。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 。◕‿◕。❤ เอื้อมใจให้รัก ❤ 。◕‿◕。 >>>UP side story:เรื่องราวของโจม (จบแล้ว) 10/06/10  (อ่าน 77132 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:
พี่เอื้อแม่ง จะด่าว่าอะไรดีเนี่ย
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :katai1:

เปลี่ยนพระเอกได้ไหม ไม่ไหวว่ะ
เรื่องนี้ดีทุกอย่าง ยกเว้นพระเอก

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
แกมีใหม่ได้ น้องปูนก็มีคนมาจีบได้ หึ ๆ

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
คิดว่าเรื่องแอบรักน่ารักๆ ไหงเป็นพระเอกเหี้ยๆได้ละ
ขอบายละกันเรื่องนี้
เหตุและผลของการแอบชอบของพระเอกไม่พอ
ชอบน้องแต่มีคนอื่น จะอ้วก ระวังโรค

ออฟไลน์ hpimmc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พี่เอื้อเป็นไร
ชอบเขาก็จีบเขา ไม่ใช่มาคั่วหญิงใหม่ไปเรื่อยๆ อิผี

ออฟไลน์ Maitre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
บทที่ 13
เมื่อพี่เอื้ออยากพูด (1)

หวัดดีครับ ผมชื่อเอื้อนะ เชื่อว่าทุกคนอาจจะอยากรู้จักผมกันใช่มั้ย งั้นเรามารู้จักผมให้มากขึ้นไปกว่าเดิมเถอะครับ (ยิ้มละลายใจ)

ผมเรียนเภสัชฯ ตอนนนี้อยู่ปีสองแล้ว ตอนเรียนผมก็เฝ้าถามตัวเองตลอดเลยว่าทำไมผมต้องมาเรียนอะไรที่มันยากเย็นและลำบากกับชีวิตแบบนี้ด้วย เภสัชไม่ใช่ง่ายๆ นะคุณ เห็นว่านั่งจ่ายยาอย่างเดียวนั้นผมต้องเรียนอะไรมากมายกว่านั้นเยอะครับ

แล้วผมก็ได้คำตอบว่า เพราะพ่ออยากให้เรียน โอเค งั้นจงก้มหน้าก้มตาเรียนต่อไป

“ไอ้เอื้อ เย็นนี้มีนัดยังครับเพื่อน” เดียวเพื่อนอีกคนถาม เราเพิ่งรู้จักกันตอนเข้าปีหนึ่ง แต่เดียวมันมีอะไรหลายๆ อย่างที่เข้ากันได้เราเลยสนิทกัน

“เสียใจ กูจะไปรับมิ้ม”

“เปลี่ยนคนอีกแล้วเหรอวะ” คราวนี้เป็นฟิ้งที่ถาม

“มึงก็รู้จักกูนะฟิ้ง หึหึ”


ผมเป็นพวกขี้เบื่อนิดๆ การเปลี่ยนสาวใหม่ตลอดจึงถือเป็นเรื่องธรรมดา โดยปกติแล้วผมควงใครคนไม่เกินหนึ่งเดือนก็เปลี่ยนคนใหม่ แต่ถ้าใครถูกใจผมมาก ผมก็ต่อเวลาให้ พวกเธอผมมีสิทธิ์รู้เท่าที่อยากรู้ แต่เธอไม่มีโอกาสรู้เรื่องของผมถ้าผมไม่อยากบอก ถ้าใครทำได้ก็มีสิทธิ์ควงผมได้

ส่วน ‘มิ้ม’ สาวคนใหม่ของผมนั้นผมสังเกตมานานแล้วว่าเธอชอบแอบมองผมประจำ วันนั้นผมเลยหันไปส่งยิ้มกลับให้เธอบ้าง เพื่อนๆ เธอแตกตื่นกันใหญ่ ส่วนเธอก็หน้าแดงแปร๊ด เท่านั้นแหละ ผมก็รู้เลยว่าเธอชอบผม เขาบอกว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก ผมเลยเข้าทำความรู้จักซะเลย

และหลังจากนั้นมิ้มก็กลายเป็นคนของผม

เธอน่ารักดีครับ เรียบร้อยด้วย ออกเเนวใสๆ วัยรุ่นชอบเลย ผมที่เบื่อจากพวกเจนจัดก็เลยตื่นเต้นกับเธอ แต่ใสไปบางทีก็น่าเบื่อ

“กูไปแล้วนะ”

“เชิญ” เดียวผายมือให้ผม ไอ้นี่มันกวนตีนจริงๆ

ผมขับรถตรงไปรับมิ้มที่หน้าตึกเรียน พอลงมาก็เห็นแต่เพื่อนๆ เธอที่ยืนอยู่

“พี่เอื้อสวัสดีค่ะ” หนึ่งในนั้นทักผม ก่อนที่ทุกคนจะหันมาไหว้เหมือนกัน

“หวัดดีครับสาวๆ แล้วมิ้มล่ะ”

“โดนฉกไปค่ะ”

หือ? โดนฉก?

“อธิบายด้วยครับ” ผมเริ่มขมวดคิ้ว สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบเลยคือการมีคนมายุ่งกับคนของผม ห้าม! โดยเด็ดขาด

“พี่ไปดูเองเถอะค่ะ เนี่ยๆ เดินไปทางนั้น” หนึ่งในนั้นชี้ทางให้

“ขอบใจนะ” ว่าแล้วก็เดินตามไป เมื่อกี้ผมเห็นหลังมิ้มไวๆ ว่าเดินไปกับผู้ชายอีกคนด้วย

อ่า นั่นไง เจอแล้ว

ไอ้คนที่อยู่กับมิ้มผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยครับ มันตัวสูงโปร่ง แต่ไม่เท่าผม หน้าตาดีนะ ออกแนวหนุ่มน่ารักแบบที่คงถูกใจพวกแม่ยกทั้งหลาย

แต่เสียใจว่ะ มิ้มเขาชอบกู

แล้วมันก็สารภาพรักกับมิ้ม! มึงกล้ามากครับน้อง ผมไม่ปล่อยให้มันทำคะแนนได้หรอก จังหวะที่มันบอกชอบมิ้มเสร็จผมก็เดินเข้าไปหาแล้วพามิ้มออกมาเลย หน้ามันอย่างเอ๋อครับ โคตรฮาอ่ะ แต่พอผมหันไปแสยะยิ้มให้เท่านั้นแหละ หน้ามันก็เปลี่ยนไปอีกอารมณ์เลย

เหมือนกิ้งก่า ตลกดี

แล้วใครจะคิดว่าคืนนั้นผมก็ได้เจอมันอีกครั้ง

..
.
“เชี่ย!! เข้ามาในห้องกูได้ไงวะ”

ผมที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องตกใจเมื่อมีร่างของใครคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ที่เตียง กลิ่นเหล้านี่ไม่ต้องพูดถึง อบอวนอยู่เต็มห้องไปหมด

“มึง...มึง!!”

“อื้อออ อย่ามายุ่ง!”

อ้าวมึงครับ นี่มันห้องกูนะเว้ย

ผมโคตรเดือด พรุ่งนี้เช้าผมมีควิซด้วย และผมต้องการอ่านหนังสืออย่างมีสมาธิ แต่ไอ้ขี้เมาที่ไหนมานอนที่เตียงผมก็ไม่รู้ ขอดูหน้าหน่อยเถอะ

พรึบ!

“ไอ้…” มันชื่ออะไรนะ ช่างเถอะครับ มันคือคนที่สารภาพรักกับมิ้มเมื่อตอนเย็น! เสร็จกูล่ะ กูจะโยนมึงออกไปนอกห้องเลย

ผมจัดการดึงตัวมันขึ้นมา ตอนแรกคิดว่าตัวมันจะหนักแต่ผิดคาดครับ มันเบามากแทบจะปลิวตามแรงดึง จนผมอดสงสัยว่ามันกินข้าวบ้างหรือเปล่า

“อื้อ!!” มันครางประท้วงอย่างไม่รู้ตัวแล้วลืมตาขึ้นมานิดๆ ก่อนจะ…

อ้วกกกก

ไอ้เชี่ยมันอ้วกกก!!! มันอ้วกรดตัวผม!! กูเพิ่งอาบน้ำมานะมึง!!!!

“ไอ้เหี้ยมึงตาย!!”

“อื้อ อย่าฆ่ากันเลย แค่นี้ก็เจ็บเหมือนจะตายแล้ว…”

ผมหยุดยั้งความคิดตัวเองไว้เท่านั้นเมื่อพบกับดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ของมัน แล้วผมก็เป็นบ้าบออะไรไม่รู้ เสือกเห็นใจมันอีกครับ

โอเค ครั้งนี้กูจะปล่อยไปก่อนแล้วกัน และคืนนั้นผมก็ต้องมานั่งดูแลมันทั้งคืน

เวรกรรมของผมจริงๆ

พอเช้ามาผมก็บังคับให้มันไปส่งผมที่มอ รถผมยางรั่ว ส่วนเพื่อนๆ ก็เข้าห้องกันไปหมดแล้ว ไอ้นี่มันก็ยอมไปส่งผมด้วยนะ ผมชอบเวลาที่มันทำท่าเหมือนจะเถียงแต่สุดท้ายก็หุบปากเงียบมากอ่ะ มันตลกดีครับ แต่ไม่ตลกตรงที่แม่งโอ้เอ้ส่งผมช้า ทำให้วิชานั้นผมไม่ได้เข้าและไม่ได้ควิซ

ผมไม่ได้โกรธมันหรอก ก็เข้าใจว่าผมต่างหากที่ไปรบกวนมัน แค่มันไปส่งก็ดีแล้ว

แต่ทำไมมันไม่ยอมกินโจ๊กเลยวะ ไหนบอกว่าหิว?

“มึงรู้จักคนนั้นเหรอ”

ผมหันไปมองฟิ้งที่อยู่ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นระหว่างที่เรากำลังกินข้าวเย็นกัน แล้วหันมองตามสายตาของมันได้านนอก  ตรงนั้นมีคนที่ทำให้วันนี้ผมหงุดหงิดมาตลอดทั้งวันนั่งอยู่

“เปล่านี่”

“เห็นมึงมองเขาตลอดเลย”

ผมขมวดคิ้ว มองรอยยิ้มสดใสของไอ้เด็กหน้าจืดปากร้ายแต่ก็ใจดีก่อนตอบ “กูเปล่า”

“มึงมอง”

“กูเปล่า…” ผมเถียง ผมไม่ได้มองมันจริงๆ นี่ แค่หันไปมองอะไรอย่างอื่มแถวที่มันยืนเท่านั้น

“ตอนนี้มึงก็ยังมองเขา”

ผมเปล่าสักหน่อย แค่สายตามันโฟกัสไปที่เด็กนั่นเอง!!

..
.
เรื่องของผมกับมันก็ไม่จบแค่นั้นเมื่อเราต้องไปงานวันเกิดพี่บุ๊คด้วยกัน พี่บุ๊คเป็นพี่เตะบอลกันบ่อย เราสนิทกับพอสมควร ครั้งนี้ผมรู้ตัวเลยว่าโดนพี่มันเล่นแน่ เพราะครั้งที่แล้วผมพลาดนัด แต่ผมไม่อยากโดนใครก็ไม่รู้หามกลับ เลยลากมันไปด้วยอย่างที่มันไม่เต็มใจ แล้วผมก็กลายเป็นฆาตกรครับ มันบอกผมแบบนั้นเมื่อผมได้ทำน้ำหอมมันตกพื้น กับอีแค่น้ำหอมขวดเดียวมันทำเป็นคร่ำครวญหนักหนา แล้วกลิ่นนี่ก็ไม่ได้เหมาะกับมันเลย กลิ่นแบบผู้ชายแมนๆ อ่ะครับ ไม่เข้ากันมันอย่างแรง

อย่างมันต้องกลิ่น...แล้วผมจะมาคิดทำไมเนี่ย

วันนั้นผมก็เลยได้รู้ว่ามันชื่อ ‘ปูน’

คืนนั้น ผมก็โดนมอมจนเมาจริงๆ ครับ ทั้งเบียร์ ทั้งเหล้า พี่บุ๊คมันส่งให้ผมไม่ได้ยั้งเลย

เกลียดพี่มันว่ะ

ผมควบคุมสติไม่ได้ พอเมาแล้วความต้องการผมจะสูงขึ้น ขนาดสั่งให้ปูนส่งผมที่หอมิ้ม ผมรู้ว่ามันคิดยังไงกับมิ้ม แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีเท่าไหร่ แต่คืนนั้นสติผมจมดิ่ง รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นว่าตัวเองอยู่บนรถกับมิ้มและกำลังจะทำอะไรๆ กัน แต่ติดที่ว่าไม่มีอุปกรณ์สำคัญสำหรับคุมกำเนิด ผมค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้มาก และไม่มีทางพลาดเด็ดขาด

ปูนหายไป

มันหายไปไหน…

“พี่เอื้อคะ”

“ขอโทษนะมิ้ม...พี่เมามาก ขอตัวกลับก่อนนะ” และคืนนั้นผมก็ไม่ได้ทำอะไรมิ้ม ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างจริงๆ

มันกลับยังไง… ดึกป่านนี้แท็กซี่ก็หายาก

อย่าบอกนะว่ามันเดินกลับ?

..
.
ผมลงมาหาปูนทันทีที่ตื่น เมื่อคืนผมมาเคาะเรียกมันรอบหนึ่งแล้วครับ แต่คิดว่ามันคงหลับแล้วเลยไม่ตอบ เช้านี้เลยลงมาหาใหม่ แต่ไม่ว่าจะเคาะเท่าไหร่มันก็ไม่ตอบเหมือนเดิม หรือว่ามันจะไม่อยู่ห้องวะ แล้วมันไปไหน ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่กลับสักที หรือว่ามันจะเป็นอะไรไป

แม่งงงง มึงไปไหนวะปูน

ตอนนี้ผมโคตรรู้สึกแย่เลย ถ้าเมื่อคืนผมควบคุมตัวเองให้ได้มากกว่านั้นปูนก็คงไม่ต้องหายไปหรอก ต่อไปนี้ผมขอสัญญาว่าจะไม่ดื่มจนเมามายอีกแล้ว

ผมบอกไม่ได้ว่าทำไมผมต้องแคร์มันขนาดนี้ แค่ผมนึกถึงแววตาแสนเศร้าของมันเมื่อคืนตอนที่มองมาที่ผมและมิ้ม ผมก็…

ช่างเถอะ ผมแค่เมาค้างแล้วไม่อยากไปเรียนแค่นั้นแหละ

กว่ามันจะโผล่มาก็สิบโมงกว่าแล้ว หน้ามันโคตรโทรมอ่ะ เราทะเลาะกัน จะเรียกแบบนั้นได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เลยคือปูนแม่งโคตรกวนตีนอ่ะ ผมเป็นคนค่อนข้างใจเย็นนะ แต่ครั้งนี้ผมหัวเสียอ่ะคิดดู หน้าจับมาตีปากให้หายดื้อจริงๆ แต่ผมก็กวนตีนมันกลับไปเยอะเหมือนกันผมรู้ตัว

โดยเฉพาะเรื่องที่ผมบอกว่าจะไม่เลิกยุ่งกับมิ้ม

แต่ที่ผมไม่เข้าใจตัวเองคือ...ทำไมผมต้องมานั่งคอยมันด้วยวะ ทำไมต้องเป็นห่วงมัน

กูเพี้ยนไปแล้วแน่นอน

“เอื้อ ช่วงนี้มึงแปลกๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า” เดียวตั้งข้อสังเกต ผมว่าผมปกตินะ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่ช่วงนี้หงุดหงิดบ่อยๆ เท่านั้น “แล้วนี่มึงเลิกกับน้องมิ้มอะไรนั่นแล้วเหรอ”

“ยังอ่ะ”

“มึงไม่เห็นไปมาหาสู่กับน้องมิ้มเลย ก่อนหน้านี้นี่ต้องรีบไปหา ทำไมวะ นี่ยังไม่ถึงเดือนเลยนะ”

ผมก้มมองโทรศัพท์ที่มิ้มไลน์มาหาเป็นหลายสิบข้อความแต่ผมไม่เคยกดเข้าไปอ่านและได้ตั้งปิดการแจ้งเตือนไว้ มิ้มมีโทร.มาบ้าง แต่ผมก็ไม่เคยรับเลย

ปูนมันบอกไว้ว่ามันจะจีบมิ้ม ไม่รู้ว่าที่มันพูดนี่มันจริงจังมากแค่ไหน และพอมันบอกมาแบบนั้น ผมดันสวนกลับไปว่าจะไม่เลิกกับมิ้มเสียอีก กลัวครับ...กลัวว่ามันจะกลับไปหามิ้มอีก ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกลัวเหมือกัน แต่รู้ตัวอีกทีผมก็แก้ไขคำพูดอะไรไม่ได้แล้ว

“กูแค่...เบื่อๆ” เบื่อตัวเองเนี่ยะแหละ กูเป็นอะไรไป ทำไมต้องคอยคิดถึงหน้าตากวนๆ ของปูนมันด้วยวะ

“มึงมองน้องคนนั้นอีกแล้ว” ฟิ้งพูดกับผมตอนที่เดียวไม่อยู่ “คราวนี้จะไม่เถียงกูหน่อยเหรอ”

“เถียงทำไม ขี้เกียจ”

ครับ ก็ในเมื่อผมมองหามันจริงๆ นี่”

ไอ้เด็กกวนตีนมันหลบหน้าผมด้วยครับ ประสาทอะไรของมัน ผมก็ไม่ได้จะทำอะไรมันสักหน่อยทำไมต้องหลบหน้าวะ มองก็ทำเมิน ยิ้มให้ก็ทำเฉย เหฮ้ย นี่กูเดือนมอเลยนะ กล้าเมินกูได้ไงวะ แม่ง...อย่างนี้ถ้าเจอจังๆ ต้องสั่งสอนเสียหน่อย

แล้วกูนี่เป็นอะไรมากป่ะวะ ทำไมต้องคอยมองหาแต่มันด้วย มึงเป็นใครวะ ทำไมเข้ามาในความคิดกูอยู่ได้

สารภาพเลยครับ ช่วงนี้ที่ผมเจอปูนบ่อยไม่ใช่เรื่องเอิญหรืออะไรหรอก มันเป็นที่ผมเองชอบเอาตัวไปใกล้มัน ปกติแล้วปีหนึ่งจะเรียนท่ตึกเรียนรวม ซึ่งผมก็ไปกินข้าวที่นั่นตลอด แล้วก็จะพยายามออกจากหอเวลาไล่เลี่ยกับมัน ก็หวังให้มันทักนั่นแหละ แต่แม่ง...มันไม่ทำเลย

แล้วผมก็ได้เจอมันจังๆ จนได้ โคตรบังเอิญเลย ขอบใจฟิ้งที่เสือกอยากจะมาเที่ยวโคราช ไม่รู้หรอกนะว่านึกคึกอะไรถึงเลือกมาเดินปาริโอ้ทั้งที่มันร้อนจนตับจะแตกแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ทำให้ผมเจอปูนจนได้

ผมบอกแล้วว่าปูนมันดื้อ บอกอะไรไม่ค่อยจะฟังหรอก ผมเลยต้องตีบทโหดใส่มันทั้งที่จริงๆ แล้วผมออกจะน่ารักมุ้งมิ้งจะตาย มันถึงได้ยอมเชื่อฟังอะไรผมบ้าง พอพูดง่ายๆ แล้วก็น่ารักดีนะ

ฮะ? อะไร ใครชมมันว่าน่ารัก...อ้าว ผมเองเหรอ ก็...มันน่ารักจริงๆ นี่ครับ ผมเพิ่งรู้ว่ามันได้เป็นเดือนสาขาด้วย คงเพราะบุคลิคเฟรนลี่ของมันนั่นแหละ อีกอย่างใครเห็นมันก็ต้องเอ็นดูมันทุกคน อะไรนะ ผมชมมันอีกแล้วเหรอ ก็แหม มันน่าเอ็นดูจริงๆ นี่

ปูนมันไหว้เดียวกับฟิ้งด้วยครับ! แล้วพูดเพราะด้วย ทีกับกูนะมึง!!

เห็นแล้วต่อมอยากแกล้งผมมันเต้นตุบๆ เลย ผมเดินเข้าไปกอดคอมันและชักชวนแกมบังคับกลายๆ ให้มันเดินเที่ยวกับผม มันทำหน้าเหมือนโลกทั้งใบล่มสลาย ซึ่งฮาดี ผมชอบ ผมอยากจะเห็นว่าปูนจะแสดงอะไรออกมาทางสีหน้าอีกเรื่อยๆ

..
.
ผมลากมันไปซื้อโน้นซื้อนี่หลายที่มาก มันเห็นของที่ผมซื้อแต่ละอย่างหน้ามันดูไม่อยากเชื่อ ผมก็ไม่อยากเชื่อหรอกครับว่าตัวเองจะชอบอะไรแบบนี้ มันไม่เข้ากับลุคเท่ๆ ของผมเลย แต่ผมก็หลงรักไปแล้วนี่นา อย่างกบไม้ตัวนี้ เวลาที่มันส่งเสียง ‘แอบบบ แอบบบ’ ออกมาช่างไพเราะจริงๆ

แล้วเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เกิดขึ้น เมื่อฟิ้งมันลากคอปูนไปโดยไม่ดูเลยว่ามีคนเดินสวนมา

ตอนแรกมันทั้งคู่ปลอดภัยดีไม่มีใครบาดเจ็บ แต่แล้วปูนมันก็ทำเรื่องที่ผมไม่คาดคิด มันกระโจนตัวเข้าไปรับกล่องใส่ตุ๊กตาที่ผมเพิ่งซื้อมาเมื่อกี้โดยไม่ห่วงตัวเองเลย!

ผลปรากฏว่าหัวมันโน แขนกับเข่าก็ถลอก!

ผมเดินเข้าไปจะดูอาการมัน แต่มันกลับยื่นกล่องตุ๊กตามาให้

เพื่อ?

“เอาไปเลยมึง กูไม่ถือแล้ว เดี๋ยวทำตกอีก”

ผมล่ะเชื่อมันเลย แทนที่มันจะต่อว่าที่ผมดันบังคับให้มันถือทั้งที่ไม่เต็มใจ แล้วยังทำให้มันเจ็บตัวอีก หมดคำพูดครับ

ผมรับกล่องมาถือแล้วเดินออกมาเลย เห็นสภาพมันแล้วโกรธตัวเอง โกรธไอ้ตุ๊กตาพวกนี้ด้วย อ้อ โกรธมันด้วยที่ไม่ห่วงตัวเอง

นั่นไง ผมเจอถังขยะแล้ว แม่งอยู่ไกลจังวะ เล่นเอากูแทบหอบ

“หยุดนะไอ้เอื้อ!”

มือผมที่กำลังจะทิ้งตุ๊กต่ชะงักค้าง เสียงนี้มันไอ้ปูนนี่หว่า แล้วมันมาอยู่ตรงนี้ได้ไง พอหันไปมองก็พบว่าเป็นมันจริงๆ ด้วยครับ เลือกที่เข่ามันไหลมากกว่าเดิมเพราะมันฝืนเดินตามผมมา แล้วมันก็เดินมาแย่งตุ๊กตาผมไปถือ

มันทำอะไรของมันอีกเนี่ย!

“มึงจะทิ้งเหรอ! ไม่ได้นะเว้ย!”

“เอาคืนมา!” ผมแบมือขอตุ๊กตาจากมัน

“ไม่ให้ แม่งมึงบ้าเปล่าเนี่ย จะทิ้งทำไมเพิ่งซื้อมา”

“กูไม่อยากได้มันแล้ว”

“ทำไมเล่า มึงก็ชอบมันไม่ใช่หรือไง อีกอย่างกูอุตส่าห์ปกป้องมันเลยนะ ดูสภาพกูนี่ กูทุ่มเทขนาดไหน” ปูนมันกอดกล่องใส่ตุ๊กตาแน่นเข้าไปอีก ราวกับว่าปูนมันรักตุ๊กตานั่นมากมาย

“เอามาไอ้ปูน”

“ไม่ให้!”

“เอามา!!”

“ไม่ให้!! มึงจะทิ้งมันทำไมเล่า! แม่งไม่มีเหตุผลเลย”

เหตุผลน่ะผมมีอยู่แล้ว แต่ไม่อยากจะบอก ทว่าถ้ามันอยากรู้มากนัก...

“ที่กูทิ้งก็เพราะมันทำมึงเจ็บไง!”

“...”

“มึงนี่แม่ง บ้าหรือเปล่าวะ ห่วงแต่ตุ๊กตาแทนที่จะห่วงตัวเอง ตุ๊กตาน่ะพังมันก็ซื้อใหม่ได้ แต่ถ้ามึงเป็นอะไรไปจะทำยังไง”

“...ก็กู…” มันเหมือนจะพูดอะไร แต่ไม่ทันผมหรอกครับ ตอนนี้ผมเหืมอนได้ระบายความโกรธเลย

“อะไร!”

ปูนหลุบตาลงมองกล่องตุ๊กตาในอ้อมแขน ก่อนที่มันจะพูดสิ่งที่ทำให้ผมอึ้ง และอยากเก็บตุ๊กตาเหล่านั้นไว้อย่างดี

“กูไม่ได้ห่วงตุ๊กตาหรอก...แค่เห็นว่ามึงชอบมันมากก็เลยไม่อยากให้มันพัง...เท่านั้นเอง”

โอเค รอบนี้มันวิน

ผมสงบอารมณ์ตัวเอง แล้วพามันไปทำแผล เห็นแผลมันความโกรธที่หายไปเมื่อกี้ก็กลับมาอีกครั้ง

“นี่มึงเดินตามกูมาเลยเหรอ” เข่ามันเยินมากอ่ะ ผมต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเช็ดให้มัน กลัวเชื้อโรคจะเข้าแผล

“ก็เออสิวะ จะให้กูบินมาหรือไง” กวนตีนครับ เถียงครับ มันนี่ไม่สลดเลยนะ ผมเงียบ ขี้เกียจจะตีบทโหดใส่มันแล้ว แค่นี้มันก็เจ็บตัวเพราะผมพอล่ะ แล้วเสียงแผ่วเบาของมันก็ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงที่ทำให้หัวใจผมแกว่ง

“กูกลัวว่ามึงจะโกรธที่กูเกือบทำตุ๊กตามึงพังเลยตามมาขอโทษ”

อะไรนะ?

“มึง...ว่าไงนะ”

“กูขอโทษที่เกือบทำมันพังนะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“...” มองมองปูนที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วส่งยิ้มอ้อนๆ มาให้ผม

อ้อน?

“ไม่โกรธกูนะเอื้อ นะๆๆๆ ไม่โกรธนะ” มันกระตุกชายเสื้อผมถี่ๆ พร้อมกับพูดประโยคนั้นไปด้วย

“นะๆๆๆ หายโกรธกูเถอะนะ”

มันจะรู้ตัวป่ะวะว่าที่มันทำนั้นโคตร...น่ารักเลย เชี่ย...หัวใจผมแกว่งเลย  นี่มันกำลังอ้อนให้ผมหายโกรธใช่มั้ย

แล้วคิดว่าผมจะยอม?

“...ใครจะไปโกรธลงวะ”

ครับ ผมยอม

ผมยอมแล้ว ผมยอมแพ้ ยอมมันหมดจริงๆ

..
.
เรื่องไม่คาดคิดด็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อพวกผมทั้งสามคนได้ไปค้างที่บ้านปูน ตอนแรกผมก็คิดว่าบ้านมันคงจะเล็ก หรือไม่ก็ลำบาก เห็นว่ามันออกจะเคี่ยวเรื่องเงินทองหน่อยๆ (ดูจากเรื่องน้ำหอมนั่นอ่ะนะ) แต่ที่จริงแล้วบ้านมันทำไร่ดอกไม้ครับ ไม่ใหญ่มาก แต่ท้าเทียบกับบ้านผมก็มีเนื้อที่กว้างกว่า และที่สำคัญมีม้าตั้งสี่ตัว!

นี่มึงไม่ได้จนเลยนี่หว่า แล้วมางกอะไรกับเรื่องน้ำหอมวะ

อ้อ ลืมบอกไป ไร่ของปูนชื่อว่า ‘ไร่มะลิวัลย์’ ชื่อเพราะดี ผมชอบ

บ้านปูนสวยมาก ไม้สักทองทั้งหลัง (มันรวยครับมันรวย) แต่ตัวบ้านไม่ใหญ่เท่าไหร่นะ พออยู่กันได้หนึ่งครอบครัวแบบพอดี ซึ่งผมชอบมากๆ บ้านผมอยู่กันไม่กี่คนแต่ตัวบ้านกินอาณาบริเวณไปเยอะ มีห้องโน้นห้องนี่หลายห้องมาก บ้านเก่าบ้านแก่ก็แบบนั้นแหละ สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ทวดย่าทวดแล้ว

ผมชอบที่นี่ ที่ไร่แห่งนี้ ผมอยู่กับเมืองใหญ่มาทั้งชีวิต เบื่อเต็มทนกันชีวิตวุ่นวายเร่งรีบ ต้องแข่งขันอะไรในเรื่องที่ไร้สาระและไม่จำเป็นอย่างการขึ้นรถประจำทาง หรือต่อแถวซื้อของ

ถ้าผมได้มาอยู่ที่นี่ก็คงดีไม่น้อย ผมจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ ที่มันเป็นของผมเอง พอเราไปถึงไร่แล้วก็เอารถเข้าไปจอดข้างใน ถึงตอนนั้นผมก็คิดเรื่องสนุกๆ มาแกล้งปูนอีกจนได้

“มึงจะขี่หลังกูหรือให้กูอุ้ม” ผมถามเมื่อเดินมาหยุดตรงหน้ามันที่กำลังจะลงจากรถ

“กูจะเดิน” นั่น ดื้ออีกนะครับมึง

“โอเคงั้นอุ้ม” ว่าแล้วผมก็ก้มตัวเตรียมจะช้อนตัวมันไว้ในอ้อมแขน

“ไม่ๆๆๆ โอเค ขี่หลังมึงก็ได้”

“แต่กูเลือกอุ้มไปแล้วว่ะ” หน้ามันโคตรตลกเลย ราวกับจะเป็นจะตายเสียให้ได้ถ้าผมอุ้มมัน แต่พออุ้มแล้วก็ไม่เห็นจะตายเลยนี่

“ไอ้เอื้อออออ” มันเรียกผมด้วยเสียงยาวๆ แล้วก็ดิ้นไปดิ้นมา ตัวมันเบามากจริงๆ ให้อุ้มแล้วเดินรอบไร่ผมยังไม่เบื่อเลย (ล้อเล่นครับ อย่าให้ทำจริงนะ)

ปูนไม่ยอมกอดคอผมเลย ผมเลยแกล้งเดินไวขึ้นแล้วทำเหมือนว่ามันจะตกมันถึงได้ยอมกอดคอผม หึๆ อยากให้ทุกคนมาเห็นหน้ามันตอนนี้จังเลยครับ

“มึงก็ไปแกล้งน้องมัน” เสียงฟิ้งดังมาจากทางด้านหน้า

“ก็ไอ้นี่มันดื้อ”

“กูเปล่า!”

“มึงอ่ะแม่งโคตรดื้อเลย ดื้อตาใส”

ผมก้มหน้าลงไปพูดกับคนในอ้อมแขน แต่เหมือนว่าผมจะกะระยะผิด ทำให้หน้าของผมกับปูนอยู่ใกล้กันมากเกินไป ทว่าแทนที่ผมจะเงยหน้าขึ้นมาเพื่อเดินต่อไป ผมกลับหยุดตัวเองอยู่ตรงนั้น

ดวงตาแวววาวสดใสของปูนดึงดูดผมไว้

นัยน์ตาปูนเหมือนตากวาง มันสวย สดใส และเหมือนมีมนต์สะกด มนต์ที่ทำให้ผู้ใดได้เห็นเงาสะท้อนของตัวเองในดวงตานี้ ก็จะไม่อาจละสายตาไปได้ ซึ่งเหมือนที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ อีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบในตาของปูนคือมันจะสะท้อนอารมณ์ทุกอย่างที่เจ้าตัวรู้สึกออกมาหมด

เช่นตอนนี้...แววตาปูนสะท้อนความซุกซนปนสงสัยขณะที่กำลังกวาดมองไปทั่วใบหน้าผม ราวกับเด็กที่กำลังอยากรู้และสำรวจสิ่งที่ตัวเองสนใจ และปูนก็ทำให้ผมต้องตกใจ เมื่อจู่ๆ มันก็ยกมือขึ้นมาเสยผมที่ปรกหน้าผม

ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับผมมาก่อนในชีวิต เพื่อนๆ จะรู้ดีว่าผมไม่ชอบให้ใครมาเล่นหัว หรือยุ่งกับทรงผม หรือทำอะไรกับใบหน้าผม แต่กับปูนแล้วผมกลับไม่รู้สึกโกรธเลย ผมกลับ...รู้สึกดีที่มือเย็นๆ คู่นั้นแตะลงบนหน้าผาก

“ทำอะไร”

เสียงของผมที่เอ่ยออกไปกลับอ่อนโยนกว่าปกติโดยไม่ได้ตั้งใจ

ผมเป็นอะไรไป

“กะ กูแค่สงสัยว่ามึงจะไม่มีคิ้ว” หึๆ นี่คือคำตอบที่ดีที่สุดของมึงแล้วใช่หรือเปล่าปูน

“ประสาทว่ะ ถ้าอยากมองก็ขอดีๆ ดิ อยู่ๆ มาเปิดเหม่งแบบนี้กูตกใจ”

“ไม่เห็นเหม่งเลย หน้าผากมึงออกจะสวย”

ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงทำเรื่องให้ผมแปลกใจได้อยู่เรื่อยเลยนะ อยู่ๆ หน้าผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปากก็แทบจะฉีกยิ้มจนถึงหูแต่ผมก็ต้องกลั้นเอาไว้ จะให้มันรู้ไม่ได้ว่าผมดีใจกับคำพูดของมันเมื่อกี้นี้

รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าผม...ใจสั่นเพราะมัน และผมก็ต้องกลับมาถามตัวเองซ้ำๆ ว่าผมเป็นอะไรกันแน่

ออฟไลน์ Maitre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
บทที่ 14
เมื่อพี่เอื้ออยากพูด (2)

ตอนเย็นพวกเราก็รวมตัวไปขี่ม้าชมไร่ ไอ้เดียวไปกับฟิ้ง ส่วนผมไปกับปูน บอกตรงๆ ไม่ฟอร์มเลยนะ ผมโคตรอยากขี่ม้าอ่ะ เกิดมายังไม่เคยลองเลย เคยขอแม่ครั้งนึงตอนเด็กๆ แต่พ่อไม่ให้ หลังจากนั้นก็เลยไม่สนใจอีกเลย ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับ

และผมไม่อยากพลาด!!

ปูนมันดูแลพวกเราดีมาก ส่วนใหญ่แล้วมันจะต้องคอยรับมือกับผมเพราะผมชอบเอาตัวเข้าไปยุ่งกับมันเรื่อยๆ ไม่รู้สิ ผมว่าอยู่กับมันแล้วผมสนุกดี ชอบเห็นมันทำหน้าแปลกๆ อีกอย่างอยู่กับมันแล้วผมรู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองที่สุด

ปกติผมเป็นคนกวนๆ นะ พูดมากด้วย ไปถามเดียวกับฟิ้งได้ว่าผมพูดเยอะขนาดไหน แต่ผมจะพูดกับคนที่อยากพูดเท่านั้น ซึ่งก็มีไม่มากนักหรอก นับคนเอาได้เลย ส่วนสิ่งที่ผมทำกับคนทั่วๆ ไป (เหมือนกับที่ผมทำกับมันตอนเจอกันครั้งแรกๆ) คือผมต้องดูหล่อ เนี้ยบ ไม่ค่อยพูดกับใคร ไม่ใช่หยิ่งนะ ก็ผมไม่อยากจะพูดนี่ ขี้เกียจฟังเวลาคนอื่นพูดด้วย

กลับมาเรื่องปูนดีกว่า จากที่ผมสัมผัสได้ ปูนเอาใจใส่คนอื่นมากครับ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ มันแคร์ความรู้สึกคนอื่นเสมอ อย่าเรื่องที่เดียวอยากขี่ม้า ทั้งที่ร่างกายมันก็ไม่สมบูรณ์แต่ก็พาพวกเรามาที่คอกม้าจนได้ และเพราะผมอยากขี่ มันเลยยอมจูงม้าที่แสนพยศตัวนี้ให้ผม

คุณน้องปูนนี่ปากร้ายแต่ใจดีเหมือนกันนะ

พอขี่ม้าชมรอบไร่ไปสักพักปูนคงเริ่มเหนื่อย อยู่ๆ มันก็จูงม้าไปผูกกับต้นไม้แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นไม่ปรึกษาความเห็นผมเลยสักนิด ผมจะทำไงได้ครับ นอกจากลงจากม้าแล้วเดินไปนั่งลงข้างมัน เสียดายว่ะ เพิ่งได้ขี่แท้ๆ ครั้งเดียวปมติดใจเลยนะเนี่ย ถึงน้องสงหวังจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควรก็เถอะ

ผมเอนหลังนอนลงบนพื้นหญ้า แล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ย้ำกันอีกสักรอบว่าผมชอบที่นี่จริงๆ ลมเย็นสบายที่พัดผ่านเบาๆ ทำให้หนังตาผมหนังอึ้งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พอผมบอกไปแบบนั้น ไอ้คนที่นั่งข้างกันกลับกวนผมด้วยการบอกว่าจะทิ้งผมไว้ที่นี่

ผมเลยจัดการนอนตักมันเสียเลย ตักมันไม่นุ่มเลยครับ แต่นอนแล้วสบายดี ปกติผมก็ชอบนอนหมอนแข็งๆ เสียด้วยสิ แน่นอนว่าปูนมันโวยวายใหญ่ แต่คิดว่าผมจะฟังหรือไง

ไม่ครับ เมื่อกลางวันผมยอมมันมาแล้ว ตอนนี้มันก็ต้องยอมผมบ้างแหละเนาะ

..
.
“มึงดูดาวดิ โคตรสวยเลย ที่บ้านกูทำไมไม่มีแบบนี้บ้างวะ”

ผมพูดขึ้นหลังจากที่เราสองคนตกลงมาจากแคร่ไม้เพราะความดื้อของปูนัมนเรียบร้อยแล้ว ปูนมันเป็นคนดื้อเงียบครับ บอกอะไรไปไม่ค่อยจะฟังหรอก แต่ไม่ทำท่าทางขัดขืนเท่านั้นเอง อย่างเรื่องห้ามดื่มเหล้าบอกไปมันก็รับฟังดีนะ แต่กลับจะแอบกินเสียได้  นอกจากดื้อแล้วมันยังเถียงเก่งด้วยนะ กับคนอื่นล่ะก้มหน้าอย่างเดียว แต่ทำไมอยู่กับผมแล้วมันไม่ยอมตลอดเลยก็ไม่รู้

“มึงก็ย้ายบ้านมาอยู่นี่ดิ”

ย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอ… เข้าท่านะ แต่คงเป็นไปไม่ได้…

“เออ มาอยู่กับมึงเนี่ยแหละ”

“เอาดิ จะให้ไปนอนกับไอ้สมหวังเลย”

“มันคงกระทืบกูตาย”

“ไม่หรอก ถ้ามึงไม่ไปยุ่งกับสมปองของมันนะ”

ผมหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะเงียบลง มองดูดาวที่แข่งกันส่องแสงอยู่บนท้องนภาสีหมึก

สวย… จนผมไม่อยากให้เวลาผ่านไปเลย

ผมหลงรักที่นี่เข้าแล้วเต็มเปา

ผมทำการไล่นับดวงดาวไปทีละดวง ผมตั้งเป้าหมายว่าในชีวิตนี้ผมจะต้องนับดวงดาวให้หมดฟ้าให้ได้ครับ บ้าเนาะว่ามั้ย ไปบอกใครก็คงว่าแบบนั้นแหละ

แต่ก็มีคนบ้าเหมือนผมครับ บ้าขนาดที่มันอยากจะเอาชนะผมด้วยเรื่องบ้าๆ แบบนี้

ปูนไงครับ ไม่ใช่ใครอื่น

“ปูน…”

“อะไร”

“ทำไมมึงถึงชอบมิ้มวะ”

ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ถึงถามมันออกมาแบบนี้ แต่ในเมื่อผมหลุดปากถามไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบกับคำตอบของปูนที่ตอบผมมา

“กูหลงรักรอยยิ้มแรกของมิ้ม… แต่มึงก็ทำมันพังว่ะเอื้อ” จากตรงนี้ผมไม่เห็นว่ามันทำหน้ายังไง แต่น้ำเสียงของมันเศร้า แม้จะแผ่วเบาแต่ผมก็สัมผัสได้

“กูหลงรักรอยยิ้มแรกของมิ้ม…”

ผมขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเสนอความคิดของตัวเองออกมาบ้าง “มึงอาจจะแค่ประทับใจเขาเฉยๆ ไม่ได้ชอบก็ได้” ปูนไม่ตอบ ผมเลยต้องถามต่อ “แล้วที่มึงไม่จีบมิ้มสักทีนี่เพราะกูเหรอ”

“เปล่าหรอก จริงๆ กูตัดใจจากมิ้มแล้ว”

ผมโคตรดีใจเลยที่ได้ยินแบบนั้น หัวใจผมเต้นรัวด้วยความรื่นเริง ปูนตัดใจจากมิ้มแล้ว มันจะไม่จีบมิ้มอีกแล้ว มันจะเลิกยุ่งกับมิ้มแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผมต้องเลิกกับเธอเสียที แต่ทำไม...ตามึงเศร้าอย่างนั้นวะปูน มึงไม่ควรจะเศร้าหรือเสียใจอะไรทั้งนั้น กูไม่อยากเห็น...

ปูนน่ะเหมาะกับรอยยิ้มเท่านั้น

เพราะไม่อยากเห็น ผมเลยตัดสินใจเข้าใกล้ปูนไปอีกขั้น

สักวันหนึ่งปูนจะได้รู้ว่าการรักคนที่เขาก็รักตัวเองนั้นมันมีความสุขขนาดไหน

อ้อ คืนนั้นผมไม่ได้นอนกับปูนหรอกนะ อยู่ๆ ลุงคณิตก็เรียกผมเข้าไปนอนที่ห้องแก ตอนแรกผมก็งงๆ แหละ แต่พอแกพูดออกมาเท่านั้นผมถึงบางอ้อเลย

..
.
“เอื้อ ขอคุยอะไรด้วยหน่อยดิ” เดียวมันเข้ามาหาผม ตอนที่ฟิ้งกำลังเข้าไปอาบน้ำอยู่

ผมหันไปเลิกคิ้วใส่มันอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่ามึง”

“มึงรู้สึกอย่างที่กูรู้สึกป่ะเอื้อ...เรื่องฟิ้ง”

“...” ผมเลือกจะเงียบ ฟังมันพูดต่อ

“อุบัติเหตุเมื่อวาน...กูไม่แน่ใจว่ากูคิดถูกมั้ย แต่...ฟิ้งตั้งใจนะ”

“...อือ” ปกติแล้วฟิ้งมันเป็นคนรอบคอบจะตาย ไม่มีทางที่อยู่ๆ มันจะพาปูนไปชนคนอื่นจนเจ็บตัวแบบนั้นแน่นอน

“มันเริ่มเป็นแบบนี้อีกแล้วนะเอื้อ กูสงสารปูนว่ะ” เดียวขมวดคิ้วแน่น ก่อนพูดต่อ “กูไม่อยากให้ปูนโดนแบบที่กูกับคนอื่นโดน แล้วกูก็คิดว่าปูนคงหนักกว่ากูแน่”

ใช่...ผมก็ไม่อยากให้ฟิ้งกลับเป็นคนแบบนั้นอีก และก็ไม่อยากให้ปูนต้องเจ็บตัวเพราะผมด้วย

“มึงต้องทำอะไรสักอย่างนะเอื้อ”

“อือ ขอบใจนะที่เตือน กูจะไม่ให้ปูนเจ็บตัวเพราะฟิ้งอีกแน่”

ผมรับปาก ทั้งที่ก็ยังไม่มั่นใจตัวเองว่าจะทำได้หรือเปล่า

และแล้วเดียวกับฟิ้งทะเลาะกันครับ… ผมน่าจะคิดอยู่แล้วว่าเดียวมันคงไม่อยู่เฉยๆ ให้ฟิ้งมันพูดอยู่คนเดียวแน่ เรื่องของเดียวกับฟิ้งมันเคยแย่มาครั้งหนึ่งแล้วก็กลับมาเป็นดี ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นแย่ลงอีกครั้ง

ผมไม่ได้อยากจะเข้าข้างเดียวนะ แต่เรื่องนี้เป็นเพราะฟิ้งล้วนๆ

มันหวงผมเกินไป นิสัยที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที

ฟิ้งจะตั้งป้อมกับคนที่เข้ามาทำความรู้จักกับผมทุกคน และถ้าใครก้าวข้ามเส้นที่ฟิ้งมันขีดไว้ในใจฟิ้งจะไม่ปล่อยให้คนๆ นั้นใกล้ชิดผมต่อไป อย่างที่ปูนมันกำลังโดน ที่จริงมันออกอาการตั้งแต่เราไปบ้านปูนแล้ว แต่เพราะเดียวสัญญาว่าจะกันฟิ้งออกห่างจากปูนให้เรื่องมันเลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มันกันท่าฟิ้งจนสุดท้ายก็ต้องทะเลาะกับฟิ้งเสียงเอง

ในระหว่างที่ความรู้สึกของผมกำลังพังเพราะเพื่อนสนิททั้งสอง กลับมีมือคู่หนึ่งเข้ามาช่วยปลอบโยน มือที่วางแนบลงบนหูของผมทั้งสองข้างเพื่อหวังว่าจะช่วยไม่ให้ผมได้ยินสิ่งที่เพื่อนๆ กำลังพูดกัน และเป็นมือคู่เดียวกับที่ผมกุมไว้ก่อนจะหลับลงไปอีกครั้ง

ตอนที่ตาจะปิดลง ผมเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและเห็นใจ ปกติผมไม่ชอบให้คนอื่นมามองว่าอ่อนแอ แต่ตอนนี้ผมกลับอยากจะอ่อนแอถ้าคนที่ให้ผมกุมมือต่อไปคือปูน

แค่มันเท่านั้น…

แต่คงจะไม่ได้หรอก ให้ปูนห่างจากผมน่ะดีที่สุดแล้ว เพื่อความปลอดภัยของตัวปูนเอง

หลังจากวันนั้น ผมก็เลือกที่จะห่างจากฟิ้งออกมาอยู่กับเดียวมากขึ้น ฟิ้งมันเพื่อนเยอะครับ ถ้าไม่มีเรื่องผมฟิ้งมันก็เป็นคนเฟรนลี่คนหนึ่งเลยล่ะ เพื่อนๆ ในคณะ (ที่ยังไม่เจอฤทธิ์มันนะ) ก็ชอบมันหมด ทุกคนอยากจะเป็นเพื่อนกับฟิ้งจะตาย มันเรียนเก่ง และถ่อมตัว นิสัยก็น่าคบ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ผิดกับผมและไอ้เดียวที่ถ้าคนอื่นไม่มาขอร้องเหมือนจวนจะตายผมก็ไม่อยากเข้าไปเสนอหน้าหรอก

อ้อ บอกไว้ก่อนว่าผมไม่ใช่พวกชอบทำกิจกรรมอะไรนะครับ แต่ที่เห็นเข้าทุกกิจกรรมนั่นน่ะโดนบังคับ (เผื่อคุณไปฟังข้อมูลผิดๆ มา) หรือไม่ก็อาจารย์ขอร้องให้ทำ

“เนี่ยอ่ะนะวิธีแก้ปัญหาของมึง” เดียวมันถามขึ้นตอนที่เรากำลังนั่งกินข้าวกลางวันกันอยู่ในโรงอาหาร

“เออ ก็กูคิดได้แค่นี้นี่หว่า มึงก็รู้ว่าฟิ้งร้ายขนาดไหน”

วิธีแก้ปัญหาเรื่องปูนกับฟิ้งของผมมันปัญญาอ่อนมากๆ อ่ะ ผมใช้ตรรกะที่ว่าถ้าผมไม่เข้าใกล้ปูน ฟิ้งก็จะเลือกยุ่งกับปูนไปเอง ซึ่งก็ถูกต้อง ฟิ้งไม่ได้ยุ่งกับปูนแล้ว แต่แม่งโคตรฝืนความรู้สึกผมเลย ไอ้ตัวต้นเหตุมันจะรู้ป่ะวะว่าระหว่างที่มันกำลังนั่งคุยหรือยิ้มกับเพื่อนอยู่นั้น ผมกำลังควบคุมตัวเองไม่ให้เข้าไปทักมันแค่ไหน หรือระหว่างที่เราสวนกัน ผมต้องห้ามใจแค่ไหนที่จะทำเพียงยิ้มให้มัน

ดูดิ...มีความสุขจริงๆ นะมึง -*-

“เอาเหอะ ถ้ามึงทนได้มึงก็ทนต่อไป กูบอกอะไรอย่างเอาป่ะวะมึง”

“อะไร”

“มึงเห็นนี้ป่ะครับ” มันยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู ที่หน้าจอแสดงเลขสิบหลัก

“เบอร์มึง?”

“เบอร์ปูนต่างหาก” มึงมีเบอร์ปูนได้ไงวะ! นี่ไปขอเบอร์กันตอนไหนเนี่ย แล้วมึงโทร.ไปหาน้องมันกี่ครั้งกันแล้ววะ แล้วปูนมันยอมให้ได้ไง อ้อ ลืมไปไม่ว่าพี่เดียวกับพูดอะไรน้องปูนก็ไม่เคยขัดนี่!

อารมณ์เสีย!!

คำถามมากมายอยู่ในหัวผมเต็มไปหมด แต่สิ่งที่ผมแสดงออกมาคือ

“เอามาให้กู”

“โนครับ! อยากได้ก็ต้องกล้าเข้าไปขอเองนะ แต่กูอยากบอกไว้อย่างนะเว้ย…เสียงปูนเวลาง่วงนอนอ่ะโคตรน่ารักเลย”

ไอ้เพื่อนเวร!

อย่าครับ ผมต้องไม่แสดงอาการอะไรทั้งนั้น ผมต้องไม่ตกหลุมพรางมันเด็ดขาด ผมจะต้อง…

“ฮัลโหลน้องปูนว่างคุยป่ะครับ”

ไอ้เชี่ย!!!

..
.
กลับมา ณ ปัจจุบัน

ผมกำลังเดินไปที่ตึกกลางของมหาวิทยาลัยเพื่อนไปรับเด็กใหม่ของผมหลังจากที่ผมบอกเลิกมิ้มไปตามที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว  ส่วนคนที่ผมกำลังควงอยู่ตอนนี้เธอชื่อน้ำ เป็นดาวคณะเกษตรปีสอง น้ำก็ดีนะ แต่ติดที่เธอเจ้ากี้เจ้าการ ซึ่งผมไม่ชอบเลย

เธอเข้ามาในตอนที่ผมกับลังสับสนกับความรู้สึกตัวเอง ผมมองหาปูน อยากเข้าไปทัก แต่ก็ไม่อยากเจอมัน ไม่อยากทำให้มันเจ็บตัว ผมคิดถึงมัน แต่ก็อยากลบมันออกไปจากความคิด ผมเลยคิดว่าถ้าผมเลือกสนใจที่ใครสักคนผมคงจะดึงความรู้สึกออกจากมันได้มากขึ้น

แต่เปล่าเลย การกระทำอันโง่งมของผมทำให้เกิดเรื่องต่างๆ ตามมา...

เมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วผมได้รับข้อความรัวๆ ว่าให้มารับที่ตึกกลางด้วย พอผมเห็นข้อความผมก็ต้องร้องกับตัวเองในใจเบาๆ ว่า ‘ฉิบหายแล้ว’ ผมลืมไปเสียสนิทว่าน้ำบอกให้ไปรับหลังซ้อมรำอะไรสักอย่างเสร็จ

ผมเห็นแล้วว่าน้ำนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน แต่สายตาของผมกลับโฟกัสไปยังพื้นที่มีคนสองคนนั่งอยู่ คนหนึ่งผมเดาไม่ออกว่าใคร แต่อีกคน...แค่มองข้างหลังผมก็รู้

ปูน…

“ผมเช็ดให้ดีกว่าพี่” เสียงที่ผมไม่ได้ฟังมานานพูดขึ้น

“อ้อ เอาสิ”

ปูนหยิบผ้าเช็ดหน้าของมันออกมาจากมือของอีกฝ่าย ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปเช็ดหน้าให้คนๆ นั้น ตอนแรกมันก็เข้าใกล้เข้าแค่นิดหน่อย แต่คงเพราะเช็ดไม่ถนัดหรือเพราะอะไรสักอย่างทำให้มันต้องเข้าใกล้ไอ้หมอนั้นไปอีก ในขณะที่มันกำลังเช็ดคราบอะไรสักอย่างด้วยความตั้งใจ คนที่ถูกเช็ดกลับลอบมองหน้ามันอย่างตั้งใจไม่แพ้กัน

ร่างโปร่งขยับเข้าใกล้อีกคนไปอีกขั้น จนปลายจมูกของหมอนั่นแตะโดนข้างแก้มของปูนอย่งแผ่วเบาโดนที่เจ้าตัวไม่รู้สึก

รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏที่หน้าของหมอนั่น และแน่นอนว่าปูนไม่รู้ตัว

ผมอยากจะเข้าไปแล้วดึงปูนออกมา แต่เรื่องบ้าๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อขาผมมันไม่ยอมขยับไปไหนเหมือนกับถูกตรึงไว้กับที

ผมมีสิทธิ์อะไรที่จะไปดึงปูนออกมาล่ะ มีสิทธิ์อะไรที่จะไม่พอใจ มีสิทธิ์อะไรที่จะหวงปูน

ผมมันก็แค่ไอ้มารหัวใจที่ไปแย่งคนที่เขาชอบมา เป็นแค่คนเอาแต่ใจที่มันไม่อยากจะยุ่งด้วย เป็นแค่คนที่ทำให้มันเดือดร้อน เป็นแค่คนที่รู้จักมัน

ผมไม่มีสิทธิ์อะไรเลยสักอย่างเดียว…

..
.
ผมมันบ้า… ประสาทแล้วชัดๆ ที่ทำอะไรแบบนี้

ทั้งที่ตัวเองก็ตกลงกับตัวเองแล้วว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ยุ่ง ไม่มองหา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันอีก… ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้จริงๆ แม้จะรู้ว่ามันไม่ดี แม้เราจะต้องกลืนน้ำเลยตัวเองมากแค่ไหน เราก็ฝืนความต้องการลึกๆ ในหัวใจไม่ได้อยู่ดี

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนรถที่จอดไว้หน้าหอ เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วผมส่งข้อความไปบอกน้ำว่าผมไปรับไม่ได้ ให้น้ำกลับเองเลย แน่นอนว่าเธอพยายามโทร.หาผมเป็นสิบสาย แต่ผมเลือกที่จะปิดเสียงและปล่อยมันไว้อย่างนั้น ก่อนที่จะพาตัวเองมารอปูนที่หน้าหอ

ครับ รอปูนไง

ซึ่งตอนนี้มันก็เดินออกมาอยู่ข้างหน้าผมแล้ว

ผมเปิดประตูรถและปิดอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเดินเข้าไปอยู่ข้างหลังมัน ตัวมันมีแต่เหงื่อ ดูจากเสื้อที่ใส่นั้นเปียกชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง

“ปูน” ผมกระซิบเรียกให้เจ้าตัวหันมาหา ปูนตกใจกับการปรากฏตัวของผมอย่างไม่ต้องสงสัย

“เอื้อ? มึง...เพิ่งกลับ?”

‘เปล่าหรอก กลับนานแล้วแต่มานั่งรอมึง’

แต่ผมพยักหน้าให้มันแทนคำตอบจริงๆ

“พรุ่งนี้ตอนเย็นๆ มึงว่างป่ะวะ”

“หะ? พรุ่งนี้เย็น?...” มันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย ก่อนเงียบไปแล้วมองผมแวบหนึ่ง “เปิดงานแฟร์ไง มึงก็ต้องมาดูพี่น้ำไม่ใช่เหรอ แฟนใหม่มึงอ่ะ”

มันรู้เรื่องน้ำ?

“เขาไม่ใช่แฟนกู”

“อีกล่ะ มิ้มก็ไม่ใช่ พี่น้ำก็ไม่ใช่ คนอย่างมึงนี่จะจริงจังกับใครบ้างป่ะวะ” มันทำหน้าเซ็งๆ เหมือนบ่นไปเรื่อยไม่ใส่ใจ

“กับมึง”

เชี่ยยย ปากไวฉิบหายเลยกู ดีนะที่มันไม่ได้ยิน!

“หะ?”

“เปล่าๆ พรุ่งนี้เย็นมึงว่างมั้ย ต้องไปทำกิจกรรมอะไรหรือเปล่า”

“มึงจะทำไมอ่ะ” แหนะ มีมาถามย้อนอีกครับ มันเคยจะเชื่อฟังแล้วตอบคำถามผมดีๆ บ้างไหมหลังจากเราสนิทกันมากขึ้น (ผมมโนเองนะว่าเราสนิทกัน)

“กูจะไปซื้อของ มึงไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ” ก็ไปซื้อน้ำหอมให้มันนั่นแหละไม่ใช่ของตัวเองหรอก แต่ถ้าบอกไปแบบนั้นก็เสียฟอร์มแย่ดิ แล้วแค่ชวนมันไปซื้อน้ำหอมแค่นี้ทำไมผมต้องเขินด้วยวะ

“คนอื่นก็ได้ป่ะ ทำไมต้องกู”

“ก็…” เอาไงดีวะ ผมไม่ได้คิดคำตอบเผื่อไว้กับคำถามมันด้วย แค่มานั่งรอแบบนี้ตัวเองยังคิดไม่ถึงเลยว่าจะทำ “ก็...ไม่ได้เจอนานแล้ว”

สีหน้าปูนเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะหลุดขำออกมาเบาๆ

“ที่จริงก็...ไม่ค่อยว่างนะ เพราะกูต้องไปช่วยที่บูธ แล้วก็ต้องไปนั่งปรบมือหน้าเวทีด้วย เดี๋ยวงานกร่อย”

“เหรอ… ไม่เป็นไร งั้นเอาไว้…ครั้งหน้าก็ได้” ผมยิ้มให้มันจางๆ ครั้งนี้ไม่สำเร็จ ค่อยมาชวนมันใหม่พรุ่งนี้แล้วหันครับ

ในขณะที่ผมถอดใจสำหรับวันนี้แล้วเตรียมจะเดินไปขึ้นรถที่จอดไว้ไม่ไกล เสียงห้าวๆ ของอีกคนก็ดังขึ้นจากข้างหลัง

“แต่กูไปเป็นเพื่อนมึงก็ได้ กูก็อยากไปซื้อของเหมือนกัน”

ว่าไงนะ?

ผมหันไปหาไอ้คนที่ยืนมองเสาไฟฟ้าเหมือนกับว่ามันมีอะไรน่าสนใจมากมาย ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี ทำไมพูดกับกูแล้วไม่มองหน้ากูวะ

“พรุ่งนี้หกโมงเจอกันที่ห้าง AA แล้วกัน ห้ามเลทนะมึงเพราะตอนนั้นกูจะต้องหิวมากๆ ถ้ามึงมาช้ากูกินไม่รอจริงๆ ด้วย” มันน่ารักจริงๆ ครับ ผมจะคิดว่าที่มันพูดแบบนี้เพราะกำลังชวนผมกินข้าวเย็นด้วยแล้วกัน

อือ ไม่เลทหรอก

“ได้ มึงก็ห้ามสายนะ ถ้าไปไม่เจอมึงกูจะ…”

“จะทำไม” คราวนี้มันหันมามองหน้าผมแล้ว ผมเลยส่งยิ้มให้มัน

“ก็จะรอจนกว่านะเจอ”

เฮ้ยยยย ทำไมผมต้องเขินขนาดนี้ด้วยวะ! เวลาพูดกับสาวๆ คนอื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย!

“อือ เจอกัน”

“ปูน…”

“อะไรอีกอ่ะ” มาทำอารมณ์เสียใส่พี่อีกนะครับน้องปูน

“ฝันดีนะมึง”

“บ้าป่ะวะ อยู่ๆ ก็มาบอกฝันดีกูแบบนี้” มันยกมือขึ้นมาถูๆ จมูกด้วยความเขิน แล้วมันจะไม่อะไรเลยครับ ถ้ามันไม่น่ารักขนาดนี้

เออ กูจะบ้าก็เพราะมึงเนี่ยแหละ

“แต่ก็...ฝันดีเหมือนกัน”

ผมรู้สึกว่าคืนนี้ผมต้องนอนหลับฝันดีอย่างที่ปูนบอกแน่นอน


======================================================
==============================================
ณ จุด นี้ให้พี่เอื้อเขาสองตอนไปเลยยย
เหตุผลของพี่เอื้อไม่ใช่เหตุผลที่ดีและน่าตบมากค่ะ แต่พี่เขาก็เป็นแบบนี้เนาะ
ได้แต่หวังว่าสักวันพี่เอื้อของเราจะเป็นคนดีขึ้นเพื่อน้องปูน
ซึ่งรับรองว่าเป็นได้แน่นอนค่ะ มาเอาใจช่วยน้องปูนคนดีกันเถอะ
 :ling2:
สำหรับวันนี้ก็ สวัสดีวันปีใหม่จีนค่ะทุกคน
อั่งเปาตั่วตั่วไก๋นะคะ  :mc4:
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2017 21:11:43 โดย Maitre »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ฟิ้งดูท่าจะไม่ใช่แค่หวงเพื่อนหรอกนะ...เชียร์ให้เดียวกดแม่มเลย

เอื้อ หึ ๆ แกมีคู่แข่งแล้วล่ะ มาตอนนี้น่ะ

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เพื่อนแบบฟิ้งนี่ - -* จะว่าไงดีละ เฮ้ออ ส่วนพี่เอื้อก็ ผู้ชายงี่เง่าที่แก้ปัญหาเองไม่เป็น อืมมมๆ สงสารน้องปูนจริงจริ๊งงงง

ออฟไลน์ angelhani

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ขอเปลี่ยนพระเอกๆ 55

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เป็นนิยายเรื่องแรกเลยที่อ่านพาร์ทพระเอกแล้วยังไม่เข้าข้างหรือเห็นใจพระเอกเหมือนเดิม  ปูนอย่าพึ่งรักเอื้ิอนะ  นิสัยแบบนี้ แก้ปัญหาแบบนี้ คบไปก็เสียใจอ่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
รำเอื้อมากกกกกกกกกกกก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ hpimmc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เชียร์พี่เดียวค่ะ !!!!!!!!!

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
บอกน้องไปสักทีเถอะพี่เอื้อ แบบนี้น้องปูนจะได้ไม่คิดมาก //ส่วนพี่ฟิ้งนี่ ให้พี่เดียวจับปล้ำซะก็ดี หวงเพื่อนเกินไปนะครับ ^^

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คือพี่เอื้อ พี่จะเอาไงแน่เนี่ยะ เดวพอฟิ่งรู้ก็จะตีตีวออกห่างอีก แมนมากอิพี่เอื้อ ยกน้องให้พี่ว่านไปเหอะ
ทำตัวน่าหมั่นไส้ใครอยากยกคนน่ารักๆให้กันล่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อยากจะเชียร์คณพี่อีกคนอะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เอาน่าคนเราก็ต้องลองบ้าง
วิธีนี้ไม่ดีไม่สุขก็ลองวิธีใหม่
ฟริ้งก็เพื่อนตั้งแต่เด็ก
ปูนก็คนที่ตัวเองสนใจ
ถ้าเลือกได้คงไม่อยากให้ใครเจ็บเพราะใครหรอก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ฟิ้ง โรคจิตหรอคะ หล่อนควรไปพบแพทย์ ควรแจ้งทสงบ้านนะคะ ถ้าถึงขนาดจะทำร้ายร่างกายกันขนาดนี้ หรืออยากได้พี่เอื้อจนตัวสั่นคะ ??? เบะปาก อิพี่เอื้อ เสียดายนะ เสียดาย อุตส่าห์ชมชอบ แต่สุดท้าย พอเถอะคะ พี่ว่านมาวิน นี่ไม่อยากเชียร์ อิพี่เอื้อเลยให้ดิ้นตาย กรอกตาอีกรอบ

ว่าแต่นุ้งโจม ชอบพี่บุ๊คหรอ หรือยังไงอะ

ออฟไลน์ Maitre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
บทที่ 15
เมื่อน้องปูนไม่กินปลาหมึก


“กูรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ว่ะ มึงรู้สึกเหมือนกูมั้ยฟ้า” ไอ้กล้าเหลือบตามองไปทางฟ้า

“อืม… กูก็รู้สึกนะ มึงว่าไงโจม” ไอ้ฟ้าเหลือบตามองโจม...

“หึ...รู้สึก”

และพวกมันก็หันมามองผม

พวกมึงรู้สึกอะไรกันวะครับ!! ช่วยบอกกูที

“แปลกอะไรของพวกมึงวะ” ในที่สุดผมก็ทนความสงสัยของตัวเองไม่ได้ จนต้องถามออกมา “กูว่ามันก็ปกตินะ”

“กูว่าวันนี้บรรยากาศมันดูสดใส” ก็ใช่ไงไอ้กล้า สดใสมาด มึงดูแดดด้วยครับเพื่อน

“กูว่ามันดูมีชีวิตชีวา” แน่นอนครับเพื่อนฟ้า ตอนนี้ยิ่งกว่า ‘มีชีวิตชีวาอีก’ เพราะมันโคตรวุ่นวายเลยเว้ย คนเตรียมงานเดินกันยั้วเยี้ยไปหมด (นี่คนหรือแมลง)

“กูว่า…” พวกผมสามคนตั้งหน้าตั้งตารอว่าไอ้โจมมันจะพูดอะไร “มันดู…”

“ดู…?”

“คิดไม่ออกว่ะ”

แป่ววววว

พวกกูก็อุตส่าห์ตั้งใจรอคอยมึงนะครับแม่ง

“โธ่ไอ้โจม มึงทำพวกกูผิดหวังจริงๆ” ไอ้กล้าส่ายหน้าประหนึ่งโจมมันทำผิดความผิดมหันต์

“แต่สิ่งที่ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปนั่นก็คือมึงนะไอ้ปูน”

“กู?” ผมชี้ที่ตัวเองพลางมองหน้าไอ้โจมไปด้วย ผมไปทำอะไร นี่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างนะ

“มึงคิดเหมือนพวกกูเลยโจม!” ฟ้าตะโกนเสียงดังก่อนจะกระโดดไปเกาะแขนไอ้โจม ข้างมันมีไอ้กล้าด้วย พวกมันปล่อยให้พี่ปูนยืนโดดเดียวอ่ะครับคุณๆ

“กูไปทำอะไร!”

“ไม่รู้ดิ กูว่าวันนี้มึงดูอารมณ์ดีนะ เมื่อคืนมีอะไรดีๆ หรือไง”

ดีอย่างกับผีน่ะสิ! มึงไม่ไปโดนพี่อ้นพาลใส่แบบกูบ้างมึงไม่รู้หรอกกล้า ชีวิตที่ต้องทนรับอารมณ์ของคนอกหักจากความรักมันลำบาก T^T

“ไม่มีเว้ย! กูกับไอ้โจมโดนพี่ๆ เขาใช้งานมันดีตรงไหนไม่ทราบ”

“มึงคิดดีๆ มึงนัดกับสาวที่ไหนออกเดทไว้หรือเปล่าวะ มึงดูดี้ด้าผิดปกติ” มันยังไม่จบครับ

“กูโสดครับ หัวใจก็ว่าง จะมีใครบางจับจอง ติดประกาศ...”

“พอๆๆๆ พอเถอะกูว่ามันจะเพ้อเจอไปใหญ่”

หลังจากพยายามลบมิ้มออกไปมันก็เกือบสำเร็จแล้ว เย้!! ทุกคนปรบมือให้ผมด้วยครับ เมื่อหลายวันก่อนเจอมิ้มยิ้มให้ใจผมไม่เจ็บแล้ว แถมมันยังนิ่งสงบด้วยแหละ การันตีว่าผมตัดใจกับมิ้มได้เป็นที่เรียบร้อย หรือเรื่องนี้หรือเปล่าวะที่ทำให้ผมดูแปลกๆ ในสายตาพวกมัน

“คงเป็นเพราะกูค้นพบว่ากูตัดใจจากมิ้มได้จริงๆ นั่นแหละ”

“จริงเหรอวะ” ครวานี้เป็นฟ้าที่ถาม

“อือ เมื่อเช้าคุยกับมิ้มแล้วกูเฉยๆ ว่ะ แบบไม่รู้สึกเจ็บ หรือดีใจเหมือนแต่ก่อน”

“อย่างนี้ต้องฉลอง!!” กล้ามันยิ้มก่อนเดินมากอดคอผม “เย็นนี้เลยเป็นไงครับเพื่อน หมูกระทะ ชาบู หรือสุกี้ มึงจัดมาเลยครับ”

“เย็นนี้กูมีนัดแล้วว่ะ วันอื่นได้ป่ะ”

“มึงนัดกับใคร! ไหนบอกว่าไม่ได้นัดสาวไว้ไง” แล้วทำไมมึงต้องเสียงดังด้วยเนี่ยกล้า เจอหน้าไอ้พี่บุ๊คบ่อยเลยติดนิสัยพี่มันมาหรือไง

“ก็ไม่ได้นัดสาว”

“แล้วใคร...ไอ้บอย? หรือหนูนา?” เดี๋ยวๆ กูบอกว่าไม่ได้นัดสาวแล้วทำไมมีชื่อหนูนาด้วยวะครับ

ผมเป็นคนเพื่อนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่รู้จักผมแต่ผมไม่รู้จักพวกเขา ไม่ใช่อะไร ผมจำชื่อพวกเขาไม่ได้เท่านั้นเอง

“พี่ว่านเหรอ” โจมเอ่ยขึ้นแล้วจ้องหน้าผมไปด้วย

“เปล่าไม่ใช่พี่ว่าน”

“เดี๋ยวๆ พี่ว่านนี่เป็นใครวะ” ต่อมขี้เสือกของไอ้กล้าทำงานเลยครับ มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมจริงๆ ขอประมือให้เลย

“พี่ว่านเป็นเพื่อนพี่สาม เมื่อคืนเขามาช่วยงานเลยได้คุยกัน” ผมอธิบายแบบรวบรัด

“พี่ว่านวิศวะป่ะวะ ที่หล่อๆ หน่อย ลุคแมนๆ หน้าคมๆ ป่ะวะ” นี่ไอ้ฟ้าหรือ google ทำไมมันรู้เรื่องคนในมหา’ลัย เยอะจัง

“ไม่รู้ว่าคนเดียวกันมั้ย แต่พี่เขาก็หน้าคมๆ หล่อๆ แบบที่มึงว่าแหละ”

“ถ้าไม่ใช่พี่ว่านงั้น...พี่เอื้อ?” ไอ้โจมมันรู้ได้ไงวะ มันมีญาณทิพย์เหรอ แบบโจมรู้โจมเห็นอะไรแบบนี้

ผมพยักหน้ารับ ไม่อยากโกหกเพื่อนครับ เพื่อนกันก็ต้องจริงใจต่อกัน อีกอย่างไปซื้อของกับไอ้เอื้อก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงขนาดบอกใครไม่ได้

“หวายๆ ยังไงเนี่ยพี่ปูน ไหนบอกไม่ชอบมันแล้วทำไมนัดกับมันได้ล่ะครับ” เกลียดเสียงและสีหน้าของไอ้กล้าจริงๆ ให้ตายเถอะ มันก็ไม่จำเป็นต้องมากระแซะกูแบบนี้ก็ได้มะ

“ก็มันเลิกยุ่งกับมิ้มแล้ว ไม่เห็นต้องไปเกลียดมันนี่” ผมพยายามตอบแบบเต็มเสียงแล้วนะสาบาน แต่ทำไมเสียงที่บอกมันไปถึงได้เบาขนาดนี้วะ

ไม่ได้ พี่ปูนลูกผู้ชาย ต้องเสียงดังเข้าไว้!

“อื้อหือ เพื่อนกูนอกจากจะเป็นพระรองแสนดีแล้วยังเป็นพ่อพระด้วยเหรอวะ” สีหน้ามึงนี่ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยว่ะกล้า

หมับ!

“เล่าเรื่องของมึงกับไอ้พี่เอื้อมาให้หมด”

เย้ย มาล็อกคอกูทำไม ปล่อยกูกูไม่เล่า!!

“มันไม่มีอะไรเว้ย”

“ไม่ได้มึงต้อ…”

“พวกมึงสามตัวกับอีกหนึ่งคน!!! ถ้ามึงยังยืนอู้ไม่ช่วยคนอื่นเขาอีกสักนาทีเดียว กูจะเข้าไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละ!” เสียงแหลมๆ ดังมาจากคนที่ขึ้นไปยืนบนที่นั่งแล้วชี้นิ้วมาทางพวกผม และด้วยเสียงของมันนั้นทำให้คนทั้งคณะหันมามองผมเป็นตาเดียว

ไหนมึงบอกมึงเป็นหนูนาตามรักคืนใจไง นี่มันนางพันธุรัตน์ชัดๆ!

“หนูนา ทำไมต้องสามตัวกับหนึ่งคนด้วยวะ” นั่นสิไอ้บอย กูก็สงสัย

“เรื่องนั้นไม่ยากค่ะมึง ก็เพราะโจมคือว่าที่สามีกู และกูไม่ด่าสามีตัวเอง” ยินดีกับมึงด้วยโจม อยู่ดีๆ ก็มีเมียเป็นตัวเป็นตน อย่างไม่ได้ตั้งตัว

“หนูนาพูดแบบนี้บอยก็น้อยใจแย่ล่ะ”

พูดน้อยต่อยหนักของจริงต้องพี่โจมเลยครับ หมัดเดียวจอด! เล่นเอาหนูนามันหาเสียงตัวเองไม่เจอไปพักหนึ่งเลย หน้าเอ๋อๆ ขอหนูนาทำให้ผมนี่หลุดขำออกมาเลย

ฮ่าๆ อยู่กับพวกมันแล้วตลกจริงๆ

♣♣♣♣♣

6 โมง 20 นาที

ณ ห้าง AA

ผมมาสายเต็มๆ ยี่สิบนาทีถ้วน และคนที่นดเอาไว้ก็ทำลังยืนทำหน้ายักษ์อยู่หน้าห้างครับ

“ขอโทษนนะมึงงงง” ผมยกมือไหว้อย่างสำนึกผิด เอื้อมันทำแค่เหลือบตามองก่อนจะหันไปทางอื่น “เฮ้ยย อย่าโกรธนะๆๆ ไม่ได้ตั้งใจสายจริงๆ”

“แล้วทำไมสาย”

“ก็ต้องช่วยงานที่คณะก่อน มันยุ่งๆ อะไรหลายๆ อย่างกว่าจะปีกตัวออกมาได้แทบแย่” นึกย้อนไปเมื่อสองชั่วโมงทีแล้ว ทันทีที่ผมเลิกเรียนก็ถูกกวาดต้อน (นี่คนหรือหมู) ให้ไปรวมกันตรงสถานที่จัดงาน ช่วยกันจัดโต๊ะ เก้าอี้ ขนของอีกมากมายก่ายกอง เหนื่อยจนอยากจะคลานแทนเดินเลยทีเดียว “ดูดิ เหงื่อเต็มหลังเลย”

ผมหันหลังให้ดูว่าเสื้อสีขาวตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อขนาดไหน ถ้าเป็นไปได้อยากกลับไปอาบน้ำก่อนมากครับ รู้สึกว่าตัวเองเหม็นๆ ยังไงไม่รู้

“ขอกลับไปอาบน้ำก่อนได้ป่ะ”

“ไม่ต้องหรอก ในรถกูมีเสื้อผ้าอีกชุด เดี๋ยวไปหยิบมาให้เปลี่ยน” เออ ดีเลย จะได้ไม่ต้องทนใส่เสื้อที่เลอะเหงื่อแบบนี้ด้วย

เอื้อและผมเดินเข้ามาในห้างหลังจากที่อีกฝ่ายกลับไปเอาเสื้อผ้าที่รถ ชุดที่ผมได้มาเป็นเสื้อยืดธรรมดาๆ กับกางเกงยางยืดขาสั้น ที่ใส่แล้วมันยาวเลยเข่าผมมาคืบหนึ่ง พอเดินออกมาจากห้องน้ำ เอื้อมันก็ไล่ผมให้ไปเปลี่ยนทันที

“ไปเปลี่ยนเป็นกางเกงนักศึกษาเดี๋ยวนี้”

“ทำไมอ่ะ กางเกงนี้ใส่สบายดี”

“มันสั้นไป”

“สั้นไป? นี่กูไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ยไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเขามาแอบดูหรอก” ผมตอบกลับอย่างขำๆ กางเกงตัวนี้เป็นของมันนะ ถ้าผมใส่แล้วสั้นไป เอื้อมันใส่ไม่เสมอหูเลยเหรอ

“จะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน” แน่ะ ทำเสียงโหดใส่อีก ลุงคณิตยังไม่เคยดุผมเท่ามันเลย

ผมก้มลงมองกางเกงที่ตัวเองใส่อีกครั้งกอนจะส่ายหน้า “ไม่เปลี่ยน มันไม่มีใครมองหรอกน่า”

“อย่างน้อยก็กูคนนึงไง”

“อะไรนะ” ไม่ได้ยินจริงๆ ครับ อีกฝ่ายพูดเบามากๆ เลย แต่เอื้อก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ผมเลยไม่ใส่ใจอะไร และสุดท้ายแล้วผมก็ไม่ต้องเปลี่ยนกางเกงคืนครับ ก่อนจะไปเลือกซื้อของกันตามความประสงค์ของอีกฝ่าย

ไชโยยยยย อีกเรื่องแล้วที่ผมชนะมัน ดีใจน้ำตาใจไหล (หารู้ไม่ว่าที่มันไม่ให้ผมเปลี่ยนกางเกงนั้นมีจุดประสงค์แอบแฝง)

“จะไปซื้ออะไรอ่ะ” ผมถามระหว่างเดินตามมันไปเรื่อยๆ เอื้อขายาวกว่าผม บางครั้งมันก็เดินนำผมไปเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายก็จะชะลอฝีเท้าเพื่อให้เราสองคนเดินไปพร้อมๆ กัน

“กูไปทำของคนๆ นึงพังเลยจะไปซื้อให้เขา”

“ไปทำอะไรของเขาพังล่ะ”

“น้ำหอม…”

หือ?

ผมตวัดสายตามองคนพูดก่อนจะยิ้มกว้าง “มึงจะซื้อน้ำหอมให้กูเหรอ!!”

“เบาๆ ดิ เป็นเด็กสามขวบหรือไงเสียงดังไปได้”

ผมเกาหัวเขินๆ ก็แหม คนมันดีใจนี่ครับ คิดว่าจะเสียเงินค่าน้ำหอมที่ซื้อมาไปเปล่าๆ เสียแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่น้ำหอมราคาแพงก็เถอะ แต่ขอย้ำว่ามันมีคุณค่าทางจิตในกับผมมากเลยนะ

แต่พอไปถึงเคาน์เตอร์น้ำหอมผมก็เริ่มไม่อยากได้แล้วครับ ราคาก็แพง แถมต้องมานั่งเถียงเรื่องกลิ่นกับคนที่มันออกตังค์ให้ผมด้วย!

“กูบอกว่าไม่ชอบ กูจะเอาแบบแมนๆ อ่ะ หอมแบบหวานๆ หน่อย ใส่แล้วสาวๆ หลง แบบกลิ่นเดิมที่กูใช้!” ผมถลึงตาใส่คนตรงหน้าแล้วเลื่อนขวดน้ำหอมไปทางมัน

“กูก็ไม่ชอบแบบที่มึงชอบ กลิ่นนั้นไม่เหมาะกับมึงหรอก กลิ่นนี้นี่” มันยื่นน้ำห้องขวดสีดำสวยมาให้ ผมว่ากลิ่นมันก็หอมดีนะครับ กลิ่นน้ำหอมให้ความรู้สึกนุ่มๆ สบายๆ สดชื่น แต่คล้ายๆ กลิ่นที่ผู้หญิงชอบใช้ไปหน่อยครับ แล้วก็ให้ความรู้สึกเด็กไป…

พี่ปูนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พี่ปูนอยากใช้กลิ่นที่มันโตกว่านี้!

“นี่น้ำหอมกู กูใช้!”

“แต่กูเป็นคนดม!”

“คะ คุณลูกค้าอย่าเถียงกันค่ะ” พี่สาวพนักงานขายห้ามด้วยเสียงแผ่วๆ หน้าพี่เขาแดงๆ ด้วยครับ สงสัยจะร้อน แต่แอร์ก็เย็นดีนะ

“เอากลิ่นนี้ครับ” มันเลื่อนขวดน้ำหอมที่มันเลือกตามด้วยบัตรเครดิตให้กับพี่พนักงาน พอผมตั้งท่าจะเถียงมันก็ใช้นิ้วชี้หน้าผมให้หยุด “ถ้ามึงไม่เอาขวดนี้ก็ซื้อเอง!”

ไอ้เผด็จการ!!

เหอะ อยากซื้อก็ซื้อไปเลย ถ้ากูไม่ใช้ซะอย่างมันก็ไม่มีทางรู้หรอกครับ

“และถ้ามึงไม่ใช้นะปูน…” มันอ่านความคิดผมได้เหรอ!!

“มึงจะทำไม” ปากมันอดไม่ได้จริงๆ ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ พี่ปูนเรียบร้อย พูดน้อย น่าถนอมครับ

ร่างสูงยื่นใบหน้าหล่อๆ ของมันเข้ามาใกล้ ก่อนจะจุดยิ้มตรงมุมปาก ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยคำที่ชวนสยิวขึ้น

“ถ้ามึงไม่ใช้...กูก็จะเป็นคนฉีดน้ำ...หอมให้เอง...”

เห็ดสด!! การแบ่งวรรคของประโยคมึงส่อมาก!!

ผมหน้าร้อนผ่าว พอๆ กับพี่สาวพนักงานขายที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ พี่เขาส่งยิ้มอายๆ มาให้พวกผม แล้วยื่นถุงใส่น้ำหอมมาให้ ตอนนี้พี่คงจินตนาการไปไกลแล้วใช้หรือเปล่าครับ เอาความคิดทั้งหมดกลับมาเถอะ ผมกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างนั้นซักหน่อย!

“นะ น้ำหอมได้แล้วค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

เอื้อหันไปยิ้มให้คนขายก่อนจะหยิบถุงน้ำหอมมาถือ มึงก็ขยันโปรยสเน่ห์จังนะครับ ตั้งแต่แม่ค้าขายโจ๊กยันพนักงานขายในห้าง กูรู้ว่าเวลามึงยิ้มแล้วหล่อ แต่จำเป็นต้องยิ้มพร่ำเพื่อป่ะ

เอ๊ะ ผมไม่ได้หวงรอยยิ้มมันนะครับ

“ไปกินข้าวกัน”  ว่าแล้วมันจะคว้าคอผมเข้าไปกอดแล้วเดินลากผมให้ตามไปโดยไม่ถามความเห็นผมแม้แต่น้อย ทว่ากระเพาะผมมันก็เริ่มร้องประท้วงด้วยแล้วด้วยครับ ดูเวลาตอนนี้ก็ประมาณทุ่มกว่าๆ แล้ว

ผมหันมองมือที่พาดอยู่ตรงไหล่ เรื่องถึงเนื้อถึงตัวนี่อาจจะแก้ไม่หายแล้วก็เป็นได้ เอะอะก็แตะ เอะอะก็จับ เอะอะก็กอดคอกันตลอด บ่นหรือปัดทิ้งก็ไม่ได้ผลอะไรในเมื่อในเอื้อมันอาจจะจับ ปกติผมไม่ค่อยชอบให้ใครถึงเนื้อถึงตัวมากครับ แต่เอื้อนี่แม่งเป็นข้อยกเว้นของอะไรหลายๆ อย่างเลยก็ว่าได้

แล้วความขี้บังคับของมันก็ไม่หมดแค่นั้น คนอย่างเอื้อมันไม่เปิดโอกาสให้ผมเลือกร้านอาหารหรอก ใจมันอยากจะกินอะไรมันก็เดินเข้าไปในร้านโดยไม่ถามความเห็นเลย เหมือนกับที่มันพาผมไปที่เคาน์เตอร์ขายน้ำหอมเมื่อกี้ มันไม่ถามครับว่าผมอยากใช้กลิ่นอะไร มันแค่เลือกกลิ่นนี้มาให้ผม แล้วบังคับให้ผมใช้

เอาแต่ใจขั้นสุด! แล้วผมก็ต้องยอมมันจนได้!

“มึงอยากกินไรสั่งเลย” มันบอกพร้อมกับส่งเมนูมาให้ ตอนนี้เราอยู่กันในร้ายสุกี้ชื่อดังที่ขึ้นต้นด้วยตัว M ลงท้ายด้วยตัว K

ถูกต้อง! สุกี้ Hot Pot นั่นเอง!

ถุยยยยย ล้อเล่นครับ เราอยู่ร้านสุกี้ MK

“กูอยากกินไก่ KFC อ่ะ สั่งได้มั้ย” ผมยักหน้าให้มันจึกๆ

“อย่ากวนตีนครับ”  เออ ไม่เล่นก็ได้ ไม่เห็นต้องทำเสียงดุเลย

ผมกับเอื้อสั่งอาหารคนละสองสามอย่างก่อนจะส่งเมนูคืนให้พนักงาน มันสิ่งยิ้มโปรยสเน่ห์ให้เขาอีกล่ะครับ ไอ้นี่มันขี้อ่อยจริงๆ ให้ตายเหอะ ผู้หญิงคนไหนโดนเข้านี่คงหลงมันหัวปักหัวปำอ่ะ ทั้งหล่อ พูดเพราะ ยิ้มเก่ง สุภาพ…บางมุมก็ดูนิ่งสุขุม ดูเข้าถึงยาก

ซึ่งสิ่งเหล่านั้น…

จอมปลอม! ไม่มีอะไรจริงเลยสักนิดเดียว!

เอื้อที่อยู่กับผมมันทั้งกวนตีน พูดมาก เอาแต่ใจ ชอบบังคับ แถมยังหลงตัวเองขึ้นสุดอีกด้วย!

“เออ กูยังไม่มีเบอร์โทรศัพท์มึงเลย” มันเหลือบตาขึ้นมามองผมขณะที่กำลังเล่นโทร.ศัพท์อยู่ ก่อนจะส่งมือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าผมแล้วแบออก “เอามือถือมึงมา”

ผมที่ไม่คิดอะไรก็ส่งมือถือให้มันไปครับ มันเอาไปกดๆ อะไรสักอย่าง ก็คงจะเมมเบอร์นั่นแหละอย่าไปสนใจเลย แต่ทำไมนานจังวะ…

“มึงทำอะไรอ่ะเอื้อ” อดถามไม่ได้ เพราะมันเอาไปนานเกินล่ะ

“ก็ดูอะไรไปเรื่อย”

“ดูอะไร ไม่มีอะไรหรอกน่า”

“เอาเหอะน่า...มึงไม่มีเบอร์ไอ้เดียวเหรอวะ” คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากัน

“จะมีได้ไง ก็ไม่ได้ขอไว้อ่ะ”

“แล้วมึงได้ให้เบอร์มันไปป่ะ”

“บ้า ไม่ได้ให้ นี่ยังไม่ได้คุยตั้งแต่กลับจากโคราช”

เอื้อทำหน้าอึ้งๆ แต่สักพักก็เปลี่ยนโหมด มันกำโทรศัพท์ในมือแน่น หน้ามันดูเหมือนตัวโกงในละครเวลาเสียเหลี่ยมให้พระเอกเลยอ่ะ หน้ามันโคตรไม่น่าไว้ใจ

“หน้ามึงเลวมากเอื้อ คิดอะไรอยู่เนี่ย”

“คิดวิธีเอาคืนไง”

“หะ?”

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ได้ข่าวว่ามึงแก่กว่ากูปีเดียวเองนะเฮ้ย!

ระหว่างที่เรากำลังนั่งคุยกันอยู่อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ ว้าวววว เห็นบรรดาของกินตรงหน้าแล้วพยาธิในท้องผมวิ่งกันให้วุ่นเลยครับ จ้าๆ รู้แล้วนะว่าหนูหิว พี่ปูนก็เตรียมจะให้อาหารหนูแล้วนี่ไง

“มันเยอะไปป่ะว่าเอื้อ” ผมถามขณะที่จัดการเอาของทุกอย่างลงหม้อ

“กูบอกไว้เมื่อครั้งนั้นไงว่าจะขุนมึงให้อ้วนอ่ะ เมื่อคืนลองอุ้มดูตัวมึงเหมือนจะเบาลงด้วย นี่มึงกินข้าวบ้างป่ะ หรือกินหญ้าอย่างเดียว”

กวนตีนกูอีกนะครับ =_=

“กูคนนะไม่ใช่กระต่าย”

“กูหมายถึงควายอ่ะ”

“ไอ้เอื้อ!” ปาผักบุ้งใส่เลยแม่ง กวนตีนกูดีนัก

“เฮ้ยๆ ของกินนะอย่าเล่นดิ”

“ก็มึงกวนตีนกูอ่ะ เลิกกวนตีนกูดิ” ผมหน้างอใส่ กูไม่บริการมึงล่ะ แม่งไม่ทำอะไรเลยครับ นั่งดูผมจัดการทุกอย่างเองอย่างเดียวไม่ขยับ กูเป็นคนใช้มึงหรือไงไอ้หล่อ!

“หึไม่เอาอ่ะ เวลากวนตีนมึงแล้วสนุกดี...กูชอบ”

“แต่กูไม่ชอบ”

“เรื่องของมึง กูสุขใจก็พอ แล้วก็ใส่ของต่อได้แล้วอย่าอู้” ว่าแล้วมันก็ชี้ๆ ไปที่ของซึ่งว่างอยู่บนโต๊ะ อะไรวะ ไม่คิดจะทำบ้างหรือไง! “เร็วๆ ดิบอกว่าหิว”

แหนะ มีมาเร่งกูอีก หิวก็ทำเองสิครับรอกูทำไม!

“เออๆๆๆ” ยอมก็ได้ พี่ปูนเป็นคนดีมีน้ำใจหรอกนะถึงไม่เถียง

ขณะที่กำลังรอของกินในหม้อเดือดอยู่นั้นเสียงเคาะกระจกก็ดังขึ้นข้างๆ เรียกความสนใจ เรียกของผมคนเดียวนะ เอื้อมันก้มหน้าก้มตาดูแต่ของในหม้อ หน้ามึงมุ่งมั่นมากอ่ะ เอ๊ะ มันคีบสาหร่ายทรงเครื่องของผมแล้ว!

ก๊อกๆๆ

พี่น้ำ?

พี่น้ำไม่ได้มาคนเดียวด้วยครับ เขายังมีเพื่อนอีกสองคน ใบหน้าสวยยังถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางพอประมาณ เธอรับไหว้ผม ก่อนจะชี้มือไปทางเอื้อที่กำลังจะคีบหมูสไลค์ขึ้นมา อย่านะมึง เมื่อกี้ก็สาหร่ายทรงเครื่องแล้วชิ้นนึง แล้วหมูชิ้นนั้นกูเป็นคนใส่นะ

แต่ที่จริงผมก็ใส่มันทั้งหม้อ =_=

ผมหันไปเรียกเอื้อให้ “มึง...พี่น้ำอ่ะ”

คนตรงข้ามผมขมวดคิ้วก่อนเงยหน้าขึ้นมองผมก่อนจะหันไปมองที่กระจกร้าน คิ้วได้รูปขมวดเข้ากันก่อนเอ่ยชื่อคนที่รออยู่เบาๆ “น้ำ…?”

พวกเขาทั้งสามคนจะเดินเข้ามาข้างในและหยุดอยู่หน้าโต๊ะพวกเรา พี่น้ำส่งยิ้มให้ผมหนึ่งครั้ง ก่อนจะหันไปพูดกับเอื้อด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ทำไมไม่ไปดูน้ำรำคะ” เสียงพี่น้ำสั้นและห้วน ทั้งๆ ที่ก็มีหางเสียงในประโยค “เอื้อคะ น้ำถามไม่ได้ยินเหรอ”

“ได้ยิน”

“งั้นทำไมไม่ตอบล่ะคะ ทำไมไม่ไปดูน้ำรำ”

“ผมมีธุระ” เอื้อตอบพร้อมกับกินสุกี้ไปด้วยอย่างสบายๆ เหมือนไม่สนใจพี่น้ำที่กำลังไม่พอใจ

“มีธุระอะไร มันสำคัญมากเลยหรือไง ทั้งๆ ที่น้ำก็นัดเอื้อไว้แล้วนะ” เสียงพี่น้ำดังขึ้นเล็กน้อย

เอื้อเหลือบตามองผมก่อนจะหันไปตอบพี่น้ำ “สำคัญมาก และผมก็ไม่อยากผิดนัดครั้งนี้ด้วย”

จะผิดหรือเปล่าที่ผมดันไปรู้สึกดีกับคำตอบที่ได้ยิน คำตอบที่เอื้อตอบมานั้นทำให้ผมเผลอคิดไปว่าตัวเองสำคัญ แต่ก็ได้เพียงชั่วคราว เมื่อหันไปมองพี่น้ำและค้นพบว่าพี่น้ำต่างหากที่เอื้อควรจะให้ความสำคัญกับเธอ

ผมก็เป็นเพียง...เพื่อน? รุ่นน้องต่างคณะ? คนรู้จัก?

ผมเป็นใครสำหรับเอื้อกันนะ…

ผมวางตะเกียบลง อยู่ๆ ก็กินไม่ลงแล้ว ทั้งที่เพิ่งกินไปได้แค่นิดเดียว

“เอื้อ…”

“ขอโทษนะน้ำ ผมกินข้าวอยู่”

พี่น้ำพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เธอเสยผมขึ้นช้าๆ หันไปมองทางอีก ทำราวกับกำลังระงับอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม แล้วพี่น้ำก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างเอื้อ มือเรียวกอดแขนมันไว้หลวมๆ

“งั้นดีเลยค่ะ น้ำก็กำลังหิวอยู่พอดี ขอนั่งด้วยได้หรือเปล่าคะ”

“ถามปูนสิ ถ้าปูนตกลงก็ตามสบาย”

เฮ้ย! เกี่ยวอะไรกับผมด้วยล่ะ

ผมเริ่มนั่งไม่ติดที่เพราะสายตาที่พี่น้ำจ้องมา เหมือนว่าเธอจะเพิ่งเห็นว่าตัวผมนั่งอยู่ตรงนี้ คิ้วบางได้รูปขมวดเข้าหากัน เธอหันมองเอื้อที ก่อนจะกลับมามองผมอีกที

“หรือว่าธุระของเอื้อ…”

“พี่น้ำจะสั่งอะไรกินเลยมั้ยครับ ผมเรียกพนักงานให้” ผมแกล้งทำเป็นโบกไม้โบกมือเรียกพนักงานที่เดินผ่านไปมา ก่อนจะยื่นเมนูให้พี่น้ำ

“อืม...น้ำอยากกินปลาหมึก เอาปลาหมึก…”

“ไม่ได้ ปูนมันไม่กิน”

ผมชะงักมือที่กำลังคีบลูกชิ้นกุ้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพี่น้ำแล้วส่งยิ้มแห้งๆ ให้ “พี่สั่งมาก็ได้ครับ”

“สั่งอย่างอื่น ปูนไม่กิน”

“ไม่กินก็สั่งมาได้ กูไม่ได้แพ้อะไร แค่ไม่ชอบเฉยๆ” ผมพยายามอธิบาย “ก็เหมือนที่มึงไม่กินผักนั่นแหละ”

“กูกินเถอะ”

“อ้อเหรอ…” ผมเหล่มองในชามมัน มีแต่เนื้อสัตว์เต็มไปหมดเลยครับ ผักนี่ลายเต็มหม้ออ่ะ นี่นะคนที่บอกว่าตัวเองกินผัก

“เดี๋ยวเถอะมึง…”

“งั้นเอาปลาหมึกค่ะ เอามาสองถาดเลย น้ำชอบ”


===========================================================
================================================
พี่เอื้อนี่นาตีจริงๆ ค่ะ คิดว่าตัวเองหล่อเลือกได้หรือไงนะ  :ruready
ต้องสารภาพก่อนเลยว่าตอนแรกกะให้มันเป็นรักใสๆ นะ แบบจีบกันมุ้งมิ้งไรงี้
ไม่คิดไม่ฝันว่าพระเอกของเรานั้นจะหลายเป็นที่เกลียดชังของทุกคน 5555
ขอโทษ ณ จุดนี้จริงๆ คง (สงสัยเราดาร์กเกินไปพี่เอื้อเลยออกมาเป็นงี้)  :mew5:
เรื่องหน้าสัญญาว่าจะเอาพระเอกแสนดีมากฝากค่ะ  :katai2-1:
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
นี้แหละนะ ผูกเรื่องเองแล้วน้องปูนจะซวยไปด้วยไหม ถามใจแกดูเอื้อ

ปล. กางเกงสั้นหรือยาวครับ ถ้ายาวเกินเข่ามันก็ไม่สั้นนะ แต่ถ้าเหนือเข่ามันก็สั้นนะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
รำเอื้อ รำหญิงในสต๊อคของเอื้อ  :o211:

ออฟไลน์ angelhani

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ยังไม่เอาเอื้อค่ะ  :katai3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เคลียตัวเองก่อนไหมเอื้อ

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ถ้าเอื้อยังเคลียร์ตัวเองไม่ได้ ยังไม่อยากให้ปูนชอบเอื้ออ่ะ แต่ดูท่าจะไม่ทันละ  งั้นให้ปูนห่าง ๆ เอื้อละกัน ไม่งั้นดูท่าจะไม่ได้อยู่อย่างมีความสุข ดูท่าน้ำจะร้ายซะด้วย

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เอาแล่วๆๆๆๆๆ
เอื้อจะทำยังไงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด