《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]  (อ่าน 258499 ครั้ง)

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #510 เมื่อ29-05-2017 22:25:39 »

่ค้างมาก

ออฟไลน์ monalism

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #511 เมื่อ29-05-2017 23:26:25 »

งืออออ น้องรันต์สู้ๆ เอาไตพี่ไปเลยค่ะ เอาไปขายนะลูก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #512 เมื่อ30-05-2017 01:36:45 »

 :katai1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #513 เมื่อ30-05-2017 06:55:21 »

ทำไมพวกเมียน้อยส่วนใหญ่มันต้องร้ายด้วยนะ :m16:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #514 เมื่อ30-05-2017 08:31:37 »

สงสารน้องรันต์กับคุณแม่มากเลย

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #515 เมื่อ30-05-2017 08:40:58 »

เป็นเด็กที่น่าสงสาร และ น่าชื่นชมในเวลาเดียวกัน

น้องเก่งมาก ๆ ในอายุแค่นั้นแต่สามารถตั้งสติได้

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #516 เมื่อ31-05-2017 22:04:02 »

ใจยักษ์ 26


‘ผมมีเรื่องจะคุยด้วย คุณสะดวกออกมาพบผมจะได้ไหมครับ...เหรันต์’ เด็กชายกดส่งข้อความหาทางออกสุดท้ายสุดท้ายของเขา เหรันต์ไม่ได้บอกเมฆเพราะพี่ชายข้างบ้านเขาไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว เขาไม่อยากให้เรื่องของเขาต้องไปขัดความสุขของพี่ชาย

ติ้ง! เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีที่ส่งข้อความไปก็มีข้อความตอบกลับมาจากหมายเลขไม่ได้ระบุ

‘@ W 10.30 pm’
.
.
.
.
.
.
.
.
หมับ!

“เชี่ย! กูตกใจหมดไอ้เด็กบ้า แล้วรู้ได้ไงวะว่าเป็นกู” เจคถอดฮู้ดออกแล้วกระซิบกับรันต์เสียงเบา  สถานที่ที่เขานัดพบเด็กคนนี้เป็นย่านที่คนเดินผ่านไปผ่านมาและค่อนข้างเสียงดังจอแจ

“ก็ใส่ฮู้ดทำตัวมีลับลมคมในขนาดนั้นก็ต้องดูออกเป็นธรรมดาสิครับ” เด็กชายเถียงกลับเบาๆ อันที่จริงชายข้างๆเขาก็ไม่ได้ทำตัวน่าสงสัยขนาดนั้นแต่เขาแค่จำลักษณะและท่าทางออกเท่านั้นเอง

“แล้วมึงมีเรื่องอะไรจะคุยกับกูวะ”เจคปรับระดับเสียงให้ได้ยินกันแค่สองคนแล้วทำเป็นดูนั่นดูนี่เหมือนนักท่องเที่ยวปกติ

“คุณเคยรับปากว่าจะให้อะไรก็ได้ที่ผมขออย่างหนึ่ง”

“มึงบังคับกูต่างหาก” ปากสนทนากันแต่สายตากลับเสมองไปคนละทาง

“ผมมีเรื่องต้องใช้เงินด่วน...”…

“แม่มึงป่วย เป็นเนื้องอกในสมองต้องได้รับการผ่าตัดเพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการล้ม”

“ก็คิดว่าถ้าเป็นคุณก็คงจะรู้ได้ไม่ยาก” เด็กชายเหรันต์ตอบกลับอีกคนโดยไม่แปลกใจแม้แต่น้อย

“แต่ที่น่าแปลกคือ ประวัติมึงก็เหมือนเด็กเก่งธรรมดาๆคนหนึ่ง พ่อก็เป็นถึงเจ้าของบริษัท...แต่ที่กูเห็นมันไม่ใช่อย่างนั้นนี่นา” ทั้งคู่หันกลับมาสบตากันโดยบังเอิญ  ต่างคนต่างเงียบไป ในที่สุดคนอายุน้อยกว่าก็เอ่ยปากเปลี่ยนเรื่อง

“ถ้ามันมากเกินไปผมยินดีทำงานตอบแทน”

“แล้วมึงจะทำอะไรได้บ้างล่ะ”

“แล้วคุณคิดว่าคนอย่างผมจะสามารถทำอะไรตอบแทนค่าจ้างได้บ้างล่ะครับ ถ้าคุณไม่ต้องการผม คุณคงไม่เรียกผมออกมาตั้งแต่แรก คุณจะยอมปล่อยผ่านก็ได้ เพราะยังไงผมก็ไม่มีปัญญาหาคุณเจออยู่ดี” ถูกที่เด็กชายว่าทุกอย่าง เขามีความจำที่จะใช้เด็กคนนี้จริงๆ

“มึงรู้ใช่ไหมว่าถ้าได้ก้าวเท้าเข้ามาแล้ว ชีวิตมึงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

“พรุ่งนี้มาหากูที่นี่” เจคใช้วิธีเดียวกับที่เจอเด็กชายเมื่อครั้งแรกยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆที่ฝ่ามือผ่านหน้าเด็กชายในเสี้ยววินาที เป็นรหัสที่แกะออกมาแล้วจะเป็นเวลาและสถานที่ที่เขานัดเจอ ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ เหรันต์ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะต้องทำงานกับเขา

“ครับ”

…วันต่อมา...

“นี่เป็นงานที่กูทำค้างมาครึ่งปี แต่ยังปิดจ็อบไม่ได้สักที” เจคยื่นเอกสารประวัติโดยละเอียดพร้อมแนบรูปชายวัยกลางคนหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตาในแวดวงทางการเมืองคนหนึ่ง ตอนนี้เขากับเหรันต์นั่งคุยกันอยู่ในห้องของเขา เด็กนี่จำได้และแกะรหัสถูกต้อง แสดงว่าผ่านด่านแรก

“ทำไมถึงไว้ใจผมล่ะ นี่มันเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่หรือไง?”

“กูใช้เหตุผลในการตัดสินใจมาทั้งชีวิตแล้ว ถ้ากูใช้ความรู้สึกบ้าง...บางทีมันอาจจะดีกว่าก็ได้” เด็กชายรู้สึกดีใจและชื่นชมเจคไปในเวลาเดียวกัน อย่างน้อยก็ยังมีคนที่มองเห็นคุณค่าในด้านที่เขาอยากให้มองบ้าง แน่ล่ะใครๆก็ต้องการใช้ประโยชน์จากความเก่งของเขาไม่เว้นแม้แต่เจค แต่ว่าอย่างน้อยเจคก็ยังเชื่อใจ ยังให้ความไว้วางใจเขา

“คุณเป็นตำรวจหรอ” เด็กชายถามเจค

“เปล่า” เจคส่ายหัวปฏิเสธเด็กชายแล้วพูดต่อ “แต่ทำงานให้เขาอีกที”

“อ่อ เป็นสายตำรวจ?” เด็กชายถามพลางอ่านประวัติของคนที่เจคยื่นให้อ่าน

“ไม่เชิงหรอก สืบเอง ลงมือเองทุกอย่าง” เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองเจคด้วยความสงสัย

“คนที่กูทำงานให้เขาเป็นผู้มีพระคุณของกู  แล้วยังเป็นตำรวจหน่วยสืบสวนพิเศษ แต่งานสืบสวนบางอย่างที่ได้รับก็ค่อนข้างเสี่ยงต่อหน้าที่และขัดกับกฎหมายของประเทศ...นิดหน่อย  กูที่ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรก็ได้รับภารกิจมาทำบ้าง...พูดง่ายๆเลยคือ ทำงานให้ประเทศแบบใต้ดินนั่นแหละ”

“สรุปคือ ถ้าทำสำเร็จเบื้องบนเขาจะได้ผลงาน แต่ถ้าไม่ก็ต้องตัวใครตัวมันใช่ไหมครับ?”

“ก็...ประมาณนั้น....ที่สำคัญกว่านั้น วิธีการที่เราทำก็คล้ายๆอาชญากรเลยนะ  เพราะทางตรงมันไร้ซึ่งจุดหมายเราก็เลยต้องใช้วิธีลัดเพื่อให้มันเร็วขึ้น แต่ทุกอย่างที่ทำไปก็ทำประโยชน์เพื่อประเทศ มันเสี่ยงอันตรายมาก...มึงแน่ใจแล้วนะว่าจะทำ”

“ผมจะทำ”เหรันต์บอกเสียงนิ่ง ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะต้องเดินมาถึงจุดนี้  จากชีวิตที่สุขสบายสู่การเริ่มใหม่ที่เรียบง่าย แล้วมาถึงตอนนี้ที่สถานการณ์ทำให้เขาแทบจะฝืนยิ้มออกมาไม่ไหว  แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกผู้ชาย เขาจะต้องปกป้องสิ่งสำคัญของชีวิตเอาไว้ให้ได้

“บอกตรง ชีวิตมึงโคตรละครเลย” เจคแกล้งสัพยอกเด็กตรงหน้าเขาเพราะเห็นนิ่งไปพักใหญ่   เขาสืบทุกประวัติของเด็กคนนี้แล้ว เอาเข้าจริงๆจะมีเด็กสักกี่คนที่ยิ้มได้แล้วปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่ครอบครัวแตกแยกได้เร็วขนาดนี้  เหรันต์ไม่เคยมีประวัติทำตัวก้าวร้าวรุนแรงหรือใจแตกอย่างที่คิด กลับเป็นเด็กที่นิสัยยังเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่แรก ว่านอนสอนง่าย ยิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อนก็น้อยลงเมื่อไม่มีรถหรูๆมาส่งเหมือนเดิม ไปกินนั่นนี่กับเพื่อนไม่ได้ แต่เด็กคนนี้ก็ยังใช้ชีวิตปกติเลือกที่จะเงียบและยิ้มรับทุกอย่าง จนเขากลัวว่าสักวันหนึ่งเด็กคนนี้อาจจะ...

“สนใจเอาไปเขียนนิยายไหมครับ ฮ่าๆๆๆ” เด็กชายหัวเราะแทรกขึ้นหยุดความคิดเจค  ทำให้เขาหยุดคิดเรื่องเพ้อเจ้อลง

เขาคงไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกมั้ง...

“ว่าแต่คุณชื่ออะไรหรอครับ” เหรันต์ถาม เจอกันก็ตั้งหลายครั้งแต่ไม่รู้จักชื่อเลยมันก็ยังไงๆอยู่

“จริงๆการทำงานแบบนี้ชื่อที่อยู่ค่อนข้างเป็นความลับ”

“แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรครับ” เจคลูบคางตัวเองอย่างใช้ความคิด

“กูชื่อเจค” แค่ชื่อเล่นเขาคิดว่าคงไม่เป็นไร

“อ้าว ไหนว่าเป็นความลับ”

“ไม่มีเหตุผลโว้ย...มาคุยเรื่องงานกัน  มึงคงอ่านประวัติของเขาจบแล้วนะ”

“ครับ...ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้เกิดบนแผ่นเดียวกันกับเรา เป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ” หลังเด็กชายได้อ่านประวัติของคนๆนี้จบเขาก็รู้สึกรังเกียจในความชั่วช้าที่ชายคนนี้ทำลายประเทศชาติจริงๆ

“ความโลภ ความเห็นแก่ตัวไงล่ะรันต์ ทุกๆคนก็ล้วนมีเหมือนกันหมด แต่อยู่ที่ว่าใครจะมากหรือน้อยใครจะแสดงออกหรือไม่แสดงออกก็เท่านั้นเอง…สิ่งสำคัญของภารกิจนี้คือ การเอาข้อมูลการทำผิดของนายหริรักษ์ทั้งหมดมาให้ได้ เพื่อส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ให้เขาจัดการด้านกฎหมายต่อไป…ก่อนหน้านี้กูตามเก็บหลักฐานเป็นพวกรูปถ่ายการซื้อขาย แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ถ้าไปขึ้นศาลจริงๆยังไงมันก็ต้องดิ้นหลุด
แล้วจะเป็นเราเองที่ซวย แต่เมื่อตอนเดือนก่อนที่กูเจอมึงกูได้รับการติดต่อจากสายถึงแหล่งเก็บหลักฐานการค้ามนุษย์ รายชื่อลูกค้ารายใหญ่ จำนวนเหยื่อที่ถูกจับไปค้ามนุษย์ รวมถึงเรื่องทุจริตฉ้อราชบังหลวงที่มันมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด”

“ที่ไหนหรอครับ?” เด็กชายถาม คนระดับนั้นก็ต้องมีวิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยที่สุดอยู่แล้ว

“คอมพิวเตอร์ในห้องทำงานมัน”

“แล้วเราจะไปเอามาได้ยังไง”

“ก็เข้าไปเอาในบ้านมันไง” เจคยักไหล่ไม่ยี่หระตอบ

“มันจะง่ายขนาดนั้นเรอะ!”

“ก็มันไม่ง่ายนี่ไงล่ะ กูถึงต้องการความสามารถมึง”สิ่งที่รันต์มีทำให้เขาคิดหาทางออกที่เคยมืดสนิทสำหรับเรื่องนี้ได้แล้ว

“ความสามารถผม?”

“เออสิ...มึงมีความสามารถเรื่องการจดจำใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นกูจะให้มึงมาทำงานให้หรอ แล้วความสามรถอื่นล่ะมีอีกไหม”

“ผม...สามารถคำนวณทุกอย่างได้ในหัวโดยไม่ต้องเขียน ไม่ว่าจะเคยเรียนหรือไม่เคยเรียนมาก่อน สมองผมจะทำการไขคำตอบมันออกมาเองโดยอัตโนมัติ ส่วนเรื่องความจำ ผมก็จำเก่งตั้งแต่จำความได้แล้ว แค่แวบแรกก็จำได้ แต่มีอยู่สิ่งเดียวที่ผมก็จำเกือบไม่ได้แล้ว”ประโยคสุดท้ายเด็กชายพูดกับตัวเองเสียงเบา

“เรื่องคำนวณกูไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่เรื่องการจำของมึงต่างหากที่กูต้องการ เอาล่ะมาทดสอบความสามารถของมึงกัน” เจคพูดจบเขาก็เดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งในห้องมาก่อนจะกรีดกระดาษให้เห็นชัดๆตั้งแต่แผ่นแรกยันแผ่นสุดท้ายแล้วปิดลงอย่างรวดเร็ว

“หน้าที่39 บรรทัดที่7”เจคเอ่ยปากถามอย่างลุ้นๆ สายตามองไปที่หนังสืออย่างจดจ่อ เด็กชายฉีกยิ้มนิดๆแล้วพูดออกมาราวน้ำไหล

“ลักษณะของการสลายตัวให้รังสีแอลฟา... ”เด็กชายร่ายยาวจนจบไปอีกห้าบรรทัดแล้วหยุดเอียงคอถามคนอายุมากกว่า “ถูกไหมครับ? จริงๆจะให้พูดทั้งหน้าเลยก็ได้ แต่จะไม่เสียเวลาไปหน่อยหรอครับ”

เปาะ! เจคดีดนิ้วอย่างถูกใจ ที่รันต์ตอบได้อย่างแม่นยำไม่ตกหล่นสักตัวอักษรเดียว

“ถูกหมด...ก็จริงอยู่ที่ว่ามึงค่อนข้างอัจฉริยะ แต่มึงยังเด็กเกินไป...”อยู่ๆ เจคเกิดความลังเล เด็กผู้ชายตรงหน้าเขายังอายุไม่ถึงสิบห้าปีด้วยซ้ำ มันจะโอเคจริงๆหรอวะที่จะเอาเด็กตัวแค่นี้มาเสี่ยงอันตรายด้วย

“มันเป็นเส้นทางที่ผมเลือกเอง ผิดพลาดยังไงผมก็จะรับไว้เอง...แต่ว่านะเจค มนุษย์ทุกคนรักตัวเอง ผมจะทำให้ถึงที่สุดไม่ยอมพลาดให้ตัวเองตายง่ายๆหรอกครับ” เด็กชายพูดด้วยสีหน้าราบเรียบแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความมั่นคง ความคิดความอ่านก็โตเกินเด็ก เจคถอนหายใจอย่างปลงๆ ยังไงซะเขาก็จำเป็นต้องพึ่งเด็กคนนี้

“มึงถอยหลังกลับไม่ได้แล้วนะ...ถ้าพลาด คือตายสถานเดียว”

“ครับ…แต่ผมไม่ยอมตายหรอกนะ”

+++++++++++++++++

“อ๊ะ  ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มหน้าหวาน รูปร่างบอบบางในชุดกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาสวยพร้อมเสื้อกล้ามสีดำที่ทำให้ผิวขาวสว่างโดดเด่น ผมสีบลอนด์ทองยิ่งขับให้ใบหน้ากระจ่างใสดูสวยหวานยิ่งขึ้นไปอีก

“ไม่เป็นไรหนู...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” หริรักษ์รับเด็กหนุ่มร่างบางที่เดินเซมาชนเข้ากับเขาจนเกือบจะล้ม  แค่เห็นครั้งแรกเขาก็รู้สึกถูกใจเด็กหนุ่มคนนี้เข้าอย่างจัง

หริรักษ์ พฤกษรักษ์  ชายวัยกลางคนอายุห้าสิบปีเต็มที่ยังดูดี มีตำแหน่งทางการเมืองใหญ่โต มีภรรยาและลูกอีกสองคน ช่างเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่นั่นเป็นเพียงฉากหน้าที่คนภายนอกเห็น รสนิยมจริงๆที่เขาชอบคือผู้ชาย โดยเฉพาะเด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าหวานๆที่เขาก็เลี้ยงเอาไว้หลายต่อหลายคน ยิ่งมาเห็นเด็กคนนี้อาการอยากได้จนเนื้อตัวสั่นไปหมด

“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องขอโทษท่านจริงๆ”เด็กหนุ่มขืนตัวออกจากอ้อมกอดอีกคนอย่างมีจริต หริรักษ์มองด้วยแววตาเป็นประกายขึ้น

แบบนี้ยิ่งน่าอยากได้ไปใหญ่

“จะกลับแล้วหรอ ยังไม่ดึกเลย” คนอายุมากกว่าเอ่ยปากถาม ณ เวลานี้พึ่งจะห้าทุ่ม ที่นี่เป็นคลับที่กลุ่มวัยทำงาน วัยมหาวิทยาลัยชอบมาเที่ยวสังสรรค์ ซึ่งเขาก็แวะมาผ่อนคลายอารมณ์เปลี่ยวเดือนละครั้ง

“ใช่ครับ วันนี้ดึกแล้ว  พรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า”

“เรียนมหาลัยแล้วหรอเนี่ย ยังหน้าเด็กอยู่เลย” หริรักษ์เพิ่มระดับเสียงแข่งกับเพลงภายในคลับ

“ถ้าอายุไม่ถึงผมจะเข้ามาได้ยังไงล่ะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้าพรุ่งนี้ได้เจอท่านอีกก็คงดี สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมฉีกยิ้มหวานให้แล้วเดินจากไป หริรักษ์มองตามจนสุดสายตา  ไม่ยอมง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยากจนน่ารำคาญ เห็นทีช่วงนี้เขาคงต้องมาที่นี่บ่อยๆหน่อยแล้ว

คล้อยหลังออกจาหประตูคลับ เหรันต์เดินตรงดิ่งไปขึ้นรถที่จอดรอตรงมุมอับของซอยแถวนั้น

“เป็นไงบ้าง”เจคเหยียบคันเร่งออกจากบริเวณพร้อมเอ่ยปากถามคนข้างๆ เด็กชายยังไม่ตอบในทันทีเพราะเขามัวแต่ลูบตามตัวด้วยความขนลุก

“ผมไม่รู้” เด็กชายตอบทื่อๆ

“เอ้า! อะไรของมึงวะ”

“ผมทำตามที่เจคบอกทุกอย่างนั่นแหละ ติดกับรึเปล่าไม่รู้ ดูไม่เป็น”

“ไม่โดนจับได้ใช่ไหม?”

“ถ้าโดนคงมีโอกาสรอดมาหาคุณได้หรอก” ผั๊วะ! แล้วก็โดนตบจนหัวทิ่มข้อหายอกย้อน

“เดี๋ยวนี้กวนตีนนะมึง...พรุ่งนี้ได้รู้กันว่าได้ผลรึเปล่า”

เจคขับรถซีดานเก่าๆสีดำตกรุ่นหลายปีไปส่งเด็กชายที่ซอกตึกใกล้ๆกับโรงพยาบาลที่แม่ของเขารักษาตัวอยู่  เด็กชายรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถโดยไม่มีความเขินอายอีกคนแม้แต่น้อย เมื่อเปลี่ยนเสร็จก็หยิบวิกสีดำมาใส่ไว้เป็นอันจบการแปลงกาย

“ไปแล้วนะครับ” เด็กชายเอ่ยลา

“เออ พรุ่งนี้เจอกัน”

++++++++++++++++++++

ในทุกๆวันเหรันต์อีกคน หรือ ดิว  นายอธิป  เลิศผล อายุ 20 ปี นิสิตมหาวิทยาลัย L  จะไปพบกับนายหริรักษ์ที่คลับ B ทุกวัน จนเวลาล่วงเลยมาเข้าสู่วันที่ห้าที่ได้พบกัน นายหริรักษ์เดินหน้ารุกเหรันต์เต็มกำลัง โดยการชวนไปทานข้าวที่ภัตตาคารหรูใจกลางเมือง เหรันต์ตอบตกลงเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

“ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้  แต่เป็นโอกาสที่ดี ขั้นต่อไปมึงทำยังไงก็ได้ให้ได้เข้าบ้านมัน” เจคบอกแผนการขั้นต่อไปกับเด็กชายภายในรถ

“มันไม่เร็วไปหน่อยหรอ”

“ไม่หรอก มันดูกระหายมึงจะตาย”

“แล้วถ้าผมขอเข้าไปได้ต้องทำยังไงถึงจะสามารถเอาข้อมูลออกมาได้”

“เดี๋ยวกูบอกมึงอีกที ทำให้มันสำเร็จก่อนเถอะ” เจคบอกกับรันต์ อย่างน้อยก็คงต้องใช้เวลาสักเดือนเพื่อให้นายหริรักษ์วางใจล่ะ
.
.
.
.
.
.
.

“บอกมาสิว่าต้องทำยังไงต่อ” เหรันต์ทวงถามแผนการกับเจค

“กูไม่อยากจะเชื่อ มึงทำได้ยังไงอ่ะ” เจคถามอย่างทึ่งๆหลังจากที่คุยกันได้หนึ่งวัน เหรันต์เดินมาขึ้นรถแล้วบอกกับเขาว่าสามารถเข้าบ้านนายหริรักษ์ได้แล้ว

“ก็แค่บอกว่าอยากดูนกเงือกแบบเป็นส่วนตัว ถ้าทำให้ได้จะยอมให้ทำอย่างที่อยากทำ เขาก็เสนอตัวว่าจะพาไปดูที่บ้าน” เด็กชายตอบซื่อๆ เขาจำได้ว่านายหริรักษ์ลักลอบเลี้ยงสัตว์สงวนไว้ภายในบริเวณบ้านจากการอ่านประวัติ ก็เลยลองเสี่ยงทำเป็นพูดขึ้นมาลอยๆโดยต่อรองสิ่งที่เจคบอกว่านายหริรักษ์ต้องการจากเขา

สุดท้ายเจคจึงพารันต์มาที่ห้องพักของเขาเพื่อวางแผนที่จะทำในวันพรุ่งนี้ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะทำสำเร็จ

“นี่เป็นเข็มยาสลบดึงปลอกออกแล้วจิ้มที่ท้ายทอยตอนมันกำลังจะแหย่ด้ายเข้าเข็มมึง”เจคยื่นเข็มยาสลบให้รันต์

“เขาจะทำผมจริงๆใช่ไหม?” เด็กชายเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ เกิดมาแม้แต่คนมาชอบยังไม่มี แต่พอเจคจับแปลงโฉมกลับมีแต่คนมองคนสนใจ

“อย่าพลาด”เจคบีบไหล่น้องเบาๆอย่างให้กำลังใจให้กำลังใจ ก่อนจะเอ่ยแผนการกับรันต์ต่อ

“สิ่งที่ยากที่สุดหลังจากเข้าบ้านนายหริรักษ์ได้แล้วจะเข้าห้องนอนมันได้ยังไงต่างหาก”

“ทำไมครับ?”

“ห้องทำงานที่เก็บข้อมูลมีประตูเชื่อมกับห้องนอนมันอยู่  แล้วมึงคิดว่าไอ้บ้าที่ไหนมันจะพาคนที่รู้จักไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ไปนอนในห้องที่ส่วนตัวแล้วสำคัญขนาดนั้นวะ” เจคขยี้ผมเซ็งๆ พอเดินจากจุดหนึ่งมาได้ก็เดินมาเจอทางตันซะอย่างนั้น

“ผม...จะลองพยายามดู”

“ยังไง เฮ้ย!!!” เจคหลุดอุทานเสียงดัง เมื่ออยู่ๆเด็กชายหน้าใสลุกพรวดก้าวมาทางเจคแล้วนั่งคร่อมตักเขาอย่างรวดเร็ว แขนขาวๆทั้งสองข้างคล้องเข้าที่คอ ตาคมสวยช้อนมองต่างไปจากเดิม ลมหายใจเจคหยุดกึก เหมือนคนที่นั่งอยู่บนตักเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เหรันต์ที่เขารู้จักอีกต่อไป

“เจค...”เสียงหวานปนแหบเอ่ยเรียกสติเจคให้กลับคืนมา

“ห๊ะ...หา” เจคกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“ขอสิบล้านได้ไหม?”ตาคมช้อนมองอ้อยอิ่ง

“ฝะฝันหรอ” เจคปฏิเสธติดๆขัดๆ

“นะ...นะครับเจค....ยอมทุกอย่างเลย” รันต์อ้อนเสียงหวาน ริมฝีปากอิ่มน่าจูบเผยออกนิดๆอย่างเชิญชวน มือบางคลึงท้ายทอยอีกคนให้ผ่อนคลาย  สะโพกมนขยับส่ายเบาๆบนตัก เจคเผลอยกมือลูบเอวบางด้วยความลืมตัว ตาเริ่มลอยเหมือนตกอยู่ในภวังค์

“เจคคคคค” รันต์ลากเสียงเรียกชื่ออีกคน

“อะอืม ตามใจดิ” เจคตอบอีกคนไปโดยไม่รู้ตัว

เพี๊ยะ! เด็กชายตบหน้าเรียกสติคนพี่เบาๆเพื่อเรียกสติ

“เหี้ย! เล่นอะไรของมึงวะ” เจคโวยวายเมื่อสติกลับเข้าร่างแล้ว

“คุณต้องจ่ายให้ผมสิบล้านนะเจค” เด็กชายยิ้มให้บางๆ เจคมองรันต์อึ้งๆเมื่อกี้เขาเผลอตกปากรับคำอีกคนซะแล้ว

“มึงหลอกล่อกู” เจคเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ยอมรับเลยว่าหลงรันต์ไปพักหนึ่ง

“เขาเรียกว่าขออย่างมีเทคนิค” เด็กชายยักคิ้วให้ข้างหนึ่งกวนๆ

“ไปจำมาจากไหน?” เจคหรี่ตามอง รู้แน่แล้วว่าเด็กชายต้องไปจำมาจากที่ไหนสักแห่งแน่ๆ

“หนังอีโรติค ที่เขาเรียกว่าอะไรนะ...ยั่วยวน? ใช่ๆคิดว่าอาจจะต้องใช้ก็ได้” เด็กชายตอบซื่อๆไม่มีกระดากอายสักนิด  เจคได้แต่หัวเราะเหอะๆในใจ ขนาดพึ่งไปจำเขามานะเนี่ย

“กูว่าเรื่องเข้าห้องนอนไอ้เหี้ยนั่นอาจมีหวัง” เจคแทนชื่อนายหริรักษ์เป็นคำหยาบด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว

“ว้าว! ถ้าอย่างนั้นเรามาพูดแผนการขั้นตอไปกันเถอะ~”

+++++++++++++++++++

“ช่วงนี้ตอนดึกน้องหายไปไหนมาลูก?” แพรวาถามพร้อมลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู ลูกชายเธอมักจะหายไปตอนที่เธอหลับ และกลับมาเมื่อเธอตื่น  ที่รู้เพราะเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยอาการปวดหัวแล้วเจอเพียงเพื่อนสนิท เธอสังเกตอยู่สองสามคืน เลยเค้นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่คงรู้เห็นเป็นใจไปด้วย แต่เฟื่องฟ้าก็ไม่รู้อะไรมากเธอจึงถามลูกชายตรงๆ

“น้อง...ไปทำงานกับเพื่อนครับ ไม่ใช่งานไม่ดีหรอกครับ” เด็กชายยิ้มพร้อมออกตัวไว้ก่อน จับมือแม่ที่ลูบหัวอยู่มาจูบด้วยความรัก

“แม่ก็ไม่เคยคิดว่าน้องรันต์จะทำเรื่องไม่ดี แต่แม่เป็นห่วงน้อง”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวมันก็จบแล้ว...คุณแม่พักผ่อนนะครับ พรุ่งนี้ก็จะผ่าตัดแล้วน้องอยากให้คุณแม่พร้อมที่สุด”

“คร้าบบบ คุณลูกชาย”

“น้องรันต์รักคุณแม่นะ รักที่สุด”เด็กชายโน้มตัวเข้าไปกอดคนเป็นแม่ ไม่รู้เพราะอะไรกระบอกตาเขาถึงร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเพราะเขามีเรื่องปิดบังคนเป็นแม่อยู่ เย็นนี้เขาจะต้องไปบ้านนายหริรักษ์แล้ว ไม่รู้จะมีชีวิตรอดกลับมาได้รึเปล่า

“แม่ก็รักน้องรันต์ รักที่สุดในชีวิตแม่” เธอกอดลูกชายแน่น การผ่าตัดที่จะถึงในวันพรุ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ แม้จะทำใจและยอมรับชะตากรรมว่าไม่มีใครมีชีวิตยืนยาวไปได้ตลอด แต่เธอก็ยังอยากอยู่...อยากเห็นเขาเติบโต...

“เก็บแหวนวงนี้ไว้นะลูก” แพรวาถอดแหวนที่เธอใส่ติดนิ้วตลอดชีวิตคู่ใส่มือลูกชาย เด็กน้อยมองแหวนในมือด้วยความไม่เข้าใจ

“คุณแม่ให้น้องทำไมครับ?”

“แม่อยากให้เป็นสิ่งแทนใจแม่...น้องรันต์รู้ไหมว่าแหวนวงนี้ราคาไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ แต่พ่อของน้องรันต์ก็ใช้เงินเก็บที่มีทั้งหมดในตอนนั้นซื้อให้แม่เป็นแหวนแต่งงาน...แม่รักพ่อมากนะ เลือกเขาทั้งๆที่ครอบครัวไม่ยอมรับจนถึงขนาดต้องตัดพ่อตัดลูก  แต่พ่อน้องรันต์เขาก็ดีทำงานตัวเป็นเกลียวจนมีเงินก้อนมาเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง ชีวิตครอบครัวเรามีความสุขดี...จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิตพ่อของลูก แม่ยอมรับว่าตอนแรกที่รู้เรื่องแม่เสียใจมากและใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล แม่จึงถอยออกมาเพื่อตั้งหลักก่อน ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวพ่อของลูกว่าการที่เขามีชีวิตที่อิสระขึ้นเขาจะยังเลือกครอบครัวเหมือนเดิม หรือเลือก...ผู้หญิงคนนั้น  แม่ไม่อยากให้น้องรันต์โกรธคุณพ่อเพราะมันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ เขายังทำหน้าที่พ่อของน้องรันต์อยู่” แพรวาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกเข้าใจ

“คุณแม่รักคุณพ่อไหม?”

“รักสิ ถึงจะโกรธ แต่แม่ก็รักเขานะ” แพรวายิ้มให้ลูกชาย เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำจะทำให้ลูกมองพ่อตัวเองในด้านลบซึ่งเธอไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้น

“น้องรันต์จะเชื่อคุณแม่...แต่ถึงไม่มีใครรักคุณแม่ยังไงน้องก็รักคุณแม่เหมือนเดิม” เด็กชายยิ้มกว้างพร้อมก้มหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่

“แม่เป็นกำลังใจให้น้องรันต์นะลูก” แพรวาหอมแก้มพร้อมจุ๊บปากลูกชายคืน เธอช่างโชคดีที่เด็กคนนี้เกิดมาเป็นลูกของเธอ

“ตอนเย็นน้องรันต์ไม่อยู่ คุณแม่ไม่ต้องรอนะครับ รีบพักผ่อนเลย”เด็กชายบอกแล้วหอมแก้มคนเป็นแม่

“จ้ะ” แพรวายิ้มหวานให้ลูกชายอย่างเป็นกำลังใจให้ เธอไม่รู้ว่าลูกต้องเหนื่อยเพื่อเธอขนาดไหน อย่างน้อยที่สุดเธอก็จะคอยเป็นกำลังใจให้เขาตลอดไป

+++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2017 23:13:40 โดย YINGPREM »

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #517 เมื่อ31-05-2017 22:05:33 »

ใจยักษ์ 26 [ต่อ]

“ท่านพาดิวมาที่นี่ คุณหญิงจะไม่ว่าหรือครับ” ดิว อธิป หรือ เหรันต์ ราชรัตน์ เกาะแขนหนุ่มใหญ่เดินชมนานาสัตว์สงวนภายในบ้าน พฤกษรักษ์

“คุณหญิงเธอไปเที่ยวยุโรปน่ะ ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านหรอก” มือนายหริรักษ์ขยับมาโอบเอวให้ร่างบางเข้าแนบชิดกับกายตนมากยิ่งขึ้น เหรันต์แอบตากระตุกนิดๆด้วยความรังเกียจแต่ก็พลิกหน้ายิ้มหวานมอบให้อีกคนอย่างแนบเนียน

“ดิวขอบพระคุณท่านมากนะครับที่ใจดีกับดิวขนาดนี้ ไม่รู้จะสามารถทำอะไรตอบแทนท่านได้บ้าง” เขายิ้มหวาน ซบหัวทุยกับหน้าอกหริรักษ์อย่างอ้อนๆ

“เธอรู้ดีว่าฉันต้องการอะไร” หริรักษ์ลูบไล้ตามใบหน้าคมสวยอย่างหลงใหล ยิ่งนานวันเข้าเขาก็ยิ่งหลงใหลเด็กคนนี้มากเข้าทุกที

“ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านต้องการ ดิวก็ยินดีครับ” เด็กคนนี้เล่นของกับเขาหรือเปล่านะ เพราะแค่ยิ้มหวานๆก็ทำให้ชายที่โชกโชนในวงการอย่างเขาที่ผ่านชายมาเป็นร้อยเป็นพันแทบจะสยบอยู่แทบเท้าเด็กคนนี้
.
.
.
.
.
.
.
.

“ห้องสวยจังเลยนะครับ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นหลังจากที่หริรักษ์พาเขาขึ้นชั้นสองมายังห้องหนึ่ง

“ชอบไหม?”หริรักษ์เดินเข้ามาใกล้พร้อมโอบเอวบาง จมูกสูดดมไปตามซอกคอหอมอย่างหลงใหล

“ก็ดีครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเสียงเบา หริรักษ์ขมวดคิ้วก่อนจะพลิกตัวเด็กหนุ่มให้หันมาเผชิญหน้ากับตนเอง

“ทำไมถึงเสียงเศร้าแบบนั้น ถ้าไม่ชอบฉันจะเปลี่ยนห้องให้”

“ไม่ได้ไม่ชอบหรอกครับ แต่ดิวแค่ผิดหวังนิดหน่อย” เด็กหนุ่มหลุบตาต่ำไม่ยอมสบตาคนอายุมากกว่า

“ผิดหวังอะไรรึ?”

“เปล่าครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าพร้อมยิ้มแห้งๆแล้วซบหน้าลงที่อกกว้างราวกับเศร้าสร้อยมากมาย เขากำลังนึกภาพว่าผู้หญิงในหนังทำสีหน้าแบบไหน ณ ตอนนั้น

“บอกฉันมาเถอะ อะไรที่ให้ได้ฉันก็จะให้” หริรักษ์ไล้มือไปตามใบหน้าคมอ้อยอิ่ง

“ดิวแค่หวังว่าท่านคงจะพาไปที่ห้องนอนของท่าน ที่ๆท่านใช้หลับนอนทุกวัน อยากรู้จัก อยากสัมผัสให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น” ตากลมโตช้อนมองเหมือนที่ทำกับเจคเมื่อวาน มือบางลูบไล้ไปตามหน้าอกอีกบางเบา จากนั้นจึงเฉมองไปอีกทางแล้วพูดประโยคต่อมาที่กระทบใจหริรักษ์เข้าอย่างจัง

“แต่ดิวคงไม่มีค่าพอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” หริรักษ์รีบปฏิเสธ กระวนกระวายใจเมื่อเห็นหน้าเศร้าๆของเด็กคนนี้ แต่เขาก็ค่อนข้างหนักใจที่จะพาคนรู้จักไม่ถึงสัปดาห์เข้าห้องที่สำคัญขนาดนั้น

“ถ้าท่านลำบากใจ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ดิวรู้สถานะตัวเองดี” เด็กหนุ่มแกล้งยิ้มฝืนๆแล้วบอกปัด หริรักษ์นิ่งคิดไปพักใหญ่แล้วเอ่ยบอกกับเด็กหนุ่มเมื่อตัดสินใจได้

“ไปสิ ฉันจะพาไปห้องนอนฉัน” ยอมรับตรงๆว่าเขาหลงเด็กคนนี้หนักจริงๆ อยากเอาใจไปซะทุกอย่าง เด็กหนุ่มยิ้มหวานแล้วเขย่งจมูกหอมที่คางหริรักษ์เร็วๆ หนุ่มใหญ่ยิ่งอยากขย้ำกระต่ายตัวน้อยๆใจแทบขาดแล้ว

“ท่านจะพาเด็กคนนี้เข้าไปจริงๆหรือครับ” การ์ดหน้าประตูเข้าขวางทางคนทั้งคู่ก่อนจะเอ่ยถามเจ้าของห้อง

“ใช่ หลบไปโชค” หริรักษ์ว่าเสียงเย็น ต่อหน้าลูกน้องเขาเคร่งขรึมเสมอ

“แต่ว่า...” โชคลังเลที่จะถอยให้

“ถ้าคุณโชคไม่ไว้ใจ กลัวดิวจะทำร้ายท่าน จะค้นตัวดิวก็ได้นะครับ” เด็กชายยิ้มซื่อๆพูดเพื่อความบริสุทธิ์ใจของตนเองทั้งๆที่ข้างในกางเกงของเขามีทั้งเข็มยาสลบและชิพที่ใส่ข้อมูล

โชคทำท่าจะเข้ามาค้นตัวดิวแต่ก็โดนเจ้านายตนเองขวางเอาไว้ก่อน

“อย่าเสียมารยาทเจ้าโชค ดิวเป็นคนของฉันและเมื่อกี้เขาก็แสดงความบริสุทธิ์ใจชัดเจนแล้ว เด็กตัวแค่นี้ฉันจะสู้ไม่ได้เชียวรึ” หริรักษ์ตำหนิลูกน้องตัวเองเสียงเข้ม โชคก้มหน้านิ่งก่อนจะขยับตัวเปิดทางให้ทั้งคู่เข้าห้องไป

“ว้าว!สวยมากเลยครับท่าน ตกแต่งหรูหราสมกับเป็นท่านเลย” เด็กชายแกล้งทำเป็นตื่นตาตื่นใจ สายตากวาดมองไปทั่วห้องเพื่อหาประตูเชื่อมไปห้องทำงานแต่ก็ยังไม่พบ

“ถ้าชอบฉันก็ดีใจ จะอาบน้ำก่อนไหม?” หริรักษ์ถามยิ้มๆ

“ไม่ดีกว่าครับ ผมว่าเรามาเริ่มให้มันเสร็จๆเลยดีกว่า” เด็กชายพูดพร้อมล้มตัวลงบนเตียง หริรักษ์แปลกใจเล็กน้อยที่น้ำเสียงของอีกคนดูเย็นขึ้น แต่เขาก็เลือกที่จะละทิ้งเหตุผลด้วยความมัวเมาในเสน่หาของอีกคน ชายร่างใหญ่กระโดดขึ้นเตียงคร่อมทับอีกคนไว้ แลบลิ้นเลียริมฝีปากหนาของตนเอง วันนี้แหละที่เขาจะได้ลิ้มลองริมฝีปากน่าขยี้นี่สักที

“มาเป็นของฉันเถอะ” หริรักษ์ครางหื่นๆก้มหน้าลงจะประทับริมฝีปากอีกคน แต่ก็ชะงักกึกเมื่อเห็นร้อยยิ้มร้ายๆผุดขึ้นบนใบหน้าสวยพร้อมความเจ็บแปลบที่ท้ายทอย

“ครับ แต่ว่าในนรกนะ ไอ้สารเลว”เฮือกสุดท้ายก่อนหมดสติหริรักษ์เอื้อมมือหมายจะบีบคออีกคน แต่ด้วยฤทธิ์ของเข็มยาสลบชนิดรุนแรงทำให้เขาล้มทับเหรันต์ในทันที

เด็กชายเบ้หน้าแล้วผลักหริรักษ์นอนที่ว่างข้างๆ เขาลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย จัดท่านอนนายหริรักษ์ให้ปกติถอดเสื้อออกให้เปลือยท่อนบนแล้วใช้ผ้าห่มคลุมสะโพกไว้ เหรันต์หยิบโทรศัพท์แล้วเปิดคลิปเกย์ที่กำลังมีอะไรกันจากนั้นเอาไปวางไว้ใกล้ๆกับประตู เมื่อเสร็จขั้นหลอกคนข้างนอก เด็กชายก็ทั่วห้องเพื่อหาประตูที่สามารถเชื่อมไปยังห้องทำงานได้ จนกระทั่งไปเจอเข้ากับผนังด้านหนึ่งของห้องแต่งตัว เด็กชายเคาะไปตามผนังจนไปถึงจุดที่ได้ยินเสียงโปร่งๆ เขาหาสวิซเปิดประตู สมองคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะเป็นที่ซ่อนก่อนจะยิ้มออกมานิดๆเมื่อนึกอะไรดีๆออก

เหรันต์ตรงดิ่งไปยังชั้นหนังสือ สอดมือเข้าไปหลังชั้นหนังสือเจอกับปุ่มสีเขียว เด็กชายกดก่อนจะได้ยินเสียงประตูเปิดจากห้องแต่งตัว เด็กชายยิ้มภูมิใจกับตนเองนิดๆ

เพราะแวบแรกที่นายหริรักษ์เข้ามา สายตาเขามองไปที่ชั้นหนังสือก่อนเป็นอันดับแรก เพราะฉะนั้นคนมีชนักติดหลังอย่างหมอนี่ต้องเช็คสิ่งสำคัญของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ เหรันต์รีบตรงดิ่งไปยังห้องทำงาน  เจอคอมพิวเตอร์ตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะ  เหรันต์เปิดเครื่องตามที่เจคบอกพร้อมเสียบชิพเข้าไปยังช่อง ระหว่างที่รอก็ลงมือค้นหาเอกสารต่างๆ เจอข้อมูลน่าสนใจเขาก็ถ่ายรูปเก็บไว้ เมื่อเครื่องเปิดให้เข้ารหัส เด็กชายก็กดปุ่มตามที่เจคบอก  เมื่อจอขึ้นสีดำและขึ้นให้คีย์ตัวอักษรลงไป เด็กชายก็จัดการรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์ สิ่งที่เขาพิมพ์ลงไปคือภาษาซีซึ่งเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ เจคเขียนให้เขาจำเกือบสามหน้ากระดาษ ย้ำให้จำให้ได้ทุกตัวอักษรแม้แต่วงเล็บหรือวรรคตัวอักษรก็ห้ามตกหล่นแม้แต่ตัวเดียว เพราะไม่อย่างนั้นมันจะรันไม่ออก หรือรันไม่สมบูรณ์นั่นเอง เด็กชายใช้เวลาเกือบสิบนาที ระบบก็เปิดและทำการดูดทุกข้อมูลในเครื่องลงชิพ เด็กชายถอนหายใจเหนื่อยๆเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดซึมขึ้นตามใบหน้าเหมือนเขาไปวิ่งมาราธอนสักยี่สิบกิโลเมตร เป็นเพราะความเกร็งและใช้สมองอย่างหนักทำให้เขาล้าอย่างช่วยไม่ได้

ระหว่างที่รอโหลดข้อมูลอยู่ รันต์ก็จัดการถอดเสื้อตอนเองออกมาขยำให้ยับยู่ยี่เพื่อความแนบเนียน รันต์ขยับวิกให้เข้าที่ วันนี้เขาใส่วิกผมราคาเป็นแสนของเจคมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผมหล่นเป็นหลักฐานมัดตัวเองได้ ที่นิ้วมือก็มีสติกเกอร์แปะไว้ไม่ให้เหลือร่องรอยใดๆทั้งสิ้น

เวลาล่วงเลยไปยี่สิบนาทีกว่าๆ การอัพโหลดข้อมูลทั้งหมดลงบนไมโครชิพเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ เหรันต์ดึงชิพออกจากคอมพิวเตอร์แล้วเก็บไว้อย่างปลอดภัย ก่อนออกจากห้องเขาหันไปยิ้มให้กล้อวงจรปิดแล้วทำการปิดประตูห้องทำงานนายหริรักษ์ เหรันต์เดินออกมานอกห้อง ตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดวาล์วเรนชาวเวอร์ไว้ เปิดประตูห้องน้ำให้มีเสียงออกมา

รันต์นั่งรออีกประมาณสิบนาทีเพื่อให้ได้เวลาที่พอดีกับที่นายหริรักษ์ทำกิจกรรมเสร็จ เขาชื่นชมในตัวเจคจริงๆนะที่ขนาดเวลาบนเตียงของนายหริรักษ์เขายังไปสืบมาจนรู้

เมื่อได้เวลาเหรันต์ก็ทำการเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง จัดเสื้อผ้ายับๆให้หลุดลุ่ยเล็กน้อยแล้วเปิดประตูออกไป การ์ดหน้าห้องไม่ใช่โชคแต่เป็นอีกคนที่เขาไม่เคยเห็นยืนหน้าแดงอยู่ คงเพราะได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ที่เขาวางเอาไว้นั่นแหละ

“จะไปไหนหรือครับ” การ์ดรีบถามเมื่อเห็นรันต์ออกมาคนเดียว

“ผมจะลงไปรอที่โต๊ะทานข้าวน่ะครับ ท่านให้ลงไปรอก่อนเพราะท่านจะอาบน้ำก่อน” นี่ก็เป็นนิสัยอีกอย่างหนึ่งของนายหริรักษ์เช่นกัน

“เชิญครับ” รันต์หันไปยิ้มหวานให้การ์ดก่อนจะเดินลงบันไดไป เมื่อมาถึงชั้นล่างของบ้านแทนที่เด็กชายจะไปยังโต๊ะอาหารตามที่ปากบอกแต่เขากลับเลาะเลี้ยวไปข้างหลังของตัวบ้านซึ่งเป็นทางไปบ้านพักคนรับใช้ของที่นี่  ซึ่งหลังบ้านพักคนใช้มีประตูบานเล็กๆที่คนใช้มีไว้ใช้เข้าออกประจำ

ถามว่าทำไมเขาถึงรู้น่ะหรอ ก็เพราะเจคเอาแปลนบ้านหลังนี้มากางให้เขาจำโดยละเอียดเลยนะสิ  อยากรู้จริงๆว่าสายของเจคในบ้านหลังนี้เป็นใครกันแน่

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เสียงเข้มๆจากด้านหลังเรียกเด็กชายเอาไว้ เท้าทั้งสองข้างหยุดกึกหมุนตัวกลับไปมองพร้อมแจกยิ้มให้อีกคนช้าๆ  คนข้างหลังคือหนึ่งในการ์ดของหริรักษ์ที่หรี่ตามองเขาอย่างสงสัย

“มาทำอะไรแถวนี้” การ์ดถามเสียงเข้ม ตอนนี้ข้างนอกฟ้าเริ่มมืดแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีที่จะบอกว่ามาเดินเล่น

“คือ...ผมหลงทาง”

“ทำตัวน่าสงสัย” การ์ดหนุ่มหยิบปืนขึ้นเตรียมเล็ง พร้อมทั้งยกวอเพื่อจะเรียกเพื่อน  เด็กชายหลับตาปี๋สองจิตสองใจว่าจะวิ่งตอนนี้เลยดีหรือไม่ แต่ก่อนที่เหรันต์จะหันหลังเตรียมวิ่งเขาก็ได้ยินเหมือนเสียงกระดูกเลื่อนจากคนตรงหน้าก่อน

แก็ก! จังหวะที่รันต์ลืมตาขึ้นก็พบร่างการ์ดหนุ่มลงไปกองอยู่กับพื้นพอดี เงาดำจากด้านหลังทำให้เด็กชายถอยหลังด้วยความกลัว ยังไงเขาก็ยังเป็นเด็ก เมื่อความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ก็อดจะรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาไม่ได้

“คะคุณโชค”เมื่อบุคคลปริศนาปรากฏตัว รันต์ถึงกับครางออกมาอย่างลืมตัว

“รีบไปสิ จะมัวยืนรอให้มันมาฆ่าหรือไง” ร่างใหญ่บอกเสียงดุ

“หรือว่าคุณจะเป็น...”

“รีบไป!”สิ้นเสียงตวาดของโชครันต์รีบหันหลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แม้จะยังสับสนอยู่ในใจแต่เขาก็ต้องเอาชีวิตรอดไว้ก่อน คิดว่ายังไงคนระดับนั้นก็คงหาทางรอดได้เอง รันต์เปิดประตูรั้วเล็กที่ไม่ได้ล็อคไว้ออก ไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญหรือจงใจของใครกันแน่ แต่เขาก็รีบออกไปแล้ววิ่งไปยังจุดนัดพบกับเจค รันต์กระโดดขึ้นรถซีดานคันเก่าได้ รถก็รีบแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว

รถซีดานจอดสนิทยังสุสานรถแถบชานเมือง เจคหันมามองคนข้างเด็กชายยังหอบไม่หาย อาจจะเป็นเพราะพึ่งผ่านวินาทีเป็นวินาทีตายมาก็ได้

“หายใจเข้าลึกๆ” เจคบอกอีกคน เด็กชายทำตามที่บอกสักพักลมหายใจจึงกลับมาปกติ ก่อนจะยื่นมืออันสั่นเทาที่มีข้อมูลสำคัญให้เจค

“เราทำสำเร็จแล้วใช่ไหม” เด็กชายถามเสียงสั่น หัวใจของเขายังเต้นแรงอยู่ อะดีนลีนในร่างกายคงหลั่งออกมามากกว่าปกติ

“ใช่ มึงเก่งมาก”เจคดึงเด็กชายมากอดให้ตัวหายสั่น เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่ล่ะนะ หลังจากที่สงบสติได้รันต์ก็เงยหน้าขึ้นมองเจคแล้วถามคำถามที่เจคพูดไม่ออก

“ถ้าเขารอด ผม...คงไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้แล้วใช่ไหม” เหรันต์รู้ทันทีหลังจากออกจากบ้านหลังนั้นมาได้ ตราบใดที่หริรักษ์ยังไม่โดนจับ เขาที่ทำไว้เยอะขนาดนั้นคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมไม่ได้ง่ายๆอีกต่อไป ตัวเจคเองก็รู้ว่าอาจทำให้อนาคตที่สดใสของเด็กต้องพังลง

“ก็ไม่ขนาดนั้นนั้นหรอก กูไม่มีทางยอมให้มึงเป็นอะไรไปทั้งนั้น ข้อมูลนี่จะถูกส่งให้ตำรวจแล้วมันต้องถูกจับ แต่ระหว่างนี้มึงต้องกลับไปเป็นเหรันต์ทำตัวเงียบๆ ย้อมผมให้เหมือนเดิม ใส่แว่นซะ” เด็กชายพยักหน้าเอาอุปกรณ์มาแปลงโฉมภายในรถ ร่วมชั่วโมงทุกอย่างก็เสร็จสิ้น

“เดินไกลสักหน่อยนะ เพราะเราต้องทิ้งรถไว้ที่นี่ เขาจะทำลายมันในวันพรุ่งนี้พอดี” เจคบอกเด็กชายก็พยักหน้ารับ ทุกหลักฐานพวกเขาเผาทิ้งแล้วเรียบร้อย นายอธิป  เลิศผล ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาก็หายสาบสูญไปตลอดกาล พวกเขาจะไม่มีทางรู้ว่านายดิวคือใคร จะไม่มีทางรู้ว่าเด็กชายเหรันต์ ราชรัตน์ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด

เจคพารันต์เดินเท้าร่วมหนึ่งกิโลเมตรจนมาถึงป้ายรถเมย์ เขาพาเด็กชายต่อรถเมย์ถึงสามสายจนกระทั่งถึงหน้าโรงพยาบาล

“ทำตัวปกติ ไม่มีใครรู้ กูจะปกป้องมึงเอง” เจคบอกกับรันต์ก่อนจะแยกทาง เด็กชายพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าโรงพยาบาล เมื่อไปถึงห้องที่แม่เขาพักกลับพบเพียงความว่างเปล่า  ไม่มีแม่เขาหรือน้าเฟื่อฟ้า

ใจเหรันต์หล่นไปที่ตาตุ่ม สังหรณ์ไม่ดีกำลังร้องเตือน เด็กชายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่องรีบกดโทรหาเฟื่องฟ้าทันที ไม่นานเธอก็รับสาย

(น้องรันต์)

“น้าเฟื่องฟ้าอยู่ไหนครับ แล้วคุณแม่ล่ะครับ” เด็กชายถามอย่างร้อนรน

(น้องรันต์...มาหน้าห้องICUด่วน แพรวาช็อคเมื่อชั่วโมงก่อน คุณหมอกำลังทำการรักษาอยู่) เฟื่องฟ้าพูดเสียงสั่น เธอจะไม่ร้องไห้เพราะมันเป็นลางไม่ดี

โทรศัพท์หล่นจากมือบางไม่รู้ตัว เขาไม่ได้ยินเสียงเฟื่องฟ้าอีกแล้ว  ร่างบางกำมือแน่น

แม่เขาต้องไม่เป็นอะไรสิ คุณแม่เข้มแข็งอยู่แล้ว เด็กชายคิดแล้วรีบสาวเท้าไปที่ห้องห้องICU เมื่อไปถึงก็พบเฟื่องฟ้านั่งรออยู่ก่อนแล้ว ผู้เป็นน้ากอดเขาแน่นราวกับหาที่พึ่ง เขาไม่แม้แต่จะนั่งรอด้วยซ้ำ ยืนมองประตูบานนั้นอย่างใจจดใจจ่อ ในใจภาวนาขอให้แม่เขาปลอดภัย

เวลาผ่านไปอีกสองชั่วโมงแต่เนิ่นนานนับปีในความรู้สึกของเหรันต์ ในที่สุดคุณหมอวัยกลางก็เดินออกจากห้องICU ใบหน้าหนักใจแกมรู้สึกผิดปรากฏฉายชัดออกมา

“ทีมแพทย์ทำอย่างสุดความสามารถแล้วครับ แต่คุณแพรวาช็อคและหัวใจหยุดเต้นไปสามครั้ง ครั้งสุดท้ายเรายื้อไว้ไม่สำเร็จ หมอขอแสดงความสะ...”

“คุณเงียบไปเลย!! ไม่ต้องมาแสดงความเสียใจอะไรทั้งนั้น!...คุณไม่เป็นผม คุณไม่รู้หรอกว่าคำว่าเสียใจยังเทียบไม่ได้สักเสี้ยวของความรู้สึกผม!!! ผมไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีใครอยู่กับน้องเลยสักคน!!!”เด็กชายโวยวายเหมือนคนบ้าคลั่ง เขาอาระวาดทำร้ายตัวเองราวกับคนเสียสติ แพทย์และพยาบาลต้องมาช่วยกันจับตัวไว้ จนสุดท้ายคุณหมอต้องฉีดยาคลายเครียดเพื่อให้เด็กชายสงบลง

ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ ไม่มีน้ำตาไหลออกจากดวงตากลมโตสักหยดเดียว

ในวันเดียวกันนั้นวิรัชที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากเฟื่องฟ้าเขารีบเดินทางมาโรงพยาบาล ตลอดทางน้ำตาเขาไหลออกมาไม่หยุด ทุกอย่างเป็นความผิดของเขาเองที่ดูแลครอบครัวได้ไม่ดีพอ  ถ้าเขาไม่มัวแต่ทำงานทุกอย่างคงไม่เป็นอย่างนี้  เมื่อมาถึงโรงพยาบาลสภาพที่เขาเห็นลูกชายยิ่งทำให้เขาไม่อยากอภัยให้ตัวเอง

สภาพเด็กชายเหรันต์นั่งกอดเข่าเหม่อลอยดวงตาแดงก่ำที่พยายามกลั้นน้ำตานั้น ทำน้ำตาคนเป็นพ่อไหลออกมาด้วยความสงสารและเวทนาลูก  วิรัชเดินไปกอดลูกชายแน่นเขาได้แต่พร่ำขอโทษลูกซ้ำไปซ้ำมา  เดินชายไร้เสียงตอบรับเพียงแค่หันหน้าหนีไปอีกทางแทนคำตอบ...

งานศพแพรวาถูกจัดขึ้นตามศาสนา วิรัชเป็นคนจัดการงานทั้งหมดด้วยตัวเอง หลังเสร็จสิ้นงานศพวิรัชก็ให้คนไปเก็บข้าวของของรันต์และแพรวาจากบ้านหลังเล็ก เด็กชายทำตามที่ทุกคนบอกโดยไม่หือไม่อือ ราวกับตุ๊กตากระเบื้องที่ไร้ชีวิต พร้อมที่จะแตกได้ทุกเมื่อถ้าไม่รักษาไว้ให้ดี

อาการถามคำตอบคำของเด็กชายทำให้วิรัชเป็นห่วงอาการของลูกเป็นอย่างมาก เขาปรึกษาจิตแพทย์เด็กถึงปัญหาเหล่า เมื่อได้รับคำแนะนำเขาจึงตัดสินใจทำบางอย่างที่คิดว่าลูกชายคงจะมีความสุขได้

“รันต์ นี่คิริว ตั้งแต่วันนี้น้องจะมาอยู่ที่นี่เป็นน้องชายของรันต์นะลูก” วิรัชพาเด็กชายตัวเล็กแก้มป่องอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเหรันต์ คิริวเป็นลูกนอกสมรสของเขากับมินตรา แม้มินตราจะขอร้องแกมอ้อนวอนให้ตนเองและลูกเข้ามาอยู่ในบ้างหลังนี้หลายครั้งแต่เขาก็ปฏิเสธเพราะไม่มีใครสามารถมาแทนภรรยาและลูกของเขาได้ แม้ว่าคิริวจะเกิดจากความไม่ตั้งใจแต่เขาก็มอบความรักในฐานะพ่อให้คิริวเสมอ ผิดกับมินตราที่เขาไม่มีความรู้สึกใดๆให้ทั้งสิ้น

จนสุดท้ายเขาจึงตัดสินใจให้คิริวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เพื่อเป็นเพื่อนเล่นให้กับเหรันต์ และเขาจะได้ดูแลทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกัน มินตราไม่มีปัญหาเพราะเขาจ่ายค่าตอบแทนให้อย่างสมน้ำสมเนื้อและเขาอนุญาตให้มาหาลูกได้เพียงอาทิตย์ละครั้ง ใครจะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ช่าง แต่ต่อจากนี้ไปเขาจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกทั้งสองคน

สองเดือนที่คิริวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านราชรัตน์เขาพยามปรับตัวเข้ากับทุกคน คิริวเป็นเด็กที่สดใส ร่าเริง และช่างพูด ไปไหนก็มีแต่คนรักคนเอ็นดู ผิดกับเด็กชายเหรันต์ที่ชอบเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร  แม้จิตแพทย์จะยืนยันว่าไม่มีอาการทางจิตแต่ก็ต้องเฝ้าดูอย่างระมัดระวังเพราะเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้

“พี่รันต์ วันนี้ริวลองทำข้าวผัด ชิมให้ริวหน่อยนะครับ” คิริวคะยั้นคะยอพี่ชาย เด็กชายรันต์นิ่งไปนิดก่อนจะใช้ช้อนตักข้าวผัดเข้าปากแล้ววิจารณ์ออกมาสั้นๆ

“หวานไปหน่อย”

“แหะๆ สงสัยมือหนักไปหน่อย งั้นพรุ่งนี้พี่รันต์ชิมให้ริวอีกนะครับ” เหรันต์พยักหน้าแล้วเดินขึ้นห้องไป เด็กชายคิริวยิ้มกว้าง อย่างน้อยพี่รันต์ก็เริ่มตอบสนองเขาบ้างแล้ว

อยู่มาวันหนึ่งที่เด็กชายคิริวขึ้นไปเคาะประตูห้องพี่ชายแต่เห็นประตูแง้มไว้อยู่ ด้วยความซุกซนของเด็กชายจึงแอบเข้าไปในห้องที่เขาไม่เคยไม่แต่จะได้ย่างกรายเข้ามาก่อน เขาเดินสำรวจทั่วห้องของรันต์จนไปสะดุดกับแหวนวงเกลี้ยงข้างเตียง เด็กชายคิริวหยิบขึ้นมาดูพร้อมกับที่เสียงดังขึ้นจากหน้าห้องน้ำ

“ทำอะไรน่ะ!”ด้วยความตกใจเด็กชายจึงทำแหวนตกจากมือ และด้วยความบังเอิญที่เท้าเขาดันเหยียบเข้ากับแหวนพอดี เหรันต์กัดฟันแน่น ความโกรธพุ่งพรวดขึ้นมา เขาตรงดิ่งไปผลักคิริวอย่างแรง ร่างที่เล็กอยู่แล้วของคิริวจึงปลิวไปตามแรงผลักหัวฟาดเข้ากับขอบเตียงเลือดไหลออกมาเป็นทาง

“เกิดอะไรขึ้น...รันต์ทำอะไรน้อง!” วิรัชที่ได้ยินเสียงเอะอะเลยเดินเข้ามาเจอคิริวหน้าอาบเลือดจึงเผลอตวาดรันต์เสียงดังลั่น เด็กชายนิ่งเมื่อคนเป็นพ่อคิดว่าเขาคือคนร้าย

“ริวไม่ได้เป็นอะไรครับคุณพ่อ พี่รันต์เขาไม่ดะ...” เด็กชายคิริวกำลังจะพูดแก้ตัวแทนพี่ชาย แต่เหรันต์กลับแสยะยิ้มแล้วพูดออกมาเสียงนิ่ง

“แล้วไง?”

“รันต์!พ่อไม่เคยสอนให้ลูกทำตัวหยาบคายแบบนี้”วิรัชกดเสียงเข้ม พยุงคิริวให้ยืนขึ้น

“คุณเคยสอนอะไรผมด้วยหรอ เคยทำหน้าที่พ่อด้วยหรือไง เหอะ!” เด็กชายพูดประชดคนเป็นพ่อออกไป แต่ด้วยคำพูดของลูกที่ไปกระตุ้นต่อมโกรธวิรัชเข้า เขาจึงบันดาลโทสะทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดออกไป

เพี๊ยะ!!! เปาะ!

หน้าเหรันต์หันไปตามแรงฝ่ามือพร้อมกับที่น้ำตาเม็ดแรกหยดออกมา เลือดสดๆไหลซึมลงมาตามมุมปาก เด็กชายเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อฉีกยิ้มให้พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลรินเป็นทาง

“ไม่เห็นเป็นอย่างที่คุณแม่บอกเลย ไม่มีใคร...รักผมสักคน” เด็กชายก้มเก็บแหวนที่อยู่ปลายเท้าวิรัช เขาไม่สังเกตเห็นมันเลยด้วยซ้ำ ความรู้สึกผิดที่ตีลูกไปถาโถมใส่ร่างจนพูดไม่ออก

“รันต์ พ่อ...”

“วันที่พวกเราต้องการพ่อ คุณไปอยู่ที่ไหน...วันที่แม่เจ็บที่สุดคุณเคยรู้บ้างไหม...วันที่ผมกลัวคุณได้อยู่ข้างๆรึเปล่า ไม่มี...ไม่เลย ผมต้องรู้สึกยังไง ทนทุกข์ทรมานขนาดไหน เข้าใจผมบ้างหรือเปล่า” ไร้เสียงสะอื้นมีเพียงน้ำตาที่ไหลรินอย่างไม่อาจกลั้น เด็กชายยิ้มให้บิดาเป็นครั้งสุดท้าย เขาไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ แม้เพียงที่พักพิงแหล่งสุดท้ายยังทำร้ายเขาได้เลย เหรันต์หมุนตัวเดินออกจากห้อง  ลงไปข้างล่างจุดหมายเขาคือการออกไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้

“ตายแล้ว! ใครทำอะไรคุณน้องคะ” นมใจที่เห็นใบหน้าของคุณหนูของบ้านถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ เด็กชายยิ้มแล้วส่ายหน้าเช็ดน้ำตาลวกๆแล้วสวมกอดแม่อีกคนหนึ่งของเขา

“คุณนมรักษาสุขภาพด้วยนะครับ น้องจะคิดถึงคุณนมเสมอนะครับ” เด็กชายเอ่ยพร้อมยิ้มให้บางๆ

“ไม่เอาค่ะ คุณน้องจะไปไหน นมไม่ให้ไป ฮืออออ”นมใจร้องไห้ เธอกำลังจะเสียเด็กคนนี้ไปเป็นครั้งที่สอง

“น้อง ฮึก ไม่รู้ แต่น้องจะไป” เด็กชายแข็งใจแกะมือนมใจออก หันหลังให้กลับบ้านหลังใหญ่

“หยุดเดี๋ยวนี้นะรันต์ อย่าแม้จะก้าวขาออกไปแม้แต่ก้าวเดียว” วิรัชที่ตามลูกลงมารีบห้ามแกมขู่ แต่สิ่งที่เด็กชายทำคือการก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงไม่หันกลับไปมองหน้าผู้เป็นพ่อเลยสักนิด

“ถ้าแกกล้าก้าวขาออกจากบ้านหลังนี้เมื่อไหร่ แกไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก”

“คุณท่าน!/คุณพ่อ!” เสียงอุทานด้วยความตกใจของนมใจและคิริวดังขึ้นพร้อมกัน เด็กชายเพียงหยุดก้าวชะงัก เขาหันกับมามองผู้ให้กำเนิดเป็นครั้งสุดท้าย ตากลมคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายที่วิรัชจำได้ไม่เคยลืม

“ได้ครับ ตามที่คุณพ่อต้องการ” เด็กชายเดินออกจากบ้านด้วยหัวใจที่บอบช้ำ เขาไม่ได้ทำเพื่อประชดใคร แต่ว่าเขา...เสียใจจนแทบไม่อยากหายใจอีกต่อไป...

++++++++++++++++++
แฮ่! มาสาย เมื่อวานไม่ใช่ความผิดเปรมนะ ฝนตกwifiหลุดจ้า แต่วันนี้ไม่ว่างจีๆเลยมาซะดึก  ตอนนี้น่าจะเป็นตอนที่เขียนยากที่สุดในเรื่องแล้วล่ะ ออกตัวก่อนว่าเป็นคนไม่มีความรู้ทางด้านใดทั้งนั้นแทบจะโง่สุดในห้อง(แงๆ) ถ้าผิดพลาดคลาดเคลื่อนใดๆก็ขออภัยด้วยนะคะ ติมาได้เลยเปรมจะได้ปรับแก้ :z2:
เขียนไปก็สงสารน้องรันต์นะ จะมีเด็กสักกี่คนที่เข้มแข็งได้อย่างนาง เปรมล่ะคนหนึ่งที่ไม่ใช่ เพราะงั้นฝากเป็นกำลังใจให้นางด้วยนะ จุ๊ฟฟฟฟ :กอด1:


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #518 เมื่อ31-05-2017 22:39:05 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #519 เมื่อ31-05-2017 23:11:25 »

 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
« ตอบ #519 เมื่อ: 31-05-2017 23:11:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #520 เมื่อ31-05-2017 23:23:03 »

หายใจไม่ออก

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #521 เมื่อ31-05-2017 23:27:02 »

โอ้ยยยยย สงสารน้อง :katai1: อีพ่อคะ หล่อนจะมารู้สำนึกช้าไปละ ลำคาน
พี่ทศโอ๋น้องด่วน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #522 เมื่อ31-05-2017 23:33:09 »

คุณวิรัช แปลกๆนะ แต่งงานกับแม่รันต์
แต่มีลูกนอกสมรส อายุไล่ๆกับรันต์ ยังไงกัน
แสดงว่านอกใจแม่รันต์ ก่อนหรือหลังแต่งงานกันนะ

โทษตัวเองว่าเอาแต่ทำงาน ไม่มีเวลาดูแลลูกเมีย
หรือว่าเอาแต่ทำงาน แล้วไปอยู่กับเมียน้อย

ตอนคิริวหัวแตก แทนที่จะฟังเหตุผล ชิงทำร้ายรันต์ซะก่อน
ลูกเดินออกจากบ้าน แทนที่จะขอโทษลูก ก็ขู่ซะอีก
ถ้าออกไปจากบ้าน  ก็ไม่ต้องกลับมาเหยียบอีก  :katai1: :katai1: :katai1:

น่าสงสารรันต์  :mew2: :mew2: :mew2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ Dangdang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #523 เมื่อ01-06-2017 04:36:21 »

เก่งมากน้องรันต์สู้ๆ :mc4: :mc4: :mc4:
รอวันเอาคืนทศกัณฐ์ :beat: :beat: :beat:
จะได้รู้ซะบ้าง ว่าไผเป็นไผ.......

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #524 เมื่อ01-06-2017 06:40:23 »

เหอ ๆ เหตุผลคุณพ่อมันช่างน่า ...

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #525 เมื่อ01-06-2017 06:53:53 »

 :o12: :o12: :o12:
 :mew2: :mew2: :mew2: สงสารน้องรันนนน ฮรืออออ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #526 เมื่อ01-06-2017 06:54:37 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #527 เมื่อ01-06-2017 10:55:03 »

 o13 o13

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #528 เมื่อ01-06-2017 11:28:59 »

พ่อรันต์นี่รักลูกแน่หรอ สงสารรันต์มากๆ ทั้งๆที่ยอมเสี่ยงไปทำเรื่องอันตรายแต่สุดท้ายแม่ก็จากไป

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #529 เมื่อ01-06-2017 15:16:25 »

หนุกสุดยอดอ่ะ ชอบสุดๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
« ตอบ #529 เมื่อ: 01-06-2017 15:16:25 »





ออฟไลน์ Fonz_Juz19

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #530 เมื่อ01-06-2017 15:42:08 »

น้องรันต์  น่าสงสาร  :o12: :sad4:

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #531 เมื่อ01-06-2017 19:52:18 »

 :hao5:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #532 เมื่อ01-06-2017 20:05:12 »

 :hao5:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #533 เมื่อ02-06-2017 00:36:33 »

น้องรันนนนนต์ ทำไมน่าสงสารขนาดนี้
ฮือออออ อยากจะดึงน้องมากอดแน่นๆ
ไม่แปลกอะที่น้องจะโกรธพ่อขนาดนั้น
ดูที่ตัวเองทำสิ ความผิดเดิมยังชดเชยไม่ทันหมด
ดูแลกเนังทำได้ไม่เต็มที่ ยังจะเอาอารมณ์มาเป็นใหญ่อีก
พ่อนี่ได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดที่ผ่านมาบ้างมั้ย
สงสารน้องรันต์มากกก
ส่วนพี่ทศนะคะที่หายไปนั่นคือกลับอังกฤษไปแล้วแน่ๆ
เจคนี่ก้ไม่แปลกใจอะที่จะห่วงน้อง คอนช่วยน้องขนาดนี้
ไม่แปลกใจด้วยที่น้องจะห่วงและรักขนาดนี้
ทั้งเป็นคนคอยปลอบ เป็นที่พึ่ง เป็นเพื่อน เป็นพี่ ในวันที่แย่ที่สุดอะ
รอค่าาา สนุกมากก ชอบบ

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #534 เมื่อ02-06-2017 17:10:19 »

สงสารรันต์

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #535 เมื่อ02-06-2017 20:53:06 »

 :o12: :o12: :sad4: :sad4:
สงสารน้องรันต์

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #536 เมื่อ03-06-2017 15:32:27 »

น้องรันต์เก่งมาก ใช้ชีวิตมาได้ขนาดนี้ พี่ทศต้องรักน้องให้มากๆนะ

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #537 เมื่อ03-06-2017 20:52:38 »

 :hao3:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
«ตอบ #538 เมื่อ04-06-2017 08:19:56 »

น้องรันต์ผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ ถึงเก่งยังไงแต่ก็ยังเด็กอยู่นะ เสียแม่ที่รักมากแล้วพ่อยังไม่เข้าใจอีก เหมือนไม่เหลือใครเลย :monkeysad: :กอด1:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
«ตอบ #539 เมื่อ04-06-2017 21:10:49 »

ใจยักษ์ 27


เฮือก!! แฮ่ก! แฮ่ก!...

ผมสะดุ้งตื่นกลางดึกพร้อมอาการเหนื่อยหอบ เหงื่อผุดขึ้นเป็นเม็ดๆตามใบหน้าและลำตัว มือข้างหนึ่งขยุ้มหน้าอกข้างซ้ายตัวเองหัวใจที่เต้นเร็วรัวราวกับจะหลุดออกมา

ผมฝัน...ฝันเห็นเรื่องราวของตัวเองในอดีต ตั้งแต่เดินออกจากบ้านหลังนั้น เวลาก็ผ่านมาเกือบ5ปี แล้ว ผมกลับไปอยู่บ้านหลังที่เคยอยู่กับแม่ เมฆที่รู้ว่าผมออกจากบ้านก็ตามหาผมจนเจอ เขาไม่ได้พูดอะไรแค่กอดผมแล้วร้องไห้บอกกับผมว่าจะคอยอยู่เคียงข้างเอง ผมไม่ได้หนีไปซ่อนตัวที่ไหน แค่อยู่ในที่ที่อยู่แล้วสบายใจ ไม่นานหลังจากนั้นผมได้รับการติดต่อจากโรงเรียนประจำชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่งในการมอบทุนเปล่าให้กับผม มารู้ทีหลังว่าเมฆส่งรายชื่อผมไป จึงตอบรับแบบงงๆ เมฆลงทุนซิ่วมาเรียนเป็นเพื่อนผม แล้วเราก็ตัวติดกันตั้งแต่นั้น ผมตัดขาดทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งเจคใช้ชีวิตอยู่แค่ในโรงเรียนจนจบชั้นมัธยมปลาย

เจคติดต่อผมได้ก่อนที่ผมจะขึ้นปีหนึ่ง เขาบอกข่าวร้ายที่ผมไม่อยากจะได้ยินว่าบอสเขาเสียชีวิตในช่วงสามเดือนแรกหลังจากที่เราได้ข้อมูลมา หลักฐานเรื่องนายหริรักษ์โดนทำลายจนเกลี้ยงแต่โชคดีที่เจคเป็นคนรอบคอบ เขาก็อบปี้ข้อมูลทั้งหมดไว้อีกชุด จึงโดนตามล่าตัวหัวซุกหัวซุนตลอดสามปี เขาปิดบังไม่ยอมบอกผมเพราะไม่อยากดึงผมไม่เกี่ยวด้วยอีก แต่ผมปล่อยให้เขาไปตายคนเดียวไม่ได้ อย่างน้อยเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ ที่เขาติดต่อมาหาเพราะนายหริรักษ์เริ่มแกะรอยผมได้ทีละนิดๆแล้ว เขาจึงอยากให้ระวังตัว ผมขอให้เจคแบ่งข้อมูลเป็นสี่ส่วน เก็บไว้คนละสอง เขาไม่อยากทำแต่ผมขู่เขาว่าถ้าไม่ยอมทำตามที่บอกผมจะเดินไปรับผิดกับนายหริรักษ์คนเดียว เจคจึงจำใจต้องทำตามแผนผมพร้อมบ่นว่าผมเลือดเย็นขึ้นเยอะ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นมองผมเป็นยังไงแต่ผมรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นแต่ก่อน

ส่วนเรื่องฝังชิพไว้ที่ขา ช่วงนั้นผมเกิดอุบัติเหตุโดนรถเฉี่ยวตกท่อระบายน้ำ กระดูกขวาล่างหักหนึ่งท่อน บริเวณที่ดามเหล็กไว้อยู่ใกล้กับหัวเข่าข้างขวา ระยะเวลาถอดเหล็กออกหนึ่งปี แต่ตอนนี้จะครบสองปีแล้วผมก็ยังไม่ได้ถอดออกเลย  เพราะผมเอาชิพฝังไว้ในเหล็กที่ดามจนกว่าจะหาทางทำให้นายหริรักษ์เข้าคุกได้ผมจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ผมให้เจคทำให้พร้อมหาหมอที่ไว้ใจมาผ่าตัด ตอนนั้นคิดว่าเอาไว้ที่นี่ปลอดภัยที่สุด ต่อให้โดนจับได้เขาก็จะไม่กล้าฆ่าผม เพราะเขาต้องการข้อมูลนี้มาก  เพราะถ้าข้อมูลมันหลุดออกไปลูกค้าตัวเป้งๆตามฆ่าหริรักษ์แน่นอน แต่ผมก็ปล่อยให้หลุดไปไม่ได้เหมือนกันเพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นผมเองที่ถูกฆ่าตาย

ตอนแรกผมก็ไม่คิดจะดิ้นรน  แต่เพราะผมไปเจอบางอย่างเข้าจากบ้านหลังเล็กที่เคยอยู่กับแม่ มันทำให้ผมอยากอยู่ต่ออีกนิด อยากเจอกับเขา อยากถามเขาว่าสบายดีไหม มีแฟน มีความสุขแล้วหรือยัง...ถึงตอนนั้นต่อให้ต้องตายก็ไม่เป็นไร

เรื่องราวทั้งหมดทำให้ผมคิดบางอย่างขึ้นมาได้

การไม่รู้สึก เท่ากับไม่อ่อนแอ...ผมพยายามเลิกสนใจคนอื่น เพื่อนไม่จำเป็นสำหรับผม ใครทำร้ายผมๆจะเอาคืนอย่างเจ็บแสบให้เขารู้ว่าโลกนี้เลวร้ายกว่าที่เขาเคยเจอ การเป็นคนดีมันเจ็บปวด...ผมเหนื่อยกับความเจ็บปวดมากพอแล้ว

ผมเป็นคนใหม่ใส่หน้ากากรอยยิ้มให้กับทุกคน ทั้งที่ในใจผมไร้ความรู้สึก ยิ่งนานวันไปหัวใจยิ่งด้านชาขึ้นเรื่อยๆ...ผมไม่เชื่อในความรักอีกต่อไป

แต่ว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม ผมเผลอยิ้มโดยไม่ได้ตั้งใจ พูดคุยกับคนอื่นมากขึ้น  บางช่วงเวลาก็รู้สึกว่ามีความสุขขึ้นมา

มันเริ่มจากตอนไหนนะ...ผมไม่รู้ตัวเลย จบเรื่องหริรักษ์คงต้องรีบถอยออกมาเสียที

“อ๊ะ!ยักษ์หรอ” ผมสะดุ้งเมื่อมีแรงสวมกอดจากด้านหลัง ลืมไปสนิทว่าตอนนี้อยู่บนเตียงเดียวกับเขา

“ครับ ฝันร้ายหรอ ตัวสั่นเชียว” เสียงทศกัณฐ์งัวเงีย ศีรษะพิงซบกับไหล่ผมเพราะความง่วง วงแขนกอดกระชับขึ้น

“นิดหน่อย ขอโทษที่ทำให้ตื่น” ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองตัวสั่นมากแค่ไหน พอจับมือตัวเองถึงได้รู้ว่ามันสั่นอย่างที่เขาบอกจริงๆ

“ไม่เป็นไร นอนต่อเถอะพึ่งจะตีสี่เอง” ทศกัณฐ์บอกแล้วดึงผมให้ล้มลงไปนอนด้วยกัน เขาไม่ได้กอดผมแล้วต่างคนต่างนอนเป็นเรื่องปกติ วันไหนเขาอยากกอดก็กอด ไม่อยากกอดก็ไม่กอดแล้วแต่อารมณ์ แต่ตอนนี้ผมกลับไม่สามารถข่มตาให้หลับได้

“พี่ทศ...ทศกัณฐ์ หลับหรือยัง?” ผมส่งเสียงท่ามกลางความมืด

“หลับแล้ว” แล้วหมาที่ไหนมันตอบกูวะ

“นี่...ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม?”

“ว่า”

“ช่วยกอดรันต์ที...ได้ไหม?” ผมตัดสินใจเอ่ยปากขอเอง

“หือ?...กอดแบบไหน?” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ

“แบบไหนก็เรื่องของพี่ดิ”เสียงผมสะบัดนิดๆ ทำไมต้องถามให้มากความด้วยก็ไม่รู้

“หึๆ พูดเองนะ”

“เออ อื้อ...”ทศกัณฐ์พลิกตัวขึ้นคร่อมข้างบนพร้อมประกอบจูบลงมา ผมหลับตาตอบรับสัมผัสจากเขา ริมฝีปากร้อนจูบซับไปตามร่างกายผมทุกส่วน ทศกัณฐ์กอดผมในแบบของเขาไร้ซึ่งคำถามและคำปลอบโยน ผมปล่อยร่างกายและจิตใจให้เป็นไปอย่างธรรมชาติ เผลอหลุดครางหลายต่อหลายครั้ง ถ้าความเจ็บปวดที่ทศกัณฐ์มอบให้สามารถทำให้ผมลืมความเจ็บปวดในอดีตได้บ้าง แค่ช่วงเวลาหนึ่ง แค่นั้นก็ยังดี...

จนกระทั่งช่วงสายที่เขากอดผมเป็นรอบสุดท้ายจนอิ่มหนำใจ แต่ก่อนที่ผมจะหมดสติจำได้ว่าเขารีบพาผมไปเข้าห้องน้ำ ทำความสะอาดร่างกายให้พร้อมกับควักหยาดน้ำที่อัดแน่นอยู่ภายในช่องทางออกให้จนหมด เขาคงเก็บหลักฐานเพราะกลัวผมจะตื่นขึ้นมาด่าล่ะมั้ง

ก็นะ...ครั้งนี้จะทำเป็นมองไม่เห็นก็แล้วกัน

+++++++++++++++++++++++

“ไงมึง หลับหรือซ้อมตาย” เสียงพี่สมิธลอยมากระทบโสตประสาททันทีที่เหยียบชั้นล่าง เป็นฝรั่งที่ช่างสรรหาคำมาพูดจริงๆ

“ถ้าตายจะมาหลอกพี่เป็นคนแรก” ผมบอกพร้อมทรุดนั่งลงข้างๆเขา กดรีโมทเปลี่ยนช่องอย่างถือวิสาสะ โดนตบหัวไม่แรงมากจากคนที่นั่งข้างๆ

“ผีจริงไม่กลัว...กลัวจะเป็นผีผ้าห่ม กร๊ากกก”ไปอารมณ์ดีมาจากไหนวะ

“สูบชาป่ะเนี่ย”

“ชาพ่อง ไปทำอะไรให้แดกดิ๊ หิว” พี่สมิธผลักหัวผมเบาๆ ผมเบ้ปากให้แล้วลุกขึ้นไปหาอะไรง่ายๆให้เขาทานรองท้อง ตอนนี้พึ่งจะห้าโมงเย็น สักค่ำๆค่อยทำอาหารดีกว่า ผมทอดไส้กรอกค็อกเทลจานใหญ่ให้พี่สมิธ กินเสร็จก็เคลิ้มหลับไป

“ฮื่อออ ปล่อย” ผมสะบัดตัวหนีจากคนที่ย่องมาล็อคคอจากด้านหลัง เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยแขนออกแล้วกระโดดข้ามมานั่งที่โซฟาด้วยกัน กลายเป็นตอนนี้โซฟาตัวยาวมีผู้ชายตัวโตๆสามคนนั่งเบียดกันอยู่

“ตื่นตอนไหน?”เขาถามพร้อมกวาดสายตาสำรวจชุดผม ผมยังอยู่ในชุดนอนที่เขาใส่ให้

“ห้าโมงครับ” ผมบอกพร้อมเหยียดขาออก ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวขึ้นขาข้างที่ดามเหล็กก็ปวดขึ้นนิดๆ

“กินข้าวหรือยัง?” ทศกัณฐ์เสยผมที่ปรกหน้าไปด้านหลังให้ ผมส่ายหน้าบอกเขา มาทำดีด้วยรู้สึกแปลกๆว่ะ

“ไปไหนมา?” ผมถามเขาคืนบ้าง มือก็นวดขาข้างที่ปวดขึ้นมา ทศกัณฐ์กลับยกขาข้างที่ผมนวดอยู่พาดตักตัวเองคลึงให้เบาๆแล้วตอบ

“ไปทำธุระให้เด็ก”

“หรอ” ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยครับ เล่นจ้องกันขนาดนี้ไม่กินหัวผมเลยล่ะ

“ครับ” ทศกัณฐ์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ผมก็เอนตัวหนีไปข้างหลัง รู้แหละว่าเขาจะทำอะไร แต่มันใช่เวลาไหมเนี่ย พี่สมิธก็นอนอยู่ข้างๆ

“อย่า...เดี๋ยวพี่สมิธตื่น”ผมใช้เท้าอีกข้างดันหน้าอกเขาไว้ โอเคผมรู้มันหยาบคาย แต่เพราะมือผมก็ต้องค้ำโซฟาไว้ไม่ให้เอนไปโดนตัวพี่สมิธไง แทนที่ทศกัณฐ์จะโกรธเขากลับจับเท้าผมออกจากอกแล้วทำสิ่งที่ผมตกใจแทน

จุ๊บ!

“ยักษ์! มันสกปรก”ผมเอ็ดเขาเสียงดุ จะไม่ให้ว่าได้ไงล่ะครับ ในเมื่อเขาจูบเข้าที่ข้อเท้าผมน่ะสิ

“ไม่เห็นเป็นไร ได้เห็นคนเขินก็คุ้มแล้ว” มีการยื่นมือมาหยิกแก้มผมอีก

“ใครเขินว่ะ”ปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่มีทางหรอกที่ผมจะเขิน ผมปัดมือเขาออกแล้วกระโจนเข้าไปหาเขาหมายจะหยิกคืน มารู้ตัวอีกทีก็เสียท่ายักษ์เจ้าเล่ห์ซะแล้ว เขาใช้สองเท้าเกี่ยวเอวผมไว้แล้วใช้มือดันท้ายทอยให้ก้มลงไปประทับจูบกับริมฝีปากเขา

“อื้อออ” ผมทุบหน้าอกเขาดังปั่ก ทศกัณฐ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ริมฝีปากผมเป็นอิสระ ยังคงตะโบมจูบเอาๆเหมือนอดอยากปากแห้งมานานทั้งๆที่เพิ่งจะทำไปแท้ๆ

“อ่ะแฮ่มๆ เกรงใจกูนิสสสสนึง อย่างน้อยก็ปลุกกูไปนอนในห้องก็ได้แล้วค่อยทำต่อ” เสียงพี่สมิธทำให้ทศกัณฐ์เผลอผ่อนแรง ผมจึงดันเขาออกแล้วกระโดดออกจากเขาอย่างรวดเร็ว

“บ้านกู จะทำตรงไหนก็ได้” ทศกัณฐ์เถียงพี่สมิธหน้าบึ้งๆ

“เอ้า กูเป็นแขกไอ้สัส”

“มึงเป็นฝรั่งไอ้เหี้ย” อีกคนก็ไม่ยอมแพ้

เอิ่ม...เหมือนดูเด็กอนุบาลทะเลาะกันยังไงไม่รู้ครับ ไปๆมาๆก็ลามไปเถียงกันเรื่องอื่น

“จะเถียงกันให้มันได้อะไรขึ้นมาครับ” ผมแทรกสงครามน้ำลายทั้งสองคน

“ก็มันปากเสีย/ผัวมึงแหละผิด” ขนาดแก้ตัวก็ยังพูดพร้อมกัน เชื่อแล้วล่ะว่าเป็นเพื่อนกันจริงๆ

“มันก็พอกันทั้งคู่นั่นแหละ”ผมส่ายหน้าให้พวกเขาแล้วหนีขึ้นมาอาบน้ำบนชั้นสอง จริงๆก็ไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้นต่อเท่าไหร่ ก็ดันทำประเจิดประเจ้อให้พี่สมิธเห็นคาตาขนาดนั้น น่าอายจริงๆ เพราะเขาคนเดียวเลย

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินลงมาชั้นล่างกะจะทำอาหารกินสักหน่อย วันนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลย ยังไม่ทันจะเหยียบพื้นพี่สมิธก็ยื่นลิสต์รายการอาหารที่ตัวเองอยากกินมาให้ซะยาวเหยียด ดูๆไปแล้วก็มีเมนูของทศกัณฐ์ด้วยเนียนเลย

ผมเคยบอกไปแล้วนี่ครับว่าจะไม่ทำอาหารให้เขากินอีก  แต่ว่าตอนนี้ทศกัณฐ์ก็ทำหลายอย่างเพื่อผมอยู่เพราะฉะนั้นการทำอาหารตอบแทนเล็กๆน้อยๆก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ผมไม่ได้ทำอาหารที่พวกเขาอยากกินทั้งหมด เลือกทำแค่เฉพาะที่มีวัตถุดิบ อีกทั้งถ้าทำเยอะเกินมีแค่สามคนคงทานไม่หมด ผมทำฉู่ฉี่ปลาทับทิม ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ผัดคะน้าน้ำมันหอย กุ้งคั่วเกลือ และข้าวสวยอีกหนึ่งหม้อ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงอาหารเต็มโต๊ะหมดเกลี้ยง ผมกินน้อยสุดคือข้าวจานเดียว(เน้นกับข้าว) ทศกัณฐ์เพิ่มข้าวสองจาน แต่เหนือทศกัณฐ์ยังมีพี่สมิธ รายนั้นฟาดไปเยอะมาก จนข้าวหมดหม้อ ยอมเลยครับ

หลังทานอาหารค่ำเสร็จ พี่สมิธก็ชวนเปิดหนังดูที่ห้องนั่งเล่น ด้วยทีวีเจ็ดสิบนิ้วก็พอถูไถแทนโรงหนังได้ ผมก็โอเค เบื่อๆยังไม่อยากนอน แต่มันก็เกิดปัญหาอีกแล้วครับเมื่อพี่สมิธอยากดูหนังผีแต่ทศกัณฐ์อยากดูการ์ตูนเด็กผู้หญิง ซึ่งผมว่าแม่งไม่เข้าท่าทั้งคู่

“ถ้าอย่างนั้นมาออกเสียงกัน เรื่องไหนคะแนนมากกว่าดูเรื่องนั้น” พี่สมิธเสนอความเห็น ผมว่าวิธีนี้ก็ดีเหมือนกัน

“ได้...กูให้คะแนนบาร์บี๋” ทศกัณฐ์ลงคะแนนคนแรก

“กูให้คะแนนคอนจูหริ่ง” พี่สมิธลงบ้าง แล้วทั้งสองก็หันมามองหน้าผมโดยอัตโนมัติ

“มึงล่ะรันต์ จะเลือกดูเรื่องอะไร” พี่สมิธถามด้วยน้ำเสียงเข้มๆ จำเป็นต้องจริงจังขนาดนี้ไหมเนี่ย

“ไม่เลือกได้ไหม”

“ไม่ได้/ไม่” โอเค เลือกก็เลือก

“ผมเลือก....คอนจูหริ่งแล้วกัน” พี่สมิธกระโดดโล้ดเต้นดีใจ ไม่วายหันไปเต้นเยาะเย้ยทศกัณฐ์อีก เลยโดนเพื่อนสนิทถีบเข้าให้เลยไง ทศกัณฐ์หน้าบูดไปพักใหญ่เลย จะให้ดูการ์ตูนผู้หญิงมันก็ไม่ไหวจริงๆครับ ไม่ได้มีเจตนาจะแกล้งเขาหรอก

ตำแหน่งในการนั่งดูหนังก็ช่างคุ้นเหลือเกิน เหมือนเมื่อตอนเย็นเป๊ะเลย ดูๆไปสักพักพี่สมิธก้เริ่มยกหมอนอิงมาปิดหน้า พอไปกลางๆเรื่องเท่านั้นแหละ แทบจะกระโดดมานั่งตักผมเลย นี่ยังดีที่ทศกัณฐ์เอาเท้ายันไว้ให้ ป่วนจริงๆคู่นี้

“มึงถอยออกไปห่างๆรันต์ดิ” ทศกัณฐ์ผลักหัวพี่สมิธออกจากไหล่ผม มือพี่สมิธก็กอดแขนผมแน่นจนเลือดไม่เดินแล้วครับ

“ก็กูกลัว กูต้องการที่พึ่ง” พี่สมิธหลับหูหลับตาเถียง มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอก แค่ซาวด์ ประกอบมันทำให้ผีดูน่ากลัวขึ้นแค่นั้นแหละ

“กลัวแล้วดูหาป้ามึงหรอ กูบอกว่าดูบาร์บี๋แต่แรกก็ไม่เชื่อ”

“กลัวแต่กูอยากดูนิ” ยังเถียงๆ

“กลัวแล้วมึงจะกอดมันทำเหี้ยอะไร มึงปล่อยก่อนจะโดนตีนกูอีกรอบ” คงอารมณ์เสียยิงยาวตั้งแต่ไม่ได้ดูบาร์บี๋แล้ว

“กูไม่ปล่อย! ไอ้รันต์มันน้องกู” มีการยักคิ้วท้าทายอีก ผมล่ะเหนื่อยใจจริงๆ เดี๋ยวก็ตีกันอีก

“น้องมึงแต่เมียกูไหม” พูดจบก็รั้งท้ายทอยผมเข้าไปประกบจูบกับตัวเองทันที

คือ...มึงเล่นบ้าอะไรครับ ไอ้ยักษ์เชรี่ยยยยยยยยย!!!

++++++++++++++++++++

***หมายเหตุ แก้ไขเนื้อเรื่องที่เปรมบอกว่ารันต์มีเหล็กดามที่เข่าเปลี่ยนเป็นที่กระดูกหน้าแข้งแทนนะคะ

มาได้ครึ่งเดียว ฝืนไม่ไหวภูมิแพ้กำเริบ ขอไปพักก่อน ครึ่งหลังจะตามมาในวันสองวันนี้  ตอนนี้มาแบบน่ารักชิลๆตามสไตล์นิยายโรแมนติค ฮ่าาาา :mew1:
ป.ล.ขอบคุณทุกเป็ดและทุกกำลังใจค่ะ
:กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2017 22:51:33 โดย YINGPREM »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด