《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]  (อ่าน 258409 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
«ตอบ #480 เมื่อ11-05-2017 01:11:43 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ pearlypear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
«ตอบ #481 เมื่อ11-05-2017 01:38:49 »

 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
«ตอบ #482 เมื่อ11-05-2017 01:47:24 »

อดีตของน้องรันต์น่าสงสารมากเลย  :sad4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
«ตอบ #483 เมื่อ11-05-2017 16:07:50 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
«ตอบ #484 เมื่อ12-05-2017 00:39:59 »

ตามทันแล้วววว

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
«ตอบ #485 เมื่อ12-05-2017 13:20:49 »

ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ คุณเปรม ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย นิยายรอได้ค่ะ ขอแค่อย่าทิ้งกันไปเลยก็พอ

สำหรับตอนล่าสุด รู้สึกว่าแม่รันต์คิดอะไรแปลกๆ ตรรกะแมวมาก มีแต่คนพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาครอบครัว ความเป็นแม่คน ถ้ามีลูกต้องคิดถึงลูกก่อน อยากให้ลูกมีพ่อ นี่พ่อไม่ได้นอกใจ แต่มีผู้หญิงมาจับ ผู้หญิงทั่วไปที่แต่งงานแล้วจะมีแต่จะไฟท์กับผู้หญิงที่มาจับคนนั้น มุมมองแม่รันต์เหมือนคนที่ไม่เคยแต่งงานมากกว่าค่ะ

พล็อตย้อนอดีตดูออกทะเลไปจริงๆค่ะ แปลกๆ ไปจากพล็อตปกติที่ดูสนุกมากมาย ความเห็นส่วนตัวไม่อยากให้ย้อนเลย น่าจะค่อยๆเฉลยมาจากคำพูดการกระทำของน้องรันต์ดูจะน่าลุ้น ชวนคิดมากกว่า พอเฉลยออกมาแล้วดูทำให้ดำเนินเรื่องกลายเป็นเล่าเรื่อยๆ เอื่อยๆ แทนที่จะน่ารัก ตื่นเต้น สนุกขบขันเหมือนเดิมไป เหมือนคนละเรื่องเดียวกันค่ะ เพราะตอนเดินเรื่องปัจจุบันสนุกมากจริงๆ อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ


ชอบน้องรันต์ รักพี่ทศค่ะ รอคู่นี้อยู่ค่ะ   

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: 《ใจยักษ์》แจ้งเหตุค่ะ-_-[12/5/60]
«ตอบ #486 เมื่อ12-05-2017 16:09:28 »

ชี้แจง


สวัสดีทุกคนนนนนน  ช่วงนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกอย่างไรมิรู้  NB เปรมพังค่ะ!!!ตั้งแต่เมื่อวาน ส่งซ่อมแล้ววันนี้ยังมิได้คืน  ค่อนข้างจะหัวร้อนเป็นอย่างมาก  ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้รอเก้อ ช่างบอกพรุ่งนี้ได้ ซึ่งไม่รู้ว่าไฟล์นิยายเค้าจะหายไหมมมม กร๊าซซซซ :fire: แวะมาบอกไม่อยากให้รอ ขอตัวไปหาตังค์ซื้อใหม่ก่อน กราบสวัสดีค่ะ :mew4: :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: 《ใจยักษ์》แจ้งเหตุค่ะ-_-[12/5/60]
«ตอบ #487 เมื่อ12-05-2017 19:01:22 »

 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: 《ใจยักษ์》แจ้งเหตุค่ะ-_-[12/5/60]
«ตอบ #488 เมื่อ12-05-2017 19:21:30 »

 :katai5:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #489 เมื่อ13-05-2017 18:43:30 »

ใจยักษ์  24 [ต่อ]


เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินเข้าซอยโรงเรียนเอื่อยๆด้วยท่าทีสบายๆในเวลาเจ็ดโมงเช้า  ในมือเรียวมีถุงผ้าใส่กล่องอยู่สองใบ  กล่องใบหนึ่งเป็นอาหารกลางวันของเด็กหนุ่ม  อีกใบเป็นของเจ้าตัวซนทั้งหลาย  เหรันต์แวะลานกว้างโล่งๆก่อนถึงโรงเรียนที่เจ้าของปล่อยทิ้งร้าง  ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปในบริเวณเจ้าตูบสี่ขาพัทธุ์ทางผสมสามตัวก็กระดิกหางวิ่งเข้ามาหาเด็กหนุ่มทันที

“เอ้า อย่าแย่งกันสิ ค่อยๆกินครับ” เด็กหนุ่มเทข้าวใส่กระบะใบใหญ่ให้เจ้าตูบสามตัวได้กินด้วยกัน  เขามาเจอเจ้าพวกนี้ขณะเดินออกจากโรงเรียนเมื่อสองเดือนก่อน  อายุก็ราวๆ1-2ปี  ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกันเพราะมีลักษณะตัวและที่แตกต่างกันไป  ตอนแรกเขาเจอเจ้าน้ำตาลยืนมองหน้าเขาขณะเดินกินลูกชิ้นอยู่ ก็เลยแบ่งให้ไปด้วยความสงสาร  วันต่อมาดันเพิ่มมาอีกสอง คือเจ้าขาวและเจ้านวล  ชื่อที่เรียกเขาก็ตั้งตามสีนั่นแหละ

“ฮ่าๆๆ พอแล้วๆ เดี๋ยวชุดนักเรียนเปื้อน” เด็กหนุ่มห้ามเจ้าพวกสี่ขาที่หลังจากกินเสร็จก็วิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังแถมยังทำท่าจะกระโดตะครุบเขาให้หยอกล้อด้วยอีก  เด็กชายหน้าใสหัวเราะอย่างมีความสุข  เขาอยากเลี้ยงพวกมันไว้หมดเลยแต่ว่าแม่ของเขาดันแพ้ขนสัตว์  จะหาบ้านให้มันอยู่ก็ไม่รู้จะหาจากที่ไหน  ใจลึกๆเขาก็ไม่อยากให้พวกมันไปไหนอยากจะเล่นด้วยกันทุกวัน  แต่เขาจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าตัวเขาเองจะดูแลเจ้าพวกนี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่  การหาบ้านให้เจ้าสี่ขาสามตัวนี้คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

โฮ่ง!ๆๆๆๆ

อยู่ๆเจ้านวลก็เห่าขึ้นเสียงดัง  ทำให้เจ้าสองตัวที่เหลือพลอยเห่าตามไปด้วย  สายตาของพวกมันจับจ้องไปที่ต้นไม้ด้านหลังเด็กหนุ่ม  เหรันต์ชะงักแล้วหันไปมองตาม เขาไม่เจอสิ่งมีชีวิตอย่างอื่น แต่เจ้าพวกลูกสมุนของเขาก็ยังเห่าต้นไม้ต้นนั้นไม่หยุด  ด้วยความที่เป็นเด็กฉลาดทำให้เหรันต์มีนิสัยขี้สงสัยและอยากรู้อยากลอง  เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง สองเท้าค่อยๆย่างก้าวไปที่ต้นไม้น่าสงสัยนั่น  สุนัขสามตัวก็ยังเห่าไม่หยุดแต่ไม่กล้าวิ่งนำหน้าเขา ได้แต่เห่าตามอยู่ด้านหลัง(เป็นสุนัขที่กล้าหาญจริงๆ) มือเรียววางถุงผ้าที่มีข้าวกล่องลงที่หินก่อนถึงต้นไม้  เพราะถ้าหากเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นเขาจะได้สามารถวิ่งได้โดยไม่ห่วงอะไร(?) ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความกดดันจากสุนัขสามตัวด้านหลังเขา  เหรันต์ก้าวไปจนถึงต้นไม้ต้นใหญ่ก้มหยิบก้อนหินโยนไปข้างหลังต้นไม้เป็นการลองเชิง  ถ้าเป็นงูจะต้องฉกออกมาแน่

เงียบกริบ...

ไม่มีเสียงของสิ่งมีชีวิตอื่น  เสียงใบไม้ขยับสักนิดก็ไม่มี  แม้แต่เจ้าสุนัขสามตัวก็เงียบเสียงไปอย่างรู้งาน  เหรันต์เกาหัวงงๆ  แล้วเจ้าตูบมันเห่าอะไรวะ!  เด็กหนุ่มค่อยๆเอี้ยวตัวไปข้างหลังต้นไม้ช้าๆอย่างระมัดระวัง

หืม...ไม่เห็นมีอะไรนี่หว่า

โฮ่งๆๆๆๆ  พรึ่บ!

“อ๊ะ!” เสียงเห่าของลูกสมุนดังขึ้นพร้อมๆกับแรงรัดที่คอของเด็กหนุ่ม  เหรันต์ดิ้นและกระชากตัวออกตามสัญชาตญาณแต่ไม่หลุดจากแรงรัด  ทั้งคู่ยื้อยุดกันไปมาจนล้มลงกระแทกเข้ากับพื้นหญ้าทั้งคู่

แต่สถานการณ์ก็ไม่ค่อยจะดีนักเมื่อบุคคลไม่น่าไว้ใจเป็นคนขึ้นคร่อมด้านบน  มือเรียวกำคอเด็กหนุ่มให้ยึดกับพื้น  เสียงสุนัขทั้งสามเห่าขู่ไม่ขาดสายเมื่อเห็นผู้มีพระคุณตนเองกำลังเป็นอันตรายแต่ยังไม่กล้าเข้าใกล้ทั้งคู่  เหรันต์ดึงมืออีกคนออกจากคอตนเองแต่ก็ไม่เป็นผลนัก  ตาเรียวสวยเผลอมองขึ้นสบตากับอีกคนโดยไม่ได้ตั้งใจ

ชั่วแวบหนึ่ง...เหรันต์คิดว่าคนตรงหน้าเขานี้เป็นอีกคนที่เขารู้จักและรอคอย

แต่ว่าคงไม่ใช่...แม้จะคล้ายแต่สีตาของผู้ชายคนนี้สีเขียวซีดออกหม่นมากกว่า

“ปล่อยนะ! จะมาบีบคอผมทำไมเนี่ย! แค่ก...”มือสีซีดปล่อยจากลำคอขาวตามเสียงอีกคนโดยไม่รู้ตัว เหรันต์ผลักอีกคนออกให้พ้นจากตัวเขา  ผู้ถูกผลักกระเด็นนั่งลงอยู่ไม่ไกลกัน

“ถอยไปเลยนะ! อย่าขยับเข้ามาไม่อย่างนั้นผมจะให้หมากัดคุณจริงๆด้วย” เหรันต์ชี้นิ้วห้ามอีกคนที่ทำท่าจะขยับเข้ามาหาเขา  คนถูกสั่งชะงักไปก่อนจะนั่งนิ่งลงที่เดิม  เหรันต์มีโอกาสได้นั่งมองหน้าคู่กรณีเต็มๆตา  ชายหนุ่มตรงหน้าเขามีโครงหน้าแสดงออกที่ชัดเจนว่าเป็นชาวต่างชาติแน่นอน  ผมสีน้ำตาลอ่อนประกายทอง นัยน์ตาสีเขียวซีดนิดๆ ปากบางอมชมพูสุขภาพดี รูปร่างสูงโปร่ง แต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดสีดำตัวหลวมๆตามสไตล์เด็กฝรั่ง กางเกงสกินนี่สีดำ พร้อมรองเท้าบู๊ทหนังสีน้ำตาลหุ้มข้อ ตัวสูงและมีกล้ามเนื้อมากกว่าเขาอยู่พอสมควร

“ฟังภาษาไทยรู้เรื่องไหม?” เด็กชายหน้าใสถามคนตรงหน้าเป็นภาษาไทย

“ไม่” หนุ่มนัยน์ตาน้ำข้าวส่ายหัวและตอบอีกคนด้วยภาษาอังกฤษ รันต์ขมวดคิ้วงงๆในคำตอบของคนตรงหน้าเขา ซึ่งคำตอบของชายคนนี้เหมือนเข้าใจคำถามอย่างไรอย่างนั้น

“อย่ามากวน ผมรู้หรอกว่าคุณฟังออก” เหรันต์ตอบเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาคืนด้วยภาษาอังกฤษ  เด็กหนุ่มตัวโตกว่ายักไหล่ให้แทนคำตอบ  เหรันต์กรอกตาใส่คนตรงหน้าแล้วขยับตัวลุกขึ้นเพราะเขาใกล้จะสายเต็มทีแล้ว  เมื่อรันต์ลุกขึ้น เด็กหนุ่มปริศนาก็ขยับตัวลุกขึ้นตามโดยอัตโนมัติ  เด็กหนุ่มตัวเล็กกว่าขยับตัวถอยห่างด้วยความหวาดระแวงเล็กน้อย  ลูกสมุนทั้งสามตั้งท่าขู่ยิงฟัน  แต่เด็กหนุ่มนัยน์ตาน้ำข้าวกลับนิ่งไม่มีวี่แววหวาดกลัวเลยสักนิด เหรันต์จึงหันไปส่งเสียงให้เงียบพวกมันจึงหยุด แต่สายตาของอีกคนกลับจ้องมองไปที่เหรันต์ตลอดเวลาจนเขาทนอึดอัดกับสายตานั่นไม่ไหวถึงได้เปิดปากคุยคนแปลกหน้าอีกครั้ง

“หน้าผมมีอะไรหรอครับ” เหรันต์ถามด้วยภาษาอังกฤษเช่นเดิม น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกกลัวหรือหวาดระแวงคนแปลกหน้าคนนี้เท่ากับตอนแรก  อาจจะเป็นเพราะว่าอีกคนไม่ได้มีท่าทีคุกคามเขาไปมากกว่านี้ก็ได้

“ไม่มี แค่อยากมอง” แล้วก็มองอยู่จริงๆนั่นแหละ แบบกะจะไม่ให้คลาดสายตาเลย

“อะไรของเขาวะ” เหรันต์เกาหัวพึมพำกับตัวเองงงๆ  เกิดมาเขาไม่เคยเห็นใครแปลกเท่าคนๆนี้  รู้จักก็ไม่รู้จักแล้วจะมามองหน้าทำไม  จ้องจนเขารู้สึกอายขึ้นมานิดๆ ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าตั้งแต่เห็นหนุ่มต่างชาติมาทั้งในและนอกโรงเรียนยังไม่เคยเห็นใครรูปหน้าหล่อเหลาและจัดว่ามีเสน่ห์มากได้เท่าเขามาก่อน

“ถ้าไม่มีอะไรก็แล้วไป ผมไปล่ะ...อ่อ อย่ายุ่งกับเจ้าลูกหมาพวกนั้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผมไม่มีทางอภัยให้คุณแน่” เด็กหนุ่มตัวบางเอ่ยกับคนตัวโตกว่า แต่ก็ไม่วายขู่แถมท้ายด้วย

เหรันต์หยิบถุงกล่องข้าวและเดินออกจากลานกว้างไปแล้ว  แต่เด็กหนุ่มอีกคนยังยืนนิ่งอยู่และมีเหล่าสามทหารเสือดมฟุดฟิดๆตามขาสักพัก เมื่อไม่ได้กลิ่นอันตรายจากคนที่ยืนอยู่ พวกมันจึงแยกย้ายตัวออกไป เหลือเพียงคนเดียวในที่แห่งนี้ที่มองตามหลังอีกคนไปจนลับสายตา ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นนิดๆแล้วเดินออกจากบริเวณนี้ไป
.
.
.
.
.
.
.
.

ตลอดเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ในทุกๆเช้าที่เหรันต์แวะมาหาเจ้าพวกลูกสมุนทั้งสาม  เขามักจะเจอเด็กหนุ่มชาวต่างชาติที่เจอกันในวันแรกนั่งรออยู่กับเจ้าพวกลูกสมุน(ที่เปลี่ยนข้างจาก)เขาในทุกๆวัน  เขามีหน้าที่เอาอาหารไปให้  ส่วนฝรั่งหนุ่มก็เอาแต่นั่งมองหน้าเขาอยู่ตลอด  ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน แม้แต่ชื่อก็ไม่รู้จัก  มีแต่มองหน้าเขาอย่างกับมีตัวหนังสืออยู่บนหน้านั้นแหละ  ตอนแรกเด็กชายเหรันต์ก็รู้สึกประหม่าอยู่บ้าง  แต่หลังๆมาเริ่มชินแล้ว อยากมองก็มองไปเถอะ

แต่วันนี้เป็นวันหยุดที่เขาแวะออกจากบ้านมาเอาอาหารให้เจ้าสุนัขทั้งสามดังเช่นปกติ  แต่ที่ไม่ปกติคือเขาทำแซนวิชกล่องใหญ่มาด้วยอีกกล่อง ซึ่งปริมาณขนาดนี้กินคนเดียวคงไม่หมดแน่ๆ...ก็ไม่ได้หวังว่าใครอีกคนจะกินด้วยหรอก

“กินอาหารเช้ารึยังอ่ะ?” รันต์พูดเป็นภาษาอังกฤษลอยๆพลางหยิบแซนวิชใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มป่อง  เด็กหนุ่มอีกคนที่มองคนตัวเล็กกว่าอยู่ก่อนแล้วส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบ  จะให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นได้อย่างไรในเมื่อบริเวณนี้มีคนอยู่แค่สองคน ถ้าไม่พูดกับเขาจะพูดกับใครล่ะ

“อ่ะ ผมทำมาเยอะเกินเลยกินไม่หมด...ไม่ได้ทำมาเผื่อนะ!” คนตัวโตกว่ายกยิ้มนิดๆที่เหรันต์ส่งกล่องแซนวิชมาตรงหน้าเขา  แต่เมื่อเด็กชายเห็นรอยยิ้มอีกคนก็รีบเอ่ยปากปฏิเสธไว้ก่อนทันที  เด็กหนุ่มตาน้ำข้าวหยิบแซนวิชของอีกคนขึ้นกัดเต็มคำ  เขากินมันหมดอย่างรวดเร็ว รันต์เห็นอย่างนั้นก็รีบส่งแซนวิชให้อีกคนเรื่อยๆจนแซนวิชกล่องใหญ่หมดลงในพริบตา

“อร่อย...ขอบคุณ” คนพูดน้อยนานๆจะเอ่ยปากที  เด็กชายเหรันต์ยกยิ้มพร้อมเชิดหน้าขึ้นนิดๆด้วยความภูมิใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเอง

“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว  ว่าแต่คุณพึ่งย้ายมาอยู่แถวนี้หรอ เห็นมาทุกวัน” เหรันต์ถามอีกคนด้วยความลืมตัว ว่าคนๆนี้คือคนแปลกหน้า

“เปล่า”

“แล้วมาทำไม มานั่งมองหน้าผมหรอ” เด็กชายถามอีกคนไปตรงๆ

“มองไม่ได้หรอ?” เจอถามคำถามกลับซะอย่างนั้น

“ขอเหตุผลที่ต้องมองหน้าผมด้วย”

“ไม่มี” อีกคนตอบกลับสั้นๆ

“ได้ไง...หรือว่า...คุณชอบผม” เด็กหนุ่มแกล้งทำตาโต พูดหยอกอีกคนไปโดยไม่รู้ตัวแถมยังทำเป็นเอามือปิดหน้าอกตัวเองเหมือนสงวนตัวมาก  แต่ปฏิกิริยาของคนตรงหน้าเด็กชายเหรันต์นิ่งอึ้งไปซะอย่างนั้น  เพราะคนตรงหน้าเขาหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างลืมมาด  ถ้าถามว่าเทพบุตรในเทพนิยายมีจริงไหม  เขาบอกได้คำเดียวว่ามันมีจริงๆนะ  คนตรงหน้าเขาไงล่ะ  แค่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะก็ทำให้หัวใจเด็กชายเต้นผิดจังหวะไป  เหมือนโลกมันหยุดชะงักไปในเสี้ยววินาทีนั้น

“หลงตัวเอง” หลังจากระงับความขำตัวเองลงได้ หนุ่มตาสีมรกตซีดก็แกล้งผลักหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ  รันต์เบ้ปากให้อีกคนนิดๆ  เขาแค่แกล้งพูดไปอย่างนั้นเอง

“ผมกลับแล้ว” รันต์บอกอีกคนด้วยความหงุดหงิดนิดๆเมื่อโดนล้อ  ตอนนี้เขาออกมานานมากแล้ว  รีบกลับก่อนคุณแม่จะเป็นห่วงดีกว่า

“เดี๋ยว” มือขาวซีดรั้งแขนอีกคนไว้ขณะกำลังลุกขึ้น

“อะไร?”

“พรุ่งนี้จะมาไหม?”

“ถ้าไม่ติดอะไรก็คงมาแหละ...ทำไม”

“เปล่า...พรุ่งนี้มานะ...จะรอ” รันต์ขมวดคิ้วนิดๆกับคำพูดของอีกคน  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมารอเขา  แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงเขาก็มาที่นี่เกือบทุกวันอยู่แล้ว

“อืม...แต่ถ้าผมไม่ได้มา  ก็ไม่ต้องรอนะ บายๆ” รันต์บอกลาอีกคน  เขาออกตัวไว้ก่อนว่าถ้าเกิดเขาไม่ได้มาจริงๆ ก็ไม่อยากให้คนๆนี้ต้องรอเก้อ  เพราะว่าเขาก็เข้าใจดีว่าความรู้สึกของคนรอเป็นอย่างไร  คนตัวโตเพียงยิ้มให้นิดๆก่อนจะโบกมือลาเขาเป็นครั้งแรก...

.
.
.
.
.

“น้าเฟื่องฟ้าสวัสดีครับ...ทำอะไรอยู่หรอครับ?” เมื่อรันต์กลับมาถึงบ้านก็เจอเข้ากับน้าเฟื่องฟ้าเพื่อนสนิทแม่ของเขาเดินถือกะละมังเล็กใส่น้ำและผ้าขนหนู

“สวัสดีจ้ะน้องรันต์  น้ากำลังจะไปเช็ดตัวให้แพรวน่ะจ้ะ”

“คุณแม่ไม่สบายหรอครับ  น้องรันต์ไม่รู้เรื่องเลย” ตอนเช้าเขาตื่นมาคุณแม่ก็ยังไม่ตื่น เขาเลยอยากให้คุณแม่พักผ่อนมากๆ เลยก็รีบทำอาหารไว้ให้แล้วออกไปข้างนอก

“ตอนแรกน้าก็ไม่รู้ ไม่ยอมบอกอะไรสักคำ แต่น้าเห็นเป็นซึมๆเดินเซๆ พาไปจับตัวเท่านั้นแหละเลยรู้  ตอนนี้ก็ไล่ขึ้นไปนอนพักบนห้องแล้ว น้ากำลังจะไปเช็ดตัวให้...น้องรันต์ช่วยทำข้าวต้มอ่อนๆทีได้ไหมลูก” เฟื่องฟ้าเล่าเหตุการณ์เมื่อตอนเธอมาให้หลานชายฟัง

“ครับๆ เดี๋ยวน้องรันต์จะรีบทำ รบกวนน้าเฟื่องฟ้าช่วยดูคุณแม่แทนทีนะครับ” เหรันต์บอกเฟื่องฟ้าลนๆ  ปกติแม่เขาจะไม่ค่อยป่วยนัก  ถ้าป่วยทีจะเป็นค่อนข้างหนักยิ่งช่วงนี้มีอาการปวดหัวบ่อยร่วมด้วยเขายิ่งเป็นห่วงเข้าไปใหญ่

เหรันต์กับเฟื่องฟ้าผลัดกันดูแลแพรวาจนเวลาล่วงเลยมาถึงหัวค่ำของอีกวัน อาการของแพรวาจึงค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ  เมื่อความกังวลลดลงจึงทำให้เขาคิดบางอย่างขึ้นมาได้

“แย่แล้ว...ลืมเขาไปซะสนิทเลย” เด็กชายหน้าใสพึมพำกับตัวเองเสียงหลง

“มีอะไรรึเปล่าจ้ะน้องรันต์” เฟื่องฟ้าที่นั่งอยู่ไม่ไกลเห็นท่าทางแปลกๆของหลานก้ถามขึ้น

“คือ...วันนี้น้องรันต์นัดเพื่อนไว้น่ะครับ” เพื่อนรึเปล่าไม่รู้ แต่ไม่รู้จะบอกกับน้าได้ยังไงว่านัดกับคนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อไว้

“ตายแล้ว...แล้วน้องรันต์โทรบอกเพื่อนไว้รึยังลูก”

“ยังครับ” เพราะไม่มีเบอร์น่ะสิ

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะลูก เขาอาจจะรออยู่ก็ได้นะ ส่วนแพรวเดี๋ยวน้าดูไว้ให้ ตอนนี้ก็อาการดีขึ้นมากแล้ว” เฟื่องฟ้าแนะนำด้วยความหวังดี เมื่อเห็นหลานดูท่าจะกังวลอยู่ไม่น้อย

“ถ้าอย่างนั้นน้องรันต์ฝากน้าเฟื่องฟ้าช่วยดูคุณแม่ให้แปบหนึ่งนะครับ  มีอะไรรีบโทรมาเลยนะครับ น้องรันต์ไปแปบเดียว”

“จ้ะ”

++++++++++++++++++

“แฮ่กๆๆ...คุณอยู่ไหมอ่ะ” เขารีบวิ่งมาจากปากซอยที่ไม่ค่อยเปลี่ยวมากมา ยอมลงทุนขึ้นแท็กซี่จากหน้าหมู่บ้านเลยทีเดียว  แต่สิ่งที่ตอบเขากลับเป็นเสียงเห่าของสุนัขทั้งสามก่อนจะวิ่งกรูมากระโดดตะครุบเขา  ไฟฉายถูกส่องไปทั่วบริเวณก็ไม่เห็นใครนอกจากเขาและสุนัขทั้งสาม

เหรันต์เทข้าวให้สุนัขทั้งสามกิน  สาตาก็กวาดมองไปทั่วบริเวณอีกครั้ง สุดท้ายเลยนั่งยองๆมองเหล่าลูกสมุนกินข้าวเงียบๆ  ในอกเขาเป็นหน่วงๆ รู้สึกผิดนิดๆที่ไม่สามารถมาตามนัดจากอีกคนได้ แถมเขายังชอบมาตั้งแต่เช้าไม่รู้จะอยู่รอเขานานขนาดไหน เอาเถอะ! พรุ่งนี้ก็ค่อยขอโทษก็แล้วกัน

เมื่อเหล่าลูกสมุนทั้งสามกินเสร็จเรียบร้อยเหรันต์ก็หยอกล้อพวกมันต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะรีบกลับเพราะมันค่ำมากแล้วแม้จะมีร้านรวงอยู่แถวนี้แต่ก็ค่อนข้างจะเป็นอันตรายอยู่เหมือนกัน

เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินเอื่อยๆมาจนถึงป้ายรถเมย์  เขานั่งรอรถเมย์สายที่จะกลับที่นานๆจะโผล่มาสักคัน  รันต์นั่งรอเงียบๆแต่ก็ได้ยินเสียงจิ๊ปากของหนุ่มคนข้างๆ  เหรันต์หันไปมองนิดๆพอดีกับที่คนข้างๆก็หันมามองเขาเช่นกัน  ชายคนนี้เป็นหนุ่มรูปร่างค่อนข้างผอมแบบผอมมากๆแต่สูง ใส่แว่นหนาเตอะจนแทบไม่เห็นตาดำ

“มองอะไรวะ”

“มองคุณ” เหรันต์ตอบผู้ชายข้างๆเขาตรงๆเพราะเขาก็มองจริงๆแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง ผู้ชายข้างๆเขาเงียบไปนานแล้วอยู่ๆก็สะกิดไหล่เหรันต์พร้อมยื่นบางอย่างมาให้ดูแล้วชักมือกลับไปอย่างรวดเร็ว

“เก่งจริงก็บอกมาว่าหมายถึงอะไร” ชายผอมสูงท้าทายเหรันต์ด้วยความหมั่นไส้ในท่าทางจองหองของคนที่ดูยังไงก็เป็นเด็กอ่อนๆแน่ๆ เด็กชายนิ่งไป สมองกำลังประมวลภาพที่เห็นเมื่อกี้แล้วเอ่ยออกมาช้าๆ

“เป็นสถานที่ใช่ไหมครับ” รอยยิ้มของหนุ่มแว่นชะงักค้าง  เขาสาบานว่าเมื่อกี้เขายื่นให้คนตรงหน้าดูแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ  นี่มันความลับระดับชาติเลยนะ ถ้าเรื่องหลุดออกไปเขาตายแน่

“ฮ่ะๆ มึงอย่ามาอำกู เมื่อกี้กูแค่เขียนมั่วๆ” ชายผอมสูงหัวเราะฝืนๆ  เขาแก้สถานการณ์ได้แย่มากจริงๆ

“5.11.19.3.23.1.12.1.17.20.15.18 แปลเป็นตัวอักษรได้ e k s c w a l a q t o r นับไป 1 แล้วตัด นับไป2 แล้วตัด นับไป 3แล้วตัด ได้คำว่า escalator ที่แปลว่าบันไดเลื่อน ส่วนเอ็นจะ...อื้อออ” รันต์ร่ายยาวที่พรั่งพรูออกมาจากความคิดเขา แต่ก่อนที่เขาจะพูดรหัสสุดท้ายออกมาคนที่ยื่นหายนะให้ตัวเองก็รีบปิดปากรันต์ก่อนจะพาเดินไปที่ลับตาคนทันที

“มึงกำลังจะทำกูซวยนะเว้ย” หนุ่มแว่นกระซิบกับรันต์เสียงต่ำ เขาไม่คิดว่าเด็กนี่จะทำให้เขาอึ้งได้ขนาดนี้ แม้โค้ดลับเขาจะไม่ได้ยากมากมายอะไร แต่เขาไม่คิดว่าการเห็นไม่ถึงชั่ววินาทีจะทำให้ไอ้เด็กนี้ถอดรหัสออกมาได้เป็นคำแถมเร็วขนาดนี้

“ก็คุณเอามาให้ผมดูเองอ่ะ” เด็กหนุ่มเถียง

“มึงเงียบไปเลย เมื่อกี้ช่วยทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย” หวังว่าเด็กนี่จะไม่ปากโป้งนะ เจคคิดในใจเงียบๆ

“ครับ คุณก็รีบไปซะสิ สถานที่อยู่ห่างจากที่นี่ตั้งไกลไม่ใช่หรือไง” รันต์ถอนหายใจหน่ายๆให้ชายตรงหน้าเขา

“ถ้าไปได้กูไปแล้วโว้ย เดี๋ยวนะ...มึงรู้หรอว่าที่ไหน” เจคขมวดคิ้วถามอีกคน ไม่อยากจะยอมรับว่าตอนนี้เขาไม่รู้จะไปที่ไหน แน่นอนว่าไอ้รหัสตัวเลขเขาก็สามารถไขมันออกได้ง่ายๆแต่รหัสสุดท้ายนี่สิที่เขาคิดไม่ออกว่าที่ไหน บันไดเลื่อนที่ไหนวะ!

“เห...นี่คุณไม่รู้หรอว่าที่ไหน” เหรันต์ยกยิ้มเยาะๆให้ชายตรงหน้า อยากมาแกล้งเขาดีนัก

“มึงรู้รึไง”

“รู้สิ ถ้าไม่รู้ผมจะบอกให้คุณไปทำไม ท่าทางก็ใกล้ถึงเวลาแล้วไม่ใช่หรอ ถ้าไม่รีบระวังจะไม่ทันนะ” คนอ่อนกว่ายิ้มอย่างมีชัย

“จิ๊...ใบให้กูหน่อย จะไม่ทันแล้วเนี่ย” เจคยอมจำนนต่อเด็กหน้าใสอย่างช่วยไม่ได้

“ถ้าบอกแล้วผมจะได้อะไรล่ะ?”

“มึงอยากได้อะไร” เจคว่าอย่างหงุดหงิด เขาไม่น่าแส่หาเรื่องเลย ไอ้เด็กหน้าซื่อๆตาใสๆที่คิดว่าพอแกล้งแล้วคงร้องไห้นี่แม่งเหลี่ยมเยอะชะมัด

“อืม...ผมยังคิดไม่ออก เอาเบอร์คุณมาสิ...เบอร์จริงๆนะ” เด็กแสบดักคอเจคไว้ สุดท้ายก็ต้องจำใจให้เด็กมันไป อย่างเด็กนี่จะขออะไรเขากัน ก็คงเป็นเครื่องเล่นเกมส์สักเครื่อง ไม่ก็ตำราหนาๆสักเล่มนั่นแหละ

“ยื่นหูมาสิ...ความลับไม่ใช่หรือไง?” รันต์บอกกับคนแปลกหน้าแถมยังดูบ้าๆป่วงๆที่มองเขาด้วยความหวาดระแวง ถ้าไม่เชื่อจะถามทำไมกัน แต่สุดท้ายเจคก็ยอมยื่นหูให้รันต์กระซิบสถานที่สุดท้ายที่เขาต้องการ

“เออว่ะ!” เจคมองรันต์อึ้งๆ รหัสแม่งเส้นผมบังภูเขาชัดๆ

“ใช่ไหมล่ะ ผมมองปุ๊บก็รู้ละว่าที่ไหน มันคิดได้อย่างเดียวแหละไอ้รหัสนี้ ถ้าจำไม่ผิดที่นั่นมีบันไดเลื่อนทางขึ้นแค่อันเดียวด้วย เขาเลยไม่ได้ระบุไว้ไงว่าบันไดเลื่อนอยู่ทางไหน” เด็กคนนี้ฉลาดและรอบรู้มาก คนแบบนี้แหละที่เขาอยากได้มาเป็นผู้ช่วย แต่ก็เด็กเกินไปล่ะนะ  เจคคิดอย่างเสียดาย

“เออ ขอบใจมากไอ้หนู” เจคบอกลารันต์แล้วรีบวิ่งไปอีกทาง เด็กหนุ่มจึงเดินย้อนกลับไปรอรถที่ป้ายตามเดิม ในใจก็คิดว่าทำไมช่วงนี้ถึงเจอแต่คนแปลกๆกันนะ

++++++++++++++++++++

ยาวไปง่ะ ขอตัดไปอีกตอนนะคะเพราะรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ยืดเวลาต้มน้ำไปได้อีกนิด อิอิ  เจอกันตอนหน้าฮับ :katai4:
ป.ล.ครึ่งหลังพิมพ์ใหม่หมดเลยจ้า อยากจะกรี๊ดมาก ฮ่าๆๆ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ จุ๊ฟฟฟฟฟ :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
« ตอบ #489 เมื่อ: 13-05-2017 18:43:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #490 เมื่อ13-05-2017 19:03:09 »

น้องรันต์ใช่เด็กอัจริยะรึเปล่าเนี่ย ส่วนเด็กฝรั่งที่เจอตอนไปเลี้ยงหมาใช่พี่ยักษ์รึเปล่า

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #491 เมื่อ13-05-2017 20:03:13 »

เป็นเรื่องราวในอดีตซินะ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #492 เมื่อ13-05-2017 21:11:14 »

ชื่นชมกับความอัพเร็วจริงๆ ค่ะ มาแล้ว มาแล้ววววววววดีใจจัง 

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #493 เมื่อ13-05-2017 22:04:17 »

อดีตรันต์ มียักษ์อยู่ด้วยใช่ปะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #494 เมื่อ13-05-2017 22:52:09 »

 :mew1: :mew1: :mew1: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #495 เมื่อ13-05-2017 22:52:27 »

น้องรันต์เจอยักษ์ตั้งแต่เด็กแต่จำไม่ได้ใช่มิ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #496 เมื่อ13-05-2017 23:24:10 »

 o13

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #497 เมื่อ14-05-2017 01:04:09 »

ต้องละเมียดละไมอ่าน เดี๋ยวตกหล่น

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #498 เมื่อ14-05-2017 01:27:53 »

 :katai1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #499 เมื่อ14-05-2017 01:58:06 »

คนนั้นใช่พี่ยักษ์รึป่าวอ่ะ ส่วนผู้ชายที่ให้รันต์ดูโค้ดคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่รันต์ต้องทำรึป่าว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
« ตอบ #499 เมื่อ: 14-05-2017 01:58:06 »





ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #500 เมื่อ14-05-2017 09:39:13 »

รออออ

ออฟไลน์ Fonz_Juz19

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #501 เมื่อ29-05-2017 14:01:52 »

รอน้องรันต์นะคะ
คนเขียนมาต่อเร็วๆนะคะ คิดถึงเรื่องนี้มากๆ

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
«ตอบ #502 เมื่อ29-05-2017 14:46:56 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #503 เมื่อ29-05-2017 15:53:59 »

ใจยักษ์ 25


“วันนี้ก็ไม่มางั้นหรอ...” เด็กชายเหรันต์มองหาใครอีกคนที่เขาผิดนัดไปเมื่อสามวันก่อน  วันรุ่งขึ้นหลังผิดนัดเขารีบมารอตั้งแต่เช้าตรู่จนกระทั่งเกือบสายก็ยังไม่พบเงาอีกคนโผล่มา  เขาทำอย่างนี้เป็นวันที่สามแล้ว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้  อาจจะเป็นเพราะรู้สึกผิดที่มาตามนัดของอีกคนไม่ได้ล่ะมั้ง

“ช่างเถอะ...ยังไงเขาก็เป็นแค่คนแปลกหน้า” เด็กชายพึมพำกับตัวเองคนเดียว

“ต่อจากนี้พวกแกจะไม่ลำบากแล้วนะ” เหรันต์ลูบหัวเจ้านวลเบาๆ  มีคนรับเลี้ยงเจ้าพวกสามตัวนี้แล้ว ซึ่งคนๆนั้นก็คือป้าศรีที่ขายอาหารกลางวันในโรงเรียนของเขา เด็กชายมักไปขออาหารเหลือจากป้าศรีเพื่อเอามาให้เจ้าพวกลูกสมุนหลังเลิกเรียน  ป้าศรีรู้ตั้งแต่แรกว่าเขานำอาหารมาให้เจ้าสามตัวนี้  แต่เมื่อวานเขาได้มีโอกาสคุยกับป้าศรีอีกครั้งเรื่องหาบ้านให้เจ้าตูบทั้งสาม  ป้าศรีจึงเอ่ยปากขอรับเลี้ยงเอง เพราะเจ้าตูบที่บ้านแกพึ่งจะจากไปด้วยโรคชราเมื่ออาทิตย์ก่อน  ป้าศรีที่ตัวคนเดียวจึงอยากรับเจ้าสามทหารเสือไปเลี้ยงเฝ้าบ้านและแก้เหงา รันต์ดีใจมากแม้จะใจหายแต่นี่ก็คงดีที่สุดแล้วสำหรับเจ้าสามตัวที่เขารัก
+++++++++++++++++++

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

“ของสดสำหรับทำอาหารหนึ่งอาทิตย์นะครับ เสื้อผ้าน้องรันต์ซักไว้ให้แล้ว  วันศุกร์หน้าเดี๋ยวร้านซักรีดจะมาเอาเสื้อผ้าไปซักให้ คุณแม่ไม่ต้องซักเองนะครับ คุณแม่ต้องทานอาหารให้ครบสามมื้อ ห้ามโหมทำงานหนัก ห้ามนอนดึกนะครับ อ่อ แล้วก็พรุ่งนี้น้าเฟื่องฟ้าจะมานอนเป็นเพื่อนนะครับ”

“คิกๆ  แม่ไม่ได้พิการนะน้องรันต์” แพรวาขำให้กับความเป็นห่วงจนเกินไปของลูกชาย  เนื่องจากเด็กชายเหรันต์ต้องไปเข้าค่ายเก็บตัวสามสัปดาห์ก่อนที่จะไปสอบแข่งขันที่ต่างประเทศ เธอจึงต้องอยู่บ้านคนเดียวเป็นเหตุให้ลูกชายสุดที่รักห่วงจนไม่เป็นทำอะไร

“น้องรันต์จะรีบไปรีบกลับ  ถ้าว่างเมื่อไหร่จะโทรหานะครับ” เด็กชายจับมือคนเป็นแม่ขึ้นมากุมไว้หลวมๆ  ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยห่างอกแม่นานขนาดนี้ เด็กชายไม่ใช่พวกเด็กติดแม่ แต่สุขภาพแม่ของเขาตอนนี้ทำให้อดห่วงไม่ได้จริงๆ

“ครับ มากอดทีมา” เด็กชายโผเข้าหาอกคนเป็นแม่  เขากอดแน่นราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยมือออก ผู้หญิงคนนี้จะสลายและหายไปจากเขา

“น้องรันต์รักแม่นะครับ รักทีสุด...” เด็กชายพูดขณะซบอกคนเป็นแม่  แพรวายิ้มบางๆกอดกระชับคนที่เธอรักสุดหัวใจยิ่งขึ้นไปอีก  เธอกลัวว่านี่จะเป็นอ้อมกอดสุดท้าย  กลัวว่าจะไม่ได้เห็นเด็กที่มีรอยยิ้มและดวงตาสดใสสุกสกาวคนนี้อีก

“แม่ไม่อยู่น้องรันต์ต้องดูแลตัวเองนะลูก มีความสุขให้มากๆ หาเป้าหมายตัวเองให้เจอ...เข้าใจไหมเด็กดี” แพรวาลูบหัวเด็กชายด้วยความโอบอ้อมอารี  จูบซับไปตามเส้นไหมสีเข้มนุ่มๆด้วยความรัก

“คุณแม่อย่าพูดอย่างนี้ เดี๋ยวน้องรันต์ก็กลับ” อยู่รอน้องรันต์ก่อนนะครับ น้องกลับมาจะรีบพาคุณแม่ไปหาหมอ เด็กชายคิดในใจด้วยความกังวล

“ไปเถอะลูก เดี๋ยวจะสายเอา”แพรวาผละอ้อมกอดออก เธอส่งยิ้มให้ลูกชายพร้อมถือกระเป๋าเป้ที่ใส่สัมภาระไม่ใหญ่มากส่งให้  เหรันต์รับมาสะพายหลังไว้ เขายกมือไหว้สวัสดีแพรวาส่งยิ้มที่สดใสที่สุดในชีวิตให้แล้วเดินออกจากบ้านไป

เขาจะตั้งใจ  จะเป็นคนที่เก่งและประสบความสำเร็จให้แม่ของเขาภูมิใจ

จะต้องทำให้ได้…

รอก่อนนะครับแม่...
.
.
.
.
.
.

ย่างเข้าสู่ก่อนวันสุดท้ายของการเข้าค่ายเก็บตัวไปแข่งขันวิชาการนานาชาติ  เหรันต์ทำผลงานได้ดีเยี่ยม  เขาทำแบบทดสอบได้ถูกต้องหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่สิ ต้องบอกว่าร้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เพราะข้อบกพร่องของโจทย์เขาสามารถแก้ไขให้ถูกต้องและเขียนอธิบายวิธีประกอบไว้ด้วย  เป็นที่น่าทึ่งสำหรับเหล่าคณะอาจารย์ผู้ฝึกสอนเป็นอย่างมาก สิบปีจะมีเด็กแบบนี้โผล่มาสักคน

เมื่อถามถึงไอคิวเด็กคนนี้ คำตอบที่ได้กลับเป็นความเงียบ  พอจะให้ทำแบบทดสอบไอคิว เหรันต์ก็ตอบด้วยรอยยิ้มบางๆที่ทำเหล่าคณาจารย์ไม่กล้าถามถึงเรื่องนี้อีก

“การรู้ไอคิวผมมันสำคัญขนาดไหนกันครับ สำคัญกว่าการใช้สมองผมให้เป็นประโยชน์รึเปล่า...เพราะถ้าไม่ นั่นก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญพอที่จำเป็นจะต้องรู้หรอก จริงไหมครับ?” เพราะขนาดตัวเขาเองยังไม่เห็นอยากรู้ มันไม่สำคัญเลย...สักนิดเดียว

“น้าเฟื่องฟ้าครับ  ได้อยู่กับคุณแม่รึเปล่า น้องรันต์โทรหาคุณแม่ไม่รับโทรศัพท์เลย” เด็กชายถามเพื่อนของแม่ผ่านสาย ตอนนี้เป็นช่วงเบรกที่เขาได้พักจึงโทรหาผู้เป็นแม่แต่สายที่ห้าแล้วก็ยังไม่รับและไม่โทรกลับ  เหรันต์จึงโทรหาเฟื่องฟ้าเพื่อนสนิทแม่เขาที่ไปอยู่เป็นเพื่อน  เขาร้อนใจเหลือเกินรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ  พรุ่งนี้เขาก็จะได้กับบ้านแล้ว  อย่าเพิ่งให้เกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นเลย

(เปล่าจ้ะ น้าออกมาส่งของให้ลูกค้า)

“ทำยังไงดีครับ น้องรันต์สังหรณ์ใจไม่ดีเลย” เด็กชายกำโทรศัพท์แน่น เหงื่อซึมตามตัวด้วยความเครียด

(น้าส่งของเสร็จพอดี จะรีบกลับตอนนี้ น้องรันต์ใจเย็นๆนะลูก ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวน้าโทรบอก)

“ครับ ขอบคุณมากครับ” เด็กชายกัดริฝีปากตนเองจนเลือดซิบอย่างอดกลั้น  ได้แต่ภาวนาอย่าให้แม่ของเขาเป็นอะไรไปเลย

ร่วมสองชั่วโมงที่รันต์รอโทรศัพท์จากเฟื่องฟ้าหรือแม่ของเขาอย่างใจจดใจจ่อ  สิ่งที่อาจารย์สอนไม่เข้าหูเขาเลยสักนิด จนในที่สุดเสียงสัญญาณที่เขารอก็ดังขึ้น

“ขออนุญาตครับ...ครับน้าเฟื่องฟ้า” เด็กชายขออนุญาตแล้วรีบวิ่งออกไปรับโทรศัพท์ทันที  ขอไม่สนมารยาทอะไรแล้วทั้งนั้น

(น้องรันต์...)เฟื่องฟ้าเหมือนคนเสียงหาย คำพูดของเธอแผ่วเบาหายเข้าไปในลำคอ

“มีอะไรครับน้าเฟื่องฟ้า  บอกน้องรันต์มาเถอะครับ” มือเด็กชายสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ อย่าให้เขาต้องได้ยินในสิ่งที่เขากลัวเลย

(ตอนนี้น้าอยู่โรงพยาบาล แพรวอยู่ในห้องฉุกเฉิน ฮึก)

“...แม้น้องรันต์เป็นอะไร” เด็กชายถามเสียงเบาเหมือนคนไร้สติ เด็กชายแทบไม่มีแรงจะยืน มืออีกข้างค้ำผนังกำแพงพยุงตัวเองไว้

(น้ากลับไปเจอแพรวนอนสลบอยู่หน้าบันได ที่หัวมีรอยนูน ฮึก คิดว่าน่าจะหน้ามืดหัวฟาดกับราวบันไดแล้วพลัดตกลงมา...น้องรันต์ น้าขอโทษ) เฟื่องฟ้าเสียงสั่นเครือ

(ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลอะไรครับ)
++++++++++++++++++

“หมอขอคุยกับญาติคนไข้หน่อยนะครับ” คุณหมอวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องพักคนไข้ที่มีเด็กชายเหรันต์ และเฟื่องฟ้านั่งเฝ้าแพรวาอยู่  เหรันต์ทำท่าจะลุกขึ้น แต่เฟื่องฟ้าชิงกดไหล่เด็กชายและลุกขึ้นแทนก่อน

“ดิฉันเองค่ะคุณหมอ” เฟื่องฟ้าเดินออกจากห้องไปพร้อมคุณหมอ เหลือเพียงเด็กชายเหรันต์และแพรวาที่หลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง

“คุณแม่รีบฟื้นนะครับ หายเร็วๆน้องรันต์รออยู่” เด็กชายกุมคือผู้เป็นแม่ขึ้นแนบแก้ม เขาขออกจากค่ายก่อนเวลา ไม่สนว่าใครจะว่ายังไง โชค ในชีวิตเขาแม่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด  เขาจะทิ้งแม่ไว้ได้ยังไง  ดีที่ตอนนี้โรงเรียนเขาปิดเทอมพอดี

แกร็ก!

เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงที่รันต์นั่งจมอยู่ในภวังค์  เสียงเปิดประตูจากเฟื่องฟ้าดึงสติเด็กชายกลับคืนมาอีกครั้ง

“น้องรันต์ง่วงไหมลูก พักสักหน่อยไหม” เฟื่องฟ้าถามเด็กชายตรงหน้าเธอด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ครับ คุณหมอว่ายังไงบ้างครับน้าเฟื่องฟ้า” เด็กชายถามสิ่งที่อยากรู้โดยไม่อ้อมค้อม เฟื่องฟ้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ลำบากใจที่จะพูดเหลือเกิน

“คือ...หมอเขาพาแพรวไปสแกนสมองหาว่ามีเลือดคลั่งไหม  แล้ว...” เฟื่องฟ้าอึกอักแล้วหยุดคำไป เด็กชายขมวดคิ้วมุ่น

“แล้วอะไรครับ?”

“มีเลือดออกนิดหน่อย แต่ว่า...หมอเขาเจอสิ่งที่เหมือนก้อนเนื้ออยู่ด้วย”

“มะเร็งไหมครับ?” เหรันต์รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ เขาทำใจไว้ส่วนหนึ่งแล้วเพราะอาการที่แม่เขาเป็นก็ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับสิ่งที่คิด แล้วมาได้ยินหมอบอกแบบนี้อีก

“หมอบอกยังไม่แน่ใจ เย็นนี้เขาจะเอาเนื้อเยื่อไปตรวจดู...หมอบอกว่าอย่ากังวล อาจจะไม่ใช่เนื้อร้ายก็ได้นะน้องรันต์”เฟื่องฟ้าพูดปลอบใจหลานชาย เธอเองก็พูดไม่ออกไปพักใหญ่

“ครับ น้องรันต์ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
.
.
.
.
.
.

“คุณแม่ฟื้นแล้ว!” เด็กชายโพล่งขึ้นด้วยความดีใจ ค่อนวันกว่าแพรวาจะฟื้น เธอกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก เด็กชายเห็นดังนั้นจึงรีบเทน้ำใส่แก้วแล้วยื่นหลอดให้คนป่วย

“ที่นี่ที่ไหนน่ะลูก” แพรวาเอ่ยถามลูกชายเสียงแหบ

“โรงพยาบาลน่ะครับ” แพรวาหันหน้าตามเสียงลูกชาย มือบางยื่นหมายจะจับหน้าเด็กชายแต่ก็พลาดคว้าแต่อากาศ ซึ่งแพรวาวาดมือไปอีกทางตรงข้ามกับที่เหรันต์ยืนอยู่

“คุณแม่ น้องรันต์อยู่นี่ครับ” เหรันต์จับมือผู้เป็นแม่มาจับแก้มตัวเองแล้วยิ้มให้บางๆ

“จ้ะ แม่มองไม่ค่อยชัดน่ะ” ไม่ค่อยเห็นเลยต่างหาก เด็กชายคิดในใจ

“แพรว แกฟื้นแล้ว!” เฟื่องฟ้าที่ออกไปซื้อของกินกลับมาเจอกับแพรวาที่ฟื้นแล้วจึงดีใจมาก รันต์ปล่อยให้แม่กับน้าได้คุยกัน ส่วนเขาออกไปนอกห้อง มือเรียวกำหมัดแน่นจนขึ้นข้อขาว  อาการแม่ของเขาหนักกว่าที่คิด ตัวเหรันต์เองก็ได้แต่เจ็บใจเพราะทำอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าหมอจะช่วยรักษาให้แม่ของเขาหายได้ในเร็ววัน

สองวันถัดมา

“จากผลเอกซเรย์และการตรวจเนื้อเยื่อของก้อนเนื้อเราพบว่าคุณแพรวา ราชรัตน์ มีก้อนเนื้องอกที่บริเวณก้านสมอง ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ แต่ถ้าปล่อยไว้ก็ไมใช่เรื่องดีนะครับ แต่จากอุบัติเหตุที่คุณแพรวาประสบทำให้เสี่ยงที่เนื้องอกจะเกิดภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่นภาวะตกเลือดในเนื้องอกซึ่งอันตรายถึงชีวิต” นายแพทย์ที่ทำการรักษาบอกผลการวินิจฉัยให้เฟื่องฟ้าและเด็กชายเหรันต์ทราบถึงอาการของแพรวา  เฟื่องฟ้าแสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เด็กชายหน้าใสกลับสงบนิ่งแล้วเอ่ยปากถามคุณหมอ

“แล้วจะต้องทำยังไงต่อไปครับ”

“คุณแพรวาต้องได้รับการผ่าตัดอย่างด่วนที่สุด” คุณหมอบอกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เขาเองก็ค่อนข้างหนักใจกับคนไข้เคสนี้เหมือนกัน แม้จะยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ แต่จากการที่ล้มหัวกระแทกก็ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง แม้แต่การผ่าตัดก็ค่อนข้างจะเสี่ยงมากเหมือนกัน

“ครับ ทำตามที่คุณหมอเห็นสมควร...ฝากน้าเฟื่องฟ้าจัดการต่อด้วยนะครับ” เด็กชายหันไปบอกกับเฟื่องฟ้าในประโยคสุดท้ายเสร็จ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือไหว้คุณหมอแล้วเดินออกจากห้องไปเงียบๆ คุณหมอวัยกลางคนมองตามเด็กชายด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีเด็กคนไหนที่รู้อาการที่ค่อนข้างสาหัสของแม่แล้วยังสามารถคงความสงบเยือกเย็นได้ถึงขนาดนี้

คล้อยหลังคนทั้งสอง เด็กที่ทุกคนเห็นว่าสงบเยือกเย็นกลับตัวสั่นสะท้านเพราะอดกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้

“น้องรันต์! จะไปไหนลูก” เฟื่องฟ้าที่ตามออกมาจากห้องตะโกนถามหลานชายที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์

“น้องรันต์จะไปหาคุณพ่อครับ คิดว่าเรื่องนี้คุณพ่อจำเป็นต้องรู้” เด็กชายหันมาบอกกับเพื่อนสนิทแม่ เขาคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้เขาไม่สามารถรับมือคนเดียวได้ ไหนจะเรื่องเงินค่าผ่าตัดของโรงพยาบาลเอกชนที่เขาไม่มีปัญญาหาได้แน่ ต่อให้เอาเงินเก็บของเขากับแม่รวมกันก็คงไม่พอ  ถามว่าทำไมถึงไม่ไปโรงพยาบาลรัฐ ก็เพราะว่าที่นี่มีคุณหมอเฉพาะทางด้านสมองที่เก่งที่สุดในประเทศ ยอมจ่ายแพงแต่มีโอกาสรอดมากกว่าเขาก็ยอม

ไม่ว่าจะต้องดิ้นรนแค่ไหน...เหรันต์ก็จะทำให้ถึงที่สุด เพื่อรักษาดวงใจของเขาเอาไว้ให้ได้

“เรื่องค่ารักษา...” เฟื่องฟ้าอ้ำอึ้ง เพราะหลังจากที่คุยกับคุณหมอเรื่องค่าผ่าตัดแล้ว ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูงมาก เธอจึงยังไม่กล้ายินยอมให้คุณหมอทำการผ่าตัดได้ทันที

“น้องรันต์จะไปหามาเอง...รบกวนน้าเฟื่องฟ้าดูคุณแม่ให้ก่อนนะครับ” เด็กชายบอกผู้เป็นน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ

“จ้ะ มีอะไรก็บอกน้านะลูก”เฟื่องฟ้ารับคำหลาน  เธอรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้เฟื่องฟ้าก็พยายามช่วยเหลืออย่างสุดกำลังของเธอแล้ว เด็กชายพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มเล็กก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไป
.
.
.
.
.
.

ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง

เด็กชายกดออดหน้าบ้านหลังใหญ่  รู้สึกคิดถึงนิดๆหลังจากที่ไม่ได้กลับมาที่นี่เลยหลายปี  ยืนรอไม่นานก็มีชายในชุด รปภ. เดินมาเปิดประตูบานเล็ก

“คุณน้อง!”ผู้รักษาความปลอดภัยหนุ่มวัยสามสิบต้นๆร้องเรียกเหรันต์ด้วยความดีใจ

“น้ามิ่ง สวัสดีครับ” เด็กชายยกมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยความอ่อนน้อม เพราะแบบนี้อย่างไรเล่า ทุกคนในบ้านถึงพากันรักคุณหนูเหรันต์

“เข้ามาในบ้านก่อนสิครับ นี่ถ้าคุณป้าใจและคนอื่นๆรู้ว่าคุณน้องมาต้องดีใจมากแน่ๆครับ”

“คุณพ่ออยู่ไหมครับ น้องรันต์โทรหาไม่ติดเลย”เด็กชายลังเลที่จะเข้าบ้าน จึงถามหาคนที่เขาอยากพบแทน

“คุณท่านไปต่างประเทศครับ คุณหนูมีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าครับ” รปภ.หนุ่มถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นท่าทางหนักใจจากเจ้านายตัวน้อย

“ก็...ไม่มีอะไรครับ แล้วน้ามิ่งรู้ไหมครับว่าคุณพ่อจะกลับเมื่อไหร่” เด็กชายตัดใจไม่พูดแต่ถามต่อแทน

“ผมไม่ทราบจริงๆครับ ต้องขอโทษด้วยครับคุณหนู”

“ไม่เป็นไรครับ  แต่ถ้าคุณพ่อกลับมาแล้วรบกวนน้ามิ่งบอกคุณพ่อให้โทรหาน้องรันต์ด่วนนะครับ”

“ได้ครับ ผมจะไปบอกคุณป้าใจให้เรียนท่านให้ แล้วคุณน้องจะไม่เข้าบ้านก่อนหรือครับ” มิ่งถามเด็กชายเหรันต์ที่ทำท่าหันหลังจะกลับ

“ครับ...น้องรีบ สวัสดีครับ”เด็กชายหมุนตัวจะเดินกลับไปทางเดิม แต่ก็มีเสียงเรียกจากอีกด้านของประตูที่ทำให้เท้าของเขาหยุดชะงัก

“จะรีบกลับไปไหนล่ะค่ะคุณน้อง...รันต์” เสียงแหลมๆจนแสบแก้วหูในความคิดของเด็กชาย เหรันต์หันหน้ากลับไปมองตามเสียงเรียก พบหญิงสาวแต่งตัวด้วยเดรสสีสดรัดรูป แต่ใบหน้าที่สวยงามกลับแต่งแต้มไปด้วยเครื่องประทินโฉมจนเกินพอดี  เหรันต์ขมวดคิ้วนิดๆ  เขาไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้  แต่ผู้หญิงคนนี้กลับรู้จักเขา  แล้วเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ยังไงกัน

“สวัสดีครับ”แม้จะงงๆอยู่บ้างแต่เด็กชายก็ยกมือไหว้คนแปลกหน้าตามที่ถูกสอนมาเป็นอย่างดี

“แหม...มารยาทดีจังเลยนะคะ แต่ถ้าฝืนใจก็ไม่ต้องก็ได้” เธอกอดอกเชิดหน้ามองเด็กชายที่ตัวเล็กกว่าอย่างดูแคลน  คิดว่าเธอไม่รู้หรือไงว่าเด็กคนนี้แกล้งทำเป็นไหว้ใส่เธอ

“หมายความว่ายังไงครับ?” เด็กชายเอ่ยถาม เพราะเขาไม่รู้จริงๆว่าผู้หญิงเป็นใคร แล้วที่พูดมาหมายถึงอะไรกันแน่

“อ้าว นัง เอ้ย! คุณแพรวาไม่ได้บอกหรือคะ ว่าน้ากำลังจะเป็นคุณผู้หญิงคนใหม่ของที่นี่” ริมฝีปากที่ถูกทาลิปสติกสีแดงแสยะยิ้มด้วยความเหนือกว่า  รปภ.หนุ่มขยับปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ถูกตวัดสายตาดุๆจากผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียว

“ไม่ได้บอกครับ เพราะว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร คุณจะเป็นใครก็เรื่องของคุณ ตราบใดที่คุณไม่ได้มายุ่งวุ่นวายอะไรกับพวกเรา ผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้จักหรือใส่ใจ” มินตรากัดฟันกรอด เธอรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่จากเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบห้าปีด้วยซ้ำ ไอ้เด็กคนนี้มันกล้าดีพูดว่าเธอไม่อยู่ในสายตามันได้ยังไง

“เหรอ ปากดีแบบนี้ แม่แกเคยสั่งสอนให้รู้จักมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่บ้างรึเปล่า ไม่ใช่มายืนเถียงฉอดๆแบบนี้! แล้วไปไหนซะล่ะ...ทำไมปล่อยแกมายืนเกาะรั้วขอเข้าบ้านอยู่คนเดียว...หรือว่าเปลี่ยนใจอยากกลับมาอยู่ที่นี่เลยส่งแกมาขอร้องให้คุณวิรัชสงสาร...หรือว่าสมเพชดี หึ” มินตราสะกดอารมณ์ไม่ไหว ระเบิดความหยาบคายต่อว่าเหรันต์อย่างรุนแรง

“ช่วยเก็บปากของคุณไว้ดื่มน้ำเถอะครับ  แม่ผมสอนให้พูดและประพฤติดีเสมอ แต่ผมเลือกจะปฏิบัติกับคนที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่และน่าเคารพ แล้วอย่าเที่ยวไปกล่าวหาคนอื่นโดยที่ไม่รู้อะไร ระวังเขาจะฟ้องหมิ่นประมาทหมดตัวเอาได้นะครับ...น้องรันต์ไปแล้วนะครับน้ามิ่ง สวัสดีครับ” เด็กชายเชือดผู้หญิงที่ว่าร้ายแม่เขานิ่มๆแต่เจ็บแสบจนอยากกรีดร้องออกมาดังๆในความรู้สึกของอีกคน เขาหันไปบอกลาคนที่เขาเคารพจริงๆแล้วเดินออกจากตรงนั้นทันที  ส่วนคนที่ถูกเด็กถอนหงอกก็ได้แต่ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความเจ็บใจ

‘ขนาดแม่แกฉันยังกำจัดได้ไม่ยาก แล้วนับประสาอะไรกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแก ฉันจะทำไม่ได้’ มินตราหมายมั่นไว้ในใจ  โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนที่เธอคิดจะกำจัดเป็นรายต่อไป ไม่ใช่หมูในอวยอย่างที่คิด

++++++++++++++++++

“น้องรันต์ แม่อยากกลับบ้าน” แพรวาหันไปพูดกับลูกชายขณะที่เด็กชายดูโทรทัศน์อยู่  เธอพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้มาได้ครบหนึ่งสัปดาห์พอดี เธอกลับมามองเห็นแล้ว เหมือนตอนที่ตื่นมาเธอเหมือนจะสูญเสียการมองเห็นฉับพลัน แต่พอเวลาผ่านไปก็ค่อยๆกลับมามองเห็น แต่ที่หนักกว่านั้นคือเธออาเจียนบ่อยมาก และปวดหัวจนแทบระเบิด  ต้องเอ่ยปากกับหมอขอยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด

“คุณแม่ต้องอยู่รักษาตัว จนกว่าคุณแม่จะหาย”

“แม่ไม่เป็นอะระ...”

“คุณแม่เลิกปิดบังน้องเถอะครับ ถ้าคุณแม่เจ็บก็บอกว่าเจ็บ ถ้าทนไม่ไหวก็บอก น้องโตแล้ว คุณแม่บอกน้องได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะยังไงน้องก็จะสู้เพื่อคุณแม่ ขอแค่คุณแม่บอกน้องมา” เด็กชายตัดบทคนเป็นแม่อย่างอดทนไม่ไหว เขาทนเงียบต่อไปไม่ไหวแล้ว

“ฮึก แม่...แม่เจ็บ แม่ขอโทษนะน้องรันต์” แพรวาบอกกับลูกชายเสียงสั่น เธอไม่อยากให้ลูกเป็นห่วง แค่นี้เขาก็เจ็บปวดมากพอแล้ว

“คุณแม่ไม่ต้องขอโทษ  น้องรักคุณแม่นะ” เหรันต์โน้มตัวลงไปกอดคนเป็นแม่ที่นอนอยู่บนเตียง

“แม่คงเป็นแม่ที่แย่มากใช่ไหมลูก”

“ไม่มีมนุษย์คนไหนบนโลกนี้สมบูรณ์แบบ แต่คุณแม่คือแม่ที่ดีที่สุดสำหรับน้องรันต์”

“แม่ดีใจที่น้องรันต์เข้มแข็งกว่าแม่” เธอหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่  เหรันต์เป็นเด็กมีความคิดและเข้มแข็ง แพรวาเชื่อว่าลูกชายจะสามารถมีความสุขกับทางที่เลือกเดินได้

“แต่คุณแม่จะแข็งแรงกว่าน้องรันต์ถ้าคุณแม่ได้รับการรักษาจนหายดี”

“เรื่องรักษาแม่ว่า...”

“คุณหมอคงบอกคุณแม่แล้ว  คุณแม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดจึงจะหาย ไม่ต้องคิดมากนะครับ น้องรันต์จะจัดการเอง นะครับ ถือว่าน้องรันต์ขอร้อง” เด็กชายบอกกับแม่ด้วยรอยยิ้มให้หายกังวล แม้ภายในใจเหมือนเดินในเขาวงกตที่หาทางออกไม่เจอ  หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปวิรัชพ่อของเขาก็ยังไม่ติดต่อกลับมา อาการของแม่เขาเดี๋ยวทรงเดี๋ยวทรุด เขาคงรอให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆไม่ไหวอีกต่อไป

“แล้วน้องรันต์จะไปเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหนลูก” แพรวาไม่อยากให้ตัวเองต้องเป็นภาระของใคร แล้วยิ่งเด็กผู้ชายตัวเล็กๆอย่างลูกเธอจะไปหาเงินมาจากไหน

“คุณแม่ว่าน้องเก่งไหม” เด็กชายตอบเธอกลับด้วยคำถาม แพรวาพยักหน้าให้ลูกชายแทนคำตอบ

“ถ้าอย่างนั้นคุณแม่แค่เชื่อใจน้องรันต์ก็พอ”


+++++++++++++++++

คิดถึงจัง เหมือนไม่ได้เจอกันนานมากกกกก แต่ก็แวะมาสิงที่นี่เรื่อยๆแหละ :z6: เดือนนี้สาหัสเหลือเกิน ไม่มีเวลามาแจ้งข่าวเลย จริงๆจะลงพรุ่งนี้สองตอนรวด แต่ทนคิดถึงคนอ่านไม่ไหว พรุ่งนี้จะมาอีกตอนนะคะ เป็นตอนจบของพาร์ทอดีตแล้ว
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ จุ๊ฟ :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #504 เมื่อ29-05-2017 16:46:43 »

รออีกๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #505 เมื่อ29-05-2017 18:08:29 »

มีความจำเป็นอะไรนะ ผู้หญิงที่มาแย่งสามีคนอื่น
ถึงต้องมาพูดกระแหนะกระแหนกับเด็กที่แม่ถูกแย่งสามี
บ่งบอกความหยาบคายในกมลสันดาน ที่อวดดี ไร้สมอง
ไม่มีปัญญาหาผู้ชายโสดมาเป็นสามี
หรือเพราะสามีคนอื่นรวย โง่ หน้าหม้อใช้เซ็กส์เบิกทางสบายๆ

สงสารรันต์ ทุกข์ใจที่แม่ป่วยหนัก จำเป็นต้องผ่าตัด
พ่อก็ไม่อยู่ยามที่ลูกเมียต้องการ  :mew2: :mew2: :mew2:
ถ้ารันต์ จะปฏิเสธพ่อ ไม่ไปหา ก็ไม่แปลกใจ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #506 เมื่อ29-05-2017 18:51:01 »

 :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #507 เมื่อ29-05-2017 19:55:00 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #508 เมื่อ29-05-2017 20:54:44 »

 :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
«ตอบ #509 เมื่อ29-05-2017 22:12:16 »

น้องรันต์น่าสงสารจังเลย กอดๆๆๆๆ

โอยยย เราไม่ชอบคนแบบมินตราเลย ทำไมต้องมาหาเรื่องเด็กด้วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด