22-…ก็พี่ไม่ชอบคำเลี่ยนๆ ผมเปลี่ยนเป็นทำอย่างเดียวก็ได้ครับ
'ครืดด..ด ครืดด..ด'
เสียงโทรศัพท์ที่ตอนนี้ทำหน้าที่ได้เพียงแค่เป็นนาฬิกาปลุกเพราะไม่มีสัญญาณทำเอาผมตื่นขึ้นมาก่อนจะเอื้อมมือไปปิดแล้วมองคนที่เป็นคนตั้งเวลาเองแต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา
"พี่กันย์ ตื่นได้แล้วครับ" ผมกระซิบเบาก่อนจะวางมือลงบนตัวคนข้างๆ แล้วเขย่าเบาๆ
"อืมม.." พี่กันย์งัวเงียก่อนจะเริ่มบิดตัวไปมาจนผมต้องรวบคนตรงหน้าให้อยู่นิ่งๆ เพราะไอ้ถุงนอนที่นอนกันอยู่อยู่ก็ไม่ได้ใหญ่จนจะขยับได้ดังใจขนาดนั้น
"บอกว่าอย่ากอดกูไง" พี่กันย์มุ่นคิ้วเข้าหากันทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตาก่อนจะดุผมจนผมต้องยิ้มออกมาน้อยๆ กับท่าทางของคนตรงหน้า
"ก็ถ้าขืนปล่อยให้พี่ดิ้นขนาดนี้ คืนนี้ก็ไม่ต้องนอนกันแล้วล่ะครับ" ผมบอกก่อนจะเอื้อมมืออ้อมหลังพี่กันย์ไปรูดซิปแล้วยกมือขึ้นอย่างยอมจำนนเมื่อคนที่เอาแต่บอกว่า ‘ห้ามกอด’ ส่งตาเขียวมาให้ก่อนจะลุกขึ้นนั่งในเต็นท์อย่างมึนๆ
"นี่ครับ" ผมยื่นขันที่มีอุปกรณ์อาบน้ำให้พี่กันย์อันหนึ่งแล้วหยิบของตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน
"มึงนอนต่อก็ได้นะ ตื่นตอนเจ็ดโมงก็ทัน"
"ไม่เป็นไรครับ นี่ก็เวลาตื่นผม" พี่กันย์เบะปากใส่อย่างหมั่นไส้ก่อนจะดึงขันไปถือแล้วเดินนำลงบันไดไปยังห้องน้ำที่อยู่ต่ำกว่าระดับพื้นปกติประมาณสามเมตร
"เออกูลืมไป มึงอ่ะมันไอ้ตีห้า ส่วนกูเนี่ยทำไมถึงไม่ได้ตื่นตอนเจ็ดโมงบ้างวะ" เสียงบ่นยังดังต่อไปเรื่อยๆ จนผมได้แต่ขำไม่หยุด …ปากก็บ่นไปอย่างนั้น แต่ไม่เคยเห็นจะพลาดหน้าที่ของตัวเองสักที
"กูไม่อาบได้เปล่าวะ" พี่กันย์บอกก่อนจะยืนตัวสั่นอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อถอดเสื้อกันหนาวที่ผมยกให้เมื่อวานออกมาคืนให้ผม
"ก็น่าจะได้นะครับ" ผมบอกก่อนจะหันไปยิ้มให้แล้วตัดสินใจส่งเสื้อคืนไปให้คนตรงหน้าที่รีบใส่กลับเข้าไปทันที
"ล้างหน้าแปรงฟันก็พอเนอะ" พี่กันย์รีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะเอาของในขันออกมาวางบนพื้นคอนกรีตข้างๆ แล้วเดินเข้าไปตักน้ำจากถังในห้องน้ำออกมาก่อนจะดึงเอาขันของผมไปตักให้บ้าง
"ให้ไวเลยมึง" พี่กันย์บอกก่อนจะนั่งตัวสั่นงกๆ ไปด้วยในขณะที่แปรงฟันจนผมอดขำคนที่ทั้งหนาวทั้งง่วงตรงหน้าไม่ได้
"ขอโทษนะครับพี่กันย์" ผมบอกเจ้าตัวที่ทำหน้าทรมานอยู่ก่อนจะดึงมือของคนขี้หนาวข้างที่ว่างมาจับไว้แล้วซุกเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหนาวของผมเองจนพี่กันย์ถึงกับสำลักยาสีฟันออกมา
“แค่กๆ มึงมันแมร่ง!”
"รีบๆ แปรงให้เสร็จสิครับจะได้รีบไปกัน" ผมบอกก่อนจะมองคนตรงหน้าที่พยายามดึงมือกลับอย่างทุลักทุเลก่อนรีบแปรงฟันล้างหน้าให้เสร็จอย่างรวดเร็ว
"ปล่อยได้แล้ว" พี่กันย์พูดออกมาเมื่อรวบของด้วยมือข้างเดียวใส่ลงในขันให้เรียบร้อยก่อนจะลุกขึ้นพร้อมๆ กับผมที่ลุกขึ้นยืน
"บอกว่าให้แปรงให้เสร็จ แต่ไม่ได้บอกว่าเสร็จแล้วจะปล่อยนี่ครับ" ผมบอกก่อนจะมองหน้าคนที่เหมือนจะทำหน้าโกรธดีหรือจะเขินดีดีอย่างขำๆ ก่อนจะออกแรงดึงให้คนที่มืออยู่ในกระเป๋าผมเดินตามมา
"อย่าให้ถึงตากูบ้างแล้วกัน"
[Gun's]
"ไอ้กันย์ มาช่วยกูหน่อยดิ" ไอ้โฟมตะโกนขึ้นมาจากลานกว้างด้านล่างที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์สำหรับทำสวนมากมาย ผมเลยหันไปเรียกเด็กปีหนึ่งอีกสองคนที่อยู่ฝ่ายสวนเพื่อให้ไปช่วยขนทั้งจอบ ทั้งเสียม ทั้งบัวรดน้ำตามคำสั่งไอ้รองหัวหน้าฝ่าย
"เอาไปหมดนี่เลยใช่ป่ะ?" ผมมองกองอุปกรณ์ตรงหน้าที่น่าจะขนหมดด้วยแรงสามคนในรอบเดียวก่อนจะช่วยกันขนไปคนละไม้คนละมือ
งานสวนในวันนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากจะไล่ถางพวกวัชพืชรอบๆ บริเวณที่จะสร้างตัวอาคารห้องสมุดแล้วเรื่อยมาจนถึงทางเข้าโรงเรียนจากนั้นก็เริ่มลงมือพรวนดินที่แข็งๆ อยู่ให้นุ่มขึ้น จากนั้นจะผสมปุ๋ยธรรมชาติที่ได้มาจากชาวบ้านลงไปแล้วปล่อยทิ้งไว้เพื่อให้สามารถเอาไม้พุ่มบางส่วนมาลงได้ในวันพรุ่งนี้
"หน้าโรงเรียนเสร็จแล้วนะคะ" น้องผู้หญิงปีหนึ่งอีกคนเดินเข้ามารายงานความคืบหน้าของงานสวนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับหน้าที่ให้ไปถางวัชพืชบริเวณหน้าโรงเรียนซึ่งปริมาณงานน้อยกว่า
"ขอบคุณครับ งั้นส่วนหน้าโรงเรียนก็เหลือแค่ลงปุ๋ยเนอะ"
“ใช่ค่ะ ถ้ายังไงรบกวนพี่กันย์ช่วยกกระสอบปุ๋ยไปให้หน่อยได้มั้ยคะ?” น้องปีหนึ่งถามขึ้นอย่างเกรงใจ ผมพยักหน้ารับก่อนจะแบกกระสอบปุ๋ยขึ้นบ่าแล้วเดินตามไปยังหน้าโรงเรียน
"วางไว้ตรงนี้ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่" เธอบอกผมก่อนจะยิ้มให้แล้วหันไปเรียกเพื่อนๆ ให้มาช่วยกันแบ่งปุ๋ยใส่ถังเพื่อที่จะได้นำไปผสมลงดิน
"ให้ช่วยมั้ยครับ?" ผมถามขึ้นอย่างห่วงๆ เพราะเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้ว่าถึงกลุ่มนี้จะคนเยอะแต่ก็มีแต่น้องผู้หญิงทั้งนั้น
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ แค่นี้สบายมาก" เพื่อนอีกคนของน้องที่ไปขอความช่วยเหลือพูดขึ้นพลางทำหน้าตามั่นใจ แต่คนที่ลงมือไปฉีกกระสอบปุ๋ยกลับเป็นเพื่อนอีกคนที่ตัวเล็กกว่าจนกลัวว่ากระสอบปุ๋ยจะทำเอาได้
"โอ้ย!" ยังไม่ทันขาดคำ เจ้าตัวที่อาศาแกะกระสอบปุ๋ยเองก็ร้องขึ้นก่อนจะจับที่มือตัวเองไว้จนผมต้องเข้าไปดูอย่างตกใจก่อนจะเห็นรอยเลือดที่เริ่มซึมออกมาเป็นทางยาวตรงฝ่ามือ
"งั้นเดี๋ยวพี่ไปเอายาแดงกับพลาสเตอร์มาให้นะ ดูเพื่อนด้วยนะครับ" ผมบอกก่อนจะอาสากลับไปที่ศูนย์ฯ เพื่อติดต่อเพื่อนๆ ฝ่ายพยาบาลให้ก่อนที่คนได้เลือดจะเอ่ยขอบคุณขึ้นมา
"มีใครอยู่เปล่าวะ?" ผม ชะเง้อมองเข้าไปในศูนย์ฯ ที่ตอนนี้เงียบกริบเพราะไม่มีคนอยู่ก่อนจะเดินย้อนกลับมาเพราะไม่รู้ว่าไอ้กล่องพยาบาลที่ว่ามันอยู่ตรงไหน
"อ้าวไอ้กันย์ แอบอู้เหรอวะ?" ไอ้ทีที่เดินมาพอดีทักขึ้นก่อนจะหรี่ตามองผมอย่างจับผิดแล้วขำออกมา
"คนขยันอย่างกูเนี่ยนะจะโดด อีกสองสามวันค่อยมาว่ากัน” ผมบอกมันก่อนไอ้คนถามจะส่ายหน้าอย่างระอาพลางเดินเข้าไปเอาของในศูนย์ฯ
“แล้วตกลงมึงมาทำอะไรนะ?”
“เออไอ้สัด! กูลืมเลย กูมาเอายาให้น้อง"
"ใครเป็นอะไรวะ" ไอ้ทีถามขึ้นอย่างตกใจก่อนจะเดินนำผมไปยังมุมห้องที่มีกล่องพยาบาลวางอยู่
"น้องปีหนึ่งอ่ะ โดนกระสอบบาดมั้ง?" ผมเองก็บอกสาเหตุไปอย่างไม่แน่ใจนักจนไอ้ทีทำหน้างงๆ แล้วรื้อเอายาที่จำเป็นออกมาให้ …เห็นเลือดออกเลยอาสามาเอายาที่ห้องพยาบาลแทน
“มึงนี่นะ ถ้าน้องโดนอย่างอื่นนี่ไม่ต้องเดินกลับมาอีกรอบเหรอวะ” ไอ้ทีบอกก่อนจะส่ายหัวอย่างระอาก่อนจะแบ่งเอายาแดงกับพลาสเตอร์ใส่ถุงพลาสติกแล้วยื่นให้
“ไม่เป็นไร ถ้าต้องมาอีกรอบกูก็รู้แล้วว่ากล่องพยาบาลอยู่ตรงไหน”
"กูล่ะงงกับตรรกะมึง ว่าแต่น้องไม่เป็นไรมากใช่เปล่าวะ?" ไอ้ทีถามย้ำอีกครั้งก่อนจะปิดฝากล่องพยาบาลก่อนจะเดินไปหยิบของๆ มันแล้วเดินตามผมออกมา
"แค่มีเลือดนิดเดียวเอง" ผมบอกมันก่อนจะรับถุงยามาแล้วเดินกลับไปหน้าโรงเรียน แต่เพราะไอ้กลิ่นหอมๆ ที่ลอยมาทำเอาผมต้องเปลี่ยนทิศทางเดินอ้อมไปทางโรงอาหารแทนทันที
"ไอ้ปูนทำอะไรวะ?" ผมตะโกนถามออกไปทันที่ทีเจอเพื่อนกำลังวุ่นวายอยู่กับการพัดเตาถ่านให้ติดอยู่หน้าโรงอาหารก่อนจะเหลือบไปเห็นที่มาของกลิ่นหอมๆ ที่วางอยู่ในตะแกรงข้างๆ ...หมูย่างของผม!
"ไฟไม่แรงเลยว่ะ ช่วยน่อยดิ" ไอ้ปูนบอกก่อนจะยื่นสมุดเก่าๆ เล่มหนึ่งที่มีรอยไฟไหม้ตรงมุมมาให้
"เออ เดี๋ยวกูจัดการให้" ผมวางของในมือไว้บนโต๊ะข้างๆ ก่อนจะเอาไม้มาเขี่ยๆ ถ่านให้กระจายออก ก่อนจะหันไปตัดยางในรถอันใหม่มาจุดไฟแล้วหย่อนลงไปก่อนจะใช้ที่คีบถ่านหยิบถ่านชิ้นใหม่มาวางเรียงๆ กันแล้วเริ่มพัดอีกครั้ง
"สมแล้วที่เป็นเพื่อนกู" ไอ้ปูนพูดขึ้นก่อนจะตบไหล่ผมอย่างดีใจเมื่อเห็นไฟในเตาถ่านลุกขึ้นมาอย่างที่ต้องการสักที
"ค่าตอบแทนขอเป็นหมูย่างสักจานก็แล้วกันนะ" ผมทำหน้าคะยั้นคะยออย่างพยายามใช้เส้นความเป็นเพื่อนจนไอ้ปูนหัวเราะออกมาอย่างขำๆ
"อ่ะ นี่ครับ" เสียงที่พูดขึ้นพร้อมกับหมูย่างที่ลอยมาตรงหน้าทำให้ผมต้องหันหลังไปมอง
"พูดถึงหมู หมูก็มา" ไอ้ปูนพูดขึ้นอย่างล้อๆ เมื่อผมหันไปเจอไอ้ปืนที่อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน(และยังดีที่วันนี้เป็นสีดำ)นั่งหั่นหมูอยู่ตรงโต๊ะถัดไปและกำลังหยิบหมูชิ้นหนึ่งส่งมาให้
“ดีมากเด็กน้อย” ผมพูดขึ้อน่างอารมณ์ดีก่อนจะยื่นมือไปหมายจะคว้าหมูมากินแต่ไอ้ปืนดันชักหลบก่อนจะยิ้มออกมาอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“ให้ผมป้อนนะครับ” มันบอกก่อนจะทำหน้าอ้อนๆ จนผมได้แต่มองมันอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเหลือบไปมองไอ้ปูนที่พยายามเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เต็มที่
"อือ" ผมรับคำก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ เพื่อให้ไอ้คนหั่นหมูมันป้อนอย่างอารมณ์ดี
“ที่ยอมเนี่ยเพราะเห็นแก่หมูหรอกนะ”
"เพราะหมูก็ได้ครับ แล้วนี่พี่.. โอ้ย!" ไอ้ปืนร้องขึ้นในขณะที่ผมกำลังจ้องหมูย่างชิ้นใหม่อย่างเพลินๆ จนต้องลุกไปดูมันอย่างตกใจ
"เป็นไรวะ?" ผมถามมันก่อนเจ้าตัวจะยื่นมือที่มีรอยเลือดซึมออกมาตรงปลายนิ้วให้แล้วแกล้งทำหน้าเบะปากเหมือนเด็กสามขวบถูกเพื่อนแกล้วแล้ววิ่งมาฟ้องแม่ก็ไม่ปาน
"นิ้วผม" ผมมองหน้าไอ้คนที่ได้เลือดเพราะถูกมีดบาดอย่างระอาก่อนจะรับทิชชู่จากไอ้ปูนมาซับๆ เลือดให้
"น่าจะโดนลึกกว่านี้เนอะ" ผมบอกก่อนจะแกล้งกดแผลแรงๆ อย่างหมั้นไส้ก่อนจะตัวจะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างมีเลศนัย
"ถ้าโดนลึกกว่านี้ คนแถวนี้จะไม่เป็นห่วงแย่เหรอครับ" มันบอกก่อนจะส่งสายตาล้อๆ ให้ทันทีเมื่อในมือของผมตอนนี้มียาแดงและพลาสเตอร์ที่แกะออกจากห่อเรียบร้อยแล้ว
"ไอ้สัด! แค่นี้ไกลหัวใจเยอะ" ผมบอกมันก่อนจะหยดยาลงไปแล้วดึงนิ้วมันมาใกล้ๆ ก่อนจะค่อยๆ เอาพลาสเตอร์พันลงไปบนแผลที่ถูกมีดบาด
“ตอนแรกผมก็ว่าไกล” คำพูดของมันทำเอาเงยหน้าไปมองอย่างงงๆ ก่อนจะใช้ทิชชู่ซับรอยยาที่เลอะบนมือของมัน
“แต่ตอนนี้หัวใจดันมาอยู่ใกล้ๆ จะเป็นไรมั้ยครับ” ไอ้ปืนพูดก่อนจะยิ้มขึ้นมาจนตาหยีจนผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ …ก็ถ้ามึงจะเล่นอ่อยกูขนาดนี้ล่ะก็นะ
"ว่าแต่ ...พี่พกยากับพลาสเตอร์มาทำไมครับ" ผมมองหน้าไอ้ปืนที่ถามขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
"ฉิบหาย น้องปีหนึ่งโดนกระสอบบาด กูเลยมาเอายาไปให้ไง" คำตอบของผมทำเอาไอ้ปืนกับไอ้ปูนถึงกับมองมาอย่างอึ้งๆ ก่อนจะพูดขึ้นมา
"กูว่า น้องแมร่งเลือดไหลหมดตัวแล้วว่ะ ไอ้กันย์เอ้ย!"
[Bpuen's]
"ตกลงได้เอาพลาสเตอร์ไปให้เขามั้ยครับ?" ผมถามขึ้นอย่างขำๆ ระหว่างทางเดินกลับเตนท์พลางนึกถืงเรื่องเมื่อตอนบ่ายที่คนตรงหน้ามัวแต่ห่วงกินจนลืมเอายากับพลาสเตอร์ไปให้เด็กปีหนึ่งที่ถูกกระสอบบาดมือ
"ได้ดิ แต่โดนไอ้โฟมสวด แค่กๆ จนหูชาไปข้าง" พี่กันย์บ่นออกมาแต่ก็อดทำหน้ารู้สึกผิดไม่ได้
"แล้วปีหนึ่งคนนั้นเขาไม่ว่าอะไรเหรอครับ"
“จริงๆ กูว่าน้องมันคงอยากด่ากูนะ” พี่กันย์บอกก่อนจะหันมาทำหน้าแหยงๆ ใส่หลังจากที่เล่าว่าตัวเองหายมาเกือบสามสิบนาที กลับไปอีกทีน้องก็เลือดแห้งไปแล้ว
“แล้วเขาด่าพี่กันย์มั้ยครับ?”
"อย่างน้อยกูก็เป็นพี่มันเปล่าวะ แค่กๆ" พี่กันย์พูดขึ้นก่อนจะไอออกมาอีกรอบจนผมเริ่มสังเกตได้
"พี่ไม่สบายเหรอครับ" พี่กันย์ส่ายหน้าก่อนจะไอออกมา
"แค่กๆ ก็ปกตินะ"
"ปกติก็แย่แล้วครับแบบนี้" ผมดุคนตรงหน้าที่ยังทำหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อนก่อนจะเปิดเตนท์แล้วดันคนตรงหน้าให้เข้าไปก่อนแล้วจึงตามเข้าไป ผมเปิดกระเป๋าแล้วลองค้นๆ เพื่อหาผ้าพันคอที่ติดมาด้วยก่อนจะคล้องไปรอบๆ คอของคนที่ทำท่าจะป่วยแต่ยังไม่ยอมดูแลตัวเอง
"ก็หนาไปเนอะ" พี่กันย์แซวขึ้นอย่างขำๆ ก่อนจะเริ่มมุดเข้าในถุงนอนของตัวเอง
"มานอนนี่สิครับ" ผมบอกก่อนจะสอดตัวเข้าไปในถุงนอนของผมบ้างแล้วเรียกคนข้างๆ ให้มานอนด้วยกัน
"ไม่เอาแล้ว แค่กๆๆ"
"มาเถอะครับ ถุงนอนพี่บางจะตาย" ผมบอกก่อนจะใช้สายตาคะยั้นคะยอให้คนตรงหน้ามานอนด้วยกัน
“ไม่ดีมั้ง” พี่กันย์บอกก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แต่ก็อดทำหน้าลังเลไม่ได้
“ดีกว่าถุงนอนบางๆ ของพี่ตั้งเยอะ ไม่ดีตรงไหนครับ” ผมบอกก่อนจะเอื้อมมือไปดึงชายผ้าพันคอของคนตรงหน้าจนพี่กันย์หันมามองก่อนจะตัดสินใจขยับเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะสอดมานอนข้างๆ ผม
"งั้นขอ แค่กๆ อีกวันแล้วกัน”
“หลายๆ วันก็ได้ครับ ผมชอบ” ผมบอกก่อนจะยิ้มอย่างชอบใจเพราะสีแดงๆ บนใบหน้าของพี่กันย์ที่ไม่รู้ว่าเพราะหนาวหรือเขินกันแน่
“อ่อยสัดอ่ะ! แค่กๆ” พี่กันย์พูดขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ก่อนจะก้มหน้าหลบแล้วไอออกมาจนผมต้องยกมืออ้อมหลังไปลูบให้อย่างห่วงๆ
"ไหวมั้ยครับเนี่ย?"
"มึงนี่แมร่งโคตรเนียนเลย" พี่กันย์พูดในขณะที่เจ้าตัวอยู่ในลักษณะที่เหมือนกำลังซุกอยู่ในอ้อมกอดของผมพูดขึ้นจนผมยิ้มออกมา
"หนาวเนื้อก็ต้องห่มเนื้อสิครับ"
"หยุดพูดคำเลี่ยนๆ แบบนั้น แค่กๆ สักทีได้มั้ยวะ?"
"ทำไมล่ะครับ?" ผมถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเพราะดูเหมือนคนตรงหน้าจะยิ่งไอ้มากขึ้นทุกทีกระชับอ้อมแขนขึ้นไปอีกก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขำๆ เพราะคำพูดที่นึกไม่ถึงของคนป่วย
"แค่ยอมนอนให้มึงกอด แค่กๆ กูก็ขนลุกฉิบหายแล้วเนี่ย"