ปานตะวัน ▪☀▫ บทพิเศษที่ ๔ Christmas Gifts (๒๕/๑๒/๖๐) [จบ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปานตะวัน ▪☀▫ บทพิเศษที่ ๔ Christmas Gifts (๒๕/๑๒/๖๐) [จบ]  (อ่าน 135269 ครั้ง)

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
จะมีตอนพิเศษไหมคะ?
ชอบหนูเจียมากๆๆๆๆ
ฉลาด ออดอ้อน ฉอเลาะ
ตอนท้ายเรื่องนี่น้ำตาแตกเลย
อยากรู้เรื่องของเกล้ากับหนูเจียต่อ
คู่นี้จะทำเป็นตอนพิเศษหรือเรื่องใหม่คะ
แต่ไม่ว่ายังไงก็จะรอเรื่องต่อไปนะ

ออฟไลน์ เจ้าหญิงในเงามืด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
เป็นนิยายฟีลกู๊ดที่ดีเรื่องหนึ่งเลยค่ะ คนเราไม่ได้มีแค่ด้านดีด้านเดียวหีอด้านร้ายด้านเดียว สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ snowrabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +219/-6
ปานตะวัน
บทพิเศษที่ ๑
คนที่พอดี


       วันนี้เป็นวันหยุดของปานตะวันกับราเมศ เดิมทีคุณน้าทั้งสองตั้งใจว่าจะพาหลานชายไปดูแอนิเมชั่นที่เพิ่งเข้าโรงภาพยนตร์มา แต่ปรากฏว่าที่โรงเรียนของหนูเจียมีทัศนศึกษาในวันนี้ แผนการเดิมจึงถูกล้มเลิก
   
        หลังไปส่งหลานชายขึ้นรถที่โรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ปานตะวันกับราเมศก็กลับมาทำความสะอาดบ้าน จากนั้นก็นั่งๆ นอนๆ ไม่มีอะไรทำกันอยู่สองคน ปานตะวันที่อุตส่าห์ลงทุนเช็ครอบหนังเตรียมไว้แล้วเบื่อแสนจะเบื่อ แอบผิดหวังนิดๆ เพราะการ์ตูนเรื่องนั้นเขาก็อยากดู ตอนที่ออกปากชวนก็ดันลืมไปว่าหลานชายเอาใบแจ้งเรื่องทัศนศึกษามาให้ก่อนหน้าแล้ว
   
        เฮ้อ จะแอบหนูเจียไปดูก่อนก็ไม่ได้ด้วย เดี๋ยวเจ้าตัวกลับมาแล้วรู้เข้าจะงอนเอา
   
        แต่อยู่บ้านแบบนี้เขาก็แอบเบื่อเหมือนกันนะ
   
        พักหลังมานี้ปานตะวันไม่ได้ออกไปนอกบ้านในวันหยุดมากเท่าแต่ก่อนแล้ว แต่นานๆ ทีก็อยากไปเที่ยวบ้าง นอนจับเจ่าอยู่กับบ้านนานๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะกลายเป็นแมวเฉา
   
        “เป็นอะไรไปหืม”
   
        ราเมศที่เห็นปานตะวันนอนกอดหมอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนโซฟาเอ่ยถามคนรักขำๆ
   
        “พี่เมศ ตะวันเบื่อ”
   
        เจ้าแมวเหมียวพูดขึ้นขณะกระเถิบตัวเอาหัวมาวางแหมะลงบนตักราเมศที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ปานตะวันเงยหน้ามองคนรักตาแป๋วพลางพูดย้ำอีกครั้ง “ตะวันเบื่อ”
   
        “แล้วจะให้พี่ทำยังไงหืม”
   
        ราเมศยิ้มขำ บีบจมูกคนรักเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
   
        “เบื่อก็นอนไป”
   
        “นอนก็เบื่ออีก”
   
        “ดูทีวี อ่านหนังสือ ฟังเพลง”
   
        “ไม่เอา เบื่อ”
   
        “แล้วมาอ้อนพี่แบบนี้หายเบื่อหรือไง”
   
        “พี่เมศ ตะวันอยากออกไปเที่ยว”
   
         ราเมศมองคนรักที่ส่งสายตาปิ๊งๆ เหมือนลูกแมวมาให้แล้วก็ยิ้มเอ็นดู มือใหญ่ลูบศีรษะอีกฝ่ายไปพลางระหว่างถาม “ก็ไปสิ ไปกับใครล่ะ กันต์?”
   
       “ไอ้กันต์ไปได้ที่ไหน วันนี้มันนั่งปั่นโปรเจคต์ส่งอาจารย์อยู่หอนู่น”
   
        ปานตะวันยันตัวลุกขึ้นก่อนหันมาพูดกับราเมศด้วยสีหน้าจริงจัง
   
        “เพราะงั้นพี่เมศนั่นแหละที่ต้องออกไปเที่ยวกับตะวัน”
   
        ราเมศถอนหายใจออกมาเบาๆ เจ้าเด็กคนนี้นี่นะ...
   
        “จะชวนไปเดตก็บอกสิ อ้อมโลกทำไมกัน” ปานตะวันแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ คว้าหมอนอิงปาอัดหน้าราเมศทันที “เดตอะไรกัน! ให้มันน้อยๆ หน่อยนะไอ้พี่เมศ” โวยวายเสียดังลั่นแต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าว ปานตะวันหยิบเอาหมอนอีกใบมาปิดหน้าตัวเองไว้ทันที ราเมศหัวเราะในลำคอขณะดึงหมอนใบนั้นออกแล้วโน้มตัวมาจูบปากคนรักเร็วๆ หนึ่งที
   
         “ถ้าจะออกไปเที่ยวก็ให้ไว ให้เวลาเตรียมตัวสิบนาที”
   
         ราวครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่หน้าโรงหนังตามความตั้งใจเดิมจนได้ ปานตะวันเก็บแอนิเมชั่นเรื่องนั้นไว้ดูพร้อมหลานชายวันหลังดังนั้นหนนี้เขาจึงมาเลือกเรื่องอื่น หลังจากวนดูตัวอย่างหนังที่เขาเห็นว่าน่าสนใจไปจนหมดปานตะวันก็ตัดสินใจเลือกดูหนังสยองขวัญที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้
   
        พอเห็นชื่อเรื่องราเมศก็หันมามองเขา “ไม่กลัวผีเหรอ”
   
        “ไม่กลัว”
   
        “หนก่อนตอนดูหนังผีนายยังเอาหมอนมาบังหน้าอยู่เลย”
   
         ปานตะวันยักไหล่ ท่าทางกวนปลายประสาทของราเมศเอามากๆ “นั่นเพราะผีมันโผล่มาตอนตะวันไม่ทันตั้งตัวต่างหาก”
   
         “ผีเรื่องนี้ก็โผล่มาตอนนายไม่ทันตั้งตัวเหมือนกันนั่นแหละ” เอาจริงๆ นะ ผีที่ไหนเขาจะส่งสัญญาณเตือนก่อนหลอกกัน เตือนออกไปแล้วแต่เด็กดื้อก็ยังยืนกรานจะเข้าไปดูให้ได้ ราเมศจึงตามใจ อยากรู้ว่าปานตะวันจะทำกล้าไปได้ถึงขนาดไหน
   
         หนังสยองขวัญเรื่องนี้กระแสค่อนข้างดีมาก ทำให้แม้จะเข้าโรงมาหลายวันแล้วแต่คนก็ยังมาดูเยอะอยู่ ปานตะวันกับราเมศเลือกที่นั่งตรงกลาง ด้านซ้ายมือของปานตะวันเป็นคู่รักอีกคู่ ส่วนด้านขวามือคือราเมศ ถัดจากราเมศไปเป็นผู้หญิงอายุราวๆ ยี่สิบปีคนหนึ่ง ปานตะวันเห็นเธอเดินเข้ามาในโรงคนเดียว ตอนแรกเขาคิดว่าเธอมากับกลุ่มเพื่อนแต่ล่วงหน้ามาก่อน ปรากฏว่าถัดจากเธอไปเป็นเด็กวัยมัธยมต้นกลุ่มใหญ่ ผู้หญิงคนนั้นมาดูหนังคนเดียวจริงๆ
   
        กล้าแฮะ ไม่ใช่เรื่องฉายเดี่ยวมาโรงหนัง อันนี้ปานตะวันก็ทำอยู่บ่อยๆ แต่เป็นเรื่องเข้ามาดูหนังผีคนเดียวนี่แหละ ขนาดตัวเขาเองยังไม่ใจกล้าขนาดนี้
   
        อาจจะเป็นเพราะมองนานเกินไปหญิงสาวคนนั้นถึงสังเกตเห็น เธอหันมามองปานตะวันแวบหนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ ให้ ชายหนุ่มผมน้ำตาลสะดุ้ง รีบยิ้มตอบแล้วก็ก้มหัวเป็นเชิงขอโทษ การกระทำของเขาไม่ได้หลุดรอดสายตาของราเมศไปเลยแม้แต่นาทีเดียว
   
        หลังจากผู้หญิงคนนั้นหันไปสนใจที่จอภาพยนตร์ราเมศก็เอนตัวมากระซิบริมหูเบาๆ
   
        “กล้ามากนะ จีบสาวข้ามหัวกันแบบนี้”
   
        “คิดมาก” ปานตะวันย้อน หยิบป๊อปคอร์นป้อนให้ถึงปาก ราเมศงับเอาป๊อปคอร์นเข้าไปจากนั้นก็แกล้งเฉียดริมฝีปากของตนกับปลายนิ้วของปานตะวัน
   
        “ก็ไม่ชอบนี่”
   
        “ขอโทษครับ แต่ตะวันไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นนะ แค่สงสัยเฉยๆ ว่าทำไมมาคนเดียว”
   
        “อื้ม แต่คราวหลังอย่างไปจ้องอะไรเขาขนาดนั้นนะ”
   
        “ครับผม ทราบแล้วครับ”
   
        หลังรออยู่นานหนังก็เริ่มฉาย ปานตะวันนั่งตัวเกร็งตั้งแต่เริ่มเรื่อง ฉากไหนเสียงดังก็สะดุ้ง ฉากไหนผีโผล่มาก็สะดุ้ง ราเมศไม่กลัวผีแต่หนังเรื่องนี้ยังทำให้เขาตกใจได้ นับประสาอะไรกับคนกลัวแบบปานตะวัน ชายหนุ่มผิวแทนเหลือบมองคนข้างกายแล้วก็อมยิ้มเมื่อเห็นปานตะวันกำลังเอามือปิดตาแต่กางนิ้วแบบห่างๆ
   
        อยากดูก็อยากดูแต่กลัวก็กลัวสินะ
   
       ปัง!
   
       เฮือก
   
         คราวนี้ประตูในหนังปิดลงดังปัง พื้นฐานของหนังผีเลยมั้งเนี่ยแต่ปานตะวันก็ยังตกใจ เขาตัวกระตุก เผลอชักขากลับขึ้นมาบนเก้าอี้ทันที
   
        ราเมศยิ้ม กำลังคิดจะแซวคนรักแต่แล้วเขากลับต้องนิ่วหน้าเมื่อรับรู้ถึงความเจ็บที่แขนขวา พอหันกลับไปมองก็พบว่าหญิงสาวคนนั้นตกใจฉากเมื่อครู่มากเสียจนเผลอยกมือมาจับแขนเขาไว้ แถมเล็บที่ไว้จนยาวก็จิกลงมาที่แขนเขาอีก เจ้าหล่อนพอหายตกใจก็เริ่มรู้สึกตัว หันกลับมามองราเมศด้วยสายตาตื่นตระหนก เธอรีบชักมือออกพร้อมกับขอโทษขอโพยไม่หยุด
   
        “ไม่เป็นไรหรอกครับ” ราเมศพูดยิ้มๆ อีกฝ่ายไม่ได้จิกลงมาแรงเท่าไหร่ ตอนนี้เป็นรอยเล็บเล็กน้อยแต่เดี๋ยวเดียวก็หาย “ไม่ต้องกังวลหรอกครับ”
   
         “ขอโทษจริงๆ นะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
   
        “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร”
   
        ราเมศพูดจบก็หันกลับไปดูหนังต่อ ปานตะวันกำลังมองมาที่แขนเขาอย่างเป็นห่วงชายหนุ่มเลยลูบหัวคนรักเป็นเชิงบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
   
        จนเมื่อภาพยนตร์จบและไฟในโรงค่อยๆ สว่างขึ้น สิ่งแรกที่ปานตะวันทำคือคว้าแขนราเมศขึ้นมาดู
   
        “โชคดีที่ไม่เป็นรอย”
   
        “อื้ม”
   
        “เจ็บมากไหม”
   
        “ไม่มากหรอก เธอคงตกใจน่ะเลยเผลอจิกเล็บลงมาแต่ไม่เต็มแรง”
   
         คนฟังขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางไม่ชอบใจ ราเมศใช้ปลายนิ้วลูบให้หัวคิ้วคนรักคลายออกจากกัน “อย่าคิดมากเลยนะ นี่บ่ายสองแล้ว หิวหรือยัง ไปหาอะไรกินกันไหม”
   
        “อื้ม เอาสิ”
   
       ทั้งคู่ลุกออกจากที่นั่ง ตอนนั้นเองที่พวกเขาเห็นว่าผู้หญิงที่เผลอจับแขนราเมศกำลังยืนรีๆ รอๆ อยู่ไม่ไกล พอเธอเห็นพวกเขาลุกออกมาแล้วก็ปรี่เข้ามาหาทันทีพร้อมกับขอโทษขอโพยไม่หยุดอีกครั้ง ราเมศกับปานตะวันจึงบอกว่าไม่เป็นไรกลับไปพร้อมปลอบเธอให้หายกังวลด้วย
   
       พอออกมายืนในที่สว่างแบบนี้แล้วปานตะวันก็เห็นว่าเธอคนนั้นดูน่ารักไม่น้อย เป็นหญิงสาวที่ดูสดใสสมวัย
   
        หลังแยกกันตรงทางเข้าปานตะวันก็เปรยขึ้นมาว่า “คนเมื่อกี้ดูน่ารักดีนะ”
   
        “ก็น่ารักดีจริงๆ”
   
        เรียกได้ว่าเป็นสเป็คมาตรฐานของผู้ชายทั่วไปเลย
   
        “สเป็คพี่เมศเป็นแบบนั้นหรือเปล่า?”
   
        ราเมศเหลือบมองคนข้างตัว ปานตะวันถามเรื่องนั้นขึ้นมาด้วยท่าทางปกติ ไม่ได้มีท่าทีจะแขวะ หึงหวงหรืออะไร อีกฝ่ายพูดมันออกมาเหมือนเป็นหัวข้อสนทนาทั่วๆ ไป
   
        นี่เป็นหนึ่งในข้อดีของปานตะวัน
   
        คนรักของเขาไม่เคยมีเรื่องตามหึงตามหวงให้ยุ่งยากใจ ปานตะวันแยกได้ว่าอะไรคือเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน เรื่องล้อเล่น บางทีเจ้าตัวถึงกับเรียกให้เขาดูผู้หญิงน่ารักๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วยซ้ำ...นั่นจัดเป็นเรื่องล้อเล่น และราเมศก็รู้ดีว่าปานตะวันไม่ได้จะยั่วให้หึงหรืออะไรหรอก แค่แหย่กันเล็กน้อยตามประสาปานตะวันเท่านั้นแหละ
   
         กับปานตะวันราเมศรู้สึกว่าเขาพูดกับอีกฝ่ายได้ทุกเรื่อง คุยแบบคนรัก แบบผู้ชายแมนๆ คุยกัน คุยแบบเพื่อน แบบพี่ เพราะแบบนี้เขาถึงสบายใจเสมอที่ได้อยู่กับอีกฝ่าย
   
        “สเป็คเหรอ...อืม...ก็น่ารักดีนะ แต่ดูเด็กไปนิด”
   
        “ไม่ชอบคนเด็กกว่า?”
   
        “ไม่เชิง มันแล้วแต่นิสัยด้วยล่ะ เคยคบรุ่นน้องอยู่เหมือนกันนะตอนเรียน หลายคนเลยที่จะออกแนวให้ตามใจ ขี้งอนบ้าง ขี้หวงบ้างอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็ไปกันไม่รอด”
   
        “ก็เด็กนี่นา”
   
        ราเมศพยักหน้ารับ “แล้วนายล่ะ คนแบบเมื่อกี้นี่สเป็คหรือเปล่า”
   
        ปานตะวันหันมามอง ดวงตาซุกซนเป็นประกาย เจ้าตัวยิ้มทะเล้นพร้อมตอบลากเสียงยาวว่า “สเป็คมากกก” ว่าแล้วก็หัวเราะ “ซะที่ไหน ถ้ามองในมุมผู้ชายปกติก็น่ารักดี แต่ถามว่าสเป็คตะวันไหมก็ไม่ใช่ ลืมไปแล้วเหรอว่าตะวันชอบผู้ชายมาตั้งแต่แรกน่ะ”
   
         “ถ้างั้นสเป็คผู้ชายที่ชอบเป็นแบบไหน”
   
        ปานตะวันลูบคาง ทำท่าครุ่นคิด “ไม่รู้สิ ไม่ตายตัว เจอคนที่ชอบก็คือชอบ ถ้าตอนนี้ก็ต้องตอบว่าแบบพี่เมศ”
   
        มองคนยิ้มเผล่แล้วราเมศก็ได้แต่อ่อนใจ เห็นไหม ลูกแมวของเขามันก็เป็นซะแบบนี้ จะไปโกรธอะไรลง
   
        พวกเขาหยุดบทสนทนาเรื่องสเป็คของแต่ละครไว้เท่านั้นแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องหาร้านทานอาหารแทน หลังเดินวนอยู่สามสี่รอบปานตะวันก็ลากราเมศเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น ระหว่างที่กำลังรออาหารจากพนักงานปานตะวันก็กวาตามองสำรวจไปทั่วร้านจนเจอกับหญิงสาวในชุดสีม่วงคนหนึ่ง ใบหน้ารูปไข่แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางเนียนสวย ท่าทางมั่นอกมั่นใจในตัวเอง
   
        “พี่เมศ แล้วคนนั้นล่ะสวยไหม ท่าทางอายุพอๆ กับพี่เลย”
   
        ราเมศหันไปมองตามสายตาคนรักแล้วสายหน้าทันที
   
         “แบบนี้พี่รับมือไม่ไหว สายหญิงแกร่งมั่นใจในตัวเองแบบนี้ไม่ใช่ทางเท่าไหร่”
   
        อืม ดูจากการที่เจ้าหล่อนคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดแล้ว นึกภาพมาอยู่กับราเมศผู้จริงจัง...ไม่เข้ากันจริงๆ
   
        “โอ๊ะๆ พี่ คนนั้นน่ารัก”
   
         หญิงสาวที่ปานตะวันพูดถึงกำลังนั่งทานอาหารอยู่กับกลุ่มเพื่อน ราเมศหันไปมองแวบหนึ่งแล้วก็ส่ายหน้าอีก “ไว้เล็บยาวมาก แถมท่าทางก็ดูคุณหนูนิดหน่อย คงช่วยพี่ทำกับข้าวกับทำงานบ้านไม่ได้หรอก” อาหารมาเสิร์ฟแล้ว ราเมศส่งจานให้ปานตะวันพร้อมกับพูดว่า
   
         “เลิกส่องคนนู้นคนนี้เสียที กินเข้าไปเลย”
   
        “เอ้า ดุเราอีก ตะวันแค่อยากรู้ว่าสเป็คพี่เมศเป็นแบบไหนเท่านั้นเอง”
   
        ราเมศเท้าคางมองหน้าปานตะวันยิ้มๆ จากนั้นก็เอื้อมมือมาบิดแก้มคนรักหนึ่งทีพร้อมตอบว่า “แบบคนที่โดนพี่หยิกแก้มอยู่นี่แหละ ยังจะมาถามอีกว่าชอบแบบไหน ตอนนี้คบใครก็ชอบคนนั้นแหละ”
   
        ปานตะวันเม้มริมฝีปากจากนั้นก็ก้มหน้างุด รีบจ้วงอาหารเข้าปากแก้เขินทันที
   
       เสร็จจากทานอาหารทั้งคู่ก็เดินซื้อของกันอีกเล็กน้อย คราวนี้ปานตะวันไม่ชี้ชวนให้ราเมศมองคนนู้นคนนี้แล้ว เจ้าตัวฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีระหว่างเลือกผลไม้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแบบงุนงงเมื่อราเมศสะกิดให้หันไปมองชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง
   
       “แล้วแบบนั้นล่ะ สเป็คตะวันหรือเปล่า”
   
       คนถูกถามเลิกคิ้ว นี่คือราเมศเอาคืนเขาอยู่ใช่ไหม
   
        ปานตะวันหันไปมองอีกฝ่าย ผิวขาว สูง หน้าออกจีนๆ หน่อย จะว่าหล่อก็หล่อจะว่าธรรมดาก็ธรรมดา ระหว่างที่พิจารณาก็เลื่อนสายตามามองฝ่ายนั้นที่กำลังเลือกผักอยู่ พอเห็นผักที่ผู้ชายคนนั้นหยิบลงถุงปานตะวันก็ได้คำตอบทันที
   
       “ไม่ใช่สเป็ค”
   
       “ทำไม”
   
       “เขาเลือกผักไม่เป็น น่าจะทำอาหารไม่ได้หรือทำไม่เก่ง ตะวันชอบพี่เมศที่ทำกับข้าวได้มากกว่า” ว่าพลางส่งผลไม้ในมือให้ราเมศรับไปดู “แบบนี้ใช้ได้ไหมพี่เมศ”
   
       เมื่อก่อนตะวันก็เลือกผักเลือกผลไม้ไม่เป็น แต่ได้ราเมศนี่แหละมาช่วยสอน พี่เมศของเขาน่ะทำกับข้าวก็ได้ งานบ้านก็ได้ งานช่างก็เก่ง หาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
   
       “ใช้ได้”
   
       “งั้นเอาไปจ่ายตังค์นะ”
   
       “อืม เอ้านี้” ว่าพลางหยิบเงินจากในกระเป๋าส่งให้แต่ปานตะวันเดินหายไปเสียแล้ว
   
        เมื่อได้ของที่ต้องการครบคนทั้งคู่ก็ขับรถเอาของไปเก็บในบ้าน จากนั้นก็ออกไปรับหนูเจียที่โรงเรียน ภาพหลานชายตัวน้อยสะพายกระเป็นสีฟ้า หิ้วกระติกน้ำลายคุณเป็ดเหลืองวิ่งดุ๊กๆ ลงมาจากรถแล้วก็โผเข้าหาราเมศทำให้ปานตะวันถึงกับหลุดยิ้ม น่ารักมากจนต้องหยิบโทรศัพท์มาถ่ายเก็บเอาไว้
   
        ราเมศทั้งหอมทั้งกอดหนูเจีย ถามไถ่ถึงเรื่องราววันนี้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
   
       นี่ไงล่ะ สาเหตุหลักอีกอย่างที่ทำให้คนคนนี้เป็นคนที่ใครแทนที่ไม่ได้ เพราะปานตะวันรู้ดีว่าไม่มีใครที่ไหนจะรักเจียหลินได้มากกว่าราเมศอีกแล้ว
   
       หนูเจียตัวน้อยที่เพิ่งเคยไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์เป็นครั้งแรกเล่าประสบการณ์วันนี้ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
   
       “แล้วก็นะน้าเมศ น้าตะวัน คุณยีราฟคอย้าวยาว มีมี่ร้องไห้เลยเพราะกลัวลิ้นคุณยีราฟ แต่หนูเจียไม่กลัว หนูเจียเอาอาหารให้คุณยีราฟกินด้วย” มีมี่ที่หนูเจียพูดถึงคือเพื่อนอีกคนของหนูเจีย นิสัยขี้กลัวนิดหน่อย “คุณยีราฟน่ารักมากเลยคับ”
   
       “แล้วนอกจากคุณยีราฟหนูเจียชอบตัวอะไรอีกไหมครับ”
   
        “หนูเจียชอบคุณเพนกวิ้น!” วันนี้ที่โรงเรียนพาไปดูโชว์คุณเพนกวิ้นด้วย เจ้าตัวปุกปุยที่ไถลตัวไปตามน้ำแข็งแล้วก็เดินโยกเยกไปมาทำให้หนูเจียชอบใจมาก
   
       “น้าตะวัน โตขึ้นหนูเจียอยากเป็นคนเลี้ยงนกเพนกวิ้นคับ!”
   
       “อ้าว หนูเจียไม่อยากเป็นคนเลี้ยงแพนด้าแล้วเหรอ”
   
       มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เจียหลินติดสารคดีแพนด้ามากๆ เจ้าตัวถึงกับบอกว่าโตขึ้นอยากเป็นคนดูแลแพนด้า
   
        พอถูกปานตะวันทักเจียหลินก็ทำหน้าครุ่นคิด แพนด้าก็ยังชอบอยู่แต่ตอนนี้ก็ชอบคุณเพนกวิ้นด้วยเหมือนกันนี่นา... “งั้นหนูเจียจะไปทำงานในสวนสัตว์ที่มีทั้งคุณแพนด้าแล้วก็คุณเพนกวิ้นคับ!”
   
        พอเห็นคุณน้าหัวเราะกันออกเจียหลินก็พองแก้ม “ทำไมล่ะน้าตะวัน น้าเมศ ไม่ได้เหรอคับๆ”
   
        “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ หนูเจียของน้าเก่งออกขนาดนี้ งั้นต้องตั้งใจเรียนนะครับ จะได้เป็นคนดูแลคุณเพนกวิ้นกับคุณแพนด้าได้”
   
        “อื้ม หนูเจียจะเรียนให้เก่งๆ เลยน้า”
   
        เจ้าตัวเล็กเบียดแก้มข้ากับน้าตะวัน นึกภาพไปถึงวันที่ตัวเองโตแล้วและอยู่ท่ามกลางสัตว์โลกขนฟูพวกนั้นอย่างมีความสุข
   
        มื้อค่ำวันนั้นผ่านไปท่ามกลางเสียงเจื้อยแจ้วถึงคุณเพนกวิ้นของหนูเจีย พอทานข้าวเสร็จปานตะวันก็อุ้มหลานชายไปอาบน้ำ ด้วยความเพลียจากการเดินและเล่นมาทั้งวันหนูเจียก็หลับไปอย่างรวดเร็ว พอคุณหลานเข้านอนเรียบร้อยปานตะวันกับราเมศก็ออกมานั่งอยู่ที่โซฟา เตรียมตัวดูถ่ายทอดสดการแข่งขันวอลเล่บอลของวันนี้
   
        “พี่เมศ ตะวันอยากกิน...” ยังไม่ทันพูดว่าอยากกินอะไรจานใส่เฟรนช์ฟรายก็เลื่อนมาตรงหน้าพร้อมโค้กใส่น้ำแข็งสองแก้ว ราเมศยักคิ้วให้เป็นเชิงรู้ทัน ปานตะวันเลยหันไปจุ๊บแก้มอีกฝ่ายเร็วๆ หนึ่งทีเป็นการให้รางวัล มือก็หยิบของกินเข้าปาก
   
        “รู้ใจกว่าพี่เมศนี่ไม่มีอีกแล้ว”
   
        “ขยันอ้อนเท่านายก็ไม่มีเหมือนกัน”
   
        “อืม ทำกับข้าวเก่งกว่าพี่ก็ไม่มีแล้วด้วย”
   
         พูดๆ ไปแล้วก็นึกถึงเมื่อกลางวันที่พากันมองคนนู้นคนนี้แล้วถามว่าเป็นสเป็คอีกคนใช่หรือเปล่า มาคิดๆ ดูแล้วสิ่งที่ถามถึงน่าจะหมายเรื่องรูปร่างหน้าตาภายนอกมากกว่า เพราะปานตะวันกับราเมศรู้ดีว่าถ้าเป็นเรื่องนิสัยใจคอไม่มีใครลงล็อกกับตนเท่าคนข้างๆ นี่อีกแล้ว
   
         พวกเขาอยู่ด้วยกันได้อย่างสบายใจ คุยกันได้ทุกเรื่อง รู้ใจกับไปแทบจะทุกอย่าง แถมกิจกรรมหลายอย่างก็มีความชอบที่คล้ายกันอีก
   
        ปานตะวันขี้อ้อนราเมศก็ยอมให้อ้อน
   
       ปานตะวันนั่งเชียร์บอลจนดึกดื่นราเมศก็อยู่เป็นเพื่อนบางทียังยอมเดินออกไปหน้าปากซอยด้วยกันเพื่อซื้อเบียร์กลับมานั่งดื่มกันต่อ
   
        ราเมศชอบทำอาหารปานตะวันก็ชอบกิน
   
        ราเมศเป็นคนจริงจัง บางครั้งก็ออกจะดูดุปานตะวันจึงต้องปรับตัวจนตอนนี้แยกได้แล้วว่าอันไหนคือโดนดุอันไหนคือราเมศแค่สอน ถ้าเป็นตอนที่เจอกันใหม่ๆ ปานตะวันคงทะเลาะกับอีกฝ่ายจนตายไปข้างแต่ตอนนี้ถ้าอันไหนเขาผิดเขาก็แค่ยอมรับคำดุและคำสอนจากนั้นก็นำมาปรับปรุงตัวเอง ถ้าปานตะวันคิดว่าตัวเองไม่ผิดเขาก็จะอธิบายด้วยเหตุผล ข้อดีของราเมศคือเขาไม่ใช่คนไม่ฟังอะไรเลย เขาพร้อมจะรับฟังทุกความเห็น
   
        ปานตะวันเอนตัวพิงราเมศ อีกฝ่ายก็ขยับให้เขาได้พิงสบายๆ ปานตะวันยิ้ม
   
        “สำหรับตะวันคนดีกว่าพี่เมศนี่ไม่มีแล้วจริงๆ ด้วย”
   
        “อืม คิดเหมือนกันเลย”
   
        สำหรับทั้งคู่แล้วคนข้างกายของตนตอนนี้เป็นคนที่เรียกได้ว่าเหมาะสมกับตัวเองอย่างแท้จริง

*************************************************

สวัสดีค่าาา คิดถึงหนูเจีย ปานตะวันกับพี่เมศกันไหมมม ตอนพิเศษแรกมาแล้วค่ะ  :mew1:
หายไปซะนานเลย ช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงรับน้อง เราเพิ่งย้ายเข้าหอด้วย กำลังอยู่ในช่วงปรับตัว ต้องขอโทษทุกคนจริงๆนะคะ
ที่มาช้า ;w;

ตอนพิเศษนี่คิดไว้แล้วว่าอยากเขียนให้ออกแนวสบายๆ สไตล์วันๆ ของครอบครัวแมวก็งี้แหละ 55555
ตอนหลักมาม่าชามใหญ่ตอนพิเศษก็เลยเสิร์ฟขนมหวานให้เลยค่ะ ตอนนี้อารมณ์เหมือนหนุ่มๆ คุยเรื่องสเป็กอะไรแบบนี่เลยค่ะ
แต่สุดท้ายคนที่ใช่ก็คือคนข้างๆ ฮิ้วววว

ช่วงนี้เราอาจจะมาๆ หายๆ แต่ว่าตอนพิเศษยังมีอีกแน่นอนค่ะ! มีทั้งของตะวัน พี่เมศและของหนูเจียเลย
เตรียมรับชมความน่ารักของทั้งสามคนได้ในตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ จุ๊บๆ

ปล. ติดตามข่าวสารนิยายได้ที่เพจ AzureDream นะคะ สามารถหลังไมค์หรือโพสต์มาคุยกับเราได้ทุกเมื่อเลยน้า

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ทำไมเค้าต้องอ้อนกันขนาดนี้

หมั่นไส้ค่ะ

ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
อิจฉาตะวัน  :L2:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตะวันได้มีความสุขจริงๆสักทีค่ะ ฮื่อออชอบโมเม้นท์เอาแก้มเบียดกันกับหนูเจีย  :katai2-1:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
หนูเจียน่ารัก ดีใจกับตะวันค่ะ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ PJ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ประเด็นเรื่องโรคและการรักษาได้เข้าใจจิตใจผู้ป่วยดีเลยครับ สื่อได้ว่าผู้แต่งศึกษาข้อมูลมาดี ชื่นชมครับ นี่เสพติดนิยายเรื่องนี้เลย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หายากจริงๆคนที่พอดีกับเรา

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ขอให้สนุกกับบรรยากาศใหม่นะคะ

หนูเจียเอ้ยย น่ารักมากลูก อยากเป็นคนเลี้ยงแพนด้าเพนกวิน ฝันของวัยซน

ตะวันก็ตลก ทำกล้าแล้วดูไปนั่งปิดตาไปครึ่งเรื่อง
ราเมศอบอุ่นนะ เป็นผู้ใหญ่ ดูแล อยู่เคียงข้าง รู้ทัน รู้ทาง

ครอบครัวอบอุ่น สุขสันต์ ไม่หวือหวามาก แต่หวานแหววเหมือนกันนะ
รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Nattarat

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากได้ตอนพิเศษตอนหนูเจียตอนโตแล้วเจอกับน้องเกล้าอีกครั้ง

ออฟไลน์ duckka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :hao5: :hao5: กว่าจะผ่านเรืีองราวต่างๆมาได้ ปานตะวันกับราเมศ ความอบอุ่นที่มีให้กัน ชอบร้องเกล้าด้วยจะรอน้องเกล้ากลับ
ทาหาเจียหลิน

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
พี่เมศทาสแมววววว  :music:

หนูเจีย น้องเกล้า เจ้าถุงทอง เจ้าขาว น่ารักที่ซู้ดดดด อยากขโมยกลับบ้านจริงๆ  :m3:

เราคิดว่าปานตะวันโชคดีมากที่มีเพื่อนดีแบบชนกันต์ ไม่งั้นคงม่องนำธีร์ไปก่อนแล้ว เสียดายที่หลังๆกันต์โผล่มาไม่บ่อย ขวัญใจเราเลยนะคนนี้ ว้ายๆ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อิจค่ะบอกเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ snowrabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +219/-6
ปานตะวัน
บทพิเศษที่ ๒
Tired


        ปานตะวันเข้าใจดีว่าคนเราทุกคนย่อมมีช่วงเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยล้าจนอยากจะเมินหน้าใส่ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ เขาเองก็รู้สึกแบบนั้นอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่เขาเหนื่อยคนที่เข้ามากอดปลอบและให้กำลังใจจะเป็นราเมศ
   
        พี่เมศของเขามีขีดความอดทนที่สูงเกินมนุษย์ธรรมดา เหนื่อยก็ไม่เคยบ่น ล้าก็ไม่เคยแสดงอาการให้เห็น ไม่เคยเอาความหงุดหงิดใจมาลงกับคนที่บ้านเลยสักครั้งจนปานตะวันแอบคิดเล่นๆ ว่าบางทีพี่เมศของเขาอาจเป็นคนเหล็กที่แข็งแกร่ง อดทนได้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ปานตะวันเชื่อมั่นว่าไม่ว่าไฟจะไหม้หรือฟ้าจะถล่มพี่เมศก็จะยังคงเข้มแข็งได้เสมอ
   
        เขาเคยคิดแบบนั้นมาตลอดจนกระทั่งวันนี้
   
        “พี่เมศ”
   
        ตีสองสี่สิบนาทีแล้วแต่ไฟในห้องนั่งเล่นยังเปิดอยู่ ปานตะวันที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นกลางดึกเมื่อไม่พบคนรักนอนอยู่ข้างๆจึงออกมาตามหาแล้วก็พบอีกฝ่ายนั่งหน้าเครียดอยู่บนโซฟายาวตัวโปรด ตรงหน้ามีสมุดบัญชี โน้ตบุ๊กที่เปิดหน้าจอค้างอยู่ที่หน้าเพจแนะนำร้านอาหาร สีหน้าของราเมศตอนที่เลื่อนอ่านข้อความบนเพจสลับกับหันมามองบัญชีดูไม่สู้ดีเท่าใดนัก
   
        ปานตะวันเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างๆ คนรักอย่างแผ่วเบา
   
        “อ้าวตะวัน นอนไม่หลับเหรอ” ราเมศหันมามองคนรักอย่างแปลกใจ “หรือว่าออกมาเข้าห้องน้ำ”
   
        “ตื่นมาแล้วไม่เห็นพี่เมศเลยออกมาตามหา แล้วนี่ทำอะไรอยู่ครับ ทำไม่ถึงยังไม่นอน”
   
        “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
   
        ไม่มีอะไรก็คือมีอะไรแน่ๆ ปานตะวันถือวิสาสะชะโงกหน้าไปดูข้อความในเพจแนะนำร้านอาหารที่เปิดค้างอยู่แล้วก็มุ่นคิ้วเมื่อพบว่าเนื้อหาล่าสุดที่ผู้ดูแลเพจเขียนนั้นเกี่ยวกับร้านอาหารของราเมศแต่เนื้อหานั้นค่อนข้างเป็นไปในทางลบ ยิ่งอ่านยิ่งตงิดใจจนสุดท้ายปานตะวันก็ต้องคว้าเอาโน้ตบุ๊กมาวางบนตัก เลื่อนอ่านอย่างจริงจัง
   
        คำวิจารณ์จากเจ้าของเพจนั้นเขียนไว้ว่าร้านอาหารของพี่เมศนั้นพนักงานบริการแย่ ดูไม่เต็มใจจะบริการแถมยังมีการนินทาลูกค้าให้เจ้าตัวได้ยินอีก รสชาติอาหารก็งั้นๆ ไม่สมราคา ครึ่งหลังๆ ดูจะเอาอารมณ์ตัวเองมาปนหลายส่วน
   
        เมื่ออ่านจบปานตะวันก็ยังไม่พูดอะไร ชายหนุ่มหันไปสบตากับราเมศที่มองมาด้วยสีหน้าหนักใจอยู่ก่อนแล้ว
   
        “ที่ทำให้พี่กังวลจนนอนไม่หลับคือเรื่องนี้เหรอครับ”
   
        “จะว่างั้นก็ได้”
   
        “อะไรทำให้พี่ใส่ใจกับคำวิจารณ์นี้มากกว่าคำวิจารณ์อื่นเหรอครับ ปกติตะวันเห็นพี่อ่านๆ แล้วก็เอามาปรับปรุงแต่ไม่เคยเห็นพี่เก็บมาคิดมากแบบนี้เลยสักครั้ง”
   
        ทำงานบริการ จะไม่ใส่ใจเรื่องคำวิจารณ์เลยก็ไม่ได้ แน่นอนว่าราเมศเป็นพวกเปิดกว้างเรื่องนี้ ชายหนุ่มรับฟังทุกความคิดเห็นแต่คำวิจารณ์ก็มีหลายรูปแบบ บางคนติเพื่อก่อ บางคนก็ชมเชย บางคนก็ช่างจับผิด บางคนก็ด่าแค่เอาสนุกหรือด่าเพราะหมั่นไส้ คำวิจารณ์ไหนที่ราเมศเห็นว่าไม่มีประโยชน์ชายหนุ่มก็จะเมินไป อ่านแต่คำวิจารณ์ที่นำมาปรับปรุงฝีมือและร้านของตนได้
   
        ชายหนุ่มรับฟังคำวิจารณ์แต่ไม่เคยเก็บมันมาทำให้ตัวเองไม่สบายใจแบบครั้งนี้
   
        “พี่เมศ พักนี้ที่ร้านมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
   
        เพราะต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ ปานตะวันเลยได้หยุดพักงาน เขาได้ยินมาว่าตอนที่ตัวเองหยุดพี่พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งก็ขอลาออกกลับไปแต่งงานที่บ้านเกิด ส่วนอีกคนหนึ่งขอลาออกไปทำงานที่อื่นทำให้ทางร้านอาหารขาดคน ปานตะวันรู้ว่าราเมศประกาศรับสมัครพนักงานเสิร์ฟและได้เด็กใหม่มาสองคน แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับร้านอาหารอีก ตอนที่กลับมาบ้านราเมศก็ไม่ได้พูดถึงชายหนุ่มจึงคิดว่าทุกอย่างราบรื่นดี
   
        “พี่เมศ พี่เล่าให้ผมฟังได้ทุกเรื่องนะ”
   
         ปานตะวันแตะท่อนแขนสีน้ำผึ้งของคนรักเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าเขายังอยู่ตรงนี้ พูดตามตรงพอเห็นสีหน้าไม่สบายใจของราเมศแบบนี้แล้วเขาก็รู้สึกหนักใจตามไปด้วย ไหนจะสมุดบัญชีที่เห็นแวบๆ นั่นอีก ปานตะวันรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าคำวิจารณ์นี่แน่
   
        หรือว่าเพราะเพจนี้ทำให้ลูกค้าหายรายได้หดกันนะ
   
        ชายหนุ่มผมน้ำตาลเฝ้ารอคำตอบแต่เมื่อเห็นคนรักยังปิดปากเงียบก็ได้แต่ถอนหายใจ
   
        นี่ล่ะนะพี่เมศของเขา พร้อมจะช่วยเหลือและให้คำปรึกษาคนอื่นทุกเมื่อแต่พอเป็นเรื่องของตัวเองแล้วกลับปิดปากเงียบ
   
        เมื่อไม่ได้คำตอบปานตะวันจึงยอมถอยให้ก่อนก้าวหนึ่ง
   
        “พี่เมศศศ”
   
         ปานตะวันลากเสียงยาว ทำหน้ายู่ยี่น่าขันใส่คนรัก ได้ผล ราเมศที่มองใบหน้าตลกๆ ของเขาหลุดยิ้มออกมาจนได้
   
        “ทำหน้าอะไรของนายเนี่ยไอ้เด็กแสบ”
   
       “เลียนแบบพี่เมศ เครียดจนหน้าย่น”
   
        “เดี๋ยวจะโดน”
   
        “กลัวที่ไหนล่ะ”
   
        ปานตะวันแลบลิ้น ผลจากการทำทะเล้นใส่ผู้ชายหน้าดุคือโดนมือใหญ่ของอีกฝ่ายยันหน้าผากไว้แล้วก็ออกแรงผลักจนหน้าหงาย ปานตะวันที่ตั้งตัวไม่ทันบ่นอุบอิบทันใด
   
        “เล่นแรงเป็นบ้า”
   
       “ให้เอาคืนละกัน”
   
       “ขอต่อยสักทีได้ไหม”
   
       “แลกกับจูบสิบที?”
   
       “เพ้อเจ้อละ”
   
        ว่าเสร็จก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายหายเครียดแล้ว ปานตะวันหัวเราะในลำคอจากนั้นก็ยืดตัวไปจูบริมฝีปากคนรักแผ่วๆ หนึ่งทีจากนั้นก็เอื้อมมือไปปิดโน้ตบุ๊ก เก็บข้าวเก็บของให้คนรัก
   
        “กลับไปนอนดีกว่าครับพี่เมศ ตอนนี้เป็นเวลาพักผ่อนนะ เรื่องเครียดๆ ไว้คิดต่อพรุ่งนี้ก็ได้”
   
        “เอางั้นเหรอ”
   
        “คิดตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรนอกจากเครียดมากขึ้น ไปนอนเถอะครับ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ อะไรที่ตะวันช่วยได้ก็จะช่วยนะ คืนนี้พักผ่อนก่อนเถอะครับ”
   
        ปานตะวันกางแขนกอดคนรัก
   
        “ตะวันอยู่ข้างพี่เสมอนะ”
   
        หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ปานตะวันก็พยายามสังเกตท่าทีของราเมศให้มากขึ้น ชายหนุ่มพบว่าสองสามวันนี้คนรักดูเหน็ดเหนื่อยมากกว่าปกติแต่พอเข้าไปถามอะไรอีกฝ่ายก็มักจะส่งยิ้มกลับมาให้แล้วก็ตอบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
   
        ไอ้นิสัยที่ปกป้องคนอื่นแต่ไม่ยอมให้ใครมาปกป้องนี่ทำให้ปานตะวันอยากตีพี่เมศของเขาเสียจริงๆ
   
        สุดท้ายปานตะวันก็อดรนทนไม่ไหว ต้องโทรไปหาชนกันต์ เรียกอีกฝ่ายมาที่บ้านทันที ฝ่ายนั้นก็เป็นเพื่อนที่ดี หลังวางสายไม่นานก็โผล่มานั่งทำหน้าทำตากวนประสาทอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้านของปานตะวันแล้ว
   
        “แล้วที่เรียกกูมาหานี่มีอะไร” ชนกันต์เลิกคิ้วขณะมองสีหน้าไม่สู้ดีของเพื่อนสนิท “ทำหน้าเหมือนคนโดนทิ้ง”
   
       “กูอยากปรึกษามึงเรื่องพี่เมศ”
   
        “สรุปเขานอกใจมึงเหมือนที่กูคิดไว้จริงๆ เรอะ”
   
        “เชี่ยนี่ปากหมาเดี๋ยวปั๊ดชกให้ปากแตก”
   
        ชนกันต์หัวเราะร่า ไม่ได้สลดใจที่โดนด่าแต่อย่างใด ปานตะวันกลอกตาวนเป็นเลขแปดจากนั้นก็กล่าวย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง
   
        “นี่กูไม่ได้ล้อเล่นนะเว้ย กูกลุ้มใจเรื่องพี่เมศมากจริงๆ”
   
        พอเห็นเพื่อนจริงจังชนกันต์จึงกระแอมแล้วปรับเขาสู่โหมดจริงจังตาม
   
        “ไหนว่ามาซิ”
   
        ปานตะวันรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนรักฟังทันที พอฟังจบชนกันต์ก็ลูบคางครุ่นคิด ปานตะวันที่ต้องการยืนยันความร้ายแรงของเรื่องนี้จึงหยิบโทรศัพท์มาเข้าเพจวิจารณ์อาหารแล้วก็ส่งให้ดู
   
        “เอาจริงๆ ตามความคิดของกูคือจะโทษคนเขียนเพจก็ไม่ได้ทั้งหมด เรื่องมันเริ่มจากพนักงานทำตัวไม่ดี”
   
         “กูรู้ แต่พี่เมศดูเครียดมาก”
   
        “เออเข้าใจ มีคนแชร์ออกไปเยอะอยู่ แต่กระแสยังไม่ถึงขั้นย่ำแย่นะ มีพวกลูกค้าประจำหรือคนที่ลองมากินหลายคนออกมาเขียนแก้ต่างให้ด้วยว่าอาหารอร่อย พนักงานคนอื่นก็บริการดี น่ารัก ไม่ได้มีแต่ด้านลบอย่างเดียว”
   
        “กระแสช่วงนี้เหมือนจะดีขึ้นแล้วนะ ช่วงแรกเห็นว่าลูกค้าหายไปเยอะอยู่” ปานตะวันถอนหายใจ “แต่กูว่ามันน่าจะมีเรื่องอื่นด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องนี้อย่างเดียว”
   
        ชนกันต์มองเพื่อนด้วยความเข้าใจ คบกันมานานทำไมจะไม่รู้ว่าที่ไอ้ตะวันมานั่งกลุ้มอยู่ทุกวันนี้เพราะมันเป็นห่วงพี่เมศ ยิ่งพี่เมศกลับมาด้วยท่าทางเหนื่อยๆ แล้วมันช่วยอะไรไม่ได้ไอ้ตะวันก็ยิ่งคิดมาก ส่วนพี่เมศที่ไม่ยอมบอกอะไรมันก็คงคิดว่าไม่อยากเพิ่มเรื่องไม่เป็นเรื่องให้ปานตะวันกลุ้มใจ ชนกันต์คิดว่าพี่เมศรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ หากเหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ มีหรือจะไม่ปรึกษาคนในครอบครัว ตอนนี้ฝ่ายนั้นคงแค่เหนื่อยกับการสะสางปัญหาเฉยๆ
   
        “กูกลุ้มใจว่ะกันต์” ปานตะวันเอนตัวพิงผนัง “พี่เมศช่วยกูมาตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วดูดิ พอพี่เขาเหนื่อยกูกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย”
   
         “มึงคิดมากไป”
   
         ชนกันต์ลุกไปเทน้ำส้มก่อนจะแกะขนมที่ซื้อติดมือมาใส่จานให้เพื่อน
   
        “กูรู้แต่มันห้ามไม่ได้นี่หว่า กูอยากช่วยพี่เขาบ้าง”
   
        “ไอ้แมวแสบ แค่มึงกับหลานรอพี่เขาอยู่ที่นี่ก็เป็นการช่วยเหลือมากแล้วไม่รู้เหรอ”
   
        “มึงหมายความว่าไง” ปานตะวันขมวดคิ้ว ในขณะที่ชนกันต์ยิ้มนิดๆ “เวลากลับบ้านแล้วเจอคนที่เรารักคอยให้กำลังใจอยู่มันเป็นเรื่องดีมากเลยไม่ใช่เหรอ เชื่อกูเถอะตะวัน มึงกับหนูเจียคือส่วนสำคัญที่ทำให้พี่เขาเข้มแข็งมาจนถึงทุกวันนี้”
   
        ชนกันต์กลับไปแล้ว ส่วนปานตะวันก็ไปรับหลานชายกลับจากโรงเรียนตามปกติแต่ภายในหัวของเขายังมีบทสนทนาที่คุยค้างไว้กับชนกันต์วนเวียนอยู่
   
        แค่มีเขากับหนูเจียอยู่ก็ทำให้พี่เมศหายเหนื่อยได้แล้วอย่างนั้นหรือ
   
        ปานตะวันนึกทบทวนประโยคนั้นแล้วก็ไพล่นึกไปถึงตอนที่ตัวเองตอนกำลังย่ำแย่ ตอนนั้นเพราะคนในครอบครัวคอยช่วยเหลือเขาถึงผ่านมาได้ อ้อมกอดของคนในครอบครัวทำให้เรื่องราวร้ายๆ และความเหนื่อยยากบรรเทาลง
   
        บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ชนกันต์ต้องการจะสื่อก็ได้
   
        พี่เมศแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว สิ่งที่ชายหนุ่มต้องการคือ ‘แรงใจ’ และคนที่จะทำหน้าที่นั้นได้ดีที่สุดก็มีเพียงเขาและหนูเจียเท่านั้น คิดได้ดังนั้นปานตะวันจึงเอื้อมมือไปอุ้มหลานชายตัวกลมที่นอนพังพาบวาดรูปอยู่บนพื้นขึ้นมาหอมแก้มก่อนจะเอ่ยว่า
   
       “หนูเจียครับ”
   
        “คับน้าตะวัน”
   
        “วันนี้น้าตะวันคิดอะไรสนุกๆ ได้ เราสองคนมาทำเรื่องเซอร์ไพรส์น้าเมศกันดีไหมครับ”
   
        พอได้ยินคำว่าสนุกกับคำว่าน้าเมศ ดวงตากลมแป๋วก็เปล่งประกายทันที หนูเจียยิ้มจนแก้มพอง พยักหน้าหงึกหงัก “ดีคับ! หนูเจียเอาด้วยๆๆ”
   
        “งั้นเริ่มจากทำอะไรดีน้า” ปานตะวันเดินไปเปิดตู้เย็นในครัวเพื่อสำรวจวัตถุดิบ วันนี้เขาตั้งใจจะเอาใจพี่เมศให้เต็มที่ ทำให้อีกฝ่ายหายเหนื่อยให้ได้ เริ่มจากการทำกับข้าวรอคนรักกลับบ้าน
   
        “ไข่เจียวคับ! หนูเจียอยากตีไข่”
   
        “ได้ งั้นไข่เจียวเนอะ”
   
         ปานตะวันหยิบไข่ไก่ออกจากตู้เย็นจากนั้นก็ตอกไข่ใส่ถ้วยพลาสติกให้หนูเจีย เด็กชายตัวเล็กวิ่งดุ๊กๆ ไปหยิบเก้าอี้ไม้เตี้ยๆ มาเพื่อเอามาต่อขา พอขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ขอบเคาน์เตอร์ครัวก็อยู่ตรงไหปลาร้าหนูเจียพอดี เด็กชายหยิบชามมาถือแล้วก็เริ่มตีไข่อย่างขะมักเขม้น
   
        “ระวังเลอะนะหนูเจีย”
   
        “คับผม”
   
        ระหว่างที่หนูเจียตีไข่ปานตะวันก็รื้อเอามะเขือเทศ มันฝรั่ง หอมใหญ่และน่องไก่สดออกมาเตรียมทำซุป ชายหนุ่มยังคิดจะทำผัดผักบุ้งไฟแดงกับปลาสามรสที่ราเมศชอบกินด้วย วันนี้ชายหนุ่มจะเพิ่มเมนูของหวานเข้าไปให้คนรักกับหลานชายด้วย ปานตะวันเชื่อว่าของหวานช่วยให้หายเหนื่อยได้
   
       ปานตะวันเริ่มจากการทำขนมหวานก่อน ชายหนุ่มเลือกขนมถ้วยเป็นเมนูวันนี้ ในบรรดาขนมที่หลงสอนทำ เขามั่นใจฝีมือการทำขนมถ้วยของตัวเองที่สุดแล้ว
   
        ชายหนุ่มเริ่มจากผสมส่วนที่เป็นหน้าขนมก่อน จากนั้นก็นำไปกรองผ่านตะแกรงเตรียมไว้แล้วจึงกลับมาทำส่วนที่เป็นตัวขนม
   
        “น้าตะวัน อันนี้อะไรคับ”
   
        หนูเจียตัวน้อยทำจมูกฟุดฟิดเหนือถ้วยใส่น้ำที่มีกลิ่นหอมหวาน ปานตะวันลูบผมหลานชายแล้วตอบว่า “น้ำลอยดอกมะลิครับหนูเจีย น้าตะวันจะผสมน้ำลอยดอกมะลิลงในขนมนี้จะได้มีกลิ่นหอม”
   
       ปานตะวันผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันอย่างคล่องแคล่วแล้วก็นำไปกรองผ่านตะแกรง หนูเจียมองน้าตะวันจัดการกับถ้วยใส่ขนม เทส่วนผสมใส่ถ้วยแล้วก็นำไปนึ่งจากนั้นก็ยกลงจากเตา พักไว้แป๊บหนึ่งแล้วก็เทส่วนหน้าขนมลงไป ยกกลับไปนึ่งอีกรอบ ท่าทางของน้าตะวันคล่องแคล่วลื่นไหลจนหนูเจียมองเพลิน
   
        เด็กชายคิดว่าตัวเองโชคดีมากๆ น้าเมศทำกับข้าวอร่อยส่วนน้าตะวันทำขนมอร่อย น้ากันต์ก็ใจดีซื้อของกินมาให้ บางวันน้าหลงมาหาพร้อมขนมไทยเต็มมือยิ่งดีเข้าไปใหญ่
   
        มิน่า...น้าๆ ที่รู้จักเขาถึงได้ชอบล้อว่าเขาจะต้องกลายเป็นเด็กอ้วน แต่หนูเจียไม่อ้วนหรอกนะ! เพราะน้าตะวันพาเขาไปเรียนว่ายน้ำ เรียนเทควันโด พาออกกำลังตลอด หนูเจียตัวน้อยที่โดนขุนด้วยของกินจึงกลายเป็นเด็กที่ดูมีน้ำมีนวลมีแก้มยุ้ยๆ ให้พี่ๆ ฟัดกันเล่นสนุกแต่ไม่ได้อ้วนกลม
   
       “เสร็จแล้ว” น้าตะวันพูดอย่างยินดีเมื่อขนมสุกได้ที่ พอยกออกมากลิ่นหอมก็โชยมาแตะจมูกจนชักจะหิว น้าตะวันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกว่ารออีกสักหน่อยนะจะรีบไปทำกับข้าวให้
   
       เพราะน้าเมศเลิกงานดึก หนูเจียเลยจะได้กินข้าวก่อนใครเพื่อน ปานตะวันทำข้าวไข่เจียวราดซอสมะเขือเทศให้อีกฝ่ายกิน แล้วก็แถมขนมถ้วยให้สองถ้วย พอดูให้เด็กน้อยกินอิ่มชายหนุ่มก็หันกลับมาทำอาหารคาวรอคนรัก ส่วนหนูเจียก็ไปแปรงฟันรอ
   
       ปานตะวันจัดการกับข้าวด้วยตัวคนเดียวอยู่นาน ทำไมทำมาก็ใกล้ได้เวลาเลิกงานของราเมศพอดี เขาโทรหาอีกฝ่ายก็พบว่ากำลังเก็บร้าน น้ำเสียงพี่เมศดูเพลียมากจริงๆ จนปานตะวันต้องเร่งมือทำสิ่งที่วางแผนไว้ให้เสร็จโดยเร็ว
   
       ราเมศถอนหายใจหลังกดวางสายจากคนรัก ชายหนุ่มจัดการไล่เช็กความเรียบร้อยของหน้าต่าง ประตู  เมื่อเห็นว่าปิดสนิทเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปปิดไฟ ปิดร้าน
   
       “ร้านเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะพี่เมศ งั้นหนูกลับบ้านแล้วนะคะ”
   
        “อื้ม ขอบคุณมากนะน้องพีช”
   
        พนักงานเสิร์ฟหญิงที่ชื่อพีชยิ้มให้ก่อนจะเดินไปซ้อนท้ายจักรยานยนต์ที่แฟนหนุ่มขี่มารอรับ ราเมศยืนส่งรุ่นน้องไปจนลับตาก่อนจะเดินไปขึ้นรถตัวเองบ้าง วันนี้วันศุกร์แล้ว ในที่สุดเขาก็รู้สึกเหมือนได้พักหลังจากเผชิญเรื่องวุ่นมาทั้งสัปดาห์
   
          ต้นตอของปัญหาทั้งหลายแหล่ก็รวมอยู่ที่พนักงานใหม่คนหนึ่ง ตั้งแต่รับเด็กคนนี้เข้ามาก็เกิดปัญหาได้ไม่หยุดหย่อน อีกฝ่ายไม่มีใจบริการลูกค้า พูดจาห้วนๆ ไม่ไพเราะแล้วยังชอบทำผิดพลาดบ่อยๆ ตอนแรกราเมศคิดว่าเด็กคนนี้คงเป็นเหมือนปานตะวันช่วงแรกที่ยังไม่ชินงานจึงยังไม่ได้ไล่ออก ทำเพียงเรียกไปตำหนิและสอนงานให้เท่านั้นแต่ยิ่งเวลาผ่านก็ยิ่งรู้ว่าเด็กคนนี้ไม่คิดพัฒนาตัวเองเลย เป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นแบบนั้น จดหมายจากลูกค้าในกล่องร้องเรียนเรื่องเด็กคนนี้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ราเมศจึงขู่จะไล่อีกฝ่ายออก ทางนั้นก็ตกใจหน้าตาตื่น รับปากแล้วรับปากอีกว่าจะไม่ทำ จะปรับปรุงตัวแต่ก็เป็นเพียงลมปาก
   
        ที่แย่ที่สุดคือวันที่นักเขียนเพจแนะนำอาหารมาที่ร้านเขา คนไปรับออเดอร์คือเด็กคนนี้ ไม่รู้ว่าไปรับอาหารอีท่าไหนทางลูกค้าถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขียนวิจารณ์ร้านเขาลงเพจซะเละเทะไม่เหลือชิ้นดี นับแต่วันนั้นยอดลูกค้าก็ลดลง แม้ไม่มากแต่ไม่ส่งผลดีในระยะยาว ราเมศที่เห็นท่าไม่ดีจึงปรึกษาหุ้นส่วน พวกเขาตรวจสอบไปตรวจสอบมาก็พบว่าเด็กคนนี้นอกจากทำตัวไม่ดีจนลูกค้าร้องเรียนบ่อยๆ แล้วยังแอบขโมยเงินอีกด้วย
   
         สุดท้ายราเมศก็ตัดสินใจไล่เด็กนั่นออก ส่วนลูกค้าที่หายไปเขาก็กำชับพนักงานให้บริการคนที่เข้ามาให้ดีรวมถึงคิดโปรโมชั่นดึงดูด อาทิตย์นี้ลูกค้าจึงเริ่มกลับมาหนาแน่นร้านเหมือนปกติ
   
         ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อฝ่ารถติดกลับถึงบ้านแล้วในที่สุด เหนื่อยกายเหนื่อยใจจนอยากล้มตัวลงนอนใจจะขาด ทว่าพอก้าวขึ้นไปบนเรือนไทย กลิ่นอาหารหอมฟุ้งก็ทำให้ตาสว่าง
   
         “เซอร์ไพรส์” ปานตะวันโผล่หน้าออกมาต้อนรับ ในขณะที่หนูเจียในชุดนอนลายเป็ดเหลืองวิ่งหน้าขาวเพราะถูกปะแป้งมาหาเช่นกัน
   
         “น้าเมศคับ กลับมาแล้วเหรอ”
   
         “ครับคนเก่ง น้าเมศมาแล้ว”
   
         ราเมศหอมแก้มยุ้ยของหลานชายไปหลายทีก่อนจะเดินหอมคนรักที่ยืนรออยู่ด้วยเช่นกัน ปานตะวันหอมแก้มเขาตอบก่อนจะส่งผ้าขนหนูสะอาดผืนหนึ่งมาให้ “เช็ดหน้าเช็ดตาสิพี่เมศ ดูเหนื่อยๆ ตะวันเลยเตรียมไว้ให้”
   
        ผ้าขนหนูฟูนุ่มผืนนั้นหอมกลิ่นมะลิจางๆ พอยกขึ้นเช็ดตามใบหน้าและลำคอก็ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นจริงๆ เมื่อเช็ดหน้าเช็ดตาเสร็จทั้งครอบครัวก็เดินไปที่ห้องครัว ราเมศที่ได้กลิ่นอาหารอยู่แล้วจึงถามขึ้นว่า
   
       “วันนี้ทำกับข้าวเองหมดเลยเหรอ”
   
       “ใช่แล้ว พี่เมศกลับมาจะได้ไม่เหนื่อยไง”
   
       “มีอะไรบ้างล่ะนั่น” เดินเข้ามาในครัวก็เห็นกับข้าวเต็มโต๊ะ มีแต่ของโปรดเขาทั้งนั้น “ไข่เจียว อันนี้หนูเจียช่วย ซุปไก่ ปลาสามรสแล้วก็ผัดผักบุ้งไฟแดง”
   
       “ทำไมทำเยอะแยะขนาดนี้ ฉลองเนื่องในโอกาสอะไรเหรอ”
   
        “ไม่ใช่ในโอกาสอะไรทั้งนั้นแหละ” ปานตะวันตอบพลางคดข้าวหอมมะลิร้อนๆ ใส่จานให้ราเมศ “ตะวันแค่อยากทำให้ มากินข้าวกันเถอะ”
   
         มื้ออาหารนั้นราเมศถูกบริการอย่างดี ปานตะวันกับเจียหลินเอาอกเอาใจเขาสารพัด ตักกับข้าวใส่จานให้ไม่ขาด พอกินจนอิ่มชายหนุ่มก็เตรียมตัวจะไปล้างจานแต่ปานตะวันบอกว่าไม่ต้อง คนรักเก็บกวาดแล้วก็จูงมือล้างชายไปช่วยกันทำความสะอาดจานชามทั้งหมดจนเรียบร้อยทิ้งให้ราเมศยืนมองตาปริบๆ
   
        “ทำไมวันนี้ดูเอาใจพี่กันจัง ทั้งนายทั้งหลานเลย”
   
         ตอนที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกันปานตะวันก็ไปยกขนมถ้วยกับชามาให้ดื่ม ราเมศที่ทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวจึงหันไปถามแล้วก็ได้รับคำตอบมาเป็นรอยยิ้มน้อยๆ
   
        ปานตะวันลุกขึ้นยืน เดินอ้อมไปด้านหลังโซฟา ลงมือบีบนวดที่บ่าคนรัก ส่วนหนูเจียก็บีบไปตามท่อนขาคุณน้า มือเล็กๆ เดี๋ยวก็บีบ เดี๋ยวก็ทุบแล้วก็เปลี่ยนเป็นกดๆ ตรงนั้นทีตรงนี้ที ท่าทางสนุกสนาน
   
       “ไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า ทำดีกลบเกลื่อนเหรอ”
   
       “โห พูดแบบนี้นี่มันน่าเลิกทำให้ไหม” ปานตะวันแยกเขี้ยว “คนเขาเห็นพี่เหนื่อยหรอกถึงได้ทำให้ อยากให้กลับบ้านมาแล้วผ่อนคลาย” ปลายนิ้วของปานตะวันกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วของราเมศแล้วก็ออกแรงนวดคลึงให้หัวคิ้วคลายออกจากกัน
   
        “รู้ตัวไหมครับว่าอาทิตย์นี้พี่ขมวดคิ้วเกือบตลอดเวลาเลย” ปานตะวันโอบบ่าราเมศไว้หลวมๆ จากนั้นก็ใช้แก้มขาวๆ ของตัวเองเบียดคลอเคลียกับแก้มสากๆ ของอีกฝ่าย
   
       “ตะวันกับหลานเป็นห่วงนะ อยากให้พี่สบายใจขึ้นเวลากลับบ้าน อย่างน้อยก็อยากให้ผ่อนคลายเวลากลับบ้าน”
   
        ราเมศเบือนหน้าไปจูบแก้มคนรักหนักๆ ก่อนที่ปานตะวันจะย้ายมานั่งข้างกันบนโซฟา ชายหนุ่มผิวแทนอุ้มหนูเจียมานั่งบนตัก เด็กน้อยกอดคุณน้าหนุบหนับเป็นการให้กำลังใจ เห็นดังนั้นราเมศจึงรวบตัวปานตะวันมากอดด้วย กลายเป็นทั้งสามคนตระกองกอดกันอยู่บนโซฟา
   
       “ขอบคุณนะตะวัน หนูเจีย”
   
       “ไม่เป็นไรครับ พวกเรารักพี่นะ”
   
       “หนูเจียก็รักน้าเมศน้า”
   
        ริมฝีปากได้รูปของปานตะวันประทับลงที่แก้มข้างขวาของราเมศส่วนปากเล็กๆ ของหนูเจียประทับลงที่แก้มซ้าย เสียงจุ๊บเบาๆ ทำให้ราเมศหัวเราะออกมา
   
         ความหนักใจความไม่สบายใจที่เผชิญมาตลอดอาทิตย์สลายหายไปในวินาทีนั้น

*********************************************

สวัสดีค่า เรากลับมาแล้ววว หายหน้าหายตาไปนาน กลับมาคราวนี้ก็มาพร้อมกับตอนพิเศษน่ารักๆ ของครอบครัวแมวค่ะ
ตอนนี้เขียนขึ้นเพราะอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเออ พี่เมศนี่ไม่ใช่คนเหล็กนะ (แม้ในเรื่องพี่แกจะแบกทุกอย่างไว้กับตัว
ก็ตาม) พี่เมศก็เป็นคนธรรมดา เหนื่อยเป็น ท้อเป็น แต่การที่ปานตะวันกับหนูเจียอยู่ที่บ้าน คอยให้กำลังใจ ก็ทำให้พี่เมศหายเหนื่อยได้

คนเราย่อมมีช่วงเวลาที่ท้อมากๆ ใช่ไหมคะ ถ้าเวลานั้นมาถึงเราก็คงจะอยากพัก และสถานที่ที่เติมพลังให้เราได้ดีที่สุดก็คืออ้อมกอดของคนที่เรารักนั่นเอง ตอนพิเศษนี้ก็เลยเกิดขึ้นมา หวังว่าโมเม้นต์หวานๆ ของครอบครัวปานตะวันจะช่วยฮีลลิ่งทุกคนให้พร้อมเผชิญหน้ากับวันจันทร์นะคะ  :กอด1: ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ยังรักและคิดถึงกันเน้อ หากใครอยากพูดคุยกับเราสามารถส่งข้อความมาคุยเล่นกันได้ที่เพจ AzureDream นะคะ พบกันใหม่ในตอนพิเศษต่อไป รักนะจุ๊บๆ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :impress2: ครอบครัวสุขสันต์มีครอบครัวก็ดีเงี่ยกำลังใจเป็นกอง

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ  ครอบครัวที่น่ารักของหนูเจี่ย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เป็นครอบครัวที่น่ารักจังเลยน้าาา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

มีฟามมมมสุข

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
น่ารักจริงครอบครัวนี้

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด