ตอนพิเศษ : การเดินทางของความทรงจำ(อันแสนเจ็บปวดT-T)
“ผมอยากกอดคุณแบบนี้ไว้ทั้งวัน…”
ร่างสูงตระง่านของผมยืนกอดคนตัวเล็กไว้จากทางด้านหลัง ขณะกำลังยืนดูทิวสนสวยๆแถวบ้านผมเอง บนระเบียงไม้ที่ยื่นออกมานอกชานไร้ผู้คน ทำให้สามารถสวีทกันได้เต็มที่แบบนี้ ^.^
“แอรอนครับ…เดี๋ยวใครมาเห็น”
เจ้าชายน้อยของผมทำตัวบ่ายเบี่ยงดิ้นขลุกขลัก ผมยิ่งกระชับอ้อมกอด
“ก็ให้เห็นไปซิครับ…ป่านนี้คนในบ้านรู้เรื่องเราสองคนกันหมดแล้วล่ะ จะอายทำไม ในเมื่อเราสองคนก็ถึงขั้น…ไหนต่อไหนกันแล้ว”
คนโดนล้อถึงกับหน้าแดงแจ๋ ผมหัวเราะชอบใจ ความจริงเจ้าชายน้อยของผมนั้นเป็นคนเงียบขรึม แต่ไม่นึกว่าจะขี้อายมากถึงขนาดนี้ แต่ผมชอบนะ…ชอบในความอ่อนหวาน อ่อนโยน มีเสน่ห์ของชาวเอเชียแบบเจ้าชายน้อย
“อืม…ตัวคุณหอมจัง ชักอยากรู้แล้วว่าคืนนี้จะหอมมั้ย?”
ซุกไซ้ซอกคอ แต่ขานั้นหดหนี พอดีกับที่เสียงกระแอ่มไอของใครบางคนดังขึ้น
“ฮะแฮ่ม! อเล็กซ์คะ แม่บอกว่าอาหารพร้อมแล้ว”
อีฟน่ะเอง…โห มารขัดจังหวะชัดๆ
ตอนนี้น้องสาวตัวแสบของผมโตเป็นสาวสะพรั่ง หล่อนสวยแล้วก็ฮ็อทสุดๆ ตอนนี้เรียนอยู่มหาลัยปีสองใกล้จะจบแล้วครับ เห็นบอกว่าอยากเป็นครู คนในบ้านเลยกล่าวหาว่าผ่าเหล่ากว่าใครๆเขา
‘ก็เป็นทนายกันทั้งบ้าน น่าเบื่อออก’
อีฟยังคงเป็นอีฟคนเดิม ที่ร่าเริงน่ารัก และตอนนี้กำลังส่งสายตาอมยิ้มล้อๆมาที่ผม…ไม่สะทกสะท้านหรอก นู่นต่างหาก หนุ่มจากเมืองไทยต่างหากที่หน้าแดงแจ๋เรียบร้อยไปแล้ว
เจ้าชายน้อยเดินคุยกับอีฟตามเจ้าหล่อนลงไปชั้นล่าง ที่ซึ่งแม่ของผมเตรียมอาหารเอาไว้เต็มโต๊ะใหญ่ พ่อของผมที่พึ่งเกษียรอายุนั่งดูโทรทัศน์อย่างอารมณ์ดีอยู่ในห้องนั่งเล่น แฟนของผมกำลังนั่งคุยยิ้มแย้มอยู่กับสองสาวของบ้าน ผมมองแล้วก็รู้สึกอบอุ่นชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะมันช่างเหมือนบ้านที่ผมเฝ้าฝันไว้ และเหมือนความทรงจำเก่าๆเมื่อหกปีก่อน
เทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาสปีนี้ผมอุตส่าห์เกลี้ยกล่อมเจ้าชายน้อยให้กลับมาเยี่ยมบ้านทิวสน กว่าจะสำเร็จได้ต้องชักแม่น้ำทั้งห้าจนเกือบไม่เหลือน้ำ…กว่าฝ่ายนั้นจะเก็บกระเป๋าตามผมมา ก็เกือบทำให้อีฟกับแม่ที่อยากเจอเขามากๆด่าข้ามทวีปมาเสียแล้ว…
แม่กอดและมองเจ้าชายน้อยอย่างเอ็นดูคิดถึง เราเริ่มกินอาหารกันตอนหนึ่งทุ่มตรง ปีนี้ไร้วี่แววของพี่ชายคนโต…เบนจามินกำลังฉลองกับเพื่อนๆทนายไฮโซของเขาที่นิวยอร์ก แต่ยังดีที่เจียดเวลาโทรศัพท์กลับมาหาพ่อแม่ที่บ้าน
เบนจามินก็เป็นแบบนี้แหละ เขามีโลกส่วนตัวสูง แม้ผมจะสนิทกับเขาแต่บางครั้งก็อดรู้สึกเหมือนโดนกีดกันไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมหายโกรธเขาแล้วนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆก็ตาม…
ไม่เอาดีกว่า อย่าไปคิดถึงเรื่องนั้นเลย
เฝ้ามองดูทุกคนสนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะเจ้าชายน้อย…ท่าทางที่เขายกมือไหว้แม่ของผมเวลาท่านมอบของขวัญให้ ช่างน่ารักน่าเอ็นดู…ไม่ไหวแล้ว คืนนี้ผมคงต้องมอบของขวัญให้เขาบ้างล่ะ…
“เอ่อ แม่ครับ เดี๋ยวผมกับอเล็กซ์จะออกไปดื่มกันสักหน่อย”
แม่ขมวดคิ้ว “จะเอาอเล็กซ์ไปเที่ยวที่ไหนอีก”
อีฟเสริมเหมือนไม่ยอม
“พี่อย่าทำให้เขาเสียคนเหมือนพี่นะ”
ผมโบกมือทำท่าจะยอมแพ้
“โว้วๆ พอก่อน อย่าเพิ่งรุมซิ แค่ออกไปดื่มกัน แค่นี้เอง”
“แต่ต้องพากลับมาที่บ้านอย่างปลอดภัยนะ แม่เป็นห่วง”
สีหน้าแม่เหมือนยังไม่ยอม ผมเลยแอบส่งสายตาให้เจ้าชายน้อยช่วยพูดอีกทาง
“เอ่อ…ลิซ่าครับ ผมไปแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับ”
ฮ่าๆ นี่เพราะส่งแววตาแกมบังคับนะเนี้ย เจ้าชายน้อยเลยทำตาม ผมนี่ช่างเป็นแฟนประเภทเอาแต่ใจตัวเองจริงๆเน๊อะ~~~
แม่จัดให้เรานอนห้องข้างๆกันเหมือนเดิม แต่คืนนี้ผมกะย่องมาหาเจ้าชายน้อยตอนดึกๆ…ไม่รู้ล่ะ ยังไงคืนนี้ก็ขอนอนกอดร่างอุ่นๆให้หายหนาวสักที
รถแล่นไปตามถนน เจ้าชายน้อยเงียบผิดปกติ
“มีอะไรหรือเจ้าชายน้อย?”
อเล็กซ์นั่งนิ่งเงียบ เขาดูซึมๆตั้งแต่ตอนออกมาจากบ้าน
“เปล่าหรอกครับ…ไม่มีอะไร”
พูดแบบนี้แสดงว่าต้องมีอะไร
“ผมรู้นะ คุณกำลังไม่สบายใจบางอย่าง บอกผมมาเถอะครับ”
เจ้าชายน้อยถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ผมรู้สึกเศร้ายังไงบอกไม่ถูก…การได้กลับมาเจอสถานที่ในความทรงจำเก่าๆ มันก็รู้สึกดีอยู่หรอก แต่มันก็ทำให้เรื่องที่เราอยากลืมหวนกลับเข้ามา ทำให้ผมรู้สึกหมดแรง…”
“เรื่องเบนเหรอ?”
ดวงตาหวานซึ้งหันมา พยักหน้าช้าๆ
“ลืมมันไปซะเถอะ ผมไม่ได้โกรธคุณแล้วล่ะ”
“ขอบคุณนะครับแอรอน”
ผมเอื้อมไปจับต้นขาเขาเบาๆเป็นการปลอบ
“อืม คุณลืมมันเพื่อผมนะ เรามาสนุกกันไม่ใช่รำลึกความหลัง”
ดังนั้น พอถึงบาร์ที่ผมมักมาบ่อยๆตอนอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ กลิ่นอายคุ้นเคยปะทะเข้ามาก่อนอันดับแรก พร้อมกับเสียงจ้อกแจ้กจอแจแบบเดิมๆ ผมหลับตาลงสักครู่เพื่อซึมซับกลิ่นบุหรี่โชยนั่น แล้วเดินนำอเล็กซ์เข้าไป
ผมทักทายกับเจ้าของบาร์ที่สนิทกัน เขาบอกว่าผมหายหน้าหายตาไปนาน พอรู้ว่าผมทำงานอยู่ที่เมืองไทย เขาก็ซักถามใหญ่
เจ้าชายน้อยร่วมวงด้วย เพราะเป็นคนที่ง่ายๆสบายๆ คืนนี้จึงมีเพื่อนใหม่เยอะแยะเลย
ดื่มไปหลายแก้ว เริ่มดึกแล้ว ข้างนอกยิ่งหนาวยะเยือก ภายในนี้อบอุ่นมีเบียร์ให้ดื่มเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย ผมหันไปเห็นเจ้าชายน้อยนั่งนิ่งเงียบๆจิบเอาๆ…เลยไม่คัดค้านใดๆ
แต่พอตัวเองเริ่มมึนๆแล้ว อเล็กซ์กลับไม่ยอมกลับ
“อยู่ในนี้ต่อเถอะ…อุ่นดี”
เกาะแขนผมพูดอ้อแอ้ หน้าแดงก่ำ
“ไม่ได้ครับ ต้องกลับแล้ว เดี๋ยวผมขับรถไม่ไหว”
แต่เจ้าชายน้อยยังไม่วายรินเบียร์เติ่มให้ตัวเอง
จนแล้วจนรอด ผมเลยเมา ขับรถกลับไม่ไหวไปด้วย =_=”
เจ้าของร้านเข้ามาถามว่าให้ช่วยเปิดห้องพักที่อยู่ติดๆกันให้มั้ย? คำนึงถึงความปลอดภัยแล้ว คืนนี้ผมคิดว่าคงต้องนอนค้างที่นี่
พยุงร่างบางวางบนเตียง กำลังโทรศัพท์บอกที่บ้านว่าไม่ต้องรอ…หันมาอีกที อ้าว? เจ้าชายน้อยหายไปไหน
“แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ แค่นี้นะ”
วางสาย ผมเดินตามหาคนขี้เมา พบว่านอนหล่นมาอยู่บนพื้นแอ้งแม้งข้างๆเตียง
“โธ่เจ้าชายน้อย…ไม่น่าดื่มหนักเลย”
ผมรำพึงรำพันอยู่คนเดียว อุ้มเขาที่เบาหวิวขึ้นมาวางไว้ดีๆบนที่นอน…แต่ทันใดนั้น
อ๊ะ!
แขนเรียวที่โอบกอดผมไว้นั้นรั้งศีรษะให้โน้มลงมา จูบปากผม…ผมที่งงๆจากการโดนขโมยจุมพิตนั่นพลันสบตามองคนทำ…เจ้าชายน้อยลืมตาจ้องมาทางผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่ภายในความเงียบงัน…แววตาของเขาเต็มไปด้วยการเชิญชวน เย้ายวนเกินห้ามใจ…
“คุณเริ่มก่อนเองนะ…”
ผมพึมพำเบาๆ แต่แอบยิ้มอยู่ในใจ…พลางเอนร่างตามคน ‘เริ่มก่อน’ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลย…เอาไงก็เอากัน!
รู้สึกว่าคืนนี้ เจ้าชายน้อยจะกล้าหาญมากขึ้นเป็นพิเศษ…
ปกติแล้วแฟนของผมเป็นคนขี้อาย มากถึงมากที่สุด…แต่คืนนี้เขากลับทั้งเป็นผู้เสนอและผู้คุมเกมมือฉมัง
มีคนเคยบอกว่า คนเรียบร้อยมักจะเชี่ยวชาญเรื่องบนเตียง
วันนี้ผมเริ่มเชื่อแล้ว
เรือนร่างบางเคลื่อนไหวอย่างเร้าใจอยู่เหนือตัวผม มัดกล้ามสวยงามเกร็งเขม็งทุกส่วน มีเพียงลมหอบหายใจและแววตาแผดเผา ใบหน้าเหยเกมองผ่านสายตาของทั้งสองเรา…ผมขยับขาที่นอนราบอยู่ทั้งสองข้างขึ้นลง มอบความรัญจวนใจให้โดยการขยับสะโพกลึกหนักหน่วง…ทุกอย่างเป็นไปอย่างเชื่องช้า จนเหมือนผมจะควบคุมมันเอาไว้ไม่ไหวแล้ว…
“อ๊า!!!!!”
ผมตะโกนออกมาสุดเสียง…คงเพราะความรู้สึกรุนแรงที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจู่โจมโดยไม่รู้ตัว เจ้าชายน้อยก้มหน้าลงและยิ้มบางๆ ก้มลงจูบผมอย่างดูดดื่ม…วันนี้ไหงกลายเป็นผมที่ผ่ายแพ้…ผ่ายแพ้หมดรูปทุกประการให้แก่เจ้าชายน้อย
“ดะ…เดี๋ยว…”
ห้ามร่างบางไม่ให้ขยับเขยื้อนก่อน แต่ไม่ทันการแล้ว เจ้าชายน้อยของผมหยอกล้อด้วยการนวดคลึงเบาๆ…ความซ่านเสียวปะทุต่อไป ทั้งๆที่ร่างของเรายังไม่แยกออกจากกัน ผมคงต้องอาศัยความอบอุ่นนี้ไว้ตลอดทั้งคืน
ร่างบางเอนตัวลงมา และล้มลงสู้อ้อมกอดของผมอย่างเหนื่อยล้า
ผมกอดเขาไว้ พรมจูบด้วยความรักใคร่…บัดนี้คงนอนได้อย่างอุ่นกายแล้ว เพราะเราอุ่นเครื่องกันจนบรรยากาศภายในห้องร้อนสู้ความหนาวติดลบภายนอกห้องได้ดียิ่งกว่าฮีทเตอร์เสียอีก =_=”
ตื่นเช้ามา ด้วยเสียงโวยวายของคนข้างๆ
ผมนอนคว่ำหน้าอยู่ หลังจากเหนื่อยอ่อนกับกิจกรรมอย่างเมื่อคืน…ที่ไม่ได้มีเพียงยกเดียวเสียเมื่อไร…
งัวเงียยกหัวขึ้นมา
“มีอะไรหรือครับเจ้าชายน้อย?”
หมอนใบหนึ่งถูกเหวี่ยงทุบมา เล่นเอาผมตาสว่างเลยทีนี้
“ฮือๆคนบ้า! ดูซิเมื่อคืนคุณทำอะไรไว้กับผม!”
ผมขยี้ตา มองเห็นร่างเล็กขาวเนียนกำลังถูๆรอยอะไรบางอย่างตามตัวอยู่ พอเห็นได้ชัดๆ…ผมก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ก็รอยรักไงเจ้าชายน้อย”
“คุณทำบ้าอะไร?! ทำไม…ทำไมมันถึงได้มากมายขนาดนี้”
ผมงงเป็นไก่ตาแตก
“ผมเนี้ยนะทำ?”
“ก็ใช่น่ะซิ ถ้าไม่ใช่คุณแล้วใครจะทำ”
ผมถอนหายใจ ก่อนจะเลิกผ้าห่ม เปลือยกายจนเจ้าชายน้อยสะดุ้งเบาๆ หน้าแดง ผมชี้ไปตามจุดช้ำเป็นจ้ำแดงๆตามร่างกายหลายแห่งเช่นกัน
“แล้วนี่ล่ะ นี่ๆๆๆใครทำ ถ้าไม่ใช่คุณ”
อีกฝ่ายดูอึ้งๆไป ผมยิ้มกว้างรอปฏิกิริยา
“ผมทำงั้นเหรอ?...”
ปลายเสียงเบาหวิวเหมือนไม่เชื่อตาตัวเอง ผมยิ่งขำ
“ครับ ก็เมื่อคืนน่ะคุณเริ่มก่อนด้วยซ้ำ จะบอกให้นะ คุณน่ะทั้ง…”
หมอนใบเดิมถูกซัดมา
“โอ๊ย!”
“หยุดพูดเลย แต่…แต่คุณก็ไม่น่าเอาเปรียบคนเมาเลยนี่นา”
“โห เจ้าชายน้อย ผมเองก็เมา คุณต่างหากที่เอาเปรียบผม คุณน่ะสะกิดผมทั้งคืน เล่นเอาจนผมเมื่อยเอวไปหมดแล้วเนี้ย”
ทำท่านอนแผ่ราบหมดแรง แล้วก็มองล้อมาๆทำมือเหมือนเหนี่ยวรั้งอะไรบางอย่างไว้ในอากาศ…เจ้าชายน้อยรู้ดียิ่งหน้าแดง ระดมฟาดหมอนเข้าใส่ผมไม่ยั้ง
ผมรีบคว้าร่างเล็กเข้ามาหนุนกอด คนตัวนิ่มยังทำหน้าไม่ค่อยพอใจ
“แล้วทีนี้จะทำยังไง ใครต่อใครได้เห็นหมด”
“ก็ใส่เสื้อปิดไว้ซิครับ อากาศยิ่งหนาวอยู่ด้วย ใส่เยอะๆไว้ก็หมดเรื่อง อุ่นดีออก”
“แล้วคุณ…”
“ผมจะโชว์ครับ ว่าแฟนผมดุเดือดแค่ไหน”
กำปั้นทำท่าจะวาดทุบลงมาอีก ทีนี้ผมห้ามไว้ได้ทัน
“ผมล้อเล่นน่ะครับ แต่ว่าเมื่อคืนน่ะ…คุณสุดยอดจริงๆนะ”
เจ้าชายน้อยทำท่าครุ่นคิด ถามเสียงแหบพร่า
“จริงเหรอ?”
ผมตอบ “ลองดูมั้ยล่ะ?”
ว่าแล้ว…ผมก็จับร่างบางกดลงนอน ขึ้นคร่อมเหนือคนที่มีเนื้อตัวหอมจางๆ…อยู่ต่ออีกสักพักก็ได้ เพราะถึงกลับบ้านไป เราก็คงส่งเสียงดังไม่ได้เหมือนเมื่อคืนหรอก จริงมั้ย?
“ผมรักคุณครับเจ้าชายน้อย…”
จบบริบูรณ์
...อิอิ...