ทวงครั้งที่ 17
ครืด... มือถือตรงคอนโซลสั่นเป็นรอบที่แปดตั้งแต่ออกรถมา และครั้งนี้นเรนทร์เป็นฝ่ายทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยถาม
“ไม่รับสายเหรอ”
“ไม่จำเป็น” คนขับเหลือบตาอ่านชื่อบนนั้นก่อนจะโยนมันลงบนตักตุ๊กตาหน้ารถ “ปิดเครื่องให้หน่อย”
“คุณฉานโทรมา” เรนอ่านชื่อบนนั้น “อาจจะเป็นห่วงอยู่ก็ได้ จะไม่รับสักหน่อยเหรอครับ”
“ปิดเครื่อง”
ได้รับคำสั่งเป็นครั้งที่สองเรนเลยต้องจำใจทำตาม เขามองเครื่องมือสื่อสารที่ค่อย ๆ ดับลงพร้อมกับบางอย่างที่อัดแน่นในอก แต่พูดออกมาไม่ได้
เฮียแสงโกรธอย่างปากว่าจริง ๆ หน้าที่ดุอยู่แล้วน่ากลัวขึ้นไปอีก คิ้วขมวดเป็นรอยบุ๋ม ขบกรามแน่นจนเห็นกล้ามเนื้อตึงเครียด ยิ่งไม่ยอมพูดอะไรคนทำผิดยิ่งกังวล เรนยอมโดนตะคอกด่าดีกว่ามาเจอสถานการณ์ที่กลายเป็นธาตุอากาศแบบนี้
ภาพอาคารบ้านเรือนผ่านตาไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีอารมณ์หยุดมองอะไรทั้งนั้น ตอนแรกแสงเหยียบมิดด้วยซ้ำ พอใจเย็นขึ้นถึงได้ปรับความเร็วเข้าสู่โหมดปกติ
ในอกยังเจ็บราวกับถูกกรีด ที่น่าตลกคือคนสร้างบาดแผลนั้นไม่ใช่แม่ แต่เป็นนเรนทร์ต่างหาก เรื่องที่แม่พูดออกมาแสงรู้อยู่แก่ใจ ทุกการกระทำที่ผ่านมาชัดเจนจนไม่ต้องรอคำยืนยัน
ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่นเรนทร์กลับเที่ยวพูดจาเหมือนเขาเป็นเด็กดีที่พยายามช่วยเหลือน้องชาย
มันน่าสมเพชสิ้นดี...
เขาไม่ต้องการความสงสารจากใครทั้งนั้น
“ผมขอโทษ”เสียงนั้นทำลายความเงียบในห้องโดยสาร แสงพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ เพื่อบรรเทาโทโส
“เป็นเรื่องของครอบครัวเฮียแท้ ๆ ไม่น่าไปยุ่งเลย”
“มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ” คนขับเอ่ยเสียงแข็ง “แกทำเหมือนเรียกคะแนนสงสารให้ฉัน”
“ผมไม่ได้คิดว่าเฮียน่าสงสารนะ!”
“แต่แกทำ”
คำพูดนั้นถูกต้องจนเรนเถียงไม่ออก การกระทำโดยขาดสติเมื่อครู่ไม่ต่างจากการขอความเห็นใจเลยสักนิด เที่ยวอธิบายว่าลำบากนู่นนี่เพื่อน้องชาย สำหรับคนอย่างแสงถือเป็นการดูถูกกันชัด ๆ
ขนาดตอนไปขอความช่วยเหลือจากคุณนกแสงยังปิดไม่ให้เขารู้ นี่ถึงกับตะโกนบอกคุณฉานบอกแม่ เฮียคงเสียศักดิ์ศรีน่าดู เจ้าตัวยังไม่เดือดร้อนแท้ ๆ ทำไมต้องเข้าไปยุ่งด้วย
แต่หากย้อนเวลากลับไปได้เรนก็จะขอทำเหมือนเดิม…
“ผมไม่ได้อยากให้เขาสงสารเฮีย แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าเฮียน่าสงสารด้วย”
“แต่แกพูดว่า..”
“ก็ผมทนไม่ได้ที่เขามาด่าเฮียนี่นา!”ใช่! เรนทนไม่ได้ ทั้งน้ำเสียงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม หากทำใส่ตัวเขาคงจะไม่รู้สึกอะไร แต่กลับร้อนรุ่มไปทั้งอกเมื่อแสงโดนครหา
ใครก็ไม่อยากให้คนที่ชอบโดนดูถูก...“มาด่าเฮียทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยแท้ ๆ” มือที่จับสายเข็มขัดนิรภัยกำแน่นขึ้นเพื่อระบายความรู้สึกที่สุมในอก “ผมก็แค่อยากให้เขารู้ว่าเฮียมีดีมากกว่านั้น”
เหมือนความจริงใจโง่ ๆ ของเรนจะส่งไปถึงแสงได้ล่ะมั้ง เจ้าตัวถึงได้ถอนหายใจออกมา “เฮ้อ~”
“ขอโทษครับ”
“ทำอะไรโง่ ๆ” มือที่จับพวงมาลัยหักเข้าซอยด้านข้าง ตีวงกว้างเสียจนร่างเอียงไปอีกฝั่ง “ไม่รู้จักคิด”
เจ้าจิ้งจอกนั่งจ๋อย “ผิดไปแล้วครับ”
“ว่าง ๆ ก็ไปตรวจซะบ้างว่าขนาดสมองยังเท่าเดิมอยู่หรือเปล่า หรือว่าโดนซ้อมจนมันฝ่อไปหมดแล้ว”
“ผมไม่ดีเองครับ” คนสมองลีบยอมรับว่าดีใจที่โดนด่าไม่น้อย ดูท่าจะเสพติดอะไรแปลก ๆ เข้าซะแล้ว จังหวะนั้นเองที่เหลือบมองข้างทางแล้วพบความผิดปกติบางอย่าง “เฮียมาทางลัดเหรอ”
“อยู่นิ่ง ๆ”
อีแบบนี้พามาฆ่าหรือเปล่าหว่า... ปกติก็เหี้ยมอยู่แล้ว รอบนี้มีชนักติดหลังถ้าแสงจะยอมให้หนี้เฮียใหญ่สูญด้วยการพาไอ้เรนไปถ่วงน้ำก็จะไม่แปลกใจเลยสักนิด เหยื่อได้แต่นั่งนิ่ง ๆ มองสองข้างทางที่เปลี่ยนจากอาคารสูงเป็นบ้านเรือนหลังเล็ก ภาพชีวิตยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมาเริ่มฉายซ้ำในหัว สงสัยพ่อจะเหงาเลยเรียกให้เขาไปหาเร็วขึ้น...
ล้อหยุดสนิทตรงฟุตปาธ แสงปลดเข็มขัดนิรภัยพร้อมส่งสายตาบอกให้เด็กรับใช้ตามออกมา คนแซ่ซ่งจำต้องทำตามอย่างเสียมิได้
หนุ่มใหญ่ออกเดินนำไป เลี้ยวเข้าตรอกทะลุออกมาด้านหลังสุด ยิ่งก้าวขาเท่าไหร่เสียงน้ำไหลก็ชัดขึ้นเรื่อย ๆ และทันทีที่พ้นเหลี่ยมอาคารออกมาเรนก็เห็นสะพานคนข้ามเส้นหนึ่ง ริมตลิ่งสองฝั่งถูกราดคอนกรีตเป็นเนินลงไปในแม่น้ำ
พรึ่บ! ลมหวดเข้าหน้าจนต้องหลับตาปี๋ บริเวณนั้นโล่งเตียนไม่มีต้นไม้ใหญ่คอยบังลมทำเอาเส้นผมพันกันยุ่งเหยิง เขาเห็นแสงนั่งลงบนบันไดที่เซาะร่องคอนกรีตเข้าไป จึงถือวิสาสะทิ้งตัวข้าง ๆ โดยเว้นระยะห่างไว้พอสมควร เมื่อหลบลงมาด้านล่างจึงมีกำแพงช่วยบังทิศทางลม ทำให้อากาศตรงนั้นเย็นกำลังดี
นเรนทร์ขบริมฝีปากคิดไม่ตก ถึงจะสัมผัสได้ว่าเฮียแสงเกรี้ยวกราดน้อยลง แต่ไม่ได้แปลว่าหายโกรธแล้วนี่นา ชายหนุ่มก้มมองแม่น้ำสายเล็กตรงหน้าพลางไพล่คิดหาเรื่องทำลายความเงียบ
“เฮียรู้จักที่แบบนี้ด้วยเหรอ”
“ฉันเคยทำงานประจำแถวนี้” มือขวายกชี้ไปด้านหลัง “ถัดจากตรงนี้ไปสองซอยมีสำนักงานทนายความ”
“อ้อ”
แสงถูนิ้วชี้กับกลางไปมาอย่างงุ่นง่านเพราะเปรี้ยวปากอยากบุหรี่ เขายังไม่อยากกลับถึงห้องทั้งที่มีเรื่องมากมายเต็มหัว ขอแวะสูดอากาศให้หัวโล่งสักหน่อยก็แล้วกัน ความจริงก็คิดเพียงเท่านั้น แต่เด็กข้าง ๆ เครียดกว่าตัวเองเสียอีก เขาถอนหายใจเป็นรอบที่สิบของวันนี้
“ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” เรนหันขวับทันที “จากนี้จะรำคาญก็แต่ไอ้ฉานโทรมาขอโทษนั่นแหละ”
“พูดถึงคุณฉานแล้วรู้สึกผิดที่หงุดหงิดเขาเลย”
“มันเป็นของมันแบบนั้นแหละ ดีจนเกลียดไม่ลงเลยล่ะ”
“แต่พอคิดว่าความใจดีของเขาทำให้เฮียต้องมาโดนด่าผมก็โมโหอยู่ดี”
“ฮ่า ๆ ๆ” เสียงหัวเราะของแสงทำอีกฝ่ายใจชื้น “ฉันเคยผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนกัน สมัยเด็กน่ะใครก็คอยเปรียบเทียบว่าทำไมคนน้องไม่เห็นเหมือนพี่เลย ทั้งฉลาดกว่า เรียบร้อยกว่า...”
“ก็ถูกของเขา”
“แกไม่ได้ด่าฉันอยู่ใช่ไหม” แสงแยกเขี้ยวขู่ “ตอนนั้นฉันเคยนึกอยากจะเกลียดไอ้ฉาน แต่ทำไม่ลงจริง ๆ ข้อเสียของมันคืออะไรยังหาไม่เจอด้วยซ้ำ คนแบบนี้น่ะเกิดมาเพื่อเป็นที่รักเท่านั้นแหละ”
“......”
“ถูกแล้วล่ะ เขาโชคดีจริง ๆ ที่มีฉาน”สิ่งที่ออกจากปากแสงนั้นถูกต้องอย่างไม่มีข้อโต้เถียงเลย ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแต่นเรนทร์หงุดหงิดใจเกินกว่าจะนั่งเฉย
“แต่ก็ไม่ได้แปลว่าโชคร้ายที่มีเฮียสักหน่อย”
“ฟังนะเรน” คนอาบน้ำร้อนมาก่อนขยับเข้ามาใกล้ขึ้น “ฉันไม่ใช่เด็กที่จะหลอกตัวเอง เขารู้สึกยังไงมันก็เห็น ๆ อยู่ ถ้ามองในมุมเขาก็ไม่แปลกหรอก ฉานมันทั้งฉลาด หน้าที่การงานก็ดี แถมยังสุภาพเรียบร้อย สมัยเด็กตอนฉันไปวิ่งเล่นโดนฟาดขาลายไอ้ฉานกลับท่องสูตรคูณอยู่ในห้อง แม่ที่ไหนก็ต้องรักลูกแบบนี้”
“.......”
“เทียบกับฉันที่ไม่เป็นโล้เป็นพายแถมยังไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืดอีก” ลูกคนโตยกนิ้วนับ “ดื้อแต่เด็ก ไม่เคยเชื่อฟัง กวนประสาท อ้อ...ที่ฉันพาแกไปวันนี้ก็ตั้งใจแบบนั้นแหละ”
“พอจะรู้อยู่”
“แล้วไหนจะเป็นเกย์ ไม่มีลูกมีหลานให้อุ้ม ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยเสเพล” คนพูดคลี่ยิ้ม “ส่วนฉานน่ะครอบครัวสมบูรณ์แบบ เมียก็ดี มีลูก ๆ น่ารักวิ่งเล่นในบ้านให้ชื่นใจ บางทีฉันยังอิจฉามันเลย”
“เฮีย...”
“ถึงได้บอกไงว่าเขาจะเกลียดฉันก็ไม่แปลกหรอก”
ทั้งที่เล่าเรื่องอันเจ็บปวดแท้ ๆ แต่แสงกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ก้อนเนื้อตรงอกซ้ายเต้นตามอัตราปกติ ไม่บีบตัว ไม่เรียกร้องให้หลั่งน้ำตา มันด้านชาจนไม่รู้สึกอะไร....
เสพติดความเกลียดชัง ยอมรับว่าตัวเองเหมาะสมกับสิ่งนั้นแล้วปลายนิ้วทั้งห้าประสานแตะกัน ถูไปมาราวกับใช้ความคิด “เพราะงั้นบางทีฉันก็อิจฉาไอ้ฉาน แต่ก็ดีใจที่เห็นมันมีความสุขล่ะนะ เพราะมันทำหน้าที่ทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบแล้ว ฉันเลยสบายไป”
คำพูดนั้นกัดกร่อนใจคนฟังเหลือเกิน เรื่องน่าเศร้าไม่ควรถูกเล่าอย่างเรียบเฉย มันเท่ากับว่าแสงไม่ได้คาดหวังอะไรอีกต่อไปแล้ว...
แต่เรนไม่เชื่อหรอก...
“ไม่จริงหรอก ผมว่าลึก ๆ แล้วเฮียยังหวังให้เขาสนใจอยู่”
“แกพูดอะไร...”
“ถ้าไม่หวังจะพาผมไปให้เขาหงุดหงิดทำไม จะเล่นละครเรียกร้องความสนใจไปทำไม”
“ไม่ใช่...”
“เฮียน่ะชอบประชดให้เขาสมเพช แต่จริง ๆ ก็อยากให้ยอมรับใช่ไหมล่ะ”
“ฉันไม่ได้...”
เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ....แสงน้ำท่วมปาก เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นจนกระทั่งเรนสะกิดแผลขึ้นมา วินาทีนั้นอกซ้ายบีบตัวแรงขึ้น อาการปวดวาบเข้ามา ผ่านมานานขนาดนี้แล้วเขายังมีความรู้สึกหลงเหลืออยู่อีกงั้นเหรอ?
อา...ไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย...พอหันมาเจอแววตาซุกซนของอีกฝ่ายก็ถึงกับชะงัก
“ขี้อิจฉาจังเลยน้า~”
การเย้าแย่นั่นทำเผลอยิ้มออกมาในบรรยากาศที่แย่ที่สุด.... “ไม่อยากให้แกเป็นคนพูดเลย”
“ฮ่า ๆ ๆ” ทำคนอื่นเขาปวดหัวแล้วยังมาหัวเราะร่าอีก มันน่าถีบตกน้ำเสียจริง “เอาน่าเฮีย ถ้าเกลียดแบบไม่เผาผีคงไม่มีจิกตาถามซอกแซกตอนเจอผมที่ห้องหรอก อย่างน้อยก็ยั่วโมโหขึ้นอยู่”
“ฉันว่าฉันเปรตแล้วนะ แพ้แกจริง ๆ เลย”
“ผมจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะ”
บรรยากาศหนักอึ้งผ่อนคลายลง คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่จอดรถสูดอากาศสักหน่อย ไม่สิ...อาจจะไม่เกี่ยวกับอากาศ แต่เป็นคนข้าง ๆ ต่างหาก
นเรนทร์เป็นตัวดูดสมองหรือไงกัน ตอนนี้หัวถึงได้โล่งสบายเหมือนคนโง่ไม่ต่างจากมันเลย แสงเอนหลังลงพิงกับพนักคอนกรีต มองพระจันทร์เสี้ยวที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ เพราะทุกอย่างเป็นใจเลยเผลอหลุดปากเล่าเรื่องไม่เข้าท่า
“วันนี้ไอ้ฉานน่าอิจฉาชะมัด” พอหลุดนิสัยเด็กออกมาครั้งหนึ่ง ครั้งต่อไปย่อมตามมา “ไม่น่าไปช่วยมันเลยพับผ่าสิ”
“นั่นสิ ผมยังเผลอเคืองไปด้วยเลย มีน้องเป็นเทวดานี่ก็ลำบากเนอะ หาเรื่องเกลียดก็กลายเป็นรู้สึกผิดแทน”
“ฮ่า ๆ ๆ” คงจะมีแต่เรื่องนี้ที่เขาคิดตรงกับมัน “พอใจกับภูมิใจก็น่ารักมากเลย”
“……..”
“ยิ่งอิจฉาเข้าไปอีก...”
ชายหนุ่มหันขวับเมื่อพบว่าประโยคนั้นเบาหวิว แสงไม่ได้หันมามองหน้าคนฟัง เขามองตรงไปยังผืนน้ำพร้อมกับรอยยิ้มเศร้า ๆ และนั่นเป็นสีหน้าที่ชัดเจนที่สุดตั้งแต่มาเหยียบที่นี่
อกซ้ายบีบตัวรุนแรง เรนรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็ง ๆ อยู่ในลำคอ พยายามกลืนเพื่อจะพูดเรื่องอะไรตลก ๆ ก็ไม่ลงเสียที เขาได้แต่นั่งนิ่งรอจนอีกฝ่ายยอมเปิดปากต่อ...
“ตอนที่ฉันรู้ตัวว่าชอบผู้ชายก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก ยังไงก็มีฉานที่ทำให้แม่กลายเป็น ‘ย่า’ ได้” แสงพูดกลั้วหัวเราะ “แต่รู้อะไรไหมยิ่งอายุมากขึ้นมันยิ่งแย่ว่ะ เพื่อนพากันแต่งงานมีครอบครัว แม้แต่คนที่เป็นเกย์บางคนยังมีลูกเลย บางทีก็เผลอคิดขึ้นมาว่ามันดีแล้วจริง ๆ น่ะเหรอ”
เงาของนเรนทร์ขยับไหวเล็กน้อย..
“เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย จริงจังบ้างไม่จริงจังบ้าง ผูกมัดกันแบบหลวม ๆ ถ้ามีอะไรไม่พอใจก็ไม่ต้องทน ทั้งที่เป็นแบบนั้นก็ดีแล้วแท้ ๆ”
“แต่สุดท้ายคนเราก็ต้องการครอบครัวหรือเปล่า”คำถามนั้นไร้ซึ่งคำตอบ... บางทีแสงอาจจะมีคำตอบในใจแล้วก็ได้ ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยลึก ๆ แล้วซ่อนความอ่อนไหวไว้ สี่สิบเอ็ดปีที่ผ่านมาก็พบเจอแต่รักที่ไม่สมหวัง ดื่มด่ำ ซ้ำซาก และจากลา...
บางทีเขาอาจจะเกิดมาเพื่ออยู่อย่างโดดเดี่ยว และตายอย่างโดดเดี่ยว แสงแค่นยิ้มกับตัวเอง สุดท้ายแล้วเขาก็แค่ไอ้ขี้แพ้ในทุกความสัมพันธ์
“สมัยเด็กน่ะ” ในห้วงแห่งความเงียบนเรนทร์กลับเลือกที่จะโพล่งประโยคโง่ ๆ ซึ่งไร้ความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา “ผมโง่วิชาภาษาอังกฤษมากเลย”
“ตอนนี้ก็ดูเหมือนเดิมนี่”
“ขอเถอะ อย่างน้อยก็เรียนมหา’ลัยรู้เรื่องนะครับ” มันยืดอกโอ้อวด “นั่นแหละ ผมโง่ แต่โชคดีที่ครูเก่งมากเลย”
ทั้งที่เป็นเรื่องไร้สาระ แต่แสงกลับคิดว่ามันน่าฟัง เขายกมือเท้าคาง เลิกคิ้วให้เป็นเชิงบอกว่า ‘เล่าต่อสิ’
“วันหนึ่งผมสอบตกสะกดคำหมวดเครือญาติ ไอ้พวกพ่อแม่พี่ป้าน้าอาน่ะ แค่หัวข้อยังสะกดผิดเลย ฮ่า ๆ ๆ” เรื่องโง่แท้ ๆ ดันเล่าเสียสนุกเชียว “ครูเลยสอนเทคนิคช่วยจำให้ ไอ้หัวข้อว่า Family น่ะ ให้ท่องว่า Father And Mother I Love You”
“ตอนนั้นไม่เข้าใจสักนิด แม่น่ะทิ้งผมไปตั้งแต่เด็กแล้วนี่นา ทั้งที่หน้าเหมือนกันยังกับแกะก็ยังทิ้งก้อนเนื้อที่เหมือนตัวเองได้ลงคอ แต่พ่อน่ะคนละทางเลย โดนเข้าใจผิดว่าลักพาตัวเด็กอยู่บ่อย ๆ” เล่าแล้วก็ล้วงเอามือถือมาแอบใส่รหัสปลดล็อกแล้วเปิดหารูปให้ดู “นี่ไง! พ่อผม”
แสงรับมาดู บนหน้าจอปรากฏภาพชายวัยกลางคนที่หน้ากระเดียดไปทางจีน ตาตี่เป็นเส้น ผิวขาว คิ้วบาง “ฉันก็คิดอยู่ว่าแกหน้าไม่เหมือนคนจีนแท้ ๆ เลย”
“ใช่ไหมล่า” เรนรับมือถือคืนจากอีกฝ่าย ปัดไปมาดูรูปอื่นด้วยหวนคิดถึง “แม่หน้าคมหน่อย ถึงได้มีฝรั่งมาติดพัน ก็นั่นแหละเขาหนีตามกันไป ทิ้งผมไว้กับพ่อ”
รอยยิ้มของคนในรูปทำเอาชายหนุ่มยิ้มตาม...
“วันนั้นผมเลยกลับบ้านไปถามพ่อว่าถ้าจะสะกดคำว่า Family ผมต้องรักแม่ด้วยเหรอ ทั้งที่เขาไม่อยู่แล้วเนี่ยนะ”
แสงจ้องเข้าไปในดวงตาซุกซน ราวกับวินาทีนั้นเด็กชายนเรนทร์มานั่งตรงหน้าเขา.... “แล้วคุณณรงค์ตอบว่าอะไร”
“ครอบครัวไม่ได้แปลว่าพ่อแม่ลูกสักหน่อย ก็แค่ใครสักคนที่เราอยากเจอตอนกลับบ้าน” ภาพวาบเข้ามาในหัวของแสง ห้องสี่เหลี่ยมอันเงียบเหงากลับมีใครอีกคนนั่งรอบนโซฟา นอนบนเตียง หรือแม้แต่ยืนหน้าเตาทั้งที่ไฟดับ
ไม่ต้องมีภรรยาแสนสวยหรือเด็กตัวเล็ก ๆ วิ่งในบ้าน แสงนึกภาพตัวเองมีครอบครัวในอุดมคติแบบนั้นไม่ออกเลยสักนิด แต่หากแทนที่ช่องว่างนั้นด้วยใครสักคนที่ทำให้การกลับบ้านมีความหมายขึ้นมา เขาก็คิดว่ามันไม่เลวนัก....
หัวใจบีบตัวแรงขึ้นวูบหนึ่งยามที่จับจ้องไปยังนเรนทร์ ชายหนุ่มมองกลับมายังเขาพร้อมกับยักคิ้ว...
“ผมเลยได้ข้อสรุปว่าภาษาอังกฤษนี่มันยากจริง ๆ”
“โง่เอ๊ย” ช่างเป็นด่าที่หวานหูเสียจนคนฟังเผลอฉีกยิ้มจนตาปิด น่าหมั่นไส้จนอดจะเขกกะโหลกมันไม่ได้
“โอ๊ย! เจ็บนะเฮีย!” เรนโอดครวญจนเกินงามพร้อมบ่นงึมงำ “คนอุตส่าห์เล่าให้ฟัง”
มากกว่าความโง่ของมันคือแสงที่ไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิด มันเรื่องอะไรที่เขาต้องมาจับเข่านั่งเล่าเรื่องตัวเองให้เรนฟังด้วย กับเด็กเวรที่มีคดีติดตัวแบบนั้น...
เฮ้อ....
“ยังไงก็ขอบใจแกนะ” “เชี่ยยยยยย!” พรืดดดด! โทรศัพท์ไหลพรวดเด้งชนมือซ้าย กระแทกมือขวา ร่วงลงเข่า โชคดีที่เรนหนีบขาเข้าหากันได้ทันท่วงที มันจึงไปคาอยู่ตรงหว่างขา มืออันสั่นเทาค่อย ๆ คีบมันขึ้นมากอดแนบอกอย่างเสียขวัญ “โถ...เกือบไม่รอดแล้วลูกเอ๊ย...”
“เล่นอะไรของแก”
“เล่นกะผีน่ะสิ!” พอสติเข้าร่างก็หันมาแง่งใส่ตัวต้นเหตุ “เฮียนั่นแหละจู่ ๆ ก็พูดอะไรแบบนั้น...”
“แค่ขอบใจเนี่ยนะ”
“แต่มันมาจากปากเฮียนี่นา” ก็เลยพิเศษกว่าทั่วไป... “ปกติเคยพูดที่ไหนล่ะ”
“งั้นก็ซาบซึ้งซะให้พอล่ะ” พ่อคนขี้เก๊กกระแอมไอแก้ประหม่า ก็ใครใช้ให้นเรนทร์ทำหน้าดีใจขนาดนั้นเล่า “คงไม่มีโอกาสได้พูดบ่อย ๆ”
“ได้รับคำขอบคุณเพราะไปด่าแม่เฮียนี่มันออกจะอิ่มบาปอิ่มบุญไปพร้อม ๆ กันเลยแฮะ” ถึงกระนั้นก็อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ที่สุด เรนยืดอก “เพราะงั้นถ้ารอบหน้าเฮียอยากยั่วโมโหแม่อีกก็เชิญใช้ผมได้ตามสบายเลยนะ”
“พอแล้วสิวะ” พูดตามตรงแสงคงไม่ติดต่อกับทางบ้านไปอีกพักใหญ่ รอจนเรื่องซานั่นแหละ แต่ที่แน่ ๆ พรุ่งนี้คงต้องคุยกับฉานให้มันจบ จะได้ตัดรำคาญไป
ร่างสูงหยัดกายขึ้นพลางบิดขี้เกียจไปมา เข็มนาฬิกาบนข้อมือหมุนไปแตะเลขสิบสองเป็นที่เรียบร้อย จบกันทีวันที่แสนวุ่นวาย ให้มันดับวูบลงเหมือนเปลวเทียนบนเค้กวันเกิดเถอะ
สมองโล่งเสียจนอยากทิ้งตัวลงนอนมันซะตรงนั้น ทว่าแสงไม่ไว้ใจให้เรนขับรถ เขาล้วงกุญแจในกระเป๋ากางเกงออกมาแกว่งเล่นพร้อมออกคำสั่ง “กลับเถอะ”
เจ้าจิ้งจอกพุ่งตัวตามออกไปทันทีราวกับกลัวโดนทิ้ง ไต่ขึ้นเนินคอนกรีตไปสี่ห้าก้าวพื้นก็กลายเป็นถนนโดยสมบูรณ์ นเรนทร์เร่งฝีเท้าอีกนิดเพื่อขึ้นไปขนาบข้างแสง มองเงาที่ทอดยาวไปด้านหน้าอย่างรื่นรมย์
“เรื่องที่เฮียเหงาน่ะ....”
“ฉันไม่ได้พูดว่าเหงา”
เรนเกาหัวแกร่ก ๆ โอเค...ยอมรับว่าไม่ได้ใช้คำนั้น แต่ตีความได้แบบนั้นไม่ใช่หรือไง จะอ้าปากเถียงก็ป่วยการจะพูด “ผมก็แค่จะให้คำแนะนำ”
“หือ?” เด็กเมื่อวานซืนเคยมีแฟนแค่คนเดียวน่ะหรือจะมาแนะนำเขา แสงขมวดคิ้ว ทว่าชายหนุ่มข้าง ๆ กลับยักไหล่ไม่แยแสการต่อต้านนั้น
“เฮียก็แค่หาแฟนเด็กกว่าเยอะ ๆ” เรนยกนิ้วขึ้นนับ เหลือบตาขึ้นฟ้าอย่างใช้ความคิด “ทำอาหารได้ รีดผ้าเรียบ จัดของเป็นระเบียบ เปลี่ยนหลอดไฟได้ ซ่อมท่อประปาเป็น พูดเก่ง ร่างเริง แจ่มใส เรื่องอย่างว่าเอาแบบไม่ต้องเก่งมาก อายุเยอะแล้วทำบ่อย ๆ เดี๋ยวปวดหลัง หน้าตาน่ารักสักหน่อย...”
คุณสมบัติไกลตัวเหลือเกิน ชาตินี้คงหาไม่ได้หรอก แสงกัดปากกลั้นขำขณะมองตรงไปด้านหน้า
“เขาจะได้ช่วยดูแล อีกอย่างยังไงเฮียก็น่าจะตายก่อน ไม่เหงาแน่นอน”
“ไอ้เด็กเวร!”
“ฮ่า ๆ ๆ”
ไอ้เด็กซ่งหัวเราะดังลั่นจนแสงกลัวคนแถวนั้นเอาอะไรมาขว้างหัว ต้องดุมันสายตานั่นแหละถึงจะยอมเงียบ เรนปาดน้ำตาที่คลอเบ้าออกแถมยังไอค่อกแค่กจนสเลดแตก
“โอ๊ย! เฮียทำผมร้องไห้เลยเนี่ย ขาก...”
“ใครใช้ให้แกเส้นตื้นล่ะ” แสงชี้หน้าอีกฝ่าย “อย่าถุยออกมานะ แซ่ซ่งไม่ได้หมายความว่าแกจะถุยที่ไหนก็ได้”
“รู้แล้วน่า ไม่ได้เพิ่งโล้สำเภามาสักหน่อย” ว่าแล้วกลืนลงคอดังอึก
“สกปรก”
นเรนทร์ยังหน้าด้านเข้าไปกระแซะ ๆ ชนแขนแสง “ไหน ๆ เฮียบอกว่าอุ้มเด็กแล้วหยุดร้องไห้ทุกคน อุ้มผมไปส่งที่รถหน่อยสิ”
“แกน่ะเหรอเด็ก” คนแก่กว่าพ่นลมออกจมูก “โตเป็นควายแล้ว คิดว่าตัวเองหนักเท่าไหร่”
“เอ๊~” เรนลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด “เมื่อกี้เหมือนจะมีคนแพ้พนันน้า~”
ฉะ...ฉิบหายละ...สองขาชะงักกึก เหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มหน้าผาก ไอ้ที่นั่งลมโกรกหัวโล่งเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นคำหยาบคายวิ่งเต็มสมอง จะพ่นออกมาก็ไม่กล้า เพราะคำว่าไอ้ขี้แพ้มันแปะหรากลางหน้าผาก
แม่งเอ๊ย... การพนันเป็นสิ่งไม่ดี วันนี้เพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่น่าไปตกปากรับคำกับเด็กนรกคาดเดาการกระทำไม่ได้อย่างเรนเลย หันไปมองระยะทางจากจุดนี้ไปถึงรถก็จัดว่าไกล กลับมามองขนาดตัวนเรนทร์ก็ยิ่งคิดไม่ตก โอเค...มันก็ไม่ได้ตัวใหญ่ล่ำบึกอะไร แต่เดินไกลขนาดนั้นเตรียมหลังหักได้เลย หรือนี่จะเป็นแผนหนีหนี้ที่มันวางไว้...
แต่คนอย่างแสงพูดแล้วไม่คืนคำ! หนุ่มใหญ่เดินไปดักหน้าไอ้เด็กซ่งด้วยสีหน้าขึงขังราวทหารออกศึก เขาพลิกตัวหันหลังพร้อมย่อตัวลงยกมือขึ้นต่างอาน
“ขึ้นมาสิ”
“เฮียนี่เป็นคนจริงจังกับทุกเรื่องเลยนะ” เสียงถอนหายใจของไอ้เด็กเมื่อวานทำแสงเส้นกระตุก แถมยังโดนมันตบบ่าแปะ ๆ “ยืนเถอะเฮีย ผมล้อเล่น ไม่อยากพาคนแก่ไปโรง’บาลนะ”
ถึงจะหงุดหงิดแต่ก็ยอมรับว่าโล่งอก แสงรีบลุกขึ้นยืนทันที “งั้นก็เก็บไว้ขอทีหลังแล้วกัน”
“ไม่ครับ ผมจะขอตอนนี้เลย”
“......”
“ช่วยกอดผมทีได้ไหมครับ” ภายในตรอกเล็ก ๆ พลันเงียบงัน มีเพียงเสียงลมที่หวีดลอดผ่านช่องแคบระหว่างอาคารเท่านั้น คำขอนั่นหมิ่นเหม่ในแง่ความรู้สึก แสงไม่เข้าใจเลยสักนิดว่านเรนทร์จะเอาโอกาสกลั่นแกล้งเขามาแลกกับการกอดเนี่ยนะ หรือว่านี่คือการแกล้งรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน
เส้นผมสีทองพลิ้วไหลละข้างแก้ม คลอเคลียกับหมุดสีเงินตรงใบหู แสงจับจ้องไปที่มันอย่างเผลอไผล และตอนนั้นเองที่เขาโยนความคิดมากมายออกจากหัว สองแขนกางออกกว้างก่อนจะคว้าร่างตรงหน้าเข้ามาโอบรัดเอาไว้
เสียงอกซ้ายรัวใส่กันน่าหนวกหูแสงจึงแสร้งไม่ใส่ใจ ทว่าในตอนที่ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดตอบนั้นเองเขารู้สึกเหมือนได้ทิ้งตัวลงบนปุยเมฆ
สองมือลูบไล้ ปลอบประโลมจนอุ่นซ่านไปทั้งใจ แสงซบใบหน้าลงบนบ่าราวกับเด็กน้อยโหยหาไออุ่น
เขาแค่ ‘เหนื่อย’
เหนื่อยกับเรื่องที่ประดังประเดเข้ามา เวลาอย่างนี้หากอยู่คนเดียวก็จะรีบทิ้งตัวนอน เพิ่งรู้เหมือนกันว่าการยืมบ่าใครสักคนช่วยเยียวยาได้ดีกว่าหลายเท่านัก
นเรนทร์ผ่อนลมหายใจ กลิ่นน้ำหอมของแสงติดปลายจมูกจนในหัวอื้ออึงทำอะไรไม่ถูก เขาถือดีไต่ระดับมือขึ้นไปจนถึงหลังคอ กดคลึงเบา ๆ ให้รู้สึกดีขึ้น
ใช่แล้ว....
เรนไม่ได้อยากกอดหรอก
แต่เขารู้ว่าเวลานี้แสงอยากได้อ้อมกอดจากใครสักคน
มันก็เท่านั้นแหละ....
TBC
อาน่าสงสารเป็นนางซินก้นครัวมาก ๆ ค่ะ โฮรวววววววว
เรื่องนี้ค่อนข้างพูดยาก เพราะแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน และการเปลี่ยนความคิดคนก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ ด้วยค่ะ
แต่อาก็ยังโชคดีที่มีเด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดูกอดปลอบน้าค้า~ ในจุดนี้ น้องเรน 10 10 10 ไปเลยจ้ะ (อวยลูกตัวเองอย่างไม่อาย)
ข่าวดีจ้า อาทิตย์หน้าขออนุญาตงดนะคะ พอดีจะไปเตรียมตัวเรื่องเปิดจองหลง(มา)รักสักหน่อยค่ะ แหม่...ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขายของเลย
แล้วกัน 555555 ใครสนใจเตรียมส่องในเพจในทวีตได้นะจ๊ะ
และเพื่อเป็นการชดเชย วันนี้เราได้รับเมตตาจากคุณผจก. Seiren อีกครั้ง ใช่แล้วค่ะ ภาพพระ-นายของเรานั่นเอง...เอง...เอง...


คืออาแสงหล่อมาก หล่อจนงงว่านกมาถึงบัดนี้ได้ยังไง (เพราะนิสัยแบบนี้ไงคะะะ //โดนอากระทืบ)
ตอนบรีฟอาตลกมากเลยค่ะ ต้องพยายามหาเรฟว่าย่นประมาณไหนถึงจะเหมาะกับอายุ
เสริชคีย์เวิร์ดแต่ละทีออกมาเป็น AV สายลุงแก่ ๆ หมด เครียดเหลือเกิน//พรากกกกกก
ในส่วนของน้องเรนก็หล่อมากกกกกกก ฮืออออออ เฮียเขาตาไม่ถึงเองเนอะลูก ไม่ใช่สโนว์ไวท์ก็ผิดแล้ว
โดนทักขึ้นมาว่าน้องใส่เสื้อเหมือนพี่เรนเลย โอ้โห ภาพฉีกเสื้อลอยขึ้นมาเลยค่ะ 5555
ขอขอบคุณคุณผจก.มา ณ ที่นี้ค่า//ก้มกราบแทบอก
เจอกันตอนหน้านะคะ