✿ Uncommon Love!!เรื่องรุก...ของพี่เเจ่ม ✿ 06-03-61 ✿ ตอนพิเศษ : ความทรงจำ ✿
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿ Uncommon Love!!เรื่องรุก...ของพี่เเจ่ม ✿ 06-03-61 ✿ ตอนพิเศษ : ความทรงจำ ✿  (อ่าน 101616 ครั้ง)

ออฟไลน์ MissMay

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตานครนี่ต้องเป็นขโมยขี้เหล้าที่แทงแม่น้องมิ่งชัว
ส่วนน้องมิ่งนี่ก็อวดเมียเหลือเกิน 5555

ออฟไลน์ pookyss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ firstlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ เด็กหญิงเย็นชา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-1

บทที่ 24 ความซวยของไอ้มิ่ง

หลังจากที่พวกจ่าหมายมาถึงได้ไม่นานก็พาพี่แจ่มไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล ฉีดยาอีกสองสามเข็ม หมอบอกว่าพี่แจ่มต้องนอนค้างที่โรงพยาบาลอย่างน้อยหนึ่งคืนเพื่อรอดูอาการ แต่ไอ้คนที่ดูจะบ้างานก็ไม่ยอมเอาลูกเดียว สุดท้ายก็เลยได้ยามากินแล้วกลับมานอนพักที่บ้านแทน

                        ทั้งแม่มาทั้งน้องจันทร์เจ้าพากันบ่นพี่แจ่มกันยกใหญ่ บ่นทั้งที่ว่าทำอะไรอันตรายเกินตัว บ่นที่ว่าพาไอ้มิ่งไปอันตาย บ่นกันจนไอ้มิ่งไม่เหลืออะไรจะให้ช่วยบ่น

ส่วนน้องจี๊ดตัวดีก็ถูกพี่แจ่มโม้ว่าเป็นฮี่โร่สู้กับคนร้าย ไอ้เด็กเชื่อคนง่ายก็ชอบอกชอบใจหายร้องไห้เปลี่ยนเป็นออกปากชมพ่อมันยกใหญ่

                        แม่มาเล่าว่าจบงานนี้พี่แจ่มจะได้เลื่อนยศจากพันตำรวจตรีเป็นพันตำรวจโทเสียที ก่อนหน้านี้มีผู้ใหญ่ที่รู้จักกับพ่อพี่แจ่มเสนอจะเลื่อนยศให้แต่พี่แจ่มก็เลือกไม่ใช้เส้นสายเหมือนๆกับคนอื่นๆ แต่เลือกที่จะทำงานแลกตำแหน่งเอาเอง

คิดดูสิว่าถ้าได้เลื่อนยศคราวนี้เมียไอ้มิ่งยิ่งมียศใหญ่กว่าเดิมอีก นึกแล้วก็คันปากอยากจะไปโม้อวดชาวบ้านแต่ก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียงานเสียการพี่แจ่ม

                        จะว่าไปเพราะฝีมือการวางแผนของพี่แจ่ม ไอ้พวกขายยาเมื่อคืนก็เลยถูกจับได้หมด เว้นก็แต่ไอ้คนที่มันยิงพี่แจ่มเมื่อคืนคนเดียวที่หนีรอดไปได้ คิดแล้วก็แค้นใจ กล้าดียังไงมาทำพี่แจ่มของมันเจ็บ

                        “กินข้าวได้แล้ว จะได้กินยา”ไอ้มิ่งบอกพี่แจ่ม

                        ถึงจะเป็นข้าวเที่ยงก็กินได้แต่ของอ่อนๆ ไอ้มิ่งยกข้าวต้มกุ้งร้อนๆใส่ถาดมาส่งให้ถึงเตียงนอน เปิดประตูเข้ามาก็เห็นคนป่วยนอนยิ้มแฉ่งอยู่บนเตียง ถูกแม่ถูกน้องบ่นให้ขนาดนั้นแล้วยังมีหน้าจะมายิ้มอีกน้อยยิ้มใหญ่ให้อีก

                        “น้องมิ่งป้อนพี่หน่อยนะครับ พี่แจ่มเจ็บแขน”

                        “มึงก็กินเองได้ มึงเจ็บแขนซ้ายไม่ใช่แขนขวาสักหน่อย”

                        ก็แหม ถึงจะพอจะคุยกันรู้เรื่องแล้วแต่จะให้มานั่งหวานป้อนข้าวป้อนน้ำให้กันมันก็ดูจะกระดากอาย

                        “แขนพี่แจ่มไม่มีแรงเลย”

                        “เออๆ เห็นแต่ว่ามึงไม่สบายหรอกนะ ก็เลยอนุโลมให้น่ะ”ว่าพลางเขยิบไปนั่งใกล้ๆจะได้ป้อนข้าวให้ได้ถนัดถนี่

                        “น้องมิ่งใจดีจัง”

                        “ไม่ต้องมาชมกูเลย กูไม่ได้ใจดีสักหน่อย กูก็แค่ทำหน้าที่ผัวที่ดีก็แค่นั้นแหละ”

                        “ครับ เพราะน้องมิ่งเป็นคนดีไงครับ พี่แจ่มเลยรัก…อุ๊บ”

                        พูดไม่ทันจบก็ต้องหุบปากเมื่อช้อนพูดเข้าต้มยัดเข้าปากไปเต็มปากเต็มคำ ก็เลยต้องกลืนคำว่ารักลงคอไป

                        “พูดมากน่ามึงน่ะ กินๆเข้าไป จะได้ยินยาแล้วนอนพัก”

                        เมื่อคืนก็กระซิบบอกมันไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยครั้งจนมันจำขึ้นใจแล้ว ยังจะมาบอกอะไรอีก อย่าหวังนะว่ามันจะนึกเขิน

                        ถึงจะอย่างนั้นแต่ไอ้คนที่นั่งป้อนข้าวต้มคนป่วยก็นั่งอมยิ้มไปป้อนข้าวคนป่วยไปอย่างกับคนบ้า จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะบึ้งก็ไม่บึ้ง คนป่วยที่มองมาก็คิดว่าน่ารักน่าเอ็นดูกับไอ้สีหน้าท่าทางประหลาดแบบนั้น

                        “เออไอ้แจ่ม มึงกินข้าวกินยาเสร็จแล้วเดี๋ยวกูขอไปบ้านตานครแปบนึงนะ”ไอ้มิ่งส่งยาหลังข้าวกับแก้วน้ำให้

                        “ไปทำไมครับ”พี่แจ่มรับยาพลางถาม

                        “กูต้องดูแลมึงไง กูเลยจะไปบอกเขาสักหน่อยว่าจะหยุดทำสวนให้เขาสักวันสองวัน เดี๋ยวถ้ากูไม่บอกเขาเขาจะหาว่ากูไม่รับผิดชอบงานเอา รับปากเขาเอาไว้แล้ว อีกอย่างเมื่อคืนฝนก็ตกหนัก กูจะไปดูสวนที่พึ่งทำเมื่อวานด้วย”

                        “ก็ได้ครับ”พยักหน้า

                        “กูไปแปบเดียวเดี๋ยวกูมา ส่วนมึงถ้าง่วงก็นอนเสียล่ะ”

                        “ครับ”

                        “มึงเปรี้ยวปากอยากจะกินอะไรไหมล่ะ ขากลับกูจะได้แวะซื้อให้”

                        “ไม่ต้องก็ได้ครับ พี่แจ่มอยากให้น้องมิ่งกลับมาหาพี่แจ่มเร็วๆพอ”

                        ดูทำหน้าทำตา ทำเอาไอ้มิ่งไม่อยากจะไปแล้วนอนลงมันข้างๆตรงนั้นนั่นแหละ แต่เดี๋ยวจะเสียการเสียงานเอา อย่างน้อยแค่ไปบอกว่าจะหยุดงานสักวันสองวันพอเป็นพิธีก็ยังดี เสร็จแล้วก็จะได้รีบๆกลับมาดูคนป่วยที่มันไม่ทิ้งลายเจ้าเล่ห์

                        “เออ กูจะรีบไปรีบกลับ ส่วนมึงน่ะ เอามือออกไปจากกางเกงกูได้แล้ว จะจับอะไรกันนักกันหนา เมื่อคืนก็จับไปตั้งเยอะตั้งแยะ”

                        เผลอเป็นไม่ได้ ไม่รู้ว่าล้วงเข้าไปจับหนอนด้วงของไอ้มิ่งตอนไหน ไอ้นี่ก็โดนจับจนคุ้นมือ พอเขาจับเข้าหน่อยก็โงหัวขึ้นมายิ้มแฉ่งเชียว

                        “รีบกลับนะครับ”

                        ----------------------------------------------------------------------------

                    คือ...คนป่วยได้กำไรตั้งแต่ในกระท่อม จนถึงนอนซมอยู่บนเตียง ได้ทั้งทำลูก ได้ทั้งคนป้อนข้าวป้อนน้ำ


ออฟไลน์ เด็กหญิงเย็นชา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-1
​บทที่ 35 ซวยซับซวยซ้อน

                        คนมันจะอารมณ์ดีก็อารมณ์ดีเหลือก้ำเหลือเกิน ขี่รถเครื่องไปผิวปากไป ลมเย็นๆพัดจนผมดำยาวหยักศกปลิวกระเซอะกระเซิงพันกันยุ่งเหยิง จะไม่ให้มันอารมณ์ดีได้ยังไงล่ะ มีเมียเป็นถึงสารวัตรเลยนะ ออกจะโก้ปานนั้น น่าเสียดายที่ตอนนี้มันต้องเก็บเป็นความลับ ไม่อย่างนั้นจะไปคุยอวดพวกไอ้ดำให้ฟุ้งไปสามบ้านแปดบ้าน

                        เมื่อคืนฝนตกหนักทางลูกรังแดงก็เลยกลายเป็นขี้โคลน ฝุ่นแดงๆก็เลยไม่ฟุ้งเหมือนทุกวัน ติดก็ตรงเป็นขี้โคลน จะซิ่งเร็วไม่ได้ กลัวจะลื่นหัวล้างข้างแตก ดีที่จ่าหมายไปเจอรถเครื่องแล้วเอามาส่งให้เมื่อเช้า ไม่อย่างนั้นมันคิดไม่ออกเลยว่าจะไปบอกกับพี่เจิดว่ายังไงดีว่าทำรถหาย ว่าแล้วก็ถอนหายใจ

                        ใจมันตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เผลอเป็นไม่ได้ เอาแต่คิดถึงพี่แจ่มท่าเดียว ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อคืน อายผีสางนางไม้บนป่าบนเขาจริงๆ ดีกระท่อมไม่พังเอา คิดได้ก็ส่ายหน้าไล่ความคิดสัปดน

                        ครั้นพอใจมันได้เริ่มนึกเริ่มคิดถึงคนป่วยที่นอนซมอยู่บนเตียงก็ยิ้มย่องกระหย่องใจ อยากจะรีบไปรีบกลับไวๆ พี่แจ่มน่ะเป็นภาระจริงๆเชียว นี่มันก็ไม่ได้อยากจะทำเลยนะ ทั้งเช็ดเนื้อเช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าให้เนี่ย ไหนจะต้องมานั่งป้อนข้าวป้อนน้ำอีก แต่ติดที่ว่าพี่แจ่มเจ็บเพราะมันหร๊อก ไม่งั้นมันไม่มานั่งทำให้เสียเวลาทำมาหากิน

                        ว่าแล้วขากลับก็แวะซื้อนมเย็นไปฝากสักหน่อย เผื่อได้กินอะไรหวานๆแล้วจะสดชื่นหายป่วยหายไข้เร็วๆ

                        “อ้าวลุง มายืนชะเง้อชะแง้อะไรอยู่ตรงนี้ล่ะจ๊ะ”

                        ยังไม่ทันเลี้ยวรถผ่านเข้าไปในรั้วบ้านดีเชียว อดจะตะโกนถามไม่ได้เมื่อมันเห็นลุงนครยืนชะเง้อชะแง้อยู่หน้าประตูบ้านเหมือนกำลังรอใคร สีหน้าท่าทางเป็นกังวลใจแปลกๆ

                        “อ้อ พ่อมิ่งมาแล้วเรอะ”คนถูกถามพอเห็นหน้าไอ้มิ่งก็ยิ้มออกมากึ่ง ร้องตอบท่าทางดีอกดีใจ

                        “จ้ะ ว่าแต่ลุงรอใครอยู่เหรอจ๊ะ”

                        เรื่องสอดรู้สอดเห็นขอให้ไว้ใจ อยากรู้อะไรเป็นได้ถามไม่รีรอ

                        “ก็รอพ่อมิ่งนั่นล่ะ ลุงคิดว่าจะไม่มาเสียแล้ว”

                        “ต้องมาสิจ๊ะ แต่ว่าวันนี้ฉันจะมาบอกลุงว่าฉันจะขอหยุดทำสวนให้ลุงสักวันสองวัน พอดีว่าเมียฉันมันไม่สบายน่ะจ้ะ ฉันก็เลยต้องคอยเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนน้ำให้มัน”

                        เห็นไหมล่ะว่าไอ้มิ่งเป็นผัวที่ประเสริฐแค่ไหน เมียเจ็บก็คอยดูแล ผัวดีๆแบบนี้หาได้ที่ไหน บอกไปพลางเตะขาตั้งลงจอดรถแล้วยิ้มเพล่ให้เจ้าของบ้าน

                        “เมียพ่อมิ่งไม่สบายเรอะ เป็นอะไรไปเล่านั่น”ลุงนครถามไอ้มิ่งท่าทางจริงจัง

                        “ก็เมื่อคืนมันโดน…อะ เอ่อ”

                        เกือบจะหลุดปากคุยอวดไปแล้วเชียวว่าพี่แจ่มไปจับคนร้ายขายยาบ้าแล้วโดนยิงมา

                        แหม่!! ปากหนอปาก พล่อยจริงๆเชียว

                        “โดนอะไรมารึ?”ลุงนครถามย้ำท่าทางอยากรู้อยากเห็นน่าประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากนัก

                        สงสัยลุงนครจะเป็นห่วงกันตามประสาคนบ้านใกล้เรือนเคียงล่ะมั้ง ว่าแล้วก็คิดหาคำตอบว่าจะตอบไปว่าอะไรดี

                        “ไม่ได้โดนอะไรหรอกจ้ะ ไอ้แจ่มมันก็แค่ตากฝน เจ็บไข้ไม่สบายแค่นั้นเอ๊ง”

                        ไอ้มิ่งส่ายหน้าตอบหางเสียงสูงลิบลิ่ว

                        “แล้วพ่อมิ่งล่ะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

                        คราวนี้ลุงนครเอื้อมมือมาจับแขนมันพลางมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าคล้ายกับกำลังมองหาอะไร

                        “เป็นอะไร…หมายถึงอะไรเหรอจ๊ะ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ฉันสบายดี”

                        “ลุงหมายถึงติดไข้จากเมียมาน่ะ พ่อมิ่งไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

                        “ติดไข้อะไรล่ะจ๊ะ ฉันออกจะแข็งแรง”

                        ลำพังคุยโวก็พอแรงอยู่แล้ว แต่ดันยกแขนขึ้นมาเบ่งกล้ามอวดอีกต่างหาก ปากก็ยิ้มกว้างอวดฟันขาว ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาท่าทางโล่งใจ

                        “ว่าแต่พ่อมิ่งเข้ามากินน้ำกินท่าก่อนสิ”

                        “ไม่หรอกจ้ะ เดี๋ยวฉันต้องกลับไปดูแลเมียอีก”

                        “อ้อ นั่นสินะ เมียพ่อมิ่งไม่สบายอยู่”เจ้าของบ้านทำหน้าทำตาเสียดาย

                        “แต่ว่าวันนี้ฉันเอากล้วยบวชชีมาฝากลุงด้วยนะ แม่มาแม่ยายของฉันเขาทำกล้วยบวชชีเมื่อเช้า พอฉันบอกว่าจะมาบ้านลุงแม่มาก็ฝากให้ฉันเอามาให้ลุงน่ะ”

                        ไอ้มิ่งหันไปคว้าถุงกล้วยบวชชีที่แขวนอยู่หน้ารถมาอวด กล้วยบวชชีในถุงยังร้อนๆอยู่เลย

                        “งั้นเรอะ กำลังอยากอยู่เลยเชียว ฝากพ่อมิ่งไปขอบคุณแม่ยายพ่อมิ่งด้วยนะ”

                        “ได้สิจ๊ะ…เอ้อ  ว่าแต่ ลุงจ๊ะ ถ้าไม่ว่าอะไรฉันขอเข้าห้องน้ำสักแปบได้ไหมจ๊ะ จู่ๆก็ปวดเบาขึ้นมา แหะๆ”เกาหัวฟูๆแกรกๆยิ้มแห้งๆท่าทางกระดากอาย

                        จู่ๆก็ดันอยากยิงกระต่ายขึ้นมาเสียได้ มัวจ้องแต่จะรีบไปรีบกลับท่าเดียว ก่อนออกมาจากบ้านก็เลยไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย สะเพร่าจริงๆ

                        “ได้สิ ห้องน้ำก็อยู่ข้างห้องครัวนั่นน่ะ เชิญพ่อมิ่งตามสบายเลยนะ”

                        “ขอบใจนะจ๊ะลุง”

                        เจ้าของบ้านอนุญาตแล้วจะรออะไรเล่า วิ่งพรวดพราดเข้าไปยิงกระต่ายในห้องน้ำไม่รีรอ

                        “โอยยย ค่อยโล่งขึ้นมาหน่อย”

                        พอเสร็จกิจก็ยิ้มกริ่ม พึมพำกับตัวเองท่าทางสบายอกสบายใจ ล้างมือเสร็จก็แวะส่องกระจกหน้าห้องน้ำสักหน่อย นี่มันแค่ยกมือขึ้นมาสางผมยาวๆฟูๆให้เข้าที่นิดๆหน่อยๆก็หล่อระเบิดแล้ว

                        ระหว่างที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาใจก็พลางนึกว่าจะซื้ออะไรไปฝากพี่แจ่มกับน้องจี๊ดเพิ่มดีนอกจากนมเย็น แต่ขาก็พลันชะงัก นึกเอะใจเมื่อได้ยินเสียงคุยกันดังแว่วมาจากใต้ถุนทางหน้าบ้าน

                        “ช่วยผมหน่อยนะนาย ผมขอร้องล่ะ”เสียงใครก็ไม่รู้ จะว่าคุ้นก็คุ้น ไม่คุ้นก็ไม่คุ้น

                        หรือว่าลุงนครจะมีแขก? ถึงว่า…ชะเง้อชะแง้เหมือนกำลังรอใครอยู่ ที่แม้ก็มีแขกนี่เอง

                        ว่าแต่คุยเรื่องอะไรกันหว่า เรียกลุงนครว่านายด้วย ลุงนครนี่ไม่เบา มิน่าถึงได้มีบ้านหลังใหญ่โต ที่แท้ก็เป็นเจ้านงเจ้านาย มีลูกนงลูกน้องนี่เอง มันเริ่มชักอยากรู้แล้วสิว่าลุงนครเขาทำงานอะไร ทำไมถึงได้มีเงินมีทองมีบ้านหลังโต ที่ผ่านมามันก็ไม่เคยได้ถามได้ไถ่เสียด้วยสิ

                        เพราะความเสือกที่มีล้นเหลือก็เลยยืนหลบอยู่หลังเสาใกล้ๆกับห้องน้ำ อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง แถมท้ายด้วยการยกมือขึ้นมาป้องหู จะได้ๆยินถนัดถนี่กว่านี้

                        “พ่อสิงไปเสียเถอะนะ ฉันถอนตัวออกมาจากตรงนั้นแล้ว ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก”

                        “แต่ตอนนี้ผมลำบากมากนะนาย ผมไม่มีที่จะไปแล้ว ให้ผมหลบอยู่ที่นี่สักวันสองวันเถอะนะ ผมขอร้องล่ะ”น้ำเสียงแขกของลุงนครนี่ดูลุกลี้ลุกลนชอบกล

                        “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันหันหลังให้กับมันแล้ว ฉันไม่ต้องการจะกลับไปยุ่งกับมันอีก พ่อสิงไปเสียเถอะนะ อย่าลากฉันเข้าไปเกี่ยวกับมันอีกเลย”

                        “นายผมจะไปที่ไหน ตอนนี้ตำรวจกำลังตามตัวผมไปทั่ว คนอื่นก็ถูกจับกันหมดแล้ว เหลือแค่ผมคนเดียว ขืนผมออกไปคงไม่รอดคืนนี้แน่”

                        “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ฉันสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะหันหลังให้กับมัน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาฉันทำบาปมามากเกินพอ”

                        “แค่คืนเดียวนะครับนาย ผมไหว้ล่ะ ถ้านายช่วยผมๆจะบอกนายใหญ่ว่านายเป็นคนช่วยผมเอาไว้ ผมรับรองว่านายใหญ่จะต้องตอบแทนนายอย่างดีแน่”

                        คุยอะไรกัน? เกี่ยวอะไรกับตำรวจ ทำไมต้องหนีตำรวจ แล้วนายใหญ่อะไรกัน ทำไมมันดูวุ่นวายแท้ ยิ่งฟังก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็น

                        เพราะไม่เข้าใจว่าเขาคุยอะไรกัน เลยเขยิบเข้าไปใกล้อีกหน่อย หวังจะฟังอีกสองคนคุยกันรู้เรื่องมากกว่านี้

                        “ฉันไม่ต้องการอะไรตอบแทนหรอกนะ แต่ฉันไม่ต้องการกลับไปยุ่งกับมันอีกต่างหากล่ะ ออกไปจากบ้านฉันเถอะ ก่อนที่ตำรวจจะตามมาเจอว่าพ่อสิงอยู่กับฉัน”

                        ตกลงว่าคุยเรื่องอะไรอยู่กันแน่ ไอ้มิ่งคนนี้อยากรู้อยากเห็นใจแทบขาด ทนไม่ไหวแล้วโว้ย ยิ่งฟังก็ยิ่งงง กลั้นใจชะโงกหน้าออกไปดู หวังจะเห็นหน้าค่าตาแขกของลุงนครสักหน่อยว่าเป็นใคร ไปมายังไงทำไมถึงต้องหนีตำรวจหัวซุน

                        ก็แหม ก็พี่แจ่มน่ะ เป็นตำรวจ เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับตำรวจก็ต้องเกี่ยวกับพี่แจ่ม และเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพี่แจ่ม ก็ต้องเกี่ยวกับไอ้มิ่งอยู่แล้ว

                                    คิดเองเออเองเสร็จสรรพพลางสอดส่ายสายตามองอย่างสอดรู้สอดเห็น แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อพ่อสิงอะไรนั่นที่ลุงนครกำลังคุยด้วยมันช่างคุ้นหน้าคุ้นตาเสียเหลือเกิน

                        จะใครเสียอีกถ้าไม่ใช่ว่าเป็นคนเดียวกับไอ้คนที่มันยิงพี่แจ่มเมื่อคืนนี้แล้วหนีรอดไปได้น่ะ

                        นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!!

                        ทำไมไอ้สิงถึงรู้จักกับลุงนคร แถมเรียกลุงนครว่านาย อย่าบอกนะว่าลุงนครเป็นเจ้านายของไอ้สิง!!

                        อย่าบอกนะว่าลุงนครเป็น…

                        “คงไม่ใช่หรอกม๊างงง…”พึมพำกับตัวเองเสียงเบา กรอกตาไปมาพลางคิดหนัก

                        ลุงนครออกจะใจดี คงไม่เกี่ยวกับไอ้พวกขายยาบ้าหรอก ไอ้มิ่งคิดเข้าข้าง ใจเริ่มแบ่งพรรคแบ่งพวกเถียงกันอุตลุด

                        ว่าแต่ลุงนครจะเป็นเจ้านายไอ้สิงจริงๆหรือเกี่ยวข้องกับพวกขายยามันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องสำคัญก็คือ…ถ้าไอ้สิงมาเจอมันตอนนี้แล้วจำหน้ามันล่ะก็

                        มันซวยแน่!!

                        พอนึกถึงภาพปลายกระบอกปืนที่จ่อมาทางมันเมื่อคืนใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม หันซ้ายหันขวามองหาทางหนีทีไล่

                        แต่อนิจจัง…ความซวยไม่เข้าใครออกใคร

                        ไม่รู้ลมพัดหอบมาจากทิศไหน พัดมาแรงจนผมฟูๆปลิวลู่มาปรกหน้าปรกตา ปลายผมเขี่ยเข้าที่ปลายจมูก ครั้นหันหน้าสะบัดหน้าหนี ปลายผมก็ดันแยงเข้าไปในรูจมูกชวน ทำเอารู้สึกจั๊กจี้ แล้วก็…

                        “ฮัดชิ้วววว!!”

------------------------------------------------------------------

ไม่มีอะไรจะแก้ตัวจริงๆ นอกจากขอโทษที่หายไปนาน T3T ฮรืออ


ออฟไลน์ เด็กหญิงเย็นชา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-1


บทที่ 36 นาทีสุดท้าย

                        “ฮัดชิ้วววว!!”

                        จามออกมาแรงๆเสียงดังฟังชัด

                        ขนาดเจ้าตัวยังสะดุ้ง มีหรือที่อีกสองคนที่กำลังคุยเครียดๆกันอยู่จะไม่สะดุ้งไปด้วย

                        คนแรกก็ลุงนคร อุตส่าห์ไล่ไอ้สิงให้กลับไป ทั้งยังพร่ำภาวนาในใจขอไม่ให้ไอ้มิ่งออกมาเจอไอ้สิง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าของบ้านอายุเลยวัยเลขห้าหลังตั้งตรง เหลือบมองใต้ถุนบ้านทางต้นเสียง

                       “เสียงใคร? ไม่เห็นนายบอกว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย”ไอ้สิงออกปากถามทันทีด้วยความระแวง มือตะปบด้ามปืนสีดำที่เหน็บอยู่ตรงบั้นเอว

                        “เสียงหลานฉันเอง ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้ฉันไม่สะดวกให้ความช่วยเหลือพ่อสิง พ่อสิงกลับไปเถอะนะ”ออกปากไล่อีกรอบหวังจะให้อีกฝ่ายออกไปเสียที ใจก็นึกห่วงอีกคนที่ซ่อนอยู่หลังเสา

                        ส่วนไอ้มิ่งน่ะเหรอ ยืนหลบอยู่หลังเสาตัวแข็งทื่อเป็นตอไม้ไปแล้ว จะก้าวขาหนีไปจากตรงนี้ก็ก้าวไม่ออก กลัวจนตัวสั่นใจสั่นไปหมด ภาวนาให้ไอ้สิงมันเชื่ออย่างที่ลุงนครพูดทีเถอะว่ามันเป็นหลานแล้วยอมตัดไปออกไปจากบ้านลุงนคร ไม่อย่างนั้นมันได้ถึงฆาตแน่

                        แต่เหมือนจะไม่เป็นอย่างที่ขอเลยเมื่อได้ยินเสียงเดินมาทางเสาต้นที่มันหลบอยู่

                                    “ผมจำได้ว่านายไม่มีครอบครัว แล้วนายจะมีหลานได้ยังไง”

                        ไอ้สิงว่าพลางค่อยๆย่างเท้าเข้าไปใกล้ทางต้นเสียงจามเมื่อครู่

                        “ฉันบอกว่าหลานก็หลานสิ พ่อสิงรีบๆไปเสียที”ลุงนครปรี่มาขวางเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้ไปมากกว่านั้น

                        “นายหลบไป!!”

                        “ทำไมฉันต้องหลบเล่าพ่อสิง นี่มันบ้านของฉัน”เจ้าของบ้านยืนยันเสียงแข็ง ตาหลุบมองปืนที่เหน็บอยู่บั้นเอวลูกน้องเก่า

                        “ฉันนับถือนายมากนะที่นายเคยช่วยเหลือฉันเมื่อก่อน แต่ฉันต้องให้แน่ใจก่อนว่าฉันจะไม่ติดคุกหัวโต”

                        ผลั่ก!!

                        ไม่พูดพล่ามทำเพลงให้มากความ มือใหญ่ตะปบเข้าที่ไหล่ของเจ้าบ้านก่อนจะออกแรงผลักให้พ้นทาง

                        “โอ้ย!!”

                        ด้วยอายุอานามไม่น้อย พอถูกคนวัยฉกรรจ์ผลักเข้าเต็มแรงก็ต้านแรงไม่ไหว กระเด็นไปกระแทกเสา ล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

                        “มึงทำอะไรลุงเขาน่ะ ลุงเขาไม่เกี่ยวด้วยนะโว้ยยยย!!”

                        อดรนทนหลบอยู่ไม่ไหว พอได้ยินเสียงดังตุ๊บตั๊บตามมาด้วยเสียงร้องของลุงนครก็นึกห่วง ความโมโหปลุกความบ้าบิ่นให้กระโจนออกมาจากที่ซ่อน ยืนเท้าสะเอวใส่ท่าทางไม่เกรงกลัว

                        “มึงมันไอ้คนเมื่อคืน พวกเดียวกับตำรวจ!!”

                        คนมีผมยาวหัวฟูมีเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างไอ้มิ่งแค่เห็นครั้งเดียวก็จำได้ติดตา มีหรือไอ้สิงจะจำไม่ได้ พอเห็นไอ้มิ่งก็จำได้ทันที ตาแข็งกระด้างเบิกกว้าง มือรีบคว้าปืนขึ้นมาจ่อ

                        “ไม่ใช่แค่พวกเดียวกันนะโว้ย แต่กูเนี่ยแหละผัวตำรวจที่มึงยิงเมื่อคืนน่ะ”

                        ปึก!!

                        พูดจบก็จะรออะไรล่ะ มันคงไม่อยู่เฉยให้ไอ้สิงยิงเหมือนเมื่อคืนแน่ ว่าแล้วก็กระโดนประเคนเท้าไปที่ท้องไอ้สิงเต็มๆแรงช่วงที่ไอ้สิงเผลอ โทษฐานที่บังอาจทำพี่แจ่มของไอ้มิ่งคนนี้เจ็บ

                       “มึง!!”

                        ไม่ทันตั้งตัว พอถูกถีบเข้าไอ้สิงก็ล้มคะมำไปกับพื้น ปืนที่ถือในมือถือไว้ไม่มั่นพอก็กระเด็นแถไปไกล ไอ้มิ่งจึงได้ทีขึ้นคร่อมส่งหมัดอัดเข้าไปที่หน้าเหี้ยมๆเต็มแรง

                        ผลั่ก!!

                        “นี่โทษฐานที่มึงทำพี่แจ่มของกูเจ็บ!!”

                        ผลั่ก!!

                        “นี่โทษฐานที่มึงทำร้ายลุงนคร!!”

                        หมัดหลุ่นๆกระแทกเข้าไปที่หน้าไอ้สิงอีกครั้ง ถึงหมัดจะไม่แรงเพราะไม่ถนัดเรื่องต่อยตี แต่โดนเข้าไปเต็มๆสองหมัดมีหรือที่เลือดจะไม่กลบปาก ตามมาด้วยหมัดที่สองสามสีห้า ถึงจะไม่แรงแต่ก็นับครั้งไม่ถ้วน

                        “เป็นคนดีๆไม่ชอบใช่ไหม ตอนเรียนครูไม่สอนรึไงว่ายาบ้าไม่ดี ไอ้พวกเวรตะไลเอ้ย ไอ้พวกบาปหนา เอานี่ไปกิน มีประโยชน์กว่ายาบ้าตั้งเยอะ นี่ไง!! กินเข้าไป เผื่อจะหายโง่ขึ้นมาบ้าง”

                        ได้ทีเป็นฝ่ายรุกไล่เพราะอีกคนยังไม่ทันตั้งตัวโดนมันเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว ไอ้มิ่งเอื้อมมือไปคว้าเอาปุ๋ยขี้วัวตากแห้งในกระสอบที่เปิดทิ้งเอาไว้มาละเลงใส่ปากคนที่นอนดิ้นกระแด่วอยู่ใต้ร่างมัน ยิ่งหันหน้าหลบปุ๋ยเหม็นๆก็เปรอะเต็มหน้าจนดูไม่ได้

                        “กินเข้าไปสิโว้ย ขนาดต้นไม้มันกินเข้าไปมันยังโต มึงก็ลองกินดู เผื่อสมองมึงจะได้โตเหมือนต้นไม้บ้าง จะได้เลิกขายยาเลิกทำความเดือนร้อนให้ชาวบ้านสักที”

                        ตอนนี้มันโมโหจนสติกระเจิงไปแล้ว กลัวก็กลัว โมโหก็โมโห แต่จะทำยังไงได้ ขืนไม่ทำมันก็เป็นฝ่ายถูกทำ

                        “อื้อออ อ่อย อู”

                        ระหว่างที่กำลังยัดปุ๋ยขี้วัวใส่ไอ้คนที่มันดิ้นน้ำลายฟูปากอยู่ข้างใต้ ตาก็เหลือบไปเห็นเชือกเส้นไม่สั้นไม่ยาวอยู่ใกล้ๆ นึกฉลาดขึ้นมาจนน่าประหลาดใจ เอื้อมไปหยิบหวังจะเอามามัดไอ้สิงแล้วค่อยเรียกตำรวจมาจัดการ

                        แต่ตอนที่กำลังเอื้อมไปหยิบเชือกนั่นเอง เป็นตอนที่มันเสียจังหวะ ไอ้สิงที่กินขี้วัวจนปากเปรอเลอะไปถึงคอเกิดฮึดขึ้นมา ออกแรงดิ้นแรงจนไอ้มิ่งไม่ทันตั้งตัว เผลอกระเด็นออกมา

                        เป็นช่วงชุลมุนจนมองอะไรไม่ทัน จากที่เป็นฝ่ายได้เปรียบจู่ๆก็เสียเปรียบ ยังไม่พอ หนำซ้ำยังถูกเตะเข้าที่ท้องเสียงดังแอ๊ก

                        “อั่ก!!”

                        จุกจนตาลาย ตัวงอนอนคู้อยู่บนพื้น มือกอดกุมท้อง

                        ไอ้สิงมันแรงควายจริงๆ เตะมาทีเดียว เล่นเอาร้าวไปถึงตับไตไส้พุง

                        “ถุย!! แสบนักนะมึง”

                        ยืดตัวขึ้นลุกได้ก็ถุยเอาเลือดเอาปุ๋ยคอกในปากออกมาพัลวันก่อนจะเดินไปหยิบปืนที่ตกอยู่แถวนั้นมาถืออีกรอบ

                        “แค่กๆ”

                        ไอ้มิ่งเงยหน้าขึ้นมอง ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นปืนในมือไอ้สิงจ่อมาที่ตัวเอง

                        แกร๊ก!!

                        หัวแม่มือของไอ้สิงกดขึ้นนกเสียงดังแกร๊ก นิ้วชี้เตรียมลั่นไกปืน พอได้ยินดังนั้นตาที่เบิกกว้างก็หลับตาปี๋

                        ไม่รอดแน่ไอ้มิ่งเอ้ย!!

                        คราวนี้ไม่มีพี่แจ่มมาช่วยเหมือนคราวที่แล้วๆ มันจะทำยังไงดี จะลุกหนีก็คงไม่ทันอยู่ดี รู้อย่างนี้เมื่อคืนมันน่าจะบอกรักพี่แจ่มให้เต็มปากเต็มตำเสียก็ดี ไม่น่าเล่นตัวพูดอ้อมโลกไปไกล

                        จนถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานมันก็ยังนึกถึงแต่พี่แจ่ม คิดถึงพี่แจ่มใจจะขาด แล้วถ้ามันตายไปพี่แจ่มจะมีเมียใหม่ไหมวะ จะหาแม่ใหม่ให้น้องจี๊ดไหมเนี่ย

                        ปัง!!

                        นึกอะไรได้ไม่มาก เสียงมัจจุราชเหล็กก็ดังก้องไปทั่ว

                        หมดเวลาของมันแล้วสินะ

                        ฟันขบกัดปากแรงจนเป็นสีแดงช้ำเลือด มือสองข้างกำเข้าหากันแน่ กระบอกตาพลันร้อนผ่าวด้วยความกลัวตาย

                        จะว่าไป…คนเราเวลากำลังจะตายมันต้องเจ็บถึงขนาดไหนกัน ทำไมตอนนี้มันถึงได้ไม่รู้สึกเจ็บ

                        หรือว่ามันจะตายแล้ว?

                        คิดได้ดังนั้นก็ยกมือขึ้นมาลูบคลำตัวว่ากระสุนเจาะเข้าที่ส่วนไหนของร่างกาย จับตรงนั้นทีตรงนี้ที จะได้บอกกับยมบาลถูกว่าเป็นอะไรตาย

                        แต่ลูบๆคลำๆเท่าไรก็ไม่เห็นจะเจอ ไอ้มิ่งจึงได้ค่อยๆหรี่ตาขึ้นมา ก้มลงมองดูตามเนื้อตามตัว แต่กลับไม่เจอว่ามีเลือดไหลออกมาหรือว่าเจ็บจะปวดตรงไหนสักนิด

                        นี่มันยังไม่ตายนี่หว่า!!

                        ถ้าอย่างนั้น…แล้วเมื่อตะกี้ไอ้สิงมันยิงใครถ้าไม่ได้ยิงมันน่ะ จะว่ายิงพลาดก็คงไม่ใช่เพราะอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว

                        “ลุงนคร!!”

                        คนที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้าแทนคำตอบทุกอย่าง ไอ้มิ่งร้องเรียกลุงนครเสียงดังลั่น เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมกระสุนถึงได้ไม่โดนมัน เพราะว่ากระสุนมันไปโดนลุงนครก่อนที่จะมาถึงมันยังไงล่ะ

                        ก็แล้วกระสุนทำไมถึงได้ไปโดนเอาลุงนครได้ในเมื่อลุงนครอยู่ห่างไปตั้งไกลจากมันกับไอ้สิง มีอย่างเดียวก็คือลุงนครมาขวางทางปืนเอาไว้

                        “หึ!! นายมาขวางฉันเองนะ ฉันไม่ได้อยากจะทำนายเลย”

                        ไอ้สิงส่ายหน้าแค่นหัวเราะมองเจ้านายเก่านอนนิ่งอยู่บนพื้นก่อนจะมองเป้าหมายที่แท้จริงนั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

                        “ลุง…”คราวนี้เสียงเรียกของไอ้มิ่งทั้งแผ่วทั้งสั่น

                        เมื่อคืนก็พี่แจ่มพี่มาช่วยมันเอาไว้ หนนี้เป็นลุงนครที่มาช่วยมัน มันยกมือขึ้นมาแตะแขนลุงนครเบาๆก่อนจะออกแรงเขย่า

                        “ลุงนคร…”

                        “ต่อไปก็ตามึงแล้วนะ รอบนี้ไม่มีหมาตัวไหนมารับกระสุนแทนมึงอีกแล้ว เตรียมตัวตายได้เลย”

                        แกร๊ก

                        อีกครั้งที่เสียงขึ้นนกดังก้องหู ทว่าครั้งนี้ไอ้มิ่งไม่ได้หลับตาหนีเหมือนเก่า มันจ้องมองปลายกระบอกปืนที่จ่อมาทางมันเขม็ง

                        มันไม่ได้ยินดีที่จะมีคนต้องมาเจ็บแทนมัน มันไม่ได้ยินดีที่มีคนมาช่วยมันทุกครั้ง ทั้งพี่แจ่ม ทั้งลุงนคร

                        รวมถึง….แม่ขวัญของมัน

                        “ถ้ามึงไม่แส่หาเรื่องกันตั้งแต่แรกมันก็จบแบบไม่มีใครเจ็บแล้ว…เห็นแก่ที่รอบนี้นายมาช่วยมึงเอาไว้ได้อีกรอบ รอบนี้กูจะใจดีให้มึงเลือก เลือกเอาสิว่าจะให้กูยิงมึงตรงไหน ตรงหัว…หรือว่าตัว ฮ่าๆ”

                        ไม่แค่หัวเราะดังลั่น แต่ยังส่ายปืนไปมา หันกระบอกปืนเล็งสลับระหว่างหัวกับตัวของไอ้มิ่งท่าทางสนุกไม่ต่างอะไรกับคนบ้า

                        “กรอด!!”ไอ้มิ่งกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ ยังคงมองไปที่ไอ้สิงตาขวางไม่ละสายตา

                        “มึงจะหลับตาเหมือนครั้งที่แล้วก็ได้นะ กูไม่ว่ามึงหรอก เพราะยังไงมึงก็ต้องตายอยู่ดี หึๆ”

                        สิ้นเสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียม ปลายนิ้วชี้เกี่ยวเข้าที่ไกปืนเตรียมจะเหนี่ยวอีกครั้ง แล้วก็…

                        ปัง!! ปัง!!

                        เสียงปืนดังขึ้นมาสองนัดติด

                        แต่ว่ามันไม่ได้ออกมาจากปืนที่อยู่ในมือของไอ้สิง กลับดังมาจากทางด้านหลังของไอ้มิ่ง

                        ไม่นานไอ้สิงก็ล้มตึงลงไปกระแทกพื้น ร่างเกร็งกระตุกอยู่พักใหญ่ หน้าตะแคงหันมามองทางไอ้มิ่ง ตาแข็งกระด้างเบิกกว้างค้างอยู่อย่างนั้น ก่อนที่มันจะแข็งทื่อไม่ไหวตึง นอนแน่นิ่งไร้ลมหายใจ

                        พอเห็นอย่างนั้นความกลัวก็แล่นพล่านไปทั่วทุกรูขุมขน ตัวสั่นไปทั้งตัวจน แขนขามือไม้หมดเรี่ยวแรงทำอะไรไม่ถูกเมื่อมีคนนอนตายตาค้างอยู่ตรงหน้า

                        “ไม่เป็นอะไรแล้วครับ ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว”จู่ๆเสียงคุ้นหูก็กระซิบดังขึ้นมาที่ข้างหู

                        เป็นเสียงของคนที่มันคิดถึงอยู่ตลอดเวลานั่นเอง เป็นเสียงของคนที่ทำให้มันนึกกลัวอย่างไม่เคยกลัวมาก่อน มันกลัวว่าจะไม่ได้เจอพี่แจ่มอีก กลัวว่าจะไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับพี่แจ่ม กลัวว่าจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของพี่แจ่ม กลัวไปทุกสิ่งทุกอย่าง

                        แต่ว่าตอนนี้มันไม่กลัวแล้ว มันถูกดึงเข้าไปกอด หน้าถูกจับให้หันหนีละสายตาจากคนตายไปซบเข้าที่อกอุ่นๆ ได้กลิ่นหอมของน้ำหอมราคาแพงคุ้นจมูก

                        “พี่แจ่มมารับแล้วนะครับคนดี ไม่ต้องกลัว”มือใหญ่ลูบลงมาที่หัวหลายต่อหลายครั้ง

                        “มึง…มาได้ยังไง”ไอ้มิ่งเงยหน้ามองพี่แจ่มที่แขนข้างหนึ่งยังห้อยกับเฝือกอ่อนกับจ่าหมายที่กำลังจัดการกับศพไอ้สิงสลับกัน

                        “จ่าหมายไปตามพี่แจ่มน่ะ มีสายรายงานมาว่ามีคนเห็นนายสิงแถวนี้ พี่แจ่มเป็นห่วงน้องมิ่งเลยตามมาดู”

                        “อืม…กูรู้ว่ามึงต้องมา”ไอ้มิ่งบอกเสียงเบาพลางยิ้ม

                        มือสองข้างเมื่อตะกี้หมดเรี่ยวหมดแรงพลันมีแรงยกขึ้นมากอดตอบ ซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นๆอย่างกับไม่เคยเจอะเคยเจอ

                        “เออ!! แล้วลุงนครล่ะ!!”

                        เหมือนจะนึกขึ้นได้ พอนึกถึงลุงนครขึ้นมาก็พละตัวออกทันทีทันใดก่อนจะรีบลุกไปหา

                        ลุงนครเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดไหลทะลักออกมาจนเสื้อที่ไอ้มิ่งเคยพาไปเลือกซื้อซึมเป็นสีเลือด เลือดบางส่วนค่อยๆไหลนองพื้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เห็นอย่างนั้นไอ้มิ่งจึงทรุดนั่งลงข้างๆลุงนครอีกรอบ มือสองข้างสั่นระริก

                        “ลุงจ๊ะ ลุงเป็นยังไงบ้าง”ไอ้มิ่งละล่ำละลักบอกด้วยความเป็นห่วง

                        “แค่กๆ”แทนที่จะตอบลุงนครกลับส่ายหน้ายิ้มให้ก่อนจะไอสำลักเบาๆ ถึงจะไอเบาๆแต่ก็กลับมีเลือดกระอักออกมาไม่น้อยเพราะถูกยิงเข้าที่ปอด

                        พอเห็นอย่างนั้นมันก็ยิ่งห่วงมากขึ้นเป็นทุนเดิม มือกุลีกุจอเปิดกระดุมเสื้อหวังจะช่วยห้ามเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด

                        แต่โชคชะตาคงอยากจะเล่นตลกกับมัน ทันทีที่เปิดเสื้อออก เลือดกลับไม่ใช่สิ่งแรกที่ทำให้มันตกใจ แต่เป็นรอยสักลายเสือขย้ำวานรต่างหากที่ทำให้ตาของมันเบิกกว้าง รอยสักนี้มันจำได้ดี…มันจำได้ไม่มีวันลืม

                        “ทะ ทำไมล่ะ นะ นี่มัน….”

                        “แค่กๆ รู้แล้ว…สินะ”เสียงเบาโหวงปนสำลักบอกพลางกลั้วหัวเราะเบาๆคล้ายจะเยาะเย้ยให้ตัวเอง

                        “ทำไมล่ะ ทำไมลุงต้องโกหกฉัน…ในเมื่อลุง….”

                        ในเมื่อเป็นคนที่ทำให้แม่ขวัญของมันตาย

                        “โกหกต่อไป…ไม่ได้แล้ว…สินะ แค่กๆ”

                        “ลุงทำกับฉันอย่างนี้ทำไม…ลุงโกหกฉัน ลุงฆ่าแม่ฉันแล้วยังมีหน้ามาทำดีกับฉันได้ยังไง…ฉันอุตส่าห์ไว้ใจลุง อุตส่าห์คิดกับลุงเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ลุงกลับโกหกฉันมาตลอด”ไอ้มิ่งพละมือออกมา

                        มันจ้องมองใบหน้าของคนที่ขึ้นชื่อว่าฆ่าแม่มันด้วยสายตาผิดหวังปนโกรธเคือง

                        “ลุง…แค่อยากจะชดใช้…ในสิ่งที่ลุงทำเอาไว้…แค่กๆ”

                        “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากลุงสักนิด ถ้าลุงอยากจะชดใช้ลุงก็เอาแม่ฉันคืนมาสิ ลุงเอาแม่ฉันคืนมาได้ไหมล่ะ”

                        “ลุงขอโทษ แค่กๆ ลุงผิด…ไปแล้ว”ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งเบาโหวง ยิ่งสำลักเอาเลือดออกมา

                        “ผิดสิ ลุงผิดแน่ ลุงผิดที่ฆ่าแม่ฉัน!!”

                        “พ่อมิ่ง…ยกโทษให้ลุง…จะได้ไหม”คนใกล้ตายถามให้ยกโทษให้ด้วยความหวังอันริบหรี่

                        “ฉันยกโทษให้ลุงไม่ได้หรอก ลุงเป็นคนทำแม่ฉันตาย”

                        “งั้นเหรอ”พอไม่ได้รับคำยกโทษรอยยิ้มก็ค่อยๆจางลง

                        “ฉันไม่มีทางยกโทษให้ลุงได้หรอก…แต่ฉันก็ดีใจที่ลุงสำนึกผิดกับสิ่งที่ลุงทำ”

                        “อย่างนั้นเหรอ แค่กๆ…คงยกโทษให้…ไม่ได้สินะ…มันก็สมควรแล้วล่ะ หึหึ แค่กๆ แค่กๆ!!”

                        คราวนี้ลุงนครไอหนักกว่าเดิมจนตัวโยน สำรอกเอาเลือกไหลออกมาจากปากไม่หยุดหย่อน

                        “ลุงอย่าพูดอะไรตอนนี้เลย ลุงไปโรงพยาบาลเถอะนะ”

                        “หึหึ…พ่อมิ่งเป็นคนดีจังเลยนะ…เห็นพ่อมิ่งโตมาเป็นคนดี…มีคนดีๆคอยดูแล…ลุงก็สบายใจแล้วล่ะ แค่กๆ”บอกพลางเหลือบไปมองพี่แจ่มที่นั่งอยู่ข้างๆไอ้มิ่ง พลางหัวเราะเยาะเย้ยให้กับตัวเอง ทิ้งรอยยิ้มเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย

                        ก่อนที่ตาโรยแรงทั้งสองข้างจะค่อยๆปิดลง แพขนตานิ่งสนิทไม่ไหวติง…

                        “ลุงนคร!!”

                        “ลุงจ๊ะ!!”

                        “ลุง!!”

                        ไอ้มิ่งพยายามเขย่าเรียก แต่ก็ไร้ผล ลุงนครไม่ตื่นขึ้นมาคุยกับมันอีกแล้ว คนที่เคยเลี้ยงข้าวมัน คนที่เคยซื้อของให้มัน คนที่เคยเล่าเรื่องแม่ของมันให้ฟัง ไม่มีอีกแล้ว





              -------------------------------------------------------------------


ออฟไลน์ เด็กหญิงเย็นชา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-1
บทที่ 37 พวกขี้อิจฉา



สองอาทิตย์ต่อมา…



                        หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น งานศพของลุงนครก็ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆ ข่าวการตายของลุงนครกับไอ้สิงดังไปทั่วอำเภอ ทุกคนในหมู่บ้านดอนไฟไหม้รู้กันไปทั่วแล้วว่าลุงนครเคยเป็นพ่อค้ายารายใหญ่ ตอนหลังได้วางมือและกลับมาอยู่บ้านดอนไฟไหม้ และที่สำคัญ ลุงนครคนนี้เป็นฆาตกรฆ่าแม่ขวัญของไอ้มิ่ง ทำให้ไอ้มิ่งต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า งานศพของลุงนครจึงไม่มีใครไปร่วมไว้อาลัยสักคน มีแค่ไอ้มิ่งคนเดียวที่ไปไหว้ศพเป็นคนแรกและคนสุดท้าย

                        ส่วนพี่แจ่ม ตอนนี้ชาวบ้านก็รู้กันไปทั้งตำบลแล้วว่าพี่แจ่มเป็นตำรวจยศใหญ่ย้ายมาประจำอยู่ที่นี่ ไอ้มิ่งก็เลยพลอยยืดไปด้วยที่ได้เมียตำรวจยศใหญ่ นี่ก็ยังไม่นับรวมที่จะเลื่อนยศอีกจากผลงานล่าสุดที่จับพ่อค้ายารายใหญ่ได้หลังจากที่จัดการกับไอ้สิง

                        “มึงจะเอายังไงต่อไปวะไอ้มิ่ง”พี่เจิดนั่งยองๆข้างๆพลางถามไอ้มิ่งที่กำลังตักปุ๋ยขี้วัวใส่โคนต้นมะม่วง

                        “เอายังไงอะไรของพี่ล่ะจ๊ะ”ไอ้มิ่งหันไปถามท่าทางมึนงง

                        “ก็ของที่ลุงนครทิ้งไว้ให้มึงไง”

                        อย่างที่พี่เจิดว่า แม้ว่าลุงนครจะตายไปแล้วแต่ถึงกระนั้น ลุงนครก็ยังไม่วายสร้างความประหลาดใจให้กับมันด้วยการยกมรดกทรัพย์สินทุกอย่างที่มีให้กับมันทั้งหมด ทั้งบ้าน ที่ดิน เงินทองมากมาย เพราะตำรวจตรวจสอบไม่ได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาหรือไม่มี ก็เลยไม่ได้ยึดไป

                        “ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงกับมันเหมือนกัน ฉันเองก็ไม่ได้อยากได้หรอกนะของพวกนั้นน่ะ”

                        “ไหนเมื่อก่อนมึงบอกว่าอยากมีบ้านเป็นของตัวเองไม่ใช่เหรอวะ”

                        “ไอ้อยากมีมันก็อยาก แต่เดี๋ยวนี้ฉันไม่อยากมีแล้วล่ะจ้ะ พี่อย่าลืมสิจ๊ะว่าไอ้แจ่มเมียฉันมันรวยแค่ไหน บ้านที่บางกอกก็หลังเบ้อเริ่มเบ้อร่ามอย่างกับวังเดินยังไม่ทั่ว ไหนจะบ้านที่ดอนไฟไหม้อีก นี่ยังไม่รวมบ้านตากอากาศหลังน้อยหลังใหญ่อีกนะจ้ะ เรื่องอะไรฉันต้องไปอยากได้บ้านของคนอื่นมาเพิ่มล่ะ”ได้ทีก็คุยอวดยกใหญ่ว่าเมียรวย

                        “ฮ่าๆ เออ กูรู้แล้วว่าเมียมึงรวยน่ะ ขอบคุณกูด้วยล่ะ”พี่เจิดหัวเราะ

                        “แล้วทำไมฉันต้องขอบคุณพี่ด้วยล่ะจ๊ะ”

                        “ขอบคุณกูที่ทำให้มึงมีโอกาสนั่งเรียกพี่แจ่มว่าเมียอย่างนั้นเมียอย่างนี้อยู่นี่ไง”

                        “แหม่ ทีอย่างนี้ล่ะมาทวงบุญคุณนะจ๊ะ พี่เองก็เหมือนกันนั่นแหละ ถ้าไม่ได้ฉันพี่ก็ไม่ได้กับไอ้มะลิมันเหมือนกัน”

                        “มึงนี่นะเถียงคำไม่ตกฟาก ถ้าไม่ได้กูมึงได้ไม่ได้กับพี่แจ่มหรอกโว้ย สำนึกเอาไว้ว่ามึงน่ะไม่เหมาะกับผู้หญิงบ้านไหนหรอกนะ แล้วก็อีกอย่าง พี่แจ่มเขาก็เอ็นดูมึงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เพราะเป็นพี่เจ่มนั่นแหละ กูถึงได้ไว้ใจยกมึงให้เขาดูแลน่ะ”พี่เจิดทำหน้าทำตาจิงจัง

                        “นี่พี่ไม่สบายรึเปล่าจ๊ะ หรือว่าเมียพี่ไม่ให้จัดชุดใหญ่ จู่ๆก็มาพูดเป็นละครน้ำเน่าไปได้”

                        คนกำลังซึ้งๆก็พูดขัดขาเสียอย่างนั้น สมแล้วที่เป็นไอ้มิ่ง

                        “น้ำเน่าบ้านมึงสิ เดี๋ยวกูถีบตกท้องร่องนู่น”

                        “แหม่ ฉันแตะต้องไอ้มะลิไม่ได้เลยนะพี่น่ะ ทำโมโหขึ้นมาเชียว หวงจังเลยนะจ๊ะเมียน่ะ”ว่าประชดพลางเบ้ปากใส่ลูกพี่ที่หวงเมียจนออกนอกหน้า

                        “ก็ต้องหวงสิวะ ก็เมียสุดรักของกูนี่หว่า”

                        “แหมมมมม เมียสุดรัก แหวะๆๆ”ทำเสียงกระแนะกระแหนไม่พอ ยังทำท่าจะอ๊วกใส่ลูกพี่ของมัน

                        ทำเป็นมาเมียสุดรัก ทีแต่ก่อนกัดกันอย่างกับอะไรดี  เมื่อวานมันยังเห็นเมียใช้นั่งซักผ้าอ้อมเปื้อนขี้ให้ลูกอยู่เลย

                        “พี่แจ่มเขาทำมึงท้องรึไงไอ้ห่านี่ มาวงแหวะอะไรแถวนี้ เดี๋ยวมะม่วงกูก็ตายหมดพอดี ไปเลยนะมึงน่ะ พูดถึงพระๆก็เดินมานู่นแล้ว”พี่เจิดพยักหน้าไปทางเข้าไร่

                        มองเห็นคนหล่อเดินยิ้มมาแต่ไกล คนหล่อๆนั้นจะเป็นใครได้นอกจากพี่แจ่ม พอเห็นอย่างนั้นไอ้มิ่งก็รีบลุกถอดถุงมือ ถอดหมวกฟางบนหัวแล้วปัดไม้ปัดมือเดินเข้าไปหาพี่แจ่มทันทีทันใด ทิ้งให้ลูกพี่มันนั่งหน้าเหวอมองตามไอ้คนผีเข้าผีออก

                        ถ้าเป็นก่อนหน้านั้นไอ้มิ่งคนทำทีกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจที่พี่แจ่มมารับ แต่ตอนนี้พอเห็นหน้าพี่แจ่มปุ๊บก็ทะลึ่งตัวลุกพรวดพราดวิ่งกระดิกหางเข้าใส่เชียว

                        “โว้ยยยย อิจฉาโว้ย เมื่อไรกูจะมีคนมารับกับเขาแบบนี้บ้าง”

                        “นั่นสิวะไอ้ดำ ไม่รู้ว่าชาตินี้กูมีบุญมีวาสนา มีคนมารับกูแบบนี้ไหมวะ”

                        “โธ่ พี่แจ่มจ๊ะ ไม่มารับไอ้มิ่งมันก็ไม่หายไปไหนหรอกจ้ะ”

                        พอเห็นพี่แจ่มมาเสียงนกเสียงกาเสียงคนปากหมาก็เริ่มร้องระงม เริ่มพากันแซให้ไอ้มิ่งทั้งเคืองทั้งกระดากอาย

                        “พวกมึงน่ะหุบปากหมาๆไปเลย เห่ากันอยู่ได้”ว่าแล้วก็หันไปตวาดแว๊ดใส่เพื่อนฝูง แต่แทนที่จะพากันเงียบกลับมากันแซวหนักกว่าเดิม

                        “พี่แจ่มซื้อมาฝากครับ กินน้ำเย็นๆจะได้หายเหนื่อย”

                        พี่แจ่มก็พอพี่แจ่ม เรื่องประจบประแจงก็ที่หนึ่งไม่เป็นรองใคร มารับไอ้มิ่งทีไรไม่เคยมามือเปล่า เป็นอันต้องมีของมาเซ่นไหว้ไอ้พวกปากนกปากกาให้ได้ปิดปากรับของฝากไปนั่งกินกันเงียบกริบ

                        “พวกมึงนี่มันเห็นแก่กินจริงเชียว”ไอ้มิ่งส่ายหน้า

                        “เหนื่อยไหมครับ”พี่แจ่มถามพลางล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าหอมๆมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้

                        “กูไม่เหนื่อยหรอก แค่นี้ ขี้หมูขี้หมา…ว่าแต่มึงเถอะ มารับกูเหรอวะ”

                        “ครับ พี่แจ่มมารับ”

                        “อะ เออๆ งั้นรอกูไปล้างมือแปบนึงนะ”

                        พอพูดจบก็รีบวิ่งไปล้างมือก่อนจะวิ่งกลับมาหาพี่แจ่มที่ยืนรออยู่ที่รถ

                        “เสร็จแล้ว กลับบ้านกัน”มาถึงก็หันไปบอกคล้ายจะสั่ง

                        “ยังกลับไม่ได้ครับ”หน้าหล่อๆส่ายหน้าเบาๆพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

                        “ทำไมวะ หรือว่ามึงมีธุระจะคุยกับพี่เจิด”

                        “พี่แจ่มไม่มีธุระกับพี่เจิดครับ”

                        “ก็แล้วทำไมไม่รีบกลับบ้านกลับช่อง จะรออะไร”คิ้วขมวดเข้าหากันพลางจ้องหน้าเจ้าเล่ห์เขม็ง

                        “ตรงนี้ครับ ถ้าไม่ทำตรงนี้ก็จะไม่ไป”นิ้วยาวจิ้มที่แก้มตัวเอง

                        “อะ อะไรของมึง นี่มันกลางไร่กลางนะนะโว้ย ระ รอให้ถึงบ้านก่อนสิวะ”พอเห็นอย่างนั้นก็โวยวายหน้าดำหน้าแดง

                        “ตรงนี้ครับ ถ้าไม่ได้ พี่แจ่มไม่ไปนะครับ”

                        “อะ เออๆ แต่นิดเดียวนะโว้ย”

                        ทำเป็นโวยวายกรอกตาไปมาแต่ก็มองซ้ายมองขวา พอเห็นไม่มีใครก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าหล่อๆ แตะจมูกเฉียดแก้มนุ่มเบาๆแล้วผละออก

                        “ฮี๊วววววววว”

                        “วิ๊วๆๆๆๆ”

                        “โว้ยยยยยย กูก็นึกว่าออกรถกันไปแล้ว ที่ไหนได้ ยังยืนพลอดรักกันอยู่หน้าไร่นี่เอง”

                        ก็ว่าดูดีแล้วว่าไม่มีหมามีแมวตัวไหนอยู่แถวนี่ ไม่รู้ว่าพากันออกมาตั้งแต่เมื่อไร รู้อีกทีก็ได้ยินเสียงเป่าปากเสียงแซวเนี่ยแหละ ถึงได้หันไปมองไอ้พวกที่เก็บของเตรียมตัวจะกลับบ้านกลับช่องมันยืนแซวเต็มไปหมด

                        “พวกมึงเป็นนกกันรึไง เป่าปากกันอยู่ได้ไอ้พวกห่านี่ ไม่เคยเห็นผัวเมียเขาจู๋จี๋กันรึไง…มึงก็ยืนยิ้มให้พวกมันแซวอยู่ได้ เอากุญแจรถมานี่เลย กูขับเอง”

                        พูดจบก็คว้ากุญแจรถในมือพี่แจ่มปิดประตูรถเสียงดังปึงปังใส่ไอ้พวกขี้เสือกขี้อิจฉา เห็นเค้ารักกันเป็นไม่ได้ มันน่านักเชียว

                        “ยิ้มบ้ายิ้มบออะไรนักหนามึงน่ะ”ขับรถออกมาจากไร่พักใหญ่ไอ้คนที่มันยิ้มคุณชายก็ยังยิ้มไม่หุบ หมั่นไส้ก็เลยถาม

                        “พี่แจ่มยิ้มเพราะน้องมิ่งน่ารัก”

                        “น่ารักอะไรของมึง ชอบรึไงให้คนอื่นแซวน่ะ”

                        “พี่แจ่มไม่ได้ชอบให้คนอื่นแซวครับ แต่พี่แจ่มชอบเวลาที่คนอื่นรู้ว่าน้องมิ่งเป็นของพี่แจ่มคนเดียว คนอื่นจะได้ไม่มาแย่งน้องมิ่งไปจากพี่แจ่ม”

                        ดูทำพูดทำจา เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาที่ไหน

                        “ไม่ต้องมาพูดดีไปเลย มึงนี่มันน่าหมั่นไส้จริงๆ”

                        แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะน่าหมั่นไส้แค่ไหนแต่พี่แจ่มก็คือพี่แจ่มนั่นแหละ ชอบแจกยิ้มคุณชายให้คนอื่นเค้าไปทั่ว ความเจ้าเล่ห์ก็ไม่ได้ลดราวาศอกไปกว่าเดิม

                        “ก็พี่แจ่มรักน้องมิ่งนี่ครับ แล้วน้องมิ่งล่ะครับ หมั่นไส้พี่แจ่มแล้วรักพี่แจ่มไหม”

                        จู่ๆก็บอกรัก จู่ๆก็ถามโพล่งออกมาเสียอย่างนั้น เล่นเอาไอ้คนที่กำลังขับรถอยู่แทบจะเหยียบเบรกพากันหัวทิ่มหัวตำ

                        “ก็อะ…เออ นั่นแหละ”ตั้งตัวได้ถึงได้ตอบไปแบบกระดากปาก

                        “ครับๆ พี่แจ่มเข้าใจครับ”พี่แจ่มพยักหน้าหงึกๆ

                        ก็อย่างที่ว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้าใจไอ้มิ่งได้ เรื่องที่ควรจะโง่ก็เสือกฉลาด เรื่องที่ฉลาดก็เสือกโง่ขึ้นมา บางเรื่องไม่น่าพูดก็พูด เรื่องที่ต้องพูดกลับอ้อมแอ้ม แต่พี่แจ่มก็เข้าใจมัน

                        เหมือนกันกับไม่ง่ายที่จะเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของพี่แจ่ม แต่ได้มิ่งก็เข้าใจจนถึงขั้นรู้ซึ้งในสิ่งที่หลายๆคนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว พี่แจ่มไม่ใช่พ่อพระ ไม่ใช่คุณชาย แต่เป็นไอ้คนเจ้าเล่ห์ที่ไอ้มิ่งไม่มีทางรับมือได้เลย

                        นี่แหละนะ ที่เขาเรียกกันว่า ขิงก็รา ข่าก็แรง…

                                                           ---------จบ----------

จบแหล่วๆๆๆ แง๊ๆๆๆๆ  ผูกพันธ์กับพี่เจิดกับพี่แจ่มมานานแสนนาน (ปีกว่าๆแหนะ) ยังมีคนอ่านอยู่ช่ายม๊ายยย 55 เป็นซีรี่ย์แนวเบาๆสบายสมองเรื่องแรกของเด็กหญิงเย็นชา ไม่รู้จะชอบกันรึเปล่า แต่ก็ขอบคุณทุกๆคนที่ตามทนอ่านกันจนจบ ลุ่มๆดอนๆ มาๆหายๆ 55

และสุดท้าย ไอ้มิ่งก็คือไอ้มิ่ง เซ่อซ่าเหมือนเดิม พี่แจ่มก็คือพี่แจ่ม เจ้าเล่ห์ไม่หาย ถามว่าทำไมไม่เขียนให้ไอ้มิ่งเรียกพี่แจ่มว่าพี่ เหมือนมะลิที่เรียกพี่เจิดว่าพี่บ้าง ในความคิดของไอ้มิ่งก็คือ ในโลกนี้ไม่มีใครกล้าเรียกพี่แจ่มว่าไอ้เลยสักคน มันจึงสงวนสิทธิไว้แค่ตัวมันคนเดียวเท่านั้นที่เรียกพี่แจ่มว่า "ไอ้แจ่ม" ละเอาไว้ให้เป็นคนพิเศษไม่เหมือนใคร เหมือนกันกับพี่แจ่ม ไม่มีใครในโลกเรียกไอ้มิ่งว่าน้องมิ่ง มีพี่แจ่มคนเดียวนั่นแหละที่เรียกไอ้มิ่งว่า"น้องมิ่ง" พิเศษในแบบที่ไม่เหมือนใครและยอมรับในข้อนี้กันทั้งคู่ 55

ปล.1 คิดถึงทู๊กคน ในที่สุดก็ได้มีโอกาสเอาตอนจบมาลงให้ซ๊ากที หลังจากเผชิญโชคชะตาอันหนักหน่วง แบกรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไม่ไหว ไม่ฉะบาย เปื่อยจนต้องแบกสังขารไปหาขุ่นหมอหลายรอบ บ่นๆๆ 55

ปล2.ซินจะปิดพรีแล้ว อย่าลืมมาสู่ขอพี่เจิดกับพี่แจ่มกันนะเยอะๆเน้อออออ

ปล3.รอตอนพิเศษกันน๊าาา


ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขอบคุณมากค่ะ น้องมิ่งน่ารัก :กอด1:

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
พี่แจ่มนี่มันพี่แจ่มจริงๆ เจ้าเล่ห์ 555555

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :ling1: :ling1: จบแล้วววว ตามมมาตั้งแต่พี่เจิด อ่านต่อ ไอมิ่ง

ประทับใจเรื่องนี้มาก ประทับใจมากสุดคือพี่แจ่ม ชอบความรักไอมิ่งมาก และขี้แกล้ง แถวโรคจิตกับไอมิ่งๆๆสุดๆๆ

น่ารักกกก

รอไอจี็ด!!!!!!โดนเด็กฝรั่งกด ฮ่าๆๆๆ ไอจี็ดเหมือนพี่แจ่ม เจ้าเล่ห์เด็กๆ อยากเห็นคนเจ้าเล่ห์ โดนฝรั่งยักษ์ แสนซื่อกด ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้มากๆๆคะ
คนเขียนสู้ๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
น้องมิ่งบ้าบอคอแตกไปตามเรื่องตามราว อืมห์ ตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังคิดว่าพี่แจ่มคือเมียเหมือนเดิมสินะ  :laugh:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
มาแบบรวดเดียวจบ นึกว่ามิ่งจะโดนสอยร่วงซะร่วง ดีนะมีเมียดี 555+ สนุกมากได้กลิ่นอายของบ้านนา

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Maleemol

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณค่ะ
ชอบทั้งพี่เจิดและพี่แจ่มเลยจ้า  :-[  :-[  :-[

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ยังอยู่เด้อออออ นี่ก็งงตัวเองเหมือนกัน ตามมาได้นานขนาดนี้เลยอ่ะ  :laugh:
พอจบแล้วก็ใจหายอ่ะ จะไม่ได้ตามครอบครัวตัวจ.แล้ว เราก็ได้หวัง ว่าจะแต่งเรื่องของน้องจี้ดต่อ  :hao6: ขอบคุณที่แต่งให้อ่านกันนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เจ้าเล่ห์จนถึงตอนจบจริงๆพี่แจ่ม :m12: :3123:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ marshall

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่แจ่มก็ยังต้องเป็นเมียต่อไป

รักพี่แจ่มน้องมิ่ง จบซะแล้ว

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
พี่แจ่มร้ายกาจมาก มีมุกมังกรด้วย อิอิอิอิ ขอบคุณนะครับ สนุกมากๆ เป็นคู่ที่น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
พอถึงตอนจบแล้วใจก็หวิวๆ
ฮืออ ต่อไปนี้ต้องคิดถึงพี่แจ่มกับน้องมิ่งมากแน่เลย

ออฟไลน์ cowinsend

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
คือเพิ่งเข้ามาอ่านแล้วติดงอมแงมเลยจ้า แต่ปรากฎว่าจบแล้ว เสียใจมากกกกกก ยังอยากอ่านต่อไหนจะพ่อไอ้มิ่ง นายแบบไอ้มิ่ง ไปรู้จักกับเพื่อนเมียไรงี้ มากกว่านี้!!!!!!!   ชอบมากค่ะ รอเรื่องต่อไป

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เป็น FC น้ำมันมะกอก ต้นตำหรับบ้านดอนไฟไหม้มานาน
นึกว่าจะได้เปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นน้ำมันมะพร้าว แต่ว่ายังไม่ผ่านการทดลองใช้มากพอจนขายได้
 :laugh:

รอน้องจี๊ดตอเลยคร้าาา :กอด1:

ออฟไลน์ wetter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอ็นดูมิ่งมาก555555พี่แจ่มคงตวามจิตได้ตลอดเรื่อง คาราวะ แต่เขาก็รักของเขาอะเนอะ  :laugh:

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ตลกความโรคจิตของพี่แจ่มขามากอ่ะ 55555
พี่แจ่มขาแอบซาดิสในตัว มาฝังมงฝังมุกอะไรไม่รู้  :-[ :-[
น้องมิ่งก็ปากแข็งจัง ฮาอีกตั้งหาก  :hao7: :hao7:
อยากอ่านเรื่องของน้องจี๊ดตอนโตจัง น่าจะเหมือนพ่อแจ่มเลยนะ 5555

ออฟไลน์ เด็กหญิงเย็นชา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-1


ตอนพิเศษ

ความทรงจำที่ไม่เคยบอกใคร

               กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นานสักยี่สิบปีได้ ณ หมู่บ้านดอนไฟไหม้ ในวันสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ตอนเช้าที่วัดมีการทำบุญตักบาตรกัน ขาดไม่ได้เลยก็เป็นประเพณีขนทรายเข้าวัด ที่ต้องขนทรายเข้าวัดกัน ว่ากันว่าคนเราเวลามาทำบุญตอนกลับบ้านดินทรายที่วัดก็จะติดรองเท้ากลับไปด้วย ถือว่าเป็นหนี้สงฆ์ จึงเป็นที่มาของประเพณีขนทรายเข้าวัดในวันสงกรานต์ ชาวบ้านต่างก็พากันช่วยกันขนทรายมากองเป็นพะเนินสูง

                พอมีกองทรายกองใหญ่ลูกเด็กเล็กแดงก็พากันมาเล่นสนุกสนาน บ้างก็มาก่อกองทรายเป็นภูเขาหัวเราะกันให้คิกคัก ไม่ต่างไปจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่กำลังคุยกันสนุกปาก วันสงกรานต์นอกจากจะมีพระเพณีขนทรายเข้าวัดแล้ว ยังมีประเพณีรดน้ำผู้ใหญ่เพื่อเป็นการขมาในสิ่งที่เคยล่วงเกินไป และยังเป็นวันหยุดที่ทำให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา งานบุญเช่นนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข

                เช่นเดียวกับเด็กชายแจ่มที่กำลังก่อกองทรายเล่นอย่างสนุกสนาน เด็กผู้ชายตัวเล็กผิวขาวจัดกำลังยิ้มให้กับกองทรายตรงหน้า ยิ่งก่อก็ยิ่งสูง แก้มใสๆขึ้นสีแดงก่ำเพราะอากาศร้อนอบอ้าว จมูกเล็กๆกับตากลมโตยิ่งดูเด่นเมื่อผมเส้นเล็กๆสีดำยาวคลอเคลียต้นคอตกลงมาปรกหน้า เพราะเสื้อผ้าที่ใส่และเพราะผิวพรรณกับหน้าตาอันจิ้มลิ้ม จึงทำให้เด็กชายแจ่มแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ

                เด็กชายแจ่มนั่งเล่นอยู่คนเดียวเพราะเด็กชายเจิดที่นั่งเล่นด้วยกันก่อนหน้าหนีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ทิ้งให้เด็กชายแจ่มถูกเด็กคนอื่นๆพากันมองเพราะไม่เคยเห็นหน้า ในระหว่างที่กำลังก่อกองทรายอยู่นั่นเอง…

                ผัวะ!!

                จู่ๆกองทรายตรงหน้าที่บรรจงใช้มือเล็กๆก่ออยู่ตั้งนานก็หายวับไปกับตา ถูกใครไม่รู้ใช้เท้าเตะหน้าตาเฉย พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเด็กผู้ชายสามคนอายุน่าจะสักหกเจ็ดขวบยืนกอดอกมองมาหน้าตาหาเรื่อง เด็กชายแจ่มห้าขวบตัวนิดเดียวได้แต่เงยหน้ามองท่าทางงงงวย

                “มาเตะของเราทำไมน่ะ”เสียงเล็กๆถาม คิ้วเล็กขมวด

                “กูจะเตะแล้วจะทำไม”ลอยหน้าลอยตาตอบกลับ แล้วก็พากันแลบลิ้นใส่

                “อย่ามายุ่งกับเรานะ”เด็กชายแจ่มบอกเสียงสั่นน้ำตาคลอ

                “อี๋ๆๆ อย่ามายุ่งกับเรานะ”เด็กโตคนหนึ่งล้อเลียน

                “เราจะฟ้องคุณพ่อกับคุณแม่ ฮึกๆ”เริ่มสะอื้นเมื่อรู้ว่าถูกรุมรังแก

                “ขี่ม้าสามศอกไปบอกเลยไป แบร่”แลบลิ้นปริ้นตา

                “อย่ามายุ่งกับเรานะ เป็นเด็กไม่ดี เราไม่ชอบเลย”ถึงจะน้ำตาคลอแต่ก็พยายามทำหน้าดุสู้ไป

                “ไม่ชอบก็ไม่ต้องชอบสิวะ ไอ้ตุ๊ด!!”คนที่เป็นหัวโจกว่า

                “เราไม่ใช่ตุ๊ดนะ เราเป็นผู้ชาย”กำมือแน่น เถียงไปเสียงดัง

                “ทำไมจะไม่ใช่ตุ๊ด พ่อกูบอกว่าพวกที่เป็นตุ๊ดชอบไว้ผมยาว”

                เด็กบ้านนอกหัวเกรียนๆกันทั้งนั้น มีก็แต่เด็กชายแจ่มคนเดียวที่ผมรองทรงยาวสวย

                “ไม่ใช่สักหน่อย เพื่อนๆที่โรงเรียกเราก็ผมยาวเหมือนกัน”

                “งั้นเพื่อมึงก็ต้องเป็นตุ๊ดเหมือนกัน”

                “ไม่ใช่นะ เราไม่ได้เป็นตุ๊ด เพื่อนเราก็ไม่ได้เป็นตุ๊ดด้วย”คราวนี้ยืนขึ้นมาเถียงขึ้นเสียงใส่ทั้งน้ำตา

                ตอนนั่งก็เห็นว่าตัวเล็กแล้ว ตอนยืนพอเทียบกับเด็กโตคนอื่นๆก็ยิ่งแล้วใหญ่ ตัวเล็กๆใส่กางเกงขาสั้นเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวมีสายเอี้ยมพาดอีกที ยิ่งกับหน้าตาจิ้มลิ้มและผิวพรรณแล้วไม่แปลกใจว่าจะมีใครเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้หญิง

                “เสียงดังเหรอ นี่แน่ะ ไอ้ตุ๊ด”เด็กโตหัวโจกเห็นเด็กชายแจ่มขึ้นเสียงใส่ก็ไม่พอใจ ออกแรงผลัก

                “โอ๊ยยย”แรงแค่น้อยนิดแต่เด็กชายแจ่มตัวนิดเดียวมีหรือจะไม่ล้มลงไปกองกับกองทราย

                “สมน้ำหน้ากะลาหัวเจาะ”

                “ฮือออออ”เพราะเป็นเด็กเพียงแค่ล้มก็เจ็บจนต้องร้องไห้ ทั้งเจ็บตัวทั้งเจ็บใจที่สู้ไม่ได้ เจ็บใจที่โดนหาว่าเป็นตุ๊ด

                “ตุ๊ดๆๆๆๆ”แก๊งเด็กโตยังล้อเลียนไม่เลิก

                “ฮืออออ”เด็กชายแจ่มยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า

                น้ำหูน้ำตาเปรอะหน้าขาวๆที่ขึ้นสีแดงก่ำ จมูกเล็กๆแก้มกลมๆแดงเป็นลูกตำลึงสุก สะอื้นไห้ทั้งที่ตาจ้องมองกลุ่มเด็กโตเขม็ง จนกระทั่ง…

                “หยุดนะ!!”เสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัด ทำให้พวกเด็กโตหยุดล้อแล้วหันไปมองเจ้าของเสียง

                “นึกว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้ลูกไม่มีพ่อนี่เอง”คนที่เป็นหัวโจกพูดล้อไอ้เด็กแคระแกลนตัวดำหัวหยิก

                “ไม่มีพ่อแย้วจะไมย่ะ หนักหัวใคร”ยังพูดไม่ชัดดีแต่กลับหาญกล้ามาสู้รบเด็กโตกว่าเสียได้

                “หนอย ไอ้ลูกไม่มีพ่อ นี่มึงกล้าว่ากูเหรอวะ”

                “แย้วจะไม กูมีแม่ขวัญ ฉวยกว่าแม่มึงตั้งเยอะ”เท้าสะเอวพูดอวด เชิดหน้าใส่ท่าทางหาเรื่องไม่แพ้กัน

                “ปากดีนักนะมึง อยู่ดีไม่ว่าดี อยากเป็นตุ๊ดอีกคนหนึ่งใช่ไหม มึงก็ผมยาวเหมือนกันนี่”ไอ้เด็กโตกว่าไม่ยอมแพ้

                “มึงนั่นแหยะตุ๊ด ชอบแก้งคนตัวเย็กกว่าน่ะ”

                “หรือว่ามึงอยากถูกกูแกล้งอีกคน เอาไหมล่ะ”ทำท่าจะเดินเข้าไปหาเรื่อง

                “เข้ามาฉิ กูไม่กัวมึงหยอกนะ นี่แหน่ะ”ไม่ใช่แค่พูด แต่กลับล้วงเอาไม้ยิงหนังสติ๊กที่เหน็บอยู่กับเอวขึ้นมา มือเล็กๆล้วงลูกหินในกางเกงขาดๆมาใส่แผนหนังจัดการง้างขู่ใส่เตรียมยิงใส่เด็กโต

                “มึงไม่กล้ายิงกู โอ๊ย!!”ยังพูดไม่ขาดคำลูกหินลูกเล็กๆก็ถูกยิงมาใส่ตัวจนได้ ความที่แรงไม่เยอะก็เลยไม่ได้บาดเจ็บอะไร

                พอหัวโจกถูกยิงด้วยหนังสติ๊กมีหรือที่ลูกสมุนตัวเล็กๆอีกสองคนจะอยู่ต่อ วิ่งเผ่นป่าราบไปแล้ว ไอ้เด็กหัวโจกเห็นดังนั้นถึงได้มองซ้ายมองขวาแล้ววิ่งหนีตามกันไปในที่สุด

                “ฮึกๆ ฮึกๆ”เด็กชายแจ่มสะอึกสะอื้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ

                “โอ๋ๆไม่ร้องนะ”ไอ้เด็กตัวผอมเดินเข้าไปใกล้ ยื่นมือไปลูบหัวเบาๆคล้ายจะปลอบ

                ถึงจะอายุมากกว่าแต่เด็กชายแจ่มกลับตัวเล็กกว่า ทำให้ไอ้เด็กตัวแกลนลูบหัวได้โดยง่าย เด็กชายแจ่มเงยหน้าขึ้นมามองตากลมๆช้อนขึ้นมองคนที่มาช่วยเอาไว้พลางสะอื้น และนั่นก็ทำให้ไอ้เด็กที่กำลังลูบหัวได้เห็นหน้าเด็กชายแจ่มชัดเต็มสองตา และแล้วก็ถูกศรรักปักอกในทันทีทันใด

                มันอ้าปากค้างในความน่ารักที่เหมือนกับนางฟ้าของเด็กตัวเล็กๆตรงหน้า ตาจ้องมองจมูกเล็กๆปากเล็กๆกับตากลมโตแทบจะไม่กระพริบตา

                “ฮึกๆ อื้อออ”เด็กชายแจ่มสะอื้นเบาๆ เสียงสะอื้นค่อยๆเงียบ

                “น้องน้อยเจ็บตงไหนไหมจ๊ะ”มันถามด้วยความเป็นห่วงเด็กชายตัวเล็กผิวขาวหน้าตาน่ารักน่าทะนุถนอม เพราะตัวเล็กกว่ามันๆเลยเรียกเรียกว่าน้องน้อย มือพลางลูบหัวปลอบเบาๆ

                “เจ็บ ฮึก เจ็บตรงนี้”ยื่นมือที่มีรอยแดงๆเพราะค้ำตอนที่ล้มลงไปให้ดู

                “ตงนี้เหยอจ๊ะ เดี๋ยวพี่มิ่งเป่าให้นะ ฟู่ๆ”ไอ้เด็กตัวดำที่เรียกตัวเองว่าพี่มิ่งจับมือน้องน้อยมาเป่าให้เบาๆ ตาก็จ้องมองน้อยน้อยเริ่มยิ้มออกมา

                “หายเจ็บยังจ๊ะ”

                “อือ หายเจ็บแล้ว”เด็กชายแจ่มพยักหน้าหงึกๆ

                                “ไม่เป็นไยแย้วนะ ไม่มีใครมาเกแย้ว”พูดบอกเอื้อมมือไปปัดเศษทรายที่เปรอะชุดเอี้ยมให้เสร็จสรรพ

                “พวกนั้นว่าเราเป็นตุ๊ด เราไม่ใช่ตุ๊ดนะ”เด็กชายแจ่มรีบบอกแก้ตัว

                “น้องน้อยไม่ใช่ตุ๊ดหยอกนะ น้องน้อยน่ายักจะตาย พี่มิ่งชอบน้องน้อย”มันเรียกตัวเองว่าพี่โดยไม่ถามไถ่อายุเด็กผิวขาวตัวเล็กตรงหน้ามันสักคำ

                “ชอบเราจริงๆเหรอ”เด็กชายแจ่มถามกลับ

                “อื้อ ไอ้พวกนั้นมันชอบแก้งคนตัวเย็กกว่า น้องน้อยไม่ต้องกัวนะ น้องน้อยน่ายัก พี่มิ่งชอบน้องน้อยมาก ต่อไปนี้พี่มิ่งจะปกป้องน้องน้อยเอง”

                “แต่เราเป็นเด็กผู้ชายนะ จะชอบเราได้ยังไง”เงยหน้าถาม

                “ไม่เป็นไย น้องน้อยเป็นปู้จายแต่น้องน้อยน่ายัก พี่มิ่งชอบน้องน้อย พี่มิ่งอยากปกป้องน้องน้อย พี่มิ่งก็เป็นปู้จายเหมือนกัน”ไอ้มิ่งส่ายหน้ายิ้มอวดฟันหลอ

                มันไม่แค่พูดเปล่าแต่กลับถกกางเกงขาดเป็นรูอวดหนอนตัวน้อยให้น้องน้อยดูเป็นการยืนยันอีกต่างหาก

                “เป็นผู้ชายจริงๆด้วย”เด็กชายแจ่มยิ้มแก้มแดงมองหนอนน้อย ตากลมๆตาโตเพราะมีเหมือนกัน ต่างกันแค่คนละสี

                “เห็นไหม พี่มิ่งบอกแย้วว่าพี่มิ่งไม่โกหดหยอก”ดึงกางเกงขึ้นแล้วพูดอวด

                “แต่ว่าชอบเราเหรอ ชอบเราจริงๆนะ ห้ามโกหกนะ ห้ามเปลี่ยนใจนะ”

                “พี่มิ่งไม่โกหด พี่มิ่งสัญญาเยย โตขึ้นพี่มิ่งจะเท่ จะปกป้องน้องน้อยเอง”ชูสองนี้ขึ้นมาทั้งที่ยิ้มอวดฟันหลอ

                “อื้มมมม”เด็กชายแจ่มพยักหน้ารับ

                หลังจากนั้นเด็กชายแจ่มกับไอ้มิ่งน้อยก็เล่นก่อกองทรายด้วยกัน จนกระทั่งแม่ขวัญของไอ้มิ่งมาตามไอ้มิ่งกลับบ้าน และคุณแม่ของเด็กชายแจ่มมาพาเด็กชายแจ่มกลับบ้าน

                ในตอนนั้นเองที่เด็กชายแจ่มได้เจอกับฮีโร่ที่ปกป้องตัวเองจากเด็กเกเร และช่วยเป่ารักษามือที่เจ็บให้หายเจ็บ ตั้งแต่นั้นมาเด็กชายแจ่มก็เลยสัญญากับตัวเองว่าโตขึ้นจะเป็นฝ่ายปกป้องฮีโร่ของตัวเองบ้าง…เพราะว่าเด็กชายแจ่มตกหลุมรักฮีโร่ของตัวเองตั้งแต่แรกเจอ   

จบบริบูรณ์



--------------------------------------------

ตอนเด็กๆพี่แจ่มน่าร๊ากไหมล่าาาาา  หน้าจิ้มลิ้มจนไอ้มิ่งเรียกว่านางฟ้า 555

สรุปไอ้มิ่งเจอใครน่ารักก็เรียกว่านางฟ้าหมด

คิดถึงคนเขียนกันบ้างไหมน้อออออ ได้ฤกษ์ได้ยามมาลงให้ซ๊ากกกกที ความทรงจำของเด็กชายแจ่ม


ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
พี่แจ่มน่ารักอะตอนเด็ก
สรุปเรื่่องนี้คนที่ผิด คือไอมิ่งเพราะความขี้ม่อตั้งแต่เด็ก ไปถกเจี้ยวไห้ไอพี่แจ่มดูนี้เอง  ไอมิ่งซินะคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
กร็ากกกกกกกกกก

นี้ไม่มีการว่าอะไรพี่แจ่มทั้งนั้น เพราะนี้รักพี่แจ่มมากกว่า วะฮ่าาาาาาา

มิ่ง#กระดกยาดองย้อมใจ

สุดท้ายก็มีตอนพิเศษ รอมานานนนนนนนนน
ฮืออออ

ขอภาคต่อ ไอ้จี็ด กับ เด็กฝรั่งเลยเถอะคะ

 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
เอ้าพี่มิ่งตกหลุมรักพี่แจ่มตั้งแต่เด็กนี่เอง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด