ปานตะวัน
บทพิเศษที่ ๓
วิธีเลี้ยงแมวฉบับราเมศ
ปานตะวันเหมือนแมว แมวตัวโตที่มีนิสัยขี้เล่น เจ้าเล่ห์ ซุกซน เป็นแมวเอาแต่ใจตัวที่บางครั้งครึ้มอกครึ้มใจก็เข้ามานัวเนีย พอหายเบื่อก็สะบัดก้นจากไป เป็นแมวแสบที่ราเมศรู้สึกว่าเอาใจยากที่สุดในชีวิต
แต่ราเมศก็ไม่ได้ไม่ชอบใจหรอกนะ ก็ตัวเขาน่ะเป็น “ทาสแมว” นี่นา
ในเมื่อที่บ้านมีแมวรับมือยาก ราเมศก็ต้องหาสารพัดวิธีมาจัดการกับมัน หลังศึกษาและลองผิดลองถูกอยู่นานในที่สุดเขาก็พบวิธีกำราบแมวดื้อลงจนได้
ข้อควรจำสำหรับรับมือปานตะวันข้อที่หนึ่ง : แมวดื้อไม่ชอบให้ใครมากวนตอนนอนเพราะฉะนั้นจงปลุกเขาอย่างอ่อนโยน
“ตะวัน ตื่นได้แล้ว”
ราเมศตื่นเช้าที่สุดในบ้าน ชายหนุ่มจะอาบน้ำก่อนแล้วจึงมาปลุกปานตะวันให้ตื่น ตอนนี้ราเมศที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วกำลังเขย่าตัวปานตะวันเบาๆ
“ตะวัน วันนี้นายต้องไปส่งหนูเจียที่โรงเรียนนะ”
“อือ อีกห้านาทีนะ”
คนถูกปลุกตอบเสียงแหบแล้วก็พลิกตัวหนี ยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปงอีกต่างหาก ราเมศมองภาพนั้นอย่างขันๆ ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียง สะกิดไหล่ปานตะวันหลายๆ ที
“ฮื้อ พี่เมศอย่ากวน”
แมวเหมียวร้องหง่าวอย่างขัดใจ คิ้วเรียวขมวดมุ่นพร้อมกับริมฝีปากเล็กๆ บิดคว่ำลง มือหนึ่งปัดมือราเมศบนไหล่ออก น่าทึ่งชะมัดที่ปานตะวันทำทั้งหมดนั่นโดยไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเลย
“ตะวันง่วงมากเลย ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ”
“เดี๋ยวไปส่งหลานสายนะ”
“ปลุกหนูเจียมาอาบน้ำก่อน”
“หลานอาบเสร็จแล้วกำลังแต่งตัว”
“หนูเจียในร้าย”
ราเมศหัวเราะเสียงทุ้มในลำคอก่อนที่จะขยับตัวไปชิดปานตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มท้าวแขนคร่อมปานตะวันไว้ขณะที่โน้มใบหน้าไปใกล้อีกฝ่าย ลมหายใจอุ่นเป่ารดผิวเนื้อชวนให้จั๊กจี้
“ตะวัน เด็กดี ตื่นเร็วครับ” ริมฝีปากอุ่นแตะไปที่ปลายจมูกของอีกฝ่ายก่อนจะโฉบไปที่ผิวแก้มและเปลือกตา สัมผัสแผ่วเบาราวขนนก
“เดี๋ยวพี่เมศทำข้าวเช้าอร่อยๆ ให้ ตื่นเร็วเจ้าเหมียว” ราเมศจูบที่ติ่งหูของปานตะวันเบาๆ ก่อนจะไล้ปลายจมูกไปที่ซอกคอ ชายหนุ่มกัดเบาๆ ที่ผิวเนื้ออ่อนแต่สำหรับปานตะวันที่กำลังงัวเงีย การกัดนั้นปลุกเขาจากห้วงฝันหวานได้เป็นอย่างดี
“พี่เมศ!” บอกตั้งกี่หนแล้วว่าอย่ากัด!
“อรุณสวัสดิ์”
ปานตะวันที่กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งด้วยสภาพหัวหูฟูมองรอยยิ้มหล่อเหลาของคนตรงหน้าแล้วก็ถอนหายใจ พี่เมศเล่นปลุกเขาแบบนี้ทุกวัน ไม่ตื่นก็ไม่ได้ แต่พอตื่นก็รู้สึก...
ให้ตาย
คลื่นความร้อนแล่นวาบไปที่ผิวแก้มในขณะที่อารมณ์บางอย่างปั่นป่วนอยู่ในอกและในท้อง ปานตะวันเม้มริมฝีปากขณะที่รีบลุกจากเตียงแล้วพุ่งเข้าห้องน้ำ ก่อนไปยังไม่วายหันกลับมาตะโกน
“พี่โดนแน่! ตะวันจะกลับมาจัดการพี่”
ราเมศหัวเราะ บันทึกไว้ในใจว่าเจ้าแมวเหมียวขู่เขาด้วยคำนี้เป็นรอบที่ร้อยยี่สิบเก้าแล้ว
ชายหนุ่มเดินไปที่ห้องครัวแล้วก็พบหนูเจียกำลังจัดเตรียมจานชามและแก้วน้ำ เด็กชายบรรจงรินน้ำส้มกับนมใส่แก้วข้างจานใบโปรดของตัวเอง
“น้าเมศ น้าตะวันตื่นแล้วเหรอคับ”
“อื้ม ตื่นแล้ว เดี๋ยวอีกสักพักก็มา”
“งั้นหนูเจียเทน้ำส้มให้น้าตะวันเลยนะ”
“ครับผม”
หลานชายที่บัดนี้ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้วยิ้มกว้าง วิ่งดุกๆ ไปเทน้ำให้น้าตะวันของตัวเอง ราเมศมองหนูเจียที่พยายามช่วยเหลือตัวเองและรู้หน้าที่ของตนด้วยความดีใจ
“วันนี้กินข้าวผัด ไส้กรอกแล้วก็ไข่ดาวแล้วกันนะครับ”
“คับน้าเมศ”
ราเมศหันไปจัดการกับอาหารเช้าทันที ไม่ช้าข้าวผัดหอมกรุ่น ไข่ดาวที่สุกกำลังดีและไส้กรอกทอดก็พร้อมสรรพอยู่ในจานสามใบ เป็นเวลาเดียวกับที่ปานตะวันเดินตรงมาที่ครัว ราเมศที่สังเกตเห็นรีบเดินออกไปหาจากนั้นก็คว้าคนรักมาจูบ
กลิ่นและรสชาติของยาสีฟันอวลอยู่ในโพรงปากตอนที่ราเมศสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไป ปลายตะวันโอบกอดแผ่นหลังคนรักไว้ขณะตอบสนองกับจูบละมุนตอนเช้า
พอราเมศถอนริมฝีปากออกปานตะวันก็พบว่าตัวเองไม่ง่วงแล้ว แถมยังสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากอีกด้วย
“ตื่นเต็มตาแล้วสิ?”
“อื้อ สดชื่นมากกก”
ปานตะวันหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อจะผละไปที่ครัว ราเมศอมยิ้ม วิธีปลุกแบบนุ่มนวลของเขาได้ผลเสมอนั่นแหละ
ข้อควรจำสำหรับรับมือปานตะวันข้อที่สอง : แมวดื้อชอบอาหารอร่อย และต้องเป็นอาหารอร่อย ฝี-มือ-เขา-เท่า-นั้น
ราเมศมีสมุดอยู่เล่มหนึ่ง เป็นสมุดจดรายการอาหารและวิธีทำ ท้ายสมุดเล่มนั้นแนบกระดาษเอาไว้แผ่นหนึ่ง บนกระดาษเขียนไว้ว่าเมนูโปรดของแมวที่บ้านตามด้วยรายการอาหารยาวเหยียด ด้านหลังมีโน้ตด้วยว่ารสชาติต้องเป็นประมาณไหนถึงจะถูกใจ
ทุกวันหยุดราเมศจะทำอาหารมื้อใหญ่เลี้ยงแมวเล็กและแมวใหญ่
สีหน้ามีความสุขและการกินจนแก้มป่องของคนทั้งคู่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าอยากจะทำอาหารให้สองคนนี้กินไปจนตลอดชีวิตของเขา
การทำอาหารให้ปานตะวันกินทุกวันทำให้ปานตะวันติดรสมือเขามาก เดี๋ยวนี้อีกฝ่ายแทบไม่กินข้าวนอกบ้านเลย พาออกไปกินร้านไหนๆ ก็บอกอยู่ตลอดว่าสู้ฝีมือพี่เมศไม่ได้ คงไม่ต้องเดากันแล้วสินะว่าเขายิ้มจนแก้มแทบแตกแค่ไหน
“พี่เมศ วันนี้มีอะไรกินอ่ะ”
ปานตะวันที่เพิ่งตากผ้าเสร็จเดินเข้ามาในครัว ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดตัวย้วยกับกางเกงบอลยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง เอาคางวางเกยบนไหล่เขาแล้วทำจมูกฟุดฟิด
“แกงจืดเหรอ”
“แกงจืดปลาหมึกยัดไส้”
“อยากกินปลา”
“มีผัดผักแล้วนะ”
“ตะวันอยากกินปลาอ่ะ”
สมเป็นแมว...
ราเมศกลั้นยิ้มตอนที่ปานตะวันเอียงแก้มมาชน เจ้าตัวแสบด้านหลังกอดเอวเขาไว้หลวมๆ ระหว่างที่ถูแก้มเข้ากับไหล่เขาเป็นเชิงออดอ้อน ดวงตากลมๆ ช้อนมองทำเอาราเมศนึกถึงโฆษณาอาหารแมวที่เจ้าเหมียวตัวเล็กๆ พวกนั้นมองอ้อนขออาหารกันเลยทีเดียว
“อยากกินปลาอะไรล่ะ”
“ปลาทอด พี่เมศจะทอดให้กินเหรอ”
“อ้อนขนาดนี้ ไม่ตามใจได้ไหมล่ะ”
“ขอบคุณครับ พี่เมศของตะวันน่ารักที่สุด” ริมฝีปากนุ่มนิ่มแตะลงบนแก้มเขาเร็วๆ หนึ่งที “เดี๋ยวตะวันช่วยจัดโต๊ะนะ”
เจ้าตัวฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีระหว่างที่ยกจานชามช้อนไปวางบนโต๊ะ ยิ่งหนูเจียวิ่งมาแล้วประสานเสียงร้องเพลงหงุงหงิงกับปานตะวันราเมศก็ยิ่งตั้งใจทำอาหารที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น
ทำอาหารอร่อยๆ ให้คนรักกับหลานชายกิน มองทั้งสองคนยิ้มไปกินข้าวไป ได้เห็นคนรักมีความสุขตัวเขาก็มีความสุข
ข้อควรจำสำหรับรับมือปานตะวันข้อที่สาม : แมวของเขาชอบเข้ามาคลอเคลีย ชอบอ้อน ต้องการกำลังใจและความรักมากๆ
“พี่เมศ ขอกอดหน่อย”
วันหนึ่งจู่ๆ ปานตะวันก็พูดแบบนี้กับเขา ราเมศหรี่ตาลงนิดหน่อยระหว่างสำรวจสีหน้าคนรัก ปานตะวันดูเหนื่อยล้าแล้วก็เครียดนิดหน่อย แววกังวลปรากฏในดวงตาคู่นั้น
“ตะวันเป็นอะไรหรือเปล่า” ราเมศรีบวางงานในมือลงแล้วก้าวมาชิดคนรัก ปานตะวันส่ายหน้า เจ้าตัวแค่พึมพำว่า “เหนื่อยนิดหน่อย”
“ไม่สบายหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
แมวแสบกางแขนออกเป็นสัญญาณ ราเมศจึงอ้าแขนออกบ้าง เท่านั้นเองปานตะวันก็ทิ้งตัวลงในอ้อมกอดเขา ใบหน้าซุกอยู่ที่อก
“เหนื่อยจัง”
“หืม”
“วันนี้หนัก”
ฝ่ามือใหญ่ลูบเบาๆ ที่ผมและแผ่นหลังของคนรัก ปานตะวันถอนหายใจออกมาแรงๆ สีหน้ากลัดกลุ้มเผยออกมาแวบหนึ่ง
“อยากเล่าให้ฟังไหม”
ปานตะวันพยักหน้า “แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะพี่ ตะวันยังไม่พร้อมเล่าตอนนี้”
“โอเค ไม่เป็นไร”
แม้อยากรู้ใจจะขาดแต่ราเมศไม่อยากบีบคนรักมากเกินไป ตะวันพูดแล้วว่าจะเล่าให้เขาฟังดังนั้นหน้าที่ของเขามีเพียงแค่รอให้ตะวันพร้อมแล้วก็พูดออกมาเท่านั้น ตอนนี้ถ้าดันทุรังถามเซ้าซี้มีแต่จะเพิ่มความเครียดให้อีกฝ่ายซึ่งนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ราเมศจะทำ
“ไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนเถอะ” เขาดันหลังปานตะวันให้ออกเดิน “อาบน้ำให้หัวเย็นแล้วเดี๋ยวค่อยมานั่งคุยกัน”
ปานตะวันขลุกอยู่ในห้องครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกมาด้วยสภาพตาบวมนิดหน่อย ราเมศแสร้งทำเป็นไม่เห็นและไม่รู้อะไร บางครั้งคนเราก็ไม่ได้อยากแสดงความอ่อนแอมาให้ใครเห็น ครั้งนี้เจ้าแมวของเขาไม่ต้องการให้เขารู้ว่าตัวเองเศร้ามากจนต้องร้องไห้ออกมาถึงได้หลบไปร้องไห้ในห้องน้ำ
พอปานตะวันแต่งตัวเสร็จพวกเขาก็มานั่งกันอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น หันหน้าเข้าหากัน ปานตะวันกัดริมฝีปาก บีบไม้บีบมืออย่างเคร่งเครียดจากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอมาในวันนี้
ราเมศเป็นผู้ฟังที่ดี ระหว่างที่คนรักเล่าเขาจับมืออีกฝ่ายไว้ตลอด ลากไล้ปลายนิ้วไปมาบนฝ่ามือ เกาะเกี่ยวและกุมมือกันไว้จนกระทั่งปานตะวันเล่าจบ
“เป็นวันที่หนักจริงๆ ด้วย ดีที่ปัญหาแก้ได้ทัน”
“อือ แต่ก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดี”
“พี่รู้” ราเมศกอดเด็กน้อยของเขาเอาไว้ จูบไปที่ขมับ “พี่รู้ว่านายทำสุดความสามารถแล้วกับเรื่องนี้ และความผิดพลาดนั่นไม่ใช่ความผิดนาย”
ตะวันไม่ตอบอะไร ราเมศจึงดันอีกฝ่ายออกแล้วประคองใบหน้าของคนรักไว้ มองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย แสดงความจริงใจและความเข้าใจให้ตะวันเห็น
“พี่รักนายนะ”
“ผมรู้” ตะวันเคลียปลายจมูกเข้ากับจมูกของเขา “ผมก็รักพี่เหมือนกัน ขอบคุณนะครับ”
พวกเขาสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่ริมฝีปากจะทาบทับกันสนิท จูบครั้งนี้ไม่มีเรื่องของความใคร่ใดๆ มาเกี่ยวข้อง แต่มันเป็นจูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน การปลอบประโลมและการให้กำลังใจ ราเมศนอนหงายอยู่บนโซฟา มีปานตะวันทับอยู่ด้านบน ริมฝีปากยังคลอเคลียกันไม่ห่างในขณะที่ฝ่ามือของราเมศลูบไล้ไปตามเส้นผมและแผ่นหลัง
“พรุ่งนี้จะดีขึ้นกว่าเดิม” ราเมศกระซิบ “มันจะผ่านไป”
ปานตะวันมองตาเขาจากนั้นก็ยิ้ม รอยยิ้มอบอุ่นและแฝงแววขอบคุณ
ราเมศใจเต้นกับรอยยิ้มนั้น รู้สึกยินดีที่เขาทำให้ปานตะวันยิ้มได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว
นี่แหละ กฎง่ายๆ สามข้อที่ทำให้การอยู่กับปานตะวันไม่มีอะไรยุ่งยากเลย ใครๆ อาจมองว่าปานตะวันดื้อ เอาใจยากหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับราเมศผู้จับจุดอีกฝ่ายได้แม่นยำแล้วการใช้ชีวิตร่วมกับอีกฝ่ายไม่เกิดปัญหาที่ตรงไหน เรียกได้ว่าจัดการได้อยู่หมัดเลยทีเดียว
“พี่เมศ ถามจริงเหอะ เอามันอยู่ได้ยังไง” ชนกันต์เคยแอบมากระซิบถามเขา “ไอ้ตะวันเลี้ยงยากออก”
คนถามรู้ฤทธิ์เพื่อนตัวเองดี พักนี้เห็นมันกลายจากแมวแสบเป็นแมวเชื่องแล้วก็นึกถึงปนนับถือราเมศ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีใครที่คุมปานตะวันอยู่ได้โดยไม่ใช้ไม้แข็งอยู่จริงๆ!
พอได้ยินคำถามของกันต์ราเมสก็หัวเราะในลำคอก่อนตอบว่า
“แมวน่ะนะ ถ้านายตามใจมันถูกทางถูกวิธียังไงก็เชื่อง ของแบบนี้มันต้องมีทริค”
“หืม บอกได้ไหมพี่”
“ไม่ได้หรอก เป็นทริคลับ” ขืนบอกไปก็จะไม่ได้มีแต่เขาแล้วสิที่ปานตะวันเข้ามาอ้อนได้ ราเมศเหลือบมองเพื่อนแฟนแล้วก็ยกยิ้ม
“นายรู้แค่ว่าแมวที่ชื่อปานตะวันไม่ได้เลี้ยงยากอะไรมากมายก็พอ”
****************************************************
เอาตอนพิเศษตอนใหม่มาลงให้แล้วค่ะ
ตอนนี้สั้นๆ หวานๆ อยากเขียนอะไรเบาๆ บ้าง พักนี้รู้สึกเหมือนใจและร่างจะพัง 5555
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ (เทน้ำตาลให้คนอ่าน)