ใจยักษ์ 26
‘ผมมีเรื่องจะคุยด้วย คุณสะดวกออกมาพบผมจะได้ไหมครับ...เหรันต์’ เด็กชายกดส่งข้อความหาทางออกสุดท้ายสุดท้ายของเขา เหรันต์ไม่ได้บอกเมฆเพราะพี่ชายข้างบ้านเขาไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว เขาไม่อยากให้เรื่องของเขาต้องไปขัดความสุขของพี่ชาย
ติ้ง! เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีที่ส่งข้อความไปก็มีข้อความตอบกลับมาจากหมายเลขไม่ได้ระบุ
‘@ W 10.30 pm’
.
.
.
.
.
.
.
.
หมับ!
“เชี่ย! กูตกใจหมดไอ้เด็กบ้า แล้วรู้ได้ไงวะว่าเป็นกู” เจคถอดฮู้ดออกแล้วกระซิบกับรันต์เสียงเบา สถานที่ที่เขานัดพบเด็กคนนี้เป็นย่านที่คนเดินผ่านไปผ่านมาและค่อนข้างเสียงดังจอแจ
“ก็ใส่ฮู้ดทำตัวมีลับลมคมในขนาดนั้นก็ต้องดูออกเป็นธรรมดาสิครับ” เด็กชายเถียงกลับเบาๆ อันที่จริงชายข้างๆเขาก็ไม่ได้ทำตัวน่าสงสัยขนาดนั้นแต่เขาแค่จำลักษณะและท่าทางออกเท่านั้นเอง
“แล้วมึงมีเรื่องอะไรจะคุยกับกูวะ”เจคปรับระดับเสียงให้ได้ยินกันแค่สองคนแล้วทำเป็นดูนั่นดูนี่เหมือนนักท่องเที่ยวปกติ
“คุณเคยรับปากว่าจะให้อะไรก็ได้ที่ผมขออย่างหนึ่ง”
“มึงบังคับกูต่างหาก” ปากสนทนากันแต่สายตากลับเสมองไปคนละทาง
“ผมมีเรื่องต้องใช้เงินด่วน...”…
“แม่มึงป่วย เป็นเนื้องอกในสมองต้องได้รับการผ่าตัดเพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการล้ม”
“ก็คิดว่าถ้าเป็นคุณก็คงจะรู้ได้ไม่ยาก” เด็กชายเหรันต์ตอบกลับอีกคนโดยไม่แปลกใจแม้แต่น้อย
“แต่ที่น่าแปลกคือ ประวัติมึงก็เหมือนเด็กเก่งธรรมดาๆคนหนึ่ง พ่อก็เป็นถึงเจ้าของบริษัท...แต่ที่กูเห็นมันไม่ใช่อย่างนั้นนี่นา” ทั้งคู่หันกลับมาสบตากันโดยบังเอิญ ต่างคนต่างเงียบไป ในที่สุดคนอายุน้อยกว่าก็เอ่ยปากเปลี่ยนเรื่อง
“ถ้ามันมากเกินไปผมยินดีทำงานตอบแทน”
“แล้วมึงจะทำอะไรได้บ้างล่ะ”
“แล้วคุณคิดว่าคนอย่างผมจะสามารถทำอะไรตอบแทนค่าจ้างได้บ้างล่ะครับ ถ้าคุณไม่ต้องการผม คุณคงไม่เรียกผมออกมาตั้งแต่แรก คุณจะยอมปล่อยผ่านก็ได้ เพราะยังไงผมก็ไม่มีปัญญาหาคุณเจออยู่ดี” ถูกที่เด็กชายว่าทุกอย่าง เขามีความจำที่จะใช้เด็กคนนี้จริงๆ
“มึงรู้ใช่ไหมว่าถ้าได้ก้าวเท้าเข้ามาแล้ว ชีวิตมึงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
“พรุ่งนี้มาหากูที่นี่” เจคใช้วิธีเดียวกับที่เจอเด็กชายเมื่อครั้งแรกยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆที่ฝ่ามือผ่านหน้าเด็กชายในเสี้ยววินาที เป็นรหัสที่แกะออกมาแล้วจะเป็นเวลาและสถานที่ที่เขานัดเจอ ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ เหรันต์ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะต้องทำงานกับเขา
“ครับ”
…วันต่อมา...
“นี่เป็นงานที่กูทำค้างมาครึ่งปี แต่ยังปิดจ็อบไม่ได้สักที” เจคยื่นเอกสารประวัติโดยละเอียดพร้อมแนบรูปชายวัยกลางคนหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตาในแวดวงทางการเมืองคนหนึ่ง ตอนนี้เขากับเหรันต์นั่งคุยกันอยู่ในห้องของเขา เด็กนี่จำได้และแกะรหัสถูกต้อง แสดงว่าผ่านด่านแรก
“ทำไมถึงไว้ใจผมล่ะ นี่มันเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่หรือไง?”
“กูใช้เหตุผลในการตัดสินใจมาทั้งชีวิตแล้ว ถ้ากูใช้ความรู้สึกบ้าง...บางทีมันอาจจะดีกว่าก็ได้” เด็กชายรู้สึกดีใจและชื่นชมเจคไปในเวลาเดียวกัน อย่างน้อยก็ยังมีคนที่มองเห็นคุณค่าในด้านที่เขาอยากให้มองบ้าง แน่ล่ะใครๆก็ต้องการใช้ประโยชน์จากความเก่งของเขาไม่เว้นแม้แต่เจค แต่ว่าอย่างน้อยเจคก็ยังเชื่อใจ ยังให้ความไว้วางใจเขา
“คุณเป็นตำรวจหรอ” เด็กชายถามเจค
“เปล่า” เจคส่ายหัวปฏิเสธเด็กชายแล้วพูดต่อ “แต่ทำงานให้เขาอีกที”
“อ่อ เป็นสายตำรวจ?” เด็กชายถามพลางอ่านประวัติของคนที่เจคยื่นให้อ่าน
“ไม่เชิงหรอก สืบเอง ลงมือเองทุกอย่าง” เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองเจคด้วยความสงสัย
“คนที่กูทำงานให้เขาเป็นผู้มีพระคุณของกู แล้วยังเป็นตำรวจหน่วยสืบสวนพิเศษ แต่งานสืบสวนบางอย่างที่ได้รับก็ค่อนข้างเสี่ยงต่อหน้าที่และขัดกับกฎหมายของประเทศ...นิดหน่อย กูที่ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรก็ได้รับภารกิจมาทำบ้าง...พูดง่ายๆเลยคือ ทำงานให้ประเทศแบบใต้ดินนั่นแหละ”
“สรุปคือ ถ้าทำสำเร็จเบื้องบนเขาจะได้ผลงาน แต่ถ้าไม่ก็ต้องตัวใครตัวมันใช่ไหมครับ?”
“ก็...ประมาณนั้น....ที่สำคัญกว่านั้น วิธีการที่เราทำก็คล้ายๆอาชญากรเลยนะ เพราะทางตรงมันไร้ซึ่งจุดหมายเราก็เลยต้องใช้วิธีลัดเพื่อให้มันเร็วขึ้น แต่ทุกอย่างที่ทำไปก็ทำประโยชน์เพื่อประเทศ มันเสี่ยงอันตรายมาก...มึงแน่ใจแล้วนะว่าจะทำ”
“ผมจะทำ”เหรันต์บอกเสียงนิ่ง ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะต้องเดินมาถึงจุดนี้ จากชีวิตที่สุขสบายสู่การเริ่มใหม่ที่เรียบง่าย แล้วมาถึงตอนนี้ที่สถานการณ์ทำให้เขาแทบจะฝืนยิ้มออกมาไม่ไหว แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกผู้ชาย เขาจะต้องปกป้องสิ่งสำคัญของชีวิตเอาไว้ให้ได้
“บอกตรง ชีวิตมึงโคตรละครเลย” เจคแกล้งสัพยอกเด็กตรงหน้าเขาเพราะเห็นนิ่งไปพักใหญ่ เขาสืบทุกประวัติของเด็กคนนี้แล้ว เอาเข้าจริงๆจะมีเด็กสักกี่คนที่ยิ้มได้แล้วปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่ครอบครัวแตกแยกได้เร็วขนาดนี้ เหรันต์ไม่เคยมีประวัติทำตัวก้าวร้าวรุนแรงหรือใจแตกอย่างที่คิด กลับเป็นเด็กที่นิสัยยังเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่แรก ว่านอนสอนง่าย ยิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อนก็น้อยลงเมื่อไม่มีรถหรูๆมาส่งเหมือนเดิม ไปกินนั่นนี่กับเพื่อนไม่ได้ แต่เด็กคนนี้ก็ยังใช้ชีวิตปกติเลือกที่จะเงียบและยิ้มรับทุกอย่าง จนเขากลัวว่าสักวันหนึ่งเด็กคนนี้อาจจะ...
“สนใจเอาไปเขียนนิยายไหมครับ ฮ่าๆๆๆ” เด็กชายหัวเราะแทรกขึ้นหยุดความคิดเจค ทำให้เขาหยุดคิดเรื่องเพ้อเจ้อลง
เขาคงไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกมั้ง...
“ว่าแต่คุณชื่ออะไรหรอครับ” เหรันต์ถาม เจอกันก็ตั้งหลายครั้งแต่ไม่รู้จักชื่อเลยมันก็ยังไงๆอยู่
“จริงๆการทำงานแบบนี้ชื่อที่อยู่ค่อนข้างเป็นความลับ”
“แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรครับ” เจคลูบคางตัวเองอย่างใช้ความคิด
“กูชื่อเจค” แค่ชื่อเล่นเขาคิดว่าคงไม่เป็นไร
“อ้าว ไหนว่าเป็นความลับ”
“ไม่มีเหตุผลโว้ย...มาคุยเรื่องงานกัน มึงคงอ่านประวัติของเขาจบแล้วนะ”
“ครับ...ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้เกิดบนแผ่นเดียวกันกับเรา เป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ” หลังเด็กชายได้อ่านประวัติของคนๆนี้จบเขาก็รู้สึกรังเกียจในความชั่วช้าที่ชายคนนี้ทำลายประเทศชาติจริงๆ
“ความโลภ ความเห็นแก่ตัวไงล่ะรันต์ ทุกๆคนก็ล้วนมีเหมือนกันหมด แต่อยู่ที่ว่าใครจะมากหรือน้อยใครจะแสดงออกหรือไม่แสดงออกก็เท่านั้นเอง…สิ่งสำคัญของภารกิจนี้คือ การเอาข้อมูลการทำผิดของนายหริรักษ์ทั้งหมดมาให้ได้ เพื่อส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ให้เขาจัดการด้านกฎหมายต่อไป…ก่อนหน้านี้กูตามเก็บหลักฐานเป็นพวกรูปถ่ายการซื้อขาย แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ถ้าไปขึ้นศาลจริงๆยังไงมันก็ต้องดิ้นหลุด
แล้วจะเป็นเราเองที่ซวย แต่เมื่อตอนเดือนก่อนที่กูเจอมึงกูได้รับการติดต่อจากสายถึงแหล่งเก็บหลักฐานการค้ามนุษย์ รายชื่อลูกค้ารายใหญ่ จำนวนเหยื่อที่ถูกจับไปค้ามนุษย์ รวมถึงเรื่องทุจริตฉ้อราชบังหลวงที่มันมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด”
“ที่ไหนหรอครับ?” เด็กชายถาม คนระดับนั้นก็ต้องมีวิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยที่สุดอยู่แล้ว
“คอมพิวเตอร์ในห้องทำงานมัน”
“แล้วเราจะไปเอามาได้ยังไง”
“ก็เข้าไปเอาในบ้านมันไง” เจคยักไหล่ไม่ยี่หระตอบ
“มันจะง่ายขนาดนั้นเรอะ!”
“ก็มันไม่ง่ายนี่ไงล่ะ กูถึงต้องการความสามารถมึง”สิ่งที่รันต์มีทำให้เขาคิดหาทางออกที่เคยมืดสนิทสำหรับเรื่องนี้ได้แล้ว
“ความสามารถผม?”
“เออสิ...มึงมีความสามารถเรื่องการจดจำใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นกูจะให้มึงมาทำงานให้หรอ แล้วความสามรถอื่นล่ะมีอีกไหม”
“ผม...สามารถคำนวณทุกอย่างได้ในหัวโดยไม่ต้องเขียน ไม่ว่าจะเคยเรียนหรือไม่เคยเรียนมาก่อน สมองผมจะทำการไขคำตอบมันออกมาเองโดยอัตโนมัติ ส่วนเรื่องความจำ ผมก็จำเก่งตั้งแต่จำความได้แล้ว แค่แวบแรกก็จำได้ แต่มีอยู่สิ่งเดียวที่ผมก็จำเกือบไม่ได้แล้ว”ประโยคสุดท้ายเด็กชายพูดกับตัวเองเสียงเบา
“เรื่องคำนวณกูไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่เรื่องการจำของมึงต่างหากที่กูต้องการ เอาล่ะมาทดสอบความสามารถของมึงกัน” เจคพูดจบเขาก็เดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งในห้องมาก่อนจะกรีดกระดาษให้เห็นชัดๆตั้งแต่แผ่นแรกยันแผ่นสุดท้ายแล้วปิดลงอย่างรวดเร็ว
“หน้าที่39 บรรทัดที่7”เจคเอ่ยปากถามอย่างลุ้นๆ สายตามองไปที่หนังสืออย่างจดจ่อ เด็กชายฉีกยิ้มนิดๆแล้วพูดออกมาราวน้ำไหล
“ลักษณะของการสลายตัวให้รังสีแอลฟา... ”เด็กชายร่ายยาวจนจบไปอีกห้าบรรทัดแล้วหยุดเอียงคอถามคนอายุมากกว่า “ถูกไหมครับ? จริงๆจะให้พูดทั้งหน้าเลยก็ได้ แต่จะไม่เสียเวลาไปหน่อยหรอครับ”
เปาะ! เจคดีดนิ้วอย่างถูกใจ ที่รันต์ตอบได้อย่างแม่นยำไม่ตกหล่นสักตัวอักษรเดียว
“ถูกหมด...ก็จริงอยู่ที่ว่ามึงค่อนข้างอัจฉริยะ แต่มึงยังเด็กเกินไป...”อยู่ๆ เจคเกิดความลังเล เด็กผู้ชายตรงหน้าเขายังอายุไม่ถึงสิบห้าปีด้วยซ้ำ มันจะโอเคจริงๆหรอวะที่จะเอาเด็กตัวแค่นี้มาเสี่ยงอันตรายด้วย
“มันเป็นเส้นทางที่ผมเลือกเอง ผิดพลาดยังไงผมก็จะรับไว้เอง...แต่ว่านะเจค มนุษย์ทุกคนรักตัวเอง ผมจะทำให้ถึงที่สุดไม่ยอมพลาดให้ตัวเองตายง่ายๆหรอกครับ” เด็กชายพูดด้วยสีหน้าราบเรียบแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความมั่นคง ความคิดความอ่านก็โตเกินเด็ก เจคถอนหายใจอย่างปลงๆ ยังไงซะเขาก็จำเป็นต้องพึ่งเด็กคนนี้
“มึงถอยหลังกลับไม่ได้แล้วนะ...ถ้าพลาด คือตายสถานเดียว”
“ครับ…แต่ผมไม่ยอมตายหรอกนะ”
+++++++++++++++++
“อ๊ะ ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มหน้าหวาน รูปร่างบอบบางในชุดกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาสวยพร้อมเสื้อกล้ามสีดำที่ทำให้ผิวขาวสว่างโดดเด่น ผมสีบลอนด์ทองยิ่งขับให้ใบหน้ากระจ่างใสดูสวยหวานยิ่งขึ้นไปอีก
“ไม่เป็นไรหนู...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” หริรักษ์รับเด็กหนุ่มร่างบางที่เดินเซมาชนเข้ากับเขาจนเกือบจะล้ม แค่เห็นครั้งแรกเขาก็รู้สึกถูกใจเด็กหนุ่มคนนี้เข้าอย่างจัง
หริรักษ์ พฤกษรักษ์ ชายวัยกลางคนอายุห้าสิบปีเต็มที่ยังดูดี มีตำแหน่งทางการเมืองใหญ่โต มีภรรยาและลูกอีกสองคน ช่างเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่นั่นเป็นเพียงฉากหน้าที่คนภายนอกเห็น รสนิยมจริงๆที่เขาชอบคือผู้ชาย โดยเฉพาะเด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าหวานๆที่เขาก็เลี้ยงเอาไว้หลายต่อหลายคน ยิ่งมาเห็นเด็กคนนี้อาการอยากได้จนเนื้อตัวสั่นไปหมด
“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องขอโทษท่านจริงๆ”เด็กหนุ่มขืนตัวออกจากอ้อมกอดอีกคนอย่างมีจริต หริรักษ์มองด้วยแววตาเป็นประกายขึ้น
แบบนี้ยิ่งน่าอยากได้ไปใหญ่
“จะกลับแล้วหรอ ยังไม่ดึกเลย” คนอายุมากกว่าเอ่ยปากถาม ณ เวลานี้พึ่งจะห้าทุ่ม ที่นี่เป็นคลับที่กลุ่มวัยทำงาน วัยมหาวิทยาลัยชอบมาเที่ยวสังสรรค์ ซึ่งเขาก็แวะมาผ่อนคลายอารมณ์เปลี่ยวเดือนละครั้ง
“ใช่ครับ วันนี้ดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า”
“เรียนมหาลัยแล้วหรอเนี่ย ยังหน้าเด็กอยู่เลย” หริรักษ์เพิ่มระดับเสียงแข่งกับเพลงภายในคลับ
“ถ้าอายุไม่ถึงผมจะเข้ามาได้ยังไงล่ะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้าพรุ่งนี้ได้เจอท่านอีกก็คงดี สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมฉีกยิ้มหวานให้แล้วเดินจากไป หริรักษ์มองตามจนสุดสายตา ไม่ยอมง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยากจนน่ารำคาญ เห็นทีช่วงนี้เขาคงต้องมาที่นี่บ่อยๆหน่อยแล้ว
คล้อยหลังออกจาหประตูคลับ เหรันต์เดินตรงดิ่งไปขึ้นรถที่จอดรอตรงมุมอับของซอยแถวนั้น
“เป็นไงบ้าง”เจคเหยียบคันเร่งออกจากบริเวณพร้อมเอ่ยปากถามคนข้างๆ เด็กชายยังไม่ตอบในทันทีเพราะเขามัวแต่ลูบตามตัวด้วยความขนลุก
“ผมไม่รู้” เด็กชายตอบทื่อๆ
“เอ้า! อะไรของมึงวะ”
“ผมทำตามที่เจคบอกทุกอย่างนั่นแหละ ติดกับรึเปล่าไม่รู้ ดูไม่เป็น”
“ไม่โดนจับได้ใช่ไหม?”
“ถ้าโดนคงมีโอกาสรอดมาหาคุณได้หรอก” ผั๊วะ! แล้วก็โดนตบจนหัวทิ่มข้อหายอกย้อน
“เดี๋ยวนี้กวนตีนนะมึง...พรุ่งนี้ได้รู้กันว่าได้ผลรึเปล่า”
เจคขับรถซีดานเก่าๆสีดำตกรุ่นหลายปีไปส่งเด็กชายที่ซอกตึกใกล้ๆกับโรงพยาบาลที่แม่ของเขารักษาตัวอยู่ เด็กชายรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถโดยไม่มีความเขินอายอีกคนแม้แต่น้อย เมื่อเปลี่ยนเสร็จก็หยิบวิกสีดำมาใส่ไว้เป็นอันจบการแปลงกาย
“ไปแล้วนะครับ” เด็กชายเอ่ยลา
“เออ พรุ่งนี้เจอกัน”
++++++++++++++++++++
ในทุกๆวันเหรันต์อีกคน หรือ ดิว นายอธิป เลิศผล อายุ 20 ปี นิสิตมหาวิทยาลัย L จะไปพบกับนายหริรักษ์ที่คลับ B ทุกวัน จนเวลาล่วงเลยมาเข้าสู่วันที่ห้าที่ได้พบกัน นายหริรักษ์เดินหน้ารุกเหรันต์เต็มกำลัง โดยการชวนไปทานข้าวที่ภัตตาคารหรูใจกลางเมือง เหรันต์ตอบตกลงเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
“ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ แต่เป็นโอกาสที่ดี ขั้นต่อไปมึงทำยังไงก็ได้ให้ได้เข้าบ้านมัน” เจคบอกแผนการขั้นต่อไปกับเด็กชายภายในรถ
“มันไม่เร็วไปหน่อยหรอ”
“ไม่หรอก มันดูกระหายมึงจะตาย”
“แล้วถ้าผมขอเข้าไปได้ต้องทำยังไงถึงจะสามารถเอาข้อมูลออกมาได้”
“เดี๋ยวกูบอกมึงอีกที ทำให้มันสำเร็จก่อนเถอะ” เจคบอกกับรันต์ อย่างน้อยก็คงต้องใช้เวลาสักเดือนเพื่อให้นายหริรักษ์วางใจล่ะ
.
.
.
.
.
.
.
“บอกมาสิว่าต้องทำยังไงต่อ” เหรันต์ทวงถามแผนการกับเจค
“กูไม่อยากจะเชื่อ มึงทำได้ยังไงอ่ะ” เจคถามอย่างทึ่งๆหลังจากที่คุยกันได้หนึ่งวัน เหรันต์เดินมาขึ้นรถแล้วบอกกับเขาว่าสามารถเข้าบ้านนายหริรักษ์ได้แล้ว
“ก็แค่บอกว่าอยากดูนกเงือกแบบเป็นส่วนตัว ถ้าทำให้ได้จะยอมให้ทำอย่างที่อยากทำ เขาก็เสนอตัวว่าจะพาไปดูที่บ้าน” เด็กชายตอบซื่อๆ เขาจำได้ว่านายหริรักษ์ลักลอบเลี้ยงสัตว์สงวนไว้ภายในบริเวณบ้านจากการอ่านประวัติ ก็เลยลองเสี่ยงทำเป็นพูดขึ้นมาลอยๆโดยต่อรองสิ่งที่เจคบอกว่านายหริรักษ์ต้องการจากเขา
สุดท้ายเจคจึงพารันต์มาที่ห้องพักของเขาเพื่อวางแผนที่จะทำในวันพรุ่งนี้ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะทำสำเร็จ
“นี่เป็นเข็มยาสลบดึงปลอกออกแล้วจิ้มที่ท้ายทอยตอนมันกำลังจะแหย่ด้ายเข้าเข็มมึง”เจคยื่นเข็มยาสลบให้รันต์
“เขาจะทำผมจริงๆใช่ไหม?” เด็กชายเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ เกิดมาแม้แต่คนมาชอบยังไม่มี แต่พอเจคจับแปลงโฉมกลับมีแต่คนมองคนสนใจ
“อย่าพลาด”เจคบีบไหล่น้องเบาๆอย่างให้กำลังใจให้กำลังใจ ก่อนจะเอ่ยแผนการกับรันต์ต่อ
“สิ่งที่ยากที่สุดหลังจากเข้าบ้านนายหริรักษ์ได้แล้วจะเข้าห้องนอนมันได้ยังไงต่างหาก”
“ทำไมครับ?”
“ห้องทำงานที่เก็บข้อมูลมีประตูเชื่อมกับห้องนอนมันอยู่ แล้วมึงคิดว่าไอ้บ้าที่ไหนมันจะพาคนที่รู้จักไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ไปนอนในห้องที่ส่วนตัวแล้วสำคัญขนาดนั้นวะ” เจคขยี้ผมเซ็งๆ พอเดินจากจุดหนึ่งมาได้ก็เดินมาเจอทางตันซะอย่างนั้น
“ผม...จะลองพยายามดู”
“ยังไง เฮ้ย!!!” เจคหลุดอุทานเสียงดัง เมื่ออยู่ๆเด็กชายหน้าใสลุกพรวดก้าวมาทางเจคแล้วนั่งคร่อมตักเขาอย่างรวดเร็ว แขนขาวๆทั้งสองข้างคล้องเข้าที่คอ ตาคมสวยช้อนมองต่างไปจากเดิม ลมหายใจเจคหยุดกึก เหมือนคนที่นั่งอยู่บนตักเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เหรันต์ที่เขารู้จักอีกต่อไป
“เจค...”เสียงหวานปนแหบเอ่ยเรียกสติเจคให้กลับคืนมา
“ห๊ะ...หา” เจคกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ขอสิบล้านได้ไหม?”ตาคมช้อนมองอ้อยอิ่ง
“ฝะฝันหรอ” เจคปฏิเสธติดๆขัดๆ
“นะ...นะครับเจค....ยอมทุกอย่างเลย” รันต์อ้อนเสียงหวาน ริมฝีปากอิ่มน่าจูบเผยออกนิดๆอย่างเชิญชวน มือบางคลึงท้ายทอยอีกคนให้ผ่อนคลาย สะโพกมนขยับส่ายเบาๆบนตัก เจคเผลอยกมือลูบเอวบางด้วยความลืมตัว ตาเริ่มลอยเหมือนตกอยู่ในภวังค์
“เจคคคคค” รันต์ลากเสียงเรียกชื่ออีกคน
“อะอืม ตามใจดิ” เจคตอบอีกคนไปโดยไม่รู้ตัว
เพี๊ยะ! เด็กชายตบหน้าเรียกสติคนพี่เบาๆเพื่อเรียกสติ
“เหี้ย! เล่นอะไรของมึงวะ” เจคโวยวายเมื่อสติกลับเข้าร่างแล้ว
“คุณต้องจ่ายให้ผมสิบล้านนะเจค” เด็กชายยิ้มให้บางๆ เจคมองรันต์อึ้งๆเมื่อกี้เขาเผลอตกปากรับคำอีกคนซะแล้ว
“มึงหลอกล่อกู” เจคเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ยอมรับเลยว่าหลงรันต์ไปพักหนึ่ง
“เขาเรียกว่าขออย่างมีเทคนิค” เด็กชายยักคิ้วให้ข้างหนึ่งกวนๆ
“ไปจำมาจากไหน?” เจคหรี่ตามอง รู้แน่แล้วว่าเด็กชายต้องไปจำมาจากที่ไหนสักแห่งแน่ๆ
“หนังอีโรติค ที่เขาเรียกว่าอะไรนะ...ยั่วยวน? ใช่ๆคิดว่าอาจจะต้องใช้ก็ได้” เด็กชายตอบซื่อๆไม่มีกระดากอายสักนิด เจคได้แต่หัวเราะเหอะๆในใจ ขนาดพึ่งไปจำเขามานะเนี่ย
“กูว่าเรื่องเข้าห้องนอนไอ้เหี้ยนั่นอาจมีหวัง” เจคแทนชื่อนายหริรักษ์เป็นคำหยาบด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว
“ว้าว! ถ้าอย่างนั้นเรามาพูดแผนการขั้นตอไปกันเถอะ~”
+++++++++++++++++++
“ช่วงนี้ตอนดึกน้องหายไปไหนมาลูก?” แพรวาถามพร้อมลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู ลูกชายเธอมักจะหายไปตอนที่เธอหลับ และกลับมาเมื่อเธอตื่น ที่รู้เพราะเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยอาการปวดหัวแล้วเจอเพียงเพื่อนสนิท เธอสังเกตอยู่สองสามคืน เลยเค้นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่คงรู้เห็นเป็นใจไปด้วย แต่เฟื่องฟ้าก็ไม่รู้อะไรมากเธอจึงถามลูกชายตรงๆ
“น้อง...ไปทำงานกับเพื่อนครับ ไม่ใช่งานไม่ดีหรอกครับ” เด็กชายยิ้มพร้อมออกตัวไว้ก่อน จับมือแม่ที่ลูบหัวอยู่มาจูบด้วยความรัก
“แม่ก็ไม่เคยคิดว่าน้องรันต์จะทำเรื่องไม่ดี แต่แม่เป็นห่วงน้อง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวมันก็จบแล้ว...คุณแม่พักผ่อนนะครับ พรุ่งนี้ก็จะผ่าตัดแล้วน้องอยากให้คุณแม่พร้อมที่สุด”
“คร้าบบบ คุณลูกชาย”
“น้องรันต์รักคุณแม่นะ รักที่สุด”เด็กชายโน้มตัวเข้าไปกอดคนเป็นแม่ ไม่รู้เพราะอะไรกระบอกตาเขาถึงร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเพราะเขามีเรื่องปิดบังคนเป็นแม่อยู่ เย็นนี้เขาจะต้องไปบ้านนายหริรักษ์แล้ว ไม่รู้จะมีชีวิตรอดกลับมาได้รึเปล่า
“แม่ก็รักน้องรันต์ รักที่สุดในชีวิตแม่” เธอกอดลูกชายแน่น การผ่าตัดที่จะถึงในวันพรุ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ แม้จะทำใจและยอมรับชะตากรรมว่าไม่มีใครมีชีวิตยืนยาวไปได้ตลอด แต่เธอก็ยังอยากอยู่...อยากเห็นเขาเติบโต...
“เก็บแหวนวงนี้ไว้นะลูก” แพรวาถอดแหวนที่เธอใส่ติดนิ้วตลอดชีวิตคู่ใส่มือลูกชาย เด็กน้อยมองแหวนในมือด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณแม่ให้น้องทำไมครับ?”
“แม่อยากให้เป็นสิ่งแทนใจแม่...น้องรันต์รู้ไหมว่าแหวนวงนี้ราคาไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ แต่พ่อของน้องรันต์ก็ใช้เงินเก็บที่มีทั้งหมดในตอนนั้นซื้อให้แม่เป็นแหวนแต่งงาน...แม่รักพ่อมากนะ เลือกเขาทั้งๆที่ครอบครัวไม่ยอมรับจนถึงขนาดต้องตัดพ่อตัดลูก แต่พ่อน้องรันต์เขาก็ดีทำงานตัวเป็นเกลียวจนมีเงินก้อนมาเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง ชีวิตครอบครัวเรามีความสุขดี...จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิตพ่อของลูก แม่ยอมรับว่าตอนแรกที่รู้เรื่องแม่เสียใจมากและใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล แม่จึงถอยออกมาเพื่อตั้งหลักก่อน ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวพ่อของลูกว่าการที่เขามีชีวิตที่อิสระขึ้นเขาจะยังเลือกครอบครัวเหมือนเดิม หรือเลือก...ผู้หญิงคนนั้น แม่ไม่อยากให้น้องรันต์โกรธคุณพ่อเพราะมันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ เขายังทำหน้าที่พ่อของน้องรันต์อยู่” แพรวาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกเข้าใจ
“คุณแม่รักคุณพ่อไหม?”
“รักสิ ถึงจะโกรธ แต่แม่ก็รักเขานะ” แพรวายิ้มให้ลูกชาย เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำจะทำให้ลูกมองพ่อตัวเองในด้านลบซึ่งเธอไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้น
“น้องรันต์จะเชื่อคุณแม่...แต่ถึงไม่มีใครรักคุณแม่ยังไงน้องก็รักคุณแม่เหมือนเดิม” เด็กชายยิ้มกว้างพร้อมก้มหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่
“แม่เป็นกำลังใจให้น้องรันต์นะลูก” แพรวาหอมแก้มพร้อมจุ๊บปากลูกชายคืน เธอช่างโชคดีที่เด็กคนนี้เกิดมาเป็นลูกของเธอ
“ตอนเย็นน้องรันต์ไม่อยู่ คุณแม่ไม่ต้องรอนะครับ รีบพักผ่อนเลย”เด็กชายบอกแล้วหอมแก้มคนเป็นแม่
“จ้ะ” แพรวายิ้มหวานให้ลูกชายอย่างเป็นกำลังใจให้ เธอไม่รู้ว่าลูกต้องเหนื่อยเพื่อเธอขนาดไหน อย่างน้อยที่สุดเธอก็จะคอยเป็นกำลังใจให้เขาตลอดไป
+++++++++++++++++