ปานตะวัน ▪☀▫ บทพิเศษที่ ๔ Christmas Gifts (๒๕/๑๒/๖๐) [จบ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปานตะวัน ▪☀▫ บทพิเศษที่ ๔ Christmas Gifts (๒๕/๑๒/๖๐) [จบ]  (อ่าน 150596 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ่านบทนี้ (ตั้งแต่แรก ๆ ละ) นึกอยู่อย่างเดียวว่า อยากให้พี่เมศพาตะวันไปพบจิตแพทย์เก่ง ๆ สักคน
โดยส่วนตัวเชื่อว่าถ้าใจป่วยมาก ๆ ก็ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญช่วย ซึ่งจิตแพทย์ คือคำตอบของเคสนี้นะ (คิดว่า)
จากอาการของตะวันแล้ว คิดว่าเจ้าตัวต้องการคนรับฟัง (ที่อาจจะไม่ใช่คนใกล้ตัว) คนที่ไว้ใจได้ แล้วก็สามารถชี้แนะวิธีแก้ไขอาการต่าง ๆ เหล่านั้น
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
สงสารตะวันมากเลย :hao5:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อาการของโรคซึมเศร้า อันตราย

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
สงสารตะวัน ป่วยที่ไหนก็รักษาที่ตรงนั้นนะตะวัน มันอาจจะผ่านไปได้แต่ แต่พี่เมศ หนูเจีย กันต์ หลง ก็เป็นกำลังใจให้ตะวันเสมอนะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
พาน้องไปหาหมอเดี๋ยวนี้ !!!!!!  :katai1:


ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เราไม่รู้ว่านอกจากขาดความอบอุ่นแล้วตะวันเป็นอย่างอื่นด้วยไหม แต่จากอาการแล้วตะวันคล้ายคนเป็นโรคซึมเศร้ามากเลย ทั้งเบื่ออาหาร นอนทั้งวัน คิดว่าตัวเองไร้ค่า ไหนจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ พอเหมือนระเบิดออกมาแล้วตะวันปล่อยทุกอย่างที่เก็บไว้ออกมา รับมืออะไรไม่ได้เลย ทางที่ดีที่สุดควรพาตะวันไปหาแพทย์ค่ะ ค่อยๆรักษาไป ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เราว่าน้องเริ่มเข้าระยะเริ่มต้นของโรคซึมเศร้าแล้วล่ะค่ะ นี่ถ้าหลงหลงอยู่ด้วยมาพูดมาเป็นเพื่อนตะวันตอนนี้อาจจะดีก็ได้นะคะ หรือไม่ก็ต้องมีใครซักคนพาตะวันไปหาหมอจิตแพทย์นะคะเราว่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
สงสารตะวัน พี่เมศ หนูเนียม มากๆๆๆๆๆๆ   :hao5:  :hao5:

ออฟไลน์ nottto

  • MaxNuzz
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
คือตอนก่อนที่แม่จะมา กำลังนึกอยู่เลยว่าเรื่องนี้ให้ความสำคัญกะครอบครัว น้อยจัง เห็นมีแต่คุณสามาดูแล แล้วแม่ก็มาในทันใด ตอนนี้แอบน้ำตาคลอ 55

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ตะวันควรต้องพบจิตแพทย์ด่วนๆ ฮือออ สงสารน้อง
รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
สงสารตะวันอะ อาการน่าเป็นห่วงมากเลย
พี่เมศอยู่ข้างๆตะวันนะ พาไปหาหมอ ฮรือออ
เป็นกำลังใจให้นะ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ snowrabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +219/-6
ปานตะวัน
บทที่ ๒๗
พี่จะไม่ปล่อยมือ


        “เขายังไม่ออกมาอีกเหรอ”
   
        “ครับ ดูเหมือนจะร้องไห้จนหลับไปแล้ว”
   
        ราเมศพูดกับคุณรุ่งฟ้า ตอนนี้แม่ของปานตะวันกับหนูเจียย้ายมาอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว หลานชายตัวน้อยหยุดร้องไห้แต่ยังคงตกใจอยู่เล็กน้อย พอเห็นราเมศเดินเข้ามาก็วิ่งจี๋ไปเกาะคุณน้าตัวโตทันที
   
        ราเมศกางแขนรับเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมกอด หนูเจียซบแก้มยุ้ยๆ ลงกับบ่ากว้างพร้อมกับพูดว่า “น้าเมศคับ หนูเจียเป็นห่วงน้าตะวัน น้าตะวันร้องไห้หนักไหมคับ”
   
        “หนูเจียไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ น้าตะวันแค่เหนื่อยน่ะครับ อีกเดี๋ยวก็หายดีแล้วล่ะ”
   
        “หนูเจียอยากกอดน้าตะวันจังเลย”
   
        “น้าเมศก็เหมือนกัน”
   
        ฟังบทสนทนาของสองน้าหลานแล้วรุ่งฟ้าก็ได้แต่ถอนหายใจ ชายหนุ่มผิวแทนเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เขาคลี่รอยยิ้มปลอบโยนให้เธอ “คุณรุ่งฟ้าไม่ต้องคิดมากหรอกนะครับ ตะวันเขาแค่อยู่ในช่วงที่จิตใจเปราะบาง เขาไม่ได้หมายความอย่างที่พูดหรอกครับ”
   
        “เธอจะโกหกใครก็โกหกไปแต่อย่ามาปลอบฉันด้วยคำพูดแบบนี้เลย ฉันรู้ดีที่สุดว่าที่เด็กคนนั้นพูดออกมามันคือเรื่องจริง และเขาคงจะเก็บมันมานานแล้ว”
   
       คนอ่อนวัยกว่าปิดปากสนิทเมื่อโดนสวนกลับมา รุ่งฟ้าเอนหลังพิงพนักโซฟา ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
   
       “มันเป็นความผิดของฉันจริงๆ อย่างที่เขาว่านั่นแหละ”
   
       “ตะวันไม่ได้อยากให้คุณรู้สึกแย่นะครับ เขาแค่..ก็แค่...”
   
       “ฉันรู้” รุ่งฟ้ายิ้มแต่กระนั้นรอยยิ้มของเธอก็ดูอ่อนล้ากว่าทุกที ภาพลักษณ์หญิงสาวผู้เข้มแข็งหายวับไปจนหมด “เธออยากฟังคนแก่เล่าเรื่องเก่าๆ หน่อยไหมล่ะ บางทีถ้าฟังแล้วเธออาจช่วยฉันแก้ปมปัญหาของฉันกับลูกชายได้ก็ได้ บางทีในมุมมองคนนอกมันอาจมีอะไรที่พวกฉันพลาดไป”
   
        ราเมศพยักหน้า รุ่งฟ้าเหม่อมองลายไม้บนพื้นคล้ายกับกำลังนึกถึงอดีตที่แสนไกล จากนั้นเธอก็เริ่มต้นเล่า
   
        “ฉันกับพ่อของปานตะวันมาเจอกันในช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะที่สุดแต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่สุด พ่อของปานตะวันเคยแต่งงานมาก่อน ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของจันทร์จ้าว จากนั้นเธอก็เสียไป เขาเลี้ยงจันทร์จ้าวด้วยตัวคนเดียวมาตลอดจนกระทั่งมาเจอฉัน ฉันกล้าพูดได้เลยนะว่าตอนนั้นเราทั้งคู่รักกันจริงๆ เราดึงดูดกันและกันอย่างประหลาดเหมือนกับว่าถูกสร้างมาเพื่อกันและกันทำนองนั้น”
   
       “แต่ว่ามันก็ไม่ใช่สินะครับ”
   
       “ตอนที่ฉันอายุยังน้อยกว่านี้ฉันก็คิดว่ามันคือความรักแต่พอโตขึ้นมาแล้วมองย้อนกลับไปพวกมันก็ไม่ใช่ความรักเสียทีเดียว ผู้ชายคนนั้น...พ่อของจันทร์จ้าว หลังจากเสียภรรยาคนแรกไปเขาก็โดดเดี่ยว ความเหงาดึงดูดเขาให้เข้ามาหาฉัน ฉัน...ที่มีนิสัยคล้ายกับแม่ของจันทร์จ้าว เขาเห็นเงาของผู้หญิงคนนั้นในตัวฉัน ตอนแรกฉันก็ไม่รู้เรื่องหรอก แค่ติดใจที่ทุกครั้งที่เราไปเที่ยวกัน สถานที่ที่ไป อาหารที่กิน ทุกๆ อย่างดูจะเต็มไปด้วยความหลังสำหรับเขา ฉันมารู้เอาทีหลังว่าเขาแค่พาฉันกลับไปที่สถานที่เดิมๆ ที่เคยไปกับเธอคนนั้น เขามองเห็นเธอผ่านตัวของฉัน”
   
       สำหรับเธอที่รักเขาอย่างแท้จริง เวลาที่เป็นได้แค่ตัวแทนช่างเจ็บปวด รุ่งฟ้าพยายามปลอบใจตัวเองว่าผู้หญิงที่ตายไปแล้วไม่มีความจำเป็นจะต้องไปอิจฉา เธอคนนั้นเป็นอดีตแต่รุ่งฟ้าสิเป็นปัจจุบัน แต่มันก็ไม่ใช่...เมื่อคนรักของเธอยินยอมที่จะจมอยู่ในอดีตนั้นเสียเอง
   
       “เราคบกันมาเรื่อยๆ เขาเป็นผู้ชายที่ดีนะ ดีมากๆ เราแต่งงานกันแล้วก็มีปานตะวัน ฉันพยายามลืมเรื่องที่ว่าเขายึดฉันเป็นตัวแทนใครอีกคนมาตลอดแต่มันก็ทำใจลำบากเหลือเกิน พอมาอยู่ด้วยกันฉันก็พบว่าอันที่จริงแล้วเราทั้งคู่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เขาพยายามทำให้เห็นว่าเข้ากันได้มันก็แค่ช่วงแรกที่เขาฝืนตัวเองเพื่อเข้าหาฉัน แล้วยิ่งอยู่ด้วยกันนิสัยจริงๆ ของฉันก็แสดงออกมา เธอรู้ไหมว่าฉันมันพวกบ้าพลัง ชอบทำนู่นทำนี่ โครงการเยอะแยะเต็มหัว แต่แม่ของจันทร์จ้าวน่ะเป็นคนมั่นใจในตัวเองแต่ก็มีความเป็นกุลสตรีอยู่ในตัว งานบ้านงานเรือนเรียบร้อย ตรงนี้แหละที่ต่างกับฉัน หลังแต่งงานฉันพยายามแสดงตัวตนของฉันออกมาแบบสุดๆ พยายามให้เขาเห็นว่าฉันไม่ใช่แม่ของจันทร์จ้าว ฉันเป็นฉัน...รักฉันสิ รักตัวตนของฉัน แต่ว่านั่นกลับทำให้เรื่องเลวร้ายลง เราทะเลาะกันบ่อยๆ เพราะฉันเป็นแบบที่เขาหวังไม่ได้ ยิ่งพอเขาพูดกับฉันว่า ‘คุณเปลี่ยนไปนะ’ ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่”
   
       เธอในตอนนั้นตะคอกกลับไปว่า ‘ฉันไม่ได้เปลี่ยนไปเสียหน่อย ฉันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉันแค่แสดงตัวตนที่แท้จริงของฉันออกมา ถ้าจะเปลี่ยนก็คือฉันไม่ได้ฝืนตัวเองให้เป็นแบบที่คุณต้องการนั่นแหละ’
   
       “หลังจากนั้นคุณก็เจอสามีคนใหม่สินะครับ”
   
       “ใช่ เขาเป็นคนที่ใช่...แต่มาไม่ถูกเวลา ตอนแรกฉันก็ขีดเส้นไว้ให้เราเป็นแค่เพื่อนกัน แต่ว่าเราเข้ากันได้ดี...ดีมากนิสัย รสนิยม ทุกอย่าง ฉันไม่เคยต้องฝืนเลยเวลาฉันอยู่กับเขา บางทีฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมฉันไม่อดทนรอสักหน่อย   นั่นแหละ ฉันกับเขาก้าวข้าม...ความถูกต้องไปในที่สุด” พอพูดถึงตรงนี้รุ่งฟ้าก็หลับตาลง “แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือสามีของฉันรู้มาโดยตลอด”
   
        “คุณหมายความว่า...”
   
        “เขารู้มาตั้งแต่ต้นแต่ก็ยังวางเฉย ยอมหลับหูหลับตาให้ฉันออกไปเจอกับเขา ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวจนต้องถามเขาว่าทำไมถึงทำแบบนั้น เขาตอบกลับมาว่ายังไงเธอรู้ไหม”
   
        สีหน้าของสามีเก่าเธอในตอนนั้นยังคงอบอุ่น อ่อนโยนและปะปนไปด้วยความรู้สึกผิด เขาตอบมาสั้นๆ ว่า ‘เพราะผู้ชายคนนั้นทำให้เธอมีความสุข ในแบบที่ฉันให้เธอไม่ได้’
   
        นั่นแปลว่าอะไร แปลว่าเขายอมรับแล้วใช่ไหมว่าจะไม่มีวันหยุดยึดเธอเป็นตัวแทนได้ แปลว่าความรักของเขาไม่ได้มีไว้ให้เธอ
   
        “ฉันขอหย่ากับเขา คำเดียวที่เขาถามฉันก็คือ ถ้าฉันไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นฉันจะมีความสุขใช่ไหม? พอฉันพยักหน้าเขาก็ตกลงอย่างง่ายดาย”
   
        ราเมศเม้มริมฝีปาก “แล้วปานตะวันล่ะครับ?”
   
        “เขาพูดว่าลูกไปอยู่กับเธอน่าจะดีกว่าฉันเลยพาลูกมา อันที่จริงเขาก็ขอร้องนะว่าถึงจะแยกกันแล้วก็อยากให้ตะวันมาหาบ้างแต่เพราะทิฐิของฉันด้วย ถ้าจะตัดก็ตัดไปให้ขาดฉันเลยสั่งห้ามตะวันไม่ให้ติดต่อกับทางบ้านนั้น เดาว่าที่คุยกับจันทร์จ้าวได้นี่คือแอบส่งข้อความหากันหลังจากฉันไปต่างประเทศล่ะมั้ง”
   
        ราเมศพยักหน้าเข้าใจ เรื่องนี้ถ้ามองในมุมมองภายนอก...อาจจะมองว่าแม่ของปานตะวันเป็นฝ่ายผิด ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีสิทธิ์จะคบชู้ ยังไงเธอก็มีสามีแล้ว แต่ถ้าได้ฟังเรื่องราวนี้ ถ้ามองในมุมมองของรุ่งฟ้า ราเมศก็เกิดคำถามในใจว่า กับคนที่ไม่ได้รักเราและทำให้เราต้องเจ็บปวด เราจะไม่มีสิทธิ์ดิ้นรนเพื่อออกมาจากเขาเลยหรือแล้วเราก็ไม่มีสิทธิ์จะคว้าความสุขของตัวเองเลยงั้นหรือ
   
       เอาจริงๆ แล้วเรื่องนี้มันก็ผิดด้วยกันทั้งหมด
   
        คุณพ่อของปานตะวันก็ผิดที่เข้าหาคุณรุ่งฟ้าเพราะความเหงา บางทีเขาอาจจะคิดว่าตัวเองจะสามารถเปิดใจใหม่ได้อีกครั้งแต่ผลลัพธ์ไม่เป็นตามที่หวัง
   
        คุณแม่ปานตะวันก็ผิด การตัดสินใจของเธอบางคนก็อาจจะบอกว่าไม่ผิดหรอกที่จะหาความสุขให้ตัวเอง เลือกคนที่ใช่แล้วผิดตรงไหนแต่ว่าเธอควรจะคิดถึงลูกชายตัวเองให้มากกว่านี้ คิดถึงอีกหนึ่งชีวิตที่เธอพาออกมาด้วย การที่เธอทิ้งปานตะวันไปกับสามีใหม่...นั่นก็เรียกได้ว่าเห็นแก่ตัวอยู่เหมือนกัน
   
        สุดท้ายแล้วเราก็ทำร้ายคนอื่นเพื่อความสุขของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แม้แต่เขาก็ยังเคยทำมาแล้ว
   
        “แล้วเธอคิดว่ายังไงกับเรื่องนี้ล่ะ”    
   
         “ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ นะครับแต่ผมคิดว่าพวกคุณก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ ทั้งคุณและพ่อของจันทร์จ้าวด้วย”
   
        รุ่งฟ้ายิ้มขื่น ราเมศถอนหายใจแล้วก็พูดว่า “แต่บนโลกนี้ใครบ้างไม่เคยทำผิด เรื่องทั้งหมดมันผ่านไปแล้ว จมกับอดีตไปคุณก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้คุณทำได้แค่แก้ไขปัจจุบันเท่านั้น ผมไม่ได้หมายความว่าให้คุณลืมหรือทำเป็นว่าเรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้น ผมอยากให้คุณเก็บมันไว้เป็นบทเรียนเพื่อจะไม่พลาดซ้ำ ในอดีตคุณเคยพังชีวิตวัยเด็กของลูกชายคุณ คุณเอามันกลับมาให้เขาไม่ได้แล้วแต่ตอนนี้ ณ เวลานี้ ปานตะวันกำลังต้องการให้คนช่วย เขาต้องการ ‘ครอบครัว’ และครอบครัวที่ว่านั่นก็ไม่ได้หมายถึงเฉพาะแค่ผมหรือหนูเจียแต่รวมถึงคุณด้วยนะครับ สิ่งที่คุณทำได้คือกอดเขา ยื่นมือไปให้เขา ดึงเขาผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปให้ได้”
   
         “ถ้าคุณสำนึกผิดจริงๆ ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่คุณจะได้ทำหน้าที่แม่ให้เต็มที่แล้วนะครับ”
   
         จบคำพูดนั้นรุ่งฟ้าพลันรู้สึกเหมือนถูกราเมศเอาน้ำเย็นๆ มาราดใส่หน้า ความจริงคำตอบมันก็ง่ายเท่านี้เองแต่ที่เธอมองไม่เห็นเพราะมัวแต่ไปใส่ใจกับความผิดพลาดในอดีต จมอยู่กับมันโดยไม่คิดแก้ไขปัจจุบัน
   
        “ต้องให้เด็กแบบเธอมาสั่งสอน ฉันนี่เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ”
   
       “ผมก็ไม่ได้ถึงขั้นจะไปสั่งสอนใครได้หรอกครับ ก็แค่เคยผ่านประสบการณ์คล้ายๆ คุณมาเท่านั้นเอง”
   
        รุ่งฟ้าพึมพำเบาๆ ว่างั้นเหรอออกมาจากนั้นก็เงียบไป ราเมศไม่ได้เร่งรัดเธอ เขารู้ว่าเธอต้องการเวลาทบทวนสิ่งที่เขาพูด
   
        “เอ้อ จริงสิครับ ผมมีเรื่องอยากถาม ทำไมคุณถึงไม่ชอบหน้าจันทร์จ้าว” ถ้าจำไม่ผิดปานตะวันเคยเล่าว่าแม่ของเขาไม่ชอบหน้าลูกติดของพ่อคนนี้หนักมากๆ
   
       “เพราะเด็กคนนั้นถอดแบบแม่ของเธอมาทุกกระเบียดนิ้วเลยน่ะสิ เห็นหน้าแล้วก็ไม่ถูกชะตาเลย”
   
       “คุณนี่พาลจริงๆ”
   
       ราเมศนวดขมับ นึกขอบคุณฟ้าดินที่คนรักของเขาไม่ได้ถอดแบบนิสัยของรุ่งฟ้ามาทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเขาคงปวดหัวตายชัก
   
       “แล้วเราจะช่วยปานตะวันได้ยังไง อาการของเขายิ่งปล่อยไปแบบนี้นับวันจะยิ่งแย่นะ” หลังนั่งเงียบกันไปพักใหญ่ในที่สุดรุ่งฟ้าก็พูดขึ้น “พาไปหาหมอดีไหม?”
   
        “ผมก็คิดแบบนั้นครับ” อันที่จริงเขาปรึกษากับชนกันต์และหลงแล้ว ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันว่าควรพาปานตะวันไปพบจิตแพทย์ดู “แต่ถ้าพูดออกไปตรงๆ กลัวว่าอาการจะหนักกว่าเดิมน่ะสิครับ ตะวันคงต่อต้านหน้าดูแล้วแบบนั้นเขาก็จะต่อต้านการรักษาด้วย ทั้งหมดที่ทำไปจะสูญเปล่า ผมว่าสิ่งแรกที่เราต้องทำคือพาเขาออกมาจากห้องมืดๆ ที่เขาใช้ขังตัวเองไว้ก่อน แต่จะไปบีบบังคับไม่ได้ ต้องให้เขาออกมาด้วยตัวเอง”
   
        “แล้วเธอจะทำยังไง”
   
        “ปล่อยเป็นหน้าที่ผมเถอะครับ วันนี้คุณกลับไปก่อน ค่อยมาใหม่อีกทีวันพรุ่งนี้ก็ได้ สะดวกมาอยู่ที่นี่ช่วงตอนกลางวันไหมครับ?”
   
        ปานตะวันลืมตาตื่นอีกครั้งตอนบ่ายโมงกว่า เขาปวดตาและศีรษะอย่างมากร่างกายก็หนักอึ้งจนลุกไม่ขึ้น สุดท้ายปานตะวันก็ทำได้แต่เพียงนอนมองเพดานอย่างเลื่อนลอย
   
       เหนื่อยจังเลย
   
       “น้าตะวัน” จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกดังมาจากนอกประตู เป็นเสียงของเจียหลิน “น้าตะวันคับ หนูเจียเอาข้าวมาให้”
   
       “เข้ามาสิ”
   
       ปานตะวันยันตัวลุกขึ้น หลานชายผลักประตูออก เจ้าตัวเล็กเดินถือถาดใส่อาหารเข้ามา ปานตะวันที่กลัวของกินในถาดจะหกรีบลุกขึ้นแล้วตรงไปถือถาดมาวางข้างเตียงแทนหนูเจีย
   
       “พี่เมศไปไหนเนี่ย ทำไมให้หลานมายกของแบบนี้”
   
       “น้าเมศบอกว่าตอนนี้น้าตะวันน่าจะยังไม่อยากเห็นน้าเมศคับ น้าเมศเลยให้หนูเจียมาหาน้าตะวันแทน”
   
       “อันที่จริงมันก็ไม่ใช่แบบนั้น”
   
       เจียหลินยิ้มจนตาหยี เด็กชายนั่งแหมะลงตรงหน้าปานตะวัน ชี้ชวนให้ดูกับข้าวในจาน มีไข่เจียว แกงจืด แล้วก็ผลไม้เป็นส้ม “หนูเจียช่วยน้าเมศทำกับข้าวด้วยนะคับ”
   
       “เหรอ หนูเจียช่วยทำอะไรล่ะหืม”
   
        “หนูเจียช่วยน้าเมศตีไข่แล้วก็ใส่น้ำปลาในไข่คับ! น้าตะวันชิมให้หน่อยน้าว่าอร่อยไหม”
   
       มือป้อมๆ ตักไข่เจียวโปะลงบนข้าวสวยพอดีคำ เจียหลินยื่นช้อนมาจ่อปากปานตะวันแล้วก็พูดว่า “อ้ามมม” เสียงใส ตากลมแป๋วเป็นประกายอย่างน่าเอ็นดู เห็นแบบนี้แล้วใครจะไปใจแข็งไม่กินลง ปานตะวันหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย ชายหนุ่มอ้าปากรับข้าวที่หลานชายป้อนให้เข้าไป
   
       “เป็นไงบ้างคับ!”
   
       “อืม อร่อยมากเลย”
   
       “เย้”
   
        หนูเจียทิ้งช้อนแล้วก็วิ่งมากระโดดกอดปานตะวัน ตอนแรกชายหนุ่มผมน้ำตาลก็เกร็งตัวแต่สัมผัสอบอุ่นจากมือและแก้มของหนูเจียทำให้เขาไม่อยากจะดันตัวหนีจากเด็กคนนี้เลย เจียหลินปีนขึ้นมานั่งบนตักปานตะวันแล้วก็เงยหน้ามองเขาตาใส สื่อประมาณว่า ‘น้าตะวันกินฝีมือหนูเจียอีกนะ นะๆๆๆ’
   
        “อ้ามมม”
   
        ปานตะวันไม่ได้อยากกินอาหารแต่ก็ยอมตามใจหลานชาย ถึงจะยังกินข้าวไม่หมดแต่อย่างน้อยไข่เจียวฝีมือหนูเจียก็หมดจาน “น้าตะวันกินได้เยอะแล้วเพราะหนูเจียใช่ไหมคับ หนูเจียจะไปบอกน้าเมศ คราวหลังหนูเจียจะช่วยน้าเมศทำกับข้าวอีก น้าตะวันจะได้กินเยอะๆ”
   
       “เด็กน้อยเอ๊ย”
   
       เจียหลินหัวเราะแฮะๆ เด็กชายเบียดแก้มซุกไซ้เข้ากับหน้าอกของปานตะวัน ออดอ้อนคลอเคลียเหมือนแมวน้อย
   
        “หนูเจียคิดถึงน้าตะวันจัง”
   
        หลังๆ มานี้น้าตะวันเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เจียหลินคิดถึงเวลาน้าตะวันกอดเขา หอมแก้มเขาแล้วก็อ่านนิทานให้เขาฟังก่อนนอน
   
        เด็กชายอยากนอนกอดน้าตะวันใจจะขาดแต่ก็จำต้องถอยออกมาก่อน เจ้าตัวเล็กทำท่าจะเดินไปเก็บถาดอาหารแต่ปานตะวันชิงลุกขึ้นไปหยิบมันขึ้นมาก่อน ชายหนุ่มเป็นคนเดินเอาถาดอาหารไปเก็บในครัวด้วยตัวเอง ตอนที่เขาปรากฏตัวราเมศหันมามองอย่างแปลกใจเล็กน้อย
   
        “น้าเมศ น้าตะวันกินไข่เจียวฝีมือหนูเจียหมดเลยน้า” พอเห็นหน้าพ่อครัวเอกประจำบ้านเจียหลินก็รีบอวดทันที ราเมศหัวเราะ ก้มลงไปหอมแก้มหลานเป็นการให้รางวัล “งั้นเหรอๆ ทำดีมากเลยนะ”
   
       “ครั้งหน้าหนูเจียทำให้น้าตะวันกินอีกนะคับ”
   
        “ได้สิ” ราเมศอมยิ้ม ชายหนุ่มเดินมาใกล้แล้วก็ก้มลงกระซิบกับปานตะวัน “ดูท่านายจะต้องกินไข่เจียวไปอีกหลายมื้อแล้วล่ะ”
   
       ปานตะวันพยักหน้ารับ ดวงตาฉายแววยินดีจางๆ ของปานตะวันทำให้ราเมศใจชื้นขึ้นมาบ้าง คิดถูกจริงๆ ที่ส่งหนูเจียเข้าไป
   
       พวกเขาสามคนย้ายมานั่งที่ห้องนั่งเล่น ดูทีวีกันไปเรื่อยๆ พอหันมาอีกทีปานตะวันก็ฟุบหลับไปเสียแล้ว พักนี้เด็กคนนี้หลับเกือบตลอดเวลา หนูเจียลุกไปหยิบผ้าห่มมาคลุมให้ปานตะวันส่วนราเมศก็แอบเปิดอินเทอร์เน็ตเพื่ออ่านสิ่งที่ค้างไว้ต่อ
   
        พักนี้เขาสังเกตอาการของปานตะวันอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มคิดว่าปานตะวันน่าจะมีอาการของโรคซึมเศร้า เขาพยายามหาทางช่วยคนรักทุกวิถีทาง ทั้งค้นอินเทอร์เน็ตแล้วก็โทรไปปรึกษาคนอื่นซึ่งคนที่พักนี้ราเมศติดต่อด้วยมากที่สุดก็คือคุณแม่ของน้องเกล้านั่นเอง
   
       หญิงสาวพอได้รับรู้อาการของปานตะวันแล้วก็ให้คำอธิบายและคำปรึกษาได้ดีมาก เธอบอกว่าเขาควรพาปานตะวันไปหาหมอแต่ต้องไม่ใช้การบีบบังคับ ควรพูดเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้ ชายหนุ่มยอมรับว่าบางทีเขาก็รู้สึกเหนื่อย ไหนจะร้าน ไหนจะหลานชายแล้วยังคนรักที่มีสภาพแบบนี้อีก แต่ว่าถ้าเขาทิ้งปานตะวันไปเด็กคนนั้นจะเป็นยังไง
   
       ราเมศคิดว่าต่อให้เหลือเขาเป็นคนสุดท้าย ต่อให้ต้องกลายเป็นคนแบกภาระทุกอย่างเอาไว้ด้วยตัวคนเดียวเขาก็จะไม่ปล่อยมือคู่นี้
   
       ปานตะวันตื่นมาอีกทีตอนเย็น ราเมศที่เห็นคนรักขยับตัวก็เดินไปหยิบผ้าชุบน้ำมาให้อีกฝ่ายเช็ดหน้าเช็ดตา ผ้าขนหนูนุ่มฟูที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้ติดอยู่ทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น
   
       “หิวไหม”
   
        ตื่นมาก็กิน กินเสร็จก็นอน ปานตะวันคิดว่าตัวเองเหมือนหมูไม่มีผิดแต่กระนั้นเขาก็ยังตอบกลับไปว่า “ก็นิดหน่อยครับ”
   
        “งั้นมาช่วยทำอาหารเย็นหน่อยได้ไหม”
   
        กิจวัตรเดิมๆ ที่เคยทำด้วยกัน ทำอาหารเย็นแล้วก็ทานข้าวพร้อมกัน ปานตะวันรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้ทำเช่นนี้มานานมากแล้ว
   
       “หนูเจียขอตีไข่นะคับ!”
   
       “ครับๆ ระวังเลอะเสื้อนะ”
   
        ปานตะวันช่วยราเมศหั่นผัก หั่นหมู เป็นลูกมือทำอาหาร พอได้จดจ่อกับสิ่งที่คุ้นเคยความเป็นตัวเองก็กลับมาทีละนิด พวกเขานั่งทานข้าวด้วยกัน พอทานข้าวเสร็จราเมศก็เก็บล้างส่วนปานตะวันก็ไปอาบน้ำ คราวนี้หนูเจียขอตามไปด้วย เด็กชายไม่ปล่อยให้คุณน้าได้ว่างอยู่คนเดียวเลย ทั้งคู่หายไปครึ่งชั่วโมงแล้วก็กลับออกมาในสภาพประแป้งหน้าขาวตัวหอมฟุ้งด้วยกันทั้งคู่
   
       เมื่อคนรักอาบน้ำเสร็จราเมศก็เข้าไปอาบบ้าง ตอนที่เขาออกมาหนูเจียกำลังอ้อนให้ปานตะวันเข้าไปอ่านนิทานให้ฟังด้วย
   
        “ไปกล่อมหลานนอนหน่อยเถอะ งอแงจะนอนกับนายมาหลายวันแล้ว”
   
        “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ”
   
       ปานตะวันเดินตามแรงดึงของหนูเจียไปที่ห้อง เขาเลือกนิทานออกมาเล่มหนึ่งแล้วก็อ่าน ราเมศนั่งอยู่ข้างๆ ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะเจียหลินไปด้วย พออ่านถึงตอนจบหนูเจียก็ผล็อยหลับไปพอดี
   
       ปานตะวันปิดหนังสือแล้วสอดเก็บเข้าที่ เขาลุกขึ้นยืนราเมศจึงลุกขึ้นตาม “คืนนี้ก็จะแยกห้องเหรอ”
   
       ชายหนุ่มผมน้ำตาลหลุบตา ราเมศก้าวเข้าไปหาปานตะวันแล้วก็จับชายแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้ ตอนแรกปานตะวันทำท่าจะดึงออกแต่ราเมศก็จับไว้แน่น
   
       “มาเถอะ เดี๋ยวพาไปส่งที่ห้อง”
   
        พวกเขาสองคนเดิมกันไปเงียบๆ จนถึงห้องนอนของปานตะวัน เมื่อถึงหน้าประตูราเมศก็ปล่อยแขนเสื้ออีกฝ่าย ปานตะวันกัดริมฝีปากจากนั้นก็เอ่ยว่า “ขอบคุณครับ ฝันดีนะพี่เมศ”
   
       “อื้อ ฝันดีนะ”
   
        ร่างของคนรักหายไปในห้องแล้วประตูก็ปิด กั้นพวกเขาทั้งคู่ให้ห่างออกจากกัน ราเมศหันหลังแล้วก็นั่งลงพิงประตูเหมือนเช่นทุกคืน
   
       แต่คืนนี้จะไม่เหมือนเดิม
   
        “ตะวัน” ในที่สุดราเมศก็กล้าเอ่ยปาก “อยู่ที่อีกฝั่งใช่ไหม”
   
         เขารู้ว่าปานตะวันอยู่ตรงนั้นมาตลอด คืนก่อนๆ หน้านี้ก็ด้วย
   
        “ถ้าอยู่แล้วยังไม่นอน มาคุยกันหน่อยไหม”
   
        “...อื้อ”
   
        เสียงเล็กแสนแผ่วเบาตอบกลับมา แม้เป็นแค่คำเดียวแต่ก็ยังดี
   
        “บอกพี่หน่อยได้ไหมว่านายรู้สึกยังไง ยังเศร้าอยู่หรือเปล่า”
   
        “อื้ม”
   
        “เหนื่อยมากไหม”
   
        “มากเลยล่ะ”
   
        “ยังกลัวจะถูกแตะตัวอยู่ไหม”
   
        “ก็ยังกลัวอยู่ครับ”
   
        “ตะวัน”
   
        “หืม”
   
        “พี่อยากกอดนาย” นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง เขาอ้าปากจะพูดบางอย่างแต่ราเมศไม่เปิดโอกาศเลย อีกฝ่ายยังคงพูดไปเรื่อยๆ
   
        “อยากกอดนายแม้นายจะบอกว่าตัวเองสกปรก อยากอดให้แน่นๆ แล้วก็ทำให้นายหยุดร้องไห้ นายอาจจะคิดว่านายเป็นภาระกับพี่ ทำให้พี่เหนื่อยและเสียใจแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย อดีตของนาย พี่รับได้ ทุกอย่างที่เป็นนาย พี่รับได้ทั้งนั้น ต่อให้ต้องเหนื่อยกว่านี้หรือโดนนายอาละวาดใส่เป็นร้อยหนพี่ก็จะยังอยู่ตรงนี้ อีกฝั่งของบานประตู ข้างหลังนาย ข้างๆ นาย ทุกที่ที่นายอยากให้อยู่ จะอยู่ตรงนี้แล้วก็รับฟังสิ่งที่นายพูด เพราะงั้นบอกกันหน่อยได้ไหมว่ารู้สึกยังไงหรือว่าคิดอะไรอยู่ พี่พร้อมรับฟังเสมอนะ หนูเจียก็ด้วย กันต์ หลง คุณแม่ของนาย ทุกคนอยู่ข้างๆ นายนะ”
   
       “จะไม่...ไม่ทิ้งกันไปจริงๆ เหรอ”
   
       “ตะวัน พวกเราเป็นครอบครัวนะ สุขก็สุขด้วยกันแล้วตอนทุกข์เราจะทิ้งนายไปได้ยังไง”
   
       ราเมศรู้สึกว่าประตูที่ตัวเองพิงอยู่ขยับแง้มออกเป็นช่องขนาดเล็กพอให้มือข้างหนึ่งลอดออกมาได้ เขายิ้มขณะเลื่อนมือไปยังที่ว่างตรงนั้นเพื่อกุมมือของปานตะวันเอาไว้
   
       “มันแย่มากเลยพี่เมศ เหมือนกับว่าตอนนี้ศัตรูหนึ่งเดียวของตะวันก็คือสมองของตะวันเอง สมองที่เอาแต่จะคิดเรื่องร้ายๆ มากมาย กระซิบว่าตะวันไม่มีค่า ทำให้พี่เหนื่อยและทุกสิ่งที่พี่ทำอยู่ตอนนี้ก็แค่เพื่อให้รู้สึกดีแต่จริงๆ พี่กับหลานใกล้จะหมดความอดทนกับตะวันแล้ว หลายวันนี้ในห้องตะวันคิดเรื่องฆ่าตัวตายอีกแล้ว ที่น่ากลัวคือความคิดพวกนั้นไหลออกมาจากสมองเหมือนเป็นเรื่องปกติ ตะวันไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้เลยพี่เมศแต่พอถึงจุดจุดหนึ่งทุกอย่างก็ดูจะมากเกินรับไหว พูดไปคนอื่นก็อาจจะไม่เข้าใจ แต่มันหนักจริงๆ นะ หนีไปไหนก็ไม่ได้เพราะมันติดอยู่ในหัวเรานี่เอง”
   
        มือของปานตะวันสั่นแล้วก็เย็นเฉียบ น้ำเสียงนั้นฟังดูอ่อนแรง ราเมศตัดสินใจได้ในเสี้ยววินาที เขาดึงประตูเปิดออกอย่างกะทันหันทำให้ปานตะวันที่นั่งพิงอยู่อีกฝั่งถึงกับหงายหลัง
   
       โชคดีที่ราเมศอ้าแขนรับไว้ได้ทัน
   
       “พี่...พี่เมศ” ปานตะวันขยับตัวยุกยิกแต่ราเมศยังคงกอดร่างผอมของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ปานตะวันผอมลงมากจริงๆ ยิ่งสัมผัสชายหนุ่มก็ยิ่งเจ็บปวด เขากระชับอ้อมแขน ถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้อีกฝ่าย
   
        “พี่อยู่ข้างนายและจะไม่มีวันปล่อยมือ...พี่สัญญา”

****************************************

ตอนนี้มาสั้นๆ ในวันฝนตก ฮาาาาา
จากตอนที่แล้วได้อ่านคอมเม้นท์ของนักอ่านดู ทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าไปหาหมอดีกว่า ซึ่งเราก็ว่าดีค่ะ
แต่เราคิดว่าถ้าบอกตะวันไปตรงๆ ว่า "นายป่วยนะ ฉันจะพาไปหาหมอ" ตะวันอาจจะต่อต้านขึ้นมาก็ได้ ;w;
เลยคิดว่าจะต้องมีช่วงที่ปรับความเข้าใจแล้วก็เปิดใจกันก่อน ตอนนี้เป็นตอนของพี่เมศค่ะ
เอาจริงๆ พี่เมศเหนื่อยที่สุดในเรื่องแล้ว แฟนก็ดู ร้านก็ต้องทำ หลานก็ต้องเลี้ยง แต่พี่ก็ยังยืนข้างปานตะวันมาตลอด
ถึงจะพูดไม่เก่ง โคตรดุ และบทหายบ่อยๆ แต่พีก็ทำให้ปานตะวันรู้ตลอดว่ารัก ชอบพี่เมศมากกก กอดพี่เมศร้อยที

ตอนนี้ได้เขียนถึงความสัมพันธ์คุณพ่อและคณแม่ของปานตะวันด้วย พูดตามพี่เมศคือก็ผิดทั้งคู่
ทุกคนเลือกทางที่ตัวเองมีความสุข หาข้ออ้างมาคิดเข้าข้างตนเองแต่จริงๆ แล้วทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็รู้ตัวดีว่าทำผิดต่อกันค่ะ
 :เฮ้อ:

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆ นะคะ คิดเห็นยังไงติชมได้เต็มที่เลย พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ จุ๊บ

ปล. ติดตามข่าวสารนิยายได้ทางเพจ AzureDream นะคะ
ปล.2 ใกล้เปิดเทอมแล้ว จะปิดปานตะวันได้ก่อนสิ้นเดือนไหมน้อออ แงงงง ;w; //ร้องห่มร้องไห้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2017 19:25:42 โดย snowrabbit »

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
กอดๆๆๆ

กอดหนูตะวัน

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พี่เมศเป็นพระเอกผู้ทรหดแห่งปีค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อยากจะช่วยพี่เมศกอดตะวัน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อ่านตอนนี้แล้วอยากได้แฟนแบบพี่เมศจริงๆ  จะสุขหรือทุกข์ก็มีพี่เมศอยู่ข้างๆ ตลอด ตะวันรีบๆ เข้มแข็งนะ สู้ๆ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
น้ำตาจะไหล สงสารตะวัน สงสารทุกคน ฮรือออ
ขอให้ผ่านมันไปให้ได้นะ!!!
 :hao5:

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่เมศสู้ๆ ตะวันหายไวๆนะ  :hao5:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
บีบหัวใจมากค่ะ

สงสารปานตะวัน เจอเรื่องร้ายแรง ก็ต้องฝังใจอยู่แล้ว ดันมาเจอคนไม่ดีอีก มาขุดคุ้ยอีก
น่าสงสารมากเลยค่ะ ใจมันจมลงไปเรื่อย ๆ ต้องใช้เวลาเนาะ

ราเมศก็น่าสงสารไม่ต่างกัน เจ็บปวดนะกับการที่มีคนรักที่เจ็บปวดอยู่ตรงหน้า แต่ทำอะไรไม่ได้

หนูเจียน่ารักมากค่ะ เด็กดี อยากกอดน้าตะวัน ก็เลยต้องอ้อนเข้าไว้ เห็นแล้วโลกสดใส น่าฟัดจริง ๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ขอใ้ห้ตะวันหายไวๆ กลับมาสดใสกว่าเดิม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด