Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)  (อ่าน 160862 ครั้ง)

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1140 เมื่อ29-10-2018 11:46:27 »


 :mew1:  ก๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ  :mew1:

               ฮึบๆๆๆ

สารภาพว่าใจหนึ่งก็อยากอ่านตอนต่อไป แต่ใจหนึ่งก็ยังไม่อยากให้มันจบ  :z3:





ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1141 เมื่อ29-10-2018 22:08:19 »

มารอพี่เสือคนเจ้าเเผนการตอนใหม่จ้า

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1142 เมื่อ30-10-2018 01:22:30 »

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่38 P38(191061)
«ตอบ #1143 เมื่อ30-10-2018 10:10:46 »


เข้ามารอ จ้า




ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1144 เมื่อ30-10-2018 18:41:45 »

ภาคจิ้งจอกไฟ
บทที่สามสิบเก้า


สถานที่แห่งนี้มีทั้งสัตว์เทพ สัตว์ป่าและมนุษย์ บ้างนั่งบ้างยืนอยู่มากกว่ายี่สิบชีวิต บิดานกยูงทองก็ได้รับเชิญให้มาในที่นี้ด้วย
สัตว์เทพที่สามารถเปลี่ยนร่างได้ก็จะเปลี่ยนร่าง เพื่อให้มนุษย์ทั้งสามในที่นี้สามารถรับฟังการสนทนาไปพร้อมกัน
มนุษย์คนหนึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มท่าทางสุภาพอยู่ข้างกวางทอง ถัดไปทางด้านหลังเป็นชายอีกคนที่ยืนกอดอก โดดเด่นที่คิ้วเข้ม ท่าทางจริงจัง ส่วนคนที่สามมีใบหน้าอ่อนเยาว์งดงามสวมชุดสีฟ้าท่าทางสง่าทำให้ยากที่จะคาดเดาได้ว่ามีอายุเท่าใดกันแน่

แต่แม้ว่าที่นี่จะเป็นการรวมกลุ่มของหลายชีวิต นอกจากคำสารภาพของเทพเสือโคร่งศิลาดำแล้ว ก็มีเพียงเสียงสะอื้นของกวางทองที่ดังแทรกขึ้นมา
ขณะที่จิ้งจอกไฟได้แต่นั่งมองเทพเสือโคร่งศิลาดำผู้กล่าวคำสารภาพ
หยางหลงเจ้าเมืองลั่วจับมือกวางทองไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งโอบไหล่เพื่อคอยปลอบโยน
ส่วนเฉินอวี้รอจนเทพเสือโคร่งศิลาดำกล่าวจบก็ก้าวออกมาหนึ่งก้าว
"ข้าขอกล่าวเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับข้า เล่ห์เหลี่ยม และการแก่งแย่งในราชสำนักเป็นเรื่องที่หากพลาดคือชีวิต ซึ่งข้าได้เทพเสือโคร่งศิลาดำให้ความช่วยเหลือนับครั้งไม่ถ้วน เพราะมักจะได้รับมอบหมายให้ทำงานตามลำพังไม่ว่าจะบุกเข้าไปในรังโจร หรือจับผู้ก่อการกบฏ หากไม่มีเทพเสือโคร่งศิลาดำ ข้าก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้"
หยางหลงเจ้าเมืองลั่วกล่าวกับเทพเสือโคร่งศิลาดำ "ข้าขอขอบคุณที่พี่ใหญ่ช่วยปกป้องบุตรแฝดทั้งสามของพวกเรา" ลู่กวางทองสนับสนุนคำกล่าวนี้ด้วยการพยักหน้าเร็ว ๆ ใช้สันมือปาดน้ำตาที่ไม่รู้จักแห้ง "ช่วยดูแลสกุลหยางในเมืองหลวง ทั้งสนับสนุนการทำงานประสานงานระหว่างเมืองลั่วกับเมืองหลวง"

เทพเสือโคร่งภูผามองมนุษย์ทั้งสองคนที่ออกหน้าปกป้องเทพเสือโคร่งศิลาดำ แล้วหันไปมองกวางทองที่ไม่ยอมหยุดร้องไห้แล้วก็ถอนหายใจ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เทพเสือโคร่งศิลาดำ และจิ้งจอกไฟทำลงไปล้วนทำให้โกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะให้อาละวาดต่อหน้ากวางทองนี่ทำไม่ได้จริง ๆ
โกรธที่ได้รู้ว่าต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดอยู่ข้างหน้านี้เอง
โกรธที่บุตรที่ไว้วางใจที่สุด กลับเลือกที่จะทำเรื่องราวมากมายเพื่อช่วยคนรัก
เพิ่งรู้ว่าเจ้านี่มันเจ้าเล่ห์มากขนาดนี้ หลอกลวงบิดามานานกว่ายี่สิบปี
...เดี๋ยวนะ...นี่มันนิสัยของข้านี่หว่า เฮ่ย...
ข้าก็มีความดีอยู่ไม่น้อย ทำไมลูก ๆ ไม่คิดจะจำไปใช้

เมื่อละสายตาจากเทพเสือโคร่งศิลาดำกับกวางทอง แล้วหันมามองนางเทพกวางสายลม กับนางเทพเสือโคร่งบงกช กลับไปที่เทพกวางสายฟ้าได้ผลสรุปตรงกับที่ใจคิด
ข้าเอง...ข้ารู้...เรื่องไม่ดีที่เขาทำลงไปทั้งหมดมีข้าเป็นต้นแบบ...

"เรื่องที่ศิลาดำทำหน้าที่ดูแลแม่เล็กตามคำสั่งข้า เรื่องที่ปกป้องหลานล้วนถือเป็นความดี ผลงานมากมายก็คือดีอย่างยิ่ง แต่ต้องแยกออกจากความผิดที่เขาปกปิดความผิดของจิ้งจอกไฟ สังหารคนที่หมู่บ้าน และชี้นำบงการฮ่องเต้"
"ท่านพ่อ"
นั่นไง ลางร้าย เอ้ย ไม่ใช่ สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดเกิดขึ้นแล้ว...
เทพเสือโคร่งภูผากางมือ กำมือแล้วก็กางมือ จากนั้นก็กางมืออีกครา ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
"กวางทอง เจ้าช่วยคิดถึงกระเรียนโกเมน ฝูงจิ้งจอก แล้วก็ยังกระเรียนขาวอีกหลายตัวที่ต้องตายไปภายใต้เงื้อมมือของพรานเหล่านั้นได้หรือไม่ ยังมีคนที่หมู่บ้านอีก"
"แต่พี่ใหญ่จัดการพรานที่สลายร่างท่านโกเมนนะ" กวางทองโกรธแล้ว "ท่านยังต้องการอะไรอีก"
จิ้งจอกไฟจับมือสหายไว้ คำพูดขอบใจกลายเป็นน้ำตาที่เอ่อล้น
หยางหลงแตะไหล่กวางทองเบา ๆ แล้วหันมากล่าวกับเทพเสือโคร่งภูผา "จิ้งจอกไฟเจตนาล่อลวงกระเรียนสีแดงอ่อนแอออกไป เพื่อหวังความไว้วางใจจากพรานเหล่านั้น รอวันที่เขาแข็งแรงขึ้นก็จะลงมือแก้แค้น" จิ้งจอกไฟมองหน้าหยางหลงด้วยความประหลาดใจที่มนุษย์ผู้นี้ล่วงรู้แผนการในใจ
นางเทพเสือโคร่งบงกชรู้ทันเจตนาของหยางหลงและกวางทองที่พยายามจะบรรเทาโทษของจิ้งจอกไฟ จึงกล่าวขึ้น "กวางทองก็เหมือนกับกระเรียนสีแดงผู้นั้น เกิดมาอ่อนแอจะต้องถูกปล่อยไปให้ตายไปเองตามกฎของป่า กวางทองได้พลังชีวิตของท่านภูผา ส่วนเจ้าสีแดงก็อยู่ในการดูแลของท่านโกเมน เมื่อไม่มีท่านโกเมน สุดท้ายสีแดงก็ต้องตายไป"
"ขอรับ เมื่อทำผิดย่อมต้องชดใช้" เรื่องการเจรจาต่อรอง นับเป็นความถนัดของหยางหลง "แต่ตอนนี้มีเรื่องที่ควรจัดการก่อน เพราะผู้ที่เข้ามาล่ากระเรียนขาวยังอยู่ที่หมู่บ้านนายพราน"
เทพทั้งสี่ผุดลุกขึ้นทันที ส่วนกวางทองหันมาโวยวาย "ท่านพี่!"
หยางหลงยิ้มยอมรับผิด
เทพเสือโคร่งศิลาดำขยับตัวเพื่อขอกล่าวคำ "เรื่องนี้ข้าขอไว้เอง"
"ขอไว้เองหรือเป็นเจ้าวางแผนไว้" เทพเสือโคร่งภูผายังไม่หายโกรธบุตรผู้นี้
นี่เป็นทางเลือกสำรองเพื่อบรรเทาโทษชัด ๆ
"หามิได้ เรื่องในส่วนนี้ข้าเป็นคนวางแผน" เฉินอวี้กล่าวขึ้นบ้างพร้อมด้วยยิ้มงาม
"นี่มิใช่เรื่องเล่นนะ พวกเจ้าเล่นอะไรกัน" เทพกวางสายฟ้ากล่าวขึ้นเป็นคำแรก
หยางหลงก้าวออกมาเป็นตัวแทนของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา แต่ยังมิได้กล่าวอันใด กวางทองก็วิ่งไปอยู่ฝั่งเดียวกับเทพทั้งสี่ ทั้งหันมามองนกยูงทองกับกวางไพลินเพื่อบังคับให้เลือกฝั่ง
กวางไพลินค้อมศีรษะขอโทษบิดา มารดา แล้วเดินไปยืนอยู่ข้างจิ้งจอกไฟ จากนั้นนกยูงทองเดินไปยืนอยู่ข้างจิ้งจอกไฟเช่นกัน
"ข้ารู้เรื่องที่จิ้งจอกไฟสนทนากับกระเรียนสีแดง" ก่อนที่จะมีผู้ใดกล่าวคำออกมา นกยูงทองก็ชิงกล่าวต่อ "ลืมไปแล้วหรือไงว่าข้าก็เป็นหนึ่งในฝูงนกเหมือนกัน ข้ารู้ว่าพวกเขาชักชวนกันออกไปหาปลาสีเงิน แต่เจ้าสีแดงตัวเล็กนั่นเกิดไม่สบาย ท่านผู้เฒ่ากังวลว่าปลาที่จิ้งจอกไฟคาบกลับมาจะถูกกัดจนเละไปเสียก่อนก็เลยอาสาจะไปด้วย รู้ว่าจิ้งจอกไฟกำชับให้ท่านผู้เฒ่ารออยู่ฝั่งนี้ แต่จู่ ๆ ท่านผู้เฒ่าก็บินข้ามฝั่งไปหาจิ้งจอกไฟ แล้วก็ร้องตะโกนว่าให้รีบหนี จากนั้นก็มีแต่จิ้งจอกไฟที่หน้าตาตื่นกลับมา แล้วก็ไปหลบซ่อนอยู่ที่โพรงไม้นั่น ต่อมาเขาก็ไปขอให้พี่ใหญ่...เอ่อ ท่านศิลาดำมาช่วย"
เฉินอวี้หันมามองนกยูงทอง "เจ้าคือพยานปากเอกของเรื่องนี้เลยนะ"
"ก็ข้าไม่ได้คิดว่านี่จะเป็นเรื่องแก้แค้น หรือล่อลวง ถึงไม่ได้พูดออกไป"
"ทั้งที่หลายปีมานี้เจ้ากล่าวถึงเรื่องท่านโกเมนมากกว่าร้อยครั้งเลยนะ" กวางไพลินลืมตัวว่ากำลังยืนอยู่ฝั่งไหน
"ข้าเห็นว่าท่านเทพเสือโคร่งภูผาโกรธมากที่เกิดเรื่องกับท่านผู้เฒ่า หากบอกว่าจิ้งจอกไฟเกี่ยวข้อง แล้วสรุปว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญผู้ใดจะเชื่อ”
มีเสียงถอนหายใจหนัก ๆ จากคนตัวใหญ่ คิ้วหนาที่ยืดกอดอกอยู่รอบนอก
นกยูงทองลอบมองคนผู้นั้นด้วยการแสร้งยกมือขึ้นเกาขมับขวา "ถึงให้ข้ารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนแก้แค้นของจิ้งจอกไฟ ข้าก็ยิ่งไม่บอกกับท่านเทพทั้งสี่ เพราะเช่นนี้ข้าถึงเลือกมาอยู่ฝั่งนี้"
ขนาดบิดานกยูงทองลุกขึ้นยืนด้วยความโมโหบุตรชายที่ช่วยปิดบังเรื่องราว ยังไม่ทำให้นกยูงทองกังวลได้เท่ากับคนคิ้วเข้มผู้นั้น
เจ้านกยูงทองไม่สบสายตาผู้ใด พยักหน้าให้กวางไพลินกล่าวขึ้นบ้าง
"ข้าไม่ล่วงรู้แผนการอันใด รู้เพียงว่า จิ้งจอกไฟออกไปข้างนอกบ่อย ๆ เพื่อไปลอบมองมนุษย์ในหมู่บ้าน หลายครายังช่วยเหลือพวกสัตว์ป่าที่ถูกพรานตามล่า ขณะที่ท่านเทพเสือโคร่งศิลาดำ เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบ แล้วก็ทำหน้าที่ตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง หากจะมีเรื่องที่เขาทำเพื่อตนเองบ้าง..."
"ด้วยการปิดบังความผิดของผู้ที่ล่อลวงท่านโกเมนออกไปให้พรานพวกนั้นสลายร่างน่ะหรือ" นางเทพกวางสายลมตั้งคำถาม
หยางหลงโต้แย้งขึ้น "แต่เท่าที่ฟังมาถึงตอนนี้ จิ้งจอกไฟมิได้ล่อลวงท่านโกเมนนะขอรับ เพราะกำชับให้ท่านอยู่ทางฝั่งนี้แล้ว"
กวางทองกระทืบเท้า "ทำไมท่านพี่ถึงเข้าข้างจิ้งจอกไฟกับพี่ใหญ่"
"เพราะพวกเรายังต้องการให้เขาไปจัดการเรื่องที่ค้างคาอยู่ให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะตัดสินโทษ"
กวางทองเอียงคอคิดอยู่ครู่หนึ่ง หันไปมองบิดา มารดาทั้งสี่แล้วค้อมศีรษะจากนั้นก็วิ่งมายืนข้างหยางหลง
"ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง"
เฉินอวี้กระแอม ขณะที่ก้าวไปยืนระหว่างสองฝ่าย
"ก่อนที่จะบอกว่า จะทำอย่างไรต่อไป ขอย้ำอีกครั้งว่า เทพเสือโคร่งศิลาดำกับจิ้งจอกไฟมิได้หนีความผิด และหลังจากเรื่องนี้ทั้งคู่จะยอมรับการลงโทษโดยมิต่อรอง"
เมื่อทั้งหมดพยักหน้าตอบรับ เฉินอวี้ก็บอกในสิ่งที่ทั้งคู่จะต้องไปจัดการ
แผนการของอดีตรองแม่ทัพมิได้ซับซ้อน แต่เพราะที่นี่มีลู่กวางทอง และนกยูงทองอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เรื่องราวจะจบลงอย่างรวบรัด
"ข้ามีคำถาม หลายข้อด้วย" กวางทองมีสีหน้าอยากรู้เรื่องราวอย่างยิ่ง
เทพเสือโคร่งภูผาถอนหายใจหนัก ๆ โบกมือให้ทั้งหมดขยับเข้ามานั่งลงพูดคุยกัน เพื่อลดความตึงเครียด
...มันก็ไม่เคยตึงเครียดหรือเป็นทางการได้เลยสักครา หากมีกวางทองกับนกยูงทองมาร่วมการพูดคุย
"ว่ามา"
"มันอาจไม่ต่อเนื่องกันนะ" กวางทองออกตัว ขณะที่หันไปทางหยางหลงก่อนเป็นคนแรก "ท่านพี่คุยกับแม่เล็กและพี่ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่"
หยางหลงไม่คิดปิดบังเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ที่ไม่ได้เล่าให้ฟังมาก่อนหน้านี้ ก็เพราะเห็นว่าต้นเรื่องคือจิ้งจอกไฟ เทพเสือโคร่งศิลาดำ และเฉินอวี้ หากทั้งหมดมิได้เริ่มเปิดปากก่อน ตนก็ไม่ควรพูดถึง
"ตั้งแต่ตอนที่น้องเล่าเรื่องของจิ้งจอกไฟกับพี่ใหญ่ แล้วมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนในหมู่บ้านพราน ข้าถือว่านั่นเป็นส่วนที่ข้าต้องรับผิดชอบ จึงไปติดตามเรื่องราว"
เรื่องที่หยางหลงรู้จึงเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพรานรอบป่า และสามารถร้อยเรียงเรื่องราวได้ชัดเจนขึ้นก็เมื่อได้ฟังคำสารภาพของเทพเสือโคร่งศิลาดำในวันนี้
เมื่อกวางทองหันไปมองจิ้งจอกไฟ หยางหลงก็กล่าวต่อ "คนในหมู่บ้านหลายคนเล่าตรงกันว่า อาต๋ารู้วิชาที่จะสลายร่างของกระเรียนไฟ"
จิ้งจอกไฟก้มหน้ามองมือตนเองที่มีหยดน้ำตาตกกระทบหลังมือ นกยูงทองผู้ที่กล่าวคำตำหนิอีกฝ่ายมาหลายพันหลายหมื่นคำโอบไหล่บางไว้เงียบ ๆ
"อาต๋าสลายร่างสัตว์เทพได้" กวางไพลินกล่าวขึ้น "ข้ายังคิดว่าคนที่ทำได้คือหัวหน้าหมู่บ้านของเขาเสียอีก"
"ในหมู่บ้านของอาต๋ามีพรานที่รู้วิชานี้หลายคน พี่ใหญ่ที่ปลอมตัวเป็นนักฆ่าของทางการจึงจัดการพวกเขา แต่เว้นไว้หนึ่งคน ก็คืออาเจี้ยน"
"อาเจี้ยนบุตรของอาต๋าน่ะหรือ" กวางทองถามซ้ำกับเทพเสือโคร่งศิลาดำที่พยักหน้า
หยางหลงกล่าวต่อ "อาต๋าคือผู้ที่ลงมือสลายร่างกระเรียนโกเมน และถูกพี่ใหญ่ปลอมเป็นนักฆ่าจากเมืองหลวงมาตามสังหาร"
เทพเสือโคร่งศิลาดำหลับตาลง "พวกเขาพ่อลูกคือคนที่จิ้งจอกไฟพึงพอใจ ข้าสังหารอาต๋าเพราะสิ่งที่เขาทำกับกระเรียนโกเมน แต่ไม่อาจสังหารอาเจี้ยนได้ จึงบอกให้ทั้งหมดออกไปจากหมู่บ้าน"

ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เทพเสือโคร่งศิลาดำก็ยังคอยเฝ้าดูแลและปกป้องจิ้งจอกไฟมาตลอด

กวางทองปาดน้ำตาแล้วหันไปถามเฉินอวี้ต่อ "ขออภัยที่ต้องถามตามตรง เรื่องที่ชนเผ่านอกด่าน แม่เล็ก...สังหารทุกคนจริงหรือ"
เฉินอวี้พยักหน้า "เป็นพระบัญชา"
"ข้าเป็นผู้ให้คำแนะนำนั้นกับฮ่องเต้" เทพเสือโคร่งศิลาดำขัดขึ้นมา ที่จริงหากเขาจะนิ่งเฉยโยนให้ฮ่องเต้รับไปเสียก็ได้ แต่นั่นมิใช่นิสัย "ข้ารอโอกาสที่จะจัดการกับคนในชนเผ่าที่เป็นผู้ว่าจ้างให้ล่าฝูงจิ้งจอกมานาน จนมาถึงวันที่แม่เล็กใกล้หมดกำลังใจ ข้าจึงเสนอเรื่องนี้"
"พี่ใหญ่" กวางทองเขย่าแขนของเทพเสือโคร่งศิลาดำ "พวกเขาล่าจิ้งจอกเพื่อกระดูกและหนังที่ให้ความอบอุ่น แต่การตอบโต้ด้วยการสังหารผู้คนทั้งเผ่านั่นมันเกินไปแล้ว" กวางทองกล่าวคำไปน้ำตาก็ไหลอีกครา "จิ้งจอกไฟได้ครอบครัวกลับคืนมาหรือ ท่านกระเรียนโกเมนจะกลับมาหรือ สามารถหยุดการไล่ล่าได้หรือ พี่ใหญ่ท่านคิดอะไรอยู่"
เทพเสือโคร่งศิลาดำก้มหน้านิ่งเงียบ เฉินอวี้จึงยื่นมือเข้ามาช่วย
"ถึงจะเป็นพระบัญชา แต่ข้าก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะไว้ชีวิตใครหรือไม่ แต่ในตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกเหมือน...ข้าจะเป็นคนเลวได้ขนาดไหน พอรู้ตัว ข้าก็กลายเป็นคนเลวที่สามารถลงมือกับสตรีและเด็กเล็ก"
กวางทองหันมาโผกอดแม่เล็กไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กน้อย
หยางหลงลูบหลังของกวางทอง "ทราบมาว่า หลังจากที่อาเจี้ยนออกจากเมืองลั่วก็ย้ายไปอยู่เมืองเหอ ต่อมาเขารับงานจากเจ้าเมืองเหอ จึงกลับมาที่ป่าสีทองเพื่อจับกระเรียนคู่นั้น"
"แล้วเขาเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร" กวางทองถามขึ้น ปาดน้ำตาอีกครั้ง
"เรื่องนี้ข้าไม่รู้ น้องรองเห็นว่าเขากลับมาแล้ว จึงไปแจ้งให้ข้ารู้ พวกเราก็เลยรีบมาพบกับท่านศิลาดำ"
"กลัวว่าข้าจะลงมือก่อนที่จะได้ซักถามเขาหรือ" เทพเสือโคร่งศิลาดำหันไปมองหยางเฉิง ที่ยอมรับว่าคิดเช่นนั้นจริง "ที่จริงข้าตั้งใจจะมาสารภาพ จากนั้นจึงจะไปลงมือ"
กวางทองมองหน้าพี่ใหญ่ของตนเอง จากนั้นก็หันไปหาสหายทั้งสอง "พี่ใหญ่ของข้านี่สุดยอดไปเลย พวกเจ้าเห็นด้วยไหม"
"กวางทอง" กวางไพลินหันมาตีไหล่น้องชายเบา ๆ "เรากำลังพูดถึงเรื่องการฆ่าผู้อื่นอยู่นะ"
กวางทองทำปากยื่นลูบไหล่ที่ถูกตี แล้วหันไปพยักหน้ากับสหาย
"เมืองลั่วไม่มีกฎหมายเอาผิดต่ออาเจี้ยนหรือ"
"เขาล่าสัตว์ ไม่ได้ฆ่าคน เราไม่มีกฎหมายห้ามล่าสัตว์เทพ และสัตว์ป่า" หยางหลงเจ้าเมืองลั่วตอบทันที
สามสหายหันไปมองหน้ากัน
"เช่นนั้น..."  เฉินอวี้อ้าปากกล่าวคำ แต่เทพเสือโคร่งภูผารีบห้ามไว้ก่อน คนงามส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวต่อ "ผู้ที่ลงมือเรื่องนี้ไม่ควรเป็นข้าหรือท่านเจ้าเมือง ดังนั้นท่านก็อย่าได้ร้อนใจไป"
ผู้ที่ผูกความแค้น ย่อมต้องเป็นผู้ลงมือ
"ถูกต้อง" เทพเสือโคร่งภูผารับคำทันที
กวางทองกับนกยูงทองหันมามองหน้ากัน พยักหน้าให้กันหนึ่งครา แล้วหันมาเท้าคางมองหน้าเสือโคร่งภูผา ทำหน้าตาล้อเลียนผู้ที่สัตว์ทั้งป่าเกรงกลัว
...ยกเว้นคนกับสัตว์เทพแถว ๆ นี้...

การจัดการกับอาเจี้ยนมิได้ยุ่งยากซับซ้อนอันใด เพียงแต่ต้องรอโอกาสที่คนผู้นี้อยู่ตามลำพัง และจิ้งจอกไฟพบโอกาสนั้นในบ่ายวันหนึ่ง
วันเวลาผันผ่านเพียงไม่กี่ปี อาเจี้ยนกลายเป็นชายผู้มีเส้นผมบาง รูปร่างหนา ดวงตากลายเป็นสีน้ำตาล แทบไม่เหลือเค้าของหนุ่มน้อยผู้เป็นมิตรที่เคยพบกัน
"ฮัว"
"ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้ากลับมา" จิ้งจอกไฟคลี่ยิ้มงาม ท่าทางยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง แต่ไม่วายที่จะเหลียวมองซ้ายขวา "มีใครอยู่กับเจ้าหรือไม่"
"ไม่มีหรอก"
"เจ้า ไม่มีครอบครัวหรือ"
อาเจี้ยนพยักหน้า 
"พวกเขาไม่ได้ติดตามข้ากลับมา"
"อ้อ..." ดวงตาเรียวยาวหม่นหมองลง "เช่นนั้น..."
"เจ้าดูไม่สบายใจ"
ดวงตางามมองไปรอบ ๆ อีกครา "ข้าอยากพบเจ้า แต่ที่นี่ทำให้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจสักเท่าใด"
อาเจี้ยนพยักหน้าแล้วนัดว่าจะออกไปหาที่ลำธารที่จิ้งจอกไฟพักอยู่ "เจ้ายังอยู่ที่นั่นหรือไม่"
"ข้าจะไปอยู่ที่ใดได้อีก"
"เช่นนั้น พรุ่งนี้เช้า ข้าจะไปหาเจ้าเอง"

เมื่อตะวันพ้นยอดไม้ อาเจี้ยนก็มาถึงลำธารที่เคยเป็นที่อยู่ของจิ้งจอกไฟ แต่นอกจากอาเจี้ยนแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ล้อมเข้ามาหาช้า ๆ
บิดาอย่างไรบุตรก็อย่างนั้น
กำจัดคนนี้เสร็จสิ้น ก็ยังมีคนถัดไปที่รอจังหวะลงมือ
จิ้งจอกไฟก้าวออกมาจากด้านหลังของต้นไม้ใหญ่
ดวงตายาวเรียว รอยยิ้ม วงหน้าล้วนงดงาม เส้นผมสีแดงเพลิงส่งประกาย สะกดสายตาและลมหายใจของผู้พบเห็น
เพียงแต่...
"ดีใจจริงที่เจ้ามา" จิ้งจอกไฟทักขึ้นก่อน
ข้าดีใจมากจริง ๆ
"ก่อนหน้านี้ข้าเคยมาหาเจ้าที่นี่ แต่ไม่พบ"
"นานหรือยัง" คิ้วงามยกขึ้นสูง เกี่ยวม้วนปลายผมด้วยท่าทีครุ่นคิด "อาจเป็นช่วงที่ข้าต้องไปบำเพ็ญฌาน"
จิ้งจอกไฟไม่เคยบำเพ็ญฌาน
"อาจเป็นไปได้ เพราะตอนนั้น..." อาเจี้ยนกล่าวคำที่ไม่ควรกล่าวออกไปแล้ว
"ตอนนั้นทำไมหรือ เป็นตอนที่เจ้ากลับมาครั้งแรกในรอบหลายปีใช่หรือไม่"
อาเจี้ยนยอมรับ
จิ้งจอกไฟชวนให้อาเจี้ยนนั่งลงคุยกัน
"จากที่พบกับเจ้าคราแรก ดูเจ้าก็ไม่ได้สนใจเรื่องล่าสัตว์ แต่เมื่อมาพบกันอีกทีเจ้าก็กลายเป็นหัวหน้ากลุ่มพราน นับเป็นความก้าวหน้าที่น่าชื่นชม"
อาเจี้ยนหลบสายตาไปทางอื่น "ก็ไม่ถึงกับเป็นหัวหน้าหรอก"
จิ้งจอกไฟรับฟัง แต่ไม่ได้เร่งให้กล่าวคำออกมา
"ฮัว เรื่องกระเรียนสีแดงเมื่อหลายปีก่อน ท่านพ่อบอกว่า นั่นมิใช่กระเรียนทั่วไป แต่เขาเป็นกระเรียนที่มีพลังพิเศษ และต้องใช้วิชาเฉพาะเพื่อสลายร่าง แต่ต่อมามีคนบุกเข้ามาสังหารท่านพ่อกับพรานหลายคน ข้าสงสัยมาตลอดว่า ผู้ที่ลงมือคือใคร หลายคนพูดกันว่า เขาเป็นนักฆ่าจากทางการ"
ดวงตางดงามใสซื่อดูประหลาดใจ "ข้อสงสัยของเจ้าคืออะไรหรือ"
"น้ำเสียงของเขา ตอนที่บอกให้พวกเรารีบหนีไป มันฟังดูแปลก ๆ ข้าสังเกตว่ามันต่างจากทหารของเมืองเหอ และไม่เหมือนคนจากเมืองหลวง"
คนงามมีสีหน้าท่าทางเสียใจที่ไม่อาจให้ความช่วยเหลือได้ “ข้าไม่เคยออกจากป่าสีทอง ต้องขออภัยที่ไม่อาจช่วยเจ้าเรื่องนี้ได้” จากนั้นก็ไต่ถามไปถึงเรื่องที่เมืองเหอ
"ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง มีป่ากว้างอย่างเมืองลั่วหรือไม่”
"ป่าเมืองเหอไม่ได้กว้างขวางอย่างที่นี่ แต่ข้าได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากที่นั่น รวมถึงเจ้าเมืองเหอ..." อาเจี้ยนหลุดคำกล่าวเป็นครั้งที่สอง
"เจ้าเมืองเหอ...อย่างไร"
"เขารู้เรื่องสูตรยาสกุลหนานกง ซึ่งมีกระเรียนสีแดงเป็นส่วนผสม แม้ยานั้นจะไม่สามารถรักษาฮ่องเต้องค์ก่อนได้ แต่เพราะกระเรียนคือสัญลักษณ์ของความมีอายุยืนยาว พวกเขาจึงยังคงต้องการนำกระเรียนจากป่าสีทองไปเป็นส่วนผสมของตัวยา"
"เขาให้เจ้าล่ากระเรียนอีกหรือ" ดวงตางามเบิกกว้าง "หรือกระเรียนขาวสองตัวนั้น แล้วผู้ใดช่วยพากระเรียนออกมาให้เจ้า"
ชายหนุ่มปฏิเสธ "ไม่ได้มีใครพาออกมาหรอก ข้าเข้าไปเองต่างหาก"
"เข้าไปเองหรือ"
"มนุษย์อย่างเราเข้าไปไม่ได้ก็จริง แต่เมื่อพวกเจ้าเข้าออกได้ง่ายดาย ข้าจึงใช้เลือดสัตว์ป่าทาตัวแล้วเข้าไปล่ากระเรียน"
การผนึกป่าสีทองที่ต้องใช้พลังฌานแก่กล้าของเทพกวางทั้งสอง กลับเกิดช่องว่างด้วยเล่ห์กล แล้วยังมีมนุษย์ผู้อื่นรู้วิธีนี้ด้วยหรือไม่
"ฮัว ข้าก็ไม่ได้อยากทำเช่นนั้น หลังจากที่เอากระเรียนขาวไปมอบให้พวกเขาแล้ว ข้าก็ยังต้องออกไปนอกด่านอีกหลายเดือน"
"เพราะเจ้ากลัวคนเมืองเหอตามปิดปากเจ้าเหมือนกับที่อาต๋าถูกทหารจากวังหลวงฆ่าปิดปาก"
จิ้งจอกไฟสมควรทำตัวใสซื่อไร้เดียงสาอีกสักครู่ แต่เมื่อคิดถึงความสูญเสีย ที่เป็นการเสียเปล่าเช่นนี้ ทำให้รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง
"แล้วคราวนี้ ที่กลับมาเพราะต้องการอะไร คนที่อยู่ข้างนอกด่านพวกนั้นต้องการอะไร หนังจิ้งจอกไฟสักผืนเช่นนั้นหรือ"
ประโยครู้ทันของจิ้งจอกไฟทำให้อาเจี้ยนหันไปมองหาสหายที่นัดกันหมายกันไว้ แต่เมื่อยังไม่เห็นว่ามีผู้ใดมาถึง จึงสงสัยว่าอาจมีบางสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น
"ข้าเป็นแค่พราน หากไม่ล่า จะให้ไปทำอันใด"
"นั่นสินะ...รู้ไหมว่าจิ้งจอกก็เป็นนักล่าเช่นกัน"
คำกล่าวของจิ้งจอกไฟขัดแย้งกับสีหน้าที่เป็นไปด้วยความเศร้าเสียใจท่วมท้น
"แต่พวกเราเพื่อเป็นอาหาร มิได้ล่าเพื่อรางวัล"
"ฮัว ข้าเสียใจ แต่สัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าต้องเจ็บปวด"
อาเจี้ยนหยิบมีดยาวออกจากเอว
มีดที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดนี้ส่งสัญญาณการฆ่าฟันมาจากระยะไกล จิ้งจอกไฟปรายตามองมีดที่น่ารังเกียจ

ได้ยินเสียงเสียงฝีเท้าเร่งรีบจากฝั่งตรงข้ามของลำธาร เมื่ออาเจี้่ยนหันไปมองเห็นว่าสหายหลายคนถูกเสือโคร่งตัวใหญ่หลายตัวต้อนเข้ามาอยู่ฝั่งตรงข้าม จึงได้ยินทุกถ้อยคำของจิ้งจอกไฟ

"เทพเสือโคร่งภูผามักกล่าวเสมอว่า การล่าเพื่อยังประโยชน์ไม่ว่าจะเพื่อเป็นอาหาร หรือความอบอุ่นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ พวกเราจึงขอบใจปลาทุกตัวที่เรากินเพื่อยังชีวิต แต่การล่าเพื่อเป็นของประดับฝาผนัง เพื่อเป็นเถ้าถ่านสูญเปล่านี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้"
"เพราะเจ้าเห็นว่าข้ามักอยู่ตัวเดียว ไม่ได้แปลว่าข้าจะโดดเดี่ยว ที่ไม่เห็นว่าลงมือต่อผู้ใด ไม่ได้แปลว่าไม่รู้วิธีการ"
จิ้งจอกไฟเปลี่ยนร่างจากหนุ่มรูปงามเป็นจิ้งจอกไฟงดงามต่อหน้า
ขนสีแดงงดงามดั่งเปลวเพลิง
สัตว์ป่าร่างกายปราดเปรียวยกขาเตะมีดในมือร่วงหล่นอย่างง่ายดาย จากนั้นถีบจนหงายหลังลง แล้วเหยียบไหล่ไว้
ดวงตางดงามหันไปจับจ้องมองบรรดาสหายของอาเจี้ยน แล้วหันกลับมางับเข้าที่ลำคอหนา
หยาดเลือดไหลรินลงสู่ลำธาร....

...จบบทที่สามสิบเก้า...
ตอนหน้าจบแล้วนะจ๊ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2018 18:49:09 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1145 เมื่อ31-10-2018 00:12:13 »

ไม่รู้ว่าจะสงสารพ่อเสือโคร่งภูผาหรือยังไงดี  :katai2-1:

ไม่อยากให้จบเลย แต่ก็อยากอ่านต่อแล้ว :katai5:

งั้นขอตอนพิเศษนะ  :mew2:

ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1146 เมื่อ31-10-2018 02:13:55 »

ถึงทำแบบนี้ก็ลบล้างความผิดไม่ได้หรอกนะ  :m16:
ที่รอดก็เพราะกวางทองหรอก  :angry2:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1147 เมื่อ31-10-2018 11:31:37 »

เจ้ากวางทองเอ้ย 5555555

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1148 เมื่อ31-10-2018 12:30:23 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1149 เมื่อ31-10-2018 14:09:46 »

เรื่องราวล้วนสลับซับซ้อน มีเงื่อนงำ
ต้องตั้งใจอ่านอย่างมาก

 ทุกคนล้วนมีแผนการอยู่ในใจ
ยกเว้น กวางทอง และนกยูงทอง

ก็ยังคงสงสารเทพเสือโคร่งศิลาดำ ผู้โง่งมอยู่นะ

ไม่อยากให้จบเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
« ตอบ #1149 เมื่อ: 31-10-2018 14:09:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1150 เมื่อ31-10-2018 15:14:52 »


 o13 โอ้ยยยยย ตอนนี้ขอโฟกัสที่กวางทอง จะผิดไหม

นิสัยกวางทองของเราเหมือนยังไม่โตเลยนะเอาจริง วิ่งไปเลือกทางนั้นหันมาอยู่ทางนี้ แต่ทำไมเราว่าน่ารักอ่ะ
มันมีความขำปนเอ็นดูจริงๆ หลงรักอีกรอบแล้ว 555555555


จะจบแล้วเหรอจริงๆน่ะ   :ling1:  :ling1:  ได้แต่แอบลุ้นว่าจะมีตอนพิเศษมาเรื่อยๆ





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1151 เมื่อ31-10-2018 17:41:32 »

 :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1152 เมื่อ31-10-2018 20:43:58 »

เจ้าเล่ห์อย่างโง่งม

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1153 เมื่อ02-11-2018 16:10:51 »


....มาลุ้นตอนจบ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป.....



แต่ ยังไม่อยากให้จบจริงๆ นะ 55555555

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1154 เมื่อ03-11-2018 01:05:59 »

ชอบเรื่องพ่อเสือโคร่งกับแม่เล็ก  ยังชอบอิตาฮ่องเต้ที่รักและร้ายแบบสุดด้วย
นกยูงกับหยางเฉิงถึงมีไม่กี่บท แต่ก็เป็นคู่ที่น่าอ่านรองลงมา

ส่วนจิ้งจอกไฟ
ถึงจะมีตัวช่วยมากลบเกลื่อนเรื่องเยอะแยะหลายคน ไม่ว่าจะเป็นพี่ศิลาดำหรือแม่เล็กที่สังหารหมู่บ้านพรานและชนเผ่าที่บงการพราน แต่นั่นคือการแก้แค้นข้ามเผ่า/พันธ์ุ ถึงแม่เล็กหรือศิลาดำไม่ทำ  ฮ่องเต้ก็ต้องสั่งฆ่าอยู่ดีเพราะเข้าร่วมเข้ากับสกุลเหอที่อาจเป็นภัยต่อฮ่องเต้.... นี่เป็นเรื่องของคนที่เกลียดชังกัน

แต่ความผิดของจิ้งจอกไฟ  คือ ล่อลวงพวกเดียวกัน  ที่สำคัญ คือลวงผู้มีพระคุณเทียบเท่าอาจารย์ ออกไปเป็นเหยื่อล่อพราน... ทำให้ชีวิตอาจารย์อยู่ในอันตราย รู้ทั้งรู้ว่าพวกนั้นรู้วิธีจับและสลายสัตว์เทพ
และยิ่งคิดว่า ถ้าวันนั้นเป็นกระเรียนแดงตัวเด็กที่อ่อนแอเหมือนกวางทอง ออกไปแทนท่านโกเมน กระเรียนแดงเด็กคงถูกไล่ฆ่า  ไม่ต่างไปจากตอนที่พี่น้องของจิ้งจอกไฟถูกฆ่าในบทแรกๆ(ยิ่งอ่านยิ่งอยากให้จิ้งจอกไฟเปลี่ยนเป็นตัวเงินตัวทอง)
ยิ่งไม่เห็นการสำนึกผิดของจิ้งจอกไฟ  ยิ่งรู้สึกไม่ดีกับตัวละครนี้  เป็นตัวละครที่โง่แล้วอวดฉลาด
ความแค้นของจิ้งจอกไฟ  นำไปสู่การสังหารหมู่หมู่บ้านพราน

และถ้า ไม่มีข้ออ้างว่าอาต๋าเป็นผู้สลายร่างท่านโกเมน  เชื่อว่าจิ้งจอกไฟตัวนี้ ก็ยังคงชอบอาต๋าและลูกแบบไม่ลืมหูลืมตา  ทั้งที่สองคนนี้อยู่ในกลุ่มพวกล่าสัตว์และคนหนึ่งก็ล่าฝูงของตัวเอง
และยิ่งคิดว่า  ที่จิ้งจอกไฟมาได้กับศิลาดำ  คงเพราะอาต๋าไม่ได้ชอบจิ้งจอก
ถ้าอาต๋าชอบจิ้งจอกไฟ  รับรองคงไม่เหลือซิงมาถึงพี่เสือดำแน่

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1155 เมื่อ06-11-2018 16:45:22 »


เป็นตัวละครที่โง่แล้วอวดฉลาด


ชอบคำพูดแทนใจนี้จริงๆ ค่ะ  :katai2-1:

แต่จริงๆ เราคิดว่าความแค้นของจิ้งจอกมันมากมายแหล่ะ ฝังใจว่าครอบครัวถูกฆ่าอาจอยากจะฆ่าให้หมดทุกคนตั้งแต่แรก
แต่ตอนนั้นยังเด็กยังไม่มีความสามารถ
ยิ่งพอเรื่องมันกลายเป็นว่าตัวจิ้งจอกเองดันได้กลายไปอยู่กับสัตว์เทพซึ่งมีแต่ความเก่ง คราวนี้สถานะตัวเองเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางจะร้ายให้สุดก็ทำไม่ได้ จะดีให้สุดก็ไม่ใช่ตัวเองอีก เลยกลายเป็นตัวที่ทำแต่เรื่องโง่งมไป
นี่เลยไม่รู้จะให้คะแนนความสงสารหรืออะไรดีเหมือนกัน  :mew2:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1156 เมื่อ06-11-2018 22:32:07 »


เป็นตัวละครที่โง่แล้วอวดฉลาด

ชอบคำพูดแทนใจนี้จริงๆ ค่ะ  :katai2-1:

แต่จริงๆ เราคิดว่าความแค้นของจิ้งจอกมันมากมายแหล่ะ ฝังใจว่าครอบครัวถูกฆ่าอาจอยากจะฆ่าให้หมดทุกคนตั้งแต่แรก
แต่ตอนนั้นยังเด็กยังไม่มีความสามารถ
ยิ่งพอเรื่องมันกลายเป็นว่าตัวจิ้งจอกเองดันได้กลายไปอยู่กับสัตว์เทพซึ่งมีแต่ความเก่ง คราวนี้สถานะตัวเองเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางจะร้ายให้สุดก็ทำไม่ได้ จะดีให้สุดก็ไม่ใช่ตัวเองอีก เลยกลายเป็นตัวที่ทำแต่เรื่องโง่งมไป
นี่เลยไม่รู้จะให้คะแนนความสงสารหรืออะไรดีเหมือนกัน  :mew2:   


ก็น่าสงสารอยู่นะคะ ยิ่งเวลาเจอแม่สามี ถูกแม่สามีไล่ยิ่งน่าสงสาร บรรยายเห็นภาพหัวหดคอตกมาก ใช้ชีวิตลำพังในเขตนอก  ที่จริงจะว่าโง่แล้วอวดฉลาดก็ไม่เชิง  เหมือนคนปัญญาน้อยที่ทำอะไรแล้วไม่รู้ว่าจะเกิดอันตรายใหญ่หลวง ตอนท่านโกเมนถูกจับจิ้งจอกไฟก็น่าสงสารอยู่ เหมือนกลัวจนทำอะไรไม่ถูกต้องไปหลบในโพรง

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1157 เมื่อ07-11-2018 06:57:17 »

ยังไม่มาอีกหรอ  :mew2:

ปล.แต่เรากลับไม่รู้สึกว่าจิ้งจอกไฟชอบอาต๋านะ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่39 P39(301061)
«ตอบ #1158 เมื่อ07-11-2018 11:19:07 »

ก็น่าสงสารอยู่นะคะ ยิ่งเวลาเจอแม่สามี ถูกแม่สามีไล่ยิ่งน่าสงสาร บรรยายเห็นภาพหัวหดคอตกมาก ใช้ชีวิตลำพังในเขตนอก  ที่จริงจะว่าโง่แล้วอวดฉลาดก็ไม่เชิง  เหมือนคนปัญญาน้อยที่ทำอะไรแล้วไม่รู้ว่าจะเกิดอันตรายใหญ่หลวง ตอนท่านโกเมนถูกจับจิ้งจอกไฟก็น่าสงสารอยู่ เหมือนกลัวจนทำอะไรไม่ถูกต้องไปหลบในโพรง

ตอนน่าสงสารก็สงสารจริงค่ะ คือเป็นอะไรที่เหมือนจะคล้ายกับว่าทำอะไรไปก็ผิดพลาดไปหมดหากออกไปจากเซฟโซนที่พี่เสือดำอยู่ ว่าไปแล้วทั้งหมดความผิดนี่คิดว่าพี่เสือดำเราอ่ะแหล่ะที่ควรโดนหนักที่สุด
ความเหตุและผลใช้อะไรไม่ได้เล้ยยยหากพี่ดำคิดว่ามีผลกระทบกับจิ้งจอกต้องหาทางเลี่ยงไว้ให้ตลอด
ดูแล้วพี่ดำเราคอยปกป้องจิ้งจอกแบบผิดๆมาตลอด

ว่าแล้วก็อยากอ่านตอนจบแล้วจ้า

 :mew1:





ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
«ตอบ #1159 เมื่อ09-11-2018 19:36:58 »

ภาคจิ้งจอกไฟ
บทที่สี่สิบ (ตอนจบ)


บึงน้ำของกระเรียนโกเมนในป่าสีทองแห่งเมืองลั่วช่างเงียบสงบ แม้จะมีฝูงกระเรียนมากกว่าสิบตัวพักผ่อนอยู่โดยรอบ ร่วมด้วยสัตว์น้อยใหญ่ที่ทยอยเดินทางมาถึง
และก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เทพเสือโคร่งศิลาดำ และจิ้งจอกไฟมารอเทพทั้งสี่ตั้งแต่เช้า
แต่ในวันนี้กวางทองพาหยางหลงเจ้าเมืองลั่วมาส่งไว้ที่นี่ แล้วบอกว่าจะกลับไปหาแม่เล็กเฉินอวี้กับท่านรองหยางเฉิงที่รออยู่ด้านนอกของป่า
“ทำไมให้พวกเขารอไกลขนาดนั้น” จิ้งจอกไฟเกรงใจ โดยเฉพาะเฉินอวี้
ผู้ที่อาสาจะไปรับกลับโบกมือ “เช่นนั้นพวกเราจะค่อย ๆ เดินช้า ๆ เข้ามาแล้วกัน”
จิ้งจอกไฟเอียงคอด้วยความสงสัย แต่เมื่อหันไปเห็นว่าหยางหลงเจ้าเมืองลั่วไม่มีท่าทีร้อนใจอันใด ก็หันไปเลิกคิ้วสูงกับเทพเสือโคร่งศิลาดำ   
"แม่กวางบอกว่าคราวก่อนนี้ข้าทำให้เรื่องจริงจังกลายเป็นเรื่องตลก และทำให้เสียเวลา คราวนี้ข้าก็เลยจะพาแม่เล็กกับท่านเฉิงไปเดินเล่นในระหว่างรอ อย่าได้กังวลไปเลย”
จิ้งจอกไฟกอดสหายไว้ “ข้าทำให้เจ้าถูกตำหนิอีกแล้ว ขอโทษจริง ๆ นะ”
“เป็นสหายกันมาตลอดชีวิต เจ้าสมควรรู้ ว่าข้าพอใจที่จะทำเช่นนี้”

...ทำทีว่าไม่รู้ แต่แท้จริงกลับรู้ทุกอย่างอยู่แก่ใจ ไม่ว่ามนุษย์ สัตว์เทพ หรือสัตว์ป่าล้วนต้องมีความลับที่ไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ด้วยกันทั้งสิ้น...
จิ้งจอกไฟซึ่งมาจากป่าด้านนอก ทำผิดต่อพี่ใหญ่ของตนเองด้วยการไปหามนุษย์ แต่พี่ใหญ่กลับพามาฝากให้ช่วยดูแล และคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ
…เหตุใดพวกเขาจึงเลือกที่จะทำเช่นนั้น...
จิ้งจอกไฟทำผิดต่อพี่ใหญ่จริงหรือ
มิใช่เลย
เขาคือจิ้งจอกไฟผู้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว มารยาร้อยแปด
แต่เพราะเขาคือจิ้งจอก และจิ้งจอกก็เป็นสุนัข
ความซื่อสัตย์ต่อพี่ใหญ่แสดงออกด้วยความต้องการของร่างกาย ความเชื่อฟัง
แต่ความแค้นที่ฝังลึก ทำให้เขาไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ในป่าสีทอง
ทั้งกวางทอง นกยูงทอง กวางไพลิน ต่างก็รู้ว่าเทพเสือโคร่งศิลาดำย่อมรู้ความเป็นจิ้งจอกไฟดีกว่าผู้ใด
ก็ขนาดเทพเสือโคร่งศิลาแดงยังรู้ทันความคิดของจิ้งจอกไฟมาตั้งแต่แรก จนเกือบให้คำแนะนำที่ทำให้เรื่องราวบานปลาย
สมควรกล่าวว่าโชคดีที่เขาบำเพ็ญฌานในช่วงเวลาวิกฤติเหล่านั้น
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา....
หลังจากที่กวางทองกลับออกไปได้นานกว่าหนึ่งชั่วยาม แล้วเทพทั้งสี่ยังไม่ออกมา ก็เริ่มมีผู้แสดงความกังวลว่า นี่อาจเป็นอีกวันที่เจ้าเมืองจะได้มาพักผ่อนที่ป่าสีทอง เพราะเทพทั้งสี่อาจยังไม่ได้ข้อสรุป แต่หยางหลงมิได้เป็นกังวล
เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม เทพทั้งสี่จึงกลับมาพร้อมกับหัวหน้าฝูงกระเรียนแห่งป่าสีทอง และกลุ่มเทพผู้อาวุโส รั้งท้ายด้วยกวางไพลิน
นางเทพกวางสายลมซึ่งมีอาวุโสน้อยที่สุดในกลุ่มเป็นผู้กล่าวกับหยางหลงเจ้าเมืองลั่วก่อน "ขออภัยที่ให้รอนาน การลงโทษศิลาดำและจิ้งจอกไฟไม่อาจตัดสินได้โดยง่าย"
การพิจารณาโทษนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อห้าวันก่อน แต่ไม่สามารถได้ข้อสรุป เนื่องจากความเห็นของเทพทั้งสี่ที่แตกออกไปสี่ทาง ขณะที่กลุ่มผู้อาวุโสเองก็ไม่สามารถลงความเห็นได้
แน่นอนว่าทั้งหมดไม่พอใจการกระทำของเทพเสือโคร่งศิลาดำกับจิ้งจอกไฟ รวมถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน
แต่ในส่วนของเทพกวางสายฟ้าเอง เห็นว่าตนเองมีส่วนผิดในเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เพราะทราบนิสัยอารีของกระเรียนโกเมนเป็นอย่างดี ทั้งยังเคยฝากฝังให้กระเรียนโกเมนช่วยดูแลกวางไพลิน และจิ้งจอกไฟ ประกอบกับการที่กระเรียนสีแดงที่ดูแลอยู่ไม่สบาย การที่กระเรียนโกเมนจะอาสาออกไปแทนจึงเป็นเรื่องที่สามารถคาดเดาได้ แต่ในความเห็นของเทพกวางสายฟ้า เรื่องนี้ผิดที่จิ้งจอกไฟ ที่เจตนาล่อลวงกระเรียนสีแดงออกไปให้พรานล่า จึงสมควรลงโทษในส่วนนั้น ที่เหลือคือความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน
แต่นางเทพเสือโคร่งบงกชโต้แย้งว่า จิ้งจอกไฟทราบมาตั้งแต่ต้นว่า มีพรานป่ารออยู่ เขามีทางเลือกมากมายที่จะหยุดความสูญเสีย อย่างง่ายที่สุดก็คือทำทีมาเยี่ยมเยียนเจ้ากระเรียนสีแดง รอให้แข็งแรงแล้วค่อยออกไปเที่ยวเล่นด้วยกัน แต่นี่เขากลับยังคงพากระเรียนโกเมนออกไป ดังนั้นจึงสมควรลงโทษจิ้งจอกไฟเทียบท่ากับการฆ่ากระเรียนโกเมน และกระเรียนน้อยสีแดง
ขณะที่เทพเสือโคร่งภูผา ยืนยันหนักแน่นว่าสมควรลงโทษเสือโคร่งศิลาดำผู้เป็นบุตรชายให้หนัก เพราะเจตนาบิดเบือนเรื่องราวไปไกล จนทำให้ผู้คนและสัตว์เทพต้องสูญเสียชีวิต
ขณะที่ฝั่งของผู้นำฝูงกระเรียนกลับร้องขอว่า อย่าได้ใช้ชีวิตแลกชีวิต “พวกเราสูญเสียกระเรียนโกเมน กระเรียนสีแดงตัวน้อย รวมถึงกระเรียนขาวอีกสอง แม้จะเป็นความสูญเสียที่หนักหนาอย่างยิ่ง แต่ก็ขอว่าอย่าถึงกับต้องสูญเสียอีกสองชีวิตคือหนึ่งเทพเสือโคร่งศิลาดำกับสองคือจิ้งจอกไฟ”
เป็นการพิจารณาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งจนเทพผู้อาวุโสแนะนำให้เลื่อนการตัดสินออกไป เทพเสือโคร่งศิลาดำทราบสาเหตุของความเห็นขัดแย้งจึงกล่าวกับเทพทั้งสี่ว่า ตนยอมรับว่าความผิดที่ทำลงไปนั้นมีความรุนแรงอย่างยิ่ง และอย่าได้นำผลงานที่ผ่านมา มาบรรเทาบทลงโทษ
เทพเสือโคร่งภูผากระแทกเสียงในลำคอ แล้วพาลไม่พูดกับผู้ใดจนข้ามวัน
เรื่องราวก็เป็นดั่งนี้ จนถึงวันที่เทพผู้อาวุโสกำหนดว่าจะต้องได้ข้อสรุปไม่อาจยืดเยื้อออกไปได้อีกแล้ว
แต่บทลงโทษที่ออกมาทำให้เทพเสือโคร่งภูผาโกรธหนักกว่าเดิม ถึงขั้นที่เกี่ยงให้เทพกวางสายฟ้าเป็นผู้ประกาศคำตัดสิน

"เนื่องจากจิ้งจอกไฟได้แสดงตนว่าเป็นผู้พิทักษ์ป่าทางฝั่งที่ติดกับหมู่บ้านพรานมานานหลายปี เราจึงให้จิ้งจอกไฟไปทำหน้าที่คอยจับตาทางฝั่งนั้น หากในช่วงห้าสิบปีนี้ไม่มีเหตุพรานลักลอบเข้ามา พวกเราจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีความเห็นอย่างไรต่อไป แต่หากมีการลักลอบเข้ามาอีก เราจะถือว่าเจ้าสมคบกับมนุษย์ลงมือก่อเหตุ ส่วนเทพเสือโคร่งศิลาดำให้ไปอยู่ในป่าทางใต้ห้าสิบปี แต่ให้กลับมารายงานตัวต่อเทพเสือโคร่งภูผาทุกสิบปี"
เวลาสิบปี ห้าสิบปีของป่าสีทองไม่ได้ยาวนานนัก แต่เพราะว่านี่คือบทลงโทษ จึงให้ความรู้สึกเหมือนยาวนานตลอดชีวิต
เทพเสือโคร่งศิลาดำรับทราบบทลงโทษแล้วหันมากล่าวกับจิ้งจอกไฟ
"ตอนที่ข้าไป เจ้าสามารถ..."
จิ้งจอกไฟปิดปากอีกฝ่าย "ข้าไม่รับ ข้ามีเจ้านายได้เพียงหนึ่ง รักได้เพียงหนึ่งเดียว"
การกระทำของทั้งสองตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมายืนยันทุกคำพูดและการกระทำนั้น
มีเพียงกันและกันมาตลอด
เทพกวางสายฟ้าหันไปมองให้เทพเสือโคร่งภูผากล่าวออกมาสักคำ แต่เทพเสือโคร่งภูผาก็ยังคงกอดอกแน่น ทั้งหันไปมองทางอื่น สีหน้าท่าทางไม่พอใจบทลงโทษนี้อย่างชัดเจน
นางเทพเสือโคร่งบงกชส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้น
"ผิดก็ยอมรับผิด ยอมรับการลงโทษโดยไม่ต่อรองสักคำ ต้องทำอย่างไรท่านถึงจะพอใจ พวกเราพูดเรื่องพวกนี้กันมาแล้วหลายครั้ง ทุกอย่างต้องมีจุดสิ้นสุด" ยามที่นางเทพเสือโคร่งไม่พอใจช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง บรรดาฝูงกระเรียนที่รับฟังอยู่ใกล้ ๆ พากันถอยห่าง “ศิลาดำ แม่ไม่ได้เห็นดีไปกับเจ้าอย่างแน่นอน เมื่อเจ้าทำลายความเชื่อมั่นไปแล้ว เจ้าต้องใช้เวลาชั่วชีวิตเพื่อแก้ไข” นางจึงสนับสนุนให้ลงโทษด้วยการแยกทั้งสองออกจากกัน 
แต่แล้วบรรยากาศแปลก ๆ ก็แผ่ปกคลุมเข้ามาหาช้า ๆ ช้ามากตามช่วงก้าวเล็ก ๆ ของฝาแฝดทั้งสาม
"หลานมา" กวางไพลินร้องบอก
บรรดาสัตว์เทพทั้งหลายหันไปสำรวจกันให้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ ส่วนผู้ที่ไม่สามารถเปลี่ยนร่างได้ และมีร่างกายใหญ่โตก็ถอยไปทางด้านหลัง เพราะเกรงว่าจะทำให้เด็ก ๆ ตกใจ
จิ้งจอกไฟยังสะกิดให้เทพเสือโคร่งศิลาดำไม่ทำหน้าตาเคร่งเครียดกับหลาน
ส่วนเทพเสือโคร่งภูผาถึงกับบ่นกับตนเอง "เจ้ากวางทองตัวร้าย"
"ห้ามว่าลูกนะ" นางเทพเสือโคร่งบงกชหันมาดุ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแฝดสามมาที่นี่ได้อย่างไร ที่ว่าออกไปหาแม่เล็กเฉินอวี้กับท่านรองหยางเฉิงที่ปากทางของป่า แท้จริงออกไปหาผู้ใด
หยางหลงก้าวเข้าไปรับบุตรทั้งสามเข้ามาหาผู้อาวุโส  ทั้งสามทำความเคารพและประสานเสียงเอ่ยคำทำทักทายทุกคนในที่นี้
ดูอย่างไรนี่ก็ดูเรียบร้อยสุภาพผิดกับเด็กที่มีอายุยังไม่ถึงห้าขวบคนอื่น ๆ
นางเทพเสือโคร่งบงกชยิ้มแย้มทักทาย "มากันได้อย่างไร พ่อกวางทองของเจ้าไปรับมาหรือ"
"ท่านนกยูงทองไปรับมาขอรับ" หยางเหมี่ยนตอบ
แต่สองแฝดตาสีทองช่วยกันตอบอีกอย่าง "พ่อกวางทองให้บอกว่าท่านนกยูงทองพามา"
"ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกนะ" เทพกวางสายฟ้ากล่าวพลางเดินเข้ามาอุ้มหยางหมิงไว้ "หมิงสินะ"
"ใช่แล้วขอรับ" แฝดตัวน้อยตาสีทองกอดคอท่านปู่เทพกวางไว้แน่น หยางจินก็กระตุกชายเสื้อสีขาวของท่านปู่เรียกให้อุ้มบ้าง
"ปู่กวางอุ้มหมิงเอ๋อร์อยู่ ขอย่ากวางอุ้มจินเอ๋อร์ได้ไหม" นางเทพกวางสายลมกล่าวขึ้น
จินเอ๋อร์ยิ้มกว้างขณะที่พยักหน้า ท่าทางเหมือนพ่อกวางทองของเขาไม่มีผิด "ก็ได้"
"ไม่ค่อยจะเต็มใจเลยนะ" กวางไพลินกล่าวพลางหัวเราะ แล้วหันไปมองหยางเหมี่ยนที่ยังยืนอยู่ข้างหยางหลง "แล้วพวกเขาอยู่ที่ใดกัน"
"พ่อกวางบอกว่า ท่านปู่เสือโคร่งมิให้เข้ามาในที่นี้ จึงรออยู่ด้านนอกกับท่านปู่เล็ก ท่านอารอง แล้วก็ท่านนกยูงทองก็อยู่ด้วยขอรับ"
เมื่อต้องตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน เทพเสือโคร่งภูผาก็โบกมือ "ไปเรียกให้เข้ามาเถิด เรื่องที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว"
และข้าคือเสียงส่วนน้อย ที่ดื้อรั้น ไม่สมควรใส่ใจความไม่พอใจของข้า!
แต่เมื่อกวางทองเดินเข้ามาพร้อมกับอีกสามคน บรรยากาศในที่นี้ก็เปลี่ยนไปอีกครา จนเทพเสือโคร่งภูผาเกรงว่าจะลืมเลือนเรื่องสำคัญไปเสียก่อน จึงหันไปเตือนเทพเสือโคร่งศิลาดำ ว่าให้ไปพบที่ถ้ำยาก่อนที่จะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้
กวางไพลินเดินมากระซิบกับกวางทองพลางพยักหน้าไปทางจิ้งจอกไฟ จากนั้นกวางทองก็เดินจูงมือหยางหลงไปหาจิ้งจอกไฟกับเทพเสือโคร่งศิลาดำ นกยูงทองเห็นดังนั้นก็พยักหน้าเรียกให้หยางเฉิงให้มารวมกลุ่มพูดคุย ทำทีเป็นชักชวนให้ทั้งหมดนั่งลงกินผลไม้ด้วยกัน
จิ้งจอกไฟคลี่ยิ้มงาม "ต่อไปเวลาจะตกลงวางแผนอะไรกัน ช่วยบอกกันก่อนมิได้หรือ อย่างน้อยข้าจะได้เตรียมพร้อมสักนิด"
"เรื่องอะไรจะบอก" นกยูงทองหัวเราะร่วน "เวลาเจ้าตกใจหน้าซีดน่ะมันตลกจะตาย"
นี่แสดงว่าทั้งหมดต้องพากันแอบดูความเคลื่อนไหวในที่นี้มาตลอดสินะ
ยังพูดคุยกันได้ไม่กี่คำแฝดสามก็ผละจากท่านปู่ท่านย่า มาแย่งกันนั่งตัก กอดแขนพัวพันอยู่กับพ่อกวางทองของพวกเขา ทำให้เทพผู้อื่นรวมถึงเฉินอวี้ขยับตามเข้ามาหาด้วยเช่นกัน

"ไม่ต้องเป็นห่วงจิ้งจอกไฟหรอกนะ" กวางไพลินกล่าวกับเทพเสือโคร่งศิลาดำ
จิ้งจอกไฟจับมือของเทพเสือโคร่งศิลาดำไว้
กวางทองมองพี่ใหญ่ของตนเอง หยางหลง หยางเฉิง มาจนถึงเทพเสือโคร่งภูผา และเทพกวางสายฟ้า
"จะว่าไปในทั้งหมดนี้ข้าว่าพี่ใหญ่น่ะเป็นที่สุดของสามีแล้ว"
กวางทองเจตนาจะยกยอพี่ใหญ่ของตนเอง แต่ข้อสังเกตนี้ทำให้ทุกคนหัวเราะ หยางจินจึงขอให้พ่อกวางทองช่วยอธิบาย
"ท่านลุงศิลาดำเป็นพี่ใหญ่ที่ดีมาก ดูแลทั้งน้องสาวน้องชายที่เป็นเสือโคร่ง มาจนถึงพ่อที่เป็นกวางทอง ขณะที่ยังต้องดูแลท่านปู่เล็ก แล้วก็ต้องทำงานตรากตรำอย่างหนักตามที่ท่านปู่เทพเสือโคร่งภูผาของเจ้าของเจ้าสั่งการอีกด้วย" กวางทองทำหน้าตาน่าสงสารยิ่งนัก  "ส่วนเรื่องความรัก ตั้งแต่ก่อนที่พ่อเกิดมาจนถึงบัดนี้ ท่านลุงใหญ่ของเจ้ามีเพียงท่านลุงจิ้งจอกไฟของพวกเจ้า ต่อให้ไม่พบหน้ากันหลายปี ห่างไกลกันกี่หมื่นลี้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นก็ตาม" ดวงตาสีทองมองค้อนท่านปู่เสือหนึ่งครา "อาจมีบางเรื่องที่ทำลายความเชื่อมั่นของท่านปู่ผู้ยิ่งใหญ่ไปบ้าง แต่นั่นก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเพื่อท่านลุงจิ้งจอกไฟ"

หยางเหมี่ยนยกมือขึ้นเพื่อขออนุญาตแสดงความเห็น เมื่อพ่อกวางทองพยักหน้าก็ลุกขึ้นยืนเพื่อกล่าวถ้อยคำโต้แย้งพ่อกวางทองของเขา
"ยึดมั่นในความรักนั่นก็ดี และมีคำกล่าวที่ว่า คนเรามักทำเรื่องโง่งมเมื่อมีรัก แต่การทำลายความเชื่อมั่นนั้นไม่ถูกต้อง"
เทพเสือโคร่งภูผาตบเข่าฉาด เพราะมีหลานแฝดผู้นี้เพียงเดียวเท่านั้นที่เห็นด้วย
"การสร้างความเชื่อมั่นต้องใช้เวลานาน แต่การทำลายลงนั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดาย ในเวลาเพียงพริบตาเดียว ทั้งยังมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอยู่เสมอ” จากนั้นหยางเหมี่ยนก็หันมาหาเทพเสือโคร่งภูผา “แต่เท่าที่รู้มาหลานไม่คิดว่าท่านลุงศิลาดำจะทำอะไรที่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งท่านปู่ภูผา"
ป่าสีทองตกอยู่ในความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงของสายน้ำ และสายลม
หยางเหมี่ยนประหม่าเล็กน้อย เมื่อต้องตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน แต่เมื่อหันไปมองหน้าบิดากับน้องชายทั้งสองที่พยักหน้าให้กำลังใจ จึงกล่าวต่อ 
"ท่านปู่เคยออกคำสั่งห้ามท่านลุงชี้นำความคิดฮ่องเต้หรือไม่"
เทพเสือโคร่งภูผาส่ายหน้าช้า ๆ สีหน้าดั่งถูกค้อนใหญ่ทุบเข้าที่ศีรษะ
“เคยห้ามท่านลุงปกป้องท่านลุงจิ้งจอกไฟหรือไม่”
เทพเสือโคร่งภูผานิ่งอึ้ง
เทพกวางสายฟ้าหัวเราะเสียงดังก้อง ปรบมือให้กับหยางเหมี่ยน
"เจ้านี่มันหยางหลงขนาดย่อส่วนจริง ๆ"
ทุกคนล้วนรู้ดีว่า หากเป็นหยางหลงกล่าวคำเหล่านี้ออกมา เทพเสือโคร่งภูผาย่อมต้องคัดค้านและบานปลายตามนิสัย แต่เมื่อเป็นหลานรัก กลับรู้สึกเห็นด้วยมากกว่าแปดส่วน
หยางหมิงกับหยางจินผู้มีดวงตาสีทองปีนขึ้นนั่งตักท่านปู่ ส่วนหยางเหมี่ยนค้อมตัวกล่าวคำขอโทษกับเทพเสือโคร่งภูผาโดยตรง "หลานขออภัยท่านปู่ ที่กล่าวคำล่วงเกิน บิดากล่าวว่า เพราะท่านคือเทพเสือโคร่ง คือผู้พิทักษ์ป่าสีทองและเมืองลั่ว เมื่อเกิดเรื่องราวใดขึ้นมา ย่อมรู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของท่าน แต่ขออย่าได้กล่าวโทษตนเอง เรื่องหลอกลวงผู้อื่นจนทำให้ผู้อาวุโสเสียชีวิตนั้น เป็นความผิดอย่างแน่นอน การปกปิดความผิดก็คือการร่วมทำความผิดเช่นกัน บิดาสอนว่า หากเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับหมิงเอ๋อร์ กับจินเอ๋อร์ข้าจะทำเช่นไร หากข้าใช้อารมณ์ตัดสิน เรื่องราวจะยิ่งบานปลายดั่งความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่หยุดในช่วงหลายปีมานี้ บิดาสอนว่า เพราะเราคือผู้ปกครอง หน้าที่ของเราคือการแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมแบบนักปกครอง แม้ว่าเราจะรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ยุติธรรมกับเราแม้สักนิดก็ตาม”
เทพเสือโคร่งภูผาขอบตาแดงเรื่อกอดหยางเหมี่ยนตัวน้อยไว้แน่น
“พูดได้ดี บิดาของเจ้าสอนได้ดียิ่ง ขอบใจมาก”
หยางจินแฝดตาสีทองเขย่งเท้ากอดท่านปู่เทพเสือโคร่งไว้ “ท่านปู่ยังมีจินเอ๋อร์อยู่อีกคนนะ”
“รู้แล้ว”
“มีหมิงเอ๋อร์ด้วย” แฝดอีกคนเข้ามากอดพัวพันแล้วชักชวนพูดคุยเพื่อทำให้บรรยากาศหม่นหมองจางหายไป
เฉินอวี้หันไปทางเทพเสือโคร่งศิลาดำ บอกให้ไปพักผ่อน ก่อนที่จะต้องออกเดินทางในวันพรุ่งนี้
จิ้งจอกไฟกระซิบถามเรื่องที่ไม่กล้าถามกับผู้ใดนอกจากเฉินอวี้เพียงผู้เดียว "ท่านเทพเสือโคร่งภูผาโกรธท่านพี่มากเลยหรือ"
คนรูปงามลูบไหล่คนถามเพื่อปลอบโยน "เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง"
แต่จิ้งจอกไฟยังคงเป็นกังวล
เฉินอวี้กล่าวต่อ "อย่ากังวลไปเลย ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี เผื่อว่าวันหนึ่งจะได้ลดโทษกลับมาอยู่ด้วยกันเร็วขึ้น"
"อ๋า--" จู่ๆ กวางทองกับนกยูงทองก็ร้องขึ้นพร้อมกัน ทั้งหันมามองหน้ากันอีกด้วย
หยางหลงต้องกระแอมเตือนท่าทีของทั้งคู่ กวางไพลินได้ที "ท่านเจ้าเมืองจะว่าอะไร ก็พูดออกมาเลย"
"ก็..." ให้มาดุ มาตักเตือนกันต่อหน้าคนมากมายนี่ไม่ใช่นิสัยของหยางหลงเลยจริง ๆ "ไว้ค่อยพูดกันทีหลังก็ได้"
"ไม่มีอะไรหรอกน่า พวกเราก็แค่เห็นว่าเป็นโอกาสดี ที่จะได้ไปหาจิ้งจอกไฟบ่อย ๆ เท่านั้นเอง" นกยูงทองบอก แต่ดวงตาพราวระยิบ
ขนาดแฝดสามยังมองออกว่านกยูงทองกับกวางทองมีเรื่องสนุกให้ไปเล่นกันหลังจากนี้
"พี่ใหญ่กับจิ้งจอกไฟไปพักเถอะ เพราะจะต้องแยกจากกันอีกถึงสิบปีจึงจะได้กลับมาพบกันอีกครา"

เมื่อใกล้ค่ำ นางเทพเสือโคร่งบงกช เทพกวางสายฟ้า และเทพกวางสายลมแยกกลับไปพักผ่อน ส่วนที่เหลือตามกันมาที่กระท่อมของหยางหลง
เมื่อมาถึง หยางเฉิงขออาสาพาหลานกลับไปที่จวนเจ้าเมือง แต่ทั้งหมดพากันหันไปมองนกยูงทอง
"มองทำไม"
"ก็คืนนี้ท่านเจ้าเมืองพักที่นี่ แล้วจะให้ผู้ใดพาแฝดสามกลับไปหากไม่ใช่เจ้า" กวางทองตอบ
มนุษย์จะเดินทางเข้าหรือออกจากป่าสีทองได้ต้องมีเทพในป่าสีทองนำทางเท่านั้น แล้วหยางเฉิงตามลำพังจะพาแฝดสามกลับไปได้อย่างไร
"อะไรกัน"
"ขอพวกเราพักที่นี่กับท่านพ่อมิได้หรือ" หยางเหมี่ยนถาม ที่ผ่านมาเขามักจะเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ เมื่อร้องขอเช่นนี้ ผู้ใหญ่ทุกคนล้วนกล่าวสนับสนุน แต่กวางทองก็ยังมีข้อสงสัยต่อไป
"แล้วท่านเฉิงจะกลับอย่างไร"
หยางเฉิงยักไหล่ท่าทางไม่สนใจที่นกยูงทองบ่นอุบ "ทำเป็นพาหลานมารออยู่ที่ด้านหน้าของป่า ลำบากให้ผู้อื่นต้องไปรับเข้ามา ต้องพาออกไปอีก"
คนรูปร่างสูงใหญ่ไม่ต้องกล่าวคำใด ๆ นกยูงทองกล่าวเอง "ก็ได้" จากนั้นก็หันไปหาเฉินอวี้ "ท่านแม่เล็กจะกลับด้วยหรือไม่"
"ไม่ต้องมายุ่งกับเมียข้าเลย" เทพเสือโคร่งภูผาโบกมือไล่ "เดี๋ยวข้าพาเขากลับไปเอง"
"อ้าว เช่นนั้นท่านเทพเสือโคร่งก็พาท่านพี่กลับไปด้วยสิ" นกยูงทองรู้สึกถึงเงาทะมึนที่กอดอกมองมาเงียบ ๆ
ที่จริงหยางเฉิงไม่ได้เดือดร้อนอะไร หลาน ๆ อยู่ที่นี่ เขานอนกับหลานก็ได้ แต่เจ้านกยูงทองร้อนตัวไปเองทั้งนั้น
"มนุษย์ กลับบ้านไปเลย วุ่นวายจริง"
หยางเฉิงก้าวเข้ามาหา ก้มลงจูบปากที่พูดไม่หยุด
"จะกลับหรือไม่กลับ"
"...กลับ ก็ ได้..."
หยางเฉิงหันไปทำความเคารพทุกคนที่อยู่ในที่นี้ จากนั้นก็เดินนำออกไป โดยมีนกยูงทองเดินตามไป
"เจ้านี่มันคนชอบบังคับผู้อื่น"
แม้แต่เทพเสือโคร่งภูผายังหันไปถามเฉินอวี้ด้วยความสงสัย "แบบนั้นเรียกว่าบังคับหรือ"
เฉินอวี้หัวเราะ เทพเสือโคร่งภูผาก็หันมาหากวางทอง "เจ้าคิดว่าพ่อไม่ยุติธรรมกับพี่ใหญ่ของเจ้าสินะ"
"ข้ารู้ว่าท่านเสียใจมากเรื่องท่านกระเรียนโกเมน แต่เพราะท่านเป็นผู้ปกครอง เมื่อบุตรทำผิดเสียเองก็ย่อมต้องลงโทษให้หนักกว่าผู้อื่น แต่ที่ผ่านมาพี่ใหญ่และจิ้งจอกไฟก็ถูกลงโทษมามากแล้ว จิ้งจอกไฟที่ไม่เคยฆ่าคนยังลงมือฆ่าคน ท่านยังแยกพวกเขาเสียอีก"
เทพเสือโคร่งภูผาส่ายหน้า ท่าทางไม่ค่อยอยากอธิบายความจริงต่อกวางทองสักเท่าไหร่ หยางหลงจึงเป็นผู้ตอบข้อสงสัยนี้
“สิ่งที่ไม่อาจให้อภัยได้ก็คือการที่พี่ใหญ่ใช้พลังของเขาเพื่อจิ้งจอกไฟ”
กวางทองหันมาจะกล่าวคำโต้แย้งด้วยความเคยชิน แต่เมื่อเห็นว่าในที่นี้ ยังมีเฉินอวี้อยู่ด้วยก็เริ่มเข้าใจ
เสือโคร่งคือผู้คุ้มครอง
ผู้คุ้มครองต้องไม่ทำอะไรเพื่อตนเอง
ตั้งแต่เทพทั้งสี่มาจนถึงหยางหลงและเฉินอวี้ พวกเขาล้วนลงมือทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาตลอดว่าทำเพื่อผู้อื่น
แต่ทุกอย่างที่เทพเสือโคร่งศิลาดำทำลงไปก็คือเพื่อจิ้งจอกไฟ
ในคำกล่าวที่หยางเหมี่ยนแฝดคนโตกล่าวก่อนหน้านี้ก็พูดถึงเรื่องการเป็นผู้ปกครอง
ก็สมควรอยู่หรอกที่เทพเสือโคร่งภูผาจะโกรธมาก
"ท่านพ่อ ข้าขอโทษ"
เทพเสือโคร่งภูผากอดกวางทองไว้แน่น แฝดสามเห็นดังนั้นก็พยายามแทรกตัวเข้าไปให้ท่านปู่เสือโคร่งกอดด้วย
ความจริงจังสามารถทำหน้าที่ได้ไม่เกินห้าประโยคหากมีกวางทองพ่อลูกทั้งสี่อยู่ด้วยกันจริงๆ
เวลาล่วงเลยไปอีกพักใหญ่ เทพเสือโคร่งภูผาจึงพาเฉินอวี้กลับมาที่ถ้ำยา
“ส่งข้ากลับไปที่วัดร้างก็ได้นะ “
“แล้วพรุ่งนี้เช้าข้าต้องมารอเจ้าศิลาดำที่นี่อีกน่ะหรือ” เทพเสือโคร่งภูผาส่ายหน้า เดินเข้าไปจัดที่นอนให้กับเฉินอวี้ “เจ้าคิดว่าข้าเข้มงวดกับบุตรมากไปหรือไม่”
เฉินอวี้ตอบตามตรง “หากเขาเป็นมนุษย์ โทษนี้ก็ถือว่าหนักไปสักหน่อย แต่เพราะเขาเป็นผู้ที่มีชีวิตยืนยาว ข้าคิดว่าก็เหมาะสมแล้ว”
เทพเสือโคร่งภูผาถอนหายใจยาว “สายฟ้าเป็นผู้เสนอโทษนี้ แต่ข้าต้องการให้ขับทั้งคู่ออกจากป่า”
คนรูปงามไม่มีความเห็น ล้มตัวลงนอนในอ้อมกอดของเทพเสือโคร่งภูผาเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา

กวางทองรอจนแฝดทั้งสามเข้านอนแล้ว จึงออกมาเรียกหยางหลงที่กำลังยืนมองดวงจันทร์นอกหน้าต่างและหันมาทันทีที่ได้ยินเสียงประตูห้องนอน
“ท่านพี่” กวางทองเดินเข้ามากอดเอวหนาไว้ “ดีจริงที่ท่านพี่อยู่ด้วย”
“พี่หรือ”
“ใช่สิ” กวางทองพยักหน้ายืนยัน “พวกเขาเอาแต่พูดกันมาหลายวันแล้ว พูดจนผู้อื่นเครียดจะเป็นบ้า ไม่ตัดสินอะไรให้เด็ดขาดลงไปสักที นี่ถ้าท่านไม่อยู่ เขาก็คงเลื่อนการตัดสินออกไปอีก”
“ที่เลื่อนออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะฝีมือเจ้ามิใช่หรือไง”
“ไม่ใช่สักหน่อย” กวางทองใช้หน้าผากถูไถที่ต้นแขนใหญ่แล้วหยุดนิ่ง
“ไม่สบายใจเรื่องใด”
กวางทองยังไม่เงยหน้าขึ้นมา “น้องไม่อยากให้ทุกครั้งที่เราพบกัน จะต้องพูดคุยกันแต่ปัญหาเรื่องนั้นเรื่องนี้”
เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพังสรรพนามของทั้งคู่ในการเรียกกันและกันก็แสดงถึงความใกล้ชิดกว่าเดิม
“ก็ไม่นะ ส่วนใหญ่พวกเราพูดคุยกันเรื่องแฝดสาม กับเรื่องที่ว่าวันนี้พี่จะพาน้องไปเที่ยวที่ใด”
กวางทองหัวเราะคิก เงยหน้าขึ้นประคองใบหน้าของหยางหลงด้วยสองมือ “จำตอนที่ท่านพี่ตามมาที่ป่าสีทองแล้วพบว่าน้องแปลกไปได้หรือไม่”
“จำได้”
“น้องสับสนในหลายเรื่อง เพราะที่นี่ ในป่าสีทองทุกอย่างคือความมั่นคง แต่ข้างนอกนั่นมีแต่ความไม่มั่นคง หลายเรื่องทำความเข้าใจได้ แต่อีกหลายเรื่องก็ยังเป็นความกังวลของน้องมาจนถึงเวลานี้” ดวงตาสีทองมองสบตา “น้องมักจะกลัวอยู่เสมอว่าวันหนึ่งท่านพี่จะจากไปเหมือนเจิงเอ๋อร์ น้องจำความเสียใจของทุกคนในวันนั้นได้ชัดเจน และรู้ว่านี่ก็เป็นเรื่องที่ท่านพี่ไม่เคยให้อภัยตนเองเช่นกัน น้องจะมีชีวิตยืนยาว มองดูท่านพี่และทุกคนจากไปทีละคน”
หยางหลงกระชับกอดคนในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
“น้องรักท่านพี่ อยากอยู่กับท่านไปอีกร้อยปี จนถึงลมหายใจสุดท้าย”
คำพูดใด ๆ ก็ไม่อาจนำมาใช้บรรยายความรู้สึกของหยางหลงในเวลานี้
ต้องการตอบรับ และปฏิบัติตามความต้องการของคนรักเหมือนทุกคราที่ผ่านมา แต่การจะให้อยู่ด้วยกันไปจนถึงลมหายใจสุดท้ายของกวางทองนั้นเป็นไปมิได้เลย
“ขอโทษ พี่ไม่อาจให้คำมั่นนั้นกับน้องได้ แต่พี่แน่ใจว่านับจากแรกพบไปจนถึงลมหายใจสุดท้าย น้องคือผู้เดียวที่พี่รัก”
กวางทองโน้มคออีกฝ่ายลงมาจูบ
รักมากก็กังวลมาก ให้ไปเท่าใดก็ไม่เคยแน่ใจว่าเพียงพอกับความต้องการอีกฝ่ายหรือไม่ ถูกต้องตามที่อีกฝ่ายต้องการหรือไม่ ทั้งไม่เคยแน่ใจว่าอีกฝ่ายมีความสุขเมื่อได้อยู่ด้วยกันหรือไม่
...เรามักทำเรื่องโง่งมยามเมื่อมีรัก...

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2018 11:27:10 โดย MyTeaMeJive »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
« ตอบ #1159 เมื่อ: 09-11-2018 19:36:58 »





ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
«ตอบ #1160 เมื่อ09-11-2018 19:38:58 »

(ต่อ)


เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น หยางหลงไปปลุกแฝดสามมาดื่มโจ๊กธัญพืชฝีมือกวางทองจากนั้นชวนกันไปที่บึงกระเรียนโกเมนเพื่อรอส่งเทพเสือโคร่งศิลาดำด้วยกัน
แต่เมื่อไปถึงพบเทพเสือโคร่งศิลาดำกำลังพูดคุยอยู่กับจิ้งจอกไฟที่บริเวณด้านนอกของเขตบึงกระเรียนป่าสีทอง
“ท่านพ่อกำลังพูดคุยกับท่านเทพกวางสายฟ้าอยู่”
คำกล่าวนี้ย่อมหมายความว่า ทั้งห้าคนในที่นี้ไม่ควรเข้าไปขัดขวางการสนทนาของสหายทั้งสอง หยางหลงจึงกล่าวว่า พาหลานมาส่งเทพเสือโคร่งศิลาดำก่อนที่จะออกเดินทาง ผู้มีร่างกายสูงใหญ่ดวงตาสีดำลึกล้ำจึงคุกเข่าลงเบื้องหน้าฝาแฝดทั้งสามลูบศีรษะเล็ก ๆ ด้วยความอ่อนโยนยิ่ง
“เวลาสิบปีไม่ได้ยาวนานอะไร เมื่อกลับมาลุงจะแวะไปหาเจ้าที่จวนเจ้าเมือง”
แฝดสามสะอึกสะอื้นกอดคอท่านลุงเสือโคร่งไว้แน่น
หยางหมิงพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ เมื่อกล่าวคำ “เมื่อท่านลุงกลับมาพวกเราก็อายุสิบสี่สิบห้าปีแล้ว”
หยางจินกล่าวต่อ “และเมื่อกลับมาอีกคราพวกเราก็ยี่สิบสี่ยี่สิบห้า ไม่แน่ว่าเมื่อนั้นพี่ใหญ่จะแต่งงานหรือเป็นเจ้าเมืองไปแล้วก็ได้”
หยางหลงรู้สึกถึงน้ำหนักมือของกวางทองที่บีบแน่นขึ้น ไหล่บางสั่นไหวจากการกลั้นสะอื้น จึงยื่นมือข้างนั้นให้กับเทพเสือโคร่งศิลาดำ
“กวางทอง” เทพเสือโคร่งศิลาดำลุกขึ้นมากอดน้องเล็กไว้
ไม่ว่าจะนานเพียงใด กวางทองก็ยังคงเป็นน้องเล็กอยู่นั่นเอง
“พี่ใหญ่ไม่ได้อยู่คอยเฝ้าระวังภัยให้เจ้าแล้ว ต้องรู้จักระมัดระวังตนเองมากกว่าเดิมรู้ไหม อย่าทำอะไรวู่วามเอาแต่ใจ”
“พี่ใหญ่” กวางทองร้องไห้เสียงดัง ยิ่งเมื่อประสานกันกับเจ้าแฝดสามเสียงร้องไห้ยิ่งเพิ่มความโศกเศร้ามากกว่าเดิม รอจนความเศร้าบรรเทาลงจึงบอกให้ทั้งหมดกล่าวให้กำลังใจเทพเสือโคร่งศิลาดำอีกครั้ง

แฝดสามแห่งเมืองลั่ววิ่งเล่นในทุ่งหญ้าดวงดาว ดอกสีขาวเป็นประกายท่ามกลางแสงแดดอ่อน กระต่ายป่าตัวน้อยโผล่ออกมาทักทายแล้ววิ่งเล่นไปด้วยกัน
หยางหลงจับมือกวางทองเดินไปด้วยกัน แต่จู่ ๆ ก็หยุดเท้า หันมาจับสองมือไว้
“พี่รักน้อง แม้ความรักนี้ไม่อาจเปรียบวัดได้ด้วยมาตราใด แต่ขอให้รู้ว่ารักนี้ไม่เคยลดลง มีแต่เพิ่มขึ้น การที่ได้รักคือทุกสิ่งทุกอย่างแล้วในชีวิต เวลาที่อยู่ด้วยกันพี่ไม่เคยนับเรื่องวันเวลา รู้เพียงวันนี้ เวลานี้ พี่มีน้องอยู่กับพี่” หยางหลงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “ข้าคือหยางหลงเจ้าเมืองลั่ว ร้องขอด้วยหัวใจ ลมหายใจ โลหิต และวิญญาณ ขอความเมตตาจากกวางทองแห่งป่าสีทอง ให้ข้าได้รักเจ้าจวบจนความตายพรากข้าจากเจ้า”
กวางทองคุกเข่าลงสวมกอดหยางหลงไว้ขณะที่น้ำตาอาบแก้ม ความรู้สึกท่วมหัวใจจนไม่สามารถกล่าวคำใด ได้แต่พยักหน้ายอมรับในสิ่งที่หยางหลงกล่าว
“อย่ากลัววันที่พี่ไม่ได้อยู่ข้างเจ้า เพราะพี่จะอยู่กับเจ้าเสมอ”
ด้วยหัวใจ
ลมหายใจ
โลหิต
และวิญญาณ...หยางหลงรักลู่กวางทองตลอดไป

เสียงร่ำไห้ของกวางทองช่างปวดใจจนทำให้แฝดสามวิ่งกลับมาหาบิดาแล้วพากันร้องไห้ตามไปด้วย

ห่างออกมาหลังแนวต้นไม้ใหญ่คนสองคนยืนอยู่ข้างกัน
"จะไม่บอกลูกจริง ๆ หรือ" เฉินอวี้ขอบตาแดงเรื่อ สงสารทั้งห้าคนจับใจ
"ไม่ต้องบอกหรอก" เทพเสือโคร่งภูผาสงสารที่ลูกหลานพากันร้องไห้ก็จริง แต่อยากให้ทั้งหมดรู้ด้วยตนเองมากกว่า ครั้นหันมาเห็นภรรยามีน้ำตาปริ่มก็ร้อนใจ "แล้วเจ้าจะร้องไห้ทำไม หยางหลงน่ะเพราะมัวแต่คิดเรื่องการดูแลผู้อื่น จนไม่ได้สังเกตตัวเอง แต่เชื่อสิอีกไม่นานพวกเขาก็จะรู้ตัว"
"แต่ก็น่าจะบอกพวกเขาให้รู้ จะได้ไม่เสียใจ"
เทพเสือโคร่งภูผากอดอก ยืนยันความคิดของตัวเอง "ไม่บอกดีกว่า เขาจะได้ใช้วันเวลาเพื่อดูแลกันและกันอย่างเต็มที่"
"อย่างกับว่าเวลานี้เขาไม่ได้ดูแลกันเป็นอย่างดี"
"ไม่ใช่ ข้าหมายถึง" เทพเสือโคร่งภูผานึกถึงการใช้ถ้อยคำที่ถูกต้อง "ทะนุถนอมวันเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ที่ผ่านมาหยางหลงกับกวางทองก็ดีต่อกันมาตลอด แต่พวกเขาก็มักจะนึกถึงผู้อื่นก่อนตนเองเสมอ"
"ถ้านึกถึงตนเองก่อนก็จะถูกลงโทษแบบศิลาดำ" เฉินอวี้ดักคอ
"แบบนั้นมันก็เกินไป แต่สองคนนี้รู้แต่ช่วยเพื่อน กับปกป้องเมืองลั่ว เขาต้องรู้ว่าชีวิตผู้ใด ผู้นั้นก็ต้องหัดรับผิดชอบตนเองบ้าง"
"แต่ก็น่าสงสารมากอยู่ดี"
เทพเสือโคร่งภูผาส่ายหน้า "เจ้าสองคนนี้ฉลาดจะตาย อีกไม่นานเขาก็ต้องรู้ตัวว่าวันเวลาของเขาหยุดนิ่ง" ผู้ที่มีร่างกายสูงใหญ่หันมามองคนรูปงามที่ยังดูอ่อนเยาว์ราวกับมีอายุเพียงสิบแปดปี "ว่าแต่เจ้าเถิด จะกลับไปอยู่ที่อารามนั่นตามเดิมจริงหรือ"
"ร่างกายมนุษย์ไม่ทนต่อความหนาวเย็นในถ้ำ คืนสองคืนยังพอไหวแต่นานไปก็ไม่ค่อยดีแล้ว"
"เจ้าเกรงใจบงกชมากกว่า" เฉินอวี้ไม่โต้เถียงด้วย "เช่นนั้นข้าว่าจ้างคนมาปลูกบ้านให้เจ้าในเขตป่าด้านนอกนั่นดีกว่า ปลูกให้หยางหลงด้วย เผื่อหลาน ๆ ของข้าจะได้มาพัก"
ดวงตาสีเหลืองสดใสเป็นประกายเมื่อมีเรื่องราวใหม่ให้ต้องไปจัดการ
เฉินอวี้หลงรักดวงตาคู่นี้ ความตั้งใจของเทพเสือโคร่งผู้นี้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นเทพเสือโคร่งภูผา
"ตามใจ"
อย่างกับว่าจะเคยขัดใจกันได้เช่นนั้น...
...
ตั้งแต่วันที่ส่งเทพเสือโคร่งศิลาดำออกจากป่าสีทอง นกยูงทองก็มิได้กลับไปที่ป่าสีทองอีก ทั้งใช้ชื่อว่าคงเซียะ ฮูหยินเจ็ดของหยางเฉิง รองเจ้าเมืองลั่ว
เวลาผ่านไปไม่กี่เดือนทุกผู้คนในเรือน ไปจนถึงชาวเมืองก็ไม่ได้ใส่ใจความแตกต่างของคงเซียะ รู้กันแค่ว่า หยางเฉิงแต่งภรรยาคนที่เจ็ดแล้ว
ในวันที่เส้นผมของหยางเฉิงมีสีขาวแซม แต่หยางหลงกลับปราศจากริ้วรอยใด ๆ นกยูงทองจึงชักชวนหยางเฉิง "ท่านพี่อยากไปอยู่ที่ป่าสีทองหรือไม่"
นักสู้ผู้กล้าดึงนกยูงทองเข้ามากอด "วันเวลาของข้าใกล้เข้ามาแล้วใช่ไหม"
นกยูงทองส่ายหน้ากับอกกว้าง "ข้าไม่รู้"
"เจ้าโกหกไม่เก่งเลย"
"ท่านพี่ บุตรของท่านทุกคนล้วนเติบใหญ่ ท่านสามารถปล่อยวางเรื่องราวให้พวกเขาดูแลได้แล้ว"
หยางเฉิงมองดวงตางดงาม "ขอบใจเจ้ามาก แต่เมื่อข้าให้คำมั่นว่าจะดูแลทุกคนตลอดไป ข้าย่อมไม่อาจทอดทิ้งพวกเขาได้"
นกยูงทองเข้าใจดี หยางเฉิงมีภรรยาเจ็ดคน บุตรอีกสิบคน ทั้งต้องดูแลครอบครัวของกลุ่มผู้มีสกุลหยางซึ่งเดินทางกลับมาจากเมืองหลวง และยังต้องรับผิดชอบกิจการสำคัญของตระกูล ความรับผิดชอบของเขายิ่งใหญ่ ที่สำคัญคือเขาไม่ยอมปล่อยวาง บางครายังออกคุมสินค้าไปส่งด้วยตนเอง
ผิดกับหยางหลงที่มีการเตรียมพร้อมทั้งตนเองและบุคคลรอบตัวมาตลอดเวลานับสิบปี ทำให้สามารถเดินทางไปยังป่าสีทองได้อย่างวางใจ
วันเวลาผ่านไป บุตรทั้งหมดแยกเรือนออกไป ภริยาของหยางเฉิงทยอยตายจากไปก่อน เรือนพักหลังใหญ่ช่างเงียบเหงา 
และในปีถัดมาหลังจากที่หยางหลงเดินทางเข้าไปในป่าสีทองแล้วไม่กลับออกมานั้นเอง
หยางเฉิงที่เอนกายอยู่ที่เก้าอี้ในสวน จับมือของนกยูงทองไว้แน่น "ข้าเคยบอกว่ารักเจ้าหรือยัง"
"ไม่เคยบอก แล้วจะมาบอกอะไรตอนนี้ เงียบไปเลย"
"ข้าอยากบอก ว่าข้ารักเจ้า และยินดีมากที่เจ้าอยู่กับข้า เจ้าเชื่อเรื่องชาติหน้าหรือไม่"
"ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน"
"มันอาจมีอยู่จริง หรือเป็นแค่การให้ความหวังแก่คนสิ้นหวัง แต่ข้าสัญญาว่า หากชาติหน้ามีจริง ข้ายังอยากอยู่กับเจ้า"
หยาดน้ำตาไหลพราก "เช่นนั้นก็อย่าได้อยู่นอกเขตเมืองลั่ว เพราะข้าออกไปจากที่นี่ไม่ได้"
"เจ้าจะตามหาข้าหรือ"
"ใช่ เพราะเจ้ามันซื่อบื้อ หลงรักข้ามาตั้งแต่แรกเห็นแต่ก็ยังวางท่าอยู่ได้"
"ข้าซื่อบื้อจริง ๆ"
หยางเฉิงจับมือเล็กเรียวขึ้นมาจูบ แล้ววางไว้แนบหัวใจ
"ข้ารักเจ้านกยูงทอง รบกวนตามหาข้าด้วย"
หยางเฉิงจากไปท่ามกลางหยาดน้ำตาที่หลากไหลดั่งสายน้ำ
เมื่องานศพเสร็จสิ้นลง นกยูงทองจึงกลับมาที่ป่าสีทอง เฝ้าบำเพ็ญฌานอย่างจริงจังอยู่ห้าปี ก็ออกเดินทางไปทั่วเมืองลั่วเพื่อค้นหาคน
"เมืองลั่วมิได้ใหญ่โตอะไร เขาจะเป็นคน หรือมดปลวกข้าต้องหาเขาให้พบให้ได้"

...

เมื่อค่ำลงความมืดเข้ามาปกคลุมป่าสีทองได้ยินเสียงนกกลางคืนจากที่ห่างไกล ความเย็นจากไอฝนแทรกซึมเข้าสู่ลมหายใจ จากนั้นในวันใหม่ เมื่อพระอาทิตย์นำความสว่างเข้ามาขับไล่ความมืดออกไป สรรพสัตว์แห่งป่าสีทองออกหากิน และพักผ่อน
วันเวลาหมุนเวียนไปเช่นนี้
อาณาจักรไท่ชางเปลี่ยนผู้ปกครองแผ่นดิน และเมื่อถึงวันเวลาที่เหมาะสม หยางหลงมอบตำแหน่งเจ้าเมืองลั่วให้กับหยางเหมี่ยนและเดินทางมาถึงป่าสีทองตามลำพัง พร้อมด้วยรถเข็นสุราดอกท้อ
ผู้ที่รออยู่ยิ้มแย้มสดใส ดวงตาสีทองเป็นประกาย กระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีดั่งเด็กน้อย
คุณชายลู่ตัวน้อยผู้มีแขนขาลีบเล็กในวันวาน ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเพียงใดก็ยังคงเป็นคุณชายลู่ผู้นั้นเช่นเดิม
เดินเคียงข้างกันไปในเส้นทางเดิมที่เดินมาด้วยกันตลอดหลายปี
อาจคุ้นเคยกับเส้นทาง แต่ภาพสองข้างทางเปลี่ยนไปเสมอไม่ว่าจะเป็นสัตว์ตัวน้อย หรือพุ่มดอกไม้
ที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือเจ้า...
และหัวใจของพวกเราที่เป็นหนึ่งเดียวเสมอมา
.....

ในเขตป่าโปร่งด้านนอกพื้นที่ป่าสีทอง กลุ่มนายพรานคนหนึ่งย่างเท้าโดยปราศจากเสียงเข้าหาหมีสีน้ำตาลแม่ลูกอ่อน ท่ามกลางความเงียบสงบปรากฏเสียงนกป่าร้องดังก้องจนกลุ่มนายพรานหันมามองหน้ากัน เมื่อหันมาอีกทีจิ้งจอกไฟรูปร่างงามสง่าเข้ามายืนอยู่แทนที่หมีสีน้ำตาลแม่ลูก
ดวงตาสีแดง สีขนดั่งเปลวเพลิงท่ามกลางแสงแดด
พรานคนหนึ่งคิดสู้ด้วยการยิงหน้าไม้ใส่ แต่จิ้งจอกไฟกระโดดสวนลูกดอกเข้ามาหา เหยียบไหล่หนาลงกับพื้นแล้วงับคอ

หลังจากที่ลากศพพรานป่าไปทิ้่งไว้ที่หน้าหมู่บ้าน จิ้งจอกไฟกลับมาล้างตัวที่ลำธาร
ปฏิบัติตัวเลียนแบบผู้ที่อยู่ห่างไกล
สิบปีได้อยู่ด้วยกันหนึ่งคืนแล้วก็ต้องแยกกัน นี่ต้องรออีกกี่วันจึงจะได้พบ
จะหลับตาหรือลืมตา ก็เห็นแต่ท่านแต่เพียงผู้เดียว
มวลอากาศด้านหน้ามีการเคลื่อนไหว เทพเสือโคร่งตัวหนึ่งยืนอยู่แล้วเปลี่ยนร่างเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ คนรูปงามก้าวขึ้นจากน้ำ แต่ขึ้นมาได้เพียงครึ่งตัวอีกฝ่ายก็ยกมือห้าม
"กลิ่นของเจ้ากำลังเรียกจิ้งจอกทั่วทั้งป่าเข้ามาหา" ดวงตาสีดำสนิทกวาดตามองรูปร่างงดงาม "ตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าเป็นแบบนี้หรือไม่"
จิ้งจอกไฟยิ้มกว้าง เทพเสือโคร่งศิลาดำรู้ดีกว่าใคร ว่าอาการเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตนเพียงผู้เดียว "อย่างมากพวกเขาก็ได้แต่วุ่นวายอยู่รอบนอกเท่านั้น หรือหากยังไม่เชื่อใจ ก็เข้ามาสำรวจดูก็ได้"
"เจ้านี่มัน" เทพเสือโคร่งศิลาดำคำรามในลำคอ ตรงเข้ามากอดรัด "สิบปี" มือใหญ่บีบก้นกลมที่อยู่ใต้ลำธาร "ข้าจะทำจนเจ้าไม่สามารถออกไปจากถ้ำตลอดเวลาที่ข้าอยู่ที่นี่"
จิ้งจอกไฟจูบตอบ
...ก็ไม่ได้อยากออกไปไหนนี่นา...
......

นี่ เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ว่าเมื่อวันหลายวันก่อน อาฮุ่ยที่หมู่บ้านนอกเมืองพบกับอดีตท่านเจ้าเมือง และท่านรองแม่ทัพผู้นั้น ที่ป่าสีทอง
จริงหรือ เล่ามาสิ
อาฮุ่ยผู้นี้ถูกโจรปล้นในระหว่างการเดินทางกลับมา เดินทางผ่านป่าสีทองแล้วแวะพักที่ปากทางของป่าเหมือนทุกที แต่ขณะที่เขากำลังคิดกังวลว่าจะทำอย่างไรดี ก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันจากในป่า ก็คิดว่าใครกัน จึงร้องบอกว่าให้ออกมา เพราะว่าเป็นการไม่เหมาะที่จะเข้าไปอยู่ในที่นั้น ปรากฏว่า มีชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งดวงตาสีทอง สวมชุดสีน้ำตาลวิ่งมาหาแล้วส่งถุงเงินให้
อาฮุ่ยตกใจมากเลยใช่ไหม
ที่ฟังมาข้าว่าอาฮุ่ยดีใจมากกว่าตกใจนะที่ได้พบท่านกวางทองน่ะ
เออใช่ บิดามารดามักเล่าเรื่องที่ได้พบท่านกวางทองกับท่านนกยูงทอง จนข้าอยากได้พบสักครา
จะฟังเรื่องอาฮุ่ยต่อหรือไม่
ฟังสิฟัง
ทีนี้ตอนที่กำลังจะรับถุงเงินจากท่านกวางทอง ก็เห็นท่านอดีตเจ้าเมืองเดินตามมา ถัดไปด้านหลังคือท่านรองแม่ทัพผู้นั้น บอกว่า อยากให้เงินช่วยเหลือผู้อื่น แต่กลับไปเอาเงินของแม่เล็กมาให้
พวกเขายังสุขสบายดีใช่ไหม นานเหลือเกินที่ไม่ได้พบกับพวกเขา
คนอ่อนไหวเช็ดน้ำตา สูดจมูกเมื่อฟังเรื่องราว แต่คนที่อยากรู้เรื่องราวก็ซักถามต่อ
ตกลงอาฮุ่ยรับเงินมาไหม
รับมาสิ ท่านกวางทองให้มานี่ แล้วก็เอามาที่โรงแลกเหรียญสกุลหยางนี่แหละ เล่าเรื่องให้ฟัง ท่านหยางจินก็เลยให้เงินเพิ่มมาให้อีก
ดีจริง
ใช่ดีจริงๆ
ดีเหลือเกินที่เราเป็นชาวเมืองลั่ว....

...อวสาน...
เราลงตอนแรกของเรื่องนี้เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2016 และมาจบในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2018 ช่างเป็นการเล่าเรื่องที่ยาวนาน ได้ทดลองการเขียนแบบที่เราไม่เคยเขียน
ขอบคุณที่ให้การสนับสนุน กรุณาติดตามและแสดงความคิดเห็น
ขอบคุณมากครับ
MyTeaMeJive
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2018 19:57:57 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
«ตอบ #1161 เมื่อ09-11-2018 20:40:58 »

นกยูงทองหาเจอใช่ม่ะ  :hao4:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
«ตอบ #1162 เมื่อ09-11-2018 22:01:25 »

สามแฝดน่ารัก
ฉากใครจะกลับไม่กลับหลังการประชุม ก็น่ารัก เหมือนชีวิตปัจจุบันที่ชอบถามกันว่าใครจะกลับกับใครบ้าง  อ่านบทสุดท้ายแล้วอบอุ่น  หวังว่านกยูงคงจะตามหาท่านเฉิงเจอ
ขอบคุณที่แต่งเรื่่องดีๆให้ได้อ่านค่ะ

ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
«ตอบ #1163 เมื่อ10-11-2018 00:10:25 »

จบอย่างอบอุ่น  :-[
กวางทองกับ 3 แฝดน่ารักมาก...ขโมยซีนคนอื่นหมด  :mew4:
คู่นกยูงทองกลายเป็นเรื่องซึ้งที่สุด...ขอให้หากันจนเจอนะ  :กอด1:
ส่วนคู่จิ้งจอกไฟ...ปล่อยเขาไปเถอะ   :katai3:

ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
«ตอบ #1164 เมื่อ10-11-2018 08:32:31 »

อิ่มเอมกับตอนจบมากค่ะ
อ่านจบแล้ว แอบเช็ดน้ำตา

ภาพของพวกเค้า จะอยู่ในใจเราตลอดไป

ขอบคุณ ไจฟ์และทีมากค่ะ
ที่เขียนนิยายดีดีให้อ่าน

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
«ตอบ #1165 เมื่อ10-11-2018 09:24:23 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
«ตอบ #1166 เมื่อ10-11-2018 10:18:01 »

ชีวิตเกี่ยวพันร้อยเรียงซึ่งกันและกัน

มีความรักและความเอื้อาทรต่อกันเป็นสายใยพันผูก

อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจมาก ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
«ตอบ #1167 เมื่อ10-11-2018 10:57:56 »


 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:

เรื่องราวบทสุดท้ายนี้ ทำน้ำตาซึม มันอิ่มในใจกับตอนสุดท้ายนี่จริงๆ ชอบที่ครอบครัวมันขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆ

ความรักของครอบครัว ความรักของคนรัก ความผูกพันของทุกตัวละครในตอนจบมันละมุนเกินกว่าคำว่าอบอุ่น

ขอบคุณมากมายสำหรับเรื่องราวในนิยายเรื่องนี้ค่ะ ยาวมากกับเรื่องนี้และก็ชอบมากๆอีกเช่นกัน  :L1:


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
«ตอบ #1168 เมื่อ10-11-2018 12:57:12 »

ยาวนานจริงๆนะ ใจหายนิดๆเหมือนกับทุกๆอย่างมันได้กลายเป็นตำนานเรื่องเล่าหรือนิทานให้คนรุ่นหลังไปแล้ว มันจางหายไปจนความศักดิ์สิทธิ์ของป่าสีทองจะหายไปไหม

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
«ตอบ #1169 เมื่อ10-11-2018 20:04:20 »

จบแล้วววว ขอบคุณมากเลยค่ะ เป็นนิยายที่อ่านแล้วใช้สมาธิเยอะมาก เพราะตัวละครวางแผนนู่นนี่นั่นเยอะไปหมด ความรู้สึกของแต่ละคนก็คลุมเครือ รู้สึกว่าภาคกวางทองจะอ่านง่ายสุดแล้วก็ไต่ระดับความซับซ้อนขึ้นมาเรื่อย ๆ ยังคงมาตรฐานของ MyteaMejive ไว้เหมือนเดิมเลยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด