ตอนพิเศษ 01
:: ข้าว ::
"พี่ข้าวฮับ น้องแฮงค์อยากกินไอติม"
เด็กชายวัยสี่ขวบเดินเข้ามากระตุกชายเสื้อของผมที่กำลังยืนต่อคิวจ่ายเงินค่าโทรศัพท์อยู่ เขามองมาด้วยสายตาอ้อนๆ จนไม่สามารถปฏิเสธได้ ถึงแม้คนตัวเล็กจะเป็นหวัดก็ตาม ค่อยหาวิธีหลอกล่อให้กินอย่างอื่นทีหลังแล้วกัน
"ได้ครับ แต่ตอนนี้รอพี่ทำธุระก่อนเนอะ"
ผมเอื้อมมือไปหยิกแก้มเด็กชายตัวน้อยด้วยความมันเขี้ยว ผิวขาวๆ หน้ากลมๆ ปากสีแดงสด อ่า... โคตรน่ารัก
"ฮับ ~ พี่ข้าวใจดีที่สุดเลย แฮงค์รัก รักพี่ข้าวมากๆ เยย"
แฮงค์จับมือผมเอาไว้แน่นแล้วคลี่ยิ้มกว้างจนตาหยี เด็กชายตัวน้อยช่างปากหวานอะไรแบบนี้ อยากฟัดให้จมเขี้ยวจริงๆ เลย
"หึหึ รักมากแค่ไหนหื้ม"
อยากฟังเด็กปากหวานบอกรักอีกสักครั้งคฃไม่ผิดใช่ไหม ก็มันน่ารักนี่หว่า อยากบีบแก้มให้แหลกคามือจริงๆ มันเขี้ยว
"รักเท่าฟ้าเลย ~"
พูดออกมาพร้อมกับกางแขนกว้างๆ ให้รู้ว่ารักเท่าฟ้าของเขามีขนาดใหญ่แค่ไหน ผมหลุดหัวเราะก่อนจะหันกลับไปทำธุระของตัวเองให้เรียบร้อยและจูงมือเด็กน้อยออกมาจากร้าน
"เมื่อกี้ขี้โม้ปะเนี่ย"
ผมอุ้มน้องขึ้นมาเพราะขี้เกียจจะจูงมือต่อ ความสูงต่างกันมากเลยไม่สะดวกเท่าไหร่ แฮงค์ทำหน้างอใส่กันราวกับจะร้องไห้ เฮ้ย... แค่ถามนะ ไม่ได้ดุอะไรเลย ซวยแล้วไอ้ข้าวเอ้ย
"ฮะ แฮงค์ไม่โกหกน้า พี่ข้าวไม่เชื่อเหรอฮับ"
พยายามพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงแต่มันกลับสั่นจนผมใจกระตุก ดวงตากลมๆ เอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำใสๆ อย่าเพิ่งร้แงสิครับ พี่ปลอบเด็กไม่เป็นนะหนู
"โอ๋ เชื่อครับคนดี"
สุดท้ายผมก็เลิกแกล้งเจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดแล้วเปลี่ยนเป็นหลอกล่อให้กินขนมอย่างอื่นแทนที่จะเป็นไอติม
"ปากเลอะแล้วครับ"
ผมนั่งมองเจ้าตัวน้อยที่เคี้ยวขนมปังอย่างเอร็ดอร่อยๆ เขากำลังมีความสุขกับการได้กินขนมที่ตัวเองชอบ ตะว่าไปแฮงค์ก็พูดง่ายนะ เพราะตอนหลอกล่อแค่บอกว่าถ้ากินไอติมน้องจะไอและพี่ข้าวจะไม่รัก เจ้าตัวก็ยอมซะเฉยๆ นี่ยังสงสัยว่ากลัวข้อแรกหรือข้อสองกันแน่
"ไหนอ่า"
แฮงค์กระพริบตาปริบๆ มองผมแต่มือข้างที่ว่างไล่เช็ดปากตัวเองจนเลอะกว่าเดิม ผมต้องเอื้อมมือไปรั้งเขาเอาไว้แล้วอาสาเช็ดให้เอง กลัวเสื้อขาวๆ จะเปื้อนแล้วโดนยัยเพื่อนโหดจี้หวงน้องด่าเอา
"หยุดๆ เดี๋ยวพี่เช็ดให้ดีกว่า"
ผมหยิบทิชชู่แล้วเอื้อมมือไปเช็ดที่มุมปากให้อย่างเบามือ ก่อนจะผละออกมาก็แอบหยิกแก้มกลมๆ นั่นด้วยความมันเขี้ยว แก่จนอายุเกือบสามสิบมานั่งหลงเด็กสี่ขวบเนี่ยนะ ท่าทางจะเป็นเอามาก
"อื้อ ขนมอย่อยจัง"
เสียงเจื้อยแจ้วเจือไปด้วยความสุข แฮงค์ยิ้มจนแก้มจะแตกทั้งๆ ที่ปากยังเคี้ยวขนมไม่หยุด ผมแทบจะพุ่งเข้าไปฟัดเขาเลยตอนนี้ เด็กบ้าอะไรน่ารักฉิบหาย แถมยังปากหวานอีก
"เห็นไหม อร่อยกว่าไอติมใช่ปะ"
ผมถามน้องก่อนจะยักคิ้วกวนๆ ให้ การที่นั่งเฝ้าเด็กกินขนมก็ไม่ได้น่าเบื่อสักเท่าไหร่
"มากๆ เยย แต่ถ้าแฮงค์หายป่วยก็อยากกินไอติมอ่า"
ดวงตากลมมองมาอย่างอ้อนๆ นึกว่าเขาจะลืมไอติมรสช็อกโกแลตแล้วซะอีก ที่ไหนได้จำแม่นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ผมหลุดหัวเราะออกมา สุดท้ายก็ยอมแพ้ แพ้อย่างราบคาบ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ไม่เคยชนะเด็กคนนี้ได้เลยสักครั้ง
"โอเคๆ ถ้าหายป่วยพี่จะพามากินไอติมเนอะ เอาเยอะๆ เลย ดีปะ"
ผมพูดเสียงกลั้วหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปขยี้หัวทุยๆ นั่น แฮงค์พยักหน้ารัวๆ ใส่ แล้วคลี่รอยยิ้มกว้างมาให้กัน คงดีใจน่าดูเลยนะเนี่ย
"เย่ๆ แฮงค์รักพี่ข้าวที่สุดในโลกเยย!"
บอกแล้วว่าไอ้เด็กคนนี้ปากหวานที่สุดในสามโลก
ผมสะดุ้งตื่นจากความฝันแล้วเจอเข้ากับแฮงค์ในเวอร์ชั่นหนุ่มรูปหล่อที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่ข้างๆ กัน สงสัยจะฟังยัยเฟรนด์เล่าเรื่องสมัยเด็กของเขาเยอะไปหน่อยเลยเก็บเอามาฝันเป็นตุเป็นตะ
รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฎขึ้นเมื่อแฮงค์พลิกตัวและขยับเข้ามาซุกใบหน้าที่ซอกคอของผม คล้ายๆ กับเด็กชายตัวน้อยในฝันเมื่อครู่เลย อ้อนกันซะไม่มี ขนาดนอนหลับยังไม่เว้น จิตใต้สำนึกมันบอกให้ทำหรือยังไงกันนะ
"นี่ละเมอหรือจงใจ"
ผมถามอย่างรู้ทันเพราะเมื่อครู่เจ้าเด็กในอ้อมกอดกดจูบลงมาบนซอกคอ คนหลับที่ไหนมันจะเจาะจงเป้าหมายได้แม่ยำขนาดนั้น
"หือ เกลียดคนรู้ทันจังครับ"
เสียงงัวเงียดังขึ้นก่อนที่ผมจะโดนงับซอกคอเบาๆ ไอ้คำว่าเกลียดน่ะ... ขอให้มันจริงสักครั้งไม่ได้หรือไง บอกแบบนี้ทีไรผมโดนฟัดทุกที
"เกลียดก็อย่ามาทำรอยกันสิ"
ผมว่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ต้องลอบยิ้มเมื่อปลายจมูกโด่งเลื่อนมาคลอเคลียตรงข้างแก้ม ทำแบบนี้ตอนเช้าๆ แฮงค์ต้องหวังอะไรแน่ๆ ผู้ชายสุขภาพดีทุกคนน่าจะรู้ดีว่าสภาพร่างกายตอนนี้เป็นอย่างไร
"ไม่เอาครับ ไม่ได้เกลียดจริงๆ สักหน่อย รักจะตายอยู่แล้วคนนี้"
แขนแกร่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นจนผมรู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่ได้ปัดป้องอะไรเพราะมันรู้สึกอุ่นดี แต่อะไรๆ กลางลำตัวไม่ค่อยเอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ แม่ง เหมือนจะเกิดสงครามฟันดาบกันตอนเช้า
"อืม รู้แล้วน่า ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว"
ผมบอกก่อนจะตบหัวแฮงค์เบาๆ แต่เจ้าตัวไม่ยอมขยับไปไหนแถมยังใช้ลิ้นชื้นๆ เลียซอกคอกัน สรุปว่าผมมีแฟนหรือได้หมามาเลี้ยงเพิ่มกันนะ
"อื้อ แฮงค์ หื่นแต่เช้าเลยนะ"
ผมผลักแฮงค์ออกไปแล้วรีบกลิ้งหนี แต่คนตัวใหญ่กว่ากลับพลิกมาคร่อมกันได้อย่างว่องไว ภาพเด็กน้อยในฝันสลายหายไปแบบกู่ไม่กลับแล้วล่ะตอนนี้ มีแต่ผู้ใหญ่ท่าทางเจ้าเล่ห์จ้องจะกิน...
"ลุกออกไป วันนี้จะไปทำบุญที่วัดกันนะ"
ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ไม่ได้ผลักไสอะไร ขี้เกียจจะออกแรงตอนเช้า ไม่พร้อมสู้รบกับใครตอนตื่นนอน
"เดี๋ยวสิครับ ไม่ต้องรีบหรอก เพิ่งหกโมงเอง"
น้ำเสียงทะเล้นมาพร้อมกับใบหน้ากรุ้มกริ่ม จริงๆ พอจะเดาได้ว่าเขาต้องการอะไร แต่ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วไล่ต่อ ใครจะยอมง่ายๆ กันล่ะ
"มัวแต่เล่น เดี๋ยวก็ไปสาย"
ผมจ้องเขานิ่งๆ รอดูว่าเขาจะตอบอะไรกลับมา
"ไม่หรอกครับ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ"
"จะทำอะไร"
"ขอทำบาปก่อนทำบุญได้ไหม"
มาแล้ว ไอ้ขอทำบาปเนี่ย ผมแย่แน่ๆ แม่ง เดินไม่ไหวขึ้นมาทำไง จะอุ้มไปเหรอ อายคนอื่นตาย
"แฮงค์..."
ผมเรียกชื่อเขาเสียงดุๆ แต่หมาตัวโตก็ใช้สายตาออดอ้อนกัน เกลียดที่สุดก็ตอนที่ยอมใจอ่อนนี่ล่ะ... แพ้ทางเด็กตลอด แย่มาก
"นะครับพี่ข้าว... มันมีอารมณ์ขึ้นมาแล้วอะ"
พูดอ้อนกันไม่พอยังโน้มหน้าเข้ามาคลอเคลียบนแผ่นอก ร้อยทั้งร้อยผมยอมรับว่าแพ้ลูกอ้อนของแฮงค์ เอาวะ ยอมก็ยอม ไม่อย่างนั้นสายจริงๆ แน่ เพราะไม่ว่าจะปฏิเสธยังไง ไอ้เด็กคนนี้ก็ตื้อจนได้
"ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ เฮ้อ จะทำก็รีบๆ เลย เบาๆ ด้วยล่ะ"
ผมเอื้อมมือไปบีบจมูกเขาด้วยความมันเขี้ยวก่อนจะโดนแฮงค์โถมตัวลงมาทับด้วยใบหน้าร่าเริงอย่างกับคนถูกหวย เฮ้อ คนหื่นยังไงก็เป็นคนหื่นแก้ไม่หายสินะ
ไอ้ที่เตือนบอกให้เบาๆ น่ะ ไม่มีประโยชน์เลยเพราะตอนนี้ผมแทบจะนั่งพื้นแข็งๆ ไม่ได้ ปวดระบมสะโพกไปหมด แฮงค์ทำเหมือนตายอดตายอยากมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ก็แค่ช่วงนี้งานบริษัทยุ่งๆ เอง... จัดซะหนักจนโดนพี่ต้นเขม่นกันเลยทีเดียว
"มันปล้ำหรือไง ทำไมสภาพเป็นแบบนี้"
พี่ต้นเข้ามากระซิบตอนที่เรากำลังฟังพระสวด ผมอยากจะบอกว่าถามเวลาอื่นไม่ได้หรือไง แทนที่จะได้บุญกลับได้บาปแทนแน่ๆ แต่จะให้ขัดคอเขาเดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่
"ไม่เป็นไรน่าพี่ต้น"
ผมบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ แล้วคลี่ยิ้มจริงใจไปให้ แต่อยากจะบอกว่านั่งพับเพียบเผยอก้นจนเอวจะเป็นตะคริวแล้ว โคตรปวด
"บอกพี่มา ถ้ามันบังคับ"
พี่ต้นยังไม่ยอมแพ้ แถมยังส่งสายตาดุๆ ไปให้คนที่นั่งอยู่อีกข้างของผม ไอ้รายนั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวหรอก ตั้งใจคุยกับกันย์ฉิบหาย ไอ้เด็กสองคนนี้บาปจะแดกหัวแล้วเว้ย
"จะไปทำอะไรแฮงค์"
ผมกัดฟันถามเพราะพี่ต้นเริ่มทำสีหน้าอย่างกับจะฆ่าแฮงค์ให้ตาย นั่นน้องเขยพี่นะเว้ย ปรานีมันบ้างอะไรบ้างก็ได้
"จะไปต่อยมัน"
มาดนักเลงมาแล้วว่ะ รายนี้พูดจริงทำจริงจนผมต้องรีบเบรก โดยการละมือที่พนมอยู่ไปจังต้นแขนของเขาแน่น กลัวแฟนจะหน้าแหกแล้วพี่ต้นได้บาป
"เฮ้ย หยุดๆ ไม่ต้องเลยนะ อย่าทำตัวเป็นนักเลง"
ผมปรามพี่ชาย แต่ดูท่าทางความหวงน้องจะกลับมาอีกครั้ง เขาแทบจะโน้มตัวไปผลักหัวแฮงค์อยู่แล้ว ไอ้เด็กนั่นก็โม้น้ำลายแตกฟองฉิบหาย จะตายยังไม่รู้ตัวอีก
"มันทำน้องพี่เจ็บ ต้องรับผิดชอบ"
ยังไม่จบ คงต้องสารภาพความจริง
"ผมสมยอมเองล่ะน่า หยุดเกรี้ยวกราดสักที"
ผมพูดด้วยน้ำเสียงตึงๆ แต่ความจริงโคตรกระดากปาก มันก็ทุกครั้งที่สมยอม ถ้าเมื่อไหร่มีการขัดขืน แฮงค์จะไม่ดื้อเด็ดขาด
"เดี๋ยวนี้รักมันมากเนอะ ยอมทุกอย่าง"
พี่ต้นเบ้ปากใส่ผมแล้วเหลือบสายตามองแฮงค์อย่างเคืองๆ เจ้าหมายักษ์หันมาเลิกคิ้วก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างให้อีกคน ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย... เฮ้อ
"อย่าว่าแต่ผม พี่ก็ยอมกันย์ ตามใจทุกอย่าง น้องจะไปไหน จะทำอะไรได้ทั้งนั้น"
ผมพยายามเบี่ยงเบนประเด็นของแฮงค์ด้วยการพูดเรื่องกันย์ เพราะเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างอื่นขึ้นมาทันที อย่างเช่นอาการเขิน
"หยุดพูดเถอะ"
เสียงนิ่งๆ แต่หน้าเริ่มแดง บ่งบอกให้รู้ว่าคนรักแฟนมากนั้นกำลังเขิน พี่ต้นถอดเขี้ยวเล็บจนกลายเป็นแมวตัวน้อยๆ
"หลงมากเลยเนอะ"
ผมเหลือบสายตามองพี่ชายก่อนจะต้องเม้มปากกลั้นยิ้ม เพราะตอนนี้ความแดงไล่มาถึงใบหูแล้ว น่ารักดีว่ะ อยากให้กันย์หยุดฝอยแล้วหันมามองแฟนตัวเองบ้าง
"เออ พอแล้วน่า"
น้ำเสียงเริ่มแสดงความหงุดหงิดแต่ไม่กล้าหันมาสบตากับผม ก็แบบนี้ล่ะ เถียงไม่ออก เพราะที่พูดๆ ไปความจริงทั้งนั้น ทั้งรักทั้งหลงน้องกันย์มาก ใครแตะไม่ได้เลย
"รักมากเลยเนอะน้องกันย์เนี่ย"
"เออ หยุดพูดได้แล้ว"
"เขินล่ะสิ"
ผมยังไม่วายแซว เพราะแกล้งพี่ต้นแล้วโคตรสนุก
"ข้าวครับ..."
เสียงแข็งแล้วเราควรพอ
"หึหึ ครับๆ พอก็พอ"
หลังจากทำบุญกันเสร็จต่างคู่ก็ต่างแยกย้ายกันไปในที่ๆ ตัวเองอยากไป ผมกับแฮงค์หนีมากินข้าวในห้าง ส่วนพี่ต้นกับกันย์ไปต่างจังหวัด
"อยากไปไหนอีกหรือเปล่าครับ"
แฮงค์ถามขึ้นในขณะที่เราเดินกลับมาลานจอดรถหลังจาดฝกกอนข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ผมหันไปมองแล้วส่ายหน้ารัวๆ สภาพแบบนี้อยากนอนเต็มแก่แล้ว ยังไม่หายระบมเลย
"กลับคอนโดเหอะ อยากนอน"
ผมบอกเขาก่อนจะสอดตัวเข้าไปในรถแล้วหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า วันนี้ขออู้ไม่ยอมเป็นสารถีก็แล้วกัน เหมือนร่างจะพังเพราะก่อนหน้านี้โหมงานหนักมาเยอะ
"เพลียเหรอ"
แฮงค์ถามในขณะที่รถเคลื่อนตัวออกสู่ถนน ผมเปิดเปิดตามองเขาด้วยความรู้สึกฉุนๆ ยังมีหน้าจะมาถามอีกว่าเพลียเหรอ ใครทำอะไรเอาไว้จำไม่ได้หรือไง
"เออ เพราะใครล่ะ"
ไม่มีอะไรจะปิดบัง เลยยอมรับแบบโต้งๆ
"เพราะผม"
ตอบกลับมาด้วยการฉีกยิ้มกว้างจนผมนึกหมั่นไส้ แทนที่จะทำหน้าสำนึกผิดบ้างอะไรบ้าง ถ้าไม่ติดว่าเขาขับรถอยู่จะตบให้กบาลแยกจริงๆ ด้วย
"สำนึกบ้าง"
ผมว่าด้วยน้ำเสียงดุๆ แล้วถลึงตาใส่ จริงๆ ก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรหรอก แค่เห็นคนร่าเริงแล้วมันรู้สึกหงุดหงิดนิดๆ จะมีความสุขอะไรนักหนานะคนเรา
"โกรธเหรอครับ ผมขอโทษ"
แฮงค์ว่าเสียงอ่อย ใบหน้าเหมือนหมาหงอยถูกส่งมาให้กัน สุดท้ายผมก็แพ้ตามเคยสินะ เกลียดตัวเองฉิบหาย
"เปล่า... ไม่ได้โกรธหรอก แต่อย่ายิ้มหน้าระรื่นได้ปะ เห็นแล้วหมั่นไส้"
คราวนี้ผมยั้งมือไม่ทันเลยดึงแก้มเด็กยักษ์ข้างๆ หมั่นไส้ อยากขย้ำให้แหลกคามือ คนอะไร ชอบกวนตีนโดยไม่รู้ตัว
"โอ้ย ก็คนมันมีความสุขนี่นา"
ยังจะยิ้มอีก
"แฮงค์ครับ"
ผมว่าเสียงดุเพราะตัวเองเริ่มหน้าร้อน ทำไมต้องมาเขินเรื่องจัญไรแบบนี้ด้วยวะ ตั้งแต่เริ่มเป็นแฟนกันมาจนถึงวันนี้เสียสูญไปเยอะจริงๆ
"อ่า... ผมไม่แกล้งแล้ว กลับไปพักผ่อนเนอะแฟน"
แฮงค์ยอมรามือในที่สุด ทำมให้ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จะได้กลับไปนอนพักผ่อนสักที เผื่อไอ้เด็กบ้านี่เกิดคึกขึ้นมาอีกจะได้มีแรงรับมือทัน
"เออ เลิกกวนตีนสักที"
"ครับๆ จะเป็นเด็กดี ~"
ให้มันจริงเถอะไอ้เด็กเจ้าเล่ห์!
-----------------------------------------
แอบแว้บมาลงตอนพิเศษให้หนึ่งตอนเนอะ อีกสี่ตอนติดตามได้ในรูปเล่มน้า
ปล. ลืมแฮงค์กับพี่ข้าวไปหรือยัง ใครคิดถึงบ้าง ขอเสียงหน่อย 555555