บทที่ 15
เมื่อน้องปูนไม่กินปลาหมึก“กูรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ว่ะ มึงรู้สึกเหมือนกูมั้ยฟ้า” ไอ้กล้าเหลือบตามองไปทางฟ้า
“อืม… กูก็รู้สึกนะ มึงว่าไงโจม” ไอ้ฟ้าเหลือบตามองโจม...
“หึ...รู้สึก”
และพวกมันก็หันมามองผม
พวกมึงรู้สึกอะไรกันวะครับ!! ช่วยบอกกูที
“แปลกอะไรของพวกมึงวะ” ในที่สุดผมก็ทนความสงสัยของตัวเองไม่ได้ จนต้องถามออกมา “กูว่ามันก็ปกตินะ”
“กูว่าวันนี้บรรยากาศมันดูสดใส” ก็ใช่ไงไอ้กล้า สดใสมาด มึงดูแดดด้วยครับเพื่อน
“กูว่ามันดูมีชีวิตชีวา” แน่นอนครับเพื่อนฟ้า ตอนนี้ยิ่งกว่า ‘มีชีวิตชีวาอีก’ เพราะมันโคตรวุ่นวายเลยเว้ย คนเตรียมงานเดินกันยั้วเยี้ยไปหมด (นี่คนหรือแมลง)
“กูว่า…” พวกผมสามคนตั้งหน้าตั้งตารอว่าไอ้โจมมันจะพูดอะไร “มันดู…”
“ดู…?”
“คิดไม่ออกว่ะ”
แป่ววววว
พวกกูก็อุตส่าห์ตั้งใจรอคอยมึงนะครับแม่ง
“โธ่ไอ้โจม มึงทำพวกกูผิดหวังจริงๆ” ไอ้กล้าส่ายหน้าประหนึ่งโจมมันทำผิดความผิดมหันต์
“แต่สิ่งที่ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปนั่นก็คือมึงนะไอ้ปูน”
“กู?” ผมชี้ที่ตัวเองพลางมองหน้าไอ้โจมไปด้วย ผมไปทำอะไร นี่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างนะ
“มึงคิดเหมือนพวกกูเลยโจม!” ฟ้าตะโกนเสียงดังก่อนจะกระโดดไปเกาะแขนไอ้โจม ข้างมันมีไอ้กล้าด้วย พวกมันปล่อยให้พี่ปูนยืนโดดเดียวอ่ะครับคุณๆ
“กูไปทำอะไร!”
“ไม่รู้ดิ กูว่าวันนี้มึงดูอารมณ์ดีนะ เมื่อคืนมีอะไรดีๆ หรือไง”
ดีอย่างกับผีน่ะสิ! มึงไม่ไปโดนพี่อ้นพาลใส่แบบกูบ้างมึงไม่รู้หรอกกล้า ชีวิตที่ต้องทนรับอารมณ์ของคนอกหักจากความรักมันลำบาก T^T
“ไม่มีเว้ย! กูกับไอ้โจมโดนพี่ๆ เขาใช้งานมันดีตรงไหนไม่ทราบ”
“มึงคิดดีๆ มึงนัดกับสาวที่ไหนออกเดทไว้หรือเปล่าวะ มึงดูดี้ด้าผิดปกติ” มันยังไม่จบครับ
“กูโสดครับ หัวใจก็ว่าง จะมีใครบางจับจอง ติดประกาศ...”
“พอๆๆๆ พอเถอะกูว่ามันจะเพ้อเจอไปใหญ่”
หลังจากพยายามลบมิ้มออกไปมันก็เกือบสำเร็จแล้ว เย้!! ทุกคนปรบมือให้ผมด้วยครับ เมื่อหลายวันก่อนเจอมิ้มยิ้มให้ใจผมไม่เจ็บแล้ว แถมมันยังนิ่งสงบด้วยแหละ การันตีว่าผมตัดใจกับมิ้มได้เป็นที่เรียบร้อย หรือเรื่องนี้หรือเปล่าวะที่ทำให้ผมดูแปลกๆ ในสายตาพวกมัน
“คงเป็นเพราะกูค้นพบว่ากูตัดใจจากมิ้มได้จริงๆ นั่นแหละ”
“จริงเหรอวะ” ครวานี้เป็นฟ้าที่ถาม
“อือ เมื่อเช้าคุยกับมิ้มแล้วกูเฉยๆ ว่ะ แบบไม่รู้สึกเจ็บ หรือดีใจเหมือนแต่ก่อน”
“อย่างนี้ต้องฉลอง!!” กล้ามันยิ้มก่อนเดินมากอดคอผม “เย็นนี้เลยเป็นไงครับเพื่อน หมูกระทะ ชาบู หรือสุกี้ มึงจัดมาเลยครับ”
“เย็นนี้กูมีนัดแล้วว่ะ วันอื่นได้ป่ะ”
“มึงนัดกับใคร! ไหนบอกว่าไม่ได้นัดสาวไว้ไง” แล้วทำไมมึงต้องเสียงดังด้วยเนี่ยกล้า เจอหน้าไอ้พี่บุ๊คบ่อยเลยติดนิสัยพี่มันมาหรือไง
“ก็ไม่ได้นัดสาว”
“แล้วใคร...ไอ้บอย? หรือหนูนา?” เดี๋ยวๆ กูบอกว่าไม่ได้นัดสาวแล้วทำไมมีชื่อหนูนาด้วยวะครับ
ผมเป็นคนเพื่อนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่รู้จักผมแต่ผมไม่รู้จักพวกเขา ไม่ใช่อะไร ผมจำชื่อพวกเขาไม่ได้เท่านั้นเอง
“พี่ว่านเหรอ” โจมเอ่ยขึ้นแล้วจ้องหน้าผมไปด้วย
“เปล่าไม่ใช่พี่ว่าน”
“เดี๋ยวๆ พี่ว่านนี่เป็นใครวะ” ต่อมขี้เสือกของไอ้กล้าทำงานเลยครับ มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมจริงๆ ขอประมือให้เลย
“พี่ว่านเป็นเพื่อนพี่สาม เมื่อคืนเขามาช่วยงานเลยได้คุยกัน” ผมอธิบายแบบรวบรัด
“พี่ว่านวิศวะป่ะวะ ที่หล่อๆ หน่อย ลุคแมนๆ หน้าคมๆ ป่ะวะ” นี่ไอ้ฟ้าหรือ google ทำไมมันรู้เรื่องคนในมหา’ลัย เยอะจัง
“ไม่รู้ว่าคนเดียวกันมั้ย แต่พี่เขาก็หน้าคมๆ หล่อๆ แบบที่มึงว่าแหละ”
“ถ้าไม่ใช่พี่ว่านงั้น...พี่เอื้อ?” ไอ้โจมมันรู้ได้ไงวะ มันมีญาณทิพย์เหรอ แบบโจมรู้โจมเห็นอะไรแบบนี้
ผมพยักหน้ารับ ไม่อยากโกหกเพื่อนครับ เพื่อนกันก็ต้องจริงใจต่อกัน อีกอย่างไปซื้อของกับไอ้เอื้อก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงขนาดบอกใครไม่ได้
“หวายๆ ยังไงเนี่ยพี่ปูน ไหนบอกไม่ชอบมันแล้วทำไมนัดกับมันได้ล่ะครับ” เกลียดเสียงและสีหน้าของไอ้กล้าจริงๆ ให้ตายเถอะ มันก็ไม่จำเป็นต้องมากระแซะกูแบบนี้ก็ได้มะ
“ก็มันเลิกยุ่งกับมิ้มแล้ว ไม่เห็นต้องไปเกลียดมันนี่” ผมพยายามตอบแบบเต็มเสียงแล้วนะสาบาน แต่ทำไมเสียงที่บอกมันไปถึงได้เบาขนาดนี้วะ
ไม่ได้ พี่ปูนลูกผู้ชาย ต้องเสียงดังเข้าไว้!
“อื้อหือ เพื่อนกูนอกจากจะเป็นพระรองแสนดีแล้วยังเป็นพ่อพระด้วยเหรอวะ” สีหน้ามึงนี่ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยว่ะกล้า
หมับ!
“เล่าเรื่องของมึงกับไอ้พี่เอื้อมาให้หมด”
เย้ย มาล็อกคอกูทำไม ปล่อยกูกูไม่เล่า!!
“มันไม่มีอะไรเว้ย”
“ไม่ได้มึงต้อ…”
“พวกมึงสามตัวกับอีกหนึ่งคน!!! ถ้ามึงยังยืนอู้ไม่ช่วยคนอื่นเขาอีกสักนาทีเดียว กูจะเข้าไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละ!” เสียงแหลมๆ ดังมาจากคนที่ขึ้นไปยืนบนที่นั่งแล้วชี้นิ้วมาทางพวกผม และด้วยเสียงของมันนั้นทำให้คนทั้งคณะหันมามองผมเป็นตาเดียว
ไหนมึงบอกมึงเป็นหนูนาตามรักคืนใจไง นี่มันนางพันธุรัตน์ชัดๆ!
“หนูนา ทำไมต้องสามตัวกับหนึ่งคนด้วยวะ” นั่นสิไอ้บอย กูก็สงสัย
“เรื่องนั้นไม่ยากค่ะมึง ก็เพราะโจมคือว่าที่สามีกู และกูไม่ด่าสามีตัวเอง” ยินดีกับมึงด้วยโจม อยู่ดีๆ ก็มีเมียเป็นตัวเป็นตน อย่างไม่ได้ตั้งตัว
“หนูนาพูดแบบนี้บอยก็น้อยใจแย่ล่ะ”
พูดน้อยต่อยหนักของจริงต้องพี่โจมเลยครับ หมัดเดียวจอด! เล่นเอาหนูนามันหาเสียงตัวเองไม่เจอไปพักหนึ่งเลย หน้าเอ๋อๆ ขอหนูนาทำให้ผมนี่หลุดขำออกมาเลย
ฮ่าๆ อยู่กับพวกมันแล้วตลกจริงๆ
♣♣♣♣♣
6 โมง 20 นาที
ณ ห้าง AA
ผมมาสายเต็มๆ ยี่สิบนาทีถ้วน และคนที่นดเอาไว้ก็ทำลังยืนทำหน้ายักษ์อยู่หน้าห้างครับ
“ขอโทษนนะมึงงงง” ผมยกมือไหว้อย่างสำนึกผิด เอื้อมันทำแค่เหลือบตามองก่อนจะหันไปทางอื่น “เฮ้ยย อย่าโกรธนะๆๆ ไม่ได้ตั้งใจสายจริงๆ”
“แล้วทำไมสาย”
“ก็ต้องช่วยงานที่คณะก่อน มันยุ่งๆ อะไรหลายๆ อย่างกว่าจะปีกตัวออกมาได้แทบแย่” นึกย้อนไปเมื่อสองชั่วโมงทีแล้ว ทันทีที่ผมเลิกเรียนก็ถูกกวาดต้อน (นี่คนหรือหมู) ให้ไปรวมกันตรงสถานที่จัดงาน ช่วยกันจัดโต๊ะ เก้าอี้ ขนของอีกมากมายก่ายกอง เหนื่อยจนอยากจะคลานแทนเดินเลยทีเดียว “ดูดิ เหงื่อเต็มหลังเลย”
ผมหันหลังให้ดูว่าเสื้อสีขาวตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อขนาดไหน ถ้าเป็นไปได้อยากกลับไปอาบน้ำก่อนมากครับ รู้สึกว่าตัวเองเหม็นๆ ยังไงไม่รู้
“ขอกลับไปอาบน้ำก่อนได้ป่ะ”
“ไม่ต้องหรอก ในรถกูมีเสื้อผ้าอีกชุด เดี๋ยวไปหยิบมาให้เปลี่ยน” เออ ดีเลย จะได้ไม่ต้องทนใส่เสื้อที่เลอะเหงื่อแบบนี้ด้วย
เอื้อและผมเดินเข้ามาในห้างหลังจากที่อีกฝ่ายกลับไปเอาเสื้อผ้าที่รถ ชุดที่ผมได้มาเป็นเสื้อยืดธรรมดาๆ กับกางเกงยางยืดขาสั้น ที่ใส่แล้วมันยาวเลยเข่าผมมาคืบหนึ่ง พอเดินออกมาจากห้องน้ำ เอื้อมันก็ไล่ผมให้ไปเปลี่ยนทันที
“ไปเปลี่ยนเป็นกางเกงนักศึกษาเดี๋ยวนี้”
“ทำไมอ่ะ กางเกงนี้ใส่สบายดี”
“มันสั้นไป”
“สั้นไป? นี่กูไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ยไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเขามาแอบดูหรอก” ผมตอบกลับอย่างขำๆ กางเกงตัวนี้เป็นของมันนะ ถ้าผมใส่แล้วสั้นไป เอื้อมันใส่ไม่เสมอหูเลยเหรอ
“จะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน” แน่ะ ทำเสียงโหดใส่อีก ลุงคณิตยังไม่เคยดุผมเท่ามันเลย
ผมก้มลงมองกางเกงที่ตัวเองใส่อีกครั้งกอนจะส่ายหน้า “ไม่เปลี่ยน มันไม่มีใครมองหรอกน่า”
“อย่างน้อยก็กูคนนึงไง”
“อะไรนะ” ไม่ได้ยินจริงๆ ครับ อีกฝ่ายพูดเบามากๆ เลย แต่เอื้อก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ผมเลยไม่ใส่ใจอะไร และสุดท้ายแล้วผมก็ไม่ต้องเปลี่ยนกางเกงคืนครับ ก่อนจะไปเลือกซื้อของกันตามความประสงค์ของอีกฝ่าย
ไชโยยยยย อีกเรื่องแล้วที่ผมชนะมัน ดีใจน้ำตาใจไหล (หารู้ไม่ว่าที่มันไม่ให้ผมเปลี่ยนกางเกงนั้นมีจุดประสงค์แอบแฝง)
“จะไปซื้ออะไรอ่ะ” ผมถามระหว่างเดินตามมันไปเรื่อยๆ เอื้อขายาวกว่าผม บางครั้งมันก็เดินนำผมไปเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายก็จะชะลอฝีเท้าเพื่อให้เราสองคนเดินไปพร้อมๆ กัน
“กูไปทำของคนๆ นึงพังเลยจะไปซื้อให้เขา”
“ไปทำอะไรของเขาพังล่ะ”
“น้ำหอม…”
หือ?
ผมตวัดสายตามองคนพูดก่อนจะยิ้มกว้าง “มึงจะซื้อน้ำหอมให้กูเหรอ!!”
“เบาๆ ดิ เป็นเด็กสามขวบหรือไงเสียงดังไปได้”
ผมเกาหัวเขินๆ ก็แหม คนมันดีใจนี่ครับ คิดว่าจะเสียเงินค่าน้ำหอมที่ซื้อมาไปเปล่าๆ เสียแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่น้ำหอมราคาแพงก็เถอะ แต่ขอย้ำว่ามันมีคุณค่าทางจิตในกับผมมากเลยนะ
แต่พอไปถึงเคาน์เตอร์น้ำหอมผมก็เริ่มไม่อยากได้แล้วครับ ราคาก็แพง แถมต้องมานั่งเถียงเรื่องกลิ่นกับคนที่มันออกตังค์ให้ผมด้วย!
“กูบอกว่าไม่ชอบ กูจะเอาแบบแมนๆ อ่ะ หอมแบบหวานๆ หน่อย ใส่แล้วสาวๆ หลง แบบกลิ่นเดิมที่กูใช้!” ผมถลึงตาใส่คนตรงหน้าแล้วเลื่อนขวดน้ำหอมไปทางมัน
“กูก็ไม่ชอบแบบที่มึงชอบ กลิ่นนั้นไม่เหมาะกับมึงหรอก กลิ่นนี้นี่” มันยื่นน้ำห้องขวดสีดำสวยมาให้ ผมว่ากลิ่นมันก็หอมดีนะครับ กลิ่นน้ำหอมให้ความรู้สึกนุ่มๆ สบายๆ สดชื่น แต่คล้ายๆ กลิ่นที่ผู้หญิงชอบใช้ไปหน่อยครับ แล้วก็ให้ความรู้สึกเด็กไป…
พี่ปูนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พี่ปูนอยากใช้กลิ่นที่มันโตกว่านี้!
“นี่น้ำหอมกู กูใช้!”
“แต่กูเป็นคนดม!”
“คะ คุณลูกค้าอย่าเถียงกันค่ะ” พี่สาวพนักงานขายห้ามด้วยเสียงแผ่วๆ หน้าพี่เขาแดงๆ ด้วยครับ สงสัยจะร้อน แต่แอร์ก็เย็นดีนะ
“เอากลิ่นนี้ครับ” มันเลื่อนขวดน้ำหอมที่มันเลือกตามด้วยบัตรเครดิตให้กับพี่พนักงาน พอผมตั้งท่าจะเถียงมันก็ใช้นิ้วชี้หน้าผมให้หยุด “ถ้ามึงไม่เอาขวดนี้ก็ซื้อเอง!”
ไอ้เผด็จการ!!
เหอะ อยากซื้อก็ซื้อไปเลย ถ้ากูไม่ใช้ซะอย่างมันก็ไม่มีทางรู้หรอกครับ
“และถ้ามึงไม่ใช้นะปูน…” มันอ่านความคิดผมได้เหรอ!!
“มึงจะทำไม” ปากมันอดไม่ได้จริงๆ ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ พี่ปูนเรียบร้อย พูดน้อย น่าถนอมครับ
ร่างสูงยื่นใบหน้าหล่อๆ ของมันเข้ามาใกล้ ก่อนจะจุดยิ้มตรงมุมปาก ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยคำที่ชวนสยิวขึ้น
“ถ้ามึงไม่ใช้...กูก็จะเป็นคนฉีดน้ำ...หอมให้เอง...”
เห็ดสด!! การแบ่งวรรคของประโยคมึงส่อมาก!!
ผมหน้าร้อนผ่าว พอๆ กับพี่สาวพนักงานขายที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ พี่เขาส่งยิ้มอายๆ มาให้พวกผม แล้วยื่นถุงใส่น้ำหอมมาให้ ตอนนี้พี่คงจินตนาการไปไกลแล้วใช้หรือเปล่าครับ เอาความคิดทั้งหมดกลับมาเถอะ ผมกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างนั้นซักหน่อย!
“นะ น้ำหอมได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
เอื้อหันไปยิ้มให้คนขายก่อนจะหยิบถุงน้ำหอมมาถือ มึงก็ขยันโปรยสเน่ห์จังนะครับ ตั้งแต่แม่ค้าขายโจ๊กยันพนักงานขายในห้าง กูรู้ว่าเวลามึงยิ้มแล้วหล่อ แต่จำเป็นต้องยิ้มพร่ำเพื่อป่ะ
เอ๊ะ ผมไม่ได้หวงรอยยิ้มมันนะครับ
“ไปกินข้าวกัน” ว่าแล้วมันจะคว้าคอผมเข้าไปกอดแล้วเดินลากผมให้ตามไปโดยไม่ถามความเห็นผมแม้แต่น้อย ทว่ากระเพาะผมมันก็เริ่มร้องประท้วงด้วยแล้วด้วยครับ ดูเวลาตอนนี้ก็ประมาณทุ่มกว่าๆ แล้ว
ผมหันมองมือที่พาดอยู่ตรงไหล่ เรื่องถึงเนื้อถึงตัวนี่อาจจะแก้ไม่หายแล้วก็เป็นได้ เอะอะก็แตะ เอะอะก็จับ เอะอะก็กอดคอกันตลอด บ่นหรือปัดทิ้งก็ไม่ได้ผลอะไรในเมื่อในเอื้อมันอาจจะจับ ปกติผมไม่ค่อยชอบให้ใครถึงเนื้อถึงตัวมากครับ แต่เอื้อนี่แม่งเป็นข้อยกเว้นของอะไรหลายๆ อย่างเลยก็ว่าได้
แล้วความขี้บังคับของมันก็ไม่หมดแค่นั้น คนอย่างเอื้อมันไม่เปิดโอกาสให้ผมเลือกร้านอาหารหรอก ใจมันอยากจะกินอะไรมันก็เดินเข้าไปในร้านโดยไม่ถามความเห็นเลย เหมือนกับที่มันพาผมไปที่เคาน์เตอร์ขายน้ำหอมเมื่อกี้ มันไม่ถามครับว่าผมอยากใช้กลิ่นอะไร มันแค่เลือกกลิ่นนี้มาให้ผม แล้วบังคับให้ผมใช้
เอาแต่ใจขั้นสุด! แล้วผมก็ต้องยอมมันจนได้!
“มึงอยากกินไรสั่งเลย” มันบอกพร้อมกับส่งเมนูมาให้ ตอนนี้เราอยู่กันในร้ายสุกี้ชื่อดังที่ขึ้นต้นด้วยตัว M ลงท้ายด้วยตัว K
ถูกต้อง! สุกี้ Hot Pot นั่นเอง!
ถุยยยยย ล้อเล่นครับ เราอยู่ร้านสุกี้ MK
“กูอยากกินไก่ KFC อ่ะ สั่งได้มั้ย” ผมยักหน้าให้มันจึกๆ
“อย่ากวนตีนครับ” เออ ไม่เล่นก็ได้ ไม่เห็นต้องทำเสียงดุเลย
ผมกับเอื้อสั่งอาหารคนละสองสามอย่างก่อนจะส่งเมนูคืนให้พนักงาน มันสิ่งยิ้มโปรยสเน่ห์ให้เขาอีกล่ะครับ ไอ้นี่มันขี้อ่อยจริงๆ ให้ตายเหอะ ผู้หญิงคนไหนโดนเข้านี่คงหลงมันหัวปักหัวปำอ่ะ ทั้งหล่อ พูดเพราะ ยิ้มเก่ง สุภาพ…บางมุมก็ดูนิ่งสุขุม ดูเข้าถึงยาก
ซึ่งสิ่งเหล่านั้น…
จอมปลอม! ไม่มีอะไรจริงเลยสักนิดเดียว!
เอื้อที่อยู่กับผมมันทั้งกวนตีน พูดมาก เอาแต่ใจ ชอบบังคับ แถมยังหลงตัวเองขึ้นสุดอีกด้วย!
“เออ กูยังไม่มีเบอร์โทรศัพท์มึงเลย” มันเหลือบตาขึ้นมามองผมขณะที่กำลังเล่นโทร.ศัพท์อยู่ ก่อนจะส่งมือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าผมแล้วแบออก “เอามือถือมึงมา”
ผมที่ไม่คิดอะไรก็ส่งมือถือให้มันไปครับ มันเอาไปกดๆ อะไรสักอย่าง ก็คงจะเมมเบอร์นั่นแหละอย่าไปสนใจเลย แต่ทำไมนานจังวะ…
“มึงทำอะไรอ่ะเอื้อ” อดถามไม่ได้ เพราะมันเอาไปนานเกินล่ะ
“ก็ดูอะไรไปเรื่อย”
“ดูอะไร ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“เอาเหอะน่า...มึงไม่มีเบอร์ไอ้เดียวเหรอวะ” คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากัน
“จะมีได้ไง ก็ไม่ได้ขอไว้อ่ะ”
“แล้วมึงได้ให้เบอร์มันไปป่ะ”
“บ้า ไม่ได้ให้ นี่ยังไม่ได้คุยตั้งแต่กลับจากโคราช”
เอื้อทำหน้าอึ้งๆ แต่สักพักก็เปลี่ยนโหมด มันกำโทรศัพท์ในมือแน่น หน้ามันดูเหมือนตัวโกงในละครเวลาเสียเหลี่ยมให้พระเอกเลยอ่ะ หน้ามันโคตรไม่น่าไว้ใจ
“หน้ามึงเลวมากเอื้อ คิดอะไรอยู่เนี่ย”
“คิดวิธีเอาคืนไง”
“หะ?”
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ได้ข่าวว่ามึงแก่กว่ากูปีเดียวเองนะเฮ้ย!
ระหว่างที่เรากำลังนั่งคุยกันอยู่อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ ว้าวววว เห็นบรรดาของกินตรงหน้าแล้วพยาธิในท้องผมวิ่งกันให้วุ่นเลยครับ จ้าๆ รู้แล้วนะว่าหนูหิว พี่ปูนก็เตรียมจะให้อาหารหนูแล้วนี่ไง
“มันเยอะไปป่ะว่าเอื้อ” ผมถามขณะที่จัดการเอาของทุกอย่างลงหม้อ
“กูบอกไว้เมื่อครั้งนั้นไงว่าจะขุนมึงให้อ้วนอ่ะ เมื่อคืนลองอุ้มดูตัวมึงเหมือนจะเบาลงด้วย นี่มึงกินข้าวบ้างป่ะ หรือกินหญ้าอย่างเดียว”
กวนตีนกูอีกนะครับ =_=
“กูคนนะไม่ใช่กระต่าย”
“กูหมายถึงควายอ่ะ”
“ไอ้เอื้อ!” ปาผักบุ้งใส่เลยแม่ง กวนตีนกูดีนัก
“เฮ้ยๆ ของกินนะอย่าเล่นดิ”
“ก็มึงกวนตีนกูอ่ะ เลิกกวนตีนกูดิ” ผมหน้างอใส่ กูไม่บริการมึงล่ะ แม่งไม่ทำอะไรเลยครับ นั่งดูผมจัดการทุกอย่างเองอย่างเดียวไม่ขยับ กูเป็นคนใช้มึงหรือไงไอ้หล่อ!
“หึไม่เอาอ่ะ เวลากวนตีนมึงแล้วสนุกดี...กูชอบ”
“แต่กูไม่ชอบ”
“เรื่องของมึง กูสุขใจก็พอ แล้วก็ใส่ของต่อได้แล้วอย่าอู้” ว่าแล้วมันก็ชี้ๆ ไปที่ของซึ่งว่างอยู่บนโต๊ะ อะไรวะ ไม่คิดจะทำบ้างหรือไง! “เร็วๆ ดิบอกว่าหิว”
แหนะ มีมาเร่งกูอีก หิวก็ทำเองสิครับรอกูทำไม!
“เออๆๆๆ” ยอมก็ได้ พี่ปูนเป็นคนดีมีน้ำใจหรอกนะถึงไม่เถียง
ขณะที่กำลังรอของกินในหม้อเดือดอยู่นั้นเสียงเคาะกระจกก็ดังขึ้นข้างๆ เรียกความสนใจ เรียกของผมคนเดียวนะ เอื้อมันก้มหน้าก้มตาดูแต่ของในหม้อ หน้ามึงมุ่งมั่นมากอ่ะ เอ๊ะ มันคีบสาหร่ายทรงเครื่องของผมแล้ว!
ก๊อกๆๆ
พี่น้ำ?
พี่น้ำไม่ได้มาคนเดียวด้วยครับ เขายังมีเพื่อนอีกสองคน ใบหน้าสวยยังถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางพอประมาณ เธอรับไหว้ผม ก่อนจะชี้มือไปทางเอื้อที่กำลังจะคีบหมูสไลค์ขึ้นมา อย่านะมึง เมื่อกี้ก็สาหร่ายทรงเครื่องแล้วชิ้นนึง แล้วหมูชิ้นนั้นกูเป็นคนใส่นะ
แต่ที่จริงผมก็ใส่มันทั้งหม้อ =_=
ผมหันไปเรียกเอื้อให้ “มึง...พี่น้ำอ่ะ”
คนตรงข้ามผมขมวดคิ้วก่อนเงยหน้าขึ้นมองผมก่อนจะหันไปมองที่กระจกร้าน คิ้วได้รูปขมวดเข้ากันก่อนเอ่ยชื่อคนที่รออยู่เบาๆ “น้ำ…?”
พวกเขาทั้งสามคนจะเดินเข้ามาข้างในและหยุดอยู่หน้าโต๊ะพวกเรา พี่น้ำส่งยิ้มให้ผมหนึ่งครั้ง ก่อนจะหันไปพูดกับเอื้อด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ทำไมไม่ไปดูน้ำรำคะ” เสียงพี่น้ำสั้นและห้วน ทั้งๆ ที่ก็มีหางเสียงในประโยค “เอื้อคะ น้ำถามไม่ได้ยินเหรอ”
“ได้ยิน”
“งั้นทำไมไม่ตอบล่ะคะ ทำไมไม่ไปดูน้ำรำ”
“ผมมีธุระ” เอื้อตอบพร้อมกับกินสุกี้ไปด้วยอย่างสบายๆ เหมือนไม่สนใจพี่น้ำที่กำลังไม่พอใจ
“มีธุระอะไร มันสำคัญมากเลยหรือไง ทั้งๆ ที่น้ำก็นัดเอื้อไว้แล้วนะ” เสียงพี่น้ำดังขึ้นเล็กน้อย
เอื้อเหลือบตามองผมก่อนจะหันไปตอบพี่น้ำ “สำคัญมาก และผมก็ไม่อยากผิดนัดครั้งนี้ด้วย”
จะผิดหรือเปล่าที่ผมดันไปรู้สึกดีกับคำตอบที่ได้ยิน คำตอบที่เอื้อตอบมานั้นทำให้ผมเผลอคิดไปว่าตัวเองสำคัญ แต่ก็ได้เพียงชั่วคราว เมื่อหันไปมองพี่น้ำและค้นพบว่าพี่น้ำต่างหากที่เอื้อควรจะให้ความสำคัญกับเธอ
ผมก็เป็นเพียง...เพื่อน? รุ่นน้องต่างคณะ? คนรู้จัก?
ผมเป็นใครสำหรับเอื้อกันนะ…
ผมวางตะเกียบลง อยู่ๆ ก็กินไม่ลงแล้ว ทั้งที่เพิ่งกินไปได้แค่นิดเดียว
“เอื้อ…”
“ขอโทษนะน้ำ ผมกินข้าวอยู่”
พี่น้ำพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เธอเสยผมขึ้นช้าๆ หันไปมองทางอีก ทำราวกับกำลังระงับอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม แล้วพี่น้ำก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างเอื้อ มือเรียวกอดแขนมันไว้หลวมๆ
“งั้นดีเลยค่ะ น้ำก็กำลังหิวอยู่พอดี ขอนั่งด้วยได้หรือเปล่าคะ”
“ถามปูนสิ ถ้าปูนตกลงก็ตามสบาย”
เฮ้ย! เกี่ยวอะไรกับผมด้วยล่ะ
ผมเริ่มนั่งไม่ติดที่เพราะสายตาที่พี่น้ำจ้องมา เหมือนว่าเธอจะเพิ่งเห็นว่าตัวผมนั่งอยู่ตรงนี้ คิ้วบางได้รูปขมวดเข้าหากัน เธอหันมองเอื้อที ก่อนจะกลับมามองผมอีกที
“หรือว่าธุระของเอื้อ…”
“พี่น้ำจะสั่งอะไรกินเลยมั้ยครับ ผมเรียกพนักงานให้” ผมแกล้งทำเป็นโบกไม้โบกมือเรียกพนักงานที่เดินผ่านไปมา ก่อนจะยื่นเมนูให้พี่น้ำ
“อืม...น้ำอยากกินปลาหมึก เอาปลาหมึก…”
“ไม่ได้ ปูนมันไม่กิน”
ผมชะงักมือที่กำลังคีบลูกชิ้นกุ้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพี่น้ำแล้วส่งยิ้มแห้งๆ ให้ “พี่สั่งมาก็ได้ครับ”
“สั่งอย่างอื่น ปูนไม่กิน”
“ไม่กินก็สั่งมาได้ กูไม่ได้แพ้อะไร แค่ไม่ชอบเฉยๆ” ผมพยายามอธิบาย “ก็เหมือนที่มึงไม่กินผักนั่นแหละ”
“กูกินเถอะ”
“อ้อเหรอ…” ผมเหล่มองในชามมัน มีแต่เนื้อสัตว์เต็มไปหมดเลยครับ ผักนี่ลายเต็มหม้ออ่ะ นี่นะคนที่บอกว่าตัวเองกินผัก
“เดี๋ยวเถอะมึง…”
“งั้นเอาปลาหมึกค่ะ เอามาสองถาดเลย น้ำชอบ”===========================================================
================================================
พี่เอื้อนี่นาตีจริงๆ ค่ะ คิดว่าตัวเองหล่อเลือกได้หรือไงนะ
ต้องสารภาพก่อนเลยว่าตอนแรกกะให้มันเป็นรักใสๆ นะ แบบจีบกันมุ้งมิ้งไรงี้
ไม่คิดไม่ฝันว่าพระเอกของเรานั้นจะหลายเป็นที่เกลียดชังของทุกคน 5555
ขอโทษ ณ จุดนี้จริงๆ คง (สงสัยเราดาร์กเกินไปพี่เอื้อเลยออกมาเป็นงี้)
เรื่องหน้าสัญญาว่าจะเอาพระเอกแสนดีมากฝากค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ