Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 27 บทจบ (Rewrite) - 25/01/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 27 บทจบ (Rewrite) - 25/01/2018  (อ่าน 27014 ครั้ง)

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม           


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2018 06:47:36 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Recoup : ทวง - รัก - ร้าย // บทนำ 24/11/2016
«ตอบ #1 เมื่อ24-11-2016 11:57:53 »

บทนำ

“แม่ครับ เอาพ่อ ฮึก ออกมา นะครับ เอาพ่อออกมา ฮือออ”

“ไม่ร้องนะลูก”

ธิดายืนปลอบ ‘เป็นธรรม หรือ คุน’ ลูกชายคนเดียวของเธอที่ร้องไห้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาตั้งแต่เช้า แม้เธอจะไม่ได้บอกลูกโดยตรงว่าวันนี้คือวันเผาคุณพ่อคนเก่งของลูกเธอแต่เหมือนว่าลูกของเธอจะรู้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ร่างกายของพ่อจะอยู่บนโลกใบนี้

“พ่อเขาต้องไปอยู่ในที่ของเขาแล้วลูก”

“แล้วอยู่ตรงนี้กับคุนไม่ได้เหรอครับ?”

   เป็นธรรมโตพอที่จะรู้ว่าความตายคือเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อไม่สามารถอยู่ตรงนี้กับเขาได้หลายวันที่ผ่านมาเขาจึงพยายามทำตัวเข็มแข็งไม่ร้องไห้เสียงดัง ยิ่งทุกคืนหลังจากกลับจากวัดแม่เอาแต่พร่ำพูดกับรูปของพ่อภาพที่เขาเห็นอยู่ทุกวันมันทำให้เขารู้ว่าเขาจะต้องเข็มแข็งและไม่ทำให้แม่หนักใจแต่วันนี้วันที่เขาต้องเห็นกับตาว่าร่างของพ่อกำลังจะไหม้ไปกับไฟเขาไม่สามารถแสร้งทำเป็นเข็มแข็งอย่างผ่านมาได้จริงๆ

“คุนจำไว้นะลูกว่าพ่อเขาจะมองดูเรามาจากข้างบนแม้พ่อเขาจะไม่อยู่ตรงนี้แต่พ่อเขาจะไม่ได้ทิ้งเราไปไหน”

   เป็นธรรมเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าตามนิ้วมือของแม่ นั้นสินะถ้าเกิดพ่อมองเห็นเขาเป็นแบบนี้พ่อจะจากไปอย่างมีความสุขได้ยังไง

“ครับแม่ ผมจะหยุดร้อง”

   ‘พ่อครับถ้าพ่อกำลังมองคุนอยู่ตามที่แม่บอก พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับคุนจะดูแลแม่แทนพ่อเองคุนสัญญาว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ’ และนี่คือประโยคที่เป็นธรรมพูดกับพ่อของเขาในใจเป็นครั้งสุดท้าย


   ในวันเดียวกันนั้นอีกมุมเมืองก็มีงานศพจัดขึ้นในเวลาที่ไล่เลี่ยกันแต่ทั้งสองงานมันช่างแต่งต่างกันเหลือเกิน งานแรกเต็มไปด้วยผู้คนมาไว้อาลัยเด็กชายที่อยู่ในงานมีมารดามาคอยปลอบใจเวลาร้องไห้ ส่วนงานที่สองมีเพียงเด็กชายที่ชื่อ ‘ทรงจำ หรือ ดาร์ก’ ที่ยืนนิ่งอยู่ที่ดลงหน้าศพของพ่อและแม่ของเขา

   ทรงจำยืนมองร่างพ่อกับแม่ที่กำลังอยู่ในเตาเผาโดยที่ไม่มีแม้น้ำตาสักหยดไม่มีใครรู้ว่าทรงจำเศร้าโศกกับความสูญเสียมากน้อยแค่ไหนไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอกเล่าความเสียใจนี้ให้ใครฟังไม่ใช่ว่าเขาอยากที่จะเข็มแข็งแบบนี้แต่ตั้งแต่วันที่เขาเสียพ่อกับแม่ไปญาติที่มีสิทธิ์ในการดูแลเขายังไม่เคยมาดูหน้าเขาสักครั้ง

“พ่อครับ แม่ครับ ผมเหงา” ทรงจำพูดกับตัวเองเบาๆ หวังเอาไว้เพียงว่าลมจะช่วยพัดเสียงของเขาให้ลอยขึ้นไปบนฟ้าให้พ่อกับแม่ของเขาได้ยิน

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2017 13:42:58 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: Recoup : ทวง - รัก - ร้าย // บทนำ 24/11/2016
«ตอบ #2 เมื่อ24-11-2016 18:58:22 »

 :o8: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Recoup : ทวง - รัก - ร้าย // บทนำ 24/11/2016
«ตอบ #3 เมื่อ26-11-2016 11:06:11 »

บทที่ 1

ก๊อกๆๆๆ

“เข้ามาครับ อ้าวพี่ดาร์กงานเสร็จแล้วรึครับทำไมมาเร็วจัง?”

“เร็วอะไร? พี่ก็มาตามเวลาปกติ งานพี่เคลียร์หมดแล้วคุนละงานใกล้เสร็จยังครับ?”

“งั้นพี่รอคุนแป้ปนึงนะคุนขอเคลียร์อันนี้อีกนิด”

หมับ ฟอด

“ให้พี่ช่วยไหมครับ?”

“พี่ดาร์กปล่อยคุณก่อนอย่าเพิ่งกอดคุนทำงานไม่ถนัด”

“ก็พี่คิดถึงนิ แล้วสรุปมีอะไรให้พี่ช่วยไหมครับ?”

“ไม่มีแล้วครับก็พี่อ่านกรองมาให้คุณหมดแล้วคุณก็เหลือแค่เซ็นนี่แหละ”

“แล้วทำไมแค่เซ็นยังช้าละ? ได้ข่าวว่าเลขาของคุนเอาเข้ามาให้ตั้งนานแล้วนิ”

“แหะ คุนมัวแต่ดูชุดสีน้ำเซ็ทใหม่ที่ต้องซื้อเข้าโรงเรียนนะพี่เลยช้า”

“อีกแล้วนะเรา”

“คุณขอโทษ”

   เป็นธรรมรีบส่งสายตาขอโทษขอโพยไปให้กับคนที่มารับเขาหลังเลิกงาน มันก็จริงอย่างที่พี่ดาร์กว่าเลขาหน้าห้องยกงานเข้ามาให้เขาดูตั้งแต่ช่วงบ่ายแต่เขามัวแต่เอาเวลาไปเปรียบเทียบราคาของพวกเซ็ทสีน้ำจนทำให้ลืมไปเสียสนิทว่ามีงานหลักที่เป็นธุรกิจของครอบครัวกำลังรอให้เขาจัดการอยู่

“พี่บอกเรากี่ครั้งแล้วหึ ว่าอย่าทำสองงานในเวลาเดียวกัน งานโรงเรียนนะเอาไว้ก่อนก็ได้หรือไม่ถ้าไม่ทันก็บอกมาเดี๋ยวพี่ดูงานโรงงานให้ก็ได้”

“คุนไม่ได้ทำอะไรมากเลยครับพี่แค่เช็คราคา”

“แต่ทำ 2 อย่างด้วยกันเห็นไหมว่างานมันออกมาได้ไม่ดีนั้นก็ไม่เสร็จนี่ก็ช้า”

“ครับๆ รู้แล้ว”

   เป็นธรรมส่ายหัวกับคำบ่นของพี่ดาร์กทั้งที่คนยืนบ่นก็เป็นคนที่ทำให้เขามีวันนี้ขึ้นมาเองทำไมมาตอนนี้ถึงขี้บ่นนักก็ไม่รู้ทำไงได้ก็ศิลปะเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ ตั้งแต่จำความได้เขาก็ชอบเดินถือดินสอวาดรูปไปเรื่อยกำแพงบ้านมักจะต์มไปด้วยรอบขีดเขียนแต่กิจการของครอบครัวก็เป็นสิ่งที่เขาละทิ้งไม่ได้เขาจึงเลือกระหว่างมันไม่เคยได้เลย


“Youtube ก็มี กลัวอะไรครับ? วาดสวยๆ ลงเดี๋ยวก็มีคนรู้จัก”

“ถ้าทำมันก็ได้แค่วาดรูปทิ้งไปเปล่าๆ คุนไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม”

“แต่พี่เสียดายฝีมือของคุณ รู้ไหมพี่ชอบรูปของคุณมากเลยนะ”

“พูดไปก็เท่านั้นคุนทำอะไรกับมันไม่ได้หรอดพี่ คุนต้องช่วยแม่พี่ก็รู้”

   บทสนทนานี้มันเกิดขึ้นตอนที่เป็นธรรมอยู่ปี 2 มันเป็นคำพูดที่จุดประกายไม่ทิ้งเรื่องการวาดรูปที่เขารักหลังจากที่เขาเคยทิ้งมันไปตอนที่ตัดสินใจเลือกเข้าคณะบริหารตามใจแม่ของเขา

 “ถ้าแบบนี้...งั้นก็เปิดโรงเรียนสิครับ”

“หะ?”

“ก็ในเมื่อเราเป็นผู้สร้างสรรค์ไม่ได้แต่เราเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือสนับสนุนได้นิ?”

“แม่คงไม่ชอบ”

“เอางี้ถ้าในวันข้างหน้าคุนยังชอบศิลปะคุนแค่บอกแล้วพี่จะช่วยเอง”


 และบทสนทนาเหล่านั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของโรงเรียนสอนศิลปะของเป็นธรรมที่มีชื่อว่า ‘โรงเรียนศิลปธรรม’ ที่ทำให้เขาต้องนั่งวุ่นเรื่องซื้อของเข้าโรงเรียนอย่างในวันนี้

ตอนที่เขาเข้าไปพูดเรื่องขอเปิดโรงเรียนกับแม่ครั้งแรกตอนนั้นเป็นช่วงปีสี่เทอมหนึ่งแม่ไม่เห็นด้วยกับเขาเพราะท่านอยากให้ทุ่มเททุกอย่างกับโรงงานท่านกลัวว่าถ้าทั้งทำสองอย่างพร้อมกันมันจะไปไม่รอดสักอย่าง แต่ด้วยกำลังใจจากพี่ดาร์กที่เขาพกไปเต็มเปี่ยมเขาจึงกล้าให้คำสัญญากับแม่ไปว่าเขาจะทำให้มันได้ดีทั้งคู่แม้ว่าความจริงแล้วจะแอบวิตกว่ามันจะไม่รอดอย่างที่แม่บอกก็ตาม

ถึงจะรับปากแม่ไปแล้วแต่เป็นธรรมก็ยังอดหวั่นวิตกเพราะรู้ดีว่าถ้าทำไม่ได้แบบที่พูดแม่จะผิดหวังมากขนาดไหนหลังจากที่นั้นจึงขับรถออกจากบ้านไปห้องพักของพี่ดาร์กเพื่อระบายความทุกข์ใจ พี่ดาร์กยอมวางงานในมือของตัวเองก็จริงแต่ก็ไม่พูดอะไรปลอบใจให้เขารู้สึกดีหรือปลอบด้วยคำพูดที่ให้กำลังใจแสนหวานพี่ดาร์กเอาแต่ลูบหัวของเขาเล่นแล้วพูดว่า ‘ทุกอย่างมีทางออก’
เวลาผ่านไปจนเป็นธรรมเองก็เริ่มถอดใจแล้วว่าคงไม่ได้มีโอกาสเปิดโรงเรียนสอนศิลปะอย่างที่อยากจะทำเขาจึงเริ่มเรียนรู้งานที่โรงงานอย่างจริงจังอีกครั้ง

“พี่มีอะไรเหรอทำไมนัดคุนมาร้านนี้ละข้ามไปหาคุนก็ได้แค่ฝั่งตรงข้ามเอง?”

“ก็พี่เป็นพนักงานของโรงงานฝั้งนั้น พี่ก็ต้องกินข้าวแถวนี้สิครับไปไกลเดี๋ยวกลับเข้าไปทำงานช่วงบ่ายไม่ทัน”

“พี่ดาร์ก!!”

“พี่เคยบอกแล้วถ้าแค่คุนชอบจริงๆ พี่จะอยู่ตรงนี้คอยช่วยคุนเอง”

“ขอบคุณพี่จริงๆ”

   ถ้าไม่ใช่ว่าร้านนี้เต็มไปด้วยพนักงานของโรงงานของเขาเป็นธรรมคงกระโดดกอดทรงจำไปแล้ว จะไม่ให้เขารักผู้ชายตรงหน้านี้ได้อย่างไรเมื่อพี่ดาร์กยอมลาออกจากงานมาช่วยงานเขาที่โรงงานทั้งที่ที่ทำงานเก่าของพี่ดาร์กนั้นยังมีอนาคตอีกไกล
งานหลักในโรงงานของพี่ดาร์กคือดูฝ่ายการตลาดตามด้านที่ตัวเองถนัดส่วนงานสำรองที่ไม่ได้ถูกเขียนระบุเอาไว้ตอนสมัครงานก็คือการอ่านรายงานสรุปของฝ่ายต่างๆ แทนเขาเพื่อที่เขาจะได้มีเวลาไปดูโรงเรียนศิลปะได้อย่างเต็มที่

“แค่คำขอบคุณมันไม่พอหรอกนะคุนมีรางวัลอะไรให้พี่บ้างครับ?” เย็นวันนั้นหลังเลิกงานเป็นธรรมดิ่งตรงไปหาพี่ดาร์กถึงห้องพักเพื่อที่จะขอบคุณอีกครั้ง

จุ้บ ในเมื่อคำขอบคุณอาจจะดูน้อยไปกับความใส่ใจที่พี่ดาร์กมีให้ เป็นธรรมจึงเขยิบเข้าไปใกล้กับพี่ดาร์กแล้วมอบการจูบที่ริมฝีปากเป็นการแทนคำขอบคุณ

“อื้มม”

“หน้าแดงหมดแล้วคุน”

แต่แล้วการมอบรางวัลให้กับคนเก่งนั้นกำลังทำให้เป็นธรรมหมดลมหายใจไม่ใช่ว่าไม่เคยจูบมาก่อนแต่ครั้งนี้พี่ดาร์กไม่ปล่อยเขาออกจากแรงอารมณ์เหมือนที่ผ่านมาแถมยังกดริมฝีปากมาให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม พี่ดาร์คไล่เล็มริมฝีปากของเขาไปโดยรอบแล้วในที่สุดพี่ดาร์กก็ขโมยลมหายใจไปจนเกือบหมดและก็เป็นครั้งนั้นนั่นแหละที่เขาได้ให้รางวัลกับพี่ดาร์กมากกว่าที่ตั้งใจเอาไว้มันเป็นวันที่เขาได้มอบความรักทั้งหมดให้กับพี่ดาร์ด

 
“คุนทำไมถึงหน้าแดงขนาดนี้ คิดอะไรทะลึ่งอยู่รึเปล่าครับ?”

“เปล่า ไปนั่งรอคุนก่อนไปพี่มากอดคุณเอาไว้แบบนี้งานไม่เสร็จกันพอดี”

“โอเคๆ เราก็เร็วๆ เข้าพี่หิวจนไส้จะขาดแล้วเนี่ย”

   ในที่สุดพี่ดาร์กก็ยอมปล่อยมือพร้อมทั้งยกมือขึ้นเสมอตัวเพื่อเป็นการยุติการก่อกวนเขา เป็นธรรมมองทุกการเคลื่อนไหวของพี่ดาร์กด้วยความหมั่นไส้กับอีแค่เดินถอยหลังไปนั่งรอเขาที่โซฟาที่ถูกตั้งเอาไว้อยู่อีกมุมห้องนึงทำไมจะต้องทำท่าทางให้ดูเท่ห์แบบนั้นด้วยนะ

“มองอะไรพี่ครับ?”

“ไม่ต้องเก๊กแล้วในห้องมีคุนกับพี่แค่ 2 คนไม่มีคนอื่นเห็นพี่แล้ว”

“แต่ก็ยังมองแสดงว่าพี่หล่อจนละสายตาไม่ได้เลยใช่ไหม?”

พอได้ยินแบบนี้เป็นธรรมแอบชักอยากเห็นพี่ดาร์กเดินสะดุดขาของตัวเองกลางทางอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าคนมาดเท่ห์แบบพี่ดาร์กต้องสะดุดล้มต่อหน้าแฟนจะทำท่าทางหน้าตาแบบไหนกันนะ

“อ้อ ให้พี่รอแบบนี้คุนต้องถูกทำโทษรู้ไหม?”

“ให้คุณเลี้ยงข้าว?”

“โห ไม่เอาหรอกไม่คุ้มจะให้คุ้มงานนี้คุนต้องไถ่โทษวาดรูปคู่ของเราเพิ่มอีกสักรูปด้วยนะ เพราะงานที่พี่สรุปให้เรางานนั้นนะพี่
หลังคดหลังแข็งนั่งทำมาสองวันเต็ม”

   เป็นธรรมทำเป็นส่ายหน้าตามหลังให้พี่ดาร์คในขณะปากกำลังยิ้มกว้างที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนพี่ดาร์คก็ยังคงแสดงออกว่ารักงานศิลปะของเขามากแบบนี้

“ได้ๆ ครั้งนี้คุนจะวาดพี่ให้หล่อเลย เอาให้หล่อไม่เหมือนตัวจริงเลย”

 แม่จะคอยเตือนเป็นธรรมอยู่เสมอว่าให้ระวังพี่ดาร์กให้ดีเพราะมาจากครอบครัวที่ไม่มีอะไรแม่กลัวว่าเขาจะถูกหลอก แต่จากความ
มั่นคงและความช่วยเหลือที่เขาได้รับมาตลอดจากผู้ชายคนนี้เขาจึงไม่เคยหวาดหวั่นไปกลับคำเตือนของแม่สักครั้งเพราะคนที่คอยอยู่เบื้องหลังของความสำเร็จคนที่ทำให้แม่ภูมิใจว่ามีลูกชายที่ได้ดั่งใจแบบคนที่แม่บอกให้เขาจับตามอง จะว่าไปเป็นธรรมเองก็ยังนึกหน้าของแม่ไม่ออกเลยว่าถ้าท่านรู้ว่าพี่ดาร์กเป็นคนดูแลเอกสารทั้งหมดโดยมีเขาเป็นแค่คนเซ็นอณุมัตท่านจะว่ายังไง

“คุนเสร็จแล้วไปกัน อ้าว... พี่ดาร์ก”

   เงยหน้ามองขึ้นไปที่นาฬิกาถึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองได้ปล่อยให้พี่ดาร์กรอนานถึง 2 ชั่วโมง จึงไม่แปลกที่พี่ดาร์กจะกลายร่างจากมาดหนุ่มเข้มเก๊กหล่อมาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนนึงที่นอนสลบสไลอยู่ที่โซฟา

   “พี่ดาร์ก ตื่นเถอะครับพี่” เป็นธรรมก็อยากจะใจดีให้นอนต่อแต่จำได้ว่ามีใครสักคนบ่นหิวตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องทำงานจึงต้องยอมใจร้ายทำลายความสุขของคนง่วงเขย่าตัวคนที่กำลังกลับตาพริ้ม

“เอาตักมาให้พี่หนุนหน่อยสิ”

“ลุกกลับกันเถอะพี่”

“นะครับนะ พี่ขอนอนตักคุนสักห้านาทีแล้วจะรีบลุกขึ้นเลย”

“โอ๊ยๆๆ เจ็บจังเลยคุนทำร้ายพี่ทำไม”

   เป็นธรรมเปลี่ยนจากมือที่เขย่าอยู่ที่แขนมาบิดจมูกคนขี้เซาไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้คนขี้อ้อนแล้วคนขี้อ้อนก็ส่งเสียงโอดโอยเสียยกใหญ่เหมือนกับว่าโดนกระชากจมูกจนหลุดติดมือออกมา

“เว่อร์ไปแล้วพี่ ลุกเลยๆ”

เมื่อเป็นธรรมไม่ยอมนั่งลงเพื่อให้ตักแทนหมอนกับคนขี้อ้อนก็เริ่มทำหน้างอใส่ เห็นสภาพหน้างอแบบนี้มันพาลทำให้นึกถึงหมาตัวใหญ่ที่กำลังพยายามอ้อนโดยการเลียนแบบลูกแมวและความคิดนั้นก็ทำให้เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าเสียงหัวเราะของเขาจะไม่เป็นที่ถูกใจของพี่ดาร์กสักเท่าไหร่เพราะจากหน้าที่งออยู่แล้วยิ่งงอหนักเพิ่มเข้าไปอีกเมื่อเห็นแบบนั้นเขาจึงยอมนั่งลงยกเอาหัวของพี่ดาร์กมาวางเอาไว้ที่ตักของเขา

“พี่ดาร์ก 5 นาทีแล้ว ลุกไปทานอะไรกันไหมพี่?”

“โอเคๆ ลุกๆๆ”

“พี่ดาร์ก คุนขอบคุณนะ”

“อยู่ๆ มาขอบคุณพี่เรื่องอะไรครับ?”

“ก็...ทุกอย่าง”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก...แค่คุนยอมให้พี่เข้ามาในชีวิตมันก็เป็นเรื่องที่พี่ยินดีที่สุดแล้ว”

“บอกไว้ก่อนว่าไม่เขินแล้วนะ ตอนนี้คุนมีภูมิต้านทานไม่หน้าแดงง่ายๆ เหมือนสมัยก่อนแล้ว”

   เป็นธรรมรีบพูดดักคอเอาไว้ก่อนเพราะอีกนิสัยที่ไม่รู้ว่าสมควรจะนับว่าเป็นนิสัยเสียรึเปล่าของพี่ดาร์กก็คือการที่ชอบทำให้เขาเขินยิ่งถ้าเขินจนหน้าแดงได้ยิ่งเป็นอะไรที่สะใจพี่ดาร์กล่ะ
อย่างสมัยมาจีบกันจีบใหม่ๆ พี่ดาร์กถึงขนาดไม่อายสายตาใครแล้วเดินถือดอกไม้ช่อใหญ่มายืนรอเขาที่หน้าคณะทั้งที่วันนั้นไม่ใช่วันพิเศษอะไรสักนิด ถ้าเป็นวาเลนไทน์ก็ว่าไปอย่างเพราะใครๆ ก็ถือช่อดอกไม้กันพอเค้นถามเอาคำตอบมากๆ ว่าเอามาให้ทำไมก็ตอบมาว่า ‘อ่อ วันนี้พี่เบื่อนะเลยอยากแกล้งคน เป็นไงโดนแกล้งอายไหม?’

“ของเก่าก็งี้แหละพูดอะไรก็ไม่กินใจแล้ว ไปหาอะไรกินปลอบใจดีกว่า”

“หิวก็บอกคุนดีๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องเล่นใหญ่แบบนี้เลย”

   ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เลือกเอาไว้สำหรับมื้อเย็นถูกเปลี่ยนเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางที่ตั้งเลยออกมาจากที่ทำงานได้ไม่ไกลนัก

“คุนขอโทษ”

   เหตุผลที่เปลี่ยนร้านก็เพราะรถติดหนักเนื่องจากพวกเขาออกกันมาช้าแถมตอนที่ออกมาฝนก็ดันมาตกแบบไม่ลืมหูลืมตาเมื่อ 30 นาทีผ่านไปรถยังเคลื่อนออกมาได้แค่หน้าปากซอยของโรงงานพี่ดาร์กจึงตัดสินใจหักรถเข้าจอดข้างทางแทนที่จะมุ่งหน้าตรงไป

“คืนนี้ได้ไถ่โทษแน่นอน ไม่ต้องห่วงเลยคุน หิวโอ๊ยหิว”

   เป็นธรรมถึงกับต้องกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ได้แต่ลุ้นในใจให้ลุงที่ทำก๋วยเตี๋ยวยกอะไรก็ได้มาเสริ์ฟทีก่อนที่พี่ดาร์กจะกลายร่างเป็นชายผู้หิวโหยและพร้อมจะฆ่าคนได้ในพริบตา

“โอเคๆ ครับ คืนนี้ คุนจะยอมพี่ทุกอย่างเลย”

“คุนพูดเองนะ งั้นคืนนี้คุนก็อยู่ด้าน บะ…”

“เฮ้ยยยย พี่”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”

   เป็นธรรมรีบเอามือตะครุบปากพี่ดาร์กเอาไว้นี่พี่เขาลืมรึเปล่าว่าตอนนี้เขาสองคนอยู่ส่วนไหนของโลกถึงได้พูดเรื่องนี้ออกมาได้อย่างสบายๆ เหมือนกำลังชวนคุยเรื่องผลบอลคืนนี้

   กว่าจะถึงห้องของพี่ดาร์กก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่มวันนี้ไม่มีใครเกี่ยงกันอาบน้ำเหมือนทุกวันที่ผ่านมาเพราะอากาศข้างนอกมันอบอ้าวด้วยกลิ่นไอของฝนที่เทลงมาแป้ปเดียวแล้วก็หยุดไป โชคดีที่ห้องน้ำในคอนโดมีสองห้องเลยไม่ต้องรอกัน

“พร้อมให้พี่ลงโทษรึยัง?”

   เป็นธรรมยิ้มรับคำทวงของพี่ดาร์กเขาดึงผ้าขนหนูที่พันรอบสอบเอวออกพร้อมกับเดินตรงไปหาคนที่นั่งรออยู่แล้วที่ปลายเตียง สายตาพี่ดาร์กที่ใช้มองมาที่ร่างกายของเขายังคงเป็นสายตาแห่งความต้องการและพึ่งพอใจเสมอทั้งๆ ที่ปีนี้ก็เป็นปีที่ 3 แล้วที่เราตกลงคบกัน

“พี่...ไม่เบื่อคุนบ้างเหรอ?”

   แทนคำตอบพี่ดาร์กจับไหล่ของเขาให้นั่งลงที่พื้นทำให้ใบหน้าของเขาอยู่ส่วนที่แข็งขืนของพี่ดาร์กพอดี แม้ส่วนนั้นจะยังไม่ตื่นตัวเต็มที่แต่มันก็เป็นคำตอบได้อย่างดีว่าพี่ดาร์กเบื่อเขารึเปล่า เขาค่อยๆ อ้าปากเต็มใจรับเอาส่วนที่แข็งขืนนั้นเข้ามาแล้วค่อยๆ ลิ้มรสของมัน

“คุน”

ทันทีที่เขาแตะปลายลิ้นลงไปส่วนที่ไม่ตื่นตัวเต็มที่ก็เริ่มขยายขึ้นพี่ดาร์กเรียกชื่อเขาอยู่หลายครั้งแต่คราวนี้เขายอมเป็นเด็กไม่ดีไม่ยอมขานรับเพราะกำลังใช้ริมฝีปากมอบความพึงพอใจให้กับเจ้าของเสียงเรียก แทนคำพูดว่ารู้สึกดีเพียงใดพี่ดาร์กเอามือนวดศรีษะของเขาให้อย่างเอาใจและพยายามเกร็งตัวเองไม่ให้ยันตัวเข้ามาหามากขึ้น

“ฮึก คุน เก่งมากครับ”

 พี่ดาร์กจับตัวเขาให้ยืนขึ้นแล้วก็เริ่มสำรวจร่างกายด้วยมือ มือของพี่ดาร์กเป็นมือที่อบอุ่นอยู่เสมอแต่ในช่วงเวลาแบบนี้มันมักจะเป็นมือที่อุ่นจนร้อนเพราะไม่ว่าพี่ดาร์กจะสัมผัสตรงส่วนไหนมันก็เหมือนว่าเขาก็พร้อมจะละลายตรงนั้น

“อะ”

   ไม่รู้ว่าตอนไหนที่พี่ดาร์คจับตัวของเขาให้ขึ้นนั่งอยู่บนตัวเองความล่องลอยกลับสู่ความจริงเมื่อพี่ดาร์กกำลังช่วยช่วยแตรียมตัวให้ สัมผัสความเย็นจากเจลนั้นมันกลายเป็นร้อนในทันทีตอนที่พี่ดาร์กใช้มัน

“คุณ... พร้อมแล้วพี่”

“งั้นพี่เข้าไปนะครับ พี่จะไม่ไหวแล้วแต่..” พี่ดาร์คมองเขาสลับไปมากับถุงยางที่ถูกวางอยู่บนเตียงเป็นการอ้อนเขาเป็นคนสวมถุงยางให้

“ไม่ใส่ได้ไหม? คุนอยากรับรู้ตัวตนของพี่”

“อย่าเลยครับเดี๋ยวคุนลำบาก”

“แต่...โอ๊ย...อ๊า”

“เก่งมากครับ”

พี่ดาร์กไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ต่อรองในเมื่อเขาไม่ยอมทำตามคำขอพี่ดาร์กก็จัดการกับร่างกายของตัวเองแบะบงโทษเขาที่ไม่เชื่อฟังด้วยการจับตัวเขากดลงเพื่อรับความแข็งขืนนั้นเพียงเท่านั้นสติของเขาก็หลุดลอยและมัวเมาไปกับความสุขที่ได้รับ

“ไปพร้อมกันนะครับ”

เวลาผ่านไปไม่นานสายธารอุ่นร้อนของพี่ดาร์กก็เข้ามาให้เขาได้รู้สึกแม้จะมีในถุงยางขวางเอาไว้พี่ดาร์กแช่ตัวรอให้เขาปรับลมหายใจแล้วจึงค่อยถอนตัวออกไป ความเหนื่อยทำให้เป็นธรรมล้มตัวลงนอนทันทีที่ร่างกายเป็นอิสระผิดกับพี่ดาร์กที่ลุดเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่เขาเพิ่งถอดทิ้งเอาไว้เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมากลับมาเช็ดตัวทำความสะอาดให้ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนข้างกัน

“ขอบคุณครับพี่”

“นอนซะครับ”

   พี่ดาร์กลูบหัวกล่อมเขาจนหลับไปแต่แล้วเสียงกระซิบของพี่ดาร์กก็ปลุกเขาจากผวังค์อีกครั้ง

“วันนี้ที่พี่พูด พี่พูดจริงๆ นะ อย่าขอบคุณที่พี่ดีกับคุนเพราะการที่คุนยอมให้พี่เข้ามาในชีวิตมันดีที่สุดแล้วจริงๆ”

“พี่ดาร์ก คุณรักพี่นะ”

   ยิ่งได้ยินเสียงกระซิบนั้นความดีใจของเป็นธรรมมันยิ่งล้นเอ่อความรักของพี่ดาร์กมันมากจนเขารู้สึกว่าถ้านี่คือความฝันก็อย่าให้เขาได้ตื่นเลยขอบคุณอะไรก็ได้ไม่ว่าจะโชคชะตาหรือคนลิขิตที่ทำให้เขาได้มาเจอคนคนนี้

“ครับ พี่ก็รักคุณ”

   เพราะความง่วงเข้าครอบงำทำให้เป็นธรรมได้ยินเสียงบอกรักของพี่ดาร์กแผ่วเบาลงทุกที อยากจะเซ้าซี้ให้พี่ดาร์กบอกรักให้ดังกว่านี้ แต่คิดไปคิดมาระหว่างเขากับพี่ดาร์กยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนานเดี๋ยววันต่อไปค่อยขอฟังคำว่ารักจากพี่ดาร์กใหม่ก็ได้


โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ


ถึงคุณ Darinsaya  :impress2: :-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2018 07:27:28 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
Re: Recoup : ทวง - รัก - ร้าย // บทที่ 1 26/11/2016
«ตอบ #4 เมื่อ26-11-2016 16:38:27 »

ทำไมสองคนนี้มาเป็นแฟนกันได้

อ่านละงง แต่มันน่าติดตาม 555+

มาต่อบ่อยๆ นะ อยากรู้ว่ามันเป็นมายังไง

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: Recoup : ทวง - รัก - ร้าย // บทที่ 1 26/11/2016
«ตอบ #5 เมื่อ27-11-2016 05:02:05 »

งงนิดๆตอนที่ใช้สรรพยนามบรรยายว่าเราค่ะ
ใช้แทนสองคนในขณะที่คุณรำพึงหรือเปล่าคะ?

ถ้าเป็นแบบนั้นอยากจะแนะนำว่าใช้คำอื่นผสมไปอีกนิดค่ะ
มีแต่เราๆๆๆมันจะซ้ำไปหน่อย

ดูเป็นแฟนที่เข้ากันได้ดีมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Recoup : ทวง - รัก - ร้าย // บทที่ 1 26/11/2016
«ตอบ #6 เมื่อ28-11-2016 09:54:20 »

บทที่ 2

"ประชุมประจำปีปีนี้พี่ดาร์กอยากไปไหน?"

"แล้วคุนอยากไปที่ไหนละ?"

"คุนแล้วแต่พี่เลย"

"พี่ก็เลยแต่คุนเลย"

เป็นธรรมหันไปทำหน้าหงิกใส่คนที่ไม่ยอมช่วยเขาคิดก่อนที่จะหันหน้าเข้าหาหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อเลือกสถานที่จัดงานอีกครั้งวันนี้เขาต้องเลือกสถานที่ตัดประชุมให้ได้เพราะทางฝ่ายบัญชีจะได้ทำงบประมาณได้ถูกปีที่ผ่านมาเขาเป็นคนเลือกเสมอปีนี้เขาเลยอยากให้อีกคนเป็นคนเลือกบ้างแต่ไงกลับมาโยนให้เขาเหมือนเดิมแบบนี้

 “ไม่ต้องทำหน้างอขนาดนั้นก็ได้มาๆ พี่ช่วยคิด งั้นปีนี้เราไปชลบุรีกันดีไหม?”

“พี่ดาร์กอยากไปทะเลเหรอ?”

“เปล่า พี่แค่อยากไปไหนที่ใกล้กับกรุงเทพฯ”

“โอเคครับพี่”

เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการเขาจึงเดินเอาเอกสารไปให้คุณสุวรรณีเลขาหน้าห้องเพื่อจะได้ไปดำเนินงานต่อ เดินกลับเข้ามาในห้องอีกทีก็เห็นพี่ดาร์กนอนเอาหัวพิงพนักเก้าอี้หมดสภาพกังนั้นจากที่จะเดินตรงกลับไปที่โต๊ะทำงานเขาจึงเดินอ้อมไปทางด้านหลังแล้วก็เริ่มลงมือนวดข้างขมับให้กับคนอดนอน

"เหนื่อยมากไหมพี่?"

   ปีนี้โรงงานมีโครงการจะขยายตลาดไปประเทศอื่นพี่ดาร์กที่ดูแลฝ่ายการตลาดโดนตรงเลยเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะแผนงานที่ต้องเตรียมเสนอให้แม่เพื่อการอนุมัตการขยายตลาดก็กระชั้นชิดเข้ามาทุกทีก็ไม่แปลกที่พี่ดาร์กจะมีสภาพอย่างนี้

“ให้คุนช่วยดูงานบ้างดีไหม?”

“มานวดพี่บ่อยๆ ก็พอ”

“นี่คุนพูดจริงนะให้คุนช่วยดูก็ได้ คุนไม่อยากให้พี่เหนื่อยมากขนาดนี้”

“ไม่เป็นไร พี่โอเค”

“คุนก็บอกแต่แรกแล้ว ว่าอย่าเพิ่งทำเลยโครงการนี้”

   พี่ดาร์กดึงมือของเขาที่กำลังนวดให้มากุมเอาไว้อยู่ที่หน้าอกจึงทำให้หน้าของเขาเข้าใกล้มากขึ้นยิ่งมองจากมุมนี้เป็นธรรมก็ยิ่งรู้สึกผิดทั้งที่เป็นโรงงานของที่บ้านเขาแท้ๆ แต่คนที่ต้องทำงานหนักจนมีรอยคล้ำใต้ตาแล้วไหนจะเป็นรอยย่นที่อยู่ตรงหว่างคิ้วที่รู้สึกว่าจะย่นเพิ่มมากขึ้นจากปีที่แล้วกลับเป็นพี่ดาร์กไปได้

“พี่ก็แค่อยากทำให้สำเร็จ พี่อยากให้แม่ของคุนวางใจในตัวพี่มากขึ้น”

“คุนรู้พี่ คุนเลยอยากช่วย”

   พี่ดาร์กดึงให้เขาเดินมาทางด้านหน้าแล้วจับให้นั่งที่ขอบโต๊ะทำงานพี่ดาร์กยิ้มให้เขาทั้งที่สีหน้ายังหลงเหลือความเหนื่อยให้เห็น

“พี่โอเค คุนดูงานที่โรงเรียนศิลปะกับช่วยเซ็นเอกสารที่ต้องใช้ของที่นี่ก็พอที่เหลือเดี๋ยวพี่ทำเอง”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ครับ ไม่ต้องเครียดนะไว้พี่ไม่ไหวพี่จะบอก”

“ครับ”


   วันออกเดินทางโรงงานนัดพนักงานตอน 7 โมงตรงเพื่อที่จะขึ้นรถบัสมุ่งแล้วหน้าไปถึงชลบุรีในช่วง 9 โมง การไปประชุมประจำปีในครั้งนี้เป็นการไป 2 วัน 1 คืนเท่านั้น
เมื่อคืนเป็นธรรมนอนที่ห้องของพี่ดาร์กเพื่อความสะดวกอย่างน้อยตอนเช้าพี่ดาร์กก็ไม่ต้องขับรถย้อนไปรับเขาที่บ้านแต่สามารถตรงออกจากห้องมาที่โรงงานได้เลยเพราะไหนๆ ห้องของพี่ดาร์กก็ใกล้กับโรงงานมากกว่าที่บ้านของเขาอยู่แล้ว เป็นประจำทุกปีที่เขา 2 คนจะนั่งรถไปคันเดียวกับพนักงานคนอื่นเพราะพวกเขาเชื่อว่ามันจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้พนักงานสนิทกับเรามากขึ้นและเขาจะได้ทำงานให้บริษัทเหมือนทำงานให้กับคนในครอบครัว

“สวัสดีค่ะ//สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับทุกคน เรามากับครบหรือยังคุณสุวรรณี?”

“ครบแล้วค่ะ”

“งั้น ถ้ามากันพร้อมแล้วผมว่าเราเริ่มออกเดินทางกันเลยครับ”



“น่าอิจฉาคุณเป็นธรรมจังเลยนะคะ คุณทรงจำตามเอาใจตลอดเวลาเลย”

“ใช่ค่ะกี้เห็นนะคะ คุณทรงจำก็ไม่ยอมห่างกับคุณเป็นธรรมเลยค่ะ”

“หวานกันจังเลยนะคะ สรุปนี้ทริปของบริษัทหรือว่าทริปแอบไปเที่ยวกันเองค่ะเนี่ย”

   เป็นธรรมยิ้มให้กับคำแซวของคุณสุวรรณีและคุณกี้พนักงานที่เขาคุ้นเคยดีเพราะต้องปรึกษาเรื่องงานกันอยู่บ่อยครั้งทั้งสองเอ่ยแซวในช่วงจังหวะที่พี่ดาร์กเดินเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนรถพร้อมกับขอเปลี่ยนที่นั่งกับพนักงานคนอื่นเพื่อให้เขาได้นั่งด้านหน้าเนื่องจากอาการเมารถของเขา
ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดคุยกับสาวๆ ที่มารุมแซวเขาพี่ดาร์กก็เดินกลับมาหาด้วยหน้าตาที่ยุ่งเหยิง

“มีอะไรรึเปล่าพี่?”

“พี่ลืมเอายาแก้เมามาด้วยนะสิเมื่อคืนพี่ว่าพี่เตรียมไว้แล้วงั้นเดี๋ยวพี่มาพี่ไปร้านขายยาก่อนยังไงคุนให้พนักงานขึ้นรถได้เลย คุณสุวรรณีผมฝากทางนี้ด้วยนะครับ”

“ได้ค่ะคุณทรงจำ”

 “ไม่ต้องก็ได้พี่ ไม่กี่ชั่วโมงคุนโอเค”

 “เดี๋ยวพี่มา ทันเวลาเชื่อพี่สิ”

“เราไปกันเถอะค่ะคุณกี้ พี่จะเป็นเบาหวานแล้ว”

   คุณสุวรรณียังไม่วายแซวทิ้งท้ายก่อนจะไปเช็ครายชื่อพนักงานพร้อมกับอธิบายกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณสุวรรณีและอีกหลายคนจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขาสองคนเพราะมันไม่ใช่ความลับพวกเขาไม่เคยปฏิเสธถ้าใครเกิดมีใครในโรงงานสงสัยและเดินเข้ามาถาม

ช่วงแรกที่พี่ดาร์กเข้ามาทำงานพี่ดาร์กไม่อยากให้เขาบอกกับใครเพราะกลัวว่าเขาจะมีปัญหาในการคุมคนงานตอนนั้นเป็นธรรมยอมตามใจเพราะเข้าใจดีว่ามันอาจจะเกิดความอึดอัดใจขึ้นได้ แต่หลังจากที่เป็นธรรมได้ยินเหล่าพนักงานฝ่ายซ่อมบำรุงกับจัดซื้อพูดไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็เลิกตามใจพี่ดาร์ก

วันที่เป็นธรรมตัดสินใจประกาศเรื่องส่วนตัวในโรงงานและเรียกพนักงานคนนึงเข้ามาตักเตือนคือวันที่เขาหมดความอดทนที่ต้องมานั่งได้ยินเรื่องนินทาซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้งแล้วที่เขามักจะได้ยินพนักงานซุบซิบหาว่าพี่ดาร์กเข้ามาจีบเพราะต้องการมีอำนาจไม่งั้นจะเข้ามาทำงานที่นี่ทำไมหรือที่ได้ตำแหน่งมาไม่ใช่เพราะความรู้แต่เพราะใช้เรื่องอื่นได้ดี

    “ผมได้ยินมาคุณไม่พอใจที่ผมมีความสัมพันธ์กับคุณทรงจำใช่รึไม่ครับ?”

“เปล่าครับ”

“งั้นที่ผมได้ยินมาก็เป็นแค่ข่าวลือ?”

“คะ ครับ”

“งั้นก็ดีครับเพราะว่าคุณทรงจำเป็นแรงผลักดันหลักของโรงงานนี้ถ้าคุณเกิดมีปัญหากับเรื่องนี้ผมก็เสียดายที่จะต้องเสียเจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมบำรุงดีๆ ไปเพียงเพราะเขาทำงานร่วมกับคนสำคัญของโรงงานไม่ได้คุณว่าจริงไหมครับ?”

   จากวันนั้นเรื่องนินทาเกี่ยวกับพี่ดาร์กเริ่มซาลงจนกลายเป็นเงียบไปพี่ดาร์กคอยบอกขอบคุณเขาที่ปกป้องแต่เป็นธรรมไม่ได้คิดว่าเป็นแค่เพราะเขาที่ออกตัวแต่มันเป็นเพราะความจริงจังในการทำงานจนทำให้ผลงานของพี่ดาร์กกลายเป็นที่ยอมรับของคนหมู่มาก


“เดี๋ยวขึ้นไปเช็คชื่อและเจอกันที่ห้องประชุมชั้นสองนะครับ”

   การเดินทางเป็นไปตามที่กำหนดเอาไว้ช่วงเช้าเป็นการสรุปผลงานของทุกแผนกทานอาหารเที่ยงที่โรงแรมแล้วตอนบ่ายก็จะต่อด้วยการอัพเดทข้อมูลใหม่ให้แก่พนักงานทุกคนเสร็จแล้วตอนเย็นค่อยออกไปทานอาหารทะเลข้างนอกด้วยกัน

“หายง่วงยังครับ?”

“ยังเลยขอเลื่อนประชุมไปก่อนได้ไหม?”

“งอแงนะเรา”

เพราะพี่ดาร์กกลัวว่าเขาจะเมารถเลยให้กินยาแก้เมากันไว้ก่อนแต่ยาดันมาออกฤทธิ์ช่วงก่อนถึงที่พักได้ไม่นานทำให้ตอนนี้เป็นธรรมยังไม่สร่างจากขี้ตา

“งั้นคุนขึ้นไปรอข้างบนเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่อยู่ด้านล่างทำเรื่องเข้าพักเอง”

“ในห้องประชุม คุนต้องหลับแน่เลยพี่”

   พี่ดาร์กละความสนใจกับการเซ็นเอกสารการเข้าพักแล้วหันตัวเอามืออังเข้าที่ซอกคอกับที่หน้าผากของเขาสงสัยคงกลัวว่าเขาจะไข้ขึ้นแต่เปล่าเขาสบายดีเพียงแค่ง่วงนอนเท่านั้น

“งั้นเดี๋ยวพี่ขอให้เขาเปิดห้องให้คุนก่อน คุนขึ้นไปนอนพักเดี๋ยวพี่เข้าประชุมคนเดียวช่วงเช้าไปก่อน”

“ไม่เอามันดูไม่ดีอีกอย่างพี่ดาร์กทำงานคนเดียวอีกแล้ว...คุนดูเอาเปรียบไงไม่รู้ไม่เอาอะ”

“เถอะน่า ไปพักเถอะนะ”

   ไม่ใช่ว่าเป็นธรรมไม่พยายามที่จะฝืนลืมตาแต่ฤทธิ์ยามันมากเกินกว่าที่เขาจะสู้ได้จริงๆ เขาจึงยอมแพ้และรับกุญแจห้องพักมาจากพี่ดาร์ก

“แต่...”

“นอนนะครับ เดี๋ยวพี่เอาผลสรุปมาให้”

“ครับ”

“เดี๋ยวเที่ยงพี่มาปลุกไปกินข้าวนะ”

“ครับ”

   กว่าเป็นธรรมจะฟื้นตัวและสลัดความง่วงออกไปได้เวลาก็ผ่านไปขนถึงช่วงเที่ยงแล้วเขารีบลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อเรียกความสดชื่นไม่น่าเชื่อว่าเวลาที่นอนมากๆ ก็ทำให้มึนหัวได้เหมือนกัน

“อ้าว ประชุมเสร็จแล้วเหรอพี่? เร็วจัง” ไม่คิดว่าพออกมาจากห้องน้ำจะเจอพี่ดาร์กนั่งรอเขาอยู่แล้วทั้งทีเวลาก็ยังไม่ถึงเที่ยงครึ่งเลยด้วยซ้ำ

“ครับ เรียบร้อยแล้วเป็นไงบ้างดีขึ้นไหม? แล้วปวดหัวมากอยู่รึเปล่า?”

“มึนนิดหน่อย คุนว่าคุนนอนเยอะไปแน่เลย”

“อะ งั้นจิบน้ำมะนาวนี้หน่อยจะได้สดชื่น”

“ฟอด ขอบคุณมากครับ”

“รายงานการประชุมเมื่อเช้าพี่เก็บมาให้คุนแล้วนะ”

“ที่จริงคุนรอรายงานจากคุณสุวรรณีก็ได้พี่น่าจะได้พักบ้าง ว่าแต่ที่ประชุมมีปัญหาอะไรไหมพี่?”

“ไม่มี ทุกอย่างโอเคเป็นไปตามที่เราวางเป้าเอาไว้”

“ดีจัง”

   เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นเป็นธรรมก็ขอเข้าร่วมประชุมช่วงบ่ายด้วยซึ่งพี่ดาร์กก็ไม่ได้ห้ามอะไรเขาเมื่อเห็นว่าเขาคงไม่น่าจะนั่งหลับในที่ประชุม การประชุมช่วงบ่ายพี่ดาร์กแจ้งอผนตลาดใหม่ให้กับทุกคนที่เข้าร่วมประชุมได้รู้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบงานที่ต้องตามมาตราฐานสากลการประชุมไม่มีปัญห่อะไรแทรกขึ้นมาทำให้เป็นไปอย่างเรียบง่ายพอประชุมช่วงบ่ายเสร็จทางโรงงานก็ปล่อยให้พนักงานได้ไปพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนที่จะมาเจอกันอีกทีในตอนเย็น


“สามทุ่มแล้วแต่คุนยังไม่ง่วงเลยพี่”

   “ก็สมควร”

“อือออ เมื่อเช้าคุนไม่น่าล้มตัวลงนอนเลย ตอนนี้คุณตาตั้งเลยเนี่ย”

“งั้น ไปว่ายน้ำกันไหม?”

“ที่ทะเลเหรอพี่?”

“ไม่ใช่ข้างบนตึกโรงแรมนี่แหละเป็นสระว่ายน้ำแบบเปิดดูวิวได้สวยเลยนะ”

“จริงอะ ไปๆ แต่...คุณไม่ได้เอากางเกงว่ายน้ำมา”

“ใช้ตัวนี้แทนก็ได้” พี่ดาร์กหันไปรื้อกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กแล้วหยิบเอาบ๊กางเกงในของเขาขึ้นมาหนึ่งตัว

“นั้นมันกางเกงในนะพี่”

“ดึกแล้ว มีคนไม่เยอะหรอกเผลอๆ มีเราสองคน”

   แล้วก็เป็นจริงอย่างที่พี่ดาร์คว่าสระน้ำข้างบนนี้ไม่มีใครเลยยกเว้นเขากับพี่ดาร์ก แต่ถึงจะไม่มีใครแต่จะให้เขาไม่อายเลยก็คงยากก็พี่ดาร์กเล่นขี้โกงที่ใส่บ๊อกเซอร์แต่เขากลับต้องใส่กางเกงในลงน้ำ

"วิวสวยมากก"

"พี่บอกแล้ว"

"ว่าแต่พี่รู้ได้ไงเคยแอบมารึเปล่า?"

"เวลาเขาให้ข้อมูลที่พัก ใครบางคนเคยเสริ์จดูบ้างรึเปล่า?"

"อุ้ย..."

เป็นธรรมรีบเผินหน้าไปดูวิววรอบๆ แทนก่อนที่เขากำลังจะโดนใครบางคนบ่น จะว่าไปวิวด้านบนนี้ก็ดีจริงๆ อย่างที่พี่ดาร์กอวดเอาไว้ฝากนึงมองไปสามารถเห็นชายทะเลอีกฟากพอมองไปก็เป็นแสงไฟจากตึกต่างๆ ทำให้วิวตรงนี้สวยแตกต่างจากตอนกลางวัน

“วันนี้เหนื่อยไหม? มาคุนนวดให้”

“กดให้แรงๆ นะครับคุณหมอนวด”

   พี่ดาร์กเกาะขอบสระแล้วหันหน้ามองวิวออกไปด้านนอกเป็นธรรมว่ายเข้าไปหาแล้วเริ่มลงมือนวดไหล่ จากมุมนี้เหมือนกำลังมองวิวเดียวกันอยู่ จะว่าไปเขาไม่ได้ดูดาวดูวิวกับพี่ดาร์กแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ

“ชอบไหม?”

“สวยมากเลยพี่ดาร์ก คิดถึงตอนอยู่มหาลัยแล้วคุนไปนอนดูดาวที่ระเบียงหอพี่เลย”

"ตอนนั้นใครใจแตกมานอนห้องพี่นะ"

"อย่าแซวสิ"

“พี่ขอโทษนะครับ”

“หื้อ? ขอโทษอะไร?”

“พี่ไม่มีอะไรแบบนี้เลย ห้องที่พี่มีเล็กกว่าห้องดูทีวีบ้านของคุนอีกมั้ง”

“พี่...”

“รอให้พี่มีเงินเก็บพอที่จะซื้ออะไรแบบนี้แล้วค่อยมาอยู่กับพี่นะครับรอพี่ก่อนนะ” เป็นธรรมโอบกอดพี่ดาร์กจากทางด้านหลังแทนคำตอบว่าเขาจะรอตามคำที่ขอออกมารึไม่

“คุนไม่ได้ต้องการอะไรแบบนี้พี่ก็น่าจะรู้”

“พี่รู้ แต่พี่ก็อยากให้คุนได้ภูมิใจในตัวพี่ พี่อยากเป็นคนที่จะดูแลคุนได้ด้วยตัวพี่เอง”

“พี่อยากโตมากกว่านี้ที่พี่พยายามทำงานให้หนักขึ้นเพราะพี่ก็อยากที่จะมีบ้านดีๆ สักหลังมีรถดีๆ ที่จะเทียบคุนได้ พี่ก็ผู้ชายคนนึงนะครับพี่ก็อยากที่จะเป็นผู้นำ”

   เป็นธรรมรู้ว่านี่เป็นสระน้ำรู้อีกด้วยว่านี่คือที่โล่งแจ้งสิ่งที่เขากำลังทำอยู่เขาไม่ได้ขาดสติแต่ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ทำเพื่อเขามาตลอดเวลาตั้งแต่ที่ยอมลาออกจากที่เก่าเพื่อที่จะยอมมาเป็นขี้ปากว่าเกาะเขากินยอมทำงานเป็นลูกน้องยอมปิดทองหลังพระทำงานอยู่เบื้องหลังโดยที่ไม่ได้ป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าเป็นฝีมือของเขาเพราะฉะนั้นมันก็ไม่ผิดใช่ไหมที่เขาอยากจะแสดงความรักและความขอบคุณตรงนี้เวลานี้

“คุณใจเย็นเราอยู่ข้างนอก”

“ผมรักพี่” เวลาผ่านไปเนิ่นนานกว่าเป็นธรรมจะยอมถอนริมฝีปากออกมาจากปากของพี่ดาร์ก

“ถ้ารักพี่จริงรอพี่ก่อนนะครับ แต่ตอนนี้พี่ว่าเราสองคนกลับไปที่ห้องก่อนไหม? ตัวคุณเย็นไปหมดแล้ว”

“ครับพี่”

   เพิ่งรู้ว่าอากาศทางด้านบนมันหนาวขนาดไหนก็ตอนที่ขึ้นมาจากผิวน้ำแล้วต้องมายืนข้างสระพร้อมกับฟันกระทบกันเสียงดัง ขนาดรีบเช็ดตัวให้แห้ง รีบสวมเสื้อกับกางเกงขาสั้นทับแล้วเขายังรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้ใส่อะไร

   พรึ่บ ในขณะที่เป็นธรรมกำลังยืนสั่นรอลิฟท์โดยสารปล่อยให้ฟันกระทบกันอยู่นั้นพี่ดาร์กก็สวมเสื้อทับลงมาที่หัวให้เขา

“อะ ใส่ทับไปก่อนกว่าจะเดินกลับถึงห้องเดี๋ยวหนาวตาย”

“ขอบคุณครับ”


"อาบน้ำพร้อมกันมา"

เพราะอากาศหนาวเป็นธรรมเลยรีบมุดตัวเองเข้าห้องน้ำตามพี่ดาร์กเรียกเพียงแค่โดนควักมือเรียก ไม่รู้ว่าระดับความอุ่นของน้ำที่พี่ดาร์กปรับเอาไว้มันอุ่นเกินไปหรือว่าเป็นอุณหภูมิจากตัวของพี่ดาร์กมันร้อนเกินไปกันแน่จึงทำให้ตอนนี้แค่พี่ดาร์กเดินเข้ามาอยู่ภายใต้ฝักบัวเดียวกันเขาก็รู้สึกร้อนได้ขนาดนี้

"มา พี่อาบน้ำให้"

"พะ พี่ เดี๋ยวคุน อะ ถูเองได้"

พี่ดาร์กไล่ฟองสบู่จากทางด้านหลังมาทางด้านหน้าพี่ดาร์กใส่ใจมนทุกจุดจึงทำให้ร่างกายของเราในตอนนี้มันใกล้กันโดยที่พี่ดาร์คโอบผมเอาไว้ทางด้านหลังใกล้จนเขารู้สึกถึงความเป็นตัวตนของพี่ดาร์กที่ต้องการผม

"พี่..."

"ไม่เป็นไรคุนพี่โอเคพี่แค่อยากล้างตัวให้พอเสร็จคุณออกไปก่อนได้เลย"

"แต่..."

"เดี๋ยวพี่จัดการตัวเองได้ คุนตัวจะเขียวหมดแล้วออกไปเถอะเดี๋ยวไม่สบาย" พี่ดาร์กกดเสียงต่ำในการตอบคำถามทำให้เขารู้ว่าพี่ดาร์กกำลังพยายามอดทนเพื่อเขาอยู่

"ให้ผมช่วยนะ"

เป็นธรรมย่อตัวเองลงไปนั่งกับพื้นห้องน้ำมือข้างนึงเอื้อมไปจับส่วนที่แข็งขืนของพี่ดาร์กส่วนอีกมือนึงก็เอื้อมมาสัมผัสกับความตื่นตัวของตัวเองไม่น่าเชื่อว่าแค่เขาเห็นพี่ดาร์กต้องการเขามันก็สามารถทำให้เขามีความรู้สึกร่วมไปกับพี่ดาร์กได้

"อ๊าา คุณ"

เป็นธรรมเปลี่ยนจากมือเป็นริมฝีปากของตัวเองเมื่อเห็นว่าพี่ดาร์กเริ่มใกล้ที่จะปลดปล่อยความอึดอัดนั้นออกมาพี่ดาร์กดันตัวเองเข้ามาเพื่อให้ระยะห่างระหว่างเราน้อยลงและแค่เพียงพี่ดาร์คเรียกชื่อของเขาในลำคอเพียงเท่านั้นเขาก็ปลดปล่อยออกมาแต่เขายังไม่ลืมว่าคนตรงหน้ายังไม่ได้ปลดปล่อยเขาจึงยังคงปรนเปรอให้กับพี่ดาร์ก

"อะ..."

ในช่วงที่พี่ดาร์กกำลังเกร็งตัวพี่ดาร์กดึงหน้าของเขาให้ออกห่างเหมือนกับทุกครั้งที่พี่ดาร์กจะดึงตัวเขาให้ออกห่างก่อนที่หยาดความต้องการจะถูกปลดปล่อยออกมาเขาเลยใช้มือของตัวเองเป็นตัวช่วยจนความต้องการนั้นมันละลายหายไปกับสายน้ำ

"ขอบคุณมากนะครับคนเก่งของพี่"

ฟอด พี่ดาร์กย่อตัวนั่งแล้วก็ดึงเขาเข้าไปกอด หอม พี่ดาร์กนั่งกอดเขาไว้จนลมหายใจของพี่ดาร์กสามารถปรับได้เป็นปกติจึงค่อยลุกขึ้นเอาฝักบัวแล้วก็ล้างหน้าล้างตาให้กับเขา

"พี่ไม่นอนพร้อมคุนเหรอ?"   

"นอนไปก่อนเลย เดี๋ยวพี่ขอดูอะไรอีกนิดอย่าลืมกินยาที่พี่วางไว้ให้ที่หัวเตียงละเดี๋ยวไม่สบายแล้วพรุ่งนี้ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมอีก"

“ครับพี่”

"อ้อ พรุ่งนี้ถ้าตื่นก่อนพี่มาเอาที่พี่สรุปไปอ่านเลยนะเผื่อพรุ่งนี้เขาคุยกันเรื่องประชุมคุนจะได้พูดกับหัวหน้าฝ่ายรู้เรื่อง"
เป็นธรรมนอนมองพี่ดาร์กผู้ซึ่งยังคงนั่งที่เก้าอี้ดูเอกสารของบริษัททั้งที่พี่ดาร์กเป็นแค่หัวหน้าฝ่ายการตลาดเพียงเท่านั้นแต่ที่กำลังอ่านอยู่นั้นให้ร้อนทั้งร้อยมันเป็นงานของเขา

"รอให้พี่เก็บเงินซื้ออะไรแบบนี้ได้ แล้วค่อยมาอยู่กับพี่"

คำพูดนี้ของพี่ดาร์กลอยเข้ามาในหัวอีกครั้งตั้งแต่ทำงานมาพี่ดาร์กไม่เคยขอเงินเดือนเพิ่มไม่เคยร้องขอตำแหน่งที่ใหญ่โต พี่ดาร์กแค่ทำงานของตัวเองให้ดีและเก็บเงินเพื่อที่จะได้อยู่กับเขาแล้วเขาจะต้องให้พี่ดาร์กทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน? เขาว่ามันถึงเวลาที่พี่ดาร์กควรได้อะไรตอบแทนจากสิ่งที่ทำมาเพื่อเขาโดยตลอดได้แล้ว

"ไม่นอนพักละครับ มองพี่ตลอดเลย ตาปลอยแล้วเรามีอะไรรึเปล่า?"

"ไม่มีครับ คุณแค่ อยากนอนพร้อมพี่"

"จะไม่สบายแล้วอ้อนสินะ"

พี่ดาร์กแม้จะบ่นเรื่องที่เขาไม่ยอมนอนสักทีแต่ก็ยอมหยิบแฟ้มงานถือติดมือมาแล้วมาลงนั่งข้างๆ กับที่เขานอนอยู่

"อะ มานั่งข้างๆ แล้ว นอนได้แล้ว อย่าดื้อ พรุ่งนี้ป่วยไม่ดูแลนะ"

เป็นธรรมกอดหมั่บเข้าเอวพี่ดาร์ก พี่ดาร์กเองเมื่อเห็นว่าเขาได้ที่แล้วก็ใช้มือข้างที่ว่างเล่นเส้นผมของเขาไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าไหร่ที่เขาเผลอหลับไปรู้แค่ว่าถ้าเกิดคืนนี้ัเขาได้มีโอกาสฝันในฝันคืนนี้ต้องเป็นฝันดีแน่นอน


โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ

ถึง

คุณ Enough ... ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ ฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ

คุณ Freja ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ปล เรื่องสรรพนาม เราจะเอาปรับปรุงนะคะ รบกวนฝากพี่ดาร์คน้องคุณด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2018 07:31:17 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
บทที่ 3

แสงแดดรอดเข้ามาส่องที่เตียงนอนทำให้เป็นธรรมรู้สึกตัวตื่นลืมตามองไปที่ข้างเตียงก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ว่าพี่ดาร์กไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ อีกแล้วเป็นธรรมไม่แปลกใจไม่รู้สึกแปลกใจที่ข้างกายจะว่างเปล่าเพราะไม่ว่าพี่ดาร์กจะนอนดึกกว่าเขามากแค่ไหนพี่ดาร์กก็จะตื่นก่อนเขาเสมอ

เป็นธรรมลุกขึ้นมานั่งสลัดความงัวเงียทั้งที่ยังไม่รู้สึกตื่นเต็มตาเป็นไปได้เขาก็อยากจะล้มตัวลงนอนต่อแต่เมื่อคืนพี่ดาร์กสั่งไว้ว่าให้อ่านสรุปของรายงานก่อนที่จะเข้าไปร่วมกิจกรรมของวันนี้เขาเลยต้องกลั้นใจลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะ บนกองแฟ้มสรุปเหล่านั้นมันเต็มไปด้วยกระดาษโพสอิสที่เขียนเอาไว้ว่า ‘อ่านซะ’ ด้วยลายมือยุ่งๆ ของพี่ดาร์ก

"อ่านไปได้เยอะยัง?"

"เกือบจบแล้วพี่"

"งั้นพอแล้วไปอาบน้ำก่อน เกือบจะได้เวลาแล้วเดี๋ยวพี่พูดสรุปที่เหลือให้ตอนกินข้าวเช้า"

"ขอบคุณครับ"

 วันนี้กิจกรรมในช่วงเช้าเป็นการเล่นเกมส์ต่างๆ เพื่อให้ทุกคนในบริษัทสนิทกันมากขึ้นเป็นธรรมเองก็ร่วมเล่นเกมส์ด้วยเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นเกมส์หาของไปจนถึงเก้าอี้ดนตรีเขาไม่มีพลาดจนมาถึงกีฬาฟุตบอลนั้นแหละที่เขาถอนตัวเพราะกลัวว่าลูกน้องคนอื่นๆ จะเกร็งไม่กล้าเข้ามาแย่งบอลจากเขาเลยผันตัวเองออกมาเป็นผู้เชียร์แทนส่วนพี่ดาร์กพ่อจอมบ้าพลังนะเหรอโน้นลงไปวิ่งวอร์มอยู่ที่สนามแล้ว

เวลาของครึ่งแรกผ่านไปไม่ถึง 10 นาทีดีเป็นธรรมก็ได้ยินเสียงโกลาหลดังโวกเวกในสนามช่วงที่เกิดเหตุเขากำลังคุยกับคุณสุวรรณีเกี่ยวกับกำหนดการในช่วงบ่ายที่จะต้องเรียกพวกหัวหน้าฝ่ายต่างๆ เข้าประชุมเลยทำให้เขาไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้พี่ดาร์กลงไปนั่งอยู่ที่พื้นโดยที่มีลูกน้องในแผนกของตัวเองบางคนกำลังยืนเถียงกับอีกแผนกอยู่

"เกิดอะไรขึ้นนะ?" เมือ่เห็นท่าไม่ดีเป็นธรรมก็รีบเดินลงไปที่สนามทั้งไปดูอาการของพี่ดาร์กและเข้าไปห้ามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"ไม่มีอะไร คุนช่วยพยุงพี่หน่อย"

"ต้องไปโรงพยาบาลไหมพี่? เป็นอะไรมากรึเปล่า?"

"ไม่ต้องๆ พยุงพี่ไปที่ห้องก็พอพี่ว่าเดี๋ยวพี่พักก็น่าจะดีขึ้น"

"ว้าย คุณทรงจำค่ะแบบนี้ขาพลิกรึเปล่าคะ? กี้ว่าเดี๋ยวกี้ไปหายานวดกับที่พันขามาให้ดีกว่าค่ะไม่รู้ว่าหักรึเปล่าด้วย"

“ไม่เป็นไรครับคุณกี้ ผมว่าไม่หัก”

"กันไว้ก็ดีกว่าแก้นะพี่ งั้นคุณกี้จะออกไปข้างนอกยังไงครับ? แถวนี้ก็ไม่มีร้านยาอยู่ใกล้ๆ เอางี้เดี๋ยวรอผมที่ฟร้อน ผมขอไปส่งคุณทรงจำที่ห้องก่อนแล้วเดี๋ยวเราออกไปพร้อมกัน"

"ได้ค่ะ"

ช่วงที่เขาพยุงกลับมาที่ห้องพี่ดาร์กบอกตลอดว่าไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่แค่ประคบร้อนประคบเย็นก็คงจะดีขึ้นอีกอย่างเดี๋ยวช่วงเย็นเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ กันแล้วค่อยไปหาหมอกันทีหลังก็ได้ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง

“พี่ดาร์กจะดื้อกับคุนทำไมเนี่ย?”

“ก็ถ้าเกิดเราไปตอนนี้กลับเข้ามาอาจจะไม่ทันประชุมช่วงบ่ายนะวันนี้พี่ไม่ยอมให้เราโดดประชุมช่วงบ่ายแล้วด้วยเดี๋ยวพอดีหัวหน้าแผนกต่างๆ โวยวายกันหมดว่าเจ้าของหายหน้าหายตา”

“ไม่เป็นไรพี่คุนจะรีบไปรีบมา”

   พี่ดาร์กกลัวว่าเขาจะโดนมองไม่ดีเป็นห่วงภาพพจน์ของเขาในขณะที่ตัวเองกำลังเจ็บแล้วแบบนี้จะให้เขาปล่อยให้พี่ดาร์กทนเจ็บไปจนถึงตอนเย็นได้ยังไง

"คุณเป็นธรรมค่ะกี้ขอพูดอะไรสักอย่างได้ไหมคะ?"

คุณกี้ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรกับเขามาตั้งแต่ตอนที่ขึ้นรถเขาก็ได้แต่รอให้คุณกี้พร้อมและเล่าให้เขาฟังด้วยตัวเอง

"ได้ครับ"

"ตอนที่พวกเราอยู่กันที่ข้างสนาม กี้ไม่แน่ใจว่าคุณเป็นธรรมได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดรึเปล่าคะ?"

"ไม่เห็นครับ ช่วงนั้นพอดีผมกำลังคุยอยู่กับคุณสุวรรณีอยู่มีอะไรรึเปล่าครับ?"

"ว่าแล้วว่าคุณเป็นธรรมต้องไม่เห็นแบบที่กี้เห็นคืออย่างนี้ค่ะ คุณทรงจำไม่ได้ล้มลงเองที่สนามนะคะแต่หัวหน้าฝ่ายช่างซ่อมบำรุงเป็นคนวิ่งเข้าชนค่ะ"

"ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของการเล่นกีฬานะครับยิ่งฟุตบอลมันต้องมีการชนมีการเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นธรรมดาครับ"

"แม้จะเป็นการผลักให้ล้มก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดารึคะ?"

"ผลัก?"

"ใช่ค่ะกี้เห็นกับตาตัวเองเลยค่ะและกี้ก็เชื่อว่าคนอื่นก็ต้องเห็นเหมือนที่กี้เห็นไม่อย่างนั้นทำไมพวกฝ่ายการตลาดถึงได้เข้าไปล้อมขนาดนั้นละคะ? คุณเบทเขาวิ่งเขาไปชาตแล้วมีการแตะที่ข้อเท้าด้วยค่ะ"

"เหรอครับ?"

พนักงานคนนั้นชื่อว่าเบทเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่เคยมีเรื่องว่าที่พี่ดาร์กมาเกาะเขากินและตอนนั้นเขาก็ดันไปหักหน้ากลุ่มนั้นโดยการที่ไปพูดปรามถึงแผนกไม่ได้เรียกมาพูดเป็นการส่วนบุคคลแบบนี้เขาก็เลยค่อนข้างเชื่อในสิ่งที่คุณกี้บอกว่าอาจจะไม่ใช่แค่อุบัติเหตุอย่างที่เขาคิด

"เป็นไงบ้างพี่? ไหวไหม?" กลับมาถึงที่ห้องพักเขาก็เจอพี่ดาร์กกำลังนั่งเอาน้ำแข็งประคบข้อเท้าของตัวเองอยู่

"ไหวสิ แค่นี้เอง"

เป็นธรรมก้มลงจับข้อเท้าของพี่ดาร์กขึ้นมาวางไว้บนตักแล้วค่อยทายาลงไปรอบข้อเท้าที่ตอนนี้เริ่มจะแดงขึ้นพร้อมลงมือพันข้อเท้าให้พี่ดาร์ก

"พี่ มันไม่ใช่อุบัติเหตุใช่ไหม?"

"มันคืออุบัติเหตุครับ"

“คนที่เข้ามาชนพี่คือพนักงานที่ชื่อเบทใช่ไหม?”

“คุนอย่าคิดอะไรมาก”

"พี่ดาร์ก ทำไมพี่มีอะไรแล้วไม่บอกคุน?"

“ก็เพราะมันไม่มีอะไรยังไงครับเราอย่าคิดมากอย่าไปสนใจและอย่าลงมายุ่งกับเรื่องนี้เราเป็นเจ้านายไม่สมควรมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่เป็นไร มันจะทำให้เราดูไม่ดี”

“แต่คุนไม่ชอบ ไม่ชอบให้ใครมาทำร้ายคนที่คุนรักพี่ก็รู้”

“ครับ พี่รู้ว่าเราเป็นคนชอบความยุติธรรมแต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความยุติธรรม คุนว่าจริงไหม?”

“แต่…”

“ช่างมันเถอะครับ ตอนนี้จะได้เวลาต้องเข้าประชุมแล้วไหนต้องพยุงพี่พาไปที่ประชุมอีกเราเลิกเถียงเรื่องนี้กันเถอะ”

“ครับ”

   
“พี่แน่ใจนะว่าจะไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คอีกทีมันบวมขึ้นรึเปล่าพี่?” เป็นธรรมค่อนข้างเป็นกังวลเรื่องขาของพี่ดาร์กเมื่อมันเริ่มบวมและเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีช้ำมากกว่าเดิม

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวแวะซื้อยาแก้ปวดกินก็พอแล้ว”

“งั้นเดี๋ยวคุนแวะซื้อข้าวก่อนเข้าห้องพี่นะพี่เอาเหมือนเดิมใช่ไหม?”

“ครับ”

   พวกเราถึงกรุงเทพฯ กันตอน 5 โมงกว่าเกือบหกโมงเย็นเพราะพี่ดาร์กขาเจ็บเป็นธรรมเลยรับหน้าที่เป็นคนขับรถกลับมาที่ห้องตอนแรกเขาตั้งใจว่าวันนี้จะอยากกลับบ้านเพื่อไปคุยกับแม่เรื่องงานแต่พอพี่ดาร์กเป็นแบบนี้จะให้ทิ้งไปเลยก็คงไม่ได้แต่พอทานข้าวเสร็จแล้วได้เช็คดูเห้นว่าขาเริ่มลดบวมเขาก็วางใจ

“พี่ดาร์กวันนี้คุณขอกลับบ้านนะ”

“ทำไมละ?”

“คุนอยากไปคุยเรื่องงานกับแม่ตั้งใจไว้หลายวันแล้ว”

“งานมีปัญหาเหรอ?”

“เปล่าๆ ไม่ใช่แบบนั้น”

“งั้น…?”

“เอาน่าเรื่องงานเดี๋ยวยังพี่ดาร์กก็ต้องรู้ รอให้คุนคุยเสร็จก่อนนะ?”

 “เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับพี่เหรอ...ครับ?”

หน้าของพี่ดาร์กใกล้เข้ามากับใบหน้าของเขาขึ้นเรื่อยๆ เพราะใช่เขากำลังมีเรื่องที่ปิดบังพี่ดาร์กอยู่เขาเลยต้องก้มหน้าลงต่ำเพื่อที่จะหลบสายตาแต่พี่ดาร์กก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาหลบตาได้อยู่นานเมื่อในที่สุดพี่ดาร์ก็จับที่คางเพื่อให้เขาเงยหน้าขึ้น

“ว่าไง? เดี๋ยวนี้มีอะไรไม่บอกพี่แล้วเหรอครับ?”

“เปล่า คุนแค่อยากไปคุยกับแม่เรื่องงานนิดเดียวจริงๆนะ แล้วเดี๋ยวคุยเสร็จคุนจะบอกพี่”

   ไม่ใช่ว่าเป็นธรรมมีเรื่องอะไรที่จะปิดบังแต่เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการคุยกับแม่นั้นมันจะเป็นผลสำเร็จหรือเปล่าเขาเลยไม่อยากพูดมันออกไปก่อนอีกอย่างเรื่องนี้เขาคิดว่าต่อให้บอกออกไปพี่ดาร์กก็ต้องไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขาอย่างแน่นอนและเขาก็ไม่ต้องการให้พี่ดาร์กปฎิเสธในสิ่งที่เขาคิดจะทำเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ควรทำมานานแล้ว

“งั้นต้องลงโทษ”

   เป็นธรรมกำลังจะเอ่ยถามว่าลงโทษอะไรแต่คำถามเหล่านั้นกลับถูกกลืนลงคอไปหมดเมื่อพี่ดาร์กกำลังลงโทษเขาด้วยรสจูบ จูบที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนแต่ก็มีการสั่งสอนอยู่ในทีตอนที่พี่ดาร์กกัดที่ริมฝีปากของเขาเหมือนต้องการให้รู้ว่าเขากำลังผิดที่คิดจะมีความลับ

“พี่ดาร์ก”

“ไหนว่าจะกลับบ้านดึกแล้วไม่ต้องมาทำตาแบบนี้ใส่พี่ กลับบ้านดีๆ นะครับ”

   แม้จะดูใจร้ายที่ปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้แต่พี่ดาร์กก็ยังปลอบให้อารมณ์ของเขาเย็นลงโดยการลูบหัวลูบหลังให้ผ่อนคลายมากขึ้น

“ให้พี่กลับไปด้วยไหม?”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวคุนกลับเองดีกว่า”

“งั้นตอนถึงบ้านโทรหาพี่ด้วยนะ”

“ได้ครับผม”

   เป็นธรรมเดินลุกขึ้นตรงไปที่ประตูโดยที่พี่ดาร์กเดินกระเพลกตามมาส่งในขณะที่เขาจับลูกบิดเพื่อเปิดประตูออกพี่ดาร์กก็ก้มลงมากระซิบที่ข้างหู

“ชอบแบบรุนแรงก็ไม่บอกพี่”

“พี่ดาร์ก!!”

“ไงเราไหนบอกตาดาร์ดไม่สบายปกติพอพี่เขาไม่สบายเราไม่คอยยอมห่างเขาเลยนิ”

“ไม่ขนาดนั้นมั้งครับแม่”

“ไหนวันนี้ทำไมถึงกับต้องนัดแม่คุยจ๊ะ? มีเรื่องอะไรที่บริษัท?”

“คือ ผมมีรายงานของบริษัทให้แม่ดูครับ”

“ทำไมละมันมีอะไรผิดปกติเหรอ? แม่ก็ดูสรุปจากเราทุกปีอยู่แล้วนิ”

“เปล่าครับ ที่ผมจะให้แม่ดูคือรายงานและแผนการตลาดนะครับ” แม่หยิบรายงานทั้งแฟ้มขึ้นไปดูโดยละเอียด หลังจากดูจบแม่ก็ถอดแว่นออกปิดแฟ้มลงพร้อมทั้งมองหน้าเป็นธรรมด้วยแววตาที่เขาเองก็เกือบจะล้มเลิกความตั้งใจ

“คุนต้องการจะบอกอะไรกับแม่? แผนการตลาดนี้คุนก็เป็นคนมาเสนอให้แม่ดูตั้งแต่เมื่อต้นปีแล้วก็ดูท่าทางแผนนี้มันก็ไปได้สวยไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ครับ แต่อันนี้เป็นลายมือคนเป็นการวาดแผนไปมาแม่เห็นใช่ไหมครับ?”

“จ๊ะ”

“เพื่อแม่จะจำไม่ได้นั่นมันไม่ใช่ลายมือของผมครับลายมือที่อยู่ในนั้นเป็นของพี่ดาร์กครับ”

“แล้วคุนมาบอกแม่ในวันนี้เพราะอะไร?”

“คือ...ผมไม่แน่ใจว่าแม่จะรู้รึเปล่าว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยเป็นคนคิดเกี่ยวกับแผนการตลาดของโรงงานเลยครับแม่สิ่งที่ผมทำคือสิ่งนี้ครับ”

เป็นธรรมหยิบเอาแฟ้มการวางแผนการตลาดและการเรียนการสอนที่เขาคิดขึ้นมาเพื่อโรงเรียนสอนศิลปะของเขาให้แม่ดู

“ผมจะบอกแม่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ดาร์กเป็นคนทำเกี่ยวกับการตลาดและคอยดูแลทุกอย่างในบริษัทแทบทั้งหมดครับผมไม่ได้ลงมือทำเองและมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้วครับเพราะฉะนั้น....”

เป็นธรรมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เขาจะพูดมันออกไปเขาทบทวนเรื่องนี้มาหลายครั้งหลายคราแต่เพิ่งแน่ใจว่าจะต้องลงมือทำมันก็เมื่อบ่ายที่เกิดเรื่องขึ้น พี่ดาร์กต้องทนให้คนอื่นพูดอะไรก็ได้เพราะว่าตัวพี่ดาร์กเองก็ไม่มีอำนาจที่จะปรามคนพวกนั้นและถ้าจะให้เขาเป็นคนจัดการไปเรื่อยๆ ต่อให้มันดีขึ้นแค่ไหนท้ายที่สุดพนักงานก็ยังคงไม่กลัวและเกรงใจพี่ดาร์กเหมือนเดิม

“...เพราะฉะนั้นผมเลยอยากขอเลื่อนตำแหน่งให้พี่ดาร์กครับจากหัวหน้าแผนกการตลาดผมอยากให้พี่ดาร์กมาเป็นผู้บริหารร่วมกับผมครับ”

“คุนคิดดีแล้วเหรอลูก? ไหนคุนลองบอกข้อดีกับการที่ดาร์กเขาจะได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี่สิ”

“เพราะพี่ดาร์กดูแลบริษัทของเราไม่ต่างจากเจ้าของพี่เขาทำทุกอย่างเพื่อให้โรงงานไปได้ไกลขึ้น ขนาดมีบริษัทอื่นมาทาบทามตัวไม่ว่าทางนั้นจะเสนอมามากแค่ไหนพี่ดาร์กก็ไม่ไปกับที่อื่นครับ”

“...”

“และเหตุผลเดียวที่พี่ดาร์กไม่ยอมไปที่อื่นโดยก็เพราะพี่เขาคบกับผมอยู่และผมก็ไม่อยากเอาเปรียบเขาครับ”

“คุนแน่ใจแล้วเหรอลูก?”

“ผมคบกับพี่ดาร์กมานานแล้วครับแม่ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาผมว่าพี่ดาร์กได้พิสูจน์ตัวเองพอแล้วครับ พี่เขาไม่เคยมาขออะไรจากเราเลยนะครับแม่เขามีแต่ให้พี่เขาทำอะไรให้ผมหลายอย่างที่ผมมีโรงเรียนศิลปะได้ในวันนี้ส่วนนึงก็เพราะเขานะครับ”

   แม่เงียบไปนานจนเป็นธรรมเองเริ่มหวั่นใจเพราะเขาก็ไม่รู้หมือนกันว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาแม่ได้พิสูจน์พี่ดาร์กพอแล้วรึยังยิ่งมีอคติกับพี่ดาร์กตั้งแต่ที่พาเข้าบ้านมาตั้งแต่ครั้งแรก

“บริษัทนี้เป็นบริษัทของคุนแล้วตั้งแต่วันที่แม่ยกให้เพราะฉะนั้นแม่จะให้อำนาจในการตัดสินใจกับเราทุกอย่างถ้าคุนว่าดีแม่ก็จะไม่ขัด”

“ขอบคุณครับแม่”

“แต่ แม่อณุญาตให้แค่ตำแหน่งนะจ๊ะในเรื่องของหุ้นแม่ยังไม่ให้เขานะมันจะเหมือนเดิมคือแม่ 30 คุณ 70 ดาร์กจะไม่มีสิทธิ์มาแตะในหุ้นนี่”

“ครับแม่”

แค่นี้ก็เพียงพอแล้วแค่นี้มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแล้วเป็นธรรมแทบอดใจรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าไม่ไหวเขาอยากเห็นว่าพี่ดาร์กจะทำหน้าอย่างไรเมื่อเห็นหนังสือเวียนว่าตัวเองถูกเลื่อนขั้นจากหัวหน้าฝ่ายการตลาดมาเป็นหนึ่งในผู้บริหารได้เวลาที่เราสองคนจะได้อยู่ชั้นเดียวกันไม่ต้องเดินไปมากันสักที


“คุณสุวรรณีคุณช่วยส่งจดหมายเวียนแจ้งให้ทุกแผนกทราบทีนะครับ”

“แบบนี้เราต้องเลี้ยงฉลองกันรึเปล่าคะ?”

“ผมว่าพวกเราสองคนมาลุ้นไม่ให้คุณทรงจำเล่นงานผมก่อนจะเลี้ยงฉลองดีกว่าครับ”

“ตายจริง นี่คุณทรงจำยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอคะ?”

“ยังครับ”


   ทันทีที่จดหมายเวียนเรื่องการเปลี่ยนตำแหน่งถูกส่งออกเป็นธรรมก็ไม่สามารถนั่งติดเก้าอี้ได้เขากำลังรู้สึกลุกลี้ลุกลนอาจจะเพราะเขากำลังคาดหวังปฎิกริยาจากพี่ดาร์กอยู่ดังนั้นพอได้ยินเสียงเปิดประตูห้องทำงานออกโดยที่ไม่มีเสียงเคาะเตือนล่วงหน้าเขาก็รู้เลยว่าเขาไม่ต้องมานั่งเดาต่อไปแล้ว

“นี่มันอะไรกันคุนทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย?”

“พี่ดาร์กยินดีด้วยกับตำแหน่งใหม่ครับ” เป็นธรรมฉีกยิ้มส่งแบบใจดีสู้เสือไปให้เพราะคิ้วของพี่ดาร์กขมวดกันจนจะเป็นปมอยู่แล้ว

“คุน”

“นั่งก่อนพี่ฟังคุนอธิบายก่อน” พี่ดาร์กถอนหายใจหนักๆ ก่อนที่จะทิ้งตั้วลงนั่งที่โซฟา

“เมื่อวานที่คุนบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับแม่มันก็คือเรื่องนี้”

“แล้วแม่ว่าอะไรเรารึเปล่า? แล้วแม่จะโกรธพี่ไหม? ทำไมคุนมีอะไรไม่ถามพี่ก่อนสักคำแบบนี้แม่จะมองพี่ยังไง?”

“พี่ดาร์กแม่ไม่ว่าอะไรคุนและก็ไม่ว่าอะไรพี่ด้วย”

“แต่พี่ไม่ได้ต้องการตำแหน่งนี้”

“คุนรู้ แต่คุนก็อยากให้พี่ได้มันไว้พี่ทำเพื่อโรงงานของที่บ้านคุณมาตั้งเยอะที่จริงมันเป็นสิ่งที่ต้องทำมาตั้งนานแล้วคุนปล่อยให้พี่ทำงานหนักตั้งมากมายโดยที่มีแค่ตำแหน่งหัวหน้าแผนกการตลาดเท่านั้นเอง”

“แต่พี่...”

“พี่ฟังคุนนะตำแหน่งนี้คุนก็ไม่ได้ให้มันกับพี่ฟรีๆ สักหน่อยที่ผ่านมาพี่ก็ทำงานในตำแหน่งนี้อยู่แล้วคุนแค่เปลี่ยนชื่อตำแหน่งให้สมกับหน้าที่ที่พี่ทำก็เท่านั้นเองเพรานั้นไม่แต่นะครับคุนขอ...รับตำแหน่งนี้มันไว้เถอะนะครับ”

“แล้วพี่จะตั้งใจให้มากขึ้นนะครับ”

“ครับพี่”

“งั้นวันนี้พี่ไปทานข้าวบ้านเราดีไหม? พี่อยากไปขอบคุณแม่คุนด้วย”

“ได้เลย เดี๋ยวคุนนัดแม่ให้”

   ก่อนกลับบ้านพี่ดาร์กแวะห้างเพื่อซื้อช้อคโกแลตยี่ห้อโปรดของแม่กลับไปด้วยเราสองคนออกจากที่ทำงานก่อนเวลาสักหน่อยเพราะไม่อยากให้แม่รอทานข้าวเย็นนานมาก

“ยังไงผมก็ขอขอบคุณท่านประทานมากนะครับ”

เป็นธรรมเคยพยายามบอกให้พี่ดาร์กเรียกแม่ว่าแม่หลายครั้งแต่มันก็ไม่สำเร็จเลยสักทีเพราะไม่ว่าจะเจอกันสักกี่ครั้งพี่ดาร์กก็ยังคงเกร็งแม่จนไม่กล้าที่จะเรียก

“ถ้าอยากขอบคุณฉันว่าเธอขอบคุณตัวเธอเองที่ทำผลงานให้เห็นและก็ขอบคุณตาคุนที่เอามาผลงานเหล่านั้นมาให้ฉันดูก็แล้วกัน”

“ยังไงผมก็ต้องขอบคุณที่ท่านยอมเซ็นให้ผมได้เลื่อนตำแหน่งผมเลยขอขอบคุณเป็นช้อคโกแลตยี่ห้อที่ท่านชอบแล้วกันครับ”

“ขอบใจจ๊ะ”

   มื้อเย็นดำเนินไปด้วยบทสนทนาที่เกี่ยวกับงานเกือบทั้งหมดและเป็นธรรมก็ภูมิใจพี่ดาร์กสามารถตอบคำถามเหล่านั้นของแม่ได้แถมมีการคาดเดาและแผนสำรองเผื่ออนาคตข้างหน้าอีกด้วยเขามองดูก็รู้ว่าแม่เองก็ค่อนข้างพอใจไม่อย่างนั้นแม่คงไม่คอยแอบยิ้มที่มุมปากแบบนี้

“ทำไมดาร์กไม่ลองเรียกฉันว่าแม่ดูละ?”

“ครับ?” ไม่ใช่พี่ดาร์กคนเดียวที่ตกใจแต่เป็นธรรมเองก็เกือบจะทำช้อนในมือล่วง

“ไหนๆ เธอก็เป็นแฟนกับคุนมานานคำว่าแม่ก็น่าจะเหมาะกว่าคำว่าท่านประทานดาร์กว่าอย่างไร?”
ช้อครอบสองของวันก็เมื่อแม่ยอมเรียกพี่ดาร์กว่า ‘ดาร์ก’ โดยที่ไม่เรียกว่าเธอหรือฉันอีกแล้วเป็นธรรมลุ้นใจแทบขาดว่าพี่ดาร์กจะยอมไหม

“แต่ถ้าเธอไม่สะ…”

“ครับคุณแม่”

“พี่ดาร์ก”

“ผมแค่ตกใจครับเลยคิดอะไรไม่ทันต้องขอโทษด้วยครับที่ตอบคุณแม่ช้าผมเองก็ไม่ได้ใช้คำว่าแม่มานานแล้วด้วยเหมือนกัน”

เป็นธรรมแอบบีบมือให้กำลังใจนั้นสินะพี่ดาร์กเองก็เสียแม่ไปตั้งแต่เล็กๆ พี่ดาร์กเคยเล่าให้ฟังว่าทั้งคู่เสียไปด้วยอุบัติเหตุและนั้นก็ทำให้พี่ดาร์กต้องไปอยู่กับญาติที่ไม่ได้เต็มใจเลี้ยงเพียงแต่ว่าคุณลุงคุณป้าเป็นเพียงครอบครัวเดียวที่ยังเหลืออยู่พี่ดาร์กเลยไม่มีทางเลือกให้ตัวเองมากนักถึงต้องจำใจอยู่กับครอบครัวนั้นกว่าจะอนกออกมาก็ตอนที่เริ่มโตและหางานทำเองได้

“งั้นให้แม่ได้ทำตำแหน่งนั้นในตอนนี้นะจ๊ะ ให้แม่ได้เป็นแม่ของดาร์กอีกคนนะ”

“ขอบคุณครับ” พี่ดาร์กยกมือประนมไหว้แม่ของเขา

“แล้วเรื่องที่โรงงานแม่เชื่อใจเราสองคนนะว่าจะประคองไปได้แต่ถ้ามีปัญหาก็มาปรึกษาแม่ได้ตลอดนะจ๊ะ”

“ครับ” “ครับ”

   มื้ออาหารจบลงแล้วเป็นธรรมคงปฎิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นมื้ออาหารที่เขามีความสุขมากในที่สุดแฟนของเขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองจนแม่ของเขายอมรับได้

“วันนี้พี่มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ตั้งหลายเรื่องแนะ”

“แล้วมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีไหมละครับ?”

“น่ายินดีสิ อย่างน้อยพี่ก็ได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเราอีกขั้นนึง”

 “พี่ดาร์ก”

“หื้ม?”

“วันไหนพี่ดาร์กพาคุนไปไหว้พ่อกับแม่พี่ได้ไหม?”

“เราก็ไหว้โกรฐอยู่ตลอดเวลาที่ไปห้องพี่นิ?”

“ไม่ คุนหมายถึงส่วนที่พี่ดาร์กเก็บไว้ที่วัด”

“ได้สิ ทันทีที่พี่มีโอกาสพี่จะพาเราไป”

“ขอบคุณครับ ขับรถดีๆ นะพี่”

   เหตุผลสำคัญที่เป็นธรรมอยากไปไหว้ที่วัดเพราะเขาอยากบอกกับท่านทั้งสองคนว่าตอนนี้ท่านทั้งสองคนไม่ต้องเป็นห่วงพี่ดาร์กแล้วไม่ต้องกลัวว่าพี่ดาร์กจะไม่มีใครอยู่ข้างๆ อย่างที่ผ่านมาเพราะเขาจะทำให้พี่ดาร์กรู้สึกถึงคำว่าครอบครัวเอง


โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2018 07:40:24 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
บทที่ 4

   “คุนพี่ว่าพี่จะให้แชมป์ขึ้นมาแทนตำแหน่งเดิมพี่เราว่าไง?”

“ผมไม่รู้จักใครในแผนกเลยอะ พี่ดาร์กเลือกได้เลยพี่คลุกคลีกับที่แผนกมากกว่าถ้าพี่ดาร์กว่าดีคุนก็โอเค”

“งั้นตามนี้นะ”

“ครับ” หลังจากวันที่พี่ดาร์กขึ้นมารับบทบาทเป็นผู้บริหารร่วมในโรงงานก็มีการเปลี่ยนตำแหน่งหลายอย่างเกิดขึ้น

“พี่ดาร์กกลับบ้านกันเถอะ”

“นี่ถึงเวลากลับบ้านแล้วเหรอ?”

แต่ปัญหาเดียวที่เป็นธรมมีหลังจากที่พี่ดาร์กได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาก็คือพี่ดาร์กดูจะใส่ใจในหน้าที่มากกว่าเดิมนี่ก็ลามไปถึงเรียกพวกบัญชีของโรงงานมาดูด้วยแล้วไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิด

“ครับ และตอนนี้คุนก็หิวมากแล้วด้วย”

“โอเคๆ พี่ขอโทษไปกันครับ”

   นั้นคือเหตุการ์ณในช่วงแรกๆ เท่านั้นเพราะหลังจากนั้นมันไม่มีอีกแล้วที่พี่ดาร์กจะนั่งทำงานอยู่จนเลยเวลาทานข้าวนั้นก็เพราะ

“พี่ดาร์กกลับบ้านกัน”

“เราซื้อข้าวมากินกันที่นี่ดีไหม? ออกไปตอนนี้รถก็ติด” แล้วถ้าผมเริ่มจะโกรธพี่ดาร์กก็จะแก้ปัญหาโดยการบอกล่วงหน้ามาเลยว่า

“วันนี้ไม่ต้องรอพี่นะครับพี่ยังติดประชุมอยู่เลย”

   เป็นธรรมพยายามที่จะลากให้พี่ดาร์กของเขาไม่นั่งจมอยู่ในกองงานอยู่หลายครั้งแต่เพราะตัวเขาเองก็ต้องมาดูงานที่โรงเรียนสอนศิลปะด้วยเหมือนกันยิ่งช่วงปิดเทอมของโรงเรียนเขายิ่งยุ่งหลังๆ เขาเลยไม่ค่อยได้ไปขัดการทำงานพี่ดาร์กสักเท่าไหร่

“โอ๊ย คุณเป็นธรรมวันนี้ได้เจอตัวแล้วช่วยกี้ด้วยเถอะค่ะช่วยพาคุณทรงจำเขากลับบ้านทีนะคะกี้จะไม่ไหวแล้วแฟนกี้จะทิ้งกี้แล้วค่ะเนี่ยอยู่ดึกทุกวันเลย”

“โอเค เดี๋ยวผมจะลองพูดนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

   เป็นธรรมเข้าใจว่าพี่ดาร์กเพิ่งได้รับความไว้วางใจจากแม่ของเขาเลยอยากทุ่มให้เต็มที่แต่นี้เขาว่ามันเริ่มมากเกินไปพี่ดาร์กควรพักผ่อนบ้างเขาจึงต้องกาทางเพื่อให้พี่ดาร์กออกมาจากที่ทำงานให้ได้
ดังนั้นวันนี้พอเป็นธรรมเลิกงานจากโรงเรียนสอนศิลปะเขาจึงแวะซุปเปอร์ซื้อพวกอาหารไปที่ห้องพี่ดาร์ก ไปถึงห้องความคิดที่จะเอาอาหารมาเก็บใส่ตู้และเตรียมมื้อเย็นให้ก็ถูกพับเก็บไปเมื่อห้องของพี่ดาร์กแล้วเขาเจอแต่ฝุ่นพร้อมด้วยเสื้อผ้าที่ใส่แล้วถูกกองซะเป็นตั้งสูงแผนจึงเปลี่ยนเป็นเก็บห้อและงเอาผ้าลงไปส่งซักให้เรียบร้อย

ในขณะเป็นธรรมกำลังทำความสะอาดห้องนั่นเองที่เขาเจอเอกสารบางอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นกระดาษใบเดียวทำให้เขาแทบหมดแรงและเก็บห้องต่อไม่ได้

“อ้าวคุน มาทำอะไรครับ?”

“ตกใจมากไหมครับพี่?”

“เซอร์ไพรส์มากกว่า คิดถึงพี่เหรอครับ?”

“พี่ดาร์ก...นี่มันหมายความว่ายังไง?”

“คือ...”

“พี่ดาร์กจะลาออกเหรอ?”

“มันไม่ใช่แบบนั้น ฟังพี่ก่อน”

“คุนฟังอยู่ครับ”

   ตอนที่เห็นกระดาษใบนี้ตอนนี้แม้เป็นธรรมจะเชื่อว่าพี่ดาร์กจะต้องมีเหตุผลที่ดีแต่มันก็ไม่สามารถทำให้ใจของเขาสงบลงได้เขานั่งรอให้พี่ดาร์กกลับเข้ามาด้วยมือที่ชื้นเหงื่อ

“พี่ไม่เคยอยากลาออกความคิดนั้นมันไม่เคยอยู่ในหัวของพี่เลย คุนก็น่าจะรู้ว่าพี่ไม่สามารถทิ้งคุนไปไหนได้”

“ถ้าเป็นแบบนั้นพี่ลองบอกคุนสิว่าแล้วทำไมพี่ต้องไปสมัครเป็นอาจารย์พิเศษด้วยละ?” พี่ดาร์กลากเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนมานั่งข้างๆ กันและก็เอื้อมมือมาจับมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้

“พี่อยากหาเงินเพิ่มครับ”

“ทำไม?”

“ยังจำที่พี่เคยพูดที่สระน้ำที่โรงแรมที่ชลบุรีได้ไหม? ที่พี่บอกว่าพี่อยากมีบ้าน”

“จำได้”

“พี่ยังคงอยากทำแบบนั้นอยู่ยิ่งตอนนี้แม่ของคุนยอมรับพี่แล้วพี่ก็ยิ่งอยากทำให้แม่ของคุนเชื่อใจว่าพี่สามารถที่จะดูแลคุนได้พี่สามารถมีทุกอย่างให้คุนอยู่อย่างสบายได้ไม่ใช่ห้องเล็กแคบแบบนี้”

“แต่มันไม่จำเป็นเลยสำหรับคุน”

“พี่รู้ครับ” พี่ดาร์กผละมือที่กำลังกุมมือของเขาออกแล้วเอามือนั้นมาลูบที่ใบหน้าของเขา

“แต่คุนลองคิดดูนะพี่ไม่มีอะไรสักอย่างที่เทียบกับคุนได้เลยรถพี่ก็รถญี่ปุ่นธรรมดาแต่ของคุณรถยุโรปบ้านก็ไม่มียังเป็นแค่ห้องพักห้องทั้งห้องของพี่รวมกันยังไม่ได้บ้านชั้นล่างของคุนเลยมั้ง”

“แต่...”

“เดี๋ยวครับพี่ขอพูดต่อก่อนพี่รู้ว่าคุนไม่ใส่ใจในเรื่องพวกนี้เพราะถ้าคุนใส่ใจวันนั้นคุนคงไม่ยอมให้พี่เขาไปจีบและคงไม่ตอบรับในความรักของพี่ในครึ่งปีถัดมาแต่พี่เองก็อยากให้รู้สึกดูเทียบเท่ากับคุนบ้างก็เพราะเวลาคุนไปเจอเพื่อนๆ ของคุนพี่ไม่อยากให้คุนรู้สึกต้องอายใครพี่อยากให้ทุกคนรอบตัวของคุนอิจฉาไม่ใช่คิดว่าคุนหาคนข้างกายได้เท่านี้พอจะเข้าใจพี่ไหม?”

   เป็นธรรมรู้มาเสมอว่าเรื่องฐานะเป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจของพี่ดาร์กมาตลอดอาจจะนับตั้งแต่ที่เพื่อนของเขาสมัยมหาวิทยาลัยที่ชอบพูดอยู่เสมอว่าพี่ดาร์กมีดีแค่หล่อนอกนั้นไม่มีอะไรเลยแล้วพี่ดาร์กเกิดมาได้ยินเข้าแถมพอเข้ามาทำงานที่โรงงานก็ต้องมาเจอกับคำพูดทำนองเดียวกันอีกก็ไม่แปลกที่พี่ดาร์กจะคิดมากขนาดนี้

“ไม่ใช่ว่าคุนไม่เข้าใจคุนแค่กลัวพี่เหนื่อยแต่ถ้าพี่อยากทำเพื่อพิสูจน์คุนขอแค่ให้พี่พักบ้างได้ไหม?”

“ถ้ากลัวพี่เหนื่อยแค่อยู่ให้กำลังใจให้พี่ก็พอ”

“กำลังใจคุนนะมีให้พี่อยู่แล้ว พี่ก็รู้”

“งั้นพี่ขอกำลังใจตอนนี้เลย นะครับ พี่กำลังเหนื่อยมาก”

“จุ้บ นี่ครับ”

“ชื่นใจสุดๆ แล้วนี่เรากินอะไรมายัง?”

“ยังเลยพี่มาถึงคุนก็เอาแต่เก็บห้องยังไม่ได้เตรียมกับข้าวเลย”

“งั้นออกไปดินข้างนอกกันพี่หิวละ”

“โห รถติดอะ เออ ใช่คุนว่าคุนซื้ออาหารกล่องสำเร็จมานะ” เป็นธรรมเดินดุ่มไปที่ตู้เย็นแล้วก็โชคดีที่เขาซื้อพวกมันติดขึ้นมาบ้าง

   อาหารที่อยู่บนโต๊ะถูกจัดการให้หมดไปอย่างรวดเร็วเราสองคนช่วยกันเก็บล้างจนเรียบร้อยเขากับพี่ดาร์คก็มานั่งคุยเล่นกันบนเตียงนอนเขาไล่หาช่องดูจากทีวีไปเรื่อยส่วนพี่ดาร์กก็นั่งอ่านงานต่อไป

“พี่ดาร์กจะไปเริ่มสอนเมื่อไหร่?”

“ก็น่าจะเป็นช่วงต้นเดือนหน้า”

“สอนกี่วันน่ะพี่?”

“คิดเอาไว้คือสามวันต่ออาทิตย์เป็นช่วงเย็นเท่านั้นแหละเพราะกลางวันพี่ก็ต้องทำงานที่โรงงาน”

“ถ้าพี่เหนื่อยเกินไปพี่ต้องหยุดนะ คุนขอ”

“ครับผม ว่าแต่เรานะตาจะปิดแล้วนอนได้แล้วครับ”

“ไม่เอาพี่นอนพร้อมคุนสิ พี่นอนคุนก็นอนถ้าพี่ไม่นอนคุนก็ไม่นอน”

   พรึ่บ เป็นครั้งแรกที่พี่ดาร์กยอมปิดไฟที่หัวเตียงลงโดยที่ไม่มีขอต่อรองว่าอีกสิบนาทีพี่ขออ่านงานตรงนี้ก่อน พี่ดาร์กดึงผ้าห่มขึ้นห่มเราทั้งสองคนและก็เป็นเขาที่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้กับตัวของพี่ดาร์กและหลับตาลง


“ดูทำหน้าเข้าเป็นไรไปเนี่ย?”

“เออ นั้นดินี่เพื่อนๆ เขานัดมาสังสรรค์กันนะ มานั่งทำหน้าซังกะตายอยู่ได้”

“ไม่มีอะไร”

“ทำไมพี่คุณพ่อคนแสนดีเขาเริ่มออกลายแล้วละสิ”

“สงสัยพอรวยแล้วก็ถีบหัวแกส่งแล้วอะดิ”

“เปล่า ไม่ใช่ แต่ในเป็นเพราะ…”

   ที่เป็นธรรมมานั่งเซ็งกระตายในร้านนั่งชิวกับบรรดาเพื่อนๆ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะว่าพี่ดาร์กเปลี่ยนไปอย่างที่เพื่อนแซวแต่มันเป็นเพราะพี่ดาร์กได้เริ่มงานเป็นอาจารย์พิเศษได้สักระยะแล้วและนั้นก็ทำให้เวลาของเขากับพี่ดาร์กไม่ค่อยตรงกันและเราก็เจอกันน้อยลงกว่าเดิมส่วน เสาร์ อาทิตย์ก็กลายเป็นวันเตรียมการสอนวันอื่นๆ ก็เป็นวันเคลียร์งานของโรงงานชดเชยที่ทิ้งไปสามวันในช่วงเย็น

“เฮ้อ”

   เรื่องราวต่างๆ ถูกถ่ายทอดไปสู่กลุ่มเพื่อนถามว่าน้อยใจไหม? แน่นอนว่าเขาน้อยใจแต่เขาก็ไม่อยากที่จะโวยวายในเรื่องที่พี่ดาร์กเป็นคนเหนื่อยแล้วยังไม่บ่น และมันก็จะโทษใครก็คงไม่ได้เล่นไปเพิ่มตำแหน่งให้พี่เขาก็กลายเป็นว่าเขาเองนี่แหละที่เป็นคนเพิ่มงานให้

“เอานะพี่เขาก็ทำเพื่อแกทั้งนั้นเขาก็คงอยากจะทัดเทียมในสังคมแกก็ทนๆหน่อย”

“ถ้าเป็นฉันนะไม่เห็นยากเลยแม่ก็บอกแล้วว่างานที่โรงงานเขายกให้แกกับพี่ดาร์กดูแลเป็นฉันนะแอบยกหุ้นให้ไปแล้ว แค่นี้ไอ้เรื่องที่พี่เขาต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินก็ตกประเด็นไปปะ”

“ไว้จะลองคิดดูขอบใจนะพวกแก”

   ไม่ใช่ว่าเป็นธรรมไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องหุ้นและก็ไม่ว่าเพราะแม่ห้ามเอาไว้แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าพี่ดาร์กจะโอเครึเปล่าเพราะแค่เรื่องเลื่อนตำแหน่งพี่ดาร์กยังหน้าเครียดเดินมาหาเขาถึงที่ห้องทำงาน เขารู้ดีกว่าพี่ดาร์กอยากเติบโตด้วยตัวเองไม่อยากรู้สึกว่าถูกเขาดูแลไอ้ขอ้นี้แหละที่รั้งเขาเอาไว้

“ฮัลโหลครับพี่”

“ทานข้าวกับเพื่อนเสร็จยัง? พี่สอนเสร็จแล้วพี่จะได้แวะไปรับ”

   แค่สอนเสร็จแล้วโทรหากันมันก็ทำให้เขารู้สึกดีใจอยู่แล้วนี่พี่ดาร์กยังคิดจะย้อนรถมารับเขาก่อนที่จะกลับห้องอีกถ้าโลกนี้มีปรอทวัดความสุขขายเอามาวัดเขาตอนนี้ความสุขมันคงใกล้ทะลุปรอทเต็มที

“ไม่เป็นไรพี่คุนเอารถมางั้นเดี๋ยวคุนไปหาพี่ที่ห้องพี่ละกัน”

“โอเค งั้นพี่ไปรอที่ห้องเลยนะ?”

“ครับผม อ้อ พี่ทานอะไรยัง? ให้คุณสั่งกับข้าวจากร้านนี้ไปไหม?”

“เอาสิหิวพอดี งั้นคุนสั่งอะไรให้พี่สักอย่างหน่อยนะ”

“ได้ครับ เดี๋ยวเจอกัน”

   เป็นธรรมใช้เวลาจากที่ร้านมาถึงห้องพี่ดาร์กไม่ถึงครึ่งชั่วโมงตอนมาถึงห้องพี่ดาร์กยังคงอาบน้ำอยู่เขาเลยเตรียมอาหารใส่จานเอาไว้ให้

“วันนี้คุนเลือกของโปรดให้..พี่เป็นอะไรรึเปล่า?”

   เมื่อเป็นธรรมได้มีโอกาสมองหน้าพี่ดาร์กชัดๆ เขาก็เห็นว่าสีหน้าของพี่ดาร์กดูซีดลงกว่าเมื่อตอนกลางวันที่ไปกินข้าวด้วยกัน

“พี่ตัวรุมๆ นะ” เป็นธรรมเอามือทาบไปที่หน้าผากของพี่ดาร์กเพื่อวัดอุณหภูมิ

“เดี๋ยวกินยาก็หายไม่ต้องห่วงนะเราเหอะวันนี้เหนื่อยไหม? แล้วอยากไปอาบน้ำเตรียมนอนเลยหรือว่าจะนั่งเล่นกับพี่ก่อน?”

“คุนไปอาบน้ำดีกว่าเหนียวตัว พี่กินข้าวเสร็จอย่าลืมกินยาดักไว้นะ”

“ครับรับทราบครับ”

   ออกมาจากห้องน้ำเป็นธรรมก็เห็นภาพเดิมที่เขาเคยเห็นมาตลอดภาพที่ว่าก็คือพี่ดาร์กนั่งอ่านงานที่โต๊ะทำงานเขาเลยเดินออกไปดูความเรียบร้อยในครัวแทน

“มานอนพักเถอะพี่ทานยาแล้วนิ”

“คุนนอนก่อนเลยพี่ขอทำสรุปตรงนี้อีกนิดพรุ่งนี้พี่ต้องประชุมแต่เช้าพี่อยากอ่านรายงานให้จบก่อนเข้าที่ประชุม”

“รายงานนั้นคุนอ่านแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าคุนเล่าให้พี่ฟังตอนกินข้าวเช้าก็ได้”

“โอเคครับ”


   เช้าวันนี้พี่ดาร์กตื่นสายกว่าเขาคงซึ่งมันเป็นเรื่องนานทีปีหนที่จะเกิดขึ้นแน่นอนว่ามันต้องเป็นเพราะพี่ดาร์กคงเหนื่อยจากการทำงานอย่างหนักเป็นธรรมเลยปล่อยให้คนที่นานๆ จะตื่นสายได้นอนไปก่อนเพราะยังไงมันก็ยังเหลือเวลา

“พี่ดาร์กไหวไหมพี่? อยากพักไหมวันนี้”

เมื่อถึงเวลาที่จะต้องตื่นมาเตรียมตัวเป็นธรรมก็เดินกลับเข้าไปปลุกพี่ดาร์กแต่แล้วไอร้อนก็ทำให้เขาลดเสียงกระซิบถามมากกว่าการปลุกให้ตื่น

“ไหวครับ กี่โมงแล้วเนี่ย?”

“ 7 โมงแล้ว พี่พักสักวันไหม? เดี๋ยวคุณเข้าประชุมและอัดเสียงมาให้ก็ได้”

“ไหวครับ เดี๋ยวไปอาบน้ำก็สดชื่นขึ้นแล้ว”

   การประชุมเกี่ยวกับแผนงานการขยายตลาดเพิ่มอีกแขนงจากที่โรงงานเราทำแค่ผ้ามัดย้อมตอนนี้ก็จะเพิ่มไลน์งานการสกรีนผ้าเข้าไปเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาด อีกทั้งเรื่องการขยายโรงงานด้วยจากขนาดพื้นที่ปัจจุบันได้ใช้การใช้งานเต็มพื้นที่จึงต้องมองหาพื้นที่ใหม่เพื่อตั้งโรงงานเป็นโรงงานสกรีนโดยเฉพาะผ่านไปได้ด้วยดีแม้ต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งวัน

“ยังไงผมต้องขอให้ทางบัญชีทำงบประเมิณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโรงงานใหม่มาเสนอให้เร็วที่สุดด้วยนะครับ”

“ได้ค่ะ”

“แล้วก็เรื่องพนักงานใหม่ใครก็ตามที่ได้รับคัดเลือกเข้ามาผมขอเป็นคนที่อยู่ในทีมสัมภาษณ์ด้วยนะครับ”

“ได้ค่ะ”

“งั้น วันนี้ปิดการประชุมได้ครับ”

“ค่ะ // ครับ”

“พี่ดาร์กทำไมต้องสัมภาษณ์พนักงานใหม่มาทำเองด้วยละฝ่ายบุคคลเราก็มี”

“โรงงานนั้นจะตั้งใหม่และเราไม่ได้ไปอยู่ที่นั้นพี่อยากรู้จักพนักงานที่จะไปทำงานพี่ไม่ค่อยไว้ใจคนอื่นเท่าไหร่”

“งั้นคุนก็แล้วแต่พี่เลยที่ทักก็แค่กลัวพี่เหนื่อยเกินไปยิ่งตอนนี้คุนหนีพี่ไปอยู่แต่ที่โรงเรียนอยู่ด้วย”

“เออ พูดถึงเรื่องโรงเรียนเป็นยังไงบ้างไม่เห็นเล่าให้พี่ฟังบ้างเลย?”

“ก็เรื่อยๆ ครับนักเรียนก็มีมาสมัครมากขึ้นบ้างพวกคอร์สสั้นแบบเรียนวันเดียวจบแต่พอเป็นคอร์สยาวเด็กก็ยังเท่าเดิม”

“ลองทำการตลาดให้มากกว่านี้หรือไม่ถ้าคอร์สยาวมันมาดึงค่าใช้จ่ายพี่ว่าพอจบตารางเรียนครั้งนี้ก็ปิดมันเลยไหม? แล้วเปิดแต่คอร์สสั้นๆ เอาตลาดของคุนอาจจะเหมาะกับแบบนั้นมากกว่า”

“ยังไงคุณขอลองอีกสักตั้งนะพี่”

“แล้วแต่เลยที่นั้นมันเป็นของคุนอยู่แล้วแต่ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรอย่าเก็บไว้คนเดียวนะแม้พี่จะไม่มีหัวทางศิลปะแต่ก็เอามาคุยกับพี่ได้เสมอนะรู้ไหม”

“ครับบบบบบ”

   เพราะต้องการให้พี่ดาร์กหมดห่วงเป็นธรรมเลยทุ่มเทกับการตลาดของโรงเรียนสอนศิลปะมากขึ้นทั้งเข้าไปศึกษาตลาดว่าควรเจาะเป็นฉพาะกลุ่มดีไหมหรือคลาสแบบไหนที่กำลังเป็นที่นิยมแต่ยังโชคดีที่ตอนนี้ตำแหน่งของพี่ดาร์กสามารถเซ็นเอกสารทุกอย่างได้แทนหมดไม่ต้องรอให้เขากลับไปเซ็นอีกแล้วงานก็เลยไหลไปได้ไม่ช้าสะดุดที่เขา

“ไปไหนของเขาหว่า?”

ช่วงสายหลังจากที่เคลียร์งานที่ค้างเอาไว้เรียบร้อยแล้วเป็นธรรมก็เดินไปหาพี่ดาร์กที่ห้องทำงานแต่ก็ไม่เจอออกไปถามพนักงานแถวนั้นก็ไม่มีใครเห็นลองโทรเข้าโทรศัพท์ก็ไม่มีคนรับมันยิ่งทำให้เขาเกิดความกังวลเพราะน้อยครั้งมากที่เขาจะไม่สามารถติดต่อพี่ดาร์กได้ลองเอาตารางงานมาดูก็ไม่เห็นว่าพี่ดาร์กต้องออกไปเจอลูกค้าที่ไหนแถมยังไม่มีสอนเป็นธรรมจึงลองไปตามหาที่ห้องพัก

“เฮ้ย พี่”

   เปิดประตูห้องเข้าไปเป็นธรรมก็เจอพี่ดาร์กนอนห่มผ้าทั้งที่อากาศร้อนแถมยังไม่เปิดอะไรสักอย่างแม้กระทั่งหน้าต่างพอเข้าไปดูใหล้ๆ ก็เห็นว่าเหงื่อไหลเต็มตัวไปหมด

“พี่ดาร์กตื่นก่อนพี่” พี่ดาร์กยอมลืมตาขึ้นตามเสียงเรียกของเขาเมื่อเห็นว่าพี่ดาร์กรู้สึกตัวเป็นธรรมก็ค่อยโล่งใจ

   “ฝืนใจลุกหน่อยพี่”

หลังจากสามารถบังคับให้คนป่วยลุกขึ้นนั่งได้แล้วเป็นธรรมก็เริ่มลงมือเช็คตัวให้กับคนป่วยและเนื่องจากว่ามีไข้ที่สูงมากเป็นธรรมจึงต้องเริ่มบังคับให้คนที่ไม่ชอบหมอไปโรงพยาบาลแม้เจ้าตัวจะร้องหาแค่พาราเพียงเท่านั้นและพอไปถึงโรงพยาบาลก็เป็นไปตามคาดว่าต้องโดนคุณหมอสั่งยามาให้ชุดใหญ่พร้อมทั้งยังบังคับให้พักผ่อนให้เพียงพอ

“แวะซื้อมาร์คก่อนเดี๋ยวเราติดพี่”

“ถ้าไม่อยากให้ติดทีหลังก็อย่าไม่สบายสิ”

“เอ้า แค่กกๆ เรื่องแบบนี้มันห้ามได้ที่ไหนละ”

“พี่ก็พักผ่อนให้เยอะๆ งานก็บ้าให้มันน้อยๆ ลงหน่อย”

“ครับๆ”

“เออคุณ”

“หื้ม?”

“วันนี้ไม่ต้องค้างที่นี่นะเดี๋ยวติดหวัด”

“โอเค”

   คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่หาได้น้อยมากสำหรับเป็นธรรมที่พี่ดาร์กหลับก่อนเขาแถมยังไม่ได้ทำงานก่อนนอนอีกสงสัยว่ายาได้มาคงออกฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน

   ก่อนที่จะกลับบ้านไปบอกให้แม่ครัวที่เตรียมอาหารให้กับคนป่วยเป็นธรรมก็เหลือบไปเห็นกองหนังสือที่ยุ่งเหยิงบนโต๊ะทำงานเขาจึงเดินไปเก็บให้เรียบร้อยก่อนที่กองหนังสือเหล่านั้นจะถล่มลงมาแล้วเขาก็ไปเจอกับโพสอิสที่ถูกแปะเอาไว้ที่กองกระดาษว่า ‘คลาสศิลปะที่น่าสนใจของคนยุคนี้’

   กระดาษแผ่นนั้นทำให้เป็นธรรมอยากเดินเข้าไปกอดคนที่กำลังนอนสบายอยู่ที่เตียงซะตอนนี้แต่เขาก็ไม่อยากปลุกเพราะนานๆ ทีคนบนเตียงนั้นจะหลับสนิทตั้งแต่ทุ่มนึงจึงต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ดาร์กพูดออกตัวเสมอว่าไม่ถนัดทางด้านศิลปะและขอไม่เข้ามายุ่งแถมยังย้ำเพิ่มเติมเสมอว่าในเมื่อเขาอยากทำก็ต้องดูแลด้ยตัวเองถ้าล้มก็ไม่เข้ามาช่วยแต่เอกสารที่ถูกค้นหาว่าคนสมัยนี้เทร์นการเรียนศิลปะเป็นแบบไหนพร้อมกับคำสรุปที่ถูกเขียนโดยลายมือของพี่ดาร์มันก็แสดงแล้วว่าพี่ดาร์กไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้โรงเรียนที่เขารักล้มลงตามอย่างที่พูด

“แล้วไหนว่าพี่จะไม่ยุ่ง”

   ความตั้งใจที่จะกลับไปให้แม่บ้านเตรียมอาหารให้คนป่วยถูกโยนทิ้งไป เป็นธรรมยอมขัดคำสั่งโดยการไม่กลับบ้านแถมยังนอนลงข้างกันส่วนคนที่ไล่เขาปาวๆ ว่าให้กลับแค่ผมหลังเขาสัมผัสกับเตียงพี่ดาร์กก็ดึงเขาเข้าไปกอดทันที แถมยังกอดเอาไว้ซะแน่นจนเขารับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนของพี่ดาร์กที่รดอยู่ตรงเส้นผมของเขาก็ได้แต่หวังไว้ว่าเขาจะแข็งแรงพอและไม่ติดไข้จากพี่ดาร์ก

“พี่ดาร์กพี่ตัวยังร้อนอยู่เลยพักเถอะที่ทำงานไม่ต้องห่วงวันเดียวไม่เป็นไรแต่อย่าลืมโทรไปบอกที่มหาวิทยาลัยนะว่าพี่ไม่สบาย”

   แม้หน้าพี่ดาร์กจะมีสีไม่ขาวซีดเหมือนเมื่อวานแต่ว่าไข้ยังสูงแถมเสียงก็ยังไม่มีไม่รู้ว่าพี่ดาร์กคิดได้ยังไงว่าจะไปสอนทั้งสภาพแบบนี้

“ไม่ได้หรอกพี่ไม่ได้ลาไว้ล่วงหน้าใครจะมาสอนแทนได้”

“คุนไง คุนไปแทนให้”

“คุนจะสอนไหวเหรอ?”

“แต่พี่ก็ไม่น่าไหวไหม?”

“พี่หยุดไม่ได้หรอกมันดูไม่มีความรับผิดชอบอีกอย่างถ้าเกิดเทอมนี้ไม่ผ่านประเมิณเทอมหน้าจะไม่ได้สอนเอานะ”

“งั้น เอางี้เอาข้อมูลมาเดี๋ยวคุนพิมพ์แล้วไปแจกเด็กในห้องเองบอกว่าอาจาร์ยไม่สบายให้อ่านชีทไปก่อนแบบนี้คงไม่มีปัญหาใช่ไหมพี่?”

“ก็พอได้อยู่นะพี่ว่า”

“งั้นพักอีกวันนะเมื่อเช้าคุณลงไปซื้อโจ๊กกับข้าวต้มมาให้แล้วทานด้วย แล้วพอคุนเอาชีทไปให้เด็กนักเรียนพี่เสร็จคุนจะรีบมาหา”

“งั้นพี่ฝากด้วย”

   เข้าไปถึงโรงงานคุณสุวรรณีก็รีบยกแฟ้มงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของพี่ดาร์กมาให้เขาช่วยดูแอบแปลกใจเหมือนกันพี่ดาร์กต้องทำงานเยอะขนาดนี้แต่พอคิดไปคิดมาก็ช่วงนี้เขาเอาแต่ไปดูงานที่โรงเรียนในขณะที่โรงงานเรากำลังจะเพิ่มไลน์สินค้ามันก้คงต้องเป็นแบบนี้

ในช่วงเย็นระหว่างที่เป็นธรรมนั่งมองดูแฟ้มงานพร้อมทั้งชีทเรียนที่กำลังปริ้นออกมาเพื่อเอาไปแจกให้กับนักศึกษาแล้วเขาก็ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมเขาถึงปล่อยให้คนที่เขารักทำงานหนักขนาดนี้และที่พี่ดาร์กทำงานหนักขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าอยากพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถทำให้สบายได้และด้วยเงินเดือนผู้บริหารบวกกับอาจาร์ยพิเศษแค่สามวันต่ออาทิตย์เมื่อไหร่ละที่พี่ดาร์กจะได้ตามที่ต้องการพี่ดาร์กต้องเหนื่อยอีกนานแค่ไหน?

“คุณสุวรรณีครับรบกวนคุณทำหนังสือสัญญาการโอนหุ้นให้ผมด้วยครับ”

“ได้ค่ะ คุณเป็นธรรมต้องการให้ดิฉันระบุชื่อของใครลงไปใครคะ?”

“เอา 35% จากของผมโอนให้ในชื่อผู้รับคือคุณทรงจำครับ”

“ได้ค่ะ”

“ผมรบกวนขอวันนี้ก่อนเลิกงานนะครับ”

   ตลอดทางจากมหาวิทยาลัยกลับไปที่ห้องพี่ดาร์กเป็นธรรมคิดเตรียมเลือกคำพูดให้ดูดีเพื่อให้พี่ดาร์กยอมรับและเซ็นต์ตกลงรับหุ้นจำนวนนี้ให้ได้หุ้นในโรงงานเขาถืออยู่ 70% เขามั่นใจว่าการที่จะแบ่งให้พี่ดาร์กครึ่งนึงมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดอะไรแต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถคิดคำพูดที่ดูดีได้ตลอดมื้อเย็นที่กินข้าวเขาจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตา

“คุนเป็นอะไรรึเปล่าหรือว่าเหนื่อยที่ต้องขับรถย้อนไปมา?”

“เปล่า”

“งั้นคุนมีอะไร?” พี่ดาร์กวางช้อนลงตั้งท่าเตรียมคุยกับเขา

“พี่กินให้หมดก่อนไหม?”

“ถ้าพี่ไม่รู้เรื่องตอนนี้พี่กินไม่ลงหรอกงานมีปัญหาอะไรที่พี่ไม่รู้รึเปล่า? หรือโรงเรียน?”

“ไม่มีพี่ แต่...” ดูท่ามื้อเย็นนี้คงไม่จบลงถ้าเขาไม่พูดออกไปเขาจึงเดินไปหยิบกระดาษการโอนหุ้นยื่นให้กับพี่ดาร์ก

“นี่มันอะไรกันคุน?”

“พี่ดาร์คฟังคุนก่อน”

“คุนคิดว่าพี่จะไม่สามารถโตด้วยตัวเองได้?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่พี่ดาร์กฟังคุนนะพี่ดาร์กบอกคุนเสมอว่าพี่ดาร์กอยากมีโน้นนี้นั้นเร็วๆ คุนเลยมองอีกแบบว่าทำไมพี่ต้องไปเหนื่อยสอนทำงานหลายที่ทำไมพี่ไม่เต็มที่กับโรงงาน? คุนเชื่อว่าถ้าพี่ดาร์กเต็มที่ผลตอบแทนมันจะต้องได้เยอะกว่างานสอนของพี่แน่นอน”

“แต่พี่ว่า”

“เราจะโตไปด้วยกันไงครับ”

“พี่ พี่ ไม่รู้จะพูดว่ายังไงเลย”

“เซ็นต์ตกลงนะครับ?”

“พี่ขอบใจมากนะคุน ขอบคุณ”

เป็นธรรมรู้สึกโล่งใจที่พี่ดาร์กยอมฟังเขาและไม่โกรธที่เขาตัดสินใจอะไรลงไปโดยที่ไม่ได้ปรึกษาก่อนดังนั้นหลังจากที่พี่ดาร์กยอมเซ็นต์เอกสารเขาก็กลับจัดการมื้อเย็นให้เรียบร้อยแล้วค่อยไปอาบน้ำล้างตัวอย่างสบายใจ


   ในอีกมุมนึงของห้องทันทีที่คุนเดินหายไปจากห้องรับแขกและทรงจำได้ยินเสียงฝักบัวถูกเปิดใช้งานทรงจำก็เดินไปหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องนึงที่เขาแอบมันเอาไว้

“ฮัลโหล”

“ไง ได้หุ้นแล้วละสิแล้วพร้อมรึยัง?”

“ใช่พร้อมแล้วเตรียมขั้นตอนต่อไปได้เลย”

“เดี๋ยวก่อนไอ้ดาร์กแกแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้ฉันยังมีเวลาให้คิดอย่าลืมข้อเท็จจริงไปอย่างนะว่าน้องมันไม่ใช่คนที่ทำร้ายแกยังหยุดตรงนี้ได้นะ”

“ฉันมั่นใจ”

“ฉันเตือนแกแล้วนะ”

“……”

“อย่าลืมละเล่นกับไฟแบบนี้เวลามันครอกมันไม่เหลืออะไรเลยนะ”

ทรงจำเหยีดยิ้มที่มุมปากอย่างเขานะเหรอไม่ต้องให้ใครมาเตือนเขาก็รู้ดีว่าไฟเวลามันครอกแล้วมันเป็นอย่างไรเขารู้ว่ามันจะต้องสูยเสียอะไรไปบ้างแม้ว่าในเสี้ยววินาทีนึงเขาจะมีความไม่มั่นใจในสิ่งที่จะทำว่ามันถูกต้องดวงตาของเขาก็เหลือไปเห็นรูปของเป็นธรรมถือดอกไม้ช่อใหญ่อยู่ในชุดนักศึกษายิ้มอย่างมีความสุขพร้อมทั้งวันที่ระบุไว้ในรูปว่า 09/09/2011 ความหวั่นไหวนั้นมันก็จางหายไปจากดวงตาเขาไม่คิดว่าเขาจะอยู่ในจุดที่สามารถหันหลังกลับได้อีกแล้ว

    “เตรียมการขั้นต่อไปได้เลย”

   ทรงจำวางสายและปิดเครื่องมือถือนั้นลงเดินตรงเข้าไปที่เขาได้ยินเสียงของฝักบัวดังออกมาคนที่อยู่ในนั้นหันมามองเขาด้วยแววตาตกใจก่อนจะเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่น ทรงจำเดินตรงเข้าไปหารอยยิ้มนั้นกอดร่างนั้นไว้พร้อมกับประทับตีตราจองทุกส่วนของร่างกายนั้นและทำทุกอย่างเพื่อให้ร่างนั้นจดจำสัมผัสจากเขาให้ได้

“อะ คุนเจ็บ”

เขาเผลอกัดคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาจนเป็นรอยเมื่ออารมณ์ไปถึงจุดที่ต้องการปลดปล่อยทรงจำกลับรู้สึกหัวเสียเพราะเขาไม่เคยเตรียมถุงยางเข้ามาเพราะฉะนั้นเขาต้องดึงแก่นกายของเขาออกมาเพื่อปลดปล่อยข้างนอกแทนความอบอุ่นที่โอบความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ หลายครั้งที่คนในอ้อมกอดแสดงสีหน้าของความไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่เคยปล่อยทุกหยาดความต้องการเข้าไปในร่างนี้และคำตอบที่เขาไม่เคยบอกออกไปก็คือหยาดรักของเขามันไม่คู่ควรกับคนตรงหน้าก็เท่านั้น

โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2018 08:32:13 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ่านตอนแรก ๆ ระแวงมาก ตอนต่อ ๆ มาชักลังเล แต่ที่ดูจากชื่อเรื่องก็เลยรอดูว่าเมื่อไหร่หางจะโผล่
ในที่สุดก็โผล่มาเอาตอนท้าย
สงสัยว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ ตัวคุณคงไม่ได้ทำอะไรให้ น่าจะเป็นครอบครัวของคุณมากกว่า
และสงสัยอีกว่าผู้ร่วมขบวนการน่าจะมีหลายคน เพราะดูเหตุการณ์มันเอื้อเหลือเกิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 4 - 27/12/2016
« ตอบ #9 เมื่อ: 27-12-2016 20:08:19 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 4 - 27/12/2016
«ตอบ #10 เมื่อ01-01-2017 14:53:37 »

บทที่ 5

   ในที่สุดโรงงานใหม่ที่จะถูกเปิดเพิ่มเติมเพื่องานสกรีนก็เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างโครงสร้างภายนอกของโรงงานเรียบร้อยหมดแล้วเหลือเพียงซื้อพวกอุปกรณ์ที่ต้องใช้แลพปัญหาที่ทำให้ต้องหยุดอยู่เพียงเท่านี้ก่อนก็คือเรื่องเงินด้วยระบบการเงินในโรงงานจะเป็นระบบเงินหมุนตอนได้กำไรเงินปันผลมาผมกับแม่ไม่เคยเก็บเงินสำรองเอาไว้สำหรับเรื่องนี้จึงทำให้มีปัญหาเรื่องเงินเกิดขึ้น
ตอนที่ไปซื้อที่ดินกับการว่าจ้างผู้ก่อสร้างเป็นธรรมเองก็เอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีไปลงหมดพี่ดาร์กเองก็เอาเงินเก็บของตัวเองมาร่วมลงด้วยแต่มันก็ไม่พอกับรายจ่ายที่กำลังรอเราอยู่ข้างหน้าอยู่ดี

“งั้นเราเอาโรงงานไปวางเพื่อขอเงินกู้ออกมาดีไหม?”

“แม่รักโรงงานนี่มากมันเหลือเป็นสิ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของพ่อคุนคิดว่าแม่คงไม่โอเค”

“หรือว่าเราจะหยุดเอาไว้ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวพี่ไปพูดกับพวกลูกค้าที่เราไปเสนองานสกรีนเอาไว้ก็ได้ว่าเราเกิดปัญหาภายในบางอย่างทำให้เรายังไม่สามารถทำสินค้าให้ได้ตามที่กำหนด”

“แล้วมันจะไม่มีผลกระทบเหรอพี่?”

“มี เราคงต้องชดใช้ในบางส่วนและคงต้องมีส่วนลดในครั้งต่อไป”

   เป็นธรรมพลาดเองที่เอาเงินกำไรไปลงกับโรงเรียนศิลปะของตัวเองซะเกือบหมดทำให้เงินไม่เหลือพอหมุนเวียนพอเวลามีเหตุต้องใช้จะให้เดินเข้าไปขอเงินจากแม่เขาก็ไม่อยากทำเพราะเขาไม่อยากให้แม่มองว่าโรงเรียนเขาสร้างปัญหาดังนั้นหลังจากที่เขาคิดมาตลอดหลายวันเขาก็ตัดสินใจคุยกับพี่ดาร์ก

“เอาโรงเรียนคุนไปยื่นกู้แทนได้ไหม?”

“แต่นั้นมันเป็นโรงเรียนที่คุนรัก”

   พี่ดาร์กหัวเสียทันทีที่เขาตัดสินใจจะเอาโรงเรียนไปยื่นกู้แทนโรงงานแต่เป็นธรรมก็เห็นว่าทางนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดทั้งจะได้เงินมาทำโรงงานให้เสร็จจะได้ไม่ต้องผิดคำสัญญากับลูกค้ารายใหม่ที่พี่ดาร์กไปดิวมาได้

“พี่ว่าพี่หยุดโครงการนี้เอาไว้ก่อนดีกว่าเอาไว้พี่หาทางอย่างอื่นให้ได้ก่อนแล้วเราค่อยว่ากัน”

“พี่โรงเรียนของคุนก็สร้างมาจากเงินของโรงงานนี้เพราะฉะนั้นเอามันมาช่วยเถอะ”

“แต่พี่ไม่อยากแตะความฝันของคุนมันไม่เคยอยู่ในความตั้งใจของพี่!!”

“พี่ดาร์กหมายความว่า?”

“พี่หมายถึงพี่ไม่เคยอยากเอามารวมกับธุรกิจนี้เพราะมันคือสิ่งที่พี่อยากช่วยคุนทำให้มันเกิดขึ้นมา”

“โธ่ พี่ฟังคุนนะ…”

   และเป็นธรรมก็ใช้เวลาโน้มน้าวพี่ดาร์กอยู่เป็นอีกอาทิตย์กว่าที่พี่ดาร์กจะยอมทำตามที่เขาได้ตัดสินใจ

“คุนบอกแล้วว่าพี่ดาร์กต้องไม่ทำให้คุนผิดหวัง”

   หลังจากที่โรงงานเปิดและเริ่มผลิตงานลูกค้าที่ได้งานไปดูพอใจกับผลงานเลยทำให้การหาลูกค้าหน้าใหม่เป็นได้ง่ายขึ้นจากการอ้างชื่อของฐานลูกค้าเดิม

    “พี่ว่าเทอมนี้จะเป็นเทอมสุดท้ายที่พี่จะสอน”

   จะหาว่าเป็นธรรมเห็นแก่ตัวก็ได้แต่เขารู้สึกดีใจที่ได้ยินพี่ดาร์กตัดสินใจแบบนี้เพราะเขาเองที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่พี่ดาร์กต้องเอาเวลาไปให้กับที่อื่นที่ไม่ใช่กับเขาหรือกับที่โรงงาน

   พี่ดาร์กลงมือหาลูกค้าอีกครั้งหลังจากที่พักไปนานตั้งแต่โรงงานเก่าลงตัวยิ่งลูกค้าเยอะพนักงานก็ไม่เพียงพอโดยเฉพาะฝ่ายผลิตพี่ดาร์กเลยต้องลงไปตรวจคุณภาพของสินค้าด้วยตัวเอง

“โห นี่มันสองเท่าของยอดสั่งครั้งก่อนเลยนะบริษัทเอ็มส่งออเดอร์มาเยอะมากคุนเก่งมากไปดิวมายังไงเนี่ยเรา?”

   ออเดอร์ของบริษัทเอ็มในล็อตสองเยอะขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะทางนั้นดูท่าทางพอใจกับงานในล็อตแรกของเรามาก ตอนแรกที่ได้รัยการติดต่อเข้ามาเขายังไม่ได้ตกปากรับคำว่าจะทำเพราะกลัวว่าจะมีการผิดพลาดเนื่องด้วยที่อุปกรณ์และความพร้อมที่มากพอเขาเลยเอาเรื่องนี้มาปรึกษาพี่ดาร์กก่อน

“แต่ คุนกลัวว่าทางเราจะไม่ไหว”

“ยังไงก็ต้องไหวเดี๋ยวพี่ลงไปดูการผลิตด้วยตัวเองทั้งหมดพี่อยากให้รับออเดอร์นี้ไว้เพราะพอลูกค้าคนอื่นรู้เขาจะได้เชื่อมั่นว่าเราสามารถผลิดล็อตใหญ่ได้”

“มันจะไม่ก้าวกระโดดเกินไปเหรอพี่?”

“มันก้าวกระโดดแต่ถ้าเราทำแต่ออเดอร์เล็กๆ เก็บตกมาจากที่อื่นที่เขาทำไม่ทันทำแบบนั้นเมื่อไหร่พี่จะสามารถเอาโรงเรียนของคุนออกมาจากธนาคารได้ละ”

“ถ้าพี่ว่าไหว คุนก็โอเค”

   ตั้งแต่รับงานนี้พี่ดาร์กดูตื่นเต้นกว่าทุกครั้งถึงขนาดลงไปดูการผลิตด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มสกรีนไปจนถึงแพ็คเสื้อทั้งหมดลงถุงและในที่สุดพี่ดาร์กก็ทำได้ตามที่พูดเอาไว้งานล็อตนี้ออกมาได้อย่างไม่มีปัญหาเสร็จตามทันเวลาที่กำหนดเอาไว้

   และเมื่อทางบริษัทเอ็มได้งานของเราไปก็กลายเป็นข่าวปากต่อปากไปถึงที่อื่นว่าโรงงานของเราสามารถรับงานสกรีนได้เป็นจำนวนมากและนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้งานของโรงงานเรามีสเกลการผลิตที่ใหญ่ขึ้นแต่ปัญหาที่ตามมาก็คือเครื่องสกรีนที่เรามีอยู่ก็เริ่มจะไม่พอกับสเกลงานที่เรากำลังทำมันเลยเป็นการตัดสินใจอีกครั้งระหว่างเก็บเงินก้อนที่เราเพิ่งสร้างขึ้นมาเอาไปถอนเอาโรงเรียนคืนมาจากธนาคารหรือเอาเงินจำนวนนี้ไปเป็นเงินหมุนเวียนเพื่อต่อยอด

“ถ้าพี่ขอเอาเงินนี้ไปลงทุนก่อน คุนจะโอเครึเปล่าที่โรงเรียนยังคงต้องติดอยู่กับที่ธนาคาร?”

“คุนโอเค โรงเรียนของคุนก็ยังอยู่ที่เดิมยังไม่ได้ไปไหนนี่น่ายังเปิดสอนเหมือนเดิมยังมีนักเรียนมาเรียนเหมือนเดิม”

“ขอบคุณนะครับ” 

แม้ช่วงนี้เราสองคนจะเหนื่อยใจแทบขาดแต่ผลตอบแทนที่ได้มาเมื่อแลกกับความเหนื่อยมันสามารถทำให้เขากับพี่ดาร์กยิ้มได้แถมดูเหมือนว่ามันจะไปได้ไหลกว่าที่เราเคยตั้งใจกันไว้แต่แรกด้วยซ้ำ

“เมื่อวันก่อนพี่ลองไปคุยกับพนักงานในบริษัทเอ็มมาตอนที่รอเข้าเช็คออเดอร์พี่ได้ไอเดียมาใหม่”

“ไอเดียคือ?”

“พี่ว่าเราทำเสื้อส่งตลาดหรือห้างเองเลยดีไหม?”

“พี่ คุนว่ามันใหญ่ไปไหม?”

“เริ่มแบบเล็กๆ ก่อนก็ได้คิดดูนะคุนทุกวันนี้เราทำส่งให้บริษัทเอ็มเขาก็ส่งไปขายที่ตลาดใหญ่ๆตามหัวเมืองอยู่แล้ว”

“แต่คุนยังไม่ค่อยแน่ใจเลย”

“คุยอะไรกันอยู่จ๊ะ?”

“แม่” // “คุณแม่สวัสดีครับ”

“จ๊ะ ว่าไงเอ่ยคุยอะไรกันอยู่?”

“เรื่องงานครับ”

“งั้นคุยไปกินข้าวกันไปดีไหม?”

   ความจริงแล้วเป็นธรรมไม่ค่อยอยากจะคุยเรื่องพวกนี้บนโต๊ะอาหารเลยเพราะว่ามันก็นานมากแล้วที่เขาทั้งสามคนไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากันมีเวลาทั้งทีไงหลายเป็นว่าทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยเรื่องงานเสียแบบนี้ แต่เขาก็เข้าใจว่าพี่ดาร์กต้องการเอาโรงเรียนเขาออกมาโดยเร็วเขาจึงไม่ขัดอะไรปล่อยให้พี่ดาร์กเล่าแผนธุรกิจตัวใหม่ให้แม่ของเขาได้ฟัง

“ถ้าดาร์กมั่นใจว่าไหวก็เอาแผนงานเข้ามาให้แม่ช่วยดูแม่สนับสนุน”


“พี่ดาร์คเรื่องทำเสื้อผ้าส่งเองโดยตรง คุณขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?”

หลังจากมื้อเย็นจบลงเป็นธรรมก็ชวนให้พี่ดาร์กค้างที่บ้านโดยที่อ้างว่ามันดึกมากแล้วจึงไม่อยากให้ขับรถดึกๆ แต่ที่จริงแล้วเขาอยากจะคุยกับพี่ดาร์กให้แน่ใจเกี่ยวกับโครงการที่กำลังจะขยายดังนั้นพอทั้งสองคนเตรียมตัวเข้านอนเป็นธรรมจึงเปิดเรื่องนี้ขึ้น

“ได้สิ พี่กำลังเตรียมลองร่างแผนงานคร่าวๆ พอดีเลย”

“พี่แน่ใจเกี่ยวกับโปรเจ็คนี้จริงเหรอ?”

“คุนพูดแบบนี้กับพี่มาสองครั้งแล้วนะคุนไม่เชื่อใจพี่เหรอ?”

“มันไม่ใช่แบบนั้น...แต่เราเพิ่งขยายงานมาไม่ถึงปีดีคุนกลัวว่าเราสองคนจะเอาไม่อยู่”

“แล้วพี่เคยทำให้คุนผิดหวังรึเปล่า?”

“ก็...ไม่เคย”

“พี่รู้ว่าคุนกังวลเพราะทุกอย่างมันเร็วไปหมดแต่พี่ขอได้ไหมพี่อยากทำโปรเจ็คนี้จริงๆ พี่ไม่อยากเสียโอกาสตรงนี้ไป”

“คุนก็แค่อยากที่จะถามย้ำอีกครั้งถ้าพี่ดาร์กยังคงอยากทำคุนก็ไม่ขัดอะไร”

“ขอบคุณครับคนดีของพี่”


   หลังจากที่เป็นธรรมนอนหลับสนิทในอ้อมแขนของเขาทรงจำก็ค่อยๆ ประคองตัวของคุนวางบนที่นอนให้เบามือที่สุดแล้วหยิบโทรศัพท์ไปที่ระเบียงห้องแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเสี่ยงใช้โทรศัพท์เครื่องนี้โทรไปหาปลายสาย

“เฮ้ย ทำไมใช้เบอร์นี้โทรมา??”

“ต้องเปลี่ยนแผนต้องเร็วกว่านี้”

“ทำไม?”

“คุนดูไม่เชื่อใจฉันแล้ว”

“ได้ให้เริ่มเมื่อไหร่”

“นับจากนี้ 4 เดือนเริ่มเลย”

   หลังจากทรงจำเดินกลับเข้ามาในห้องนอนเขาก็นั่งลองข้างเตียงมองเป็นธรรมคนที่อยู่ข้างกายเขามา 6 ปีที่แล้ว ในวันที่เขารู้ว่าคนๆ นี้ได้กลายมาเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยทรงจำถึงกับโดดเรียนไปดูหน้าให้แน่ใจว่าใช่คนนี้และเมื่อแน่ใจแล้วเขาจึงเดินทางไปที่วัดไปไหว้พ่อกับแม่พร้อมกับขอบคุณที่ในวันนี้คนเบื้องบนก็เห็นใจและยอมให้โอกาสกับคำขอเขาสักที
ทรงจำใช้เวลา 6 เดือนกว่าจะทำให้เป็นธรรมยอมรับเขาเข้าไปในชีวิตมันไม่ง่ายเลยที่เขาต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คนนี้มาเป็นคนรักเพราะเขาในวันนั้นก็เป็นคนไม่มีอะไรสักอย่างชีวิตที่ต้องทำงานส่งตัวเองเรียนแค่มือถือสักเครื่องยังต้องใช้เวลาตั้งหลายปีกว่าจะได้ซื้อมันมาใช้ ช่อดอกไม้ที่เขาซื้อให้ทุกวันที่ 09/09 เป็นช่อดอกไม้ที่มีราคาที่เขาสามารถซื้อข้าวกินได้ทั้งอาทิตย์

“เราผิดเองนะที่ไม่เคยถามพี่สักปีว่าทำไมต้องวันนั้น”

   เมื่อเขาขยับตัวไปมาจนทำให้เป็นธรรมตื่นเป็นธรรมก็รีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้พร้อมทั้งยังอ้าปากถามโดยที่ตายังไม่ลืมมองว่า “พี่ดาร์กจะไปนั่งทำงานอีกแล้วเหรอ?” ทรงจำมองภาพนั้นด้วยแววตาของคนที่ขอลุแก่โทษและดึงเป็นธรรมเข้ามากอดให้แน่นกระชับกว่าเดิม


“พี่ดาร์กช่วงนี้คุนต้องไปดูโรงเรียนเด็กปิดเทอมแล้วมันค่อนข้างยุ่งพี่อยากรับพนักงานเพิ่มมาช่วยงานที่โรงงานรึเปล่า?”

“ไม่เป็นไรพี่ยังไหวอยู่”

   แผนการตลาดที่จะทำเสื้อสกรีนส่งตามแผงตลาดโดยตรงเองกำลังไปได้ด้วยดีถึงขนาดที่ตอนนี้จนเสื้อผ้าในห้างบางตัวติดต่อทางเรามาเพื่อให้ผลิตเสื้อให้แน่นอนว่าเมื่อฐานลูกค้ากว้างขึ้นก็ต้องมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นและเช่นกันกับรายจ่าย เงินที่ได้จากกำไรต้องเอาซื้อพวกเครื่องจักรเพิ่มเพราะถ้าขืนเอาแต่ใช้ที่มีอยู่คาดว่าเครื่องจักรคงพังเร็วกว่ามาตราฐาน
แม้ว่าธุรกิจจะเป้นไปได้ด้วยดีแต่เงินที่มีอยู่ในมือตอนนี้ก็ยังเรียกได้ว่าเป็นแค่เงินหมุนเวียนทำให้โรงเรียนศิลปะยังคงต้องติดอยู่กับธนาคารที่เอาไปกู้ไว้แต่เขาเห็นแล้วว่าพี่ดาร์กสามารถทำได้ตามที่พูดเอาไว้เขาเลยไม่กังวลใจจะมีแค่เรื่องเดียวที่เขากังวลก็คือเรื่องปัญหาสุขภาพเพราะพี่ดาร์กพักผ่อนน้อยเหลือเกิน

“ต้องขอโทษคุณเป็นธรรมด้วยนะคะที่ต้องรบกวนให้เข้ามากระทันหันไม่อย่างนั้นเราทำเรื่องเบิกเงินก้อนใหญ่ที่จะสั่งซื้อของไม่ได้ค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ”

“งานที่โรงเรียนยุ่งมากไหมคะ?”

“ก็พอดูเลยครับ ไหนครับเอกสารที่คุณสุวรรณีอยากให้ผมดู?”

“นี่ค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

เมื่อเสร็จธุระคุณสุวรรณียังคงหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูไม่ออกไปทางด้านนอกจนเขาต้องเอ่ยปากถามออก

“มีอะไรรึเปล่าครับ?”

“คุณเป็นธรรมอยากดูเอกสารย้อนหลังเก่าๆ บ้างไหมคะ?”

“มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ?”

“ไม่มีค่ะ ดิฉันแค่ถามเพื่อเอาไว้เพื่อคุณเป็นธรรมอยากดูโดยละเอียด”

“อ่อ ไม่เป็นไรครับปกติคุณทรงจำเขาทำสรุปให้ผมอ่านอยู่แล้ว”

“ค่ะ”

   วันนี้ที่เป็นธรรมต้องตีรถกลับมาที่โรงงานก็เพราะพี่ดาร์กติดประชุมต่อเนื่องกับลุกค้ารายใหม่ทำให้ไม่สามารถปลีกตัวมาได้และในขณะที่เขากำลังตรวจเอกสารกองโตที่รอการอณุมัตอยู่นั้นคุณสุวรรณีก็เคาะห้องของอีกครั้ง

“คุณเป็นธรรมค่ะ คุณแชมป์จากแผนกการตลาดขอเข้าพบค่ะ”

“เชิญครับ”

“สวัสดีครับคุณเป็นธรรม”

“สวัสดีครับคุณแชมป์ มีอะไรด่วนรึเปล่าครับ?”

เป็นธรรมแปลกใจนิดหน่อยที่คุณแชมป์มาขอพบคุณแชมป์ถือได้ว่าเป็นคนสนิทของพี่ดาร์กดังนั้นแล้วปกติไม่ว่าจะดิวงานเรื่องอะไรก็ขึ้นตรงพี่ดาร์กเท่านั้นแต่วันนี้เหมือนกับว่าคุณแชมป์ต้องการพูดกับเขาโดยตรงโดย

“มีอะไรด่วนรึเปล่าครับ?”

“ครับ ต้องขอโทษด้วยที่ต้องขอเข้าพบด่วนขนาดนี้พอดีผมมีเรื่องอยากเสนอกับคุณเป็นธรรมครับ”

“เชิญว่ามาได้เลยครับ”

“คือ หลังจากที่เราเริ่มพิมพ์งานสกรีนลายให้กับเสื้อยี่ห้อนึงได้ในเวลาอันจำกัดและมีข้อผิดพลาดน้อยมากและก็มีอีกหลายเจ้าสนใจที่จะทำเสื้อกับเราครับ”

“นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีใช่ไหมครับ?”

“ครับ ผลตอบรับของเราดีมาก ดีจนมีบริษัทต่างชาติอยากว่าจ้างเราครับ”

“ครับ”

“ผมได้เอาเรื่องนี้ขึ้นเสนอกับคุณทรงจำแล้วครับแต่คุณทรงจำไม่คิดที่จะพิจารณาข้อเสนอของชาวต่างชาติแม้กระทั่งงานของคนไทยที่มาจ้างเพิ่มคุณทรงจำยังขอปฎิเสธและชลอการรับงานลงครับ”

“คุณทรงจำได้ให้เหตุผลอะไรมารึเปล่า?”

“ไม่เลยครับ”

“ไม่เลย?”

“ครับ คุณทรงจำบอกแค่ว่าเรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”

“คุณทรงจำอาจจะมีเหตุผล ผมว่าคุณก็ควรที่จะรอตามที่คุณทรงจำได้เสนอไว้”

“ครับผมเข้าใจแต่ผมในฐานะที่ผมดิวงานกับลูกค้าและเจอลูกค้าติดต่อเข้ามาเองผมขอพูดอะไรสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหมครับ?”

“เชิญครับ”

“คุณเป็นธรรมน่าจะรู้ว่าเราเพิ่งจะเปิดไลน์การสกรียนร่วมกับผ้าย้อมที่เราทำอยู่แล้วได้ไม่นานนักแต่เรากลับมีฐานลูกค้าที่มากขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นหมายความว่ามันเป็นเรื่องของปากต่อปากเพราะผมกับคุณทรงจำหยุดออกหาลูกค้ามาได้สักพักแล้วครับ”

“...”

“แล้วครั้งนี้ลุกค้าก็เข้ามาด้วยตัวเองด้วยความที่เราเป็นน้องใหม่ถ้าเราปฎิเสธลูกค้าไปเราก็เท่ากับว่าเสียลูกค้าไป เพราะผมยังไม่มีเหตุผลที่ดีพอที่จะบอกปฎิเสธแล้วรั้งลูกค้าไว้ได้เลยครับ”

“แล้วถ้าเราไม่สามารถอธิบายถึงเหตุผลที่ชัดเจนได้ลูกค้าอาจจะคิดว่าโรงงานเรายังไม่พร้อมที่จะผลิตงานส่งออกไม่ว่าจะด้วยเรื่องคิวซีหรืออะไรก็ตามและถ้าข่าวนี้หลุดไปผมกลัวว่ามันจะทำให้ความน่าเชื่อถือที่โรงงานสร้างมามีผลกระทบและเสียลูกค้าใหม่ในระยะยาวครับ”

   สำหรับเป็นธรรมแล้วเหตุผลของคุณแชมป์เป็นสิ่งที่เขาสามารถเข้าใจได้ดีเขาจึงเข้าใจว่าทำไมคุณแชมป์ถึงต้องการที่จะคุยกับเขา

“งั้นคุณแชมป์ช่วยเอาข้อมูลลูกค้าในไทยที่เป็นเจ้าใหญ่พร้อมทั้งจากต่างชาติที่เข้ามาติดต่อให้ผมทีครับ”

“ขอบคุณมากครับคุณเป็นธรรม”

   เป็นธรรมนั่งดูลิสรายชื่อลูกค้าแล้วความแปลกใจก็เกิดขึ้นเมื่อเขาพบว่าลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาแต่ละรายนั้นต่างเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเลยไม่เข้าว่าทำไมพี่ดาร์กถึงคิดปฎิเสธและทางเดียวที่เขาจะรู้ได้คือคุยกับพี่ดาร์ก

“จะมาไม่เห็นบอกพี่เลย”

“คุนโทรไปตั้งหลายรอบแล้วเหอะ”

“อ้าวเหรอ?” พี่ดาร์กหยิบมือถือที่ถูกวางทิ้งไว้ตรงโซฟาขึ้นมาเช็ค

“ขอโทษแบตหมดไม่รู้ตัวเลย แล้วนี่กินอะไรมายังหรือรอพี่?”

“กินแล้วสิ 4 ทุ่มแล้วถ้าคุณไม่กินต้องหิวตายพี่ละ?”

“พี่กินกับพนักงานที่โรงงานมาแล้ว พี่เหนื่อยมากเลยมาพอดี มาๆ ขอพี่ชื่นใจหน่อย”

“เดี๋ยวๆ พี่ คุยกันก่อน”

    “คุยอะไร?”

“เรื่องออเดอร์ที่พี่ปฎิเสธ”

“คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?” จู่ๆ บรรยากาศของความผ่อนคลายก็เปลี่ยนเป็นความตึงเครียด

 “วันนี้คุนเข้าโรงงานมาแล้วเผอิญได้เจอกับคุณแชมป์หัวหน้าแผนกการตลาด”

“แชมป์มันเข้าไปพูดอะไร?” เป็นธรรมยื่นที่รวบรวมมาจากคุณแชมป์ให้ก่อนที่จะเริ่มพูดเข้าประเด็น

“คุนรู้ว่าพี่ดาร์กต้องมีเหตุผลที่ไม่ทำคุนขอรู้ด้วยได้ไหมครับ?”

“พี่ปฎิเสธแล้วทำไมมันยังเอาเรื่องนี้ไปคุยกับคุนอีกมันน่าจะตกจากแผนงานไปแล้ว”

“คุนขอถามพี่ดาร์คได้ไหมว่าทำไมพี่ดาร์คถึงไม่รับงานพวกนี้?”

“ทำไม? เดี๋ยวนี้ไม่เชื่อใจพี่แล้วเหรอ? แค่ไอ้พนักงานมันเดินมาบอกคุนว่าดีคุนก็เชื่อมัน?”

“คุนแค่อยากฟังจากพี่”

“สมัยก่อนไม่เห็นต้องมานั่งสอบสวนพี่แบบนี้”

“คุนไม่ได้สอบสวน”

“แล้วที่ทำอยู่นี่คืออะไร?”

   ช่วงหลังๆ มานี่เป็นธรรมก็ได้ยินข่าวลือมาบ้างว่ามีพนักงานหลายคนที่เข้าหน้าพี่ดาร์กไม่ค่อยติดและมีพนักงานหลายคนที่โดนพี่ดาร์กตักเตือนด้วยถ้อยคำรุนแรงทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่ดาร์กจะเป็นคนใจเย็นเขาไม่ค่อยได้อยู่โรงงานจึงไม่เคยเห็นตอนที่พี่ดาร์กเป็นแบบนี้

    “พี่ขอโทษนะที่ขึ้นเสียงใส่”

“มีอะไรรึเปล่าพี่?”

“พี่แค่ เหนื่อยๆ นะ”

“เล่าให้คุณฟังไม่ได้เหรอ?”

 “ปัญหาก้คือจากเรื่องเงินพี่ลองคำนวณดูแล้วการที่เราจะต้องทำงานด้วยอัตราการสั่งเท่านั้นเครื่องจักรและกำลังคนเราไม่พอนี่แค่ในประเทศนะแเลิกคิดเรื่องทำส่งออกได้เลยเพราะมันทั้งย้อมผ้าและสกรีนเท่ากับเราต้องเพิ่มเครื่องจักรอีกสองเท่าเงินที่เรามีคุนก็รู้ว่าเป็นเงินหมุนแล้วไหนจะต้องเก็บเงินไว้ผ่อนจ่ายธนาคารอีก”

“...”

“ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เสียดายโอกาสแต่ถ้าเราฝืนรับงานมามันอาจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีแม้ว่าการปฎิเสธงานมันจะทำให้เราสูญเสียช่องทางการขยายลูกค้าและตลาดก็เถอะ”

“เราพอมีวิธีพูดกับลูกค้าให้เขารอเราได้ไหมพี่?”

“มันยากลูกค้าเขาก็ต้องขายของเราเองก็ไม่ใช่เจ้าเดียวที่ทำแบบนี้มันยังมีผู้ผลิตอีกหลายเจ้า”

“เราขาดอีกเยอะไหมพี่?”

“ก็ค่อนข้างเยอะ”

“ถ้าเราจะทำ พี่ว่าเราพอมีทางออกไหม? หรือว่าไม่สามารถเป็นไปได้เลย?”

   พี่ดาร์กเงียบไปนานจนเป็นธรรมเองก็เริ่มถอดใจสงสัยคงต้องยอมพลาดโอกาสนี่ไปจริงๆ

“ก่อนหน้านี้พี่ยังเห็นคุนไม่เห็นด้วยที่เราโตเร็วอยู่เลยเกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ๆ เปลี่ยนใจ?”

“เอ่อ คุน”

“ว่าไงครับ?”

“คุนโลภเองละก่อนหน้านี้เพราะคุนไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้พร้อมกับความกังวลเพราะตั้งแต่เด็กคุนก็เห็นแค่โรงงานเล็กๆ นี่มาตลอดพอมันต้องขยายก็มีตกใจไปบ้างแต่ตอนนี้พอมันเป็นไปได้และเริ่มมีหนทางคุนก็อยากทำตามฝันของพ่อ”

“ความฝัน?”

“ใช่แม่เล่าให้ฟังว่าพ่ออยากมีโรงงานเป็นที่รู้จักแต่ก็มาเสียก่อนที่จะได้ทำมันให้สำเร็จมาในวันนี้คุยเลยอยากให้มันเป็นจริงคุนโลภใช่ไหมพี่?”

   ทั้งที่ไม่ใช่ความคิดของตัวเองและไม่เคยแม้แต่จะลงแรงได้ถึงครึ่งนึงของพี่ดาร์กแต่เขากลับเป็นคนละโมภทันทีที่รู้ว่าความฝันนี้มันเป็นจริงได้ทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่ดาร์กจะต้องเหนื่อยกว่านี้แน่นอนถ้ายังทำต่อไปแบบนี้แต่เขาก็ยังคงที่จะทำมัน

“พี่เข้าใจแล้ว...เอาจริงวิธีมันก็มี”

“คือ?”

“เราต้องเอาทรัพย์สินเข้าเพื่อกู้เพิ่ม”

“กู้เพิ่ม?”

“ใช่เราต้องเอาของเข้าไปเป็นหลักค้ำแล้วทำเรื่องกู้เพื่อซื้อพวกอุปกรณ์แล้วก็เครื่องจักรต้องจ้างพนักงานเพิ่มเพราะพี่คงดูทั้งหมดแบบนี้ไม่ไหวแน่นอน”

“คุนเข้าใจ”

“พี่ขอโทษที่มีไม่มีหลักทรัพย์ที่เพียงพอที่จะทำให้ฝันของพ่อคุนสำเร็จได้โดยที่ไม่ต้องไปกู้เพิ่ม”

“ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องขอโทษคุนเลย”

“แต่ถ้าเราจะทำเพิ่มสิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่และพอเอาเข้าแบงค์เป็นหลักได้ก็คือโรงงาน”

“โรงงาน!! พี่ด็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”

“งั้นก็เลิกพูดเรื่องนี้ได้เลย”

“พี่ดาร์กเอาบ้านคุนเข้าก่อนได้ไหม?”

“แต่มันก็ไม่พออยู่ดี”

“งั้นขอเริ่มจากบริษัทในประเทศก่อนได้ไหม?”

“ว่าแต่เราแน่ใจแล้วเหรอเรื่องนี้?”

“คุนแน่ใจมีโอกาสแล้วคุนก็อยากลอง”

“ได้ครับพี่ตามใจคุนเลยขอโทษนะครับที่พี่ช่วยอะไรเรื่องเงินไม่ได้เลย”

“แค่พี่เต็มที่ให้คุนมากขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าจะขอบคุณพี่ยังไงแล้วขอโทษนะที่คุณปล่อยให้พี่เครียดคนเดียวมาหลายวัน”

   เพียงไม่กี่วันพี่ดาร์กก็เตรียมเอกสารเพื่อยื่นกู้เอาไว้เรียบร้อยแต่น่าเสียกายที่วันนี้เขาต้องเข้าประชุมกับทางโรงเรียนเขาเลยไม่สามารถไปธนาคารกับพี่ดาร์กได้

“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่จะไปธนาคารเลยแล้วกันถ้าได้อณุมัตพี่จะได้บอกให้แชมป์ไปทำสัญญากับลูกค้า”

 “ขอบคุณครับ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้คุณโทรหานะ”

“ครับ รักนะ”

“รักเหมือนกัน”


   ทรงจำเดินมาส่งเป็นธรรมที่รถรอจนรถขับออกไปพ้นสุดสายตาของโรงงานเขาจึงหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาขึ้นมาโทรออกไปหาคนรู้จักของเขา

“เจอกันร้านเดิม มีเรื่องต้องช่วยกันคิด”

   ทรงจำเลือกร้านที่ค่อนข้างไกลจากตัวโรงงานอยู่มากเพื่อที่จะได้ไกลหูไกลตาของคนในโรงงานเขามาถึงที่ร้านเป็นคนแรกเขาจึงใช้เวลาที่นั่งรอมองโฉนดบ้านและที่ดินพร้อมกับคิดถึงคำพูดเมื่อคืนของเป็นธรรม ‘คุนอยากให้โรงงานโตตามที่พ่อฝันเอาไว้’

ฮึ มันเป็นคำพูดที่น่าขันสิ้นดีเที่ยวบอกลูกว่าอยากให้โรงงานโตแต่กลับเป็นคนที่ทำลายด้วยตัวเองทรงจำเองก็อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าเกิดเป็นธรรมรู้ความจริงข้อนี้ขึ้นมายังจะพูดประโยคเมื่อคืนด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแบบนั้นได้อีกหรือไม่

“เหม่อไร?”

“ทำไมมาพร้อมกัน? อย่าบอกนะว่าออกมาจากโรงงานพร้อมกัน”

“เปล่าไม่ได้มาพร้อมกันพวกกูไม่โง่ขนาดนั้นหรอกนะ”

“อื้ม นั่งดิ สงสัยต้องเปลี่ยนแผนวะ”

“ทำไม?”

“คุนไม่ยอม”

โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2018 08:44:22 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 5 - 01/01/2017
«ตอบ #11 เมื่อ05-01-2017 18:50:25 »

บทที่ 6

“หมายความว่าไงไม่ยอมทำมาตั้งนานมาพังตอนจบเนี่ยนะ?”

“เออ คุนไม่ยอมเอาโรงงานเข้าแต่เป็น...” ทรงจำโยนแผ่นโฉลดที่ดินที่เขาเพิ่งจะได้รับมากับใบมอบอำนาจลงบนโต๊ะให้เพื่อนของเขาได้เห็นกัน

“แล้วครั้งนี้จะเอายังไง? จะทำเหมือนเดิม?”

“เออ คงต้องเหมือนเดิมแชมป์มึงช่วยทำเอกสารกู้เอาแบงค์เดิมนะส่วนเอกสารตัวจริงฝากเอาไปเก็บเซฟที่บริษัทเราด้วย”

“ดาร์กเท่านี้ก็พอแล้วไหม? นี่น้องมันก็จะเสียทั้งหมดที่มีแล้วแค่น้องมันต้องเสียโรงเรียนในอนาคตกูว่าน้องมันก็แย่แล้ว”

“แต่มันไม่ใช่สิ่งที่กูต้องการ!! เบทมึงก็รู้ว่ากูต้องการอะไร!!”

“อ้าวนี่กูพูดด้วยดีๆ”

“เฮ้ยๆๆๆ อย่ากัดกันเองดิเฮ้ย อะดาร์กถ้ามึงบอกว่าไม่พอแล้วเอาไงต่อ? นี่กูก็เข้าไปพูดโน้มน้าวจนน้องมันยอมที่จะขยายแต่เขาก็ยอมแค่บ้านถ้าจะให้มุขเดิมก็ขยายทั่วโลก? มันคงเป็นไปได้ไหมตลกปะนะ”

“มันก็เหลือทางเดียว”

“คือ?”


เป็นธรรมยิ้มให้กับเครื่องจักรใหม่และด้วยเครื่องจักรนี้เขาได้แต่หวังว่ามันจะทำให้โรงงานของเขาเติบโตขึ้นได้เขาเดินเข้าไปลูบมันพร้อมทั้งยังบอกกับมันว่า ‘อย่าพังเร็วนะลูกพ่อ’

“คุน”

“ครับ?”

“เราคงรับออเดอร์แค่ในประเทศก่อนนะ หรือว่าคุณอยากรับจากต่างประเทศเลย?”

“เราต้องเลือกใช่ไหมพี่?”

“ใช่”

“คุนเข้าใจงั้นเอาตามที่พี่ว่าคุนเชื่อใจพี่”

   ช่วงแรกเป็นธรรมถึงขนาดต้องหยุดการดูงานที่โรงเรียนกลับมาช่วยพี่ดาร์กดูเกี่ยวกับเอกสารเพราะพอเราทำของขึ้นห้างกฎระเบียบต่างๆ ก็เยอะขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวอย่างงานที่ต้องส่งให้ดูก่อนที่จะผลิตจริงหรือจะเป็นเรื่องจำนวนและเวลาการส่งของที่ต้องมีการตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรรวมไปถึงค่าปรับหากงานมีการผิดพลาดเกิดขึ้นอีกด้วย

“คุนทำโน๊ทย่อพวกข้อตกลงกับค่าปรับต่างๆ เอาไว้ให้พี่แล้วนะพี่จะเข้ามาอ่านหรือให้คุณเอาไปให้ที่ห้องดี?”

“คุนเซ็นท์ได้เลยไม่ต้องรอพี่อยากเคลียร์ล็อตเอให้หมดก่อนเราจะได้ขึ้นบล็อคพิมพ์ของที่ใหม่ได้โน๊ตนั้นแค่เก็บเอาไว้ตอนที่เกิดปัญหาก็ได้ครับเราเอาใส่แฟ้มเก็บไว้ให้พี่เลยก็ได้ตั้งแฟ้มใหม่ให้พี่หน่อย”

“โอเค...พี่ดาร์ก?”

“ครับ?”

“กินข้าวกลางวันยังพี่?”

   เป็นไปตามคาดพี่ดาร์กยุ่งเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวยุ่งขนาดที่ว่าในบางอาทิตย์เขาทั้งสองคนทำได้แค่โทรคุยกันแต่เรื่องที่เป็นธรรมกังวลไม่ใช่เรื่องที่เราไม่มีเวลาให้กันแต่เขากังวลว่าพี่ดาร์กจะทำงานหนักจนไม่หลับไม่นอนนี่สิ

“เดี๋ยวเสร็จจากอันนี้พี่ว่าพี่จะพักแล้วกินครับ”

“คุนแวะไปกินด้วยนะ?”

“งั้นเข้ามากินที่โรงงานได้ไหม? ออกไปมันเสียเวลา”

“ได้เลยเดี๋ยวคุนรีบบึ่งรถไปหา”

“ไม่ต้องรีบมาก ขับรถดีๆ”

“ครับผม”


   “พี่คุณมีเรื่องอยากคุยด้วย”

“พี่ก็มีเรื่องอยากคุยกับคุณพอดีงั้นอะคุนพูดก่อนแล้วกัน”

   วันนี้เป็นวันปิดบัญชีประจำปีผลของการประกอบการและมันก็เป็นไปได้ด้วยดีแม้เงินมันจะไม่มากพอขนาดที่ว่าเราสามารถไปไถ่โรงเรียนหรือบ้านของเขาออกมาได้แต่มันก็มากพอที่จะเอาไปทำอะไรอย่างอื่นต่อ

“คือ พี่ดาร์กเห็นรายงานจากฝ่ายบัญชีแล้วใช่ไหม?”

“ใช่พี่อ่านจากคุณกี้แล้วเมื่อเช้า”

“คุนอยากถามว่าเราเอาเงินพวกนี้ไปลงทุนกับชาวต่างชาติที่เขาติดต่อมาได้ไหมครับ?”

   เป็นธรรมคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนที่จะเห็นผลประกอบการประจำปีแล้วว่าถ้ามันออกมาได้ดีเขาก็อยากที่จะขยายเพิ่มอีกแต่ปัญหาคือเงินปันผลในคราวนี้มันไม่ใช่แค่ของเขากับแม่มันเป็นของพี่ดาร์คที่ถือหุ้นร่วมอยู่ด้วย เป็นธรรมรู้ว่าตัวเองกำลังเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจเพราะเขารู้มาตลอดว่าพี่ดาร์กทำงานหนักมากในช่วงสองปีที่ผ่านมาแถมการทำงานหนักนั้นพี่ดาร์กไม่ได้อะไรเพิ่มขึ้นเลยยกเว้นเงินเดือน

ที่สำคัญเขายังรู้อีกด้วยว่าที่พี่ดาร์กทำงานหนักขนาดนี้ก็เพื่อที่อยากจะมีบ้านสักหลังแต่เขาก็เอาแต่ทำตามความอยากของตัวเองเขาถึงได้ละอายใจที่พูดมันออกมา

“พี่..”

   หัวคิ้วของพี่ดาร์กขมวดปมขึ้นเล็กน้อยถ้าเป็นก่อนหน้านี้เป็นธรรมคงกล้าที่จะเอื้อมมือไปนวดตรงขมับและหัวคิ้วให้แต่วันนี้เขาไม่กล้าที่จะทำแบบนั้น

“มันเป็นเงินของคุนตั้งแต่ต้นเพราะงั้นคุนจะทำอะไรกับมันก็ได้”

“มันไม่ใช่พี่เงินนี้เป็นเงินของพี่ด้วยเพราะมันเป็นเงินปันผลจากหุ้น”

“แต่หุ้นนั้นพี่ก็ไม่ได้ซื้อมา”

“เดี๋ยวพี่”

“พี่ว่าดึกแล้วเรานอนกันเถอะ เดี๋ยวพี่ขอออกไปดูความเรียบร้อยข้างนอกก่อน”

   เป็นธรรมรีบคว้าข้อแขนของพี่ดาร์กเอาไว้ตอนที่พี่ดาร์กกำลังจะลุกหนีจากเขาการชุดแบบนั้นทำให้พี่ดาร์กเสียการทรงตัวกระเป๋าเอกสารที่พี่ดาร์กไม่ได้ปิดให้ดีและถืออยู่นั้นจึงเปิดออกและทำให้ของทุกอย่างลงมาที่พื้น เขารีบลุกจากเตียงช่วยก้มเก็บของจึงทำให้เขาเห็น

“พี่...”

   
“นอนเถอะดึกแล้ว”

“เดี๋ยวพี่คุยกันก่อน”

   พี่ดาร์กพยายามที่จะดึงเอกสารพวกนั้นออกไปจากมือของเขาแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไปแม้ว่ากระดาษจะเริ่มบาดมือเขาแล้วก็ตาม

“วันนี้พี่ให้คุนมาที่นี่หลังจากที่รู้เรื่องรายได้ก็เพราะเรื่องบ้านใช่ไหม?”

“ช่างมันเถอะคุน”

“ไม่เอา ไม่ช่างคุนอยากรู้พี่บอกคุนได้ไหม?”

“เฮ้อ...อื้มใช่ วันนี้ที่พี่อยากให้เรามาที่ห้องก็เพราะเรื่องบ้านในโปรชัวร์นั่นแหละพี่เห็นว่าผลกำไรมันดีขึ้นกว่าปีก่อนและก็มีแนวโน้มว่ามันจะดีขึ้นกว่านี้พี่ก็เลยคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่พี่จะลงมือทำอะไรสักอย่างที่พี่เคยบอกไว้ว่าพี่จะทำ พี่คิดว่าพี่จะดาวน์บ้านและคิดว่าด้วยเงินเดือนที่พี่มีน่าจะผ่อนไหว”

“คุนขอโทษ”

   ยิ่งได้ยินคำพูดของพี่ดาร์กความรู้สึกละอายใจก็ยิ่งถาโถมมากขึ้นและมันยิ่งทำให้เขาตระหนักว่าที่ผ่านมาเขาเอาแต่คิดถึงความต้องการของตัวเองโดยที่ไม่ได้ถามความคิดเห็นของคนที่กำลังคิดเรื่องการใช้ชีวิตด้วยกันกันเขาสักนิด

“หรือว่าเราจะไม่…”

“อย่าคุนครั้งนี้พี่ใจเร็วไปเอง” พี่ดาร์กจับปลายคางของเขาที่เริ่มจะก้มชิดอกเรื่อยๆ ให้มันเงยขึ้นมาและมองที่ใบหน้าของพี่ดาร์ก

“คุนเคยพูดกับพี่แล้วเรื่องที่อยากทำให้โรงงานให้เป็นที่รู้จักเพราะว่ามันคือความฝันของคุณพ่อที่ไม่สามารถทำได้ก่อนที่ท่านจะเสียไปแต่พี่เองที่ลืมมันพี่ขอโทษนะครับพอพี่เห็นเงินปันผลพี่ก็หน้ามืดตามัวไม่ได้คิดอะไรเลยเอาแต่คิดเรื่องบ้านเพราะพี่ต้องการให้เราย้ายมาอยู่กับพี่เร็วๆ แต่พี่ลืมไปว่าโอกาสของโรงงานไม่ได้มีทุกวันแต่บ้านมันไม่ได้หายไปไหนพี่ขอโทษนะครับ”

“พี่”

“คุนสัญญาว่าคุณจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังแบบนี้ในครั้งต่อไปแน่นอน”

“พี่เชื่อครับว่ามันจะไม่มีครั้งต่อไป”


   อย่างที่รู้ว่าพี่ดาร์กไม่เคยมีคำว่ารอในระบบของการทำงานดังนั้นหลังจากที่เขาคุยถึงเรื่องนี้ได้เพียงไม่นานพี่ดาร์กกับทีมการตลาดก็เริ่มออกหาลูกค้าต่างประเทศโดยที่เราเริ่มจากประเทศที่ใกล้ๆ กับเราก่อนและตลาดแรกที่พี่ดาร์กหามาได้ใน 7 เดือนต่อมาก็คือตลาดพม่าและวันนี้ก็เป็นวันที่มิสเตอร์เว่ยตัวแทนจากร้านขายเสื้อผ้าขนาดกลางที่พม่าจะเดินทางมาดุงานของเราที่เมืองไทย

   พวกเขาเดินทางไปที่สนามบินในช่วงเช้าเพื่อพามิสเตอร์เว่ยไปที่เซ้คอินเก็บของเตรียมตัวที่โรงแรมก่อนที่จะพาไปทานอาหารมื้อกลางวันที่ร้านอาหารมีชื่อแห่งนึง

“พวกคุณบอกว่ามีแหล่งผลิต 2 ที่ ถ้าผมจะขอไปดูทั้งสองที่เลยไม่ทราบว่าทางพวกคุณจะสะดวกไหม?”

“มันเป็นความตั้งใจของทางเราอยู่แล้วครับที่จะพามิสเตอร์เว่ยไปดูงานทั้งสองที่”

“ว่าแต่คุณทั้งสองคนเป็นเจ้าของร่วมกันใช่ไหมครับ?”

“ใช่ครับ”

เป็นธรรมรีบแย่งตอบในคำถามที่สองเพราะหลังจากที่เขาเคยได้ยินลูกค้าถามประโยคนี้กับพี่ดาร์กตอนที่เอาเสื้อตัวอย่างไปให้ยี่ห้อนึงพิจารณาก่อนสั่งจองล็อตใหญ่พี่ดาร์กตอบไปว่าตัวเองเป็นแค่ ‘ผู้ร่วมหุ้นและช่วยดูแลเท่านั้น’ มันทำให้เขาไม่ค่อยพอใจกับคำตอบนั้นเพราะในความรู้สึกของเขาพี่ดาร์กคือหนึ่งในบุคคลที่ทำให้โรงงานนี้เติบโตขึ้นมาและนั้นก็เท่ากับว่าเป็นหนึ่งในเจ้าของ

หลังจากที่เราพามิสเตอร์เว่ยดูโรงงานก็มาถึงขั้นตอนการคุยถึงรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ ถ้าเกิดมีการจ้างงานขึ้นจริงดูจากท่าทีของคุณเว่ยแล้วเป็นธรรมค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะมีโอกาสที่ได้ร่วมงานกันเพราะมิสเตอร์เว่ยดูพึ่งพอใจกับการเจรจาครั้งนี้มาก

“ส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างพอใจกับโรงงานที่ได้มาตราฐานกับผลงานที่ผมได้เห็นนะ”

“ขอบคุณครับ”

“ผมเป็นแค่คนมาสังเกตการณ์ต้องเอาพอร์ทของคุณบวกกับความคิดของผมไปเสนอกับหุ้นส่วนที่เหลือของผมก่อน”

“ทางเราสองคนเข้าใจดีครับ”

    “สิ่งที่เรามองหาคือความเป็นมืออาชีพและผมก็เห็นแล้วว่าคุณสามารถทำมันได้ดีผมก็หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกัน”

“ขอบคุณครับ”

   เราขับรถไปส่งคุณเว่ยที่โรงแรมที่พักในช่วงบ่ายแก่ๆ แล้วก็ต่างแยกย้ายกันส่วนลึกแล้วพวกเรารู้ว่าเราไม่ใช่เจ้าเดียวที่มิสเตอร์เว่ยเข้ามาเจรจางานด้วยและจุดนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกหนักใจขึ้นมานิดหน่อยแม้ว่าจะได้การตอบรับที่ดีก็ตาม

“ไม่ต้องคิดมากน่าเราอาจจะไม่เจ้าเดียวของเขาแต่เขาก็ไม่ใช่ลูกค้าคนเดียวของเราเหมือนกัน”

   พี่ดาร์กยกมือขึ้นมาขยี้หัวเขาเล่นตอนที่เขาเริ่มบ่นถึงความไม่สบายใจ แล้วไหนๆ พี่ดาร์กก็รู้แล้วว่าเขากำลังเป็นกังวลงั้นขออ้อนสักหน่อยเลยแล้วกันจึงพยายามกระเถิบตัวเข้าไปให้ใกล้กับพี่ดาร์กมากที่สุดเพื่อที่จะเอาหัวพิงกับไหล่ของพี่ดาร์ก

   “ไม่ต้องเป็นห่วงนะเดี๋ยวพี่จะพยายามติดต่อที่อื่นเรื่อยๆ”

“พี่นี่รู้ใจคุณจริงๆ”

“ถ้าไม่รู้ใจพี่จะจีบเราติดไหมละ?”

   เพราะเราไม่แน่ใจว่าในท้ายที่สุดแล้วคุณเว่ยจะเลือกโรงงานเรารึไม่พี่ดาร์กจึงไม่หยุดในการหาลูกค้าต่างชาติและก็ไม่ผิดหวังทางเราได้ข้อมูลเกี่ยวกับการส่งออกเสื้อผ้าเพิ่มเติมอย่างเช่นตอนนี้มีอีกหลายประเทศที่มีความต้องการจะใช้เสื้อผ้าหรือเนื้อผ้าที่ผลิตมาจากโรงงานในไทย

“เกาหลี?? จริงดิพี่คุนไม่เคยรู้เลยนะเนี่ยว่าทางเกาหลีเขาจะสนใจผ้าที่ทำจากไทยด้วย”

“เขาก็ไม่ได้รับจากประเทศไทยประเทศเดียวเขารับหลายที่พอดีพี่ไปลองคุยกับลูกค้ามาก็เลยพอรู้ว่าเขารับจากไทยด้วยถ้างานเราสามารถปรับให้ตรงกับงานของเขาได้”

“โหยตื่นเต้นสุดๆ ไปเลยพี่ดาร์ก”

“ใจเย็นๆ พี่ยังติดต่อบริษัทที่นั้นไม่ได้เลยขอให้พี่ติดต่อเขาได้และเขาสนใจที่จะติดต่อค้าขายกับเราถึงตอนนั้นค่อยตื่นเต้นนะ”

“ครับ”

   ในขณะที่เราสองคนกำลังเตรียมงานกันอย่างขยันขันแข็งสำหรับการติดต่อกับบริษัทที่ประเทศเกาหลีในช่วงบ่ายของวันนึงเราก็ได้รับอีเมลล์ซึ่งเป็นข่าวดีจากมิสเตอร์เว่ยว่าทางเขาและหุ้นส่วนตกลงที่จะใช้ผ้าและการสกรีนจากทางเรา ตอนที่พี่ดาร์กเอาอีเมลล์มาให้เป็นธรรมทิ้งทุกอย่างพร้อมรีบโทรไปบอกแม่ว่าพวกเขาทำได้แล้ว

“แม่ยินดีด้วยนะ”

“ครับแม่ คุนดีใจมากเลยอย่างน้อยคุณก็ทำตามที่พ่อหวังได้แล้ว”

“แม่ว่าพ่อก็ต้องดีใจ”

“อีกเรื่องตอนแรกว่าจะยังไม่บอกแต่ไหนๆ วันนี้ก็มีเรื่องดีๆ เข้ามาแล้วคุนขอแจ้งแม่เลยนะครับว่าตอนนี้คุนกับพี่ดาร์กก็กำลังเตรียมแผนงานเพื่อเอาไปเสนอบริษัทที่เกาหลีครับ”

“เดี๋ยวคุนทางพม่ายังไม่ได้เซ็นท์สัญญาเลยจะไปต่อเกาหลีเลยเหรอ? แม่ว่าใจเย็นลงมาดีหน่อยไหม? โตเร็วไปแบบนี้แม่ว่ามันน่ากลัว”

“จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาสองปีกว่าคุนมั่นใจครับว่าเราสามารถทำให้มันผ่านไปได้”

“งั้นแม่ก็เอาใจช่วยแล้วกันนะ”

“ขอบคุณครับแม่”


   ยิ่งใกล้วันที่จะต้องเดินทางไปพม่าเพื่อไปเซ็นสัญญาเป็นธรรมก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นทุกทีความจริงเขาไม่อยากที่จะเดินทางไปทั้ง 2 คนและทิ้งโรงงานที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับโครงการของเกาหลีไปแบบนี้แต่พี่ดาร์กขอให้เขาไปด้วยเพราะเราไม่เคยไปเที่ยวนอกประเทศที่ไหนด้วยกันเลยคนอย่างพี่ดาร์กไม่เคยเอ่ยปากขออะไรพอพูดมาแบบนี้มีหรือเขาจะขีดใจได้เขาจึงได้แต่ฝากงานเอาไว้ให้คุณสุวรรณีช่วยดูและเปิดเครื่องมือสื่อสารให้คนที่โรงงานและแม่ติดต่อเขาได้ตลอดเวลา

“แม่แน่ใจนะครับว่าจะไม่ไปด้วยกับพวกผม?”

ก่อนที่เราจะบุ้คตั๋วเป็นธรรมกับพี่ดาร์คได้ลองชวนแม่ให้ไปด้วยกันแล้วแต่ไม่เป็นผล

“ไปกันเถอะจ๊ะ เพื่อมีอะไรเร่งด่วนทางนี้จะได้มีแม่อยู่ไง ว่าแต่ไปกันนานแค่ไหนละ?”

“เราไปกัน 4 วันครับแม่”

“ไปทำงานและเที่ยวให้ราบรื่นนะจ๊ะ”

“แม่อยากได้อะไรจากพม่าไหมครับ?”

“ได้ข่าวมาว่าหยกกับพลอยที่นั้นดียังไงแม่ฝากดูพวกสร้อยให้แม่สักเส้นแล้วกันจ๊ะ”

“ได้เลยครับ”

   เขากับพี่ดาร์กเลิกเดินทางมาถึงพม่าก่อนวันเข้าประชุมจริง 1 วันด้วยคิดแล้วว่าจะเที่ยวก่อนที่จะไปเครียดกับงาน และทริปนี้เขาเองนี่แหละที่ขอเป็นไดก์นำเที่ยว การเที่ยวก็ไม่มีอะไรมากมีแค่ไปไหว้พระที่เจดีย์ชเวดากองและก็ไปกินข้าวบนเรือพร้อมกับซื้อของฝาก

การจราจรของพม่าไม่ได้ต่างไปจากบ้านเราจากสนามบินไปถึงโรงแรมแม้ระยะทางจะไม่ไกลมากแต่เราสองคนก็ใช้เวลาอยู่บนแท๊กซี่เกินกว่าครึ่งชั่วโมงทำให้แม้เราจะบินแต่เช้าแต่เพราะรถติดกว่าจะถึงโรงแรมกว่าจะเก็บของเรียบร้อยก็เป็นช่วงสายๆ พอดี

“ไปพี่เดี๋ยวคุนพาเที่ยวเอง”

“วันนี้จะเป็นไกด์ให้พี่เหรอ?”

“ใช่แล้ว คุนนะหาข้อมูลมาครบ”

“เหรอครับ? งั้นที่แรกเราจะไปไหนกันดี?”

“ไปไหว้พระ”

“และเราจะไปยังไงกัน?”

“เดี๋ยวไปถามประชาสัมพันธ์ก็ได้”

“แล้วไม่ซื้อพลอยให้แม่แล้วเหรอ?”

“ซื้อ”

“แล้วเราจะไปซื้อที่ไหนดีละ? ตลาดปิดกี่โมง?”

“เดี๋ยวก็ถามเขาเอาคุนหาแหล่งมาแล้ว เออแต่คุนลืมดูเวลาเปิดปิด”

“คุน”

“หื้อ?”

“แต่พี่ว่าพี่เป็นคนนำเที่ยวจะดีกว่านะ”

“ทำไมละ? พี่ไม่เชื่อฝีมือการหาข้อมูลของคุนเหรอ?”

“ไม่ใช่ไม่เชื่อครับ แต่โน้นดูโน้นครับ”

   พี่ดาร์กชี้มือไปที่ล้อบบี้ของโรงแรมซึ่งเขาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรที่ผิดปกตินอกจากแขกที่กำลังนั่งรอกุญแจหรือนั่งเล่นแต่พอลองมองดูดีๆ เขาก็เห็นผู้ชายคนนึงยืนถือป้ายชื่อของเขาอยู่

“นั้น”

“ครับ พี่ติดต่อไกด์ท้องถิ่นไว้แล้ว”

“แล้วทำไมไม่บอกปล่อยให้เมื่อคืนคุนหาข้อมูลอยู่ได้”

“โกรธพี่เหรอ? ขอโทษ”

ความอายทำให้ความรู้สึกร้อนมากองรวมกันที่แก้มของเป็นธรรมไอ้เขาก็พยายามเตรียมการมาอย่างดีค้นหาการเดินทางว่าจะไปยังไงแบบนี้ก็หาเก้อนะสิแถมแม้กี้ตอนออกตัวว่าจะพาเที่ยวยังไม่รู้รายละเอียดแค่คิดเป็นธรรมก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองพี่ดาร์กแล้ว

“อ้าวก้มหน้างุดเลยเลิกโกรธพี่ก่อนนะครับ พี่ขอโทษตอนนี้เงยหน้าขึ้นมาก่อนเราต้องไปตลาดพลอยกันแล้วเดี๋ยวจะไม่ทัน ไหนคุนหาที่ไหนมาเอามาให้พี่ดูหน่อยสิเดี๋ยวพี่ให้ไกด์พาไป”

“นี่ครับ”

เป็นธรรมยื่นแผ่นกระดาษไปให้พี่ไกด์ ไกด์ท้องถิ่นบอกกับพวกเราสองคนว่าที่ที่เขาหามามันยังไม่ใช่ที่ที่ดีที่สุดและเขาก็อยากจะเสนอที่ใหม่ให้

“ไม่เป็นไรครับเราต้องการไปที่ตรงนี้” พี่ดาร์กยืนยันสถานที่ไปกับไกด์แล้วก็เริ่มออกเดินทางกันเป็นธรรมเมื่อเห็นเป็นแบบนี้จึงยอมเงยหน้าขึ้นมองพี่ดาร์กก่อนที่จะเอ่ยถาม

“พี่...เขาเป็นคนท้องถิ่น”

“เขาเป็นไกด์ครับ”

“ก็ใช่ไงแล้วเราไม่สมควรเชื่อเขาเหรอ?”

“พี่เชื่อข้อมูลที่คุนหามามากกว่าพี่จะเชื่อในสิ่งที่เห็นไม่ใช่จากลมปากแล้วเมื่อคืนพี่ก็เห็นแล้วว่าคุนตั้งใจหาข้อมูล มากแค่ไหน”

“ก็ใช่ครับ”

“คุนเชื่อคนง่ายเสมอเลยเนอะ”

“คุนเปล่า”

“ระวังโดนหลอกไม่รู้ตัวนะครับ”

จริงเหรอ? เป็นธรรมนะเหรอที่เชื่อคนง่ายเขาว่าไม่นะ เพราะทุกครั้งก่อนที่จะเชื่อใครเขาก็มักจะมีเหตุผลในการเชื่อเสมอไม่งั้นก็จะเป็นคนสนิทหรือคนที่รู้จักมานานเท่านั้น

“ว่าแต่แบบพลอยที่ซื้อให้คุณแม่เอามาด้วยรึเปล่าหึ?”

   ในขณะที่สมองกำลังประมวลถึงคำพูดของพี่ดาร์กเขาก็มาถึงตลาดพลอยที่ใหญ่สมคำเล่าทางอินเตอร์เน็ทจริงๆ ทำให้เขาเลิกคิดถึงเรื่องคำพูดนั้นและเอาเวลามานั่งเลือกพลอยเป็นของฝากให้กับแม่แทน

วันต่อมาเราทั้งสองคนไม่ได้จ้างไกด์เพราะแค่ต้องการเดินเล่นในเมือง พวกเราแวะเดินตลาดที่เดินไปเจอโดยบังเอิญแวะกินข้าวข้างทางแม้รสชาติของอาหารจะไม่ได้เป็นแบบที่พวกเราคุ้นเคยแต่มันก็อร่อยไปอีกแบบช่วงบ่ายพี่ดาร์กพาเขาไปถ่ายรูปที่วังเก่าที่สวยงามและกว้างขว้างจนถึงเวลาที่เราจ้องร้านอาหารบนเรือเอาไว้

“โห มีแสดงโชว์ด้วยสวยมากอะพี่”

“อย่าเอาแต่ดูไปตักอาหารมากินด้วย”

   ร้านอาหารที่อยู่บนเรือจอดเทียบท่าอยู่นี้ที่ชื่อว่าร้าการเวกอาหารบนเรือถูกจัดเป็นแบบบุฟเฟต์สามารถตักทานได้เรื่อยๆ พร้อมทั้งยังมีการแสดงโชว์พื้นเมืองบนเวทีไปตลอดมื้ออาหารเป็นอีกวันที่หมดไปอย่างมีความสุขทั้งอิ่มท้องและอิ่มตา

   เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราได้ไหด์คนเดิมมารับเพื่อไปซื้อผ้าทอที่ขึ้นชื่อของพม่าความสวยของมันทำให้เขาต้องซื้อมาฝากคนรู้จักอยู่หลายผืนและไม่น่าเชื่อว่าแค่เดินดูผ้าต่างๆ เวลาก็ผ่านไปจนถึงช่วงเย็น

“เราต้องไปวัดกันครับ”

เพราะซื้อของมาเยอะพวกเราจึงแวะเอาของมาเก็บที่โรงแรมก่อนที่จะออกเดินทางต่อที่หมายของพวกเราสำหรับค่ำนี้ก็คือเจดีย์ชเวดากอนสถานที่อันโด่งดังประจำเมืองย่างกุ้ง

“ทำไมเราไปวัดกันตอนเย็นละพี่?”

“ก็เพราะว่าวัดของพม่าต้องถอดรองเท้าเดินไงเดินกลางคืนจะได้ไม่ร้อนเท้าแถมเขายังเปิดไฟถ่ายเจดีย์ได้สวยมากและที่สำคัญตรงยอดเจดีย์ถ้าเราไปยืนตามจุดแสงไฟที่ส่องกระทบเพชรบนยอดจะสามารถทำให้เรามองเห็นสีจากเพชรได้ครบทุกสีด้วยนะ”

“เฮ้ยย ดีอะ”

เป็นะรรมเดินวนหาจุดนั้นอยู่หลายรอบไม่ยอมเดินไปที่อื่นเพื่อที่จะมองหใครบ 7 สีและความพยายามของเขาก็สำเร็จเมื่อเขาสามารถมองมันได้ครบทั้ง 7 สีและเมื่อเขาสมความประสงค์แล้วเขาก็ออกเดินไปที่รูปปั้นพระทันใจ

“แอบมาขอพรอะไร?”

“ขอพรบอกได้ที่ไหน? เดี๋ยวไม่เป็นจริง”

“กฎนั้นใช้กับที่เมืองไทยนี่มาขอพรนอกประเทศกฎนั้นยังถูกบังคับใช้อีกเหรอ?”

“มันกฎสากลโลก”

“โอเค ไม่บอกก็ไม่บอกเห็นไหว้ซะนานก็เลยอยากรู้”

   พรที่เป็นธรรมขอไม่ได้เป็นความลับอะไรแต่มันเป็นความเชื่อของเขาที่ถูกฝังมากับตัวเนิ่นนานว่าเวลาขอพรพระอย่าพูดออกไปเพราะมันอาจไม่เป็นจริงทั้งที่สิ่งที่เขาขอก็มีอยู่แค่ 2 เรื่อง เรื่องแรกเขาขอให้การติดต่องานในอนาคตไม่ว่าจะเรื่องอะไรขอให้ราบรื่นส่วนเรื่องที่สองเขาขอให้ความรักของเขากับพี่ดาร์กเป็นแบบนี้ไปนานๆ ขอให้พี่ดาร์กยังคงรักเขาแบบนี้อย่าให้ต้องให้เราต้องเลิกรักกัน

“กลับห้องกันเถอะดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องออกไปประชุมกับมิสเตอร์เว่ยแต่เช้า”


   การเจรจากับบริษัทของมิสเตอร์เว่ยผ่านไปได้ด้วยดีข้อตกลงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสัญญาก็ได้ถูกเซ็นท์เรียบร้อยทำให้เป็นธรรมเดินออกกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม

“วันนี้พี่จะค้างกับคุนไหม?”

   พวกเรากลับมาถึงที่ไทยในช่วงบ่ายแก่ๆ พี่เขาพยายามดึงพี่ดาร์กให้เจอกับแม่เพราะอยากให้พี่ดาร์กเป็นคนสรุปผลงานนี้กับแม่ด้วยตัวเองแต่จนมื้อเย็นก็ผ่านไปแล้วจนฟ้าก็เริ่มมืดแม่ก็ยังไม่กลับมา

“ไม่ดีกว่าเอกสารที่ต้องเอาเข้าบริษัทยังอยู่ที่ห้องพี่”

“ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเลยเนอะ”

   แม้เป็นธรรมจะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้เพราะมันก็เป็นเขาเองที่ทำให้พี่ดาร์กต้องเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้กับเขาแต่พอได้มาฟังคำปฎิเสธเขาจังๆ มันก็ทำให้เขาอดน้อยใจและอดคิดไม่ได้ว่าเป็นเขาฝ่ายเดียวรึเปล่าที่อยากอยู่กัน

“อ้าว ไงเป็นแบบนี้ไปได้ละ? พี่ขอโทษนะพี่ไม่มีเวลาให้คุณเลย”

“คุนก็แค่พูดความจริง”

“ที่พี่ทำไปทั้งหมดก็เพราะพี่อยากให้เรามีความสุขโดยเฉพาะเวลาที่ยังมีพี่อยู่ข้างๆ”

“พี่กำลังทำให้คุนได้ใจ”

“ดี พี่ชอบให้คุนได้ใจเพราะพอคุนได้ใจคุณก็จะไม่ระวังและถึงเวลานั้นพี่ก็จะฮุบเอาไว้เอง” พี่ดาร์กยิ้มให้เขาที่มุมปากสงสัยท่าจะชอบใจที่ได้พูดอะไรแบบนี้เหมือนตัวร้ายในละคร

“ครับๆ ฮุบเลยครับ เอาโรงงานนี้ไปเลยครับ”

“คุนพูดเองนะคืนคำไม่ได้แล้วนะ”

“ฮ่าๆๆ คร้าบบบ เอาไปเลยพ่อตัวร้าย”


โปรดติดตามตอนต่อไป ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ


สวัสดีค่ะ Recoup ที่จริงได้จบไปแล้วครั้งนี้เราได้ทำการเรียบเรียงคำพูดและแก้คำบรรยายใหม่ค่ะเนื่องจากพอลองได้อ่านทวนดูอีกครั้งเจอคำพูดกับคำบรรยายที่ไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไหร่ค่ะ แหะๆ แต่เนื้อเรื่องคงเดิมนะคะ 

ตอนนี้ลง Rewrite ได้ 6 ตอนแล้วค่ะ

ขอรบกวนฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะคะ

ขอบคุณค่ะ
 Sweetsky
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2018 10:10:06 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 6 - 05/01/2017
«ตอบ #12 เมื่อ05-01-2017 19:47:24 »

อ่านไป ลุ้นไป
ที่แท้แล้วดาร์ครักคุณบ้างไหม หรือที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อเป้าหมาย (ที่เรายังไม่รู้ว่าคืออะไรแน่)
ยิ่งอ่านไปยิ่งหวาดหวั่นแทนคุณ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 6 - 05/01/2017
«ตอบ #13 เมื่อ05-01-2017 21:44:03 »

คุณรักดาร์กจนทุ่มเทให้หมดตัว
ไว้ใจเกิน แถมไม่เอะใจอะไรเลย

คงต้องเสียทั้งโรงงานและบ้าน ไม่เหลืออะไร น่าสงสารจริงๆ :ling2:

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 6 - 05/01/2017
«ตอบ #14 เมื่อ11-01-2017 19:44:48 »

บทที่ 7 Rewrite 11/1/18

“แม่ครับทำไมหนูถึงชื่อดาร์กละครับ?”

“เพราะตอนที่แม่ท้องหนูแม่จะรู้สึกเจ็บท้องและแพ้ท้องเฉพาะตอนที่พระอาทิตย์ตกดินแล้วและภาษาอังกฤษนอกจากคำว่าไนท์ที่แปลว่ากลางคืนแล้วก็มีคำว่าดาร์กอีกหนึ่งคำจ๊ะหนูไม่ชอบชื่อนี้เหรอครับ?”

“ชอบครับ”

“เอ้า แม่ลูกคุยอะไรกันอยู่ไม่เลิกครับ ได้เวลาเด็กดีต้องเข้านอนแล้วนะครับ”

“ดาร์หนอนด้วยได้ไหมครับ?”

“แต่หนูมีห้องของหนูเองแล้วนะครับหนูต้องนอนห้องของตัวเองสิฝึกไว้นะครับ มาพ่อไปส่ง”

“พาดาร์กขี่สูงๆไปส่งหน่อย”

ทุกคืนพ่อของเขาจะเป็นคนรับหน้าที่พาเขาเข้านอนและช่วงเวลาที่เขาชอบก็คือช่วงนี้ช่วงที่พ่ออุ้มตัวเขาให้สูงๆ แล้วจับให้นั่งอยู่ที่ไหล่ของพ่อให้เขาขี่คอ การได้อยู่สูงๆ มันทำให้เขารู้สึกทั้งสนุกทั้งตื่นเต้นจนอยากจะขอให้ห้องนอนของเขาที่อยู่ชั้นสองมันอยู่ไกลออกไปอีกพ่อจะได้ยอมให้เขาอยู่ที่สูงๆ แบบนี้ไปได้นานอีกนิด


“แต่งตัวเสร็จรึยังลูก? เร็ว เดี๋ยวสายนะครับ”

“ดาร์กเสร็จแล้วครับ”

“คุณค่ะอาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ”

“พ่ออุ้มดาร์กลงหน่อย”

“แค่อุ้มนะครับ พ่อใส่เสื้อทำงานแล้วขี่คอไม่ได้นะครับ”

“ครับ”

“สองคนนั้น เล่นอะไรกันอยู่ค่ะ รีบลงมาได้แล้วค่ะ”

เสียงความวุ่นวายในยามเช้าเป็นเสียงที่เด็กชายทรงจำได้ยินเสมอแต่ไม่ว่าแม่จะโวยวายด้วยสีหน้าบึ้งตึงขนาดไหนเขากับพ่อก็พร้อมที่จะหัวเราะเอิ้กอ้ากให้แม่เพิ่มความหงุดหงิดเข้าไปได้อีก

“เย็นนี้พ่อกับแม่จะรีบมารับ เป็นเด็กดีนะครับ”

“ครับ”

“เดี๋ยวก่อนแล้วเป็นเด็กดีต้องเป็นยังไงครับ?”

“ต้องเชื่อฟัง ต้องไม่ดื้อครับ”

“ดีมากครับลูกพ่อ”

เย็นวันนั้นพ่อกับแม่มายืนรอรับเด็กชายทรงจำที่โรงเรียนตามสัญญาเขายิ้มกว้างโผวิ่งเข้าหาอ้อมแขนที่กางอ้าเอาไว้แต่แล้วรอยยิ้มของเขาก็ต้องจางลงเรื่อยๆ จนมันหายไปจากใบหน้าเมื่อภาพของพ่อและแม่ที่กำลังอ้าแขนรับเขาให้วิ่งเข้าหากำลังเลือนหายไปทุกที

“แม่ พ่อ รอดาร์กด้วย”

เด็กชายทรงจำพยายามใช้ขาป้อมสั้นของเขาวิ่งเข้าไปเพื่อที่จับมือของคนทั้งสองเอาไว้แต่ไม่ว่าจะพยายามออกวิ่งเท่าไหร่ก็เหมือนว่าเขาจะไม่สามารถถึงจุดหมายได้จนในที่สุดภาพของคนทั้งสองก็จางหายไปก่อนที่เขาจะได้ไปสัมผัสมือของทั้งสอง
เด็กชายทรงจำตะโกนเรียกพ่อเรียกแม่ดังลั่นหวังไว้ท่านทั้งสองได้ยินและกลับมารับเขาแต่ไม่ว่าเขาจะตะโกนสุดเสียงสักเท่าไหร่ท่านทั้งสองคนก็ไม่ปรากฏออกมาให้เห็นเขาเริ่มออกเดินโดยมีความหวังว่าพ่อกับแม่อาจจะอยู่ใกล้ๆ กับแถวนี้แต่เดินจนเหนื่อยล้าเขาก็เจอแต่ความว่างเปล่า

ริมฟุตบาทดูเป็นเหมือนที่เดียวที่เขาสามารถนั่งพักได้เขานั่งรออยู่ตรงนั้นจนความมืดเริ่มปกคลุมไปทั้วพื้นที่กลืนแสงสว่างจนเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย

“พ่อ แม่ ดาร์ห ฮึก ดาร์ก ฮึก กลัว อยู่ไหนกันครับ?”

“พ่อ แม่!!”
 
ทรงจำสะดุ้งเฮือกลืมตาโพร่งในยามดึกแม้ว่าเขาจะเปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 20 องศาแต่ว่าเนื้อตัวของเขากลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อหันไปดูนาฬิกาที่หัวเตียงตอนนี้เพิ่งจะตี 3 เหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่จะต้องตื่นเขาจึงพยายามจะข่มตาให้หลับลงอีกครั้งแต่ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถหลับลงได้เลย

ทรงจำไม่ได้ฝันเรื่องราวเก่าๆ มาเป็นสิบปีไม่รู้ทำไมจู่ๆ คืนนี้ความฝันเหล่านี้ถึงกลับเข้ามาได้ ความเจ็บปวดความห่วงหาความคิดถึงทุกความรู้สึกมันยังคงตรึงเขาอยู่ในความฝันนั้นอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้เขาไม่สามารถล้มตัวลงนอนได้ต่อ

พอเห็นว่าตัวเองไม่สามารถล้มตัวลงนอนได้ต่อทรงจำจึงลุกมาเปลี่ยนเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อออกพร้อมกับเดินไปไปที่ริมหน้าต่างเพื่อดูแสงไฟริบๆ ตามตึกอื่นๆ ในยามดึก

“พ่อกับแม่สบายดีไหมครับ?”

เมื่อความทรงจำเก่า ของเขากลับมาทำงานอีกครั้งเขาจึงเดินไปที่ริมห้องเปิดลังใส่ที่อยู่ใต้สุดของลังใส่ของใบอื่น สิ่งที่อยู่ด้านบนสุดของที่อยู่ในกล่องก็คืออัมบั้มรูปภาพเก่าเขาหยิบรูปฟิลม์ในนั้นมาเปิดไล่ดูรูปต่างๆ ตั้งแต่สมัยเขายังเด็กรูปที่บางรูปถูกถ่ายด้วยพ่อบางรูปถูกถ่ายด้วยแม่และไปจนถึงรูปที่ถูกถ่ายโดยเขาที่ทั้งรูปไม่มีภาพอะไรยกเว้นพื้นหญ้าและขาสี่ขาจากคนสองคน

“ดาร์กถ่ายบ้างๆ สอนดาร์กด้วย”

“ดาร์กจะถ่ายเหรอลูก? มาแม่สอน”

แม่มักตามใจเขาเสมอไม่ว่าเขาจะอยากทำอะไรหรืออยากรู้อะไรไม่มีเลยที่แม่จะขัดไม่ให้เขารู้หรือไม่ให้เขาได้ลองทำวันนั้นทรงจำจำได้ว่าแม่พยายามสอนปุ่มหลายปุ่มที่ถ้าให้เขายอมรับตรงๆ เขาจำปุ่มอะไรไม่ได้เลยยกเว้นปุ่มกดชัตเตอร์ แต่เขากลัวว่าจะไม่ได้ลองถ่ายถ้าบอกกับแม่ว่ไปาเขาจำไม่ได้เพราะฉะนั้นตอนที่แม่ถามว่าเข้าใจไหมครับ? เขาเลยตอบออกไปว่า ‘เข้าใจครับ’

“ในเมื่อเข้าใจหมดแล้วงั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปเป็นแบบให้ตรงโน้นนะถ่ายให้สวยๆ ล่ะครับ”

“ครับ”

ทันทีที่แม่ปล่อยมือออกทรงจำเองก็เกือบจะทำกล้องรักของพ่อร่วงที่พื้นสนามหญ้าแต่โชคยังเข้าข้างที่มีสายคล้องคอเอาไว้มันเลยตกลงมาได้แค่ที่ช่วงเอวตอนที่แม่ตะโกนว่าถ่ายได้เป้นตอนที่เขาตื่นเต้นยื่งกว่าเล่นรถไฟเหาะบนคอพ่อเสียอีกแต่เขาก็ยังใจกล้านับ หนึ่ง สอง สาม เลียนแบบแม่แล้วก็ลงมือกดชัตเตอร์

“ผมน่าจะตั้งใจถ่ายให้ดีกว่านี้นะครับแม่ว่าไหม?”

ทรงจำพูดอยู่กับรูปที่เขาถ่ายพลาดถ้าเขารู้อนาคตล่วงหน้าว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นเขามั่นใจว่าเขาจะต้องทำได้ดีกว่านี้เขาจะต้องมั่นใจมากกว่านี้และรูปของพ่อกับแม่ที่ถูกถ่ายด้วยฝีมือของเขามันจะต้องดีกว่านี้


“มาอยู่ก็เป็นภาระแกหัดจับอะไรให้มันเป็นประโยชน์บ้างบ้านอะถูสิออกแรงให้มันคุ้มก้บค่าข้าวที่ยัดปากเข้าไปหน่อย”

พลั้ก แรงผลักที่หัวค่อนข้างแรงทำให้เด็กชายทรงจำที่เพิ่งอยู่เพียงประถมศึกษาปีที่สี่ที่กำลังก้มตัวถูบ้านไม่สามารถตั้งหลักทำให้ตัวเองหน้าเลยคะมำลงไปโคกกับพื้นบ้าน

“เพราะพ่อแม่แก พวกฉันเลยต้องลำบาก แหกตาดูสิถ้าไม่มีพวกฉันใครจะมาดูแลแก”

“ดาร์ก ดาร์ก ขอโทษครับ”

“มึงก้มหน้าด่ากูเหรอ?”

“เปล่าครับ”

“อย่าให้กูรู้ว่ามึงด่ากูนะ ถ้ารู้นะมึงโดนแน่”

ทรงจำก้มหน้าลงให้ต่ำพยายามให้คางชิดกับอกให้มากที่สุดและแม้เขาจะเจ็บที่หน้าผากแค่ไหนเขาก็ต้องพยายามซ่อนตาที่กำลังจะมีหยดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ให้ลุงกับป้าได้เห็นเพราะนับตั้งแต่ที่เขาได้ย้ายมาอยู่กับลุงกับป้าเขาก็เรียนรู้อย่างนึงว่ายิ่งเขาร้องไห้เสียงดังเท่าไหร่เขาก็จะถูกตีหนักขึ้นเพื่อเอาเสียงไม้เรียวมากรบเสียงร้องไห้ของ

“ฮึกก ดาร์กคิดถึงแม่”
“ฮึก ดาร์กคิดถึงพ่อ”

“เงียบๆ หน่อยโว๊ยมันดึกแล้ว”

“ป้าจ๋า ลุงจ๋า ดาร์กนอนด้วยได้ไหม?”

“ไม่ได้ที่ฟูกพวกกูเบียดกันจะตายมึงจะมานอนอีกได้ไง”

“ฮึก ดาร์กกลัวฝนมันตก”

“โอ๊ย รำคาญ ศรีมึงลุกไปดูหลานมึงหน่อย”

สิ้นคำของลุง ป้าก็เดินเข้ามาหาเขาที่ตรงฟูกนอนของเขาทันทีทรงจำดีใจที่คืนนี้เขาไม่ต้องนอนที่ฟูกคนเดียวที่นี่ไม่เหมือนบ้านของเขาที่นอนมันอยู่ใกล้กับตรงสังกะสีที่กั้นห้องเอาไว้และทุกครั้งที่เสียงฝนดังเข้ามามันก็เสียงดังจนเขากลัว

โครม ป้าเดินมาดึงแขนเขาให้ลุกขึ้นแต่แรงดึงของป้ามันแรงเกินไปทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งตัวโถมตัวล้มใส่ป้าและทำให้ป้าที่ยืนอยู่ต้องล้มลงกับพื้นห้อง

“โอ๊ย เจ็บๆ ตัวซวยมาก็สร้างแต่เรื่องคนจะหลับจะนอนกลัวมากใช่ไหม? มานี่”

“ป้า ดาร์กไม่ไป ไม่เอา ป้าจ๋าดาร์กไม่ไป”

ทรงจำเองก็ไม่รู้ว่าป้าจะลากเขาไปที่ไหนรู้แต่ว่าเขาจึงขืนตัวสุดแรงไม่ยอมเดินไปตามแรงดึงของป้าเขาพยายามที่จะเอานิ้วเกาะไว้กับช่องว่างของกระดานไม้พื้นบ้านแรงดึงทำให้เล็บมือของเขาเริ่มจะมีเลือดออกและบางเล็บก็เริ่มฉีดออกแต่เขาก็ไม่ยอมแล่อยเขาสู้สุดกำลังที่เขาจะทำได้แต่น่าเสียดายที่แรงของเด็กเก้าขวบสิบขวบไม่สามารถสู้อะไรกับแรงของผู้ใหญ่ได้เพราะไม่ว่าเขาจะฝืนยังไงเขาก็โดนลากออกไปโยนกองไว้นอกห้องอยู่ดี

“นอนมันตรงนี้แล้วกันในเมื่อนอนในห้องแล้วมันวุ่นวายนัก”

“ฮึก ดาร์กขอเข้าไปนอนด้วยได้ไหมครับ? ดาร์กสัญญาว่าจะไม่ร้องแล้ว”

“ไม่ได้ นอนดัดสันดานมันตรงนี้ไปก่อนแล้วกัน”

“พ่อแม่ อยู่ไหนครับ? พ่อ แม่ทำไมทิ้งดาร์ก”

แล้วคืนนั้นทั้งคืนทรงจำก็เอาแต่ตัดพ้อพ่อกับแม่ที่ทิ้งเขาไปทำให้เขาต้องนอนฟังเสียงฝนที่กระทบกับสังกะสีอย่างรุนแรงทั้งคืน

สิ่งหนึ่งที่ทรงจำเรียนรู้ได้เร็วก็คือถ้าเขาไม่อยากโดนทำโทษไม่อยากโดนตีเขาต้องไม่ร้องไห้และคำว่าขอโทษดูเหมือนมันจะเป็นคำที่ทำให้ลุงและป้าใจดีกับเขามากขึ้นเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้ขอโทษเอาไว้ก่อน

การปรับตัวเหมือนจะเป็นหนทางเดียวสำหรับเขาที่จะทำได้และสิ่งที่ห้ามที่สุดก็คือการตั้งคำถามว่าทำไมก็เป็นสิ่งที่เขาไม่ควรทำเช่นกัน


“ทำไมดาร์กถึงไม่ได้ไปโรงเรียนละครับ?”

“จะไปทำไมโรงเรียนเปลืองจะตายเด็กแถวนี้มันก็ไม่ไปโรงเรียน”

“แล้วทำไมเด็กพวกนั้นไม่ได้ไปละครับ?”

“โว๊ย ถามมากจังวะ”

ลุงลุกเดินเข้ามาที่กำแพงบ้านที่เขานั่งติดอยู่กับผลักเข้ามาที่หน้าผากของเขาเป็นจำนวนหลายครั้งทำให้หัวของเขาต้องถูกโขกกับกำแพงอยู่หลายทีจนเขาเริ่มรู้สึกมึนหัวไปหมด

“สงสัยจะมีแรงพูดอยู่มากงั้นเย็นนี้ก็ไม่ต้องกินข้าวจำไว้นะเก็บปากเอาไว้กินข้าวอย่ามาถามอะไรมากเข้าใจไหม?”

“เข้าใจครับ”

และความอยากรู้ที่เขาเคยมีมันก็หายไปจากเด็กชอบถามก็ต้องเป็นเด็กไม่พูดถ้าอยากมีข้าวกินไม่ต้องดื่มน้ำแก้หิวไปทั้งคืนแบบวันนั้นก็อย่าได้ริถามแม่กับพ่อบอกเสมอว่าถ้าจะให้คนรักต้องเป็นเด็กดีทรงจำเด็กดีก็หมายถึงต้องมีคนรักและเขาก็อยากให้ลุงกับป้ารักเขาเลยเรียนรู้และทำตามทุกอย่างที่ลุงกับป้าต้องการ

“เฮ้ย เมื่อไหร่จะให้มันออกไปทำงานวะ? ให้มานั่งบื้อกับบ้านอยู่ได้”

“กำลังถามๆอยู่พี่ว่ามีใครพอจะให้งานมันทำอะไรได้บ้าง พี่ก็เห็นตัวมันเล็กอย่างกับลูกหมาใครเห็นก็ส่ายหน้า”

“ไร้ประโยชน์ จริงโว๊ย เบื่อโว๊ยทำไมต้องมารับไอ้ตัวภาระแบบนี้ด้วย”

เสียงเถียงกันของลุงกับป้าทำให้เขารู้ว่าถ้าเขาทำตัวมีประโยชน์ลุงกับป้าก็จะรักแต่ประโยชน์คืออะไรเขาคิดไม่ออกเขาไม่ค่อยแน่ใจแต่เขาได้ยินว่า ‘งาน’ มันจะเหมือนที่พ่อกับแม่ทำงานรึเปล่านะทรงจำนั่งครุ่นคิดอยู่ตลอดจนวันนึงเมื่อลุงใช้เขาไปซื้อเหล้าที่ร้านขายของที่ห่างไปอีกสองสามหลังเขาจึงได้โอกาสถามเจ้าของร้าน

“ป้าจ้า ดาร์กอยากทำงาน”

“โอ๊ยจะไปทำอะไรได้ ไว้โตกว่านี้หน่อยสิ”

“แต่ป้ากับลุงอยากให้ดาร์กทำงาน”

“อย่าไปฟังพวกมันมาก รอโตก่อนแล้วกันนะไอ้หนู”

แต่แล้วในวันนั้นก็มีเด็กหนุ่มวันรุ่นเดินเข้ามาหาเขาหลังจากที่เขาคุยกับป้าร้านขายของเสร็จ

“อยากทำงานเหรอ?”

“ใช่ อยากทำ”

“มากับพวกฉันสิ ฉันมีงานให้ทำ”

ตอนที่ทรงจำเอาเหล้ากลับเข้าไปให้ลุงพร้อมบอกว่าจะออกไปทำงานลุงหัวเราะเสียงดังและนั้นแทบจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงหัวเราะของลุงเขายิ้มดีใจจนแก้มปริเพราะอย่างน้อยเขาก็น่าจะสามารถทำให้ลุงรักเขาได้บ้างแล้ว

“ดีๆ สำนึกบุญคุณให้มากๆ ออกไปทำงานหาเงินมาให้พวกกูได้แล้วอย่าดีแต่ปากถ้ากลับมาแล้วไม่มีเงินมาให้แกโดนตีแน่”

“ครับ”

งานที่พี่ผู้ชายคนนั้นมาให้เขาทำไม่ใช่งานเหนื่อยอะไรเขามีหน้าที่แค่เอากระป๋องมาตั้งเอาไว้ตรงหน้าเสื้อยืดที่อยู่ติดตัวของเขาถูกเอากรรไกรตัดให้แหว่งแล้วก็ให้นั่งลงแต่ต้องนั่งตากแดดอย่านั่งในที่ร่มก็แค่นั้น

“มึงห้ามพูดอะไรนั่งอยู่อย่างนี้ยกมือขึ้นไหว้ห้ามเข้าที่ร่มเข้าใจไหม?”

“ได้ๆ”

“ดี ถ้าทำได้จะแบ่งเงินให้”

วันแรกที่เขาเริ่มทำงานพี่ชายคนนั้นให้เขานั่งตั้งแต่บ่ายจนถึงช่วงประมาณทุ่มตรงเขาได้เงินมาทั้งหมดเป็นจำนวนหนึ่งร้อยบาททรงจำดีใจมากรีบกำเงินแน่นกลับไปที่บ้านนั่งรอเวลาที่ลุงกับป้าจะกลับเข้าบ้านมา

“ป้า นี่เงิน ดาร์กทำงานแล้วได้เงินแล้ว”

“ไหนเท่าไหร่? อะไรหายไปตั้งแต่บ่ายได้มาเท่านี้?”

“เท่านี้จริงๆครับ”

“ไหนมาค้นตัวสิ”

“เอ๊ะ ศรีมึงนี่ยังไงหลานเอาเงินมาให้ก็รับไว้สิแล้วนี่กูรู้คนแรกเพราะฉะนั้นนี่เงินกูเอามาส่วนไอ้ดาร์กเอ็งทำได้ดีมากไปทำอีกไปทำให้ได้เงินมาเยอะกว่านี้อีกไปกินข้าวไป เอ๊ะศรีมึงอย่ามาแย่งเงินของกูนะ”

‘ไปกินข้าวไป’ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลุงชมว่าเขาทำดีแถมยังเรียกให้เขาไปกินข้าวอีกนี่สินะเด็กดีตามที่ลุงกับป้าเพราะฉะนั้นถ้าเขาหาเงินได้เรื่อยๆ ลุงกับป้าก็จะรักเขาเขาคิดถูกแล้ว

“เอ้า นอนอุตุเลยแล้วไม่ไปทำงานแล้วรึไง?”

“ดาร์กไม่ไหวครับ”

“โอ๊ย ไอ้ลูกคุณหนู ไอ้สำออย ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้แหม่ไปทำงานได้แค่สามสี่วันกลับมาสำออยว่าไม่ไหวจะเริ่มเสียข้าวสุกแล้วสินะมึงลุกขึ้นมา”

เพราะยิ่งนั่งนานก็จะยิ่งได้ตังค์เยอะหลังจากนั้นทรงจำจึงมักรีบตื่นแต่เช้าเพื่อรีบไปนั่งขอทานแล้วกลับมาในช่วงมืดแต่วันนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขาเขารู้แค่ว่าเขาหนาวมากและเขาก็เจ็บคอแม้แต่กลืนน้ำลายก็เหมือนว่าเขากำลังกลืนทรายเข้าคอเลยทำให้เขาไม่อยากออกไปทำงาน

 “ถ้าวันนี้ไม่มีตังค์ก็ไม่ต้องกินข้าวเย็น”

เรื่องกินข้าวไม่ใช่เรื่องที่ทรงจำเป็นห่วงแต่เพราะสองสามวันมานี่ป้ากับลุงกตีเขาน้อยลงและการตีน้อยเป็นสัญญาณว่าเขากำลังถูกรักมากขึ้นเพราะเหตุนี้ต่างหากที่ทำให้ต้องพยายามฝืนลุกขึ้นและเตรียมตัวออกไปทำงานข้างนอก

“พ่อมึงมา!! ไอ้ดาร์กวิ่ง”

พ่อในที่นี่คือเจ้าถิ่นที่คุมซอยแถวนี้วันนี้กลุ่มของพวกเขาเปลี่ยนที่ทำมาหากินกันแต่พวกเขาแอบเข้ามาเพราะไม่มีจ่ายเงินให้กับเจ้าถิ่นเลยต้องคอยหลบๆซ่อนๆ ปกติเรื่องวิ่งหนีเขาไม่เคยรั้งท้ายแต่วันนี้เขารู้สึกมึนหัวแต่เช้าทำให้วิ่งช้ากว่าคนอื่นๆ

“มึงไม่ใช่เด็กซอยนี้ กล้าดียังไงหะ?” และในที่สุดเขาก็โดนคนนึงที่วิ่งตามจับตัวเขาเอาไว้ได้

“ขอ ขอโทษ”

“ไหนมึงเอาเงินมาเงินที่มึงหาได้เอามา”

“ไม่มี” ทรงจำเอาเงินซุกเข้าซ่อนที่กางเกงชั้นในของตัวเองและพยายามเบี่ยงตัวหนีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“มึงเก่งนักใช่ไหม?”

ความตกใจที่ถูกจับได้ทำให้ทรงจำคิดไม่ทันว่าควรป้องกันตัวอย่างไรหมัดลุ้นๆ จากคนตัวโตกว่าจึงต่อยเข้าเต็มหน้าของเขา จากหมัดเดียวก็ถูกเพิ่มเป็นสองหมัดสามหมัดในที่สุดทรงจำก็ไม่สามารถทรงตัวเองให้ยืนอยู่ได้เขาล้มลงไปนอนราบที่พื้นและยังคงพยายามเอ่ยคำว่าขอโทษจะได้หยุดโดนต่อยแต่น่าเสียดายที่ผู้กระทำไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดผู้กระทำยังคงก้มลงมาต่อบแล้วพอเจ็บมือก็เปลี่ยนมาแตะแทนในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงพึมพำอยู่เพียงแค่คำว่า ‘ขอโทษๆ’

ในที่สุดพ่อกับแม่ก็ไม่ปล่อยให้เขาเดียวดายอีกต่อไปนั้นไงตอนนี้ตรงนั้นข้างหน้าพ่อกับแม่ที่กำลังยืนส่งยิ้มให้เขาเหมือนจะปลอบว่าไม่เป็นไรเจ็บแค่นี้มันนิดเดียวเอง ทรงจำยิ้มตอบให้พ่อกับแม่เอื้อมมือเข้าไปหาแม้ว่าภาพที่เขาเห็นจะเริ่มไม่ชัดเพราะน้ำตาและเลือดที่เริ่มไหลมาบังดวงตาแต่เขาก็ไม่ยอมแม้กระทั่งจะกระพริบตาไล่สิ่งเหล่านั้นเพราะภาพที่เห็นมันเป็นภาพที่เขามีความสุขมากที่สุดเขาคิดถึง คิดถึงอ้อมกอดของแม่คิดถึงไหล่คู่นั้นของพ่อจัง แต่ในที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้ต่อความต้องการของร่างกายของตัวเองตาของทรงจำค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ และมือที่พยายามเอื้อมออกไปหาพ่อกับแม่ก็โดนเหยียบจนติดพื้น แต่ก่อนที่เขาจะหลับตาลงเขาได้ยินเสียงผู้หญิงแว่วเข้ามาเสียงนึงว่า

“หยุดนะ ตรงนั้นอะไรกันนะ”

ทรงจำลืมตาขึ้นมาอีกทีเขาก็อยู่ในห้องที่มีพัดลมหมุนอยู่บนเพดานหันไปทางซ้ายขวาก็เจอกับฉากกั้นและที่สำคัญเขากำลังนอนอยู่ที่เตียงนอนแสนนุ่มที่เขาไมได้มีโอกาสนอนมาเป็นปีความเหนื่อยล้าทำให้เขาไม่อยากที่จะลุกจากที่นอนนุ่มนี้แต่แล้วสิ่งนึงที่เข้ามาในหัวของเขาก็คือ ‘เงิน’ เขาจึงพยายามก้าวลงจากเตียงซึ่งพอดีกับมีคนเปิดฉากกั้นเข้ามาพอดี

“ตื่นแล้วรึหนู? เป็นยังไงบ้าง”

“เงินผม”

“หนูหมายถึงสิ่งนี้เหรอจ๊ะ?”

“ครับ”

เป็นธรรมพยายามเอื้อมมือหยิบไปคว้าเงินก้อนนั้นโดยไม่สนเลยว่าเขากำลังจะตกเตียงจนผู้หญิงคนนั้นต้องรีบเดินเข้ามาติดเตียง

“ครูชื่อสมใจ หนูชื่ออะไรจ๊ะ?”

“ทรงจำครับ”

“งั้นทรงจำรอครูตรงนี้ก่อนนะครูขอไปหยิบของก่อนแล้วเดี๋ยวครูจะพาไปส่งที่บ้าน”

ทรงจำพยักหน้ารับคำแต่เขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะทำตามก็โมงแล้วก็ไม่รู้มัวแต่รอครูแล้วเขาจะไปหาเงินได้ยังไงดังนั้นทันทีที่คุณครูสมใจเดินหายออกไปจากห้องเขาก็เดินออกจากห้องไปเช่นกัน

“วันนี้เปิดไปที่บทที่สามกันค่ะ ไหนใครอ่านมาแล้วบ้างยกมือสิ?”

เสียงการเรียนการสอนที่ดังมาจากห้องเรียนที่ทรงจำเดินผ่านทำให้เขาหยุดชะงัก ขาของเขาพาไปที่ห้องเรียนนั้นโยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองห่างจากประตูโรงเรียนมากขึ้นแค่ไหนเขาเป็นคนชอบเรียนตั้งแต่เด็กเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วออกมาได้ดีพ่อกับแม่จะตามใจทั้งพาเที่ยวหรือเลือกของกินอย่างที่ชอบได้หนึ่งอย่างเขาจึงค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงที่พื้นประตูหลังห้องเรียนเพื่อที่จะร่วมเรียนไปกับเด็กห้องนี้ด้วย

และนับตั้งแต่วันนั้นทรงจำจะใช้เวลาก่อนไปขอทานแอบเข้ามาในโรงเรียนเพื่อเข้ามานั่งเรียนและออกไปในช่วงก่อนพักกลางวัน

ช่วงวันแรกๆ ทรงจำยังไม่สามารถหาห้องของประถม 5 ได้ เขาจึงไปนั่งเรียนกับประถม4 แต่พอเข้าวันที่ 3 เขาก็สามารถหาห้องที่เขาต้องการเจอเขามานั่งเรียนที่หลังห้องนั้นทุกวันจนได้เพื่อนคนนึงที่นั่งติดประตูหลังห้อง เพื่อนคนนี้มักจะแอบเอาขนมมาให้เขาให้แลกกับเล่าเรื่องที่เขาจะต้องไปทำงานในช่วงเที่ยง

“โห นายเก่งมากเลย”

“จริงเหรอเราเก่งเหรอ?”

“จริงเรายังหาเงินไม่ได้แบบนายเลย”

“ขอบใจ”

เพื่อนคนนี้แบ่งขนมให้เขาเสมอตั้งแต่วันแรกๆ ที่เขามานั่งด้วยแต่พอเริ่มหลายวันเขาเพื่อนคนนี้ก็เริ่มเอาสมุดปากกามาให้เขาคอยจดไปด้วยและมันก็เป็นจุดที่ทำให้ทั้งสองยิ่งสนิทกันมากขึ้น

“หลังห้องทำอะไรนะ?”

คุณครูที่กำลังสอนอยู่หน้าห้องเดินมาหาเขาทั้งสองคนที่อยู่หลังห้องและความลับที่เขาสองคนพยายามปกปิดมาก็แตกออกเมื่อคุณครูเห็นและจับเขาเข้าไปห้องฝ่ายปกครอง

“เธอเข้ามาที่นี่ทำไม?”

“ผมมาเรียนครับ”

“เธอเป็นนักเรียนที่นี่?”

“เปล่าครับ”

“แล้วเธอเข้ามาได้ยังไง?”

“…”

“ถ้าเธอไม่ตอบเธอก็ไม่ได้ออกไปนะ”

“คุณครูสมใจครับ”

ทรงจำไม่อยากทำให้คุณครูที่ช่วย้ขาในวันนั้นเดือนร้อนแต่ถ้าเขาไม่พูดเขาก็จะไม่ได้ออกไปแล้วถ้าเขาไม่ได้ออกไปเขาจะไปหาเงินไปให้ลุงกับป้าได้ยังไง

คุณครูสมใจโดนเรียนมาพบทันทีคุณครูมองกลับมาที่เขาเพียงชั่วครู่แล้วบอกกับคนในห้องนี้ว่าครูเป็นคนแนะนำให้เขามาเรียนที่นี่เองพร้อมทั้งขอโทษที่ยังไม่ได้สมัครเขาเป็นเด็กโรงเรียนนี้อย่างเป็นทางการพอทุกคนในห้องได้ยินดังนั้นจึงยอมปล่อยตัวเขาออกมาและก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปหน้าประตูโรงเรียนเขาก็ถูกคุณครูสมใจเรียกเอาไว้

“ทรงจำ”

“…”

“บอกครูสิว่าเธอแอบเข้ามาทำไม?”

“…”

“ถ้าเธอไม่ตอบเธอก็ไม่ได้ออกไปที่หน้าประตูนั้นเช่นกัน”

“ผมอยากเรียนครับ”

“ถ้าเธออยากเรียนเธอก็ต้องสมัครเรียนให้เป็นทางการจะมาแอบเรียนแบบนี้ไม่ได้ นี่คือใบเข้าสมัครเรียนเอาไปให้ผู้ปกครองเซ็นซะ”

“ผมไม่มีผู้ปกครองแล้วครับ”

เพราะในหัวของทรงจำบันทึกอยู่เสมอว่าผู้ปกครองก็คือพ่อกับแม่เหมือนวันประชุมผู้ปกครองที่จะมีพ่อหรือแม่เขาไปแต่วันนี้เขาไม่มีทั้งสองนั้นก็หมายว่าเขาไม่มีผู้ปกครองของตัวเอง

“งั้นตอนนี้เธออยู่กับใคร?”

“ลุงกับป้าครับ”

“นั้นแหละจ๊ะเอาไปให้ลุงกับป้าเซ็นซะ”

ทรงจำรับกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้และเก็บเอาไว้กับตัวไม่ได้บอกลุงกับป้าเพราะเขากลัวเหลือเกินว่าลุงกับป้าจะตีเขาเพราะเขาไม่ยอมไปทำงานแล้วหาเรื่องมาเรียนแทนแต่จะเขาก็ทำใจทิ้งกระดาษแผ่นนั้นไม่ลงจึงไดแต่นอนมองมันทุกคืนจนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยื่นใบนี้ให้ลุงกับป้าในเย็นวันนึงโดยที่เขาจะให้คำสัญญาว่าจะทำงานหาเงินไปด้วยเหมือนเดิม

“อะไร?”

“ดาร์กอยากเรียนคุณครูบอกว่าแค่ลุงยอมเซ็นท์ดาร์กก็ได้เรียนแล้วลุงเซ็นให้ดาร์กหน่อยได้ไหมครับ?”

“เรียนอะไรใครจะส่งมึงเรียน? ไม่มีเงินจะส่งหรอกนะ”

“คุณครูไม่ได้พูดเรื่องเงินเลยครับ”

“โง่จริงใครเขาจะให้เรียนฟรีๆ”

“งั้นดาร์กจะพยายามหาเงินเองครับ”

“อย่ามาผยองแน้แค่หาเงินได้เล็กๆ น้อยๆ วันละไม่เกินห้าร้อยจะเข้าเรียน ถุยไม่เซ็นไม่เรียนโว๊ยไม่มีเงินมึงเอาไอ้ใบนี้ไปทิ้งเลยไป”

ป้าของเขาปัดเอากระดาษแผ่นนั้นออกไกลตัวอย่างไม่ใยดีเขารู้ว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้แต่เรื่องนี้เขาอยากพยายามอีกสักครั้ง

“ดาร์กอยากเรียน”

ทรงจำพูดซ้ำๆ อยู่หน้าบ้านที่ตั้งเรียงเตียงติดกันกับบ้านอื่นๆ ที่ระหว่างบ้านมีเพียงสักกะสีกั้นเพียงเท่านั้นจึงไม่แปลกที่ในภาพนั้นจะมีคนเดินผ่านไปมาหรือโผล่หน้าออกมาเพื่อที่จะเห็นเขานอนหมอบกับพื้นขอร้องลุงกับป้าจนเสียงแหบเสียงแห้ง

“น่ารำคาญ เก่งมากผยองมากคืนนี้มึงนอนนอกบ้านแล้วครับ”

เช้าวันรุ่งขึ้นทรงจำหอบเนื้อตัวที่แดงเป็นจ้ำด้วยรอยยุงกัดกับกระดาษใบนั้นไปยื่นคืนให้กับคุณครูสมใจเมื่อคุณครูสมใจเห็นสภาพของเขาก็รีบพาเขาไปที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนซึ่งเป็นห้องเดิมที่เขาเคยเข้ามาเมื่อครั้งที่แล้วเพื่อที่ทายาให้

“ผมเอามาคืนครับ ลุงกับป้าบอกว่าไม่มีเงินครับ”

“ทรงจำเธออยากเรียนไหม?”

“…”

“ทรงจำ”

“อยากครับ”

“โรงเรียนเรามีทุน เธอสามารถเป็นเด็กทุนได้ถ้าเธอตั้งใจจริงแต่เธอต้องให้ความร่วมมือกับครูนะ”

“จริงเหรอครับครู?”

“จริงจ๊ะแต่เธอต้องให้ความร่วมมือ”

“ครับครู”

คำของคุณครูเหมือนน้ำบ่อน้อยของทรงจำความดีใจนั้นทำให้เขารีบวิ่งเอาใบสมัครเรียนนั้นกลับไปให้ลุงกับป้าเซ็นอีกครั้งพร้อมกับอธิบายว่าไม่ต้องมีเงินก็เรียนได้

“อยากเรียนมากใช่ไหม?”

“ครับ”

“งั้นพรุ่งนี้มึงต้องไปกับกูที่นึง”

ลุงกับป้าลากเขามาที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของใครสักคนบ้านหลังนั้นมันใหญ่กว่าหลังไหนๆ ที่เขาเคยเห็นมันเป็นบ้านที่เขาเคยอยากให้พ่อกับแม่มีเพราะเขาต้องการให้พ่อจับเขาขี่หลังให้นานกว่าที่เคยได้ขี่

“ร้อง ร้อง เดี๋ยวนี้” น่าเสียดายที่ทรงจำยังคงมัวแต่ยืนตะลึงกับขนาดบ้านเขาเลยไม่สามารถทำตามคำสั่งของลุงกับป้าได้

“ไอ้ดาร์กร้อง ร้องเดี๋ยวนี้”

ทรงจำไม่เข้าใจปกติป้าไม่เคยชอบให้เขาร้องไห้ทำไมวันนี้ป้าถึงสั่งให้เขาร้องไม่รู้ว่าและเพราะเขาเริ่มชินกับการที่ต้องไม่ร้องไห้ต่อหน้าของป้ากับลุงทำให้ไม่ว่าจะพยายามร้องเท่าไหร่ก็ไม่สามารถจะทำให้น้ำตาออกมาได้ตามที่ป้าต้องการ

“กูบอกให้ร้องไง”

“ฮึก อย่าตีเจ็บแล้วๆ”

แม้ว่าเขาจะร้องแล้วแต่เสียงของเขาคงไม่ดังพอป้าถึงได้เริ่มหยิกเขาตีเขาหนักขึ้นเล็บของป้าจิกเข้าไปในเนื้อของเขาจนตอนนี้เขาสามารถเห็นเลือดจากแขนของตัวเอง

“ร้องอีก ร้องให้ดังขึ้นไปอีก ร้องจนกว่าคนในบ้านจะเปิดประตูออกมา ร้อง”

ในเมื่อป้าหยิกเท่าไหร่คนในบ้านหลังนั้นก็ไม่ออกมาสักทีลุงของเขาที่หมดความอดทนเลยจัดการเอื้อมมือฟาดลงมาที่ใบหน้าของเขาและนั้นก็ทำให้ทรงจำร้องดังมากพอจนคนในบ้านหลังนั้นยอมเปิดประตูบานนั้นออกมา

“สวัสดีค่ะคุณธิดา อีฉันคนนี้ป้าของเด็กคนนี้ลูกชายคนเดียวของพุฒิพัต กับ จันทนาค่ะ”

ทรงจำไม่รู้ว่าทั้ง 3 คนคุยอะไรกันแม้เขาจะเคยคิดว่าเขาทนได้กับการโดนดีและต่อให้โดนเท่าไหร่เขาก็จะไม่ร้องไห้แต่วันนี้มันทำให้เขารู้ว่ามันไม่ใช่เลยเขายังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น

“แม่ พ่อ กลับมารับดาร์กไปที มารับดาร์กไปอยู่ด้วยที แม่ พ่อ”


ตรึง เสียงเมสเสจเด้งเตือนเข้ามาทำให้ทรงจำตื่นจากผวังค์ของตัวเอง

"เฮ้ย"

ทรงจำรีบวิ่งเข้าไปในห้องแล้วค้นหาหนังสือที่หนาที่สุดมาทับรูปใบสุดท้ายที่เขาได้ถ่ายพ่อกับแม่เอาไว้แม้รูปนี้มันจะไม่สมบูรณ์แต่เขาก็ไม่อยากให้มันยับ

"อย่ายับเลยนะ"

ทรงจำเขามองออกไปที่นอกหน้าที่ท้องฟ้าในเช้าวันนี้ช่างสดใสซึ่งตรงกันข้ามกับตัวเขาเสียเหลือเกิน สายตาของเขามองที่กระจกหน้าต่างแม้จะเห็นภาพสะท้อนของตัวเองอย่างเลือนลางแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าน้ำตาของเขากำลังไหลออกมาเปื้อนหน้าเขาไปหมดเขาค่อยๆ ลูบเอาน้ำตาเหล่านั้นออกไปจากใบหน้าก่อนที่จะให้สัญญากับท้องผ้าที่สดใสในวันนี้

"ผมไม่ร้องไห้ฟรี แน่นอนครับพ่อแม่"

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2018 06:56:56 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 7 - 11/01/2017
«ตอบ #15 เมื่อ11-01-2017 20:10:06 »

ชีวิตดาร์คตอนเด็กน่าสงสารและน่าเห็นใจมากค่ะ แต่มาหลอกให้คุณรักนี่ก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 7 - 11/01/2017
«ตอบ #16 เมื่อ19-01-2017 19:20:12 »

บทที่ 8 Rewrite

ตรึง

คุน “ตื่นได้แล้วครับพี่ดาร์ก”

ตื่นเช้ามาสิ่งแรกที่เป็นธรรมทำมาตลอดในการคบกันก็คือการส่งข้อความปลุกให้พี่ดาร์กตื่นมันเริ่มตั้งแต่ช่วงยังเรียนที่พี่ดาร์กไม่ตื่นเข้าเรียนเพราะต้องทำงานในตอนกลางคืนเขาเลยรับหน้าที่ปลุกทุกเช้าและเขาก็ทำเรื่อยมาจนถึงตอนนี้

พี่ดาร์ก “ตื่นแล้วครับ”

แค่เห็นเมสเสจการตื่นหน้าที่ของเป็นธรรมก็จบลงวันนี้เขาทำทุกอย่างเหมือนที่เขาเคยทำเพียงแต่ใช้เวลาเลือกชุดนานเป็นพิเศษเพราะวันนี้คือวันที่ 9 เดือน 9 เขาเลยขอแต่งตัวให้ดูดีกว่าทุกวันสักเล็กน้อยวันนี้ของทุกปีมันกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่เขาจะได้ดอกไม้ช่อใหญ่จากพี่ดาร์ก

“สวัสดีครับคุณสุวรรณี”

“สวัสดีค่ะคุณเป็นธรรม เมื่อเช้าคุณทรงจำแวะมาแนะค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

เปิดประตูเข้าไปที่โต๊ะทำงานก็เป็นอย่างที่เป็นธรรมคิดเอาไว้ดอกไม้ช่อใหญ่ที่เหมือนกันทุกทุกปีถูกวางอยู่ที่โต๊ะทำงานช่อดอกไม้ถูกจัดโดยการเอาดอกกุหลาบสีแดงไว้ด้านนอกห้อมล้อมดอกสีขาวที่อยู่ด้านในเพียงดอกเดียวและทุกอย่างก็ถูกห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกกับการ์ดที่แนบมากับช่อดอกไม้ก็จะเป็นคำพูดเหมือนเดิมทุกปี

“แด่ คุน
ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้พี่เข้ามาในชีวิต
จาก พี่ดาร์ก”
09/09/XX”

ก่อนที่เป็นธรรมจะจัดการกับช่อดอกไม้นี้เขากดถ่ายรูปช่อดอกไม้กับการ์ดเก็บเอาไว้เหมือนที่ทำเป็นประจำอยู่ทุกปีพอกดไล่ดูไปถึงรูปแรกก็ทำให้เขาคิดถึงเรื่องเก่าที่เกี่ยวกับดอกไม้ที่ตอนนี้ไม่ได้มีโอกาสเหลืออยู่ที่บ้านหรือที่ไหนเลยสักช่อสิ่งที่เขาเก็บไว้ได้ก็เพียงการ์ดเอาไว้ดูต่างหน้า จะว่าไปก็เพราะดอกไม้ช่อพวกก่อนหน้านี้นี่แหละที่ทำให้เขากับพี่ดาร์กทะเลาะกันทั้งที่เราสองคนแทบจะไม่ได้ทะเลาะกันในเรื่องอื่นเลย

“แค่กๆ พี่ดาร์ก แค่ก เย็นนี้ แค่ก เราไปกินข้าวกันที่ไหนดี?”

“คุนทำไมยังไออยู่? แน่ใจนะว่าเราไปหาหมอมาแล้ว?”

“หาแล้ว แค่ก”

“หามาเมื่อไหร่?”

“สองอาทิตย์แล้ว”

“งั้นเปลี่ยนหมอ”

“ทำไหมละ?”

“มันไม่หายแล้วนี่คุนไอมาเป็นเดือนแล้ว”

“โอเค แค่ก เดี๋ยวคุนเปลี่ยนหมอ ไม่โกรธกันนะ”

นี่คือจุดเริ่มต้นทะเลาะในปีที่ 3 ที่เราคบกันช่วงนั้นจู่ๆ เขาก็เริ่มไอโดยที่ไม่มีสาเหตุตอนแรกก็คิดว่าเพราะว่าอยู่ในช่วงหน้าฝนแต่ว่าหน้าฝนก็ผ่านไปแล้วเขาก็ยังไม่ดีขึ้น

“คุน”

“แค่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“โอเค พอแล้วพอๆไม่ต้องตอบ ไม่ต้องพูดมากับพี่เดี๋ยวนี้”

“ไปไหนพี่?”

“ไปทดสอบว่าเราแพ้อะไร พี่ว่าถึงเวลาต้องจริงจังแล้วนะเราไอจนคอจะแตกอยู่แล้ว”

“คุณเป็นธรรมแพ้ฝุ่นครับผลจากการที่เราทำการทดสอบมามันชี้ไปได้แค่ทางเดียวครับ”

“แต่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมีอาการนะครับ?”

“อาจจะเป็นเพราะว่าคุณนอนหรือใช้ชีวิตอยู่กับมันอยู่ตลอดเวลามันเลยยิ่งเป็นการสะสมครับ”

เป็นธรรมเดินออกมาจากห้องตรวจเพื่อบอกผลกับพี่ดาร์กเย็นวันนั้นจำได้ว่าพี่ดาร์กบุกมาถึงบ้านแล้วรื้อของในห้องนอนเพื่อหาว่าอะไรเป็นตัวการที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้พอเปิดเข้าไปเท่านั้นพี่ดาร์กก็พุ่งดิ่งตรงไปที่กลุ่มช่อดอกไม้ทั้งสามกลุ่มที่เรียงอยู่

“พี่ดาร์กจะทำอะไร?”

“พี่จะเอาไปทิ้งนี่ไงพี่เจอแล้ว ทำไมฝุ่นมันจับแบบนี้?”

“ก็ตอนคุนพยายามเช็ดใบมันก็ร่วงหมด ไม่เอาเอามานี่”

“อย่าดื้อน่ะคุนปล่อย”

“พี่ดาร์กของของคุน อย่ายุ่ง”

“ได้ข่าวเงินพี่ซื้อ”

“แล้วมันของคุนไหม?”

“แล้วมันเงินพี่รึเปล่า? พี่ไม่อยากให้เงินพี่ทำร้ายคุน”

“เอามา โอ๊ย แค่กๆๆๆๆๆๆ”

พี่ดาร์กยื่นกลุ่มช่อดอกไม้เข้ามาที่ตรงหน้าทำให้ฝุ่นที่แกะอยู่ฟุ้งออกเข้าหน้าของเขาเต็มๆ เขาจามจนน้ำหูน้ำตาไหลเลยต้องยอมปล่อยกลุ่มดอกไม้ที่ยื้อแย่งอยู่พี่ดาร์กจับเขาโยนเข้าไปในห้องน้ำแล้วก็ใช้เวลาช่วงนั้นจำกัดดอกไม้เหล่านั้นไป

คืนนั้นพี่ดาร์กขอแม่ค้างที่บ้านแต่เขาก็ไม่ดีขึ้นวันรุ่งขึ้นพี่ดาร์กเลยต้องโทรไปลางานกับร้านอาหารที่ทำอยู่เพื่ออยู่ดูแลเขาที่บ้านแต่เขาก็ไม่ดีขึ้นคืนนั้นยิ่งดึกอาการของเขาก็ยิ่งแย่ลงถึงขนาดตาเริ่มบวมปิดหายใจจะไม่ออกผลสุดท้ายคืนนั้นเขาต้องไปนอนแอดมิทที่โรงพยาบาลเนื่องจากแพ้อย่างหนัก

“พี่ขอโทษ หายโกรธพี่เถอะ”

พี่ดาร์กเป็นคนมานอนเฝ้าที่โรงพยาบาลแล้วก็พร่ำแต่ขอโทษที่เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องไปนอนแหมบอยู่แบบนั้นแต่ที่เขายังไม่หายโกรธมันใช่เรื่องที่เขาต้องมานอนอยู่ที่นี่แต่มันเป็นเพราะพี่ดาร์กเอาดอกไม้ทุกช่อและทุกกลีบไปทิ้งหมดเลยต่างหากยังโชคดีที่เขาเคยทั้งถ่ายรูปช่อดอกไม้และตัดการ์ดออกมาเก็บแยกเอาไว้ไม่อย่างนั้นเขานึกสภาพไม่ออกเลยว่าตอนนี้จะไปเป็นกระดาษรีไซเคิลอยู่ส่วนไหน


“เฮ้อ ป่านนี้พี่ดาร์กเขาจะรู้รึยังว่าเราโกรธเรื่องอะไร?”

เรื่องนั้นมันทำให้เขาไม่ยอมคุยกับพี่ดาร์กอยู่เป็นเดือนแต่ก็ต้องยอมรับว่าตั้งแต่วันที่พี่ดาร์กทิ้งดอกไม้ไปเรื่องภูมิแพ้ของเขาก็ดีขึ้นมากจริงๆ เห็นแก่ความตั้งใจดีเขาเลยยอมใจอ่อนยอมคุยด้วยอีกครั้งแต่เหตุการ์ณในครั้งนั้นพี่ดาร์กกลับฝังใจว่าเขาโกรธเรื่องโยนของใส่หน้าพี่ดาร์กเลยไม่เคยเอาอะไรมาโยนใส่หน้าของเขาอีกเลย ย้อนรูปลงไปอีกก็เจอรูปที่เขากับพี่ดาร์กยังใส่ชุดนักศึกษาถ่ายรูปคู่กันและนั้นก็ทำให้เขานึกย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่พี่ดาร์กเข้ามาในชีวิต


“แกๆ คนนั้นอะมองมาที่กลุ่มเราหลายวันแล้วนะ”

“เออ เห็นเหมือนกัน”

“เขาใช่รุ่นเดียวกับเราปะ?”

“ไม่น่าใช่นะ ไม่เห็นจะเคยเห็นในเซ็กเรียนเลย”

แจง กับ พอล เพื่อนในกลุ่มที่สนิทกันเป็นคนสังเกตเห็นพี่ดาร์กมาดุ้มๆ มองๆ โต๊ะที่พวกเรามักจะมานั่งกินข้าวในโรงอาหารรวมของมหาวิทยาลัย

“เขามองหาที่นั่งรึเปล่า? ช่วงกลางวันเขาคงหาที่นั่งกินข้าว”

“แต่ฉันว่าไม่ใช่”

“เราว่าใช่”

“ฉันว่า…”

“โอ๊ยยย จะเถียงอะไรกันเอางี้พวกเราลองลุกแล้วเดี๋ยวถ้าคนนั้นเข้าเดินมานั่งก็แปลว่าเขาหาที่นั่งแต่ถ้าเขาไม่มาก็แสดงว่าเขาอาจจะมองที่กลุ่มพวกเราจริงๆ”

“แค่นี้มันจะมันส์ได้ยังไง เอางี้ ถ้าฉันชนะคุนนายต้องเลี้ยงข้าวเย็นดีแต่ถ้านายชนะฉันเป็นเจ้ามือเอง”

“เอาดิคุนนายรับคำท้าแจงเลย”

“เออๆ ตกลง”

พวกเราต่างเก็บข้าวของลุกขึ้นเดินออกมาจากโรงอาหารโดยที่ตายังคงแอบดูว่าสรุปแล้วคนนั้นจะเดินมานั่งไหม? แต่ไม่ว่าจะเหล่มองจนตาจะเขยังไงคนนั้นก็ไม่ยอมเดินมานั่งที่โต๊ะสักที

“แสดงว่าเขามองมาที่กลุ่มเรา”

“หรือว่าเขาจะจีบแจง”

“ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ วันนี้มื้อเย็นอิ่มฟรี ฮ่าๆๆๆๆ”

เหตุการณ์เล่นพนันในวันนั้นผ่านมาเป็นอาทิตย์จนเขาก็เกือบลืมเรื่องคนแปลกหน้าไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะว่าพี่คนนั้นก็เดินมาหยุดที่ตรงหน้าของพวกเราที่ตึกหน้าคณะ

“น้องคุนครับพี่ชื่อดาร์กพี่ขอคุยอะไรด้วยสักหน่อยได้ไหมครับ?”

“ผม?”

“ครับ พี่กวนเวลาไม่นาน”

“ได้ครับ”

เป็นธรรมเดินออกมาห่างจากกลุ่มเพื่อนเล็กน้อยและยังไม่ทันได้ตั้งตัวพี่ดาร์กก็เริ่มเปิดบทสนทนาที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากพี่ที่เขาเห็นหน้าแค่ครั้งที่สองเท่านั้น

“พี่เป็นรุ่นพี่คณะพี่เห็นเราวันรับน้องพี่ชอบเรานะ”

“ครับ?”

“คือ ตั้งแต่พี่เห็นเราที่คณะพี่ก็ชอบเราเลยพี่รู้สึกถูกชะตาพี่ก็เลยจะมาจีบคุนโอเคไหม? แล้วเรารับได้ไหมที่จะมีผู้ชายมาจีบ?”

เป็นธรรมต้องเก๊กหน้าให้นิ่งอย่างหนักเพราะกลัวจะหลุดขำกับท่าทางของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเดินเข้ามาบอกว่าชอบและจะจีบและมาตบท้ายด้วยคำถามว่าโอเคไหม? แต่ทุกอย่างที่พูดไม่มีแม้แต่รอยยิ้มมีแต่ความตึงเครียดและจริงจัง

เป็นธรรมยืนนิ่งอยู่สักพักเพราะไม่แน่ใจว่าควรจะตอบอะไรกลับไปกับก่อนดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาจะโอเคถ้ามีผู้ชายมาจีบหรือเขาจะโอเคไหมที่พี่คนตรงหน้ามาจีบ

ถ้าถามว่าเขาโอเคไหมที่มีผู้ชายมาจีบก็คงต้องบอกว่าเขาไม่ได้มีปัญหาเพราะตัวเขาเองชอบผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่แน่ใจว่าพี่ดาร์กในตอนนั้นจะมาไม้ไหนเพราะเหมือนพี่เขาถูกบังคับมาพูดมากกว่าที่จะมาสารภาพความในใจ

“ถ้าพี่มีเรื่องพูดแค่นี้ผมขอตัวครับ”

พี่ดาร์กปล่อยให้เขาเดินหันหลังกลับมาโดยที่ไม่ได้มีการดึงรั้งเอาไว้จนเขาสรุปกับตัวเองว่าคงมีใครสักคนในมหาวิทยาลัยรู้ว่าเขาชอบผู้ชายและนี่ก็คือการแกล้งกันเล่นก็เพียงเท่านั้น

“เฮ้ย พี่เขามาอีกแล้ววะ”

หลังจากวันที่พี่ดาร์กเดินเข้ามาบอกว่าจะจีบพี่เขาก็เดินมานั่งรอที่ใต้ตึกทุกวันบางวันก็มาเช้าบางวันมาช่วงบ่ายแต่ไม่ค่อยเห็นตอนเย็นสักเท่าไหร่นานๆ ครั้งที่พีดาร์กจะแวะในตอนเย็นและทุกครั้งที่ดาร์กแวะมาพี่เขาจะไม่พูดอะไรแค่มามองหน้าแล้วก็กลับไป

“พี่เขาอาจจะเอาจริงก็ได้นะ” พอลเดินเข้ามาพูดกับเขาในวันนึง

“ก็ต้องดูกันต่อไป”

พี่ดาร์กทำเหมือนเดิมจนเป็นเดือนจนเป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวไม่ใช่ว่าเขารำคาญที่พี่ดาร์กมาหาแต่มันเป็นความอึดอัดที่ทนจากความอยากรู้มากกว่า

“พี่ผมมีอะไรจะพูดด้วยครับ”

“ครับ”

“พี่ต้องการอะไร?”

“พี่บอกไปแล้วว่าพี่จะจีบ”

“แต่ที่พี่ทำอยู่มันไม่ใช่การจีบผมไม่เห็นว่าพี่จะจีบผมยังไง คนที่เขาจีบกันเขาไม่ได้แค่มาเจอหน้ากันเพียงไม่กี่นาทีแล้วก็เดินหายไปถ้าพี่จะมาล้อผมเล่นเพราะเห็นว่าสนุกผมขอให้พี่เลิกทำเถอะครับ”

“งั้นก็หมายความว่าคุนอนุญาตให้พี่ทำอย่างอื่นได้?”

“ครับ?”

“โอเคครับต่อไปนี้พี่จะเริ่มเพราะพี่ถือว่าคุนอณุญาตแล้ว”

“หะ?”

“ที่พี่ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านี้เพราะครั้งนั้นที่พี่มาขอเราก็ไม่ได้บอกให้พี่จีบได้พี่เลยมาให้เราเห็นหน้าทุกวันเพื่อว่าเราจะใจอ่อน”

“พี่…”

“เอาละ วันนี้พี่ต้องไปแล้วพี่ต้องทำงานต่อ เอาเป็นว่าขอบคุณนะครับ”

พี่ดาร์กหายตัวไปแล้วเหลือแต่เขาที่ยังยืนเอ๋อปากค้างอยู่อย่างนั้นใช้เวลาคิดอยู่นานกว่าจะรู้ว่าตัวเองตกหลุมพรางหลุมเบ้อเริ่มเข้าให้แล้ว และทำให้รู้ว่าเห็นเงียบๆ แบบนั้นแต่ที่จริงแล้วเจ้าเล่ห์น่าดู

แล้วพี่ดาร์กก็ทำตามที่เขาพูดไม่มีการมานั่งมองหน้าเหมือนเดิมเพราะทุกครั้งที่แวะมาหาพี่ดาร์กก็ซื้อพวกขนมมาฝากแถมยังขอให้เขานั่งกินขนมด้วยกัน

“นี่คือขนมที่พี่ซื้อมาเพื่อมานั่งคุยกับผม?”

“คุนไม่ชอบเหรอ?”

“เปล่าผมไม่ได้พูดนะ”

“คุน สิ”

“ครับ?”

“แทนตัวเองว่าคุนสิ”

“ครับ คุนครับ”

“งั้นกินสิคุนชอบถุงไหน?”

เป็นธรรมเชื่อว่าถ้าเขาให้คนอื่นทายก็คงไม่มีใครสามารถทายได้ถูกแน่นอนว่าขนมที่พี่ดาร์กขยันซื้อมาคืออะไรมันไม่ใช่ขนมเค้กหรือขนมชื่อดังเพราะขนมที่พี่ดาร์กซื้อติดมือมาทุกครั้งก็คือพวกขนมถุงเลย์ ปาร์ตี้ ทำนองนั้น

แต่น่าแปลกแม้ว่าขนมเหล่านั้นจะไม่ใช่ขนมชื่อดังหรือเป็นขนมที่เขาชื่นชอบแต่เขากลับชอบนะเพราะการได้นั่งคุยกันเพื่อกินขนมถุงพวกนี้มันทำให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับพี่ดาร์กมากขึ้นและยิ่งได้รู้จักเขาก็ยิ่งรู้สึกชอบพี่คนนี้มากขึ้น

สิ่งที่ทำให้เป็นธรรมรู้สึกชอบพี่ดาร์กมากขึ้นในทุกวันก็คือพี่ดาร์กเป็นคนใส่ใจในทุกรายละเอียดไม่ว่ามันจะเป็นแค่การคุยกันเล่นๆ ในช่วงเวลาที่กินขนมอย่างเช่นพอพี่ดาร์กรู้ว่าเขาชอบศิลปะของขวัญชิ้นแรกที่เขาได้จากพี่ดาร์กก็คือแพ้คดินสอสี 6 แท่งที่ไม่ได้พิเศษไปกว่ากล่องดินสอสีที่เขามีที่บ้านแต่เขาไม่เคยได้ของแบบนี้จากใครเพราะทุกชิ้นที่เกี่ยวกับศิลปะที่เขามีเขามักเป็นคนซื้อมันด้วยตัวเอง

พอเป็นธรรมถามว่าอยากได้อะไรเป็นการตอบแทนพี่ดาร์กกลับขอแค่ให้เขาวาดรูปเหมือนของตัวเองเป็นของขวัญเท่านั้นมันเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาชอบมากกว่าเป็นการที่ตอบแทนอย่างจริงจังและสิ่งเหล่านี่แหละที่เขาเรียกมันได้เต็มปากว่ามันคือความอบอุ่นที่เขาโหยหายมานานความอบอุ่นและความเข้าใจ

“แกแน่ใจนะว่าที่พี่เขาเข้ามาเพราะไม่ได้มาหลอกให้แกเปย์นะ?”

“ค่อยๆ ดูไปแล้วกันนะคุน”

เมื่อเขากับพี่ดาร์กเริ่มสนิทกันมากขึ้นแจงกับพอลต่างมาเตือนเขาด้วยความเป็นห่วงเขารู้ว่าครอบครัวพี่ดาร์กมีฐานะที่ค่อนข้างจะลำบากแต่เขามั่นใจว่ามันไม่ใช่เพราะว่าที่บ้านเขามีเงินพี่ดาร์กเลยเข้ามาเพราะวันที่เราสองคนคุยกันถึงเรื่องครอบครัวพอพี่ดาร์กรู้ว่าบ้านของเขามีโรงงานพี่ดาร์กถึงกับเงียบใส่และนั้นก็ทำให้เขารู้ว่าพี่ดาร์กเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาคือใครตอนที่ตัดสินใจเดินเข้ามาจีบ

แต่ทุกคนก็ไม่ได้มีต้นทุนที่สวยงามกันทุกคนแล้วคนที่ต้นทุนไม่ดีเท่าคนอื่นต้องเป็นคนรักที่ไม่ดีเสมอไปเหรอ? เพราะแบบนี้เขาจึงเชื่อในสิ่งที่เขาเห็นมากกว่าเพราะตั้งแต่พี่ดาร์กเดินหน้าจีบเขามาพี่ดาร์กยังไม่เคยเอ่ยปากขออะไรกับเขาเลยสักอย่างแค่นี้ก็น่าจะแสดงได้มากพอแล้วว่าพี่ดาร์กไม่ได้เข้ามาหาเขาเพราะเงินอย่างที่คนอื่นเป็นห่วงกัน


“พี่ดาร์กวันนี้คุนอยู่คุยด้วยนานไม่ได้นะ”

“ทำไมมีอะไรรึเปล่า?”

“คุนทำเงินของรุ่นหาย”

“เท่าไหร่?”

“สามหมื่นครับ”

“เฮ้ย คิดดีๆ เอาไปไว้ไหน ลองนึกดูสิครั้งสุดท้ายเราเก็บไว้ที่ไหน?”

“คุนคิดดีแล้วหาทั่วแล้วพี่มันคงหายแล้วละ”

“แล้วคุนมีเงินใช้คืนไหม?”

“คุนไม่อยากขอแม่ เงินเก็บคุนเองก็มีไม่มากพอ”

“บอกพี่เขาไปเลยแล้วแกก็ตัดใจซะแค่แกบอกว่ามีปัญหาเรื่องเงินก็เปิดตูดหนีแล้วนี่เขาคงคิดว่าแกแก้ปัญหาได้แล้วถึงได้กลับมาไม่ก็สงสัยคิดออกว่าถ้าเลิกจีบแกไปแล้วอาจจะหาเหยื่อยรายใหม่ไม่ได้”

เรื่องเงินหายมันเป็นแผนลองใจที่แจงคิดขึ้นมาเป็นธรรมไม่ได้อยากทำแต่ด้วยความอยากให้เพื่อนเห็นว่าพี่ดาร์กไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิดเขาจึงยอมเล่นไปตามน้ำแต่หลังจากเขาบอกกับพี่ดาร์กว่าเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้เงินของชมรมหายพี่ดาร์กก็หายหน้าไปจากเขาเลยมีบ้างที่ส่งเมสเสจมาบอกว่าให้ใจเย็นๆ ไม่ต้องเครียดซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกผิดหวังเหมือนกันนะเพราะเขาเองก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผลลัพธ์ออกมาจะเป็นแบบนี้แต่แล้วในวันที่ 4 พี่ดาร์กก็มายืนรอเขาที่หน้าคณะที่เดิม

“พี่ดาร์ก” “คุณ”

“คุนพูดก่อน”

“พี่หายไปไหนมา?”

เพราะเป็นธรรมรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเริ่มรู้สึกดีกับพี่ดาร์กเพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาเหมือนได้คนรู้ใจมาหนึ่งคนพี่ดาร์กคือคำตอบที่เขามันเลยไม่ง่ายสำหรับเขาเลยที่จะพูดออกไปว่า ‘ต่อไปนี้พี่อย่ามาอีกเลย’ เขาเลยยังคงอยากถามเผื่อว่าคำตอบของพี่ดาร์กอาจจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิดก็ได้

“พี่เอามาให้มันยังไม่ครบนะแต่พี่เอามาให้ก่อนส่วนนึงคุนลองเอาไปพูดกับเพื่อนในรุ่นดูก่อนแล้วกัน”

พี่ดาร์กยืนซองสีขาวที่ถูกรัดด้วยหนังยางมาให้พอเขาเปิดซองดูเขาไม่สามารถที่จะบังคับให้มือของตัวเองหยุดสั่นได้เลยเพราะในซองนั้นเต็มไปด้วยแบงค์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบงค์พันแบงค์ร้อยหรือแบงค์ยี่สิบ

“ในนั้นมีอยู่ประมาณหมื่นเก้าพี่ไปทำงานเพิ่มมาพอมารวมกับเงินเก็บมันก็ได้ประมาณนี้จริงๆ มันต้องมากกว่านี้แต่พอดีช่วงนี้พี่มีรายงานที่ต้องทำมันค่อนข้างใช้เงินพี่เลยให้เราได้เท่านี้ก่อนเดี๋ยวพี่จะพยายามหามาสมทบทุนให้อีกนะ”

ยิ่งพี่ดาร์กพูดเป็นธรรมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโง่ที่คิดลองใจคนที่ตัวเองเชื่อมั่นแถมยังทำให้อีกคนลำบากไปพยายามหางานทำเพิ่มโดยที่ไม่จำเป็นเลยสักนิดสิ่งที่เขาคาดหวังจากเกมส์ลองใจบ้าๆ นี้ก็แค่เพียงแค่อยากจะรู้ว่าพี่ดาร์กจะยอมสละเวลางานที่ต้องไปทำในช่วงเย็นมาช่วยเขาคิดแก้ปัญหาไหมว่าจะทำยังไงแต่มาดูที่ในวันนี้สิเขาได้อะไรมาบ้างเขาได้ทั้งแรงกายและแรงใจของผู้ชายคนนี้

แค่คิดมาถึงตรงนี้เขาก็ต้องนั่งยองลงกับพื้นกอดเงินเอาไว้กับอกก้มหน้าร้องไห้ออกมาเพราะเขาไม่สามารถยืนสู้หน้าพี่ดาร์กต่อไปได้อีกแล้ว

“คุนเป็นอะไร? รุ่นรีบใช้เงินเหรอ? ไม่ร้องนะเอางี้เดี๋ยวพี่จะลองไปหยิบบืมมาให้นะ”

พี่ดาร์กย่อตัวลงมานั่งตรงหน้าเอื้อมมือมาแตะที่ไหล่ของเขาเพื่อเป็นการให้กำลังใจพอเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ดาร์กอีกครั้งพี่ดาร์กก็เอามือมาเกลี่ยรอยน้ำตาที่แก้มออกให้

“พี่ดาร์ก”

“ครับ?”

“เป็นแฟนกับคุนไหม?”

สุดท้ายเป็นธรรมก็เล่าความจริงให้พี่ดาร์กฟังเล่าไปก็กลัวไปว่าพี่ดาร์กอาจจะโกรธจนสถานะแฟนที่เพิ่งได้มาอาจจะถูกยึดคืนแต่แล้วพี่ดาร์กกลับบอกว่า

“ก็ดีแล้วไงที่คุนกับเพื่อนคิดอะไรซับซ้อนแบบนี้พี่เลยได้เรามาเป็นแฟน”

ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ไม่มีวันไหนที่พี่ดาร์กจะทำให้เขาเสียใจเลยไม่เคยมีเรื่องนอกใจหรือนอกกายจนทั้งแจงทั้งพอลจากที่จับผิดมาตลอดยอมยกเลิกและยอมรับความสัมพันธ์นี้เพราะเห็นถึงความมั่นคง

เป็นธรรมยิ้มให้กับความทรงจำที่พุดขึ้นมาหลังจากที่เขาเห็นดอกไม้ช่อนี้แล้วก็กดปุ่มโทรด่วนออกหาเจ้าของช่อดอกไม้ที่ตอนนี้หายตัวไปแล้ว

“ฮัลโหลพี่ดาร์กทำไมวันนี้รีบออกไป?”

“คุนเห็นดอกไม้แล้วเหรอ?”

“ใช่แล้ว”

“พี่ไม่รู้นึกว่าเราจะแวะไปโรงเรียนก่อนพี่เลยไม่ได้อยู่รอเจอ”

“คุนไม่ได้บอกเพราะคิดว่าตัวเองจะมาทันพี่ลงทุนตื่นแต่เช้างั้นเอาไว้เย็นนี้คุณชดเชยให้นะคุณโชว์ฝีมือเอง”

“ได้พี่จะกินให้อิ่มเลย”

“ข้าว?”

“คุนนั้นแหละ”

“ไม่ใช่กลับถึงห้องกินข้าวฝีมือของคุนจนอิ่มแล้วก็ง่วงนอนเป็นคนแก่เหรอครับ?”

“อย่าดูถูกพี่ เดี๋ยวน้องจะเจ็บตัว”

“แล้วเมื่อสองวันก่อนใครเป็นแบบนั้น?”

“คุน”

“ฮ่าๆๆๆ ครับๆ กลัวแล้ว ไม่ต้องกดเสียงต่ำก็ได้ครับเดี๋ยวเย็นนี้เจอกัน”

“มื้อเย็นพี่ขอเป็นผัดไทยนะ”

“ได้ครับพี่ดาร์ก”

“โอเคงั้นเจอกันเย็นนี้”

“พี่”

“ว่า?”

“คุนรักพี่นะ”

“…..”

“ฮัลโหล พี่ดาร์ก?”

“พี่ก็รักคุนครับ”

หลังจากเป็นธรรมเคลียร์งานจบก็ตรงไปที่ซุปเปอร์เดินเลือกซื้อพวกอาหารสดเตรียมกลับไปทำผัดไทยทะเลที่เป็นของชอบของพี่ดาร์กวันนี้เป็นวันพิเศษเขาเลยอยากขอเพิ่มบรรยากาศด้วยไวน์แดงแล้วค่อยตรงกลับไปเตรียมของที่ห้องพี่ดาร์กโชคดีที่วันนี้งานเสร็จเร็วเขาถึงสามารถอ้อยอิ่งเดินเลือกไวน์ที่ชอบได้

“มาถึงนานแล้วเหรอคุน?”

“นานแล้ว พี่ดาร์คอาบน้ำก่อนแล้วกันเดี๋ยวคุนอุ่นแป้ปเดียวออกมาจะได้พร้อมกิน”

“ครับ แฟนใครหอมจังมานี่สิ”

“ถ้าอยากหอมบ้างก็ต้องไปอาบน้ำ”

“ครับๆ”

“เออ ใช่พี่ตึกนี้นะมีคนชื่อเหมือนพี่ด้วยนะ”

“หื้ม จริงเหรอ? เราไปรู้ได้ไง?”

“ก็วันนี้ตอนคุนมาถึงคุนโดนคนดูตึกเรียกเอาไว้บอกว่ามีคนมาส่งของให้พี่ดาร์กคุนเกือบเซ็นท์รับแทนพี่แนะแต่พอดูนามสกุลก็เลยรู้ว่าไม่ใช่ของพี่แม้จะชื่อเดียวกันก็เถอะ แต่คนที่มาส่งของเขาก็ยืนยันว่าคนชื่อนั้นอยู่ที่ห้องนี้”

“…”

“พี่ดาร์กเป็นอะไรรึเปล่า?”

จู่ๆ พี่ดาร์กก็หน้าซีดพร้อมยังกำเสื้อของเขาแน่นเขาก็มัวแต่ชวนคุยลืมคิดไปเลยว่าพี่ดาร์กอาจจะกลับมาเหนื่อยๆและอยากพักเขาเลยเตรียมผละตัวออกเพื่อที่จะจัดอาหารแต่แล้วพี่ดาร์กลับดึงตัวของเขาเอาไว้

“แล้วคุนไม่คิดว่าเป็นพี่บ้างเหรอไง? อาจจะเป็นพี่ก็ได้นะ”

“นามสกุลแฟนคุน คุนก็ต้องจำได้สิถ้าพี่ดาร์กไม่ได้มีเป็นสิบนามสกุลละนะ”

“นี่พี่คนนะจะมีนามสกุลอะไรเยอะแยะ”

“แล้วคุนจำนามสกุลคนที่ชื่อเหมือนพี่ไหม?”

“จำได้ครับ”

“เขาชื่ออะไรเหรอ?”

“คนนั้นชื่อ ทรงจำ นามสกุล สุทธิวงค์ แต่ไม่ต้องห่วงยังไงนามสกุลของพี่ดาร์กก็เท่ห์กว่าอยู่แล้ว ทรงจำ รัตติกาล อันนี้สิเท่ห์สุด”

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2018 06:22:30 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 8 - 19/01/2017
«ตอบ #17 เมื่อ19-01-2017 20:56:15 »

โดยส่วนตัวเชื่อว่าถึงไม่ทำอะไร กรรมจะทำหน้าที่ของมันเอง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเสียสุขภาพจิตเสียคุณความดีที่เคยทำมาเพื่อการแก้แค้นหรอกค่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 8 - 19/01/2017
«ตอบ #18 เมื่อ23-01-2017 18:21:08 »

บทที่ 9 Rewrite


งานล็อตแรกที่ทางโรงงานทำออเดอร์ส่งมิสเตอร์เว่ยเป็นไปได้ด้วยดีสินค้าไม่มีปัญหาแถมยังส่งตรงเวลานั้นยิ่งทำให้มิสเตอร์เว่ยตัดสินใจสั่งงานกับเราในล็อตต่อไปซึ่งเป็นล็อตที่ใหญ่กว่าเดิม

“พี่ดาร์กคุนว่าคุนจะเพิ่มโบนัสให้กับพนักงานพี่ดาร์กคิดว่าดีไหม?”

“ทำไมคุนถึงคิดจะให้โบนัสกับพวกเขาละ? ในเมื่อพวกเขาก็ทำงานเหมือนเดิมใครที่ทำงานเพิ่มเราก็ให้ค่าโอทีเป็นการตอบแทนแล้วไง?”

“มันก็ใช่พี่แต่เขาจะได้มีความอยากทำงานกับเราไปเรื่อยๆ ไงคนงานเดี๋ยวนี้หาไม่ได้ง่ายเลย”

“พี่ตามใจเราเลย”

“แต่คุนอยากถามพี่ก่อน คุน … ไม่ค่อยได้ตัดสินใจเรื่องพวกนี้”

พี่ดาร์กยิ้มและเอามือขึ้นลูบหัวของเขาเล่นการกระทำนี้ทำให้เป็นธรรมรู้สึกอบอุ่นได้ทุกครั้งเขาเลยขอความอบอุ่นเพิ่มขึ้นโดยการทิ้งตัวลงนอนแล้วเอาหัววางลงที่หน้าตักของพี่ดาร์ก พี่ดาร์กเปลี่ยนจากลูบเล่นมาเป็นนวดขมับทั้งสองข้างให้เขาจึงหลับตาซึมซับเอาความสบายนี้ใส่ตัว

นี้คือวันแรกที่เราสองคนมีวันหยุดตรงกันก่อนจะถึงวันหยุดเป็นธรรมวางแผนเป้นร้อยอย่างว่าอยากทำอะไรแต่เอาเข้าจริงตอนนี้เขาสองคนก็แค่กำลังนั่งเล่นกันที่สวนหน้าบ้านเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์จะให้ออกไปไหนก็คงไม่ไหว

“เอาสิพี่ว่าที่เราพูดมาก็ดีลองให้คุณกี้เสนองบมาแล้วกันพี่จะช่วยดู”

“ขอบคุณครับ”

“เอ่อ คุน”

“ว่า?”

“คุนว่าถ้าแม่รู้ว่าเราจะเพิ่มโบนัสเพิ่มกับพนักงานแม่จะเห็นด้วยไหม?”

“แม่ว่าคงไม่ว่าอะไรถ้าอธิบายแม่ก็คงให้และเห็นแบบนี้แม่รักพนักงานนะรู้ไหม? แม่น่ะ โอ๊ย พี่ดาร์กคุนเจ็บ”

“ขอโทษๆ พี่กะน้ำหนักมือพลาดเจ็บมากไหมครับ?”

“ไม่ๆ คุนโอเค”

“ไหนๆ ก็คุยเรื่องงานพี่ขอแหกกฎที่ว่าห้ามคุยเรื่องงานในวันหยุดแล้วกันนะเมื่อวานพี่ได้อีเมลล์ติดต่อกลับมาจากทางเกาหลีแล้วนะ”

“จริงเหรอพี่??!! เขาว่ายังไงบ้าง? เขาโอเคไหม?”

“ใจเย็นๆ”

“ก็คุนตื่นเต้น”

เป็นธรรมละความสบายที่ได้รับเด้งตัวขึ้นมานั่งมันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าโรงงานของเราจะมีโอกาสขยายตลาดไปอีกหนึ่งประเทศก่อนหน้านี้ทางเกาหลีเงียบไปตั้งหลายเดือนก็นึกว่าจะไม่เลือกเราซะแล้ว

“ยังไม่ถึงขั้นว่าตกลงเป็นเรื่องเป็นราวนะเหมือนเขาแค่อยากดูผลงานอยากคุยกับทางเราก่อนเหมือนเขาให้โอกาสเราเข้าไปเสนองานพี่เลยจะลองถามว่าคุนอยากลองไหม? เพราะครั้งนี้โอกาสมันน้อยกว่าครั้งมิสเตอร์เว่ยอีกแถมเราคงต้องเป็นคนบินไปเสนองานถึงที่นั้น”

“คุนโอเค”

“คุนแน่ใจนะ? เพราะมันเท่ากับว่าคุนจะมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ยังไม่เห็นผล”

“คุนยอม นะพี่ดาร์กทำเถอะ”

“โอเคๆครับ ทำๆ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะตอบเมลล์ตกลงเขาไปจะขอเข้าไปพบอย่างเป็นทางการ”

“พี่ดาร์ก”

“หื้อ?”

“ถ้าเราได้ไปเราไปก่อนวันประชุมเหมือนเราไปที่พม่าอีกได้ไหม? ไปออกเดทต่างประเทศกันอีกสักทีนะพี่”

“ได้สิครับ”

มื้อเย็นวันนี้มีแต่เขากับพี่ดาร์กเนื่องจากแม่ออกสายทำบุญพี่ดาร์กรู้ล่วงหน้าเลยเตรียมชุดทำงานของพรุ่งนี้มาเพื่อนอนค้างที่บ้านเป็นเพื่อนแถมวันนี้พี่ดาร์กยังใจดีเยอมป็นพ่อครัวลงมือทำมื้อเย็นให้เขากินอีกด้วย

“คุนไปไหนมาละ? พี่ออกมาจากห้องน้ำตั้งนานแล้วคุนเพิ่งกลับเข้ามาไปเช็คข้างล่างมาเหรอ?”

“คุนไปไหว้พ่อมานะ”

“ที่ห้องพระนะเหรอ?”

“ครับ”

เป็นธรรมเดินขึ้นเตียงโถมตัวเข้ากอดพี่ดาร์กที่กำลังนั่งพิงกับหัวเตียงอ่านหนังสือแล้วค่อยเอาหัวไปอิงที่ไหล่อาจจะเป็นเพราะเขาเพิ่งเข้าไปไหว้อัฐิของพ่อมาเลยรู้สึกต้องการอยู่ใกล้กับคนที่ให้ความอบอุ่นได้เหมือนพ่อ

“ไงเราเป็นอะไรไป?”

“คุนเข้าไปคุยกับพ่อมาไปเล่าให้พ่อฟังว่าตอนนี้เราก้าวไปไกลอีกขั้นแล้วถึงขนาดที่ว่าโรงงานที่พม่าสั่งออเดอร์เพิ่มและก็เรื่องแผนที่กำลังจะไปเกาหลีคุนเข้าไปขอให้พ่อเอาใจช่วยขอให้ทำสำเร็จ”

“แล้วถ้ามันไม่สำเร็จคุนว่าพ่อของคุนจะเสียใจไหม?”

“อื้มมมมถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู่นะเหรอ? พ่อก็คงเศร้ามั้งไม่รู้สิพี่พ่อจากไปตั้งแต่คุนยังไม่โตคุนเดาทางพ่อไม่ออกหรอกแต่ถ้าเป็นแบบที่แม่เล่าว่าพ่อรักโรงงานมากสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อให้โรงงานโตขึ้นและมีอยู่แบบนั้นคุนคิดว่าพ่อก็คงเสียใจละมั้ง”

“ทำอะไรก็ได้ มิน่าละ”

“มิน่าอะไร?”

“มิน่าละคุนถึงได้รักโรงงานแทนพ่อขนาดนี้”

“ใช่แล้ว”

พี่ดาร์กวางหนังสือลงพร้อมทั้งจับตัวเขาให้ขยับมานั่งอยู่บนหน้าขาช่วงที่สบตากันถ้าเขามองไม่ผิดแว้บนึงเขาเห็นสายตาของคนที่กำลังโกรธแต่เขาคงตาฟาดเพราะพี่ดาร์กจะมีอารมณ์โกรธจากเรื่องอะไร

“พี่ไม่ได้กอดคุนมานานแค่ไหนแล้ว? พี่คิดถึง”

“คุนก็คิดถึง”

“งั้นคุนเริ่มสิพี่ก็อยากรู้ว่าคุนคิดถึงกอดของพี่มากแค่ไหน”

เป็นธรรมใช้ร่างกายบอกกับพี่ดาร์กว่าเขาคิดถึงอ้อมกอดของพี่ดาร์กมากขนาดไหนแต่ดูเหมือนการบอกของเขามันจะช้ากว่าที่พี่ดาร์กต้องการพี่ดาร์กจึงดึงเข้าไปจูบแต่มันเป็นจูบที่รุนแรงจนเขาต้องร้องห้าม

“พี่ดาร์กเบาๆ คุนเจ็บ” เสียงของเขาทำให้พี่ดาร์กยอมผละจากริมฝีปากของเขาแต่เปลี่ยนไปไล่กัดไปตามหัวไหล่และตรงหน้าอกจนเขารู้สึกแสบไปหมด

“โอ๊ยพี่”

แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเสียงของผมไปไม่ถึงหูของพี่ดาร์กเลยสักนิดตามตัวของเขาที่พี่ดาร์กกำลังใช้มือสัมผัสนั้นมันไม่ได้เป็นการลูบไล้แต่มันเป็นการบีบที่ทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่ารู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปด้วย

“เดี๋ยวพี่ดาร์ก”

เป็นธรรมพยายามที่จะเบี่ยงตัวหนีเมื่อเขาเริ่มรู้สึกว่าอะไรผิดปกติแต่ยิ่งพยายามก็เหมือนเพิ่มอารมณ์โกรธให้กับพี่ดาร์กแต่เขาก็เสียเปรียบเพราะพี่ดาร์กกดตัวเขาเอาไว้แน่นและความกลัวก็เริ่มมากขึ้นเมื่อพี่ดาร์กดึงกางเกงของเขาลงพร้อมกับปลดซิบกางเกงของตัวเองโดยทำท่าจะบังคับจับเขานั่งลงบนส่วนที่แข็งขืนนั้น

“โอ๊ยคุนเจ็บ”

เป็นธรรมไม่เคยเจอพี่ดาร์กในโหมดนี้มาก่อนและเขาก็กำลังกลัวเขาทำทุกทางให้หนีจากตรงนั้นทั้งกัดทุบต่อยทุกอย่างจนเข้าหลุดจากแรงกักขังของพี่ดาร์กนั้นได้แต่ในช่วงที่เขาหันหลังพยายามก้าวลงจากเตียงพี่ดาร์กก็ดึงข้อเท้าเขาเอาไว้ทำให้เขาเสียหลักนอนคว่ำหน้าลงบนที่นอนจังหวะนั้นพี่ดาร์กก็เอาตัวตนที่ตื่นตัวสอดใส่เข้ามาในตัวของเขา เพราะไม่มีการเตรียมตัวประกอบกับเขาเกร็งตัวเต็มที่จึงทำให้พี่ดาร์กเข้ามาในตัวของเขาได้เพียงนิดเดียว

“คุนกลัวแล้วพี่ดาร์กคุนกลัวเจ็บๆ อย่า”

เป็นครั้งแรกที่เขาร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวจากการร่วมรักกับพี่ดาร์กที่ผ่านมาเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง และทันทีที่น้ำตาของเขาร่วงออกมาพี่ดาร์กก็หยุดการกระทำทุกอย่างลง

“คุน”

พี่ดาร์กยอมถอนตัวตนของตัวเองออกจากตัวของเขาและทันทีที่ดาร์กก้มลงไปมองที่ช่องทางด้านหลังของเขาหน้าของพี่ดาร์กก็ซีดลง

“เลือด”

เป็นธรรมพยายามที่จะลุกขึ้นนั่งแต่ว่าความเจ็บที่เกิดขึ้นทางช่วงล่างทำให้เขานอนลงอย่างเดิมพี่ดาร์กเดินหายไปที่ห้องน้ำเดินกลับมาอีกทีพร้อมผ้าที่ชุบน้ำเรียบร้อยมาทำความสะอาดให้เขา

“พี่ๆ พี่”

พี่ดาร์กเอาแต่ย้ำเรียกตัวเองอยู่อย่างนั้นมือของพี่ดาร์กสั่นตอนที่เอื้อมมันขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากตาให้กับเขาและถึงแม้ว่าน้ำตาของเขาจะแห้งออกไปแล้วพี่ดาร์กยังคงเช็ดซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนเขาต้องเอามือของตัวเองขึ้นไปจับซ้อนที่มือของพี่ดาร์กเอาไว้

“คุนไม่เป็นอะไรแล้ว คุนไม่เจ็บแล้ว พี่ดาร์กเป็นอะไรรึเปล่า? บอกคุนเถอะนะ”

คำพูดของเป็นธรรมทำให้หน้าที่เช็ดน้ำตากลายเป็นหน้าที่ของเขาเมื่อพี่ดาร์กเป็นฝ่ายปล่อยน้ำตาไหลลงมาอาบทั้งสองแก้ม

“ไม่เป็นไรนะพี่ดาร์กไม่เป็นไร”

“พี่ขอโทษ”

พี่ดาร์กก้มลงดูแผลของเขาอีกครั้งแต่ครั้งนี้พี่ดาร์กเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและหยิบเอาเสื้อหนาวที่ยาวพอจะคลุมเขาได้ทั้งตัวออกมา

“เราต้องไปหามอ”

“พี่ไม่เป็นไรมั้ง เดี๋ยวนอนพักก็คงหาย”

“ยังไงก็ต้องไปแค่ขยับตัวคุนก็เลือดออกอีกแล้วไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพี่เข้าห้องตรวจด้วยคุณไม่ต้องตอบอะไรเลยเดี๋ยวพี่ตอบเอง”

โชคดีที่แผลไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงคุณหมอจึงจ่ายยาทาและยาทานมาบางส่วนและให้กลับบ้านได้แต่ถ้าอาการแย่ลงให้รียกลับไปตอนที่มาถึงบ้านพี่ดาร์กแทบจะอุ้มเขาขึ้นมาบนห้อง

“ยามันต้องทาไปสักสองสามวัน งั้นช่วงนี้พี่มานอนบ้านคุนดีกว่า”

“แม่งงแน่เลยพี่ว่าทำไมพี่มาค้างติดๆ กัน ไปนอนห้องพี่ดาร์กได้ไหม?”

“ห้องพี่อะไรคงไม่สะดวกเหมือนที่บ้านของคุนอีกอย่างพรุ่งนี้คุนคงไปทำงานไม่ไหวถ้าได้พักที่บ้านพี่จะสบายใจมีคนดูคุนตลอดเวลา”

“พี่ดาร์กเว่อร์ละคุนแค่เจ็บนิดเดียวทำอย่างกับเจ็บหนัก”

“ยังไงก็เจ็บ เดี๋ยวพอพรุ่งนี้เลิกงานพี่จะกลับไปที่ห้องไปเอาเสื้อผ้ามาแล้วกัน”

“โอเคครับ”

ฤทธิ์ของยาทำให้เป็นธรรมง่วงและเคลิ้มหลับในฝันเขาได้ยินเสียงพี่ดาร์กพูดมาจากที่ไกลๆ กล่าวย้ำขอโทษอยู่ซ้ำๆ ที่ทำให้เขาเจ็บตัวเพราะเจ้าตัวไม่เคยมีเจตนาทำร้ายร่างกายเลยสักนิดแต่มันเป็นความผิดของเขาเองที่ดันพูดเรื่องไม่จริงกับเขาเรื่องไม่จริงเรื่องอะไรเขาไม่เคยโกหกพี่ดาร์กสักนิด

“คุนเปล่านะ” เป็นธรรมฝืนขยับปากเพื่อโต้แย้งแม้ว่าตัวเองกำลังหลับตาอยู่เพราะไม่อยากให้พี่ดาร์กเข้าใจผิด

“หลับซะคุน”

ไม่น่าเชื่อว่าในสุดท้ายก็เป็นอย่างที่พี่ดาร์กคาดการณ์เอาไว้เขาไม่สามารถไปทำงานได้จริงๆ ไม่ใช่วาเขาป่วยหนักไข้ขึ้นอย่างที่พี่ดาร์กกังวลแต่มันเป็นเพราะเขายังไม่สามารถเดินหรือนั่งดีๆ ได้นานเขาเลยตัดสินใจนอนพักให้อาการดีขึ้น

“อื้ออ พี่ดาร์กกลับมาแล้วเหรอ? กี่โมงแล้ว”

“สามทุ่มแล้วครับพี่ทำคุนตื่นเหรอขอโทษ”

“เปล่าๆ คุนไม่ได้จะนอนจริงจังแค่งีบทำไมกลับช้าละพี่งานเยอะมากเหรอ?”

“พี่แวะเข้าไปงานที่โรงเรียนมาให้คุนด้วยเผื่อพรุ่งนี้คุนยังไม่หายดีจะได้นั่งดูรายงานพวกนี้ไป”

“ขอบคุณครับ”

“วันนี้พี่ส่งอีเมลล์ไปคอนเฟริ์มกับทางเกาหลีแล้วนะถ้าไม่ติดอะไรอีก 2 อาทิตย์เราสองคนก็บินไปได้”

“ดีจังพี่ดาร์ก”

เป็นธรรมนอนดูพี่ดาร์คถอดไทค์ออกวางของเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำแล้วก็ทำให้เขานึกสิ่งนึงออกมาได้

“พี่ดาร์ก”

“ว่าไงครับ?”

“ถ้าปิดงบประมาณแล้วปีนี้เราได้กำไรอีกเราไปดูของเรากันเถอะนะ”

“ของอะไร?”

“คุนอยากอยู่กับพี่แล้ว นะเราไปดูบ้านกัน”

“ไว้ปิดงบแล้วมันได้กำไรแล้วเราค่อยว่ากัน”

“ครับบบ”

เป็นธรรมยังคงต้องพักต่ออีกวันนึงถึงจะพร้อมเข้าไปทำงานอย่างเต็มที่วันที่เขาเริ่มทำงานก็เป็นวันที่ทางเกาหลีตอบกลับมาและตกลงเรื่องที่เราขอไปพบเขาจึงรับหน้าที่เตรียมเอกสารนี้เอง

“ตื่นเต้นจังพี่”

“พี่เดินผ่านโต๊ะเรากี่รอบก็เห็นแต่หน้าจอรีวิวเที่ยวเกาหลี สรุปนี่เอาไงไปทำงานหรือไปเที่ยวกันแน่?”

“ก็ขอสักนิดไม่ได้เหรอพี่คุนไม่เคยไปนิ ไม่ต้องห่วงนะงานเสร็จแล้วหาข้อมูลเที่ยวได้”

“ไหนดูสิมีที่ไหนน่าสนบ้าง”

พี่ดาร์กเดินไปลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งคู่กันเพื่อมานั่งดูโปรแกรมเที่ยวที่เขาร่างเอาไว้พยายามจดหาข้อมูลเอาไว้และเมื่อพี่ดาร์กแย่งเม้าท์จากมือของเขาไปเลื่อนดูข้อมูลต่างๆ เขาเลยรีบพูดแก้ตัวของครั้งที่แล้ว

“ครั้งนี้ไม่ต้องไปจ้างไกด์อะไรแล้วนะเกาหลีอะมีคนไปเองได้เยอะแยะการเดินทางมันสะดวกให้คุนได้แสดงฝีมือเถอะนะ”

“โอเคๆ คุนดูให้เต็มที่เลยที่สำคัญคือเรื่องเดินทางนะห้ามลืมว่าต้องเดินทางยังไง”

“แน่นอนคุนจะไม่ให้หลงเลยละ”

“เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกันครั้งนี้มันอาจจะไม่เหมือนกับครั้งที่พม่า”

“คุนรู้น่าแต่พี่ดาร์กไม่ต้องกังวลนะถ้าเราไม่ได้สัญญากลับมาก็ไม่เป็นไรจริงๆ” เป็นธรรมหันไปยิ้มให้กำลังใจกับพี่ดาร์กก่อนที่เขาจะหันกลับมาดูโปรแกรมเที่ยวเกาหลีต่อ

ก่อนเดินทางเขากับพี่ดาร์กใช้เวลาวันหยุดมาซื้อเสื้อผ้าเตรียมตัวไปเกาหลีในอีก 3 วันข้างหน้าแต่ในขณะที่เขากับพี่ดาร์กกำลังเดินเลือกซื้อเสื้อกันหนาวกันจู่ๆ พี่ดาร์กก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าในไทยเจ้านึงที่สั่งงานผลิตเสื้อกับเราบอกให้พี่ดาร์กเข้าไปพบด่วน

“สวัสดีครับไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึครับ?”

เพราะเสียงของอีกฝ่ายในโทรศัพท์ร้อนรนพร้อมเน้นคำว่าด่วนพี่ดาร์กกับเขาเลยตัดสินใจไม่ถามอะไรแต่ออกมาจากห้างและตรงมาพบกับลูกค้าแทน

“สวัสดีครับคุณทรงจำและคุณเป็นธรรมมาทั้งคู่ก็ดีครับผมจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นไม่ทราบว่าคุณทั้งสองคนจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงครับ?”

ลูกค้ารายใหญ่ยื่นพวกรูปเสื้อต่างๆ มาให้แก่เราทั้งคู่ดูแต่แว้บแรกที่เห็นเป็นธรรมก็จำได้ว่ามันคือลายที่โรงงานของเราผลิตและเพิ่งจะส่งสินค้าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

“สินค้าล็อตนี้ผมเป็นคนตรวจ QC ไม่ทราบว่าติดปัญหาตรงไหนรึเปล่าครับ?”

“นี่พวกคุณไม่รู้จริงๆ หรือแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้กับสิ่งที่ทำลงไป”

“ผมต้องขอบอกว่าว่าจนถึงตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจว่าคุณต้องการจะบอกอะไรกับพวกเราด้วยรูปพวกนี้”

“ปัญหาที่เราเจอคือสินค้าพวกนี้ถูกวางก้อปขายอยู่ตามตลาดนัดที่ไม่ใช่ร้านของที่ร้านเราส่งไป”

“แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่ามันมาจากที่โรงงานของผม”

จากที่นั่งเงียบแล้วปล่อยให้พี่ดาร์กเป็นคนพูดคุยกับลูกค้าเป็นธรรมก็ทนไม่ไหวพูดแทรกขึ้นมาเมื่อลูกค้าพูดเหมือนแน่ใจแล้วว่าเสื้อที่เป็นของเลียบแบบมันหลุดออกมาจากโรงงานของเขาจะเป็นไปได้ยังไงตั้งแต่ที่เราทำงานกันมาเราเองก็ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้สักครั้ง

“เพราะผมได้ไปซื้อของเหล่านั้นมาเองกับมือครับและอย่างที่คุณเห็น”

ปัง ลูกค้าหยิบเสื้อทั้งสองตัวออกมาวางเอาไว้บนโต๊ะเพื่อให้เราทั้งสองคนได้เห็นแน่นอนว่าถ้ามองด้วยตาเปล่าอาจจะไม่รู้แต่ถ้าได้มองการเย็บการสกรีนรวมไปถึงการทำสัญลักษณ์เล็กน้อยที่ตัวเสื้อมันสามารถรู้ได้ทันทีว่ามันออกมาจากทางโรงงานของพวกเรา

“ผมขะ…”

ในเมื่อว่ามั่นใจว่ามาจากทางโรงงานของเราเป็นธรรมเลยอยากจะพูดขอโทษอย่างน้อยเพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าเราเองก็จริงใจและบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ทำของออกมาเกินและวางขายแต่พี่ดาร์กก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อนเขาจึงไม่ได้เอ่ยขอโทษ

“ทางผมไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไงและเป็นของทางเราจริงรึเปล่าเพราะเดี๋ยวนี้วิวัฒนาการของการทำเสื้อมันก็มีไม่ต่างกันอย่างไรแล้วผมขอเสื้อทั้งสองตัวนี้กลับไปพิสูจน์ดูแล้วทางเราจะรีบติดต่อกลับมาทันทีที่ได้ผลครับ”

“ผมไม่ได้แคร์ว่าคุณจะเป็นคนทำหรือใครทำแต่เสื้อมันมีการหลุดออกมาซึ่งผมเชื่อมั่นว่ามันเป็นมาจากต้นทางของคุณเพราะทางเราเองยังไม่ได้วางขายที่ห้างเลยด้วยซ้ำแบบมันออกไปก่อนที่จะวางขายจะมีกี่เรื่องที่จะทำให้มันหลุดไปได้ถ้าไม่ใช่เพราะโรงงานทำเตรียมเอาไว้เลียนแบบอยู่แล้ว?”

“แต่ยังไงผมก็คงต้องขอเวลาก่อนครับ”

“เอาละที่ผมจะพูดคือถ้ามันพิสูจน์แล้วมันเป็นของมาจากโรงงานคุณจริงๆ คุณก็ต้องถูกปรับตามสัญญา”

“ครับ”

เราทั้งสองคนรีบตรงกลับมาที่โรงงานเอาของที่ลูกค้าให้มากลับมาดูอีกครั้งและมันก็เป็นอย่างที่ลูกค้าพูดเสื้อผ้าเหล่านี้หลุดออกมาจากโรงงานของเราจริงๆ

“เราคงต้องรับผิดชอบ พี่ค่อนข้างมั่นใจว่ามันออกมาจากทางเรา”

“คุนก็มั่นใจ”

“เดี๋ยวพี่จะเข้าไปอ่านสัญญาแล้วก็จะลองคิดเรื่องค่าเสียหายคร่าวๆ ดูว่ามันเป็นยังไงเท่าไหร่แล้วคงต้องรีบติดต่อเขากลับไปยิ่งช้าเราจะดูเหมือนว่าเราไม่รับผิดชอบ”

“พี่ดาร์กคุนอยากรู้ว่าใคร”

“พี่ก็อยากรู้เพราะเราก็คงต้องดำเนินการอะไรสักอย่างกับคนงานที่เป็นคนทำเพราะปล่อยเอาไว้ในโรงงานเราก็คงไม่ได้เราคงต้องทำไปทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน”

“แต่เราจะรู้ได้ไงละพี่ว่าใคร?”

“พี่คงต้องไปสอบพนักงานทุกคนในโรงงานคุนต้องแยกสอบกับพี่”

“ครับ”

“แล้วคุนอัดเสียงไว้นะว่าใครตอบอะไรยังไงแล้วเดี๋ยวเราค่อยมาฟังพร้อมกันอีกครั้ง”

“พี่ดาร์ก”

“ครับ?”

“มันจะโอเคใช่ไหมพี่?”

“ใช่ มันจะโอเค”

“พรุ่งนี้พี่คงต้องไปขอประวัติที่ฝ่ายบุคคล คงต้องเอามาดูเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจ”

“ครับ”

การเรียกพนักงานเข้ามาสอบถามเกิดขึ้นตั้งแต่เช้าแต่เขาก็ไม่ได้อะไรกลับมาส่วนพี่ดาร์กวันนี้ทั้งวันก็รีบตรงไปหาลูกค้าเพื่อเคลียร์เกี่ยวกับสัญญา

เป็นธรรมมองไปทั่วโรงงานเพื่อพักเหนื่อยจากการสอบถามเขาก็เหลือบไปเห็นว่าโรงงานมีกล้องวงจรปิดอยู่ตามมุมต่างๆ เขาจึงรีบโทรไปเสนอความคิดนี้กับพี่ดาร์ก

“คุนเราไม่รู้เลยว่าคนที่ทำทำวันไหนงานนี้เรารับมาเป็นเดือนช่วงที่เขาเริ่มผลิตกันพี่ก็ไม่อยู่เริ่มวันไหนจบวันไหนก็ไม่รู้มีแต่คนตอบประมาณๆ คุนคิดว่าคุนจะดูจบได้จริงๆเหรอ?”

“แต่ถ้าไม่ใช้วิธีนี้คุนก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว”

“เอาอย่างนี้วันนี้เรามาสอบที่เหลือพร้อมเอาประวัติมาดูถ้าทุกอย่างเรายังไม่สามารถหาเจอว่าใครเป็นคนทำเราจะมานั่งย้อนดูกล้องวงจรปิดกัน”

“แล้วทางนั้นเขาว่ายังไงบ้างพี่?”

“พี่ขอจ่ายผ่อนจ่ายค่าเสียหายเพราะมันเป็นเงินจำนวนมากพี่อธิบายกับทางนั้นไปแล้วว่าเราเป็นเงินหมุนเราไม่มีเงินก้อนให้ขนาดนั้นทางนั้นเขาก็โอเคเขาเข้าใจว่ามันอาจจะมีคนงานแอบทำขอแค่ว่าให้แน่ใจว่าเราทำลายแท่นขึ้นพิมพ์ลายของเขาให้หมดแล้วเขาจะยอมให้เราผ่อนจ่าย”

“ค่อยยังชั่ว”

แต่แล้วคำว่าค่อยยังชั่วของเป็นธรรมมันก็อยู่กับเขาได้ไม่นานเมื่อเขาต้องสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกเพราะเสียงโทรศัพท์เงยมองดูเวลานี่ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วมันคงต้องเป็นเรื่องด่วนมากเพราะพี่ดาร์กไม่เคยโทรหาเขาเวลานี้

 “ฮัลโหลพี่”

“คุนพี่มารออยู่หน้าบ้านเปิดประตูให้พี่เข้าไปที”

“เกิดอะไรขึ้นพี่?”

“เดี๋ยวพี่บอก”

ขึ้นมาถึงห้องนอนพี่ดาร์กก็ยื่นภาพเป็นสิบภาพให้เขาดูภาพมากมายที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้เขาล้มทั้งยืนเพราะลายที่เราให้คำสัญญาว่าจะทำลายแป้นพิมพ์ทิ้งดันมีวางขายที่อื่นเพิ่มขึ้นอีกแถมยังมีอีกหลายของอีกเจ้าที่เรารับงานมาทำถูกวางขายอยู่ข้างๆ กันอีกด้วย

“มันเกิดอะไรขึ้นพี่ดาร์ก มันเกิดอะไรขึ้น?”

“คุนใจเย็นๆ ใจเย็นๆ”

“พี่บอกคุนที”

“อันนี้เป็นของที่บังเอิญว่าคนของเราไปเจอก่อนตามตลาดที่พี่ส่งคนไปดูเราเห็นก่อนมันยังไม่ถูกวางขาย”

“แต่ถ้าลูกค้ารู้?”

“ยังเขายังไม่รู้พี่เก็บขึ้นมาได้ก่อนจะวางขาย ชู่ไม่เอาไม่ร้องคุณไม่ร้อง”

“คุนไม่เข้าใจมันเกิดอะไรขึ้นและถ้ามีอีกหลายลายละพี่? และถ้าเราไม่เจอก่อนแบบครั้งนี้ละพี่…พี่ดาร์ค”

“พี่รู้ๆ ที่พี่มาตอนดึกเพราะคืนพรุ่งนี้เราต้องเดินทางแล้ว”

“เราเลื่อนไม่ไปได้ไหมพี่? คุนไม่มีจิตใจจะไปแล้ว”

เรื่องแผนไปเกาหลีเขากับพี่ดาร์กได้มีการเลื่อนตั๋วไปแล้วครั้งนึงจากที่จะไปเที่ยวก่อนวันคุยงานเขาก็เปลี่ยนเป็นถึงที่นั้นเช้าของวันคุยงานและกลับในเย็นของวันรุ่งขึ้นโดยที่ไม่มีการแวะเที่ยว

“แต่ถ้าเราพลาดโอกาสครั้งนี้เราก็ไม่รู้จะมีครั้งไหนอีก”

“ไม่ได้ก็ไม่เอาคุนอยากอยู่”

“ไม่ได้คุนต้องไป!! คุนฟังพี่นะอีกไม่นานทางพม่าก็ต้องรู้เรื่องพวกนี้เรื่องแบบนี้ปิดยังไงก็ยากแต่ถ้าเราได้ฝั่งทางเกาหลีมามันจะเหมือนเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้แก่ทางพม่าได้ว่าเรายังมีคนต่างชาติมาจ้างงานเราอยู่คุนเข้าใจใช่ไหม?”

“แต่…”

“ไม่มีแต่คุนเลิกร้องและตั้งสตินะครั้งนี้เอาแม่ไปด้วยเดี๋ยวพี่จะจัดการจองให้อย่างน้อยไปสองคนมันน่าจะดีกว่าไปคนเดียว ส่วนทางนี้ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพี่ดูแลเอง”

“ครับ”

“แต่พี่กังวลคือถ้ามันเกิดต้องตัดสินใจเร่งด่วนแล้วเกิดพี่ติดต่อเราไม่ได้มันจะลำบากพี่เลยจะให้เราเส้นใบมอบอำนาจเอาไว้ให้พี่”

เป็นธรรมมองผู้ชายตรงหน้าของเขาอีกครั้งทุกครั้งที่เกิดปัญหาไม่ว่าเรื่องนั้นจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่เขาก็มีพี่ดาร์กอยู่กับเขาเสมอเขาไม่รู้เลยว่าเขาต้องเอ่ยคำว่าขอบคุณเท่าไหร่ถึงจะพอสำหรับการที่ยังคอยอยู่เคียงข้างคอยเหนื่อยวิ่งเต้นแทนทุกอย่าง

“ได้เลยพี่เดี๋ยวคุนเซ็นใบมอบอำนาจไว้ให้”

“พี่ดาร์ก”

“ครับ?”

“เสียดายเนอะแผนเที่ยวที่คุนเตรียมไว้เลยไม่ได้ใช้เลย”

เป็นธรรมรู้สึกใจหวิวตอนที่เห็นสมุดจดเตรียมแผนการเที่ยวไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเป็นเขาถึงรู้สึกใจหายและกังวลกับการเดินทางในครั้งนี้สงสัยเพราะเป็นครั้งแรกที่ต้องไปติดต่องานโดยที่ไม่มีพี่ดาร์กไปด้วย

“นั้นสินะ พี่เลยไม่ได้ให้คุนนำเที่ยวเลย”

“พี่ดาร์ก”

“ครับ?”

“คืนนี้พี่กอดคุนนะ”

“ได้สิครับ”

คืนนี้พี่ดาร์กอ่อนโยนกับเขามากเป็นพิเศษอาจจะเป็นเพราะกลัวเขาจะเจ็บแผลจากเหตุการณ์ครั้งก่อนและทั้งที่พี่ดาร์กกำลังกอดเขาบอกรักเขาด้วยภาษากายแต่ทำไมเขารู้สึกเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เจอพี่ดาร์กอีกนานเป็นธรรมมองร่างกายที่เขาได้เห็นมา 8 ปีให้เต็มตาอีกครั้งก่อนที่จะปล่อยให้หัวสมองของเขาว่างเปล่าและจมอยู่ในความสุขที่พี่ดาร์กกำลังมอบให้เขา

“คุนไม่อยากไปเลย” หลังจากบทรักจบลงเป็นธรรมยังคงนอนหนุนอยู่ที่แขนของพี่ดาร์กพร้อมทั้งเกลี่ยแผงหน้าอกของพี่ดาร์กเล่น

“ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ คุนมีพี่ก็มีและพี่ก็ต้องทำ”

“อื้มคุนรู้”

“คุน”

“ครับ?”

“จำคำพี่ของพี่คำนี้เอาไว้นะ”

“คำว่า?”

“หน้าที่”

“รู้แล้วน่าคุนรู้ว่าต้องทำเพราะมันคือหน้าที่ของคุนก็แค่รู้สึกใจหายแต่ไม่ใช่ว่าจะงอแงว่าไม่ไป”

“ใช่ต้องทำเพราะหน้าที่พี่ทำก็เพราะหน้าที่”

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2018 06:19:22 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 9 - 23/01/2017
«ตอบ #19 เมื่อ24-01-2017 01:00:31 »

พ่อของคุณเคยทำอะไรไว้กับครอบครัวของพี่ดาร์กหรือเปล่า
การแก้แค้นไม่ใช่หน้าที่ของลูกที่ดีนะดาร์ก การเติบโตเป็นคนดีและก้าวต่อไปต่างหากถึงจะทำให้วิญญาณของพ่อแม่ไม่ห่วง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 9 - 23/01/2017
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-01-2017 01:00:31 »





ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 9 - 23/01/2017
«ตอบ #20 เมื่อ29-01-2017 19:31:10 »

บทที่ 10  Rewrite

เช้าวันใหม่เป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุดไหนจะต้องอธิบายกับแม่ว่าทำไมแม่ต้องเดินทางกระทันหันคืนนี้ไหนจะเรื่องตั๋ว พอเสร็จเรื่องนี้เป็นธรรมก็เพิ่งนึกออกว่าตัวเองไม่ได้ติดแบบเสื้อจากโรงงานมาด้วยช่วงบ่ายเขาจึงต้องตีรถเข้าโรงงานก่อนที่จะบินความจริงเขาสามารถฝากให้พี่ดาร์กแวะเอาของพวกนี้ที่โรงงานก่อนที่จะมารับเขาที่บ้านเพื่อไปส่งที่สนามบินก็ได้แต่มันไม่ใช่แค่เสื้อตัวอย่างที่เขาต้องเข้าไปเอาเพียงอย่างเดียวมันยังมีทรัมไดร์ฟของกล้องวงจรปิดที่โรงงานที่เอาเซฟเก็บเอาไว้เขาต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้กับโรงงานและเขาจะใช้เวลาว่างที่เกาหลีไล่ดูทั้งหมดแม้ว่าพี่ดาร์กจะบอกว่าไม่ต้องกังวลให้วางใจแต่เขาก็อยากทำอะไรบ้างไม่ใช่ให้พี่ดาร์กมาคอยแก้ปัญหาคนเดียวแบบนี้

“เดินทางดีๆ นะ” 

“เดี๋ยวคุนถึงแล้วจะรีบติดต่อกลับมา”

“วันกลับพี่จะมารอรับ”

“ครับคุนไปนะฝากทางนี้ด้วย”

“อื้ม ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามแผนไม่ต้องห่วง”


“มีอะไรรึเปล่าลูกทำไมอยู่ๆ เอาแฟ้มประวัติของพนักงานมาหมดแบบนี้”

“พอดีช่วงหลังมานี่ผมกับพี่ดาร์กยุ่งกันทั้งคู่ครับแม่เลยไม่ได้ดูประวัติของพนักงานเลยผมเลยอยากเอามาดูสักหน่อยถือว่าใช้ช่วงเวลาบนเครื่องให้เป็นประโยชน์ครับแม่”

“หักโหมมากไปไม่ดีนะคุน”

“ครับแม่”

ตั้งแต่โรงงานเกิดปัญหาขึ้นเป็นธรรมยังไม่ได้พูดกับแม่ถึงเรื่องนี้เพราะเขาก็ไม่อยากให้แม่ต้องกังวลในเรื่องที่เขาเชื่อมั่นว่าพี่ดาร์กต้องแก้ปัญหาได้อีกทั้งแม่เองก็เพิ่งให้ความเชื่อใจและยอมให้เขาบริหารโรงเรียนสอนศิลปะอย่างเต็มตัวมาไม่นานนี้เองเขากลัวว่าถ้าแม่รู้แม่จะโทษว่าเป็นเพราะเขาที่ไม่เต็มที่กับโรงงานและพี่ดาร์กก็ต้องโดนไปด้วยอีกทอดอย่างแน่นอนเพราะพี่ดาร์กเป็นคนสนับสนุนให้เขาเปิดโรงเรียน

“แม่อยากดื่มอะไรไหมครับ?”

“ไม่เป็นไรจ๊ะคุนทำงานไปเถอะ”

“เฮ้อ”
“เป็นอะไรเหรอคุน?”

“เปล่าครับไม่มีอะไร”

เป็นธรรมยกเอามือขึ้นนวดช่วงหว่างตาที่เหนื่อยล้า 6 ชั่วโมงที่อยู่บนเครื่องเขาไม่ได้อะไรจากการดูกล้องวงจรปิดเลยสักนิดแถมพอมาถึงเกาหลีแล้วเขาก็ยังไม่สามารถติดต่อพี่ดาร์กได้อีกโทรไปก็ไม่มีคนรับเมสเสจไปก็ไม่ตอบไม่รู้ว่าทางที่ไทยจะเกิดอะไรขึ้นอีกรึเปล่าเขากดโทรศัพท์ย้ำจนมาถึงโรงแรมที่พักเขาจึงตัดใจเก็บมือถือลง

พอได้อาบน้ำล้างหน้าเป็นธรรมถึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมองและดูเวลาก็เห็นว่ายังเหลือเวลาอีก 3 -4 ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดเขาเลยว่าจะหากาแฟดื่มเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่นแล้วก็หาอะไรทานเป็นมื้อกลางวันไปเลย

“งั้นเราไปหาอะไรทานก่อนไปเจอกับลูกค้าก่อนดีไหมครับ?”

“เอาสิ”

“วันนี้เป็นครั้งแรกเลยนะที่แม่จะได้ดูลูกเสนองานต่างประเทศครั้งมิสเติร์เวายแม่ก็ไม่ได้เข้าไปดู”

“อย่าว่าแต่แม่ตื่นเต้นเลยครับผมเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันเพราะนี่ก็จะเป็นครั้งแรกที่ผมต้องเสนองานโดยที่ไม่มีพี่ดาร์กอยู่ข้างๆ”

“ก็ดีแล้วลูกหัดทำอะไรด้วยตัวเองบ้างถ้าต้องพึ่งดาร์กไปซะทุกอย่างแม่ว่ามันอาจจะ…”

“แม่ครับผมกับพี่ดาร์กคบกันมาปีนี้เป็นปีที่แปดแล้วนะแม่เองก็เห็นว่าพี่ดาร์กเขาเต็มที่กับการทำงานขนาดไหน”

“แม่ก็แค่บอกเอาไว้ก็เท่านั้นเอง”

เราเลือกพักโรงแรมเดียวกับที่เรานัดเจอกับลูกค้าและเพื่อความสะดวกเป็นธรรมจึงตัดสินใจทานอาหารกลางวันที่ร้านของทางโรงแรมและก่อนที่เขากับแม่จะเข้าไปนั่งที่ห้องอาหารเขาก็ได้แจ้งกับทางล้อบบี้เอาไว้ว่าถ้ามีคนมาถามหาเขาให้คนเข้าไปตามที่ห้องอาหารของโรงแรมได้เลย

“งั้นเราไปนั่งที่นัดเลยไหมครับ?”

“คุนเอาเอกสารลงมาครบแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

“ปะ งั้นเราไปนั่งรอเขาที่นั้นกันเถอะ”

เป็นธรรมกับแม่กินมื้อกลางวันเสร็จก่อนเวลานัดเขาจึงเคลื่อนตัวไปที่ร้านเบเกอร์รี่ที่เป็นสถานที่นัดเป็นธรรมเอามือถือออกมาเพื่อติดต่อกับพี่ดาร์กอีกครั้งและครั้งนี้ก็เหมือนเดิมที่เขาไม่สามารถติดต่อพี่ดาร์กได้จนตอนนี้เขาเริ่มกังวลใจเพ่ะไม่เคยมีครั้งไหนที่พี่ดาร์กไม่รับโทรศัพท์เขามาก่อนถ้าติดธุระอย่างน้อยก็ต้องส่งเมสเสจมาบอกไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้ยิ่งในช่วงเวลาสำคัญที่เขากำลังจะต้องเข้าไปคุยงานกับลูกค้าพี่ดาร์กไม่น่าหายไปยกเว้นว่าจะมีเรื่องด่วนและสำคัญมากเกินขึ้น

“นี่ก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วนะคุณ”

เสียงของแม่ทำให้เป็นธรรมละหน้าจอมือถือแล้วดูนาฬิกาเป็นเพราะเขามัวแต่กังวลเรื่องติดต่อพี่ดาร์กจนเขาลืมเรื่องนัดนี้ไปเสียสนิทเลย

“นั้นสิแม่”

“คุนแน่ใจนะลูกว่าเป็นที่นี่เราไม่ได้จำโรงแรมผิดใช่ไหม? เช็คอีกทีก็ดีนะ”

“ไม่ผิดหรอกครับแม่แต่เดี๋ยวยังไงผมลองไปคุยกับพนักงานเพื่อความแน่ใจอีกทีก่อนว่าเราไม่ได้คลาดกัน”

“ก็ดีลูก”

วันนี้เหมือนว่าจะไม่ได้เป็นวันของเป็นธรรมทั้งติดต่อพี่ดาร์กไม่ได้ทั้งลูกค้าที่นัดเอาไว้ก็ไม่มาตรงเวลาจะว่าคลาดกันก็ไม่น่าใช่เพราะลองเช็คดูแล้วพนักงานต้อนรับของโรงแรมก็ยืนยันว่ายังไม่มีใครมาตามหาเขาลองโทรไปที่บริษัทนั้นก็ไม่มีคนรับสายอีเมลล์ไปก็ไม่มีคนตอบเขาเลยตัดสินใจโทรกลับไปที่บริษัทเพื่อว่าพี่ดาร์กจะเก็บเบอร์ติดต่อตรงกับคนทางนี้เอาไว้

“สวัสดีครับคุณสุวรรณี”

“สวัสดีค่ะ”

“ผมเป็นธรรมนะครับ”

“ค่ะ คุณเป็นธรรม”

“ผมไม่สามารถติดต่อคุณทรงจำได้เลยไม่ทราบว่าคุณพอจะเช็คให้ได้ไหมครับว่าตอนนี้คุณทรงจำอยู่ที่ไหน?”

“เอ่อ คือ?”

“ครับ?”

“คิดว่าคุณทรงจำน่าจะอยู่อีกโรงงานมากกว่าค่ะเพราะว่าวันนี้ดิฉันยังไม่เห็นทรงจำเข้ามาเลยค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ”

เป็นธรรมวางหูจากและรีบโทรตรงเข้าอีกโรงงานนึงทันทีมีพนักงานคนนึงเดินมารับสายเสียงรอบข้างของพนักงานเป็นเสียงดังและมีการโวยวายหลายอย่างเกิดขึ้น

“สวัสดีครับผมเป็นธรรมนะครับ ไม่ทราบว่าผมกำลังพูดสายกับใครครับ?”

“พัคครับ”

“คุณพัคไม่ทราบว่าวันนี้คุณทรงจำเข้าไปที่โรงงานรึเปล่าครับ?”

“…”

“ฮัลโหล ครับ?”

พนักงานที่รับสายเงียบไปจะว่าสายหลุดก็เป็นไปไม่ได้เพราะเขายังได้ยินเสียงคนโวยวายจากในสายอยู่แต่อาจจะเป็นเพราะเขาโทรข้ามประเทศทางนั้นอาจจะไม่ได้ยินเขาชัดพอ

“วันนี้คุณทรงจำไม่ได้เข้ามาครับ”

“งั้นผมขอสายคุณแชมป์หน่อยได้ไหมครับ?”

“คุณแชมป์ก็ไม่เข้ามาครับ”

“งั้นถ้ามีใครเข้าไปบอกให้ติดต่อผมกลับด่วนด้วย ขอบคุณครับ”

แต่ก่อนที่เป็นธรรมจะวางเขาได้ยินเสียงเหมือนคนงานตะโกนร้องอะไรสักอย่างเขาเลยรีบพูดแทรกเข้าไปในสายก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไป

“มีอะไรเกิดขึ้นที่โรงงานรึเปล่าครับ?”

“ไม่มีครับ”

“แล้วเสียงนั่น?”

“ไม่มีอะไรครับ”

แล้วสายก็ถูกตัดไปโดยที่ในหัวของเป็นธรรมยังมีแต่คำถาม “พัค” งั้นเหรอ? มันเหมือนมีอะไรแต่ก่อนที่เขาจะคิดข้อมูลเกี่ยวกับพัคมากไปกว่านี้เขาว่าเรื่องตรงหน้าคือเรื่องที่เขาต้องสนใจก่อนเรื่องอื่นเขาจึงโทรกลับไปหาคุณสุวรรณีอกีครั้งบอกให้พยายามติดต่อกับพี่ดาร์กให้ได้พร้อมทั้งยังให้เข้าไปรื้อข้อมูลของบริษัทเกาหลีนี้ให้เขาด้วย

“ที่โรงงานว่าไงบ้างลูกและติดต่อตาดาร์คหรือยัง?”

“ทุกคนกำลังตามเรื่องให้ครับ”

ก่อนเดินกลับมาที่โต๊ะเป็นธรรมต้องเรียกกำลังใจให้กับตัวเองอยู่หลายนาทีเขาไม่กล้าพอที่จะเดินกลับเข้าไปพร้อมบอกกับแม่ว่าตอนนี้เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทที่เราติดต่องานเลยสักนิดแถมยังไม่สามารถติดต่อพี่ดาร์กได้อีกต่างหาก

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มือของเป็นธรรมก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเยอะเท่านั้นเขาจ้องมองโทรศัพท์ภาวนาให้มีสายโทรกลับมาจากใครสักคนต้องคอยกดปุ่มแตะให้หน้าจอเปิดเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าโทรศัพท์ของเขายังมีสัญญาณและมีแบตอยู่

ในที่สุดการรอคอยของเป็นธรรมกับแม่ก็สิ้นสุดลงเมื่อพนักงานต้อนรับของโรงแรมก็เดินตรงเข้ามาหาเราพร้อมกับยื่นกระดาษที่มีใจความสั้นๆ ให้

“They are not coming”

“เขาว่ายังไงลูก?”

“สงสัยมีการสื่อสารผิดพลาดเขาไม่มาเจรจากับเราแล้วครับแม่”

“อ้าวแล้วเราจะมาที่นี่ทำไม? ลูกแน่ใจนะว่ามันเป็นกระดาษสำหรับโต๊ะเรา”

“ผมแน่ใจครับ”

ตลอดทางที่เดินกลับมาที่ห้องพักแม่บ่นมาตลอดว่าเราไม่ควรมานั่งดิวกับอะไรที่ไม่แน่นอนและเสียเวลาแบบนี้ย้ำว่าการตัดสินใจของเขาและพี่ดาร์กพลาด

“มันเป็นเพราะผมครับแม่”

“มันก็ทั้งคู่นั้นแหละ”

“พี่ดาร์กไม่ให้ผมมาแต่เป้นผมที่ดื้อเอง”

“คุน”

“ก็ผมอยากให้มันโตเร็วๆ ผมก็แค่อยากทำให้พ่อ”

“อย่าเอาพ่อมาอ้างแล้วก็เลิกปกป้องกันได้แล้วผิดก็คือผิด”

“แต่…”

“กลับไปเราต้องคุยกันใหม่ทั้งสองคนนั้นแหละ”

“ครับ”

“แม่จะไปสปา”

“ครับงั้นผมเข้าไปทำงาน”

“ทำหนักขนาดนี้แล้วยังพลาดแม่ว่าบางทีก็ไม่ต้องทำหนักขนาดนี้ก็ได้นะ”

หลังจากแม่เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปแล้วเป็นธรรมถึงใช้ช่วงเวลานี้นั่งพักสมองที่ถูกบีบรัดมาตลอดช่วงบ่าย ‘หรือทางนี้จะรู้เรื่อง?’ สาเหตุเดียวที่เขาคิดออกที่ทำให้บริษัทที่นี่ตัดสินใจไม่มาตามนัดก็คือข่าวเรื่องที่โรงงานและถ้าทางนี้รู้นั้นหมายความว่าที่เมืองไทยตอนนี้ก็ต้องกำลังรับศึกหนักแล้วพี่ดาร์กที่อยู่ที่นั้นคนเดียวจะเป็นอย่างไรบ้าง?

ความตื่นกลัวที่อยู่ในใจมันทำให้เป็นธรรมอยากจะเปลี่ยนตั๋วและบินกลับซะเดี๋ยวนี้แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้นแม่ก็ต้องยิ่งสงสัยว่ามันต้องมีปัญหาใหญ่เขาเลยได้แต่นั่งรอให้เวลามันผ่านไปจนกว่าจะถึงเวลาของพรุ่งนี้

ตริ้ง เสียงเมสเสจดังขึ้นทำให้เป็นธรรมรีบคว้าเอาโทรศัพท์มาดูด้วยความหวังว่าพี่ดาร์กคงเคลียร์ปัญหาเสร็จถึงได้สามารถติดต่อกลับมาได้แต่พอเขาไสลด์หน้าจอดูมันกลับไม่ใช่เรื่องที่เขาคิดเพราะข้อความที่เขาได้รับมันคือข้อความภาพจากแจงพร้อมกับข้อความแซว

แจง ‘แมวไม่อยู่วันเดียวหนูร่าเริงเลยเชียวนะ’

ภาพนั้นทำให้เป็นธรรมต้องรีบโทรกลับไปหาแจงเพราะมันคือภาพที่หน้าของพี่ดาร์กมีรอยยิ้มประดับอยู่ที่ริมฝีปากและพี่ดาร์กกำลังมอบมันให้กับคนใครสักคน

“ฮัลโหลอะไรแค่นี้ต้องรีบโทรมาเลยเหรอจ๊ะ?”

“แจงรูปนี้ตั้งแต่วันไหน?”

“วันนี้สิ”

“แจงถ่ายที่ไหน? แล้วเขาสองคนยืนกันนานไหม? แล้วแจงรู้ไหมเขาคุยอะไรกันบ้าง? แล้วเขา..”

“เดี๋ยวๆ คุนเกิดอะไรขึ้น? มีปัญหาอะไร? ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นเป็นนี้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกรึเปล่าที่เราเคยบังเอิญเจอกับพี่เขาและแอบถ่ายรูปส่งมาให้ดูแบบนี้”

เป็นธรรมพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองมันก็ถูกอย่างที่แจงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เพื่อนของเขาจะบังเอิญเจอพี่ดาร์กในที่ต่างๆ และถ่ายรูปมาแซวแต่หลายรูปนั้นมันไม่เคยทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออกได้เท่ากับรูปนี้

อาจจะเป็นเพราะรูปก่อนๆ เป็นธรรมรู้ว่าพี่ดาร์กอยู่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่แต่ครั้งนี้เพราะเขาไม่สามารถติดต่อกับพี่ดาร์กเขาเป็นกังวลว่าพี่ดาร์กอาจจะอยู่ในช่วงเวลาของความลำบากคิดไปมากมายแต่รูปที่ได้กลับเป็นรูปที่พี่ดาร์กกำลังยืนอยู่ที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นกับผู้ชายคนนึงแถมหน้าตาของพี่ดาร์กก็ไม่ได้แสดงออกถึงความกังวลใดๆ ผิดกับเขาที่กำลังเผชิญกับอะไรก็ไม่รู้

“ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่าแจงตอบคำถามของเราได้ไหมว่าไปถ่ายมาได้ยังไง?”

“ฉันถ่ายได้เมื่อช่วงก่อนเที่ยงแต่ไม่ได้ส่งให้ดูตอนนั้นเพราะต้องไปคุยงานกับลูกค้าพอคุยงานเสร็จกลับมาถึงบริษัทถึงส่งให้ดู”

“อื้ม แจงเห็นอะไรผิดปกติไหม?”

“คุน?”

“แจงบอกที”

“โอเคตอนแรกเราก็นึกว่าพี่ดาร์กมาคุยงานและเอาลูกน้องมาด้วยสรุปมันไม่ใช่เหรอ?”

“ทำไมแจงถึงคิดว่าคนนั้นเป็นลูกน้องละ?”

“ก็ ไม่งั้นจะเป็นใครได้ละมาด้วยกันเวลาทำงานแล้วก็ดูเด็กมาก”

ยิ่งได้ยินมันออกมาจากปากของแจงหัวใจของเขาก็เหมือนกำลังถูกบีบรัดจนหายใจไม่ออกเขาเอามือขึ้นมากุมที่ตรงหน้าอกข้างซ้ายนวดมันเบาๆ เผื่อว่าความแรงบีบรัดที่กำลังเต้นหนักอยู่ในอกตอนนี้มันจะลดลง

“คุน คุนยังฟังอยู่ไหม?”

“อยู่ๆ ขอบคุณมากนะแจง เราวางก่อนนะ”

“มีอะไรคุยกับเราได้นะ”

พอวางหูจากแจงเป็นธรรมก็ลองโทรหาพี่ดาร์กอีกครั้งและทันทีที่เขาได้ยินเสียงตอบรับว่าไม่มีสัญญาณความอดทนที่พยายามจะไม่คิดมากก็พังลงเขาลดมือถือวางลงไว้ข้างตัวแล้วปล่อยให้ร่างกายได้ระบายความเครียดโดยการปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาที่กำลังเหม่อมองออกไปที่หน้าต่างบานใหญ่ของโรงแรมพร้อมกับคำถามที่อยู่ในหัวของตัวเองว่า ‘พี่ทำอะไรอยู่?’ และคำถามที่เกิดขึ้นเป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้ยกเว้นพี่ดาร์กและในเมื่อพี่ดาร์กไม่อยู่ตรงนี้เขาก็หมดสิทธิ์ที่จะรู้คำตอบของมัน

ไม่น่าเชื่องว่าการร้องไห้สามารถช่วยลดความตึงเครียดลงได้แต่มันก็ไม่สามารถทำให้เขาหยุดคิดเรื่องเหล่านี้ได้และเขาก็ไม่ชอบความรู้สึกนี้และสิ่งเดียวที่ตอนนี้จะสามารถทำใฟห้เขาเลิกคิดได้ก็คือการเอางานขึ้นมาทำเขาจึงนั่งดูวีดีโอของกล้องวงจรปิดที่ค้างเอาไว้ต่อ

“เดี๋ยวนะ”

ช่วงท้ายของวีดีโอเขาก็เริ่มเห็นอะไรบางอย่างที่เขาว่ามันผิดปกติเพราะพี่ดาร์กมักจะเดินเข้าไปหาคนๆ นึงและพาคนนั้นไปคุยในมุมที่กล้องวงจรปิดมองไปไม่ถึง คนงานคนนั้นเป็นคนที่เขาเห็นบ่อยแต่เขาก็ไม่เคยได้คุยด้วย อีกเหคุผลที่เขาสะดุดตาคนนี้ก็เพราะคนนี้ช่างคล้ายกับคนในภาพที่เขาเพิ่งได้มาจากแจง

เป็นธรรมหยุดภาพที่อยู่ในคอมพิวเตอร์และเปิดภาพในมือถือขึ้นมาเปรียบเทียบและใช่คนในภาพและคนที่อยู่ในจอคอมเป็นคนๆ เดียวกัน

เป็นธรรมกรอวีดีโอไปด้วยใจที่เต้นรัวและสมองของเขาก็เหมือนกำลังถูกใครบางคนทุบมันเมื่อภาพที่เขาเห็นมันเป็นภาพที่พี่ดาร์กกำลังยืนคุยหรือในบางครั้งก็ยืนดูดบุหรี่กับพนักงานที่ชื่อเบทที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่พี่ดาร์กจะคุยกับพนักงานสักคนถ้าไม่ใช่ว่าพนักงานคนนั้นคือคนที่คอยมีเรื่องกับพี่ดาร์กหรือคอยตามด่าลับหลังอย่างที่เขาได้รับรู้มาจากคุณกี้

“มันเกิดอะไรขึ้น?”

และภาพที่ทำให้เป็นธรรมแทบลืมหายใจคือภาพที่ พี่ดาร์ก คุณเบท และ พนักงานคนนั้นทั้งหมดกำลังช่วยกันขนกล่องกระดาษหลายกล่องขึ้นหลังรถและรถนั้นเป็นรถของพี่ดาร์กของที่อยู่ในลังกระดาษมันคืออะไรแล้วทำไมทั้งสามคนต้องทำลับๆล่อๆขนขึ้นรถในช่วงที่พนักงานคนอื่นต่างเลิกงานไปหมดแล้วถ้าจะไปส่งของกันก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่พี่ดาร์กไม่ใช้รถของโรงงานและใช้รถส่วนตัว

“คุนใจเย็นไว้ อย่าคิดอะไรมันต้องมีอะไรผิดพลาด”

เป็นธรรมปลอบให้ตัวเองตั้งสติและหยุดภาพนั้นเอาไว้เดินไปที่กระเป๋ารื้อเอาประวัติของคุณเบทออกมาดูแต่ข้อมูลพื้นฐานมันไม่มีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่าน่าสงสัยเช่นคุณเบทก็ไม่ได้จบมหาวิทยาลัยเดียวกับพี่ดาร์กด้วยซ้ำสิ่งที่เขาหาเจอมันควรทำให้เขาโล่งอกแต่กลายเป็นว่าเขากำลังหน้าซีดและเหงื่อออกแม้จะอยู่ในห้องแอร์เพราะไม่ว่าเขาจะรื้อกองประวัติเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถหาใบประวัติของคนที่อยู่ในภาพนั้นเจอเขามั่นใจว่าเขาขอให้ฝ่ายบุคคลเอาประวัติคนงานมาให้เขาทั้งหมดแล้วแต่ทำไมละทำไมเขาถึงหาไม่เจอแล้วคำพูดของพี่ดาร์กเมื่อหลายคืนก่อนก็เข้ามาในหัว

“พี่ต้องไปขอประวัติจากฝ่ายบุคคลมาก่อน”

นั้นหมายความว่าพี่ดาร์กได้ประวัติพนักงานเหล่านี้ก่อนที่เขาจะเข้าไปขอ

ในหัวของเป็นธรรมเกิดเสียงร้องระงมเต็มไปหมดว่าสัญชาตญาณความระแวงของเขามันกำลังทำงานได้ถูกต้องแต่มันจะเป็นไปได้ยังไงพี่ดาร์กจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันเขาจึงได้แต่ย้ำกับตัวเองด้วยประโยคซ้ำๆ ว่า ‘ไม่เอาภาพไม่กี่ภาพอย่าอย่าคิดไม่ดีแบบนั้น’

เป็นธรรมตัดสินใจปิดจอคอมลงเพราะทุกอย่างมันดูสับสนและพันกันมั่วไปหมดพยายามคิดหาถึงเหตุผลในแง่ร้ายที่สุดว่าทำไมพี่ดาร์กทำแบบนี้แต่เขาก็คิดเหตุผลนั้นไม่ออกเพราะถ้าเกิดจากความตั้งใจของพี่ดาร์คจริงสิ่งที่ทำอยู่นี้มันไม่ใช่การโกงแต่มันเป็นการทำลายและพี่ดาร์กจะอยากทำลายกับสิ่งที่ตัวเองลงแรงไปทำไหมกัน

 
“เอาแต่กดโทรศัพท์เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว เพลาๆ ลงหน่อยลูก”

“ครับแม่”

ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ที่เขากับแม่กำลังเตรียมตัวบินกลับไทยแม้ส่วนนึงในจิตใจจะบอกว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะคอยกดโทรหาพี่ดาร์กอยู่แบบนั้นเพราะถ้าพี่ดาร์กคิดอยากจะติดต่อเขาคงจะเปิดเครื่องหรือโทรกลับมาหาเขาแล้วแต่ร่างกายดันไม่ฟังสิ่งที่สมองคิดเขาจึงอดไม่ได้ที่จะโทรและคอยส่งข้อความด้วยความหวังเพียงนิดว่าเขาจะโชคดีเจอตอนพี่ดาร์กเปิดเครื่องและถ้าพี่ดาร์กเห็นเมสเสจพี่ดาร์กจะได้รู้ว่าเขาอยากคุยด้วยมากแค่ไหน

“คุณ”

“แม่เข้าไปดูของร้านนี้ก่อนเลยเดี๋ยวผมคุยธุระอีกสายแล้วจะตามเข้าเกตไปครับ”

“คุณสุวรรณีไม่ทราบว่าสามารถติดต่อคุณทรงจำได้บ้างรึยังครับ?”

“คุณเป็นธรรมดิฉันได้แจ้งไว้กับคุณทรงจำแล้วค่ะว่าให้ติดต่อคุณกลับไป”

“แล้วเรื่องโรงงานที่เกาหลี?”

“ดิฉันไม่พบอะไรเลยค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

หลังจากวางสายเป็นธรรมนั่งมองรูปที่เขาใช้เป็นรูปหน้าจอมันเป็นรูปที่เขากับพี่ดาร์กถ่ายคู่กันตอนที่ไปเที่ยวกันที่พม่าที่เขาเลือกใช้รูปนี้เพราะมันเป็นทริปต่างประเทศของเราทั้งคู่ทริปแรกและในทริปนั้นเขาเองก็มีความสุขมาก



“สรุปตาดาร์กไม่ได้มารับเหรอลูก?”

“ไม่มาครับพี่ดาร์กติดงานเอ่อ เดี๋ยวแม่นั่งแท๊กซี่กลับบ้านก่อนเลยนะครับ”

“ทำไมไม่กลับพร้อมกันละ?”

“ผมอยากจะแวะเข้าไปที่โรงงานสักหน่อย”

“ไม่เหนื่อยเหรอ?”

“ไม่ครับ”

“งั้นเจอดาร์กแล้วให้ไปหาแม่ที่บ้านพร้อมกันด้วย”

“ครับแม่”

พี่ดาร์กไม่ได้มารับเขากับแม่ตามที่ให้สัญญาเอาไว้และเขาก็ยังทิ้งให้แม่ขึ้นแท๊กซี่กลับบ้านด้วยตัวคนเดียวช่วงนี้เขารู้สึกว่าเขาเป็นลูกที่ไม่ค่อยน่ารักสักเท่าไหร่เพราะเขาโกหกแม่ได้ไม่เว้นแต่ละวัน

หลังจากที่เป็นธรรมส่งแม่ขึ้นรถแท๊กซี่เป้นที่เรียบร้อยแล้วเขาเดินกลับขึ้นไปชั้นขาเข้าเดินตรงไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่เป็นที่สำหรับนั่งรอที่อยู่ตรงหน้าทางออกที่ 2 โชคดีที่ขาไปเขาพกหนังสือเกี่ยวกับศิลปะไปด้วยหนึ่งเล่มเขาเลยหยิบมันออกมานอ่านฆ่าเวลา

“พี่ดาร์กห้ามลืมตารางวันกลับคุนนะ”
“ไม่ลืมหรอกนะ”
“อย่าลืมมารับคุนด้วยนะ”
“แน่นอนครับ เนี่ยพอคุนออกมาจากประตูทางออกคุนจะเห็นพี่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ไม่ต้องเสียเวลาแม้จะชะโงกมองหา”
“ดีมากครับ”
“เดินทางดีๆนะ”
“อย่าลืมมารับคุนละ”

วันนั้นพี่ดาร์กให้คำสัญญากับเขาตั้งหลายครั้งไม่มีทางที่พี่ดาร์กจะไม่มาและนั้นก็ทำให้เขายังปักหลักรออยู่ตรงนี้

“พี่ดาร์กมารับคุนได้แล้วคุนมาถึงแล้ว”


เสียงหน้ากระดาษที่ถูกพลิกไปเรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุดถ้าไม่สังเกตุให้ดีใครต่อใครก็คงคิดว่าผู้ชายที่นั่งอยู่กับกระเป๋าเดินทางใบนี้กำลังสนใจหนังสือที่อยู่ตรงที่ตักของเขาหนักหนาแต่ถ้าใครได้ตั้งใจฟังเสียงที่เกิดขึ้นอีกสักนิดก็จะได้ยินเสียงที่น้ำตามันหยดลงมาประดับอยู่ในหน้าหนังสือแต่ละหน้าที่ถูกพลิกไปด้วย

เพราะเจ้าของหนังสือเมื่อเขาพลิกมันจนมาถึงหน้าสุดท้ายของมันเขาก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรอื่นยกเว้นหยดน้ำวงกว้างที่หยดลงที่ปกหลัง


เป็นธรรมยกเอามือปาดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มทั้งสองข้างออกพร้อมกับกระพริบตาถี่ปรับอารมณ์ให้เข้าที่ และเมื่อเขาพร้อมเขาก็เงยหน้าขึ้นกวาดตามองไปรอบๆ ตัวอีกครั้งด้วยความหวังว่าเขาจะเห็นคนที่เขากำลังรออยู่แต่ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ยังไม่เห็นเงาของคนที่ตกปากรับคำเอาไว้ว่าจะมา

ไม่เป็นไรตอนนี้รถคงยังติดอยู่เขาอยู่รออีกหน่อยก็ได้ เพราะเขาอยากเจอเขามากจริงๆ

“คุนอยากเจอพี่จริงๆ”

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2018 07:06:27 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 10 - 29/01/2017
«ตอบ #21 เมื่อ29-01-2017 19:51:19 »

ในที่สุด... ฝั่นโน้นก็ดำเนินการขั้นเด็ดขาดแล้วสินะ คุณก็เริ่มรู้ตัวแล้ว ยังไงต่อล่ะทีนี้

ออฟไลน์ polkadot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 10 - 29/01/2017
«ตอบ #22 เมื่อ30-01-2017 01:20:15 »

อยากรู้ตอนต่อไปมาก คุณหมดทุกอย่างในชีวิต บ้าน โรงเรียน บริษัท และคนรัก ไม่เหลืออะไรสักอย่างเดียว แล้วจะอยู่ต่อไปยังไง :katai1:

ออฟไลน์ polkadot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 11 - 10/02/2017
«ตอบ #23 เมื่อ10-02-2017 20:40:59 »

อ่านแล้วเครียด  :katai1:
อีดาร์ค แกมันไอ้สารเลว
///โทษจ๊ะ อินไปหน่อย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 11 - 10/02/2017
«ตอบ #24 เมื่อ11-02-2017 16:40:27 »

อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความมืดมนในชีวิตของคุณเลย ไม่รู้จะทำยังไงดีสินะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 12 - 18/02/2017
«ตอบ #25 เมื่อ18-02-2017 15:38:18 »

แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 13 - 26/02/2017
«ตอบ #26 เมื่อ26-02-2017 19:19:45 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 13 - 26/02/2017
«ตอบ #27 เมื่อ26-02-2017 19:23:48 »

เพื่ออะไรฮะดาร์ค สุดท้ายก็แบบนี้
ยังไงก็ทำไปแล้ว มีแต่ต้องก้าวต่อไปแล้วละนะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 13 - 26/02/2017
«ตอบ #28 เมื่อ26-02-2017 23:32:32 »

ก็แก้แค้นได้แล้วนี่ ดาร์ค
จะคร่ำครวญถึงคุนทำไม
ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปสิ
เก่งนี่ ตีหน้าหลอกคุนมาได้ตลอดแปดปี
“พี่รักคุณนะ”
รักเหรอ คนรักกันเขาทำกันแบบนี้ใช่มั้ย  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
   

ออฟไลน์ Pa'veaw

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-1
Re: Recoup : ร้าย - ทวง - รัก // บทที่ 13 - 26/02/2017
«ตอบ #29 เมื่อ27-02-2017 01:11:50 »

โอ้โหอ่านถึงตอนล่าสุดแล้วรู้สึกเกลียดพระเอกเข้าไส่ติ่ง

ดาร์กจะเสียใจทำไม เลือกเองแท้ อ่านแล้วรู้สึกโกรธมากอะหัวร้อนเลย

ไม่อยากให้คุณยกโทษให้ดาร์กเลย เอาใจช่วยคุณให้เข้มแข็ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด