*^*^*^*^เพราะหัวใจบอกว่า...รัก*^*^*^*[เพราะ...ให้]ตอนที่34 21/7/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *^*^*^*^เพราะหัวใจบอกว่า...รัก*^*^*^*[เพราะ...ให้]ตอนที่34 21/7/61  (อ่าน 96305 ครั้ง)

ออฟไลน์ Naam3

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีใจๆๆๆๆมาต่อแล้วๆๆๆสงสารเตๆๆๆ :katai4: :mew4: :z3: :L2: :กอด1: :mew6: :katai2-1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เข้ามาอ่านตอนนี้แล้ว
สงสารใจตัวเอง..รู้สึกเศร้าจริงๆ

กระถดกลับ ขยับหนี มีที่ว่าง
มันยิ่งทำ ให้หมดทาง หว่างวิถึ
คงจะสุด หนทางเดิน แล้วคนดี
ไร้พื้นที่ ของสองเรา ให้ก้าวเดิน

เศร้ามากมาย..กาซิกๆๆๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2018 23:47:58 โดย broke-back »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
เมื่อไหร่จะเคลียร์ซักที

ออฟไลน์ Naam3

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai4: :katai4: :katai5: :ling1: :hao7: :mew1: :mew2: :katai2-1: :z10:
รอๆๆๆๆๆน่าๆๆๆ :L2:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ myall

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
ตามอ่านจนถึงปัจจุบันแล้ว โอยพี่ดิมจะไปจริงๆเหรอ หน่วงหนักจริงๆ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
เพราะหัวใจบอกว่า...ให้

 

 













 

เกือบเที่ยงคืนแล้วตอนที่ติณธรตัดสินใจเดินออกมาจากบังกะโลเพื่อตรงไปยังจุดนัดหมาย  ชายหาดด้านหลังของเกาะ   คำพูดของน้องสาวยังคงดังวนไปวนมาอยู่ในหัว 

            และนั่นทำให้เขาตัดสินใจออกมาพบกับผู้ชายคนนั้น

            หัวใจเต้นแรงขึ้น  แรงขึ้นทุกทีตามจังหวะการก้าวเท้าที่เข้าใกล้จุดหมายมากยิ่งขึ้น  ไฟฉายในมือสาดส่องไปทั่วๆ  โชคดีที่แสงจากบ้านพักหลายหลังยังคงสว่างออกมาพอให้เห็นทางเดินลางๆ   ลมพัดเย็นยะเยือกคล้ายกับกำลังจะมีพายุในเร็วๆนี้

            ได้ยินเสียงคนพูดกันอยู่ที่ชายหาด   เตเพ่งมองผ่านม่านมะพร้าวออกไปเห็นเงาของคนสองคนยืนพูดอะไรกันอยู่บนหาดทราย  ก่อนที่คนทั้งคู่จะกอดกันแนบแน่น 

            ความเย็นยะเยือกแล่นตลอดเส้นผมจรดปลายเท้า  นักเขียนหนุ่มดับไฟฉายในมือลง  ขยับจะหันหลังกลับ

            เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังออกมาจากเงาของหนึ่งในสองคนนั้น

            “นั่นเตใช่มั้ย    เดี๋ยวก่อน  อย่าเพิ่งไป”

            สมองแปลคำว่า อย่าเพิ่งไป  ให้กลายเป็นสัญญาณประสาทกระตุ้นให้สองขาของเขาออกวิ่ง   ติณธรพุ่งตัวออกมาจากตำแหน่งนั้นอย่างรวดเร็ว  เขาวิ่งไปบนหาดทราย  ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครอีกคนวิ่งตามเขามา   ชายหนุ่มเร่งฝีเท้ามากขึ้น 

            “เต  รอพี่ก่อน  ฟังก่อน”   เสียงพี่ดิมร้องเรียกมาตลอดทาง   ทว่าเขาไม่ได้หันกลับไปมอง  และไม่ลดฝีเท้าลงด้วย

            ถามว่าเขาจะวิ่งไปที่ไหน    เขาไม่รู้....ถามว่าวิ่งหนีอีกคนทำไม...เขาไม่มีคำตอบให้สำหรับคำถามนั้น   รู้แค่ ความรู้สึกของเขา  บอกให้ตัวเองก้าวหนีออกมาจากที่ตรงนั้น

            “โอ๊ย!”  มีเสียงอุทานลั่นขึ้นทางด้านหลัง   จากนั้นเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาก็เงียบไป   เตก้าวต่อไปอีกสองสามก้าว  สุดท้ายก็ต้องยอมพ่ายแพ้แก่เสียงในใจของตัวเอง   เหมือนที่แพ้มาตั้งแต่ต้น

            เขาหยุดวิ่ง แล้วหันกลับไปมองข้างหลัง

            เงาตะคุ่มคล้ายร่างของคนๆหนึ่งนอนคุดคู้อยู่ที่ริมหาด  ส่งเสียงครางเบาๆยามที่เขาก้าวเข้าไปหาด้วยความตกใจ  ยกไฟฉายขึ้นส่อง  เห็นใบหน้าคมก้มชิดแนบอก   มือทั้งสองข้างยกขึ้นกอดรอบเข่าไว้แน่น

            “พี่ดิม  เป็นอะไรหรือเปล่า  เจ็บตรงไหนบอกเตมา”   น่าเจ็บใจที่เวลาเขาตกใจที่ไร   สรรพนามเก่าๆมักจะกลับมาโดยไม่ได้นัดหมายเสมอ 

            ร่างนั้นไม่ตอบ  ตั้งเตก้าวเท้าเข้าไปใกล้จนเกือบชิด  เขารู้สึกถึงของเหลวบางอย่างที่ไหลออกมาจากเนื้อตัวสั่นเทาของคนที่นอนขดอยู่กลางผืนทราย   ชายหนุ่มแตะมันแล้วยกขึ้นส่องใต้ไฟอย่างแปลกใจ

            สีแดงฉานและกลิ่นคาวของมันบอกชัดว่าของเหลวนั้นคืออะไร

            “พี่ดิม  เลือดมาจากไหน  พี่โดนอะไรเข้า”  เขาตะโกน   แตะไปตามผิวหนังเย็นเฉียบชื้นเหงื่อของอีกฝ่าย  แว่วเสียงหายใจหอบลึกของตัวเองดังแทบไม่เป็นจังหวะ

            ความกลัวที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนมากมาย หลั่งท่วมท้นออกมากลบทิฐิทุกอย่างในจิตใจจนหมดสิ้น    เขาพยายามพลิกตัวนายแพทย์หนุ่ม เลิกเสื้อขึ้นเพื่อมองหาตำแหน่งเลือดออก

            หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ  ตรงข้ามกับเลือดที่ไหลออกมาทะลักทลายอาบฝ่ามือทั้งสองข้างของเขา  กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ   เขาร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ  ทว่ารอบด้านมีแค่คลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดเข้าหาหาดทราย

            “ช่วยด้วย  ฮือ   ใครก็ได้  ช่วยพี่ดิมด้วย  ฮือ   พี่ดิม  ผมขอโทษ  ผมขอโทษจริงๆ  ฮือ”

          เขาร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น   น้ำตาร้อนๆไหลอาบสองข้างแก้ม   ติณธรร้องจนหมดแรง  เขารู้สึกหนาวมากขึ้นทุกทีคล้ายกับว่าร่างเย็นชืดของอีกฝ่ายดูดกลืนเอาความอบอุ่นของเขาไปหมดสิ้น

            “เต ไม่เป็นไรแล้ว  เต..”  เสียงเรียกของใครบางคนช่างเลือนรางเหมือนอยู่ในความฝัน  เตลืมตาขึ้นมาช้าๆ  รู้สึกว่าฝ่ามือของตนเองยังคงกำชายเสื้อของพี่ดิมกันเอาไว้แน่นไม่ปล่อย   เขานอนซบอยู่บนอะไรอย่างหนึ่งที่คงจะเป็น...

            หมอน?

          นักเขียนหนุ่มลืมตากว้าง  เขาพบว่าตนเองกำลังนอนตะแคงกอดหมอนข้างอยู่บนเตียง  กลางห้องพักบังกะโลริมชายหาด  ข้างตัวมีอ่างน้ำที่คงเอาไว้เช็ดตัวพร้อมผ้าขนหนูวางพาดอยู่   ภายในห้องไม่มีใคร นอกจากเขาคนเดียว   หัวใจที่เต้นรัวเร็วในตอนแรกกลับค่อยๆช้าลงจนเป็นจังหวะปกติ คราบน้ำตายังค้างอยู่ที่หางตา  ชายหนุ่มปาดมันทิ้งแรงๆ

            ....นี่เขาฝันไปหรือนี่....

            “พี่เต   ตื่นแล้วหรือคะ  ไข้ลงหรือยัง”  น้ำเสียงอ่อนหวานคุ้นเคยของน้องสาวทำให้เขาคลายกังวลลง  ข้าวตังเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับผ้าขนหนูอีกผืนในมือ  เธอเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเตียงของเขา  ยกหลังมือขึ้นแนบกับหน้าและซอกคอ

            “ไข้ลงแล้ว  เมื่อคืนพี่เตจับไข้ทั้งคืนเลย  ตังกลัวแทบแย่”

          “เมื่อคืน?  ตอนไหน  ทำไมพี่ไม่รู้สึกตัวเลย”  เขาถาม  รู้สึกระคายคอ  หญิงสาวส่งแก้วน้ำมาให้อย่างรู้ใจ

            “ก็หลังจากที่เราคุยกัน  พี่เตก็เข้านอน  สักพักพอตังกลับเข้ามาในห้องก็เห็นพี่นอนขดร้องคราง เพ้อใหญ่เลยเพราะพิษไข้   ตังก็เลยไปเคาะห้องคุณหมอดิมกับหมอรัน แต่ทั้งคู่ไม่อยู่  ไม่รู้ไปไหน  โทรไปก็ไม่มีใครรับ  สุดท้ายตังเลยต้องนั่งเช็ดตัว  หายาแก้ไข้ให้พี่เตกินไปตามเรื่องตามราว”  เธอพูด  ท่าทางเพลียไม่น้อย  คงเหนื่อยที่ต้องดูแลคนป่วยอย่างเขาตลอดคืน

            “พี่ขอบคุณเธอมากนะข้าวตัง  ขอโทษด้วยที่ทำให้เดือดร้อนอย่างนี้ แทนที่จะได้พักผ่อน”

          “โธ่  เรื่องเล็กน่าพี่เต   ตังผิดเองแหละที่ชวนพี่คุยเรื่องเครียดๆเสียนาน  ไม่ทันดูเลยว่าพี่ไม่สบาย”  เธอพูดยิ้มๆ  ไม่สบตาเขา 

            ชายหนุ่มมองตาม ก่อนจะแลเลยไปยังนาฬิกาข้างฝาผนัง....เกือบตีสี่แล้ว   เลยเวลาเที่ยงคืนมานานโข  ....ถ้าจะไปตอนนี้ คงไม่มีใครรอพบเขาแล้วสินะ...

            “ใกล้เช้าแล้วค่ะ  แปลกจังที่คุณหมอสองคนนั้นไม่รู้ไปไหนกัน  ไม่ยักกลับห้อง  ช่างเถอะ  พี่เตไข้ลงก็ดีแล้วค่ะ  นอนพักก่อน  ตังก็จะนอนบ้างล่ะ  ง่วงจัง”   ชายหนุ่มนอนฟังเสียงน้องสาวเดินกลับไปกลับมาในห้องครู่หนึ่ง  จากนั้นเธอก็กลับมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆเขา   เตลืมตาขึ้นอย่างตกใจ

            “ตัง..เดี๋ยวพี่ออกไปนอนข้างนอกดีกว่า”  มือนิ่มๆของเธอกลับยึดข้อมือของเขาเอาไว้

            “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่เตนอนเถอะ   ตังไม่ใจร้ายพอให้คนป่วยนอนโซฟานอกห้องหรือว่านอนพื้นหรอกนะคะ”  เธอพูดกลั้วหัวเราะ  ดักคอเขาเอาไว้ทุกทาง

            ติณธรถอนหายใจยาว  หลับตาลง  ครู่เดียวก็หลับสนิทอีกครั้ง 

            หญิงสาวข้างกายกลับค่อยๆพลิกตะแคงตัว  จ้องมองใบหน้าของพี่ชายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานเหลือเกิน   นานจนเธอเกือบเผลอคิดว่าเขาจะอยู่กับเธอตลอดไป

            ตลอดไปงั้นหรือ?...หึ  เชื่อไหมว่าถ้าเธอขอร้องเขาให้อยู่กับเธอตลอดไป  คนๆนี้ก็จะยินยอมที่จะทำให้คำว่าตลอดไปนั้นเกิดขึ้นได้จริง   พี่เตเป็นคนใจดี และรักเธอกับเต้มาก  น่าแปลกที่คนๆนี้กลับใจร้ายกับตัวเองและคนที่ตัวเองรักได้ลงคอ

            หลายปีก่อนเธอเคยสงสัยอยู่บ้างเหมือนกัน  ว่าถ้าวันหนึ่งเธอเกิดทำใจ ‘ปล่อย’ พี่ชายใจดีคนนี้ไปเสีย   วันนั้นเธอจะสามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวหรือเปล่า   แล้วเธอจะรู้สึกยังไง  จะเสียใจมากมั้ย  ร้องไห้ฟูมฟายหรือเปล่า  หรือว่าจิตตกเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีก

            คำตอบในวันนี้คือ ไม่ 

            คล้ายกับว่าภายในส่วนลึกของจิตใจเธอ เฝ้ารอวันนี้อยู่นานแล้ว  เพียงแต่เธอไม่รู้เท่านั้นเอง  วินาทีที่เธอขอเลิกกับเขา  เธอกลับพูดมันออกไปได้ง่ายดายราวกับกำลังขอไปจ่ายตลาดหรือดูหนังสักเรื่อง

            เป็นพี่เตเสียอีกที่ดูตกใจ และเสียใจ  เขาถามเธอหลายต่อหลายคำถาม   เขาทำผิดอะไร  เธอโกรธอะไรเขาเหรอ  ทำไมเธอถึงไม่อยากอยู่กับเขาแล้ว  ทำไม ทำไม และทำไม

            ล้วนเป็นคำถามที่เธอได้คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว   และคำตอบของเธอเพียงคำตอบเดียวก็สามารถหยุดทุกคำถามของอีกฝ่ายได้อย่างชะงัด

            ‘ตังอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองค่ะ  ตังอยาก..ใช้ชีวิตกับคนที่ตังรัก’

          พี่เตคงไม่รู้  หรืออาจจะรู้  ว่าคำตอบที่แท้จริงในใจของเธอก็คือ

            ‘ตังอยากให้พี่เตมีชีวิตเป็นของตัวเองค่ะ   ตังอยากให้พี่เต...ใช้ชีวิตกับคนที่พี่เตรัก’ 

            เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเขามีคำตอบอย่างไร   เพราะพี่ชายไม่ได้ตอบ  เขานิ่งไปนานราวกับใคร่ครวญหาบางอย่าง   แล้วถามเธอกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

            ‘ตังเจอ...คนที่ชอบแล้วเหรอ’   

          ‘ค่ะ  ตังมีคนที่ตังชอบแล้ว’   เธอตอบเขาออกไปอย่างนั้น    อีกฝ่ายพยักหน้ารับ แต่ไม่ยักถามว่าคนๆนั้นเป็นใครกัน

            บางทีพรุ่งนี้  พี่เตอาจจะมีคำตอบสำหรับ ‘เรา’



          ………………………………………………………………………



          “ดิม...มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียวดึกดื่นๆ   ไม่ง่วงนอนเหรอ”   วิรัลทักคนที่นั่งทอดอารมณ์อยู่บนเก้าอี้ริมหาดคนเดียวมาหลายชั่วโมงออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ  ทั้งที่ความจริงข้างในกลับร้อนรุ่มราวกับไฟแผดเผา

            มันคงไม่แปลก ถ้าจะมีใครมานั่งเล่นรับลมทะเลริมหาดทรายยามดึก  แต่มันแปลกแน่ถ้าใครคนนั้นนั่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานหลายชั่วโมง  ไม่ลุกไปไหน  ไม่ขยับเขยื้อน  แถมไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้านพัก   และยังทำท่าผิดหวังเมื่อเห็นว่าเป็นเขาที่เดินเข้ามาหา

            “อ้อ  รัน  ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆนิดหน่อยน่ะ  คุณยังไม่นอนอีกเหรอ”  ชายหนุ่มพลิกนาฬิกาข้อมือดู  “เกือบตีสองแล้วนะ”  เขาพูดต่อ  พลางยกเบียร์ในมือขึ้นจิบ

            “ปกติดิมไม่ดื่มนี่  วันนี้นึกครึ้มอะไรขึ้นมา”  รันกวาดสายตามองกระป๋องเบียร์เปล่าสองกระป๋องที่กลิ้งอยู่ที่พื้นทราย 

            “บรรยากาศที่นี่มันดี  ก็เลยจิบเล่นๆนิดหน่อย   ทำไมยังไม่นอนอีก”  อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่อง   ถามซ้ำ

            “ก็เห็นดิมยังไม่กลับห้องเสียที ก็เลยออกมาตาม”  เขาโกหก  ความจริงเขานั่งดูผู้ชายคนนี้มาพักใหญ่แล้ว   อาจจะนานพอๆกับที่อีกฝ่ายนั่งรอใครบางคนอยู่ที่นี่ก็เป็นได้

            “ไม่ต้องห่วงหรอก  เดี๋ยวก็กลับแล้ว  คุณกลับไปนอนก่อนเถอะ”   ศัลยแพทย์หนุ่มพูด     เขาทอดสายตามองออกไปยังท้องทะเลมืดสนิทเบื้องหน้า   มันมืดมากจนมองไม่เห็นเกลียวคลื่น  ได้ยินเพียงแต่เสียงซัดสาดเท่านั้น 

            วิรัลทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกัน   หยิบเบียร์กระป๋องที่ยังเหลืออยู่ขึ้นมาเปิด ยกขึ้นจิบนิดหนึ่ง  ปล่อยให้รสขมปร่าครอบครองปลายลิ้น...หวังว่ามันจะช่วยลดความขมในหัวใจของเขาได้บ้างสักนิดก็ยังดี..

            “เค้าไม่มาใช่มั้ย”    ประโยคเดียวที่ถามออกไป  ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งราวกับถูกโบยด้วยแส้

            “ผมไม่ได้รอใคร”  รดิศตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา  แบบที่คนฟังรู้ดีว่า  มันมีไว้เพื่อปกปิดความอ่อนแอในใจของเจ้าตัวก็เท่านั้น     

            “ดิมยอมให้รัลมาด้วยครั้งนี้  ก็เพราะยอมให้รัลช่วยไม่ใช่เหรอ  แล้วทำไมถึงมาปิดบังกันล่ะ”   เขาตอบกลับ  พยายามข่มอารมณ์ในน้ำเสียงไม่ให้ฟังดูต่อว่ามากเกินไปนัก

            อีกฝ่ายเงียบไปนาน

            “ใช่   เค้าคงไม่มา”   ดิมพูดเสียงเบา   เป็นครั้งแรกที่รันได้เห็นกันในมุมนี้  มุมที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นในตัวของผู้ชายที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างแบบนายแพทย์รดิศ   เค้าดูลังเล  ไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย

            ความรักทำให้อีกฝ่ายสูญเสียความเป็นตัวเองไปมากขนาดนี้เชียวเหรอ  หรือว่าเป็นเพียงเพราะ..ผู้ชายผมหยิกหยองคนนั้น

            “อาจจะมีอะไรผิดพลาด”  เขากัดฟันพูด   ขณะที่คนฟังสั่นศีรษะเบาๆ

            “ไม่หรอก  ไม่ใช่...เค้าจงใจไม่มา   เค้า....   คงเป็นเพราะตอนบ่ายผมดันไปทำให้เขาเข้าใจผิดเพิ่มขึ้นไปอีกก็ได้กระมัง”

          “ตอนบ่ายงั้นหรือ”  วิรัลมองอีกฝ่ายเป็นเชิงถามว่าเกิดอะไรขึ้น  เท่านั้นศัลยแพทย์หนุ่มที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสีเรื่อๆตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปก็คล้อยตาม เล่าให้ฟังอย่างง่ายดาย

            “ผมโกรธเค้า  ที่เค้าหายเข้าไปในป่าโกงกางกับไอ้หมอนั่นเสียตั้งนาน   แถมยังกลับออกมาแบบร่อแร่ต้องหามออกมาอีก   ผมก็เลยยอมรับไปว่าเราจะแต่งงานกัน”  คนฟังหัวใจกระตุกไปวูบ  คำว่า ‘เราจะแต่งงานกัน’ ช่างมีความหมายกับเขาถึงเพียงนี้ 

            “แล้วคุณเตว่าอย่างไร”

          “เค้าน่ะเหรอ  เค้าจะไปว่าอย่างไร คนปากแข็งใจแข็งพรรค์นั้น!...เหอะ   ก็แสดงความยินดีไง   ยินดีด้วยครับคุณหมอรดิศ  หึ  ไม่เห็นเค้าจะเดือดร้อนตรงไหน”   หางเสียงตวัดขึ้นอย่างขุ่นมัว  ชายหนุ่มกระดกกระป๋องเบียร์เข้าปากอีกครั้ง

            “รันขอโทษนะ  ที่ไปบอกคุณเตอย่างนั้น โดยที่ไม่ได้ถามดิมก่อน”  เขาพูดเสียงอ่อน   ใจหนึ่งก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธที่จู่ๆไปพูดว่าจะแต่งงานกัน  แต่อีกใจหนึ่งก็แอบหวังลึกๆไม่ได้   ว่าคำพูดประโยคนั้นจะทำให้ใครบางคนเข้าใจผิด

            ไม่นึกเลยว่ามันจะเลยเถิด  ไม่คิดว่ากันจะรับมุขสมอ้างต่อหน้าตาเฉย...บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่เตไม่ยอมมาพบกัน  บางทีฝ่ายนั้นอาจจะคิดว่า  ไม่จำเป็นต้องเจอกันอีก  เรื่องของเตกับดิมอาจจะจบไปแล้ว

            บางที...นี่อาจจะ...

            “ไม่เป็นไรหรอก   ผมก็ผิดเองที่ไปย้ำแบบนั้น  ยิ่งทำให้เตเข้าใจผิดไปกันใหญ่  ทั้งที่จริงแล้ว..คนที่ผมอยากพาไปอเมริกาด้วย ก็คือเค้าเองแท้ๆ”  รดิศลดเสียงลงคล้ายพูดคนเดียว  ทว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างเขา ก็ดันได้ยินอยู่นั่นเอง

            รู้สึกเจ็บแปลบๆในอก

            “รันนี่แย่จริงๆนะ   เหมือนไม่ได้ช่วยอะไรดิมเลย”  เขาปรารภ

            “แค่รันช่วยผมขอยืดเวลาส่งผลงานออกไป ผมก็ขอบคุณมากแล้ว  ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีเวลามานั่งอยู่ที่นี่หรอก”

          “ต้องขอบคุณคุณพ่อของรันตะหากล่ะ   ท่านช่วยติดต่อให้  รวมถึงขอเวลาขยายทุนไปอีกสองปีด้วย”  ชายหนุ่มพูดเนิบๆ  ชำเลืองมองคนข้างกายที่หันขวับกลับมามองหน้าเขาราวกับเหลือเชื่อ

            “จริงเหรอรัน  คุณพ่อของคุณช่วยขอให้ผมขยายทุนได้อีกสองปีเหรอ  คุณพูดจริงหรือเปล่า?”  รดิศถามอย่างตื่นเต้น   ท่าทางนั้นทำให้คนพูดต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ  เขารู้ว่างานวิจัยของดิมจำเป็นต้องขยายเวลาต่ออีกอย่างน้อยสองปี  เพื่อให้เก็บข้อมูลได้ครบถ้วน  และนั่นจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลย   เขารู้ว่างานวิจัยชิ้นนี้ถ้าเสร็จสมบูรณ์จะต้องสร้างชื่อเสียงในวงการแพทย์ให้แก่เจ้าตัวในระดับโลกเป็นอย่างมาก   อีกฝ่ายพยายามขอทุนสมทบและขอเลื่อนเวลาส่งผลงานมาหลายครั้งแล้ว  ไม่สำเร็จ

            สีหน้าคาดหวัง รอคอยคำตอบของดิมทำให้เขาอึกอัก

            รู้ดีว่าคำพูดหลังจากนี้จะเปลี่ยนอนาคตของพวกเราไปตลอดกาล...รู้ดีว่าถ้าดิมรู้ความจริง  เขาจะต้องโกรธจนไม่มีทางมองหน้ากันได้ติด...รู้ดีว่าเขากำลังทำร้ายใครบางคนอย่างขี้โกงที่สุด

            รู้ดี  แต่ก็ยังจะทำ...ในเมื่อการตามติณธรมาที่เกาะครั้งนี้ของดิม อาจเป็นโอกาสสุดท้าย  แล้วจะแปลกอะไรที่เขาจะพยายามทำบางสิ่ง เพื่อไขว่คว้าโอกาสให้ตนเองบ้าง..

            “จริง...แต่มีข้อแม้ว่า   เราจะต้องแต่งงานกัน...ดิมไม่ต้องห่วงนะ  เราแต่งกันปลอมๆก็ได้  พอพ่อรันเชื่อ  แล้วดิมได้ทุนมาต่อยอดวิจัยอีกสองปี  ถึงตอนนั้น  เราก็ค่อยหย่ากัน”

            ..เพราะนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาเช่นกัน

            ...................................................................................

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk





           ติณธรตื่นขึ้นในตอนเช้า  รู้สึกดีขึ้นมากจนเกือบเท่าปกติ  กวาดตามองข้างตัวก็เห็นน้องสาวยังนอนหลับสนิท  เขาค่อยๆขยับตัวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา  ไม่ให้เธอตื่น

            ชะโงกดูเจ้าเต้ที่นอนบนเตียงเสริมอีกฟากของห้องก็เห็นยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่เช่นกัน   

            ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องนอน   ด้านนอกเป็นห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า  มีห้องครัวเล็กๆอยู่ทางด้านหลัง  ติดกับห้องน้ำและห้องเก็บของ   ตรงข้ามกับห้องนอนของเขากับครอบครัว  เป็นห้องนอนของนายแพทย์ทั้งสองคน  ประตูห้องนั้นปิดเงียบ...คงกำลังหลับสนิทอยู่กระมัง

            อยากรู้ว่าคนๆนั้นจะคิดว่าอย่างไรบ้างที่เขาไม่ได้ไปพบที่ชายหาดตามนัดหมาย  จะเข้าใจว่าเขายังโกรธอยู่  หรือเข้าใจว่าเราจบสิ้นกันแล้วจริงๆอย่างที่เขาพยายามบอกหัวใจของตัวเองอยู่เช่นกัน

            บางที  เค้าอาจจะต้องการคำอธิบายจากเรา... หรืออาจจะไม่ต้องการอะไรเลย

            ติณธรรีบจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จ   เขาเข้าไปในห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้น้องสาวและหลานชาย   เปิดตู้เย็นก็พบว่านอกจากน้ำเปล่าสามขวดแล้ว ก็ไม่มีอาหารสดแช่เอาไว้เลย 

            ก๊อกๆ  เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าบ้าน

            นักเขียนหนุ่มเดินไปชะโงกดูที่หน้าต่าง เห็นเจ้านายร่างสูงโปร่งยืนชะเง้อมองอยู่แล้ว   เขาจึงรีบเปิดประตูให้ชายหนุ่มเข้ามาภายในบ้านพัก

            “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเต  เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหมฮะ  ทานข้าวเช้าหรือยัง  ผมมาชวนไปตลาด”  ภาคย์พูดเร็วปรื๋อ  จนคนฟังหัวเราะเพราะเลือกตอบไม่ทัน

            “สวัสดีครับคุณภาคย์ เดี๋ยวนะครับ  ฮ่าๆ  เมื่อคืนผมก็นอนหลับดีครับ  ยังไม่ได้กินข้าวเลย  กำลังหิวทีเดียว ในตู้เย็นก็ไม่มีเสบียงเลยด้วย  คุณจะไปตลาดหรอ  ผมไปด้วยคนนะ”  พูดจบเขาก็หมุนตัวกลับเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์ภายในห้องนอน   กลับออกมานอกห้องก็เห็นแขกกำลังด้อมๆมองๆอยู่ด้านหน้าห้องนอนอีกห้องหนึ่ง

            “ไม่รู้ว่าพวกคุณหมอตื่นหรือยังนะครับ   จะได้ซื้ออาหารเช้ามาเผื่อ”

          “เค้าคงหาอะไรกินกันได้เองอยู่แล้วล่ะครับ”  เตตอบสั้นๆ

            ตลาดสดอยู่ไม่ห่างจากบ้านพักมากนัก  ใกล้พอที่จะเดินไปได้  ทั้งคู่จึงเลือกเดินเลาะริมหาดไปเรื่อยๆ   ลมพัดเฉื่อยฉิวหอบเอากลิ่นไอทะเลเค็มๆชื้นๆมาด้วย ทำให้รู้สึกสดชื่นกว่าปกติ   ภาคย์เล่าเรื่องการทำงานเมื่อตอนเช้ามืดของทีมงานช่างภาพให้ฟังอย่างสนุกสนาน   ถึงจะมีอุปสรรคไปบ้างแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี  งานทุกอย่างเสร็จสิ้น  เหลือแต่ทริปดำน้ำดูปะการังที่กรกฎจะพาทุกคนไปตอนสายๆวันนี้เท่านั้น

            พวกเขาเดินมาจนถึงตลาด  มีของทะเลสดๆให้เลือกซื้อมากมายจนเลือกไม่ถูก  เขาเดินแวะแผงนั้นวนแผงนี้อยู่พักใหญ่โดยมีชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้านายช่วยหอบหิ้วของให้แบบไม่ปริปากบ่นสักคำ

            “ของที่นี่สดจริงๆนะครับ คุณภาคย์  ราคาก็ถูกกว่าบนฝั่งมาก”  นักเขียนหนุ่มพูด  เขายกถุงปูนึ่งในมือขึ้นมาดูอย่างพอใจ   คนฟังหัวเราะหึๆ

            “แน่ละครับ  ก็คนขายเขาเพิ่งออกเรือไปตกมาเมื่อคืนนี่เอง   แถมขายเองแบบไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง  ผมล่ะชอบจริงๆ  คราวที่แล้วมาก็มาซื้อเอาที่นี่ตอนเช้าเหมือนกัน ...เหนื่อยหรือยังคุณเต  เหงื่อคุณโชกทีเดียว”  ภาคย์พูด  เขามองใบหน้าเรียวหวานที่มีเม็ดเหงื่อซึมตามไรผมหยิกนั้นอย่างเอ็นดู

            ติณธรหลบตา  เสมองไปทางอื่น

            “ไม่เหนื่อยหรอกครับ  สนุกดี  แดดเริ่มแรงแล้ว  เรากลับบ้านพักกันดีกว่าฮะ  ป่านนี้ข้าวตังกับเต้คง....”  คำพูดของเขาขาดหายไปในลำคอ   เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบุคคลคู่หนึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้เข้า

            จะหลบหลบไม่ทัน   เตสบตาคมเข้มคู่นั้นเข้าอย่างจัง

            คิ้วคมข้างหนึ่งเลิกขึ้นเล็กน้อยคล้ายประหลาดใจ  รดิศตวัดสายตามองของในมือนักเขียนหนุ่มและคนที่ยืนอยู่ข้างๆนั้น   ภาคย์เพิ่งหันมาเห็นพอดี  ร้องทักเขากับรันเสียงดังกว่าปกติ

            “อ้าว  หมอดิมหมอรัน   มาเดินตลาดเหมือนกันหรือครับ”  รันยิ้มรับ  พูดเสียงใส

            “ครับ  อรุณสวัสดิ์ครับคุณภาคย์คุณเต...ซื้ออะไรมาน่ะครับ  น่าทานเชียว”  กุมารแพทย์เอียงคอ กวาดสายตามองอาหารสดในมือของทั้งคู่  ขณะที่ติณธรลอบสังเกตผู้ชายหน้าเข้มคนนั้นเงียบๆ

            ใบหน้าคมดูอิดโรยกว่าปกติ  ไม่สดใสเท่าที่ควร  หรือจะเป็นเพราะความหมองคล้ำใต้ตากันนะ?...หัวใจของเตกลับเต้นแรง  วูบหนึ่งที่เขานึกดีใจขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

            หรือว่า...เค้าจะรอเราอยู่ที่ชายหาดนั่นจริงๆจนดึกดื่น  ก็เลยมีสภาพโทรมๆอย่างที่เห็น

            “พวกอาหารสดน่ะครับ  ซื้อมาเยอะเพราะจะได้เผื่อตอนกลางวันไปด้วยเลย   แล้วก่อนกลับตอนบ่ายค่อยแวะซื้อกลับบ้านอีกที   อ้อ  เที่ยวเรือขากลับตอนสี่โมงเย็นนะครับ  ส่วนทริปดำน้ำ  น่าจะประมาณสิบเอ็ดโมงครับ”   ภาคย์พูดอย่างสุภาพ

            “ขอบคุณมากครับ”  รดิศตอบกลับ   มุมปากกระตุกเล็กน้อยคล้ายแยกเขี้ยวมากกว่ายิ้ม   เขามองหน้าใครบางคนนิ่งๆ  ความน้อยใจปนโกรธพุ่งปราดขึ้นมาจนต้องกัดริมฝีปากเอาไว้ไม่ให้หลุดคำพูดแรงๆออกมา

            ...เมื่อคืนไม่ยอมมาตามนัด  รุ่งเช้ากลับมาเดินควงไอ้หน้าตี๋นี่ซะงั้น  หรือว่านี่จะเป็นคำตอบของนาย..ตั้งเต

          ภาคย์กับติณธรเดินจากไปแล้ว  ทว่าศัลยแพทย์หนุ่มยังยืนอยู่ที่เดิม  เขามองตามหลังร่างของทั้งสองคนนั้นพลางเม้มปาก   แววตาฉายแววครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

            “เราก็กลับกันบ้างดีกว่านะดิม  ทานข้าวกันก่อน ค่อยไปดำน้ำ”  คุณหมอเด็ก พูด เขามองตามสายตาของอีกฝ่ายไปเงียบๆ

            “รันจะดำแบบSCUBA ใช่มั้ย”  จู่ๆดิมก็หันถาม  คนฟังพยักหน้ารับ

            “อื้ม  ทุกทีก็ดำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”  ย้อนถามงงๆ  ปกติเวลาไปเที่ยวทริปแบบนี้   อีกฝ่ายก็ลงดำน้ำลึกด้วยกันทุกทีไม่ใช่หรือไง    พวกเขาเคยเข้าคอร์สฝึกดำน้ำด้วยกันตอนอยู่ที่นู่นหลายปีเลยด้วยซ้ำ

            “งั้นรันดำสกูบาไปก่อนนะ  คราวนี้ผมจะดำสน็อกเกิ้ลสักพัก   พอเบื่อแล้วจะตามไปดำสกูบาด้วย  ฝากจองเรือเอาไว้ให้ผมลำนึงด้วยนะ”  วิรัลขมวดคิ้ว

            “ทำไมล่ะ”

          รอยยิ้มมุมปากของผู้ชายหน้าเข้มทำให้เคนเห็นรู้สึกเสียวสันหลังวูบชอบกล   รดิศไม่ตอบ หากแต่ออกเดินตามหลังสองคนนั้นกลับไปที่บ้านพักบังกะโลเงียบๆ   

            กลับมาถึงบ้านพักก็พบว่าครอบครัวของนักเขียนหนุ่มนั่งล้อมวงทานข้าวกันอยู่แล้ว   ข้าวตังเอ่ยชวนให้คุณหมอทั้งสองร่วมวงด้วย  วิรัลอึกอักตรงข้ามกับอีกคนที่ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นข้างๆเด็กชายเต้ทันที  ทำให้คุณหมอเด็กต้องทิ้งตัวลงนั่งข้างหญิงสาวบ้างอย่างไม่เต็มใจนัก

            “อร่อยมั้ยครับเต้  ไหนลุงกินบ้างสิ”  ดิมเรียกแทนตัวเองอย่างสนิทสนม 

            “อร่อยครับ  นี่เต้แบ่งให้”  เด็กชายแบ่งปูนึ่งในจานให้เขาครึ่งหนึ่ง   รดิศยิ้มกว้าง  พูดคุยเล่นหัวกับเด็กน้อยอย่างอบอุ่นราวกับเป็นญาติสนิท   ทว่าเขากลับไม่สนใจบิดาของเด็กที่นั่งอยู่ถัดไปเลยสักนิด

            ไม่แม้แต่จะเหลือบมองมา   คล้ายกับว่าที่ข้างตัวเต้เป็นอากาศว่างเปล่า..

            “เดี๋ยวคุณหมอจะไปดำน้ำกันไหมคะ”  ข้าวตังถามขึ้นในตอนหนึ่ง

            “ไปครับ   แต่ผมดำไม่เป็นหรอกนะฮะ”   รดิศพูดแกมหัวเราะ  ขณะที่วิรัลเหลือบตาขึ้นมองแวบหนึ่ง   แต่ไม่ได้ท้วงอะไร  เขานิ่งฟังต่ออย่างสนใจ

            “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  คุณปกรณ์บอกว่าจะสอนให้   หลักสูตรเร่งรัดน่ะค่ะ   ใช่ไหมคะพี่เต”  เธอหันไปถามสามีในนามที่นั่งอยู่ข้างๆ  เตเงยหน้าขึ้นจากจานอาหาร  ตอบสั้นๆ

            “ใช่”

            “อ้อ  ดีจังนะครับ  แต่ไม่รู้ว่าคุณปกรณ์เขาจะยินดีสอนให้ผมด้วยไหม  อาจจะเต็มใจสอนคุณเตคนเดียว”  จบประโยคดวงตาเรียวดำขลับก็ตวัดขึ้นมองหน้าเขาทันที   รดิศสบตาคู่นั้นแวบเดียวแล้วก็เมินหลบ

          “ต้องยินดีสิคะ   นี่ถ้าตังแข็งแรงตังก็ว่าจะดำด้วยเหมือนกัน   เสียดายจัง  ..คุณหมอรันละคะ  เรียนด้วยกันมั้ย”

          “เอ้อ...ผมดำน้ำเป็นแล้วครับ”  วิรัลพูด    เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างที่อดีตคนรักพยายามจะทำอยู่   เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกอิจฉาผู้ชายผมหยิกที่นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่รับรู้อะไรเลยและโกรธคนข้างตัวที่ดูจะพยายามมากเหลือเกิน

            ทั้งๆที่เตก็ไม่มาแล้วเมื่อคืน  ทำไมดิมถึงยังไม่เลิกอีก..

            “ถ้ากินกันเสร็จแล้ว  เราออกไปกันเลยมั้ยคะ   เดี๋ยวพวกคุณภาคย์จะรอนาน”   ข้าวตังบอกหลังจากเห็นทุกคนรับประทานกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว 

            ติณธรมองตามคนที่เดินหายเข้าไปในห้องพักของตนพร้อมกับว่าที่คู่หมั้นนั้นแวบหนึ่ง  เขาไม่อยากไปดำน้ำดูปะการังอะไรนั่นแล้วตอนนี้   ไม่อยากเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย  ไม่อยากพบ  ไม่อยากฝืนทำตัวปกติ

            ทั้งๆที่ข้างในอกมันแทบจะระเบิดออกมาเป็นจุลอยู่แล้ว

            “พี่ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ...พี่ว่า”   เขาหันไปบอกน้องสาวด้วยเสียงแหบ 

          “อ้าวเหรอคะ   หรือว่าไข้จะกลับ?”  ข้าวตังเดินเข้ามาดูเขาอย่างเป็นห่วง  ยกหลังมือขึ้นแตะที่หน้าผากและซอกคอของเขา

            “ตัวไม่ร้อนนะคะ  เอาไงดี  พี่เตไปไหวมั้ยคะ”    หญิงสาวเดินไปหยิบยามาส่งให้เขาสองเม็ด   ตั้งเตรับมาถือเอาไว้

            “พี่ขอนอนพักสักหน่อยดีกว่า  ตังไปก็ได้นะถ้าอยากไป  มีหมอไปด้วยตั้งสองคน  นั่งเล่นบนเรือเฉยๆก็ได้  ไม่เป็นไรหรอก”  ชายหนุ่มพูด  เขายกมือขึ้นบีบนวดที่ข้างขมับของตัวเองเบาๆ

            หญิงสาวทอดสายตามองคนเป็นพี่อย่างครุ่นคิด  สุดท้ายเธอก็พยักหน้ารับ       

            “ตกลงค่ะ  ถ้างั้นพี่นอนพักไปก่อนนะคะ  แล้วเดี๋ยวตังจะกลับมา   ตังเอาเต้ไปด้วยนะคะ  พี่เตจะได้พักผ่อนเต็มที่ไม่ต้องห่วงลูก   ส่วนคุณภาคย์กับคุณปกรณ์เดี๋ยวตังบอกให้ว่าพี่เตไม่ค่อยสบาย”

            ชายหนุ่มพยักหน้ารับ   เขาเอนตัวลงนอนบนเตียง ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอ   ได้ยินเสียงน้องสาวเตรียมของจนเสร็จก็เดินมาหอมแก้มเขาทีหนึ่งก่อนจะเดินออกไป   ได้ยินเสียงประตูปิดแผ่วเบาตามด้วยเสียงฝีเท้าของคนหลายคนลงไปจากบ้านพัก 

            จากนั้นทั้งบ้านก็เงียบสงัด

            นักเขียนหนุ่มลืมตาขึ้น  เขานอนมองเพดานอยู่พักหนึ่งตอนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้ากลับเข้ามาภายในตัวบ้าน  ก่อนที่ประตูหน้าห้องจะถูกเคาะเบาๆสามครั้งตามด้วยเสียงไขกุญแจ  แล้วก็เปิดเข้ามาเลยแบบไม่รอให้เขาอนุญาต

            ติณธรผงกศีรษะขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นผู้บุกรุก   ขณะที่อีกฝ่ายเพียงแต่ยิ้มมุมปากเท่านั้น

            “คุณ...ออกไปนะ”  เสียงลอดลำคอแห้งผากออกมาแหบพร่ากว่าทุกครั้ง   เตกระถดตัวขึ้นนั่งบนเตียงเมื่อร่างสูงสมส่วนของอีกฝ่ายเดินล้วงกระเป๋าเข้ามาภายในห้องเขาอย่างสบายๆ ราวกับฟังภาษาไทยไม่ออก

            สบดวงตาคมเข้มคู่นั้น   ชายหนุ่มก็บอกตัวเองได้ว่า

            เขา..เสียท่าอีกฝ่ายซะแล้ว

            .......................................................................................

            รดิศแทบไม่แปลกใจเลยเมื่อเห็นว่าคนที่ออกจากบ้านพักมาด้วยกันนั้นจะมีเพียงดาวประดับและเต้เท่านั้น  ส่วนนักเขียนหนุ่มขอตัวนอนพักผ่อนที่ห้องเนื่องจากปวดศีรษะกะทันหัน

            “แล้วคุณเตเป็นอะไรมากไหมครับเนี่ย” ปกรณ์และภาคย์ที่ต่างมีสีหน้าร้อนรนไม่แพ้กันหันไปซักถามข้าวตังอย่างละเอียด   หญิงสาวเพียงแต่ตอบสั้นๆว่าแค่ปวดศีรษะเท่านั้น  ไม่ได้มีไข้อะไร

            “ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปดูให้ไหมละครับ”  คุณหมอรดิศเสนอตัวขึ้นมายิ้มๆ  ทำเอาใครหลายๆคนในวงอึ้งไปตามๆกัน 

            “เอ้อ  แล้วคุณหมอไม่ดำน้ำหรอครับ”

          “ไม่เป็นไรครับ  ผมไม่ถนัดดำน้ำเท่าไหร่   คนที่อยากดำคือหมอรันนู่นครับ  ผมตามมาด้วยเพราะเป็นห่วงเฉยๆ”   รดิศพูดกลั้วหัวเราะ

            วิรัลรับฟังประโยคนั้นด้วยความรู้สึกปวดแปลบในใจ  รู้อยู่เต็มอกว่าใครกันแน่ที่อีกคน ‘เป็นห่วง’  แต่ก็ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้ภายใต้สีหน้ายิ้มแย้ม

            “ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกน่า  ใช่ไหมครับคุณภาคย์”  ภาคย์มองไปที่ทั้งคู่อย่างไม่สบายใจ  เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรผิดปกติสักอย่าง   และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ...

            รดิศกำลังหาโอกาสอยู่กับนักเขียนของเขาสองต่อสองใช่ไหม?

            “ถ้าอย่างนั้นตังฝากดูพี่เตด้วยนะคะคุณหมอดิม   งั้นก็เอาตามนี้ล่ะกันค่ะ   ขอบคุณมากนะคะ”  จู่ๆภรรยาของบุคคลต้นเหตุก็พูดขึ้นมาหน้าตาเฉย  ทำให้ ‘คนอื่น’ หมดสิทธิที่จะออกความเห็นใดๆ  จำต้องยอมรับการติดสินใจนั้น

           รดิศสบตากับคนไข้ของเขาแวบหนึ่ง  เขาค้อมศีรษะให้หญิงสาวนิดๆแทนคำขอบคุณที่ไม่ต้องเอ่ยปากบอก  เธอยิ้มตอบ  ไม่ได้พูดว่าอะไรอีก

            คุณหมอหนุ่มแยกตัวออกมาจากคณะที่พากันเดินไปขึ้นเรือที่ท่าเพื่อออกไปดำน้ำกัน  เขาลอบยิ้มอย่างสมใจเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้น

            กะเอาไว้แล้วว่าคนๆนั้นจะต้องขอถอนตัว  ไม่ไปดำน้ำด้วยแน่ถ้ารู้ว่าเขาจะไปด้วย   และเหตุผลที่อีกฝ่ายจะไม่มานั้น ก็คือ ป่วย...ช่างแสนจะลงล็อคเสียเหลือเกิน

            ชายหนุ่มเดินกลับไปที่บังกะโล  เขาใช้กุญแจที่หญิงสาวให้มาเปิดประตูเข้าไปภายในห้องของนักเขียนหนุ่มได้อย่างง่ายดาย  เกือบหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้า ‘แตกตื่น’ ของคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง

            “คุณ...ออกไปนะ”

            คนฟังเลิกคิ้ว

            “ได้ข่าวว่าปวดศีรษะ  คุณตังก็เลยให้ผมมาดูอาการของคุณ”  เขาพูดเนิบๆ  ก่อนจะเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างตัวอีกฝ่าย  ตั้งเตกระถดตัวหนี  ตาเรียวดำขลับเบิกกว้าง

            “ผมไม่เป็นอะไรมากแล้ว  คุณกลับออกไปเถอะ”  นักเขียนหนุ่มพูดเร็วปรื๋อ

            “อ้าวเหรอ   ถ้างั้นเราก็ไปดำน้ำด้วยกันได้แล้วสิ”

       ติณธรเกือบจะร้องไห้ออกมา  นึกรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงวางแผนเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้น  ถึงได้ดักหน้าดักหลังเขาได้หมดอย่างนี้ 

            “ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น  ออกไปจากห้องผม”  กัดฟันพูด   พยายามจะลงจากเตียง  ทว่าท่อนแขนแข็งแรงก็เอื้อมมาพาดลำตัว  กั้นเอาไว้ไม่ให้เขาลุกหนีเสียก่อน

            แว่วเสียงหัวเราะเบาๆข้างหู   รู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายรินรดที่ข้างแก้ม  ทำเอาเจ้าของห้องตัวแข็ง ไม่กล้าขยับตัว

            “จะไล่กันท่าเดียวเลยนะ”   ดิมกระซิบ  “นายไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นแหละ  จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง”

          คนฟังเบือนหน้าหลบ   เอาแต่ก้มหน้างุดจนรดิศต้องเอื้อมมือมาเชยคางขึ้น  กระนั้นอีกฝ่ายก็ยังเลี่ยงไม่สบตาเขาอยู่ดี

            “บอกพี่ได้มั้ยว่าทำไมเมื่อคืนถึงไม่ยอมไป”  เขาพูดเสียงนุ่ม

           นักเขียนหนุ่มยกมือขึ้นปัดมืออีกฝ่ายที่จับที่คางตนเองออก  เขาอาศัยทีเผลอผลักร่างของคุณหมอที่นั่งริมเตียงอย่างหมิ่นเหม่นั้นเต็มแรงจนร่างสูงเสียหลักหงายหลังลงไปบนพื้น

            ตั้งเตรีบตะกายลุกจากเตียงแล้วเผ่นไปที่ประตู   แต่นั่นยังช้าไปเมื่อเทียบกับใครอีกคนที่ผุดลุกขึ้นด้วยความเร็วแสงแล้วหันไปรวบเอวของคนที่กำลังไปที่ประตู  กระชากทีเดียวร่างของนักเขียนก็ลอยละลิ่วติดอ้อมแขนของเขาไปกองอยู่บนเตียง

            ท่อนแขนแข็งแรงที่รัดแน่นบริเวณเอวและยึดข้อมือของเขาไว้ทำให้เตกระดิกตัวไม่ได้   เขาขยับจะยกเข่าขึ้นดันร่างของคนที่คร่อมอยู่ข้างบนทว่าอีกฝ่ายก็กลับแนบลำตัวลงมาชิดอย่างรู้ทัน

            ลมหายใจของรดิศเป่ารดที่ซอกคอทำเอาติณธรรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด   เขาหมดทางดิ้นรนหนี  ทำได้แค่เพียงมองสบตาคมเข้มนั้นในระยะประชิด

            มองเห็นเงาของตัวเองสะท้อนอยู่ในแก้วตาใสของกันและกัน    คล้ายมีแรงดึงดูดบางอย่างดูดดึงให้ทั้งสองไม่อาจละสายตาจากกันได้

            บางทีในจุดสีดำกึ่งกลางดวงตาคู่นั้นอาจจะเป็นหลุมดำกระมัง   ...ติณธรคิดอย่างเลื่อนลอย   ขณะที่จุดดำสนิทนั้นค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆคล้ายจะดูดกลืนทุกสิ่งจนโฟกัสไม่ชัดอีกต่อไป

            เตหลับตาลง

            รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายบริเวณเหนือริมฝีปาก   รับรู้ได้โดยไม่ต้องมองเห็นว่าใบหน้าของพวกเขาอยู่ชิดกันแค่ไหน

            หัวใจเต้นแรงเหมือนทุกครั้งที่อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้

            รู้สึกถึงสัมผัสบางเบาจากปลายนิ้วที่คิ้วทั้งสองข้าง  ไล้ลงมาที่เปลือกตาของเขาที่ปิดสนิท   ก่อนที่ขนตาจะถูกปลายนิ้วนั้นกรีดเล่น

            มันเบาบางก็จริง  แต่กลับทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวเหลือเกิน   เตอยากเบือนหน้าหนี  อยากดันตัวออกจากอ้อมกอดอบอุ่นนี้   ทว่ามันยากเหลือเกิน   ในเมื่อลึกสุดใจแล้วเขาก็รู้คำตอบของหัวใจตัวเองดีว่าเป็นเช่นไร    ไม่ใช่คำปฏิเสธหรือผลักไสอย่างที่พยายามทำมาตลอด 

            อยากผลัก  แต่อีกใจหนึ่งก็อยากกอดเอาไว้

           น้ำตาไหลออกทางหางตาเงียบๆ   ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาผ่านริมฝีปากที่เม้มแน่น   ทว่าเขากลับได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆดังอยู่ข้างหู

            เสียงจากหัวใจของใครบางคนที่ไม่ใช่เขา

            ...............................................................


            มาต่อเรื่องนี้นะคะ 

          มีใครที่ยังรออยู่บ้าง55555+   

          คิดไปคิดมาเรื่องนี้ก็ใกล้จบมากแล้วนะ 

          ก็น่าจะเขียนต่อให้จบเนอะ

          ขอบคุณที่ติดตามกันมานานมากกกกกกกกก

          บางคนตามกันมาตั้งเเต่สมัยยังเป็นแฟนฟิค555

          เจอกันตอนหน้า  #ดิมเต 

     

ออฟไลน์ yjm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ T_TARS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หมอดิมต้องคุยกับตั้งเตให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะ
ไม่อยากดราม่าแล้ว เสียน้ำตากับตั้งเตมาเป็นโอ่งแล้ว ขอให้มีจบสวยๆเถอะนาาาาาา
 :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
รันเอ๊ย   มาขนาดนี้ยังไม่วาย  รู้ว่าใจสู่ แต่รู้อยู่แล้ววันว่าไม่เวิร์กก็ยังอยากที่จะทำต่อไป เพื่ออะไร?

You´ve got your chances. เคยได้โอกาศนั้นไปแล้ว เจ็บแล้วไม่จำ

มาถึงขนาดนี้แล้วเตยังจะใจแข็งอีกเหรอ  ทำเพื่ออะไร?  ลงโทษใคร?

ตามอ่านมานานในเด็กดี  ความใจแข็งของแต่ละตัวละครนี่แบบ...สุดๆ

จะใจแข็งหรือแข็งใจก็เถอะค่ะ

ยังไงก็จะตามอ่านจนกว่าจะจบนะคะ  อินมาก :katai1:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……

 
รอมานานมากเลย เหมือนที่พี่ดิมรอมาเจอเตนั่นแหละ. 555

อีกนิดนึงก้อจะจบแล้ว จะSad หรือจะHappy ก้อพยามให้ถึงที่สุดน้าาาา

เราก้อจะรอตอนต่อไป :)


………



 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5: 


...

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
รอลุ้นอ่านมานานมากเหมือนกัน
อยากรูัว่าตอนจบจะเป็นแบบไหน

good or bad ends
ยังไงก็ได้..เราคนอ่านจะยอมรับมัน

ทรมานเหมือนกันนะกับการลุ้นความรักสามเศร้าของสามคนนี้

ลงให้อ่านต่อจนจบนะ
pls

ป้อล่อ..เรารักเรื่องนี้มากเลย
กาซิก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คุยกันให้รู้เรื่อง ให้เข้าใจกันสักทีนะ

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Nobodylove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
 :z3: :z3: :z3: รอออออออออ

ออฟไลน์ มะลิมะลิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านได้3ตอนขอปักไว้ก่อน งานเยอะ วันหลังค่อยมาอ่าน เนื้อเรื่งต้นๆเครียดน่าดูเลยฮือออ เค้าไม่ชอบมาม่า จบสวยๆหรือเปล่าคะ ถ้าจบ แบดเอ็นเค้าจะได้ไม่อ่านต่อ กลัว :ling3:

ออฟไลน์ jeabjunsu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ยยยย มีความเครียด มีความลุ้น มีความเหนื่อยมากเลยค่า อนากเห็นบทสรุปของตัวละครแต่ละตัวจะแย่แล้ว

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
 :L2:
ถ้ามีเวลามาต่อเถอะอยากอ่านแล้ว
 :mew1:


ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ประชดกันไปประชดกันมา แล้วคนเขียนก็หายไปกับสายลมอีกครั้ง อยากรู้บทสรุปแค่นั้น เฮ้อ..  :heaven
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2018 19:18:39 โดย mareya.no7 »

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
อ่านทันแล้ววว
 :a9:

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
 :z13: :z13: :z13:
มาต่อเถอะอยากอ่านมาก
 :mew2:

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด