ไหวหวั่นครั้งที่ 12
“ที่นี่มัน…”
“คอนโดกูเอง”
เสียงทุ้มตอบตามหลังทั้งที่ผมยังถามไม่จบด้วยซ้ำ ตอนนี้เรายืนอยู่ที่คอนโดหรูย่านธุรกิจซึ่งไม่ไกลจากตึกออฟฟิศของคนตัวโตนี่สักเท่าไหร่ครับ เอาจริงๆคือผมไม่รู้ว่ามันมีคอนโดด้วยซ้ำ นึกว่าอยู่แต่บ้านกับออฟฟิศ
“ที่นี่เป็นหนึ่งในอสังหาฯของกู กูจะเก็บไว้นอนสักห้องจะเป็นอะไร”
อ้อ ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง แต่เดี๋ยวนะ ทำไมมันรู้ว่าผมคิดหรือสงสัยอะไรอยู่วะ!
“เข้าไปข้างในได้แล้ว กูโคตรอยากอาบน้ำเลย”
ว่าแล้วก็ดันหลังผมให้ก้าวเดินโดยที่มีมันเดินอยู่เคียงข้าง ผมได้แต่มองไปรอบๆไม่กล้าสบตาทั้งที่ไม่รู้หรอกว่ามันมองมาที่ผมรึเปล่า จะว่าไป…ที่พูดไปก่อนหน้านี้…ผมหูฝาดไปรึเปล่าครับ?
ปิ๊ง!เสียงลิฟท์ดังขึ้นเมื่อมาถึงชั้นบนสุดของคอนโดหรูแห่งนี้ แต่ประตูกลับยังไม่เปิดออกจนไอ้พี่ครอสเข้าไปสแกนลายนิ้วมือที่เครื่องด้านหน้าอีกครั้ง ระบบรักษาความปลอดภัยดีเวอร์ แต่เมื่อประตูเปิดออกผมก็ต้องอึ้งอีกครั้ง มันไม่ใช่แค่ระบบรักษาความปลอดภัยดีครับ แต่มันต้องมีเพราะด้านหน้าผมคือเพ้นเฮ้าส์สุดหรูที่ดูจากการตกแต่งแล้วราคาห้องไม่ต่ำกว่าสิบล้านแน่นอน
“ออกไปได้แล้ว”
ผมสะดุ้งก่อนจะก้าวตามผู้เป็นเจ้าของออกจากลิฟท์ที่ทำหน้าที่เป็นประตูของเพ้นเฮ้าส์นี้ไปด้วย ด้านในกว้างขวางและโอ่โถงมากครับ เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกชิ้นต่างเป็นสีทองและครีมขาว ผมนึกไม่ถึงเลยว่าผู้ชายดิบๆอย่างพี่ครอสมันจะมีรสนิยมคุณชายได้ถึงขนาดนี้ ดูอย่างโซฟาที่มันเข้าไปนั่งนั้นสิครับ นั้นมันหนังของหลุยส์เชียวนะ
“หึ”
มันหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอาการสนอกสนใจภายในเพ้นเฮ้าส์สุดหรูของมัน ที่เดินผ่านมาเมื่อกี้น่าจะเป็นห้องครัวถัดมาก็เป็นบาร์เครื่องดื่มมีตู้โชว์เหล้าหลากหลายยี่ห้อเน้นรูปทรงขวดที่สวยงามเพื่อเป็นการตกแต่ง ตรงกลางเป็นโซฟารูปตัวยูที่ใหญ่มากตั้งอยู่บนพื้นพรมขนฟูน่าจะนุ่มเท้า ตรงหน้าโซฟาเป็นทีวีจอยักษ์และเครื่องเล่นเสียงต่างๆ ถัดไปเป็นประตูห้องอะไรสักอย่างสองบานและบันไดวนขึ้นไปยังชั้นสอง ด้านหลังกรุด้วยกระจกเต็มพิกัดลากยาวไปอีกด้านและเปิดม่านให้เห็นระเบียงกว้างมีสระน้ำที่ไม่มั่นใจว่าเป็นสระว่ายน้ำขนาดมินิหรืออ่างจากุซซี่กันแน่
“อยากให้พาเดินสำรวจไหม?”
ผมหันมามองมันก่อนที่จะพยักหน้าน้อยๆ ก็คนมันสนใจจริงๆนี่หว่า
“งั้นเดี๋ยวพาไป…”
พูดจบแล้วลุกขึ้นเดินมาหา ไอ้ผมก็นึกว่ามันจะพาเดินทัวร์แต่ป่าวเลยครับ มันเดินมารั้งท้ายทอยผมไว้แล้วก้มลงมาประกบปากจูบผมเลย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนที่จะสบเข้ากับดวงตาสีอ่อนจากคนตรงหน้า พอจะอ้าปากร้องท้วงก็กลายเป็นเปิดปากให้ลิ้นของเขาได้แทรกเข้ามา ตัวโดนดึงเข้าสู่อ้อมอกก่อนที่แขนแกร่งจะรัดผมไว้จนแน่นแต่กลับไม่อึดอัด มันอบอุ่น มันให้ความรู้สึกดีจนทำให้ผมเคลิ้ม เสียงน้ำลายดังขึ้นเบาๆเมื่อผมเริ่มตามเกมส์รุกของคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ก็อย่างที่รู้ว่าผมไม่เคยต้านทานคนๆนี้ได้เลย ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือในตอนนี้
“…ถ้าเกิดมึงยังลุกไหวอะนะ”
“เห้ย!”
มันอุ้มผมครับ!
แค่คำพูดกำกวมมันก็น่าตกใจพอแล้วแต่นี่เล่นอุ้มผมพาดบ่าแล้วพาตรงไปยังบันไดวนในทันที ไอ้เราก็ไม่กล้าดิ้นอะไรมากด้วยไอ้พี่ครอสมันสูงนะครับ ขืนตกไปมีเจ็บแน่ๆอะ แต่เอ๊ะ หรือกูไม่อยากดิ้นเองกันแน่วะ ชักไม่แน่ใจ
พอโผล่ขึ้นมาที่ชั้นสองปุ๊บไอ้พี่ครอสมันแทบไม่ต้องเปิดประตูใดๆเลยครับ ก็เล่นโล่งไปทั้งชั้นซะขนาดนี้ ที่บอกว่าโล่งคือมันไม่ได้ถูกกั้นเป็นห้องๆมีประตูปิดมิดชิดเหมือนชั้นล่างแต่เป็นพื้นที่กว้างๆที่กินเนื้อที่ไปกว่าครึ่งของขนาดห้องทั้งหมด ตรงกลางชิดผนังมีเตียงเตี้ยขนาดคิงส์ไซต์และตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินอยู่ไม่ไกล ส่วนริมอีกฝั่งเป็นห้องน้ำที่รวมทั้งห้องส้วมและห้องอาบน้ำไว้ด้วยกันแต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ…ห้องแม่งกรุด้วยกระจกหมดเลยครับ ทั้งห้องน้ำและผนัง มองลงไปคือเห็นชั้นล่างได้เลยอะ
ตุ๊บ!มัวแต่มองเพลินจนมันปล่อยตัวผมลงที่นอนซะเต็มแรงเลย ถามว่าจุกไหม? จุกสิวะ! ไอ้เรื่องชอบใช้ความรุนแรงนี้ไม่มีเปลี่ยนเลยจริงๆ
“เห้ย! เดี๋ยวๆๆๆ”
ผมรีบท้วงเพราะมันกำลังฉีกทึ้งเสื้อผ้าผมแล้วครับ ไอ้หมาบ้านี่!
“มึงกล้ามาสั่งกู?”
ทำเป็นเข้มแต่น้ำเสียงคือกำลังสนุกอยู่เห็นๆ แล้วมือมันก็ไม่หยุดด้วยนะครับ พอถอดไปได้พอประมาณมันก็บีบเค้นไปทั้งร่างจนผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
แม่งอายสัส!
แต่กูเสือกขัดมันไม่ได้อีก!!
เกลียดตัวเองชิปหายเลยวะ
“เดี๋ยว…อื้ออ…ก็บอกว่า..อ๊ะ!”
“หึ”
กัดกูแล้วยังเสือกมาหัวเราะอะ นี่คนรึหมาวะ!
“มันเจ็บนะ!”
ว่าไปงั้นแต่แม่งก็ไม่สนกูเหมือนเดิม ผมพยายามผลักมันที่กำลังรุกล้ำอยู่แถวหน้าอกจนต้องแอ่นหนีแต่เหมือนจะยิ่งลงล็อคมันนะครับ มือหนาแทรกไปที่ด้านหลังก่อนจะไล่ลงไปที่สะโพกเพื่อเลื่อนขอบกางเกงให้ไหลลงจากร่างโดยง่าย
ให้ตายสิโรบิ้น! มันปลดกระดุมรูดซิปกางเกงกูตอนไหนวะเห้ย!!
“ก็ตื่นแล้วนี่”
โอ้โห ทำมาเป็นพูด มึงเล่นปลุกปั้นซะเต็มไม้เต็มมือขนาดนี้มันคงหลับลงอยู่หรอกเนอะ ผมนี่ทั่งกัดปากทั้งจิกไหล่มันแน่นเลยตอนที่มันเล่นกับส่วนนั้นจนผมแทบหมดเรี่ยวแรง
Rrrrrrเหมือนมีเสียงสวรรค์ดังในขณะที่ผมกำลังจะขาดใจตายเลยครับ ไอ้พี่ครอสจิ๊ปากแบบโคตรขัดใจเพราะเป็นเสียงโทรศัพท์ของมันไง มันผละถอยออกจากผมไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า พอเอาออกมามองหน้าจอแล้วก็ปิดเครื่องโยนทิ้งไปซะงั้น ผมนี่กระพริบตาปริบๆมองตามจนมันฉกเข้ามาจูบผมอีกนั้นแหละ
“เดี๋ยวๆ ไม่รับสายจะดีเหรอ?”
“ช่างมัน”
“ไหนบอกว่าบ้างานไง”
“แต่ตอนนี้กูจะบ้าถ้าไม่ได้แดรกมึง”
เชี่ย!
พูดอะไรไม่ออกเลยวะครับ
ระหว่างที่กำลังอึ้งไอ้นี่มันก็ฉวยโอกาสจับผมพลิกคว่ำพร้อมรวบมือทั้งสองข้างไขว้หลังจนหน้าทิ่มไปซะงั้น หาความอ่อนโยนจากมันไม่ได้จริงๆ ดีนะที่ที่นอนมันนุ่มไม่งั้นผมคงดั้งหักไปแล้ว
“อืออออ!”
ผมสะดุ้งเมื่ออะไรบางอย่างที่ชื้นๆเข้ามาสัมผัสในส่วนของปากทางเข้า ขาที่ชันขึ้นทำให้ก้นลอยเด่นจนมองไม่เห็นว่ามันกำลังทำอะไร ใจก็หวังไม่ให้เป็นไปตามที่สมองคิด
มันคงไม่ใช้ลิ้นทำหรอกนะ!
ผมเริ่มหายใจติดขัดเมื่อส่วนนั้นกำลังถูกรุกล้ำพร้อมๆกับด้านหน้าที่ดูสัมผัสไปพร้อมๆกัน อาการเสียวแปร๊บเหมือนกระแสไฟฟ้ามันแล่นไปที่จุดๆนั้นจนผมตัวกระตุก เมื่อทนอดกลั่นเสียงชวนอายนั้นไม่ได้ก็ต้องมุดหน้าลงกับเตียงไปในที่สุด มือผมยังไม่ถูกปลดจากพันธนาการครับผมเลยยังขยับมากไม่ได้ ในตอนที่ผมเริ่มจะทนไม่ไหวตัวเกร็งไปหมดจู่ๆมันก็หยุดทุกอย่างลง ผมโคตรอยากกัดลิ้นตายให้รู้แล้วรู้รอด เวลาแบบนี้ใครเขาใช้ให้หยุดกันวะ! ทีตอนบอกเดี๋ยวๆนี่แม่งก็ไม่เดี๋ยว ไอ้…
“อ๊าาาา!!!”
ยังด่าไม่ทันจะจบส่วนใหญ่ร้อนก็แทรกตัวพรวดเข้ามาในทีเดียวจนผมสะดุ้งเฮือกหลุดเสียงร้องไปซะเต็มเสียง
เจ็บสัส!
แล้วดูเหมือนจะยังไม่สุดด้วยนะเว้ย!
“อึก…แน่นเหี้ยๆ”
“เจ็บ”
ผมพูดเสียงสั่น มันเลยปล่อยมือผมแล้วก้มลงมาจับผมหันไปรับจูบของมัน ผมพึ่งรู้ตัวว่าน้ำตาไหลก็ตอนที่มันใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกให้นั้นแหละครับ จูบคราวนี้เป็นจูบที่อ่อนโยนผิดกับก่อนหน้าลิบลับ ชวนให้มีอารมณ์คล้อยตามจนมันค่อยๆแทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ ผมคลางเคลือในลำคอเมื่อส่วนใหญ่สัมผัสถูกจุดนั้นทางด้านใน ผมร้อนไปทั้งตัว มันจี๊ดจนต้องตอดรัดสิ่งใหญ่นั้นให้คนด้านบนได้ซี๊ดปากเป็นระยะ พี่ครอสมันใจเย็นลงอย่างไม่น่าเชื่อ มันค่อยๆถอนตัวแล้วแทรกเข้ามาให้อย่างช้าๆ
“อา~”
รู้สึกดีชะมัด
“ดีไหม?”
ขนลุกไปทั้งร่างเมื่อเสียงทุ่มต่ำนั้นเข้ามากระซิบที่ข้างหู ผมกัดปากล่างก่อนจะพยักหน้าตอบ อายที่จะต้องพูดแต่มันก็ดีจริงๆนั้นแหละ ผมได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะหึจากคนทางด้านหลังก่อนที่หน้าอกจะถูกรุกรานเพราะตอนนี้ผมยันแขนค้ำตัวเองขึ้นแล้ว ด้านหลังกำลังขยับไปมาในขณะที่ด้านหน้าโดนบีบเค้นอย่างเอาใจ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่แถวๆไหล่จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆที่รดริน
ผมยกมือขึ้นลูบท้ายทอยคนด้านหลังตามอารมณ์คล้อยตาม หน้าเราหันเข้าหากัน ตาสบตา มองจ้องกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแต่สิ่งที่แสดงออกอย่างชัดเจนนั้นคือ
ผมรักเขา
รักเขาจริงๆ
ใบหน้าเราเคลื่อนเข้ามาใกล้และจูบที่ลึกซึ้งก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดจนหยาดน้ำลายไหลเยิ้มลงมาจากมุมปาก ความรุ่มร้อนในอารมณ์พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆพร้อมๆกับจังหวะการขยับกายที่แรกขึ้น แรงขึ้นจนผมทนไม่ไหว
“อ๊า อ๊ะ อืออออ”
เสียงครางที่หลุดออกมาฟังดูหน้าอายแต่ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ผมชอบสัมผัสของเขา ผมชอบทุกๆสิ่งของเขา
“อึ๊ก อ๊า”
“ชอบไหม?”
“อืม”
“ชอบไหมครับ?”
ผมบลือตาขึ้นมองคนที่นานๆครั้งจะพูดเพราะให้ได้ยิน ใบหน้าหล่อๆเริ่มมีหยาดเหงื่อผุดขึ้นที่กรอบหน้า
“รัก”
มันยิ้ม
เป็นรอยยิ้มที่ดูดีมากกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมาเลย ผมยิ้มตามแต่ไม่นานมันก็กลายเป็นใบหน้าที่เหยเกเพราะความเสียวซ่านได้ถูกปลุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังระงมผสมผสานกับเสียงครางหวาน ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล แต่ก็เท่าที่ร่างกายผมจะไหวนั้นแหละนะ
“อืม…จัดการตามสมควร…วันนี้ฉันไม่เข้า…โอเค แล้วรายงานมาเป็นระยะ แค่นี้แหละ”ผมบลือตาตื่นขึ้นจนปรับสายตาได้แล้วถึงเห็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่กำลังนั่งพิงพนักหัวเตียงอยู่ใกล้ๆ พอจะขยับร่างกายก็ต้องสบถในใจ โคตรร้าวไปทั้งร่างเลยไงครับ
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“อืม”
“มึงไข้ขึ้น แต่กูเช็ดตัวให้แล้ว”
อยากตอบมากว่าสมควรแล้วแหละนะ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนเราทำกันไปกี่ยกแล้วผมหลับไปตอนไหนหรือเราหยุดไปตอนไหน สรุปง่ายๆคือผมจำอะไรไม่ได้เลยนะ
“ลุกไหวไหม?”
ผมส่ายหัว
“หึ สิ้นฤทธิ์เลยสิมึง”
“สัส”
ขอด่าหน่อยเถอะ
“เสียงไม่มียังเสือกด่า”
มันส่ายหัวปลงๆแล้วยื่นมือมายีหัวผมไปอีก ผมเลยแยกเขี้ยวไปให้ทีจนมันหัวเราะ
“เดี๋ยวไปเอาข้าวต้มมาให้กินแล้วกินยานอนพักต่อ”
พูดจบมันก็ลุกขึ้นแล้วเดินลงบันไดไป มันคงอาบน้ำแล้วแหละนะเพราะแต่ตัวด้วยชุดใหม่แถมยังหอมฟุ้งไปทั้งตัวอีก ผมพยายามพลิกร่างยันกายให้ลุกขึ้นนั่งจนสำเร็จ
ผมมองสำรวจห้องอีกรอบก่อนจะมานึกย้อนไปถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น อะไรหลายๆอย่างที่พี่ครอสมันยังไม่เคลียร์ยังมีอีกเยอะแต่ว่าการกระทำของมันเมื่อคืนนี้แทบจะเป็นคำตอบอย่างหนักแน่นเลยว่ามันจริงจังกับผมแน่ๆ
ว่าแล้วก็อดร้อนไปทั้งหน้าไม่ได้
นี่ผมคงไม่ได้หลงตัวเองอยู่หรอกนะ
“หน้าแดงเชียว ไข้ขึ้นเหรอ?”
ผมสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองที่ต้นตอของเสียง พี่ครอสมันกลับมาพร้อมถาดมีชามข้าวต้มใบใหญ่และแก้วน้ำดื่มอีกใบ มันหันไปวางถาดไว้ที่โต๊ะเตี้ยข้างเตียงนอนแล้วเข้ามาหาพลางยกมือขึ้นทาบหน้าผากผมไปด้วย
ฉ่า~
“ก็ไม่ร้อนเท่าไหร่แต่ทำไมหน้ามึงแดงจังวะ”
“เออ…”
“หรือเขินกู?”
ผมเม้มปากแล้วหลบตาในทันที
“หึ”
เชี่ยเอ๊ย
ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของมันผมยิ่งเขินหนักเข้าไปอีกอะ
“เขินมากๆระวังจะลุกจากเตียงไม่ได้ไปสักสามวันนะมึง”
“เหี้ยเหอะ!”
“หยาบแล้วครับที่รัก มากินข้าวได้แล้ว”
เดี๋ยวนะ
เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะครับ
“เอ๋ออีก มากินข้าว”
“เมื่อกี้…”
มันเลิกคิ้ว
“ทำไม?”
“พี่พูดว่าอะไรนะ?”
“มากินข้าว?”
“ไม่ใช่ๆ ก่อนหน้านี้อะ”
“เอ๋ออีก?”
ผมพ้นลมหายใจในทันที กูอยากจะบ้า
“ก่อนหน้านี้อีกอะ”
มันขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเหมือนกำลังคิดไม่นานแม่งก็ฉีกยิ้มจนอยากจับจูบซะให้เข็ด ยิ้มโคตรเจ้าเล่ห์แต่ก็โคตรหล่อกระชากใจด้วยเหมือนกันอะ
“ที่รัก”ตึกตัก ตึกตักพอได้ฟังชัดๆผมถึงกับหาเสียงตัวเองไม่เจอไปชั่วขณะ ไม่รู้อะไรมันตื้อๆขึ้นมาจนจุกจนหายใจไม่ถนัดที่หนักกว่านั้นคือผมใจเต้นโคตรแรงจนกลัวว่ามันจะได้ยินไปด้วย
“หึ ที่รัก มากินข้าวครับ”
มันแม่งเพิ่มสกิลด้วยการพูดเพราะไปด้วยอีกอะ ขอลาตายสักสามสิบวิจะได้ไหมครับ ไม่ไหวแล้วนะ ผมต้านมันไม่เคยไหวเลยจริงๆ
“เอามือปิดหน้าทำไม?”
กูเขินสัส!
“นาย”
“อื้อ”
“อย่าน่ารักให้มาก กูเองก็อดทนอยู่นะ”
มันอดทนกับอะไรอยู่วะ
ด้วยความสงสัยผมเลยแอบชำเลืองมองมันจนสายตาไล่ลงไปเห็นอะไรบางอย่างกำลังตื่นตัวอยู่ตรงกลางระหว่างขาของมัน
“ไอ้หื่นนี่!”
ว่าแล้วก็จับหมอนฟาดไปด้วย มันหัวเราะร่วนเลยครับ กูนี่ก็ฟาดต่อไม่มียั้ง สังขารไม่เอื้อแต่กูก็จะทำ คือเขินไงครับ ทำอะไรไม่ถูกเลยต้องกลายมาเป็นแบบนี้
“พอๆๆ เจ็บไหมละนั้น?”
ผพยักหน้าทั้งน้ำตาที่คลอหน่วย มันยิ้มแล้วดึงหมอนออกจากมือแล้วปาทิ้งลงพื้นไปซะงั้น ผมก็ได้แต่มองตาปริบๆสิครับ
“กินข้าวแล้วกินยานอน ถึงกูจะหื่นแต่ก็ก็ไม่ทำคนป่วยนะ ไว้หายแล้วค่อยว่ากัน”
คิดว่าผมอยากหายรึไม่อยากหายดีละครับ
เหอะๆ
“นี่”
ผมเอ่ยเรียกคนตัวโตหลังจากที่กินข้าวกินยาเสร็จและกำลังจะล้มตัวลงนอนโดนมีมันคอยประคองและห่มผ้าให้เสร็จสรรพ ดูแลดีเวอร์ไม่เข้ากับการกระทำโหดๆก่อนหน้าเลยสักนิด
“ว่า?”
“คือ…ที่พูดกับคริสนะ…จริงเหรอ?”
มันนิ่งไปนิดก่อนจะหันมาจ้องหน้าผมเขม่ง
“มึงไม่เชื่อกู?”
“ก็พี่ไม่เคยพูดกับผมตรงๆเลยนี่หว่า”
“แล้วการกระทำกูละ?”
“มันก็…”
สองแง่สองง่าม
จะว่าไป…
“ผมเห็นพี่ไปห้าง…กับผู้หญิง”
อันนี้แค่บอกเล่าไม่ได้ถามแต่โคตรเจ็บจี๊ดที่ใจเลยวะ คิดถึงแล้วก็อดจะร้องไห้ไม่ได้ นี่ผมกลายเป็นผู้ชายขี้แยไปแล้วเหรอ
“อ้อ ที่โทรมาอ้อนให้มาหานะเหรอ?”
ผมพยักหน้า กำลังจะเอาผ้าห่มขึ้นคลุมหัวแต่ก็โดนมือหนาคว้าเอาไว้ซะก่อน
“นั้นลูกสาวของลูกค้า พอดีเธอพึ่งเคยไปที่นั้นเลยอยากเดินดู”
ผมพยักหน้าไปทีสองที
“เหมือนเขาจะอยากจับคู่ให้นั้นแหละแต่กูไม่สน ที่ทนเดินด้วยเพราะพ่อเขากำลังจะสั่งของล็อตใหญ่”
“ของ?”
“ปืนนะ”
“ห่ะ!?!”
คือก็รู้แหละนะว่ามันทำธุรกิจมืดด้วยแต่พอมารับรู้ตรงๆด้วยหูของตัวเองแล้วมันก็อดที่จะตกใจไม่ได้
“มึงกลัวรึเปล่า?”
“ก็…”
นิดหน่อย
“หึ สมควรแหละนะ งานของกูมันมียิ่งกว่าที่มึงรู้เยอะ ไอ้ที่อันตรายๆก็เพียบ กูถึงต้องคิดให้มากเวลาทำอะไรหรือให้ความสัมพันธ์กับใคร…”
ผมรับฟังด้วยใบหน้านิ่งแต่ไม่ละสายตาไปจากดวงตาสีอ่อนคู่นั้นแม้แต่น้อย พี่ครอสเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งมากนะครับ แต่ในเวลานี้เหมือนมันกำลังกะเทาะเปลือกออกเพื่อเผยธาตุแท้ให้ผมได้เห็น
ได้เห็นว่ามันก็เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่มีชีวิตจิตใจและความรู้สึกเหมือนคนอื่นทั่วไป
หรือเหมือนอย่างผม
“ตอนแรกกูคิดว่ากูมีแค่ครอบครัว มีพ่อมีแม่มีคริสแล้วก็แองเจลล่าที่มาอย่างไม่คาดฝัน กูคิดว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้วแต่มันไม่ใช่…”
“……”
“กูยังอยากมีมึงไว้ข้างๆกาย อยากดูแลอยากปกป้องอยากอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ”
“……”
“อยากให้ความสำคัญเท่าที่จะให้ได้”
“……”
“อยากรักมากเท่าที่ใจจะให้ไหว”
“……”
“แต่ลึกๆแล้วกูก็กลัวว่ามึงจะหนีจากกูไปถ้าได้รู้ถึงสิ่งที่กูเป็นหรือทำอยู่”
ดวงตาสีอ่อนสั่นไหวเมื่อพูดมาจนถึงประโยคนี้
“กูมีอำนาจ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด กูมีกำลังปกป้องแต่ไม่ใช่ที่สุด ทุกอย่างล้วนต้องมีช่องโหว่และกูกลัวว่าช่องโหว่นั้นจะทำให้มึงเป็นอันตราย”
“คิดมาก”
มันส่ายหัว
“คริสตัลยังเคยโดนมาแล้ว ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย”
นี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ผมตกใจ พี่ครอสระบายยิ้มเหมือนยิ้มเยาะให้ตัวเองจนผมใจหายวูบ
“กูรักมึงแต่ก็กลัวด้วยเหมือนกัน”
“……”
“นั้นคือความรู้สึกทั้งหมดของกูตอนนี้”
“พี่นี่ขี้กลัวผิดกับตัวเลยเนอะ”
มันยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ผมยกมือขึ้นลูบคางสากที่มีไรหนวดขึ้นเป็นตอแข็ง
“ผมเป็นผู้ชายนะ”
“กูรู้”
“แล้วผมไม่ได้อ่อนแอเหมือนไอ้คริสด้วย”
พวกเพื่อนในกลุ่มรู้ดีว่าคริสตัลร่างกายอ่อนแอผิดกับพวกผมที่แต่ละคนแทบจะแย่งกันขึ้นเวทีต่อยมวยแข่งกันซะให้ได้ ถึงเราจะไม่ได้ร่างหนาก้ามปูแต่เราก็แมนๆแข็งแรงนะครับ
“ว่าน้องกูเหรอมึง”
มันหัวเราะแล้วเอ็ดก่อนจะยกมือมาบี้จมูกผมเบาๆ อาการหวงน้องยังคงมีอยู่สินะเนี้ย
“เลิกคิดมากแล้วเดินตามทางที่ใจอยากจะเดิน ทำตามในสิ่งที่ใจเรียกร้องบ้างเถอะครับ พี่ไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่จำเป็นต้องทำตามหน้าที่อย่างที่ทำอยู่ในทุกวันนี้”
พี่ครอสมันเหลือบตามาสบกับผมอีกครั้งเหมือนจะสงสัยว่าผมไปรู้อะไรมา ผมรู้แน่นอนครับ รู้ตอนที่ไอ้คริสมันเล่าให้ฟังตรงลานจอดรถนั้นแหละ คือพอผมเล่าเรื่องที่ผมมีใจให้พี่มันฟังมันก็สาธยายมาเลยว่าพี่มันทำอะไรไปบ้างแล้วทำเพื่ออะไร คริสมันด่าพี่มันด้วยว่าพี่มันคิดแต่ว่ามันจะรู้ไม่ทันแต่เอาเข้าจริงมันก็รู้หมดนั้นแหละ นี่สินะสิ่งที่เรียกว่าสายใยพี่น้อง
“ผมรักพี่นะ”
“ใครชื่อนะ?”
เวร
“ไปเล่นตรงนู้นเลยครับ”
“แต่กูอยากเล่นตรงนี้”
ว่าแล้วก็เข้ามากอดจนผมจมไปในอ้อมแขนมันทั้งอย่างนั้น จากที่มันนั่งคุยกับผมตอนนี้เลยกลายมาเป็นนอนไปด้วยกันซะงั้น และที่สำคัญ…
“เอามือออกไปเลย ไหนบอกว่าไม่ทำคนป่วยไง”
“พูดได้ขนาดนี้แสดงว่าหายแล้วละมั้ง”
หายบ้านมึงสิ กินยายังไม่ทันจะครบชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
“นอนเถอะ ฝันดี หลังจากนี้กูจะอยู่กับมึง ไม่ว่ายังไงกูก็จะอยู่ในใจมึงเหมือนอย่างที่มึงอยู่ในใจกู”
เป็นคำพูดที่หวานชวนฝันแต่ทำไมถึงรู้สึกเศร้าแปลกๆ หรือผมจะคิดมากไปเองนะ
ผมขยับเข้าหาพลางปรับองศาท่านอนให้พอเหมาะแล้วจึงกอดมันนอนหลับด้วยฤทธิ์ยาในท่านั้น ผมไม่เห็นสีหน้าและแววตาของคนตรงหน้าแต่ไออุ่นที่สัมผัสได้นี่คือความจริงไม่ผิดแน่ เสียงหัวใจของมันกล่อมให้ผมฝันดีอย่างไม่น่าเชื่อ กลิ่นหอมเย็นๆทำให้ผมเคลิ้มในภวังค์ ผมยิ้มออกมาทั้งที่กำลังหลับลึกและตกอยู่ในห้วงฝัน ผิดกับใครอีกคนที่ค่อยๆคลายยิ้มจนกลายเป็นสีหน้าเรียบตึงไปในที่สุด
Tbc…
อ้าว…ตกลงจะแฮบปี้หรือไม่แฮปปี้เนี้ย?