แต่กาลก่อน *~Erstwhile~* [Chapter 33 : ความสุขกลับคืน][END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แต่กาลก่อน *~Erstwhile~* [Chapter 33 : ความสุขกลับคืน][END]  (อ่าน 361175 ครั้ง)

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



สารบัญ

Prologue
Chapter 1
Chapter 2
Chapter 3
Chapter 4
Chapter 5
Chapter 6
Chapter 7
Chapter 8
Chapter 9
Chapter 10
Chapter 11
Chapter 12
Chapter 13
Chapter 14
Chapter 15
Chapter 16
Chapter 17
Chapter 18
Chapter 19
Chapter 20
Chapter 21
Chapter 22
Chapter 23
Chapter 24
Chapter 25
Chapter 26
Chapter 27
Chapter 28
Chapter 29
Chapter 30
Chapter 31
Chapter 32
Chapter 33 END


นิยายเรื่องนี้ฮัสกี้อ้างอิงจากยุคกลาง มีบางส่วนที่จกประวัติศาสตร์จริงมาใช้ในเรื่อง และมีบางส่วนที่แต่งเสริมขึ้นมาตามใจฮัสกี้เองนะคะ 555555 ส่วนที่เกินจริงก็มีเรื่อยๆ 55555 ตามจินตนาการเพ้อฝันของฮัสกี้ค่ะ  :o8:


 :mew1: เพจสำหรับอัปเดตนิยายของฮัสกี้ค่ะ -->Facebook


อ้างถึง
นิยายของฮัสกี้ทั้งหมดค่ะ  :กอด1:

Nisreen, the white rose of the desert
เงาจันทร์ในม่านหมอก
เบลอ
เหนือเมฆ
ภูสอยเดือน

**นิยายทุกเรื่องของฮัสกี้ ไม่อนุญาตให้นำออกจากเล้า และไม่อนุญาตให้ใครนำไปโพสต์ที่บอร์ดอื่นๆ เด็ดขาดค่ะ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2021 05:43:15 โดย huskyhund »

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #1 เมื่อ27-10-2016 19:55:31 »



Prologue : สองยุค


เด็กหนุ่มมองเหม่อไปยังท้องน้ำเวิ้งว้าง กระแสน้ำไหลเชี่ยวที่พัดพาความอุดมสมบูรณ์มาสู่เมืองตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน เสียงของมันช่วยให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มหรี่ปิดลงช้าๆ ปล่อยให้สายลมเย็นโลมไล้ใบหน้า เส้นผมสีดำขลับปลิวน้อยๆ ขณะที่เจ้าตัวเอนหลังพิงกองอิฐของซากปรักหักพังอายุเก่าแก่บนเกาะริมแม่น้ำ

“ลูคัส อย่าอู้! จะอยู่ที่นี่ถึงเย็นไม่ได้หรอกนะ”

เจ้าของชื่อเรียกสะดุ้งตัวเบาๆ “ไม่ได้อู้สักหน่อย” จากนั้นจึงหยิบสมุดสเก็ตช์ภาพที่วางอยู่บนตักออกแล้วลุกขึ้น

“ไหน เอาสเก็ตช์ปราสาทของนายมาดูหน่อยสิ”

ลูคัสส่งสมุดสเก็ตช์ภาพให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนดูแล้วพึมพำ “ฉันรู้สึกแปลกๆ กับที่นี่ ไม่รู้ทำไม”

“แค่รู้สึกแปลกๆ เองเหรอ ฉันน่ะ ไม่ชอบเลย น่าเบื่อจะตาย มีแต่ซากอิฐพังๆ โปรเฟสเซอร์จะให้พวกเราเดาโครงสร้างปราสาทจากตอด้วนๆ พวกนี้เนี่ยนะ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน” คนพูดส่ายหน้ารัว บ่นยาวยิ่งกว่าลูคัสเสียอีก หากเมื่อก้มลงมองภาพในสมุดสเก็ตช์ก็เบิกตากว้าง“โอ้โห! นายวาดภาพออกมาจากไหนกันเนี่ย จะมโนเก่งเกินไปแล้ว”

เพื่อนอีกคนได้ยินเข้าก็ชะโงกหน้าเข้ามาดูบ้าง “นายเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้วเหรอ ทำไมวาดเร็วชะมัด”

“ฉันมาที่นี่ครั้งแรกพร้อมกับพวกนายนี่แหละ ก็แค่วาดไปเรื่อยๆ แต่เดี๋ยวเอาไปวาดในคอมฯ คงจะเห็นปราสาทได้ชัดกว่านี้” ขาเรียวก้าวออกไปช้าๆ ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าใครๆ ในชั้นเรียนก้มลงมองเศษหินและทรายริมแม่น้ำ เขาก้มลงหยิบก้อนหินขึ้นมาก่อนหนึ่ง เหวี่ยงให้กระเด้งไปบนผิวน้ำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วหันมองไปรอบๆ “จะว่าไป... ถ้าปราสาทนี่ไม่โดนระเบิดสมัยสงครามโลกจนเละแบบนี้ก็คงจะเป็นปราสาทที่สวยอยู่นะ อยู่บนเกาะไม่ไกลจากฝั่งแม่น้ำมาก โลเคชันสุดยอดไปเลย แต่ก็นะ... ถึงจะสวยอลังแค่ไหน ฉันก็ยังรู้สึกแปลกๆ กับที่นี่อยู่ดี”

เพื่อนร่วมชั้นอีกคนพยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นจึงขยับเข้าไปกระซิบถามเสียงเบา ราวกับกลัวว่าสิ่งที่เขาถามถึงจะได้ยิน “หรือนายอาจจะมีซิกเซนส์ คิดว่าที่นี่จะมีผีไหม”

“ผีเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้สักหน่อย” ลูคัสตอบเสียงดุ

“แต่ก็น่ากลัวใช่มั้ยล่ะ”

“อือ ปราสาทอายุตั้งร้อยๆ ปีแบบนี้ ต้องมีคนตายเพียบแน่”

“สำหรับฉันน่ะนะ ต่อให้ปราสาทนี้ยังอยู่ในสภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ จ้างฉันคืนละห้าร้อยยูโรให้นอนที่นี่ยังไม่เอาเลย”

เด็กหนุ่มหัวเราะ “แต่ฉันเอานะ ยอมหัวโกร๋นสักสามคืนก็ถอยแม็คเครื่องใหม่ได้ละ”

“ให้มันจริงเถอะน่ะ”

มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา อีกไม่นานจะถึงกำหนดเวลารถออกแล้ว ถ้าไม่ทันรถเที่ยวนี้ เขาคงจะถึงห้องพักในไฮเดลแบร์กค่ำมืดแน่ “ไปกันเถอะ เก็บข้อมูลพอแล้ว ฉันจะรีบกลับไปทำงานส่งโปรเฟสเซอร์ โพรเจ็กต์จะได้เสร็จๆ ไปซะที”

“อือ ไปก็ไป”

ลูคัสกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกสี่ห้าคนพากันเดินออกจากเกาะริมแม่น้ำไป เกาะนี้อยู่ห่างจากแผ่นดินแค่ประมาณสิบเมตร พวกเขาสามารถเดินข้ามสะพานไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อลงมาจากสะพานก็พบกับสวนกุหลาบที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วบริเวณ

“สมกับชื่อเมืองโรเซนไฮม์ดีนะ” ลูคัสเปรย

(โรเซน แปลว่า ดอกกุหลาบ ไฮม์ แปลว่า บ้าน)

การเดินทางด้วยรถบัสจากเมืองโรเซนไฮม์ไปยังเมืองไฮเดลแบร์กใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง เด็กหนุ่มเพิ่งจะย้ายเข้ามาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยในไฮเดลแบร์กได้ปีเดียวเท่านั้น และเขากับเพื่อนร่วมชั้นเรียนก็เดินทางมาต่างเมืองเช่นนี้เพื่อทำโพรเจ็กต์จำลองภาพของปราสาทส่งศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย

ขณะที่รถบัสเคลื่อนผ่านสวนกุหลาบไปช้าๆ ลูคัสหันกลับไปมองที่ซากปรักพังบนเกาะซึ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ เขารู้สึกราวกับว่ามีความทรงจำอะไรบางอย่างในที่แห่งนี้

หรือบางทีในกาลก่อน... เขาอาจจะเคยมาที่นี่กับใครสักคนก็เป็นได้

..

......

..

ขบวนเรือใหญ่ล่องไปตามกระแสน้ำเชี่ยว ในขณะที่เม็ดฝนพรั่งพรูลงมาจากท้องนภาสีหม่น สายลมกระโชกแรงเป็นระยะๆ พัดพาให้ใบเรือแผ่กว้าง ช่วยเป็นแรงสมทบให้ฝีพายพาลำเรือเคลื่อนที่ไปได้เร็วมากขึ้นอีก

เสียงพวกทหารให้สัญญาณในการจ้วงไม้พายดังก้อง คละเคล้ากับเสียงน้ำกระทบลำเรือยามที่เรือแล่นผ่าน เนิ่นนานตลอดการเดินทาง ไม่เว้นแม้กระทั่งในยามราตรีกาล

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวยาวดูมีศักดิ์สูงกว่าใครยืนนิ่งราวกับรูปปั้น หมวกที่ติดอยู่กับเสื้อคลุมบดบังใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตรไว้ ดวงตาคมกริบทอดมองออกไปในความมืดเบื้องหน้าซึ่งมองเห็นได้เพียงเลือนราง มีแสงไฟบางเบาจากเรือใหญ่ลำที่อยู่ข้างหน้าและจากภายในลำเรือ เรียวปากบางเม้มแน่นคล้ายว่ากำลังคิดกังวลถึงบางสิ่งบางอย่าง ข้างกายของเขามีทหารองครักษ์สองนายคอยระแวดระวังภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

“ท่านควรพักผ่อนบ้าง”

ลอร์ดหนุ่มผู้เป็นนายส่ายหน้าช้าๆ “ใกล้ถึงแบร์กไฮม์แล้วไม่ใช่หรือเออร์วิน”

“ใช่แล้วขอรับท่านคาร์ล อีกไม่ไกลแล้ว”  เจ้าของชื่อเรียกค้อมศีรษะลงต่ำ เขาส่งสายตาบอกกับคอนราด เพื่อนทหารคู่กายของเจ้านายอีกคน ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับว่าเข้าใจ เมื่อเข้าใกล้จุดหมาย นั่นก็หมายความว่าองครักษ์อย่างพวกเขาจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเคลื่อนพลขึ้นบก หลังจากที่เดินทางในแม่น้ำมานานเกือบสัปดาห์ 

“ฝนพรำตลอดเช่นนี้ ดูท่าที่ทางคงเป็นโคลนหมดแน่ โชคดีที่ท่านตัดสินใจเลือกเดินทางโดยเรือไปเสียค่อนทาง”

“นั่นสินะ แต่ทุกคนคงเหน็ดเหนื่อยกันมากแล้ว” ผู้เป็นนายกล่าวพลางหันมองไปรอบๆ ภายในลำเรือ จากนั้นจึงชะเง้อมองเรือใหญ่ที่ประกบด้านหน้าและหลังพลางถอนหายใจ “แย่หน่อยนะที่ต้องติดสอยห้อยตามข้ามาแบบนี้”

เออร์วินเงยหน้าขึ้นพรวด “ไม่เลยท่านคาร์ล! พวกข้าติดตามรับใช้ท่านด้วยความเต็มใจ”

“พวกเจ้าเป็นทหารฝีมือดี ควรจะอยู่เคียงข้างท่านพ่อ...”

“ชีวิตพวกข้าจะมีความหมายอะไร หากไม่ได้รับใช้ท่าน”

“พวกเจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าแบร์กไฮม์เป็นเมืองเช่นไร”

“ข้ารู้ดี แบร์กไฮม์เป็นเมืองชายแดนที่อยู่ไกลจากเมืองหลวงของแคว้นมากที่สุด ห่างไกลความเจริญแล้วยังมีโจรผู้ร้ายเข้ามาก่อกวนอยู่บ่อยครั้ง”

“พวกเจ้ารู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ยังสมัครใจจะมากับข้างั้นหรือ” คาร์ลพ่นลมหายใจออกหนักๆ

องครักษ์อีกคนที่ยืนนิ่งอยู่นานคุกเข่าลง “ถ้าหากไม่มีท่านคาร์ล ก็ไม่มีนายทหารคอนราดในวันนี้” คอนราดประคองชายเสื้อของผู้เป็นนายขึ้นจรดหน้าผาก “ข้าสาบานแทนทุกคนได้ เจ้าชีวิตของพวกเราคือท่านคาร์ล ลอร์ดแห่งแบร์กไฮม์ผู้นี้เท่านั้น”

คาร์ลยิ้มบาง ดวงตาสีฟ้าหลุบต่ำมองศีรษะของทหารองครักษ์ผู้จงรักภักดีทั้งสองคนซึ่งคอยดูแลเขามาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเยาว์ เป็นเสมือนพี่เลี้ยง เพื่อนและที่ปรึกษาให้เขา “ขอบใจ”


ฝนหยุดตกไปสักพักแล้ว แสงสว่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่ปลายฟ้า ไม่นานขบวนเรือก็เข้าจอดเทียบที่หมาย หลังจากนั้นทหารนับร้อยๆ นายก็กรูกันลงไปตรวจสอบพื้นที่ ตระเตรียมม้าและรถม้าเพื่อเคลื่อนย้ายขบวน ส่วนคาร์ลกับทหารองครักษ์รออยู่ในลำเรือต่อไปอีกสักพัก รอสัญญาณเรียกจากพวกทหาร

ทิวทัศน์ของเมืองแบร์กไฮม์จากบนเรือราวกับถูกแต่งแต้มด้วยพู่กัน มีทุ่งข้าวสาลีและข้าวบาร์เล่ย์สีเหลืองทอง ทุ่งหญ้าสีเขียวสดใสสลับกับต้นไม้ที่มีใบไม้สีเหลืองส้ม ใบไม้บางส่วนร่วงหล่นปลิวไปตามสายลม มีบ้านหลังเล็กๆ มากมายตั้งอยู่ไม่ไกลจากกันมากนัก

เมืองแบร์กไฮม์ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ มีภูเขาสูงทางทิศตะวันตก เป็นเมืองชายแดนของแคว้นไฮเดลแบร์กซึ่งไม่เคยมีขุนนางคนใดมาปกครองดูแล มีทหารผ่านมาตรวจตราบ้างนานๆ ครั้ง หรือไม่ก็เพื่อจะเก็บผลประโยชน์ที่ชาวเมืองต้องส่งให้เท่านั้น

ทิศเหนือของแบร์กไฮม์มีอาณาเขตติดกับสองเมือง คือเคิร์ชไฮม์และนอยเออร์ไฮม์ ถัดจากสองเมืองนี้ไปคือเมืองไฮเดลแบร์กซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้น ทั้งหมดอยู่ในการปกครองของอาร์ชดยุกแห่งไฮเดลแบร์ก ส่วนทิศใต้อยู่ไม่ไกลจากเมืองโรเซนไฮม์นัก ซึ่งเป็นเมืองที่มีการปกครองเป็นของตนเองและไม่ได้ขึ้นอยู่กับแคว้นใด

จากริมแม่น้ำผ่านเมืองแบร์กไฮม์ไปจนถึงภูเขาทางทิศตะวันตก ที่บนเนินเขาสูงนั้นมีปราสาทหลังใหญ่ซึ่งเป็นที่พักผ่อนล่าสัตว์ของอาร์ชดยุกผู้ปกครองแคว้น หากนับแต่นี้ต่อไป ปราสาทแห่งนี้จะเป็นที่พักของลอร์ดแบร์กไฮม์ ผู้ปกครองเมืองคนใหม่ที่เพิ่งเดินทางมาถึง

กลุ่มเงาของผู้คนปรากฏขึ้นจากที่ไกล เสียงย่ำฝีเท้าในดินโคลนดังแว่ว ส่งผลให้พวกทหารที่กำลังวุ่นอยู่กับการยกข้าวของลงจากลำเรือต้องละทิ้งงานไปดูลาดเลาเสียก่อน พวกเขาไม่อาจรู้ได้ว่ากลุ่มคนที่เดินเท้าเข้ามาหานั้นมีจุดประสงค์อันใด

เมื่อเหล่าทหารเข้าไปใกล้จึงพบว่ากลุ่มคนเหล่านั้นแต่งตัวคล้ายชาวบ้าน มีหญิงชายต่างวัยและเด็กๆ พวกเขาใส่เสื้อผ้าสีตุ่น พวกเด็กเนื้อตัวเปื้อนโคลน หากใบหน้าทุกคนแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

“กองทัพของท่านลอร์ดแห่งแบร์กไฮม์ใช่หรือไม่”

“พวกเจ้ามีธุระอะไรงั้นรึ”

“ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านใกล้ๆ นานเหลือเกินที่แบร์กไฮม์ไม่มีผู้ใดใส่ใจ พวกข้าจึงมารอต้อนรับท่านลอร์ด” ชายชรายิ้มกว้าง แต่ดวงตาฉ่ำชื้นน้ำ เขาพูดเสียงสั่นเครือ “พวกข้าจะขอยืนอยู่ตรงนี้ ไม่เข้าไปรบกวนพวกท่านหรอก ขอแค่ท่านลอร์ดได้รับรู้ว่าพวกข้ามารอต้อนรับท่านก็พอ”

แม้ชาวบ้านชาวเมืองดูไม่มีพิษภัย หากพวกทหารก็แบ่งกลุ่มผลัดกันมายืนรักษาการณ์ พร้อมกับส่งคนไปรายงานผู้เป็นนายที่อยู่บนเรือ

“พวกเขามากันกี่คนรึ” คาร์ลถาม

“ข้าลองกะด้วยสายตา คิดว่าน่าจะหลายร้อยคน พวกคนแก่กับเด็กก็มาด้วย”

ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะลุกขึ้น “ม้าของข้าพร้อมแล้วใช่ไหม”

“พร้อมแล้วท่านลอร์ด”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”

พวกทหารด้านล่างแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกจะเดินทางด้วยม้าไปยังปราสาทพร้อมกับผู้เป็นนาย พวกเขาจะไปถึงตัวปราสาทได้เร็วกว่าพวกที่เดินทางไปพร้อมกับข้ารับใช้และขนข้าวของไปกับรถม้าในกลุ่มที่สอง

ก้าวแรกบนฝั่งหลังจากที่เดินทางด้วยเรือมาเกือบสัปดาห์ แม้จะเฉอะแฉะไปสักหน่อย ทว่าก็ทำให้คาร์ลยิ้มได้ เขาหยุดยืนด้วยท่วงท่าสง่างาม เชิดหน้าขึ้นมองตรงไปยังกลุ่มม้าที่นายทหารเตรียมไว้ให้ ก่อนจะก้าวตรงไปยังม้าประจำกายของตน

เจ้าม้าที่มีขนสีดำเป็นเงากระทืบเท้าพลางร้องเสียงดัง รูปร่างของมันสูงใหญ่สง่างามเฉกเช่นผู้เป็นเจ้าของ มันสะบัดคอไปมาด้วยท่าทางยโส ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนักเพราะต้องอุดอู้ในเรือมาเป็นเวลานาน

หากเมื่อมือหยาบสัมผัสลงบนแผงขน เจ้าม้าก็หยุดนิ่งทันควัน มันค้อมศีรษะลงให้ผู้เป็นนายอย่างรู้งาน

“ยาสเพอร์ เดี๋ยวเจ้าจะได้วิ่งยืดเส้นยืดสายให้เต็มที่ อดทนอีกนิดนะ”

แขนแกร่งปัดผ้าคลุมไว้เบื้องหลังขณะที่เขาก้าวเท้าขึ้นเหยียบโกลน จากนั้นจึงตวัดขาคร่อมบนอานม้าแล้วยืดตัวตรง

องครักษ์ทั้งสองรีบขึ้นม้าแล้วเข้ามาประกบด้านซ้ายขวา ข้างหน้าและข้างหลังของพวกเขาเป็นกลุ่มทหารนับสิบนาย พอเห็นว่าผู้เป็นนายพยักหน้าแล้วก็สั่งให้กลุ่มทหารออกเดินทาง

ทว่าเจ้าม้าออกวิ่งไปได้เพียงเล็กน้อยก็ถูกลอร์ดหนุ่มสั่งให้หยุด เขาขมวดคิ้ว ทอดสายตาลงมองชาวเมืองที่ยืนอยู่สองข้างทางด้วยความสงสัย

“พวกเจ้าร้องไห้ทำไม”

“ท่านลอร์ด” ชายที่ดูสูงวัยกว่าใครเพื่อนค้อมศีรษะลงพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนเข่าในดินโคลนเฉอะแฉะ สองแขนกอดดอกไม้ที่ไปเก็บมาจากในทุ่งแต่เช้าตรู่ไว้แน่น

“ข้าถามว่าพวกเจ้าร้องไห้ทำไม”

“พวกข้าดีใจกับการมาของท่าน” ชายชราตอบโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้น “แบร์กไฮม์จะได้สงบสุขสักที ข้าจะได้ตายตาหลับ”

นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนแสงลง “ดอกไม้นั่นเอามาให้ข้ารึ”

“ใช่แล้วท่านลอร์ด”

“ถ้างั้นก็เอามาให้ข้าสิ”

ชายชราสะดุ้งเฮือก จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วหรี่ตามองผู้สูงศักดิ์บนหลังม้า แม้ใบหน้าถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุม หากเขาก็ไม่เคยพบเห็นใครที่ท่าทางน่าเกรงขามเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ได้ฟังเปรียบเสมือนคำสั่งที่ต้องปฏิบัติตาม มือที่สั่นเทาเอื้อมส่งช่อดอกไม้ขึ้นสูง

“ขอบใจ” ลอร์ดหนุ่มรับช่อดอกไม้มาแล้วหันไปกระตุกบังเหียนพร้อมกับใช้เท้าเตะลำตัวเจ้าม้าเบาๆ เพื่อบอกให้มันเดินออกไป  เขาดึงดาบประจำกายออกจากฝักแล้วชูขึ้นสูง ลำแสงจากดวงสุริยันฉาบปลายดาบให้เป็นประกายวาบ “ข้าคือคาร์ล ลอร์ดแห่งแบร์กไฮม์ และต่อจากนี้ไป ที่แห่งนี้คือบ้านของข้า”

พวกทหารค้อมศีรษะลงต่ำอย่างพร้อมเพรียง หลังจากนั้นก็บังคับให้ม้าพุ่งตัวมุ่งหน้าไปยังปราสาทแบร์กไฮม์ซึ่งเป็นที่หมายอย่างรวดเร็ว


*~TBC~*


ฮัสกี้กลับมาแร้วววววว~ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ยังไม่ลืมกันใช่มั้ยยยย~ รอบนี้กลับมาแบบชวนทุกคนปวดหัว พาย้อนยุคไปไกลเลยทีเดี๊ยววว (เสียงสู้งงง)

ชื่อเมืองในเรื่องอาจจะอ่านแล้วรู้สึกเหนื่อยหน่อยนะคะ T.T จำชื่อเมืองของพระเอกของเราก็พอค่ะ เมืองแบร์กไฮม์ จำง่ายๆ ว่าแบกหามก็ล่าย พระเอกเราสายใช้แรงงานอยู่แว้ว~

ก่อนอื่นขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเนื้อหาในเรื่องมีทั้งที่อิงประวัติศาสตร์จริงและฮัสกี้มโนใส่ (อย่างหลังน่าจะเยอะกว่า) เพราะฉะนั้นขออย่าซีเรียสกับเนื้อหาบางส่วนในเรื่องนะคะ T.T

(ตัวอย่างเช่นการมีองครักษ์ของพระเอก จริงๆ แล้วที่อ่านมา เขาว่ากันว่าในยุคนั้นยังไม่มีทหารองครักษ์ค่ะ แต่ฮัสกี้ชอบ มันเท่ ไม่มีใช่มั้ย จับใส่เอง 555555)

ฮัสกี้ขออภัยหากมีข้อผิดพลาดในเรื่องและขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ ตรงไหนผิดพลาดเตือนกันได้น้า แต่ขอเบาๆ ฮัสกี้หัวใจอ่อนแอค่า 55555555

ปล. อีกไม่นานจะพาเรื่องของตั้งใจกับใบตองมาส่งอีกเรื่องนะคะ อิอิอิ 



ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #2 เมื่อ27-10-2016 20:24:02 »

เรื่องใหม่ น่าติดตามมากกกก

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #3 เมื่อ27-10-2016 20:36:40 »

ว้าวววว น่าสนุกมากเลยค่า
จะรอติดตามน้าาา  :mew1:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #4 เมื่อ27-10-2016 20:46:22 »

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #5 เมื่อ27-10-2016 21:09:27 »

อ่านแล้วเนื้อเรื่องสนุกดีค่า จะติดตามนะคะ มาลงต่ออีกไวๆน้า

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #6 เมื่อ27-10-2016 21:33:27 »

คิดถึง ๆๆๆๆๆๆๆๆ

ตั้งแต่เงาจันทร์ในม่านหมอกจบไป ยังคิดถึงคุณอยู่เรื่อย ๆ

ท่านคาร์ลมาดเท่มาก

สงสัยจังว่า ทำไมถึงมาอยู่ชายแดนล่ะ

แล้วเกี่ยวอะไรดับลูคัส

ฉากหลังมาจากเยอรมนีใช่ไหม? เห็นชื่อแล้วคุ้น ๆ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #7 เมื่อ27-10-2016 21:44:42 »

รอติดตามค่าาาาา

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ multiver

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #8 เมื่อ27-10-2016 22:00:47 »

มาแว้วๆ อีกเรื่องที่น่าติดตามของพี่ฮัสกี้ จะติดตามยันตอนสุดท้ายเลย แถมนายเอกเราหน้าเด็กด้วยอ่ะ   :-[  :-[
รอตอนต่อไปน้า~~~ :bye2:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #9 เมื่อ27-10-2016 22:04:48 »

จิ้มเรื่องใหม่ 
ฮัสกี้รีเทิร์นนนนแล้ว เย้ๆ
รอติดตามตอนต่อไปน้า
 :mc4: :mc4: :mc4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
« ตอบ #9 เมื่อ: 27-10-2016 22:04:48 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #10 เมื่อ27-10-2016 23:28:00 »

เจิมมมมมมม  :z13: :z13:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #11 เมื่อ28-10-2016 00:14:36 »

มาตามๆๆๆ

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #12 เมื่อ28-10-2016 01:00:52 »

มาแปะ รอค่ะ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4
Re: แต่กาลก่อน [Prologue : สองยุค ][271016]
«ตอบ #13 เมื่อ28-10-2016 19:54:38 »



Chapter 1 : เสียงเรียก   


ขาเรียวยาวพาเจ้าของวิ่งไปบนถนนเก่าแก่ที่ปูด้วยก้อนหินซึ่งทอดยาวจากป้ายรถเมล์ไปจนถึงตัวปราสาท มุ่งหน้าไปยังบานประตูสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ตรงทางเข้า ซึ่งที่นั่นมีป้อมปราสาทบนกำแพงม่านประกบข้างซ้ายและขวา เสียงระฆังเหง่งหง่างดังก้อง ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีก
 
(กำแพงม่าน คือกำแพงที่ล้อมรอบตัวปราสาท)

“โอย สายแล้วๆ โดนว่าอีกแหง” เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งอยู่ในเสื้อสเวตเตอร์และกางเกงยีน เขาหอบสัมภาระมากมายมาพร้อมในกระเป๋าเป้ใบใหญ่

“เอ้าวิ่งๆ วิ่งเข้า เร็วเข้าลูคัส สายอีกแล้วนะ วันนี้นายต้องโดนโปรเฟสเซอร์บ่นอีกแน่ๆ” ยามรักษาการณ์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าป้อมปราสาทตะโกนกลั้วหัวเราะ

“ถ้าไอ้ถนนนี่ไม่ใช่หินตะปุ่มตะป่ำแบบนี้ผมวิ่งได้เร็วกว่านี้แน่นอน!” เด็กหนุ่มยังคงมีอารมณ์หันไปโต้ตอบ เขาส่ายหน้าไปมาพลางบ่นดังๆ “อยากจะเจอหน้าไอ้คนที่คิดทำถนนนี่จริงจริ๊ง ทำไมไม่ทำให้เรียบกว่านี้หน่อยนะ”

“ก็มันตั้งหลายร้อยปีแล้ว ถนนจะเรียบเหมือนราดด้วยคอนกรีตเหมือนสมัยนี้ได้ยังไงกันล่ะ แล้วถ้านายได้เจอคนคิดทำถนนนี่ควรจะต้องก้มหัวขอบคุณเขาหลายๆ ครั้งเลยนะ เพราะถ้าเป็นถนนดินล่ะก็ ฝนตกเมื่อคืนทั้งคืนแบบนี้นายได้ลุยโคลนมาทำงานแน่”

“อ๋า โปรเฟสเซอร์เคลาส์” ลูคัสชะงักแล้วหยุดหอบหนักๆ

“หรือไม่ก็กลายเป็นพวกเดียวกับปลาตีน” อเล็กซ์ รุ่นพี่คนสนิทจากคณะเดียวกันที่ยืนอยู่ด้วยกันกับศาสตราจารย์พูดสมทบ

เด็กหนุ่มส่งสายตาขุ่นๆ ใส่ “ผมรู้หรอกน่าว่าถนนนี่เลอค่าแค่ไหน”

อเล็กซ์หัวเราะพร้อมกับยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีดำบนศีรษะเล็ก “แค่ขี้บ่นเท่านั้นใช่มั้ยล่ะ เด็กเอ๊ย!” ในขณะเดียวกันคนอื่นๆ ในทีมอีกเกือบสิบคนก็พากันเข้ามารุมล้อมเด็กหนุ่มด้วย

“มาสายเพราะทำรายงานดึกอีกล่ะสิ”

“ครับ” ลูคัสส่ายศีรษะไปมาอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “การบ้านเยอะชะมัด”

“ไม่ทันได้กินมื้อเช้าอีกล่ะสิ เอ้า! เดี๋ยวสมองทำงานไม่เต็มที่” รุ่นพี่คนสนิทโยนถุงกระดาษที่ใส่ขนมปังที่ไว้ให้

“โอ้โห ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง เขากำลังหิวอยู่พอดี นึกว่าจะต้องรอจนถึงพักเที่ยงเสียแล้ว มือเรียวรีบรับขนมปังมา พอกัดไปได้สองคำ เพื่อนร่วมงานอีกคนก็ส่งกล่องน้ำผลไม้ให้พร้อมหัวเราะอย่างเอ็นดู

“ยิ้มได้แล้วสินะ นายนี่มัน เด็กวัยกำลังกินกำลังนอนชัดๆ”

ลูคัสเป็นนักศึกษาปีที่สอง คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา ในมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศเยอรมนี เขาเป็นหนึ่งในทีมโพรเจ็กต์พิเศษของมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาโครงสร้างปราสาทและสิ่งก่อสร้างในยุคโบราณ แต่ส่วนใหญ่นักศึกษาในทีมจะเป็นนักศึกษาปีสุดท้าย มีตัวเขาที่เป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองคนเดียวเท่านั้น ปกติแล้วตัวเขาก็ดูอ่อนวัยกว่าคนอื่นในชั้นเรียนทั้งที่ตัวก็สูงและอายุพอๆ กัน อาจเป็นเพราะใบหน้าเล็กรูปไข่ที่ดูน่ารักและแก้มที่เป็นสีชมพูมีเลือดฝาดอยู่เสมอ หรือไม่ก็เพราะความที่เขาเป็นลูกครึ่งเอเชีย เชื้อชาติทำให้เขาดูอายุน้อยกว่าเพื่อนชาวยุโรปรุ่นราวคราวเดียวกัน และพอต้องมารวมกลุ่มกับรุ่นพี่และพวกศาสตราจารย์ก็ยิ่งทำให้เขาดูเด็กลงไปอีก

ครั้งแรกที่มีการประชุมนักศึกษาที่ได้รับคัดเลือกจากคณะที่เกี่ยวข้องมาร่วมในโพรเจ็กต์ ตัวเขาดูไม่ดีในสายตารุ่นพี่นัก นั่นก็เพราะอายุและชั้นปีที่น้อยกว่าใคร ประกอบกับบิดาที่เป็นสถาปนิกชื่อดังด้วยแล้ว ทำให้พวกรุ่นพี่คิดว่าเขาได้รับคัดเลือกมาอย่างไม่ใสสะอาดนัก หากความเฉลียวฉลาดและความสามารถของลูคัสก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเข้าใจ แล้วยังนิสัยที่น่ารักเป็นกันเอง จากที่ไม่ชอบใจในตอนแรกกลับกลายเป็นเอ็นดูเด็กน้อยกันไปเสียหมด จนถึงขั้นที่ว่าไม่อาจเริ่มงานกันได้ถ้าเด็กหนุ่มยังมาไม่ถึงเลยทีเดียว

“เอาล่ะ อิ่มแล้วใช่มั้ยลูคัส จะได้เริ่มงานกันสักที” ศาสตราจารย์เอ่ยอย่างอ่อนใจ

“ครับ พร้อมแล้วครับ” เด็กหนุ่มตอบรับเสียงใส พอท้องอิ่มแล้วก็อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด

ศาสตราจารย์ยิ้มมุมปากพลางหัวเราะเบาๆ “วันนี้เราจะเข้าไปศึกษาห้องโถงของปราสาท ทุกคนเปิดดูแพลนด้วย...” เขาพูดคุยโต้ตอบกับทุกคนในทีมและทบทวนหน้าที่กัน “เข้าใจแล้วนะ เดี๋ยวใส่ชุดป้องกันให้เรียบร้อยแล้วไปรอฟังบรีฟเรื่องความปลอดภัยพร้อมกันกับทีมงานอื่นที่ลานหน้าปราสาทนะ”

“ครับ โปรเฟสเซอร์”

“วันนี้มีทีมนักโบราณคดีมาด้วยใช่มั้ย” ลูคัสหันไปถามรุ่นพี่

“ใช่ สนใจสาวนักโบราณคดีรึไง”

“เปล่าสักหน่อย” เด็กหนุ่มเบ้ปากใส่

เดิมทีลูคัสก็เป็นคนชอบประวัติศาสตร์มากอยู่แล้ว โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ยุโรป ถึงแม้เขาจะมีเลือดเอเชียครึ่งหนึ่งในกาย หากยุโรปก็เป็นบ้านเกิด เขาสนใจสิ่งก่อสร้างเก่าๆ มากเป็นพิเศษ ใจฝันอยากจะมีโอกาสได้สร้างสิ่งก่อสร้างที่สำคัญๆ กับเขาสักครั้ง เฉกเช่นบิดาที่เป็นสถาปนิกซึ่งมีผลงานเลื่องชื่อมากมาย

หัวใจเต้นรัวแรงอยู่ในอกขณะที่มือเรียวหยิบหมวกก่อสร้างมาสวม ตามด้วยชุดหมีที่มีเนื้อผ้าเหนียวเป็นพิเศษ ใช้ป้องกันอันตรายจากหินและเศษไม้ที่อาจตกหล่นลงมาได้ทุกเมื่อภายในตัวปราสาท นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องประตูไม้แกะสลักตรงทางเข้าของปราสาทนิ่งไม่ไหวติง ริมฝีปากอิ่มสีแดงอมยิ้มอย่างมีความสุข

นี่เป็นครั้งแรกที่ปราสาทแห่งนี้เปิดโอกาสให้ทีมงานวิจัยจากสาขาต่างๆ เข้าไปศึกษาค้นคว้าหลังจากที่ปิดตายมานานนับร้อยๆ ปี ทีมงานของลูคัสรับหน้าที่ศึกษาและตรวจสอบโครงสร้างของปราสาท สมาชิกในทีมประกอบไปด้วยนักศึกษาหัวกะทิจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรโครงสร้างและกลุ่มศาสตราจารย์ พวกเขาใช้เวลาเป็นเดือนในการศึกษากำแพงม่านล้อมรอบตัวปราสาท ซึ่งบนกำแพงม่านนั้นมีป้อมจำนวนหกป้อม ขนาบประตูทางเข้าที่ทำจากสัมฤทธิ์สองป้อม ส่วนอีกสี่ป้อมตั้งอยู่บนกำแพงม่านทางทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก มีทางเดินบนกำแพงให้ทหารสามารถเดินตรวจตราและเดินไปมาระหว่างป้อมได้ ส่วนทิศใต้ติดหน้าผาจึงไม่จำเป็นต้องมีป้อม นอกจากนั้นก็ยังมีคุกใต้ดินข้างล่างป้อมปราสาท มีลานปราสาท ลานฝึกซ้อมสำหรับทหาร โรงเก็บม้า โบสถ์และสวนดอกไม้ก่อนจะถึงปราสาทชั้นใน ทุกคนต่างประทับใจโครงสร้างและสภาพที่คงไว้เป็นอย่างดีแม้ไม่ได้รับการดูแลรักษามากมายนัก

หากสำหรับลูคัสแล้ว ที่แห่งนี้พิเศษมากกว่านั้น เพราะ... เขารู้สึกว่าตัวเองรู้จักที่แห่งนี้ดี ราวกับเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาก่อนอย่างไรอย่างนั้น เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากเมื่อครั้งที่ไปสำรวจซากปราสาทในโรเซนไฮม์โดยสิ้นเชิง

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันเล่า เขาเพิ่งจะอายุเกือบๆ สิบเก้าปี แล้วก็เพิ่งย้ายมาอยู่เมืองไฮเดลแบร์กนี้กับพี่ชายเพื่อเรียนมหาวิทยาลัยได้ปีเดียวเท่านั้น

สมัยเด็กๆ เขาเคยฝันถึงปราสาทแห่งนี้หลายครั้ง อาจเป็นเพราะได้เห็นรูปและรับฟังเรื่องเล่าของเมืองไฮเดลแบร์ก ซึ่งบิดามารดามักจะพูดว่าเป็นเมืองที่แสนจะสวยงามและโรแมนติกไม่แพ้เมืองอื่นๆ ในยุโรป แล้วก็มักจะร้องเพลงให้ฟัง


(เพลงที่พ่อแม่ของลูคัสหมายถึงคือเพลง I lost my heart in Heidelberg ค่ะ จิ้มฟังและดูวิวเมืองไฮเดลแบร์กได้ตรงนี้น้า --> เพลงค่ะ)


จะว่าไปเมืองนี้ก็สวยมากจริงๆ ตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่ ไม่มีสักวันที่รู้สึกเบื่อ และจำนวนคืนที่ฝันถึงปราสาทแห่งนี้ก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะระยะหลังนี่ เขาฝันถึงทุกคืนเลยทีเดียว จนพี่ชายบอกว่าเขาหมกมุ่นกับโพรเจ็กต์นี้มากเกินไป

พวกคนงานดันบานประตูไม้ขนาดใหญ่ให้เปิดออกช้าๆ ก่อนทุกคนจะเดินเข้าไปตามทางเดินที่มีเพดานโค้งสูงอย่างระมัดระวัง ไม่นานก็ไปถึงบานประตูเข้าสู่ห้องโถงใหญ่กลางปราสาท

เหล่าศาสตราจารย์พลิกเปิดแฟ้มงานหนาเตอะแล้วหันไปพูดคุยกับทีมนักศึกษา “จากภาพเอ็กซเรย์นี่ โครงสร้างภายในของประตูเป็นเหล็ก คาดเดาน้ำหนักไว้ที่... เสารับน้ำหนักสำคัญมาก ทุกคนต้องระวังตรงจุดนี้...”

สักพักบานประตูทั้งสองบานก็ถูกเปิดออกกว้าง แวบแรกที่ได้เห็นห้องโถงขนาดใหญ่ทุกคนก็เบิกตากว้าง หันมองไปโดยรอบวนไปวนมาอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่

“โอ้โห เป็นปราสาทในช่วงยุคกลางที่ยังสมบูรณ์มากจริงๆ ผมไม่เคยเห็นปราสาทที่สมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อนเลย” ศาสตราจารย์เปรย

(ช่วงยุคกลาง ศตวรรษที่ห้าถึงสิบห้า)

นักโบราณคดีคนหนึ่งที่เข้ามาพร้อมกันก้มลงใช้แปรงปัดพื้นกระเบื้องอย่างแผ่วเบา สักพักก็พูดเสียงดัง “ดูลายกระเบื้องนี่สิคะ ขนาดสีจางแล้วยังสวยอยู่เลย”

“ถ่ายรูปพรมบนผนังเยอะๆ เลยนะ เดี๋ยวเอาไปปรับสีในคอมฯ แล้วจะได้ปะติดปะต่อรายละเอียดได้ง่ายหน่อย”

เสียงพูดคุยปรึกษากันดังก้องไปทั้งห้องโถง ไม่นานแต่ละคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน ลูคัสเองก็เดินถ่ายรูปเพดานกับเสาไปพร้อมกับพิจารณาวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง เขาก้าวไปช้าๆ ใจจดจ่ออยู่กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจนกระทั่งไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าพรมผืนใหญ่ผืนหนึ่ง

ภาพบนผืนพรมเลือนรางไปตามกาลเวลา หากยังพอมองเห็นได้ว่าเป็นภาพของชายหนุ่มกับม้าที่น่าจะมีขนเป็นสีดำ ส่วนที่เหลือจางจนเป็นสีขาวโพลน เขาหยุดมองแล้วขมวดคิ้ว

“มีอะไรหรือลูคัส”

“ลูคัส”

“เฮ้ย ลูคัส!”

หลังจากโดนเคาะศีรษะเรียกสติกลับมาได้เด็กหนุ่มก็หันขวับ “โอ๊ย! เจ็บนะอเล็กซ์”

“ยืนจ้องอะไร นิ่งเป็นเสาหินเลย” เจ้าของชื่อเรียกมองไปยังพรมที่เขาเห็นเด็กหนุ่มยืนจ้องอยู่นาน “มองม้าหรือ เห็นแล้วนึกอยากจะแวบไปขี่ม้ารึไง”

“เปล่าสักหน่อย ผมก็แค่คิดว่าภาพบนพรมนี่น่าสนใจดี”

“อืม... ดูจากตำแหน่งที่แขวนพรมแล้ว เขาน่าจะเป็นคนสำคัญมากๆ อาจจะเป็นเจ้าของปราสาท... แต่ภาพสีซีดขนาดนี้ คงจะบอกว่าเป็นภาพของใครได้ยากนะ”

“นี่ อเล็กซ์ นายว่าในภาพนี้มีสองคนมั้ย” นิ้วเรียวชี้ไปตรงที่ว่างอีกข้างของม้าในภาพ “จางจนมองไม่เห็นเป็นรูปร่างเลย แต่ดูจากพื้นที่ว่างแล้ว...”

“อาจจะเป็นภรรยาเขารึเปล่า”

“ไม่น่าจะใช่... ถ้าเป็นภรรยาน่าจะยืนข้างกันมากกว่ายืนคนละข้างนะ”

“ก็ไม่แน่นะ อาจจะเพื่อความสมดุลของภาพไง... ถ้าไม่ใช่ก็อาจจะเป็นเจ้าของปราสาทร่วมกัน เป็นพี่น้องกันอะไรแบบนี้”

“อือ ก็อาจเป็นไปได้ ประวัติเจ้าของของปราสาทนี้ก็แทบไม่มีเลยด้วยสิ มันเก่ามากเหลือเกิน”

“อืม จากที่อ่านมา ปราสาทนี้สร้างในยุคกลาง ใช้งานมาจนถึงช่วงก่อนสงครามโลกแล้วก็ปิดไว้ คงยากที่จะระบุว่าใครเคยเป็นเจ้าของบ้าง”

“แต่ที่แถวๆ ไฮเดลแบร์กนี่มีปราสาทยุคกลางตั้งหลายแห่ง สงสัยยุคนั้นคนแถวนี้คงจะรวยมากแหงๆ”

“ตามประวัติศาสตร์แล้ว แต่ก่อนพื้นที่ของแคว้นไฮเดลแบร์กกว้างขวางกว่านี้มาก รวมหลายๆ เมืองในตอนนี้เข้าไว้ด้วยกัน  แต่ละเมืองร่ำรวยแล้วก็เจริญรุ่งเรืองมากค่ะ ปราสาทหลังนี้แต่เดิมมีชื่อว่าปราสาทแห่งแบร์กไฮม์ค่ะ มีการเปลี่ยนชื่อเป็นปราสาทแห่งไฮเดลแบร์กทีหลังประมาณช่วงกลางของยุคกลาง ส่วนปราสาทอื่นในแถบเดียวกันนี้พังไปจนเกือบหมดในช่วงสงครามโลกน่ะค่ะ มีบางจุดที่ยังพอเหลือซากให้เห็นได้ในปัจจุบัน ในหนังสือเขียนไว้ว่าเป็นของญาติๆ กันนี่ล่ะ” เสียงของหญิงสาวเรียกสองหนุ่มที่กำลังคุยกันให้หันขวับไปทางต้นเสียง หล่อนมีชื่อว่าคริส เป็นหนึ่งในนักโบราณคดีที่มาทำวิจัยในปราสาทแห่งนี้ “คนในภาพก็น่าจะเป็นเจ้าของปราสาทคนหนึ่งล่ะค่ะ ดูจากตำแหน่งที่แขวนพรมแล้วก็น่าจะเป็นคนแรกๆ เลยนะคะ แต่ภาพบนพรมสีซีดขนาดนี้ คงต้องทำงานกันในแล็บอีกนาน แถมยังไม่แน่ว่าจะแกะภาพออกมาได้เห็นรายละเอียดชัดเจนขนาดไหนด้วย”

“ถ้าได้เห็นภาพชัดๆ คงจะดีมากเลยนะครับ” ลูคัสพูดเสียงอ่อย เขาหันกลับไปมองภาพบนผืนพรมอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดที่ทำให้เขารู้สึกติดใจภาพนี้เสียเหลือเกิน

“ประวัติศาสตร์ของแคว้นไฮเดลแบร์กสมัยยุคกลางมีบันทึกไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าคุณสนใจ ดิฉันจะให้ยืมหนังสือนะ” หล่อนยิ้มกว้างอย่างเป็นกันเอง

“จริงหรือครับ ขอบคุณมาก! ผมสนใจมากเลยล่ะ”

พอเห็นนัยน์ตากลมใสเป็นประกายและรอยยิ้มของเด็กหนุ่มแล้ว คนสูงวัยกว่าทั้งสองก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ลูคัสเป็นเด็กที่แปลก ทำให้ใครต่อใครรู้สึกเอ็นดูไปเสียหมด อาจจะเป็นเพราะดวงตาโตราวกับลูกกวาง หรือรอยยิ้มที่จริงใจของเขา

แล้วในตอนเย็นหลังเลิกงานของวันเดียวกัน ทั้งสามคนก็ไปรวมตัวกันที่อพาร์ตเมนต์ของหญิงสาว ในตอนแรกลูคัสก็ว่าจะไปเพื่อยืมหนังสืออย่างเดียว แต่ดันคุยกันติดลมเสียได้ พวกเขานั่งฟังหล่อนเล่าประวัติศาสตร์ของแคว้นไฮแดลแบร์กอย่างสนใจ

เมื่อรับประทานมื้อเย็นที่โทรศัพท์สั่งมาเสร็จแล้ว คริสก็เข้าไปชงกาแฟร้อนมาเสิร์ฟให้สองหนุ่มที่กำลังเก็บกล่องใส่อาหารลงในถุงขยะ ระหว่างนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันเรื่องโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างในเมืองไปด้วย

“ดูเหมือนปราสาทจะสร้างมาก่อนถนนหนทางในเมืองนะ กำแพงม่านกับป้อมปราสาทก็น่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง”

“ดูจากอายุถนนที่ประเมินมาสิ... ถนนในยุคกลางส่วนใหญ่จะเป็นดิน แต่ในไฮเดลแบร์กรู้จักใช้หินแล้ว แปลว่าความคิดผู้ครองเมืองสมัยนั้นนำสมัยที่อื่นๆ ไม่เบาเลย”

“จะว่าไป ฉันมีเรื่องจะถามพวกคุณพอดีเลย” คริสขยับเข้ามาร่วมวงสักพักก็ลุกไปที่โต๊ะซึ่งหล่อนกางแพลนของปราสาททิ้งไว้ “พวกคุณว่าทางแคบๆ ตรงนี้มีไว้ทำไม” หล่อนชี้ไปที่บนกระดาษ จากห้องห้องหนึ่งที่ชั้นสาม ด้านหลังกำแพงมีทางแคบๆ ซ่อนอยู่ ทว่าก็ตันอยู่แค่ห้องนั้นเท่านั้น

สองหนุ่มเดินตามหญิงสาวไป พวกเขาก้มลงพิจารณาไปพลางจิบกาแฟไปด้วย “ผมว่าแต่เดิมอาจใช้เป็นที่ซ่อนฉุกเฉิน เวลาที่มีคนร้ายบุกเข้ามา งั้นห้องนี้ก็น่าจะเป็นของบุคคลสำคัญ” อเล็กซ์ออกความเห็น

“หรือบางทีแต่เดิมอาจจะทำไว้เพื่อเป็นทางลับก็ได้นะครับ ปราสาทหรือวังมักมีทางลับไว้หลบหนี อย่างเมืองวาติกันยังทำช่องทางหลบหนีไปยัง Castel Sant'Angelo ไว้ให้พระสันตะปาปาเลย แต่ที่ปราสาทแห่งนี้ เขาอาจมีการปรับปรุงทีหลังก็เลยปิดทิ้งไว้” ลูคัสก้มลงมอง พยายามหาห้องที่มีกำแพงสองชั้นในแพลนอีก หากก็หาไม่เจอ “ในแพลนของกำแพงม่านล้อมปราสาท มีอุโมงค์ใต้ดินจากกำแพงม่านมาถึงตัวปราสาทด้วย โปรเฟสเซอร์บอกผลสรุปคร่าวๆ ไว้ว่าน่าจะเอาไว้ใช้ขนย้ายพวกนักโทษเพราะมีร่องรอยของพวกโซ่กับรอยลากของลูกตุ้มเหล็กอะไรแบบนี้ แต่บางทีก่อนหน้านั้นอาจจะเคยใช้เป็นทางหนีทีไล่ของเจ้าของปราสาทก็ได้นะครับ”

“ก็เป็นไปได้นะ แต่ถ้าจะให้ชัวร์ก็คงต้องรอเข้าไปตรวจสอบที่ชั้นสามนั่นล่ะ”

“น่าเสียดายที่ในปราสาทแทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์เหลือแล้วนะ จะแยกห้องไหนเป็นของใครก็ดูยากเหลือเกิน พวกข้าวของส่วนใหญ่คงจะขายทิ้งไปช่วงก่อนสงครามโลกเสียเกือบหมด”

“แต่ก็โชคดีของพวกเราที่ปราสาทแห่งแบร์กไฮม์นี่ไม่โดนระเบิดสมัยสงครามโลกจนพังเหมือนปราสาทอื่นนะ”

ลูคัสนั่งฟังรุ่นพี่ทั้งสองไปเรื่อย จนกระทั่งรู้สึกง่วง เขาผล็อยหลับไปทั้งแล็ปท็อปยังเปิดคาไว้อยู่บนตัก

สักพักอเล็กซ์จึงสังเกตเห็น เขาค่อยๆ หยิบแล็ปท็อปออกจากตักเด็กหนุ่มให้ “ให้เขางีบสักสิบห้านาทีแล้วกันนะคริส คงจะเหนื่อยมากน่ะ”

หญิงสาวยิ้มพลางพยักหน้ารับ “แค่เรียนก็น่าจะหนักมากอยู่แล้ว ต้องวิ่งเทียวไล้เทียวขื่อทำโพรเจ็กต์อีก ไม่รู้ว่าเขาเอาเวลาตอนไหนนอนบ้างเลยนะ เป็นฉันคงขอเรียนอย่างเดียว”

“ตอนแรกฉันก็เคยคิดแบบนั้น นึกสงสารเขาอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็เป็นคนสำคัญในทีมเรามากเลยนะ ถ้าไม่มีลูคัส งานวิจัยโครงสร้างนี่คงใช้เวลามากกว่านี้หลายเท่า เด็กอะไรไม่รู้เก่งชะมัดเลย” อเล็กซ์เอ่ยถึงรุ่นน้องอย่างชื่นชม “โพรเจ็กต์ตอนจบปีหนึ่งเขาทำโครงร่างปราสาทในโรเซนไฮม์จากซากปราสาทที่เหลืออยู่ออกมาได้คล้ายคลึงกับที่นักวิจัยคะเนไว้มากที่สุด ขนาดโปรเฟสเซอร์ยังทึ่ง เขาเก่งถึงขนาดนี้แต่ก็ถ่อมตัวเสมอ ไม่เคยหยิ่งใส่ใครเลยสักครั้ง”

“ถ้าลูคัสได้ยินรุ่นพี่พูดถึงแบบนี้คงปลื้มแย่เลย”



ภาพฝันปรากฏขึ้นในศีรษะของเด็กหนุ่มที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว เขากลับไปที่ปราสาทแห่งแบร์กไฮม์ในยามค่ำคืนอีกครั้งตามลำพัง หากครั้งนี้มีบางสิ่งบางอย่างแปลกไป... บนป้อมที่ตั้งอยู่บนกำแพงม่านของปราสาทไม่ได้ใช้ไฟสปอตไลต์ส่องให้แสงสว่างเหมือนทุกครั้ง แต่กลับใช้คบเพลิงแทน

บนกำแพงปราสาทมีทหารรักษาการณ์ในเครื่องแบบเดินไปเดินมา ทำให้เด็กหนุ่มลังเลที่จะเดินเข้าไปใกล้ เขาหันมองซ้ายขวา ใจคิดว่าควรจะกลับบ้านก่อนดีกว่า ทว่าเมื่อทหารคนหนึ่งหันมาพบตัวเขาเข้าก็วิ่งตรงเข้ามาหา


“ท่านลูคัส! ท่านลอร์ดถามหาท่านอยู่พอดี”

เจ้าของชื่อเรียกชะงัก “นาย... รู้จักฉันด้วยหรือ”

นายทหารหัวเราะ “พูดอะไรน่ะท่านลูคัส ข้าจะไม่รู้จักท่านได้อย่างไรกัน ไปเถอะ ท่านลอร์ดรอท่านอยู่ที่ห้องหนังสือ”

“เดี๋ยวสิ ลอร์ดอะไร ใครกันน่ะ แล้วห้องหนังสือที่ไหน”

“ท่านลอร์ดก็คือท่านคาร์ลอย่างไรกันล่ะท่านลูคัส ห้องหนังสือก็อยู่ที่ชั้นสองบนปราสาทฝั่งซ้าย...”

“คาร์ล?”



“ลูคัส! ตื่นเถอะ ลูคัส!”

“คาร์ล!” เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก เบิกตาโพลง แล้วหันมองไปทางเจ้าของเสียงเรียก “อเล็กซ์”

อเล็กซ์ขมวดคิ้ว “คาร์ลนี่ใครน่ะ”

แต่ลูคัสทำหน้างงยิ่งกว่า “หือ?”

“เอ๊า! ก็เมื่อกี้เห็นนายร้องเรียก”

“ผมหรือ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เขายกมือขึ้นเกาศีรษะ “ใครอ่ะ”

“เวรกรรม แล้วฉันจะรู้มั้ย ช่างเถอะๆ พี่ชายนายมารับแล้ว รีบกลับไปนอนที่ห้องนายเถอะ ละเมอใหญ่แล้วเนี่ย”

“ฮื่อ” ลูคัสลุกขึ้นควานหาข้าวของทั้งยังครึ่งหลับครึ่งตื่น จากนั้นจึงเดินโซซัดโซเซออกจากห้องของคริสไป

“อย่าเดินมึนตกบันไดนะ” รุ่นพี่ตะโกนไล่หลัง


*~TBC~*


จบไปอีกตอนแล้วกับฮัสกี้พาทัวร์ อ้าว ไม่ใช่เหรอ 555555

ลงตอนต่อแล้ววว ไวมั้ยค้าาาา ฮัสกี้จะพยายามลงอาทิตย์ละสองตอนจนกว่าท่านลอร์ดจะได้พบกับลูคัสนะคะ ทุกคนจะได้ไม่ต้องรอนานเนอะๆๆๆ อยากให้เขาเจอกันแล้วใช่มั้ยล่าาาา

ขอบคุณทุกคนที่รอติดตามนิยายของฮัสกี้อยู่นะคะ ฮือๆๆ /กอดดดด รักทุกคนเลย  :กอด1: เรื่องนี้รายละเอียดค่อนข้างเยอะ เลยอาจจะทำให้น่าเบื่อบ้างในบางตอน (คล้ายๆ นิสรีนเลยค่ะ  :hao5: ) แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้าาาา /เกาะขาทั่นหลอดร้องห้าย

ตอบคุณ alternative ใช่แล้วค่า ฉากในเรื่องอยู่ในเยอรมนีค่ะ ยืมชื่อเมืองมาแต่แผนที่นี่ฮัสกี้มโนเอาเอง 55555555555 ขอบคุณที่คิดถึงกันนะคะ :mew1:

ปล. ถ้าหากสนใจ ตัวอย่างภาพของพรมบนกำแพงกับพื้นกระเบื้องฮัสกี้แปะรูปไว้ในเพจนะคะ

ออฟไลน์ ขนมสัมปันนี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ตามอ่านคับ :katai2-1:

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบนิยายแนวนี้จัง รอตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังให้ค่ะ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ลึกลับดีค่ะ ติดตามมม  :impress2:

ออฟไลน์ jinholmemin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แล้วท่านลอร์ดมาเกิดเป็นใครหว่า อยากให้เจอกันเร็วๆ  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
อยากไปเที่ยวปราสาทโบราณเลย รอตอนต่อไปค่าา

ออฟไลน์ multiver

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
^
^
^
^
^
แย่จังมาจิ้มไม่ทัน งั้นก็จิ้มยาวๆไป แบบว่า จิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อะไรกันพี่ฮัสกี้ ตัดจบแบบลุ้นระทึก ชวนอ่านตอนต่อไป แต่ดันยังไม่มา บอกเลย ณ ที่นี้ ร้องให้หนักมากกกกกกกกก แง~~~~ :sad5: :sad5: :sad2: :sad2: อย่างนี้ต้องสะกดจิตให้มาต่อ แห่ๆๆ  :oni3: :oni3: :oni3:
โบกแท่งไฟรอตอนต่อไปต่อ เยเย่เย้~~~ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2016 22:37:57 โดย multiver »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ไม่เศร้าใช่ไหมค๊าาาาาา

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น่าติดตาม...

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: เย่ๆๆได้อ่านเรื่องใหม่แล้วฮัสกี้หายไปนานมากเลยนะในเพจก็เงียบๆไปเลยเวลคั้มแบ๊กนะจร้าา :pig2: :pig2: :pig2:
เราขอเดานะเรื่องจะประมาณไหนนะ
1 ลูคัสฝันถึงอดีตและรับรู้สิ่งต่างๆจากความฝันว่าตนเองรักกับท่านคาร์ลและรับรู้ความเป็นมาทุกๆอย่าของปราสาทว่าเมื่ออดีตมันเป็นรูปแบบไหนแล้วนำมาสร้างใหม่ในปัจจุบันกับทีมวิศวกรที่ทำงานร่วมกัน
และ ในปัจจุบันลูคัสก็มาร่วมคิดหาความเป็นมาของประสาทแบร์กไฮม์และเจอกับท่านคาร์ลที่กลับชาติมาเกิดแล้ว  แต่  จุดเด่นที่ไว้ลุ่นมีตรงนี้ว่าจะจำกันได้ไหมหรือลูคัสจำได้คนเดียวแล้วท่านคาร์ลค่อยๆจำได้ และสรุปตอนจบชาติที่แล้วไม่สมหวังตายเพราะอะไรแล้วแต่ฮัสกี้จะใจร้ายกับตัวละครของตัวเองอิอิ  และทั้งสองสัญญาให้ได้กลับมาเจอกันในชาตินี้....กรี้ดดดดดดด :-[ :-[ :-[ :-[ :-[นี้ฉันมโนอะไรไปยืดยาว :ling1: อ่านแนวนี้แล้วฟินแต่ต้องลงต่อเนื่องนะเราอ่านมาหลายๆเรื่องแนวย้อนทวิภพถ้าขาดตอนนานกลับมาอ่านอีกทีมันไม่ลืนอ่ะเราว่าความรู้สึกอินมันจะหายไป...เป็นกำลังใจให้นะคราฟฟฟดีใจกับเรื่องใหม่ด้วยจร้าา :L1: :L1: :L1:
 

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 2 : สู่อดีต


เช้าตรู่วันอาทิตย์ในฤดูใบไม้ร่วงเย็นเยือก ท้องฟ้ายังคงมืดมน เด็กหนุ่มที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเป็นจังหวะช้าๆ

เสียงระฆังจากโบสถ์ที่อยู่ไม่ไกลออกไปนักดังแว่ว...


“ลูคัส”


เสียงเรียกชื่อทำให้เขาปรือตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ แล้วก็ปิดตาลงอีกครั้งด้วยความง่วง


“ลูคัส ข้ารอเจ้าอยู่...”


เด็กหนุ่มผงกศีรษะขึ้น “ใครน่ะ”  เขาหันมองไปรอบๆ ห้องนอนของตน หากก็ไม่พบใคร “ฝันหรือเนี่ย” จากนั้นจึงแหงนหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนหัวเตียง พอเห็นว่ายังเช้าอยู่มากก็วางศีรษะลงบนหมอนแล้วนอนต่อ

เมื่อปิดตาลงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ค่อยๆ ตรงมายังเตียงนอนของเขา

“ลูคัส”

เรียกอีกแล้ว

“เฮ้ ลูคัส”

ลูคัสรอจนเสียงนั้นเข้ามาใกล้ก่อนจะลุกขึ้นพรวด “จะเรียกทำไมนักเล่า!”

“ก็เคาะประตูเรียกตั้งนานไม่ตอบ นึกว่าเป็นอะไรไปแล้วก็เลยเข้ามาดูน่ะสิ!”

“อ้าว ไอแซ็ก” เด็กหนุ่มทำตาปริบๆ ก็เพราะถ้าเป็นเสียงของพี่ชายปลุกเขาแต่แรก เขาก็คงลุกขึ้นนานแล้ว แต่เสียงเมื่อกี้...

พี่ชายยิ้มกว้าง เดินเข้าไปกระตุกผ้าห่มของคนที่นั่งอยู่บนเตียงออก “ขอโทษที่ปลุกแต่เช้านะ แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ รีบออกไปข้างนอกก่อนเร็วเข้า” พูดจบก็คว้าแขนน้องชายให้ลุกขึ้น

“เหอ!” ลูคัสถูกทั้งลากทั้งจูงออกจากห้องนอนไปโดยไม่ทันตั้งตัว และเมื่อพี่ชายพาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขาก็ต้องเบิกตากว้าง บนโต๊ะเล็กข้างหน้าโซฟาในห้องมีกล่องของขวัญกล่องใหญ่ตั้งอยู่ด้วยกันกับเค้กและขนมมากมาย บนโซฟามีคนที่เขารู้จักดีนั่งอยู่ “พ่อแม่!”

“Happy Birthday ลูคัส!”

เด็กหนุ่มถลาเข้าไปกอดบิดามารดา แล้วจึงหันมากระโดดกอดพี่ชาย “ขอบคุณครับ!”

“โฮ่ง!”

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกโพลง ก่อนเจ้าหมาเกรทเดนสองตัวที่หลบอยู่หลังโซฟาจะกระโจนเข้าใส่ เด็กหนุ่มนั่งลงกับพื้นให้พวกมันเลียเขาให้หนำใจ สองแขนโอบกอดและลูบไปหัวให้ “ลูห์ ลาห์! มาด้วยหรือเนี่ย คิดถึงจังเลย”

“ฉันว่าแล้วนายต้องลืมวันเกิดตัวเองแน่ๆ ทั้งเรียนทั้งทำงานยุ่งไปหมดแบบนี้ วันนี้ก็มีงานอีกใช่มั้ย ฉันก็เลยต้องปลุกนายเช้าหน่อย” พี่ชายพูดกลั้วหัวเราะพร้อมกับลูบศีรษะน้องชายอย่างรักใคร่ “ปล่อยลูห์กับลาห์ก่อน มาเปิดดูของขวัญจากพ่อแม่แล้วก็พี่เร็ว”

นัยน์ตากลมใสกวาดมองไปที่บนโต๊ะเล็กอีกครั้ง บนนั้นมีกล่องใบใหญ่ตั้งอยู่เพียงกล่องเดียว เด็กหนุ่มจึงเบ้ปากเล็กน้อย “อะไรกัน สามคนให้รวมกันชิ้นเดียวอะ ไม่ลงทุนเลย”

“ฮ่าๆ เปิดดูซะก่อนค่อยบ่นน่ะ เจ้าตัวแสบ”

ลูคัสก้มลงยกกล่องขึ้นสุดแรง ความเบาแบบที่ไม่ได้คาดคิดไว้ก่อนทำให้เขาเกือบหงายหลัง “หวา อะไรเนี่ย” เขาเขย่ากล่องไปมาก่อนจะเปิดออก

ภายในกล่องใบใหญ่มีโฟมตัวหนอนกันกระแทกมากมาย เด็กหนุ่มจึงล้วงมือลงไปควาน ใช้เวลาอยู่นานจึงพบกับกล่องใบกะจิดริดซ่อนอยู่ในนั้น “โห ไม่ต้องใช้กล่องใหญ่ขนาดนี้ก็ได้ป่าวครับ!”

“เดี๋ยวมันไม่เซอร์ไพรส์”

ลูคัสส่ายหน้าไปมาพลางเปิดกล่องใบเล็กออก เขาชะงัก “ไม่จริงน่า” แล้วหยิบกุญแจที่มีตรารถชั้นนำของประเทศเยอรมันขึ้นมาตรงหน้า

“จริงและจริงมากเลยแหละ” ไอเซ็กหัวเราะ

“รถจอดอยู่ข้างล่างน่ะลูก จะลงไปดูกันก่อนเลยมั้ย แล้วเดี๋ยวค่อยขึ้นมากินเค้กกัน”

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกโพลง “รถ... รถของผม... จริงๆ หรือครับ”

“เอ๊า ยังไม่เชื่ออีก ไปๆ ลงไปดูกันเดี๋ยวนี้เลย ส่วนลูห์กับลาห์ปล่อยให้เฝ้าห้องไว้นี่แหละ”

รถคันสวยจอดนิ่งอยู่ในโรงรถเรียบร้อย เด็กหนุ่มเดินวนรอบตัวรถอยู่หลายครั้งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะถึงตัวเขาจะได้ใบขับขี่มาตั้งแต่ปีที่แล้ว หากทุกคนบอกกับเขาอยู่ตลอดว่า เป็นเด็กเป็นเล็กขึ้นรถเมล์หรือขี่จักรยานไปเรียนกับไปทำงานก็พอ จากอพาร์ตเมนต์ไปก็ไม่ได้ไกลเลยสักนิด

“ตอนแรกพ่อบอกว่าอยากจะซื้อม้าให้เพราะเห็นเราชอบขี่ม้า แต่เรียนอยู่ในเมืองแบบนี้ พี่กับแม่เห็นว่ารถน่าจะใช้งานได้มากกว่านะ” ไอแซ็กมองตามน้องชายแล้วหัวเราะ “จะเดินวนอีกกี่รอบ เข้าไปลองนั่งดูสิ”

“ขับออกไปลองเครื่องกันสักนิดมั้ย” บิดาเอ่ยชวน

“ได้... ได้จริงๆ หรือครับ”

ไอแซ็กลูบศีรษะน้องชายเบาๆ “รถของนายนี่นา ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

“ไป... ไปทั้งชุดนอนแบบนี้เลยหรือ”

“จะเป็นไรไปล่ะ ก็ไม่ได้ลงจากรถไปไหนสักหน่อย”

เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล เขาสวมกอดพี่ชายและบิดามารดาแน่น “ขอบคุณครับ ขอบคุณ... ผมรักทุกคนที่สุดเลย”

“ลูคัสเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานมาตลอด พวกเราก็เลยอยากจะให้รถคันนี้เป็นรางวัลน่ะ” บิดาพูดพลางลูบแผ่นหลังของบุตรชาย

รถยนต์คันสวยแล่นออกไปจากโรงรถช้าๆ ขับวนอยู่ในตัวเมืองไฮเดลแบร์กสักพักจึงกลับมาจอดนิ่งอยู่ในที่จอดของมัน ตลอดทางรอยยิ้มไม่จางหายไปจากใบหน้าน่ารักของเด็กหนุ่มเลย ต่อจากนั้นพวกเขาก็ขึ้นไปรับประทานเค้กกันบนห้อง หากช่วงเวลาแห่งความสุขช่างแสนสั้น เนื่องจากลูคัสต้องปลีกตัวออกไปเตรียมตัวเพื่อออกไปทำงานที่ปราสาท

“วันนี้ผมจะขอกลับเร็วหน่อย แล้วเราค่อยฉลองกันต่อตอนเย็นนะครับ”

“โอเคเลย แม่จะทำของโปรดไว้รอลูกนะ”

“ขับรถระวังด้วยล่ะ”

“ครับ” ลูคัสเข้าไปสวมกอดอำลาทุกคนอย่างอาลัยอาวรณ์ วันนี้เขาไม่อยากไปทำงานเสียแล้ว หากความรับผิดชอบต่อโพรเจ็กต์ก็สำคัญ เขาจะต้องไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง

“ไม่ต้องทำท่างอแงแบบนั้น พ่อแม่ยังอยู่ที่นี่อีกหลายวันน่ะ”

“จริงหรือครับ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “ดีจังเลย”

“รีบไปทำงานเถอะ แล้วรีบกลับนะลูก”

“เดี๋ยวฉันจะกินขนมรอนายนะ”

ลูคัสโบกมือลา แล้วหันไปบอกกับสุนัขสองตัวที่ส่ายหางดุ๊กดิ๊กให้ “ไปก่อนนะ ลูห์ ลาห์” จากนั้นจึงหักใจถือกระเป๋าเป้ใบประจำเดินออกจากห้องไป ทุกย่างก้าวที่ห่างจากครอบครัวออกไปทำให้เขารู้สึกโหวงเหวงอย่างประหลาด

ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกัน...


“เอาล่ะ วันนี้เราจะเริ่มเข้าไปตรวจดูในปราสาทปีกซ้ายกัน ตัวปราสาทมีหกชั้น เราจะเริ่มตรวจดูเฉพาะชั้นล่างกันก่อน ตามแพลนแล้วคงจะเป็นห้องครัว ห้องเก็บอาหาร ห้องเก็บของกับห้องพักทหารยาม” เมื่อพวกศาสตราจารย์แบ่งงานให้กับนักศึกษาเรียบร้อย บานประตูเปิดเข้าสู่ตัวปราสาทฝั่งซ้ายก็ถูกเปิดออกได้สำเร็จพอดี เนื่องจากกาลเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานทำให้บานพับประตูเป็นสนิม พวกคนงานจึงต้องใช้เวลาในการเปิดประตูมากสักหน่อย

บนทางเดินที่ปูไว้ด้วยหินสีพื้นๆ ปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนา ผนังทั้งสองข้างมีบานประตูแยกเข้าสู่ห้องต่างๆ ตรงสุดปลายทางมีบานหน้าต่างที่ปิดไว้สนิท

ภายในห้องครัวขนาดกว้างขวางแบ่งออกเป็นห้องเล็กๆ อีกหลายห้อง ห้องขนาดใหญ่ที่สุดใช้ในการประกอบอาหาร มีเตาดินเผาหลายเตาและหม้อไหหลากหลายขนาดตั้งเรียงราย ห้องอื่นๆ ที่เหลือแบ่งเป็นห้องที่ใช้สำหรับเก็บเครื่องเทศ มีห้องที่ตั้งเขียงขนาดใหญ่พร้อมมีดหลากหลายขนาดไว้สำหรับหั่นเนื้อ ห้องที่ใช้สำหรับเก็บจานชามของเจ้านายและยังมีบันไดลงไปห้องเก็บความเย็น ห้องเก็บไวน์กับเบียร์ใต้ดินอีกด้วย

“ดูสิ ในโถอันนี้ยังมีเครื่องเทศอยู่เลย กี่ร้อยปีมาแล้วนะ”

“เตานี่เหมือนเตาดินเผาที่ใช้ทำพิซซ่าสมัยนี้เลยเนอะ” เสียงจากพวกนักศึกษาพูดคุยกันด้วยความสนอกสนใจก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน

“ลูคัส อเล็กซ์”

“ครับ โปรเฟสเซอร์”

“ในห้องครัวคนเยอะ เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง พวกนายสองคนแยกไปตรวจสอบโครงสร้างของบันไดกลางก็แล้วกัน ดูสภาพให้ดีก่อนขึ้นไปด้วยนะ”

“ได้ครับ”

บันไดกลางที่ว่าอยู่ด้านในสุดของห้องโถง เป็นบันไดใช้ขึ้นไปยังปีกซ้ายขวาของปราสาท ในยุคก่อนจะมีเฉพาะเจ้านายเท่านั้นที่ใช้บันไดแห่งนี้ ชั้นล่างทั้งในปีกซ้ายขวาของปราสาทเป็นของพวกข้ารับใช้และทหาร ซึ่งพวกเขาจะมีบันไดวนแคบๆ ใช้ต่างหาก ไม่ปะปนกับเจ้านายเด็ดขาด  นับจากชั้นสองขึ้นไปจะเป็นส่วนของเจ้าของปราสาท

เมื่อเหลือกันอยู่เพียงสองคน บรรยากาศในห้องโถงก็น่าวังเวงอย่างประหลาด เสียงกดชัตเตอร์ดังสะท้อนก้อง พวกเขาก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง จดบันทึกกันไปสักพักก็หันหน้ามาสบสายตากัน

“พออยู่กันแค่สองคนแบบนี้ ห้องโถงนี่ก็กว้างบรรลัยเลยนะ”

“โครงสร้างของเพดานห้องทำให้เสียงก้องมากด้วย”

ลูคัสก้าวขึ้นบันไดหินไปทีละขั้น ก่อนจะย่อตัวลงเพื่อถ่ายรูปราวจับซึ่งมีลวดลายหินสลัก พอถ่ายรูปเสร็จแล้วจึงเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆ “เหมือนจะเป็นตรา...”


“ลูคัส... ลูคัส...”


“มีอะไรหรืออเล็กซ์” เสียงเรียกแผ่วเบาแว่วเข้ามาในโสตประสาท เด็กหนุ่มยืดตัวขึ้นแล้วชะโงกหน้าลงไปหารุ่นพี่ที่ยืนอยู่ที่ตีนบันไดอีกฝั่ง

“หือ จะให้มีอะไร?”

“แล้วเรียกผมทำไม”

“ไม่ได้เรียกสักหน่อย ถ่ายรูปอยู่ตรงนี้เนี่ย”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วพึมพำกับตัวเอง “คงจะหูฝาดแฮะ” เขาก้าวขึ้นบันไดหินต่อไปอีก ทีละขั้น ทีละขั้น จนเกือบถึงขั้นบนสุด ใจกลับมาจดจ่ออยู่กับบันไดและตราหินอีกครั้ง

“อืม มังกร... หรือกิ้งก่าเนี่ย” ลวดลายบนแผ่นหินรางเลือนไปตามกาลเวลา ทำให้คาดเดาภาพได้ยากลำบาก


“ลูคัส... มาที่ห้องหนังสือ”

“ลูคัส ข้ารอเจ้าอยู่”


“หือ” ลูคัสเงยหน้าขึ้นมองไปตามทางเดินโล่งว่างที่ชั้นสอง “ห้องหนังสือ... อยู่บนชั้นสองปีกซ้ายของปราสาท”


“ลูคัส”

“ท่านลูคัส พวกข้ารอการมาของท่าน...”

“ท่านลูคัส...”


เด็กหนุ่มยืนนิ่ง เสียงที่เรียกหาเขาไม่ได้มาจากคนคนเดียวอีกแล้ว หากเพิ่มจำนวนขึ้นและยังดังขึ้นอีกเรื่อยๆ เขาก้าวขาขึ้นบันไดไปตามเสียงเรียกราวกับต้องมนตร์พร้อมกับขานรับเสียงดัง “รอเดี๋ยว จะไปหาเดี๋ยวนี้ล่ะ”

เพราะจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงรุ่นน้องพูดโพล่งขึ้นมา อเล็กซ์จึงหันขวับไปทางต้นเสียง ก่อนจะเห็นว่าเด็กหนุ่มก้าวขึ้นบันไดฉับๆ แล้วเดินต่อไปบนทางเดินที่ชั้นสอง

“เฮ้ย! พื้นที่ยังไม่ได้เคลียร์ เข้าไปไม่ได้นะลูคัส” อเล็กซ์ร้องเรียกเด็กหนุ่มเสียงดังลั่น จากนั้นจึงรีบวิ่งตามขึ้นไป เมื่อถึงตัวอีกฝ่ายก็คว้าแขนไว้ “ลูคัส นายจะไปไหนน่ะ”

“ไปห้องหนังสือ”

“นายรู้หรือว่าอยู่ไหน เฮ้ย!”

“อยู่นั่น ห้องในสุด” มือขาวยกขึ้นชี้ไปยังบานประตูที่อยู่ด้านในสุด

“แต่มันอันตรายนะ อย่าเพิ่งเข้าไปเลย!”

“ลูคัส”

“ปล่อย... เขากำลังเรียก” แววตาของเด็กหนุ่มเหม่อลอย สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้ว

“ใครเรียก!”

“คาร์ล... คาร์ลกำลังเรียกผม”

“ใครน่ะ ลูคัส”

“ปล่อยผม!” ลูคัสสะบัดแขนอย่างแรง ก่อนจะวิ่งตรงไปยังห้องที่อยู่ด้านในสุดอย่างรวดเร็ว เขาจับที่จับบานประตูไม้แล้วดึงให้เปิดออกอย่างง่ายดาย

อเล็กซ์วิ่งตามไปทันที หากเมื่อถึงตัวห้องหนังสือบานประตูก็ปิดลงสนิท เขาคว้าที่จับบานประตูดึงออก ทว่ามันไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด รุ่นพี่หน้าซีดเผือด เขาทุบบานประตูแรงๆ พร้อมกับส่งเสียงเรียก “ลูคัส! เปิดประตูหน่อย ลูคัส!”

ในระหว่างนั้นพื้นดินก็เริ่มสั่นไหวน้อยๆ แล้วเพิ่มกำลังแรงขึ้นจนชายหนุ่มรุ่นพี่ไม่สามารถยืนนิ่งๆ ได้ พอเขาเงยหน้าขึ้นมองเพดานก็เห็นว่าโคมไฟทองเหลืองตามทางเดินนั้นส่ายไปมาตามแรงสั่นสะเทือน

“แผ่นดินไหวหรือ” อเล็กซ์เบิกตาโพลง เขารีบหันไปทุบบานประตูจนสุดแรง “ลูคัส! แผ่นดินไหว! นายรีบออกมาเร็วเข้า!”

เสียงจากไซเรนเตือนภัยดังลั่น เสียงแหลมหวีดหวิวจนแสบแก้วหู แรงสั่นสะเทือนก็เพิ่มมากขึ้นจนฝุ่นผงร่วงหล่นลงมาจากเพดานด้านบน

อเล็กซ์หันรีหันขวาง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้วตอนนี้

“คุณครับ! ออกไปจากที่นี่ก่อนเร็ว”

ชายหนุ่มหันขวับไปยังต้นเสียง เป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยที่เรียกเขา

“คนอื่นออกไปกันจะหมดแล้ว เร็วเข้าครับ ที่นี่อันตราย”

“แต่เพื่อนผมติดอยู่ในห้องนี้!”

เจ้าหน้าที่รีบวิ่งเข้าไปหา พวกเขาพยายามจะเปิดประตูตรงหน้าอเล็กซ์ออก แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งเห็นท่าไม่ดีเมื่อความแรงของแผ่นดินไหวหนักหน่วงขึ้นจนมีรอยร้าวปรากฏขึ้นบนผนัง พวกเขาจึงฉุดกระชากอเล็กซ์ให้ออกไปจากที่ตรงนั้นเสียก่อน

“แล้วลูคัสล่ะ!”

“เราต้องออกไปก่อนครับ ท่าไม่ดีแล้ว!”

“เดี๋ยว!”

เพดานด้านบนเริ่มพังทลาย พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบเร่งทั้งฉุดทั้งลากชายหนุ่มลงไปยังชั้นล่าง แล้ววิ่งออกไปข้างนอกปราสาทได้ในที่สุด

“อเล็กซ์! คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย” คริสถลาเข้าไปหาทันทีที่เห็นชายหนุ่มถูกลากออกมา

“ลูคัสยังติดอยู่ข้างใน!”

“ที่นี่อันตรายมากครับ รีบออกไปจากบริเวณนี้ก่อน อย่าอยู่ใกล้ตัวปราสาทหรือป้อมมากเกินไปนะครับ” เจ้าหน้าที่ผลักให้พวกคนที่ยืนออกันอยู่ด้านหน้าปราสาทออกไปห่างๆ

สักพักแผ่นดินไหวก็สงบลง ทุกสิ่งอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทิ้งไว้เพียงร่องรอยความเสียหายเล็กน้อยของปราสาททางด้านนอก

กลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพนักงานดับเพลิงที่เข้ามาสมทบทยอยกันกลับเข้าไปในปราสาทอีกครั้ง อเล็กซ์กับนักศึกษาชายหลายคนก็อาสาตามเข้าไปช่วยค้นหาด้วย ตามทางเดินมีหินร่วงลงมาระเกะระกะ ห้องหับภายในปราสาทได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวไม่ใช่น้อย แต่โครงสร้างหลักของปราสาทก็ยังแข็งแรงทนทานดี

พวกเขาทยอยกันขึ้นไปที่ชั้นสองในปราสาทปีกซ้าย หากเพดานถล่มลงมามากมายจนทำให้ต้องไต่ข้ามกองหินเพื่อให้เข้าไปถึงห้องที่อยู่ด้านในสุดได้ พวกเขาใช้เวลาพักใหญ่จึงเข้าไปถึงที่หมาย

“ประตูเปิดไม่ออก”

“ลูคัส! เฮ้! นายเป็นอะไรรึเปล่า!” อเล็กซ์ตะโกนเสียงดัง ทว่าไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาจากภายใน

“เอาหินที่ขวางทางออกก่อนเร็วเข้า!”

พวกเขาวุ่นวายอยู่กับการเคลียร์พื้นที่และงัดบานประตูห้องที่ว่ากันจนถึงเวลาเย็น พวกศาสตราจารย์ก็มายืนรออยู่ห่างๆ ด้วยความเป็นห่วง

“เราพอจะเข้าจากทางอื่นได้มั้ย” ศาสตราจารย์ยิบแพลนขึ้นมากางออกดู พวกเขาต้องใช้ไฟฉายกับสปอตไลต์ส่องให้แสงสว่างเพราะท้องฟ้าทางด้านนอกมืดสนิท “จากในแพลนนี่ก็ไม่รู้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แย่จริง”

ในขณะเดียวกันพวกเจ้าหน้าที่ก็ตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจ “เปิดได้แล้วครับ!”

บานประตูไม้เปิดออกกว้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จัดการส่องไฟเข้าไปตรวจดูภายใน “คุณลูคัส! คุณลูคัสครับ!”

“เอ๋ ส่องที่พื้นหน่อยสิครับ!” อเล็กซ์ชะโงกหน้าเข้าไปมองภายในห้อง “ดูที่พื้นนี่ ทำไมไม่มีรอยเท้าเลยล่ะ”

“จริงด้วย ฝุ่นหนาขนาดนี้ ถ้าคุณลูคัสเข้ามาต้องมีรอยเท้าให้เห็นแน่”

“ผิดห้องรึเปล่าอเล็กซ์”

“ไม่ครับ! ห้องในสุดนี่แหละ ผมมั่นใจ!”

เจ้าหน้าที่ช่วยกันส่องไฟเข้าไปภายในห้องนั้น ค่อยๆ ตรวจสอบด้วยสายตาจากบนพื้น ไล่ขึ้นไปตามผนัง

ห้องขนาดใหญ่โตสูงราวๆ ตึกสามชั้น ผนังห้องถูกบดบังด้วยชั้นหนังสือผุพัง สูงขึ้นไปจนถึงเพดานห้อง หากไม่มีหนังสือสักเล่ม มีบานหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ที่ถูกปิดทับไว้ด้วยหน้าต่างไม้ บนพื้นมีเศษแก้วกับหินร่วงหล่นประปราย

“เหมือนจะไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้นานมากแล้วนะครับ”

อเล็กซ์หน้าซีดไร้สีเลือด หัวใจร่วงลงไปอยู่ใต้ฝ่าเท้า “แล้วลูคัสหายไปไหน...”


*~TBC~*


สุขสันต์วันฮาโลวีนค่า

เอามาลงต่อแว้วววว หนูลูคัสก็หายตัวไปแว้วว ตอนหน้าหนูลูจะไปโผล่ที่ไหนกันหน้อ  :hao3:

เมื่อไหร่พระเอกกะนายเอกจะได้เจอกันล่ะเนี่ย 555555555

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านเลยนะคะ
ขอบคุณคุณขนมสัมปันนี คุณPisoi คุณSnowermyhae คุณTaecKhun Imagine Love คุณsirin_chadada ที่รอติดตามอ่านน้า
คุณaiyuki เดี๋ยวฮัสกี้พาเที่ยวพร้อมน้องลูคัสนะคะ
คุณmultiver ตอนนี้ตัดจบดีขึ้นมั้ยค้า กร๊ากกก
คุณlizzii ไม่เศร้าค่า ไม่ต้องห่วง อิอิ
คุณบาน่าติ่งเอ็กโซ คุณ เป็ดอนุบาล สงสัยท่านลอร์ดจะไม่ได้กลับชาติมาเกิดแล้วล่ะ ขอแอบเก็บไว้เป็นพล็อตเรื่องหน้าน้า >,.<


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: แต่กาลก่อน [Chapter 2 : สู่อดีต][311016]
«ตอบ #25 เมื่อ31-10-2016 19:24:46 »

เป็นแนวย้อนอดีตหรอกเหรอ แล้วอย่างนี้ลูคัสจะได้เจอกับครอบครัวอีกไหม

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: แต่กาลก่อน [Chapter 2 : สู่อดีต][311016]
«ตอบ #26 เมื่อ31-10-2016 19:45:22 »

หาาาา หายไปแล้วววว

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: แต่กาลก่อน [Chapter 2 : สู่อดีต][311016]
«ตอบ #27 เมื่อ31-10-2016 21:24:59 »

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: แต่กาลก่อน [Chapter 2 : สู่อดีต][311016]
«ตอบ #28 เมื่อ31-10-2016 21:45:34 »

อ้าว! ไหงใจง่ายขนาดนี้ล่ะลูคัส

เขาเรียกไม่กี่ทีก็ไปเลย ฮ่าฮ่าฮ่า

ภาพปักที่เลือน ๆ คือลูคัสกับท่านคาล์ลล่ะสิ

ลุ้น ๆ ๆ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: แต่กาลก่อน [Chapter 2 : สู่อดีต][311016]
«ตอบ #29 เมื่อ31-10-2016 22:13:57 »

จะเป็นยังไงต่อ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด