เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ทุกคนจะได้รู้แล้วว่าน้องเปรมกำลังจะทำอะไร
ปล. น้องไม่ได้ถึงกับขยะแขยง แต่ส่วนลึกน้องก็ไม่ชอบหรอกค่ะที่ผู้ชายคนอื่นน้องจากผัว เอ้ย สามีจับต้องตัวเอง แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อให้แผนที่ตัวเองตั้งไว้สำเร็จลุล่วงแค่นั้นเอง โอเค้
ตอนที่ ๒๕
วงมโหรีโบราณบรรเลงท่วงทำนองเพลงหน้าพาทย์ ต้นเข้าม่าน ยามร่างผอมบางของนักแสดงตัวนางกรีดกรายร่ายรำออกมาจากทางด้านหลังฉากกั้นมหึมา ตามติดด้วยตัวพระร่างสูงโปร่งผู้องอาจเดินเข้ามาประชิดกายหอม แขนแข็งแรงตั้งฉากจีบหงาย อีกมือหนึ่งท้าวสะเอว ย่อตัวเอียงคอมองอีกฝ่ายที่กำลังอยู่ในท่าเขินอายด้วยความหลงใหล...ในสายตาคนอื่นอาจดูเป็นภาพที่สวยงาม น่าแลชม ทว่าสำหรับอสุเรนทร์แล้ว มันช่างเป็นภาพที่กัดกินหัวใจให้ยับย่อยไม่มีชิ้นดี
พญารากษสในชุดเสื้อคอกลมสีขาวนุ่งโจงกระเบนสีแดงเฉกเช่นนักแสดงท่านอื่นๆ กอดอกทอดสายตามองคนสองคนบนเวทีด้วยความไม่ชอบพอ...
กี่สัปดาห์ กี่วัน กี่คืน กี่นาที กี่วินาทีแล้วที่เขาต้องทนดูน้องน้อยจับมือถือแขน พูดคุยหยอกล้อ หัวเราะกับมันผู้นั้นอย่างสนุกสนาน ยิ่งใครต่อใครต่างพากันชื่นชมแสดงความยินดีกับความรักของทั้งคู่ อสุเรนทร์ก็ยิ่งทำใจยอมรับภาพบาดตาเหล่านั้นได้ลำบากกว่าเดิม
รอยยิ้มที่เขาเคยได้รับ...กายเนียนนุ่มส่งกลิ่นกำจายหอมประดั่งคุลาพ อันหอมหวนชวนหลงใหล ดวงตาเรียวหวานสุกสกาวราวดวงดาราบนฟากฟ้าก็มิปาน บัดนี้อสุเรนทร์กลับได้แค่ชะเง้อมองอยู่ห่างๆด้วยสายตาขุ่นขึ้ง หากในตอนนี้จะเปรียบเขาเหมือนกระไรสักอย่างก็คงเปรียบเป็นธาตุอากาศที่อีกฝ่ายไม่คิดสนใจ ไม่เห็นคุณค่าและไม่แม้แต่จะชายตาแลสักครา
สุดท้ายก็เป็นได้แค่ตัวร้ายที่ถูกนางอันเป็นที่รักทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย...
เหตุใดต้องมาจู๋จี๋กันต่อหน้า แค่นี้พี่ยังเจ็บให้น้องเห็นมิมากพออีกรึ
ต้องก้มหน้าลงมองฝ่ามือตนด้วยความรู้สึกปวดร้าวเสมือนมีนามอันแหลมคมเสียดแทงเข้าไปในหัวใจ ยิ่งสั่งให้ลืม ให้ทำใจ มันก็ยิ่งฝังรากลึกอยู่ในความทรงจำมากกว่าเดิม
ถ้าอสุเรนทร์ต้องสิ้นใจ ก็คงสิ้นใจตามลำพังโดยไม่มีคนรักอยู่ดูใจเป็นแน่แท้
“มานั่งเล่นเอ็มวีอกหักอะไรตรงนี้คนเดียวล่ะหือคุณทศ ประเดี๋ยวต้องไปซ้อมฉากพระรามชิงนางสีดากลับคืนสู่กรุงอโยธยาแล้วนะ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเมื่อมีเสียงทักดังจากด้านหลัง เห็นบรมครูชั้นเอกแห่งกรมศิลป์ที่ไม่รู้เดินมาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ยืนเอามือไพล่หลังยืนนิ่ง
“ฟังกระผมอยู่หรือเปล่า”
“ผมมันเป็นได้แค่ไอ้ยักษ์ที่ไม่มีค่าในสายตาเขาเลยสินะ”
“หืม ว่าอะไรนะคุณทศ”
พญารากษสเกยคางลงบนแขนตัวเองเหนือพนักเก้าอี้ ทอดถอนใจอย่างเป็นทุกข์
“ให้คิดถึงเพียงใดใจจะขาด ก็มิอาจไปตามความคิดถึง
ห้ามมาหาแต่อย่าห้ามความคะนึง จะดื้อดึงโดยถ้อยร้อยรำพัน
คิดเสมอเมื่อใจใฝ่ถึงเขา สายตาเศร้าเฝ้าเตือนว่าเหมือนฝัน
แววอาวรณ์อ่อนหวานผสานกัน เหมือนจำนรรจ์จำนนท้นอาลัย
จะตัดพ้อต่อว่าประสารัก ใจก็ทักท้วงห้ามตามวิสัย
จงมองตาตาจะเตือนว่าเหมือนใจ ถ้าแจ้งได้ก็จะแจ้งไม่แฝงเงา
รู้ทั้งรู้ว่ารักจักให้ทุกข์ ใจยังรุกเร้าหลอกให้บอกเขา
ช่างไม่เข็ดหรือไรนะใจเรา เขามีเจ้าของแล้วในแววตา” “พุธโธ่...มาเป็นกาพย์กลอนกันเลยทีเดียว” ปู่เหนือถึงกับเลิกคิ้วเกากบาลด้วยความงงงวย ประธานหนุ่มรูปหล่อที่ผันตัวมาเป็นคนโขนและเจ้าบทเจ้ากลอนแทนผู้จัดการแสดงนั่งตีหน้าเศร้า (เกือบ) เคล้าน้ำตา แววตัดพ้อฉายชัดอยู่ในดวงแก้วดำขลับทั้งสองข้าง กำลังทอดไปยังลูกศิษย์คนโปรดของเขาอย่างไม่มีปิดบัง
บรมครูแห่งนาฏกรรมไทยมองอสุเรนทร์และหลานชายของเพื่อนเก่าผู้ซึ่งรับบทเป็นนางสีดาสลับกันไปมา...ถึงตัวเขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนักเกี่ยวกับสองคนนี้เลย...หรืออาจจะสามถ้ารวมถึงพ่อราเมนทร์ประธานบริษัทจิวเวอร์รี่เข้าไปด้วย แต่ทว่าแววตาที่อสุเรนทร์ส่งไปให้คนอ่อนวัยกว่านั้นมันมีแต่ความอาลัย น้อยอกน้อยใจ เต็มไปด้วยความเจ็บปวด...ต่อให้เป็นชายแก่สติเลอะเลือนหรือคนโง่สมองทึบ ก็ยังรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อสีดาน้อยกับบุคคลตรงหน้ามันต้องไม่ธรรมดาเฉกเช่นคนรู้จักทั่วไปเป็นแน่
“คุณทศรักเจ้าเปรมมันหรือ”
“สำหรับผมคำว่ารักยังมีค่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ”
“แต่เจ้าเปรมมันเป็นแฟนประธานจิวเวอร์รี่คนนั้นไม่ใช่เหรอ หรือกระผมเข้าใจผิดไป”
“ก็ถ้ามันไม่แย่งเปรมไปจากผม มันคงไม่มีสิทธิ์ยืนอยู่ข้างเปรมในฐานะนั้น” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ควรเป็นผมมากกว่าที่ต้องยืนตรงนั้นข้างๆเขา”
“แล้วคุณทศไปทำอะไรให้เจ้าเปรมมันโกรธล่ะครับ ลูกศิษย์กระผมใช่ว่าจะโกรธคนง่ายเสียเมื่อไหร่ บางทีหากคุณทศพยายามทำให้เขาเห็นความรัก ความจริงใจ ซื่อสัตว์ต่อเขาอีกสักนิด อะไรๆก็อาจจะดีขึ้นก็ได้”
“มันไม่มีประโยชน์หรอกท่านครู” คนพูดทำท่าสิ้นหวัง “เพราะถ้ามันได้ผลจริง เปรมก็คงยอมให้อภัยและกลับมาหาผมนานแล้ว แต่เขาก็เลือกที่จะไม่กลับมา”
“โธ่คุณขอรับ ไม่กลับมาก็ใช่ว่าจะหมดรักเสียเมื่อไหร่”
“ท่านครูหมายถึง...”
“ฮ้อ กระผมล่ะปวดกบาลกับปัญหาชีวิตรักวัยหนุ่มสาวนัก คุณทศก็เอาแต่นั่งเศร้าคิดน้อยใจอยู่อย่างเดียว ส่วนเจ้าเปรมก็เอาแต่เมินหน้าหนีทั้งที่เวลาคุณทศไม่อยู่ก็คอยชะเง้อมองหาตลอด...คราแรกกระผมก็งงว่าจะแอบมองกันทำไม...ที่แท้เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้เอง”
“เปรม...เขาแอบมองผมจริงเหรอครับท่านครู” ดวงเนตรคมก่อประกายมีความหวัง รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นบนริมฝีปากหยักตึงอีกครั้ง...
“ไม่เชื่องั้นสิ”
“...”
“งั้นลองหันไปดู”
และมันก็เป็นไปตามชายชรากล่าวทุกประการ เมื่อดวงเนตรคมแห่งราชันย์ได้สบเข้ากับนัยนาหวานล้ำอย่างจัง อีกฝ่ายดูเหมือนจะตกใจพอควรที่เขาหันมาเห็น ก่อนจะรีบหันกลับไปแต่ทว่ามิวายชายตาแลเขาผ่านทางหางตา...น่ารักน่าชังเหลือเกินยอดรักของพี่
“ยิ้มได้ขึ้นมาทันทีเลยนะท่านพญารากษสทศกัณฐ์” บรมครูอาวุโสกลอกตาละเหี่ยใจ “เอาล่ะไหนๆคุณท่านก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว ก็ช่วยจรลีไปซ้อมฉากปะทะกับพระรามสักทีเถอะ มีเวลาว่างก็ค่อยไปออดอ้อนออเซาะเจ้าเปรมมันแล้วกัน หรือไม่ก็แกล้งทำเป็นตัดพ้อ น้อยใจ เชื่อเถิดได้ผลชะงักเพราะตอนเมียกระผมโกรธ กระผมก็ใช้วิธีนี้อยู่บ่อยๆ แต่เอ๊ะ! เจ้าเปรมมัน...”
“งั้นผมคงต้องหาเวลาไปง้อเมียอย่างที่ท่านครูว่าล่ะนะ”
“เดี๋ยวนะ”
“ครับ?”
“สรุปเจ้าเปรมมันเป็นเมียคุณแล้วเหรอ”
“ครับ
เมียแท้ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์” อสุเรนทร์เอ่ยออกมาอย่างหน้าตายราวกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทำเอาคนฟังกระพริบตาปริบๆ นิ่งอึ้งไปต่อไม่ถูกครึ่งค่อนนาทีทีเดียว
“ละ...แล้วพ่อแม่...ไม่สิ ไอ้ไม้ ไอ้เสมามันรู้เรื่องไหม”
“รู้ครับ ทุกคนในครอบครัวเปรมรู้ทุกอย่าง” แม้กระทั่งความจริงที่ว่าเขาคือทศกัณฐ์
“แล้วพวกนั้นไม่ว่า?”
“ทำไมต้องโดนว่าด้วยล่ะในเมื่อผมเข้าทางผู้ใหญ่ตลอด”
“โอ้ย ถึงจะเข้าทางผู้ใหญ่ก็เถอะ แต่...แต่...ยังไงมันก็ฟังดูกระดึ๋มดึ๋ยอยู่ดี ผมรู้จักไอ้ไม้กับไอ้เสมามาก่อน มันสองตัวเกลียดพวกรักร่วมเพศยิ่งกว่าอะไรดี...แต่กลับยอมรับคุณเป็นให้เป็นผัว เอ่อ สามีของหลานมันง่ายๆเนี่ยนะ กระผมขอถามหน่อย ตอบตรงๆนะ คุณทศมีอะไรดี?”
“ก็แค่แสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมรักเปรมจริงก็เท่านั้น ต้องทำอะไรให้ยากด้วยเหรอ”
“มะ...ไม่ต้องก็ได้...เอาเป็นว่าก็ทำวิธีที่กระผมแนะนำไปให้แล้วกัน” ชายชราถึงกับกุมขมับ “หวังว่ากระผมคงไม่โดนเจ้าประธานหนุ่มรามเทพแผลงศรใส่จนตายหรอกนะ”
“ช่วยให้คนรักกันสมหวังเท่ากับได้บุญมหาศาล แน่นอนคนดีอย่างท่านครู เทวดาย่อมคุ้มครอง” แต่ถ้าไอ้รามกล้าทำร้ายครูเหนือจริง เขานี่แหละจะจัดการมัน
“เอาเถอะ ยังไงช่วยไปแล้วนี่”
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจ ขอกอดที” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกระโจนเข้าไปกอดชายชราอย่างลืมอายไม่สนใจสายตาใครทั้งสิ้น...หากต้นไม้ใบหญ้าที่เหี่ยวเฉายังสามารถกลับมาเจริญเติบโตเขียวชอุ่มได้อีกครั้ง แล้วเหตุใดความรักอันแห้งเหือดของเขาและเปรมจะกลับมาหวานชื่นเหมือนเดิมไม่ได้
ของที่เคยเป็นของเรา ก็ต้องเป็นของเราอยู่วันยังค่ำ
ต่อให้มันโดนผู้อื่นขโมยไป เขาเนี่ยแหละจะไปเอามันกลับคืนมาเอง!แสงทิวาเลือนลับจากขอบนภากว้างก่อนถูกแทนที่ด้วยราตรีมณี...ดวงแก้วสว่างไสวแห่งนิศากาล เคลื่อนสูงเหนือกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่ กระแสลมยามดึกพัดโชยหวีดหวิว กระทบผิวพรรณขาวนวลลออ(ละ-ออ)ล้อจันทร์ คนร่างบางแหงนมองดวงดาราพร่างพราวเต็มท้องนภาบริเวณริมระเบียงห้องพักด้วยกิริยาภายนอกสงบนิ่ง หากทว่า...ภายในความคิดกลับไหวพล่าน...ลอยล่องราวสายธาราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
‘พี่รักเปรม’ ประโยคเมื่อสองสามวันก่อนของราเมนทร์กังวานอยู่ในความคิด เฉกเช่นเดียวกับอีกประโยค...’พี่รักเจ้าเปมทัต’ หากเป็นของใครอีกคนหนึ่งที่เขาไม่สามารถลืมเลือนหรือลบล้างมันออกไปจากจากใจได้
ในชีวิตตลอดยี่สิบสองปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครคนไหนพูดประโยคเช่นนี้กับเขาเลยสักครั้ง ราเมนทร์และอสุเรนทร์...ทั้งสองทำให้เขา ‘เชื่อ’ อย่างปราศจากข้อกังขาว่าสิ่งที่ลั่นวาจาล้วนออกมาจากแก่นแท้ของหัวใจ หาใช่เพียงลมปากที่จางหายราวหมอกควัน
เพียงแต่...ฤทัยมีดวงเดียวและตัวเขาก็มิอาจรักผู้ชายสองคนพร้อมกันได้
คนร่างบางทบทวนความรู้ของตนเองนับตั้งแต่อดีตในวันวานจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเปรมมิอาจปฏิเสธความจริงที่ว่า...ราเมนทร์เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่แสนดี รักเขาไม่ต่างไปจากความรักของอีกผู้หนึ่งที่ให้เขาสักนิดเดียว ร่างสูงเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัตินานัปการที่บุรุษด้วยกันพึงเป็น หากเพราะ ‘ใจ’ มันมีแต่เพียงอสุเรนทร์เท่านั้น
ราเมนทร์คือความชอบพอ คือความรู้สึกดีที่เคยมีร่วมกันมาแต่กาลก่อน ส่วนอีกคนไม่ใช่...ถึงตรงนี้เสี้ยวหนึ่งแห่งดวงวิญญาณนางสีดาตระหนักชัด...กับอสุเรนทร์ เป็นความรัก ความโหยหาแสนอาวรณ์
คือความทุกข์ และสุขที่ฝังแน่นในแผ่นอก!
ร่างสูงใหญ่ผิวขาวเหลืองออกคล้ำเล็กน้อย หากมีประกายเปี่ยมด้วยราศีกับรอยยิ้มแย้มละมุน...
เปรมยังคงรักพญารากษสผู้นี้เสมอ แม้จะต้องพรากจากกันไกลสุดคณานับ ฤทัยดวงน้อยก็จะยังยึดมั่นในรักนี้ตราบนานเท่านาน
คนยืนนิ่งท่ามกลางดวงจันทราและหมู่ดวงดาวเผลอยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่มีทั้งสุขและเศร้าเคล้ารวมกัน... เปรมขอโทษที่ต้องทำเช่นนี้ ขอโทษที่ทำให้พี่เจ็บปวด และขอโทษที่จำต้องเป็นคนปิดฉากโศกนาฏกรรมความรักระหว่างคนสามคนอย่างไม่มีวันหวนคืน
ข้อพิพาททุกอย่างมันควรจบลงเสียที
...และความคิดยังคงไหลลื่นต่อไปอีกเนิ่นนาน ถ้าไม่มีเสียงของใครบางคนแทรกผ่านความมืดมิดเข้ามาในโสตประสาท ลมหายใจสะดุดกึกชั่วแวบหนึ่ง พฤกษชาติเดียรดาษ โยกไหว ส่งกลิ่นหอมจรุงใจ
“เปรม...” น้ำคำนุ่มหูก่อกังวานในจิตใจของคนร่างบาง...ริมระเบียงข้างซ้ายพบชายร่างสูงยืนนิ่งสงบ ผินพักตร์แยงยลมาทางเขาสีหน้าด้วยแววตาสุดแสนอาวรณ์
“คุณทศ”
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“ผมยังไม่ง่วงเท่าไหร่”
“ไม่ค่อยได้คุยได้ทักกันเลย สบายดีหรือ”
เปรมกัดริมฝีปากล่าง สองมือน้อยที่กุมอยู่บริเวณหน้าท้องกำแน่นสั่นระริกจนเป็นข้อขาว ฝืนช้อนนัยนายิ้มตอบกลับ
“ผมสบายดีครับ”
“ราเมนทร์ดูแลเปรมดีไหม ถ้ามันดูแลเปรมไม่ดี บอกพี่นะพี่จะไปจัดการมันให้”
“...”
“ช่วงนี้ได้กินอะไรบ้างหรือเปล่า ทำไมถึงผอมลงเยอะขนาดนี้ ถ้าเกิดเป็นอะไรหนักๆขึ้นมาจะทำยังไงล่ะหือ?”
“คุณ...”
“ถึงพี่จะไม่ได้อยู่ดูแลเปรมแล้ว เปรมก็ต้องดูแลตัวเองดีๆเข้าใจไหม อย่านอนดึก อย่า...”
“พอเถอะครับ”
“แต่พี่ยังพูดไม่จบ”
“ผมขอ...ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
อสุเรนทร์ปล่อยให้ความเงียบย่างกรายเนิ่นนาน หากสุดท้ายก็เอ่ยคำ
“ขอโทษด้วยล่ะกัน ที่พูดก็เพราะความหวังดี แต่ถ้าเปรมไม่ชอบพี่จะไม่พูดให้เปรมรำคาญใจอีก” คนพูดสูดลมหายใจ ระงับหยาดน้ำอุ่นที่คลออยู่ในเบ้าไม่ให้ไหลลงมา “ราตรีสวัสดิ์”
“คือ...คุณทศ”
“มีอะไรค่อยฝากเจ้ากฤตมาบอกพี่แล้วกันนะ ตอนนี้พี่ง่วงมากแล้วด้วย ฝันดีนะครับ”
ริ้วแห่งความรันทดเอ่อท้นขึ้นมาโดยพลัน หากเจ้าตัวกัดฟันกลืนกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ เพราะเขาจะให้น้องน้อยเห็นน้ำตาแห่งความอาดูรนี้ไม่ได้
อสุเรนทร์รีบเดินหันหลังกลับเข้าห้องพักอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจฟังเสียงเรียกที่ดังตามหลังสักพักก่อนจะเงียบหายไป เพราะรู้อีกอึดใจเดียว ทำนบแห่งน้ำตาจะพังภินท์ พญารากษสผู้น่าสงสารทรุดลงนั่งกับพื้นข้างประตูริมระเบียงอย่างหมดหวัง ความเหนื่อยล้าทางร่างกายยังมิอาจเทียบเท่าความกระปลกกระเปลี้ยทางใจสักนิด
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงทุบประตูหน้าห้องพักนักแสดงดังระรัวต่อเนื่องนานนับนาที คิ้วเข้มขมวดเลิกขึ้นเล็กน้อย ด้วยความเกรงกลัวจะไปรบกวนคนอื่นที่นอนหลับกันไปแล้วจึงรีบลุกเดินโซเซไปเปิดประตูออกอย่างช้าๆ ดวงเนตรคมพลันเบิกกว้างตื่นตะลึงยามเห็นใบหน้าของแขกผู้มาเยือนในยามวิกาล ดวงตาหวานแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ มีคราบน้ำตาประปราย
“เปรม?”
“ผมบอกหรือยังว่าผมไม่ชอบ”
“!”
“บอกหรือยังว่ารำคาญ”
“เปรม”
“และบอกหรือยังให้พี่เดินหนีเปรมไปแบบนี้”
“แล้วการที่พี่เดินออกมาพี่ผิดตรงไหน ถามหน่อย โดนปฏิเสธขนาดนั้นใครเขาจะมีแรงสู้หน้าบ้าง ถึงพี่เป็นยักษ์ก็ใช่ว่าไม่มีจิตใจ พี่เหนื่อยและเจ็บเป็น พี่รักเปรม...รักมาก แต่ในเมื่อน้องไม่เห็นค่าของมัน ถึงสู้ต่อยังไงก็แพ้อยู่ดี”
“ไม่...พี่ไม่เคยแพ้เลยสักนิด พี่ชนะเสมอมา แต่เป็นเปรมเองที่ปิดกั้นมันมันมาโดยตลอด”
“!”
“เปรมขอโทษ เปรมมันไม่ดีเอง ขอโทษนะครับ”
คนอ่อนวัยกว่าถึงกับสะอึกสะอื้นร่ำไห้ราวทำนบแตก และเป็นอสุเรนทร์เองที่เกิดอาการตกใจ รีบคว้าตัวคนผอมบางเข้าไปในห้อง ปิดประตูลงเบามือที่สุดก่อนจะกระหวัดกอดรัด เอียงหน้าเข้าหากลุ่มผมนุ่มและจูบซับอย่างปลอบประโลม วงแขนเล็กยกขึ้นกอดแผ่นหลังกว้างตอบ ซุกซบด้วยความโหยหา
“ไม่ร้องนะ พี่ไม่อยากเห็นน้ำตาเราเลย”
“เปรมทนไม่ไหวแล้ว ฮึก เปรมอยากอยู่กับพี่ทศ เปรมไม่อยากทำมันแล้ว”
“ทำอะไรครับ ไหนบอกพี่สิคนดี”
“เปรมบอกไม่ได้ เรื่องนี้เปรมจะให้ใครรู้ไม่ได้”
“แม้กระทั่งพี่อย่างนั้นหรือ” ฝ่ามือใหญ่ประคองใบหน้าสวยที่มีคราบน้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยมันออกอย่างอ่อนโยน “บอกพี่สิ พี่อาจจะช่วยเราได้ก็ได้นะ”
“ไม่มีใครช่วยได้นอกจากเปรมคนเดียว ขอร้อง ฮึกๆ อย่าบังคับให้เปรมต้องบอกอีกเลยนะครับ เปรม อึก...บอกไม่ได้จริงๆ” อสุเรนทร์ลูบหลังอันสั่นเทาของคนรักอย่างแผ่วเบา ดวงหน้าหวานแนบสนิทลงบนแผ่นอกอุ่นอยู่อย่างนั้นไม่ยอมห่าง
“ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เงียบซะคนดีของพี่”
“เปรมเหนื่อย”
“...”
“แล้วเปรมก็ ฮึกๆ คิดถึงพี่ทศด้วย คิดถึงมากเหลือเกิน”
“กอดพี่ไว้ กอดให้แน่นๆอย่างที่น้องต้องการ” วงแขนแกร่งกระชับร่างของคนรักแน่นกว่าเดิม พลางฝังจมูกสูดดมกลิ่นหอมประจำกายร่างกาย บรรจงจูบปานกุหลาบแดงหลังใบหูข้างขวาอย่างอ่อนโยน ยอดรัก...พี่คิดถึงเจ้าเหลือคณานับ โหยหาเจ้ายิ่งกว่าเพชรอัญมณีล้ำค่า ปรารถนาเจ้าเสียยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมดทั้งมวลแห่งไตรโลก
“เปรมขอโทษที่ทำให้พี่ต้องเจ็บ แต่เปรมไม่ได้รักชอบกับพี่รามอย่างที่พี่ทศเข้าใจสักนิดเดียว” คนอ่อนวัยกว่าสะอึกสะอื้น ช้อนนัยน์ตาหวานขึ้นสบเนตรคม
“แล้วน้องคบกับมันทำไม อยากทำให้พี่เจ็บบ้างเพราะเรื่องในครานั้นรึ”
“ไม่ครับ เรื่องนั้นคุณนานะอธิบายให้เปรมเข้าใจหมดแล้ว”
แม้จะงงว่าร่างบางไปคุยกับยัยวายร้ายนานะนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ หากคนมากวัยกว่าก็หาได้สนใจมันไม่ แสร้งตีหน้าบึ้งตึง น้อยใจในตัวคนเบื้องหน้า
“แต่เปรมก็ไม่ได้กลับมาหาพี่”
“เพราะเปรมอยากให้พี่ตัดใจจากเปรม” เพราะถ้าหากยังรักกันอยู่เช่นนี้ จะเป็นตัวเขาเองที่หนักใจและไม่ยอมทำในสิ่งที่นางสีดาร้องขอ
“ทำไม...ทำไมต้องบังคับให้พี่ตัดใจ ในเมื่อเราต่างรักกันดี”
“เปรมมีเหตุผล แต่เปรมบอกพี่ไม่ได้”
“บอกพี่สักนิดก็ไม่ได้เชียวหรือ”
“เพราะถ้าบอกไปพี่ต้องไม่ยอมให้เปรมทำแน่ๆ ขอร้องล่ะครับอย่าถามเหตุผลจากเปรมอีกเลย” วิธีและน้ำคำที่แสดงให้อสุเรนทร์รู้ว่า ถึงจะพูดอย่างไรก็คงไม่สามารถโยกคลอนความคิดของเจ้าตัวได้อีก ฉะนั้นเขาจึงพยักหน้ารับเบาๆ กดหัวอีกฝ่ายให้แนบลงกับลาดไหล่ตน
เปรมหลับตาลงด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประดังกันเข้ามา กอดกระชับกับเอวหนาแน่นขึ้น
“เปรมรักพี่ทศ”
“...”
“ไม่ว่าอย่างไรก็รักเสมอมา”
หัวใจพญารากษสพองโต มุมปากขยับยิ้มกว้างที่สุดตลอดรอบเกือบสองเดือน “พี่ก็รักเจ้านักน้องน้อยเอ๋ย ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ขอได้ไหม ขอแค่ตอนนี้มีเพียงพี่ มีเปรม แลมีแค่เราสองคนที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็พอ”
ร่างในอ้อมแขนอมยิ้ม พยักรับในทันที
“ครับ คืนนี้จะมีเพียงแค่เรา”ตัดฉากไปที่โคมไฟ....