。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10  (อ่าน 77095 ครั้ง)

ออฟไลน์ Maitre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
“พี่ว่าน ช่วยผมหน่อยสิ” เสียงโจมร้องเรียกมาจากอีกฝั่งหนึ่งของสวน สมแล้วที่เขาเลือกเรียนเกษตรฯ ดูท่าโจมจะชอบ...ไม่ดิ รักต้นไม้เอามากๆ เลยครับ นี่เอาต้นใหม่มาลงอีกแล้ว
 
ผมเดินไปหาคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ เหมือนจะเจอปัญหาใหญ่เลยล่ะ “มีอะไรโจม”
 
“ถ้าบอกไปพี่จะโกรธป่ะ”
 
“บอกมาสิ”
 
“ผมว่าเราต้องจัดสวนใหม่อีกรอบ”
 
อะไรนะ รอบนี้รอบที่สามแล้วนะครับโจม แล้วสวนที่บ้านน้องนี่ไม่ใช่เล็กๆ นะครับ อีกนิดเดียวก็เปิดร้านขายต้นไม้ไปเลยเถอะ
 
“ทำหน้าอย่างนั้นกำลังด่าผมใจในเหรอ”
 
“เปล่า” ผมยังไม่ได้หลุดคำหยาบคายออกมาสักคำไม่ถือว่าด่านะครับ เรียกว่าบ่นด้วยความอัดอั้นตันใจถึงจะถูกกว่า “แต่โจมจะต้องจัดสวนใหม่ทุกครั้งที่เอาต้นไม้มาลงเพิ่มเหรอ”
 
“ก็มันไม่มีที่ให้ลง” เขาหันหน้ามามองผม “จะไม่ช่วยก็ได้นะ”
 
“ช่วยสิช่วย จะทิ้งให้โจมทำคนเดียวได้ยังไงครับ”
 
อีกคนยิ้มพอใจ ก่อนที่ผมจะลงมือช่วยเขาจัดสวนใหม่อีกครั้ง ก็งานเดิมๆ ครับ ย้ายต้นนี้ไปไว้ทางโน้น ย้ายต้นโน้นไปไว้ทางนั้น ย้ายไปย้ายมาเหมือนมันกลับมาอยู่ที่เดิมในตอนแรกเลย
 
“แล้วตรงนี้จะวางอะไร”
 
“เอาไว้แบบนั้นแหละ” โจมตอบหลังจากที่ผมถามถึงบริเวณว่างๆ ส่วนหนึ่งของสวน “พี่จะเอาแคคตัสของพี่มาไว้บ้านผมก็ได้นะ ไม่มีแมวมากวนหรอก”
 
ผมชอบแคคตัสครับ นี่ก็ไปตระเวนหามาปลูกได้มาสิบกว่าต้นแล้ว แต่เลี้ยงที่บ้านลุงชูแล้วแมวมันชอบกระโดดข้าม จนทำให้บางต้นมันหล่นลงมา
 
เมื่อครู่โจมพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบๆ เหมือนเคย แต่ผมรู้สึกว่าสำหรับเรามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป แต่ยังคงบอกไม่ได้ว่าอะไรมันเปลี่ยนไปกันแน่
 
“ก็ดีนะ”
 
“พรุ่งนี้ขนมาเลยแล้วกัน”
 
“อยู่เฉยๆ นะโจม”
 
ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเพื่อเช็ดคราบดินที่เปื้อนใบหน้าเนียนออก ผิวของโจมมันลื่นมือมากเหมือนกับผิวเด็กเลยครับ (มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีรอบแผลเป็นจางๆ สองสามรอย) พาเอาเพลินจนอยากจะสัมผัสอีกครั้ง และพอผมกวาดสายตาเพื่อที่จะจะมองว่าหน้าเขาจะเลอะที่ไหนอีกมั้ย เราก็ได้สบตากัน
 
ผมอาจจะพูดเวอร์ไปนะ แต่คุณเชื่อหรือเปล่าว่ามันเหมือนเวลาหยุดนิ่งจริงๆ สายตาของโจมทำให้ผมตรึงอยู่กับเขาไม่อยากจะผละออกไปไหน เขาเป็นคนที่มีดวงตาที่สวย...มันคมเข้ม ชวนมอง คล้ายว่าข้างในมีอะไรให้ค้นหา
 
ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ผมค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้เขา ซึ่งโจมเองก็เช่นกัน แล้วเราสองคนค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ก่อนที่จะ…
 
“โจม! ว่าน! ออกไปซื้อของให้แม่หน่อย”
 
ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว…
 
ผมเสสายตามองไปทางอื่น อยู่ดีๆ ก็หน้าร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น และไม่ใช่ผมคนเดียวครับ อีกฝ่ายก็หน้าแดงไม่แพ้กัน
 
“เอ่อ...พี่ไปเตรียมตัวก่อนนะ แล้วเจอกัน”
 
“อือ...ครับ”
 
 
เรานั่งรถมาซื้อของให้คุณแม่ในตลาด ระหว่างทางมันให้ความรู้สึกตะขิดตะขวงชอบกล ผมไม่กล้ามองหน้าโจมตรงๆ เลยครับ พอเห็นเขาก็ต้องเสหน้ามองไปทางอื่นเสมอ มันคอยจะนึกถึงดวงตาเขาที่มองจ้องผมมา และก็ฉากที่เรากำลังจะจูบกัน
 
คุณป้าให้ผมกับโจมมาซื้อแป้งทำขนม พรุ่งนี้วันพระ ท่านจะทำบัวลอยน้ำกะทิไปทำบุญที่วัด ครอบครัวนี้เข้าวัดบ่อยมาก ทำเอาผมที่ติดสอยห้อยตามไปด้วยกลายเป็นคนชอบทำบุญไปเลย
 
“พี่ว่านอยากกินอะไรหรือเปล่าจะได้ซื้อไปทีเดียว”
 
“อือ...เมื่อเช้าดูทีวีแล้วเห็นเขาทำกล้วยบวชชี อยากกินเหมือนกัน”
 
“งั้นคงต้องแวะตรงสี่แยกซื้อกล้วย แม่ชอบซื้อร้านนั้นแหละ”
 
“ได้ เดี๋ยวแวะให้”
 
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เราสองคนคุยกันมากขึ้น โจมไม่ใช่คนที่ถามคำตอบคำสำหรับผมอีกต่อไป จริงๆ แล้วเขาพูดเก่งนะครับ แต่ที่พูดน้อยคงเพราะโดนแจมแย่งพูดไปหมด เลยติดนิสัยไปใช้กับคนอื่นๆ
 
“โจม!” เสียงคุ้นหูร้องทักจากด้านหลัง ผมล่ะอยากจะรู้เหลือเกินว่าเมื่อไหร่ชีวิตของโจมจะหลุดพ้นจากผู้หญิงคนนี้
 
จากตอนแรกเฉยๆ...ผมกลายเป็นไม่ชอบหน้าคุณอรเหมือนแจมไปเสียแล้ว
 
โจมทำหน้าเซ็งอารมณ์ก่อนจะหันกลับไปหาคุณอร “มีอะไร”
 
“นี่โจมทักอรแบบนี้แล้วเหรอ” คุณอรหายไปเป็นอาทิตย์ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในวันนี้ ผมนึกว่าเรื่องมันจะจบไปตั้งแต่วันนั้นที่วัดแล้วเสียอีก
 
“แล้วจะให้ทักแบบไหน”
 
“ก็แบบเป็นยังไงบ้างอร สบายดีหรือเปล่า…”
 
“อรก็ดูสบายดี” โจมคงรำคาญเลยตัดบทคุณอร “แล้วอรมีอะไร”
 
คุณอรมองผมกับโจมสลับกันไปมา ก่อนจะถาม “ทำไมมาด้วยกัน”
 
“คนเป็นแฟนกันก็ต้องมาด้วยกันสิครับ” อันนี้ผมเป็นคนตอบ เพราะถ้าให้โจมพูดอยู่ฝ่ายเดียวมันคงดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ “คุณอรทักแฟนผม มีอะไรกับแฟนผมหรือเปล่า”
 
ทำไมพูดคำว่า ‘แฟน’ แล้วมันเขินๆ ยังไงชอบกล
 
“อย่ามาโกหกกันเลย อรไม่เชื่อหรอกนะ...โจม โจมบอกอรมาสิว่ามันไม่จริง”
 
“อะไรที่อรไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าผมกับพี่ว่านเป็นแฟนกัน หรือไม่เชื่อว่าผมเลิกรักอรแล้ว”
 
“ก็ทั้งสองอย่าง อรไม่เชื่ออะไรเลย โจมจะเลิกรักอรได้ยังไง อรยังเลิกรักโจมไม่ได้เลย”
 
ผมถอนหายใจ ชีวิตผมเจอผู้หญิงมาก็มาก แต่ไม่เคยเจอสักคนที่เซ้าซี้แบบคุณอร (ชักจะไม่อยากเติมคุณให้แล้วครับ ถ้าไม่ติดว่าเขาอายุมากกว่าผม)
 
“ผมขอถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่าครับคุณอร”
 
“อะไร” เธอตวัดสายตามองมาที่ผม ถามกลับด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น
 
“คุณจะเอาอะไรจากโจมอีก ตอนนี้คุณมีทุกอย่างแล้ว คุณมีสามีที่ดี มีอนาคตที่ดี คุณเลิกยุ่งกับโจมสักทีเถอะครับ” ผมก้าวออกมาหนึ่งก้าวเพื่อกันโจมไว้จากผู้หญิงคนนี้ “ผมบอกคุณไปแล้วไงว่าไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่มีทางได้โจมคืน”
 
“ฉันจะทวงเขาคืน”
 
“ในฐานะอะไรครับ...กิ๊กเหรอ หรือชู้”
 
“...อะไรก็ได้ขอแค่ให้มีเขาในชีวิต”
 
“งั้นเป็นเพื่อนมั้ยครับ ง่ายดีนะ...คนรู้จักก็ได้”
 
“ไม่! โจมจะต้องรักฉันเหมือนเดิม” ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่พูดยากและน่าเบื่อน่ารำคาญที่สุดในโลกที่ผมเจอ จากตอนแรกผมไม่เฉยๆ ตอนนี้เริ่มจะคิ้วกระตุกล่ะครับ
 
“อ้อ...ยังไงก็จะเอาให้ได้”
 
“ใช่!”
 
“งั้น...ถามสามีคุณอรดูเลยครับว่าเขาจะยอมหรือเปล่า”
 
“อะไรนะ!” คุณอรตาโตก่อนจะหันไปมองด้านหลังตามที่นิ้วของผมชี้ไป ที่จริงสามีคุณอรมายืนอยู่ข้างหลังเธอนานแล้วล่ะ รับรองว่าได้ยินประโยคเด็ดๆ ไปเพียบ “คุณทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ ไหนบอกจะเข้าห้องน้ำไง”
 
“...ผมลืมของจะมาเอา แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะได้ฟังอะไรดีๆ”
 
“มะ มันไม่ใช่นะคะ อรก็แค่…”
 
“พอเถอะอร วันนี้อรต้องพอได้แล้ว ไม่สงสารคุณโจมกับคุณว่าน ก็สงสารผมที่รักอรบ้างเถอะ”
 
ผมกับโจมปล่อยให้คนทั้งคู่ไว้อย่างนั้น ผมรู้เลยว่าเรื่องของโจมและคุณอรมันจะจบลงเพียงเท่านี้ ต่อจากนี้ไม่มีทางที่เธอจะมายุ่งกับโจมอีกเป็นแน่
 
ไม่อย่างนั้นเธอนั่นแหละที่จะเป็นคนไม่เหลืออะไรเลย
 
“ถามหน่อยสิ…” ผมพูดขึ้นตอนที่เรากำลังขนของจากในรถมาที่ครัว “โจมรักคุณอรมากหรือเปล่า”
 
“เคยรักมากจะถูกกว่า อรเป็นแฟนคนแรกและเป็นคนเดียว”
 
“แล้วทำไมโจมดูไม่เสียใจเลยที่อรแต่งงาน”
 
โจมวางถุงแป้งลงที่โต๊ะพร้อมๆ กับที่ผมวางอย่างอื่น
 
“ผมเสียใจจนเบื่อที่จะเสียใจแล้ว ตอนที่เราคบกันแล้วอรต้องไปเรียนต่อ ผมร้องไห้คิดถึงอรตลอด ผมรักเขามากแต่สุดท้ายก็รั้งเขาไว้ไม่ได้ เพราะมันคือทางที่ดีที่สุดสำหรับเขา...เหมือนคนมีประสบการณ์มั้ง พออรจะแต่งงานกับคนอื่นมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกัน มันเสียใจ...แต่ไม่มีหรอกน้ำตา ผมไม่อยากร้องไห้เพราะอรอีกแล้ว”
 
ผมไม่พูดอะไร เพียงแค่เดินไปยืนข้างโจมแล้วคว้าตัวเขาแล้วดึงเข้ามาโอบเอาไว้ อีกคนทิ้งหัวลงที่ไหล่ของผมเหมือนคนหมดแรง
 
“แล้วพี่ล่ะ เมื่อไหร่จะลืมปูนมันสักที”
 
“ลืมไม่ได้หรอก แต่ไม่รู้สึกอะไรแล้ว” จะให้ลืมใครสักคนไปจากความทรงจำมันทำยากนะครับ ผมว่าพวกคุณก็ไม่เคยลืมแฟนเก่าหรือรักแรกหรอก ที่เราทำได้ก็แค่ลืมความรู้สึกที่มีต่อเขา
 
“อือ ดีแล้วล่ะ”
 
“เราลองมาคบกันจริงๆ ดีมั้ย” ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมถามออกไปแบบนั้น แค่รู้สึกว่าอยากจะพูดมันออกมาเท่านั้น “เผื่อว่ามันจะทำให้โจมลืมความรู้สึกที่มีต่อคุณอรได้บ้าง”
 
“ไม่ล่ะ ผมไม่อยากคบใครเพื่อไม่ให้นึกถึงใคร พี่ก็ไม่ควรทำแบบนั้นเหมือนกันนะ”
 
“...”
 
“ถ้าเรื่องของเรามันจะไปต่อ ผมก็อยากให้มันเป็นเพราะเราสองคน ไม่อยากให้มันเป็นเพราะคนอื่น”
 
“...”
 
“ปล่อยให้มันเรื่อยๆ ไปอย่างนี้ ไม่ต้องเร่งรัดมันหรอก ผมไม่รีบ”
 
ผมคงรู้สึกแย่กับความรู้สึกที่เหมือนอกหักครั้งนี้แล้วล่ะ ถ้าไม่หันไปเจอรอยยิ้มกว้างๆ ของโจมเข้า ผมเลยทำได้แค่ใจเต้นแรง และยิ้มกลับ
 
“อือ...พี่ก็ไม่รีบ”
 
ไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดีครับ ไม่เหนื่อยดี ผมก็ชอบ

..
.
ครืด...ครืด...
 
ผมหยิบโทรศัทพ์ที่กำลังสั่นขึ้นมากดรับสาย โดยไม่ได้ดูชื่อคนที่โทร.เข้ามา “ครับ ว่านพูดครับ”
 
[“หายไปเลยนะมึง!!”] เสียงจากปลายสายทำให้ผมต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเล็กน้อย
 
“มึงไม่ต้องตะโกนก็ได้ไอ้โอม หูกูจะแตก” โอมเป็นเพื่อนสนิทของผมเองครับ ซี้กันมาตั้งแต่มัธยมยันมหา’ ลัยเลยทีเดียว “ว่าแต่มึงโทร.มามีเรื่องอะไรเหรอ”
 
[“มีสิ เรื่องใหญ่ด้วย บังเอิญว่าเพื่อนกูหายไปไม่เห็นหน้าเห็นตาเลยตั้งแต่ปิดเทมอ”] ผมหลุดขำ เพื่อนคนที่ว่านั่นต้องหน้าตาดีมากๆ แถมยังเป็นคนดีอีกด้วย
 
“เหรอ”
 
[“ไม่ต้องมา ‘เหรอ’ เลยนะไอ้ว่าน นี่มึงอยู่ไหนวะ ลืมไปแล้วหรือเปล่าวว่ามึงมีนัดอะไรกับพวกกูอยู่”] คำว่า ‘พวกกู’ นั้นหมายถึงเพื่อนมัธยมที่ทุกปิดเทมอเราจะมารวมตัวกันเสมอ
 
“กูมาทำธุระให้ที่บ้าน”
 
[“ธุระมึงนี่กินเวลานานจะเป็นเดือนเลยนะ”] ปลายสายประชด เสียงวุ่นวายที่เล็ดลอดเข้ามาทำให้ผมเดาได้ว่าตอนนี้ไอ้โอมไม่ได้อยู่คนเดียวแน่นอน เพื่อนๆ คงที่เหลือน่าจะอยู่ด้วย [“รีบกลับมาได้แล้ว นี่มังกรมันจะไม่อยู่แล้วนะเว้ย เดี๋ยวก็เที่ยวไม่ครบทีมหรอก”]
 
“มันจะไปไหนเหรอ”
 
[“พาแฟนไปเที่ยวกับที่บ้าน”] คำตอบของโอมทำเอาผมถึงกันเบ้ปาก มังกรเป็นเพื่อนอีกคน เรียกได้ว่าเป็นหัวโจกของกลุ่ม เมื่อก่อนอาจจะเป็นมังกร ทว่าตั้งแต่มีแฟนก็กลายเป็นเพื่อนแค่หนอนตัวเล็กๆ เท่านั้น [“มึงรีบกลับมาได้แล้วเดี๋ยวมันไม่อยู่แล้วแผนของเราจะล่ม พวกกูรอมึงอยู่คนเดียวเลยเนี่ย”]
 
“มึงจะไปกันวันไหนวะ”
 
[“มะรืนนี้ พรุ่งนี้มึงต้องกลับมาแล้วนะไอ้ว่าน นี่กูไปบอกเตี่ยมึงแล้ว เขาจะให้คนไปรับมึงแต่เช้า”]
 
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิวะ มันไม่เร็วเกินไปเหรอมึง”
 
“ไม่เร็วไปหรอก มึงต้องกลับมา ไปทำธุระนานแล้วนะเว้ย ถามจริง...มีอะไรน่าสนใจหรือไงถึงไม่อยากกลับ” คำพูดของไอ้โอมไม่ได้เข้าหูผมแม้แต่น้อย
 
ให้กลับไปตอนนี้เลยน่ะเหรอ…
 
ผมชะโงกหน้าจากหน้าต่างในห้องนอนเพื่อมองไปยังสวนด้านหลังของบ้านข้างๆ...ในสวน ร่างสมส่วนของคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาในช่วงนี้กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่โดยไม่รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตา
 
ยังไม่อยากกลับ
 
[“ว่าน ฟังอยู่หรือเปล่าวะ”]
 
“ฟังอยู่...ได้ กลับพรุ่งนี้เช้าเลย”
 
[“เยี่ยม! อย่างนี้สิวะเพื่อน แค่นี้นะกูไปบอกไอ้พวกนั้นก่อน”]
 
ผมวางโทรศัพท์ไว้ก่อนจะเดินลงมาจากห้องเพื่อไปบอกลุงชูว่าผมจะกลับบ้านแล้ว ลุงเหมือนตกใจ แต่ก็โล่งใจในเวลาเดียวกัน ก่อนจะสารภาพว่า
 
‘เมื่อวันก่อนเถ้าแก่ (เตี่ยของผมเอง) โทร.มาถามว่าทำไมคุณว่านยังไงกลับบ้านเสียที ที่นี่ทีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นหรือเปล่า’
 
ลุงบอกว่าลุงไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะวันๆ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากไปเที่ยวหาบ้านข้างๆ
 
ก็เรื่องที่น่าสนใจน่ะมันก็เรื่องของบ้านข้างๆ นั่นแหละ
 
ผมเดินไปบ้านโจมอย่างคุ้นเคย พอผมไปบอกว่าผมกำลังจะกลับ น้องแจม น้องสาวคนเล็กของผมก็โวยวายใหญ่
 
“ทำไมเร็วนักล่ะพี่ว่าน! เมื่อเช้าไม่เห็นพูดอะไรเลยสักคำนะ” ผมได้แต่ยิ้มด้วยความลำบากใจ จะให้บอกยังไงล่ะว่าที่กลับไปก็เพราะว่าต้องไปหาเพื่อนน่ะ “แล้วแบบนี้พี่โจมจะทำยังไงล่ะ”
 
“พี่ว่าเรื่องคุณอรโจมคงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” นึกไปถึงเรื่องที่เจอคุณอรครั้งล่าสุด หลังจากนั้นก็ไม่เคยมายุ่งกันอีกเลย
 
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย”
 
“ถ้าว่านไม่อยู่...โจมคงเหงาน่าดูเลย” คุณป้าเหลือบตามองมา ก่อนจะก้มลงตรวจการบ้านเด็กต่อ
 
“ใช่ๆ หนูคิดเหมือนแม่เลย ถ้าพี่ว่านกลับไปพี่โจมต้องเหงาแน่นอน”
 
“ไม่...หรอก...แจม” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงขาดห้วง เพราะรู้ดีว่าไม่ใช่เพียงโจมหรอกที่จะเหงา ผมนั่นแหละที่จะคิดถึงเขาจนแทบบ้า
 
ผมไม่อยากลับ ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น ผมยังอยากอยู่ที่นี่
 
“ว่าน...เย็นนี้เดี๋ยวป้าทำของโปรดว่านไว้ให้แล้วกัน อย่าลืมมาทานนะลูก” ผมมองรอยยิ้มของคุณป้าที่ส่งมาให้แล้วจึงตอบรับกลับไปด้วยความเต็มใจ ก่อนจะเดินออกมาหาโจมที่ยังอยู่ในสวนหลังบ้าน
 
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในสวน น้ำจากสายยางที่โจมถือก็พุ่งมาที่ผม ในขณะที่คนถือสายยางก็ได้แต่ทำหน้านิ่งเรียบตามแบบฉบับของตัวเอง
 
“ขอโทษที ไม่เห็นว่าอยู่ตรงนี้” โกหก จงใจแกล้งกันชัดๆ เล่นเอาผมเปียกไปทั้งตัว “เป็นอะไร ทำหน้าแบบนั้นทำไม”
 
ผมไม่รู้หรอกว่าสีหน้าของผมเป็นยังไง แต่ถ้าให้เดามันคงเศร้ามากจนโจมสังเกตได้ เพราะความรู้สึกผมก็เป็นแบบนั้น
 
“พรุ่งนี้พี่จะกลับบ้านแล้วนะ”
 
“...”
 
“โจมครับ”
 
“แล้วจะกลับมาที่นี่บ้างหรือเปล่า ถ้าไม่มาลุงชูคงเหงาแย่” ผมเดินเข้าไปใกล้โจม ก่อนจะโอบเขาจะทางด้านหลัง “เล่นอะไร ตัวเปียกไปหมด”
 
“ขอโทษ แต่ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”
 
“นานหรือเปล่า…”
 
“พักเดียว”
 
“ไม่ใช่...อีกนานหรือเปล่ากว่าจะมาหา” น้ำเสียงขอโจมสั่นไหวราวกับระลอกคลื่น ผมรู้ว่าสำหรับโจมการรอคอยมันทรมานเพียงใด
 
ผมฝังจมูกกับซอกคอขาว “ไม่รู้สิ อาจจะไม่ได้กลับมาหาที่นี่แล้วก็ได้”
 
“...อือ”
 
“จะคิดถึงกันบ้างมั้ย”
 
“...”
 
“คิดถึงกันบ้างนะโจม สักนิดก็ยังดี”
 
ผมเสียใจมาก มันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่รู้ว่าปูนกำลังจะเป็นแฟนเอื้อ มันยิ่งกว่านั้น เหมือนโลกทั้งใบของผมมันกำลังกำลังย้อมไปด้วยสีดำ
 
“โจมครับ…”
 
“คิดสิ ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวเปิดเทอมก็ได้เจอกัน”
 
คำพูดของเขาทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมา นั่นสิวะ ผมจะมากังวลอะไร เดี๋ยวเดียวเราก็ได้เจอกันแล้ว แต่...
 
“แล้วมันจะเหมือนเดิมใช่หรือเปล่า”
 
อีกคนเลื่อนมือข้างหนึ่งมาจับมือของผมที่กอดเขาเอาไว้ “ผมสิต้องถามแบบนั้น พี่ก็รู้ว่าผมเป็นยังไง กับอรผมก็ไม่เคยเปลี่ยนใจ ความรู้สึกผมมั่นคงกว่าที่พี่คิด”
 
ผมเปลี่ยนเป็นซ้อนมือเข้ากับมือของโจม แล้วกระชับมันเอาไว้แน่นๆ “พี่ก็เหมือนกัน สัญญาว่ามันจะเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไป”
 
ถึงเวลาของผมกับโจมที่มีร่วมกันจะน้อยกว่าใครหลายคน แต่ผมเชื่อว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อเขานั้นไม่ได้น้อยกว่าใครเลย
 
แล้วเราจะเจอกันใหม่ วันนั้น...ผมสัญญาว่าผมจะทำให้โจมมาเป็นของผมให้ได้ ไม่ใช่ในฐานะแฟนเฉพาะกิจแบบนี้
 
เตรียมใจไว้ได้เลยโจม

=====================================================
=========================================
ตอนนี้ยาวมากกกกก เพราะมันเป็นความรู้สึกของพี่ว่าน (เราเอฟซีพี่ว่านนะ)
แต่ยังไม่จบนะคะ มิชชั้นยังไม่คอมพลีทเลย ต้องมาต่อกันตอนหน้าแล้วล่ะ
ขอคุณนะคะที่ติดตาม
รักกกกกทุกคนจริง นะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เอือมกับชะนีอร ไปๆซะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
ดีใจ

เราจะเรื่อยๆไปด้วยด้วย

ออฟไลน์ Maitre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เรื่องราวของโจม
Side Story : ตอน เหมือนกัน

 
“โจม มึงกับจี๊ดใครจะขายออกก่อนกันวะ” ผมเงยหน้ามองไอ้ปูนที่อยู่ๆ ก็เปิดประเด็นไร้สาระขึ้นมา แต่ก็เหมาะกับมันแล้วล่ะ คนไร้สาระกับเรื่องไร้สาระ “ไม่ต้องมามองกูอย่างนั้นหรอก กูแต่สงสัยเฉยๆ”
 
“มึงรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้พวกกูไม่ได้คบใคร”
 
“พูดแบบนี้แสดงว่ามึงมีแฟนแล้วเหรอ!” ทำไมต้องเสียงดังด้วยวะ เชื่อเลย...ไม่รู้ว่าพี่เอื้อทนคนไร้สาระ ขี้โวยวาย แถมปากไม่ตรงกับใจอย่างมันไปได้ยังไง “ทำไมไม่บอกกูเลยอ่ะ”
 
อ่า...น่าจะเป็นเพราะมันน่ารักล่ะมั้ง ยิ่งเห็นมันทำหน้าหงอยๆ แบบนี้พี่เอื้อคงยอมถวายหัวให้มันทุกอย่าง
 
“ยังไม่มี”
 
“จริงเหรอ กูไม่เชื่ออ่ะ”
 
“ไม่เชื่อแล้วจะถามทำไม” ปูนทำปากจู๋ หึๆ เป็นคนที่เปลี่ยนสีหน้าได้เร็วจริงๆ เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวหน้าบึ้ง ตลกดีครับ มองไปเพลินๆ ก็คลายเครียดได้บ้าง
 
“กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย อีกอย่างย้อนไปตอนโน้นที่มึงบอกว่ามึงกำลังรอใครบางคนอยู่อ่ะ ตอนนี้ยังเหมือนเดิมหรือเปล่าวะ” ไม่คิดเลยว่าคนไร้สาระอย่างมันจะจำเรื่องพวกนี้ได้ด้วย วันนั้นที่ผมพูดไปก็เพราะสงสารมัน ไม่อยากให้มันรู้สึกว่าตัวเองกำลังเศร้าอยู่คนเดียว และในตอนนี้มันก็กำลังมีความสุข ในขณะที่ผมไม่ต้องเศร้ากับเรื่องเก่าๆ แล้ว
 
แต่ต้องทนคิดถึงใครบางคนแทน
 
“ไม่ได้รอแล้ว”
 
“เขากลับมาแล้วเหรอวะ!” เสียงดังอีกแล้ว หรือว่าจะติดเชื้อจากลุงรหัสอย่างพี่บุ๊คมาวะ
 
“เปล่า เขาทิ้งกูไปต่างหาก”
 
“เฮ้ยจริงดิ ใครวะกล้าถึงเพื่อนกู บอกมาเลยเดี๋ยวพี่ปูนเคลียร์ให้”
 
“ไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้กูโอเค”
 
ผมนึกย้อนกลับไป ตอนนั้นผมเจ็บมาก ถึงภายนอกจะแสดงออกมาว่าผมไม่เป็นอะไร ไม่ร้องไห้ก็ใช่ว่าจะไม่เสียใจครับ เคยได้ยินคำว่าร้องไห้จนไม่มีน้ำตาไหม นั่นล่ะที่ผมเป็น แต่แล้วความรู้สึกเหล่านั้นมันก็เริ่มจางหายไปเมื่อผมได้เจอกับใครบางคน ความคิดถึงที่มีให้อร ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในหัวใจก็เริ่มทุเลาลง จนในที่สุดมันก็เหลือเพียงสะเก็ดจางๆ ที่ถ้าไม่ไปสะกิดโดนก็จะไม่รู้สึกอะไรเลย
 
ใครคนนั้นจับมือผมเอาไว้ตอนที่ผมกำลังเสียใจและผิดหวังกับผู้หญิงที่ผมเคยรัก และบอกผมว่าผมนั้นมีความหมาย เขาเข้ามาในชีวิตซึ่งผมไม่ได้ต้องการ ทว่าในระยะเวลาไม่นานเท่าไหร่เขาก็แทรกซึมในทุกๆ วันของผมจนกลายเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะจากไปโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
 
ตอนที่พี่ว่านมาบอกลา...ผมใจหาย มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเรื่องราวของอร วันนั้นอรก็มาบอกลาผมแบบนี้ ก่อนที่เธอจะไม่กลับมาหาผมอีกเลยทั้งตัวและหัวใจ ผมกลัวว่าพี่ว่านจะเป็นแบบนั้น พี่เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับผมมากพอที่จะไม่เปลี่ยนไป
 
เราสองคนไม่ได้เริ่มจากความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ผมยอมรับว่าตอนแรกก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับเขาเท่าไหร่ ทว่าความเป็นคนดีและเอาใจใส่ของเขาทำให้ผมลดกำแพงของตัวเองลง และสุดท้าย...ก็นั่นแหละ อย่างที่รู้ๆ กัน…
 
“หน้ามึงไม่เห็นเหมือนคนอกหักเลยว่ะ” ว่าแล้วมันก็ท้าวคางจ้องมองผม จะเหมือนได้ไง ก็มันหายแล้ว “เอาจริงๆ นะโจม พวกกูมีความสุขกันหมดแล้ว กูก็อยากให้มึงมีความสุขบ้าง”
 
“อือ” ตอนนี้ปูนกับพี่เอื้อคบกันอย่างเป็นทางการ ฟ้ากับโจมก็เหมือนกัน หนูนาและบอยก็ด้วย อย่างที่ปูนบอกเลย เหลือแค่ผมกับจี๊ด
 
“มึงช่วยพวกกูมากเยอะแล้ว ให้กูช่วยมึงบ้างเอาป่ะ”
 
“หยุดความคิดของมึงไว้เท่านั้นแหละ” ผมรีบบอก ไม่อยากให้คนที่ขนาดชีวิตของตัวเองยังสับสนมาช่วยผมหรอกครับ จะเหนื่อยเพิ่มเปล่าๆ
 
“แต่กู…”
 
“พี่เอื้อมานั่นแล้ว”
 
เท่านั้นแหละครับ คนที่บ่นงุ้งงิ้งๆ เมื่อกี้ก็รีบคว้ากระเป๋าตัวเองที่วางเอาไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนรอแฟนที่กำลังเดินหล่อเข้ามารับ พี่เอื้อหล่อมากเหมือนเดิม รูปร่างสูงโปร่ง บุคลิคดี แถมยังดูเป็นมิตร สาวๆ ที่เดินผ่านเหลียวหลังมองตามกันเป็นแถว
 
“เป็นไรอ่ะ ขมวดคิ้วอีกล่ะ” ปูนทักแฟนตัวเองที่เดินหน้าบึ้งแ (ต่ก็ดูดี) เข้ามา
 
“เมื่อกี้เหมือนเห็นไอ้ว่านอ่ะดิ มันเข้ามายุ่งกับปูนหรือเปล่า” ขี้หวงอีกต่างหาก
 
“เปล่า...นี่ปูนก็อยู่กับโจมตลอด ไม่มีใครเลย คิดมากว่ะ”
 
“ก็ดีแล้ว...พี่ฝากปูนด้วยนะโจม วังหลังถ้าใครมายุ่งไล่ไปไกลๆ เลย”
 
“ครับ” ผมพยักหน้ารับแล้วเริ่มเก็บของที่วางบนโต๊ะไปด้วย
 
“มาห่วงทำไม ตัวเองนั่นแหละน่าห่วง นี่พี่เดียวมาฟ้อง…” แล้วคู่รักเขาก็เริ่มต้นบทสนทนา (ที่พี่เอื้อจะเป็นคนเดือดร้อน) จากตอนแรกที่พี่เอื้อเหมือนจะเป็นฝ่ายหงุดหงิด ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนผมแทนแล้วครับ เดือนร้อนให้พี่เอื้อต้องมาง้อมันอีก
 
ไอ้ขี้หวงเอ้ย ขี้หวงพอกันเลยทั้งคู่
 
“กูไปก่อนนะ” บอกปูนที่ยังเหมือนงอนพี่เอื้ออยู่ มีแฟนอย่างพี่เอื้อก็ต้องทำใจล่ะนะ หน้าตาดีแถมยังเคยเจ้าชู้มากๆ ถึงตอนนี้จะเลิกแล้วแต่สาวๆ ส่วนใหญ่เขาก็ยังติดภาพพี่เอื้อคนเดิมอยู่ดี
 
ผมเดินออกมาจากคณะได้สักนิดก็เห็นใครบางคนกำลังทำเท่อยู่บนรถคู่ใจ...ไม่ใช่รถสปอร์ตคันหรูหรืออะไรแบบนั้นหรอกครับ มันก็เป็นเพียงจักรยานสีขาวสะอาดตาที่ดูไม่เข้ากับบุคลิคของคนขี่เลยสักนิด อย่างพี่ว่านควรจะเป็นบิ๊กไบค์คันโตๆ มากกว่า
 
“เมื่อกี้เห็นไอ้เอื้อเดินเข้าไปด้วย” เขาส่งโทรศัพท์มือถือมาให้ผมที่กำลังขึ้นซ้อนจักรยาน “เชื่อได้เลยว่ามันต้องไปหาเรื่องปูนแน่”
 
“อือ แต่ตอนนี้ปูนเป็นคนหาเรื่องแล้ว… ถามทำไม อยากรู้เรื่องเขามาก?”
 
“ใจเย็นสิครับ พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ” พี่ว่านอมยิ้ม ท่าทางจะชอบใจที่ผมแสดงอาการหวงออกมา (ไปว่าเขา ตัวเองก็ขี้หวงเหมือนกันแหละ) ก่อนที่เขาจะเริ่มปั่นจักรยานเพื่อพาผมไปที่คณะวิศวะ ผมจอดรถเอาไว้ที่นั่นครับ แถวคณะผมไม่ค่อยมีที่จอดเท่าไหร่
 
 
ย้อนกลับไปวันนั้น (วันที่เราพบกันครั้งแรกในรอบหลายเดือน)
 
ผมกับพี่ว่านเจอกันครั้งแรกในรอบหลายเดือนภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ วันนั้นเป็นวันที่ผมและปูนตามพี่เอื้อไปที่หอของพี่ฟิ้ง แล้วผมก็ได้บังเอิญเจอพี่ว่านเดินลงมาข้างล่างพอดี ครั้งแรกที่เห็นหน้าพี่ว่าน ผมดีใจมาก มันคิดถึงจริงๆ ถึงแม้เราจะติดต่อกันตลอดแต่ก็ไม่เคยเจอกันเลยสักครั้ง ผมก็ยุ่งกับเรื่องงของปูน พี่ว่านก็ยุ่งกับเรื่องเรียน
 
วันนั้นถ้าไม่ติดว่าเราไม่ได้อยู่กับสองคน ผมคงจะเดินไปหาและสวมกอดเขาเอาไว้แล้ว แต่ปูนมันก็อยู่ ผมอยากจะให้เรื่องของเพื่อนมันจบๆ ไปก่อน แล้วค่อยมาจัดการเรื่องของตัวเอง เลยกลายเป็นว่าพอพี่เอื้อกับปูนไปเคลียร์กัน ผมกับพี่ว่านก็ต้องมานั่งปลอบพี่ฟิ้งเสียยกใหญ่ คืนนั้นกลัวมากครับ กลัวว่าพี่ฟิ้งจะคิดบ้าๆ ถึงเขาจะเป็นคนที่ทำให้เพื่อนของผมเสียใจ แต่ผมก็ไม่ใจดำพอที่จะทิ้งเขาเอาไว้หรอก
 
เพราะผมรู้ว่าเวลาเจ็บกับความรักมันเป็นยังไง
 
นั่งปลอบกันจนเกือบจะเช้า (ในขณะที่ไอ้คู่พระเอกนายเอกกำลังนอนหลับอย่างมีความสุข) พี่ฟิ้งก็ดีขึ้นแล้วหลับไปในที่สุด พี่ฟิ้งเป็นคนฉลาดและมีความคิด เขาโตแล้ว รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ก็แค่เรื่องความรัก มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมด เราไม่ควรจะเอาชีวิตที่เหลือนั้นทิ้งไปกับแค่เพราะเราไม่สมหวัง
 
ผมกับพี่ว่านเดินออกมาจากห้องพี่ฟิ้งฟ้าก็เกือบสว่างแล้วครับ ตาจะปิดเต็มที พี่ว่านเลยชวนให้ผมไปนอนค้างที่ห้องเพื่อนเขาก่อน
 
“พวกมึงนอนไปเลยนะ ออกไปตอนไหนก็โทร.บอกกูด้วยแล้วกัน กูไปหาแฟนก่อน” แล้วเพื่อนพี่ว่านก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งผมไว้กับเขาแค่สองคน
 
พี่ว่านเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าก่อนจะส่งเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาให้ “ของพี่เองเอาไปเปลี่ยนก่อนนะจะได้นอนสบายๆ”
 
เนี่ยนะประโยคแรกที่เราได้คุยกัน โคตรคุ้มกับความคิดถึงเลยว่ะ
 
“ผมแค่กะจะงีบ”
 
“เอาเถอะ ไปเปลี่ยนก่อน”
 
ผมทำตามที่เขาบอก เสื้อผ้าผมมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์และบุหรี่ จะให้นอนไปแบบนี้ก็กลัวทำเตียงของเพื่อนพี่ว่านเหม็นเหมือนกันล่ะ พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็พบว่าพี่ว่านลงไปนอนที่เตียงเรียบร้อยแล้ว อีกคนพอเห็นผมก็ตบที่ว่างข้างๆ
 
ตลกล่ะ ให้ผู้ชายตัวเท่าควายสองคนมานอนด้วยกัน
 
“ผมนอนพื้นได้”
 
“ไม่ดื้อดิ”
 
ผมไม่ชอบเลยที่เขาพูดเหมือนผมเป็นเด็กๆ ‘น้องโจม’ บ้างล่ะ ‘ไม่ดื้อ’ บางล่ะ ‘น่ารัก’ บ้างล่ะ คำพวกนี้มันเข้ากับหน้าอย่างผมตรงไหนไม่ทราบ ไปพูดกับฟ้าหรือปูนจะเข้าท่ากว่าเยอะ
 
“โจมครับ…” ผมเกลียดเวลาที่เขาเรียกชื่อของผมแบบนี้ “เร็ว...พี่ง่วง” และเกลียดเสียงอ้อนๆ ของเขาด้วย
 
ด้วยความง่วงเหมือนกัน และขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง ผมเลยทิ้งตัวลงนอนลงตรงที่ว่างนั่น แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ แต่จะบอกว่ามันสบายเลยก็คงไม่ใช่
 
พอนอนไปได้สักพักกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็เหมือนตัวเองกำลังโดนกอดเอาไว้ ผมไม่คิดว่าเป็นผีอำหรอกครับ ก็เห็นๆ อยู่ว่าต้องเป็นคนที่นอนข้างผมนั่นแหละ
 
ผมไม่ได้ท้วงอะไร และปล่อยให้เขากอดจนกระทั่งผมตื่นขึ้นมาในที่สุด พอลืมตาเต็มที่ก็พบว่าใบหน้าของพี่ว่านอยู่ใกล้มาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่ผมนอนพลิกตัวมาทางเขา ทั้งที่ก่อนจะหลับผมหันไปอีกข้างแท้ๆ
 
“ตื่นนานแล้วเหรอครับ” ผมถามอีกคน ซึ่งเขาก็พยักหน้าตอบกลับมา “ทำไมไม่ปลุกผม”
 
“นอนมองหน้าโจมแล้วมันเพลินดี”
 
“...” พี่ว่านชอบมองผม จ้องเข้ามาในดวงตาอยู่นานเป็นนาที แต่แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัด เพราะผมก็ชอบที่จะมองหน้าเขา
 
“โจม…”
 
“ครับ?”
 
“พี่คิดถึงโจมนะ” เขาบอกแบบนั้น ก่อนที่จะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมจนกระทั่งริมฝีปากของเราแตะลงอย่างช้าๆ
 
ทันทีที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของอีกคนก็แตะลงมาที่ปากของผม ความอุ่นของมันทำให้หัวใจของผมเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนด้อยประสบการณ์แท้ๆ แต่ทำไมกับแค่จูบแบบเด็กๆ อย่างนี้กลับทำให้สมองของผมขาวโพลน คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง แถมมือไม้ยังดูเกะกะเก้งก้างไปหมด
 
หลังจากนั้นไม่นาน มันก็แปลเปลี่ยนเป็นจูบที่ร้อนแรงตามอารมณ์ที่หนักหน่วงของเราทั้งคู่ ผมอยากจะส่งผ่านความคิดถึงของผมทั้งหมดที่มีต่อเขาผ่านจูบนี้และคิดว่าเขาก็คงไม่ต่างกัน
 
เสียงแลกลิ้นดังก้องไปทั่วห้อง อุณหภูมิในร่างกายของผมสูงขึ้นทุกครั้งที่เราสัมผัสกันมากกว่าเก่า ผมสอดมือเข้าที่กลุ่มผมนุ่มของอีกคนก่อนจะดึงทึ้งมันเบาๆ เพื่อระบายอารมณ์วาบหวามในหัวใจ
 
พี่ว่านพลิกขึ้นมาอยู่ด้านบน แล้วตะโบมโลมไล้ร่างกายของผม พร้อมมอบจูบราวกับจะช่วงชิงลมหายใจ
 
“ดะ เดี๋ยวก่อน…” ผมร้องห้ามเมื่อเขาผละออกเล็กน้อยแล้วทำท่าจะก้มลงมาใหม่ “นี่ผมต้องอยู่ข้างล่างเหรอ”
 
“หรือโจมอยากจะออนท็อป” คนข้างบนอมยิ้มกวน
 
“อยู่ข้างบนไม่ได้?”
 
“สงสัยอยากจะออนท็อปจริงๆ” แล้วพี่ว่านก็พลิกตัวผมให้ขึ้นมานั่งคร่อมร่างของเขาด้วยความรวดเร็ว พอได้มามองเขาในมุมนี้มันยิ่งทำให้ใจเต้นเร็วกว่าเดิมด้วยความตื่นเต้น
 
ผู้ชายที่อยู่ใต้ร่างของผมราวกับกำลังเชิญชวนกันอยู่ก็ไม่ปาน
 
“จะต่อเลยมั้ย” ยังจะมาถามอีก
 
“ผมว่าพอเถอะ ห้องเพื่อนพี่คงไม่เหมาะเท่าไหร่”
 
“งั้นไปห้องพี่กัน...หรือห้องโจมดี” อยากจะตีปากที่ช่างกล้าถามออกมาได้ ผมไม่ได้อายอะไรหรอกครับ แต่มันก็อดเขินๆ ไม่ได้ นี่เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกในรอบหลายเดือนนะ
 
“ไม่ว่าจะห้องใครก็ไม่ครับ ไม่ใช่ตอนนี้”
 
“อ้อ...เรื่อยๆ ไม่เร่งรัด” ก็จำได้นี่ “แต่เมื่อกี้มันห้ามไม่อยู่จริงๆ เพราะพี่คิดถึงโจมมากเกินไป”
 
“...อือ ผมเข้าใจ”
 
ผมลงจากตัวพี่ว่านพร้อมกับที่เขาลุกมานั่งข้างกัน เมื่อหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าผมเพิ่งนอนไปได้ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้นเอง พี่ว่านตื่นก่อนผมอีก แสดงว่าได้นอน้อยกว่าผม
 
“พี่ไม่ง่วงเหรอ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเหมือนกัน”
 
“ตอนแรกมันก็ง่วง...ง่วงมาก แต่เอาจริงๆ แล้วมันนอนไม่หลับ ไม่เหมือนใครบางคนที่หลับสบาย”
 
“ช่วยไม่ได้”
 
“เพราะเรานั้นแหละ...รู้หรือเปล่าว่าพี่คิดถึงโจมขนาดนั้น พี่คิดเอาไว้ตั้งมากมายว่าพอเจอโจมแล้วจะพูดอะไรบ้าง แต่ที่ไม่คิดเลยคือการได้มานอนกอดโจมแบบนี้…”
 
“...”
 
“พี่ดีใจนะที่เราได้เจอกันอีกครั้ง แล้วก็ดีใจ...ที่โจมยังเหมือนเดิม” แววตาของพี่ว่านบ่งบอกว่าเขาก็กลัวความเปลี่ยนแปลงเหมือนผม แต่ในนั้นก็แฝงไปด้วยความมั่นคงและเชื่อใจ
 
“ครับ...เหมือนกัน”

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ Maitre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
กลับมาที่ปัจจุบัน
 
พอนึกถึงวันนั้นแล้วมันก็รู้สึกว่าริมฝีปากของพี่ว่านมันยังตราตรึงอยู่กับปากของผมอยู่เลยครับ จะลบก็ลบไม่ออก พาให้หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอีก
 
“โจม วันนี้ไปดูหนังกันมั้ย”
 
“เอาสิ เรื่องอะไรล่ะ” วันนี้ผมว่างแล้วครับ ก็ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเรื่องเพื่อนๆ แล้ว เพราะทุกคนดุมีความสุขดีกับคนรัก
 
“พี่อยากดูหนังญี่ปุ่น…” คำตอบผมพี่ว่านทำให้ผมคิ้วกระตุก
 
“เก็บไว้ดูคนดียวเถอะ”
 
“เดี๋ยวดิ ไม่ใช่หนังอย่างนั้น ทะลึ่งนะเราอ่ะ” คนที่เข้าใจสิ่งที่ผมพูดก็ทะลึ่งไม่แพ้กันหรอกน่า “แต่โจมตกลงแล้วนะ อย่ากลับคำ”
 
“รู้แล้วน่า...ผมผิดเองแหละที่ควรจะถามก่อนว่าหลังอะไร”
 
พี่ว่านหัวเราะชอบใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ในที่สุดเราสองคนก็มาถึงคณะวิศวะฯ ที่พี่ว่านเรียนอยู่ ผมมาที่นี่ไม่บ่อยหรอก วันไหนตื่นสายหรือที่จอดรถแถวคณะไม่ว่างเลยถึงจะมาใช้บริการที่จอดรถคณะนี้บ้าง และวันนี้ผมก็ดื่นสายครับ ต้องรบกวนพี่ว่านปั่นจักรยานไปรับ
 
“รอพี่ก่อนนะ พี่ทำงานกลุ่มค้างอยู่” เขาบอกก่อนจะพาผมเดินเข้าไปภายใน แล้วขึ้นไปยังชั้นสองของอาคารก่อนจะพบเพื่อนๆ ของเขานั่งรวมกลุ่มกันอยู่
 
“มาสักทีนะไอ้ว่าน พวกกูรอมึงอยู่เนี่ย”
 
“เออๆ แปบน่า”
 
“อ้าว...นั่นโจมนี่”
 
“หวัดดีครับ” คนที่ทักผมคือพี่โอมครับ (ชื่อเราแอบคล้ายกันนะพี่) เขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่ว่าน ผมเคยเจออยู่อยู่สองสามครั้ง แต่เหมือนพี่โอมยังคิดว่าผมเป็นเพียงแค่รุ่นน้องที่สนิทกับพี่ว่านเฉยๆ
 
ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นแบบนั้น...ถูกหรือเปล่าครับ
 
“ไม่เจอกันตั้งหลายวันยังหล่อเหมือนเดิมนะ”
 
ผมยิ้มขอบคุณ แล้วก็เห็นพี่ว่านที่เหลือบมองมาด้วยสายตาไม่ชอบใจ “ทำงานได้แล้วมึง ไหนบอกว่ารอกูไง”
 
“อะไรวะ กูก็อยากจะคุยกับน้องมันบ้าง เห็นว่าอยู่คณะเดียวกับน้องปูนใช่มั้ย ป่านนี้เป็นไงบ้างล่ะ มึงก็อยากรู้นี่ไอ้ว่าน”
 
พี่ว่านตาโต “กูไม่ได้อยากรู้”
 
“อย่ามาหลอกกู เมื่อวานมึงยังพูดถึงน้องเขาอยู่เลย”
 
“ไอ้เชี่ยโอมมมมมม” เพิ่งเคยเห็นพี่ว่านร้อนรนขนาดนี้นะครับ ตลกดีเหมือนกัน เขารีบวิ่งไปปิดปากเพื่อนตัวเองใหญ่ ตาก็คอยมองผมไปด้วย
 
“ปูนสบายดีครับ ยังน่ารักเหมือนเดิม” ผมไม่ได้ตั้งใจจะตอบประชดประชันใครทั้งนั้นนะครับ อย่าเข้าใจผิดล่ะ “แต่ถ้าพี่ว่านอยากรู้มากกว่านี้ ต้องไปถามเจ้าตัวเองนะครับ พูดถึงเขาไปก็ไม่มีทางรู้หรอก”
 
“โธ่โจม...ก็รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”
 
“ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไร” ว่าพลางยิ้มมุมปากเล็กน้อย ผมรู้หรอกน่าว่าพี่ว่านไม่ได้คิดอะไรกับปูนมันแล้ว ก็คงพูดถึงบ้างตามประสานั่นแหละ แต่อดแกล้งเขาไม่ได้ครับ
 
ถือว่าเอาคืนที่เขาเคยทำให้ผมใจเต้นบ่อยๆ แล้วกัน
 
“พวกมึงสองคนนี่แปลกๆ นะ อย่างกับผัวเมียกับลังจะตีกัน”
 
โป๊ก!!
 
คราวนี้พี่โอมโดนพี่ว่านใช้ม้วนกระดาษพิมพ์เขียวที่วางอยู่แถวนั้นฟาดไปที่หัวเต็มแรง
 
“มึงเงียบไปเลย!”
 
แล้วความวุ่นวายก็จบลงเมื่อทุกคนเริ่มทำงานกันอีกครั้ง ระหว่างพี่พวกพี่ว่านกำลังทำงานกับไปได้สักพัก ผมก็ขอตัวออกไปขยับรถให้มาจอดใกล้ๆ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวออกจากคณะ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
 
“เอ...เด็กเกษตรฯ มาทำอะไรแถวนี้วะเนี่ย”
 
เขาว่ากันว่าวิศวะฯ มักไม่ถูกกับสถาปัตย์ฯ แต่อีกคณะที่มีเรื่องกันบ่อยๆ ก็พวกเกษตรฯ นี่ล่ะ ผมเดาว่าเพราะคณะของพวกเราผู้ชายมันเยอะ ก็เลยเกิดเรื่องกระทบกระทั่งกันง่ายๆ
 
ผมเลือกที่จะไม่สนใจและเดินหนี แต่ก็นั่นล่ะ...คุณคิดว่าเขาจะยอมหรือเปล่าล่ะ ผมผิดเองที่ดันใส่เสื้อชอปฯ มาวันนี้
 
“เฮ้ย! กูพูดกับมึงนะ”
 
“...”
 
“หนูหนวกหรือไงวะ!” อีกฝ่ายบอกพร้อมกับเดินตรงมากระชากไหล่ผม มันมากันสามคนครับ และผมว่ามันพร้อมที่จะเรียกกำลังเสริมตลอดเวลา “กูถามว่ามึงมาทำอะไรที่คณะกู!”
 
“ไม่มีป้ายห้ามเข้าสักหน่อย”
 
“กวนตีนเหรอ”
 
“มึงนั่นแหละที่กวนตีน กูอยู่ของกูดีๆ เสือกมาหาเรื่องทำไม”
 
“อ้าว...พูดอย่างนี้ก็วอนนี่หว่า ไม่รู้หรือไงว่านี่ถิ่นใคร อยากมีเรื่องใช่มั้ย!”
 
หมับ!!
 
มันคว้าคอเสื้อของผมเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงให้เข้าใกล้อย่างรวดเร็ว ส่วนอีกมือหนึ่งก็ง้างขึ้นเตรียมจะปล่อยหมัดลงมา
 
“ถ้ามึงต่อยกู วันนี้มึงได้หยอดน้ำข้าวต้มแน่”
 
“หึ...ปากดีว่ะ ไม่ได้ดูเลยว่าตอนนี้มึงกำลังอยู่ที่ไหน” พูดจบมันก็ซัดหมัดลงมาที่ใบหน้าผมเต็มๆ แรง
 
กูเตือนมึงแล้วนะ
 
ผัวะ!!
 
ผมยกเท้าขึ้นถีบมันสุดแรงเกิดจนอีกฝ่ายเซถลาไปไกล ก่อนจะยกเข่ายันเพื่อน (ให้เเป็นไอ้หมายเลขสอง) ของมันที่ทำท่าจะเข้ามาเล่นงานเอาไว้ แล้วปล่อยหมัดใส่จนมันลงไปกองที่พื้น แต่เพื่อนมันไม่มีมีแค่คนเดียว ไอ้หมายเลขสามอาศัยจังหวะที่ผมเผลอเตะเข้าที่หน้าท้องก่อนจะปล่อยหมัดใส่หน้าผมเต็มแรง
 
ถุย!
 
เชี่ยเอ้ย...เล่นเอาเลือดกูออกเลยเหรอ
 
ในตอนที่ไอ้หมายเลขสองไม่ทันตั้งแต่ผมก็วาดขาเตะที่ข้อพับอีกฝ่ายให้มันล้มลงมากองที่พื้น แล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เข้าไปกระทืบซ้ำที่ช่วงกลางลำตัวของมัน
 
“อุก!!” คงจุกน่าดู กูขอโทษนะ มึงเข้ามาเอง
 
ผมหันไปรับหมัดของไอ้หมายเลขสอง และตอนนั้นไอ้หมายเลยหนึ่งก็ถีบซ้ำที่ท้อง ทว่าผมก็เบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงที ทำให้มันพลาดเป้า กลายเป็นคนที่ต้องลงไปนั่งแหมะแทน
 
“แน่จริงก็อย่าหลบดิวะ!”
 
โง่หรือเปล่า ไม่หลบกูก็เจ็บตัวดิ
 
พลั่ก! ผัวะ! อัก!
 
เสียงต่อสู่กันดังไปทั่ว ผมไม่ใช่จะได้เปรียบอยู่ฝ่ายเดียวครับ มันก็มีพลาดท่ากันบ้าง อีกฝ่ายมีกันตั้งสามคน ต่อให้ผมฝีมือดีกว่าแต่สู้ไปสักพักมันก็เริ่มล้า และในตอนที่ผมพลาดพลั้ง โดนมันกระชากคอเสื้อแล้วเตรียมปล่อยหมัดหนักๆ ใส่นั้นเอง
 
“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นก่อนที่ตัวพี่ว่านจะวิ่งเข้ามาทางพวกผมอย่างเร่งรีบ ร่างสูงเข้ามากระชากมือที่กำลังจับคอเสื้อของผมออกอย่างแรง แล้วตวาดถามเสียงดังกว่าเก่า “พวกมึงทำอะไรวะ!!!”
“...”
 
“กูถามว่าพวกมึงทำอะไร!!”
 
“พี่ว่านสวัสดีครับ” เออ ขนาดนี้แล้วยังมามีมารยาทกันอีกเนาะ ทีกับกูล่ะหาเรื่องกันอย่างเดียว “มันกวนตีนผมก่อน เลยสั่งสอนนิดๆ หน่อยๆ”
 
หน้าแม่งไม่สำนึกอ่ะ กูเหรอที่กวนตีนมึงก่อน มีแต่มึงนั่นแหละที่เข้ามาหาเรื่องกูทั้งนั้น “พูดความจริงหน่อยดิวะ เอาให้เหมือนที่มึงปากดีเมื่อกี้น่ะ”
 
“เสือก!”
 
“มึงนั่นแหละหยุด!” พี่ว่านตะคอกใส่มัน “แค่กวนตีนมึงต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ สามต่อหนึ่งนี่พวกมึงเก่งมากเลยนะ”
 
“...ผม…”
 
“เงียบ! กูไม่ได้สั่งให้มึงพูด!!” พี่ว่านดูน่ากลัวมากเลยครับ ถ้าผมไม่รู้จักเขามาก่อนก็คงเกรงๆ อยู่บ้าง
 
ไอ้สามคนนั้นนิ่งเงียบ ขณะนั้นก็มีเพื่อนพี่ว่านวิ่งมาทางนี้เป็นกลุ่มใหญ่ ไม่ได้มีแค่เพื่อนพี่ว่านเท่านั้น แต่คนอื่นที่ยังอยู่ในตึกก็มาด้วย พวกเขาได้แต่มองมานิ่งๆ ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งพี่โอมมาถึงนั่นแหละ
 
“มีอะไรกันวะไอ้ว่าน”
 
พี่ว่าไม่ตอบ แต่กันไปถามไอ้สามคนนั้นแทน “มึงเล่ามาสิ...ใครก็ได้ในพวกมึงสามคนพูดมา...เอาความจริงนะ กูไม่อยากฟังคำโกหก”
 
พวกมันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ไอ้หมายเลขสาม ซึ่งดูเป็นคนเหี้ยน้อยที่สุดในที่นี่แล้วจะเอ่ยขึ้น “คือ...ผมเห็นมันเดินอยู่ในคณะเลยเข้าไปทัก…”
 
“กูบอกให้พูดความจริง!”
 
“เข้าไปหาเรื่องครับ! พวกผมเข้าไปหาเรื่องมัน ตอนแรกมันก็จะไปดีๆ แต่พวกผมไม่ยอม ก็เลยมีเรื่องกัน” มันพูดรัวๆ เร็วๆ คงกลัวพี่ว่านมากเลยครับ
 
“ปีสองทั้งหมด จัดแถว!!”
 
“เฮ้!!” เสียงเฮ้ดังลั่นก่อนที่ปีสองจะแยกออกมาจากกลุ่มคนพวกนั้นและเร่งกันจัดแถว ต้องยอมรับเลยว่าคณะนี้มีระเบียบวินัยกว่าคณะของผมมากครับ แปบเดียวก็จัดกันเสร็จแล้ว
 
“บอกผมสิครับว่าผมควรทำยังไงกับเพื่อนพวกคุณดี”
 
“...”
 
“ไม่ตอบ...งั้นผมว่าผมส่งเรื่องไปที่คณะเลยดีมั้ย ให้พวกเขาจัดการเลยเป็นไง” ทุกคนยังคงเงียบ เริ่มมองหน้ากันเลิกลั่ก “บอกผมหน่อยได้หรือเปล่าครับว่าพวกผมเคยสอนให้พวกคุณเป็นอันธพาลระรานคนอื่นไปทั่วหรือเปล่า”
 
“ไม่ครับ! / ไม่ค่ะ!”
 
“แล้วทำไมบางคนยังทำอยู่ครับ...พวกผมบอกเสมอว่าอย่าไปมีเรื่อง หรือที่พวกผมบอกพวกคุณไปมันเข้าหูซ้ายแล้วทะลุหูขวาครับ!!”
 
“...”
 
“ผ่านมาปีเดียวก็ลืมกันแล้วหรือไง แล้วถ้าคุณเป็นแบบนี้รุ่นน้องจะไปเชื่อฟังอะไรครับ! ทำตัวให้มันสมกับที่เป็นพี่หน่อยสิครับ!”
 
“...”
 
“พวกมึงสามคน!! รู้สึกยังไงที่ทำให้เพื่อนต้องมาโดนด่าเพราะการกระทำไม่คิด บอกหน่อยสิว่ากูต้องทำยังไงกับพวกมึงหะ!!”
 
“...”
 
ผมเชื่อว่าไม่มีใครในที่นี้ไม่กลัวพี่ว่าน ทั้งสีหน้า แววตา และน้ำเสียง มันไม่ใช่พี่ว่านในเวอร์ชั่นปกติเลย เขาว่ากันว่าคนใจเย็นเวลาโกรธจะน่ากลัวคงจริงครับ ขนาดเพื่อนของเขายังไม่กล้าที่จะเข้ามาห้ามสักคน
 
ถ้าปล่อยไว้ต่อไปคงไม่ดีหรอก ผมว่าพอแค่นี้ดีว่า
 
ผมเอื้อมมือไปแตะแขนพี่ว่านเอาไว้เบาๆ ให้เขาหันมามอง “พอแล้ว ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
 
“ตอนนี้ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าพี่มาช้ากว่านี้โจมจะเป็นยังไงบ้าง นี่พี่ยังไม่ได้ทำโทษอะไรมันสักอย่างเลยนะ” ว่าแล้วก็หันไปมองมันสามคน
 
“ไม่ต้องหรอก ผมไม่ได้ติดใจอะไร”
 
“ไม่ได้ มันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับคนอื่น นี่ในคณะยังกล้าทำขนาดนี้ อยู่ข้างนอกไม่ไล่ฟันเขาเลยหรือไง”
 
“ว่าน...กูว่าเอาอย่างนี้ดีป่ะ” พี่โอมเสนอความคิด “ตอนนี้อาจารย์โกวิทย์บอกให้คนในคณะช่วยกันจัดห้องสโมฯ ใหม่ ก็ให้ไอ้พวกนี้ไปจัดแล้วกัน”
 
พี่ว่านพยักหน้าเห็นด้วย “...พวกมึงว่าไง จะทำมั้ย”
 
“ทะ ทำครับ”
 
“ดี...มึงไปทำงานของมึงซะ แล้วห้ามให้ใครช่วยพวกมันเด็ดขาด และถ้ามึงตุกติกหรือยังคิดจะแก้แค้น เรื่องนี้ถึงคณบดีฯ แน่ เข้าใจมั้ย”
 
“ขะ เข้าใจครับ”
 
“กูถามว่าเข้าใจมั้ย!!”
 
“เข้าใจครับ!!”
 
“แล้วจะบอกไว้นะ ต่อไปพวกคุณห้ามยุ่งกับผู้ชายคนนี้อีก ไม่ว่าใครก็ห้ามทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นเจอดีกับผมแน่!!”
 
พี่ว่านกอดเอวผมเอาไว้ ก่อนจะพาเดินออกจากคณะไปต่อหน้าทุกคน เอาจริงๆ นะครับ ถึงมันจะไม่ควรแต่ผมก็อดรู้สึกเขินขึ้นมาไม่ได้ ที่บอกว่าไม่ให้ยุ่งน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้กอดเอวนี่...มันสมควรแล้วเหรอวะ
 
“เดี๋ยวๆ ไอ้ว่าน” พี่โอมวิ่งตามมาตอนที่เรากำลังจะเข้าไปในรถ “คือกูสงสัยมานานแล้ว แบบว่า...ตกลงว่าพวกมึงนี่ยังไงวะ”
 
“...”
 
“อย่าทำหน้าดุใส่ดิ กูไม่ใช่พวกนั้นนะเว้ย กูถามเพราะต่อไปกูจะได้ทำตัวถูกเวลาอยู่ต่อหน้าพวกมึง...หมายถึง จะได้ไม่หลุดปากพูดอะไรออกไปอีก”
 
“ถามมาก็ดี จะได้ไม่ทำให้กูเดือดร้อนอีก”
 
“นี่แสดงว่าพวกมึงสองคน…”
 
“เออ พวกกูสองคนไม่ใช่แค่พี่น้องที่สนิทกันอย่างที่มึงคิด...แค่นี้เข้าใจหรือเปล่า”
 
“เออ แล้วไม่บอกตั้งแต่แรกวะ ขอโทษนะโจม ที่ผ่านมาพี่เผลอปากพล่อยไปซะเยอะเลย”
 
“ไม่เป็นอะไรครับ”
 
“แต่เรื่องที่ว่านมันพูดถึงปูนอ่ะ...เรื่องจริงนะน้อง”
 
“ไอ้เชี่ย!!” ไม่ทันแล้วครับ พูดจบพี่โอมก็วิ่งจู๊ดเข้าคณะไปเลย ปล่อยให้พี่ว่านหัวเสียอยู่คนเดียว แล้วเขาก็หันมาหาผม “โจมอย่าไปฟังมันนะ มันแค่กวนตีนเฉยๆ”
 
“...”
 
“เอ่อ...พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า”
 
หึ...พี่ว่านที่ว่าน่ากลัว...ก็ไม่เท่าไหร่หรอก จริงมั้ย

..
.
“เบาๆ หน่อยครับ” ผมร้องบอกอีกคนที่กำลังทำแผลบนใบหน้าให้ผมอยู่ ตอนมีเรื่องมันไม่เจ็บเลยสักนิด จะโดนต่อ โดนถีบครู่เดียวมันก็หาย แต่พอมานั่งทำแผลแบบนี้แล้วอมร้องขึ้นมาไม่ได้
 
“ขอโทษๆ” สีหน้าพี่ว่านดูรู้สึกผิดมากครับ ทั้งที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลยสักนิด “คุณป้ารู้หรือเปล่าเนี่ยว่ามีลูกชายเลือดร้อนขนาดนี้ แต่ดูท่าจะไม่รู้สินะ”
 
ก็แน่ล่ะ ใครจะบอกให้แม่รู้กัน
 
“ห้ามบอกแม่นะ”
 
“ถ้ามีครั้งหน้าเรื่องถึงแม่โจมแน่” ผมรู้เลยว่าพี่ว่านไม่ใช่แค่ขู่ แต่เขาจะบอกจริงๆ “คราวหน้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะ ดูดิ...หมดหล่อเลย”
 
เขาก็พูดเกินไปครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย แค่มุมปากช้ำ คิ้วแตก แต่รับรองว่าสภาพดีกว่าไอ้สามคนนั้นแน่นอน
 
อีกคนเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่องแล้วเดินไปเก็บในตู้ ก่อนจะกลับมานั่งข้างผมที่โซฟาในห้องเหมือนเก่า เขาหันมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจห้องของผม
 
“ห้องโจมใหญ่ดีนะ อยู่คนเดียวแบบนี้ไม่รู้สึกโหวงๆ บ้างเหรอ”
 
“ก็ปกติ เพื่อนชอบมาหาบ่อยๆ” นี่ก็เพิ่งเลี้ยงฉลองกันไป แล้วก็มีเรื่องเด็ดๆ เกิดขึ้นคือฉากเลิฟซีนร้อนฉ่าของไอ้กล้ากับฟ้า เล่นเอาผมอยู่ห้องไม่ได้เลยครับ ดีนะที่วันนั้นพี่ว่านโทร.มาชวนให้ออกไปข้างนอกด้วยกันก่อน
 
“แล้วทำไมมีห้องนอนสองห้องล่ะ”
 
“อรเคยนอนห้องนั้น” พี่ว่านตวัดสายตามามองทันทีที่ผมตอบคำถามจบ “อะไร มองแบบนั้นหมายความว่าไง”
 
“ทำไมไม่ย้ายออก”
 
ผมเลิกคิ้ว ไม่ได้อยากจะคิดไปหรอกนะว่าเขากำลังหึงผมกับคนที่เลิกกันไปแล้ว “ก็จะย้ายทำไมล่ะ หอทำเลดีแบบนี้ ห้องก็กว้าง เสียดายแย่”
 
“พี่หาใหม่ให้มั้ย ดีกว่านี้อีก”
 
“ไม่ต้องหรอก ผมไม่อยากย้าย”
 
“ทำไม” เสียงห้วนที่สุดครับ เห็นว่าผมเป็นรุ่นน้องคณะหรือไง
 
ผมยกมือขึ้นประคองหน้าอีกฝ่ายไว้เบาๆ “นี่...กลัวอะไร ก็รู้อยู่นี่ว่าเรื่องมันจบไปแล้ว”
 
“พี่ไม่อยากให้โจมอยู่ในห้องที่มีแต่ความทรงจำของโจมกับเขา”
 
“หึงเหรอ”
 
“ยังจะถามอีก” ชอบตรงที่เขาเป็นคนยอมรับอะไรออกมาตรงๆ นี่ล่ะ มันง่ายดีครับ ชีวิตของผมเจอแต่คนปากแข็ง อย่างเพื่อนสนิทของผมเองเลย เวลาปากไม่ตรงกับใจมันจะทำให้อะไรๆ ยากขึ้นนะ ดูแต่ละคู่ดิ กว่าจะลงเอยกันก็เล่นเอาเหนื่อย
 
“ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว อยู่ห้องนี้ไปมันก็ไม่ได้ทำให้ผมกลับไปรักอรหรอก ไม่เหมือนบางคนแถวนี้...ที่ยังพูดถึงเขาอยู่เลย”
 
“โธ่โจมครับ…” พี่ว่านโหมดอ้อนนี่น่ารักดีนะครับ เล่นเอาผมต้องกลั้นยิ้มเลยล่ะ ยิ่งตอนที่เขาซุกหน้าลงกับมือผมยิ่งแล้วใหญ่ “มันไม่ใช่อย่างที่โจมคิดนะ พี่ก็แค่บอกให้โอมมันฟังเฉยๆ ว่าปูนกับเอื้อน่าจะคบกันจริงๆ แล้ว”
 
“เหรอครับ”
 
“จริงๆ นะ พี่ก็เหมือนโจมนั่นล่ะ ไม่ได้คิดอะไรแล้วจริงๆ เชื่อพี่เถอะครับ”
 
“...”
 
ผมไม่ตอบ เขาเลยยึดมือผมไว้แล้วดึงให้เข้าไปใกล้ “ถ้าไม่เชื่อ...พี่พิสูจน์มั้ย”
 
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเชื่อ เพราะงั้นพี่ก็ต้องเชื่อผมด้วยเหมือนกัน”
 
อีกคนยิ้มกว้าง หันหน้าเข้าแล้วจูบลงกลางมือของผม “มัดจำไว้ก่อน โจมหายดีเมื่อไหร่ขอเป็นปากแทนนะ”
 
“ถึงตอนนั้นแล้วมาถามอีกทีแล้วกันครับ”
 
ปังๆๆๆ
 
“ไอ้โจมมมม ไอ้โจมเว้ยยย อยู่หรือเปล่าเนี่ยยย”
 
ผมกับพี่ว่านหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน “สงสัยจะเป็นเพื่อนๆ ผมครับ”
 
“งั้นพี่ต้องไปซ่อนหรือเปล่า”
 
ผมหัวเราะ “ไม่จำเป็นหรอก ผมไม่ได้คิดจะปิดใครอยู่แล้ว”
 
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปเปิดประตูให้แล้วกัน คนเจ็บนั่งอยู่นี่ล่ะนะ” คำตอบของผมคงถูกใจพี่ว่าไม่น้อย เขาเลยฉวยโอกาสตอนที่ผมเผลอจูบลงมาที่ฝ่ามืออีกครั้งแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
 
“ไอ้โจมมมม มึงอยู่ข้างในใช่มั้ย มาเปิดเลย โจม...อะ อ้าว พี่ว่าน?”
 
“มาหาโจมใช่มั้ย เข้ามาสิ...”
ไม่นานพี่ว่านก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับเพื่อนทุกคน...ขอย้ำว่าทุกคน มันมองพี่ว่านที สลับกับผมที รู้ครับว่าพวกมันต้องคันปากอยากจะถามอะไรเป็นแน่ พี่เอื้อก็มาด้วยนะครับ ยืนจ้องหน้าพี่ว่านอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้วางมวยกันหรอก เพราะพี่ว่านแสดงออกชัดเจนว่าเขาอยู่ที่นี่เพราะใคร
 
“มีเพื่อนวิศวะฯ บอกกูมาว่าเหมือนเห็นมึงจะโดนยำตีนที่คณะมัน เรื่องจริงเหรอวะเนี่ย” บอยเป็นคนแรกที่เปิดประเด็น คนอื่นๆ เลยกรูกันเข้ามาหาผม
 
“ไม่เป็นอะไรมากนะโจม” จี๊ดถาม ผมก็พยักหน้ากลับไป “ดีแล้วล่ะ”
 
“โธ่อดีตผัวว ใครหนอช่างใจร้ายแบบนี้” ไอ้บอยมีเหล่มองแฟนมันด้วยครับ แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรที่หนูนาจะเข้ามานั่งข้างผม พลางจับหน้าให้หันซ้ายหันขวา “หน้าหล่อๆ เป็นแผลหมดเลย ถ้าแม่เจอคนทำนะ จะตบให้ฟันหลุดออกจากปากเลยคอยดู”
 
“มันทำมึงถึงขนาดนี้เลยพวกกูแก้แค้นให้มั้ย” เก่งมากไอ้กล้า มึงนั่นแหละจะหนีก่อนเถ้ามีเรื่องกันจริงๆ
 
“นั่นดิ ทำเพื่อนกูแบบนี้ได้ไงวะ” ไอ้ฟ้าก็เอากับเขาด้วยครับ ตัวแค่นี้แต่เลือดร้อนอย่าบอกใคร
 
“เอื้อ...ขอไปแก้แค้นให้โจมมันด้วยได้เปล่าอ่ะ” นี่ก็ต้องถามความเห็นผัวตลอด
 
“ไม่ได้ ทั้งหมดนั่นล่ะ จะแก้แค้นให้มันได้อะไรขึ้นมา เดี๋ยวฝั่งนั้นก็แค้นอีก มีเรื่องกันไม่จบไม่สิ้นสักที” พี่เอื้อพูดได้ดีครับ แต่จริงๆ แล้วก็เป็นห่วงแฟนตัวเองนั่นแหละ คงไม่อยากให้ปูนมันเจ็บตัว
 
“ไม่ต้องหรอก กูไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกอย่างพี่ว่านก็เคลียร์กับพวกนั้นให้แล้วด้วย”
 
ชื่อของบุคคลที่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ทำเอาเพื่อนของผมชะงัก ก่อนที่สายตาทุกคู่จะมองไปยังร่างสูงที่ยืนกอดอกทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
 
“พี่มาอยู่ที่นี่ได้ไงครับพี่ว่าน” ในฐานะที่ปูนมันน่าจะรู้จักกับพี่เขามากที่สุดในนี้ มันเลยเป็นฝ่ายถามให้
 
“พี่ว่านเขามาส่งกู” ผมเป็นคนตอบคำถามแทน
 
“นั่งเงียบๆ ไปก่อนนะโจม เจ็บปากก็อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย เดี๋ยวพวกเราถามจากพี่ว่านเอาเอง” หนูนายิ้มหวานส่งมาให้ผมก่อนจะหันไปหาพี่ว่านเหมือนเดิม ผมคงช่วยอะไรพี่มากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ “แล้วทำไมพี่มาส่งโจมได้คะพี่ว่าน จริงอยู่ที่โจมมันไปมีเรื่องอยู่คณะพี่ แต่ต้องมาส่งกันเลยเหรอคะ”
 
“นั่นสิครับ ถ้าเป็นผมถึงจะเคยเห็นหน้าอยู่บ้างแต่ก็คงไม่ลงทุนมาส่งถึงห้องแบบนี้หรอก โจมมันก็ดูไม่เป็นอะไรมากด้วย แค่พาไปทำแผลก็พอแล้วแท้ๆ” ฟ้าตั้งขอสังเกต
 
“นี่ญาติพวกน้องเป็นนักสืบกันหรือเปล่าครับ”
 
“มึงก็พูดให้เคลียร์ๆ เลยว่าน แบบที่คนแมนๆ เขาทำกันอ่ะ” พี่เอื้อยักคิ้วส่งให้คนที่โดนกดดัน มันกวนตีนสุดๆ จนไอ้ปูนต้องยื่นมือไปตีแฟนตัวเองเบาๆ
 
ผมมองสบตากับพี่ว่าน บอกเขาผ่านสายตาและรอยยิ้มว่าไม่ว่าเขาจะตอบคำถามเพื่อนผมยังไงก็ตามแต่เขาเลย ผมรับได้ทั้งหมด
 
“พี่ชอบโจม...ตอนนี้กำลังจีบเขาอยู่ หวังว่ามันคงตอบข้อสงสัยของน้องทุกคนได้หมดนะ”
 
“ฮะ?!”
 
“เหยดดดด”
 
“ไม่น่าเชื่อเลย”
 
“มึงไม่เห็นบอกกูเลยวะโจม!!”
 
“ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย”
 
พี่ว่านหัวเราะ “ถ้ารายละเอียดคงต้องให้ถามโจมเองนั่นแหละ”
 
“ทำอย่างมันจะบอกอย่างนั้นล่ะ” ปูนท้วง พวกมันรู้ดีว่าผมเป็นคนยังไง “พี่ว่านเล่ามาเถอะครับ ผมอยากรู้”
 
“บางเรื่องก็ให้มันเป็นความลับระหว่างกูกับพี่ว่านบ้างเถอะ” พอผมพูดไปแบบนั้นพวกมันทุกคนก็เงียบไปด้วยความเสียดาย
 
“เอาล่ะทุกคน จี๊ดว่าโจมก็ดูไม่เป็นอะไรแล้วเนาะ แล้วเขาก็มีคนดูแลอย่างดีแล้วด้วย พวกเรากลับกันเถอะ” ดีมากเลยจี๊ด ต้องอย่างนี้สิ ผมอยากพักผ่อนเต็มที่แล้ว
 
เพื่อนๆ ของผมถูกจี๊ดต้องออกจากห้องด้วยความไม่พอใจ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะปิดประตู ผมได้ยินเสียงของเพื่อนสาวคนนี้ลอยเข้ามา
 
“ฝากเพื่อนของพวกหนูด้วยนะคะพี่ว่าน”
 
“ครับ...พี่จะดูแลอย่างดีเลย”
 
ไม่แปลกใช่หรือเปล่าที่ผมจะนั่งยิ้มคนเดียวกับคนตอบรักของพี่ว่าน
 
อีกคนเดินเข้ามาหลังจากที่ส่งเพื่อนๆ ของผมเรียบร้อยแล้ว ผมรู้ว่าพวกมันมีคำถามในหัวกันอีกเยอะ ผมไม่ได้อยากปิดบังหรอกนะ แต่ก็นั่นแหละ...บางเรื่องก็ควรเป็นความลับของเราสองคนบ้าง
 
ผมขี้เกียจเล่าครับ เรื่องมันยาว ถ้าเล่าก็คงอีกนาน
 
“เพื่อนหวงโจมน่าดูเลยนะ เล่นเอาพี่ไปไม่เป็นเลย”
 
“พวกมันก็หวงเพื่อนทุกคนนั่นแหละ” ผมบอกพร้อมทิ้งตัวลงนอนตักพี่ว่าน “แต่พี่ก็ตอบได้ดีนะ”
 
“ถูกใจล่ะสิ”
 
“...ครับ” ตอบพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ ตั้งแต่เจอพี่ว่าผมเป็นคนยิ้มง่ายขึ้นมาก เพราะอยากให้เขาเห็นรอยยิ้มของผมเยอะๆ
 
พี่ว่านจับมือของผมขึ้นก่อนจะจรดริมฝีปากลง “พี่ชอบโจมนะครับ...ชอบมาก”
 
“อือ...รู้แล้ว”
 
“ไม่คิดจะบอกพี่บ้างเหรอ”
 
ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกตัวเองขึ้นแล้วกดจูบที่ริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ แค่นี้ไม่เจ็บหรอกครับ ผมทนได้
 
“ชอบเหมือนกันครับ”
 
“เฮ้อออออออ”
 
“เป็นอะไร”
 
“หนักใจน่ะ...แบบนี้พี่คงไปไหนไม่รอด เป็นลูกไก่ในกำมือของโจมแล้วแน่ๆ”
 
“...อาฮะ”
 
“แต่ก็ยอมนะครับ จะเป็นลูกไก่ในกำมือโจมตลอดไป ไม่หนีไปไหนแน่นอน”
 
“ครับ...เหมือนกัน”
 
END

ออฟไลน์ Maitre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
จบแล้วค่ะ จบจริงๆ แล้วว สมหวังกันทุกคู่เลยเนาะ แอร๊ยยยยย ดีใจที่เหล่าผู้ชายรักกัน
ส่วนจี๊ดนั้น...ให้เธออยู่ในโลกสีม่วงที่แสนสดใสไปนั่นล่ะค่ะ  :o8: :-[ เธอน่าจะพอใจที่สุดแล้ว
มาขอบคุณอีกครั้บนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาตั้งแต่ต้น ขอบคุณจริงๆ ค่ะ  :pig4:
ว่างๆ เราจะมาลงตอนพิเศษนะคะ  :impress2:
วันนี้ไปก่อนน้า เจอกันเรื่องหน้าค่ะ
รักทุกคนเลยยย   :กอด1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พี่ว่านหล่อมาก แมนๆคุยกันเปิดเผย รักเพื่อนเค้าต้องกล้าบอก :กอด1: ขอบคุณค่ะ สนุกมาก :pig4:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
โอ้ยยยยย อยากอ่านว่านโจมอีก น่ารักเกิ้นนนน

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :-[
เรื่องโจมนี่เกินคาดเรานิดหน่อย
 ทั้งเรื่องนี่ fc พี่ฟ้าเลยคร้าาาาา

ออฟไลน์ Haruya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบค่ะ
อ่านตอนแรกๆรู้สึกเหมือนคนเพิ่งรู้จัก คุยกัน กัดกัน ไม่ถูกกันจริงๆ
แมนๆ โอย มันเหมือนชีวิตจริงๆ

อ่านไปแรกๆ เลวมาก อีพี่เอื้อ
แต่ปูนเป็นคนน่ารัก และจิตใจดีมาก ไม่แปลกที่พี่เอื้อจะหลง
ชอบทุกคู่เลย จะ ติดตามต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
น่ารักทุกคู่เลยยยยย  :m1:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ nuch-p

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อยากบอกว่าชอบคู่สุดท้ายมากสุดอะ

แต่ก็รักทุกคู่สนุกมากค่าาาา
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
แฮปปี้มากเลย อ่านแล้วซึ้งใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
สนุกดีครับ อ่านเพลินเลย ตอนแรกพี่เอื้อทำตัวไม่ดีจริง แต่หลังๆก็ปรับปรุงตัวดีขึ้น
สนุกดีครับ
ชอบความสนิทสนมของกลุ่มเพื่อนของปูนมาก เป็นกลุ่มที่ลงตัวสุดๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะครับ
จะรอผลงานต่อไปครับ

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ดีต่อใจมาก   นี่ fc โจมเลย น่ารักมีความคิดคุยง่าย ดีหมดอ่ะ  โอยหลงๆเหมาะกับว่านมาก ทั้งคู่ศีลเสมอกัน คนดีทั้งคู่ คู่อื่นก็ชอบนะ ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนี้นะคนเขียน

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
พี่เอื้อปูนวิ่งมานานคงจะล้า..ปล่อยให้คู่กล้าฟ้ากับพี่ว่านโจมวิ่งทำคะแนนนำเฉยเลย  :z13:

ตามมาคิด ๆ ก็คู่บอยหนูนา..จะครบแก๊งค์แล้วนะ  :ruready

ช้ากว่ากระต่ายกับเต่าก็คู่พี่เอื้อกับปูนนี่แหละ  :z10:

ออฟไลน์ nyxca

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านจบบทที่15แล้ว เออ เราก็ยังไม่ชอบพระเอกเท่าไหร่นะ เหมือนคห.อื่นที่ว่าเอื้อแก้ปัญหาแปลกๆ งงๆ จริงๆเอื้อขึ้นทางด่วนได้แต่นางอ้อมไปเกิ๊น งงใจ





Edit//อ่านจบแล้วว สนุกมากค่า เราชอบทุกอย่างของเรื่องนี้ ยกเว้นพระเอกค่ะ ยันจบก็รู้สึกว่าไม่โอเคอะ แต่ก็ช่างเถอะ ขอบคุณคนเขียนนะคะ เลิ้บบ❤️
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2020 05:18:21 โดย nyxca »

ออฟไลน์ cutelady

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านครั้งเดียวจบเลย สนุกและน่าติดตามมากกก
ชอบทุกคู่  มีความน่ารัก และ เอกลักษณ์เฉพาะ ทั้งหมด
แต่ที่ยังค้างคา  กลับ ข้อคิดและวิธีแก้ปัญหาของพี่เอื้อมาก  (เรื่องของฟิ้ง)
โดยรวมแล้วถือว่า ดี เพราะมีคู่อื่นๆ ที่น่ารัก สนุกสนาม มีเพิ่มสีสันได้ดี
ขอบคุณนักเขียน  ที่มีเรื่องที่ถูกใจ 80% มาให้อ่าน
จะเป็นกำลังใจและติดตามผลงานต่อไปน้าาาาา
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ MezoSone9

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

สนุกมากๆ อ่านเพลินจนจบเลย น่ารักแฮปปี้ทุกคู่  ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆสนุกแบบนี้นะคะ ^^ :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด