อนที่ตัวมันจะเข้ามาจุ๊บที่หน้าผากกำลังจะเลื่อนลงมาที่ปากแต่ผมก็ผลักมันออกซะก่อน

“นี่มันหน้าบ้าน”

“ไม่มีใครเห็นซะหน่อย”

“รู้จักกันไว้ดีกว่าแก้ไหมห่ะ”

“หึหึ โอเคครับ โอเค เอาตามที่คุณชายคริสตัลสบายใจเลย”

ผมหมั่นไส้แอคติ้งไหวไหล่ชูมือในเชิงยอมแพ้ของมันเลยชกอกมันไปทีไม่แรงมากแน่นอนแต่ไอ้คนโดนมันกวนตีนครับ มันยกมือขึ้นจับมือผมแนบอกแล้วทำทีเจ็บปวดเหลือแสนจนอยากประเคนตีนให้ไปอีกรอบ

“ตอแหลวะ”

ฟอดดดด

เชี่ย!

มันดึงผมเข้าไปหอมอีกรอบอะครับ แบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวแถมยังไม่อายผีสางนางไม้แถวนี้อีกเช่นเคย ผมหันซ้ายมองขวาเมื่อรู้ว่าไม่มีใครมาเห็นแน่นอนก็จัดศอกใส่ไปเต็มๆแรงแบบที่มึงเจ็บจริงจุกจริงไม่ใช้สแตนอินไม่มีสตั้นส์แน่นอน

“อึ๊ก”

“สมน้ำหน้า”

มันไม่โต้ตอบใดๆเอาแต่ทรุดลงกุมท้องก้มหน้าอยู่อย่างนั้นจนผมเริ่มจะใจเสีย คือถึงกูจะทำแรงแต่ก็ไม่น่าจะเป็นถึงขนาดนั้นป่าววะ หรือจะไปโดนจุดสำคัญเข้า แต่ท้องมันก็แข็งพอตัวจากที่เคยเห็นซิกแพ็คเน้นๆนั้นไม่น่าจะอ่อนแอขนาดนั้นนี่หว่า

“ทัต ลุกขึ้นมาอย่ามาตอแหลไปหน่อยเลย”

“..........”

“ทัต”

“..........”

“ทะ เหี้ย!”

กำลังจะเข้าไปสะกิดพร้อมเอ่ยเรียกแต่ยังไม่ทันที่มือจะไปโดนตัวไอคนตอแหลตรงหน้าผมก็โดนแรงดึงจากทางด้านหลังจนเกือบหงายล้มก้นจ้ำเป้าแต่ดีที่ไอ้คนดึงมันรับร่างผมไว้ได้ทันซะก่อน ผมเบิกตากว้างทันทีที่เห็นบุคคลที่สาม เหมือนอย่างที่ทัตเองก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอาการปกติสุขทุกอย่างไม่มีวี่แววเจ็บเหมือนอย่างเมื่อครู่เลยสักนิด

“มีอะไรกันรึเปล่า? ทำไมไม่เข้าไปคุยกันในบ้าน?”

ผมส่ายหัวหวืดให้พี่ชายก่อนจะหลบสายตาดุๆของมันไปมองทัตที่ตีหน้านิ่จ้องมองมายังผมและพี่สลับกันไปมา

“แล้วนี่ใคร?”

“เออ...สายรหัสผมไง ชื่อเทพทัต ส่วนทัตนี่พี่ทีครอส พี่ชายไอ”

“อื้อหึ”

ไอ้พี่ครอสครางรับในลำคอแล้วเบนสายตาไปมองแลมโบฯที่ด้านหลังก่อนจะแสยะยิ้มร้าย แต่ทัตกลับมองจ้องมายังมือของพี่ครอสที่ยังคงโอบเอวผมอยู่ ก็คนมันจะล้มไงครับไอ้พี่ครอสเลยโอบไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเลย

“แขกมาหาไม่พาเข้าบ้านมันเสียมารยาทนะคริส”

“เออ...คือ....”

“ทำไมเหรอ หรือมีอะไรที่...”

“เปล่าสักหน่อย ทัตแค่เอาของมาให้ผม ตอนนี้ก็จะกลับแล้วด้วย ใช่ไหมทัต?”

ไอ้นั้นแม่งก็ไม่หือไม่อือไปกับกูเลยนะครับ

“ทัต”

มันเหลือบตามามองผมนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปจ้องตากับพี่ชายผมต่อไป

“ใช่ครับ ผมกำลังจะกลับแล้ว”

“อย่างนั้นเหรอ อืม น่าเสียดายแฮะ อุสาเจอคนที่น้องชายผมสนิทสนมด้วยถึงขั้นเอารถกลับมาบ้านได้แบบนี้ทั้งที หวังว่าเราจะมีโอกาสได้นั่งคุยกันในสักวันนะครับ”

“ผมก็หวังอย่างนั้นครับ”

TBC....

พี่ครอสเป็นคนน่ารักนะ โดยเฉพาะเวลาอยู่กับครอบครัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:50:47 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 11





‘เทพทัต ศิริพัฒนโอฬาร'





ถ้าถามว่าผมรู้จักคริสตัลตอนไหน?


ผมตอบได้เลยว่าก่อนหน้าที่เค้าจะรู้จักผมแน่ๆ


ครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้าหวานดวงตากลมสีฟ้าสดใสนั้นคือช่วงเวลาประมาณสองปีก่อนที่ผมกลับมาทำเรื่องเรียนต่อในเมืองไทย ผมอยู่ที่ต่างประเทศมาโดยตลอดครับเพราะฉะนั้นผมคุ้นชินกับฝรั่งตาฟ้าผมทองอย่างแน่นอน แต่ผมไม่เคยสะดุดตาสะดุดใจใครเท่าคริสมาก่อน


วันนั้นเป็นวันงานเปิดตัวตึกสูงตระหง่านกลางย่านธุรกิจของเมืองกรุงในนามบริษัททีซีเอฟกรุ๊ป คริสสวมชุดสูทสีดำเชิตขาวไทสีชมพูอ่อนที่ดูเป็นทางการ ใบหน้าได้รูปรับกับเรือนผมสีบรอนด์ทองที่ถูกเซ็ตให้เข้าทรง ดวงตาสดใสแลดูขัดใจจมูกรั้นริมฝีปากบางขมเม้มตามอารมณ์ ผมรู้ชื่อของคริสเพราะการพูดคุยซุบซิบจากผู้คนโดยรอบ ผมไม่ได้เข้าไปแนะนำตัวกับเจ้าของงานและเครือญาติเหมือนอย่างคนอื่นๆ ที่ผมมางานนี้เพราะต้องมาเป็นเพื่อนพี่สาวที่ได้รับเชิญ

ผมจ้องมองคริสอยู่อย่างนั้นจนเค้าหันมามอง ในเสี้ยววินาทีนั้นผมชะงักค้างเหมือนมีไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วทั้งตัว แต่มันก็เป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆเพราะดวงตาคู่นั้นไม่มีวี่แววว่าจะสนใจใคร เหมือนเพียงแค่มองผ่านเลยไปก็แค่นั้น ผมเลยหันหลังกลับจนเวลาผ่านไปเป็นปี ผมไม่คิดว่าจะได้เจอคริสอีก

ไม่เคยเลยสักนิด

แต่ทว่าอุบัติเหตุรถคว่ำของพี่สาวก็ทำให้ผมต้องพบเจอกับเค้า

คริสในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดูกร้านและดื้อแต่กลับเย้ายวนขึ้นเป็นทวีคูณเช่นกัน ผมไม่ใช่เกย์แต่นาทีนั้นต้องยอมรับเลยว่าไม่อาจหยุดสายตาที่จ้องมองไปยังคริสได้ เค้ามีเสน่ห์ดึงดูดที่รุนแรงอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่คริสไม่เห็นผม ทั้งๆที่คริสมีคนล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนควีนในดงชายฉกรรจ์

“วิคเตอร์”

คนถูกเรียกหันมามองผมก่อนจะเลิกคิ้วในเชิงถาม

“ฉันต้องการเหมาโซนนี้ทั้งโซน”

วิคเตอร์คือเจ้าของบาร์ที่ผมและคริสกำลังอยู่ในขณะนี้ และโซนที่ผมขอเหมานั้นเป็นโซนชั้นลอยที่ผมกำลังนั่งจ้องมองไปยังคริสที่อยู่เบื้องล่าง

“เฮ้ๆ แล้วแขกที่นั่งอยู่ละวะ ถึงจะมายังไม่ถึงครึ่งก็เถอะ”

“ให้ไปอยู่โซนระเบียงสิ เดี๋ยวจ่ายค่าส่วนต่างให้เองน่า”

โซนระเบียงเป็นโซนเอ๊าดอร์ที่ต้องเสียค่านั่งเพิ่มครับ เรื่องเงินผมไม่มีปัญหาและผมยอมทุ่มเพื่อสิ่งที่ผมต้องการ

ไม่กี่นาทีต่อมาวิคเตอร์ก็จัดการให้ตามที่ผมขอ แขกทุกคนที่อยู่โซนนี้ลงไปหมดเหลือเพียงโต๊ะผมเพียงโต๊ะเดียว

“แล้วไงต่อ?”

ผมกดยิ้ม

“ไม่ไง แค่ขออยู่บนนี้คนเดียวไปตลอดคืนหรือจนกว่าฉันจะกลับลงไปเอง”

“แม้แต่ฉัน?”

“ใช่”

วิคเตอร์ทำหน้างงแต่ก็ยอมทำตามโดยบอกพนักงานทุกคนให้ลงไปข้างล่างรวมทั้งตัวมันเอง ผมนั่งมองไปที่คริสเช่นเดิม เด็กดื้อยังคงยิ้มร่าสนุกสนานกับการยั่วคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างลอยหน้าลอยตา

ผมจ้องพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มไปเรื่อยๆอย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งคริสรู้สึกตัวและเงยหน้าขึ้นมามองสบตา ครั้งนี้ผมรู้สึกปกติ ไม่มีไฟแล่นเหมือนอย่างเมื่อก่อน ผมกดยิ้มตามสไตล์แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าส่วนอีกข้างถือแก้วเหล้ากรอกเข้าปาก คริสมองผมไม่วางตา ผมพยายามสื่อความต้องการผ่านทางแววตาแล้วก็หันหลังกลับเมื่อผู้คนข้างกายคริสเงยหน้ามามองเช่นกัน

ผมไม่ได้ไปไหนหรอกนะ แค่เข้าไปนั่งที่โต๊ะโซฟาซึ่งถูกจัดให้เป็นล็อคเหมือนคอก ผมนั่งอยู่สักพักคริสก็เดินขึ้นมา เป็นไปตามคาด คนๆนี้ชอบความท้าทายและแสนซน ผมยิ้มพอใจเมื่อคริสเดินมายืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะกอดอกแล้วจ้องมองสบตาเหมือนจะสำรวจผมไปพลางๆ

“นั่งก่อนไหม?”

ผมเป็นคนเริ่มเอ่ยปาก และนั้นก็ทำให้คนตรงหน้ายิ้มกว้างอย่างผู้มีชัย

แล้วคืนนั้นเราก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งด้วยกันจนเกือบเช้า ผมค่อนข้างเจนจัดในเรื่องบนเตียง แต่ผมไม่เคยเจอเซ็กส์ที่เข้าถึงรสชาติได้เต็มอิ่มถึงขนาดนี้มาก่อน ร่างกายคริสยั่วยิ่งกว่าหน้าตาของเค้าและยังซื่อสัตว์กว่าเจ้าของอีกด้วย ผมฝากรอยไว้มากมายพยายามสอดใส่ให้ลึกให้หนักเพื่อที่จะตอกย้ำให้รู้ว่าผมคนนี้คือคนที่ทำให้เค้าพอใจได้มากถึงขนาดไหน

แต่คริสก็ยังไม่ยึดติดอยู่กับสิ่งที่ผมพยายามยัดเยียดให้ แถมยังมีอาการต่อต้านในช่วงเวลาต่อมาอีกต่างหาก

ผมลองเข้าหาคริสให้มากขึ้น ทำทุกทางที่จะมีสายสัมพันธ์เชื่อมเราเข้าหากัน โชคยังเข้าข้างผมอยู่อีกเรื่องนั้นก็คือคริสเรียนอยู่มหาลัยเดียวกับผม แถมยังคณะและสาขาเดียวกันอีก ผมต้องไปข่มขู่เพื่อนอีกคนที่จับฉลากได้เป็นสายรหัสของคริสเพื่อให้ตัวเองได้เป็นแทน

…คราวนี้แหละ ดิ้นไม่หลุดแน่…










ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด

ผมนั่งฟังเสียงสัญญาณโทรศัพท์อยู่สักพักใหญ่ๆแล้ว ตั้นแต่กลับมาถึงคอนโดผมก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมนอนแต่ก่อนจะนอนหลับคิดถึงเด็กดื้อที่คงกำลังโดนพี่ชายซักไซ้อยู่แน่ๆ

ผมยิ้มขำ

ผมยังจำสีหน้ากระอักกระอ่วงของคริสได้ติดตา มันน่ารักจนอยากจะแกล้งให้หนัก แต่สายตาดุๆของใครอีกคนนั้นจ้องมองมายังผมจนเหมือนเสือร้ายที่พร้อมจะกระโจนมาขย้ำหากกล้าที่จะยื้อแย่งชิ้นเนื้อก้อนโตที่อยู่ในอาณัติ

ผมหุบยิ้มกดตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงที่นอน

ความหหงุดหงิดก่อตัวขึ้นมาในใจจนต้องหันไปหยิบบุหรี่แล้วเดินออกไปสูบที่นอกระเบียง ลมเย็นๆในห้วงราตรีกาลช่วยได้มากในยามนี้ สารนิโคตินค่อยๆแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายจนเริ่มจะคลายความขุ่นข้องในใจ

แววตาแข็งกร้าวที่จ้องมองมา

รอยยิ้มร้ายที่ปิดไม่มิด

น้ำเสียงแห้งผากและเย็นชาที่เอื้อนเอ่ย

ทุกสิ่งล้วนดูสมกับเป็นบุคคลอันตราย

ทีครอส เฟรงเบิร์คคือบุคคลอันตรายที่ผมหมายหัวไว้ตั้งแต่วันนั้น

วันที่ผมได้รู้ชื่อมันจากปากมือปืนรับจ้างที่จับตัวมาเค้นคอได้หลังจากที่พี่เข้าโรงพยาบาลได้หนึ่งเดือน

ใช่…มันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มันเป็นการพยายามฆ่า

ผมกัดฟันกรอดพลางขยี้บุหรี่ที่ยังติดไฟให้ดับมอดลงในอุ้งมือ ถึงแม้มันจะร้อนมันจะเจ็บปวด

แต่ก็คงไม่เท่าพี่อีฟ

พี่อีฟผิดอะไรถึงต้องโดนหมายหัวอย่างร้ายกาจ

คนสั่งมันไม่ใช่คน แต่มันคือปีศาจ ปีศาจที่ผมจะไปลากตัวมันลงนรกในไม่ช้า แต่ก่อนจะลงนรก ก็ขอทำให้มันลองศูนย์เสียสิ่งสำคัญดูก่อนแล้วกัน จะได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส









Rrrrrr

“ฮัลโหล”

/โทรมามีไร?/

“ทำไมเสียงเบาๆ”

/ช่างไอเถอะน่า รีบๆพูดมาไอจะนอนแล้ว/

“หึ โดนดุอะไรรึเปล่า?”

/ไม่เท่าไหร่ แค่บ่นๆตามประสาคนแก่/

“ดีแล้ว ไว้คราวหน้าจะไปหาพร้อมของฝาก จะได้เข้าไปคุยในบ้านได้อย่างมั่นใจหน่อย หรือจะเอาสินสอดไปด้วยเลยดี ยังไงเราก็ได้กันแล้วนี่นา”

/สัส!/

“หึหึ ไปนอนเถอะ ไม่กวนแล้ว หลับให้สนิทนะครับ
ฝันดี”

/อืม/

“ไม่บอกบ้างเหรอ?”

/ทำไมต้องบอก?/

“ทีพี่ยังบอกเลย เราเป็นแฟนกันแล้วนะอย่าลืม”

/เยอะวะ เออๆ ฝันดี/

“พรุ่งนี้เดี๋ยวไปรับ”

/รับไปไหน? โรงพยาบาล?/

“เปล่า จะพาไปเดท”

/ห่ะ!?!/

“แค่นี้แหละ สิบโมงเจอกัน”

/อืมๆ/

ปิ๊ด



Tbc……

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:51:18 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ตามต่อจร้า  :serius2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ว่าและ ทัตตั้งใจแก้แค้นทีครอส
แต่ใช่ทีครอส แน่รึที่สั่งการ
ไม่ใช่ถูกใส่ร้ายนะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
แน่ใจหรือว่าเป็นพี่ทีครอส อาจจะโดนใครใส่ร้ายว่าเป็นพี่ทีครอสก็ได้นะ แบบว่าซ้อนแผนอ่ะ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ถ้าไม่ใช่พี่ครอสก็จะหน้าแหกยะจ๊ะ รอสมน้ำหน้า

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 12





10นาฬิกาเป๊ะผมก็เห็นแลมโบฯคันเดิมเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้าน ผมซึ่งนั่งชะเง้อมองอยู่ก่อนแล้วเลยรีบลุกขึ้นแล้วเดินไวๆไปยังหน้าบ้านโดยไม่ลืมที่แวะไปบอกแม่ที่ง่วนอยู่กับการทำขนมในครัว

“แม่ คริสออกไปข้างนอกนะ”

“จะกลับมากินข้าวเย็นไหมลูก?”

“ยังไม่รู้อะ เดี๋ยวโทรมาบอกนะแม่”

“จ้ะๆ ระวังตัวนะน้องคริส”

“ครับ”

เมื่อโอเคผมก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปก่อนที่จะมีใครโผล่หน้ามาเจอเจ้าตัวการที่ทำให้ผมวุ่นวายเมื่อคืนนี้ ดีนะครับที่ไอ้พี่ครอสมันไปทำงานแล้ว เห็นว่ามีธุระสำคัญต้องทำแต่เช้า ผมก็ไม่ได้บอกด้วยว่าวันนี้จะไปไหน เมื่อคืนก็โดนมันซักไซ้เกือบตาย ที่หนีเอาตัวรอดได้เพราะเข้าไปอาบน้ำแล้วทำทีง่วงไปเลยไง เมื่อคืนไอ้พี่ครอสมานอนกับผมอย่างที่คาดนั้นแหละครับ ตอนทัตโทรมาผมถึงต้องหาจังหวะแอบพี่ครอสไปคุยกับมันที่ระเบียงห้อง ทำตัวลับๆล่อๆอย่างกับผัวกลัวเมียจับได้ว่ามีชู้อะไรแบบนั้น กูจะบ้าตาย

“ช้า”

พอเจอหน้าปุ๊บแม่งก็บ่นมาปั๊บ ผมปิดประตูรถใส่หน้ามันดังๆจนสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตจากดวงตาใต้กรอบแว่นสีดำเงาเมลาทริค

“อย่ามาเยอะ เลยมาไม่ถึงสิบนาทีเอง”

“ก็ถือว่าช้าไหมละ?”

“โว๊ะ งั้นไอไม่ไปแล้วก็ได้นะ”

มันเปลี่ยนเกียร์แล้วออกตัวเลยครับ สัส ทำเป็นเข้มนะมึงนะ

“แล้วนี่เราจะไปไหนกัน?”

ผมถามพลางเอาสายเบลมาคาด ถึงมันจะไม่ได้ขับเร็วมากแต่ก็สมควรคาดให้ติดเป็นนิสัยนะครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอถ้าเราเผลออาจถึงตายได้เลยนะ

“อยากไปไหนเป็นพิเศษไหม?”

“ไม่อะ กลับบ้านไปนอนได้ป่าว?”

“เดี๋ยวพากลับไปนอนที่คอนโด”

“ตลกละทัต”

“หึหึ”

คิดว่าถ้าผมไปถึงคอนโดมันแล้วจะได้นอนเหรอ มึงจะปล่อยให้กูนอนสบายๆเหรอ คงได้แต่ฝันนั้นแหละวะ หน้าหื่นๆอย่างนี้คงเอาเกือบสลบนั้นแหละมันถึงจะพอใจ ไม่รู้ไปเอาแรงวัวแรงควายมาจากไหนนะครับ จากที่ดูชีวิตประจำวันมัน(เท่าที่พอจะรู้อะนะ)ไม่เห็นจะเข้ายิมเข้าฟิตเนสอะไรเลยนี่นา แล้วไอ้ซิกแพ็คไอ้กล้ามแน่นๆเนื้อตึงๆนี่มาได้ไงวะ ทีผมยังเหลวเลยอะ ดีที่ยังหุ่นดีไม่มีพุงมากวนใจ หรืผมจะยังเห็นไม่มากพอ

“ทัต”

“หืม?”

“ปกติวันหยุดแบบนี้ยูทำอะไรบ้าง?”

มันยิ้มครับ ยิ้มแบบเบิกบานเหมือนดีใจกับอะไรสักอย่าง

“ยิ้มทำไม ตอบมาดิ”

“ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษหรอก ตื่นมาก็ดูงานบ้างไปบริษัทบ้างไม่ก็โรงพยาบาล”

“นี่เริ่มทำงานแล้วเหรอ?”

อันนี้ไม่เคยรู้จริงๆ

“จริงๆก็แค่เรียนรู้งานของที่บ้าน แต่พอพี่อีฟเข้าโรงพยาบาลเลยต้องเข้าบริษัทไปดูแลแทนด้วย”

“อ้อ แล้วบริษัทบ้านยูทำอะไรอะ?”

“เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด ทั้งซื้อสร้างขายเช่า”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก พอพูดถึงอสังหาฯแล้วอดคิดถึงคอนโดไม่ได้ครับ พอคิดไปถึงนั้นแล้วก็ต้องหงุดหงิดกับไอ้พี่ครอสไปอีก ช่วงนี้เมนส์มาไม่ปกติครับอารมณ์เลยแปรปรวนง่ายต้องทำใจนิส(ตลกละ)

“แล้วคริสละ?”

“หืม? ไอทำไม?”

“วันหยุดแบบนี้ทำอะไรบ้าง?”

“ก็…แล้วแต่อารมณ์ บางทีก็นอนโง่ๆอยู่บ้าน บางทีก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน”

“ไม่มีไปเดทกับหนุ่มที่ไหนหรอกเหรอ?”

“ไม่อะ ทำไมต้องเดท ก็แค่คู่ขาเจอหน้าเวลาเอาก็พอ”

ถึงจะฟังดูแรงแต่มันก็เป็นความจริงล้วนๆนะครับ ผมไม่ชอบมีความสัมพันธ์ทางใจกับใครเพราะไม่ชอบการถูกยึดติด แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมถึงยอมมันทั้งๆที่ก็รู้ว่าตัวเองไม่ชอบ เหมือนจะขัดใจตัวเองแต่กลับไม่ได้รู้สึกเลวร้ายอะไรสักเท่าไหร่นะน่ะ

ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะชอบใจตามหลังมาเบาๆก่อนที่จะรับรู้ได้ว่ามันพาผมเลี้ยวเข้ามาในห้างใหญ่แห่งหนึ่ง มันวนขึ้นไปจอดที่บล็อควีไอพีแล้วจึงดับเครื่องแต่ยังไม่ลง

“งั้นที่มากับพี่นี่ แสดงว่าเรารู้สึกดีกับพี่แล้วใช่ไหม?”

ผมเหยีดปากอย่างนึกหมั่นไส้ พอปลดเบลจะเปิดประตูได้คนไวกว่าเลยเอื้อมมาคว้ามือผมไว้แล้วก้มลงมาจูบปากผมไปอีก เออ ผมควรอายยามที่ยืนอยู่ข้างหน้านั้นไหมครับ บอกผมที

“ว่าไงละ?”

พอละปากออกก็ถามมาอีก

“เพ้อเจ้อ”

“พี่รักคริสนะ”

“รู้แล้วน่า ลงไปได้ละ ร้อน!”

“หึ”

พอลงมาจากรถกันทั้งคู่ยามที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็หลบสายตาเราเลยครับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมต้องหลบก็คงเห็นฉากนั้นเข้าให้แล้วสินะ ผมก็อายไปสิครับ แต่ทัตมันหน้าด้านอยู่แล้วเพราะงั้นมันเลยยังคงเดินยิ้มๆของมันไปสักพักก็หันมาดึงมือผมไปจับแล้วพาเดินเข้าไปในตัวห้างแบบไม่สนสายตาใครเลย

“ทัต ปล่อยมือ”

ผมกระซิบบอกเพราะเริ่มเป็นจุดสนใจมากขึ้นทุกที ตัวการหยุดเดินเพื่อขึ้นลิฟท์ถอดแว่นตาเอามาแนบที่คอเสื้อแล้วมองมายังผมในเชิงถาม จะมาถามทำซาก มึงมองดูรอบข้างหน่อยเหอะสัส

“เออ ขอโทษนะคะ”

ทั้งผมทั้งทัตหันไปหาบุคคลปริศนาที่กล้าเข้ามาทักเหมือนจะเป็นหน่วยกล้าตายจากกลุ่มหญิงสาวที่อยู่ไม่ไกล

“ครับ?”

“พี่คริสกับพี่ทัตใช่ไหมคะ คือพวกหนูเป็นแฟนคลับพวกพี่จากเพจคิ้วบอยนะคะ”

ผมกระพริบตาปริบๆในขณะคนข้างๆเอ่ยขอบคุณเบาๆอย่างคุ้นชิน นี่ผมมีแฟนคลับเป็นเด็กนอกมหาลัยด้วยเหรอวะ แถมดูเหมือนยังเป็นเด็กมัธยมวัยใสมาเรียนพิเศษกันทั้งนั้นด้วย

“พวกหนูขอถ่ายรูปพี่สองคนได้ไหมคะ?”

นี่สินะประเด็นหลักที่เข้ามาหา แต่ทว่าเสียงลิฟท์ที่ดังขึ้นหลังจากนั้นทำให้ผมและทัตหันไปมองหน้ากัน สักพักแม่งก็ยิ้มขำกันทั้งคู่

“ได้ครับ”

เป็นผมที่ตอบ ทัตเลยพาผมเดินออกจากผู้คนที่ทยอยขึ้นลิฟท์มายืนข้างๆแทน เด็กสาวกรี๊ดสนั่นเมื่อผมอนุญาตแล้วก็พากันกรูเข้ามาห้อมล้อมผมกับทัตอย่างกับเจอดารา คือถ้าน้องจะเวอร์วังชนาดนั้นเดี๋ยวพี่ตั้งโต๊ะแถลงการให้เลยไหมครับ ก็ว่ากันไปนั้น

“ใกล้กันอีกนิดได้ไหมคะ?”

นี่ยังไม่ใกล้พออีกเหรอน้อง พี่ว่าแทบจะสิงกันอยู่แล้วนะ แล้วไอ้ยักษ์ข้างๆก็ให้ความร่วมมือดีเหลือเกิน จากตอนแรกที่จับมือผมซ้อนไว้ข้างหลังตอนนี้มันยอมปล่อยแล้วโอบเอวดึงผมเข้าหาจนเสียงวี๊ดดังชึ้นมาอีกรอบ ผมตวัดสายตาไปจ้องมันดุๆแต่มันกลับไหวไหล่ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูผมอีก

“ก็น้องเค้าเรียกร้องมานี่ เอาน่า เซอร์วิสแฟนคลับหน่อย”

ผมละอยากกระทืบเท้ากระทุ้งศอกใส่แม่งจริงๆแต่ด้วยสายตาหลายสิบคู่ที่จ้องมองมาพร้อมกล้องหลากหลายชนิดนั้นมันทำให้ผมต้องอดทนไว้ก่อนจนเวลาผ่านไปร่วมสิบนาทีไอ้คนข้างๆเลยยกนาฬิกาขึ้นมาดูแล้วบอกขอตัวเพราะจะไม่ทันรอบหนัง น้องๆเค้าก็โอเคถือว่าการตอบรับดีเวอร์มากไม่นานผมกับมันเลยได้ขึ้นมายืนเลือกหนังที่จะดูอยู่ที่หน้าโรงหนังเป็นที่เรียบร้อย

“ไหนบอกกลัวไม่ทันรอบ ไอก็นึกว่าจองไว้แล้วซะอีก”

“ป่าวหรอก แต่ถ้าไม่พูดงั้นเดี๋ยวก็ยาว ไม่เห็นเหรอว่าคนเริ่มเยอะขึ้นจากช่วงแรกแล้วนะ”

ว่าแล้วผมก็สอดส่องมองดูรอบข้างอีกครั้ง น้องๆเค้ายังคงตามพวกผมมาห่างๆครับ ไม่ได้เข้ามาขอถ่ายเหมือนเมื่อกี้แต่เปลี่ยนเป็นแอบถ่ายเอาซะงั้น นี่ไม่มีธุรงธุระกันเลยเหรอครับ ไม่ไปเรียนกันแล้วเหรอ

“ตกลงจะดูเรื่องอะไร?”

ผมหันกลับมามองดูรายการหนังอีกรอบ สองจิตสองใจระหว่างหนังไทยแนวคอมเมนดี้กับหนังฝรั่งแนวบู้ ผมไม่มีสเป็กแนวภาพยนต์เป็นพิเศษไงครับ ดูได้หมดถ้าอยากจะดู

“ระหว่างเรื่องนี้กับเรื่องนี้ คิดว่าอันไหนโอเค?”

ทัตมองสองรายการที่ผมชี้พลางขมวดคิ้ว

“อันนี้”

มันเลือกหนังไทยครับ พูดตามตรงว่าโคตรผิดคาด หน้าอย่างมันน่าจะดูบู้แอคชั่นล้างผลาญไม่ใช่เหรอวะ

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น?”

“ผิดคาดอะ”

“หึ จริงๆก็ชอบหนังฝรั่ง แต่ถ้าดูอันนี้คริสจะได้อารมณ์ดีไง เห็นหงุดหงิดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนี่ ไม่ชอบให้เป็นจุดสนใจละสิ”

ผมมองมันอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่ผิดคาดแต่เป็นเหนือความคาดหมาย มันจะรู้ลึกรู้ซึ้งเกินไปแล้วนะเห้ย

“ไม่ต้องมาหยอด จะดูก็ไปซื้อตั๋วดิ เดี๋ยวจะแยกไปซื้อป๊อบคอร์นเอง”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวสั่งเป็นเซ็ตแก้วอิดิชั่นควบโปรตั๋วไปเลย ไปนั่งรอตรงโซฟานู้นไป”

ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งรออย่างที่ทัตบอก ดีเหมือนกันไม่ต้องเสียงตังค์แถมไม่ต้องเหนื่อยเองด้วย จะว่าไปทัตมันก็เอาใจผมดีนะ ยกเว้นนิสัยชอบสั่งนู้นสั่งนี่ให้ได้ดั่งใจตัวเองนั้นแหละที่ผมเกลียด ดูเป็นคนดียิ้มง่ายไม่มีพิษมีภัยดีถึงจะชอบแกล้งผมไปบ้างก็เถอะ ผมไม่รู้ว่าผมนั่งจ้องทัตอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่แล้ว แต่พอทัตหันมาสบตาพลางยิ้มเท่ห์ๆตามสไตล์ผมกลับหลบตาแล้วออกร้อนที่หน้าซะงั้น

เสียงกรี๊ดดังมาแว่วๆ นี่ยังโดนแอบถ่ายอยู่อีกเรอะ

“ได้แล้ว เข้าไปข้างในกันเถอะ”

ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะแย่งถังป๊อบคอร์นมาถือเอง มันก็ยิ้มๆพาเดินเข้าไปข้างในพอยื่นตั๋วให้พนักงานตรวจแล้วก็เข้าไปภายในโรงหนังกันเลย ผมที่ไม่ได้ดูตำแหน่งที่นั่งของตัวเองกับมันเลยต้องรอให้คนซื้อมันพาเข้าไปจนกระทั่งเห็นที่นั่งแล้วนั้นแหละครับ ผมนี่กรอกตาแทบไม่ทัน ทำไมนะเหรอ มันเล่นซื้อตั๋วเก้าอี้ฮันนีมูนไงครับ ถึงจะเป็นโซฟาระดับพรีเมี้ยมนั่งนุ่มสบายตูดมีความเป็นส่วนตัวเพิ่มมาอีกนิดตรงที่แยกออกมาจากเบาะอื่นแต่มันก็เป็นเซ็ตคู่ที่เบาะติดกันสองตัวไงครับ ได้ทีนี่เอาใหญ่เลยนะมึง

“นั่งสิ ยืนจ้องหน้าพี่แล้วมันมีหนังฉายให้ดูรึไง”

“กวนตีน”

มันหัวเราะ ผมนั่งลงหยิบป๊อบคอร์นใส่ปากเคี้ยวเล่นดูโฆษณาหนังเรื่องอื่นไปพลางๆ

“ทัต น้ำละ?”

“อยู่นี่”

อืม เรื่องเมื่อกี้ก็น่าสนุกนะ

“หกหมดแล้วคริส กินยังไงเนี้ย”

บ่นไปงั่นแต่มือกลับเอื้อมมาเช็ดปากไปด้วย แค่น้ำเลอะขอบปากป่าววะ เรื่องเยอะจริง

“เอามาไว้ฝั่งนี้ เอาไว้ตรงนั้นเดี๋ยวเท้าแขนแล้วก็เกะกะอีก”

ขี้บ่นวะ แต่ผมไม่สนมันหรอก ผมสนแค่ในจอจนถึงเวลาลุกขึ้นยืนสดุดีจนถึงเวลาฉายผมก็ยังคงไม่สนใจมันไปเรื่อยๆ

เออ หนังแม่งสนุกจริงครับ คลายเครียดดี หัวเราะเกือบทั้งเรื่องแต่ก็มีสาระมีความคิดในด้านความรักต่างๆนาๆให้ได้อินเป็นพักๆ แต่จุ่ๆก็รู้สึกถึงความหนังที่ไหล่ด้านขวา พอมองไปก็เห็นมันมาฟุบหน้าลงกับไหล่แอบอิงหนุนนอนซะอย่างนั้น

“ทัต”

“ขอยืมไหล่หน่อย ง่วง”

ง่วงห่าอะไร คนอื่นเค้าหัวเราะกันลั่นโรงซะขนาดนี้ ผมจิ๊ปากแล้วก็ปล่อยมันนอนไป จะไม่รำคาญเวลาผมหัวเราะจนตัวสั่นก็ลองดู เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้หัวเราะถึงขนาดนั้นหรอกครับ ใจจริงก็อยากทำแกล้งมันนะแต่อีกใจก็คัดค้าน ในที่สุดเลยได้แต่นั่งแข็งให้มันหลับอย่างสงบจนหนังจบผมถึงได้ปลุก

“จบแล้วเหรอ?”

“คงยังหรอกมั้ง ไฟสว่างโร่ซะขนาดนี้”

“หึ”

“รีบลุกเลย ปวดไหล่จะแย่ ตัวหนักอย่างนี้นี่คนรึควาย”

“ผัวครับ”

“ชิ”

“หิวไหม?”

“โคตรๆ”

นี่มันบ่ายแล้วนะครับ ดีที่มีป๊อบคอร์นรองท้องไม่งั้นคงมีเสียงท้องร้องเป็นซาว์ไปกับหนังแน่ๆ

ทัตยิ้มรับแล้วดึงมือผมไปกุมไว้เหมือนเดิม เราเดินออกจากโรงเป็นคู่สุดท้ายเลยครับ ตอนออกมาพวกน้องๆที่คอยแอบถ่ายก็สลายหายต๋อมกันไปหมดละ สงสัยได้เวลาเข้าเรียน ผมพยายามเดินให้ชิดกับทัตให้มากที่สุดเพราะจะได้ใช้ตัวบังมือที่มันกุมไว้ด้วยแต่ไม่ทันได้คิดว่านั้นจะยิ่งทำให้มองเห็นเหมือนเป็นคู่รักที่แทบจะสิงสู่กันอยู่รอมร่อ

เอิ่ม ผมขอโทษ ผมคิดน้อยเองผมขอโทษคร้าบบบบ

“กินร้านนี้ได้ไหม?”

ผมกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเมื่อทัตเอ่ยถาม พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็ต้องอ้าปากพะงาบๆ มึงจะพากูมากินร้านหรูด้วยสภาพชุดอย่างกับอยู่บ้าน(แต่ดูดี)แบบนี้นะเหรอ

มันเป็นร้านอาหารนานาชาติที่ส่วนใหญ่มีแต่คุณท่านหลานเธอมากินหรือไม่ก็พวกนักธุรกิตใหญ่ๆมาเลี้ยงแขกเหลื่ออะไรแบบนั้นนะครับ มันนะแต่งตัวเหมาะสมเพราะใส่เชิตแขนสั้นสีขาวกางเกงยีนส์สีเข้มและรองเท้าหนังสีดำ อย่าให้พูดถึงพล็อบที่เป็นนาฬิกาเรือนหรู สร้อยเลศเส้นใหญ่เงาวับและแว่นกันแดดแบรนด์เนมที่แนบอยู่ที่หน้าอก แม่งดูดีไปหมดคนมองจนเหลียวหลัง ส่วนผมนะเหรอ เสื้อยืดลายกราฟฟิคสีขาวพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นคลุมเข่าสีชาครับ รองเท้าก็สนีกเกอร์สีขาวธรรมดาๆเลย

“เอาร้านนี้จริงดิ”

“ทำไมเหรอ?”

“แต่ตัวแบบนี้มาเค้าจะเฉดหัวเอารึเปล่าวะ?”

ผมหมายถึงผมนะ ไม่ใช่มัน

“หึ คิดมาก”

พูดจนมันก็ลากผมเข้าไปด้านในเลย พนักงานทักทายแขกใหม่อย่างน้อบน้อมพอหันมาสบตากับผมกลับหลบหน้ากันซะงั้น อะไรวะ ผมก็คนนะเห้ย สองมาตรฐานสัสอะ ทัตพาผมไปนั่งโซนโซฟาด้านในที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวหน่อย

“สั่งได้ตามสบายเลย”

“มั่นใจนะว่าให้สั่งตามสบาย?”

“อืม แต่ถ้ากินไม่หมดจะโดนลงโทษ”

กำลังจะเหลิงเสือกมีดักคอกูมาอีก สุดท้ายผมเลยสั่งไปสามสี่อย่างส่วนทัตผมไม่ได้ฟังว่ามันสั่งอะไรเพิ่มเติมอีก ผมเอนกายไปพิงเบาะโซฟาด้านหลังแล้วเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คสังคมโซเชียลไปด้วย นั้นไง ผมจากที่คิดซะที่ไหน รูปผมกับทัตโชว์หลาอยู่เต็มหน้าเพจคิ้วบอยเลยครับ กระแสแรงโคตรแถมมีสิทธิโดนตามมาถึงนี้ถ้าหากเราจะไม่หายตัวไปที่อื่นอีกด้วย

“ขมวดคิ้วทำไม?”

“ก็ดูนี่ดิ โคตรน่ากลัวอะ ถ้าถูกตามถ่ายทุกฝีก้าวแบบนี้ไปตลอดก็ไม่ไหวนะ”

ผมบ่นพลางชูโทรศัพท์ไปให้มันดู ทันรับไปเลื่อนๆดูรูปแล้วก็ขำ

“เดี๋ยวจัดการให้”

ผมนิ่งดูมันจัดการอย่างที่มันบอกโดยการพิมพ์อะไรยุกยิกอยู่สักพัก ไม่นานก็ส่งคืนมาหน้าตายิ้มแย้มกว่าเดิม ผมรับมาดูแล้วก็ต้องตกใจ ทำไมแจ้งเตือนมันพุ่งพรวดงี้วะ ไหนบอกจัดการแม่งจัดการอะไรของมึง

“ยูทำอะไรเนี้ย?”

“เปิดดูดิ”

กูเปิดแน่ไม่ต้องมาบอก แต่พอเปิดเข้าไปก็ต้องจ้องตาค้าง ไอ้เหี้ยนี้มันไปโพสในเพจด้วยชื่อเฟสของผมว่า

‘ผมอยากให้ทุกคนเชียร์เราอย่างสงบด้วยครับ อย่าเอิกเกริกจนเกินไป ตอนนี้คริสเริ่มกลัวแล้ว เดี๋ยวน้องกลัวจนไม่รับรักผมละแย่เลย’

ไปตายให้หนอนแดรกเลยแม่ง!!!!

“หึ”

“หัวเราะเหี้ย!?!”

“ก็บอกให้แล้วไง”

“บอกแบบนี้ไม่ต้องบอกจะดีกว่ามั้ง!”

“อย่าหงุดหงิดดิ หน้าย้นเป็นลูกพรุนแล้วนั้น”

“เรื่องของไอ”

“เอาน่า อาหารมาละ กินกันเถอะ”

ดีนะที่มีอาหารมาแทรกซะก่อน ไม่งั้นผมคงได้ฆาตกรรมคนกลางห้างดังไปแล้วแน่ๆ คิดแล้วหงุดหงิด ชิ

“คริส”

“อะไรอีก?”

พูดไปก็เคี้ยวหนุบหนับไป อาหารโคตรอร่อย เอ๊ะ หรือเพราะผมหิวกันแน่วะ

“กินมะเขือเทศด้วย”

ผมส่ายหัว มันหมายถึงมะเขือเทศลูกเล็กๆที่ถูกใส่มากับสลัดครับ

“มันมีวิตามินนะ”

“อย่างอื่นก็มี กินอย่างอื่นแทนก็ได้”

“อย่าดื้อ เลือกกินอย่างกับเด็ก”

“ไม่เด็กแต่ไม่ชอบ อย่ามาบังคับด้วย มีประโยชน์นักก็กินเองไปดิ กินให้หมดนั้นเลยนะ”

“ก็อยากให้คริสกิน”

“จะอะไรนักหนาวะทัต!?”

“อันไหนที่มีประโยชน์พี่ก็อยากให้คนที่พี่รักกิน พี่อยากให้สิ่งดีๆกับเค้า พี่ผิดเหรอครับ?”

ตาย

ผมนี่ไปไม่เป็นเลย

ช้อนแทบร่วงลงกับจานซะด้วยซ้ำ

บ้า! บ้า!! บ้าๆๆๆ!!! บ้าไปแล้ว ผมเป็นบ้าไปแล้ว ทำไมใจผมถึงเต้นแรงขนาดนี้ละ

ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

Tbc…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:51:47 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ ชอบอ่าน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมยิ่งหวานยิ่งกลัวมาม่า งื้ออออ ทัตอย่าใจร้ายกับคริสเลยน้าาา  :katai1: :katai1:

พี่ทีครอสนี่ยังไง เอ๊ะ รอติดตามนะคะ o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 13





หลังจากที่กินอิ่มผมก็เดินดูของต่ออีกนิดหน่อย จริงๆไม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรอกครับแต่ยังไม่อยากกลับบ้านบวกกับไม่อยากไปคอนโดมัน ทัตเองตั้งแต่แต๊ะผมตอนกินข้าวไปแล้วดูเหมือนมันจะอารมณ์ดีขึ้นมากโข แถมยังไม่ค่อยวอแวไม่มาจับมือถือแขนหรือใกล้เกินความจำเป็นอีกด้วย

ถือว่าดีนะ เพราะผมจะได้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง เมื่อกี้เล่นเอาเกือบช็อค บอกไว้ตรงนี้เลยว่าไม่เคยเป็นมาก่อน ครั้งนี้ครั้งแรกและขอให้เป็นครั้งสุดท้ายด้วย ไม่ไหววะ จะขาดใจตาย

“คริส”

“หืม?”

ผมกำลังจะหันไปหาแต่กลับโดนฉุดให้ถล่าไปด้านหลังจนชนเข้ากับคนเรียกนั้นแหละ เมื่อตั้งสติมองดูดีๆปรากฎว่าเมื่อกี้ผมเกือบเดินชนคนครับ คือคนๆนั้นก็ดูรีบๆจนเหมือนไม่ได้สนใจมองใครเหมือนกันแถมตอนนี้ก็เดินเลยไปแล้วด้วย ดูน่ารักดีนะ ตัวเล็กๆผอมๆขาวๆคนหนึ่งออกสาวไปเลยส่วนอีกคนไม่ใช่แต่ก็น่าจะเกย์นั้นแหละ พวกเดียวกันมันมองกันไม่ยากหรอกครับ

“เหม่ออะไรห่ะเรา?”

ผมเบ้ปากแล้วสะบัดตัวให้หลุดจากการจับกุม อยากจะตะโกนใส่หน้าว่าเพราะใครละ แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวมันรู้ว่าผมคิดแต่เรื่องมันจนสมองรวนไปหมดแล้ว

แต่ผมก็คิดแต่เรื่องมันจริงๆนะ

ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี้ย

“เหนื่อยรึยัง?”

ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู พึ่งจะบ่ายสามเองอะ นี่เดินมาค่อนห้างพึ่งผ่านมาชั่วโมงเดียวเองเหรอวะ

“ก็ไม่นะ แต่เบื่อแล้วอะ”

“งั้นไปหาอะไรสนุกๆทำดีกว่า”

ผมเลิกคิ้ว

“อะไร?”

มันไม่ตอบแต่กดยิ้มเจ้าเล่ห์จนผมชักจะระแวง มึงอย่าเล่นอะไรแผลงๆนะเห้ย แค่นี้กูก็ตกเป็นเป้าของสังคมมามากพอละ จากแต่ก่อนที่วี๊ดกันเงียบๆพอมาเจอมันนี่ โคตรจะอึกทึก จำนวนแฟนคลับเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจนผมเริ่มจะเวียนเฮดแล้ววะ

ห้านาทีต่อมาผมก็มายืนเอ๋ออยู่ที่หน้าโซนเกมส์เซนเตอร์ครับ เสียงเหล่าชายน้อยชายใหญ่หรืออาจมีหญิงปะปนอยู่ด้วยกำลังส่งเสียงเชียร์อย่างเมามันส์แข่งกับเสียงเกมส์จากตู้ต่างๆ ผมหันไปมองไอ้คนพามาด้วยความงงอย่างสุดแสนจะบรรยาย

หน้าอย่างมึงเล่นของพวกนี้ด้วยเหรอวะเห้ย ไอ้เราก็คิดว่าคงเล่นแต่ PS ที่บ้านไรงี้

“อยากเล่นอะไรเลือกเลย มีเยอะขนาดนี้คงไม่เบื่อแล้วนะ”

ก็จริงอย่างที่มันว่า

“งั้นไอไปแลกเหรียญก่อน”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวแลกให้ ไปเดินเลือกดูก่อนเลย”

ผมพยักหน้ารับแล้วเดินตรงเข้าไปด้านใน ทัตมันก็แยกไปแลกเหรียญที่เคาร์เตอร์ เออ ดูคนนู้นคนนี้เล่นแล้วก็น่าสนุกดี อยากเข้าไปแจมด้วยแต่ก็กลัวแพ้เพราะผมยังไม่เคยเล่นมาก่อน ฟังไม่ผิดหรอครับ ผมไม่เคยเล่นมาก่อนไม่ว่าจะเป็นเกมส์ไหน ปกติเล่นแต่เกมส์ออนไลน์ในคอมฯไม่ก็เกมส์กิ๊กก๊องในมือถือไง นี่ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่เลยนะ ตื่นเต้นเหมือนกำลังโดนเปิดซิงเลยวะ(อย่างนี้ก็ได้เหรอ?)

“จะเล่นอันนี้?”

ทัตเข้ามายืนซ้อนด้านหลังแล้วถาม จากที่ไม่เป็นจุดสนใจเท่าไหร่ตอนนี้พวกผมกลายเป็นเป้านิ่งแล้วครับ อย่างผมนะมาตรฐานชายสมส่วนแต่อย่างไอ้ยักษ์ข้างหลังมันตัวโตเกินกว่าที่จะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้มั้ง ดูๆไปเหมือนผู้ปกครองที่มาเฝ้าดูลูกหลานที่กำลังวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่นอะไรประมาณนั้นนะ

“ป่าว”

“หืม เห็นยืนมองตั้งนานไม่ลองเล่นดูหน่อยละ?”

“เอาตรงๆนะ ไอเล่นไม่เป็น”

ผมหันไปมองค้อนเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึตามหลังมา ไอ้ห่า ไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่เกิดหรอกนะเว้ย

“งั้นไปเล่นตีตุ่นตรงนั้นไหม?”

อะไรคือตีตุ่นวะ?

พอมองไปตามมือมันเท่านั้นแหละ

โอ้โหเลยมึง โอ้โห

นั้นมันเกมส์เด็กอนุบาลชัดๆ มันเป็นตู้ที่มีช่องกลมๆเล็กๆหลายๆช่องให้ตัวตุ่นโผล่ขึ้นมาแล้วเราก็เอาค้อนทุบหัวมันให้ทันอะครับ

“ไอ้สัส!”

“หึ”

“แต่ก็น่าเล่นดีนะ”

มันเงิบเลยครับ หน้าตาเหลอหลาจนผมหลุดหัวเราะเต็มเสียงเอามือกุมท้องไปด้วยเลยอะ โคตรฮา ผมหัวเราะจนไอค๊อกแค๊กแม่งคอแห้งเลยสัส

“นี่น้ำ”

“แต้งค์”

ถือว่าฉลาดที่ยังซื้อน้ำขวดมาเผื่อ แต่เค้าไม่ได้ห้ามเอาอาหารเครื่องดื่มเข้ามาเหรอวะ

“แล้วตกลงจะเล่นอันไหน?”

“ไม่รู้อะ ไม่เคยมาไม่เคยเล่น”

“เลือกๆไปเถอะ เดี๋ยวสอน”

“ยูเคยเล่นหมดเลยเหรอ?”

“ใช่”

“หน้าตาไม่ให้เลยวะ อย่างยูน่าจะไปวิ่งไล่ฟัดกับหมาที่บ้านไรงี้”

มันยิ้มขำแล้วยกมือมาขยี้หัวผมไปอีก ฟูเลยแม่ง

“อันนั้นคืออะไร?”

ผมถามเมื่อสายตาไปเจอตู้เกมส์ที่เป็นเหมือนเกมส์ออนไลน์ในคอมฯเลยครับ เพียงแต่ภาพมันดูกิ๊กก๊อกมากกว่า แต่ก็น่ารักดีนะ

“ลองดูสิ”

ผมพยักหน้าทั้งที่ปากก็ยิ้มไปด้วยตาไม่ต้องเอ่ยหรอก โคตรจะเป็นประกาย เหมือนได้กลับมาเป็นเด็กอายุสิบสี่สิบห้าอีกครั้งเลยวะ ผมรีบเข้าไปนั่งแล้วจ้องจอตาแป๋ว มันมีไตเติลให้ดูไงครับ พอดูๆก็เริ่มเข้าใจว่ามันเป็นเกมส์ต่อสู้ ทัตหยอดเหรียญแล้วบอกปุ่มนั้นปุ่มนี้ว่าใช้สั่งการอะไรจนผมลองดูสักรอบกับคู่แข่งที่เป็นแบบออโต้ เนื่องจากความไม่ชำนาญรอบแรกเลยแพ้ขาดลอย ผมหน้ามุ้ยในขณะที่ได้คนสอนหัวเราะชอบใจอยู่ข้างหลัง

“อีกสักรอบไหม?”

ไม่น่าถาม

“เอาเหรียญวางไว้นี่เลย ถ้าไม่ชนะไอไม่กลับอะ”

“หึ”

มันหัวเราะแล้วว่าเหรียญไว้ข้างๆผมตั้งหนึ่ง อยากจะถามอยู่เหมือนกันว่ามึงไปแลกมาเท่าไหร่แต่ก็ช่างมันเถอะครับ

“แล้วยูละ?”

“พี่ทำไม?”

“ไม่เล่นเหรอ?”

มันกรอกตาไปมาทำท่าครุ่นคิดจนผมชกท้องสะกิด หมั่นไส้วะนี่พูดจริงๆ

“มาลองกันสักตาไหม?”

ผมถามแล้วหยั๊กคิ้วหลิวตาไปด้วย มันเองก็จ้องตอบแววตาสนุกจนปิดไม่มิด

“ชนะตัวออโต้ให้ได้แล้วค่อยมาท้าพี่นะน้อง”

“ไอ้สัส”

“หึหึ”

“มาเล่นด้วยกันเลย จะยืนเฝ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรไปถึงไหน”

ผมพูดพลางดึงชายเสื้อมันให้ลงมานั่งแต่มันกลับเลิกคิ้ว

“รู้จักเจ้ากรรมนายเวรด้วย?”

“รู้หมดนั้นแหละ ไออยู่ไทยมาตั้งแต่เกิดนะถึงจะนับถือคริสต์ก็เถอะ”

“อื้อหึ แสนรู้นะเรา”

“เดี๋ยวถีบ”

“โอเคครับคนเก่ง งั้นพี่จะเป็นคู่มือให้แล้วกัน”

ผมยิ้มกริ่มเลยครับ มันนั่งลงตู้ข้างๆผมแล้วหยอดเหรียญทั้งของผมและของตัวเอง

“กดเลือกตรงนี้ให้สองตู้มันลิงค์กันนะ”

ผมพยักหน้าแล้วกดไปตามที่มันบอกจนเริ่มเข้าสู่บทโหมดต่อสู้ เมื่อใจจดจ่ออยู่ที่เกมส์จนลืมทุกสิ่งรอบข้างจึงไม่ทันได้สังเกตุว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของคนข้างๆบ่อยขนาดไหน ผมร้องและแสดงออกทางสีหน้าไปหมดอย่างเผลอตัว ความเกรงใจหรือมั่นหน้าเริศเชิดหยิ่งอะไรไม่มีให้เห็นแล้วครับ เวลานี้สนใจแต่จะเอาชนะได้ตัวหัวแดงๆของทัตลูกเดียว ทั้งๆที่มันไม่ค่อยจดจ่อขนาดผมแต่ทำไมแม่งคร่องจังวะ ไม่ได้ ตานี้ผมต้องชนะ!

“เห้ยยยย!!!”

“ฮ่าๆๆๆ”

ผมเหล่ตาไปมองคนหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ ฟังดูก็รู้ใช่ไหมว่าผมแพ้ ไอ้เห้ กูแพ้ไปสามตาแล้วนะเห้ย!

แต่สิ่งที่ผมเห็นก็ต้องทำให้ผมชะงักไปนิด ทัตยิ้มกว้างหลุดหัวเราะอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ใช่ว่าผมจะไม่เคยเห็นมันยิ้มหรือหัวเราะนะ แต่ครั้งนี้มันแปลกกว่าทุกทีไงครับ มันเหมือนยิ้มที่เป็นยิ้มจริงๆแล้วหัวเราะจริงๆอะไรแบบนั้น แล้วก่อนหน้านี้มันไม่ใช่ความจริงเหรอวะ

เพ้อเจ้อใหญ่ละคริสตัล

“หึหึ จ้องอย่างนี้ หลงความหล่อพี่แล้วละสิ”

ผมเบ้ปาก

“หลงตัวเองชิป”

“จะเล่นอีกไหมครับน้อง?”

น้ำเสียงโคตรกวนตีนและดูถูก ใช่ซี๊ กูมันกระจอกนี๊ ก็กูไม่เคยเล่นนี่หว่าใครมันจะไปเซียนอย่างมึงเล่า

“ไม่เอาแล้ว”

“งั้นอยากเล่นอะไรอีก?”

“ไม่เอาอะ เบื่อเกมส์ อยากกินอะไรหวานๆ”

ทัตพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งมือมาทางผม ผมมองงงๆจนมันถอนหายใจแล้วเปลี่ยนมาดึงมือผมให้ลุกขึ้นตาม ผมก็ไม่ขัดไม่ห้ามมันนะ เริ่มจะใจง่ายเกินไปละกู ทัตมันพาผมเดินออกจากโซนเกมส์เซ็นเตอร์แล้วลงบันไดเลื่อนไปยังชั้นล่าง ถ้าสายตาผมไม่ผิดปกติผมว่ามีหลายๆคนจ้องมองมายังเราอยู่ เรียกว่าแทบทุกคนที่เราเดินผ่านเลยก็ว่าได้ อีนู๋มัธยมอย่าพึ่งเรียนเสร็จนะ แค่นี้พี่ก็จิครายแล้ว

“ทัตปล่อยมือ”

“อย่าไปสนใจดิ”

“ก็ไม่อยากจะสนใจหรอกแต่คนมองเยอะไปแล้วนะเว้ย”

“ก็บอกว่าอย่าไปสนใจคนอื่น สนใจแค่พี่ก็พอ”

ไอ้ห่า ยังมีหน้ามาหยอดกูอีกนะ

“นี่ไอจริงจังนะทัต”

“พี่ก็จริงจัง”

จริงจังหน้ามึงอะ หยอดกูแต๊ะกูอยู่เห็นๆ ทำมาเป็นพูด ผมกำลังจะเถียงต่อมันก็หยุดเดินแล้วหันมาหา ผมก็มองหน้าพลางเลิกคิ้วไปอีก

“อะไรอีกละ?”

“ถามหน่อยว่าทำไมถึงยอมพี่?”

“มันใช่เวลามาพูดเอาตอนนี้ไหมวะ?”

“ก็ถ้ายอม แสดงว่าชอบ ถ้าไม่ชอบก็คงไม่ยอมใช่ไหมละ”

“ตอแหลละสัส ใครยอมใครชอบยู”

“ก็เนี้ย”

มันพูดพลางชูมือที่ยังกอบกุมชนิดที่นิ้วยังสอดประสานกันอยู่เลย ผมสะอึกนิดหน่อยก่อนจะพยายามดึงมือตัวเองออกแต่ก็ไม่หลุด สัส มันเปลี่ยนมาจับแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะครับ ก่อนหน้าคือจับเหมือนดึงอะครับ แต่นี้มันไม่ใช่ กูก็โง่ไม่รู้ให้เร็วกว่านี้เนอะ

“ปล่อยสิวะ!”

“อย่าดื้อน่าคริส ไปกินเค้กกันเถอะ”

“ไม่กงไม่กินมันละ ไอจะกลับบ้าน”

“ไม่ให้กลับ”

“เรื่องของยู แต่ไอจะกลับ”

“น่านะ เดี๋ยวพาไปกินติม”

“ไม่ใช่เด็ก!”

“ให้เค้กด้วยอะ”

“ไม่ต้องเอาของกินมาล่อ!”

“ตามด้วยฮันนี่โทสดีไหม? ตกเย็นค่อยไปขับรถเล่นรับลมแล้วต่อด้วยดริ้งส์ที่บาร์xxx”

“……”

ผมไม่พูดแต่จ้องมันเขม่ง

“ว่าไง? เอาไวน์หรือวิสกี้ดีครับ?”

“เอาหมด แต่เริ่มที่ไอติมก่อนแล้วกัน”

“หึ”

ไม่ได้ยอมนะ แค่หิว!










ก๊อกๆๆ

ทีครอสละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มาจ้องมองบานประตูที่ค่อยๆแง่มออก หญิงสาวร่างอรชรเดินส่ายสะโพกพุ่งตรงมายังเค้าด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ใบหน้าสวยเข้มริมฝีปากแดงเข้าชุดเสื้อรัดรูปที่ปาดไหล่แนบเนื้อโชว์สรวดทรงองเอวขายาวภายในกางเกงสกินนี่สีดำและรองเท้าส้นสูงหนังแท้มันเงาก้าวฉับๆมาจนถึงหน้าโต๊ะใหญ่ก่อนที่จะวางซองสีน้ำตาลลงตรงหน้าเจ้าของห้องแล้วกอดอกมองจ้องเขม่ง

ทีครอสหยิบซองมาเปิดดูเมื่อเห็นข้อมูลอันหลากหลายแล้วจึงเก็บเข้าซองเช่นเดิม

“นั่งก่อนสิ”

“ก็นึกว่าจะไม่เชิญ”

หญิงสาวกระแทกเสียงตอบ ความหงุดหงิดที่คนตรงหน้ากล้าขัดจังหวะวันหยุดยังคงไม่มอดดับ มันใช่เรื่องที่ไหนที่คนอย่างหล่อนจะมาวิ่งเต้นหาข้อมูลให้ทั้งที่กำลังฮันนีมูนแสนหวานกันดาร์ลิ้ง

“อย่าหงุดหงิดไปหน่อยเลยเจส เดี๋ยวยกเลิกค่าโรงแรมกับเรือยอร์ชให้”

“ค่อยคุยกันง่ายหน่อย”

“สรุปคร่าวๆมาสิ”

“ทำไมไม่อ่านเอาละยะ”

“เดี๋ยวค่อยอ่าน ตอนนี้ผมยุ่ง”

“คนอย่างทีครอสมีเหรอจะไม่ยุ่ง อ้อ เฉพาะกับครอบครัวนี่เนอะที่จะทำให้เลิกยุ่งได้”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

“แล้วแกจะอยากรู้เรื่องเขาไปทำไม?”

“เรื่องของผม”

“พูดจาไม่น่ารักเหมือนเดิม”

“ใครจะไปน่ารักเท่าคุณวุฒิละ”

“แน่นอนสิยะ ดาร์ลิ้งฉันน่ารักที่สุด ขนาดเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่กล้ามาขัดจังหวะช่วงเวลาฮันนีมูนสุดสวีต เค้ายังไม่บ่นสักคำ”

“เค้าแยกแยะได้ว่าอะไรสำคัญไม่สำคัญไง”

“เอ๊ะ จะหาว่าฉันไม่สำคัญเท่างานของแกรึไง!?”

“แล้วแต่จะคิดเลย”

“ขอฟาดปากสักทีได้ไหมห่ะ”

ชายหนุ่มไหวไหล่ก่อนจะเอนกายไปพิงเบาะผ่นคลายกล้ามเนื้อแล้วยกมือขึ้นนวดขมับไปด้วยอีก

“เทพทัต ศิริพัฒนโอฬาร นามสกุลก็บอกอยู่แล้วแหละนะว่าอยู่ชาติตระกูลไหน…”

เค้าชะงักไปนิดแต่เนื่องจากกำลังหลับตาหญิงสาวตรงหน้าจึงไม่ทันได้สังเกตุปฏิกิริยานี้

“เป็นลูกชายคนโต อายุ21ย่าง22 มีพี่สาวหนึ่งคน พี่อยู่ไทยแต่หายตัวไปตั้งแต่มีอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อปีก่อน ตอนนี้เลยได้ดูแลกิจการของตระกูลแทนพี่สาวอยู่”

“เครือSPKสินะ”

“ใช่”

“ยังไม่ตายแต่หายตัวไปงั้นเหรอ?”

“คงงั้น”

เค้าหันเก้าอี้ไปทางด้านหลังแล้วจ้องมองไปยังฝืนฟ้าเบื้องหน้า

“แล้วยังไง? แกจะทำอะไรเขา?”

“ก็ไม่ไง รอดูก่อนว่ามันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ถ้ามาดีก็ไม่ว่าแต่ถ้ามาร้าย…กูเอามันถึงตาย…”

หญิงสาวลอบกลืนน้ำลาย คนอย่างทีครอสที่ได้ชื่อว่าเทวทูตของนรกเมื่อได้ลั่นวาจาแล้วก็ต้องเป็นไปตามนั้น คนๆนี้ถึงจะดูเฟรนลี่ในเวลาปกติแต่ถ้าได้เข้าสู่โหมดดาร์คแล้วใครก็เอาไม่อยู่

“งั้นฉันกลับละ”

“โอเค ขอบใจมาก ค่าจ้างจะโอนเข้าบัญชีภายในวันนี้”

“โอเค บาย”

ชายหนุ่มยังคงนั่งนิ่งจนได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆ เค้าจึงหันไปคว้าซองเอกสารมาเปิดขึ้นดูอีกครั้ง คราวนี้เค้าลงมืออ่านอย่างละเอียด มีหลายจุดที่ทำให้เค้าสะกิดใจ แต่มันเหมือนขาดๆหายๆ

คนๆนี้เล่นด้วยยาก

รู้จักจำกัดข้อมูลตัวเองแบบนี้คงไม่ใช่แค่หัวสมองระดับเด็กนักศึกษามหาลัยธรรมดา

เค้าวางทุกอย่างลงบนโต๊ะแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ไม่บ่อยที่เค้าจะเครียดจนต้องหยิบมันออกมา แต่เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเงื่อนงำนั้นมันผูกโยงเอาน้องชายของเค้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

นี่คือสิ่งที่เค้ากลัว

คนอย่างทีครอสมีจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวคือครอบครัว

และนั่นก็กำลังเป็นเป้าให้เทพทัตเล็งอยู่ตอนนี้

มือหนาขยี้บุหรี่ลงกับที่รองทั้งที่สูบไปได้เพียงครึ่ง เค้าหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาต่อสายหาน้องชาย แต่คริสไม่รับ เค้าเลยต่อสายตรงไปยังเบอร์บ้าน

/บ้านเฟรงเบิร์คคะ/

“นี่ทีครอสนะ ขอสายคริสตัลหน่อย”

/คุณคริสไม่อยู่บ้านคะคุณครอส/

หัวคิ้วขมวดมุ้ย ก็ไหนเมื่อเช้าบอกว่าไม่มีโปรแกรมไปไหนยังไงละ

“มันไปไหน?”

/ไม่ได้บอกว่าไปไหนคะ บอกแค่ว่าออกไปข้างนอก/

“มันขับรถไปไหมหรือให้ใครไปส่ง?”

/ไม่ใช่ทั้งสองคะ รู้สึกเหมือนจะมีคนมารับเพราะแววเห็นวิ่งออกไปที่ประตูรั้วเลย/

มือหนากำแน่น

“เห็นไหมว่ารถอะไร?”

/ไม่เห็นคะคุณครอส/

เผลอสบถคำหยาบออกไปจนคนที่ปลายสายอึกอัก เค้าเลยเอ่ยไปว่าไม่มีอะไรไม่ต้อบอกแม่ว่าเค้าโทรตามน้องแล้วก็ตัดสายไปในที่สุด นิ้วมือเลื่อนไปที่ชื่อคริสตัลอีกครั้ง รอสายฟังเสียงตรู๊ดๆอยู่นานจนเกือบจะตัดสายแต่คนที่ปลายสายก็รับได้ทันท่วงที

/ครับ/

“อยู่ไหน?”

ลืมปรับน้ำเสียงเลยเผลอทำเสียงขู่ไปทั้งอย่างนั่น

/แค่ออกมาห้าง พี่จะทำเสียงงั้นทำไมอะ?/

“โทษที แล้วไปทำไร ไหนบอกว่าไม่มีโปรแกรม?”

/เออ…พึ่งมีกะทันหันอะ/

“กับใคร?”

/กับ…เพื่อน…/

“เอามันมาคุยสิ”

/มันไหน?/

เสียงตื่นมาเชียวนะมึง

“มึงไปกับใครก็เอาคนนั้นมาคุย”

/มันไม่อยู่ ไปห้องน้ำ/

“งั้นมันมาแล้วให้โทรหากู”

/อะไรของพี่วะ เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาเนี้ย?!/

“กูแค่ห่วง”

/จะห่วงอะไรนักหนา ผมไม่ได้มีศัตรูรอบด้านอย่างพี่นะ!/

“แต่มึงคือน้องของกู”

ปลายสายเงียบไปแป๊บ สักพักก็พึมพำบอกว่ารู้แล้วจนเค้าเผลอยิ้มจาง

“กูห่วงมึงเพราะกูรักมึง จะทำอะไรก็ระวังตัวด้วย ไอ้ทัตนะห่างๆมันไว้ กูไม่ชอบขี้หน้า”

ขืนบอกถึงความไม่ชอบมาพากลเดี๋ยวน้องจะคิดมากไปเสียเปล่าๆ เพราะงั้นขอปิดแต่ก็ต้องเตือนไว้ก่อนแล้วกัน

/แค่ไม่ชอบหน้ามันทำให้พี่บ้าถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ ไอ้นายก็อีกคน/

“ไอ้นายนะไว้ใจได้มากกว่าเทพทัตซะอีก”

/แน่สิ มันเพื่อนผมนี่/

“เดี๋ยวกูจะโทรหามันบอกว่าให้ไปหามึงที่นั่น”

/ไม่ต้องๆ จะส่งมาทำไม?/

“สรุปคืออยู่กับเทพทัตจริงๆสินะ”

ได้ยินเสียงสบถเป็นภาษาอังกฤษมาแล้วก็นึกขำ คริสตัลยังอ่อนต่อโลกเยอะ แต่เค้านะกร้านโลกไปซะแล้ว

“จะให้กูส่งเพื่อนมึงไปหาหรือจะกลับบ้านตอนนี้ เลือกเอา”

/Shit!/

“คริสตัล”

กดเสียงขู่ไปอีกรอบ เผื่อการตัดสินใจจะเร็วและน่าพอใจ

/เดี๋ยวกลับ/

ดวงตาสีฟ้าเหลือบไปมองเวลาที่หน้าจอคอมฯ ตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้ว

“ให้เวลาไม่เกินหกโมง แล้วถ้ากูกลับไปไม่เจอละก็…”

/เออน่า ไม่ต้องมาขู่ ผมจะฟ้องแม่ว่าพี่บังคับ! จะฟ้องพ่อให้ตัดบัญชีหุ้นพี่ด้วย!!/

นี้ขนาดมันไม่สนใจงานของที่บ้านยังรู้เลยว่าเค้าเล่นหุ้น

“แล้วเจอกัน”



Tbc…
ปริศนาไม่ได้อยู่ที่พี่ทัตแล้วสิ แต่เปลี่ยนมาอยู่ที่พี่ครอสแทน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:52:23 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดูเหมือนทีครอส จะไม่ได้ยุ่งกับพี่สาวทัต
คริส ชอบทัตแล้ว
ทัต ก็เหมือนชอบคริส แต่ไม่รู้ตัว
ทัต แก้แค้นแล้วเสียคริส ไปเลย แน่ๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล. ขอแก้คำผิดนะ
เสียงสถบ ------ สบถ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
อยากมีพี่ชายแบบทีครอสจัง  :hao7:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
ดูเหมือนทีครอส จะไม่ได้ยุ่งกับพี่สาวทัต
คริส ชอบทัตแล้ว
ทัต ก็เหมือนชอบคริส แต่ไม่รู้ตัว
ทัต แก้แค้นแล้วเสียคริส ไปเลย แน่ๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล. ขอแก้คำผิดนะ
เสียงสถบ ------ สบถ

ขอบคุณคะ แก้ไขแล้วน๊า
 :pig4:

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
สนุกมากเลยค่ะ ปักป้ายติดตามเลยจ้า 

แต่อยากให้ระวังคำว่า คะ กับค่ะ หน่อย นะคะ มีแต่คะคะคะ อย่างเดียวเลย :)

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 14



 
“ไม่ให้เข้าไปด้วยแน่นะ?”

ผมส่ายหัวตอบคนถามที่ดูท่าทางจะกลัวผมโดนพี่ชายต้มยำทำแกงละมั้งนะ บ้าป่าววะ พี่ที่ไหนจะทำอย่างนั้นกับน้องแท้ๆของตัวเองกัน คือตั้งแต่ที่ผมบอกจะกลับบ้านทันทีที่มันออกมาจากห้องน้ำ มันก็ซักฟอกใหญ่เลยครับ ก็สมควรโดยซักอยู่แหละนะก็เล่นพึ่งจะตกลงไปต่อตามแผนของมันมาหยกๆจู่ๆมาปฏิเสธแล้วขอให้มาส่งที่บ้านในทันทีแบบนี้นี่

“ไม่ต้องอะ พี่ครอสไม่ทำอะไรไอหรอกน่า อย่างมากก็แค่บ่น”

มันยังคงตีหน้าซีเรียสจนผมอดที่จะยิ้มขำมันไม่ได้ ตอนนี้พวกเราอยู่กันที่หน้าบ้านผมกันแล้วครับแต่ผมยังไม่ได้ลง

“ทำไม? เฟลอะดิที่ไปต่อด้วยไม่ได้”

มันพยักหน้าตอบ

“ตัวเท่าควายเสือกทำงอแง นี่ไอต้องซื้อไอติมมาโอ๋ด้วยป่าวเนี้ย?”

ผมพูดพลางยกมือจับปลายคางมันแล้วโยกซ้ายโยกขวาไปมา ไอ้นี่ก็ว่าง่ายนะครับ อยู่เฉยๆให้ผมโยกเล่นซะด้วย ผมยังคงยิ้มได้ความรู้สึกเหมือนมีหมาตัวใหญ่ๆไว้ให้เล่นด้วยอะครับ ก็ดีนะ เพลินดี แต่สักพักก็ต้องหยุดเพราะโดนมันจับมือไว้ก่อนจะเลื่อนมาที่ปาก กดจูบเบาๆแต่อ้อยอิ่งอยู่นานพลางสงสายตาหวานๆมาอีก อื้อหือ หน้าแทบไหม้ ผมนิ่งค้างทำอะไรไม่ถูกมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หน้าหล่อๆนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปากเราประกบกันในที่สุด มือข้างหนึ่งยังคงกอบกุมกันอยู่ในขณะที่อีกข้างดึงรั้งท้ายทอยผมให้ล็อคอยู่กับที่ ริมฝีปากหนาค่อยๆเคลื่อนไหวขบเม้มไปเรื่อยๆอย่างอ้อยอิ่ง ผมหลับตารับสัมผัสจากมัน สัมผัสที่ทั้งนุ่มนวล ทั้งอ่อนโยน ผิดกับทุกครั้งที่เราเคยทำมา สักพักจึงผละถอยห่าง ผมลืมตาขึ้นมองนึกแปลกใจที่มันไม่สอดลิ้นเข้ามาแต่สิ่งที่เต้นเร้าอยู่ในอกกลับทำให้ผมไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก เหมือนจะกลัวคำตอบจากคนตรงหน้าทั้งๆที่ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด

“เข้าบ้านเถอะ ดึกๆเดี๋ยวโทรหา”

มันบอกพร้อมรอยยิ้ม ผมพยักหน้าแล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถ ระหว่างที่ปิดประตูให้สายตาเราก็สบกันอีกครั้ง ดวงตานั้นกลับมาเรียบนิ่งติดจะเย็นชาเหมือนเดิมแล้ว ผมหันหลังเปิดประตูเล็กเข้าไปในอาณาบริเวณบ้านแต่รถมันก็ยังคงจอดอยู่ที่เดิม

“กลับมาแล้วเหรอคะคุณคริส”

เสียงเด็กที่บ้านเอ่ยทักทำให้ผมละสายตาจากรถคันหรู ผมพยักหน้าให้แล้วเดินเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่ แวะทักแม่แล้วเดินขึ้นห้องก่อนจะเลยไปเปิดบานกระจกตรงระเบียงแล้วออกไปยืนมองที่หน้าบ้านอีกครั้ง ทัตไม่อยู่แล้ว อะไรสักอย่างในตัวผมเหมือนจะหน่วงๆผิดปกติจนผมขมวดคิ้ว ผมหันหลังพิงราวระเบียงพลางครุ่นคิดอยู่อย่างนั้นจนแสงสว่างเริ่มจะดับวูบลงเรื่อยๆ ไฟตามหลอดนีออนส่องสว่างขึ้นแทนที่แสงจากธรรมชาติ ลมเย็นๆที่พัดผ่านร่างไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกหนาวอะไรจนกระทั้งมีเสียงรถของพี่ชายมาจอดอยู่ที่หน้ารั้วรอเวลาประตูเปิดออกนั้นแหละ ผมถึงได้สติ ผมยืนมองพี่ชายออกจากรถแล้วเดินเข้าบ้านปล่อยให้เด็กเอารถไปเก็บตามหน้าที่แล้วจึงหันหลังเข้าห้องไปอาบน้ำอาบท่า บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมมึนงงมากครับ ไม่รู้อะไรมันสุมเข้ามาจนอึดอัดไปหมด สมองก็ไม่ประมวลผลเหมือนมีอะไรสักอย่างมาปิดกั้น

หรือเป็นผมที่ปิดกั้นเองก็ไม่รู้



ก๊อกๆๆ

ผมออกมาจากห้องน้ำพอดีกับที่ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ

“ไม่ได้ล็อคครับ”

เป็นพี่ครอสที่เดินเข้ามา

“แม่ให้มาตามไปกินข้าว”

ผมพยักหน้าแล้วเดินไปยังโต๊ะกระจก จัดการทาครีมทาแป้งแล้วก็ไปเลือกเสื้อผ้าโดยที่มีพี่ชายยืนกอดอกมองอยู่ไม่ห่าง ผมรู้แหละว่ามันยืนดูอยู่แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงทั้งที่ปกติไม่เคยจะอยู่ยืนดูแบบนี้เลยสักครั้ง

“มีอะไรจะพูดกับผมเหรอ?”

พี่ครอสพ้นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วจึงคลายแขนเดินเข้ามาลื้อลิ้นชักโต๊ะกระจกหยิบยาหลอดแก้พกชำมาบีบใส่มือ ผมที่ใส่กางเกงขายาวกับเสื้อยืดธรรมดาเตรียมเข้านอนได้แต่มองนิ่งๆจนพี่แกเข้ามาซ้อนด้านหลังเอายาป้ายแล้ววนไปมาจนออกร้อน ผมมีแผลตรงนั้นด้วยเหรอ?

“มันทำมึงใช่ไหม?”

ผมถึงกับเผลอกั้นลมหายใจไปชั่วขณะ อย่าบอกน่าเป็นรอยฟันหรือคิสมาร์คที่ไอ้พี่ทัตมันทำไว้นะ

“พี่พูดอะไร?”

“มึงเป็นน้องกูนะคริส แค่รสนิยมของมึงทำไมกูจะไม่รู้”

คราวนี้ถึงกับขนลุกกันเลยทีเดียว พี่กูเป็นยิ่งกว่าอับดุลอีกเว้ย แม่งรู้ไปหมดทุกอย่างเลยวะ

“พี่...รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“นานแล้ว แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทำไมมึงไม่คิดจะบอกกู?”

“..........”

“มึงเห็นกูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ป่าวสักหน่อย”

“งั้นทำไมไม่บอก ไม่ปรึกษา เรามีกันแค่สองพี่น้องนะคริสตัล”

“ผมขอโทษ”

พี่ครอสถอนหายใจอีกครั้ง มือที่วนทายาให้หยุดแล้วเปลี่ยนมาดึงผมให้หันไปเผชิญหน้า ผมช้อนตามองอย่างหวาดหวั่น ไม่ได้กลัวที่พี่ครอสรู้เรื่องหรอกครับ แต่มันก่ำกึ่งระหว่างรู้สึกผิดกับไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี เรื่องก่อนหน้าผมยังไม่ทันจะเคลียร์กับตัวเองได้ยังมีพี่ชายมาเพิ่มความกดดันให้อีกซะงั้น

แปร๊บ

ผมนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกจี๊ดขึ้นมาที่หัว มันไม่ใช่อาการเจ็บปวดจากภายนอกแต่มันแปร๊บจากภายใน

“เป็นอะไร?”

พี่ครอสถามเสียงเครียด ดูมันเครียดกว่าเรื่องที่พูดกันเมื่อกี้อีกนะครับ

“จู่ๆก็ปวดหัวขึ้นมานะ”

“มึงเป็นบ่อยไหม?”

ผมส่ายหัว

“กินข้าวเสร็จแล้วกินยานอนเลย เดี๋ยวกูให้แม่บ้านจัดยาไว้ให้”

ผมพยักหน้ารับพี่ครอสเลยดึงแขนพาเดินออกจากห้องไปยังชั้นล่าง แต่ยังไม่ทันจะถึงห้องอาหารผมก็รั้งแขนตัวเองไว้เลยให้มันพลอยหยุดเดินไปด้วย

“เป็นอะไร หยุดเดินทำไม?”

“พี่ได้บอกแม่เรื่องนี้รึเปล่า?”

ไอ้พี่ครอสจ้องหน้าผมนิ่งๆจนผมนึกกลัวขึ้นมาเลยวะ ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่าแม่มีอิทธิพลต่อใจของผมมากที่สุด และนั้นก็ทำให้ผมกลัวที่สุด กลัวว่าแม่จะรู้และรับไม่ได้ กลัวว่าจะทำให้แม่เสียใจและผิดหวังกับผม กลัวแม่งไปหมดทุกอย่าง

“ป่าว”

สัส! โล่งเลยกู

“แต่ถ้ามึงยังไม่เลิกยุ่งกับไอ้นั้น พี่คงต้องบอก”

“เชี่ยไรวะพี่ครอส!?! เรื่องนี้ไปเกี่ยวอะไรกับมันอะ?!!”

“เกี่ยวแน่ เพราะมันคิดจะเครมมึงอยู่นี่ไง”

ผมกรอกตาแบบ…กูละหน่าย มันไม่ใช่คิดจะเครมหรอกเว้ยแต่แม่งเครมไปแล้วชัดๆ แถมผมยังตอบตกลงเป็นแฟนกับมันไปแล้วด้วย เอ๊ะ แต่ถ้าพี่ครอสมันเห็นรอยมันก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้วนิ มันคงไม่โง่คิดว่าไอ้หื่นอย่างทัตเทพแค่กัดคอแล้วก็ปล่อยผมกลับบ้านหรอกนะ หรือพี่ครอสมันจะหทายถึงเครมอย่างอื่นวะครับ

“เอาเป็นว่าทำตามที่กูบอกนั้นแหละดี แล้วคอนโดเหี้ยนั้นกูจะอนุมัติให้”

ผมหันไปจ้องหน้าตาโตเลยครับ โห เล่นงี้เลยเหรอวะ

“อ้าว มายืนคุยอะไรกันตรงบันไดนะลูก แม่กำลังจะไปตามพอดี มากินข้าวได้แล้วจ้ะ”

เป็นอันยุติบทสนทนาระหว่างผมกับพี่ชายไปโดยปริยาย
 
 
 
 



Rrrrrr

ผมหันไปมองที่โทรศัพท์ของตัวเองผ่านบานกระจกกั้นห้อง แสงสว่างว๊าบขึ้นตามจังหวะสายเรียกเข้านั้นทำให้ผมเห็นชื่อผู้โทรอยู่กลายๆ เป็นไอ้คนที่บอกว่าจะโทรมานั้นแหละครับ แต่ผมยังไม่เดินไปรับในทันทีหรอกครับ ผมยังยืนยกแก้วเหล้ารอคาแพงที่แอบเอามาจิบอยู่ที่ระเบียงท่ามกลางแสงสว่างจากดวงไฟโดยรอบ ในห้องผมมืดสลัวเพราะเปิดแค่โคมไฟฉะนั้นแสงสว่างว๊าบเป็นระลอกของโทรศัพท์ผมจึงเห็นได้อย่างชัดเจนแน่นอน แต่ไม่นานเสียงนั้นก็เงียบหายไปสักพักก็ดังขึ้นมาใหม่ ผมเลิกสนใจโทรศัพท์แล้วหันหน้าออกไปทางด้านนอก ท้องฟ้าของเมืองกรุงสว่างเกินกว่าที่จะมองเห็นดาวได้อย่างชัดเจน บรรดาตึกราบ้านช่องเองก็มีมากเกินกว่าที่จะเห็นพื้นที่สีเขียว มองๆไปก็ชักอยากไปเที่ยวที่ไหนสักที่ๆไม่ใช่เมืองใหญ่แบบนี้ซะแล้วสิ ว่าแล้วก็โทรเรียกสมัครพรรคพวกกันดีกว่าครับ ผมเดินกลับเข้าห้องกำลังจะหยิบโทรศัพท์ที่ยังคงดังลั่นมาดูแต่เสียงที่สองก็ดังแทรกขึ้นจนผมต้องหันไปมอง

“ไง”

“เหี้ย!!!”

ร้องเต็มเสียงไม่พอตัวยังถอยหลังไปสามก้าวเต็มแบบโคตรจะตกใจ ไอ้พี่ทัตยิ้มร่าเอาโทรศัพท์ที่แนบอยู่กับหูลงแล้วค่อยๆเดินตรงเข้ามาหา

“ทักซะน่ารักเชียวนะ”

“มะ มาอยู่นี้ได้ไงวะ?”

คือห้องผมอยู่ชั้นสองนะครับ เน้นตัวใหญ่ๆเลยว่าบ้านผม บ้านอะมึง บ้านที่มีรั้วมีกำแพงมีคนอื่นอยู่ด้วยอะมึง แล้วมึงเล็ดรอดมาถึงนี่ได้ไงวะ กูไม่เก็ต แถมผมที่ยืนอยู่ข้างนอกจนถึงเมื่อกี้ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกติเลยสักอย่าง เอาจริงๆนะ มันเป็นผีหรือคนกันแน่วะครับ

“ปีนขึ้นมาไง”

ตอบแบบชิลมาก โคตรจะชิลจนกูหมั่นไส้แม่ง นี่บ้านกูปีนขึ้นมาง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะครับ หลังจากนี้คงต้องจ้างยามมาเฝ้าเวรสักสามสี่คนแล้วสิ อันตรายชิปหาย

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์?”

ถามหน้าตายโคตรๆ คือมึงช่วยมองอารมณ์และสถานการณ์โดยรอบด้วยว่าสมควรจะถามอะไรแบบนั้นไหม

ก๊อกๆๆ

เฮือก!!!

ยังไม่ทันจะตอบอะไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก โชคยังดีที่ครั้งนี้ผมล็อคประตูไว้(เพราะแอบเอาเหล้าขึ้นมากินนะครับ)บุคคลภายนอกเลยได้แต่หมุนลูกบิดไปมาอยู่อย่างนั้น

“เปิดประตูให้พี่หน่อยคริส”

อะไรกันนักหันหนาวะเนี้ย

“ยืนเซ่ออยู่ได้ หาที่หลบดิวะ”

“ไม่ต้องก็ได้มั้ง”

“F_ck! อย่าพึ่งมากวนตีนตอนนี้แล้วไปหลบนอกระเบียงเลย ไอจะปิดม่าน”

ว่าแล้วก็ผลักมันออกไปที่ระเบียงปิดบานกระจกปิดม่านเป็นอันเสร็จ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ปรับอารมณ์ให้คงที่แล้วจึงเดินออกไปปลดล็อคกลอนเปิดประตูแต่ยังคงยืนขวางอยู่อย่างนั้นไม่ได้ให้พี่ครอสเข้ามาที่ด้านใน ต้องกันไว้หลายๆชั้นนะครับ

“มีไรอะ?”

เสียงคงไม่สั่น หน้าคงไม่ผิดปกติอะไรหรอกนะ แต่ทำไมไอ้พี่ครอสมันขมวดคิ้วเลยวะ ตายละกู

“มึงกินเหล้าเหรอ?”

“…เอ่อ…”

“กลิ่นเหล้าหึ่งเลยเนี้ย มิน่าถึงล็อคห้อง แม่ให้เอานมมาให้แต่สงสัยกูคงต้องกินเอง”

ผมก้มลงมองดูแก้วนมอุ่นๆในมือพี่แล้วก็พยักหน้า

“แค่นี้ให้ป้านมเองมาให้ก็ได้ แต่พี่กินไปเหอะ”

“อืม”

“งั้นก็ไปนอนได้ละ หลับฝันดี”

“มึงด้วย เลิกกินแล้วไปนอนซะ ปวดหัวไม่ใช่เหรอ จะว่าไปมึงกินยารึยังเนี้ย?”

ผมเงียบกริบเพราะกูลืมกินจริงๆวะเห้ย

“ทำหน้างี้แสดงว่าลืม”

“ก็เดี๋ยวกิน”

“กูไม่เชื่อ พอกลับไปก็กินเหล้าจนเมาแล้วก็หลับทั้งอย่างนั้น”

“โหยพี่ เห็นผมเป็นคนยังไงวะ บอกว่ากินก็กินดิ”

“เห็นเป็นเด็กเอาแต่ใจเหี้ยๆไง ถอยไปดิ กูจะเข้า”

“เห้ย จะเข้ามาทำไม?”

“จะเข้าไปนั่งเฝ้ารอมึงแดรกยา ถอยๆ”

“ไม่ต้องๆ ผมกินแน่ๆ สาบานให้ตายเลยเอ๊า”

“ปากอัปมงคล กูบอกให้ถอย แล้วมึงไปแอบเอาเหล้าอะไรมากิน?”

“เง้อ~”

“ไม่ต้องมาอ้อน กูบอกให้ถอยไงวะ”

ว่าแล้วพี่ท่านก็แทรกตัวชนไหล่ผมเข้าไปด้านเลยครับ ผมได้แต่สบถตามหลังพลางภาวนาไม่ให้ไอ้ที่หลบอยู่นั้นทำอะไรแผลงๆเข้าให้

“ล่อของสูงเลยนะมึง”

พอเข้าไปในห้องผมได้ไอ้พี่ครอสก็ท้วงขึ้นเลย แน่ละ ขวดเหล้าวิสกี้นอกราคาแพงวางหลาอยู่กลางโต๊ะซะขนาดนั้น ไอ้พี่ครอสเดินไปทรุดตัวนั่งลงที่ข้างเตียงพลางหยิบโทรศัพท์ของผมที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมากดดูอีก มันไม่รู้รหัสปลดล็อคเครื่องหรอกครับ แต่สายที่ไม่ได้รับยังคงโชว์อยู่หน้าจอล็อคให้มันได้เห็นและยิ้มออกมาในที่สุด

“สี่สายไม่ได้รับ”

มันพูดแล้วโยนโทรศัพท์ผมไปตรงหมอน ผมที่เดินมานั่งตรงโต๊ะกำลังจะยกแก้วขึ้นดื่มต่อแต่ก็ต้องชะงักเมื่อไอ้พี่เหี้ยร้องแทรกโคตรดังจนเกือบสะดุ้ง

“หยุดเลยมึง!”

“อะไรอีกอะ!?!”

“เลิกกินแล้วไปแปรงฟัน ยามึงอยู่ไหน?”

ผมพ้นลมหายใจแล้วพยักเพยิดหน้าไปทางหน้าทีวีที่มีถ้วยแก้วใบบรรจุยาหลากสีอยู่สามเม็ด ผมไม่รู้ว่าแต่ละเม็ดนั้นคือยาอะไรแต่ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนที่จะเข้ามหาลัยเคยได้กินติดต่อกันเป็นเดือนๆ พอผมถามว่ามันคือยาแก้โรคอะไรแต่ละคนก็บอกแค่ว่าแก้ปวดหัว แก้ปวดหัวอะไรจะเยอะแยะป่านนั้นวะ

“เออๆ ไม่ต้องมาจ้องกันขนาดนั้นก็ได้”

ไอ้พี่ครอสยิ้มกริ่มเมื่อเห็นผมยอมทำตามแต่โดยดี ปกติผมต้องโต้เถียงบ้างอะไรบ้างแต่คราวนี้คืออยากให้มันออกจากห้องไปให้ไวที่สุดไงครับ เข้าใจไหมว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแบบนี้ทำเอาผมใจเต้นรัวขนาดไหน

“คริส”

“อื้อ”

ผมตอบรับได้แค่นี้เพราะฟองกำลังเต็มปาก

“มึงได้ออกไปตรงระเบียงรึเปล่า?”

เหี้ย! ใจกระตุกเลยกู

“อำไออ่ามอั้นอะ?”

“พูดอะไรของมึงวะ?”

ผมรีบบ้วนปากล้างหน้าแล้วออกมาทั้งที่มีผ้าขนหนูพาดอยู่ที่คอ

“ทำไมถามงั้นละ?”

“เหมือนกูจะได้ยินเสียงลมแทรกเข้ามาในห้อง มึงเปิดบานกระจกไว้เหรอ?”

ผมส่ายหัวเป็นพัลวันเลยครับ

“หูแว่วป่าว แล้วนมในมือทำไมไม่กินสักที”

“เออวะ ลืมไปเลย”

ผมเดินผ่านหน้าพี่ชายไปหยิบยาหยิบน้ำมาไว้ในมือ สายตาแบบเหลือบมองไปยังม่านหนาที่ยังคงปิดสนิทอยู่เช่นเดิม ผมยกแก้วยากรอกปากก่อนจะตามด้วยน้ำจนหมดไปครึ่งขวดค่อยเก็บน้ำใส่ตู้เย็นเล็กไว้เหมือนเดิม

“กินแล้ว กลับไปได้ละ”

“ดี ทีนี้ก็นอนไปเลย โทรศัพท์นี่ก็ปิดไปซะ”

“เออๆ ทำอย่างกับผมเป็นเด็ก3ขวบไปได้”

“หึ หลับฝันดี แล้วก็ทำตามที่พี่บอกด้วย มันโทรมาก็ไม่ต้องรับแบบนั้นแหละดีแล้ว”

“เออน่า”

ไอ้พี่ครอสลุกขึ้นมายีหัวผมอีกรอบก่อนจะเดินออกจากห้องไปในที่สุด ผมรีบแจ่นไปล็อคกลอนแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางทรุดตัวลงนั่งแม่งที่หน้าประตูเลยครับ

“ไปนั่งทำอะไรตรงนั้น?”

ห่า ไม่รู้จะด่าไอ้อาคันตุกะไม่ได้รับเชิญนี่ยังไงดีแล้ววะ

“เบาเสียงหน่อยสิวะ”

“หึ”

มันหัวเราะแล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะที่ยังคงมีขวดและแก้วเหล้าวางอยู่

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

ผมขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงที่ขอบเตียงซ้ำรอพี่ครอส

“ทำไมถามงั้น?”

“ได้ยินว่ากินยา”

“อ้อ แค่ปวดหัวนะ”

“เพราะไอ้นี่นะน่ะ”

มันชี้ไปที่ขวดเหล้าราคาแพงข้างๆมัน ผมส่ายหัวแล้วเอนหลังลงกับเตียง สายตามองจ้องไปที่ฝ่าเพดานลวดลายสุดแสนจะคลาสสิกจนรู้สึกได้ถึงแรงยุบที่ด้านข้าง ทัตยกมือขึ้นทาบกับหน้าผากผมก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผมไปอีกฟอด

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่”

“อืม”

“สงบเสงี่ยมขึ้นแฮะ โดนจับฉีดยามารึไง”

“สัส!”

“หึ”

“พี่ครอสบอกให้ไอเลิกยุ่งกับยู”

ผมพูดไปตรงๆแล้วลอบสังเกตมันไปด้วย ซึ่งทัตได้แต่มองผมนิ่งๆหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับเสริมความหล่อและออร่าภายในตัว ผมว่าผมคงกินเหล้ามากจนมึนเบลอหรือยาอาจจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วก็ได้ ถึงได้ออกร้อนไปทั้งตัวจนภายในมันบีบหน่วงแปลกๆอย่างนี้

“แล้วจะทำตามที่พี่ชายบอกไหม?”

“ทำ”

“คิดบ้างก็ได้ พูดงี้พี่เสียใจนะ”

“หึ”

กลายเป็นผมที่หลุดหัวเราะออกมาซะงั้น

“ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงพี่ชายเราจะให้เลิกยุ่งกับพี่แต่พี่ไม่เลิกกับคริสแน่”

“ขนาดนั้นเลย?”

“อืม ก็รักไปแล้วนี่นา”

ผมเบ้ปากจนมันหัวเราะออกมาเบาๆ

“พูดมานะอายบ้างไหม ถามจริงๆ”

“ถ้าอายแล้วจะพูดไหมละ?”

“อ้อ หนาว่างั้น”

“แล้วเราละ?”

“ไอหน้าบางกว่ายูเยอะนะทัต”

“เหรอ”

“อะไรวะ? พูดงี้มาต่อยกันเลยม่ะ?”

“อย่าพึ่งร้อนตัวดิ กำลังจะบอกว่าไม่ใช่แค่หน้าบางนะ แต่น่ารักด้วยต่างหาก”

ให้ตายสิวะ ร้อนหน้าชะมัดใครมาสุมไฟไว้แถวนี้ป่าววะ

“หยอดตลอด กะล่อนชิปหาย”

“หึ”

มันยิ้มขำแล้วยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมออกจากกรอบหน้าจนผมต้องเบนสายตาหนีหน้าหล่อๆของมัน ไม่ไหวครับ บอกแล้วไงว่าผมหน้าบาง คือกูเขินไง เรื่องแบบนี้สู้มันไม่ได้จริงๆ

“วันนี้นอนด้วยนะ”

“เห้ย! ไม่ได้ๆ”

“ทำไมละ?”

ตีหน้าซื่อชิปหาย กูเชื่อว่ามึงรู้ดีแก่ใจว่าทำไมแต่แม่งอยากจะแกล้งผมไง

“อย่ามาตอแหลปั้นหน้าซื่อหน่อยเลยทัต ยูก็น่าจะรู้ว่าทำไม”

“ก็เดี๋ยวออกไปก่อนที่คนอื่นจะตื่นไง เอาน่า แค่นอนกอดเฉยๆไม่ทำอะไรเสียงดังแน่นอน”

ผผมเหล่ตาไปจ้องมันเลย ผมพึ่งสังเกตตอนนี้แหละว่าทัตเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว คงกลับไปคอนโดแล้วสินะ

“แล้วคิดไงถึงปีนขึ้นมาหา?”

“คิดถึง”

“สัส เอาดีๆดิ”

“ก็คิดถึงจริงๆ”

ผมกรอกตาแทบไม่ทัน

“แม่บ้านตื่นตี4และยูต้องออกไปก่อนหน้านั้น โอเคไหม?”

“ตามต้องการครับ”

พูดจบมันก็ก้มลงมาจูบผมไปอีก ผมเองก็เฉยให้มันจูบไปตามสบายจนมือมันเริ่มอยู่ไม่สุขนั้นแหละผมถึงได้เริ่มดิ้น ดีหน่อยที่มันยอมปล่อยง่ายๆแถมหัวเราะชอบใจใหญ่ที่แกล้งผมได้ น่าหมั่นไส้ชิปหาย ใครก็ได้เอามันไปเก็บที ผมจะไม่ไหวแล้วนะครับ หัวใจทำงานหนักชะมัดเลย


Tbc…

พี่ทัตรุกแรงน้องเลยตั้งรับไม่ทัน อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2017 15:52:55 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่ทีครอส มีอะไรปิดบังคริสหรือเปล่า
คริส เป็นโรคอะไร ถึงต้องกินยาติดต่อกันเป็นเดือนๆ
แล้วบอกว่าเป็นยาแก้ปวดหัว
ขนาดคริส ยังสงสัยยาแก้ปวดหัวอะไรจะเยอะแยะป่านนั้น
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 15




 
“มาอีกละ”

ผมเงยหน้าไปมองไอ้นายที่อุทานออกมาเบาๆแต่เพราะมันนั่งอยู่ข้างๆผมผมเลยได้ยินมันชัดเจน และเมื่อมองตามสายตาของมันไปก็เจอยักษ์เดินดุ่มๆตีหน้ายิ้มมาแต่ไกล คือหลังจากวันนั้นวันที่มันบุกมาผมถึงห้องนี่ก็ผ่านมาร่วมสองสัปดาห์แล้วครับ เป็นเวลาสองสัปดาห์ที่โคตรจะไวแถมยังมีตัวยักษ์ๆของไอ้พี่ทัตโผล่มาร่วมด้วยจนมีข่าวใหม่ว่าผมกลายเป็นแฝดสยามกับมันไปแล้ว ดีหน่อยที่มันวอแวผมแค่ในมหาลัย เมื่ออยู่ข้างนอกถ้าไม่นัดกันจริงๆมันก็ไม่มายุ่งหรือมาหาแบบผลุบๆโผล่เหมือนอย่างที่เคยทำ ส่วนเรื่องที่พี่ผมห้ามนะเหรอ...ถือว่าเป็นโมฆะไปเลยครับ อย่าลืมสิว่าไอ้นายยังคงเป็นสายให้พี่ผมอยู่แล้วพอมันรู้ว่าพวกผมยังคุยกันช่วงแรกๆมันด่าผมกระหน่ำมากอะ แถมยังมารับมาส่งเองสามวันติดจนไอ้พี่ทัตทำได้แต่รอคอยช่วงเวลาว่างจากการเรียนของผมเพียงแค่นั้น เหมือนจะน่าสงสารแต่อย่าไปหลงกลสงสารมันเชียวครับ ไอ้นี่มันเจ้าเล่ห์ อย่างเช่นเมื่อวันก่อนที่พี่ผมโทรมาบอกว่าจะมารับเองมันก็อยู่รอเป็นเพื่อนผมยันพี่ผมมานั้นแหละ แต่พอพี่ผมจอดรถเทียบริมฟุตบาทปุ๊บไอ้พี่ทัตก็ดึงผมเข้าไปหาปั๊บ เอาซะแนบชิดจนแทบจะเกยมานั่งตักกันอยู่รอมร่อ เล่นเอาพี่ผมลงรถพุ่งตรงมาหาแทบไม่ทันดีที่มีพวกเพื่อนผมคอยห้ามปรามไว้อีกชั้นเลยไม่มีมวยคู่เอกให้ได้ดูชมกันครับ

อะไรมันจะขนาดนั้นวะครับ

“มาทำไม?”

ผมถามเมื่อทัตเข้ามาจนถึงตัวแล้วยังนั่งลงอีกข้างของผมโดยที่ไม่สนสายตาใครแม้แต่น้อย

“มาหาไง”

ผมกรอกตา

“ว่างมากเหรอ?”

ไอ้คนถูกถามพยักหน้ารับ ผมเลยเลิกสนใจมันแล้วหันไปคุยกันเพื่อนต่อ วันนี้เป็นวันประกวดดาวเดือนของมหาลัยครับ ไอ้มิกซ์มันก็ไปรวมตัวอยู่กับพวกพี่ๆเค้าที่หอประชุมแล้ว อีกสักพักพวกผมถึงจะตามไปให้กำลังใจมันที่นั้น จะว่าไปแล้วเหมือนเคยได้ยินแว่วๆมาว่าไอ้ยักษ์ข้างๆผมนี่ก็เคยเป็นเดือนมหาลัยนี่หว่า แล้วมันไม่ต้องไปคุมไปเตรียมตัวอะไรให้น้องๆเลยเหรอวะ

“มึงว่าไอ้มิกซ์มันจะชนะไหมวะ?”

ไอ้คมเปิดประเด็นพลางหยิบขนมเข้าปากไปด้วย ห่า นั้นของกู

“ก็ต้องชนะดิวะ นี่เราจะมีเพื่อนเป็นเดือนมหาลัยเลยนะเว้ย”

ไอ้แวนตอบกลับแล้วก็แย่งห่อขนมจากมือไอ้คมไปกินต่อ เออ ห่อเดียวกินกันทั้งกลุ่มนี่แหละ ดีนะที่ซื้อห่อใหญ่มาไม่งั้นคงเหลือมาไม่ถึงผมแหง่งแซะ

“แต่เดือนแพทย์หล่อมากเลยนะ”

ผมแย้งเพราะไปเห็นตอนพวกเดือนแต่ละคณะซ้อมเมื่อวานและวันก่อน แต่ละคนหน้าตาก็ใช้ได้นะ ใช้ได้แบบที่เพื่อนผมแม่งหมองไปเลยอะ หึหึ โดยเฉพาะเดือนแพทย์ที่เป็นหนุ่มแว่นผิวขาวแถมยังเนื้อแน่นกล้ามฟิตอีกต่างหาก

“ไอ้เชี่ยนี่ มึงต้องเชียร์เพื่อนมึงดิวะ”

“เอ๊าก็กูพูดตามที่เห็น”

“ถ้าถามถึงชายงามต้องถามไอ้คริสนั้นแหละถูกแล้ว ส่วนสาวงามต้องหันมาพึ่งกูนี่”

ผมเหยียดปากให้ไอ้หน้าม้อที่หนึ่งอย่างไอ้แวน ไอ้นายเองยังหันหน้าหนีพ้นลมหายใจไปด้วยอะ

“กูว่าน้องเนยที่เป็นดาวนิเทศฯวะ”

ไอ้คมออกความคิดเห็นต่อ ผมก็หยิบขนมเข้าปากไปไม่ขอออกความคิดเห็นเพราะผมมองผู้หญิงไม่เป็นครับ ผมมองยังไงก็เหมือนๆกันหมด

“แต่กูว่าน้องมิวดาวสถาปัตฯ”

“น้องมิวอินดี้เกิน กูว่าไม่ไหว”

“ทำไมมึงรู้วะไอ้คม?”

“ก็กูเคยไปจีบมาแล้วนะสิวะ ฮ่าๆๆๆ”

“สัส ไวนะมึง”

“แน่นอน”

“แล้วเป็นไง จีบติดไหมวะ?”

“ติดตีนนะสิ มึงรู้ไหมพอกูเดินหน้าจีบนะ ไอ้ห่า ผัวแม่งมาตามเว้ย กูหนีแทบไม่ทันผัวมันเสือกเล่นกล้ามหุ่นล่ำกว่ากูอีก”

พวกผมนี่ฮาลั่นเลยครับ ไอ้คมดูท่าจะเข็ดหลาบกับการโดนตีนคนไปพอสมควร

“แล้วไอ้การประกวดมันเริ่มตอนไหนวะ?”

อันนี้ผมถามพร้อมกับหยิบขนมชิ้นสุดท้ายเข้าปาก หุ้ย หมดแล้วอะ นี่ยังไม่ถึงครึ่งท้องเลย

“น่าจะใกล้แล้วมั้ง”

ไอ้นายยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วตอบผม ผมพยักหน้ารับกำลังจะเก็บห่อขนมยัดใส่ถุงก๊อปแก๊ปไว้ไอ้ยักษ์ข้างๆก็เอื้อมมือมาตรงหน้าเล่นเอาผมสะดุ้งโหย่งเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว มันไม่ได้ทำอะไรมากหรอกครับ แค่ใช้มือเกลี่ยตรงมุมปากผมเบาๆแล้วชักมือกลับ เมื่อกี้ผมคงกินเลอะจนมันเห็นเลยเช็ดให้นั้นแหละนะ

“หึ เด็กน้อย”

สิ้นคำพูดมันผมก็จัดการกระทืบเท้าใส่ไปทีเน้นๆแบบที่มันสะดุ้งโหย่งร้องโอ้ยออกมาทันที พอเห็นอาการเจ็บๆของมันแล้วผมก็ยิ้มออกนะ ชอบอะเวลาข่มมันได้ถึงแม้เวลานั้นจะโดนข่ม(ลงเตียง)ตลอดก็เถอะ

“แสบนักนะคริส”

ผมแลบลิ้นทำหน้าไม่สนใจจนโดนมันดึงเข้าไปใกล้หน้ากำลังก้มลงมาหาแต่ผมรีบยกมือดันมันออกได้ทันครับ ผมเริ่มรู้ทันมันแล้วแหละว่าเวลามันหมั่นเขี้ยวผมมันจะชอบดึงผมเข้าไปจูบไปหอมโดยที่ไม่สนว่าจะอยู่ที่ไหนหรือมีใครอยู่ด้วยบ้าง มันกดยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าตื่นๆของผมก่อนที่จะยอมถอยออกไปนั่งดีๆเหมือนเดิม

ขอถอนหายใจหน่อยเถอะนะ โคตรโล่งใจเลยกู

“แหมะ กูนึกว่าจะได้ดูหนังสดซะละ”

ผมขว้างถุงขยะใส่ไอ้ปากหมาเบอร์สองอย่างไอ้แวนไปทันที ไอ้นี่ก็หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบในมันสิครับ

“แล้วนี่ยูจะมานั่งบื่ออยู่นี่ทำไม? เพื่อนไม่มีให้อยู่ด้วยเหรอ?”

เมื่อเอาเรื่องเพื่อนตัวเองไม่ได้ก็แว้งมากัดไอ้เจ้าตัวการที่นั่งนิ่งปั้นหน้ายิ้มน้อยๆแต่โคตรดูดี ถ้ามึงไม่ประกาศตัวแบบโคตรจะครึกโครมผมว่าต้องมีหลายสาวหลุดมางาบมันแล้วแน่ๆ แต่นี่มันแน่วแน่มากไงครับ พุ่งตรงใส่ผมอย่างเดียวชนิดที่ไม่มีแวะข้องเกี่ยวกับใครเลยด้วย

“เพื่อนนะอยู่ด้วยตอนไหนก็ได้ แต่เมียต้องอยู่ด้วยตลอด คลาดสายตาเดี๋ยวมีหมาคาบไปพี่ก็แย่ดิ”

ไอ้แวนกับไอ้คมนี่ฮาครืนเลยครับ มีแต่ผมกับไอ้นายที่ยังคงนิ่ง จะว่านิ่งก็ไม่ถูกเพราะผมกำลังเบ้ปากอยู่ไง

“ไอไม่ใช่เนื้อสดที่จะมีหมาจ้องจะงาบ”

“ถึงไม่ใช่เนื้อสดแต่ก็เป็นเนื้อดีเกรดพรีเมี้ยมละกัน”

เมื่อรู้ว่าเถียงไปก็ไม่ชนะผมเลยหันไปจ้องมันดุๆแทนแต่มันก็ไม่สะทกเหมือนเดิมนั้นแหละนะ กูละเซ็ง ทำไมไม่มีใครกลัวกูเลยวะเห้ย กูก็ผู้ชายนะ กูก็กัดเป็น(ไม่ใช่ละ)

“ไปหอประชุมกันเหอะวะ”

ไอ้นายพูดแล้วลุกขึ้นยืนในทันที มือข้างหนึ่งของมันคว้าเอาเป้ผมไปสะพายจนผมได้แต่มองตามตาปริบๆ ไอ้แวนกับไอ้คมก็ลุกตามมาคือผผมกับไอ้พี่ทัต

“ทัต”

ผมเรียกทัตที่เดินอยู่ข้างๆด้วยเสียงที่เบาพอสมควร ดีหน่อยที่ไอ้แวนกับไอ้คมยังถกเรื่องตำแหน่งดาวมหาลัยไม่จบไอ้นายก็อยู่กึ่งกลางระหว่างพวกมันทั้งสองคน ผมเลยได้มีโอกาศหลุดจากวงโคจรของพวกมัน

“ว่า?”

“เอาจริงๆ ไม่ต้องมาหาทุกเวลาที่ว่างขนาดนี้ก็ได้มั้ง”

มันยิ้มขำๆแล้วยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมไปอีก เสียงกรี๊ดมาจากไหนวะ แต่ก็ช่างมันเถอะ

“คิดถึงไง”

“พอเหอะ ฟังจนเอียนละ”

“งั้นก็รีบรักพี่ซะสิ จะได้ไม่เอียน”

“หึ จะบอกว่าพอรักแล้วยูก็ไม่สนใจแล้วงั้นสิ?”

“เพ้อเจ้อน่า”

ผมสะบัดหน้าหนีแบบไม่พอใจอยู่หน่อยๆวะครับ อารมณ์ดีๆเสียหมดเพราะมันนี่แหละ ถึงแม้จะยอมเป็นแฟนมันแต่เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเพียงสถานะที่คอยคุมไม่ให้ผมไปมีอะไรกับใครเพียงแค่นั้น มันเหมือนเป็นเพียงสถานะทางร่างกายแต่ยังไม่ใช่กับใจ

ผมเร่งฝีเท้ากะเดินไปให้ทันเพื่อนแต่ไอ้ยักษ์ข้างหลังก็ยังไม่ปล่อย มันคว้ามือผมไว้แล้วดึงรั้งให้เข้าไปหาระยะประชั้นชิดกว่าเดิมอีก

“ปล่อย คนเยอะ”

“พี่เคยแคร์?”

“เออ! ไอรู้ว่ายูไม่เคยแคร์แต่ไอโคตรแคร์เลยวะ”

“สนทำไม พวกนั้นไม่ได้หาเงินให้เราใช้ ไม่ได้หาข้าวให้เรากิน แค่เสือกไปวันๆไม่ได้จริงจังอะไรกับเราสักหน่อย”

โอ้โห ช่างกล้า มันพูดไม่ใช่เสียงเบาๆนะครับแถมยังตีหน้านิ่งแต่ย้ำเสียงเหมือนหงุดหงิดอะไรสักอย่าง

“เชี่ย”

“หรือไม่จริง?”

ผมกรอกตา ไม่อยากจะเถียงต่อได้แต่ดึงแขนตัวเองกลับมาพอดีกับที่เดินมาถึงหอประชุมพวกที่รู้จักพวกเราเลยฮือฮากันพอสมควร ที่ตกเป็นเป้าก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ เป็นผมกับไอ้ยักษ์นี่อีกนั้นแหละ หอประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาจากหลายคณะมารวมตัวกันเพื่อเชียร์ตัวแทนดาวเดือนของคณะตัวเองนั้น คิดดูสิว่าพอผมกับไอ้ยักษ์แสดงตัวแต่ละคนนี่หันพรึบกันมาเป็นแถว เล่นเอาผมชะงักในสมองก็คิดว่ากูคงคิดผิดที่มาในสถานที่ชุมนุมแบบนี้ซะแล้ว

“ไม่ต้องคิดมากน่า”

ไอ้ยักษ์ข้างๆพูดปลอบเมื่อเห็นว่าผมยังคงยืนนิ่ง มือหนาผลักผมให้เดินไปข้างหน้าต่อเพราะพวกไอ้แวนเองก็ยืนรอผมอยู่

“เป็นไรวะ?”

ผมส่ายหัวตอบไอ้คมที่ถาม

“มันไม่ถูกกับที่แบบนี้”

แต่ไอ้นายกลับตอบแทนไปซะงั้น

“อ้อ จริงสิ ไอ้นี่มันพวกอินดี้ รักสันโดษแต่เสือกดัง”

ผมหันไปมองค่อนไอ้แวนที่ปากกล้าจนมันหัวเราะร่วนแล้วเดินนำไปยังกลุ่มของพวกเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ทางปีกซ้าย พอไปถึงพวกมัมรวมทั้งผมพากันยกมือไหว้กราดรุ่นพี่ที่ยืนคุมอยู่ทางด้านหลัง มีแต่ไอ้ยักษ์นี่แหละครับที่พยักหน้าทักทายตามประสา พวกรุ่นน้องปีหนึ่งอยู่แถมด้านหน้าแถมยังมากันเยอะจนผมคิดว่าพวกพี่แกคงไปขู่เอาแน่ๆประมาณว่าถ้าใครไม่มาเชียร์จะไม่ให้ผ่านชั่วโมงกิจกรรมไรงี้ แต่ทำไมผมไม่ยักกะโดนวะ อย่าว่าแต่โดนเลย แม้แต่ได้ยินยังไม่ได้ยิน

“ไงไอ้ที”

คมมันเดินไปทักเพื่อนร่วมรุ่นที่อยู่ไม่ไกล ผมเลยได้ยินไปด้วยส่วนไอ้ยักษ์มีเพื่อนเดินเข้ามาหามันเลยหันไปคุยกับเพื่อนแต่ยังไม่ขยับห่างจากผมนะครับ

“เริ่มยังวะ?”

“เริ่มช่วงแนะนำตัวไปแล้ว ต่อจากนี้ก็โชว์ความสามารถอะ”

ผมพยักหน้ารับรู้เมื่อคนที่ชื่อทีตอบไอ้คมไปเรื่อยๆ

“พอโชว์เสร็จก็จะเริ่มให้ดอกไม้ป๊อบปูล่าร์โหวต พวกมึงไปซื้อมายัง?”

“ยังวะ ซื้อตรงไหน?”

“นู้นไง ดอกละยี่สิบ”

“แพงวะ เศรษฐกิจแบบนี้ดอกละสิบบาทก็พอมั้ง”

“เงินเข้ากองอำนวยการเว้ย เวลามีกิจกรรมเค้าจะได้เอาออกมาเป็นงบ”

“เออๆ แต้งกิ้วๆ”

ไอ้คมบอกทิ้งท้ายแล้วจึงหันกลับมาหาพวกผม

“เอาไง จะซื้อดอกไม้กันไหม?”

“เอาดิ ซื้อสักสิบดอก ให้ไอ้มิกซ์สักดอกแล้วกัน ส่วนที่เหลือกูจะให้น้องนิว”

“เชี่ยแวนแม่งโคตรรักเพื่อน กูเอาด้วยเว้ย ให้ไอ้มิกซ์สักดอกที่เหลือกูจะให้น้องเนย”

ผมส่ายหัวระอากับพวกแม่ง รักเพื่อนฉิบหาย สาบายได้ว่ามันรักกันปานจะกลืนกินจริงๆ

“แล้วมึงละไอ้นาย?”

“กูเอาสิบดอกให้ไอ้มิกซ์”

“เห้ยย๊ะ นี่มึงทุ่มให้มันหมดเลยเหรอวะ?”

“เชียร์เพื่อนแปลกตรงไหน?”

“มึงไม่มีให้สงให้สาวบ้างเลยเหรอวะ?”

ไอ้นายส่ายหัวแล้วก็ล้วงเงินออกมาให้ไอ้แวนไปพันหนึ่งเต็ม

“เยอะไปไอ้สัส”

“กูไม่มีย่อย”

“งั้นจ่ายรวมของพวกกูด้วยเลยแล้วกัน แล้วมึงละคริส?”

ผมหันไปมองที่เวทีซึ่งกำลังฉายภาพวีทีอาร์โปรโมตพวกดาวเดือนก่อนจะหันมาตอบ

“เอายี่สิบดอก”

“เชดดดดดดดด เยอะวะเห้ย ทุ่มทุนสร้างยิ่งกว่าพวกกูไปอี๊ก”

“กูไม่เชื่อว่ามึงจะให้ไอ้มิกซ์หมด สารภาพมาว่ามึงเล็งใครไว้?”

ผมละเกลียดการรู้ทันของพวกเชี่ยนี่จริงๆ ให้ตายสิ

“ยิ้มไอ้สัสยิ้ม บอกมาซะดีๆอย่าให้พวกกูต้องเดา”

“เรื่องของกูไหมวะ?”

“ทีกูยังบอกเลยไอ้คริส”

 “นั้นมึงเสร่ออยากบอกเองนี่ กูได้ถามมึงสักคำไหม?”

“ไอ้สัส มานี่เลยมึง กวนโอ้ยฉิบหาย”

ผมหัวเราะร่วนในขณะที่ไอ้แวนเข้ามาล็อคคอดึงแก้มไปตามประสา มีไอ้นายกับไอ้คมที่หัวเราะตามโดยที่ไม่มีใครคิดจะช่วยกูเลยสักคน ยกเว้น…

“ปล่อยได้รึยัง?”

เสียงแข็งและห้วนได้ที่ของยักษ์ที่ยืนตีหน้าขรึมอยู่ทางด้านหลัง ไอ้แวนถึงกับถอยทัพแทบไม่ทัน แต่ผมไม่ได้สนใจมันนะครับ ผมหันไปลื้อเป้ตัวเองจากไอ้นายแล้วล้วงเอากระเป๋าเงินออกมาหยิบเงินให้ไอ้แวน

“มึงไม่ต้องจ่าย”

ผมมองหน้าไอ้นายที่ดึงเอาเงินผมกลับเข้ากระเป๋าตามเดิม

“ก็กูให้ไปตั้งพันแล้วไง”

“นั้นก็ส่วนของมึงดิวะ”

“แค่ไม่กี่ร้อยกูจ่ายให้ได้น่า”

“รวมของกูกับไอ้คมอีกสองร้อยใช่ไหมวะไอ้นาย?”

“สัส รวมของพวกมึงมันก็เกินพันแล้ว”

“โห ไม่แฟร์วะ ทีของไอ้คริสมึงยังไม่ขัดเลย”

ไอ้นายพ้นลมหายใจแล้วควักแบงค์พันออกมาอีกใบ ไอ้คมกับไอ้แวนเลยแท๊คมือกันเลยครับ

“งั้นกูกับไอ้คมไปซื้อเอง พวกมึงรออยู่นี่แหละ”

พูดจบไอ้แวนกับไอ้คมก็ฝ่าฝูงชนไปซื้อในทันที ผมเลยเก็บกระเป๋าตังค์เข้าเป้ตามเดิมและก็มีไอ้นายที่ถือไว้ให้เหมือนเดิมเช่นกัน

“คริส”

ผมหันไปมหายักษ์ที่เอ่ยเรียกพลางเลิกคิ้วในเชิงถาม

“พี่จะไปหลังเวทีหน่อย ไปด้วยกันไหม?”

ผมส่ายหัวโดยไม่คิดเลยครับ

“งั้นรออยู่นี่ อย่าไปไหน ห้ามไปกับใครที่ไม่รู้จักแล้วก็โทรมาบอกพี่ก่อนด้วย”

ผมพ้นลมถอนหายใจพลางกรอกตามองบนเลยอะ สั่งอย่างกับพ่อทั้งๆที่พ่อแท้ๆผมยังไม่สั่งขนาดนี้ จะมีก็แต่พี่ครอสที่จู้จี้ยิ่งกว่า เหอะๆ

“เข้าใจไหม?”

ผมพยักหน้ารับแบบพอไปทีจนมันยิ้มร่าเอามือมายีหัวผมเบาๆก่อนจะเดินไปอีกทางพร้อมกับเพื่อนมันอีกสองสามคน ตอนนี้เหลือแค่ผมกับไอ้นายแล้วครับที่ยืนอยู่ตรงนี้ อ้อ ไม่รวมเหล่านักศึกษาที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่นี่นะ พอไอ้ยักษ์หายไปจากอาณาบริเวณดูเหมือนบรรยากาศล้อมข้างจะดูครื้นเครงขึ้นมาเลยครับ

“คริสๆ”

ผมหันไปมองยังผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมเซคชั่นกันนี่แหละ แต่ผมไม่รู้จัก

“หืม?”

“สรุปเรื่องนายกับพี่ทัตนี่เรียลจริงใช่ไหมอะ?”

ถามพร้อมจ้องมองผมด้วยตาประกายพราวระยิบระยับเลยครับ

“เรียลอะไร?”

“ก็ที่ว่าเป็นคู่จิ้นกันไง?”

“ป่าว”

“อ้าว”

คุณเธอหน้าเหวอเลยอะ

“แค่แฟน ไม่ใช่คู่จิ้น”

เท่านั้นแหละ เสียงกรี๊ดสิบแปดหลอดคูณสิบกว่าๆก็ดังลั่นขึ้นจนคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวได้แต่หันมามองด้วยความงง ผมหัวเราะขำกับปฎิกิริยาของสาวๆรอบๆนี้อย่างสนุกสนาน ไม่รู้ไปยิ้มอีท่าไหนเหมือนกันคุณเธอถึงได้นิ่งค้างจ้องมองมาด้วยใบหน้าแดงก่ำกับเป็นแถบ

“โห ถ้ายิ้มแล้วน่ารักเบอร์แรงขนาดนี้ก็สมควรที่พี่ทัตเขาจะรุกแรงขนาดนั้นอยู่หรอกนะ”

ผมเหยีดปาก

“แบบนี้เรียกหล่อเหอะ”

“เรามีกระจกนะคริส เอาไปส่องหน่อยไหม ใครๆก็ว่าน่ารักยังจะมาเถียงอีก”

ชักไม่สนุกแล้วสิ

“พอเลย แล้วถ่ายกันเสร็จรึยัง ถ่ายเยอะๆระวังเมมเต็มไม่ได้ถ่ายพวกดาวเดือนคณะกันหรอก”

“ไม่ต้องห่วง พวกฉันมีเมมสำรอง”

เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ ผมจิ๊ปากเบาๆแล้วเบนความสนใจไปที่เวทีซึ่งกำลังเริ่มการแสดงของคณะแรกที่เป็นคณะแพทย์พอดีเลยครับ คณะแพทย์ที่ผมเล็งไว้ไง ชื่อของดาวเดือนคณะโชว์หลาพร้อมกับภาพนิ่งที่ถ่ายตอนโปรโมตด้วยชุดนักศึกษา ยอมรับได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่าคนที่เป็นหล่อใสหน้าตี๋อินเตอร์มากกกกกก ซิกแพ็คที่โผล่ตามรอยแหวกของเสื้อเชิตที่ติดแค่กระดุมตรงคอนั้นยิ่งทำให้ผมลำคอแห้งผาด ไม่เอาน่า อย่ามองผมเหมือนพวกหลายใจงั้นสิ ผมแค่ชมแค่ชอบยังไม่ได้วิ่งเต้นไปเอาเค้าสักหน่อย

“มองตาไม่กะพริบเชียวนะมึง”

ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้นายที่พูดแทรกเสียงเชียร์ของฝูงชนมา

“สเป็กมึงนี่ต้องแนวคนตัวใหญ่ๆเหรอวะคริส?”

ผมเลิกคิ้ว เดือนแพทย์ล่ำจริงแต่ก็ไม่ได้ตัวใหญ่สักเท่าไหร่นะครับ ถ้าใหญ่ยักษ์ก็ไอ้พี่ทัตนั้นแหละ เหมาะสมกับนิยามคำๆนี้ที่สุดละ

“ก็เปล่านะ”

“แต่มึงมองตาเป็นมันซะขนาดนั้น”

“ก็เหมือนอย่างที่พวกมึงมองสาวทรงโตแต่ละคนนั้นแหละว๊า แค่สะดุดตาสะดุดใจเลยมองไม่ได้จ้องจะเอา…แต่ถ้าได้ก็ดีนะ”

ประโยคหลังผมพูดขำขันและก็ทำให้ไอ้นายหัวเราะไปด้วย ไม่นานไอ้แวนกับไอ้คมก็กลับมาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีแดงมีกระดาษใบเล็กๆซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นดอกไม้สำหรับโหวตห้อยอยู่ พวกมันแจกจ่ายดอกไม้ให้ผมกับไอ้นายตามจำนวนที่บอกไป แต่ของไอ้นายดูเหมือนจะมีมากกว่าสิบนะครับ ไอ้นายเงยหน้าไปมองเพื่อขอคำตอบไอ้คมที่รับรู้ได้เลยพูดขึ้น

“มันเหลือเศษสี่ร้อยกูเลยซื้อๆมาให้มันหมด ยังไงก็โหวตให้พวกสาวๆไปด้วยแล้วกัน”

สี่ร้อยมึงเรียกเศษเหรอวะไอ้คม แถมได้ข่าวว่าเป็นเงินไอ้นายอีกด้วยนะ เจริญจริงๆเพื่อนกู

“อะ”

ผมนิ่งมองช่อกุหลาบอีกยี่สิบดอกตรงหน้าสลับกับไอ้นายที่ยื่นมาให้ไปมา คือทำไมผมรู้สึกถึงเดดแอร์ได้ทั้งๆที่คนอื่นเค้าก็อยู่กันมากมาย

“เอาไปดิ กูให้”

เสียงกรี๊ดมาจากไหน

“เอามาให้กูทำไม มึงต้องเอาไปให้พวกบนเวทีนั้นต่างหาก”

“ไม่อะ กูไม่อยากให้ใครนอกจากมึง”

เดี๋ยวนะ…

ทำไมมันฟังดูทะแม่งๆวะ

“กูหมายถึงกูอยากให้แต่เพื่อนไม่ได้อยากให้สาวที่ไหน กูฝากไปโหวตให้ไอ้มิกซ์ด้วยแล้วกัน”

“แล้วทำไมมึงไม่เอาไปให้มันเองวะ มึงก็จะให้อยู่แล้วนี่”

“ของมึงจะได้ดูเยอะๆไง มันจะได้ซึ้งแล้วเลิกแกล้งมึงสักที”

เออวะ ไอ้ประโยคหลังนี่ฟังดูเข้าท่า แต่เชื่อผมเถอะว่าไอ้เชี่ยมิกซ์มันไม่มีทางสำนึกได้อย่างนั่นแน่ๆ

“งั้นก็ได้”

“หัดว่าง่ายอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย”

ผมเตะขามันทันที ไอ้นายก็หัวเราะขำอยู่อย่างนั้นท่ามกลางสายตาล้อๆของพวกเพื่อนอีกสองตัว มึงเป็นเชี่ยไรมากป่าวห่ะ จ้องแม่งอยู่ได้ จ้องจนอยากจะจิ้มตาแตกแม่งให้หมด น่ารำคาญวะ

“ท่าทางจะมีการตีท้ายครัววะ”

“กูก็ว่างั้นวะ”

“กระซิบเหี้ยไรกันไอ้แวนไอ้คม?!”

“ป๊าว”

เสียงสูงไปนะไอ้สัส!

Tbc…


ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 16



ผมสัมผัสได้ถึงความสั่นครืนของโทรศัพท์ที่ถูกเหน็บอยู่ตรงกระเป๋ากางเกงยีนส์สีดำเนื้อหนาพอสมควร ถ้าใครคิดว่าพวกผมจะแต่งตัวเรียบร้อยด้วยชุดนักศึกษาเป๊ะปังครบองค์นั้น กรุณาลบออกจากสมองไปเลยครับ นอกจากวันสอบและวันที่มีกิจกรรมพิเศษอย่างรับน้องหรือปฐมนิเทศแล้วพวกผมก็ไม่ได้แตะกางเกงสเลคผ้ามันรองเท้าหนังอีกเลย ถ้าถามว่าเวลาเข้าเรียนไม่โดนอาจารย์ด่าเหรอ ผมตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า…จะเหลือเหรอครับ แต่ไอ้พวกนี้มันบารมีเยอะไงครับ ด่าได้ก็แค่ด่านอกนั้นทำอะไรไม่ได้แถมยังมีตัวเต็งหัวสมองอัจฉริยะอย่างผมรวมกลุ่มอยู่ด้วยอีกต่างหาก อย่างกับเอฟโฟร์กลับชาติมาเกิด (เค้ายังไม่ตายไอ้น้องคริส =_= : ไรท์)

ผมละสายตาจากการแสดงโชว์มายากลที่เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างท่วมท้นของไอ้มิกซ์มาหยิบโทรศัพท์ พอเห็นว่าเป็นชื่อใครก็ต้องขมวดคิ้ว ไอ้พี่ทัตโทรมาทำไมวะ? ผมกดตัดสายเพราะถึงจะรับไปก็ไม่ได้ยินอะ เสียงจากเวทีโคตรดังไหนจะเสียงหัวเราะของผู้ชมอีก ผมเปลี่ยนมาใช้แอปแชตสีเขียวเพื่อพิมพ์ไปถามไม่นานมันก็ตอบกลับมา

‘ยังอยู่ที่เดิมใช่ไหม?’

‘ใช่ ทำไม?’

‘ป่าว จะรอให้ดอกไม้เพื่อนรึเปล่า?’

‘รอดิ ซื้อดอกไม้มาแล้วด้วย’

‘อืม ให้แล้วก็รอก่อน เดี๋ยววันนี้จะไปส่ง’

‘มีคนมารับแล้ว’

‘เดี๋ยวไปส่งเอง’


ผมเบ้ปากใส่โทรศัพท์ด้วยความหมั่นไส้อย่างกับไอ้คนที่คุยด้วยมันจะเห็น เสียงปรบมือและโห่ร้องทำให้ผมเลิกสนใจโทรศัพท์กดล็อคหน้าจอแล้วเก็บลงกระเป๋าตามเดิม ไอ้มิกซ์โชว์จบไปแล้วครับ ผมได้ดูแค่ช่วงแรกส่วนไคลแม็คไม่ได้ดูเพราะมันแต่คุยกับใครบางคน แอบเสียดายแต่ก็ไม่ถึงขั้นเฟล ไปๆมาๆคือเกิดอาการเมื่อยจนเริ่มทนไม่ไหว คนแม่งก็โคตรจะเยอะโคตรจะเบียดจนหายใจหายคอไม่ค่อยสะดวก

“เป็นอะไรวะ?”

ไอ้แวนถามขึ้น มันคงเห็นว่าผมยุกยิกมองซ้ายแลขวา

“หาที่นั่ง”

“ในนี้ไม่มีหรอก ต้องออกไปข้างนอกนู้น แต่คนเบียดแบบนี้ออกไปแล้วเข้ายากชัวร์”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยแต่ก็ไม่ไหวจริงๆวะ

“งั้นกูออกไปนั่งรอข้างนอกนะ ฝากพวกมึงให้ดอกไม้มันหน่อยแล้วกัน”

“เอางั้นเหรอ?”

“เออดิ”

“สี่สิบดอกมึงจะให้ใครบ้างเนี้ย?”

“ให้ไอ้มิกซ์ยี่สิบเดือนแพทย์อีกยี่สิบ”

“กูว่าละ เดี๋ยวผัวก็หึงโหดเอาหรอกมึง”

“สัส”

มันกระตุกยิ้มกวนจนผมกระทุ้งศอกใส่ไปทีสองที ผมว่าผมก็ไม่ได้ทำแรงอะไรนะแต่มันโอเวอร์แอคติ้งมากอะ ผมแยกเขี้ยวใส่มันไปอีกก่อนจะค่อยๆแทรกตัวออกไปที่ประตูทางออกที่ใกล้ที่สุด ผมพึ่งรู้ว่าการฝ่าฝูงชนมันเหนื่อยยิ่งกว่าวิ่งขึ้นบันไดไปสักสิบชั้นก็วันนี้แหละครับ พอออกมาได้ก็ยืดอกสูดเอาอากาศให้เต็มปอดแบบโคตรจะโล่ง ด้านนอกคนน้อยอย่างที่คิด ถึงแดดจะยังเปรี้ยงแต่ผมว่ามันโอเคกว่าความอึดอัดที่ด้านในแน่ๆ

ผมมองหาที่นั่งพักไม่นานก็เจอโต๊ะไม้หินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างๆหอประชุม ดูร่มรื่นและน่าไปพักผ่อนหลับรอพวกด้านในสักงีบสองงีบมาก ว่าแล้วก็ไปเลยแล้วกัน เมื่อได้ที่นั่งผมก็ฟุบหน้าลงกับแขนเตรียมจะงีบในบันดลแต่กลับมามารผจญโผล่มาซะงั้น

“นี่”

เสียงของผู้หญิงสักคนทักขึ้นเสียงห้วนๆแข็งๆและกะจากแรงที่ดังมาคุณเธอคงเดินมายืนอยู่ด้านหลังผมแล้วแหละนะ
เออ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ กูขอเวลาสงบสุขสักหน่อยแม่งจะเป็นจะตายรึไง ผมเงยหน้าหรี่ตามองเพราะคุณเธอเสือกยืนย้อนแสงไปอีก

“ว่า?”

“แกเป็นแฟนกับพี่ทัตจริงเหรอ?”

ผมถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับไอ้การตอบคำถามบ้าๆแบบนี้ชะมัด พอไม่ได้คบก็กรี๊ดกร๊าดกันจริงพอคบก็มาถามกันจัง กูอยากจะบ้า หรือผมจะทำเป็นไม่สนใจโลกอย่างไอ้ยักษ์มันดีวะ

“อืม”

ผมตอบส่งๆกำลังจะฟุบลงนอนต่อแต่ก็ต้องแหง่นขึ้นพลางนิ่วหน้าเพราะพวกเชี่ยนี่มันจิกหัวผมอยู่ครับ แล้วกูพึ่งรู้นะเนี้ยว่าคุณเธอไม่ได้มาแค่คนเดียวแต่มีพวกมาด้วยอีกสามหน่อ ผมตบมือเจ้าหล่อนอย่างแรงเสียงดังเพี๊ยะจนคุณเธอร้องโอ้ยดังลั่น ผมฝุดลุกขึ้นยืนหันหน้าไปหาจ้องหน้าแต่ละนางด้วยความหงุดหงิดปนโมโห

“คิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรเหรอวะ?”

กดเสียงข่มแม่งไปด้วยเลย แต่เจ้าหล่อนก็ไม่นึกกลัวซะงั้น แถมยังถลึงตามองจนตาโตๆเพราะคอนแทคเลนส์หลากสีหลายไซต์จะหลุดออกมาจากเบ้าตาซะให้ได้ แก้มนี่แดงเด้งมาแต่ไกลแต่มองไปมองมาแม่งยังกับแก้มก้นลิงอุรังอุตัง อยากขำฉิบหายแต่ต้องตีเข้มทำทีขรึมก่อน ไม่งั้นคงเสียฟอร์มหมด อดไว้ไอ้คริส อย่าพึ่งหัวเราะออกมานะมึง

“เพราะแก พี่ทัตถึงได้เดินทางผิดแบบนี้”

เสียงหัวหน้าลิงแฝดร้องเหมือนจะอัดอั้น เอาเถอะ อยากระบายอะไรก็ว่ามา คนหล่อใจดีจะยอมรับฟัง แต่ถ้ามีลงไม้ลงมือก็คงทนไม่ได้ พ่อแม่ไม่เคยสอนให้ทำร้ายผู้หญิงก็จริงแต่ไม่เคยห้ามให้ป้องกันตัวเองนี่ครับ

“เดินทางผิดเชี่ยไรวะ กูก็เห็นมันไปไหนมาไหนตรงตามทางตลอด”

“อย่ามาเล่นลิ้นไอ้ตุ๊ดแรด!”

อื้อหืออออ ขึ้นเลยครับ พูดงี้กูขึ้นเลย

“จ..จะทำอะไรยะ!?!”

หัวหน้าลิงร้องถามพลางก้าวถอยหลังขณะที่ผมก้าวเข้าหาอย่างช้าๆด้วยสายตาอาฆาตใช่ย่อย กูแค่ขู่ครับ ไม่ได้จะฆ่า

“กูเป็นเกย์และถ้ากูจะแรดแล้วมันไปหนักหัวบุพการีใครไม่ทราบ?”

“แก! แก!! แกกล้าเล่นถึงบุพการีเลยเหรอยะ!?!”

“กูไม่ได้เล่น มันคือคำถาม แต่ถ้าสันดานหมาปัญญาควายอย่างมึงจะประมวลผลไม่เป็นกูก็จะสงเคราะห์บอกให้ว่ามันคือคำถามที่มึงสมควรตอบ แล้วกูจะแรดหรือไม่มันเรื่องของกู กูจะคบใครมันก็เรื่องของกูอีก ถ้ามึงอยากให้ไอ้ยักษ์ อ้อ ไอ้พี่ทัตนั้นเลือกเดินถูกทางอย่างที่มึงคิดมึงก็ต้องไปบอกมันเอง ไม่ใช่มาแส่หาหลุมฝังตัวเองกับกูแบบนี้!!!”

ใครคิดว่าผมใจดีด่าใครไม่เป็น ต้องคิดใหม่เลยนะครับ ด้านดาร์คผมยังมีอีกเยอะ เพียงแต่มันจะโผล่กับคนที่มากระตุกเส้นประสาทมันเท่านั้น อย่างกรณีแฟนคลับไอ้ยักษ์ที่มาระรานผมอยู่ตอนนี้ไง

ผมพูดจบไม่ถึงสิบวินาทีเสียงกรี๊ดสิบแปดคูณสามหลอดก็ดังลั่นจนผมยกมือขึ้นปิดหูแทบไม่ทัน ถ้าไม่ปิดประสาทหูเสียแก้วหูระเบิดแหง่งๆ แต่เนื่องจากด้านในหอประชุมมีเสียงกรี๊ดอยู่แล้วเลยทำให้เสียงเจ้าหล่อนไม่เป็นที่สนใจจากคนอื่นเลยครับ

“มึง! มึงมัน…”

“ถ้ายังไม่หยุด มึงโดนมากกว่าคำด่าแน่!”

ผมขู่กลับพลางชี้หน้าขู่ทั้งที่เจ้าหล่อนยังพูดไม่จบ ใครจะไปโง่โดนเล่นอยู่คนเดียวละวะ 

“ทำไม? แกจะทำอะไรพวกฉัน? ไอ้หน้าตัวเมีย!”

ผมกัดฟันกรอดกำหมักแน่นพยายามสะกดอารมณ์สุดฤทธิ์ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้ามาหาเรื่องผมแบบนี้เลยสักครั้ง อย่าว่าแต่หาเรื่องเลย แม้แต่ด่าผมแบบนี้ยังไม่มีสักแอะ แล้วพวกนี่มันเป็นใครวะ!?!

“ฉันจะบอกไว้ตรงนี้เลยว่าพี่ทัตเค้าแค่เครมแกเล่นๆพอเบื่อแล้วก็ทิ้ง อย่ามาหวังสูงเปิดตัวว่าเป็นแฟนไปหน่อยเลย ฟังดูแล้วอุบาทว์หู พี่ทัตเค้ามีแฟนแต่ละคนมีแต่ระดับดารานางแบบแถวหน้าไม่ใช่หมาข้างถนนอย่างแก!”

ปากจัดฉิบหาย แต่คิดว่าคนอย่างคริสตัลจะหงอจะกลัวเหรอ

“ถ้ากูเป็นหมาข้างถนนงั้นพวกมึงก็ชะนีหลงยุคละวะ นี่อะไร ทรงผมม้วนเป็นกระบวยตัดน้ำไปได้ อ้อ ลืมไปว่ามึงโง่เลยไม่คิดถึงประโยชน์ใช้สอยของมันสินะ คราวหน้าคราวหลังก็เอาไปตักน้ำให้เต็มๆแล้วก้มลงส่องดูเงาหนังหน้าพวกมึงด้วยแล้วกัน ก่อนที่จะมาแว้ดด่าใครสุ้ยๆแบบนี้”

มันส์ฉิบหาย ภาษาไทยกูเสือกแข็งแกร่งซะด้วย โดยเฉพาะคำด่า ผมไม่เคยด่าใครได้อารมณ์ถึงพริกถึงขิงขนาดนี้มาก่อนเลยวะ โคตรถึงใจ แต่จะดีกว่ามากถ้ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก เห็นผมเป็นแบบนี้ผมก็รักสงบอยู่นะครับ

“ไอ้! ไอ้!!”

คุณเธอเหมือนจะช็อคนะ ช็อคจนด่าไม่ออก ไปไม่เป็น พูดไม่ถูกและทำอะไรไม่ได้นอกจากหง่างมือขึ้นตั้งท่าจะฟาดหน้าผมทั้งๆที่ก็รู้ว่าผมเป็นผู้ชาย ผมตัวสูงกว่า ผมมีแรงมากกว่า และผมก็กดยิ้มเยาะยั่วโมโหเพิ่มในขณะที่มือก็ยกไปจับข้อมือของเจ้าหล่อนค้างไว้กลางอากาศ หน้าเจื๋อนๆของเจ้าหล่อนทำให้ผมเริ่มสนุก ผมก้าวย่างเข้าใกล้มากกว่าเก่าทั้งที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มร้ายอยู่อย่างนั้น หึ กลัวกูเหรอ พึ่งจะนึกกลัวกันรึไง มันไม่สายไปหน่อยเหรอวะ

“คริสตัล”

ไอ้ฉิบหาย

เสียงเย็นยะเยือกแบบนี้มีเพียงคนเดียวครับ

“พี่ทัต! พี่ทัตช่วยหมิวด้วยคะ หมิวกลัว”

นังตอแหล!!

ผมสบถเสียงแผ่วแล้วตวัดมือเจ้าหล่อนทิ้งแรงๆแต่ไม่แรงพอที่จะทำให้คุณเธอเซล้มอย่างที่คุณเธอกำลังทำอยู่นี่แน่นอนอะ

“โอ้ย”

มารยายิ่งกว่าร้อยเล่มเกวียน

ผมยืนกอดอกจ้องมองดูคุณเธอทำทีตอแหลแสดงละครลิงพร้อมกับเพื่อนๆคุณเธอต่อไปจนทัตเดินเข้ามาใกล้และเข้าไปพยุงตัวคุณเธอให้ลุกขึ้นมาตามแบบฉบับหนังไทยในหลายยุคหลายสมัย ผมเหยียดปากหันหน้าหนีทันทีที่เห็นเจ้าหล่อนทำทีเจ็บขานู้นนี่นั้นแล้วเข้าไปเกาะเกี่ยวไอ้ยักษ์ที่ยังคงตีหน้านิ่งอยู่เช่นเดิม

“หมิวเจ็บขาจังคะ สงสัยคงจะแพลง พี่ทัตพาหมิวไปหาหมอหน่อยนะค่ะ”

พูดไปก็จิกตามาหาผมไปด้วย ไม่ทราบว่าคุณเป็นคนหรือนกครับ

“ได้สิ”

คุณเธอยิ้มกว้างเมื่อไอ้ยักษ์มันตอบรับ สักพักก็พยุงกันไปนั่งที่เก้าอี้ตัวที่ผมพึ่งลุกมานั้นแหละครับ ผมพ้นลมหายใจไม่สบอารมณ์ตั้งท่าจะเดินหนีกลับเข้าไปหาเพื่อนที่ด้านในแต่เสียงเย็นๆของไอ้ยักษ์ก็ดังขัดผมขึ้นมาซะก่อน

“อย่าพึ่งไป”

“อะไรอีกวะ!?”

มันไม่ตอบคำถามผมแต่กลับล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครบางคนแล้วพูดสั่งอะไรไม่กี่ประโยคก็ว่าง ผมเดาว่ามันโทรหาใครเพราะรูปการณ์และคำพูดเหมือนตอนที่มันมาช่วยพวกผมเมื่อก่อนหน้านี้แล้วโทรเรียกลูกน้องให้มารับนั้นแหละ

“มีเรื่องอะไรกัน?”

อันนี้มันถามโดยไม่ได้เจาะจงว่าถามใคร และแน่นอนว่าไอ้ตัวต้นเรื่องต้องรีบสะดีดสะดิ้งเข้าหาแล้วออดอ้อนทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จจนผมได้แต่สวดภาวนาอาเมนให้คุณเธอไป อะไรมันจะปั้นเรื่องได้เก่งขนาดนั้นวะ กูละหงึด!

“คริส”

ไอ้ยักษ์หันมาเรียกเหมือนจะถามเอาข้อแก้ต่างแต่ผมไหวไหล่ไม่พูดอะไรจนมันถอนหายใจ ไม่นานโทรศัพท์ของมันก็ดังขึ้นมันเลยหันไปรับสายพูดอีกไม่กี่คำก็ว่างพร้อมกับการปรากฏตัวของลูกน้องคนเดิมของมัน

“พาน้องเค้าไปหาหมอที”

มันสั่งพร้อมพยักหน้าไปทางหญิงสาวทั้งหมด ลูกน้องมันก็โค้งรับก่อนจะเข้ามาอุ้มจ่าฝูงชะนีหลงยุคทั้งๆที่เจ้าหล่อนยังคงทำหน้าเหลอหลาอยู่อย่างนั้น ผมเกือบหลุดขำเมื่อเห็นท่าทีงงงันแต่ก็โต้งแย้งอะไรไม่ได้ของคุณเธอ ไหนจะท่าทีรีบๆลนๆของน้องหญิงผู้ติดตามนั้นอีก

“คริส”

ผมตีหน้านิ่งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกเป็นครั้งที่สอง แต่ผมยังไม่หันไปหามันนะ ตอนนี้อารมณ์ไม่ดีไม่อยากเห็นหน้ามันครับ ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังเกือบขำกับท่าทีของพวกนั้นแต่พอคิดถึงไอ้ยักษ์ข้างหลังอารมณ์ก็เปลี่ยนมาหงุดหงิดอย่างไม่รู้สาเหตุ ไม่อยากยอมรับว่ามันคืออารมณ์คนงอลแต่มันก็โคตรใช่ ใจตุ๊ดฉิบหายเลยกู

“หันมาคุยกันดีๆสิ”

ผมสะบัดมือข้างที่มันเข้ามาจับทิ้งแรงๆก่อนจะตั้งท่าเดินหนีแต่ไอ้ยักษ์มันกลับคว้าไว้ได้ทันแถมยังฉุดจนผมเซไปชนมันเต็มๆ แรงวัวแรงควายจริงๆ

“หงุดหงิดอะไรทำไมถึงต้องไปลงกับผู้หญิง?”

ผมตวัดสายตาไปมองจ้องมันเขม็ง

“ก็รู้ว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่เราก็ไม่น่าไปทำแบบนั้นนะ ถ้าคนอื่นมาเห็นเค้าจะมองเราไม่ดีได้”

“คนอื่นนี่รวมทั้งยูด้วยใช่ไหม?”

“อย่าหาเรื่องคริส พี่พูดด้วยดีๆนะ”

“ดีเตี่ย! ยูว่าไออยู่ชัดๆ ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกัน”

“คริสตัล”

“ไม่ต้องมาเรียก ถึงไอไม่ได้แก้ต่างทั้งที่นังนั้นมันเข้ามาหาเรื่องเองแถมยังด่าเสียๆหายๆทั้งที่ไอยังไม่ได้ทำร้ายเหี้ยอะไรมันเลยก็ใช่ว่ายูจะมาตัดสินกันแบบนี้ โคตรรู้สึกผิดเลยวะที่ให้สถานะนั้นกับยูไป...”

มันเงียบ แต่ก็ดีเพราะตอนนี้อารมณ์ผมพุ่งสูงเกินกว่าที่จะสงบปากสงบคำเหมือนก่อนหน้านี้ได้

“ยังไงยูก็เคยคบแต่ผู้หญิงมาตลอดนี่ จะมาจริงจังอะไรกับไอละ ผู้ชายเหมือนกันแค่เอากันมันส์ๆพอเบื่อแม่งก็จบ ไม่มีอะไรเสียหายจนต้องรับผิดชอบอยู่แล้วนี่...”

“คริส”

“ก็บอกว่าไม่ต้องมาเรียกไงวะ!”

“ไปคุยกันที่รถ”

เอะอะก็จะจับกูเข้ารถท่าเดียวเลยเว้ย

“ไม่! ไอจะกลับบ้าน”

“เดี๋ยวไปส่ง”

“ก็บอกว่าไม่ไงวะ อุ๊บ!”

คราวนี้แม่งจับผมเข้าไปจูบท่ามกลางแมกไม้และแสงแดดยามบ่ายแก่ๆเลยครับ ไอ้สัส ที่โล่งแจ้งในมหาลัยเลยนะมึง แล้วคิดว่าผมจะยอมให้แม่งจูบง่ายๆเหรอ อารมณ์กูยิ่งขึ้นๆมึงฝันไปเถอะ

“อึ๊ก!”

ผมเหยียดยิ้มเมื่อมันรีบผละถอยออกไปพร้อมกับเอามือป้องปากตัวเองไปด้วย ผมทำอะไรนะเหรอ ก็แค่กัดลิ้นที่มันส่งเข้ามาในปากผมไง กัดไปเต็มแรงจนเลือดออกเลยด้วย แต่สะใจยังไม่เท่าไหร่มันก็เข้ามาจับตัวผมขึ้นพาดบ่าแล้วพาตัวไปยังรถของมันที่จอดอยู่ไม่ไกล

“ปล่อยนะเว้ย”

“.....”

“ทัต!”

“.....”

“เชี่ย!!”

ทัตแม่งโยนผมเข้าไปในรถทันทีที่มาถึงและเปิดประตูได้ ดีหน่อยที่มันโยนเข้าเบาะหลังไม่งั้นหลังผมโดนคอนโซนกลางแน่ๆ แต่ยังไม่จบครับ ผมยังไม่ทันได้ขยับไปไหนมันก็แทรกตัวเข้ามาด้วยก่อนจะปิดประตูเอี้ยวไปสตาร์ทรถเปิดแอร์เสร็จสรรพ ผมที่นอนอยู่ในแนวราบไปกับเบาะมีมันนั่งค่อมอยู่ตรงขาทำให้ขยับหนีไม่ได้เลยทำได้เพียงจ้องหน้ามันนิ่งๆ แววตาของทัตไม่เหมือนคนที่บอกรักผมปาวๆเลยครับ มันนิ่งเรียบจนผมอดหน่วงอยู่ลึกๆไม่ได้ หรือมันกำลังโกรธ แต่ถ้าโกรธแล้วจะทำไมวะ กูนี่ที่สมควรโกรธมากกว่ามึง เราจ้องหน้ากันอยู่อย่างนี้โดยที่ไม่มีใครปริปากพูดอะไรจนเวลาล่วงเลยไปหลายนาที จนเป็นผมที่หลบสายตาไปในที่สุด

“หึ”

โคตรเกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ของมันจริงๆ

“ใจเย็นลงรึยัง?”

ผมไม่ตอบ

“งั้นถามใหม่...หายงอลพี่รึยังครับ?”

“งอลเหี้ยไรวะ!?!”

ผมหันไปตวาดถามกลับด้วยอารมณ์ที่ขุ่นขึ้นมาอีกแต่ทว่าไอ้คนถามมันกลับยิ้มร่าเหมือนรู้อยู่แล้วว่าผมต้องตกหลุมพลาง เออ กูก็โง่ตกตามที่มึงคิดนั้นแหละ ที่มันยุไปแบบนั้นเพื่อให้ผมเปิดปากและหันไปมองหน้ามันไงครับ

“ไม่งอล? งั้นคงหึง”

“หึงพ่อง”

“พูดไม่เพราะ”

“โว้ะ ใครจะไปเป็นพ่อพระคนหล่อได้ตลอดเวลาอย่างยูละ”

“พี่ไม่ใช่พ่อพระอย่างที่คิดหรอกนะ”

“พูดมาได้เนอะ แล้วไอ้ที่เห็นเมื่อกี้คืออะไรวะ?”

“แค่กำจัดให้พ้นทาง”

ผมขมวดคิ้วเลยครับ

“หึงโหดใช่ได้เลยนะที่รัก”

“ก็บอกว่าไม่ได้หึงไงวะ!”

มันยิ้มกว้างเลยยครับ แล้วมีการก้มลงมาหอมแก้มผมไปอีกสองฟอดใหญ่ๆซ้ายขวาสลับกันจนผมต้องดันตัวมันออกนั้นแหละ

“วันนี้อยู่กับพี่ก่อนได้ไหม?”

“แล้วตอนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยรึไง?”

“หมายถึงอยู่ถึงดึกนะ นะครับ คิดถึงมากอยากกอดด้วย”

“อย่ามาเวอร์ พึ่งทำไปเมื่อวันก่อนเองนะ”

“จริงๆแล้วอยากทำทุกวันเลยนะ”

“ส้นตีนเถอะ ใครจะไปทนไหววะ ตัวเองแรงน้อยซะที่ไหนแถมโถมใส่แต่ละทีไม่คิดจะกั๊กกันเลยสักนิด คนทำนะสบายแต่ไอ้ที่จะตายคือนี่”

“แล้วมันดีไหมละ?”

ถึงกับสะอึก

“ก็...ก็ดี”

“หึ งั้นกลับคอนโดกัน”

ไอ้ห่า แล้วกูก็บ้าจี้พยักหน้าให้มันไปอีกนะ

โอ้ย เบื่อตัวเองวะครับ ทำไมใจง่ายงี้วะ ถ้าพวกไอ้แวนรู้มันคงกระหน่ำแซวผมมันส์ปากแน่ๆ แค่ทุกวันนี้มันก็ล้อจนอู่ขาดแคลนไว้ใส่ให้รถแล้ว(มุขเชี่ยไรวะเนี้ย)

“เดี๋ยวจัดหนักให้สาสมกับที่งอลไปเมื่อกี้เลย”

“ก็บอกว่าไม่ได้งอลไงวะ!”

แม่งพูดไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ แต่ทำไมรู้สึกร้อนๆที่หน้า เออ ช่างมันเถอะครับ


TBC...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2017 14:53:26 โดย MyMinT1990 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 17



ปึก!

แกร๊ก!!

ผลั๊ก!!!


“อุ๊บ!”

เสียงร้องจากปากเล็กอุทานในลำคอทันทีที่ผมจับเค้าชิดติดกับผนังห้องทันทีที่เข้ามาภายในและล็อคประตูเป็นที่เรียบร้อย ผมฉกฉวยเอาช่วงเวลาที่คนตรงหน้ายังไม่ทันได้ตั้งตัวประกบปากจูบอย่างร้อนแรงตอบแทนอาการร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นมาเมื่อก่อนหน้านี้

ใครจะไปคิดว่าคริสตัลที่ไม่เคยมีท่าทีบ่งบอกความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจะแสดงอาการไม่พอใจตอนที่มีใครมาเกาะแกะผมขนาดนี้ ในตอนแรกก็แค่จะสั่งสอนเล่นๆที่ไปตั้งท่าหาเรื่องกับผู้หญิง แต่พอมาเจออาการงอนปนหึงแล้วก็อดเอ็นดูจนอยากฟัดให้จมเขี้ยวเสียไม่ได้ ตั้งแต่ตกลงคบกันในฐานะแฟนคริสน่ารักขึ้นนะครับ ถึงจะยังมีอาการดื้อแต่ก็ยอมให้ในตอนท้ายบางทียังพูดจาน่ารักไปโดยที่ไม่คิดเลยว่าผมจะใจเต้นขนาดไหน

ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมใจเต้นจริงๆ ทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันมันเหมือนมีอะไรบางอย่างค่อยๆผสานจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในทุกขณะ มันอาจจะเป็นสิ่งที่คนอื่นเรียกว่าสายสัมพันธ์ละมั้ง วันเวลาอาจล่วงเลยมามากเกินหรือไม่ก็คงเพราะผมถลำลงลึกเกินจนเกินจนเกิดอาการพวกนี้ขึ้นมา

แล้วผมจะทำยังไงกับมันนะเหรอ?

ก็ไม่รู้สิครับ

แต่ตอนนี้ขอจัดการกับเด็กขี้งอนตรงหน้านี้ก่อนแล้วกัน

“เชี่ย!”

เสียงเล็กสบถเมื่อผมอุ้มเจ้าตัวขึ้นในท่าเจ้าสาวแล้วพาไปยังห้องนอน ผมไม่ใช่คนที่จะปล่อยเค้าลงอย่างช้าๆแล้วค่อยๆคลายเข้าไปหาแน่ๆ อย่างผมนะปล่อยลงปกติและรีบเข้าไปตะครุบถึงจะถูก ถึงจะมองว่ามันค่อนข้างรุนแรงไปหน่อยแต่เชื่อเถอะครับว่าคนตรงหน้าชอบมันจนตัวสั่นสะท้านเลยทีเดียว

พอคบกันมาสักพักผมก็ได้รับรู้ว่าคริสที่ปากร้ายทำตัวแกร่งกล้าแต่จริงๆแล้วอ่อนโยนมากกว่าที่คิด ออกแนวเด็กที่แข็งนอกแต่อ่อนในจนน่าเอ็นดู ผมยกยิ้มเมื่อเห็นร่างกายขาวๆมีรอยรักที่ผมฝากไว้เมื่อคราวก่อนอยู่ประปราย ผิวของคริสเนียนละเอียดและขาวดุจปุยเมฆจนอดที่จะสัมผัสไม่ได้ กลิ่นน้ำหอมประจำกายลอยละล่องเข้ามากระทบโสตประสาทจนเพิ่มอุณหภูมิภายในกายให้ร้อนรุ่มยิ่งกว่าเดิม

“อ๊ะ!”

ร่างบางสะดุ้งและแอ่นกายเมื่อปากผมได้ครอบครองจุกสีแดงสดตรงหน้าอกเหมือนคนที่หิวกระหาย ไม่ใช่เหมือนสิ ก็หิวกระหายจริงๆนั้นแหละ มือเรียวลูบไปตามไรผมและต้นคอพลางส่งเสียงครางเครือให้อารมณ์พุ่งสูง ร่างกายคริสยั่วยิ่งกว่าใครๆที่ผมเคยกอดมา ทั้งที่เค้าคือผู้ชายคนแรกที่ผมกด แต่ดูเหมือนผมจะติดรสรักของคริสอย่างล้ำลึกจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น ไม่ได้การ ขืนยังยืดเยื้อไปกว่านี้มีหวังทุกอย่างได้ทลายลงต่อหน้าต่อตาแน่ๆ

“เดี๋ยวทัต!..อ๊ะ..อา..ห์...มัน...มากไป”

ผมกดยิ้มเมื่อกระเสือกกระสนตัวตนเข้าไปยังช่องทางอ่อนนุ่มหลังจากที่ปลอบประโลมไปสักพักใหญ่ๆ คริสแอ่นกายบิดเร้าตามแรงกระตุ้นจากผมที่โถมเข้าใส่ด้วยความเร็วที่ถี่ยิบและแรงจนเตียงสั่นไหว ผมไม่สนคำร้องขอแต่ก้มลงไปปิดปากเล็กด้วยปากของตัวเอง มือเรียวเปลี่ยนจากจิกทึ้งผ้าปูเตียงมาโอบรอบคอผม กรงเล็บจิกลงเนื้อให้มีอาการเจ็บแปร๊บเหมือนอยากจะเอาคืน

หึ ผมชอบในความพยศเล็กๆแบบนี้จัง

“อ๊าาาา! ทัต!!”

อืม ผมคงไปโดนจุดนั้นเข้าซะแล้ว ดูจากอาการตัวกระตุกสั่นและเกร็งในเวลาต่อมา ผมซี๊ดปากเสียงแผ่วนิ่งแช่ตัวตนไว้อย่างนั้นเพราะคริสได้ปลดปล่อยและเกร็งตัวจนด้านในรัดแน่นมากเกิดพอดี มันรัดจนผมแทบขยับต่อไม่ได้ ผมยังไม่อยากให้ช่วงเวลาของเราจบลงเร็วนักผมเลยต้องข่มมันไว้ ผมเลื่อนตัวลงต่ำไปขบเม้มที่ใบหูซึ่งแดงระเรื่อไม่แพ้ผิวหน้า เหงื่อผุดขึ้นเต็มตัวเราทั้งคู่จนมันเลื่อมทั้งๆที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ คริสหอบหายใจหนักๆอยู่ไม่นานก็หลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย

“หึ นี่แค่ยกแรกนะคริส”

“ไอเหนื่อย เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนด้วย”

“แต่พี่ยังไม่เสร็จเลย”

“เดี๋ยวทำให้”

ผมเลิกคิ้ว ก็รู้ในความหมายอยู่แหละนะแต่ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะยอมทำให้ง่ายๆนะสิ

“เอาออกไปก่อนสิ”

ผมถกตัวถอดส่วนนั้นออกตามที่คนตรงหน้าบอกแล้วเปลี่ยนไปเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงเอาหมอนมารองหลังอย่างสบายไปอีก คริสที่ยันตัวลุกขึ้นนั่งหันหน้ามาหาผมแล้วจิ๊ปาก ใบหน้าหวานนั้นแดงก่ำยิ่งกว่าเดิมจนผมอดที่จะเอื้อมมือไปเกลี่ยแก้มนั้นเบาๆ แอบแปลกใจที่เจ้าของแก้มแดงๆไม่สะบัดหน้าหนีหรือปัดมือผมออกแต่กลับอยู่นิ่งๆให้เกลี่ยเล่นแถมยังมีการช้อนตามองมาอีก ดวงตาสีฟ้าใสบรือเล็กน้อยแลดูเหม่อและฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาที่คลออยู่บางเบา แววตาแข็งกร้าวนั้นอ่อนลงดั่งขี้ผึ้งที่ถูกลนไฟ ผมจับปลายคางคนตรงหน้าไว้ก่อนจะโน้มเข้าไปจูบปากแลกลิ้นกันต่อในขณะที่มือเรียวกำรอบส่วนแข็งปั๊งของผมแล้วรูดเบาๆ ผมกดท้ายทอยเค้าให้กระชับขึ้น ลิ้นเราสลับกันรุกและรับจนแทบจะกลืนกินกันและกัน ผมเริ่มหายใจหนักหน่วงขึ้นมากกว่าเก่าเมื่ออารมณ์ถูกดึงให้จมดิ่งเพราะมือที่เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ สักพักผมก็ถอนจูบออกคริสเลยลดตัวลงต่ำแต่ยังคงช้อนตามองด้วยความยั่วยวน ผมกัดฟันแน่นพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ดึงคนช่างยั่วให้ลงนอนราบแล้วกระหน่ำใส่อีกครั้งอย่างสุดความสามารถ และทุกอย่างก็มลายหายไปเมื่อรู้สึกถึงความชื้นจากลิ้นเล็กที่สัมผัสมายังตรงส่วนนั้น เจ้าตัวแสบยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นรีแอคชั่นของผมจนปากเล็กจัดการครอบส่วนหัวไว้ทั้งหมดและผมเผลอส่งเสียงผ่านลำคอ

ยั่วกันเข้าไป ให้มันได้อย่างนี้สิน่า

เมื่อปากเล็กไม่สามารถดูดดึงส่วนนั้นของผมได้ทั้งหมดคริสจึงใช้มือเข้าช่วย ผมเอนกายเอื้อมมือมาลูบเรือนผมสีบลอนด์ทองของเจ้าตัวเล่นไปด้วยอารมณ์ที่สุนทรี ภาพตรงหน้ามันทั้งเซ็กซี่และน่ามองเป็นที่สุด คริสเองก็ช่างท้าทาย เมื่อเห็นผมมองด้วยสายตาหื่นกระหายเจ้าตัวก็ยิ่งกระหน่ำจัดหนักๆดูดกลืนส่วนนั้นเข้าปากซ้ำๆจนความเสียวแล่นพล่าน ผมเริ่มกดหัวคนตรงหน้าให้เพิ่มจังหวะเมื่อตัวเองเริ่มจะทนไม่ไหว คริสเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย ไม่อยากจะถามเลยว่าไปเอาความเชี่ยวชาญแบบนี้มาจากไหนเพราะรู้ตัวดีว่าคงมีอารมณ์โมโหหึงผุดขึ้นมาแน่ๆ และตอนนี้ก็เริ่มจะมีแล้วด้วย ผมเด้งตัวสวนส่วนนั้นใส่ปากคริสจนเค้าเริ่มส่งเสียงออกมา ผมจัดไปยาวๆจนถึงจุดสุขสมและแช่ส่วนนั้นไว้ให้คนช่างยั่วตรงหน้าได้กลืนกินมันเข้าไปทุกหยาดหยด คริสไอค่อกแค่กเมื่อผมผละถอยและปล่อยเค้าให้เป็นอิสระ แต่อารมณ์ผมยังไม่มอดดับไปง่ายๆหรอกครับ

“เห้ย!”

คริสอุทานด้วยความตกใจเมื่อโดนผมจับให้นอนคว่ำและชันขาคุกเข่าตั้งท่าเตรียมรับเต็มที่แต่คนดื้อก็ยังเป็นคนดื้อ

“หยุดเลยนะทัต ก็ทำให้ไปแล้วไง พอได้แล้ว”

“หึ ยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะพอ”

“ไอ้เจ้าเล่ห์!”

“จะถือว่าเป็นคำชมแล้วกัน”

“ไอเหนื่อย!”

“ก็นอนไปเฉยๆสิ ที่เหลือพี่จัดการเอง”

“ไอ้ อ๊ะ!..อือออ...”

ปากเล็กเผยอร้องส่งเสียงครางทันทีที่ผมสวนตัวตนเข้าไปในทีเดียว ช่วงทางเล็กตอดรัดแน่นไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะทำไปมากเท่าไหร่ก็ยังคงรัดแน่นเหมือนยังบริสุทธิ์ในทุกๆครั้ง บทเพลงรักยังคงบรรเลงไปเรื่อยๆโดยที่มีผมคอยโหมกระหน่ำใส่เจ้าตัวจนอ่อนปวกเปียก ดวงตาที่เคยบรือน้ำตอนนี้ได้ไหลรินลงมาจากหางตาทีละน้อย ใบหน้าหวานแดงลามไปถึงหูและคอ ลำตัวขาวไหวคลอนเต็มไปด้วยรอยรักที่ผมประทับไว้อย่างไม่เคยพอ ผมดุนดันตัวตนจนความร้อนหลอมรวมเราให้เป็นของกันและกัน

 

 

 

Rrrrrr

ผมหันไปมองยังโต๊ะไม้ข้างเตียงก่อนจะค่อยเอี้ยวตัวไปคว้าโทรศัพท์โดยที่พยายามไม่ทำให้คนในอ้อมแขนตื่นจากภวังค์ฝัน คริสหลับไปตั้งแต่เสร็จกิจในรอบที่สาม จะเรียกว่าหลับก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่ถ้าเรียกว่าหมดสติก็คงได้ จะเรียกว่าอะไรก็ช่าง แต่ใบหน้าหวานเปล่งปลั่งหลับตาพริ้มหน้าอกไหวติงตามแรงลมหายใจที่สม่ำเสมอนั่นทำให้ผมนอนมองเพลินจนลืมหลับพักผ่อนไปเลยด้วยซ้ำ

“ครับ”

ผมกรอกเสียงเมื่อสไลด์รับสายบุคคลที่โทรเข้ามา สายตาแอบชำเลืองมองดูนาฬิกาดิจิตอลจนเห็นเลยสิบแปดนาฬิกาก็อดยิ้มไม่ได้ เราทำกันร่วมสามชั่วโมงเลยแฮะ

/ทำไมเสียงแปลกๆ/

“พึ่งตื่นนะ มีอะไร?”

คนที่โทรมาเป็นลูกชายของอาเชนต์ที่ชื่อชิตและอายุมากกว่าผมสองปี

/อยู่คอนโดรึเปล่า?/

ผมขมวดคิ้ว

“แป๊บ”

การที่ถามอย่างนี้แสดงว่าพี่ชิตจะเข้ามาหาและสิ่งที่ทำให้คนบ้างานอย่างชิตสละเวลาเข้ามาหาผมได้ต้องเป็นเรื่องสำคัญๆเท่านั้น ผมค่อยๆยันตัวลุกขึ้นแล้วลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา คริสพลิกตัวเหมือนจะรำคาญแต่สักพักก็นิ่งไปผมเลยเดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงห้อง

“อยู่ แต่มีคนอยู่ด้วย จะเข้ามาต้องรอดึกๆ”

/งั้นบอกคร่าวๆไปก่อนเลยแล้วกัน/

“ว่ามา”

/ทางนั้นรู้โรงพยาบาลที่อีฟอยู่แล้ว/

ผมตัวชาว๊าบตั้งแต่ล่างขึ้นบน ไม่คิดว่ามันจะหาเจอเร็วขนาดนี้ ทั้งที่พยายามปิดเต็มที่ ผมกำมือแน่นสายตาพลันหันไปมองที่คนบนเตียงโดยอัตโนมัติ

รู้ว่าคริสไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรนอกจากสายเลือดที่มีเหมือนคนๆนั้น

“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

/ยังไม่แน่ใจ แต่คนของเราเจอพวกน่าสงสัยมาซุ่มดูอยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อชั่วโมงก่อน/

“ย้ายพี่อีฟไปอยู่ที่อื่น ผมไม่ต้องการให้พวกเค้าได้เจอกัน”

/นั้นคือเรื่องที่จะเข้าไปคุยด้วยนี้แหละ เราจะย้ายไปที่อื่นมันก็จะเหมือนการเริ่มต้นปิดใหม่และจะยิ่งเป็นที่สงสัย ไอ้นั้นมันสายเยอะแถมจมูกไว พี่ว่าเราน่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อจบเรื่องนี้ได้แล้วนะ/

“……”

/ทัต ถึงยังไงพวกเค้าก็เคยรักกัน.../

“รักบ้าอะไรถึงได้สั่งคนมาเก็บเมียตัวเอง!!!”

ผมตะคอกกลับด้วยโทสะที่ปะทุขึ้นมา คนที่ปลายสายพ้นลมเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าผมต้องของขึ้นหากพูดถึงเรื่องนี้

ใช่ครับ พวกเค้าเคยรักกัน แต่เป็นรักที่ไม่ราบรื่นทั้งด้านหน้าที่การงานและครอบครัว ผมจะไม่โกรธเคืองอะไรเลยถ้าหากพวกเค้าเลิกกันเหมือนคนอื่นปกติทั่วไปไม่ใช่เลิกโดยการปองร้ายไปแบบนี้

แค่ขัดกันทางด้านธุรกิจมันจะทำให้คนที่เคยบอกว่ารักนักรักหนาเปลี่ยนจากเทวดากลายเป็นซาตานไปได้เลยเหรอ

ผมอยากจะรู้จริงๆ

 

 

 

 

 

 


“คุณทีครอสครับ”

ผู้ที่ถูกเรียกหันไปมองก่อนจะลดโทรศัพท์ที่กำลังจะต่อสายหาน้องชายลง นี่มันก็มืดมาได้สักพักแล้วแต่คริสยังกลับไม่ถึงบ้านซ้ำยังไม่มีการติดต่อให้คนออกไปรับแต่อย่างใด มันผิดปกติ ถึงแม้คริสจะออกไปกับไอ้เหี้ยนั้นน้องเค้าก็จะโทรมาบอกก่อนเสมอตั้งแต่โดนเคอร์ฟิลจากพี่ชายอย่างตน

“ว่ามา”

ปากถามแต่มือก็กดเบอร์ต่อสายและนำขึ้นมาแนบหูไปด้วย

“คอนเฟิร์มโรงพยาบาลที่คุณอีฟพักอยู่ครับ”

ทีครอสหันไปให้ความสนใจกับลูกน้องคนสนิทอีกครั้ง มือกดตัดสายและวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะก่อนจะหยิบกระดาษรายงายพร้อมรูปที่ลูกน้องพึ่งเอามาให้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน รูปหน้าหล่อค่อยๆเผยรอยยิ้มทีละนิดแต่ดวงตากลับนิ่งสนิท ไม่เคยมีใครอ่านทางชายผู้นี้ออกแม้แต่คนที่อยู่ใต้อาณัติที่สนิทที่สุดก็ตาม

“ไปเตรียมรถ เราจะไปที่นั้นเดี๋ยวนี้”

“แล้วคุณคริสตัลละครับ?”

“ให้ไคติดต่อแล้วไปรับตัวในทันที ถ้าคริสดื้อก็บอกว่าคำสั่งเด็ดขาดจากฉัน”

“ได้ครับ”

 

TBC……

ไม่ดราม่าเนอะ คริคริ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2017 15:01:53 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เหมือนคริส แค่งอน ไม่ได้หึง รำคาญชะนีมากกว่า
ทัตเทพ เป็นผู้ชายเต็มตัว ยุ่งหญิงมาตลอด
แต่เพื่อแก้แค้นเลยมามีอะไรกับคริสตัลเป็นคนแรก
มิน่าชะนีเลยร้องหาผัว จนมาหาเรื่องคริส
แม้คริส จะโอนอ่อนกับทัต แต่ถ้ารู้ว่าถูกหลอก
คริส อาจเจ็บ แล้วคงยิ่งทำตัวฮอตร้ายสุดๆ แบบไม่แคร์
ให้สะใจตัวเอง  ที่ถูกหลอก คงยิ่งมันระเบิดระเบ้อ  :ling1: :ling1: :ling1:
ทัต แค่เห็นคริสเชี่ยวชาญการใช้ลิ้นใช้ปาก ยังหึงแล้ว
เหอะ......ทัตเทพ ทำร้ายทั้งคริส ทั้งตัวเอง เลยนะ
ทีครอส รู้จุดประสงค์ของทัตแล้วสินะ ว่ามาหลอกคริส
แล้วทีครอส รักอีฟจริงๆหรือ เคยสั่งฆ่าอีฟหรือ  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
ปล. ขอแก้ที่ผิดนะ
เกิดอาการเมื้อย ------ เมื่อย
หลี่ตามอง ------ หรี่
ถลึ้งตามอง ------ ถลึง
อุบาตหู ------ อุบาทว์
แว๊ดด่าใครสุ้ย ------ แว้ด
จ้องมันเขม่ง ------ เขม็ง
โว๊ะ ----- โว้ะ
ไม่งั้นหลังผมโดนคอนโทรนชน ------ คอนโซล
อาการร้อนลุ่ม ------ ร้อนรุ่ม
ผมถล้ำลงลึก ------ ถลำ
เด็กขี้งอล ------ งอน
เข้าไปตะคลุบ ------ ตะครุบ
ร้อนลุ่มยิ่งกว่าเดิม ------ ร้อนรุ่ม
ส่งเสียงครางเคลือ ------ ครางเครือ
จิกทึ่งผ้าปู ------ ทึ้ง
แววตาแข็งกร่าว ------ กร้าว
ผมสีบรอนด์ทอง ------ บลอนด์ (blonde)
ความเสียวแล่นพร่าน ------ พล่าน
โมโหหึงฝุด ------- ผุด
ชันขาคุกเข้า ------ เข่า
ปากเล็กเผย้อร้อง ------ เผยอ
ใบหน้าหวานเปร่งปรั่ง ------- เปล่งปลั่ง
รักที่ไม่ราบลื่น ------ ราบรื่น

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
เหมือนคริส แค่งอน ไม่ได้หึง รำคาญชะนีมากกว่า
ทัตเทพ เป็นผู้ชายเต็มตัว ยุ่งหญิงมาตลอด
แต่เพื่อแก้แค้นเลยมามีอะไรกับคริสตัลเป็นคนแรก
มิน่าชะนีเลยร้องหาผัว จนมาหาเรื่องคริส
แม้คริส จะโอนอ่อนกับทัต แต่ถ้ารู้ว่าถูกหลอก
คริส อาจเจ็บ แล้วคงยิ่งทำตัวฮอตร้ายสุดๆ แบบไม่แคร์
ให้สะใจตัวเอง  ที่ถูกหลอก คงยิ่งมันระเบิดระเบ้อ  :ling1: :ling1: :ling1:
ทัต แค่เห็นคริสเชี่ยวชาญการใช้ลิ้นใช้ปาก ยังหึงแล้ว
เหอะ......ทัตเทพ ทำร้ายทั้งคริส ทั้งตัวเอง เลยนะ
ทีครอส รู้จุดประสงค์ของทัตแล้วสินะ ว่ามาหลอกคริส
แล้วทีครอส รักอีฟจริงๆหรือ เคยสั่งฆ่าอีฟหรือ  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
ปล. ขอแก้ที่ผิดนะ
เกิดอาการเมื้อย ------ เมื่อย
หลี่ตามอง ------ หรี่
ถลึ้งตามอง ------ ถลึง
อุบาตหู ------ อุบาทว์
แว๊ดด่าใครสุ้ย ------ แว้ด
จ้องมันเขม่ง ------ เขม็ง
โว๊ะ ----- โว้ะ
ไม่งั้นหลังผมโดนคอนโทรนชน ------ คอนโซล
อาการร้อนลุ่ม ------ ร้อนรุ่ม
ผมถล้ำลงลึก ------ ถลำ
เด็กขี้งอล ------ งอน
เข้าไปตะคลุบ ------ ตะครุบ
ร้อนลุ่มยิ่งกว่าเดิม ------ ร้อนรุ่ม
ส่งเสียงครางเคลือ ------ ครางเครือ
จิกทึ่งผ้าปู ------ ทึ้ง
แววตาแข็งกร่าว ------ กร้าว
ผมสีบรอนด์ทอง ------ บลอนด์ (blonde)
ความเสียวแล่นพร่าน ------ พล่าน
โมโหหึงฝุด ------- ผุด
ชันขาคุกเข้า ------ เข่า
ปากเล็กเผย้อร้อง ------ เผยอ
ใบหน้าหวานเปร่งปรั่ง ------- เปล่งปลั่ง
รักที่ไม่ราบลื่น ------ ราบรื่น


ขอบคุณมากคะสำหรับความคิดเห็นและข้อชี้แนะในส่วนที่ผิด
นี่อยากจิครายมาก ผิดเยอะเวอร์วัง  :z3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ ชอบอ่าน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โธ่ พี่ทัตรักคริสขนาดนี้ ยังจะกล้าทำเรื่องไม่ดีกับคริสหรือครอบครัวคริสอีกเหรอ อยากรู้จัง ทีครอสกับอีฟทะเลาะอะไรกันรุนแรงขนาดจะฆ่าเลยเหรอ หรือ พี่ทัตเข้าใจผิด โอ้ยยย กลัวมาม่า ตอนนี้คริสเริ่มจะมีใจแล้วด้วย  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
สัมผัสที่ 18


 
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอะไรสักอย่างที่ดึงปึงปัง มันเหมือนคนกระแทกประตูและความมืดที่พบเจอก็ตอบข้อสงสัยให้ว่าคงเป็นไอ้เจ้าของห้องที่น่าจะรีบออกจากห้องไปนั้นแหละ ผมเสมองไปที่นาฬิกาเห็นว่าทุ่มกว่าๆแล้วก็แทบสะดุ้ง

ให้ตายสิ ยังไม่ได้โทรหาไอ้พี่ครอสเลย ป่านนี้ไม่ใช่สติแตกไปแล้วเหรอวะเนี้ย

ผมรีบลุกไปควานหาเสื้อผ้ามาใส่แล้วล้วงเอาโทรศัพท์กำลังจะปลดล็อคกะโทรหาพี่ชายแต่มันกลับแฝดเสียงดังลั่นเพราะมีคนโทรตัดหน้าขึ้นมาซะก่อน เบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์แปลกที่ผมไม่คุ้น

“Hi”

/คุณคริสตัลอยู่ที่ไหนครับ ผมจะได้ไปรับถูก?/

“นายเป็นใคร?”

พอจะรู้แหละนะว่าคงเป็นลูกน้องของไอ้พี่ครอสที่คอยผลัดกันมารับผมแต่เสียงของคนๆนี้ผมไม่คุ้น

/ผมไคครับ/

ไค...อ้อ ลูกน้องหน้านิ่งที่มักจะปรากฏตัวในบางเวลาอย่างกับผีเหมือนไอ้ยักษ์เลย ไคเป็นลูกน้องของพี่ครอสมานานแต่ผมเจอหน้าแทบนับครั้งได้ หน้าที่ของไคนั้นสำคัญเหมือนเป็นหัวหน้าหน่วยแต่การที่จะมารับผมซึ่งเป็นอะไรที่หน่อมแน้มแบบนี้ มันใช้เหรอวะ

“อยู่ที่คอนโดXXX นะ”

/อีกห้านาทีถึงครับ/

โคตรไว อย่าบอกนะว่าอยู่แถวนี้อยู่แล้วนะ เมื่อวางสายไปผมก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวเสร็จก็หาเสื้อผ้าไอ้ยักษ์มาใส่ มันเคยบอกไว้นี่ว่าผมจะหยิบจับอะไรก็ได้ เมื่อเสนอมาก็ต้องสนองกลับนี่เนอะ

ผมใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวร่วมครึ่งชั่วโมงเลยครับ แต่ไอ้คนที่บอกว่าจะมารับก็ไม่มีการโทรมาเร่งหรืออะไรเลยนะ ผมเก็บของสำคัญและถือชุดตัวเองออกจากห้องนอนไปยังห้องด้านนอกที่เปิดไฟไว้แค่ดวงเดียว

ทำไมเหมือนมันไม่อยู่เลยวะ และเมื่อเดินหาจนทั่วก็ไม่เจอเจ้าของห้องจริงๆผมเลยล่าถอยและออกจากห้องมันลงไปยังชั้นล่างโดยที่ไม่ได้รอบอกลาส่งท้ายอะไรทั้งสิ้น

“รอนานไหม?”

ผมเอ่ยเมื่อขึ้นมานั่งที่เบาะหลังของรถยุโรปคันหรู ไคที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับตอบกลับว่าไม่นานแล้วก็ออกรถไปเงียบๆไม่มีการพูดจาอะไรอีก

ช่างเป็นคนที่ไร้มนุษยสัมพันธ์จริงๆ

“พี่ครอสกลับบ้านรึยัง?”

จนเป็นผมที่ทนความอึดอัดไม่ไหวเลยต้องหาเรื่องถามออกไป

“ยังครับ”

“ปกตินายไม่ได้มีหน้าที่ส่วนนี้นี่ คิดยังไงถึงมารับผมละ”

“คุณทีครอสสั่งครับ”

ผมกรอกตามองบนแทบไม่ทัน อะไรมันจะเถตรงขนาดนั้นวะ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆที่จะตอบในเชิงใสซื่อเลยนะครับ เผลอๆอายุอาจมากกว่าพี่ครอสซะด้วยซ้ำ

“ผมหมายถึงการที่นายมารับแสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสักอย่างสิ แล้วเป๊กกับอั๊นไปไหน?”

“ทั้งคู่อยู่กับคุณครอสครับ”

“ห่ะ? ไปอยู่อะไรทั้งคู่?”

“งานนะครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

“งานใต้ดินละสิ”

ใช่ว่าผมจะไม่รู้เรื่องที่พี่ครอสมันมีงานใต้ดินที่ดูอันตรายอยู่นะ ผมรู้แต่ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ยุ่ง พี่ครอสมันเลยไม่ได้อะไรไม่บอกไม่ถามไม่พูดและก็ไม่ได้ห้ามให้ผมรู้ด้วย

คนขับรถกิตติมศักดิ์ไม่ตอบและนั้นก็คือปฎิกิริยาที่ทำให้ผมกดยิ้ม ผมเลิกสนใจแล้วหันหน้าออกไปมองวิวยามค่ำทางด้านนอกอยู่เงียบๆ จนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ของคนด้านหน้าดังเรียกความสนใจแต่ตาก็ยังมองออกไปที่นอกกระจกรถอยู่เหมือนเดิม

“ครับ...ใช่ครับ...กำลังไปครับ...ได้ครับ...ครับ...ครับ”

อุสาแอบฟังแต่รู้สึกเหมือนเสียเชิงฉิบหาย คือถึงแอบไปก็ไม่รู้เรื่องไงครับในเมื่อมันพูดแต่ครับๆอยู่แบบนี้ ผมจิ๊ปากเบาๆอย่างอดไม่ได้พร้อมๆกับที่คนด้านหน้าวางสายและเปลี่ยนเลนส์ตีไฟเลี้ยวกะกลับรถไปในอีกเส้นทาง

“จะเลี้ยวไปไหนนะ?”

“คุณทีครอสบอกให้พาคุณไปอยู่ที่ออฟฟิตครับ”

“ทำไม?”

“......”

“ผมถามว่าทำไมต้องไปอยู่ที่ออฟฟิต?”

ไอ้พี่ครอสรู้ดีว่าผมไม่ชอบอยู่ที่นั้นและเวลาแบบนี้มันมักจะให้ผมกลับไปอยู่ที่บ้านเสียมากกว่า แล้วจู่ๆไหงถึงกลายเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่อยากคิดมากคือมันมีเรื่องจะคุยด้วยเลยให้ไปหาที่นั้นแต่ถ้าให้คิดมากๆลึกๆเข้าไปอีกหน่อยก็คงหนีไม่พ้น...

“มันไปมีเรื่องอะไรกับใครเข้าอีกละ?”

ไคไม่ตอบแต่เหยียบคันเร่งมากขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับมองกระจกมองหลังบ่อยจนผมสังเกตุได้

“มีใครตามเรางั้นเหรอ?”

ไคเหลือบตามามองผมผ่านกระจกมองหลังแล้วจึงเอ่ยปาก

“ครับ”

ผมหันไปมองที่ด้านหลังก็เจอรถยนต์สีดำติดฟิล์มทึบขับไล่เลี่ยกันมา

ท่าไม่ดีแล้วสิ

“พี่ครอสอยู่ไหน?”

“........”

แล้วแม่งก็ไม่ตอบกูอีก

“ผมถามพี่ชายผมอยู่ที่ไหน!?!”

“อยู่ที่XXX ครับ”

ต้องให้กูใส่อารมณ์ตลอด แต่เดี๋ยวนะ ที่นั้นมันใกล้โรงพยาบาลที่พี่ไอ้ยักษ์พักอยู่เลยนี่

“พี่ครอสไปทำอะไรที่นั้น?”

“ไปทำงานครับ”

“งั้นผมจะไปหามัน”

“ไม่ได้ครับ คุณครอสสั่งให้พาคุณไปอีกที่หนึ่ง”

ผมพ้นลมหายใจแรงๆอย่างนึกหงุดหงิด แต่จะเถียงต่อก็เปลืองน้ำลา ยพูดมากไปมันก็ไม่พาไปอยู่ดีถ้าไม่ใช่คำสั่งของผู้ที่เป็นเจ้านายอย่างพี่ครอส ว่าแล้วผมก็หยิบเอาโทรศัพท์ออกมากดต่อสายหาพี่ชายในขณะที่ไคยังคงพาขับรถหลีกหนีด้วยความชำนาญ

“บ้าจริง!”

ผมสบถเมื่อต่อสายไปกี่ทีๆไอ้พี่ครอสก็ไม่ยักกะรับสาย เลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็ฯเบอร์ของลูกน้องมันอีกคนที่มารับผมบ่อยๆ

/ครับคุณคริสตัล/

“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”

ถามเสียงแข็งไปมันจะได้รู้ว่ากูกำลังเอาจริง

/เออ คือว่า.../

“ที่xxxใช่ไหม?”

/คะ ครับ/

“แล้วพี่ครอสอยู่ไหน ทำไมไม่รับสายผม?”

/คุณครอสอยู่ในห้องประชุมครับ คงกำลังคุยเรื่องสำคัญเลยไม่สะดวกรับสาย/

“บอกมันด้วยว่าผมกำลังจะไปหา”

/ไม่ได้นะครับ!/

ผมขมวดคิ้วเลย

“ทำไมจะไม่ได้ หรือมีอะไรปิดบังกัน?”

/ปะ ป่าวครับ แต่ผมคิดว่าคงใกล้จะได้กลับแล้วเลยไม่อยากให้คุณคริสมา/

ตอแหลชัดๆ น้ำหน้าอย่างมันเหรอจะจงรักภักดีกับผมถึงขนาดนั้น

“ผมจะไปรับพี่ชายกลับบ้านพร้อมกันไง แค่นี้แหละ อีกไม่ถึงสิบนาทีน่าจะถึง”

ถ้ากะจากความเร็วที่ไคขับอยู่ตอนนี้แหละการจราจรที่โล่งพอสมควร ผมกดวางสายโดยไม่สนคำทักท้วงไดๆจากคนปลายสายแล้วหันไปสั่งไคต่อ

“พาผมไปหาพี่ครอส เราจะไปรับเค้ากลับพร้อมกัน”

“แต่ว่า..”

“อั๊นบอกว่าเรียบร้อยแล้ว”

ไคเงียบไปอึดใจหนึ่งไม่นานก็ตอบ ‘ครับ’ เบาๆและตีไฟเลี้ยวเตรียมมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ผมบอก ผมยกยิ้มพอใจแล้วเอามือกอดอกนอนพิงเบาะสบายๆไม่ได้ร้อนรนอะไรและไม่สนด้วยว่าไคสลัดรถคันนั้นหลุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมค่อนข้างวางใจในฝีมือของไคนะ จากการที่เค้าอยู่กับพี่ผมได้นานกว่าใครและยังเป็นมือขวาของพี่ชายแสดงว่าฝีมือต้องระดับพระกาฬ

ไม่ถึงสิบนาทีไคก็มาถึงจุดหมายซึ่งเป็นอาคารขนาดกลางที่ปิดประตูสนิทเหมือนไม่ได้เปิดทำการ ผมเลยนึกฉงนว่าไอ้พี่ครอสมันมาขูดรีดเค้ารึไงถึงได้มาเอาวันที่เค้าไม่เปิดทำการแบบนี้

“ทางนี้ครับ”

ไคเป็นคนเอ่ยเรียกความสนใจและผายมือไปทางด้านข้างตัวตึก ผมเดินตามไปจนถึงประตูเล็กซึ่งมีคนที่ผมพึ่งโทรหายืนเฝ้าอยู่ ทันทีที่อั๊นเห็นผมสีหน้ามันดูตกใจใม่น้อย ผมกดยิ้มไหวไหล่เมื่อไคเหลียวมามองเหมือนจะกล่าวโทษแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา

ไคถอนหายใจเมื่อคิดว่ามันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ก็คงต้องพาไปหาเจ้านายอย่างเดียวจึงได้หันไปพูดคุยกับคนเฝ้าประตูจนมันยินยอมเปิดให้โดยไม่กล้าที่จะขัด ผมเดินตามไคไปยังด้านในพลางสอดส่องมองดูรอบๆ

ที่นี้ไม่ใช่ไม่เปิดดำเนินการแล้วแหละ แต่เป็นถูกปล่อยให้ทิ้งร้างเสียมากกว่า ดูจากข้างของเครื่องใช้ที่ฝุ่นจับหนาเตอะแถมยังระแนระนาดไหนจะกลิ่นอับๆนี้อีก

ไคพาขึ้นไปยังขึ้นสามซึ่งเป็นชั้นบนสุดถ้าไม่นับดาดฟ้าจนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง

“หยุดเดินทำไม?”

“คุณคริสรออยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ ขอผมเข้าไปดูสถานการณ์ทางด้านในก่อน”

“ทำไมต้องดูก่อน มาจนถึงนี่แล้วก็เข้าไปพร้อมๆกันเลยนี่แหละ”

“แต่ว่า...”
 



ปัง!
 



ควับ!!!
 
ยังไม่ทันที่ไคจะพูดจบก็เกิดเสียงปืนดังลั่นขึ้น ผมตกใจจนสะดุ้งในขณะที่ไครีบคว้าตัวผมเข้าไปหลบที่ด้านหลังพลางหยิบปืนจากข้างตัวขึ้นมาตั้งท่าเตรียมพร้อม

“ไค พี่ครอสละ!?!”

เสียงมาจากด้านในและพี่กูก็อยู่ที่ด้านในนะครับ ผมรู้ว่ามือผมทั้งสองข้างที่ดึงชายเสื้อสูทของไคนั้นสั่นพอประมาณ แค่พอประมาณที่ลามไปจนถึงคอและกล่องเสียง เหงื่อจากไหนก็ไม่รู้ผุดขึ้นมาจนออกร้อนไปทั้งตัว ไคที่จ้องมองไปรอบๆอย่างระมัดระวังตัวและยังไม่ทันตอบผมก็เหมือนจะได้ยินเสียงคนวิ่งขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ ผมคิดว่าคงเป็นอั๊นแต่เมื่อเสียงดังขึ้นจนได้ยินชัดว่ามันไม่ใช่เสียงฝีเท้าของคนๆเดียวจึงเริ่มใจกระตุก

“ไปหลบอยู่ในห้องนั้นแล้วล็อคประตูไว้ให้ดี อย่าออกมาจนกว่าผมจะโทรเรียก เข้าใจนะครับ”

ผมพยักหน้ารับรู้แล้วรีบวิ่งเข้าห้องฝั่งตรงข้ามปิดประตูลงกลอนตามที่ไคบอกไม่นานเสียงคนสู้กันพร้อมคำโวยวายก็ดังขึ้นมา ดีที่ไม่มีเสียงปืนเกิดขึ้นอีกไม่งั้นเรื่องมันคงบานปรายและรุนแรงมากกว่านี้ ผมนั่งฟังเสียงทุกอย่างแต่จับใจความไม่ได้จนสักพักใหญ่ๆทุกอย่างก็เงียบลงแต่ไม่มีเสียงโทรศัพท์เรียกให้ออกไปแต่อย่างใด

อย่าบอกนะว่าไคแพ้

แล้วพี่ครอสจะปลอดภัยได้ยังไงละ

พอคิดได้อย่างนั้นความกลัวก็วิ่งพล่านไปทั้งตัวจนชาว๊าบ ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะหน้าซีดปากสั่นไหมแต่ผมรู้สึกแค่ว่าตัวเองแปลกๆไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน




แกร๊ก!




ผมสะดุ้งโหย่งเมื่อได้ยินเสียงเหมือนใครมาบิดลูกบิดประตูแต่ผมล็อคไว้แล้วเลยไม่สามารถที่จะเปิดเข้ามาได้

ผมได้ยินเหมือนเสียงใครคุยกันดังแว่วๆแล้วทุกอย่างก็เงียบลงไปอีก เออ อาคารนี้แม่งเก็บเสียงดีใช้ได้ ขนาดเสียงปืนยังดังไม่มากเท่าไหร่ ถ้าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงประตูก็คงจะไม่ได้ยินอะ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อคแล้วมองหน้าจอนิ่งๆ ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปจนจะสามทุ่มแล้วครับ ทำไมไคถึงไม่โทรมาสักทีละ


Rrrrr


เหี้ย!

เกือบทำโทรศัพท์ตกเลยไหมละ

ผมนิ่งไปนิดเมื่อเห็นรายชื่อคนที่โทรเข้ามา ไม่ใช่ไค แต่เป็นไอ้ยักษ์ มันคงกลับไปที่คอนโดแล้วไม่เห็นผมละมั้ง

“อืม”

/คริสอยู่ไหน?/

เสียงมันแปลกๆเหมือนคนกำลังหอบหายใจอยู่เลยครับ แต่ยังฟังดูก้องๆด้วยนะ

“กำลังจะกลับบ้าน โทษทีที่ไม่ได้บอกก่อน”

/……/

ปลายสายเงียบไปไม่นานสายก็ตัด ผมเอาโทรศัพท์มามองอย่างงงๆ ไอ้นี่ก็บ้า บทจะผีเข้าก็ไม่บอกกล่าวกันเลยนะมึง



ตึ๊ง!



เหี้ย!!

ผมสะดุ้งอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงเหมือนอะไรหนักๆมากระทบที่บานประตู อย่าบอกนะว่าพวกนั้นจะพังเข้ามา ไอ้ห่า กูชักกลัวแล้วนะเว้ย ไอ้พี่ครอสเหี้ย รีบมาช่วยน้องเลย!!!


ตึ๊ง!!


เมื่อรอบแรกไม่ผ่านรอบสองจึงตามมา เวลานี้กูไม่นั่งมองอยู่เฉยๆแล้วครับ ผมรีบลุกไปหาที่ซ่อนซึ่งก็เจอโต๊ะทำงานเก่าๆตั้งอยู่ใกล้ๆบานหน้าต่างเลยได้ที่ซ่อนในที่สุด ผมซุกร่างของตัวเองเข้าไปที่ช่องว่างข้างล่างด้วยใจที่เต้นระทึก เต้นโคตรแรงอย่างกับจะทะลุออกมานอกอกซะให้ได้ เสียงกระแทกรอบที่สามก็ตามมาแต่รอบที่สี่คือดังที่สุดและมันก็เปิดเข้ามาได้แล้วด้วย

“ไม่เห็นมีอะไรเลย”

เสียงบุคคลปริศนาคนแรกเอ่ย ผมเอามือปิดปากเพราะกลัวจะเผลอส่งเสียงอะไรออกไปถ้าหากมีอะไรให้ต้องตกใจอีก

“เอาน่า นายบอกให้หาก็หาไป”

บุคคลปริศนาคนที่สองเอ่ยก่อนที่เสียงเดินจะตามมาเป็นละลอก พ่อแก้วแม่แก้วเทวดาซาตานพระเจ้าองค์ไหนก็ได้ ช่วยไล่มันไปไกลๆหรือให้มันหาผมไม่เจอทีเถอะครับ อาเมน~

“เห้ย พวกมึงนะ”

เหมือนจะเป็นเสียงบุคคลที่สาม

“มีอะไรวะ?”

“เจอไหมวะ? กูอยากรีบเคลียร์รีบกลับแล้ววะ”

“แล้วมึงเห็นว่ามีไหมละ ถ้าจะยืนบ่นก็มาช่วยกันหา ห้องรกสัส ไหนจะฝุ่นอีกแม่ง”

อย่ามาเลยเหอะ แค่สองคนกูก็ใจระทึกฉิบหายแล้วนะเว้ย มาเพิ่มอีกหนึ่งไม่ต้องกลั่นหายใจกันเลยเหรอ

“เออๆ ว่าแต่พวกมึงคิดเหมือนกูไหมวะ”

“คิดอะไร?”

“คิดว่านายเรายังใจอ่อนเกินไป อย่างกูนะถ้าจะยิงกูจะเอาแม่งให้ตาย แต่นี่เหมือนจะให้แค่เจ็บ”

“มันก็เรื่องของนายป่าววะ?”

“แต่เห็นว่าแค้นขนาดนั้นกูก็นึกว่าจะเอาตายเลยไง”

“นินทานายนักเดี๋ยวกูฟ้องแม่ง”

“ไอ้สัส! กูแค่สงสัยเว้ย!!”


“เสียงดังอะไรกัน?”


!!!!


คราวนี้ไม่ใช่แค่พวกที่คุยกันนั้นที่ตกใจ แต่คนที่ซ่อนอยู่อย่างผมก็ตกใจ เสียงคนมาใหม่ที่เป็นบุคคลที่สี่นั้นมันคุ้นหูผมมาก คุ้นเหมือนพึ่งได้คุยกันไปหยกๆ

“ป่าวครับนาย”

“ถ้ามีเวลาสงสัยนักก็หาให้เจอภายในสิบนาที ถ้าไม่เจอพวกมึงโดนหนักแน่!”

“ครับ!!!”

สิ้นเสียงคำรามต่ำที่สั่งการอย่างหัวเสียผมได้แต่นิ่งค้างด้วยใจที่กระตุกวูบ


ชัดเลย…


เสียงนี้มัน…



Rrrrr


เฮือก!!!


เวรแล้วไง ลืมปิดเสียงโทรศัพท์ซะได้

“เห้ย! เสียงมาจากตรงนั้น”

เหี้ยแล้ว

“ออกมานี่เลยมึง”

มันโผล่หน้าเห่ยๆมากันครบทั้งสามคนเลยครับ ผมกัดฟันกรอดก่อนจะถีบไอ้คนแรกที่เข้ามาฉุดแขนจนมันถลาไปชนกับพนังห้อง แต่พอจะลุกหนีคนที่สองและสามก็เข้ามาล็อคแขนคนละข้างแล้วพาลุกไปเผชิญหน้ากับคนที่มันเรียกว่า ‘นาย’

“ทัต”

เสียงผมคงไม่สั่นใช่ไหมครับ

คนตรงหน้ามองผมนิ่งๆด้วยแว่วตาที่ว่างเปล่า มันว่างเปล่าจนผมใจไม่ดี ทัตไม่เคยมองผมด้วยแววตาแบบนี้

“พาไปขึ้นรถ”

“ครับ”

“เดี๋ยว! นี่มันเรื่องอะไรกันนะทัต!! ไอ้สัสปล่อยกูนะ”

ผมตะโกนโหวกเหวกพร้อมดิ้นพล่านแต่ก็ยังต้านทานไอ้สองคนที่ล็อคผมไว้ไม่ได้ ทัตไม่เอ่ยตอบใดๆและไม่แม้แต่จะมองตามผมมาด้วยซ้ำ

นี่มันเรื่องอะไรกันวะ!?!

ทัตมาเกี่ยวข้องได้ยังไง!?!

แล้วพี่ชายของผมละ!?!


“เทพทัต!!!”


TBC…
 :katai4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ใกล้ถึงจุดพีคแล้วสินะ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
แนะนำให้คริสเทผัว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด