《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.  (อ่าน 60475 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ถ้าไม่พูดเสียที ระวังนายตัดใจแล้วไม่เหลียวแลนะทีครอส

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
ไหวหวั่นครั้งที่ 7




สัมผัสร้อนๆที่สอดใส่อยู่ภายในร่างนั้นทำให้ผมแทบกระดุกกระดิกไม่ได้ บอกได้คำเดียวเลยว่าเจ็บครับ เจ็บมากจนถึงขั้นต้องหลั่งน้ำตา ไอ้พี่ครอสยังคงตีหน้าขึงก่อนจะขยับนิ้วให้ผมได้กระตุกสั่นเล่นๆ

“จะเจ็บ”

“หึ”

หัวเราะหาพ่อง!

นิ้วมือที่ขยับอยู่ภายในคว้านลึกไปเรื่อยจนสติผมเริ่มหลุด กลิ่นหอมเย็นๆโชยมาจากคนตรงหน้าให้ยิ่งมึนเบลอจนเผลออ้าปากหลุดเสียงครางชวนขนลุก ผมเอียงหน้าปรับองศาให้ใครบางคนได้ก้มลงมาขบเม้มที่ต้นคออย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ความรู้สึกเปียกชื้นทำให้ขนลุกขนชันไปทั่วร่างไม่นานก็เจ็บแปร๊บจนต้องร้องอีกครั้ง คงได้รอยฟันและรอยแผลมาแน่ สังเกตุจากอาการแสบที่ตามหลังมานั้นไง มือผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้วแต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะผลักไสได้ดั่งเดิม 

“อึก ปล่อย”

“ก็ชอบไม่ใช่รึไง?”

เสียงเข้มถามกลับจนผมออกร้อนไปทั้งหน้า ก็ไอ้ร่างกายทรยศมันกลับชูชันแข่งกับสัมผัสเสียดสีที่ล้วงลึกอยู่ทางด้านใน ผมเม้มปากแน่น ดวงตาฉ่ำจนไอ้พี่ครอสผ่อนแรงที่ด้านหลังแล้วถอนมือออกในที่สุด ผมโล่งจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ดีหน่อยที่แขนแกร่งรับไว้ได้ทันก่อนที่จะอุ้มผมขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปยังห้องนอนโดยไม่ปรึกษาหารือจากเจ้าของอย่างผมเลยสักนิด

“อุ๊ก! อื้ออออ”

ทันทีที่มาถึงเตียงมันก็โยนผมลงเลยครับ ปากยังไม่ทันจะด่าก็โดนมันเข้ามาประกบไว้ด้วยปากตัวเองอีกครั้ง เรียวลิ้นร้อนกวาดต้อนลิ้นผมในทีเผลอจนต้องจนมุม การบดขยี้แรงตามอารมณ์จนได้ยินเสียแขวกดังแว่ว ผมถูกกดไหล่ให้จมลงกับที่นอนหนา ดวงตาเบลอจนมองแทบไม่เห็น จะว่าไป…มันไม่ได้เปิดไฟนี่หว่า...

“อึก!”

สะดุ้งแอ่นอกเมื่อจุกน้อยๆโดนมือหนาบดขยี้จนเจ็บแปร๊บ ส่วนล่างก็โดนล้วงจนส่วนนั้นออกมารับอากาศเย็นๆจากแอร์คอนดิชั่น มันไปเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่วะเห้ย!

“อาห์”

ทันทีที่มันผละปากออกผมก็หลุดเสียงครางในทันที ก็เล่นรูดส่วนนั้นสลับกับแรงขย้ำที่หน้าอกจนความเสียงซ่านเข้าจู่โจมไม่หยุดยั้ง ผมเกร็งร่างเท้ายันกายบิดเร้าสู้แรงมือจากคนใจร้าย มือที่จิกเกร็งอยู่ที่ไหลกว้างไม่ได้ทำให้มันสะทกสะท้านเลยสักนิด ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเสร็จ สติเริ่มใกล้จะหลุดลอยจนได้ยินอะไรบางอย่างดังแว่วเข้ามาในหู

ครืน ครืน

มันคือเสียงการสั่นของโทรศัพท์ ซึ่งน่าจะเป็นของผม ไอ้พี่ครอสหยุดมือแล้วเหลียวไปมองที่พื้นข้างๆเตียง ผมที่กำลังจะไปถึงฝันแต่กลับต้องชะงักเลยทำได้เพียงหอบหายใจหนักๆอย่างชัดเขิน

“หึ”

หัวเราะแบบนี้อีกแล้ว

ไอ้พี่ครอสมันละมือจากผมแล้วก้มลงไปหยิบโทรศัพท์มาโชว์ให้ผมดูจนเห็นชื่อไอ้เต้โชว์หลาอยู่ตรงหน้า ผมเหลือบไปมองคนถือที่ตอนนี้ยกยิ้มเจ้าเล่ห์จนผมเริ่มจะเสียวสันหลัง

ไม่นะ หวังว่าความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนนี้จะไม่เป็นจริง มันคงไม่ทำอะไรบ้าๆอย่างรับสายแล้วให้ทางนั้นได้ยินเสียงผมตอนโดนแกล้งอยู่หรอกนะ

ไอ้พี่ครอสหัวเราะอีกครั้งแล้วโยนโทรศัพท์ไปไว้ด้านบนเหนือหัวผมพอดี ผมถอนหายใจหน่อยๆแต่ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อมันก้มลงมากัดที่หัวนมอย่างแรง

“โอ้ย! เจ็บ”

มันฟังผมซะที่ไหนละครับ ยิ่งเจ็บมันยิ่งเล่น ยิ่งผมดิ้นมันยิ่งแรง ไอ้ซาดิสต์เอ๊ย!

“อ๊ะ”

พอกัดไปทั่วทั้งตัวทำรอยไปทั่วทั้งร่างจนมันพอใจมันก็จับผมพลิกคว่ำใช้ขาค้ำแล้วแอ่นก้นขึ้นสูงอย่างชำนาญ

“เดี๋ยว!”

ผมพยายามจะพลิกกลับพลางห้ามมันไว้แต่ก็อย่างที่คาดคือกูกระดุกกระดิงแม่งไม่ได้เลยครับ มันเองนอกจากจะไม่ฟังผมแล้วยังมีการล้วงเอาอะไรบางอย่างมาจากกระเป๋าเสื้อที่ถูกโยนไว้ใกล้ๆ มันเป็นขวดคล้ายๆนมเปรี้ยวแต่สีฟ้าสดใสเหมือนสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อมีความรู้สึกเย็นๆจากการโดนสิ่งหล่อลื่นนั้น เรียวนิ้วที่เคยทะลุเข้าไปแล้วรอบหนึ่งตอนนี้กำลังป้ายเจลและค่อยๆแทรกเข้าไปยังช่องทางนั้นอีกครั้งอน่างเบามือ ผมเม้มปากแน่นกำผ้าห่มหนาจนแทบขาด ความเจ็บที่เคยโดนกระทำในทีแรงเริ่มส่งผลให้ผมได้เจ็บแสบอีกครั้ง ไอ้พี่ครอสมันคงรู้ว่าผมเจ็บมากแค่ไหนมันเลยด้มลงมาจูบที่แผ่นหลังไล่จากสะโพกขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงหัวไหล่ ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆใกล้ต้นคอจึงหันไปหา จนเจอเข้ากับรูปหน้าหล่อเข้มที่ทำผมใจเต้นไม่เป็นล่ำเป็นสันในทุกคราที่เจอ มองจ้องกันอยู่ไม่นานใบหน้านั้นก็โน้มมาหาจนปากประกบปาก สัมผัสช่างอ่อนโยนผิดกับก่อนหน้านี้อย่างลิบลับ ผมหลับตาลงพยายามรับรสชาติความหอมหวานที่ผู้ชายที่ตนรักป้อนให้อย่างเต็มที่ เสียงน้ำลายจ๊วบจ๊าบดังสลับกับเสียงครางเคลืออย่างสุขสม หัวสมองผมขาวโพลนจนไม่รู้ถึงการถอดนิ้วแล้วตามมาด้วยบางสิ่งบางอย่างที่แข็งขื่นและร้อนระอุ ส่วนปลายใหญ่โตเกลี่ยอยู่ที่ทางเข้าวนรอบไปมาอยู่อย่างนั้นก่อนจะเบียดตัวตนแทรกกายเข้ามาในทีเดียวจนสุดทางด้วยความแรง

ผมผวาเฮือกเบิกตากว้างเหมือนจู่ๆก็โดนฉุดให้ตดสวรรค์มารับความเจ็บปวดจากความเป็นจริง เสียงร้องที่หลุดเปร่งอน่างสุดเสียงไม่สามารถระบายอาการตุบๆที่ช่องทางนั้นได้เลย มันอึดอัด มันร้อน มันเจ็บ

“ซี๊ด ตอดกูชิปหาย”

ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงมันตั้งแต่เข้าห้องมาเลยวะ ผมกำผ้าห่มแน่นปากขบเม้มจนชาดิกแต่ก็ไม่เท่าด้านหลังที่โดนใครบางคนรุกล้ำอยู่ตอนนี้ ไอ้พี่ครอสเหยียดกายขึ้นตรงยกมือขึ้นเสยผมทำให้ผมเห็นว่ามันไม่ได้ถอดเสื้อหรือกางเกงของมันเลย มันทำเพียงแค่ปลดกระดุมทุกเม็ดโชว์แผงอกและลอนหน้าท้องหนาส่วนกางเกงก็ทำเพียงแค่ปลดซิปแล้วรูดมันลง ทั้งที่ตัวกูเปลือยแม่งหมดแถมยังไม่รู้ตัวอีกว่าตัวเองเปลือยตั้งแต่เมื่อไหร่!

“หลังจากนี้ไป มึงคือคนของกู”

“อ๊าห์!!!”

พูดอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องมากระแทกใส่กันเต็มแรงแบบนี้!

มือหนาจับประคองสะโพกรั้งให้ตั้งชันได้องศาและจ้องจังหวะกระแทกกระทั้งจนผมร้องไม่หยุด ไม่เคยรู้สึกเจ็บปนเสียวเหมือนรู้สึกดีทปนทรมานอย่างต่อเนือง อย่างที่เคยบอกว่ามันแรงวัวแรงควายขนาดไหนแล้วคิดดูว่าการกระแทกแบบไม่ออมแรงแต่ละทีผมจะจุกมากถึงขนาดไหน ได้ยินเพียงเสียงผิวเนื้อกระทบกันดังลั่นแข่งกับเสียงครางกระเส่าที่ไม่เข้ากับเบ้าหน้าผมเลยสักนิด ผมกระตุกเกร็งเมื่อมันลงลึกจนไปโดนบางจุดเข้าให้ ได้ยินเสียงหัวเราะทุ่มต่ำลอยมาอีกครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะโหมกระหน่ำอีกครั้งและอีกครั้งจนยากที่จะถอดถอน

ถล้ำลึกเกินกว่าที่จะถอยแล้วสินะ

ทั้งที่ว่าจะห่างออกไปแล้วแท้ๆ

“ร้องไห้ทำไม?”

หืม นี่ผมน้ำตาไหลอยู่เหรอ?

“เสียใจ?”

ผมส่ายหัว ตอนนี้ผมนอนเงยหน้ายกแขนกอดคอขาโดนมันยกสูงขัดด้วยลำแขนแกร่งและส่วนนั้นยังคงเชื่อมกันอยู่เช่นเดิม ลำตัวของเรามันเลื่อมไปด้วยหยาดเหงื่อจนชุมโชกแต่กลับไม่มีใครนึกรังเกียจหรือหยุดกิจกรรมอันเร่าร้อนนี้แม้แต่น้อย

“งั้นก็อย่าร้อง”

ผมพยักหน้า มือหนาเอื้อมมาเช็ดรอยน้ำตาที่หางตาให้ก่อนจะก้มลงมาจูบหมับในเชิงปลอบ ผมใช้จังหวะนี้กอดรัดคนตรงหน้าให้แน่นขึ้นไปอีกก่อนจะซุกปลายจมูกลงกับไหล่กว้างอ้าปากฝังคงเขี้ยวลงกับผิวเนื้อจนได้รสเค็มปะแล่มๆคละคลุ้งไปทั่วทั้งปาก

“เป็นหมาเหรอมึง?”

ผมไม่ตอบ

“แต่หมานะมันซื่อสัตย์ต่อเจ้าของมันมานี่นะ”

“……”

“งั้น มึงต้องซื่อสัตย์กับกู…เพียงคนเดียวเท่านั้น”









          ผมรู้สึกตัวและพยายามอย่างยิ่งยวนที่จะลืมตาหนักขึ้นจนเห็นแสงสว่างภายในห้องเต็มสองตา ผมอยากจะขยับตัวแต่กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใดๆทั้งสิ้น

“ตื่นแล้วเหรอ?”

เสียงทักทำให้ผมหันไปมอง พี่ครอสเดินเข้ามาจากตรงระเบียงห้องด้วยชุดคลุมอาบน้ำของผม มันคงพึ่งอาบน้ำเสร็จละมั่ง

“กี่โมงแล้ว?”

“เก้าครึ่ง”

ห่ะ

“เชี่ย! โอ้ย!!”

“จะรีบลุกไปไหน”

โดนดุซะงั้น มันว่าแล้วเข้ามาช่วยพยุงผมที่เผลอผุดลุกขึ้นจนกลิ่งตกลงมาจากเตียงพร้อมผ้าห่มที่ขดม้วนอย่างกับหนอน

“โทรศัพท์ผมละ?”

ผมถามทันทีที่จัดท่านั่งได้อย่างลงตัวแล้ว ไอ้พี่ครอสพ้นลมหายใจก่อนจะเดินไปหยิบมาให้ สายที่ไม่ได้รับอย่างเยอะ ทั้งจากไอ้เต้ไอ้มิกซ์แล้วก็พ่อ ผมเลือกที่จะโทรกลับหาผู้เป็นพ่อก่อนใครเพื่อน

“ฮัลโหลครับ”

/ได้งานวันเดียวนี่ถึงขั้นชิ้งหนีเลยเหรอ?/

เสียงเข้มไปตามประสาแต่ฟังๆดูแล้วแกคงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากจนถึงขั้นโกรธเคือง ผมถอนหายใจเอนหลังพิงหมอนที่ซ้อนกันอยู่ที่ด้านหลัง

“ผมป่าวชิ้งเหอะ แค่ไม่สบายนิดหน่อยอะครับ ถือซะว่าผมโทรมาลาป่วยเลยแล้วกันนะบอสใหญ่”

/แล้วพ่อจะไปปฎิเสธอะไรได้ละไอ้ลูกบังเกิดเกล้า/

“เหอะๆ”

/ไม่สบายนะเป็นอะไรต้องไปหาหมอไหม?/

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับแค่ปวดหัวนิดหน่อยเดี๋ยวนอนพักก็หาย”

/แฮงค์ละสิ/

ผมหัวเราะเสียงแผ่วจนได้ยินเหมือนคนที่ปลายสายถอนหายใจ หางตาเหลือบไปเห็นไอ้พี่ครอสที่เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมด้วยถุงก๊อบแก๊บหนึ่งใบ

“แค่นี้ก่อนนะพ่อ”

ว่าแล้วก็วางสายไปในทันที พี่ครอสเข้ามานั่งที่ข้างตัวแล้วยกมือขึ้นอังหน้าผากวัดไข้แบบไม่เอ่ยบอกล่วงหน้าใดๆทั้งสิ้น ผมได้แต่มองตามตาปริบๆจนพี่แกหดมือกลับแล้วหันไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากถุง

ปรอดวัดไข้

“ผมไม่ได้ไม่สบายสักหน่อย เมื่อกี้แค่อ้างกับพ่อ”

“พูดไม่ดูสภาพตัวเองเลยนะมึง”

เอ๊า ก็มันไม่มีกระจกให้ส่องนี่หว่า พี่ครอสมันส่ายหัวหน่อยๆก่อนจะเอาปรอดนั้นมาเช็ดแล้วยื่นให้ผมอมไว้ใต้ลิ้น รอไม่นานก็เอาออกไปดูก่อนจะคลายสีหน้าทมึนตึงนั้นลงเล็กน้อย

“ผมดูแย่ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ก็แค่ตัวแดงอย่างกับกุ้งต้มพร้อมกับไข้อีกสามสิบแปดองศา”

ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก้มลงดูสภาพตัวเอง อื้อหือ กูโป๊อยู่ไม่พอยังมีรอยแดงเต็มตัวอย่างกับตุ๊กแกไปด้วยอีก

“หึหึ”

ผมหันควับไปจ้องมันเลยครับ มันคงสังเกตุเห็นอาการตกใจของผมแล้วนั้นแหละถึงได้ดูท่าทางพออกพอใจถึงขนาดนั้น ไอ้เชี่ย!

“ไม่พอใจ?”

“ยังมีหน้ามาถามอีก พี่ทำไปทำไมวะ!?”

“ทำ? หมายถึงทำรอยหรือทำกัน”

ผมนี่อ้าปากเหวอเลยครับ ที่ผมหมายถึงนั้นก็คือไอ้รอยบ้าๆนั้นแหละแต่ไม่นึกว่ามันจะพูดถึงไอ้เรื่องนั้นออกมาดื้อๆซะเต็มปากเต็มคำแบบนี้ เชี่ย! กูอาย!!

“หึหึ ตัวแดงใหญ่แล้วมึง ไข้ขึ้นเหรอ?”

น้ำเสียงแม่งโคตรจริงใจกับกูเลย

“เออ!”

“งั้นนอนไป เดี๋ยวเอาข้าวมาให้แล้วกินยาพักผ่อนซะ”

พูดจบมันก็เอามือมาขยี้หัวจนผมฟูแล้วจึงลุกขึ้นเดินดุ่มๆออกจากห้องไปอีกที ผมนี่โคตรจะงง คือปรับอารมณ์ไม่ทันวะครับ บทจะร้ายแม่งก็ปุ๊บปั๊บฟัดอย่างกับหมาบ้าบทจะดีก็เวอร์วังปานเทวดา คือมึงไม่ได้เป็นไบโพลาร์ใช่ไหม?

“อุ๊ก!”

ผมขยับตัวอีกรอบแต่อาการปวดไปทั่วทั้งร่างก็ทำร้ายผมจริงไม่อิงนิยาย คือผมไม่ใช่ผู้ชายอ่อนแอเหมือนไอ้คริสมันนะครับ แล้วคิดดูว่าผมที่สมบูรณ์แข็งแรงดีกลับต้องเดี้ยงถึงขนาดนี้ ไอ้คนทำแม่งต้องสุดๆวะ

ในที่สุดผมก็ฝืนสังขารยืนหยัดได้ด้วยตัวเองและพาสาระร่างเข้าห้องน้ำได้สำเร็จ ระยะทางระหว่างเตียงกับห้องน้ำมันไม่กี่เมตรเองนะครับแต่ทำกูเหนื่อยอย่างกับวิ่งรอบสนามบาสไปได้ ผมจัดการเปิดน้ำใส่อ่างทิ้งไว้ก่อนจะหันไปล้างหน้าแปรงฟันและฟอกสบู่ให้เอี่ยมอ่อง ดีหน่อยที่ไอ้พี่ครอสมันทำแล้วใช้ถุงยางผมเลยไม่ได้เหนอะหนะมากกว่าที่เป็น เมื่อร่างกายสะอาดแล้วก็พาตัวเองลงอ่างแช่น้ำอุ่นผ่อนคลายกล้ามเนื้อจนต้องหลับตานอนแอ่นผ่อนแรงอยู่นานสองนาน นานจนเผลอหลับและได้ยินเสียงปึงปังดังลั่นก่อนที่ตัวผมจะถูกฉุดกระชากอย่างแรงนั้นแหละ

“เห้ย! อะไรอีกวะเนี้ย!?”

ผมโวยวายใส่ไอ้ตัวการที่เข้ามาอุ้มผมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เป็นไอ้พี่ครอสเจ้าเก่าเจ้าเดิมครับเพิ่มเติมคือมันตีหน้ายักษ์ใส่ผมอีกแล้ว

นี่มึงเป็นไบโพลาร์จริงๆใช่ไหมเนี้ย?

ผมสงบปากสงบคำไว้จนมันพาผมไปนั่งแหมะอยู่บนเตียงทั้งที่ตัวเปียกมะล๊อกมะแล๊ก พอรู้สึกตัวว่าตัวเองโป้นี่แทบคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมแทบไม่ทัน

“ผ้าห่มเปียกหมดแล้ว”

อื้อหือ พูดมาได้ ที่นอนเปียกกว่าทำไมมึงไม่พูดวะห่ะ

“แล้วพี่ไปอุ้มผมออกมาทำไมละ ยังไม่ได้เช็ดตัวเลย”

“มึงจะจมน้ำอยู่รอมล่อ”

“ห่ะ?”

“กูยืนมองมึงนอนแช่น้ำเกือบสิบนาทีจนตัวมึงไหลลงไปเรื่อยๆนั้นแหละ นี่โง่หรือโง่กันแน่วะถึงได้ไปหลับอยู่ในอ่าง ถ้ากูไม่อยู่มึงไม่ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ว่าลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่จ่มน้ำในอ่างตายไปแล้วเหรอ”

พูดจบก็ฟึดฟัดหันหน้าหนีพลางกอดอกตีหน้าบึ้งตึงโดยไม่สนในหน้าอึ้งๆของกูเลยสักนิด โอ้โหเห้ย มึงด่ายาวแบบนี้ก็เป็นเหรอวะ ปกติเห็นพูดสั้นตัดจบชนิดที่แทบนับคำได้ด้วยซ้ำ

“ยังจะเอ๋ออีก ไปแต่งตัวแล้วมากินข้าวได้แล้ว”

ข้าว?

“ข้าวไหนอะ?”

คนตรงหน้าถอนหายใจแล้วชี้นิ้วไปยังโต๊ะเล็กติดกระจกระเบียง บนนั้นมีชามข้าวต้มที่คาดว่าน่าจะหายร้อนแล้ววางหลาอยู่พร้อมแก้วน้ำใบโต

“นี่พี่ลงไปซื้อด้วยชุดนี้อะนะ?”

คือมันยังใส่แค่ชุดคลุมอยู่ไงครับ ส่วนข้างในนั้นผมไม่รู้ไม่ได้ไปแหวกดู

“ป่าว”

“อ้าว”

“กูทำเอง”

“ห่ะ!?!”

“รีบๆไปแต่งตัวจะได้รีบกิน”

ว่าจบแม่งก็เดินหลบออกไปข้างนอกห้องอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองตาฝาด เหมือนจะเห็นมันหน้าแดงหน่อยๆพร้อมกับยกมือถูจมูกก่อนหายลับไปกับบานประตูอะครับ

อย่าบอกนะว่าเขิน

“ไอ้…บ้า…”

กว่าผมจะหอบสังขารตัวเองไปแต่งตัวพร้อมกับกินข้าวกินยาตามที่มันเตรียมให้เสร็จก็ปาไปสองชั่วโมงเต็มๆเลยครับ เหมือนได้กินมื้อเช้าควบมื้อเที่ยงไปในตัวเลยนั้นแหละและตอนนี้ผมก็ลากตัวเองกลับมานอนแหมะอยู่บนเตียง อ้อ ข้าวต้มฝีมือคุณท่านเขาอร่อยผิดคาดนะครับ มันเป็นข้าวต้มทรงเครื่องที่เครื่องไม่ค่อยเยอะคงเพราะวัตถุดิบไม่ค่อยมี(มีข้าวให้ก็บุญหัวแล้ว)แต่ไม่รู้มันเสกอะไรลงไปถึงได้อร่อยแบบนั้น ผมกึ่งนอนกึ่งนั่งยิ้มบ้าอยู่คนเดียวจนกระทั่งรับรู้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์นั้นแหละถึงได้ตื่นจากภวังค์

เป็นไอ้เต้ครับที่โทรมา

“ว่า?”

/รับสายกูได้สักทีนะครับ/

“โทษทีพอดีไม่ว่างสักเท่าไหร่?”

/ทำอะไรนักหนาถึงกับไม่ว่างรับสายสักนาทีเลยเชียว/

“เอาน่าๆ”

/มึง…ไม่ได้โกรธกูอยู่หรอกนะ?/

“โกรธเรื่องอะไรวะ?”

/ก็ที่กูทำเมื่อวาน…/

ภาพที่มันจูบผุดขึ้นมาในหัวจนผมเงียบกริบไปชั่วขณะ ไอ้เต้คงรู้สึกได้จึงถอนหายใจแล้วเอ่ยขอโทษผมมาอีกที

/ถ้ามึงไม่ชอบกูก็จะไม่ทำ/

“อืม”

/แล้ววันนี้มึงมีนัดไหนป่าววะ?/

“ไม่มีนะ”

/งั้นไปเดินเที่ยวกันอีกไหม? กูอยากไปจตุจักรกรีนวะ ไม่ได้ไปหลายปีแล้วมันจะยังเหมือนเดิมรึเปล่า?/

“หึหึ จะย้อนวัยเหรอมึง”

/ประมาณนั้น/

“โทษทีคงไปด้วยไม่ได้”

/ทำไมวะ?/

“กู…ไม่สบายนิดหน่อยนะ”

/มึงเป็นอะไร? เมื่อวานยังดีๆอยู่เลยนี่หว่า หรือจะปวดท้อง?/

“ก็คงจะอย่างนั้นแหละ”

/กินเยอะไปละสิมึง งั้นเดี๋ยวกูเข้าไปหาจะได้ซื้อยาเข้าไปให้ด้วย เอาของกินอะไรเพิ่มไหม?/

“ไม่เป็นไร อ๊ะ!”

/เอาน่า ถือซะว่าเป็นความผิดกูที่ไม่ห้ามมึง วันนี้ขอกูไถ่โทษด้วยการดูแลมึงแล้วกัน/

เสียงไอ้เต้ดังตอบกลับมาซะลั่นห้องเพราะโทรศัพท์ที่พึ่งโดนแย่งไปนั้นได้ถูกกดเปิดสปีกเกอร์โฟนด้วยน้ำมือของใครอีกคน

“พี่ครอส!”

/มึงเรียกใครวะนาย?/

“เออ..คือว่า…”

ไอ้พี่ครอสตวัดสายตามาจ้องผมเขม่งเมื่อเห็นว่าผมอ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น อ้าว กูผิดอะไรอีกวะ

/ไอ้นาย เฮ้! ฮัลโหล?/

“คุยกับใครอยู่เหรอครับ?”

ผมนี่โคตรจะตกใจเลยครับ จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงในเมื่อจู่ๆแม่งก็ทำเสียงอ่อนเสียงหวานเอ่ยถามผมทั้งที่โทรศัพท์ยังอยู่ในมือแถมยังไม่ได้ตัดสายไปเลยด้วย ไอ้พี่ครอสหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นหน้าหวอๆของผมอย่างชัดเจน มันค่อยๆก้มลงมาหาก่อนจะประกบปากแลกลิ้นจนได้ยินเสียงเจ๊าะแจ๊ะตามมา เดี๋ยวนะ แล้วไอ้คนในสายมนจะได้ยินไปด้วยไหมเนี้ย ยังไม่ทันจะสิ้นความคิดไอ้พี่ครอสก็แกล้งผมอีกครั้งด้วยการบีบหัวนมจนผมต้องหลุดเสียงร้องทั้งที่ปากก็ยังประกบกันอยู่อย่างนั้น

“อื้ออออ”

ให้ตายสิวะ เสียงโคตรล่อแหลมเลยสัส!

/ไอ้นาย! เฮ้!! ไอ้นาย!!!/

“หึหึ”

“พะ..พอ..อื้ออออ”

/เห้ย! มึงอยู่กับใครวะไอ้นาย? ได้ยินกูไหมเนี้ย?/

“บอกไปสิว่าอยู่กับใคร?”

มันกระซิบถามผมทั้งที่มือเลื่อนลงต่ำไปสาละวนอยู่กับบั้นท้ายแล้วครับ ผมเม้มปากแน่นพลางมองสบตามันสลับกับโทรศัพท์ไปมา

“พะ..”

“คิดให้ดีๆ”

“……”

“พี่น้องเขาจะทำแบบเมื่อคืนได้เหรอ?”

“งั้น…เราเป็นอะไรกันละ?”

“……”

มันยังไม่ตอบแต่ยกยิ้มพลางยันตัวลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง มือยกโทรศัพท์กดปิดสปีคเกอร์แล้วแนบหู

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าใครพูด…อ้อ ผมนะเหรอ…ผมเป็นเจ้าของคนที่คุณโทรหาอยู่ไงละครับ”

พูดจบก็ตัดสายแถมปิดเครื่องชนิดที่ไม่สนหน้าเหวอๆของผมเลยสักนิด

“เจ้าของ?”

“ใช่ กูบอกมึงไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไง”

เมื่อนึกย้อนไปแล้วก็อดออกร้อนที่หน้าไม่ได้ ก็เล่นบอกเอาตอน…เออ นั้นแหละครับ อย่าให้พูดเลย ผมเขิน

“จำได้แล้วสินะ”

ผมนิ่ง

“นอนพักไป กูจะกลับไปดูงาน เดี๋ยวตอนเย็นจะแวะมาหาใหม่ ส่วนโทรศัพท์ตื่นมาค่อยเปิด เข้าใจใช่ไหม?”

ผมพยักหน้าอีกครั้งอย่างว่าง่าย มันยิ้มกว้างถูกใจก่อนจะก้มลงมาจูบปากไปอีกทีเบาๆ

“ฝันดี”

ผมหลับตาลงตามมือที่ลูบให้หนังตาค่อยๆปิดลงตามแรง ผมอยากฝันดีแต่ไม่อยากให้สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นมันกลายเป็นเพียงความฝัน ผมอยากให้มันเป็นจริงในทุกๆวัน ผมอยากเป็นของเขาไปไปจนกว่าหัวใจดวงนี้จะตายลง



พระเจ้า อย่าทำให้ผมต้องเจ็บช้ำไปมากกว่านี้เลยนะครับ



Tbc…


ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
ไหวหวั่นครั้งที่ 8





ผมนั่งนิ่งจ้องมองออกนอกหน้าต่างรถอยู่อย่างนั้นตั้งแต่นั่งรถสปอร์ตหรูที่แม้แต่ไอ้คมยังใฝ่ฝันถึง ภายในรถยังคงความเงียบสงบตามความชอบผู้เป็นเจ้าของอย่างทีครอส เฟรงเบิร์ค ถ้าถามว่าเรากำลังจะไปไหนกัน ผมบอกได้เลยว่าไม่รู้ครับ ตอนแรกพี่ครอสมันบอกแค่ว่าจะพาผมไปกินข้าวเย็นแต่ไปๆมาๆ มันกลับพาผมออกนอกเส้นทางที่เราว่าจะไปกินซะงั้น พอจะเอ่ยปากถามมันกลับตีหน้าบึ้งตึงจนผมไม่กล้าถาม คงตั้งแต่ที่มันรับสายจากทางบ้านแต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำนั้นแหละมั่งมันถึงได้ตีหน้าบึ้งแบบนี้

นับตั้งแต่วันนั้นที่เรามีอะไรกันนี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วนะครับที่ผมไม่ได้เจอมันเลย ก็พอรู้แหละว่ามันโคตรจะยุ่งแล้วไหนจะผมที่พึ่งเริ่มเข้าทำงานอีกด้วย ผมก็ยุ่งมันก็ยุ่งจะมีคุยกับบ้างแต่ก็แป๊บเดียวจนดูเหมือนไม่ใช่การคุยอะครับ ประมาณว่ามันโทรมาถามว่ากินอะไรรึยัง? วันนี้จะไปไหน? พอได้คำตอบแล้วก็วางสายไป ไอ้ผมนี่โคตรงง ตามอารมณ์มันไม่ทันจริงๆวะ

Rrrrr

ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดูหน้าจอ เป็นคริสตัลที่โทรเข้ามา ผมเหลียวไปมองคนขับแว๊บหนึ่งแต่ดูท่าทางไม่สนใจของเขาแล้วก็รับสายไป

“ว่า?”

/มึงอยู่ไหนวะ? กูมาหาที่ห้องไม่เจอ/

“กูอยู่ข้างนอก มึงมีอะไร?”

/ไอ้มิกซ์อยู่กับมึงไหม?/

“ไม่”

/ไอ้เชี่ยเอ๊ย แล้วมันไปไหนมึงรู้ไหม?/

“ไม่รู้วะ ช่วงนี้มันไม่ค่อยอยู่ห้องด้วย กลับมาแป๊บๆก็ออกไป”

/กูว่าแล้วไง/

“อะไรของมึงวะคริส?”

/ไอ้คมมันแอบไปเห็นเชี่ยมิกซ์ควงกับสาวไฮโซคนหนึ่งเว้ย.../

“แล้วยังไง?”

/ก็ไอ้สาวคนนั้นมันเคยควงกับไอ้แวนไง ไอ้คมจำได้ กูเลยจะมาบอกมัน พวกมึงถือคติไม่คบคนเก่าเพื่อนไม่ใช่รึไง/

ผมนิ่งเงียบ ไอ้คริสคงยังคิดว่าผมยังคงคั่วผู้หญิงอยู่สินะ

“เดี๋ยวกูเจอมันกูจะบอกให้”

/แล้วมึงจะกลับมาตอนไหนวะ?/

“ไม่รู้ ทำไมวะ?”

/กูว่าจะมาเล่นกับมึงอะ นี่ก็อยู่คอนโดมึงละ/

“ผัวไม่อยู่เหรอถึงได้เห็นหัวกู”

/ไอ้ห่า นี่มึงน้อยใจกู?/

“เปล่า”

/ตอแหลป่าววะ กลับมาให้พี่โอ๋ม่ะ/

“สัส”

ผมยิ้มขำให้คนปลายสายไปนิดพอเงยหน้าขึ้นมองด้านนอกอีกทีปรากฎว่ามาโผล่ที่บ้านของตระกูลเฟรงเบิร์คซะแล้ว อ้าวเฮ้ย

“มึงจะกลับบ้านไหมวะ?”

/ก็ถ้ามึงไม่อยู่ก็คงกลับ ไม่อยากไปคอนโดอะไอ้ยักษ์มันไม่อยู่/

“งั้นแล้วเจอกัน”

ผมได้ยินเสียงมันร้องห่ะออกมาก่อนที่จะชิ้งตัดสายไปซะก่อน พี่ครอสเหลียวมามองผมนิดหน่อยก่อนจะพารถไปจอดที่ด้านหน้าประตูบ้าน เมื่อรถจอดสนิทพวกคนงานชายก็กรูกันเข้ามาเปิดประตูให้จนผมตกใจ โอ้โห บริการนายได้น่าประทับใจมาก

“แอ่!”

ผมหันไปมองตามเสียงร้องของเด็กเมื่อก้าวลงจากรถเรียบร้อยแล้ว ตรงหน้าผมคือผู้หญิงวัยกลางคนที่เป็นแม่ของสองพี่น้องทีครอสและคริสตัล ภายในอ้อมแขนของเธอมีแองเจลล่าตัวน้อยกำลังชูไม้ชูมือเหมือนจะอยากมาหาผม เอ๊ะ หรือมาหาแด๊ดดี้ของเธอกันแน่นะ

“อ้าว น้องนายมาด้วยเหรอลูก?”

“สวัสดีครับคุณน้า”

“สวัสดีจ้ะ หิวกันรึยัง? น้าทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลยเข้าไปในบ้านก่อนสิลูก”

ผมหันไปมองสบตากับพี่ครอสที่ยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง พี่แกก็พยักเพยิอหน้าให้เข้าไปผมเลยเดินตามผู้ใหญ่เข้าไปยังด้านในของตัวบ้าน

“แอ่ๆ”

“อยู่นิ่งๆสิค่ะแองเจลล่า”

ผู้เป็นย่าดุหลานเสียงไม่ดังเท่าไหร่และดูเหมือนสาวน้อยจะไม่สนใจพยายามปีนข้ามไหล่ย่ามาทางผมที่อยู่ด้านหลัง

“ให้ผมอุ้มไหมครับ?”

“อุ้มเป็นเหรอลูก?”

“เขาเคยเล่นกับแองจี้ตอนคริสพาไปเล่นด้วยนะแม่ แองจี้ติดยิ่งกว่าผมอีก”

คนเป็นพ่อพูดพลางเดินเข้าไปรับตัวลูกสาวจากแม่ของตนก่อนที่จะพามาให้ผมอุ้ม ผมรับมาปุ๊บสาวนน้อยก็ยิ้มแป้นพลางลูบหน้าลูบตาผมเล่นไปมาท่าทางสนุกสนาน

“ต๊ายตาย ท่าทางจะถูกใจน้องนายจริงๆนะเนี้ย”

ผมได้แต่ยิ้มรับแล้วพาแองจี้ไปยังห้องอาหารตามหลังย่าของน้อง พี่ครอสเองก็ยังคงเดินตามหลังอยู่เหมือนเดิมทำให้ผมไม่รู้ว่าเขากำลังทำหน้ายังไงหรือรู้สึกอย่างไร

“น้องนายพาแองเจลล่ามานั่งนี่นะลูก”

ผมพยักหน้าแล้วพาน้องไปยังเก้าอี้สำหรับเด็กอ่อนที่ตั้งอยู่ระหว่างเก้าอี้ผู้ใหญ่สองตัว ด้านหน้านั้นมีถาดยื่นออกมาพร้อมกับชามข้าวเหลวๆคล้ายโจ๊กตั้งอยู่ ผมวางน้องลงแล้วตั้งท่าจะเดินออกไปหาพี่ครอสแต่มือเล็กๆนั้นกลับไม่ปล่อยเสื้อผมซะงั้น

“ไม่เอาไม่ดื้อนะค่ะลูก”

ผู้เป็นย่าเข้ามาปรามแล้วค่อยๆแกะมือน้อยๆออกจนเธอเริ่มหน้าเบะคว่ำ

“อึก ฮึก”

“ไม่งอแงค่ะ ไม่น่ารักเลย หม่ำก่อนแล้วค่อยไปเล่นกับน้านายนะค่ะ น้องนายไปกินข้าวกับทีครอสเลยก็ได้จ้ะ ไม่ต้องรอน้า น้าทำไปกินไปอิ่มไปเรียบร้อยแล้ว”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปลูบผมสีอ่อนของน้องเบาๆ ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่าหนูน้อยแองเจลล่านั้นฉลาดถึงขนาดไหน มาเจออีกทีในวันนี้ดูเหมือนความฉลาดนั้นจะไม่ลดลงเลยสักนิดแถมยังเพิ่มมากขึ้นซะด้วยซ้ำ

ผมผละออกมานั่งลงข้างๆลูกชายคนโตของบ้านที่นั่งมองนิ่งๆตามมาดของเขา พี่ครอสเหลียวไปชูมือเรียกพยักงานให้เข้ามาตักข้าวทันทีที่ผมนั่งลงแล้ว กับข้าวตรงหน้าเยอะแยะอย่างที่แม่ของเขาบอกจริงๆนะครับ แต่ดูเมนูแล้วก็ต้องเผลอยิ้ม นี่มันมีแต่ของโปรดของลูกชายทั้งสองเลยนี่นา

“ยิ้มอะไร?”

“เปล่า”

“ก็เห็นๆอยู่ว่ายิ้ม”

“เอ๊า ผมยิ้มก็ผิดเหรอ?”

“ไม่ได้ว่าผิด แค่ถาม”

“กินข้าวเถอะครับ”

คนถามดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่ได้คำตอบตามที่ต้องการ ผมหันหน้าหนีมาตั้งหน้าตั้งตากินข้าวตรงหน้าโดยที่พยายามไม่สนใจคนข้างๆอีก พี่ครอสมันก็เทียวแต่ตักนู้นนี่นั้นมาใส่จานให้ผมจนผมแทบกินไม่ทัน

“พอแล้ว กินเองบ้างสิ”

“อิ่มแล้ว”

“ห่ะ?”

อิ่มเหี้ยไรวะ ยังไม่เห็นมันจะตักเข้าปากเลยสักคำ

“ตอแหลละ ข้าวยังไม่พร่องเลยสักนิด”

“กูอิ่มกาแฟ”

“กาแฟไม่ใช่ข้าว กินๆเข้าไปเลย”

ผมพูดแล้วก็ตักกับข้าวตรงหน้าไปใส่จานให้มันในทันที ให้ตายสิ โตจนมีลูกแล้วยังจะทำตัวเป็นเด็กไปได้ ไอ้พี่ครอสมองผมสลับกับข้าวในจานไปมาแต่ก็ไม่ได้ตักกินสักที

“กินสิ”

“.......”

ยังคงนิ่ง

“ดื้อยิ่งกว่าแองจี้อีกแฮะ”

ผมละหมดอารมณ์กับมันจริงๆครับ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมือกลับเข้าไปตักข้าวในจานมันขึ้นจ่อปากเรียวนั้นไปซะแล้ว ไอ้พี่ครอสมองสบตาผมอีกครั้งและนั้นก็ทำให้ผมได้สติขึ้นมาว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไป ผมเลิกลักกำลังจะหดมือกลับแต่พี่ครอสมันก็ก้มลงมากินข้าวจากช้อนของผมซะก่อน ผมงี้ออกร้อนไปทั้งหน้าเลยครับ ดีหน่อยที่แม่ของเขาเอาแต่ป้อนข้าวหลานเลยไม่ได้หันมามองยังเราไม่งั้นผมคงไม่มีหน้ามาที่บ้านหลังนี้อีกแน่

“แม่คร้าบบบบบ มีอะไรให้คริสกินมั่งอ่า”

เสียงบุคคลมาใหม่ดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะโผล่เข้ามาในห้องซะด้วยซ้ำ แทบทุกคนหันไปมองยังต้นตอของเสียงยกเว้นหนูน้องแองเจลล่าที่ยังง่วนอยู่กับช้อนรูปหมีพูของเธอ

“เห้ย! ไอ้เชี่ยนายมานี่ได้ไงวะ!?”

“คริสตัล”

ผู้เป็นแม่กดเสียงต่ำขู่ลูกชายทางสายตาไปอีกจนไอ้คริสมันยิ้มแห้งแล้วผละมานั่งลงข้างๆผม

“ที่มึงบอกว่าแล้วเจอกันนี่หมายความว่างี้เองเรอะ”

“เออ”

“แล้วเป็นไงมาไงถึงมากินข้าวบ้านกูได้วะ?”

ผมเงียบพอดีกับที่ไอ้คริสมันมองเลยไปทางพี่ชายของตัวเอง

“พี่ครอส”

“อะไร?”

“พี่พาไอ้นายมาเหรอ?”

“แล้วจะทำไม?”

“เห้ย ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!”

“คริสตัล อย่าชวนพี่เขาคุยสิ หิวไม่ใช่เหรอเรา แจ่ม ตักข้าวให้คุณหนูเล็กที”

“แม่ครับ เลิกเรียกผมอย่างนั้นสักทีเถอะน่า”

หลังจากจบมื้ออาหารพวกเราก็พากันย้ายถิ่นฐานมายังห้องนั่งเล่นพร้อมกับแองเจลล่าครับ ส่วนน้าสิก็เข้าครัวไปเตรียมของว่างและนมเด็กไว้ให้พวกผมและหลานสาวของเธอ

“ไอ้นาย”

คริสมันเข้ามานั่งชิดจนแทบจะสิงผมละ ผมที่นั่งอยู่ตรงพื้นปูเบาะนิ่มสำหรับเด็กและตรงหน้าก็มีนางฟ้าตัวน้อยของทุกคนเล่นอยู่ไม่ห่าง

“อะไรของมึง?”

“บอกกูมาตรงๆว่าทำไมมึงถึงมากับพี่ครอสได้”

ผมเหล่มองตัวการอย่างไอ้พี่ครอสที่นั่งไขว่ห้างเลื่อนไอแพดในมือไปมาพลางตีหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่ามันจะได้ยินที่น้องมันถามไหมแต่ผมว่าน่าจะได้ยินแต่ทำทีไม่สนใจอะไรแบบนั้นนะ

“ก็...แค่มากินข้าว”

“คนบ้างานอย่างพี่กูจู่ๆจะมีความคิดพามึงมากินข้าวที่บ้านเหรอ มันไม่สมเหตุสมผลวะ”

“แล้วไอ้ที่มึงคิดว่าสมเหตุสมผลมันต้องเป็นยังไงวะ?”

“ก็อย่างพาแฟนพาเมียมางี้ไง แต่นี่เป็นมึง ซึ่งมึงเป็นเพื่อนกู กูต้องเป็นฝ่ายพามึงมามากกว่าสิ”

ผมได้แต่นิ่งเงียบมองไอ้คริสเกาคางตัวเองพลางตีหน้าคิดหนักด้วยใจตุ๊บๆต่อมๆ หางตาแอบชำเลืองไปเห็นตัวการนั่งยิ้มขำอยู่บนโซฟาซะงั้น นั้นไง แม่งได้ยินอย่างที่คิด แล้วมันไม่คิดที่จะช่วยกูเลยนะครับ ไอ้คนใจร้าย

“หรือว่า!...”

จู่ๆไอ้คริสก็โพล่งขึ้นซะผมสะดุ้งโหย่งเลย

“อะไรของมึง?”

“หรือว่ามึงคิดถึงกูมากเลยมาดักรอถึงนี่วะ”

ผมหน้าเหวอกรอกตาแทบทันที

“ฮ่าๆๆ กูล้อเล่นเว้ย ดูแม่งทำหน้า ตลกวะ ฮ่าๆๆ พี่ครอสๆ ดูมันดิ”

“มึงก็ไปแกล้งมันคริส”

“นิดหน่อยเอง เมื่อก่อนนี่แทบไล่เตะ แต่ตอนนี้ชักไม่ไหววะ”

“แก่แล้วดิมึง”

“กูแก่มึงก็แก่แหละวะเชี่ยนาย”

“หึหึ”

“แล้วตกลงว่ามึงมาบ้านกูได้ยังไงครับเชี่ยนาย?”

“ถามพี่มึงดูดิ”

ได้โอกาสผมก็โยนเลยสิครับ ไอ้คริสหันควับไปมองพี่มันทันทีเลยด้วย

“อะไร?”

“อย่ามาทำเป็นตีหน้าซื่อ ตอบผมมา”

“ก็แค่พามาเล่นกับแองจี้ มึงนี่ก็อะไรนักหนาวะคริส”

“แค่ตอบมาก็จบไหม โว๊ะ”

ผมส่ายหัวหน่อยๆก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันไปให้ความสำคัญกับนางฟ้าตัวน้อยแทน เราเล่นกันจนผู้เป็นย่าเดินเข้ามาและพาตัวน้อยไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนตามเวลา คริสตัลชวนผมอยู่เล่นเกมส์เป็นเพื่อนต่อเพราะพี่ทัตยังไม่เสร็จธุระส่วนพี่ครอสตอนแรกว่าจะพาผมกลับแล้วเข้าออฟฟิศไปทำงานต่อไปๆมาๆเลยอยู่ทำงานผ่านโทรศัพท์และไอแพดมันที่นี่ซะเลย

“พี่ครอสแม่งแปลก”

จู่ๆไอ้คริสก็พูดขึ้นมาทั้งที่สายตายังไม่ละไปจากจอ มือนี่ก็รัวจอยไปด้วยอย่างชำนาญ

“แปลกยังไง?”

“ดูตัวติดกับมึงแปลกๆ”

เท่านั้นแหละ มือผมชะงักค้างในทันที และนั้นก็ส่งผลให้ตัวเกมส์ของผมชะงักไปด้วยจนทางฝั่งได้คริสชนะไปโดยปริยาย

“เยดเป้! ชนะสามต่อสอง มึงต้องเลี้ยงกูแล้ววะไอ้นาย”

“เลี้ยงไรของมึง?”

“พรุ่งนี้ไปกินชาบูกัน กูโคตรอยาก”

“กูทำงาน”

“หลังเลิกงานดิวะ”

ผมเหลียวไปสบตากับพี่ครอสแป๊บๆก่อนจะพยักหน้าให้เพื่อน จะปิดมันไปได้นานสักแค่ไหนกันนะ เรื่องแบบนี้นะ









“พรุ่งนี้ไปกับคริสใช่ไหม?”

เสียงทุ่มถามขึ้นพลางใส่เสื้อผ้าหลังจากที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ผมครางรับในลำคอเบาๆเพราะเพลียร่างจนแทบขยับตัวไม่ไหว ตานี่ลืมไม่ขึ้นแล้วด้วยซ้ำแต่ที่ยังไม่หลับเพราะอยากรอฟังทุกการกระทำของมันก่อนไงครับ

“อืม”

“…”

“พี่จะกลับเลยเหรอ?”

“ทำไม? อยากให้นอนด้วย?”

ผมไม่ตอบ จริงๆก็อยากบอกว่าใช่แต่ไม่รู้ทำไมถึงพูดมันไม่ออก คือหลังจากที่มันมาส่งผมจนถึงห้องมันก็ลากผมมาบดขยี้ต่อจนผมอ่อนเปรี้ยเพลียแรงอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ซึ่งเราใช้เวลาไปมากพอสมควรเพราะฉะนั้นเวลานี้ต้องดึกจนข้ามวันแล้วแน่ๆ

แรงยุบที่เตียงข้างๆตัวทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจและซุกหน้าซ้อนรอยยิ้มไว้กับหมอน ผมโดนดึงเข้าสู่อ้อมกอดแกร่งนั้นอีกครั้งจนกระทั่งสติผมเลือนลางเข้าสู่ห้วงของความฝันไปในที่สุด

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีรอบข้างผมก็ไร้ซึ่งบุคคลที่นอนอยู่ข้างกาย ความเย็นบนที่นอนบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพี่ครอสมันลุกออกไปตั้งนานแล้ว

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูทำให้ผมละสายตาจากเตียงแล้วหันไปให้ความสนใจทางประตูแทน

“เข้ามาเลย”

สิ้นเสียงของผมบานประตูก็เปิดออก เป็นไอ้มิกซ์ครับที่เดินเข้ามา

 “พึ่งตื่นเหรอวะ?”

“อือ”

ผมรับคำแล้วซุกหน้าลงกับหมอนเหมือนอย่างเดิม

“ไอ้นาย”

“หือ?”

ทำไมเสียงมนฟังดูเครียดๆพิกลวะครับ จะว่าไป..

“เออ ไอ้คริสให้กูมาเตือนมึงเรื่องคู่ควงคนปัจจุบันของมึงอะ รู้สึกว่าน้องเขาจะเป็นกิ๊กเก่าไอ้แวนวะ”

“กูรู้แล้ว”

“อ้าว”

“ไอ้คริสโทรมาหากูเมื่อคืนมันเลยบอกกู…”

“อ้อ”

“รวมทั้งเรื่องที่มึงไปกินข้าวบ้านมันด้วย”

“……”

ผมถึงกับเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเลยครับ ด้วยความที่ผมยังซุกหน้าอยู่กับหมอนเลยทำให้มันมองไม่เห็นสีหน้าของผมอย่างแน่นอนและผมเองก็มองไม่เห็นสีหน้าของมันเหมือนกัน เราต่างคนต่างเงียบกันอยู่สักพักไอ้มิกซ์ถึงได้ถอนหายใจแล้วนั่งลงตรงขอบเตียงข้างๆตัวผม

“แล้วกูกลับมาเมื่อคืนช่วงตีหนึ่งกว่าๆ…”

ผมเริ่มเดาได้แล้วว่ามันจะพูดอะไรต่อ

“กูได้ยินเสียงมึง เสียงแบบ...”

ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ

“พอเช้ากูลงไปซื้อโจ้ก กลับขึ้นมากำลังจะขึ้นลิฟท์ก็สวนกับพี่ไอ้คริสที่เดินออกมาพอดี”

“……”

“มึงมีอะไรจะบอกกูไหมวะ?”

“……”

“กูห่วงมึงนะเว้ย มีอะไรก็ปรึกษาเพื่อนบ้างสิวะ ไม่ใช่เก็บเงียบแล้วไปนั่งคิดนั่งเครียดเองคนเดียว ถ้ามึงสบายใจสบายกายกูก็ยินดีด้วย แต่ถ้าไอ้นั้นมันแค่เล่นๆกับมึงละ ถ้ามันแค่สนุกกับการปั่นหัวมึงละ มึงจะรับไหวเหรอไอ้นาย!?!”



แค่ได้ยินมันจากปากมึงกูยังเจ็บเลยไอ้มิกซ์ แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริงละ กูคงไม่ตายไปเลยเหรอ



Tbc…


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
บางทีคำพูดมันก็สำคัญนะทีครอส

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
ไหวหวั่นครั้งที่ 9





“กู…ไม่รู้วะ กูไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากกูกันแน่ แต่ ณ ตอนนี้กูมีความสุขดี ถึงแม้มันจะเป็นความสุขที่อยู่ปลายเหวที่สามารถถล่มลงได้ทุกเมื่อก็เถอะ”

“ไอ้นาย”

“อือ”

“มึงรักตัวเองบ้างก็ได้นะ มึงเห็นแก่ตัวบ้างก็ได้”

“กู…กลัววะ”

“กลัวอะไร?”

“กลัวว่าถ้ากูทำอย่างนั้นแล้วจะเกิดปัญหา จะทำให้…เขาหายไป”

“ตอนแรกมึงก็จะหนีจากมันอยู่ไม่ใช่รึไง?”

“ก็นั้นมันก่อนที่กูจะลึกซึ้งกับเขาไง แต่ตอนนี้…”

“……”

“กูถอนตัวไม่ขึ้นแล้ววะมิกซ์ กูทำอะไรไม่ได้แล้ว ถึงแม้ว่าปลายทางมันจะมีแต่ความเจ็บแต่กูก็ก้าวเดินออกไปแล้ว”











ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูทำให้ผมตื่นจากภวังค์ ผมหันกลับมายัง โต๊ะทำงานของตัวเองอีกครั้งก่อนจะตอบรับและเลขาคนสวยอย่างพี่ใหม่

“เป็นยังไงบ้างจ้ะน้องนาย?”

ผมยิ้มอ่อนพลางเอนตัวพิงเบาะด้วยท่าทีสบายๆ

“ก็พอไหวครับ พี่มีเอกสารมาให้ผมอีกเหรอ?”

“ใช่จ้ะ นี่เป็นข้อมูลแพ๊คเกจที่เราเคยขายในช่วงห้าปีที่ผ่านมา มีของทุกกิจการในเครือทั้งโรงแรมรีสอร์ทและทัวร์”

ผมมองดูแฟ้มสีดำขนาดใหญ่สามแฟ้มที่หญิงสาวอย่างพี่ใหม่ไม่น่าจะขนมาได้แต่เธอก็ทำได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมพยักหน้ารับพลางเลื่อนแฟ้มที่ศึกษาเรียบร้อยแล้วไปอีกฝั่ง พี่ใหม่นอกจากจะเป็นพนักงานของเรามานาน เธอยังเปรียบเสมือนพี่สาวคนเก่งอีกคนหนึ่งของผมเลยนะครับ เธอคอยช่วยเหลือผมทั้งในเรื่องงานและอาหารการกินเป็นอย่างดีจนอยากจะให้รางวัลเป็นโบนัสสักปีไปซะเลย

“เหนื่อยก็พักนะค่ะ”

“ผมยังไหวครับ”

“รู้ค่ะว่าไฟแรงแต่น้องนายโหมงานมาสามวันแล้วนะ พี่เป็นห่วงรู้ไหม”

ผมยิ้มแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป พี่ใหม่เลยถอนหายใจคงเริ่มเข้าใจในความดื้อในส่วนนี้ของผมแล้วเธอเลยเดินกลับออกไปทำงานในส่วนของเธอต่อ

เป็นเวลาสามวันแล้วครับที่ผมเอาแต่ทำงานพยายามให้ตัวเองยุ่งเข้าไว้หาเรื่องงานมาใส่สมองแต่ก็มีบ้างที่เผลอเหม่อไปคิดถึงใครอีกคน พี่ครอสเองก็ปกติของมันคือโทรมาบ้างแต่ไม่บ่อยและผมไม่รับสายเพราะยังอยู่ในช่วงคิดมากอยู่ครับ ถ้าผมคิดมากหรือเครียดหนักๆผมจะตัดขาดจากตัวการของเรื่องที่ทำให้ผมเครียดไปสักระยะจนกว่าผมจะพร้อมรับนั้นแหละผมถึงจะตอบรับหรือหวนเข้าสู่วงโคจรอีกครั้ง แต่จะหวนกลับในด้านไหนนั้นก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ

Rrrrr

ผมเหลียวมองไปยังโทรศัพท์เครื่องบางที่วางหลาอยู่ใกล้ๆตัว พอเห็นเป็นชื่อไอ้เต้ผมเลยละจากเอกสารมากดรับแล้วเอาแนบกับหูในทันที

“ว่าไงวะ?”

/วันนี้ไปดินเนอร์กันป่ะมึง?/

ผมหลุดขำให้กับคำชวนที่มันพูดชวนแบบนี้ตั้งแต่สองวันที่แล้ว

“อีกแล้วเหรอวะ”

/ก็แล้วไง มึงเห็นใจคนโสดอย่างกูหน่อย/

“กูก็โสดไหม”

พูดจบก็ได้ยินเสียงมันหัวเราะมาตามสาย ผมไม่ได้โกหกนะครับ ตามสถานะน่ะผมโสดจริง แต่ถ้าถามถึงใจ…ก็ตามที่รู้กันนั่นแหละ

“แล้ววันนี้จะกินอะไร?”

/เพื่อนกูเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ในห้างที่เอกมัย มึงกินป่าว?/

“เออๆ”

/งั้นก็ไปที่นั้นแหละ เดี๋ยวกูเข้าไปรับเหมือนเดิม โอเคนะ?/

“อืม”

ผมวางสายจากไอ้เต้ได้ก็ถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ มือเอื้อมไปปิดแฟ้มแล้วหันเก้าอี้ไปทางด้านหลังจ้องมองเมืองหลวงจากมุมสูงผ่านบานกระจกหนาเหมือนก่อนหน้า เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วจวบจนท้องฟ้าพรบค่ำเสียงเคาะประตูห้องผมก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“เชิญ”

“คุณเตชินทร์มาขอพบค่ะ”

ผมเหลียวมองดูนาฬิกาก่อนที่จะพยักหน้าให้ พี่ใหม่เลยเดินกลับออกไปแล้วแทนที่ด้วยไอ้เต้ที่เดินเข้ามาพร้อมใบหน้ายิ้มกว้างอย่างน่าหมั่นไส้ เหมือนมันเอาความสุขมาเย้ยกันนะครับ

“มาไวจังวะ”

ผมท้วงออกไปพอดีกับที่ไอ้เต้เข้ามานั่งแหมะอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของผม

“กูคิดถึงมึงไง”

“ได้ข่าวว่าเมื่อวานก็เจอกันไหมวะ”

“หึหึ เอาน่า ทำมาเป็นซีเรียส งานยุ่งนักรึไง”

“มึงมองดูแฟ้มบนโต๊ะกูเลยครับ”

“หัวร้อนอะไรมาครับ หรือมึงหิว?”

ผมเงียบ อาจจะใช่ก็ได้นะ

“หิวแล้วง่องแง่งเหรอน้องนาย โอ๋ๆ เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าวนะครับ”

“สัส”

ถึงจะด่าแต่หน้านี่ยิ้มไปแล้วนะครับ มีมันเข้ามาในชีวิตก็ดีกว่านั่งหง่อยอยู่คนเดียวละวะ ถ้าถามถึงเพื่อนอีกสี่ตัวนั้นละก็ คนหนึ่งติดผัว คนหนึ่งติดงาน อีกสองติดอาหารทะเลพวกหอยไรงี้อะครับ กูละเซ็ง

ผมลุกขึ้นคว้ากระเป๋าตังค์และโทรศัพท์มาถือก่อนจะเดินตีคู่กับมันออกไปจากห้อง

“ผมกลับแล้วนะพี่ใหม่ พี่เองก็กลับบ้านได้แล้ว อย่าทำโอทีมากเดี๋ยวผมจะไม่มีปัญญาจ่ายค่าจ้างหรอกครับ”

ผมพูดลาเลขาคนสวยที่ยังคงนั่งหน้าคอมฯอยู่ที่หน้าห้องทำงานของผม พี่ใหม่เบ้ปากมาด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะบอกลามาอีกครั้งแล้วผมก็เดินไปกดลิฟท์ลงไปยังชั้นล่างกับไอ้เต้ทันที

ที่ๆไอ้เต้พามาคือห้างใหญ่ติดรถไฟฟ้าแถวเอกมัยครับ ผมไม่คุ้นกับที่นี่เพราะไม่ค่อยมาสักเท่าไหร่ส่วนใหญ่จะไปอีกโซนหนึ่งซะมากกว่า

“ร้านไหนวะ?”

ผมถามเมื่อมันพาผมเข้ามาภายในตัวห้างแล้ว ที่นี้มีแต่อาหารญี่ปุ่นเลยครับ แต่อาหารแนวอื่นก็มีนะเพียงแต่แบบญี่ปุ่นมันเยอะกว่าก็แค่นั้นเอง

“ร้านนี้เลยมึง”

มันเดินเข้ามากอดคอผมก่อนจะพาไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่ดูท่าจะใหญ่สุดในนี้ การตกแต่งสวยมากจนผมอดที่จะทึ่งไม่ได้ ร้านถูกตกแต่งให้คล้ายกับสวนสไตล์ญี่ปุ่นมันน้ำไหลผ่านกลุ่มแมกไม้ใบหญ้าจำลองและโต๊ะก็เป็นโต๊ะไม้ได้บรรยากาศมาก

“อิรัชไชมาเสะ! มาสองท่านนะคะ?”

“ครับ”

“เชิญด้านในเลยค่ะ”

ผมเดินตามพนักงานที่พาไปยังโต๊ะด้านในจนได้นั่งและรับเล่มเมนูมาเปิดดู อื้อหือ มีแต่ของน่าอร่อยทั้งนั้นเลยครับ

“ขอยำแซลม่อนกับซาชิมิชุดใหญ่แล้วก็เบียร์หนึ่งเหยือกครับ”

กูพึ่งดูได้สามรายการมึงจะรีบสั่งไปไหนวะเห้ย!

“รีบๆสั่งดิวะ หิวไม่ใช่รึไง?”

ดูจากอาการแล้ว ผมว่าคนที่หิวน่ะคือมันนะครับ

“เอาชุดสเต็กแซลม่อนแล้วกันครับ”

“เครื่องดื่มละคะ?”

“ชาเขียวเย็น”

“เฮ้ย ไม่กินเบียร์ด้วยกันละวะ?”

“กูยังไม่อยากแดรกจะทำไม?”

“มึงต้องแดรกเป็นเพื่อนกูครับ”

“ไว้กินข้าวก่อนดิวะ กูหิว”

“เออๆ งั้นกินแล้วต้องดื่มกับกูนะ”

“เออน่า”

“ตามนั้นเลยครับน้อง”

ผมฟังพนักงานเขาทวนรายการอาหารอีกครั้งก่อนที่จะหันไปมองสำรวจรอบๆร้านอีกที แขกก็เยอะอยู่นะครับแต่ไม่ถึงขั้นอึกอัดอะไร ซึ่งผมชอบวะ

“ชอบละสิ”

ผมพยักหน้ารับ

“แล้วเพื่อนมึงไม่อยู่ร้านเหรอ?”

“อืม มันอยู่ญี่ปุ่น กลับมาอาทิตย์หน้า”

ผมพยักหน้ารับรู้ไปอีกทีก่อนที่สายตาจะโฉบไปเห็นบุคคลคุ้นตาที่เดินผ่านหน้าร้านไปเมื่อครู่ ใจผมเต้นตุ๊บๆต่อมๆทันที คงไม่ใช่หรอกน่า พี่ครอสไม่มีทางมาที่แบบนี้แถมยัง…มีผู้หญิงเกาะแขนมาด้วยอีก

“ไอ้นายหน้ามึงซีดๆนะ เป็นอะไรวะ?

“เออ…คือ กูอยากเข้าห้องน้ำอะ กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“อืม แล้วรู้ไหมว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน?”

“เออ เดี๋ยวมา”

พูดจบก็เดินไวๆออกจากร้านมาเลยครับ ใจที่เต้นแรงจนเจ็บแปร๊บคอยสั่งให้ห้ามตามห้ามหาและห้ามรับรู้มดๆผิดกับสมองที่สั่งให้ก้าวต่อไปจนกระทั่ง…เจอเข้าในที่สุด



เป็นพี่ครอสจริงๆ



แล้วก็มากับผู้หญิงจริงๆ



ผมได้แต่ขาแข็งค้างตาจ้องมองคนทั้งคู่เดินควงแขนกระหนุงกระหนิงกับอยู่อย่างนั้น ให้ตายสิ หาเรื่องเจ็บเองแท้ๆไอ้นาย

ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูหลังจากกดต่อสายของคนๆนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทุกวินาทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณรอการกดรับผมรู้สึกเหมือนเป็นการนับถอยหลังของตัวเองอยู่กลายๆ

/ว่าไงนาย?/

เสียงเข้มตอบกลับหลังจากที่คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูอยู่ไม่นาน น้ำเสียงปกติมากทั้งที่ข้างๆมีใครอีกคนแนบชิดอยู่ไม่ห่าง

“พี่ว่างไหม?”

แปลกนะ ทั้งๆที่ผ่านมาผมพยายามไม่รับสายไม่อยากได้รับการติดต่อจากเขาเองแต่พอมาเห็นแบบนี้แล้ว…มันกลับอดไม่ได้จริงๆ

/ไม่ว่าง มีอะไรเหรอ?/

“ผมอยากเจอพี่ มาหาผมหน่อยสิ”

พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะพูดให้ธรรมดาที่สุดและปิดอาการสั่นของตัวเองให้มากที่สุดเช่นเดียวกัน

/สองสามวันมานี่กูโทรไปไม่ยักกะรับ แล้วจู่ๆจะให้ไปหานี่นะ?/

“มาหาผมหน่อยนะ”

ถ้ามาหาผมตอนนี้ผมจะยังปิดหูปิดตาต่อไปแต่ถ้าไม่…

/……/

เหมือนได้ยินเสียงถอนหายใจพร้อมกับเสียงหวานของคนข้างกายที่ถามว่าคุยกับใครคุยอะไรนักหนา คนที่มีสิทธิจะเอ็ดแบบนั้นได้ต้องอยู่ในสถานะอะไรกันนะ



เมีย…



แฟน…



หรือน้องที่แค่รู้จักกัน…



ภาพที่ผมเห็นคือพี่ครอสมันปิดในส่วนไมค์ของโทรศัพท์ไว้แล้วหันไปพูดอะไรสักอย่างกับหญิงสาวข้างกายจนคุณเธอยอมหายเข้าไปในร้านเครื่องสำอาง ตอนนี้เหลือพี่ครอสยืนอยู่ที่ด้านหน้าเพียงคนเดียวแล้วและตรงข้ามมีผมที่ยืนแข็งคอยแอบมองอยู่ห่างๆโดยที่มีบันไดเลื่อนและเหล่าร้านค้าตรงกลางลานเป็นสิ่งขวางกั้น

/ตอนนี้กูไม่ว่าง เดี๋ยวดึกๆจะเข้าไปหาที่ห้องแล้วกัน/

เหมือนได้ยินเสียงวิ๊งเข้ามาในโสตประสาทจนชาไปทั้งร่าง ผมกัดปากตัวเองแน่น

“พี่ทำอะไรอยู่เหรอ?”

ถามไปทำไมวะไอ้นาย ทั้งที่เห็นอยู่เต็มสองตา ทั้งที่รับรู้จนปวดร้าวไปทั้งใจ ไม่ว่าจะพยายามทำใจ พยายามห้ามใจ พยายามห่างถึงเพียงไหนแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรผมเลยสักนิด

ผมยังคงรักเขา ผมยังคงหวังให้เขารับรักผมตอบ

ทั้งที่รู้อยู่กับอกชัดเจนอยู่ในใจว่าเขานั้นไม่มีทางหันมาหาผมด้วยใจอย่างที่ผมเป็น

/กูทำงานอยู่/

แม่งโคตรเจ็บเลยวะ

เจ็บจนขาสั่นทรุดฮวบลงไปนั่งแหมะกับพื้นท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ผมไม่รู้ว่าผมร้องไห้ตอนไหน แต่ตอนนี้มือไม้มันไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะกดตัดสายยังทำไม่ได้เลยครับ   

“ไอ้นาย!”

เสียงไอ้เต้ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ผมไม่ได้เหลียวไปมองมันจนกระทั่งมันคุดเข่าลงตรงหน้าแล้วดึงผมเข้าไปกอดแน่นอยู่แนบอก

“มึงเป็นอะไร? ใครทำอะไรมึง??”

ผมไม่สามารถตอบมันได้จริงๆครับ ผมได้แต่เม้มปากแน่นกลั่นสะอื้นทั้งที่มือก็กำแน่นจนเจ็บแสบ

“มึงร้องไห้ทำไม? มึงบอกกูมาสิวะ!?!”

ผมส่ายหัวไปมาจนมันกระชับอ้อมกอดจนแน่นเข้าไปอีก

“กลับกันเถอะวะ ลุกไหวไหมหรือต้องให้กูอุ้ม?”

ผมพยักหน้ารับอยากจะต่อปากต่อคำกับมันเหมือนเดิมอยู่นะครับแต่สภาวะจิตใจในขณะนี้ผมไม่สามารถจริงๆวะ

ผมพยายามกลั่นสะอื้นแล้วหยุดร้องไห้แต่กลับทำไม่ได้เลยต้องนับเอาผ้าเช็ดหน้าของไอ้เต้มาปิดหน้าปิดตาไว้อย่างนั้น เต้มันพยุงผมขึ้นยืนแล้วหันไปคุยกับใครสักคนที่ผมคิดว่าเป็นพนักงานของร้านอาหารที่เราเข้าไปกัน มันคงจ่ายเงินทั้งที่ไม่ได้กิน ผมสร้างเรื่องให้เพื่อนต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์เหรอครับเนี้ย บ้าจริง



ควับ!



“เชี่ย!!”

จู่ๆผมก็ถูกกระชากออกจากไอ้เต้จนมันอุทานลั่น ผมรู้สึกได้แค่ว่าตัวเองโดนดึงจนไปปะทะเข้ากับใครสักคนจนต้องฟันไปมอง

“พี่ครอส”

มันเองก็ก้มลงมามองผมหน้านิ่งๆแต่บรรยากาศรอบตัวติดลบจนผมยังรู้สึกกลัวขึ้นมาจากก้นบึ้ง

“เหี้ยเอ๊ย! มึงอีกแล้วเหรอวะ”

ไอ้เต้ตะคอกลั่นจนรปภ.ของห้างวิ่งโร่กันเข้ามาหา ผมมองเพื่อนสลับกับพี่ครอสที่ยังคงกำข้อมือผมแน่จนหางตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนั้นยืนมองมาที่เราด้วยใบหน้างงงัน  ผมรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งพล่านอยู่ในร่างจนเจ็บแปร๊บขึ้นมาอีกครั้ง ผมเม้มปากแน่นแล้วกลั่นใจสะบัดแขนตัวเองให้หลุดจากการจับกุมของไอ้คนใจร้ายจนหลุดในที่สุด พี่ครอสมันจ้องหน้าผมดุๆตั้งท่าจะเข้ามาหาอีกรอบแต่ผมก็ถอยออกจนมันชะงัก เราสบตากับนิ่งๆ ผมยังคงอ่านแววตาของมันไม่ออกเหมือนอย่างเคยแต่ที่ผมรู้ดีมนตอนนี้คือผมต้องรีบหนีไปจากมัน ต้องรีบไปก่อนที่ความเข้มแข็งนี้จะโดนทลายลงด้วยสายตาของมัน

“เต้”

“อืม”

“ไปกันเถอะ”

ไอ้เต้ยิ้มเยาะแล้วเข้ามาโอบไหล่ผมในทันที

“ได้สิ”

พูดจบมันก็พาผมเดินไปยังทางออกโดยที่ผมไม่กล้าแม้แต่จะเหลียวหลังกลับไปมองเขาอีกเลย ความชื้นที่แก้มทำให้ผมรู้ว่าความเข้มแข็งนั้นได้มลายหายไปซะแล้ว ดีหน่อยที่มาถึงรถแล้ว ทันทีที่เข้าไปนั่งผมก็ได้แต่ฟุบหน้าลงกับฝ่ามือแลเวสะอื้นเบาๆ ไอ้เต้เข้ามาในรถจนสตาร์ทเปิดแอร์แล้วแต่ยังไม่ออกตัว มือมันคอยลูบหลังปลอบผมเบาๆก่อนจะดึงเข้าไปกอดแนบอก

“มึงรักมันเหรอ?”

ผมพยักหน้า

“แต่มันเป็นไปไม่ได้สินะ”

ผมพยักหน้าอีกครั้ง

“เจ็บก็ร้องออกมาให้หมด แต่ต้องให้หมดภายในวันนี้นะเว้ย กูไม่ยอมให้มึงร้องไห้ให้กูเห็นอีกแน่”

“……”

“กูไม่อยากปล่อยมึงไว้คนเดียวเลยวะ”

“……”

“ไปดริ้งส์ให้เมากันไปข้าง ดื่มให้ลืมเรื่องบ้าๆพวกนั้นแล้วไปค้างกับกูดีกว่า”

ปกติผมคงปฎิเสธคำชวนแนวนี้ของมันเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมแล้ว แต่ตอนนี้ผมกลับพยักหน้ารับซะง่ายๆ ผมไม่อยากคิดอะไรมากแล้วครับ ไม่อยากใช้ใจไปรักใครไม่อยากใช้สมองไปคอยคิดเรื่องของใคร ผมอยากล่องลอยตามที่ตนต้องการ ต้องการความว่างเปล่าที่จะทำให้ผมลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่าง การดื่มคงช่วยผมได้ ถ้าผมเมาผมคงลืมและหลับตาลงได้โดยไม่ฝันร้ายอีกต่อไป 



ผมหวังให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆนะ



Tbc…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2017 15:39:33 โดย MyMinT1990 »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ถ้าคิดว่าเมาแล้วดี ก็เอาเล้ย... (โดยเฉพาะไปเมากับคนที่รู้อยู่ว่าพร้อมจะฟันแกนะนาย)
ส่วนอิพี่ครอส ถ้าไม่พูดนักก็ปล่อยนายไปเถอะ ทำเป็นจับ ๆ ปล่อย ๆ ก็ไปทำกับคนอื่นเถอะ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ก็เข้าใจว่าพี่มันเลว แต่ขอเถอะอย่าเล่นกับความรู้สึกได้มั้ย รัก ไม่รัก ชอบ ไม่ชอบ เราขอความชัดเจนให้น้องนายได้มั้ย
อย่าทำเป็นหมาหยอกไก่แบบนี้เลย สงสารน้องมันบ้างเถอะ

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1

ไหวหวั่นครั้งที่ 10





แกร๊ง!



ผมวางแก้วเปลี่ยนที่พึ่งกระดกดื่มจนหมดลงพื้นโต๊ะเสียงค่อนข้างดัง ณ ตอนนี้ผมกับไอ้เต้กำลังอยู่ในบาร์หรูแห่งหนึ่งครับ เนื่องจากเป็นบาร์ที่ค่อนข้างหรูหราแขกเหลื่อเลยแลดูมีฐานะพร้อมความสงบเงียบและเสียงเพลงที่คลอเบาๆสร้างบรรยากาศเพียงกรึ่มๆ

ปกติถ้าผมเที่ยวกับพวกในกลุ่มแก๊งค์จะเลือกสถานที่ๆคนพลุ่งพล่านหน่อยนะครับเพราะพวกเสือทั้งหลายเขาต้องการออกล่าเหยื่อกัน แต่มาวันนี้ผมไม่มีอารมณ์สุงสิงกับใครสักเท่าไหร่ เพราะงั้นบรรยากาศแบบอยู่ใครอยู่มันแบบนี้แหละที่เหมาะ

บริกรเข้ามารับแล้วแล้วนำไปเติมให้ใหม่ตามหน้าที่ ไอ้เต้เองก็นั่งเอนตัวพิงพนักวางท่าสบายๆแต่แขนโอบพาดมาทางผมจนดูเหมือนกำลังโอบผมอยู่กลายๆ

“เมายังวะ?”

ผมส่ายหัวแล้วเอนตัวพิงเบาะอย่างมันบ้าง แน่นอนว่าต้องไปโดนแขนมันที่พาดไว้แต่มันก็ไม่เอาหลบผมเลยนะครับ

“เอาเถอะ อยากกินเท่าไหร่ก็กิน เดี๋ยวกูพามึงกลับเองแหละ”

มันพูดพลางชูแก้วเหล้าสีอ่อนมาทางผม พอดีกับที่ผมรับใบใหม่มาเลยเอามาชนกับมันก่อนจะยกขึ้นดื่มต่อ มันก็ดีนะครับ รู้ว่าผมเครียดอยู่ก็พาคุยเฉไฉไปเรื่องนู้นเรื่องนี้เรื่อยๆ อย่างเช่นเรื่องสมัยมัธยมที่เรายังไม่สนิทกันเท่าไหร่ ไอ้เต้นะอยู่กลุ่มเด็กเกแต่ผมอยู่กลุ่มไอ้มิกซ์ซึ่งใครๆก็เรียกว่ากลุ่มหล่อโหดทั้งๆที่พวกผมไม่ได้โหดอะไรเลยนะ

“กูจำได้ว่าตอนกูเจอมึงครั้งแรกเป็นตอนที่กูหลบเรียนจะไปสูบบุหรี่ที่ประจำแต่กลับเจอมึงนั่งพ่นควันสบายใจเฉิบ กูนี่อย่างเงิบ ตอนนั้นไม่คิดว่าหน้าละอ่อนอย่างมึงจะสูบเป็นด้วยไง”

ผมยิ้มขำ ผมนะสูบเป็นครับแต่ตอนนี้เลิกไปแล้ว

“คำก็หน้าอ่อน สองคำก็หน้าอ่อน มึงก็อายุเท่ากูป่าววะ”

“ไม่เกี่ยววะ คนมันจะน่ารักแม่งก็น่ารักไม่เปลี่ยนถึงแม้อายุจะเพิ่มขึ้นก็เถอะ”

“ปากหวานสัส”

“ทำไมรู้ เคยชิมแล้วเหรอ”

ผมหรี่ตามองจ้องมันที่ยิ้มกรุ่มกริ่มพลางตีคิ้วมาให้ไปอีก โคตรน่าหมั่นไส้วะ ผมยิ้มขำส่ายหัวหน่อยๆก่อนจะดันหน้ากะล่อนๆนั้นออกไปเบาๆ ไอ้เต้หัวเราะร่วนแล้วจึงยกแก้วขึ้นดื่มต่อ

ผมดื่มไปจนรู้สึกโอเคขึ้นจึงเริ่มโทรชวนเพื่อนๆคนอื่นมากันจนครบทีม ไอ้คริสมีหนีบพี่ทัตมาด้วยเช่นเคย ส่วนไอ้มิกซ์ก็แทรกตัวมานั่งข้างๆผมถัดไปก็ได้แวนไอ้คม

“หมดไปกี่ลิตรแล้ววะ?”

ไอ้มิกซ์ถามเมื่อเห็นอาการกรึ่มๆของผม

“สี่หรือห้าวะเต้?”

ผมตอบก่อนจะหันหน้าเอนตัวไปพิงไอ้เต้ คือหัวเริ่มวิ๊งแล้วครับ การทรงตัวเลยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

“สมควรเมา”

ไอ้คริสเอ็ดแล้วยกแก้วขึ้นดื่มต่อไป

“เรื่องของกู”

“กูว่ามันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างวะ”

ไอ้แวนเริ่มตั้งประเด็น คนอื่นๆเลยหันไปมองที่มันพร้อมๆกันเลย ยกเว้นผมกับไอ้มิกซ์ที่หันมาสบตากับเงียบๆ

“เช่น?”

“กูไม่รู้”

“อ้าวไอ้สัส!”

ผมหัวเราะขำไอ้พวกบ้าที่ตั้งหน้าตั้งตาประเคยฝ่ามือใส่ไอ้ตัวการไปรัวๆ

“เอ๊า มึงคิดดูนะเว้ย อย่างเชี่ยนายมีเหรอที่จู่ๆจะโทรชวนแถมยังดริ้งส์หนักแบบนี้อีกต่างหาก กูว่าแม่งแปลกๆวะ”

“พวกมึงช่วยไปนินทากูไกลๆได้ไหมวะ”

“ไม่อะ เอาให้มึงได้ยินด้วยแบบนี้แหละมึงจะได้ดิ้นไม่หลุด”

“กูดิ้นตรงไหนไม่ทราบ กูนั่งอยู่เฉยๆเลยเนี้ย”

“เออ นั่งเฉยๆ นั่งเฉยๆแต่ไปพิงไปซบไอ้เต้มันเนี่ยนะ”

ผมเหลียวไปมองด้านหลังเจอหน้าไอ้เต้ในระยะประชั้นชิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหย่ ถึงว่าทำไมเบาะมันอุ่นๆ

“โทษที”

บอกขอโทษไปพร้อมขยับตัวออกแต่ไอ้เต้ก็ดึงไว้ให้กลับไปพิงเหมือนเดิมซะงั้น

“พิงต่อได้ กูไม่ถือ”

“อะแฮ่ม มากไปไหมครับพรรคพวก”

ไอ้คมกระแอมไอแต่ผมไหวไหล่แล้วพิงต่อไปเลย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังประชดแบบแปลกๆทั้งที่เขาคนนั้นไม่ได้อยู่ไม่ได้เห็นและถึงจะเห็นเขาก็คงไม่สนใจอยู่ดีละมั้ง คิดแล้วแม่งก็เจ็บวะ แต่ให้เลิกคิดก็ไม่ได้อีก ทำไมพอคิดจะรักถึงได้เป็นปัญหาต่อใจขนาดนี้ด้วยวะครับ

“ไอ้เต้”

ผมยกแก้วขึ้นดื่มต่อแต่สายตาเหลือบมองไอ้คริสที่เอ่ยเรียกไอ้เต้น้ำเสียงจริงจัง ไอ้เต้มันพึ่งรู้จักกับไอ้คมไอ้แวนและไอ้คริสก็วันนี้นะครับ ถึงพวกเพื่อนผมจะเฟรนลี่พอแต่ก็ใช่ว่าจะสนิทใจกันสักเท่าไหร่

“ว่าไง?”

“มึง...คิดจะจีบไอ้นายเหรอวะ?”

ไอ้คริสพุ่งตรงจนคนอื่นๆร้องอื้อหือกันอย่างพร้อมเพียง ก่อนจะหันมามองมันสลับกับผมไปมา

“ป่าว”

“ฮ่าๆๆ เชี่ยคริสแม่งมัว”

“เออ กูตกใจเลยอะ หึหึ”

“กูยังพูดไม่จบ”

ทุกคนนิ่งไปก่อนที่จะหันไปมองไอ้เต้อีกครั้ง รวมทั้งผมที่เงยหน้าขึ้นมองมันเช่นกัน

“กูไม่ได้คิดจะจีบ...แต่กูกำลังจีบอยู่ต่างหาก”

“เหยดโด่วววว”

“วี๊ดวิ๊ว เพื่อนกูขายออกอีกคนแล้วโว้ย”

พวกที่เหลือแซวลั่นขนาดพี่ทัตยังกระตุกยิ้ม แต่ผมนี่หน้าตึงไปเบาๆ ถึงจะพอสะกิดบ้างแต่เมื่อมาได้ยินตรงๆแล้วมันก็...ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันวะ...

“มิน่าละ แม่งสวีตกันไม่เกรงใจกูเล๊ย”

“สวีตเชี่ยไร กูปกติเหอะ”

“ปกติบ้านมึงสิ นั่งจนแทบจะสิงกันอยู่ละ”

“พ่อง”

“อะๆ เขินเหรอครับ เขินก็บอกไม่ใช่ให้ด่า อะโด่ว”

“โด่วบ้านมึงสิ หลีก กูจะไปฉี่”

“หนีเหรอวะไอ้นาย”

ผมโยนน้ำแข็งก้อนเล็กไปใส่ไอ้แวนก่อนจะเดินออกจากที่นั่งแล้วมุ่งตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ทางด้านใน ผมไม่ได้มาฉี่อย่างที่พูดหรอกครับ แค่จะมากวักน้ำล้างหน้าให้สร่างเผื่อจะเลิดคิดประชดบ้าๆจนทำให้เลยเถิด

ผมพอรู้ว่าไอ้เต้มันคิดยังไงกับผม คือเราก็โตๆกันแล้วนี่เนอะ มันก็แสดงโคตรจะโจ่งแจ้งใครมองไม่ออกก็ควายแล้วครับ จะมีก็แต่พี่ครอสนั่นแหละที่มองยากยิ่งกว่าอะไร

การที่ผมตัดสินใจมากับมันวันนี้แถมยังเผยด้านอ่อนแอให้มันเห็นไปแบบนั้นยิ่งทำให้มันมีโอกาสเข้าหาผมได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งที่ผมรู้อยู่แก่ใจว่าไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของมันได้ ผมเข้าใจความรู้สึกของคนที่ไปชอบใครอีกคนแต่เขาไม่สามารถตอบสนองเราได้เป็นอย่างดีไงครับ ผมถึงกำลังรู้สึกผิดที่เผลอให้โอกาสแบบนั้นกับเพื่อนของตัวเองไป

“ท่าจะเมาหนักแฮะ”

“ใช่”

ผมหันควับไปมองเสียงปริศนาที่แสนจะคุ้นหู เมื่อเห็นชัดๆแล้วก็ได้แต่ตื่นตะลึง

ไอ้เหี้ย! มึงว๊าบได้เหมือนจั๊มเปอร์เหรอ



ควับ!



ตึก!



ปึง!!



“อึก!!!”

ผมหลุดเสียงร้องเมื่อตัวกระแทกกับผนังห้องส้วมที่โดนไอ้พี่ครอสจับเหวี่ยงเข้ามาข้างในก่อนตัวมันจะตามเข้ามาพร้อมปิดล็อคประตูเป็นที่เรียบร้อย

“ทำเหี้ยไรวะ!?!”

มันยกยิ้มแล้วหัวเราะหึ สายตาที่มองมาแฝงไปด้วยความไม่พอใจจนผมยังสัมผัสได้ แถมยังรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นอีกด้วย

ผลักมันให้ถอยออกไปก่อนจะถลาไปที่บานประตูแต่ยังไม่แม้แต่จะเตะต้องผมก็โดนมือหนาคว้าตัวมาที่เดิมเพิ่มเติมคือมันกำลังจะปล้ำผมครับ

“ปล่อยนะ!”

ผมห้ามเสียงดังในขณะที่มันกำลังล้วงเข้าไปในร่มผ้า ผมเผลอหดเกร็งตัวทันทีที่มือมันลูบไปตามหน้าท้องและผิวกาย ผมยังจำสัมผัสของมันได้ ผมจำมันได้เป็นอย่างดีเลยแหละ

“ในเมื่อเลี้ยงไม่เชื่องกูก็ต้องลงโทษให้สาสม”

เพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียวก็ดึงสติและความโกรธเคืองให้เข้ามาสู่ใจผม ภาพทุกอย่างหวนกลับมาให้ผมได้สำนึกว่าวันที่ผมรอคอยมันคงไม่เป็นจริงอีกต่อไป แล้วผมจะรอไปทำไม

“กูไม่ใช่หมาแมวที่จะรอคอยเจ้านายอย่างมึงมาให้อาหารนะทีครอส พอกันที เลิกทำอย่างนี้สักทีเถอะวะ!”

ผมรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีแล้วใช้ผลักมันจนมันผละถอยไปชนบานประตูเสียงดังปึก ผมรู้ว่าแววตาผมสั่นไหวแต่แน่นอนว่ามันต้องแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างที่ผมพูดออกไป

“นี่มึงกล้าพูดแบบนี้กับกูแล้วเหรอ?”

“แล้วจะทำไม”

มันเข้ามาประชิดตัวผมอีกครั้งโดยที่ผมกำลังหง่างมือจะต่อยเข้าให้แต่มันก็ไวกว่าครับ มันจับข้อมือผมไว้แน่นก่อนที่จะยกมือตัวเองขึ้นมาบีบแก้มผมแรงๆจนปวดไปทั้งซีกหน้า

“เพราะมันใช่ไหมมึงถึงกล้าพยศกับกู”

“ไอ้..”

“หรือเพราะมึงอยากไปหามันกันแน่ ถึงได้ทั้งอ่อยทั้งอ้อนจนมันติดอกติดใจถึงขนาดนั้น!”

เชื่อไหมว่าหัวใจผมแทบหยุดเต้นเมื่อโดนคำพูดที่แสนโหดร้ายนั้นสาดใส่หน้า คำพูดที่แหลมคมดั่งมีดที่จวดแทงส่วนแววตาที่เมียนมองเหมือนแรงที่กดย้ำและซ้ำไปจนตาย

หัวใจของผมได้ตายไปแล้วครับ ตายไปพร้อมกับความรักที่มีให้คนๆนี้

ผมสิ้นเรี่ยวแรงจนทรุดลงไปนั่งบนฝาชักโครก ดวงตาเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมายเหมือนเทียนไขที่แหลกเหลวเพราะเปลวไฟ ผมไม่อยากร้องไห้ ผมไม่อยากเสียน้ำตา ผมไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้มันเห็น แต่ผมอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“พอเถอะ…ฮึก…พอสักที…เลิกทำร้ายกันสักที”

มันนิ่งเงียบไปในขณะที่ผมก้มลงมองต่ำ ผมไม่อยากมองหน้ามัน ไม่อยากเห็นไม่อยากรับรู้ไม่อยากอะไรกับมันทั้งสิ้น

“ขอร้องละ เลิกยุ่งกับผมสักที”

“ไม่”

“พี่ครอส”

ผมรู้ว่าผมกำลังสั่น แต่มันกลับแข็งเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ผมรักพี่นะ”

“…”

“แต่ผมอยากเลิกรักพี่ ผมอยากหายไปจากพี่ ผมอยากหนีไปให้ไกลๆ”

“กูไม่อนุญาต”

“ผมขอร้อง”

“ก็กูบอกว่าไม่อนุญาตไงวะ มึงเป็นเมียกู มึงจะไปไหนไม่ได้เด็ดขาด”

ผมส่ายหน้าทั้งที่ตายังคงพล่าเบลอด้วยหยาดน้ำตา พี่ครอสมันยังคงกำข้อมือผมไว้แน่น แน่นจนชาไปหมดแต่ไม่ยักกะเจ็บเท่าที่ใจ

“ผมไม่ไหวแล้ว ผมอยากเลิกรัก…”

“หุบปาก!”

“……”

“มึงห้ามพูดมันออกมาอีก กูไม่อนุญาตให้มึงไปไหนและไม่อนุญาตให้เลิกรักกูด้วย เข้าใจไหม!?!”

ผมได้แต่สะอื้นให้กับชะตากรรมที่แสนตลกของตัวเอง จะให้รักไปทำไมในเมื่อตัวเองไม่สามารถตอบกลับความรู้สึกของกันได้

“มึงเป็นของกู จำไว้”

พูดจบก็ซุกหน้าเข้ากับซอกคอก่อนที่ความเจ็บจีณดจะแล่นพล่านจนทำให้สติพล่าเลือน มันกดจนเกิดแผลแล้วจึงเลียให้แสบเล่นๆตามที่เคยทำ แต่ครั้งนี้ทันทำเหนือปกคอเสื้อขึ้นมาอีกครับ คือมองยังไงก็เห็นแน่ๆแถมไม่ใช่รอยจูบที่แค่ขูดก็หายไปซะด้วย

“ถ้าหาย เดี๋ยวกูมาทำให้ใหม่”

มันพูดแล้วก็ยกตัวผมขึ้นก่อนจะดันส่วนล่างของตัวเองมาเป็นฐานลองรับ ปากเราประกบเข้าหากันอย่างเร่าร้อนในขณะที่มือไม้เองก็อยู่ไม่สุข มันเค้นเนินสะโพกผมจนมันส์มือ เสียงน้ำลายดังเจ๊าะแจ๊ะสลับกับเสียงลมหายใจที่เริ่มถี่



ปึกๆๆ!!!



ผมสะดุ้ง

เราชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงคนทุบบานประตู ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงมาขากบานประตูของเรารึเปล่าเลยได้แต่จ้องมองที่บานประตูสลับกับคนตรงหน้าไปมา


ปึกๆๆๆ


ชัดเลย เสียงมาจากประตูห้องผมแน่นอน

“ออกมาเดี๋ยวนี้เลยไอ้นาย”

!!!

เสียงนี้มัน

“ออกมาคุยกันหน่อยสิ ทั้งมึงแล้วก็พี่ครอส”

คริสตัล!!!



Tbc…

​จัดการเลยค่ะน้องคริส

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ไอ้นายยังไม่เท่าไหร่อ่ะ แต่ไอ้พี่ครอสนี้ควรสอบสวนอย่างหนัก จัดการให้เด็ดขาดไปเลยคริสตัล

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1

ไหวหวั่นครั้งที่ 11





“ออกมาคุยกันหน่อยสิ ทั้งมึงแล้วก็พี่ครอส”


ผมถอนหายใจก่อนจะผละถอยออกมาจากใครอีกคนที่ตอนนี้คงจะช็อคไปแล้วละมั่ง หน้าตามันขาวซีดตาเบิกกว้างปากเผยอน้อยๆดูแล้วก็น่าขำดี

น่าแกล้งไม่มีใครเกิน

ถ้าถามว่าผมมาที่นี่ทำไม…ผมตอบได้เลยว่ามาตามมันนี่แหละครับ จากตอนแรกว่าจะปล่อยให้มันใจเย็นลงแล้วค่อยไปเคลียร์ทีหลังแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตามมาดูอยู่ห่างๆจนอารมณ์ขึ้นเพราะแม่งไปยั่วไอ้นั้นด้วยไง ผมเกือบจะไปล้มโต๊ะแล้วด้วยซ้ำดีที่มันมาเข้าห้องน้ำซะก่อนก็เลยได้ตามเข้ามาจัดการกับเด็กดื้อแบบตัวต่อตัว

แต่ใครมันจะไปคิดละว่าคริสตัลจะเข้ามาในเวลาที่ยังค้างคาแบบนี้

ไม่รู้จังหวะเอาซะเลย

ผมหันหลังไปปลดล็อคกลอนกำลังจะเปิดประตูแต่นายมันกลับเข้ามาดึงแขนผมไว้ซะก่อน ดวงตายังคงบวมแดงบัดนี้เริ่มมีน้ำปริมๆขึ้นมากครั้ง ผมดึงมันเข้ามาซบอกกดจูบไปที่หัวเบาๆเป็นการปลอบขวัญ

“ไม่เป็นไร น้องกูไม่ฆ่ามึงหรอก”

“แต่จะฆ่าพี่แทนนะสิ”

ผมหัวเราะในลำคอ ยังต่อปากต่อคำได้แสดงว่าอาการไม่หนักเท่าไหร่ เอาจริงๆผมดูมันออกแทบทุกอย่างแหละครับ ผมเผชิญโลกมาเยอะกว่ามันนะ อย่าลิมสิว่าผมเป็นใคร

“งั้นก็ยิ่งไม่ต้องกลัวมันนี่”

ไอ้นายเม้มปากแน่น เหมือนจะย้อนแยงกับตัวเองแต่ไม่นานก็ยอมปล่อยมือจากแขนผม ผมเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับน้องชายตัวแสบ คริสตัลยืนอยู่ไม่ไกลด้วยท่าทีหัวร้อนใช่ได้ไหนจะเทพทัตที่ยืนเป็นแบล็คอยู่ข้างหลังเหมือนไม่อยากเข้ามายุ่งด้วยแต่ก็ห่วงเมียเลยต้องอยู่ สารภาพเลยว่าจนบัดนี้ผมก็ยังไม่ชอบขี้หน้ามันอยู่ดี

“มีอะไร?”

ผมเอ่ยปากถาม คริสตัลตีหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิมสายตาอย่างกับคมมีดที่จวกแทงตลอดเวลา

แต่ขอโทษที ผมคือทีครอส เฟรงเบิร์คนะครับ มีรึที่จะกลัว

“พี่ทำอะไรกับมัน…ในนั้น…”

ถามพลางเหลียวไปที่ห้องน้ำที่ผมพึ่งเดินออกมา ผมหันไปมองสบตากับนายที่ยังคงยืนนิ่งกำมือแน่นอยู่ที่เดิม

“แค่เคลียร์กัน”

“ข้างนอกไม่มีรึไงทำไมต้องไปเคลียร์กันในนั้น! แล้วไอ้คำพูดทั้งหลายแหล่นั้นคิดว่ามันใช้กับคำว่าเคลียร์ได้เหรอวะ นั้นมันต้องใช้กับคำว่าบังคับ ผมรู้ว่าพี่เหี้ยนะแต่พี่จะมาเหี้ยกับเพื่อนผมไม่ได้!!!”

คริสตัลรัวมาเป็นชุด พูดออกมาแบบนี้แสดงว่าคงได้ยินเรื่องที่คุยกันแล้วสินะ ไอ้เราก็ไม่ได้พูดเสียงเบาซะด้วยสิ ช่างมันเถอะงั้น

“แล้วไง?”

“พี่ครอส!”

ผมยืนนิ่งในขณะที่คริสตัลเหมือนจะสติแตก มันเข้ามาประชิดตัวผมอย่างรวดเร็วแล้วดึงคอเสื้อผมอย่างหาเรื่อง เราสองพี่น้องทะเลาะกันบ่อยก็จริงแต่ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยนะครับ

“ไอ้คริส!”

นายเองก็ตกใจจนรีบออกมารั้งมือเพื่อนตัวเองเอาไว้แต่คริสตัลยังคงจ้องหน้าผมอยู่เหมือนเดิม ผมเองก็สบตาน้องตัวเองตอบไปตรงๆ ไม่นานมันก็สะบัดมือเพื่อนตัวเองออกแล้วปล่อยหมัดใส่หน้าผมเต็มๆเล่นเอาเซไปเลย

แรงดีใช้ได้แฮะ ถึงขนาดได้รสเลือดกันเลยทีเดียว

“ไปคุยกันข้างนอก”

มันพูดแล้วดึงไอ้นายให้เดินตามมันออกไปด้วยเลย ผมสบตากับเทพทัตนิดหน่อยก่อนจะหันไปพ้นน้ำลายผสมเลือดทิ้งแล้วบ้วนปาก โคตรแสบเลยสัส! นี่ถ้ากูไม่ใช่พี่มันคงยำเละกว่านี้แน่

ผมเดินตามพวกมันออกไปแต่มองไปที่โต๊ะกลับไม่เห็นเลยคิดว่าน่าจะพากันออกไปที่หน้าร้านแล้วก็เป็นไปตามนั้น ผมมองดูน้องตัวเองกำลังสอบสวนไอ้นายอยู่ข้างๆรถหรูของผัวมันโดยที่คนของผมยังคงมีสีหน้าจะร้องแหล่ไม่ร้องแหล่อยู่เช่นเดิม มันไม่ใช่คนขี้แยนะครับ แต่ถ้าคนๆนั้นเป็นบุคคลที่มีผลต่อความรู้สึกของมัน มันก็จะร้องไห้ได้ง่ายๆเหมือนกับที่ผมเห็นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงหลังๆมานี่ ผมยอมรับว่าผมมันไม่ใช่คนดี แต่เชื่อเถอะ ทุกสิ่งที่ผมทำมันย่อมมีที่มาที่ไปเสมอ

ผมรู้ว่าไอ้นายสนใจผมตั้งแต่ก่อนมันไปเมื่อนอกด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้รู้สึกอะไรมากไงครับ อารมณ์เหมือนชอบแบบน้องชายแต่มันน่าแกล้งน่าอยู่ใกล้คนละแบบกับคริสตัล ผมมารู้สึกหนักขึ้นก็ตอนมันไปนั้นแหละ บวกกับแด๊ดจะให้หมั้นเพื่อกันการสิ้นทายาทผมเลยได้ข้ออ้างในการแยกตัวและกลับใจ แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่เป็นไปตามที่คิด ผมเป็นผู้ใหญ่พอที่จะรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไรสิ่งนั้นคืออะไรและสมควรทำอะไรต่อไปในภายภาคหน้า ผมอยากถอนหมั้นในทันทีที่รู้ตัว ผมไม่อยากเอาเปรียบอีกฝ่ายนะครับ ยิ่งทางครอบครัวเธอมีอิทธิพลต่อธุรกิจของแด๊ดและผม ผมยิ่งต้องรีบเคลียร์ให้เร็วที่สุด

แต่มันก็ไม่ทัน…

เธอบอกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ในวันที่ผมนัดไปทานดินเนอร์นอกบ้านเพื่อคุยเรื่องจบความสัมพันธ์

ผมนิ่งไปหลายนาที นิ่งไปจนอีกฝ่ายต้องเรียกซ้ำเพื่อดึงสติให้กลับมา ผมต้องกลืนคำพูดต่างๆลงคอและแสร้งทำทีสงบสยบความเคลื่อนไหวที่รุนแรงภายในจิตใจ

หลังจากนั้นผมยังคงทำหน้าที่คนรักให้กับเธอแต่ช่องว่าระหว่างเรากลับเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆภายในจิตใจ เธอบอกว่าผมเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกที อยู่กับเธอเหมือนอยู่เพราะหน้าที่ไม่ใช่ตามที่ใจปรารถนา ผมได้แต่ยิ้ม เธอก็บอกมาอีกว่าทางฝั่งเธอให้จัดพิธีแต่งงานให้เร็วที่สุดก่อน ผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแด๊ดและแม่แต่ก็บอกความต้องการของตนด้วยว่าใจจริงไม่อยากจะแต่ง ใจจริงอยากจบความสัมพันธ์แต่เธอกลับท้องขึ้นมาซะก่อน แน่นอนว่าผู้ให้กำเนิดว่าผมเสียยกใหญ่ ผมเองก็ก้มหน้ารับแต่ผมก็จะรับเลี้ยงเด็กแน่นอน แม่บอกต้องพูดความจริงกับเธอเพื่อเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันส่วนแด๊ดนั้นเงียบไปจนผมนึกกลัวขึ้นมาเลยครับ แด๊ดไม่พูดอะไรสักคำจนกระทั่งผมแยกกับพวกท่านและเข้าไปคุยกับเธอตามที่แม่แนะนำ

ผลที่ได้คือทางฝั่งนั่นยกเลิกสัญญาทางธุรกิจทุกสิ่งอย่างโดยที่เธอเองก็ขอกลับแต่ผมไม่ให้กลับเพราะห่วงสุขภาพครรภ์ ในช่วงนั้นผมต้องวิ่งวุ่นทั้งเรื่องงานและเรื่องขอเด็กมาเลี้ยงเองซึ่งโคตรจะยากและเรื่องต้องถึงศาลแน่นอน และในที่สุดสวรรค์ก็เห็นใจผมครับ หลังจากที่เด็กคลอดปรากฎว่าผลดีเอ็นเอของเด็กไม่ตรงกับผมเลยสักนิด วินาทีนั้นเหมือนทุกคนเข้าสู่โหมดเดดแอร์รวมทั้งผมด้วยเช่นกัน เธอสารภาพว่าแอบไปเผลอมีอะไรกับใครสักคนตอนไปเที่ยวสถานบันเทิงแต่ไม่คิดว่าผลจะออกมาในรูปแบบนี้

สุดท้ายทางฝั่งนั้นเลยขอโทษขอโพยผมเสียยกใหญ่จากที่คอยเกทับกลับเป็นผมที่เกกลับจนแทบเสียเครดิต ชื่อเสียงของตระกูลแฟรงเบิร์คเล็กน้อยสักที่ไหนละครับ ผมใช้ลูกไม้ขู่ทางคดีความจนอีกฝ่ายยอมยกเด็กให้จึงได้จบลงด้วยการยกฟ้องและจากกันด้วยดีในที่สุด ผมไม่โกรธเธอนะที่แอบไปมีอะไรกับใครเพราะผมเองก็มี แต่ไม่ใช่ทางกายก็แค่นั้น ผมแอบเผลอใจไปรักคนอื่นในขณะที่หมั้นอยู่กับเธอ

จนวันหนึ่งที่รู้ว่ามันกลับมาบอกได้คำเดียวเลยว่า…ผมโคตรดีใจเลยวะ เชื่อไหมว่าวันนั้นผมแทบทำงานไม่ได้เลยนะครับ คนที่หายใจเข้าออกเป็นงานอย่างผมถึงกับคิดอะไรไม่ออกนี่ถ้าไม่เรียกว่าอาการหนักแล้วจะเรียกว่าอะไร

วินาทีแรกที่เห็นมันคือผมทำอะไรไม่ถูกเลยนะครับ มันไม่ได้ดูสวยขึ้นเหมือนคริสตัลแต่มันดูดีในแบบของมัน มันดูน่าเอ็นดูและน่าแกล้งจนอดใจแทบไม่ไหว ยิ่งผมดูมันออกว่ามันยังคงคิดกับผมแบบเดิมผมยิ่งอยากแกล้ง ผมพามันไปเจอน้องคนสนิทที่เป็นได้เพียงน้องสาวแล้วแกล้งพูดจาก้อร่อก้อติกเพื่อดูปฎิกิริยาของมันล้วนๆ แต่มันก็แสดงออกเพียงนิดเดียว มันอดทนได้เก่งขึ้นเก็บอาการได้ดีขึ้นจนผมนึกกลัวว่ามันจะตัดใจจากผมได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ยังไม่ได้สานสัมพันธ์กับมันดีๆและงานผมก็รุมเป็นทุนเดิมนั้นก็มีไอ้ตัวปัญหาโผล่เข้ามาจนได้

“มึงแม่ง”

เสียงคริสตัลสบถดังลั่นนั้นทำให้ผมตื่นจากภวังค์ มันคงเล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องผมฟังเป็นที่เรียบร้อยแล้วแหละนะ

ผมเดินเข้าไปใกล้คนคริสมันเห็นแต่ไม่ยักกะด่า สายตามันยังคงฟาดฟันไม่เปลี่ยนแต่อาจจะใจเย็นขึ้นบ้างเพราะได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

“มีอะไรจะพูดกับผมไหม?”

ผมส่ายหัว ก็ไม่มีจริงๆนี่หว่า เรื่องทั้งหมดมันก็น่าจะได้ยินจากเพื่อนไปแล้วนี่

“ผมไม่ใช่คนฟังความข้างเดียวนะ พี่คิดอะไรอยู่พี่ก็พูดมา อย่ามาเล่นแง้กับเพื่อนผม ไอ้นายมันจริงจังแต่พี่แม่ง…”

“กูก็จริงจัง”

“จริงจังบ้านมึงดิ!”

ดูมันพูด บ้านกูก็บ้านมึงไหม หยาบได้ใครวะเนี้ย

“เวลาพวกมึงจีบกันมึงวิ่งโล่มาบอกกูไหมละว่ามึงกับมันจะไปนั้นไปนี่ ว่าคิดนั้นคิดนี่ มันทำอย่างนั้นมึงทำอย่างนี้ ก็ไม่ใช่ไหมละ แล้วมึงจะมาถามกูทำไมไม่ทราบ”

โดนตอกไปแบบเบาะๆ นี่ถือว่ากูปราณีแล้วนะครับ

“พี่จะบอกว่าพี่กำลังจีบไอ้นายอยู่?”

“เออ”

“ห่ะ!?!”

ร้องออกมาพร้อมกันทั้งน้องผมทั้งตัวการเลยครับ หน้าเน้อนี่เหวอไปอีก ถ้าผมหัวเราะออกไปมันจะเสียบรรยากาศไหมวะ แต่คงไม่ทันละ รู้สึกว่าจะหลุดออกไปแล้วด้วย

“เหี้ยแน่ๆ นี่พี่จริงจังเหรอ พี่ไม่ใช่เกย์นะเว้ย”

“กูไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชาย”

“นั้นไง”

“แต่กูชอบมัน”

อึ้งกันไปอีกรอบโดนเฉพาะไอ้นายที่ผมจ้องมันอย่างไม่ละสายตา หน้ามันเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆทั้งที่ยังคงมีท่าทีอึ้งค้างอยู่อย่างนั้น อยากจับมากัดปากให้สะดุ้งเล่นจริงๆ แต่คงไม่เหมาะเท่าไหร่

"มันก็ไม่ใช่เกย์ใช่ไหมละ?"

คริสตัลหันไปมองหน้าเพื่อนก่อนจะพยักหน้าช้าๆ ไอ้นายก็เสือผู้หญิงรายหนึ่งเลยนะครับทำไมผมจะไม่รู้ แต่ก็แค่เมื่อก่อนแหละนะ

"แต่มันยังชอบกูได้เลย"

"พี่ครอส!"

ผใกระตุกยิ้มเมื่อทำให้มันหลุดได้ในที่สุด หน้าแม่งก็ทั้งเหวอทั้งแดง โอ้ย ผมจะทนไม่ไหวแล้วนะครับ

“เออ…อ่า…”

คริสตัลถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

“กลับกันเถอะคริส”

เป็นทัตที่โพล่งออกมาขัดอาการเก้อของน้องชายผม ผมหันไปสบตากับมัน โคตรรู้จังหวะเลยวะ อย่างนี้ค่อยสมกับที่เป็นน้องเขยกูหน่อย

“แต่ว่า…”

“ให้พวกเขาคุยกันเอง”

“นี่ยูว่าไอเสือกเหรอทัต!?”

“แล้วมันใช่ไหมละ?”

“นี่!!!”

“หึหึ”

เทพทัตไม่มีท่าทีเกรงตัวต่ออาการเหวี่ยงของคริสตัลเลยสักนิด แต่มันกลับยิ้มกว้างแล้วปลดล็อครถก่อนจะเปิดประตูให้เลย คริสมันหันมามองผมสลับกับเพื่อนมันอีกครั้ง

“มึงโอเคไหมไอ้นาย?”

ห่วงกันจริงๆ

“ก็…มั้ง”

“ถ้ามันทำอะไรมึงก็โทรมาบอกกู เดี๋ยวกูจะจัดการให้”

“มึงจะทำอะไรกูไม่ทราบ?”

ผมอดที่จะถามไม่ได้จริงๆ

“โทรหาแด๊ดไง”

“โห ที่แท้ก็เด็กขี้ฟ้อง”

“ไอ้พี่ครอส!!”

“เรียกทำไม? กลัวลืมชื่อ?”

มันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางขี้หน้าผมอย่างอาฆาต เถียงกันกับมันถือเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งนะครับ

“เราก็ไปกันเถอะ”

ว่าจบผมก็เดินไปฉุดมือเจ้าตัวการจนมันอุทานแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ได้ยินเหมือนคริสตัลพูดอะไรตบท้ายมาสักอย่างแต่ผมไม่ได้สนใจจนกระทั่งเดินมาถึงรถของตัวเองที่จอดอยู่แถวด้านนอก ผมปลดล็อครถแล้วเปิดประตูให้ด้วยตัวเองแต่นายมันยังคงนิ่งเงียบ สายตามันเหมือนสับสนอย่างหนักจนเกิดอาการลัดวงจรอยู่ภายใน ผมเลยก้มลงไปจูบปากมันทีสองทีจนมันสะดุ้งไปตามคาด ยิ้มเลยสิครับงานนี้ ที่ยิ้มนะผมนะไม่ใช่มัน

“ขึ้นรถ”

“จะ จะไปไหน?”

“กลับคอนโด”

มันพยักหน้าหน่อยๆแล้วก้าวเข้าไป ผมเลยปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง หางตาเห็นรถของเทพทัตผ่านไปอยู่ไวๆแต่ก็ช่างมัน ณ ตอนนี้ผมสมควรพุ่งความสนใจไปที่คนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่นี่มากกว่า

“คาดเข็มขัดรึยัง?”

มันรีบเอามาคาดทันทีที่ผมพูดจบ อาการลนๆเหมือนคนกลัวความผิด มันไปทำอะไรมาอีกรึเปล่าวะ?

ผมสตาร์ทรถพยายามเก็บอาการสงสัยแล้วใช้สมาธิกับการขับให้มากที่สุด เวลาขับรถเพียงคนเดียวผมจะขับยังไงก็ได้ใช่ไหมแต่นี่มีมันเข้ามานั่งอยู่ด้วยไง ผมเลยต้องระวังมากเป็นพิเศษ เอาง่ายๆคือผมไม่เคยขับช้าถึงขนาดนี้แล้วมองกระจกบ่อยมากถึงขนาดนี้แล้วกัน

“พี่ครอส”

“ว่า?”

“พี่จะพาผมไปไหน?”

ผมหันไปมองหน้ามันแป๊บๆก่อนจะหันกลับมามองถนนต่อ

เกิดเอ๋ออะไรขึ้นมาอีกวะ

“รู้สึกว่ามึงถามกูมาแล้วและกูก็ตอบมึงไปแล้วนะ”

“แต่นี่มันไม่ใช่ทางกลับคอนโดผมอะ”

ผมยกยิ้ม

“กูบอกเหรอว่าจะพากลับคอนโดมึง”

ผมหัวเราะในลำคอในขณะที่มันหันควับมาจ้องหน้าผมเลย

ขอบอกอีกทีได้ไหมว่ามันโคตรน่าแกล้งเลยจริงๆ

น่าแกล้งจนอยากจะแกล้งแรงๆให้หนำใจ อยากจะทำให้ผมกลายเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อจิตใจมันมากที่สุด อยากจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของมัน

ในขณะที่มันก็กลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผมเช่นกัน



Tbc…


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทัต คริส  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ทีครอส นาย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ทีครอส ชอบนาย จีบนาย ก็ไม่บอกเลย นายจะรู้ได้ยังไง
เพราะนิ่ง อ่านไม่ออก พูด หรือแสดงท่าทีว่าจีบก็ไม่มีเลย
นายเลยคิดมากเข้าไปสิ
คริส มาเป็นกามเทพถามไถ่ ครอสถึงบอกว่าจีบ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
นายเลยเหวอ อ้าปากค้าง

พอได้อ่านพาร์ทของทีครอส
ที่แท้ทีครอส ก็ชอบนายมานาน

เต้ คงชอบนายตั้งแต่ตอนเรียน รร.เดียวกัน
มาเจอนาย เต้ เลยรุกนายซะ
กะได้จีบนายแน่ๆเพราะนายจะหนีทีครอส
เลยก็ยิ่งทำให้ทีครอสเข้าหานายเต็มๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
ไหวหวั่นครั้งที่ 12





“ที่นี่มัน…”

“คอนโดกูเอง”

เสียงทุ้มตอบตามหลังทั้งที่ผมยังถามไม่จบด้วยซ้ำ ตอนนี้เรายืนอยู่ที่คอนโดหรูย่านธุรกิจซึ่งไม่ไกลจากตึกออฟฟิศของคนตัวโตนี่สักเท่าไหร่ครับ เอาจริงๆคือผมไม่รู้ว่ามันมีคอนโดด้วยซ้ำ นึกว่าอยู่แต่บ้านกับออฟฟิศ

“ที่นี่เป็นหนึ่งในอสังหาฯของกู กูจะเก็บไว้นอนสักห้องจะเป็นอะไร”

อ้อ ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง แต่เดี๋ยวนะ ทำไมมันรู้ว่าผมคิดหรือสงสัยอะไรอยู่วะ!

“เข้าไปข้างในได้แล้ว กูโคตรอยากอาบน้ำเลย”

ว่าแล้วก็ดันหลังผมให้ก้าวเดินโดยที่มีมันเดินอยู่เคียงข้าง ผมได้แต่มองไปรอบๆไม่กล้าสบตาทั้งที่ไม่รู้หรอกว่ามันมองมาที่ผมรึเปล่า จะว่าไป…ที่พูดไปก่อนหน้านี้…ผมหูฝาดไปรึเปล่าครับ?

ปิ๊ง!

เสียงลิฟท์ดังขึ้นเมื่อมาถึงชั้นบนสุดของคอนโดหรูแห่งนี้ แต่ประตูกลับยังไม่เปิดออกจนไอ้พี่ครอสเข้าไปสแกนลายนิ้วมือที่เครื่องด้านหน้าอีกครั้ง ระบบรักษาความปลอดภัยดีเวอร์ แต่เมื่อประตูเปิดออกผมก็ต้องอึ้งอีกครั้ง มันไม่ใช่แค่ระบบรักษาความปลอดภัยดีครับ แต่มันต้องมีเพราะด้านหน้าผมคือเพ้นเฮ้าส์สุดหรูที่ดูจากการตกแต่งแล้วราคาห้องไม่ต่ำกว่าสิบล้านแน่นอน

“ออกไปได้แล้ว”

ผมสะดุ้งก่อนจะก้าวตามผู้เป็นเจ้าของออกจากลิฟท์ที่ทำหน้าที่เป็นประตูของเพ้นเฮ้าส์นี้ไปด้วย ด้านในกว้างขวางและโอ่โถงมากครับ เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกชิ้นต่างเป็นสีทองและครีมขาว ผมนึกไม่ถึงเลยว่าผู้ชายดิบๆอย่างพี่ครอสมันจะมีรสนิยมคุณชายได้ถึงขนาดนี้ ดูอย่างโซฟาที่มันเข้าไปนั่งนั้นสิครับ นั้นมันหนังของหลุยส์เชียวนะ

“หึ”

มันหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอาการสนอกสนใจภายในเพ้นเฮ้าส์สุดหรูของมัน ที่เดินผ่านมาเมื่อกี้น่าจะเป็นห้องครัวถัดมาก็เป็นบาร์เครื่องดื่มมีตู้โชว์เหล้าหลากหลายยี่ห้อเน้นรูปทรงขวดที่สวยงามเพื่อเป็นการตกแต่ง ตรงกลางเป็นโซฟารูปตัวยูที่ใหญ่มากตั้งอยู่บนพื้นพรมขนฟูน่าจะนุ่มเท้า ตรงหน้าโซฟาเป็นทีวีจอยักษ์และเครื่องเล่นเสียงต่างๆ ถัดไปเป็นประตูห้องอะไรสักอย่างสองบานและบันไดวนขึ้นไปยังชั้นสอง ด้านหลังกรุด้วยกระจกเต็มพิกัดลากยาวไปอีกด้านและเปิดม่านให้เห็นระเบียงกว้างมีสระน้ำที่ไม่มั่นใจว่าเป็นสระว่ายน้ำขนาดมินิหรืออ่างจากุซซี่กันแน่

“อยากให้พาเดินสำรวจไหม?”

ผมหันมามองมันก่อนที่จะพยักหน้าน้อยๆ ก็คนมันสนใจจริงๆนี่หว่า

“งั้นเดี๋ยวพาไป…”

พูดจบแล้วลุกขึ้นเดินมาหา ไอ้ผมก็นึกว่ามันจะพาเดินทัวร์แต่ป่าวเลยครับ มันเดินมารั้งท้ายทอยผมไว้แล้วก้มลงมาประกบปากจูบผมเลย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนที่จะสบเข้ากับดวงตาสีอ่อนจากคนตรงหน้า พอจะอ้าปากร้องท้วงก็กลายเป็นเปิดปากให้ลิ้นของเขาได้แทรกเข้ามา ตัวโดนดึงเข้าสู่อ้อมอกก่อนที่แขนแกร่งจะรัดผมไว้จนแน่นแต่กลับไม่อึดอัด มันอบอุ่น มันให้ความรู้สึกดีจนทำให้ผมเคลิ้ม เสียงน้ำลายดังขึ้นเบาๆเมื่อผมเริ่มตามเกมส์รุกของคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ก็อย่างที่รู้ว่าผมไม่เคยต้านทานคนๆนี้ได้เลย ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือในตอนนี้

“…ถ้าเกิดมึงยังลุกไหวอะนะ”

“เห้ย!”

มันอุ้มผมครับ!

แค่คำพูดกำกวมมันก็น่าตกใจพอแล้วแต่นี่เล่นอุ้มผมพาดบ่าแล้วพาตรงไปยังบันไดวนในทันที ไอ้เราก็ไม่กล้าดิ้นอะไรมากด้วยไอ้พี่ครอสมันสูงนะครับ ขืนตกไปมีเจ็บแน่ๆอะ แต่เอ๊ะ หรือกูไม่อยากดิ้นเองกันแน่วะ ชักไม่แน่ใจ

พอโผล่ขึ้นมาที่ชั้นสองปุ๊บไอ้พี่ครอสมันแทบไม่ต้องเปิดประตูใดๆเลยครับ ก็เล่นโล่งไปทั้งชั้นซะขนาดนี้ ที่บอกว่าโล่งคือมันไม่ได้ถูกกั้นเป็นห้องๆมีประตูปิดมิดชิดเหมือนชั้นล่างแต่เป็นพื้นที่กว้างๆที่กินเนื้อที่ไปกว่าครึ่งของขนาดห้องทั้งหมด ตรงกลางชิดผนังมีเตียงเตี้ยขนาดคิงส์ไซต์และตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินอยู่ไม่ไกล ส่วนริมอีกฝั่งเป็นห้องน้ำที่รวมทั้งห้องส้วมและห้องอาบน้ำไว้ด้วยกันแต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ…ห้องแม่งกรุด้วยกระจกหมดเลยครับ ทั้งห้องน้ำและผนัง มองลงไปคือเห็นชั้นล่างได้เลยอะ

ตุ๊บ!

มัวแต่มองเพลินจนมันปล่อยตัวผมลงที่นอนซะเต็มแรงเลย ถามว่าจุกไหม? จุกสิวะ! ไอ้เรื่องชอบใช้ความรุนแรงนี้ไม่มีเปลี่ยนเลยจริงๆ

“เห้ย! เดี๋ยวๆๆๆ”

ผมรีบท้วงเพราะมันกำลังฉีกทึ้งเสื้อผ้าผมแล้วครับ ไอ้หมาบ้านี่!

“มึงกล้ามาสั่งกู?”

ทำเป็นเข้มแต่น้ำเสียงคือกำลังสนุกอยู่เห็นๆ แล้วมือมันก็ไม่หยุดด้วยนะครับ พอถอดไปได้พอประมาณมันก็บีบเค้นไปทั้งร่างจนผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

แม่งอายสัส!

แต่กูเสือกขัดมันไม่ได้อีก!!

เกลียดตัวเองชิปหายเลยวะ

“เดี๋ยว…อื้ออ…ก็บอกว่า..อ๊ะ!”

“หึ”

กัดกูแล้วยังเสือกมาหัวเราะอะ นี่คนรึหมาวะ!

“มันเจ็บนะ!”

ว่าไปงั้นแต่แม่งก็ไม่สนกูเหมือนเดิม ผมพยายามผลักมันที่กำลังรุกล้ำอยู่แถวหน้าอกจนต้องแอ่นหนีแต่เหมือนจะยิ่งลงล็อคมันนะครับ มือหนาแทรกไปที่ด้านหลังก่อนจะไล่ลงไปที่สะโพกเพื่อเลื่อนขอบกางเกงให้ไหลลงจากร่างโดยง่าย

ให้ตายสิโรบิ้น! มันปลดกระดุมรูดซิปกางเกงกูตอนไหนวะเห้ย!!

“ก็ตื่นแล้วนี่”

โอ้โห ทำมาเป็นพูด มึงเล่นปลุกปั้นซะเต็มไม้เต็มมือขนาดนี้มันคงหลับลงอยู่หรอกเนอะ ผมนี่ทั่งกัดปากทั้งจิกไหล่มันแน่นเลยตอนที่มันเล่นกับส่วนนั้นจนผมแทบหมดเรี่ยวแรง

Rrrrrr

เหมือนมีเสียงสวรรค์ดังในขณะที่ผมกำลังจะขาดใจตายเลยครับ ไอ้พี่ครอสจิ๊ปากแบบโคตรขัดใจเพราะเป็นเสียงโทรศัพท์ของมันไง มันผละถอยออกจากผมไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า พอเอาออกมามองหน้าจอแล้วก็ปิดเครื่องโยนทิ้งไปซะงั้น ผมนี่กระพริบตาปริบๆมองตามจนมันฉกเข้ามาจูบผมอีกนั้นแหละ

“เดี๋ยวๆ ไม่รับสายจะดีเหรอ?”

“ช่างมัน”

“ไหนบอกว่าบ้างานไง”

“แต่ตอนนี้กูจะบ้าถ้าไม่ได้แดรกมึง”

เชี่ย!

พูดอะไรไม่ออกเลยวะครับ

ระหว่างที่กำลังอึ้งไอ้นี่มันก็ฉวยโอกาสจับผมพลิกคว่ำพร้อมรวบมือทั้งสองข้างไขว้หลังจนหน้าทิ่มไปซะงั้น หาความอ่อนโยนจากมันไม่ได้จริงๆ ดีนะที่ที่นอนมันนุ่มไม่งั้นผมคงดั้งหักไปแล้ว

“อืออออ!”

ผมสะดุ้งเมื่ออะไรบางอย่างที่ชื้นๆเข้ามาสัมผัสในส่วนของปากทางเข้า ขาที่ชันขึ้นทำให้ก้นลอยเด่นจนมองไม่เห็นว่ามันกำลังทำอะไร ใจก็หวังไม่ให้เป็นไปตามที่สมองคิด

มันคงไม่ใช้ลิ้นทำหรอกนะ!

ผมเริ่มหายใจติดขัดเมื่อส่วนนั้นกำลังถูกรุกล้ำพร้อมๆกับด้านหน้าที่ดูสัมผัสไปพร้อมๆกัน อาการเสียวแปร๊บเหมือนกระแสไฟฟ้ามันแล่นไปที่จุดๆนั้นจนผมตัวกระตุก เมื่อทนอดกลั่นเสียงชวนอายนั้นไม่ได้ก็ต้องมุดหน้าลงกับเตียงไปในที่สุด มือผมยังไม่ถูกปลดจากพันธนาการครับผมเลยยังขยับมากไม่ได้ ในตอนที่ผมเริ่มจะทนไม่ไหวตัวเกร็งไปหมดจู่ๆมันก็หยุดทุกอย่างลง ผมโคตรอยากกัดลิ้นตายให้รู้แล้วรู้รอด เวลาแบบนี้ใครเขาใช้ให้หยุดกันวะ! ทีตอนบอกเดี๋ยวๆนี่แม่งก็ไม่เดี๋ยว ไอ้…

“อ๊าาาา!!!”

ยังด่าไม่ทันจะจบส่วนใหญ่ร้อนก็แทรกตัวพรวดเข้ามาในทีเดียวจนผมสะดุ้งเฮือกหลุดเสียงร้องไปซะเต็มเสียง

เจ็บสัส!

แล้วดูเหมือนจะยังไม่สุดด้วยนะเว้ย!

“อึก…แน่นเหี้ยๆ”

“เจ็บ”

ผมพูดเสียงสั่น มันเลยปล่อยมือผมแล้วก้มลงมาจับผมหันไปรับจูบของมัน ผมพึ่งรู้ตัวว่าน้ำตาไหลก็ตอนที่มันใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกให้นั้นแหละครับ จูบคราวนี้เป็นจูบที่อ่อนโยนผิดกับก่อนหน้าลิบลับ ชวนให้มีอารมณ์คล้อยตามจนมันค่อยๆแทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ ผมคลางเคลือในลำคอเมื่อส่วนใหญ่สัมผัสถูกจุดนั้นทางด้านใน ผมร้อนไปทั้งตัว มันจี๊ดจนต้องตอดรัดสิ่งใหญ่นั้นให้คนด้านบนได้ซี๊ดปากเป็นระยะ พี่ครอสมันใจเย็นลงอย่างไม่น่าเชื่อ มันค่อยๆถอนตัวแล้วแทรกเข้ามาให้อย่างช้าๆ

“อา~”

รู้สึกดีชะมัด

“ดีไหม?”

ขนลุกไปทั้งร่างเมื่อเสียงทุ่มต่ำนั้นเข้ามากระซิบที่ข้างหู ผมกัดปากล่างก่อนจะพยักหน้าตอบ อายที่จะต้องพูดแต่มันก็ดีจริงๆนั้นแหละ ผมได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะหึจากคนทางด้านหลังก่อนที่หน้าอกจะถูกรุกรานเพราะตอนนี้ผมยันแขนค้ำตัวเองขึ้นแล้ว ด้านหลังกำลังขยับไปมาในขณะที่ด้านหน้าโดนบีบเค้นอย่างเอาใจ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่แถวๆไหล่จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆที่รดริน

ผมยกมือขึ้นลูบท้ายทอยคนด้านหลังตามอารมณ์คล้อยตาม หน้าเราหันเข้าหากัน ตาสบตา มองจ้องกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแต่สิ่งที่แสดงออกอย่างชัดเจนนั้นคือ

ผมรักเขา

รักเขาจริงๆ

ใบหน้าเราเคลื่อนเข้ามาใกล้และจูบที่ลึกซึ้งก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดจนหยาดน้ำลายไหลเยิ้มลงมาจากมุมปาก ความรุ่มร้อนในอารมณ์พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆพร้อมๆกับจังหวะการขยับกายที่แรกขึ้น แรงขึ้นจนผมทนไม่ไหว

“อ๊า อ๊ะ อืออออ”

เสียงครางที่หลุดออกมาฟังดูหน้าอายแต่ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ผมชอบสัมผัสของเขา ผมชอบทุกๆสิ่งของเขา

“อึ๊ก อ๊า”

“ชอบไหม?”

“อืม”

“ชอบไหมครับ?”

ผมบลือตาขึ้นมองคนที่นานๆครั้งจะพูดเพราะให้ได้ยิน ใบหน้าหล่อๆเริ่มมีหยาดเหงื่อผุดขึ้นที่กรอบหน้า

“รัก”

มันยิ้ม

เป็นรอยยิ้มที่ดูดีมากกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมาเลย ผมยิ้มตามแต่ไม่นานมันก็กลายเป็นใบหน้าที่เหยเกเพราะความเสียวซ่านได้ถูกปลุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังระงมผสมผสานกับเสียงครางหวาน ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล แต่ก็เท่าที่ร่างกายผมจะไหวนั้นแหละนะ









“อืม…จัดการตามสมควร…วันนี้ฉันไม่เข้า…โอเค แล้วรายงานมาเป็นระยะ แค่นี้แหละ”

ผมบลือตาตื่นขึ้นจนปรับสายตาได้แล้วถึงเห็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่กำลังนั่งพิงพนักหัวเตียงอยู่ใกล้ๆ พอจะขยับร่างกายก็ต้องสบถในใจ โคตรร้าวไปทั้งร่างเลยไงครับ

“ตื่นแล้วเหรอ?”

“อืม”

“มึงไข้ขึ้น แต่กูเช็ดตัวให้แล้ว”

อยากตอบมากว่าสมควรแล้วแหละนะ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนเราทำกันไปกี่ยกแล้วผมหลับไปตอนไหนหรือเราหยุดไปตอนไหน สรุปง่ายๆคือผมจำอะไรไม่ได้เลยนะ

“ลุกไหวไหม?”

ผมส่ายหัว

“หึ สิ้นฤทธิ์เลยสิมึง”

“สัส”

ขอด่าหน่อยเถอะ

“เสียงไม่มียังเสือกด่า”

มันส่ายหัวปลงๆแล้วยื่นมือมายีหัวผมไปอีก ผมเลยแยกเขี้ยวไปให้ทีจนมันหัวเราะ

“เดี๋ยวไปเอาข้าวต้มมาให้กินแล้วกินยานอนพักต่อ”

พูดจบมันก็ลุกขึ้นแล้วเดินลงบันไดไป มันคงอาบน้ำแล้วแหละนะเพราะแต่ตัวด้วยชุดใหม่แถมยังหอมฟุ้งไปทั้งตัวอีก ผมพยายามพลิกร่างยันกายให้ลุกขึ้นนั่งจนสำเร็จ

ผมมองสำรวจห้องอีกรอบก่อนจะมานึกย้อนไปถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น อะไรหลายๆอย่างที่พี่ครอสมันยังไม่เคลียร์ยังมีอีกเยอะแต่ว่าการกระทำของมันเมื่อคืนนี้แทบจะเป็นคำตอบอย่างหนักแน่นเลยว่ามันจริงจังกับผมแน่ๆ

ว่าแล้วก็อดร้อนไปทั้งหน้าไม่ได้

นี่ผมคงไม่ได้หลงตัวเองอยู่หรอกนะ

“หน้าแดงเชียว ไข้ขึ้นเหรอ?”

ผมสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองที่ต้นตอของเสียง พี่ครอสมันกลับมาพร้อมถาดมีชามข้าวต้มใบใหญ่และแก้วน้ำดื่มอีกใบ มันหันไปวางถาดไว้ที่โต๊ะเตี้ยข้างเตียงนอนแล้วเข้ามาหาพลางยกมือขึ้นทาบหน้าผากผมไปด้วย

ฉ่า~

“ก็ไม่ร้อนเท่าไหร่แต่ทำไมหน้ามึงแดงจังวะ”

“เออ…”

“หรือเขินกู?”

ผมเม้มปากแล้วหลบตาในทันที

“หึ”

เชี่ยเอ๊ย

ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของมันผมยิ่งเขินหนักเข้าไปอีกอะ

“เขินมากๆระวังจะลุกจากเตียงไม่ได้ไปสักสามวันนะมึง”

“เหี้ยเหอะ!”

“หยาบแล้วครับที่รัก มากินข้าวได้แล้ว”

เดี๋ยวนะ

เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะครับ

“เอ๋ออีก มากินข้าว”

“เมื่อกี้…”

มันเลิกคิ้ว

“ทำไม?”

“พี่พูดว่าอะไรนะ?”

“มากินข้าว?”

“ไม่ใช่ๆ ก่อนหน้านี้อะ”

“เอ๋ออีก?”

ผมพ้นลมหายใจในทันที กูอยากจะบ้า

“ก่อนหน้านี้อีกอะ”

มันขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเหมือนกำลังคิดไม่นานแม่งก็ฉีกยิ้มจนอยากจับจูบซะให้เข็ด ยิ้มโคตรเจ้าเล่ห์แต่ก็โคตรหล่อกระชากใจด้วยเหมือนกันอะ

“ที่รัก”

ตึกตัก ตึกตัก

พอได้ฟังชัดๆผมถึงกับหาเสียงตัวเองไม่เจอไปชั่วขณะ ไม่รู้อะไรมันตื้อๆขึ้นมาจนจุกจนหายใจไม่ถนัดที่หนักกว่านั้นคือผมใจเต้นโคตรแรงจนกลัวว่ามันจะได้ยินไปด้วย

“หึ ที่รัก มากินข้าวครับ”

มันแม่งเพิ่มสกิลด้วยการพูดเพราะไปด้วยอีกอะ ขอลาตายสักสามสิบวิจะได้ไหมครับ ไม่ไหวแล้วนะ ผมต้านมันไม่เคยไหวเลยจริงๆ

“เอามือปิดหน้าทำไม?”

กูเขินสัส!

“นาย”

“อื้อ”

“อย่าน่ารักให้มาก กูเองก็อดทนอยู่นะ”

มันอดทนกับอะไรอยู่วะ

ด้วยความสงสัยผมเลยแอบชำเลืองมองมันจนสายตาไล่ลงไปเห็นอะไรบางอย่างกำลังตื่นตัวอยู่ตรงกลางระหว่างขาของมัน

“ไอ้หื่นนี่!”

ว่าแล้วก็จับหมอนฟาดไปด้วย มันหัวเราะร่วนเลยครับ กูนี่ก็ฟาดต่อไม่มียั้ง สังขารไม่เอื้อแต่กูก็จะทำ คือเขินไงครับ ทำอะไรไม่ถูกเลยต้องกลายมาเป็นแบบนี้

“พอๆๆ เจ็บไหมละนั้น?”

ผพยักหน้าทั้งน้ำตาที่คลอหน่วย มันยิ้มแล้วดึงหมอนออกจากมือแล้วปาทิ้งลงพื้นไปซะงั้น ผมก็ได้แต่มองตาปริบๆสิครับ

“กินข้าวแล้วกินยานอน ถึงกูจะหื่นแต่ก็ก็ไม่ทำคนป่วยนะ ไว้หายแล้วค่อยว่ากัน”

คิดว่าผมอยากหายรึไม่อยากหายดีละครับ

เหอะๆ







“นี่”

ผมเอ่ยเรียกคนตัวโตหลังจากที่กินข้าวกินยาเสร็จและกำลังจะล้มตัวลงนอนโดนมีมันคอยประคองและห่มผ้าให้เสร็จสรรพ ดูแลดีเวอร์ไม่เข้ากับการกระทำโหดๆก่อนหน้าเลยสักนิด

“ว่า?”

“คือ…ที่พูดกับคริสนะ…จริงเหรอ?”

มันนิ่งไปนิดก่อนจะหันมาจ้องหน้าผมเขม่ง

“มึงไม่เชื่อกู?”

“ก็พี่ไม่เคยพูดกับผมตรงๆเลยนี่หว่า”

“แล้วการกระทำกูละ?”

“มันก็…”

สองแง่สองง่าม

จะว่าไป…

“ผมเห็นพี่ไปห้าง…กับผู้หญิง”

อันนี้แค่บอกเล่าไม่ได้ถามแต่โคตรเจ็บจี๊ดที่ใจเลยวะ คิดถึงแล้วก็อดจะร้องไห้ไม่ได้ นี่ผมกลายเป็นผู้ชายขี้แยไปแล้วเหรอ

“อ้อ ที่โทรมาอ้อนให้มาหานะเหรอ?”

ผมพยักหน้า กำลังจะเอาผ้าห่มขึ้นคลุมหัวแต่ก็โดนมือหนาคว้าเอาไว้ซะก่อน

“นั้นลูกสาวของลูกค้า พอดีเธอพึ่งเคยไปที่นั้นเลยอยากเดินดู”

ผมพยักหน้าไปทีสองที

“เหมือนเขาจะอยากจับคู่ให้นั้นแหละแต่กูไม่สน ที่ทนเดินด้วยเพราะพ่อเขากำลังจะสั่งของล็อตใหญ่”

“ของ?”

“ปืนนะ”

“ห่ะ!?!”

คือก็รู้แหละนะว่ามันทำธุรกิจมืดด้วยแต่พอมารับรู้ตรงๆด้วยหูของตัวเองแล้วมันก็อดที่จะตกใจไม่ได้

“มึงกลัวรึเปล่า?”

“ก็…”

นิดหน่อย

“หึ สมควรแหละนะ งานของกูมันมียิ่งกว่าที่มึงรู้เยอะ ไอ้ที่อันตรายๆก็เพียบ กูถึงต้องคิดให้มากเวลาทำอะไรหรือให้ความสัมพันธ์กับใคร…”

ผมรับฟังด้วยใบหน้านิ่งแต่ไม่ละสายตาไปจากดวงตาสีอ่อนคู่นั้นแม้แต่น้อย พี่ครอสเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งมากนะครับ แต่ในเวลานี้เหมือนมันกำลังกะเทาะเปลือกออกเพื่อเผยธาตุแท้ให้ผมได้เห็น

ได้เห็นว่ามันก็เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่มีชีวิตจิตใจและความรู้สึกเหมือนคนอื่นทั่วไป

หรือเหมือนอย่างผม

“ตอนแรกกูคิดว่ากูมีแค่ครอบครัว มีพ่อมีแม่มีคริสแล้วก็แองเจลล่าที่มาอย่างไม่คาดฝัน กูคิดว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้วแต่มันไม่ใช่…”

“……”

“กูยังอยากมีมึงไว้ข้างๆกาย อยากดูแลอยากปกป้องอยากอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ”

“……”

“อยากให้ความสำคัญเท่าที่จะให้ได้”

“……”

“อยากรักมากเท่าที่ใจจะให้ไหว”

“……”

“แต่ลึกๆแล้วกูก็กลัวว่ามึงจะหนีจากกูไปถ้าได้รู้ถึงสิ่งที่กูเป็นหรือทำอยู่”

ดวงตาสีอ่อนสั่นไหวเมื่อพูดมาจนถึงประโยคนี้

“กูมีอำนาจ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด กูมีกำลังปกป้องแต่ไม่ใช่ที่สุด ทุกอย่างล้วนต้องมีช่องโหว่และกูกลัวว่าช่องโหว่นั้นจะทำให้มึงเป็นอันตราย”

“คิดมาก”

มันส่ายหัว

“คริสตัลยังเคยโดนมาแล้ว ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย”

นี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ผมตกใจ พี่ครอสระบายยิ้มเหมือนยิ้มเยาะให้ตัวเองจนผมใจหายวูบ

“กูรักมึงแต่ก็กลัวด้วยเหมือนกัน”

“……”

“นั้นคือความรู้สึกทั้งหมดของกูตอนนี้”

“พี่นี่ขี้กลัวผิดกับตัวเลยเนอะ”

มันยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ผมยกมือขึ้นลูบคางสากที่มีไรหนวดขึ้นเป็นตอแข็ง

“ผมเป็นผู้ชายนะ”

“กูรู้”

“แล้วผมไม่ได้อ่อนแอเหมือนไอ้คริสด้วย”

พวกเพื่อนในกลุ่มรู้ดีว่าคริสตัลร่างกายอ่อนแอผิดกับพวกผมที่แต่ละคนแทบจะแย่งกันขึ้นเวทีต่อยมวยแข่งกันซะให้ได้ ถึงเราจะไม่ได้ร่างหนาก้ามปูแต่เราก็แมนๆแข็งแรงนะครับ

“ว่าน้องกูเหรอมึง”

มันหัวเราะแล้วเอ็ดก่อนจะยกมือมาบี้จมูกผมเบาๆ อาการหวงน้องยังคงมีอยู่สินะเนี้ย

“เลิกคิดมากแล้วเดินตามทางที่ใจอยากจะเดิน ทำตามในสิ่งที่ใจเรียกร้องบ้างเถอะครับ พี่ไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่จำเป็นต้องทำตามหน้าที่อย่างที่ทำอยู่ในทุกวันนี้”

พี่ครอสมันเหลือบตามาสบกับผมอีกครั้งเหมือนจะสงสัยว่าผมไปรู้อะไรมา ผมรู้แน่นอนครับ รู้ตอนที่ไอ้คริสมันเล่าให้ฟังตรงลานจอดรถนั้นแหละ คือพอผมเล่าเรื่องที่ผมมีใจให้พี่มันฟังมันก็สาธยายมาเลยว่าพี่มันทำอะไรไปบ้างแล้วทำเพื่ออะไร คริสมันด่าพี่มันด้วยว่าพี่มันคิดแต่ว่ามันจะรู้ไม่ทันแต่เอาเข้าจริงมันก็รู้หมดนั้นแหละ นี่สินะสิ่งที่เรียกว่าสายใยพี่น้อง

“ผมรักพี่นะ”

“ใครชื่อนะ?”

เวร

“ไปเล่นตรงนู้นเลยครับ”

“แต่กูอยากเล่นตรงนี้”

ว่าแล้วก็เข้ามากอดจนผมจมไปในอ้อมแขนมันทั้งอย่างนั้น จากที่มันนั่งคุยกับผมตอนนี้เลยกลายมาเป็นนอนไปด้วยกันซะงั้น และที่สำคัญ…

“เอามือออกไปเลย ไหนบอกว่าไม่ทำคนป่วยไง”

“พูดได้ขนาดนี้แสดงว่าหายแล้วละมั้ง”

หายบ้านมึงสิ กินยายังไม่ทันจะครบชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

“นอนเถอะ ฝันดี หลังจากนี้กูจะอยู่กับมึง ไม่ว่ายังไงกูก็จะอยู่ในใจมึงเหมือนอย่างที่มึงอยู่ในใจกู”

เป็นคำพูดที่หวานชวนฝันแต่ทำไมถึงรู้สึกเศร้าแปลกๆ หรือผมจะคิดมากไปเองนะ

ผมขยับเข้าหาพลางปรับองศาท่านอนให้พอเหมาะแล้วจึงกอดมันนอนหลับด้วยฤทธิ์ยาในท่านั้น ผมไม่เห็นสีหน้าและแววตาของคนตรงหน้าแต่ไออุ่นที่สัมผัสได้นี่คือความจริงไม่ผิดแน่ เสียงหัวใจของมันกล่อมให้ผมฝันดีอย่างไม่น่าเชื่อ กลิ่นหอมเย็นๆทำให้ผมเคลิ้มในภวังค์ ผมยิ้มออกมาทั้งที่กำลังหลับลึกและตกอยู่ในห้วงฝัน ผิดกับใครอีกคนที่ค่อยๆคลายยิ้มจนกลายเป็นสีหน้าเรียบตึงไปในที่สุด



Tbc…

อ้าว…ตกลงจะแฮบปี้หรือไม่แฮปปี้เนี้ย? :hao4:



ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อ้าววววว ต้องเตรียมหม้อต้มมาม่าแล้วใช่ไหมเนี่ย

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
ไหวหวั่นครั้งที่ 13





“แอ่!”

นางฟ้าตัวน้อยร้องเสียงใสพร้อมรอยยิ้มกว้างจนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ตอนนี้ผมมาเล่นกับแองเจลล่าที่บ้านของพี่ครอสโดยที่คนพามามัวแต่คุยโทรศัพท์และจ้องไอแพดอย่างไม่ละสายตา แองจี้อยู่ในชุดว่ายน้ำวันพีชมีระบายโชว์ผิวขาวๆและพุงป่องๆ ผมสีบลอนด์ทองถูกมัดรวบเป็นดังโงะบวกกับดวงตาสีฟ้าใสกลมบ๊อกนั้นแล้ว….โคตรน่าร๊ากกกกกก

ผมได้ยินจากคนอื่นๆมาว่าเด็กน้อยกับน้ำนั้นเป็นของคู่กันเพราะฉะนั้นผมเลยวางแพลนพาน้องมาว่ายน้ำเล่นที่สระในช่วงบ่ายที่อากาศแสนจะร้อนอบอ้าวแบบนี้

“พี่ครอสจะออกไปด้วยกันไหม?”

ถามเมื่อเตรียมตัวให้แองเจลล่าเรียบร้อยแล้ว ส่วนผมนั้นอยู่ในชุดคลุมภายในมีกางเกงสำหรับใส่เล่นน้ำสีดำตัดน้ำเงินตัวเก่ง พี่ครอสพยักหน้าแต่ยังคงมีโทรศัพท์แนบหู คนตัวโตลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมหยิบไอแพดติดมือมาด้วย ผมก้มลงไปอุ้มแองจี้ส่วนของอื่นๆอย่างพวกผ้าพวกขวดน้ำขวดนมนั้นมีพี่เลี้ยงคอยจัดการอยู่อีกคนครับ

บ้านหลังนี้มีสระว่ายน้ำในร่มอยู่ที่ด้านข้างติดกับสวนสวยสไตล์อังกฤษ ถึงจะบอกว่าเป็นสระในร่มแต่ตรงส่วนหลังตามันสามารถรื้อออกจนกลายเป็นสระกลางแจ้งได้ด้วยนะครับ  โคตรล้ำ

พี่ครอสเดินไปนั่งแหมะลงที่เบดเดย์ริมสระทันทีที่มาถึง มันทำทีเหมือนไม่สนใจกับอะไรแต่ผมก็รู้แหละว่าถึงมันจะบ้างานขนาดไหนแต่สายตามันก็ยังคงสอดส่องมองมายังผมและแองจี้อยู่เป็นระยะ ถ้าไม่เห็นก็จะใช้การฟังเสียง ผมพึ่งรู้ว่ามันแยกระบบประสาทได้ดีเยี้ยมขนาดนี้ก็ตอนที่อยู่ด้วยกันมานี่แหละครับ

พูดถึงการอยู่ด้วยกันแล้วก็นึกเขิน คือผมย้ายมาอยู่กับมันเป็นการถาวรแล้วนะครับ แรกๆมันก็บังคับนั้นแหละแต่ผมก็เต็มใจเกินครึ่งเพราะงั้นคงใช้คำว่าบังคับไม่ได้อีกต่อไปสินะ

“แอ่ๆ”

แรงดึงจากมือเล็กทำให้ผมเลิกสนใจคนตัวโตแล้วหันมายิ้มให้น้อง แองจี้ยิ้มกว้างพลางชี้ไม้ชี้มือไปที่สระเหมือนอยากจะลงเต็มที

“แองจี้เคยเล่นน้ำไหมครับ?”

ผมหันไปถามพี่เลี้ยงของน้องที่ชื่อแอนนี่ แอนนี่เป็นชาวไอริสที่พูดภาษาไทยได้ครับ ยอมใจในความสามารถการหาคนของผู้เป็นปู่จริงๆ

“เคยค่ะ คุณหญิงชอบให้คุณหนูออกกำลังกาย และการว่ายน้ำคือสิ่งที่คุณหนูชอบที่สุด”

ผมพยักหน้ารับ สอนหลานได้ดีทั้งที่พึ่งอายุได้ไม่กี่ขวบ

“ปกติให้เล่นยังไงครับ?”

“ก็ให้ลอยน้ำเองเลยค่ะ แต่ต้องสวมไอ้นี่ด้วยทุกครั้ง”

พูดแล้วก็โชว์เสื้อและปลอกแขนพองลมไปด้วย ผมรับมาสวมให้แองจี้ก่อนที่จะถอดเสื้อคลุมแล้วอุ้มเธอลงไปด้วยกันอย่างช้าๆ อุณหภูมิของน้ำกำลังดีไม่อุ่นและไม่เย็นจนเกินไป ผมไม่รู้ว่าสระนี้มีตั้งปรับอุณหภูมิไหมแต่ดูจากความหรูแล้วก็คงไม่ต้องสงสัยแล้วละมั้ง

แองจี้ตัวน้อยหัวเราะเอิกอากพลางตีไม้ตีมือใส่น้ำอย่างสนุกสนาน ผมยิ้มตามก่อนจะค่อยๆปล่อยตัวเธอให้ลอยอยู่บนผิวน้ำเองแต่ยังไม่ได้ปล่อยให้หลุดมือซะทีเดียว แองจี้ดูคุ้นกับการเล่นน้ำมากครับ ขาขยับตามความเคยชินมือตีพลางกวักจนผมเริ่มปล่อยจนหลุดแต่ยังคงอยู่ใกล้ๆเพื่อความปลอดภัย

ผมไม่เคยคิดถึงตอนที่ตัวเองต้องมีลูกมาก่อนเลยยังไม่เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อสักเท่าไหร่แต่ตอนนี้ผมชักจะรู้ขึ้นมานิดๆแล้วละครับ

สายตาผมจ้องมองดูนางฟ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดูเหมือนเด็กน้อยคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสุขสำหรับผมไปแล้ว รอยยิ้มของน้องทำให้ผมยิ้มได้ในทุกครั้ง ไม่ว่าจะมีเรื่องขุ่นหมองอะไรเมื่อมาเจอเธอมันจะมลายหายไปกับสายลมเลยนะครับ

ซ่า!

ผมสะดุ้งเมื่อมือเล็กๆนั้นตวัดน้ำจนมาโดนหน้าผมเข้าเต็มๆ ไม่รู้ผมทำหน้าเหวอแบบไหนออกไปแองจี้น้อยถึงได้หัวเราะเสียงดังอย่างที่ไม่เคยทำ

“แกล้งอาเหรอครับ?”

น้องยังคงหัวเราะแล้วตีมือใส่น้ำจนน้ำกระเซ็นเป็นระลอก ผมเลยแกล้งดีดน้ำไปใส่บ้างจนกลายเป็นการแกล้งกันไปมาในที่สุด

“สนุกกันเชียว”

เสียงหญิงสาวผู้เป็นย่าดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินลิ่วๆเข้ามาที่สระพร้อมกับผลไม้และขนมไทยที่คาดว่าเป็นของว่างสำหรับพวกเรา แองตี้น้อยพอเห็นย่าก็ตะเกียกตะกายตะเข้าไปหา แต่มือน้อยๆขาสั้นๆนั้นยังไม่มีแรงมากพอสำหรับการว่ายเข้าฝั่งผมเลยใช้มือดันจนตัวเล็กลอยตามพื้นน้ำไปจนถึง เธอยิ้มแป้นเหมือนภูมิใจที่ว่ายเข้าฝั่งได้สำเร็จโดยที่ไม่รู้ถึงเบื้องหลังที่มีผมเป็นผู้ผลักดัน

“หิวเหรอลูก?”

ผู้เป็นย่าก้มลงมาถามเด็กน้อย แองจี้ก็ตอบโต้ตามประสาจนผู้เป็นย่าหันไปหยิบส้มที่ปอกพร้อมทานมาให้เจ้าตัวเล็กกิน

“น้องนายก็กินด้วยสิลูก”

“ขอบคุณครับ”

ผมขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีก่อนที่จะเอื้อมไปหยิบแอปเปิ้ลเข้าปากแล้วเคี้ยวกรุบๆ สายตาพลันหันมองที่เดย์เบดที่คนบางคนเคยนอนอยู่แต่ทว่าตอนนี้กลับว่างเปล่า

“ไปไหนของเขานะ”

ผมพึมพำกับตัวเองไม่ได้จะถามแต่คุณนายของบ้านคงได้ยินเลยหันไปมองตามสายตาผมก่อนจะเอ่ยปากตอบกลับมา

“น้าเห็นเขาไปคุยกับลูกน้องที่ตรงนั้นนะจ้ะ รายนั้นไม่ชอบให้รับรู้เรื่องงานแต่ก็ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาเหมือนกัน”

ฟังดูย้อนแย้งใช้ได้ แต่พอมองไปเห็นตัวโตกำลังตีหน้านิ่งคุยกับลูกน้องคนสนิทจนบางทีก็หันมาสบตากับผม ผมก็เข้าใจ คำพูดที่เขาเปิดอกบอกเล่ามาก่อนหน้านั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวและพร้อมที่จะก้องดังอยู่ในหูตลอดเวลา

ทั้งที่ดูภายนอกเป็นบุคคลที่น่าอิจฉาทั้งรูปร่างหน้าตาฐานะหรือหน้าที่การงาน แต่ใครจะไปรู้ว่ากว่าที่จะเป็นได้อย่างทุกวันนี้มันต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง

“จริงๆน้าก็ไม่อยากให้เขาเป็นอย่างพ่อเขาเลยนะ แต่ในเมื่อเจ้าตัวเขาสมัครใจและพอใจที่จะทำน้าก็ไม่อยากขัด”

ผมพยักหน้าให้คำบอกเล่าของนายหญิงของบ้าน เธอคงรู้ดีนั้นแหละว่างานของสามีและลูกชายคนโตเป็นอย่างไร แต่ถึงจะห่วงขนาดไหนแต่ถ้าเป็นความสมัครใจของอีกฝ่ายก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว จะทำได้แต่เพียงเตือนเป็นครั้งคราวและเป็นบ้านให้ได้กลับมาพักกายเป็นแม่ที่รักเพื่อให้คลายใจเมื่อเจอหน้า











“เหนื่อยไหม?”

เสียงทุ้มเอ่ยหลังจากที่เราโลดแล่นอยู่บนท้องถนนได้สักพัก ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆสองทุ่มและกำลังกลับคอนโดนะครับ

“ผมควรถามพี่มากกว่าอีก ดูยุ่งๆนะช่วงนี้”

“กูก็ยุ่งเป็นปกติ”

“ไม่อะ นี่มันผิดปกติ”

จากที่ผมสังเกตุคือเวลามันกลับบ้านมาหาลูกอย่างน้อยๆมันต้องวางงานแล้วเข้ามาเล่นมาสนใจลูกบ้างแต่นี่ไม่เลยครับ อาจจะมีหันมายิ้มมาตอบรับแต่ไม่ถึงขั้นเข้าหาอย่างจริงๆจังๆเหมือนแต่ก่อน

“คิดมาก”

“ผมไม่อยากจะยุ่งกับงานของพี่หรอกนะ แต่ถ้ามันอันตรายจนเกินไปผมก็ไม่อยากให้พี่ทำ”

มันยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะผ่อนคันเร่งแล้วเอื้อมมือข้างหนึ่งมากุมมือผมไว้

“งานกูอันตรายเยอะแยะ แต่กูดีใจที่ได้ยินว่ามึงห่วงกูมากขนาดนี้”

ผมจิ๊ปากแก้อาการเขินน้อยๆ เออ ไม่น้อยก็ได้ แค่หน้าเริ่มแดงพร้อมๆกับเสียงหัวเราะในลำคอของมัน

“แม่พี่เขาก็ห่วงนะ”

“กูรู้ แต่จะทำไงได้ในเมื่อก้าวเข้ามาแล้วมันก็ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น”

“ถอยหรือหยุดไม่ได้เลยเหรอ?”

“ไม่”

ผมใจหายกับคำตอบที่แทบไม่เสียเวลาคิดของมัน

“อย่างที่กูบอกไปวันนั้นไงว่ารอบตัวกูมันอันตราย ถ้าพลาดคือเจ็บหนัก การที่กูดึงมึงเข้ามาในรัสมีก็ถือว่าอันตรายมากเหมือนกัน กูอยากให้มึงระวังตัวให้มากขึ้นด้วย อย่าไปไหนมาไหนในที่ทางไม่คุ้นหรือเปรี่ยวๆ กูไม่อยากสั่งให้คนตามมึงเพราะคิดว่ามึงน่าะรำคาญ”

“รำคาญแน่แต่ผมก็ผู้ชายนะ ผมดูแลตัวเองได้”

“มึงอย่าดูถูกวงการใต้ดินนักไอ้นาย ถ้าไม่รักกูไม่เตือนมึงหรอก”

ผมควรซึ้งกับการบอกรักในรูปแบบนี้ไหมวะครับ แหมะ ก็รู้นะว่ามันไม่ใช่คนโรแมนติกอะไรมากแต่จะบอกรักกันทั้งทีเอาที่มันดีกว่านี้จะได้ไหม

“แล้วไอ้คริสละ ไหนบอกว่ามันเคยโดน?”

“มันก็มีผัวดูแลไปแล้วไง”

“ผมหมายถึงก่อนหน้าที่จะมีพี่ทัตอะ”

“กูส่งคนตามอยู่ห่างๆ บางทีกูก็เข้าไปหาไปรับไปส่งเองบ้าง”

ผมพยักหน้า จะว่าไปตอนนั้นก็มีบางช่วงที่เจอพี่ครอสเพราะเข้ามารับไอ้คริสบ่อยๆเหมือนกัน แต่ในตอนนั้นคือยังไม่ได้คิดอะไรกับมันไงครับเลยไม่ได้สนใจอะไรนัก มันเองก็เก๊กชิปหาย ตีหน้าหล่อปั้นมาดอย่างกับนายแบบมาแต่ไกลไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างเลยนอกจากน้องชายสุดรักสุดหวงของมัน คริสตัลบ่นบ่อยๆว่าพี่ชายมันหวงและห่วงมันเวอร์สุดๆ ตอนนั้นผมก็เห็นด้วยแหละ แลดูเวอร์จนเกินไปแต่มาตอนนี้ผมชักจะเข้าใจแล้วว่าทำไม

เรามาถึงคอนโดในเวลาไม่นานนัก กิจวัตรของเราก็เหมือนๆเดิมในทุกๆวัน กินข้าวอาบน้ำนอนพักผ่อนแต่ถ้าจะมีเพิ่มเข้ามาบ้างก็กิจกรรมบนเตียงที่เว้นช่วงอยู่เป็นระยะ เข้าใจไหมครับว่าผมก็ทำงานมันก็ทำงานจะให้มามีอะไรกันทุกวันก็ใช่เรื่อง ร่างกายเรายังต้องการการพักผ่อนอยู่นะครับ แต่ดูเหมือนวันนี้ผมคงไม่รอดเพราะดูจากที่มันปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดหลังอาบน้ำก็เดาได้ละ

ตอนเช้าผมมักจะตื่นก่อนมันแล้วออกมาจัดแจงมื้ออาหารเช้าไว้ให้ก่อนอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปทำงาน ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันผมก็พึ่งรู้นี่แหละว่ามันเป็นคนขี้เซาพอสมควร แล้วผมซึ่งรู้เห็นดีว่ามันทำงานหนักขนาดไหนจึงไม่คิดที่จะปลุกแต่หันมาเตรียมชุดเตรียมอาหารไว้ให้แทน











“สวัสดีค่ะน้องนาย”

“สวัสดีครับพี่ใหม่ วันหยุดไปเที่ยวไหนมาเหรอ?”

“นอนอยู่บ้านจ้ะ บิ๊กคลีนนิ่งเดย์”

ผมยิ้มกว้างให้เลขาคนสวยก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเองไป อ้อ ผมบอกคุณๆหรือยังครับว่าผมได้ทำงานเต็มอัตราแล้วนะ ผมเรียนรู้งานแค่สามวันแรกเท่านั้นแหละ ไม่รู้ว่าผมหัวไวหรือพ่อใจเร็วอยากให้ลูกชายโชว์ฝีมือสักทีถึงได้ยัดงานมาให้อย่างกับห่าฝน ผมถึงได้ยุ่งจนไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับพี่ครอสในช่วงก่อนหน้านี้ไงครับ

ก๊อกๆๆ

ผมเงยหน้าจากหน้าจอคอมฯไปยังบานประตูที่พี่ใหม่พึ่งเดินผ่านเข้ามา

“พี่มาแจ้งตารางนัดวันนี้จ้ะ”

ผมยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

“เก้าโมงมีประชุมกับฝ่ายประชาสัมพันธ์เรื่องการโฆษณาทัวร์เซ็ตใหม่ สิบโมงครึ่งมีนัดกับคุณวิรัตน์จากบริษัท###นัดนี้ต้องทำความรู้จักกันใหม่ในฐานะหัวหน้าแผนกคนใหม่ด้วยนะจ้ะแล้วอาจจะได้ไปเลี้ยงมื้อเที่ยงท่านเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ ส่วนตอนบ่ายมีนัดตอนบ่ายสองกับตัวแทนของบริษัท###”

“นัดสุดท้ายนี่เรื่องอะไรครับ? ทำไมผมไม่คุ้นชื่อบริษัทเลย”

“เห็นว่าอยากเหมารีสอร์ตของเราเลยอยากคุยกับหัวหน้าโดยตรงนะจ้ะ บริษัททำกิจการสินเชื่อที่มีทุนจดทะเบียนหนาพอสมควร”

ผมถึงกับขมวดคิ้ว

“บริษัทสินเชื่อที่มีทุนจดทะเบียนหนาจนถึงขั้นเหมารีสอร์ตของเราอย่างนั้นเหรอ แปลกๆแฮะ”

“มันเป็นธุรกิจปลีกย่อยมาจากต่างประเทศจ้ะ พี่ลองสืบค้นดูแล้ว บริษัทแม่เป็นถึงธนาคาร###ของทางฝั่งยุโรป สงสัยจะอยากมาตีตลาดเอเชียแล้วเลือกเริ่มที่ไทย”

ผมพยักหน้ารับเนืองๆ ถ้ากิจการหลักเป็นถึงธนาคารก็ไม่แปลกที่จะทุนหนา พอเข้าใจกันแล้วพี่ใหม่ก็ออกไปก่อนจะเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับกาแฟและแซนวิชแฮมสองชิ้น

“พี่รู้นะว่าเรายังไม่ทานมื้อเช้า”

ผมเลิคิ้วสงสัย กำลังจะถามว่าทำไมถึงรู้แต่พี่ใหม่กลับหัวเราะเสียงแผ่วแล้วชิ้งหนีออกจากห้องไปก่อน

อะไรของเขาวะ

ผมส่ายหัวนิดหน่อยก่อนจะคว้าแก้วกาแฟมาจิบแล้วตามด้วยแซนวิชแสนอร่อย ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรหรอกนะแต่พอมีอะไรตกถึงท้องเท่านั้นแหละ โคตรจะหิวเลยเว้ย

ผมทำงานไปเรื่อยๆในขณะที่ใครบางคนก็คงจะตื่นไปทำงานแล้วเหมือนกัน ไม่รู้มื้อเช้าที่เตรียมไว้ให้จะถูกปากไหมแต่ทุกวันนี้มันก็ยังไม่พูดถึงรสชาติให้ผมฟังเลยนะครับ แม้แต่คำขอบคุณยังไม่มีด้วยซ้ำแต่มันจะเอาใจผมมากขึ้นเป็นการตอบแทน ผมเองก็ชักจะชินกับไอ้การสื่อสารในแบบของมันแล้วด้วยสิ ไปๆมาๆก็ชักจะคิดถึงแฮะ ผมมองดูเวลาเห็นว่าอีกไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องเข้าประชุมเลยรีบควานหาโทรศัพท์มาต่อสายหาคนที่คิดถึงโดยด่วน ธุรงธุระอะไรไม่มีหรอก ก็แค่ความคิดถึงล้วนๆอะนะ

/ว่าไง?/

ปลายสายรับแทบจะสิ้นเสียงตื้ดครั้งที่สอง อะไรจะไวปานนั้น

“รับไวจัง”

/พึ่งวางสายก่อนหน้าไปแล้วมึงก็โทรเข้ามาพอดี ตกลงว่าไง? มีอะไรรึเปล่า?/

ฟังดูไร้ซึ่งเยื่อใยจนน่าประเคนคำด่าให้ฉิบหาย แต่เชื่อเถอะครับ สำหรับไอ้พี่ครอสการพูดแบบนี้ถือว่าเป็นคำพูดเบสิกๆปกติธรรมดาไม่ได้คิดมากในเชิงนั้นเลยสักนิด ถ้าคงไม่รู้จักมันจริงคงคิดว่ามันเย็นชานั้นแหละ

“เปล่า ไม่ได้มีเรื่องอะไร”

/หึ คิดถึงกูว่างั้น/

ผมเม้มปากแน่นในทันที จะตอบเออก็กระดากปากทั้งที่แม่งใช่สุดๆ

/แล้วกินอะไรรึยัง?/

“กินแล้ว พี่ละ ที่ทำไว้ให้นะกินหมดรึเปล่า?”

/มึงเคยเห็นกูกินเหลือรึไง/

บางทีก็ไม่เห็นนะ

“อร่อยละสิ”

/กูเสียดาย/

“สัส”

กะด่าในใจแต่เผลอหลุดปากไปจนได้สิน่า เสียงหัวเราะจากปลายสายทำให้ผมยิ่งหมั่นไส้ อยากจะชกซิกแพ็คแน่นๆสักหมัดสองหมัดจริงๆ

/เที่ยงกินข้าวกันไหม? วันนี้กูอยู่แถวโรงแรมมึงพอดี/

“ไม่ว่างอะ มีคุยกับลูกค้าแล้วน่าจะได้ไปเลี้ยงเขาด้วย”

/งั้นก็ช่างเถอะ ตั้งใจทำงานไปมึงนะ ไม่ใช่คิดถึงแต่กูจนเสียการเสียงาน เดี๋ยวพ่อมึงจะมาเพ้งกระบาลกูโทษฐานทำลูกเขาเสียคน/

“หลงตัวเองวะ แล้วผมก็ตั้งใจทำงานอยู่แล้วเหอะ”

/กูไม่ได้หลงตัวเอง...แต่หลงมึง…/

อึ้งสิครับ รออะไรอยู่

“ตะ ตอแหลวะ”

เชี่ย

โคตรเขินเลยวะ

/หึหึ/

“แค่นี้แหละ ผมไปเข้าประชุมแล้ว”

/อืม/

“แล้วก็…”

/….../

“ผมคิดถึงพี่นะ”

/ครับ/

สัส!

เสือกพูดคงพูดครับตอนจบอีก ไม่รู้เหรอว่ากูแพ้โหมดนี้ของเมิงงงงงงง ผมนี่กดตัดสายแทบไม่ทัน กลัวมันได้ยินเสียงความร้อนจากหน้าที่แทบจะดังฉ่าออกมาเลยด้วยซ้ำ  ตายๆๆๆ หัวใจเต้นรัวเลยครับ

ตุ๊ดดดดด

เสียงอินเตอร์โฟนดังขึ้นแทรกอาการเขินค้างของผมในที่สุด ผมเลยยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูได้ยินเสียงพี่ใหม่เอ่ยเตือนนัดการประชุมก่อนที่จะวางสายไป ผมยืดตัวสูดอากาศเข้าปอดแล้วปรับอารมณ์ตัวเองเสียใหม่ พอเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะก็อดที่จะอมยิ้มน้อยๆไม่ได้ ผมกดให้หน้าจอมืดๆโชว์ภาพล็อคสกรีนที่เป็นภาพยามเผลอของคนที่คิดถึง ไม่ว่าจะเผลอหรือไม่เผลอมันก็หล่อได้ตลอดเลยสิน่า ผมกดล็อคหน้าจอไว้อย่างเดิมก่อนจะเอาเก็บใส่กระเป๋าแล้วทุ่งหน้าไปยังห้องประชุม การทำงานยังคงดำเนินไปเรื่อยๆตามนาฬิกาที่เดินไม่ขาดช่วงจนกระทั่งผ่านมาค่อนวันก็มาถึงนัดสุดท้าย พี่ใหม่แจ้งว่าทางฝ่ายนั่นจะเข้ามาหาผมที่ห้องเองเพราะงั้นผมเลยไม่ต้องลุกไปให้มองดูเวลาเหลืออีกสิบนาทีก็ถึงเวลานัดแต่ยังไม่ทันไรก็มีเสียงอินเตอร์โฟนดังขึ้นพร้อมเสียงหวานของเลขาคนสวยดังบอกว่าแขกมาถึงแล้ว

“เชิญเข้ามาได้เลยครับ”

ผมบอกก่อนจะวางสายแล้วเนตัวดึงเสื้อสูทตัวเองให้เข้าที่เตรียมรับหน้ากับลูกค้ารายใหม่ที่ควรดีลไว้เป็นอย่างยิ่ง พวกเงินหนาๆแบบนี้ต้องจับให้มั่นครับ

“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่พาเลสเพลสกรุ๊ป”

ลูกค้ารายใหม่คือชายหนุ่มที่ดูแว๊บเดียวก็รู้ว่าเป็นชาวต่างชาติหรือไม่ก็ลูกครึ่ง ผมเลยทักทายเป็นภาษาสากลไปเพื่อความเป็นมืออาชีพ

“สวัสดีครับ ผมอีริค ผมพูดไทยได้ครับ”

“ผมณรงค์ครับ สะดวกนั่งที่โต๊ะนี่หรือจะไปที่โซฟาดีครับ”

“ได้ทั้งสองครับ”

“งั้นไปที่โซฟาแล้วกัน จะได้นั่งสบายๆหน่อย”

ผมยิ้มกว้างต้อนรับแขกอย่างเต็มที่ เอาเข้าจริงผมก็ไม่ค่อยคุ้นกับการเป็นทางการอะไรเท่าไหร่การพูดคุยจึงยังคิดนิสัยสบายๆอยู่บ้างนั้นแหละนะ พี่ใหม่หายออกไปก่อนจะเข้ามาใหม่พร้อมเอกสารและแม่บ้านที่เตรียมเครื่องดื่มและของขนเคี้ยวต้อนรับแขกอย่างเต็มที่ เมื่อได้เอกสารแนะนำบริการและกิจการของเราแล้วผมก็เริ่มคุยไปตามหน้ากระดาษที่เขาเปิดด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ผมจำพวกข้อมูลกิจการมาตั้งแต่เด็กแล้วแหละครับแต่พวกบริการจะเปลี่ยนไปตามซีซันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล เขาก็ซักถามบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มีท่าทีเอนเอียงไปในทางใดทางหนึ่ง เขาเป็นบุคคลที่ตีหน้านิ่งได้เก่งไม่แพ้พี่ครอสเลยก็ว่าได้ แต่จะแตกต่างตรงที่ไม่มีรังสีอำมหิตหรือออร่าเย็นยะเยือกแผ่กระจาย

“ผมสนใจรีสอร์ตที่หัวหินตัวนี้ครับ ถ้าอยากเหมาทั้งหมดจะได้ไหม?”

ผมกระพริบตาปริบๆมองเขาสลับกับเล่มแนะนำสถานที่ไปมา ที่นั้นค่อนข้างใหญ่และแพงเนื่องจากอยู่ในเขตเมืองแถมติดทะเลอีกด้วยนะครับ ราคาพักต่อหลังก็หลายพันอยู่บางหลังที่ใหญ่ๆก็เป็นหมื่นคือถ้าจะเหมาหมดมึงเสียเกือบแสนต่อคืนแน่อะ

“จริงๆแล้วทางผมอาจจะใช้บริการของคุณมากกว่านี้ด้วยซ้ำหากเพียงคุณยอมรับข้อเสนอของเราเพียงข้อเดียว”

ผมเลิกคิ้วในขณะที่คนตรงข้ามวางเล่มแนะนำลงกับโต๊ะกระจกแล้วหันไปหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลออกมายื่นให้ผม พอเปิดดูปุ๊บก็ถึงกับหน้าถอดสี ผมหันไปบอกเลขาสาวให้ออกไปรอข้างนอกเพื่อความเป็นส่วนตัวก่อนจะหันมาจ้องคนตรงหน้าเขม่ง รูปถูกเอาออกจากซองและโยนลงตรงกลางของโต๊ะเผยให้เห็นภาพแอบถ่ายของผมและทีครอสในอริยาบทและสถานที่ต่างยกเว้นบ้านของตระกูลเฟรงเบิร์คที่ไม่มีหลุดมาสักนิด

“คุณเป็นใครแล้วต้องการอะไรกันแน่?”

“ก็ตามที่บอกไปก่อนหน้านั้นแหละครับ…”

ผมเม้มปากแล้วเหลือบตามองรูปแต่ละใบอีกครั้ง

“ทางเราไม่ได้จะข่มขู่หรืออะไรทำนองนั้นกับคุณหรอกครับ เราต้องการเพียงเสียงยืนยัน ว่าคุณเป็นอะไรกับทีครอส เฟรงเบิร์ค”

“ทำไม?”

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ในส่วนนั้นหรอกครับ”

“ถ้าจะให้ผมพูดก็ต้องมีเหตุผลมาให้ผมฟัง ถ้าไม่อย่างนั้นก็เลิกหวังไปได้เลย”

“คุณคิดว่าธุรกิจของคุณแข็งแรงถึงขนาดไหนเหรอครับ?”

มันพูดพลางเมียนมองไปรอบๆห้องด้วยท่าทีขบขัน ไอ้ห่า เมื่อกี้มึงยังตีหน้านิ่งอยู่เลยไหง่จู่ๆถึงได้เปลี่ยนไปไวขนาดนี้วะ

“ผมเน้นอีกครั้งนะครับว่าทางเราไม่ได้ต้องการจะข่มขู่ใดๆ แต่ขอให้คุณให้ความร่วมมือเพียงแค่นั้นคุณอาจจะทำกำไรในปีนี้สูงเป็นประวัติการเลยก็ว่าได้”

ผมกำมือแน่น

นี่นะเหรอที่ว่าไม่ต้องการจะข่มขู่

นี่เขาเรียกว่าข่มขู่ไปแล้วต่างหากเว้ย!

ไอ้ฝรั่งเวร!!!



TBC…


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอาล่ะสิ ศัตรูของทีครอสเล่นนายและ
ต้องเกิดอะไรตามมาแน่ๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ไม่ทันไรก็งานเข้าล่ะ

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
ไหวหวั่นครั้งที่ 14





เสียงดังกึกก้องและกลิ่นเหม็นคล้ายน้ำมันที่คละคลุ้งทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมาจากความมืดมิด สมองประมวลผลทันทีที่สายตากวาดมองไปโดยรอบ จากที่จำได้คือการเจรจาไม่ลงตัวบวกกับผมที่ไล่เขาอ้อมๆโดยการบอกว่ามีนัดต่อและขับรถออกมาจากออฟฟิศในทันที หลังจากขับออกมาได้ไม่นานก็มีรถตู้สีดำขับเข้ามาตัดหน้าจนต้องหักหลบลงข้างทางจนสลบไปในที่สุด

แล้วตอนนี้กูอยู่ไหนวะเนี้ย!?!

พอมองไปรอบๆจนเห็นสภาพที่เป็นเหมือนบ้านร้างเก่าๆ ห้องที่ผมนอนแอ๊งแม๊งอยู่นี่เป็นห้องโล่งๆที่สุดแสนจะสกปรกแถมประตูหน้าต่างปิดสนิทอีกต่างหาก

ผมลองตั้งสติแล้วลองฟังความเคลื่อนไหวจากภายนอกแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักอย่าง ไม่มีเสียงรถราแสดงว่าอยู่ห่างจากถนนใหญ่พอสมควรเลยสินะ

แต่แล้วจู่ๆภาพและเสียงการพูดคุยกับอีริคก็ว๊าบเข้ามาในหัว

หรือว่า…

ตึก ตึก ตึก

ผมชะงักพลางเผลอกั้นหายใจเมื่อมีเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นเรื่อยๆจนมีเสียงการปลดกลอนประตู ผมหลับตาลงใหม่ตีเนียนยังคงหลับและใช้โสตประสาทการฟังแทน

“เขายังไม่ตื่น”

เสียงนี่มัน

ไอ้ฝรั่งเวรนั้น!!!

“เขาไม่เป็นอะไรครับ อาจมีแผลถลอกเล็กน้อยจากอุบัติเหตุแต่ไม่ถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลและผมทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว…แน่นอนครับ…ตามที่คุณหนูต้องการครับ…ครับ”

ผมยังคงนอนนิ่งกั้นอารมณ์ที่อยากจะกระโจนเข้าไปถีบยอดหน้าแล้วเค้นคอถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไว้ในอก ถ้าบุ่มบ่ามอาจเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ตอนนี้ผมอาจกลายเป็นตัวประกันสำหรับต่อรองกับพี่ครอสไปแล้วละมั่ง

กลายเป็นตัวถ่วงจนได้สินะกู

“นี่…”

“……”

“จะแอบหลับไปถึงเช้าวันพรุ่งนี้เลยไหมครับ?”

ลมหายใจสะดุดไปชั่วอึกใจ

นี่มึงรู้ได้ยังไงวะ!?!

“ผมก็ไม่ว่าหรอกนะถ้าคุณอยากนอนอยู่เฉยๆแบบนี้ ออกจะสบายสำหรับผมด้วยซ้ำ แต่มันจะไม่เสียเวลาอันมีค่าของคุณหรอกเหรอ?”

ผมกรอกตาภายใต้เปลือกตาตนเองก่อนจะพ้นลมหายใจแล้วยอมลืมตาและลุกขึ้นนั่งดีๆ มือและเท้าของผมถูกมันไว้อย่างแน่นหนา รู้สึกตึงๆที่หัวนิดหน่อยแต่ก็ไม่หนักสักเท่าไหร่

อีริคยืนปั้นหน้ายิ้มแป้นอยู่ที่หน้าประตูมองดูการกระทำของผมในทุกอย่าง ผมจ้องมันตอบพยายามจะมองลึกเข้าไปในดวงตาสีอ่อนนั่นแต่กลับไม่รับรู้ถึงความรู้สึกใดๆเลยสักนิด นี่ถ้ามึงเก็บอาการไม่เก่งจริงมึงคงเป็นหุ่นยนต์ไปแล้วละ

“ทำแบบนี้ทำไม?”

ผมเริ่มเอ่ยปากถามจุดวัตถุประสงค์ทันทีเมื่อไม่อาจอ่านลู่ทางผ่านสายตาของเขาไปได้

“แค่ถ่วงเวลานะครับ”

“จากทีครอส?”

มันพยักหน้า

“ถ้าคุณยอมเอ่ยปากตามข้อตกลงแต่แรกก็ผมคงไม่ยุ่งยากแบบนี้หรอก”

ได้ข่าวว่ากูก็อยู่เฉยๆของกูนะ มึงต่างหากที่เอาความยุ่งยากมาให้กู

“แล้วยังไง?”

ใครจะหาว่าผมกวนตีนไม่กลัวตายก็ช่าง ก็ผมเป็นแบบนั้นจริงๆนี่หว่า ยกเว้นถ้าได้อยู่ต่อหน้าไอ้พี่ครอสนะที่กูจะเปลี่ยนไปแทบจะกลายเป็นคนละคน ผมก็ไม่อยากเชื่อหรอกครับจนกระทั่งมาเจอเข้ากับตัวเอง ความรักมันมีอานุภาพสูงจริงๆ

อีริคส่ายหัวหน่อยๆก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้และทรุดลงนั่งทับส้นเท้าตัวเองต่อหน้าผมแล้วเอื้อมมือมาแกะเชือกที่มัดมือผมไว้ พอได้เห็นหน้ามันใกล้ๆแบบนี้ถึงได้รู้ว่าแม่งก็หล่อสัสๆเหมือนกันนะ ออกแนวหล่อเลวเย็นชาคล้ายๆพี่ครอสแต่มันจะดูติ๋มกว่าก็แค่นั้น พี่ครอสมันเข้มโฉดครับ ดุดิบเถื่อนนี่มันเลย

สาบานได้ว่ากำลังชมอยู่นะ

“คุณก็แค่พูดใส่เครื่องบันทึกเสียงว่าเป็นคนรักของเขา แค่นั้นทุกอย่างก็จบ คุณกลับบ้านอย่างปลอดภัยแถมยังมีเงินเข้าบริษัทไปอีกเรื่อยๆซึ่งมันดีสำหรับคุณไม่ใช่เหรอ?”

“ดีกับผม? แล้วกับทีครอสละ?”

“ก็แค่…เสียเด็กในอุปการะไปหนึ่งคน”

ผมขมวดคิ้วทันที

“…แองเจลล่า?…”

“หึ ลืมไปว่าคุณก็สนิมกับเด็กคนนั้น”

“พวกแกจะทำอะไรกับแองจี้!?!”

ผมเริ่มเดือดเมื่อนึกไปถึงอันตรายที่จะเกิดกับนางฟ้าตัวน้อย แองเจลล่ายังใสซื่อบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะเผชิญกับพวกเวรตะไลพวกนี้

“ห่วงจริงๆนะ ลูกคุณก็ไม่ใช่ จะห่วงอะไรมากมาย”

“เรื่องของกู กูบอกมึงไว้เลยว่าถ้าแองจี้เป็นอะไรไปเพียงแค่รอยเล็บข่วน กูจะเอาเลือดหัวมึงมาชดใช้ให้สาสม!”

“หึหึ โหดแบบนี้สินะ ถึงเอาคนอย่างทีครอส เฟรงเบิร์คอยู่”

ผมกัดฟันแน่นจนปวดกราม ไอ้ห่านี่กลับยิ่มระรื้นกวนบาทากูอยู่ได้

“ผมจะบอกอะไรให้นะ…”

“……”

“คนรักของคุณ ทีครอส เฟรงเบิร์คคนนั้น เขากักตัวเด็กคนนั้นไว้เพียงเพราะต้องการใช้เป็นเครื่องมือในการข่มขู่ตระกูลเบรน เขาดึงตัวไว้ทั้งที่ไม่มีสิทธิในตัวเด็กเลยสักนิด…”

“โกหก! แองจี้เป็นลูกของเขา เขาจะทำแบบนั้นกับลูกตัวเองไปทำไม!?!”

“แล้วถ้าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขาละ…”

ทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งพร้อมๆกับเสียง -วิ้ง- ที่ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท

อะไรนะ?

เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะ??

แองเจลล่าไม่ใช่ลูกของพี่ครอสอย่างนั้นเหรอ???

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง…

ผมหลุบตาลงต่ำทั้งๆที่ไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา

คนอย่างทีครอสไม่เหมาะกับการเลี้ยงเด็กจริงๆ ดูจากนิสัยไม่น่าจะเอ็ดดูจนถึงขั้นรับเด็กมาเลี้ยงทั้งที่เด็กคนนั้นไม่ได้มีสายเลือดของเขาเลยสักนิด

แถมยังเป็นลูกของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั่นกับใครสักคนนะเหรอ…

“หึ”

เสียงหัวเราะของคนตรงหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง มันยิ้มเยาะก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบอะไรสักอย่างมาจากอีกด้านของบานประตู

เครื่องบันทึกเสียง

“พูดซะ บางทีคุณอาจจะเป็นคนทำให้เด็กได้กลับไปอยู่กับแม่และครอบครัวที่แท้จริงของเขาก็ได้ แล้วหลังจากนั้นคุณจะได้อยู่กับทีครอสโดยไม่มีมารหัวใจมาขัดแข้งขัดขายังไงละ”

ผมจ้องหน้าอีริคสลับกับเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กในมือไปมาพร้อมๆกับสมองที่แสดงภาพสิ่งที่อีริคพูดเป็นภวังค์ฝัน มันดูหวานและเปร่งประกายไปด้วยความสุขจนผมเกือบยิ้มตามไปด้วย

มันอาจจะเป็นอย่างที่เขาพูดก็ได้

ถึงแม้เหตุผลที่พี่ครอสทำจะดูน่ารังเกียจไปหน่อยแต่พี่ครอสมันเคยบอกมาก่อนหน้านี้ว่า ‘วงการนี้ไม่มีคำว่าสะอาดให้ได้ยินหรอก'

คนเราทุกคนย่อมเกิดมาดั่งผ้าขาว พอยิ่งโตก็ยิ่งโดนแต่งแต้มสีสันต่างๆไปเรื่อยๆ หากแต้มดีก็เป็นลวดลายที่สวยงาม แต่ถ้าไม่ก็กลายเป็นความหม่นจนมืดสนิท

พี่ครอสก็คงเป็นสีเทาที่ไม่ขาวและไม่ดำ

ผมเองก็เช่นกัน

ผมที่เคยสดใสแต่กำลังแต้มตัวเองให้เป็นสีเทาเพื่อให้ได้เคียงคู่อยู่กับคนอย่างทีครอส

มันดีแล้วใช่ไหม?

ผมคู่ควรกับพี่แล้วใช่ไหมพี่ครอส?

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ของคนตรงหน้าดังขึ้นขัดภวังค์และมือที่กำลังเอื้อมไปรับเครื่องบันทึกเสียงให้ชะงักกึก อีริคจิ๊ปากทีหนึ่งแล้วจึงยัดเครื่องมือขนาดเล็กนั้นใส่มือผมแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย

“ครับ…”

มันพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป ดวงตาของมันเริ่มส่อแววระริกจนดูเหมือนคนกำลังหงุดหงิด ผมจ้องมองด้วยความสงสัยก่อนที่มันจะหันควับไปที่หน้าต่างด้วยความตื่นตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น?”

“หุบปาก!”

แทนที่จะตอบมันกลับตะคอกลั่นแล้วเข้ามาคว้าเอาผมขึ้นพาดบ่าในทันที

“เห้ย! จะทำอะไรวะ!?!”

มันไม่ตอบอีกเช่นเดิมเพิ่มเติมคือกำลังพาผมออกจากห้องนี้ไปยังประตูทางออก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ออกมันก็ทรุดฮวบโดยที่ร่างของผมโดนดึงออกจากมันอย่างแรกด้วยอะไรสักอย่าง

“มึงคิดว่ามึงกำลังเล่นอยู่กับใคร!?!”

เสียงเหี้ยมๆแบบนี้…

“พี่ครอส”

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่ดึงผมเข้าสู่อ้อมอกด้วยความตกตะลึงทั้งๆที่มันเอาแต่จ้องไปที่อีริคปานจะเข้าไปฉีกร่างเป็นชิ้นๆ มือมันที่จับผมบีบรัดแน่นบ่งบอกถึงอารมณ์เดือดที่รอเวลาปะทุ

ตุ๊บ!

“อึก!”

อีริคที่โดนถีบอย่างแรกเป็นรอบที่สองกระอักออกมาในทันที เมื่อกี้ก็คงโดนถีบสินะถึงได้ทรุกฮวบลงแบบนั้น

“คิดจะเล่นกูก็มาเล่นที่กู ไม่ใช่ใช้วิธีหมาๆอย่างนี้ พวกตระกูลเบรนนี่ยังไงวะ ได้ข่าวว่าเป็นผู้ดีไม่ใช่รึไง!!?!!”

“อย่ามาปากพร่อยกับตระกูลเบรน!”

“หึ มึงก็แค่หมารับใช้ผู้โง่เง่า ตาสว่างแล้วมองโลกภายนอกสักทีเถอะวะ คุณหนูของมึงนอกจากจะไม่ใสซื่อใจดีเป็นแม่พระแล้วยังเป็นมารร้ายที่เกือบจะคร่าชีวิตลูกตัวเองไปแล้วด้วยซ้ำ!”

ห่ะ!

อะไรนะ!?!

“อย่ามาใส่ร้ายคุณหนูมิเกลล่า!”

“ไอ้โง่เอ๊ย”

“พี่ครอส! เดี๋ยว!!”

ผมรีบเข้าไปแทรกทันทีที่ไอ้พี่ครอสตั้งท่าจะเข้าไปกระทืบอีกครั้ง พวกลูกน้องข้างหลังแม่งก็ยืนนิ่งเงียบกับชิปหาย เมื่อโดนขัดคนตัวโตเลยตวัดสายตามาจ้องผมเขม่ง

“จะปกป้องมันเพื่อ!”

ผมอ้ำอึ้งตอบอะไรไม่ได้เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะเข้ามาห้ามเขาทำไม แต่ผมไม่อยากเห็นพี่ครอสโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วเทียวทำร้ายคนอื่นระบายอารมณ์แบบนี้

อย่างน้อยๆก็อย่าทำต่อหน้าต่อตาผมเลย

“ไค”

“ครับ”

“เอามันกลับไปขังไว้ เดี๋ยวกูจะตามไปเคลียร์ทีหลัง”

“ครับนาย”

“ส่วนมึง”

เฮือก!

ผะ ผมเหรอ?

“มานี่”

ว่าแล้วก็กึ่งลากกึ่งจูงผมลงบันไดท่ามกลางเหล่าลูกน้องนับสิบที่หลบหลีกทางให้ผู้เป็นนายอย่างรู้งาน ผมเดินไวๆตามมันมาเงียบๆไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองมันจนกระทั่งมาถึงรถยุโรปคันหรูของมันนั้นแหละ

“เข้าไป”

ผมก้าวเข้ารถที่มันเปิดประตูรออย่างว่าง่ายจนมันปิดประตูตามหลังดังปึง! กูนี่สะดุ้งเลยครับ มันเดินอ้อมจากทางด้านหน้ามาเข้าประจำที่คนขับแล้วสตาร์ทรถออกตัวด้วยความไวแสง คือไอ้รถสีดำหลายสิบคันนั้นของลูกน้องมันเหรอวะ ทำไมแม่งมีแต่รถหรูแถมยังเป็นรถนำเข้ารุ่นเดียวกันทรงเดียวกันสีเดียวกันอีกต่างหาก ดีหน่อยที่ลูกน้องมันไม่ได้แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำใส่แว่นตาดำเหมือนกันหมดไม่งั้นคงกลายเป็นแก๊งค์มาเฟียเหมือนในหนังตามท้องตลาดแน่ๆ

เอ๊ะ หรือว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆวะครับ

เอี๊ยด!

เหี้ย!!

จู่ๆแม่งก็จอดรถเฉยเลยวะ ดีหน่อยที่มันหักพวงมาลัยเข้าข้างทางก่อนแล้วถึงจอด ไม่งั้นคงได้มีรถชนท้ายกันระนาวแหง่ง

“จอดทะ..อื้อ!”

ถามยังไม่ทันจะจบมันก็โน้มตัวเข้ามาประกบปากผมไว้ซะก่อน ริมฝีปากหนาบดขยี้เรียวปากของผมอย่างแรงเหมือนกำลังระบายอารมณ์ ผมได้รสปะแล่มๆคลายเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งปากก่อนที่ลิ้นหนาจะแทรกเข้ามาพันเรียวลิ้นของผมจนเจ็บแปร๊บ

“อื้ออออ”

ที่กูร้องไม่ใช่เพราะเคลิ้มนะเว้ย แต่กูเจ็บ!

ไอ้นี่แม่งซาดิสต์สัสอะ

มันไม่สนใจเสียงประท้วงใดๆของผมแล้วปล้นจูบต่อจนสาแก่ใจมันนั้นแหละถึงได้ถอนออกให้ผมได้กอบโกยอากาศเข้าปอดอีกครั้ง เกือบตายเลยกู

ไอ้ตัวการมันยกมือขึ้นมาเกลี่ยคราบน้ำลายออกจากรอบปาดผมให้ทั้งที่สีหน้ายังคงบึ้งตึงเช่นเดิม พอเรียบร้อยแม่งก็หันกลับไปออกรถแล้วขับต่อไปไม่มีสนใจผมอีก

ปกติที่ว่าเดาความคิดมันยากแล้ว วันนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่เลยวะครับ



TBC…

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอรายละเอียดื :ling1:
ตกลงแองจี้ ไม่ใช่ลูกทีครอส
แต่ทีครอสเอามาเลี้ยงเพราะมิเกลล่าคิดทำแท้งสินะ
ถ้าไม่มีแองจี้ มิเกลล่า ก็ไม่มีพยานยืนยันความเหลวแหลกของตัวเอง

ทีครอส คงเครียดมากเลย
นาย ถูกจับมาเป็นตัวต่อรองซะงั้น
แต่ทีครอส ก็ตามมาช่วยได้
        :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
ไหวหวั่นครั้งที่ 15





“โอ้ย!”

ผมอุทานลั่นเมื่อนางพยาบาลหน้าหวานแต่มือไม่หวานตามหน้าตาทำแผลให้อย่างเจ็บแสบ คุณเธอชะงักมือไปนิดหน่อยก่อนจะลงมือต่ออย่างไร้ความปราณี คือผมรู้ครับว่าผมหล่อแต่ไม่ต้องแกล้งกันขนาดนี้ก็ได้

ผมยังคงนั่งนิ่งๆพลางกัดฟันทนต่อไปทั้งที่สายตาสอดส่องไปยังคนพามาที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่แถวประตูทางเข้า พี่ครอสมันพาผมมาโรงพยาบาลทันทีที่ขับรถออกมานั้นแหละครับ ไอ้ท่าทีนิ่งๆนั้นผมก็นึกว่ามันจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงพาผมกลับคอนโดไป….เอ่อ…ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกันเนอะ

ก็ดูจากอารมณ์มันตอนจู่โจมปล้นจูบผมหน่อยสิ ร้อนแรง เอ๊ย! รุนแรงถึงขนาดนั้น

“ทำไมหน้าแดง?”

ผมสะดุ้ง

มาอยู่ใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

“เปล่า”

“หมอบอกสมองปกติดีนี่ ทำไมดูเอ๋อๆยิ่งกว่าเดิม”

ผมนี่อยากจะลุกไปตบหัวมันชะมัด แต่ติดที่ว่ามันเป็นผู้พี่แถมยังมีศักดิ์เป็นผัวที่ควรให้ความเคารพ แต่ปากมันน่าโดนจริงๆนะครับ มันเหมือนจะรู้ว่าผมหงุดหงิดเลยยกยิ้มนิดๆที่มุมปาก ท่าทางอารมณ์ดีขึ้นแบบนี้แสดงว่าที่คุยโทรศัพท์เมื่อครู่มีเรื่องดีๆให้ถูกใจคุณท่านเขาสินะ

ผมกำลังจะอ้าปากถามแต่ก็โดนขัดด้วยพยาบาลนางเดิมที่ทำแผลเสร็จ ผลการตรวจของผมหมอบอกว่าไม่มีอะไรร้ายแรงจะมีก็แค่พกช้ำและแผลถลอก ถือว่ายังดีที่ผมขับรถไม่เร็วการลงข้างทางจึงไม่ร้ายแรงนัก ไอ้ที่สลบไปคงเพราะอาการตกใจจนช็อคหรืออะไรทำนองนั้น

“นี่…”

“ถึงคอนโดแล้วจะเล่าให้ฟัง”

มันพูดแล้วก็หันไปเรียกบุรุษพยาบาลให้นำรถเข็นมาให้ผมนั่ง ผมเลยต้องหุบปากฉับ มันรู้ทันผมไปซะทุกเรื่องจริงๆ เมื่อรอจ่ายตังค์รับยาเรียบร้อยเราก็พากันกลับครับ ระหว่างทางผมกับมันนี่เงียบกันตลอดเลยนะ แต่เป็นการเงียบแบบเงียบเฉยๆนะ ไม่ได้ความกดดันหรืออะไรแปลกๆให้หายใจไม่ทั่วท้องแผ่ออกมาเหมือนอย่างตอนแรก ผมพึ่งรู้ว่าตัวเองโดนพาออกมานอกกรุงเทพฯก็ตอนเข้าโรงพยาบาลนั้นแหละ คือนับถือในความสามารถของพี่ครอสจริงๆนะว่าหาตัวผมเจอแถมยังรวดเร็วแบบนั้นอีก

มึงต้องไม่ใช่คนแน่ๆวะ

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ของคนข้างๆผมดังขึ้นอีกครั้ง นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ววะเนี้ย ไอ้พี่ครอสลดระดับความเร็วลงก่อนจะคว้าโทรศัพท์ตัวเองออกมาดูแล้วยกยิ้มน้อยๆ มันวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมโดยที่ไม่คิดจะรับสายแต่อย่างใด

“ไม่รับละ”

“รับให้หน่อย”

ห่ะ?

ปกติมันไม่ชอบให้ใครยุ่งกับโทรศัพท์นี่นา

“รับไปเถอะ คริสโทรมา”

ผมพยักหน้าแล้วหยิยมาสไลด์รับสาย แต่ยังไม่ทันได้เปร่งเสียงทักทายคำสบถก็ดังลั่นมาจากปลายสายจนผมเอาโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน

/Damn!/

ไอ้พี่ครอสถึงกับหัวเราะหึเมื่อเห็นท่าทีของผม

/ไอ้พี่เวร! ตอนนี้อยู่ไหน? แล้วไอ้นายปลอดภัยรึเปล่า? ทำเหี้ยไรทำไมพึ่งรับโทรศัพท์กูวะ!?!.../

มาแบบคอมโบ้เซ็ตกันเลยทีเดียว

“เอ่อ…ใจเย็นก่อนมึง..”

คือกูเริ่มไม่ถูกอะถ้ามึงยังไม่หยุดถามรัวๆแบบนี้

/ไอ้เหี้ยนาย!!!/

จะร้องหาพ่อง! แก้วหูจะแตกละสัส!!

“เออ กูเอง เลิกเสียงดังสักทีกูหนวกหู”

/ห่า กูอุสาเป็นห่วง/

“ขอบคุณในความอุสานะครับ”

/ปากดีเหมือนเดิมงี้แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วสินะ แหม๊ะ พี่กูก็มีน้ำยาเหมือนกันนี่หว่า/

เดี๋ยวนะ…มันใช้คำผิดไปรึเปล่าวะครับ ไอ้คำว่า ‘มีน้ำยา' มันใช้กับเหตุการณ์แบบนี้ก็ได้เหรอ

ไอ้ฝรั่งกวนตีนเอ๊ย

/กูขอคุยกับพี่กูหน่อยดิ๊/

ผมหันไปมองพี่ครอสทำท่าทางชี้เข้ามือถือบอกมันกลายๆว่าคนในสายอยากคุยด้วย

“เปิดสปีคเกอร์เลย”

ผมกดเปิดตามที่มันบอกแล้วจึงยื่นโทรศัพท์ไปใกล้ๆให้คนขับได้ฟังชัดๆ

“ว่า?”

/กำลังกลับใช่ไหม?/

“อืม ทางนั้นละ”

/โอเคดี ทัตมันไม่ใช่ขี้ๆนะเว้ย/

กูชักจะงงกับสองพี่น้องนี่แล้วนะ ตกลงมันรักกันดีหรือจะกัดกันให้ได้กันแน่นะ

“กูยกให้จัดการเลยดีไหม?”

/ใช่เรื่อง เรื่องนั้นใครผูกก็แก้เอาเอง แต่แองจี้เป็นหลานกู กูไม่ยอมให้เอาไปแน่/

“ก็ลูกกูไหมละ”

/ยกให้เป็นลูกกูก็ได้นะ/

“สัส”

/หึหึ แล้วจะเข้ามาบ้านเลยรึเปล่า?/

“ทำไม? แม่รู้เรื่องแล้วเหรอ?”

/ยัง แต่น่าจะระคาย แด๊ดจะบินด่วนกลับมาด้วย สงสัยทางนู้นรู้ข่าวแล้วเข้าหาแด๊ดแน่ๆ/

คนข้างๆผมเงียบไปในทันที สีหน้าจากที่ผ่อนคลายลงเมื่อครู่กลับกลายเป็นสีหน้าบึ้งตึงอีกครั้งจนได้

“กูจะเข้าบ้านพรุ่งนี้เข้า คืนนี้เข้าคอนโดก่อน มีเรื่องต้องจัดการ”

/เรื่องที่ว่านั้น ใช่เพื่อนกูไหม?/

น้ำเสียงแม่งโคตรกะลิ้มกะเหลี่ย

“แล้วแต่มึงจะคิดเลย แค่นี้แหละ กูขับรถอยู่”

/เออๆ/

ปิ๊ด

แล้วมันก็วางสายไป ผมเม้มปากแน่นข่มใจอยากจะถามเรื่องทั้งหมดชิปหายแต่ไอ้พี่ครอสบอกว่าจะบอกตอนถึงคอนโดเลยต้องอดทนไว้ก่อน ไอ้ห่า ทำไมระยะทางกลับมันถึงได้ไกลขนาดนี้วะ

“อยากรู้มากเหรอ?”

ไม่น่าถาม

“อืม”

“อยากให้บอกเลยไหมละ?”

ผมกระพริบตาปริบๆแล้วพยักหน้า มันหัวเราะหึแล้วตีไฟเลี้ยวเข้าปั้มข้างหน้าก่อนจะขับไปจอดด้านในสุดที่ค่อนข้างมืด พอจอดรถได้สนิดมันก็ปลดสายเบลของตัวเองก่อนจะโน้มตัวมาจูบพร้อมกับปลดสายเบลของผมไปด้วย

“ลองอ้อนกูดูสิ”

ผมนี่อ้าปากเหวอเลย

ให้กูอ้อนเนี้ยนะ จะอ้อนยังไงวะครับ

ไอ้คนขี้แกล้งหัวเราะหึอย่างชอบใจเมื่อเห็นปฎิกิริยาของผม มิน่าละทำไมมึงถึงอยากให้กลับถึงคอนโดก่อนแล้วค่อยบอก แต่ได้ข่าวว่าเมื่อกี้มันอารมณ์เสียอยู่นะครับ ทำไมแม่งเปลี่ยนอารมณ์ได้ไวอย่างนี้วะ

“เร็วดิ เดี๋ยวกูเปลี่ยนใจไม่บอกซะหรอก”

ไอ้บ้านี่

ผมเม้มปากพลางช้อนตามองไอ้คนเจ้าเล่ห์ที่ยังคงหันมามองผมด้วยสายตาท้าทาย มันยกแขนข้างหนึ่งค่ำกับเบาะส่วนอีกข้างยังคงจับพวงมาลัยอยู่ ใบหน้าเข้มนั้นดูเจ้าเล่ห์ไม่แพ้นิสัย และปากเป็นกระจับนั้นก็ยิ้มกริ่มรอคอยในสิ่งที่พูดท้าอยู่

เอาวะ…ไหนๆก็ไหนๆละ ลองดูสักตั้งแล้วกัน

“พี่ครอสครับ..”

ผมเอ่ยเสียงแผ่ว

“ครับ?”

ไอ้บ้าเอ๊ย!!!! กูแพ้มึงเวลาพูดเพราะนะเว้ย!!!!

“คะ คือนายอยากรู้ บอกนายหน่อยนะ”

ผมพูดขอต่อทั้งที่ก้มหน้างุดตามองจ้องมือที่บิดกับไปมาอยู่บนตักตัวเอง

“แค่นี้?”

ไอ้!!!!

ผมตวัดสายตาไปจ้องมันเลย แต่มันก็ไม่สะทกสะท้านใดๆแถมยังหัวเราะหึออกมาอีก

“อ่อนวะ”

เชี่ยเหอะ

ดูถูกกันเกินไปแล้วนะเว้ย!

ว่าแล้วผมก็หันไปหาเปลี่ยนสายตาแล้วเอื้อมมือไปลูบโครงหน้าเข้มอย่างเบามือ ไม่รู้ว่าสายตาผมเป็นแบบไหนแต่ไอ้คนตรงหน้าดูจะพอใจจนปิดไม่มิด ผมมองตามมือตัวเองจนสบตากับดวงตาสีอ่อนแล้วคล้องมือขึ้นโอบรอบคอ เท่านั้นไม่พอ มันอยากให้กูแรงกูก็จะแรงเว้ย ผมขยับตัวดันมันให้ไปนั่งชิดเบาะก้มลงไปปรับเบาะมันไปอีกแล้วก้าวข้ามไปนั่งค่อมมันทั้งอย่างนั้นเลยครับ ไอ้พี่ครอสนี่ยิ้มกว้างไปแล้ว ถูกใจมึงละสิไอ้ห่า

“บอกหน่อยนะ”

ก้มลงเอ่ยเสียงอ้อนที่ข้างๆหูไปอีกที ไม่ใจสั่นให้มันรู้ไปสิวะ

“ก็ได้…”

ผมยิ้ม

“แต่ต้องหลังจากที่กูอิ่มก่อนนะ”

ห่ะ!?!

อิ่มเหี้ยอะไรของมึงงงงงงงงง….









ผมจอดรถนิ่งๆก่อนจะหันไปมองตุ๊กตาหน้ารถที่หลับสนิทชนิดที่ปลุกมันก็ไม่ตื่นแน่นอน ก็นะ วันนี้มันคงเจอศึกหนักมาเยอะละ ทั้งเรื่องงานเรื่องส่วนตัวไหนจะเจอเรื่องร้ายๆที่โดนอุ้มไปขังไว้แต่ดีหน่อยที่สายผมทำงานเร็วทันใจแถมผมยังอยู่ไม่ไกลจากจุดที่มันโดนอุ้ม ผมเลยตามมันไปได้ทันและช่วยมันมาได้อย่างปลอดภัย จะบอกว่าปลอดภัยก็คงไม่ถูกซะทีเดียว ก็มันเล่นมีแผลเต็มตัวจากการขับรถเสียหลังจนลงข้างทางมา ผมจะไม่โมโหขนาดนั้นเลยถ้าฝ่ายนั้นไม่ทำให้มันบาดเจ็บถึงขนาดนี้ แต่นี่แผลแม่งโคตรเยอะ ถึงจะไม่ร้ายแรงแต่ก็ทำกูหัวร้อนได้แล้วกัน

ผมลงจากรถก่อนที่จะเดินอ้อมมาช้อนตัวไอ้นายขึ้นอุ้ม มันขยับตัวนิดหน่อยเหมือนจะปวดตัวแต่ก็ยังคงหลับต่อไปทั้งอย่างนั้น ผมกดยิ้มด้วยความพอใจ จริงๆที่ท้าแค่อยากแกล้งมันขำๆใครจะไปนึกละว่ามันจะอ้อนได้น่าล่อขนาดนั้น เล่นเอาผมสติแทบแตกแต่ก็ยังจัดทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันมีแผลเต็มร่างกายไหนจะพกช้ำ

กูนี่ก็ซาดิสต์เข้าขั้น

ส่วนไอ้นี่ก็มาโซฯไปอีก

“ไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้?”

เสียงท้วงของน้องชายผู้เอาแต่ใจเอ่ยขึ้นเมื่อผมอุ้มเพื่อนมันผ่านประตูหน้ามาได้นิดหน่อย พอมันเห็นนายนอนคอพับคออ่อนพิงไหลผมอยู่พร้อมด้วยผ้าพันแผลที่เห็นได้ชัดมันก็จ้องผมตาถล้นเลยครับ

“มันคงต้องพักยาวๆ กูไม่อยากปลุกแล้วพามาตอนเช้าเลยให้มานอนนี่ซะเลย”

คริสตัลพยักหน้ารับ มันเองก็คงจะห่วงหลานเลยเลือกที่จะนอนบ้านทั้งที่ปกติมันชอบที่จะอยู่คอนโดมากกว่า ผมเดินผ่านน้องขึ้นไปยังชั้นบนโดนมีคริสตัลเดินตามมาคอยเปิดประตูให้อย่างรู้งาน ตอนนี้ตีสองกว่าๆได้แล้วมั้ง คนในบ้านคงหลับกันไปหมดแล้ว

“มันเป็นอะไรมากไหม?”

น้องผมถามเมื่อผมวางเพื่อนมันลงบนเตียงหนานุ่มไซต์ยักษ์ ไอ้นายนิ่วหน้านิดหน่อยตอนขยับตัวแต่พอได้ที่ดีแล้วก็หลับต่อไปสบายๆ

“ไม่มาก แค่พกช้ำกับแผล”

“พวกนั้นทำเหรอ?”

“ไม่เชิง แต่ก็ตัดหน้าจนมันหักรถลงข้างทาง ตอนจับไปดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรนอกจากมัดไว้เฉยๆ”

“หืม ผิดวิสัยพวกลักพาตัวนะ พวกนี้มันต้องทรมานให้พูดหรือไม่ก็ให้เราทำในสิ่งที่มันต้องการสิ”

“อืม”

“พี่รู้อะไรมา?”

ผมระบายยิ้ม มือเอื้อมไปดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงไหล่ให้คนหลับแล้วจึงลุกจากเตียงไปกดหรี่แอร์ลงเล็กน้อย พรุ่งนี้มันไข้ขึ้นแน่นอนแบบไม่ต้องสงสัย

“พี่ครอส”

“ทางนั้นต้องการอัดเสียงคำสารภาพของไอ้นายว่าเป็นอะไรกับกูเพื่อไปใช้ในชั้นศาลเวลาฟ้อง มันจะฟ้องเอาเด็กคืนด้วยข้อหาที่ว่ากูเป็นพวกรักร่วมเพศแล้วไปหลอกมันเพื่อเอาเด็กและถ้ากูยังเป็นฝ่ายเลี้ยงดูจะเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตที่ด้อยคุณภาพ”

“ตอแหลชิปหาย ด้อยบ้าด้อยบอ”

“มันก็หาเรื่องมาฟ้องกูตลอดแหละ แต่ข้อหาที่กูฟ้องกลับมาแข็งกว่า ทางนั้นเลยไม่เคยชนะคดีสักที”

“พวกนั้นมันบ้ารึเปล่าวะ ตอนแรกทำไมเหมือนไม่อยากจะมี พอมีแล้วจะฆ่า พอโตมาเสือกจะเอา”

“ก็เพราะมันเสือกไปมีกับคนอื่น แถมคนๆนั้นยังเป็นเด็กใจแตกลูกผู้ดีเงินถึงฐานะได้แถมยังมีอำนาจอีกด้วย”

“ห่ะ!?!”

ผมตวัดสายตาไปจ้องน้องตัวเองดุๆก่อนจะหันไปมองคนหลับที่ยังไม่มีท่าทีจะตื่นก็เบาใจ คริสตัลเอ่ยซอรี่ออกมาเบาๆแล้วยกมือขยี้หัวตัวเอง

“อะไรวะเนี้ย”

เหมือนมันบ่นกับตัวเองมากกว่าที่จะถามผมนะ

“แล้วพี่จะเอาไงต่อ?”

“ก็คงหนักข้อขึ้นกว่าเก่า มันเล่นข้ามเส้นมาถึงขนาดนี้กูก็คงต้องตอบโต้บ้าง”

“เดี๋ยวก็ไม่จบ”

“เรื่องแบบนี้มันจบกันไม่ลงหรอกถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมจบ”

“ก็นั้นแหละ ผมละห่วงไอ้นายหรอก กับพี่นะคงชิน”

ประเสริฐจริงๆน้องกู

“กูปกป้องของกูได้น่า”

“ให้มันจริงเถอะ”

“กูปกป้องมึงด้วยยังได้เลยคริสตัล”

“ไม่จำเป็น กูมีทัตอยู่แล้ว”

ไอ้คนติดผัว

ผมเบ้ปากจนมันหัวเราะ เห็นมันอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแล้วก็เบาใจ ก่อนหน้านี้มันยังไม่รู้อะไรมากเลยคงห่วงหน้าห่วงหลังแต่ตอนนี้คงคลายไปได้เยอะ เหมือนกันกับไอ้นายที่ผมเล่าไปแล้วแบบคร่าวๆระหว่างที่ขับรถกลับมา ไม่รู้ว่ามันได้ยินถึงไหนเหมือนกันเพราะมองไปดูมันอีกทีก็หลับคอพับคออ่อนไปซะงั้น

“ไปนอนได้แล้วไป แล้วนี่ไอ้ทัตมาค้างด้วยรึเปล่า?”

“มาดิ มันห่างกูได้ที่ไหน”

“ได้ข่าวว่าเดือนก่อนห่างกันเกือบเดือนไม่ใช่เหรอ”

“สัส ก็แม่งบ้างานไง พูดละเซ็ง ไปนอนดีกว่า ไนท์ไนท์”

ผมพยักหน้าให้น้องแล้วมองตามจนมันออกจากห้องนอนผมไป อยากจะพูดมากว่าใครกันแน่ที่ติดใครแต่ไม่อยากต่อความยาวแถมผมยังโคตรง่วงเลยปล่อยผ่านไปแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่

“อือออ…พี่ครอสอย่า…”

เสียงละเมอของคนบนเตียงทำให้ผมหันไปมองยิ้มๆ อยากรู้จังว่ามึงฝันอะไรอยู่แต่ก็คงเดาได้ไม่ยาก ผมเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียง ยกมือสางเส้นผมสีดำนั้นเบาๆก่อนจะก้มลงไปจูบที่หน้าผาก

“ฝันดีครับ ที่รัก”




ต่อด้านล่างจร้า


ออฟไลน์ MyMinT1990

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1

ผมรู้สึกตัวด้วยอะไรบางอย่างเย็นๆที่มาสัมผัสถูกตัวจนต้องถกตัวหนี แต่พอจะขยับกลับแปร๊บไปทั้งร่างไหนจะเปลือกตาที่หนักอึ้งแถมยังออกร้อนอีกต่างหาก

“นาย”

เสียงนี้มัน

…พี่ครอส…

อยากจะขานตอบแต่กลับไร้ซึ่งเสียงใดๆ ผมเลยเปลี่ยนมาขยับแขนจนมีมืออุ่นๆมาจับและบีบเบาๆ

“กูอยู่นี่ มึงนอนพักซะ”

พูดจนก็มีอะไรสักอย่างมาแปะอยู่ที่หน้าผาก ผมพยายามลืมตามองจนเห็นใบหน้าหล่อๆของมันขมวดคิ้วมุ้ย สายตาดูกระวนกระวายใจจนสั่นไหวไม่เหมือนทีครอสคนเดิมที่ผมรู้จัก

นี่เป็นอีกด้านของมันเหรอ

นี่เป็นด้านอ่อนไหวที่มันไม่ค่อยเปิดเผยให้ใครเห็นสินะ

อา…มันก็คนมีหัวจิตหัวใจเหมือนกันนี่เนอะ

“พิ…ครอ..ส…”

“ว่าไงครับ?”

เสียงหวานมาเชียว ถ้าผมปกติดีคงดีดดิ่นเพราะความเขินอายอยู่แน่ๆ ก็เล่นทั้งพูดเพราะพูดหวานซะขนาดนี้

“หิว…น้ำ…”

“แป๊บนะ”

แอบโหวงในใจอยู่วูบหนึ่งเมื่อมันปล่อยมือทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไปไหน ตอนนี้ผมคงไม่สบายสินะ ผมเคยได้ยินว่าเวลาร่างกายอ่อนแอสภาพจิตใจก็จะอ่อนแอตามไปด้วย อืม ผมได้พิสูจน์มันก็คราวนี้แหละ

“มาแล้วครับ”

พี่ครอสโผล่กลับมาพร้อมน้ำในแก้วใบใหญ่ มันวางแก้วไว้โต๊ะข้างเตียงก่อนจะเข้ามาพยุงผมขึ้นให้พิงอกแล้วนำแก้วน้ำที่มีหลอดเสียบมาจ่อที่ปากจนผมสามารถดูดกินได้ พอได้น้ำอุ่นๆเลนโล่งคอมากขึ้น คราวนี้คงพูดได้ชัดขึ้นกว่าเดิมแล้วแหละนะ

“โอเครึยัง?”

ผมปล่อยหลอกแล้วพยักหน้า แอบนิ่วหน้านิดหน่อยเมื่อคนที่โอบผมอยู่ขยับตัวไปวางแก้วจนผมได้รับผลกระทบไปด้วย

“กูเรียกหมอมาฉีดยาเพิ่มให้มึงแล้ว นอนอีกสักตื่นก็หาย โอเคนะครับ”

ผมพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะซุกหน้าเจ้ากับอกแกร่ง มันเองก็โอบกอดผมไว้แน่นแต่ไม่ถึงกับหายใจไม่ออก ผมฟังเสียงหัวใจของคนตัวโตเป็นการกล่อมตัวเอง ก่อนจะหลงเจ้าสู่ห้วงนิทราพร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าและสัมผัสนิ่มๆที่แก้มเหมือนโดนหอมยังไงยังงั้น

“คนเก่งของพี่”











ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งเพราะอาการหิวที่รุนแรงเกินกว่าจะทนไหว ทัศนียภาพที่แปลกตาทำให้ผมพระพริบตาปริบๆอยู่หลายครั้งก่อนที่จะเหลียวมองไปเรื่อยๆเป็นการสำรวจจนไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าหล่อเข้มของพี่ครอสที่ยังคงหลับสนิทอยู่ข้างๆ

ผมไม่เคยตื่นก่อนมันเลยสักครั้งเพราะฉะนั้นนี่จึงถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของผมเลยก็ว่าได้

โอ้โห ขนตายาวเป็นแพเลยเว้ย ไหนจะคิ้วหนาๆหน้าเข้มรับจมูกโด่งหนาที่ไม่ได้เรียวรีเหมือนผู้เป็นน้องสักเท่าไหร่ ก็นะ คริสตัลมันได้แม่ไปเยอะส่วนพี่ครอสคงได้พ่อมากกว่านั้นแหละ

พอสำรวจใบหน้าจนพอใจแล้วก็ไล่ลงล่าง ไอ้ห่านี่ไม่ใส่เสื้อนอนอีกแล้ว ผมเคยบอกเรื่องนี้อยู่นะครับว่าให้มันใส่เพราะตัวมันชอบเปิดแอร์แรงๆแล้วแก้ผ้านอนมันจะไม่สบายเอาได้ แต่ก็ไม่เคยฟังอะ ไอ้คนห่วงก็ห่วงไปสิ แต่จะว่าไป…วันนี้อุณหภูมิแอร์มันอุ่นผิดปกตินะ

ยังไม่ทันที่ผมจะได้หันหน้าหนีมือใหญ่ก็คว้าตัวผมเข้าไปกอดโดยที่สีหน้ายังหลับนิ่งอยู่เหมือนเดิม

เห้ย นั้นมึงใส่หน้ากากอยู่รึเปล่าวะ

“โอ้ย!”

แถมกูยังเจ็บตูดอยู่ด้วยนะ เบาๆไม่เป็นรึไงไอ้ซาดิสต์นี่

“จะรีบตื่นขึ้นมาทำไม”

เหมือนมันเอ็ดผมมากกว่าถามนะครับ

“ก็มันหิวนี่”

ผมตอบเสียงแผ่ว หน้านี่ร้อนผ่าวเลยเพราะกำลังซุกอยู่ที่แผงอกเปลือยเปล่าของมัน เนื้อจะแน่นไปไหนวะครับ ทีของกูยังเหลวไม่มีชิ้นดีเลยอะ

มันเงียบไปสักพักก็คลายอ้อมกอดแต่กดดั้งจมูกโด่งๆของทันลงมาที่กลางกระหม่อมให้ผมหายใจสะดุดเล่นๆ เออ ไม่เล่นก็ได้ หายใจสะดุดอย่างจริงจังแถมยังใจเต้นรัวอย่างกับแห่กลองยาวหน้างานบวชเลยด้วย

พ่อแก้วแม่แก้ว ไอ้ฝรั่งโหดคนเมื่อวานมันหายไปไหนครับ ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นคนอ่อนโยนแบบนี้ได้ นี่มึงคงไม่ได้ไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรอกนะ

“ตัวเกร็งเชียวนะมึง”

มันหัวเราะแล้วเอื้อมมือมาทาบตรงหน้าผาก แป๊บๆก็ลุกขึ้นยืนทั้งที่เปลือยหมดทุกส่วนทั้งอย่างนั้นแหละครับ

ไอ้บ้า ไอ้หน้าไม่อาย ไอ้ฝรั่งหรรมใหญ่ เอ๊ย! ไม่ใช่ๆ โอ้ยยยย ช่างแม่งละ กูมุดผ้าห่มดีกว่า ไม่อยากเห็นไปมากกว่านี้อะ

ผมมุดอยู่ใต้ผ้าห่มจนได้ยินเสียงเหมือนมันปิดประตูอะไรสักอย่างดังแกร๊กแล้วก็เสียงน้ำดังซ่าๆ อ้อ เข้าห้องน้ำนี่เอง เมื่อสบโอกาสผมเลยผุดลุกขึ้นนั่งแบบโคตรจะฝืนสังขาร คือปวดเมื้อยเนื้อตัวไปหมดไงครับ เล่นเจอทั้งอุบัติเหตุไหนจะไอ้บ้านั้นกระหน่ำซ้ำซ้อนอีก พอเหลียวซ้ายแลขวาไปเจออุปกรณ์สื่อสารของตัวเองที่โต๊ะเหนือเตียงเลยเอื้อมมือไปคว้ามา

แค่เห็นตัวเลขนาฬิกาเท่านั้นแหละ ร้องโอ้โหแทบไม่ทัน นี่มันบ่ายสองแล้วครับ กูนอนหรือซ้อมตายวะ

แกร๊ก!

ไอ้พี่ครอสออกมาด้วยเนื้อตัวที่พราวไปด้วยหยดน้ำดีหน่อยที่รอบนี้มันมีผ้าขนหนูพันส่วนล่างมาด้วยแต่เชื่อไหวว่าแค่นี้แม่งก็โคตรฮอตแล้ววะ ไม่รู้จะเขินหรืออิจฉามันดี คือปนๆกันจนกูไปไม่เป็นเลยไง

“หน้าแดงใหญ่แล้วมึง ไข้ขึ้นรึไง?”

มันพูดแล้วเดินเข้ามาจับหน้าผากผมอีก

“ก็ไม่ร้อนนี่หว่า”

“ช่างผมเหอะน่า”

“ช่างได้ไง เมื่อคืนมึงไข้ขึ้นเกือบสี่สิบ จับสั่นจนกูนึกว่าจะช็อคตาย เล่นเอากูไม่ได้หลับไม่ได้นอน”

โหปาก สาบานได้ว่ามึงคือแฟนกูนะครับ ปากแช่งอย่างกับไม่ใช่แฟนเลยวะ

จะว่าไปก็เหมือนลางๆว่าตัวเองตื่นขึ้นมาระหว่างที่มันเช็ดตัวให้หรืออะไรนี่แหละ ถึงจะจำไม่ได้แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่โคตรน่าประทับใจจนเหมือนตกหลุมรักมันซ้ำอีกรอบเลยวะครับ

คือโคตรดี

ผมยิ้มอ่อนก่อนจะช้อนตามองคนตัวโตที่เอาผ้าผืนเล็กในมือขึ้นขยี้หัวตัวเองแรงๆ ผมเลยยันตัวลุกขึ้นจนเซเล็กน้อยดีหน่อยที่ไอ้พี่ครอสมันอยู่ใกล้เลยรับผมไว้ได้ทัน

“ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไร”

“สำหรับทุกสิ่ง”

“……”

ผมยิ้มกว้างกว่าเดิมแต่ไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้าแต่ก็มือขึ้นจับผ้าแล้วเช็ดผมให้คนตัวโตอย่างเบามือ ไอ้พี่ครอสก็ยืนก้มหัวให้ผมเช็ดอย่างรู้งาน ไปๆมาๆก็เข้ามาจุ๊ปปากผมไปอีกทีซะงั้น

“หึ”

เกลียดเสียงหัวเราะของมันจัง

“หัวเราะอะไร?”

“หัวเราะคนเขิน อย่าน่ารักให้มากแค่นี้ก็น่าแกล้งพอแล้ว”

“ไอ้บ้า”

“ถ้าโอเคแล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน เดี๋ยวพาลงไปหาอะไรกิน แต่ห้ามอาบน้ำ”

ผมแยกเขี้ยวหมั่นไส้ใส่คนขี้แกล้งแล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำไป พอเห็นหน้าที่แดงแปร๊ดของตัวเองผ่านกระจกแล้วก็เข้าใจ

อื้อหือ นี่หน้ากูหรือมะเขือเทศ

แกร๊ก!

เฮือก!!

“ตกใจอะไรนักหนา นี่ผัวไม่ใช่ผี”

กูนี่อ้าปากเหวอเลย ไอ้พี่ครอสมันก็ตีหน้ายุ่งเดินเอาผ้าขนหนูผืนใหม่สีขาวสว่างสดใสมาโป๊ะลงบนหัวผม ก่อนจะเดินไปเอื้อมมือเปิดตู้ด้านบนหยิบเอาซองแปรงสีฟันอันใหม่แกะกล่องออกมาล้างน้ำบีบยาสีฟันใส่แล้วยัดใส่มือผมอย่างเสร็จสรรพ

“ห้ามอาบน้ำนะ กูเช็ดตัวให้แล้วเมื่อชั่วโมงก่อน วันนี้พักผ่อนอีกวันไว้หายสนิทแล้วค่อยอาบ”

“……”

“เข้าใจไหม?”

“อะ อืม”

“ตอบใหม่สิ”

อะไรนักหนาเนี้ย

“เข้าใจแล้ว”

“ครับ?”

“…ครับ”

“ก็แค่นั้น”



ไอ้…



บ้า…











“แล้วมันเป็นไงบ้างอะ?”

เสียงของคริสตัลดังมาจนผมที่กำลังลงบันไดยังไม่ทันจะถึงพื้นยังได้ยินอย่างชัดเจน คือพอผมล้างหน้าแปรงฟังทำธุระส่วนตัวอีกนิดหน่อยเสร็จออกมาก็เจอเข้ากับแม่บ้านที่เตรียมชุดให้เปลี่ยนพร้อมบอกให้ผมลงไปยังห้องนั่งเล่นด้านล่างได้เลยเมื่อเรียบร้อย ไอ้เราก็ไม่มีปัญหาอะไรมากหรอก แต่เดินลงบันไดนะไหว เห็นอย่างนี้ผมก็ลูกผู้ชายนะครับเพราะงั้นเรื่องสำออยออดๆแอดๆนี่ไม่มีในหัวสมองเว้ย

“หายแล้วแปดสิบเปอร์”

“ให้พักที่นี่อีกสักคืนสิ พรุ่งนี้บอกให้มันหยุดงานด้วยเลย”

“ไม่บอกกูก็ทำอยู่แล้วไหม”

“อ้าว มีสมองคิดได้ด้วย?”

“ไอ้น้องเวร”

“แด๊ด ดูดิพี่ครอสมันด่าผมอะ”

ผมชะงักเท้าที่กำลังก้าวลงขั้นสุดท้ายในทันที

“ทีครอส”

เสียงเข้มๆของบุคคลที่สามดังขึ้นเป็นหลักฐานชั้นดีว่าคนที่คริสตัลเรียกว่า แด๊ด นั้นอยู่ในห้องนั้นจริงๆ

“แด๊ดก็ได้ยินว่ามันกวนผมก่อน”

“เมื่อกี้เรียกผมว่ามันด้วยอะแด๊ด”

“ไอ้เด็กขี้ฟ้อง”

“แล้วจะทำม่ะ”

ความพี่น้องนี้…

“อ้าว น้องนาย”

อั๊ยย๊า

ผมค่อยๆเอี้ยวตัวไปหาคนเรียกก่อนจะส่งยิ้มไปให้

“คะ ครับ”

“แอร่!”

แองจี้ร้องพลางชูไม้ชูมือมาทางผมทันทีที่เจอหน้า ผมส่งยิ้มหวานให้เด็กน้อยกำลังจะเข้าไปรับตัวมาอุ้มแต่พอคิดขึ้นได้ว่าตัวเองไม่สบายอยู่เลยรีบถอยปรูดออกมา

“เป็นอะไรไปลูก?”

“คือ ผมไม่สบายอยู่ครับ ถ้าอยู่ใกล้เดี๋ยวน้องจะติดไปด้วย”

“อ้อ ที่ทีครอสเรียกหมอมาเมื่อเช้ามืดนี่เอง ตอนนี้โอเคขึ้นรึยังจ้ะ?”

“โอเคแล้วครับ”

“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ”

ผมได้แต่ส่งยิ้มตอบกลับแล้วเดินตามหลังนายหญิงของบ้านเข้าไปยังด้านในจนเห็นบุคคลทั้งสามที่เป็นเจ้าของเสียงนั่งเรียงกันอยู่ที่โซฟา ผมยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ที่เป็นชาวต่างชาตินั่งตีหน้าเข้มเหมือนลูกชายคนโตเด๊ะๆ พี่ครอสเห็นผมทำอะไรไม่ถูกเลยตบเบาะข้างตัวเองให้ผมไปนั่งแต่ผมเลือกที่จะนั่งตรงโซฟาเล็กที่แยกออกมาไม่ไกลกันนัก

“ดื้อวะ”

แน๊ะ มีเอ็ดมาอีก

คริสตัลเองก็หัวเราะคิกคักก่อนจะเข้าไปอุ้มหลานมาเล่นตรงเบาะยางสำหรับเด็กวัยเตาะแตะ แองเจลล่าพึ่งตั้งใข่ได้ไม่นานครับ การเดินเลยยังไม่แข็งแรงเท่าไหร่ แต่ก็ซ่าส์ได้ใจเพราะเมื่อวานเจ้าหล่อนลงพื้นปุ๊บเธอก็ลุกเดินเซๆไปมาในทันที

เห็นแล้วก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ เสียดายที่เข้าไปเล่นด้วยไม่ได้ไม่งั้นคงได้ฟัดแก้มอูมๆนั้นเล่นสักฟอดสองฟอด

“ชื่ออะไรนะเรา?”

ผมสะดุ้ง

“ผมก็บอกไปแล้วไงแด๊ด”

“ไอถามเขา ไม่ได้ถามยูนะทีครอส อย่าเสือก”

อื้อหือ เจ็บไหมละดอกนี้ สวนผมนี่กำมือแน่นจนมือซีดไปหมดแล้วครับ

“ชื่อนายครับ”

“NAAY or NINE?”

“เจ้านายนะครับ”

“อ้อ ความหมายดีนี่”

“ขอบคุณครับ”

“เป็นเพื่อนกับคริสตัลใช่ไหม?”

ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปมองคริสตัลที่มองผมสลับกับพี่ครอสและพ่อของตัวเองด้วยสายตาแปลกๆ

“แล้วมาสนิทกับทีครอสได้ยังไง?”

“เออ..คือ..”

“เอาอีกแล้วนะแด๊ด”

“ไอบอกว่าอย่าเสือกไงทีครอส”

“ไม่เสือกไม่ได้วะแด๊ด”

เฮ้ๆ

“ทำไมจะไม่ได้”

เดี๋ยวสิ

“เรื่องของมันก็เหมือนเป็นเรื่องของผมด้วยนั่นแหละ”

ไอ๋หย๋า

“อะไรของยู?”

อย่าบอกนะว่า..

“ก็มันเป็น…”

“พี่ครอส!”

ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมทันทีที่ผมเผลอตะโกนกลบคำพูดของไอ้คนขี้แกล้ง มันเองก็แสยะยิ้มชั่วร้ายตอบกลับมาจนผมอยากจะลุกไปเตะแม่งชิปหาย แต่ที่ผมคาดไม่ถึงนั้นก็คือ…

“หึหึหึ”

คนที่ตีหน้าเข้มเมื่อครู่กลับหัวเราะเหมือนชอบใจอะไรสักอย่างอยู่ซะอย่างนั้น

“อย่างที่ผมบอกไหมละ?”

ห่ะ?

“อืม จริงของยูนะ”

อะไรวะ??

“แกล้งเพื่อนผมอยู่นั้น สนุกนักรึไง?”

แกล้ง???

“แล้วมึงว่าสนุกไหมละ?”

“ก็นะ”

ไอ้สาดดดดดด ตกลงแม่งมีนิสัยขี้แกล้งกันทั้งบ้านใช่ไหมเนี้ย!?!

“น้องนายอย่างไปสนใจเลยนะ พ่อเขาแค่แกล้งเล่น ทีครอสเองก็ยังจะสมทบกับเขาด้วยนะ แย่จริงๆเลย”

“ใช่ๆ แย่ๆ”

“ได้ทีนี่ทับถมใหญ่เลยนะคริสตัล”

“แน่นอน”

พูดแล้วก็ไหวไหล่ก่อนจะกลับไปสนใจหลานตัวเองต่อซะงั้น ผมก็ได้แต่ตีหน้าเหวอมองไอ้ตัวการกับผู้เป็นพ่อไปมาจนมันลุกขึ้นมานั่งลงหมิ่นๆข้างๆผม

“เอ๋ออะไรนักหนา กะอีแค่พ่อกับแม่รู้เรื่องของเราแล้วแค่นั้น”

ผมเบิกตากว้างเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะแต่พอมองสบตากับผู้เป็นพ่อและแม่ที่ยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่นแล้วก็เริ่มจะใจชื้นขึ้นมาหน่อย

“ตอนแรกก็ตกใจแหละนะ แต่คนอย่างทีครอสถ้าตัดสินใจแล้วแสดงว่าคิดมาดีแล้วนั้นแหละ เพราะฉะนั้น…มั่นใจในตัวลูกชายของไอคนนี้ได้เลย”

ผมหันไปมองพี่ครอสพอดีกับที่มันเองก็จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว

“แล้วน้องนายละ?”

“ครับ?”

“น้องนายคิดยังไงกับลูกชายแม่จ้ะ อ้อ ต้องเจาะจงว่าเป็นลูกชายคนโตด้วยสินะ”

“เออ…คือ…”

“พูดๆไปเหอะมึง กูจะได้เตรียมแห่ขบวนขันหมากไปสู่ขอ”

ไอ้ห่าคริส!

“คือผม…”

ผมหันมองแม่ของพี่ครอส พ่อของพี่ครอส ก่อนที่จะหันกลับไปสบตากับมันอีกครั้ง พี่ครอสจ้องผมนิ่งๆไม่มีทีท่ากดดันหรือเร่งอะไรเลยแม้แต่น้อย

“ผมรักพี่ครอสครับ”

“หึ”

“ก็แค่นั้น”

ผมยิ้มกว้างในขณะที่แขนของคนข้างๆโอบอยู่ตรงไหล่อย่างถือวิสาสะ พี่ครอสก้มลงมาจุ๊บหัวผมเบาๆเรียกเสียงแซวจากคริสตัลได้เป็นอย่างดี

ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อวานผมยังเจอเรื่องร้ายแรงถึงขนาดไหน เมื่อก่อนผมต้องเจ็บช้ำน้ำใจแบบมากมายมหาศาล แต่วันนี้ผมกลับยิ้มได้ เป็นยิ้มกว้างที่ออกมาจากความสุขภายใน

ผมมีความสุขจากใจ

ใจที่ตรงกับคนของใจคนนี้เพียงคนเดียว













**** IN THE END  ****



ขอบคุณสำหรับการติดตามคร้าาาาาาา

เนื้อหาหลักๆจบลงเพียงเท่านี้

แต่จะมีเนื้อหาแยกย่อยจิปาถะโผล่มาในรูปแบบตอนพิเศษอยู่นะจ้ะ 

รอติดตามกันได้

See you soon
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เหม่ อยากให้มีต่ออีกประโยคจังว่า “แต่ผมก็เกลียดมันเหมือนกันครับ" แกล้งเขากันสนุกเลย เกลียดดดดด เจ้านายหนูร้องไห้เพราะเขามาเยอะนะลูก อย่ายอมกันแบบเน้

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด