12 พฤศจิกายน "บูรพา กลับยัง"
"แป๊บหนึ่ง"
มันตอบโดยไม่ได้หันมามองหน้า เพราะกำลังวุ่นวายอยู่กับหามุมถ่ายรูปดอกเสลาหน้ามหาลัยที่บานสะพรั่งในฤดูกาลนี้ ช่วงนี้ไอ้บูรพามันกำลังบ้ากล้อง ทั้งกล้องฟิล์ม ไลก้า โพราลอยด์ห่าเหวอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด เป็นหนักมากชนิดที่ว่าต้องถือกล้องติดมือตลอดเวลาเป็นเนื้องอก มันชวนผมมาหาที่ถ่ายรูปบ่อยๆ แล้วก็จมอยู่กับที่นั้นนานๆ วันนี้ก็เหมือนกัน น่าจะเกือบๆ สองชั่วโมงแล้วที่มันจริงจังกับการถ่ายรูปต้นไม้นั่น ไม่รู้ว่ามันมีอะไรให้ถ่ายเยอะแยะหนักหนา
"เหนือมายืนนี่ดิ"
"ไม่เอาแล้ว"
"มาเหอะ เร็ว"
"โห่"
"มาเร็ว"
ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินลากเท้าเบื่อๆ เข้าไปยืนในจุดที่มันบอกพลางด่ามันในใจไม่ได้หยุด ถ่ายเหี้ยอะไรนักหนา มึงจะส่งประกวดชิงเงินรางวัลพร้อมประกาศนียบัตรหรือไงวะ
"ยิ้มหน่อย"
"กูหิวข้าว"
"ยิ้มก่อนดิ"
"กลับเหอะ"
"ยิ้มเร็ว"
"มึงแม่ง!" ผมหลุดปากด่ามันไปทีหนึ่งแล้วก็เผลอยิ้มออกมาเพราะหน้าทะเล้นๆ ของมันที่ไม่ได้สนเลยว่าผมจะหงุดหงิดขนาดไหน
"แชะ แชะ แชะ" เสียงชัตเตอร์ดังนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาผมมีรูปที่มันถ่ายให้เป็นพันๆ รูป เข้าใจว่าเป็นความชอบของมันก็ไม่อยากจะขัดอะไร ได้ภาพที่พอใจแล้วมันก็หันไปถ่ายทางอื่นต่อ ส่วนผมก็เดินกลับไปนั่งริมฟุตบาทรอมันเงียบๆ
"พี่ซัน!"
เสียงเรียกจากผู้หญิงที่เดินเข้ามาดังจนทั้งผมและไอ้บูรพาหันมองพร้อมกัน ผู้หญิงคนนั้นวิ่งผ่านหน้าผมเข้าไปหาไอ้บูรพา พี่ซันที่ว่าก็หมายถึงมันนั่นแหละ
"อ้าว อาย"
อาย นิสิตคณะแพทย์ปีหนึ่งที่บังเอิญเจอที่งานหนังสือ เป็นแฟนคลับไอ้บูรพา คุยกันไปคุยกันมาก็เลยรู้ว่าอยู่มหาลัยเดียวกัน ช่วงหลังๆ ผมเห็นมันสองคนคุยกันบ่อยเพราะชอบถ่ายรูปเหมือนกันด้วย ตอนนี้ก็สะพายกล้องคล้องคอมาด้วย คงมาเก็บภาพต้นไม้ดอกไม้นี่เหมือนกัน
"อ้าวพี่เหนือ หวัดดีค่ะ"
ผมพยักหน้ารับหน่อยๆ สาบานว่าไม่เห็นกูอ่ะ วิ่งผ่านหน้ากูไปหยกๆ
"พี่ซันมานานยังอ่ะ"
"ก็สักพักแล้วอ่ะ"
"รีบกลับเปล่าคะ"
"ไม่นะ"
ไม่เหรอ...ตอบว่าไม่เหรอ! มึงยืนจะถ่ายตั้งแต่ดอกไม้บานจนถึงฤดูใบไม้ร่วงเลยมั้ย ทำสารคดีดอกเสลาหน้าม.หรือเขียนหนังสือเรื่องใหม่ไปเลยดีไหม ชีวิตของดอกไม้ดอกหนึ่งงี้ โว้ย! นานกว่านี้กูจะไปซื้อเต้นท์มากางนอนรอแล้วนะชิบหาย
"นี่กล้องฟิล์มแบบใช้แล้วทิ้งเหรอ"
"ค่ะ ได้มาวันก่อนเลยมาลอง"
"เฮ้ย น่าลองว่ะ"
"ลองดิพี่ ใช้ได้เลยๆ"
เออ กูคงต้องไปซื้อเต้นท์จริงๆ แล้วอ่ะ ผมก็ได้แต่ปล่อยให้สองคนนั้นคุยกับไปถ่ายรูปกันไป ส่วนผมเฟดตัวเองออกมานั่งเงียบๆ เล่นมือถือไปพลางๆ พักหนึ่งก็ตั้งใจจะเดินไปเซเว่นฝั่งนู้นเพราะหิวมาก
"เหนือ ไปไหนอ่ะ"
"ไปเซเว่น หิว"
"เฮ้ย รอก่อนดิ เดี๋ยวกลับแล้ว"
ผมเริ่มหน้าบูดเพราะคำว่าเดี๋ยวของมันนานเกินไป มันก็คงเห็นว่าผมเริ่มไม่พอใจแล้วก็เลยรีบหันไปบอกลาอายในทันที
"เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ"
"ค่ะ เดี๋ยวล้างรูปเสร็จเอาไปให้นะ"
"ขอบคุณครับ"
มันพูดกับอายแค่นั้นแล้วก้าวเท้ายาวๆ เดินมาหาผม
"กูนึกว่าจะกลับพรุ่งนี้"
"โอ๋ๆ ไม่โกรธดิ ไปกินข้าวกัน"
มันคว้าแขนผมให้เดินตามไปที่รถ แล้วควักรีโมทขึ้นมากดปลดล็อกรถ ผมขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วแต่มันยังหันไปยิ้มหน้าบานให้อายที่โบกไม้โบกมือให้ แล้วเดินไปขึ้นรถอีกฝั่งก่อนขับออกไป
"อยากกินอะไรอ่ะ"
"อะไรก็ได้ โคตรหิวเลย"
"ไปกินสเต็กป่ะ"
ผมเหลือบตาไปมอง ปล่อยให้กูรอนานแล้วคิดจะมาฟาดหัวด้วยสเต็กให้กูหายโกรธเหรอ
"ไป"
"โอเค" มันตอบรับยิ้มๆ แล้วเปลี่ยนจากยูเทิร์นกลับม.เป็นตรงเข้าเมืองแทน ตอนเย็นๆ ของวันอาทิตย์ รถบนถนนไม่ได้เยอะมาก แต่ไอ้บูรพามันก็ขับช้าๆ ไปเรื่อยๆ แม้แต่แก๊งจักรยานก็ยังแซงเราไป ที่กูนั่งอยู่นี่อะไรอ่ะ เต่าเหรอ? กว่าไอ้บูรพาจะขับรถถึงในเมือง กูว่าพี่ตูนวิ่งถึงแม่สายแล้วอ่ะ
"ตรงนี้อย่างสวยอ่ะ ดูดิ"
ผมหันมองตามที่ไอ้บูรพาชี้ให้ดู ในสายตาของผมมันก็แค่สายไฟยุ่งๆ ที่ตัดกับท้องฟ้าตอนเย็นๆ เท่านั้น แต่ในมุมมองของไอ้บูรพามันคงเป็นงานศิลปะชั้นเลิศ ไม่ผิดจากที่เดาเอาไว้ในใจว่ามันต้องจอดรถถ่ายรูปแน่ๆ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
"แป๊บหนึ่งนะตัวมึง"
ไม่ได้เป็นประโยคขออนุญาตอะไรทั้งนั้นอ่ะ ก็แค่บอกให้รู้แล้วตัวมันก็กระโดดลงไปจากรถพร้อมกล้องตัวหนึ่ง อย่าให้เผลอนะกูจะจับกล้องมึงถ่วงน้ำทิ้งแม่งให้หมดเลยจบๆ ไป
แป๊บหนึ่งของมันก็ยาวนานอีกครั้งจนผมต้องเปิดประตูรถลงไปตาม
"บูรพา ไปเหอะ"
"แป๊บ"
"ยืนกลางถนนอยู่ได้ มันอันตราย"
มันพยักหน้ารับอย่างดูเสียดายหน่อยๆ แล้วเปิดประตูรถกลับเข้ามา
"ช่วงนี้มึงจะบ้ากล้องเกินไปแล้วนะ"
"กูเหรอ"
"ก็มึงน่ะสิ!"
"ก็ธรรมดาเปล่า"
"ไม่ธรรมดาอ่ะ ช่วงนี้มึงบ้ามาก กูรำคาญแล้วเนี่ย"
"เฮ้ย รำคาญเหรอ"
"เออดิ มากไปว่ะ"
"ไอ้เหนือ..."
"กูไม่ใช่พวกศิลปินแบบมึงไง มึงเล่นหยุดถ่ายทุกอย่างเลย ท้องฟ้า เสาไฟ ขนาดวัวข้างทางก็ต้องจอดถ่ายด้วย กูไม่เห็นมันจะมีอะไรสวยตรงไหน"
"มึงไม่เข้าใจกูไง"
"เออ กูไม่เข้าใจ วันหลังไม่ต้องชวนกูมาเลยนะ"
"แล้วจะให้มากับใครอ่ะ"
"กับน้องอายไง"
"แล้วไปเกี่ยวอะไรกับน้องเขาอ่ะ"
"กูพาลไง"
"งี่เง่า"
"เออ!"
"เหนือ!"
"ก็กูรำคาญมึงจริงๆ"
"มึงอ่ะน่ารำคาญกว่าอีก"
ผมหันขวับมองมันตอนที่มันพูดออกมาแบบนั้น คิ้วขมวดเข้าหากันกับใบหน้ายุ่งๆ ของมันที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ แสดงให้เห็นว่ามันกำลังรำคาญผมจริงๆ จากที่เคยยอมอยู่ตลอดก็มีไม่กี่ครั้งที่มันลุกขึ้นมาเถียงกลับแบบนี้
"กลับหอเหอะ"
"ไปกินข้าว"
"กูอยากกลับหอแล้ว"
"มึงหิวมากไม่ใช่ไง"
"กูไม่หิวแล้ว กูจะกลับหอไง!"
ไอ้บูรพาไม่พูดอะไรต่อแล้วขับรถออกไปด้วยความไวเดาว่ามันคงโมโหเหมือนกัน เป็นเหี้ยอะไรโกรธแล้วต้องขับรถไว ตายคุ้มมั้ย ไอ้ห่าเอ๊ย!
ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงหอ ผมเปิดประตูรถลงมาแล้วเดินขึ้นหอก่อน แต่ไอ้บูรพาไม่ได้ตามขึ้นมา ก็ไม่ได้สนใจมากนักหรอก ไม่ขึ้นมาตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่งั้นได้มาตีกันต่อแน่ๆ จริงๆ ผมกับไอ้บูรพาทะเลาะกันบ่อย แต่ก็ด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องบ้าๆ บอๆ ที่ผลัดกันเป็นฝ่ายชวนทะเลาะ แต่ก็ไม่เคยโกรธกันข้ามคืน
ไม่เหมือนครั้งนี้...
เที่ยงคืนกว่าแล้วที่ไอ้บูรพามันไม่กลับมา จับมือถืออยู่หลายครั้งเพราะลังเลว่าจะโทรหามันดีหรือเปล่า แต่ความโกรธก็สั่งให้ผมโยนมือถือทิ้งแล้วปิดไฟนอน ไม่ง้อแม่งหรอก คืนนี้นอนกับแมวก็ได้ กูไม่สนใจหรอก!
...
13 พฤศจิกายน อีกวันผ่านไปไอ้บูรพาก็ยังไม่กลับมา ผมไลน์ถามเพื่อนว่ามันไปนอนกับใคร แต่ก็ไม่มีใครรู้เลย ไม่ได้ไปตายที่ไหนใช่เปล่าวะ ผมเดินกลับขึ้นหอหลังจากลงมาหาอะไรกิน กวาดสายตามองรถที่จอดอยู่ทุกคันแต่ก็ไม่มีรถมัน
"น้องเหนือ"
"ครับ"
ผมหันไปตอบรับเสียงที่เข้ามาเรียก เห็นว่าเป็นพี่น้อย คนดูแลหอพักก็เลยเดินเข้าไปหา
"มีพัสดุมาถึงน่ะ มาเอาสิ"
"ครับ"
ผมเดินเข้าไปหยิบกล่องพัสดุที่จ่าหน้าถึงผม แล้วเดินขึ้นหอ ก่อนจะวางมันเอาไว้อย่างนั้นโดยไม่ได้คิดจะเปิดดู เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร
ของขวัญวันครบรอบ… ผมเหลือบตามองปฏิทินที่วงกลมสีแดงบวกกับใช้ปากกาไฮไลท์ขีดเอาไว้อย่างชัดว่าวันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีของเรา จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะจริงจังกับวันครบรอบอะไรมากนักหรอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้ววันไหนเป็นวันแรก เลยเอาวันที่มันเอาไก่ทอดมาขอเป็นแฟนเป็นวันนั้น ก็อยากให้มันพิเศษเฉยๆ แต่ความพิเศษก็หมดไปเพราะเสือกมาทะเลาะกันวันนี้พอดี
"ปังๆๆๆๆ!!!"
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังลั่นจนผมหันขวับไปมองแล้วรีบลุกไปเปิดประตู ไอ้บูรพามันคงไม่เคาะบ้าคลั่งแบบนี้อ่ะเพราะมันมีกุญแจ เปิดประตูออกไปก็เห็นกลุ่มเพื่อนนำมาโดยไอ้หลิวและแก๊งชะนี
"มีอะไรวะ"
"ไปข้างนอกกัน"
"ไปไหน!"
"เออน่า!" พวกมันว่าแค่นั้นแล้วเข้ามากระชากผมออกจากห้อง
"เฮ้ยๆ จะไปไหนวะ!" ผมออกแรงสะบัดไอ้พวกนี้ให้หลุดออก
"ไปหอศิลป์"
"ไปเพื่อ?"
"ไปดูนิทรรศการภาพถ่ายที่ชมรมถ่ายภาพจัดไง"
ผมขมวดคิ้วนิดๆ ดันแว่นที่เกือบหลุดให้กลับเข้าที่แล้วเงยหน้ามองพวกมันงงๆ
"นิทรรศการอะไร ไม่ไปอ่ะ"
"ไปเหอะ"
"กูไม่อยากไป"
"ไปเหอะน่า บูรพามันให้มาตามมึง"
"อยากให้กูไปก็ให้มันมาตามกูเองดิ" ผมพูดแค่นั้นก่อนจะถอยหลังกลับเข้าห้อง แต่พวกมันกระชากผมออกมาจากหน้าห้อง
"เฮ้ย กูบอกว่าไม่ไปไง!"
"ต้องไปเว้ย!"
"กูไม่อยากไป"
"ไม่ไปมึงจะเสียใจ" คำพูดของไอ้หนุ่มทำให้ผมนิ่งไป กำลังสงสัยในคำพูดของมันอยู่แต่ก็ไม่ทันได้ถาม ว่าทำไมผมต้องเสียใจด้วย รู้ตัวอีกทีก็ขึ้นรถมากับมันแล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าหอศิลป์เรียบร้อยแล้ว พวกเราขึ้นมาที่ชั้นสามซึ่งเป็นนิทรรศการภาพถ่ายของชมรมถ่ายภาพมหาลัย
"ตกลงมันมีอะไรวะ" ผมหันไปกระซิบถามไอ้หลิว
"เดินดูไปเหอะน่า"
ผมพยักหน้ารับหน่อยๆ แล้วเดินดูผลงานพวกนั้นไป การเดินหอศิลป์ชมผลงานศิลปะไม่ใช่ทางของผมเท่าไร ผมดูภาพพวกนี้ไม่เป็นหรอก แต่ความเงียบของหอศิลป์ก็ทำให้ผมเผลอสงบไปด้วยเพราะพูดอะไรนิดหน่อยก็จะดังรบกวนชาวบ้านเขาทันที ที่ทำได้คือเดินดูภาพถ่ายพวกนั้นไปเงียบๆ แล้วค่อยๆ มองเห็นความสวยงามของภาพถ่ายแต่ละภาพ เจอภาพหนึ่งที่สวยถูกใจเลยกะจะไปเรียกเพื่อนให้มาดูด้วย แต่หันไปอีกทีก็ไม่เจอใครแล้ว
"เฮ้ย ไปไหนกันหมดวะ"
ผมหันซ้ายหันขวามองไม่เห็นกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน เลยก้าวเท้าไปอีกห้องจัดแสดงหนึ่ง ด้านหน้าเขียนว่าผลงานชนะเลิศการประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ แสงอาทิตย์ กวาดสายตาอยู่แว้บเดียวก็ต้องชะงักไปเพราะภาพที่เห็น มองข้ามคงไม่ได้ เพราะมันชัดเจนอยู่ตรงหน้า ที่ต้องนิ่งไปเพราะมันเป็นภาพตัวเอง
เป็นภาพผมที่ถูกถ่ายย้อนแสงอาทิตย์ติดรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งและมีข้อความสั้นๆ เขียนเอาไว้ตรงมุมภาพ
You are my Sunshine – บูรพา สัตยาพิทักษ์ มนุษย์ศาสตร์ ปี2 ไอ้บ้า...
"สุขสันต์วันครบรอบ"
ผมสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงกระซิบที่โผล่มาจากข้างหลัง หันไปก็เจอไอ้บูรพายิ้มกว้างอยู่ตรงนี้
"ชอบป่ะ"
ผมพยักหน้าหงึกๆ แทนคำตอบ ก่อนถูกไอ้บูรพาจับไหล่ให้หมุนกลับไปดูภาพนั้นอีกที
"ไปยืนตรงนั้นดิ เดี๋ยวถ่ายรูปให้"
ผมทำตามที่มันบอก เดินไปยืนคู่ภาพถ่ายรูปตัวเองแล้วยิ้มกว้างที่สุดเพื่อให้มันถ่ายรูปอีกครั้ง ก็อยากจะยิ้มให้กว้างแต่ตามันชื้นเหมือนอยากจะร้องไห้มากกว่า ไม่ทันขาดคำน้ำตาก็ร่วงจนตัวเองยังสับสน ดัดจริตจริงๆ เลยตัวกู
"ตัวมึง แป๊บหนึ่ง" ผมพูดแค่นั้นแล้วหันหลังกลับเช็ดน้ำตา บูรพามันเห็นอย่างนั้นเลยเดินเข้ามาหา
"เป็นอะไร"
"เปล่า"
"เฮ้ย ร้องไห้ทำไม"
"ก็นั่นน่ะสิ! กูก็งง"
"เอ้า!"
"น้ำตาเหี้ยนี่มันไหลไม่ปรึกษากูไง"
"โห มึงจะร้องทำไมเนี่ย"
"ก็มึงอ่ะแหละ! ชอบทำอะไรแบบนี้ให้กู"
"กูไม่ได้ทำเพราะอยากเห็นน้ำตามึงซะหน่อย"
"แล้วมึงจะเอาอะไร ฮะ! ทำซึ้งขนาดนี้มึงต้องการอะไร มึงพูด!"
"กูอยากให้มึงยิ้ม"
"มึงแม่ง"
"ยิ้มหน่อยน่า"
"เออ! มึงไปยืนตรงนู้นเลย"
มันพยักหน้ารับแล้วถอยออกไปยืนที่เดิม ยกกล้องขึ้นมาทำท่าจะถ่ายรูป แค่เห็นกล้องก็ต้องยิ้มออกมา คล้ายกับว่ากล้องเป็นเครื่องมือเรียกรอยยิ้ม แต่จริงๆ ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่เพราะกล้องหรอก
"บูรพา"
"ฮึ?"
"กูไม่ได้ยิ้มให้กล้องนะ"
"..."
"กูยิ้มให้มึง"
มันพยักหน้ารับยิ้มๆ แล้วยกกล้องขึ้นมาอีกครั้ง ไอ้บูรพากับกล้องถ่ายรูปดูจะเป็นของคู่กันไปแล้ว ผมคงว่าอะไรมันไม่ได้แล้วเกี่ยวกับความชอบของมัน หากหน้าที่มันคือถ่ายรูป หน้าที่ของผมก็ยิ้มให้กล้องมันบ่อยๆ แค่นั้นเอง
ผมเงยหน้ามองรูปถ่ายขนาดใหญ่นั้นอีกรอบ จริงๆ ก็เขินหน่อยๆ อ่ะกับการที่รูปตัวเองตั้งเด่นหราอยู่ตรงนี้ ถึงมันจะย้อนแสงจนเห็นหน้าแค่ครึ่งเดียว แต่ใครที่รู้จักผมมาเห็นเข้าก็รู้ทันทีว่าเป็นผมแน่นอน
"อันนี้ถ่ายตอนไหนวะ"
"ตอนสงกรานต์ที่เชียงใหม่"
"อ๋อ...สวยดี"
"ควายย้อนแสง"
"ไอ้ตัวเหี้ย!"
"อย่าเสียงดัง!" มันดุผมแล้วยกมือขึ้นปิดปาก
"มึงอ่ะ!"
"ล้อเล่นเว้ย"
"ไม่เห็นบอกกูเลยว่าชนะด้วย"
"เซอร์ไพรส์ไง"
ผมหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ในจังหวะที่มันยกสองแขนขึ้นกอดก็สวมกอดกลับไปทันที กวาดสายตามองรอบๆ แล้วไม่เห็นว่ามีใครอยู่ตรงนี้เลยหันหน้าไปจุ๊บแก้มมันทีหนึ่ง มันก็จุ๊บตอบกลับมาทีหนึ่ง กำลังจะสวนกลับไปอีกทีหนึ่ง แต่มันดันเปลี่ยนจากจุ๊บแก้มเป็นจูบปากแทน
"ฮิ้ววว!!!"
"เชี่ย!" ผมดีดตัวออกมาจากกอดของมันเพราะเสียงเพื่อนที่โผล่หน้ากันออกมาแซว
"ไม่ต้องเลยพวกมึงอ่ะ"
"ทำเป็นเขินๆ"
"ไม่ได้เขินเว้ย"
ปากบอกอย่างนั้น แต่ตัวรีบเดินสะบัดออกมาจากตรงนั้นเพราะอายเกินจะอยู่มองหน้าพวกมัน ไอ้บูรพาก็เดินตามมาด้วยก่อนจะตรงกลับหอกัน
...
"เมื่อคืนมึงไปนอนไหนมา"
"นอนบ้านไอ้ไกด์"
"เชี่ยไกด์ หลอกกู"
"กูไม่ให้มันบอกมึงเองอ่ะ อยากให้มึงรู้ว่ากูงอนไง"
ผมนั่งลงบนเตียงนอนแล้วมองหน้ามันอยู่อย่างนั้น
"มองไรวะ"
"ครั้งนี้มึงงอนกูนานที่สุดในรอบปีเลย"
"อือ"
"โกรธมากเหรอวะ"
"อือ แต่หายและ" มันพูดยิ้มๆ แล้วเข้ามานั่งข้างๆ
"ขอโทษ"
"เออ หายแล้วน่า" ไอ้บูรพายกมือเขกหัวผมทีหนึ่งแล้วล้มตัวลงนอน
"อย่างอนแบบนี้อีกนะ ใจคอไม่ดีเลย"
"อือ มาคิดดูแล้ว กูผิดเองแหละ น่าจะคิดถึงมึงให้มากกว่านี้"
"ไม่ดิ กูต่างหากที่ผิด ที่มองว่าความชอบของมึงเป็นเรื่องน่ารำคาญอ่ะ"
"เออ มึงผิดก็ได้"
"เอ้า!"
"ก็เถียงกันอย่างนี้ก็ไม่จบอ่ะ ผิดทั้งคู่ โอเคไหม"
"ก็ได้ ผิดคนละครึ่งละกัน เออตัวมึง กูมีของให้ด้วย"
"ไรอ่ะ" มันเหลือบตาขึ้นมอง ผมหยิบกล่องพัสดุนั่นส่งให้มัน มันรับไปแล้วเลิกคิ้วมองหน้าเป็นเชิงถาม
"แกะดิ"
ผมหยิบคัตเตอร์ส่งให้มัน ใช้เวลาพักหนึ่งมันก็แกะกล่องพัสดุออกมา หยิบของที่อยู่ในนั้นออกมาแล้วหัวเราะเบาๆ สายสะพายกล้องปักชื่อบูรพาที่ผมสั่งจากอินเตอร์เน็ตมาให้มันเพราะเห็นว่าสวยดี
"ชอบป่ะ"
"ชอบ"
"ลองใส่ดิ"
มันหันไปคว้ากล้องแล้วเปลี่ยนสายสะพายอันเดิม ใส่อันนี้เข้าไป
"เดี๋ยวนะ..." มันหยุดมือที่กำลังเปลี่ยนสายสะพายกล้องแล้วพลิกไปอีกแถบ ก่อนจะเห็นชื่อผมอยู่ตรงนั้น
"มันต้องทำแบบนี้เว้ย" ผมว่าแล้วบิดสายสะพายให้มันดู พอบิดสายแล้วชื่อที่อยู่คนละแถบก็จะมาติดกัน เส้นโค้งรอบๆ ชื่อพอบิดมาต่อกันมันจะกลายเป็นรูปอินฟินิตี้ สัญลักษณ์ของคำว่าตลอดไป
"อ๋อ เจ๋งว่ะ"
"กูแสดงความเป็นเจ้าของอ่ะ เลยต้องใส่ชื่อกูไปด้วย"
"หวง?"
"โคตร"
มันส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วเอากล้องกับสายสะพายอันใหม่คล้องคอ
"เท่ป่ะ"
"เท่สุดๆ"
"งั้นออกไปถ่ายรูปกันป่ะ"
"ม่าย! ไปคนเดียวเลย!" ผมโวยลั่นแล้วกลิ้งตัวลงบนที่นอน ไอ้บูรพาหัวเราะหน่อยๆ แล้วนอนตามลงมาด้วย ผมเขยิบเข้าไปใกล้มัน
"บูรพา มึงห้ามไปนอนกับคนอื่นแล้วนะ ไม่ให้ไปแล้ว"
"บ้านไอ้ไกด์ก็ไม่ได้เหรอ"
"ไม่ได้ เดี๋ยวไอ้ไกด์จูบมึง"
"บ้าละ"
"อย่าบ้ากล้องให้มันมากด้วย"
"เออ"
มันตอบรับเบาๆ แล้วขยับเข้ามากอดผม
"กูบ้ากล้องก็จริง"
"..."
"แต่บ้ามึงมากกว่า"
จบประโยคนั้นก็คว้าผมไปจูบปากเบาๆ ก่อนไล่ลงต่ำแล้วแรงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องขยับหนี บ้ากูแล้วหื่นขนาดนี้ก็กลับไปบ้ากล้องเหอะไอ้ตัวมึ๊ง!
...
-HAPPY-
ตอนพิเศษ
แด่ คนอ่านทุกคนซึ่งเป็นพลังบวกของเรา
แด่ บูรพากับองศาเหนือ ซึ่งไม่มีอยู่จริง แต่กลายหนึ่งสิ่งสำคัญของชีวิตไปแล้ว จริงๆ วันนี้เมื่อปีที่แล้วเป็นวันที่เราเริ่มเขียนเรื่องนี้วันแรก เลยยกให้เป็นวันครบรอบไปเลย หนึ่งปีผ่านไปแล้วอย่างรวดเร็ว มองย้อนกลับไป เราก็ผ่านอะไรๆ มาด้วยกันกับเรื่องนี้มากจริงๆ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องแรกที่เขียน แต่ก็เป็นเรื่องแรกที่ทำให้หลายๆ คนรู้จักเรา เป็นเรื่องแรกที่ได้ตีพิมพ์ เป็นเรื่องที่ผ่านสมรภูมิดราม่าอะไรมามากมาย (หากยังจำกันได้ เราประสาทแดกไปพักหนึ่งกับเรื่องนี้ 555555) แต่ถึงยังไงบูรพากับองศาเหนือก็ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่เคยละทิ้งไปจากความคิดเลย ยังอยากเขียนถึงเรื่อยๆ ยังอยากรู้ความเป็นไปของตัวละคร ยังอยากให้ตัวละครกับเราเติบโตไปด้วยกัน ถ้าเรียนจบปีหนึ่งแล้วจะเป็นยังไง ปีสอง ปีสาม ปีสี่ ฝึกงานจะเป็นยังไง เรียนจบแล้วจะทำงานอะไร ไปห่วงใยอนาคตของตัวละครอย่างกับมันมีอยู่จริง นี่คือปกติป่ะเนี่ย 55555
เอาเป็นว่า ตอนพิเศษนี้แทนคำขอบคุณสำหรับหนึ่งปีที่รู้จักกันมานะคะ ทุกคนเป็นพลังให้เราเสมอ เรามักจะเขียนตอนพิเศษไว้ล่วงหน้า แล้วก็อ่านซ้ำๆ ไปในใจก็คิดแค่ว่าอยากให้ทุกคนได้อ่านเร็วๆ จัง บูรพากับองศาเหนือไม่ใช่นิยายที่ดีที่สุด แต่เป็นเรื่องที่หันมองทีไรเราก็ยิ้มออกมาได้ทุกที ถ้าจะคิดถึงนิยายสักเรื่อง หวังนิดๆ ว่าทุกคนจะคิดถึงเรื่องนี้บ้างนะคะ