หมายเหตุ : เหตุการณ์นี้ต่อจากพาร์ทก่อนเริ่มตั้งแต่ไปร้านเหล้านะเออ
[Solo] Special Part 2
[มึงต้องมานะโซ ได้ตำแหน่งทั้งทีไม่มาได้ไงวะ]
เสียงรุ่นพี่ที่ดังมาตามสายทำให้เจ้าของตำแหน่งเดือนมหา’ลัยหมาดๆถอนหายใจยาว
“ไม่ไป”
ไม่ไปก็คือไม่ไป คนอย่างโซโล่พูดคำไหนคำนั้น ถ้าทำให้เขาตกลงได้ต่อให้ไม่พอใจทีหลังก็จะทำให้ แต่ตอนนี้เขาง่วง หงุดหงิด และมีสติครบถ้วน เพราะฉะนั้นไม่ไปก็คือไม่ไป บังคับก็ไม่ไป อ้างอะไรก็ไม่ไปทั้งนั้น
จะนอน!
[ไอ้กีล์มานะ]
“แต่งตัวก่อน”
[ทีงี้เร็วเลยนะมึง สองทุ่มเจอกันร้านบออาบาร์ที่อยู่ข้างมอ]
“อืม”
ก็กีตาร์เป็นข้อยกเว้นของทุกเรื่อง
เขาไม่ชอบสถานที่โหวกเหวกเสียงดังและหนวกหูเป็นที่สุด แต่ก็ต้องพาร่างเดินผ่านฝูงคนเข้าไปด้านใน รู้สึกรำคาญสายตารอบด้านที่จ้องมองมาจนอยากจะหันหลังกลับ ติดอยู่ตรงที่มีเหตุผลให้มาที่นี่ทำให้จำใจต้องเดินเข้าไปด้านในทั้งที่ง่วงแทบตาย
“เฮ้ยมึง!”เสียงทักดังมาจากโต๊ะตัวใหญ่ที่มีคนนั่งอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือรุ่นพี่ที่ลากเขามาที่นี่
“อะแดกๆ เดี๋ยวกีล์มา”
เขารับแก้วเหล้ามาก่อนจะเดินไปนั่งที่มุมมืดของร้านแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาคนที่ยังไม่เห็นหน้าเสียที
Gui Jirayu : กำลังไปครับ : )
เกือบคิดว่าจะโดนหลอกให้มาแล้ว…
คิดแล้วก็เผลอเอาหัวชนเสาแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น
ว่ากันว่าเวลาโดนจ้องมากๆจะรู้สึกตัวท่าทางจะจริง เพราะทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็พบกับสายตาตกใจของคนที่รออยู่ ดีที่ยื่นมือไปคว้าแขนเอาไว้ทันอีกคนเลยไม่ได้หงายหลัง
“…อย่าขยี้ตา”
ดุ…
“เจ็บ”
“ขอพี่ดูหน่อย…ทีหลังล้างหน้าเอานะครับ อย่าขยี้ตาแบบนี้อีก”
เพราะอีกคนไม่ยอมยิ้มเสียทีเลยได้แต่ส่งสายตาไปให้
ไม่อยากให้ดุ อยากให้ยิ้ม…แต่ก็ดีใจอยู่ดีที่เป็นห่วง
“ถ้าเจ็บก็หลับตาไว้สักพักก่อนนะ”สุดท้ายก็ยิ้มบางๆมาให้เหมือนเคย
เขาดึงมือที่ไม่ได้นุ่มนิ่มซึ่งน่าจะเกิดจากการทำงานหนักมาแนบแก้ม สัมผัสอุ่นๆที่ได้รับทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“อืม…หายเจ็บแล้ว”
หลังจากนั้นกีตาร์ก็ชวนเขากลับ แต่พอไปลาพวกรุ่นพี่กลับบ่นใส่กีตาร์จนเขาหงุดหงิด น่าจะเพราะง่วงมากด้วยเลยฟังคำพูดอะไรเหมือนการหาเรื่องไปหมด
ยกเว้นเสียงกีตาร์นะ
กว่าจะขับรถมาถึงคอนโดรู้สึกเหมือนใช้พลังงานไปมหาศาล ดีที่ยังพอมีแรงอยู่บ้าง
อืม…ดูเหมือนจะลืมไปส่งกีตาร์
“เดี๋ยวพี่กลับเองครับ เรารีบไป…”
รู้สึกผิดนิดๆที่แกล้งหลับแล้วให้กีตาร์พาไปถึงห้อง จริงๆคือตอนนั้นคิดไม่ทันว่าจะใช้วิธีอะไรรั้งตัวไว้ดี สุดท้ายเลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุด
“คุณชาย…”
เขาไม่แน่ใจว่าพวกพนักงานเข้ามาช่วยพยุงกี่คน แต่พอรับรู้ได้ว่ากีตาร์อยู่ข้างๆตลอดเวลาก็เลิกคิด…
ก็ลองไม่เข้ามาช่วยคงได้โดนไล่ออกหมด
คอนโดนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจฝั่งพ่อของเขาซึ่งเปิดมานานแล้ว เหมือนจะเป็นตึกแรกที่สร้างขึ้นมาก่อนจะย้ายไปปักหลักอยู่ต่างประเทศ ดังนั้นที่นี่จึงเป็นหนึ่งในธุรกิจไม่กี่แห่งที่มีอยู่ที่ประเทศไทย...และดูเหมือนพ่อของเขาจะขยายธุรกิจมาที่ไทยเร็วๆนี้
นั่นหมายความว่าพ่อ...กำลังจะกลับมาที่นี่
เขาแอบหรี่ตามองเมื่อเห็นว่ากีตาร์กำลังเดินไปเดินมาเหมือนหาอะไรอยู่ สุดท้ายเลยต้องส่งเสียงออกไปเพื่อให้อีกคนหยุดเดิน
“หนาว…”
“พี่ไม่กล้าเข้าห้องเรา ลุกเข้าไปนอนไหวไหมครับ”
คงเพราะพวกพนักงานไม่ยอมไปส่งในห้อง กีตาร์เลยคิดว่าเป็นสถานที่ส่วนตัว...ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เขาไม่ชอบให้ใครเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว
และแน่นอนว่ากีตาร์คือข้อยกเว้น
“กีตาร์เข้าได้…”
ปกติเขาไม่ชอบให้ใครแตะต้องตัว แต่ทุกครั้งที่กีตาร์ลูบหัวกลับรู้สึกดีจนอยากจะอยู่แบบนั้นนานๆ เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นผ่านฝ่ามือนั้นทุกครั้ง กีตาร์ยังคงเป็นคนใจดีที่อ่อนโยนเหมือนเคย...เพราะอย่างนั้นขอใช้ความใจดีนั่นให้เป็นประโยชน์กับตัวเองสักหน่อยคงไม่เป็นไร
“นอนนี่นะ…นะครับ”
เผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้แต่ตื่นมากลางดึกเพราะมือที่จับไว้หายไป หัวใจเต้นแรงจนเจ็บ หงุดหงิดยิ่งกว่าอะไรเพราะเป็นห่วงคนที่หายไปแล้วก็กลัวว่าอีกคนจะหนีไปด้วย แต่กลายเป็นว่ากีตาร์กำลังนั่งเล่นอยู่ตรงโซฟามุมโปรดของเขา
หลังจากสงบอารมณ์แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนตักนุ่มๆอย่างถือวิสาสะ ยิ่งกีตาร์ไม่ว่าอะไรแถมลูบหัวก็ยิ่งได้ใจ อารมณ์หงุดหงิดเมื่อกี้หายไปแทบจะทันที
จริงๆตอนนั้นเขาจำอะไรไม่ค่อยได้นักเพราะตักกีตาร์มันเหมือนยาสลบ...ทั้งอุ่นทั้งสบาย แถมตอนนั้นยังเผลองับนิ้วกีตาร์เพราะได้กลิ่นหอมเหมือนขนมด้วย
“ไม่นอนก็ลุกขึ้นนั่งดีๆสิครับ”
ไม่มีทาง…
หลังจากนั้นไม่นานเจ้าของตักที่บอกว่านอนไม่หลับก็เอนตัวหลับไปก่อนเขาที่บอกว่าง่วงเสียอีก
“ฝันดีครับกีตาร์…”
เขาหยิบมือคนที่หลับไปแล้วขึ้นมาแล้วกดจูบเบาๆที่ข้อนิ้วก่อนจะทรุดตัวลงนอนด้านข้าง
กีตาร์เป็นคนอ่อนโยน...อ่อนโยนและใจดีจนอยากเก็บไว้คนเดียว
ปกติเขาก็ไม่ได้ใส่ใจตัวเองเท่าไหร่อยู่แล้ว แต่พอกีตาร์เข้ามาอีกคนกลับใส่ใจแทนแทบจะทุกอย่าง แม้แต่เรื่องเช็ดหัวกับใส่เสื้อก็ยังโดนดุ...แต่สุดท้ายคนดุก็ทำให้หมดอยู่ดี
น่ารัก...
ไม่เคยบอกกีตาร์เลยสักครั้งว่ากีตาร์ทำอาหารอร่อยแค่ไหน อาหารของกีตาร์เหมือนกับที่แม่ของเขาเคยทำให้กินก่อนจะจากไปไม่มีผิด
กีตาร์กำลังทำให้เขาขาดไม่ได้…
มากขึ้น…มากขึ้นทุกวัน
การได้เจอคนที่อยากเจอในทุกๆวันทำให้การเดินทางมาเรียนมีความหมาย แค่ได้นั่งมองอีกคนทำงานพิเศษในร้านกาแฟ มองใบหน้าของคนที่กำลังยิ้มแย้มให้คนอื่นก็ว่ามีความสุขแล้ว แต่เมื่อคนๆนั้นหันมายิ้มให้...เขารู้สึกเหมือนมันแตกต่างจากคนอื่น
มันเป็นรอยยิ้มที่มอบให้คนเพียงคนเดียว…และนั่นทำให้เขามีความสุขยิ่งกว่าอะไร
“หันซ้ายหน่อย”เขาถอนหายใจเหนื่อยหน่ายก่อนจะทำตามคำสั่งของช่างภาพ ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นงานที่ตำแหน่งนี้ต้องทำคงไปหากีตาร์นานแล้ว
ตัวก็เปียกหนาวก็หนาว ไม่รู้ว่าจะให้ทำไปถึงไหน ทั้งภาพนิ่งทั้งวีดีโอไม่ผ่านสักอย่าง
“เอาไว้มาต่อพรุ่งนี้แล้วกัน กลับๆ”
“น้องโซโล่ ให้พี่ไปส่งนะคะ”
เขาปลายตามองรุ่นพี่ผู้หญิงที่เป็นคนเอาน้ำมาราดตัวเขาแล้วหันหน้าหนีก่อนจะเดินออกจากที่นั่นทันที ไม่รู้ว่าจะวุ่นวายอะไรนักหนา นี่ก็ตั้งแต่เข้ามาแล้ว เขาไม่ชอบคนที่ทำตัวสนิทสนมและชอบแตะเนื้อต้องตัว แต่ผู้หญิงคนนี้ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ เดินหนีตั้งหลายครั้งก็ยังไม่ยอมไปจนรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชายต้องมาลากออกไปทุกที
เขาไม่ใช่คนใจดี ถ้ามันเกินขอบเขตและเขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ขึ้นมาอะไรก็ฉุดไม่อยู่ และเพราะรู้ตัวดีถึงพยายามใจเย็นมาโดยตลอด
ไม่รู้จะเย็นได้นานแค่ไหน…
แต่ความจริงเขาก็ต้องขอบคุณอยู่หน่อยๆ เพราะดูเหมือนในเรื่องร้ายๆน่าหงุดหงิดมันก็มีเรื่องดีๆอยู่เหมือนกัน
กีตาร์เป็นห่วงเขา ยอมไปนอนด้วยกัน…แถมยังได้เห็นกีตาร์หน้าแดงด้วย
เพราะอีกคนยิ้มตลอดเวลาเลยทำให้สังเกตได้ยากว่ากำลังรู้สึกยังไง แม้แต่ตอนโกรธหรือตอนดุมันก็ยังดู…น่ารัก
แต่ครั้งนี้กีตาร์หน้าแดงแบบเห็นได้ชัดจนเผลอแกล้ง
“…หน้าแดง”
ขนาดจะผลักหัวยังผลักเบาๆ…
หลังจากเล่าเรื่องรุ่นพี่ให้ฟัง กีตาร์ที่ดูยิ้มๆตลอดเวลาก็แสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมาแล้วก็ไม่ยอมยิ้มให้ด้วย
“อยากทำตัวติดเธอไม่ต้องห่างไปไหน
ไม่ว่าจะทำอะไรก็อยากทำด้วยกัน
ทุกลมหายใจเข้าออก ทุกเวลาของฉัน…”
เพราะไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่ให้เพลงพูดแทนแล้วขยับปากบอกให้คนหน้าบึ้งยิ้มเสียที
‘ยิ้มๆ’
กีตาร์ยิ้มกว้างจนดวงตาแทบปิด เขาหัวเราะออกมาเบาๆแล้วจ้องมองกลับไปนิ่งงันเพื่อส่งผ่านความรู้สึกที่มีไปให้
“…อยากจะใช้กับเธอ”
อยากอยู่ใกล้ๆตลอดเวลาเลย
วันต่อมากีตาร์มาหาที่สตูแถมยังโมโหแทนเขาด้วย ทันทีที่ผู้ชายปากดีต่อว่ากีตาร์เขาได้แต่จดจำใบหน้านั้นไว้ในใจเพราะกีตาร์ส่งสายตาห้ามปรามมาให้
ถ้ามันไม่มายุ่งกับกีตาร์อีกก็จะยอมปล่อยไปสักครั้ง
เขาไม่เคยเห็นกีตาร์ในมุมแบบนี้มาก่อน ถึงหน้าจะยิ้มหรือนิ่งเฉย ไม่ได้ตวาดหรือพูดจาหยาบคาย แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเชือดเฉือนและน่ากลัวจนอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้
กีตาร์โกรธเพื่อเขา…
การสัมภาษณ์กับกีตาร์มันไม่เหมือนคนอื่น ใบหน้ายิ้มๆที่คอยส่งผ่านกำลังใจมาให้มันทำให้เขารู้สึกดีและอยากจะทำทุกอย่างให้ได้ดีจะได้เดินเข้าไปหาอีกคนไวๆ
“สุดท้ายนี้บอกอะไรกับคนที่ชมวีดีโออยู่หน่อยครับ”
“ขอบคุณครับ”
ขอบคุณที่โกรธแทนและขอบคุณ…ที่เข้ามาในชีวิต
ระหว่างที่เดินกลับไปที่รถรู้สึกปวดหัวจนเหมือนจะเดินเซ คงเพราะเพิ่งมาจากนอกได้ไม่นานเลยยังไม่คุ้นชินกับอากาศที่ไทย แล้วนี่ยังตัวเปียกอยู่ตั้งหลายชั่วโมง ไม่แปลกที่จะไม่สบาย แต่ทุกครั้งที่เกือบล้มก็จะมีมืออุ่นๆยื่นมาประคองและคอยถามคอยห่วงตลอด สุดท้ายก็มานั่งทรุดอยู่ที่ม้านั่งแล้วพิงหัวกับตัวกีตาร์ไว้
ยังไม่ถึงขั้นทรงตัวไม่ได้แต่กลับคิดว่าถ้าได้ใกล้กว่าเดิม…ไม่สบายหนักๆก็ไม่เลวเหมือนกัน
รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเพื่อนแว่วเข้าหัวมาแต่จับใจความไม่ค่อยได้นักเพราะเขาเริ่มปวดหัวหนัก แต่พอได้ยินที่พวกนั้นคุยกันเรื่องทะเลเลยต้องเงยหน้ามองกีตาร์
ไปด้วยกันนะ ถ้าไม่ไปก็ไม่มีความหมายสิ…
หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าขึ้นมาถึงห้องตอนไหน แต่กลับขัดหูขัดตารำคาญเพื่อนสองคนที่ไม่ยอมกลับไปเสียที
อยากอยู่กับกีตาร์สองคน…
กีตาร์ไล่เข้าไปนอนในห้องแต่เขาก็ไม่ไปเพราะอยากอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา แถมเพื่อนเขา…
“ไม่อยากให้อยู่กับพวกมัน”ไม่รู้จะใส่ร้ายอะไรให้กีตาร์ฟังหรือเปล่า รีบๆกลับไปเสียที
ไม่อยากกินข้าวแล้วแต่อยากนอน อยากกอดกีตาร์…
“โซ…”เสียงเรียกอ่อนโยนของกีตาร์ทำให้สิ่งอื่นๆหมดความหมาย แม้แต่ผ้าห่มที่ดูดไว้กับตัวก็เอาไม่อยู่ “นะครับ”
สุดท้ายก็กลั้นใจกินข้าวกินยาเข้าไปจนได้ แถมยังโดนกีตาร์ดุเพราะปากุญแจใส่หน้าเจไดด้วย
ก็มันกวนเขาก่อน…แล้วยังชอบมองกีตาร์อีก
ทั้งที่รู้ตัวว่าไม่สบายแต่ก็อยากกอดกีตาร์ สุดท้ายก็ทนความต้องการไม่ไหวจนดึงอีกคนเข้ามากอด
“ถ้าไม่สบายผมจะดูแลเอง”
เช้าวันต่อมากีตาร์ก็ยังดูแลอยู่ ไม่เคยรู้สึกดีใจที่ไม่สบายขนาดนี้มาก่อน
“ต้องดูแลตัวเองนะครับ ขนาดพี่ทำงานหนักยังไม่ละเลยตัวเองเลย เราต้องรักตัวเองบ้าง เข้าใจไหม”
เขายิ้ม รู้สึกเหมือนหัวใจพองโตเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้น คำพูดที่ไม่มีใครเคยพูดมาก่อน
“กีตาร์เป็นคนแรกที่พูดแบบนี้”
“งั้นเราก็ต้องทำตามนะครับ ดูแลตัวเองบ้าง อย่าหักโหมเกินไป ตอนกลางวันก็ซ้อมได้แต่ต้องหาข้าวมาทาน ส่วนกลางคืนก็แบ่งเวลาพักผ่อนดีๆ อย่าซ้อมจนไม่เหลือเวลานอน…”
บอกไปกี่ครั้งแล้วนะ…กีตาร์น่ารัก
เย็นๆกีตาร์รับโทรศัพท์แล้วทำท่าเหมือนจะกลับ เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไงเพราะยังไม่อยากให้อีกคนกลับเลยสักนิด
“กีตาร์…อยู่ด้วยก่อนนะ พรุ่งนี้จะไปส่งแต่เช้าเลย”เขาส่งสายตาที่มักจะทำให้กีตาร์ใจอ่อนได้เสมอไปให้…แต่ครั้งนี้กีตาร์ใจแข็งไม่ยอมสบตา
“ไม่…”
“นะครับ”
“…”
น่ารัก…
กีตาร์เล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟัง ใบหน้าของอีกคนมีรอยยิ้มตลอดเวลา เสียงของกีตาร์ดูมีความสุขและภูมิใจในตัวของคุณแม่ แต่เขามองเห็นความเศร้าในดวงตาคู่นั้น
"สักวันเราไปด้วยกันนะ..."
"ไป?"
"ไปหาแม่กีตาร์"
"โซอยากไปหาแม่พี่ทำไมเหรอครับ"
"ผมอยากเจอท่าน…”
เขายื่นมือไปแตะแก้มใสซึ่งอีกคนก็เอียงหน้าเข้าหาแล้วหลับตาลง กีตาร์ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีน้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากดวงตา
“ผมอยากรู้ว่าท่านเป็นคนยังไง…”
เขาขยับมือไปแตะหยดน้ำตาที่หยุดอยู่ที่ริมฝีปากบางนั้นแผ่วเบา กีตาร์ลืมตาขึ้นมองด้วยสายตาอ่อนโยน…และสะท้อนความรู้สึกเดียวกันกับเขา
"ทำไมถึงทำให้กีตาร์เป็นคนอ่อนโยนแบบนี้ได้"
หน้าผากและจมูกของเราสัมผัสกัน ก่อนที่เขาจะกดริมฝีปากลงที่อีกด้านของนิ้วที่แตะไว้บนริมฝีปากอีกคน
ถึงจะยังส่งผ่านความรู้สึกที่มีทั้งหมดไปให้ไม่ได้เพราะยังไม่มีสิทธิ์
แต่ตอนนี้รู้แค่นี้ก็พอ…
‘ผมจะอยู่ตรงนี้ข้างๆคุณ…และจะไม่ยอมปล่อยคุณไป’
---------------------------------
ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์
FAN PAGE : Chesshire. Twitter : Chesshire04