[END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]  (อ่าน 80780 ครั้ง)

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะค่ะ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะค่ะ
สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อ ความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


*************************************************************************
-Intro-
ผมชื่อ ‘มาวิน’ แต่ชีวิตไม่เคยวินสมชื่อ
ตอนเด็กเคยฝันว่าอยากมีพลังวิเศษเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ แต่พอสิบขวบ ผมก็ได้พลังวิเศษนั่นมา
...พลังวิเศษที่ทำให้มองเห็นทะลุเสื้อผ้าได้ยันซอกหลืบทันทีที่สบตากับเจ้าของร่างกาย
คงคิดสินะว่าผมคงจะได้เห็นร่างกายสาว ๆ จนเปรม แต่ผิด ไม่เคยได้เห็นร่างเปลือยของสาว ๆ เลย เพราะไอ้ที่ผมเห็นน่ะ...
ร่างกายผู้ชายล้วน ๆ เลยเถอะ!
ไอ้พลังบ้านี่ดันทำให้เห็นแต่ผู้ชายด้วยกันซะงั้น โอ้โห หันขวาก็มะเขือยาว หันซ้ายก็แตงร้าน เอ้า ไอ้หมอนี่แตงกวา หมอนั่นมาแปลก ผิวขรุขระ มะระก็แล้วกัน
แม่งเอ๊ย ตาจะบอด กลายเป็นคนเก็บตัวในพริบตา จะไม่ให้เก็บตัวได้ไง สบตาใครก็เห็นกระเปี๊ยวชาวบ้านไปทั่วแบบนี้ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อผมจำเป็นต้องหารูมเมทเพื่อแชร์ค่าหอพักด้วยฐานะทางบ้านเริ่มมีปัญหา คิดหนักอยู่นานถ้าจะต้องเห็นผู้ชายด้วยกันเดินโทงเทงในห้องตัวเอง แต่สวรรค์ก็ไม่ได้ใจร้ายกับผมขนาดนั้น ส่ง ‘คชา’ ทูตกิจกรรมมหาวิทยาลัยเดียวกันกับผมมาให้
สะ...สบตาแล้วมองทะลุเสื้อผ้าไม่ได้
เพราะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่มาอยู่ด้วยกันเถอะ กราบแล้ว!
*************************************************************************
-TALK-
เรื่องใหม่มาอีกแล้ว 555 เป็นแนว Romantic - Comedy ผสม Feel Good เช่นเคยค่ะ เรื่องนี้ออกกับ สนพ. POB-RAK
หนูแดงจะอัพจนจบเรื่องเช่นเคย ส่วนตอนพิเศษก็ไปตามเอาในเล่มนะคะ กำหนดการวาแผง รอทาง สนพ. แจ้งน้า เดี๋ยวหนูแดงมาประชาสัมพันธ์อีกทีค่ะ
ฝากติดตามผลงานเรื่องใหม่ด้วยเน้อ XD

Twtter ติดแท็ก #แรกพบสบรัก
*************************************************************************
สารบัญ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2017 18:22:48 โดย NooDangzz »

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
แรกพบสบรัก: หนูแดงตัวน้อย
 
บทนำ

ตอนเป็นเด็กก็มักจะฝันพร่ำเพ้อนั่นแหละว่าอยากมีพลังวิเศษ จะได้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ผมเองก็เคยฝันละเมอเพ้อพกแบบนี้ไว้เหมือนกัน จนกระทั่งอายุได้สิบขวบ พระเจ้าก็เกิดสังเวชปนเวทนาหรืออะไรก็ไม่รู้ล่ะ บันดาลให้ผมได้รับพลังวิเศษนั้นมา

ได้มายังไงน่ะเหรอ... คือ เกิดจากอุบัติเหตุน่ะ ไม่ใช่อุบัติเหตุร้ายแรงอะไรหรอก แค่ปีนต้นไม้เล่นกับเพื่อน สมมติว่าตัวเองเป็นไอ้มดแดง สุดท้ายตกต้นไม้ลงมา หัวกระแทกเข้ากับพื้น ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บสาหัสอะไรเลยสักกะติ๊ดดด แค่หัวแตก เย็บไปไม่กี่สิบเข็มเท่านั้น เหมือนจะปกติใช่มั้ยล่ะ แต่ไม่... ไม่ปกติเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะหลังจากนั้น ผมก็มีพลังวิเศษที่พูดไว้ในตอนแรกติดตัวมาทันที

ไอ้พลังวิเศษนั่น มันคือการมองร่างกายมนุษย์ทะลุเสื้อผ้าได้ทันทีที่ผมสบตากับเจ้าของร่างกายน่ะสิ

ว้าว! ฟังดูโชคดีเก๋ไก๋ยูเรก้ามาก ๆ ใช่มั้ยล่ะ คงคิดสินะว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนตัวโตขนาดหมาเลียตูดไม่ถึงแบบนี้ ผมคงได้มองร่างกายสาว ๆ จนเปรมไปเลย

แต่บอกเลย ถ้าคิดอย่างนั้นคือคิดผิด เพราะเพศที่ผมสามารถมองทะลุเสื้อผ้าได้น่ะ ไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็น...

ผู้ชาย! แม่งเอ๊ย! ผู้ชายทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชนชาติเลย!

ปวดหัวหนักมาก จะออกจากบ้านไปไหนก็ต้องระวังให้ไม่ไปสบตาใคร ไม่อย่างนั้นล่ะก็...ขนหัวลุกแน่แม่มึงเอ๊ยยย

ขนหัวลุกหรือไม่ ก็ลองคิดสภาพตอนที่ผมเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนชายล้วนสิ โอ้โห ดงแตงกวาชัด ๆ ไอ้พวกตัวใหญ่หน่อยนี่ก็อาจจะพัฒนาจากแตงกวาที่ขายเหมาเป็นตะกร้าขึ้นมาเป็นแตงกวาที่หุ้มพลาสติกห่ออาหารวางขายตามซูเปอร์มาเก็ต แต่จะอะไรก็เอาเถอะ ไอ้การที่ได้ไปอยู่ในดงชีเปลือย เห็นเพื่อนยันครู ลามไปถึงคนแปลกหน้าเดินโทงเทงผ่านหน้าตลอดเวลา มันก็ทำให้ผมกลายเป็นคนเก็บตัวตั้งแต่บัดนั้น ดีนะที่ครอบครัวผมมีแต่ผู้หญิง ผมเลยไม่ต้องหลอนแม้ตอนอยู่บ้าน

แต่ก็คิดดูเถอะ ไอ้พลังวิเศษอะไรนี่มันทำให้ผมที่เมื่อก่อนเป็นคนร่าเริงเจอแตงกวาตามหลอกหลอนจนแทบจะกลายเป็นฮิคิโคโมริ[1] ถ้าไม่มีความจำเป็นอะไร ผมจะไม่ออกจากบ้านเลย ล่วงเลยมาจนอายุได้ยี่สิบปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยรัฐย่านชานเมืองแล้ว ผมก็ยังคงมีนิสัยแบบนั้น ถึงจะอยู่หอพัก ก็ยังพักคนเดียวด้วย แม่กับพี่สาวผมก็เข้าใจว่าผมเป็นพวกเข้าสังคมไม่เก่งเลยไม่ได้ติดใจอะไร อยากอยู่คนเดียวก็อนุญาตให้อยู่ไปตามประสาลูกชายและน้องชายคนเล็กที่ใคร ๆ ก็ต่างมารุมเอาอกเอาใจ

ทว่าไอ้ตามประสามันก็เริ่มจะไม่ตามประสาละเมื่อจู่ ๆ ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา พี่สาวผมที่คอยสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ตกงาน ลำพังร้านขายอาหารตามสั่งของแม่ที่มีรายได้ไม่แน่นอนก็ไม่เพียงพอต่อการส่งค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้ผมทุกเดือน รวมถึงค่าหอ ผมเลยต้องหารูมเมทอย่างเร่งด่วน แต่มันก็ทำใจยากนะการจะไปอยู่กับคนอื่น แล้วต้องเห็นร่างเปลือยของรูมเมททุกวันอย่างนั้นน่ะ

เรื่องนั้นไว้ค่อยคิด อันดับแรกคือต้องระเห็จตัวเองออกจากห้อง มาหางานพิเศษทำเพื่อแบ่งเบาภาระทางบ้านก่อนเพื่อยืดเวลาในการหารูมเมทออกไป

แต่งานพิเศษนี่... ทำไมแม่งมีแต่งานที่ต้องไปเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยวะ!?

ไหนจะงานเสิร์ฟ งานบริการตามร้านอาหาร ล้วนเป็นงานที่ต้องไปเจอหน้ากับผู้คนทั้งสิ้น แน่นอนว่าผมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผลอไปสบตาผู้ชายด้วยกัน แล้วก็ต้องเจอพืชผักสวนครัวห้อยต่องแต่งให้เห็นจะ ๆ คาตา แต่จะไม่หางานทำก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ สุดท้าย ผมก็เลยมาลงเอยที่งาน...

“วินเอ๊ย เดี๋ยวเอาไม้ถูพื้นเข้าไปเช็ดพื้นหน่อยนะ ตรงแถว ๆ โถฉี่น่ะเช็ดเยอะ ๆ แถวนั้นสกปรกง่าย”
“ครับป้าแมว”

...พนักงานทำความสะอาดที่ห้องน้ำชายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัย

ก็ไม่อยากจะมาทำงานแบบนี้หรอกเว้ย! ต้องมาเช็ดคราบปฏิกูลของใครต่อใครบ้างก็ไม่รู้ แต่มันเป็นงานที่หลีกเลี่ยงผู้คนได้ดีที่สุดแล้วไงในเวลาที่ต้องหางานทำแบบกระชั้นชิดอย่างนี้น่ะ!

ที่ผมว่ามันหลีกเลี่ยงผู้คนได้ดีที่สุด เป็นเพราะเวลาทำความสะอาด ผมสามารถปิดห้องน้ำ กันคนเข้ามาแล้วทำความสะอาดก่อนได้น่ะ จะมีก็แต่พวกป้า ๆ เท่านั้นแหละที่ชอบทำความสะอาดเวลามีคนใช้งานอยู่ แต่ผมไม่ทำแบบนั้น มันยุ่งยาก ทำไปให้จบเป็นรอบ ๆ มันสะดวกกว่า ประเด็นหลักก็คือ...ผมไม่อยากทำงานไป เห็นกระเปี๊ยวของคนอื่นไปพร้อม ๆ กันน่ะ ยิ่งในห้องน้ำชายนะคุณเอ๊ย ไม่ต้องถามเลยว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

ดงชีเปลือยแน่ ๆ !

จริง ๆ การทำความห้องน้ำชายมันก็ไม่ยุ่งยากเหมือนห้องน้ำหญิงนะ ไม่ต้องคอยไปตามเก็บตามกวาดบ่อย ๆ ด้วย เรียกได้ว่าถึงจะเป็นงานที่ไม่น่าพิสมัย แต่ก็นับว่าสบายถ้าหากเทียบกับพวกงานเสิร์ฟแล้ว ได้ค่าชั่วโมงเกือบจะเท่ากัน ทว่าไม่ต้องไปทำเรื่องหยุมหยิม ก็ถือว่าคุ้ม

ผมคว้าเอาไม้ม็อบกับป้ายพลาสติกที่มีตัวหนังสือว่า ‘ห้ามเข้า กำลังทำความสะอาด’ ออกมาจากห้องเก็บของ รอให้ลูกค้าของห้างที่กำลังใช้งานคนสุดท้ายออกจากห้องน้ำถึงได้เดินเอาป้ายไปตั้ง แล้วหายเข้าไปข้างใน พร้อมกับปิดประตู เตรียมตัวจะกดล็อคเพื่อกันไม่ให้ใครหน้าไหนโผล่เข้ามาตามปกติอย่างที่เคยทำ

หากแต่พอปลายนิ้วกำลังจะกดล็อคปุ๊บ ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ก็วิ่งมาทุบประตูปั๊บ ทุบไม่พอ แม่งบิดลูกบิด ผลักบานประตูเข้ามาด้วย ผมได้สติก็รีบผลักคืนตามสัญชาตญาณทันทีเมื่อรู้ว่าถ้ามันโผล่เข้ามา ผมจะต้องเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นแน่ถ้าบังเอิญสบตากัน แต่ไม่ทันละ ไอ้บ้านั่นแรงเยอะมาก ออกแรงผลักมาทีเดียว ผมก็กระเด็นไปอยู่ติดกำแพง ก่อนร่างใหญ่ของผู้ชายคนนั้นจะวิ่งพรวดเข้ามา ร้องตะโกนบอกผมเสียงหลง

“ขอโทษนะครับ ผมไม่ไหวแล้ว ขอเข้าหน่อย!”
แล้วก็หายเข้าไปในห้องส้วมอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมมองตามอย่างระอา
มันมีมาไม่ค่อยบ่อยหรอกไอ้พวกที่อยู่ตั้งนานไม่ปวด พอจะทำความสะอาดปุ๊บ ก็ดันปวดขึ้นมาทันที

เอาเถอะ อย่าไปสบตาหมอนั่นก็พอแล้วล่ะ

ผมตรงเข้ามาคว้าไม้ม็อบ ตั้งท่าจะทำความสะอาดอีกครั้ง ทว่าเรื่องมันไม่จบแค่มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้พุ่งเข้ามาแค่นั้น มันดันมีพลพรรคของมันที่พากันกรูตามเข้ามาอีก
“ขอโทษครับ พวกผมก็ขอเข้าด้วย”

โอ้โหพวกมึง! เข้ามากันสี่ซ้าห้าหน่อ กูจะหลบยังไงเนี่ย!

ปฏิเสธก็ไม่ได้ แม่งเป็นลูกค้าของห้าง เลยได้แต่ก้มหน้างุด ๆ แล้วเดินหลบมุมไป ปล่อยให้พวกมันไปยืนเรียงหน้ากระดานตรงโถฉี่ คุยกันเสียงดังพลางเรียกเพื่อนที่อยู่ในห้องน้ำไปด้วย
“เร็ว ๆ นะเว้ยไอ้ชา หนังใกล้จะฉายแล้ว!”
“เออ รู้แล้ว รอก่อน!”

จากนั้นก็พากันล้อผู้ชายที่ชื่อ ‘ชา’ ว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมาเลยทำให้ข้าศึกบุกโจมตีกะทันหัน ผมก็ไม่ได้สนใจนักหรอก ก้มหน้าก้มตาถูพื้นอย่างเดียวกระทั่งผู้ชายพวกนั้นจัดการธุระหน้าโถฉี่เสร็จและถอยออกมา ผมเลยได้โอกาสตรงเข้าไปทำความสะอาด ทว่าไอ้จังหวะที่ผมถือไม้ม็อบเปียกน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเดินเข้าไปเนี่ย รองเท้าเจ้ากรรมก็ดันลื่นขึ้นมา ทำเอาผมล้มหงายหลังไม่เป็นท่า

เสียงดังตึงเรียกให้คนพวกนั้นกรูเข้ามาหาผม ยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ร้องขอ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ใครสักคนช่วยดึงผมขึ้นยืน ผมคว้ามือนั้นไว้ เงยหน้าขึ้นมามองพอดี

ว้าบบบ... ตาสบตา ใจกระสานใจ เสื้อผ้าบนตัวเจ้าของมือก็อันตรธานหายไปทันที หายคนเดียวจะไม่ว่าเลย แม่งไอ้คนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ช่วยดึงผมขึ้น แต่ทำหน้าที่เป็นไทยมุงก็ดันหายไปด้วยเหมือนกัน

พะ...พวกมึงจะมาสบตากูพร้อม ๆ กันทำไมวะเนี่ย! หันขวาก็มะเขือยาว หันซ้ายก็แตงร้าน เอ้า ไอ้หมอนั่นแตงกวา หมอนั่นมาแปลก ผิวขรุขระ มะระก็แล้วกัน

แม่งเอ๊ย กูอุตส่าห์หนีแล้วนะ! ยังจะมาโดนพืชผักสวนครัวรุมอีก!

ตาจะบอดให้ได้ จะหันหนีเพราะเห็นความต่องแต่งระโยงระยางก็แลดูมีพิรุธ แค่หันหนีเท่านั้น ไอ้คนที่ดึงผมขึ้นยืนก็ว่าออกมาทันที
“สีหน้าไม่ค่อยดีเลย นายโอเคมั้ย”

มันจะไปโอเคอะไรเล่า! มึงคิดว่าอยู่ในดงผู้ชายเปลือยเหมือนหนัง AV แนวแก๊งแบงมันโอเคหรือไงวะ!?

ผมพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่คิดว่าตัวเองตกอยู่ในสภาพเหมือนนางเอก AV เพื่อจะได้สงบจิตสงบใจ หากแต่การไม่พูดอะไรก็ทำให้หมอนั่นถามขึ้นมาอีก

“ไปนั่งพักมั้ย เดี๋ยวช่วยพาออกไป นายหน้าซีดมากเลยนะ”
เห็นว่าดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกันล่ะมั้งถึงได้เริ่มเป็นกันเองมากขึ้น ผมกำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธ ตั้งใจว่าจะหนีออกไปก่อน ประตูห้องส้วมที่ถูกไอ้เวรที่เป็นต้นเรื่องทั้งหมดก็เปิดออกมาก่อน พร้อมกับการปรากฏตัวของผู้ปลดเปลื้องความทุกข์ทุกสรรพสิ่ง
“มีอะไรกันวะ”
ถามอย่างนั้นเพราะเห็นเพื่อนตัวเองยืนล้อมหน้าล้อมหลังผม มะรุมมะตุ้มขายผักสดบ้างเหี่ยวบ้างกันอยู่ ด้วยความที่กลัวว่าจะมีหินงอกหินย้อยมาเพิ่มให้เห็น ผมเลยไม่หันไปมองหมอนั่น ขณะที่ใครสักคนพูดขึ้นมา
“ไม่มีอะไร หมอนี่แค่ลื่นล้มนิดหน่อยน่ะ”
“อ๋อ”
อีกฝ่ายตอบรับ ผมสบโอกาส เลยรีบตั้งท่าจะแหวกวงล้อมออกมา
“เดี๋ยวขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ”
ไม่มีใครถอยให้เลยสักคน ผมเลยรีบก้มลงคว้าไม้ม็อบ แล้วแหวกออกมาเองซะเลย ทว่าในวินาทีที่ยืนขึ้น มือของใครบางคนก็สัมผัสเข้ามาที่บั้นท้ายผม
ผมสะดุ้งสุดตัว หันไปมองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นว่าเป็นคนที่ชื่อชา พอหมอนั่นเห็นผมมองอย่างตกใจ ก็รีบชูมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
“มีทิชชูติดก้นอยู่น่ะครับ ผมเลยเอาออกให้”
นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย สำคัญที่ว่า...ตะ...ตาสบตาอีกแล้ว แต่...

แต่เสื้อผ้ามันไม่หายไปไหนเว้ยเฮ้ย!

เป็นคนแรกเลยในช่วงระยะเวลาสิบปีที่ผมสบตาแล้วไม่เห็นว่าเสื้อผ้าอันตรธานหายไป ก่อนจะสังเกตเอาในตอนนี้ว่าหมอนี่ใส่ชุดนักศึกษา ผูกเนคไทที่มีตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยผมอยู่

งะ...งั้นก็แสดงว่าเรียนที่เดียวกันกับผมน่ะสิ!?

“นาย...”
ผมเบิกตาโต ปากเผยออ้า เปล่งเสียงออกไปอย่างตะลึงงันโดยอัตโนมัติ
“ครับ?”
“มะ...มายรูมเมท”

ตกลงปลงใจเอาเองเสร็จสรรพว่าจะตามจิกมันมาเป็นรูมเมท ส่วนอีกฝ่าย จากที่ทำหน้าสงสัยว่าผมเรียกทำไม ตอนนี้ทำหน้าเอ๋อกินไปแล้ว ผมก็พูดอะไรออกไปไม่รู้ตัวเหมือนกัน จะอธิบายว่าไอ้ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไรก็ไม่ทันละ มันเห็นท่าไม่ดี ก็รีบปรี่เข้าไปหาเพื่อน ตัดบทเอาดื้อ ๆ

“งั้น...ไปก่อนนะ ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะครับ”

แต่กูไม่ให้มึงจากไปง่าย ๆ หรอกเว้ย! ทำกูโดนพืชผักสวนครัวรุมแล้ว ต้องรับผิดชอบ!

ผมกระโจนคว้าแขนหมอนั่นไว้ด้วยความเร็วแสง คนที่ชื่อชาหันมามองผมด้วยสีหน้างุนงงระคนตกใจ ส่วนผมก็หลุดพูดออกไปโดยไม่ทันคิด
“นายมาอยู่กับเราเถอะ เราจะดูแลนายเอง”
“พะ...พูดอะไรเนี่ย!?”
--------------------------------------
[1] ฮิคิโคโมริ (Hikikomori) เป็นคำภาษาญี่ปุ่น ใช้เรียกปรากฏการณ์ที่บุคคลแยกตัวออกมาจากสังคม อยู่อย่างสันโดษและกักขังตัวเองอย่างสุดโต่งโดยมีต้นเหตุมาจากเรื่องราวทางสังคมที่บุคคลนั้น ๆ ประสบมา เช่น ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ อาการกลัวการเข้าสังคม อาการกลัวที่โล่ง เป็นต้น กระทรวงสาธารณะสุข แรงงานและสวัสดิการของญี่ปุ่นได้จำกัดความคำว่า ฮิคิโคโมริว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่ปฏิเสธที่จะออกจากบ้าน และปลีกตัวจากสังคมในบ้านเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือน ระดับของภาวะฮิคิโคโมริมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน ในกรณีร้ายแรงอาจปลีกตัวออกจากสังคมเป็นเวลาปลายปีหรือหลายสิบปี โดยส่วนใหญ่ภาวะนี้เริ่มต้นขึ้นจากการปฏิเสธโรงเรียนหรือสังคมในโรงเรียน


----------------------------------
พระ-นายของเราเจอกันดี๊ดี 555555

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สบตา ครั้งที่ 1: ฮิคารุซามะ

“พะ...พูดอะไรวะเนี่ย!?”

ใบหน้าหล่อดูงุนงงไปถนัดตา ตอนแรกผมก็ไม่ได้สังเกตหรอกนะว่าคนชื่อชาอะไรนี่หน้าตาดีขนาดไหน แค่มองผ่าน ๆ เห็นแป๊บเดียวก็รู้ว่าหน้าตาดี ทว่าพอหมอนั่นจ้องหน้าผมนิ่งให้ผมได้เห็นใบหน้าชัด ๆ ผมก็เพิ่งประจักษ์เอาในตอนนี้ว่า... โอ้โหแม่ง หมอนี่มันโคตรจะหล่อเลย ไม่ได้หล่อธรรมดา หล่อโคตร ๆ อย่างกับดาราวัยรุ่นอะไรประมาณนั้น ไม่ได้หล่อแบบหน่อมแน้มน่ารักด้วยนะ หล่อแบบ...มาดแมนแฮนด์ซั่ม เออ ผมก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน ออกแนวรูปร่างสูงใหญ่ มีกล้าม ผิวแทนหน่อย ๆ ท่าทางออกแนวแบดบอยกึ่ง ๆ หนุ่มนักกีฬาอะไรประมาณนั้น ไม่ใช่แค่หมอนี่เท่านั้นด้วยที่หน้าตาดี พวกเพื่อน ๆ ที่มาด้วยกันก็หล่อยกแก๊ง เซ็ทผม แต่งตัวถูกระเบียบมหาวิทยาลัยเป๊ะ ๆ กันอีกต่างหาก

จะไม่เป๊ะได้ยังไง มีนักศึกษาชายที่ไหนบ้างผูกเนคไทไปเรียนกันน่ะ ใส่กันแค่ตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ ๆ กับเปิดเรียนแรก ๆ เท่านั้นแหละ วันอื่น ๆ ก็ใส่แค่เสื้อกับกางเกง บางครั้งก็ใส่ชุดไปรเวทด้วยเพราะมหาวิทยาลัยผมอนุญาตให้แต่งตัวธรรมดาไปเรียนได้ ดังนั้นการที่พวกนี้มาแต่งตัวถูกระเบียบอย่างนี้ มันเลยดูแปลกตากว่านักศึกษาทั่ว ๆ ไป แลดูคล้ายกับพวกทูตกิจกรรม ไม่ก็พวกเชียร์ลีดเดอร์เวลาแต่งตัวเป็นทางการไปออกงานยังไงยังงั้น

แปลกตาชนิดดึงดูดสายตาให้จับจ้องจนไม่วางตาเลยล่ะ ขนาดผมเป็นผู้ชายยังอดชมเจ้าพวกนี้ว่าหล่อไม่ได้เลย
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจได้เท่ากับความปรารถนาที่ผุดพรายขึ้นมาในใจของผมจนท่วมท้น จนต้องโพล่งความในใจออกไปอีกครั้ง

“เมื่อกี้เราบอกว่านายมาอยู่กับเราเถอะ เราจะดูแลนายเอง เราสัญญา”

ผมว่าหมอนี่รู้แหละว่าเมื่อกี้ผมพูดว่าอะไร ก็เห็นตอบกลับมาว่า ‘พูดบ้าอะไรวะ’ นี่นา แต่ก็ย้ำไปอีกครั้งเพื่อให้เข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งว่าผมต้องการอะไร

ต้องการรูมเมทนี่ไง! โหย สวรรค์ส่งมาโปรดชัด ๆ ! ผมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปหรอก

แต่ทว่าไอ้การพูดไม่ทันคิดของผมเมื่อกี้ มันกลับทำให้คนฟังทั้งคนที่ชื่อชา แล้วก็ผองเพื่อนพากันทำหน้าตกใจไปอีกระลอก ผมเองก็เพิ่งมาตระหนักได้ในอีกไม่กี่วินาทีให้หลังว่าการที่จู่ ๆ ก็ไปชวนคนแปลกหน้ามาอยู่ด้วยโดยไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้จักกัน ไม่รู้อะไรเลย แถมมาเจอกันในห้องน้ำอีก มันเป็นเรื่องประหลาดโคตร ๆ แต่ให้ทำไงได้ล่ะ ก็ผมดีใจนี่นา

ดีใจที่ตลอดสิบปีที่ผ่านมาได้เจอกับผู้ชายที่สบตาด้วยแล้วไม่เห็นลูกป๋องแป๋ง ใครมาเป็นอย่างผม มันก็ต้องดีใจเท่านั้นแหละเว้ย
ดีใจมาก ดีใจจนออกนอกหน้า เผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ไม่ใช่อมยิ้มด้วยนะ ยิ้มแบบยิ้มเลย ยิ้มจริง ๆ ยิ้มยิงฟันกว้างชนิดเก็บอาการไม่อยู่ แล้วก็กลายเป็นผมคนเดียวที่ยิ้มด้วย เพราะพอคนอื่น ๆ เห็นแค่นั้น พวกมันก็ทำหน้าตาขยะแขยงผมขึ้นมาทันที
“เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมต้องไปก่อน”

ได้สติอีกระลอกก็ตอนคนที่ผมจับอยู่เปล่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง ผมเลยรีบหุบยิ้มเมื่อคิดได้ว่าผมทำตัวประหลาดมากเกินไปจนอีกฝ่ายตั้งท่าหนีแล้ว

แหม เป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้นแหละ ผมก็เข้าใจหมอนี่นะ แต่ไม่ปล่อยหรอก เดี๋ยวมันวิ่งหนี งั้นอธิบายสักหน่อยก็แล้วกัน

“คือว่านะ ที่เราอยากชวนนายมาอยู่ด้วยน่ะ เป็นเพราะว่า...”
“ขอตัวก่อนนะครับ หนังจะได้เวลาฉายแล้ว เดี๋ยวไม่ทัน”

พูดยังไม่ทันจบเลย หมอนั่นก็แทรกขึ้นมาละ ท่าทางแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจผมสุดชีวิต มือมันก็เอื้อมมาแกะมือผมที่จับแขนอยู่ออกด้วย แต่ผมไม่ปล่อย เกาะไว้แน่นเป็นเห็บเกาะหมาอย่างรวดเร็ว ทำเอาหัวคิ้วเข้มของอีกฝ่ายย่นยู่

“นี่!”

ย่นคิ้วใส่อย่างเดียวไม่พอ เริ่มขึ้นเสียงด้วย คล้ายกับว่าจะหมดความอดทน ถามว่าผมกลัวว่ามันจะต่อยมั้ย...ก็กลัวนะ แต่มีคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่ต้องประสบกับภาพอุจาดตา ผมก็อยากได้เข้ามาอยู่ในวงจรชีวิตนี่หว่า ทว่าเหมือนมันจะไม่อยากให้ผมเข้าไปอยู่ในวงโคจรตัวเองเท่าไหร่ เห็นผมจับไม่ปล่อย เกาะเป็นตุ๊กตา จากที่มองหน้าผมอย่างหงุดหงิดก็สะบัดมือผมที่เกาะกุมอยู่ออกเต็มแรงจนมือผมหลุดออกมา

“ปล่อยสิเว้ย!”
ตะคอกมาด้วย ท่าทางเป็นมิตรก่อนหน้าที่อุตส่าห์เอาทิชชูออกจากก้นผมให้ในตอนแรก ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นพร้อมจะเสยหน้าผมให้หงายหลังไปถนัดตา จนเพื่อน ๆ ของหมอนี่ต้องมาดึงตัวออกห่างผม
“อย่าไปสนใจเลยน่า ไปกันเถอะ”

คนที่เป็นคนฉุดผมขึ้นยืนพูด ส่วนคนอื่น ๆ ก็คะยั้นคะยอให้ทำตามนั้น ผู้ชายที่ชื่อชามีท่าทางฮึดฮัดเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินตามเพื่อนไปแต่โดยดี แล้วนึกเหรอว่าผมจะยอมปล่อยมือไปง่าย ๆ ไม่ว่ายังไง ผมก็ต้องได้หมอนี่มาเป็นรูมเมทให้ได้!

วินาทีที่ถูกสะบัดหลุดออกจากตัวและเหยื่อกำลังจะหนีไป ผมก็รวบรวมความกล้า พุ่งเข้าชาร์จด้วยการโผเข้ากอดเอวจากทางด้านหลังทันทีที่หมอนั่นหันหลังให้ทันที อีกฝ่ายสะดุ้งสุดตัว หันมาโวยวายเสียงดังลั่น
“ทำบ้าอะไรของมึงวะเนี่ย!”

ไร้ซึ่งความสุภาพอีกต่อไป ผลักผมออกเต็มแรงด้วยจนผมเซไปอีกทาง แต่ผมก็ไม่หยุดแค่นั้น พุ่งเข้าไปกอดอีก หากแต่ครั้งนี้กอดจากทางด้านหน้า

“อย่าหนีเราไปเลยนะ เราตามหาคนอย่างนายมานานแล้ว มาอยู่กับเราเถอะ เราขอร้อง!”
ปากพูดอะไรไปไม่ทันได้คิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ สำหรับผมน่ะมันเป็นความต้องการจากก้นบึ้งของจิตใจจริง ๆ และก็ไม่ได้หมายความว่าผมชอบหมอนี่อะไรแต่อย่างใดด้วย เหตุผลเดียวคือสบตามันแล้วไม่เห็นกระเปี๊ยวก็แค่นั่น แต่สำหรับคนอื่นทั้งหมอนั่น ทั้งเพื่อน ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์กลับไม่ได้คิดอย่างนั้น

มันจะคิดอย่างผมได้ไงล่ะ ก็พวกมันไม่รู้นี่ว่าผมต้องประสบชะตากรรมอะไรมาบ้าง ได้ยิน มันก็คิดไปเป็นอย่างอื่นไปแล้ว
“โรคจิตหรือไงวะมึงเนี่ย ปล่อยนะเว้ย!”

ถูกผลักจนกระเด็นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้เซธรรมดา ล้มกระเด็นก้มจุ้มปุ้กไปเลย ทำท่าจะพุ่งเข้ามาต่อยผมด้วย ผมคงจะโดนต่อยแล้ว ถ้าเพื่อน ๆ หมอนั่นถลาเข้ามาห้ามไว้ไม่ทัน

“ไอ้ชา อย่าไปสนใจเลยมึง ไปเถอะ อย่ามีเรื่อง”
คนเดิมที่ฉุดผมลุกขึ้นยืนร้องห้ามอีกแล้ว คนอื่น ๆ เลยช่วยกันห้ามบ้าง
“กูก็ไม่อยากมีเรื่องหรอก พวกมึงก็ดูแม่งสิ ทำบ้าอะไรของมัน”
“เอาน่ามึง มึงมันหล่อ ใคร ๆ ก็อยากเข้าหา อย่าไปสนใจ”

ได้ยินเพื่อนป้อยอ คนที่ชื่อชาเลยพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง จบเรื่องเอาดื้อ ๆ

“กูก็เข้าใจอยู่ แม่ง เบื่อความหล่อของตัวเองจริงว่ะ”

จากที่อยากได้มันเป็นรูมเมท ได้ยินมันพูดประโยคนี้ก็แทบกลอกตาเป็นเลขแปด ไม่ใช่เลขแปดอารบิกด้วยนะ เลขแปดไทย! โอ้โห! มึงมั่นหน้าอะไรเบอร์นี้เนี่ย!

ความต้องการมันมาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขในห้องเดียวกันหายวับไปทันตา ได้แต่มองคนพวกนั้นเดินออกจากห้องน้ำไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคนพวกนั้นหายออกไปข้างนอกแล้ว

เออ ช่างมันเถอะ ไว้หาเอาใหม่ก็ได้

ถ้าเจอคนแรก มันก็น่าจะมีคนที่สองที่สามตามมาแหละวะ ถึงจะน่าเสียดายก็เถอะ แต่สักวันเดี๋ยวมันก็ต้องเจออีก คนมีตั้งกี่ล้าน คงไม่ได้มีมันคนเดียวหรอกมั้งที่สบตาแล้วไม่เห็นจู๋น่ะ

คิดได้อย่างนั้นก็สบายใจขึ้น ผมลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างที่ควรจะทำ หากแต่พอผมถูพื้นตามห้องส้วมไล่ไปทีละห้องจนมาหยุดที่ห้องซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้ชายที่ชื่อชาเข้าไปใช้ ผมก็เจอกับวัตถุบางอย่างหล่นอยู่ที่พื้นบริเวณข้างชักโครก

กระเป๋าตังค์นี่หว่า?

ก้มลงไปหยิบขึ้นมาทันที เปิดกระเป๋าออกมาดูอย่างถือวิสาสะ เห็นมีแบงค์พันอยู่สองสามใบกับเศษเงินอีกนิดหน่อย ผมก็เบ้ปากใส่รัว ๆ

ขโมยเงินมันแม่งเลย หมั่นไส้ มั่นหน้าดีนัก!

ความคิดชั่วร้ายเข้าครอบงำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบรรดาบัตรต่าง ๆ ที่เสียบไว้ในซอกกระเป๋า
ถ้าบัตรพวกนี้หาย คงจะลำบากน่าดูเลย

คิดแล้วก็เปลี่ยนใจ ตั้งใจจะเอาไปคืนแทน หยิบบัตรนักศึกษาออกจากกระเป๋ามาดูก็เห็นว่าหมอนั่นมีชื่อเต็ม ๆ ว่า ‘คชา’ หน้าบัตรระบุว่าเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับผมอย่างที่ผมคิดไว้ตอนแรก เลขประจำตัวนักศึกษาก็บ่งบอกว่าเรียนชั้นปีที่สองเหมือนกัน เพียงแต่รหัสคณะเป็นคนละคณะเท่านั้น ผมเรียนนิติฯ หมอนั่นเรียนวารสารฯ ตึกคณะอยู่ใกล้ ๆ กัน เดินเอาไปฝากไว้ที่คณะแล้วให้หมอนั่นไปเอาคืนเองก็ได้

แต่ไม่...

ไม่ทำแบบนั้นหรอก ใครจะไปทำกันวะ อยากได้คืนก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเว้ย

ความคิดชั่วร้ายผุดพรายขึ้นมาในหัวทันที กะจะเอากระเป๋าตังค์ไปแลกเปลี่ยนกับการที่ให้มันยอมมาเป็นรูมเมทผมแทน
คิดไปก็หยิบบัตรนักศึกษาหมอนั่นขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นว่าไอ้บ้านั่นเขียนรหัสพาสเวิร์ดสำหรับล็อคอินเว็บไซต์มหาวิทยาลัยไว้ด้านหลังของบัตรด้วย

มันบ้าหรือไงวะเนี่ย มีใครไปเขียนรหัสพาสเวิร์ดไว้แบบนี้บ้าง ไอดีก็ใช้เลขประจำตัวนักศึกษา ถ้าเกิดมีใครหมั่นไส้มันขึ้นมาเหมือนผมแล้วแอบล็อคอินไอดีมันเข้าไปแกล้งดร็อปเรียนจะทำยังไง สะเพร่าชะมัด แต่ก็เอาเถอะ เรื่องของมัน ไม่เกี่ยวกับผม แล้วก็โชคดีของมันด้วยที่ผมเป็นคนเก็บได้ เพราะผมไม่ได้ต้องการอะไรจากมันเลย นอกจากได้มันมาอยู่ด้วยเท่านั้น
คอยดูเถอะ พรุ่งนี้โดนตามติดเป็นตังเมแน่!
 



ตามติดจริงอย่างที่ตั้งใจ เพราะพอกลับมาที่หอ ผมก็จัดการล็อคอินเข้าไปในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยด้วยไอดีของคชา ตรวจสอบตารางเรียนของหมอนั่นว่าเรียนวิชาอะไร ที่ไหนบ้าง โชคดีที่มีวันพรุ่งนี้ หมอนั่นมีเรียนไม่ตรงกับผม ผมมีเรียนเช้า หมอนั่นมีเรียนบ่าย ซ้ำยังไม่ได้เรียนที่ตึกคณะ แต่เรียนที่ตึกเรียนรวม แถมยังเป็นห้องเรียนใหญ่ ผมแฝงตัวเข้าไปก็ไม่มีใครสงสัย วันรุ่งขึ้นพอเรียนวิชาคณะเสร็จ ผมก็จัดการปรี่ไปที่ห้องเรียนนั้นทันที

อย่างที่บอกว่าเรียนห้องเรียนใหญ่ ผมก็กลัวเหมือนกันว่าจะหาตัวคชาไม่เจอ แต่รู้อะไรมั้ย หมอนั่นน่ะ เด่นจนมองแต่ไกลก็ยังเห็น ผมเลยจัดการปรี่เข้าไปหา พยายามก้มหน้าก้มตาไม่สบตาใครด้วยเกรงว่าจะเห็นดงป๋องแป๋งให้เสียสายตาอีก

มุดฝ่าคนจำนวนมากมาได้ ก็นั่งปุ้กลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ หมอนั่น คชาเหลือบมามองผมเล็กน้อย มองแล้วก็เมิน ไม่ได้สนใจอะไร ดูท่าจะจำผมไม่ได้

ก็นะ... คงจำได้อยู่หรอก ผมในตอนไปทำงานกับตอนไปเรียนแต่งตัวเหมือนกันที่ไหน ตอนไปเรียน มันแต่งตัวยังไงก็ได้ ผมเลยเอาผมที่ปรกหน้าปรกตาเพื่อที่จะได้ไม่ไปสบตาคนอื่นเอาง่าย ๆ ส่วนตอนไปทำงาน ถึงจะเป็นพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำ แต่ภาพลักษณ์มันก็สำคัญ เลยต้องเสยผมขึ้นให้ดูเรียบร้อย

กระนั้นผมก็ไม่ได้สนใจนักว่ามันจะจำผมได้มั้ย  เอาแต่สังเกตว่าหมอนี่มาเรียนกับใคร ผมจะได้หาจังหวะเข้าชาร์จถูก แต่ดูแล้ว เหมือนจะมาเรียนคนเดียวแฮะ งั้นก็ดีเลย จะได้หาโอกาสเข้าถึงตัวง่าย ๆ

บอกว่าจะหาโอกาส หาจังหวะ เอาเข้าจริงก็ไม่ได้หาหรอก เห็นหมอนั่นนั่งเท้าคางเหม่อ ๆ ปุ๊บ ผมก็ยื่นมือไปสะกิดปั๊บ
คชาหันหน้ามามอง ผมยิ้มให้ ก่อนมันจะมองเหลียวซ้าย แลขวา แล้วก็ทำหน้างง ๆ ก่อนจะทำเป็นเฉยไป

เอ้าไอ้นี่! ทักแล้วไม่ทักตอบ คืออะไร!?

เลยสะกิดไปอีกที คชาหันมาอีกรอบ คราวนี้มีสีหน้ารำคาญนิดหน่อย
“เรียกเราเหรอ?”
“อืม สะกิดใครอยู่ล่ะ”
ผมว่า หัวคิ้วคนตรงหน้านี่ย่นยู่เลย ก่อนหมอนั่นจะถาม
“เรา...รู้จักกัน? เรียนคณะเดียวกันปะ ไม่เห็นเคยเห็นหน้า?”

มึงจะเคยเห็นหน้าได้ยังไง ผมปิดหน้ากูขนาดนี้เนี่ย แล้วมันก็จำผมไม่ได้อย่างที่คาดการณ์ไว้จริง ๆ ด้วยแฮะ ผมเลยทวนความจำให้ด้วยการล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพาย หยิบกระเป๋าเงินมันออกมา

“ไม่ได้เรียนคณะเดียวกันหรอก แค่เรียนมหา’ลัยเดียวกัน พอดีนายทำนี่ตกน่ะ เราก็เลยเอามาคืน”
สีหน้าหงุดหงิดของคชาเลือนหายไปทันที ยื่นมือมาจะคว้ากระเป๋าตังค์จากมือผม
“ไปเจอที่ไหนเนี่ย นึกว่าจะไม่ได้คืนแล้วซะอีก”
“เจอในห้องน้ำ” ผมตอบ พลางดึงมือหนีก่อนที่หมอนี่จะคว้าได้
คชาชะงักกึกไปทันที มองหน้าผมอย่างสงสัย
“ห้องน้ำ?”
“อือ ห้องน้ำ”
“ห้องน้ำไหน หรือว่า...?”

เหมือนตอนนี้จะจำได้แล้วว่าผมเป็นใคร คงจะคลับคล้ายคลับคลา ผมเลยเหยียดยิ้ม พร้อมจัดการเสยผมหน้าตัวเองขึ้นให้หมอนี่เห็นหน้าชัด ๆ

“ห้องน้ำในห้างไง”
เห็นหน้าผมชัดเจนเท่านั้น คชาก็อ้าปากค้าง ก่อนจะกระเด้งลุกขึ้นยืน แหกปากเสียงดัง
“มายังไงของมึงวะเนี่ย!?”
แหกปากลั่นสนั่นซอยมาก ความสุภาพก็ไม่มี ขึ้นมึงขึ้นกูหน้าตาเฉย ทำเอาคนทั้งห้องเรียนหันมามองยังหมอนั่น ซ้ำยังเป็นจังหวะเดียวกับที่อาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้องอีก เห็นนักศึกษาแถวหลังพูดให้ได้ยินแว่ว ๆ มาว่าอาจารย์คนนี้ค่อนข้างเนี้ยบ และมีกฎของห้องเรียนอยู่ว่าห้ามเสียงดัง เลยทำให้คชาถูกอัปเปหิออกจากห้องในไม่กี่นาทีให้หลัง

แล้วถามว่าผมยอมปล่อยให้มันจากไปง่าย ๆ มั้ยล่ะ ...ไม่ บอกว่าจะตามติดแล้วก็ต้องตามสิ
“ตามกูมาทำไมวะ มึงจะเอาอะไร”
เดินตามไปได้พักใหญ่ คชาก็เหมือนจะสิ้นสุดความอดทน หันมาแผดเสียงใส่ผมระหว่างที่เราเดินกันไปตามทางที่มุ่งตรงไปยังโรงอาหาร

ผมที่ก้มหน้ามองพื้นระหว่างเดินอยู่เหลือบมองใบหน้าหล่อที่ยับยู่ไปนิด พลางว่า
“เราก็จะเอากระเป๋าตังค์มาคืนให้นี่แหละ”
“ถ้าจะมาแค่เอากระเป๋าตังค์มาคืนให้ ก็เอามา!”

ไม่ว่าเปล่า แบมือขอแบบซึ่ง ๆ หน้าอีกด้วย

ผมก็อยากจะให้แหละนะ แต่ท่าทางกุ๊ยแบบนี้มันใช่วิธีการขอของคืนจากคนที่อุตส่าห์เก็บได้มั้ยฮะ!

ผมพยายามเก็บอารมณ์ที่หงุดหงิดขึ้นมาบ้างเต็มที่ อยากจะเทมันเหมือนกัน แต่ก็นะ สบตามันกี่ครั้ง ๆ ก็ไม่เห็นจุ๊ดจู๋ ผมเลยจัดใจเทมันทิ้งไม่ลง ยิ่งในเวลาที่ต้องหารูมเมทเร่งด่วนก่อนที่จะถึงกำหนดย้ายออกจากหอด้วย ก็ทำให้ผมต้องยอมตื๊อมันอย่างไม่มีทางเลือก

“คืนน่ะคืนแน่ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างนึง”
“อะไร”
“มาอยู่ห้องเดียวกับเราสิ”
คชาทำหน้าแหยงไปทันที ครางออกมาเบา ๆ
“มึงนี่มัน...โรคจิตจริง ๆ ด้วยว่ะ”
“ไม่ได้โรคจิตเลย แค่อยากอยู่ด้วยกันเฉย ๆ “
ว่าไปตามตรง แต่ยิ่งพูด หน้าคชาก็ดูขยะแขยงผมมากกว่าเดิมพิลึก สุดท้ายแล้วมันก็...
“งั้นกูไม่เอาละ จะไปไหนก็ไปเลยมึงน่ะ บาย”

เดินหนีไปหน้าตาเฉยเลย แต่ก็อย่างที่บอกว่าผมไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก เดินตามมันไปอีก ตามไปจนเกือบจะถึงโรงอาหาร ยิ่งเดินมาเจอคนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ผมก็ยิ่งตามติดคชามากขึ้น

ไม่ใช่ตามติดสิ เดินติดจนแทบจะชิดแผ่นหลังเลยมากกว่า มือนี่คว้าปลายเข็มขัดที่หลังกางเกงมันแล้วด้วย กลายเป็นมันเดินจูงผมเฉย

ก็แบบว่าคนมันเยอะน่ะ กลัวว่าจะไปสบตาใครเข้าแล้วเห็นชีเปลือยนี่หว่า แต่ก็กลัวว่าถ้ามัวพะวงเรื่องนี้ คชาก็จะเดินหนีหายไปเหมือนกัน เลยเกาะมันไว้

ส่วนคชาก็เหมือนจะหมดความอดทนอีกครั้ง หยุดเดิน เบรกเอี๊ยดจนหน้าผมกระแทกเข้ากับแผ่นหลังมันเต็มแรง หันหน้ามามองผมด้วยสีหน้าที่ดูก็รู้ว่ากำลังข่มความโกรธสุดฤทธิ์

“ถามตรง ๆ เลยนะ ตกลงมึงตามตื๊อกูให้ไปอยู่ด้วยทำไม? กูว่าไม่ใช่แค่เรื่องอยากให้กูไปอยู่ด้วยละ มึงต้องมีเรื่องอื่นแน่”

ผมนิ่งงัน ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ขืนบอกความจริงไปว่ามันเป็นคนเดียวตลอดสิบปีที่ผมสบตาด้วยแล้วไม่เห็นกระเปี๊ยว เดี๋ยวมันก็จะหาว่าผมโกหกอีก ผมเลยต้องคิดหาทางโกหก ไปกลบเกลื่อนเรื่องจริงที่จะทำให้มันคิดว่าเป็นเรื่องโกหก

โกหกอินเซ็ปชัน ซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปอี๊กกก!

“ว่าไง ตกลงทำไมถึงอยากอยู่กับกู อย่าบอกนะว่าคิดอะไรแปลก ๆ อยู่ โรคจิตป่ะเนี่ยมึงอะ อยากอยู่กับคนป็อป ๆ อย่างกูเพื่อให้มีสาวมาสนล่ะซี่”

คิดอยู่พักนึง ยังไม่ทันจะคิดออก มันก็โพล่งออกมาละ มองหน้าผม เอียงคอถามด้วยท่าทางกวนโอ๊ยสุด ๆ ผมพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง ข่มความหงุดหงิดที่พรั่งพรูเข้ามา บอกปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ใช่”
“เอ้า แล้วจะอยากมาอยู่กับกูทำไม หรือว่า...” จู่ ๆ คชาก็ทำท่าคิด พลันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม “มึงจะแอบชอบกู?”
มึงกล้าพูดมาได้ยังไง! กูจะเอาผู้ชายด้วยกันมาทำมะเขือเผาอะไรวะฮะ!
ผมถึงกับเบิกตาโตทันควัน ผลักหน้าหล่อ ๆ ที่อยู่ใกล้เพียงคืบออกห่าง โพล่งออกไปเสียงดังอย่างลืมตัว
“ไม่ใช่เว้ย!”
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิวะ จะโวยวายทำไม ทำเสียงดังงี้ แม่งโคตรมีพิรุธ”

จริงของมัน ผมเลยรีบเก็บอาการ ทำปากมุบมิบด่ามันในใจไปที ขณะที่มันก็มองผมอย่างระอา ก่อนว่าขึ้นมาอีก
“คุยกับมึงแล้วเสียเวลาชีวิตว่ะ เอาแบบซีเรียสเลยนะ ตกลงมึงอยากจะอยู่กับกูทำไม กูจะได้รู้สึกทีว่ามึงตามตื๊อกูมาทำบ้าอะไร”
ผมจ้องหน้าคนตัวสูงกว่านิ่ง เผลอเม้มปากแน่นอย่างครุ่นคิดว่าควรจะบอกความจริงไปมั้ย สุดท้ายก็...
“เออ บอกก็บอกวะ”
“อะ รอฟัง”

คชายืดตัว ยกแขนขึ้นกอดอก ทำท่าตั้งใจฟังสุด ๆ เห็นแล้วผมก็หมั่นไส้ แม่ง ไอ้หน้าหล่อนี่ ตัวจริงมันโคตรกวนจนฝ่าเท้าผมงี้กระตุกยิก ๆ เลยพับผ่า ดีแต่หน้าตาจริง ๆ แต่ก็พยายามมองข้ามเรื่องนั้นไป หันซ้าย แลขวา ลากมันเข้าซอกตึกบริเวณนั้นแบบไม่ทันให้มันตั้งตัว พอเห็นว่าลับสายตาคน ผมก็ยื่นมือไปดึงเสื้อนักศึกษาอีกฝ่ายเพื่อให้เถิบเข้ามาใกล้
คชาสะดุ้งเล็กน้อย ทว่าก็ยอมยื่นหน้าเข้ามาหาแต่โดยดี
“ความลับนะ”
“เออ”
“รักษาสัญญาว่าจะไม่ไปบอกคนอื่นด้วย”
“เออน่า” คชาทำหน้ารำคาญ

ผมมองหน้าหมอนี่แล้วก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่ามันจะรักษาความลับอย่างที่พูด แต่ก็เอาเถอะ อยากได้มันมาอยู่ด้วยก็ต้องยอมล่ะวะ
สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด บอกมันออกไปในอีกไม่กี่วินาทีให้หลัง

“คืองี้...นายเป็นผู้ชายคนแรกที่เราสบตาด้วยแล้วไม่เห็นเจี๊ยวว่ะ”

พูดจบ ผมก็ปล่อยมือออกจากเสื้อมัน คชาเบิกตาโต ค่อย ๆ ถอยห่างจากผมทีละน้อย ปากก็ว่าไปด้วย
“มึงนี่... อยากอยู่กับกูเพราะอยากเห็นเจี๊ยวกูว่างั้น”

ว่างั้นป้ามึงเถอะ! ก็บอกว่าเป็นผู้ชายคนแรกที่สบตาด้วยแล้วมึงไม่แปลงร่างเป็นชีเปลือยไง เข้าใจอะไรยากเย็นจังวะ!

ผมตั้งท่าจะอธิบาย แต่ไอ้คชาไม่รอฟังแล้ว เบ้ปากใส่ผม พลางว่าพึมพำ
“อยากทำความรู้จักกับมิสเตอร์จอห์นนี่ถึงขนาดตะล่อมให้ไปอยู่ด้วยแบบนี้ แผนสูงนี่หว่า ร้ายกาจ”
 จะอยากรู้จักไปทำเตี่ยมึงเหรอ! ถึงมันจะผงกหัวขึ้นมาเช็คแฮนด์ กูก็ไม่บ้าจี้ไปเซย์ไฮหรอกเว้ย!

ฟันแม่ง... หาอีโต้มาฟันมิสเตอร์จอห์นนี่แม่ง! ลำไย!

ลำไยเป็นภาษาวัยรุ่น แปลว่ารำคาญ ไม่ใช่แค่มันคนเดียวหรอกที่รำคาญผม ผมก็รำคาญมันเหมือนกัน ทว่าคชามีลิมิตในการอดทนน้อยกว่าผม เห็นผมเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง มันก็แสยะยิ้มออกมา วางมือไว้บนหัวผมด้วยท่าทางกวนโอ๊ย

“ต้องขอโทษด้วยว่ะที่กูไม่มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน อกหักไปนะมึง”
แล้วมันก็หมุนตัวเดินหนีไปทันที ผมได้สติ ก็รีบพุ่งเข้าไปคว้ามันไว้อีกครั้ง
“เฮ้ยเดี๋ยวก่อน แล้วกระเป๋าตังค์ไม่เอาแล้วหรือไง”
“ให้มึงเอาไปนอนกอดเลย จะเอาไปทำอะไรก็ตามใจ เดี๋ยวพวกบัตร กูไปทำใหม่เอง”

ว่าอย่างไม่แยแส สะบัดผมเต็มแรงซะทีเดียวหลุด ผมใจหายวาบที่เหยื่อจะหลุดลอยไป เหมือนจะเข้าข่ายว่าเป็นพวกโรคจิต แต่จะให้ทำไงได้ละเว้ย ผมกูอยากอยู่กับคนที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นมนุษย์ปุถุยนคนปกติเหมือนกันนี่หว่า!

พุ่งเข้าไปหามันอีกรอบทันที คชารู้ตัว กระโดดหนี ผมเลยคว้าเสื้อมันไม่ได้ คว้าเข็มขัดก็ไม่ได้ คว้าอะไรไม่ได้เลย
นอกจาก...แฟ้มใส่เอกสารการเรียนที่มันเหน็บอยู่ใต้รักแร้

กระชากซะเต็มแรง แฟ้มเอกสารหนังสีน้ำตาลเข้มก็ร่วงหล่นสู่พื้น มันดันไม่ได้รูดซิปแฟ้มปิดอีก ข้าวของข้างในเลยหล่นกระจัดกระจาย

คชาหันมาเห็นก็อุทานด่าผมเสียงดัง
“แม่งเอ๊ย ทำบ้าอะไรของมึงวะ!”

สนมั้ยล่ะ... ไม่ ก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของให้มันอย่างรน ๆ ตอนนี้ตกเป็นเป้าสายตาแล้วด้วย ไม่ควรเงยหน้าขึ้นมายิ่ง ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น ก่อนที่มือจะไปคว้าเอาซองกระดาษสีน้ำตาลที่ใส่ของบางอย่างไว้อยู่

ผมหยิบซองนั้นมาไว้ในมือ หน้าซองมีรอยประทับของร้านชื่อแปลก ๆ ร้านหนึ่ง
“Adult xxx?”
ชื่อแบบนี้จริง ๆ xxx นี่แม่งคืออะไรก็ไม่รู้ แต่ผมคิดเป็นเรื่องสิบแปดบวกไปแล้ว แถมหน้าซองยังมีชื่อมันจ่าหน้าอีกด้วย
อีแบบนี้ต้องเป็นของเล่นผู้ใหญ่ ไม่ก็อะไรที่เกี่ยวกับเรื่องใต้สะดือแหง

และผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงดูของข้างในมันหรอก ทว่าในจังหวะที่ผมหยิบมันขึ้นมา ก็ไม่ได้ทันสังเกตว่าซองนั้นถูกฉีกเปิดแล้ว ทำให้ของข้างในไหลออกมาจากซอง ตกแหมะอยู่ที่พื้น ผมถึงได้รู้ว่ามันคือกล่องดีวีดี

ดะ...ดีวีดีหนังโป๊...ขะ...ของผู้ชาย
GV นี่หว่า!?

ผู้ชายวัยรุ่นญี่ปุ่นหน้าตาจิ้มลิ้มนั่งใส่กางเกงลิงตัวเดียว อ้าขาโชว์ห่อหมกอล่างฉ่างทำเอาผมตาแทบพร่า
หนังโป๊เกย์แน่นอน! นี่กูอุตส่าห์ระวังสายตาว่าจะไปเห็นกระเปี๊ยวคนอื่นแล้วนะ มึงยังจะเอามาให้กูเห็นอีก แม้ว่าจะเป็นรูปบนกล่องดีวีดีก็เถอะ

กูจะเลิกกินห่อหมกไปอีกพักนึงเลย สาบาน!

ผมอ้าปากค้าง แต่ได้สติขึ้นมาแล้ว เลยรีบหยิบกล่องดีวีดีนั้นขึ้น ส่วนคชาที่มัวเก็บอย่างอื่นอยู่หันมาเห็นก็อ้าปากค้างไปเช่นกัน ใบหน้าหล่อซีดขาวประหนึ่งผีหลอก ก่อนที่จะแหกปากลั่น
“ฮะ...ฮิคารุซามะ! เอาท่านฮิคารุของกูคืนมานะเว้ย!”

พูดจบก็ถลาเข้ามาหาผม ผมไหวตัวทัน สัญชาตญาณบอกให้รู้เลยว่าเป็นของสำคัญของมันแน่ เลยเอี้ยวตัวหลบ จัดการยัดฮิคารุอะไรนี่ยัดลงขอบกางเกงด้านหน้า เอาเสื้อนักศึกษาคลุมไว้ไม่ให้มันชิงคืนไปได้ง่าย ๆ

คชาเห็นผมทำอย่างนั้นก็ทำหน้าเหมือนโลกจะแตก ร้องลั่นออกมา มือทึ้งผมตัวเองรัว
“ทะ...ท่านฮิคารุของกูแปดเปื้อนแล้ว! นั่นลิมิเต็ดอิดิชันนะเว้ย! ทำอะไรของมึงเนี่ยไอ้เอ๋อ!”
นั่นไง ของสำคัญจริง ๆ ด้วย

ผมยิ้มเผล่ สองมือกอดกล่องดีวีดีไว้แน่น พลางว่าด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ถ้าอยากได้คืน เรามาลองนั่งคุยกันดี ๆ หน่อยเป็นไง น่าจะต่อรองกันได้นะ”
คชาทำท่าฮึดฮัด แลดูโกรธผมจนแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่จนแล้วจนรอดก็...
“ไปคุยที่อื่น ตามมา”
แล้วก็เดินนำไป ผมหัวเราะไล่หลังเล็กน้อย

ไหนมึงบอกว่าไม่ชายตาแลผู้ชายไง แล้วฮิคารุซามะคืออะไร

มึงนี่... โรคจิตกว่ากูอีกเว้ย!

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
โอ๊ยยยย ดีอะ สนุก ฮาดี :hao7:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[1]

เดินจ้ำพรวด ๆ นำหน้าผมมายังร้านกาแฟที่อยู่ด้านหน้าโรงอาหาร สั่งเครื่องดื่มเสร็จก็ตรงไปเลือกที่นั่งที่อยู่ในมุมอับ ตอนแรกผมก็หงุดหงิดนิดหน่อยที่คชาทำเหมือนกับว่าการมากับผมแล้วคนอื่นเห็น มันจะทำให้เสียชื่อเสียงอะไรแบบนั้น
ทำอย่างกับตัวเองหล่อวัวตายควายล้ม ถ้ากูสบตาด้วยแล้ว

เห็นเจี๊ยวมึง กูก็ไม่มาด้วยหรอกเว้ย!

หงุดหงิดได้ครู่เดียว แต่พอหันไปเห็นรูปโปสเตอร์เกี่ยวกับกิจกรรมอะไรสักอย่างของมหาวิทลัยที่เชิญชวนให้เด็กปีหนึ่งไปประกวดคัดเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์ของมหาวิทลัย โดยมีหนุ่มหล่อผู้ดำรงตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์ที่ผ่านการคัดเลือกเมื่อปีที่แล้วยืนยิ้มพรายตรงเสาข้างโต๊ะ ด้านใต้ของรูประบุชื่อจริง คณะที่เรียนและตำแหน่งที่ดำรงยาวเป็นหางว่าว ความสนใจของผมก็ถูกเบี่ยงเบนไป
คชา คณะวารสารศาสตร์ ชั้นปีที่สอง ทูตกิจกรรมและเดือนมหาวิทยาลัย ปี 25xx

แค่นั้นแหละ ผมก็ประจักษ์ได้ทันทีว่าทำไมคชาถึงได้กลัวว่าคนอื่นจะมาเห็นว่าอยู่กับคนที่ถูกตราหน้าว่าโรคจิตอย่างผม ก็ไอ้รูปพรีเซ็นเตอร์นี่เป็นมันนี่หว่า

หูย โรคจิตอย่างมึงนี่เป็นถึงเดือนมหาวิทลัยเลยเหรอวะ

มิน่าทำไมตอนที่เจอกันครั้งแรกถึงได้แต่งตัวถูกระเบียบเป๊ะ ๆ แถมมากับแก๊งเพื่อนหน้าตาดีอีก น่าจะเป็นพวกกลุ่มทูตกิจกรรมเหมือนกันล่ะมั้ง แต่อะไรก็ไม่น่าประหลาดใจเท่าการที่ผมเรียนที่นี่มาตั้งปีนึงแล้วเพิ่งจะรู้ว่าเดือนมหาวิทลัยหน้าตาเป็นแบบนี้
ตอนนี้ผมว่ามันคงไม่ได้กลัวว่าคนอื่นจะมาเห็นว่ามันอยู่กับโรคจิตอย่างผมแล้วล่ะ มันน่าจะกลัวว่าจะมีคนมารู้ว่าแท้ที่จริงมันเป็นโรคจิตที่บ้าหนังโป๊เกย์มากกว่า

แล้วผมก็ได้สติเมื่อคชายกมือขึ้นตบโต๊ะ เรียกความสนใจจากผมไป
“ตกลงมึงต้องการอะไร”
เข้าประเด็นโป๊ะเชะ ไม่มีอ้อมค้อมให้เสียเวลา ผมจับกล่องดีวีดีทีอยู่ใต้เสื้อไว้มั่น ก่อนจะเปิดปาก
“ก็ตามอย่างที่เราบอก เราอยากให้นายมาอยู่ด้วย มาเป็นรูมเมทกันน่ะ ถ้านายอยากรู้ว่าเพราะอะไร เราจะอธิบายเพิ่มเติมให้”
คิดขึ้นมาได้ว่าการที่จู่ ๆ ก็ไปบอกมันว่าอยากได้มันมาอยู่ด้วยอะไรงี้ มันน่าจะไม่โอเค ซึ่งก็จริงเมื่อคชาว่าขึ้นมาอีก
“มึงบอกกูแล้วว่ามึงอยากเห็นเจี๊ยวกู ก็เลยอยากอยู่ด้วย ไม่ต้องอธิบายแล้ว รู้เรื่อง”

รู้เรื่องอะไรของมึง! ไม่ใช่เว้ย!

เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้บอกมันไปว่ามันเป็นคนแรกและคนเดียวที่ผมสบตาด้วยแล้วไม่เห็นจู้ฮุกกรู้ แต่คงจะไม่ชัดเจน งั้นอธิบายแบบครบประเด็นไปเลยแล้วกัน

“ฟังก่อน คืองี้ ไอ้เรื่องที่เราบอกว่าเราสบตานายแล้วไม่เห็นจู๋นายอะ เรื่องจริง เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากอยู่กับนายเพราะปกติแล้ว เวลาเราสบตาผู้ชายคนไหน เราจะเห็นหมดเลย บางทีมันก็ไม่เจริญหูเจริญตาน่ะ แล้วที่เราต้องการให้นายมาอยู่ด้วยอีกเหตุผลนึงก็คือ บ้านเรามีปัญหาเรื่องการเงิน เราเลยจำเป็นต้องแชร์ค่าห้องร่วมกับรูมเมท แต่หารูมเมทไม่ได้เพราะไอ้เหตุผลแรกนี่แหละ พอมาเจอนาย สบตาแล้วมองไม่เห็นจู๋ เราเลยอยากให้นายมาอยู่ด้วย ทั้งหมดก็แค่นั้น”

ตัดสินใจเล่าออกไปหมดเปลือก คชาย่นคิ้ว สายตาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อ ยังไงก็ไม่เชื่อ ผมก็รู้แหละว่ามันต้องไม่เชื่อ ใครจะไปเชื่อกันวะ เรื่องแบบนี้เชื่อยากจะตาย ขนาดเคยบอกแม่กับพี่ผมเรื่องที่ผมมีพลังวิเศษไป ทั้งคู่ยังไม่เชื่อเลย แล้วจะประสาอะไรกับคนอื่นกัน
“มึงนี่สงสัยอ่านการ์ตูนเยอะไปนะ มโนเป็นตุเป็นตะ”

ไม่ได้มโนเว้ย! กูพูดเรื่องจริง!

พูดเรื่องจริง แต่ไม่มีอะไรไปพิสูจน์แหละ เลยได้แต่คร่ำครวญออกมาอย่างเผลอตัว
“เราพูดจริง ๆ นอกจากเรื่องนี้แล้ว เราก็ไม่ได้คิดอะไรเลย ขอร้องล่ะ เชื่อกันหน่อย”
มีความวิงวอนอยู่ในน้ำเสียงเล็กน้อย หวังให้มันใจอ่อน แต่คชาทำเพียงเอียงคอมองผม พลันว่าเนิบ ๆ
“มึง...ขอความรักจากกูอยู่สินะ”

กูจะอยากได้ความรักจากมึงไปเพื่ออะไร! ใครสั่งใครสอนให้มั่นหน้าขนาดนี้!

กลายเป็นผมที่ระอาใจละ พ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ปกตินิสัยของผมก็ไม่ใช่พวกที่จะตามตื๊อไม่หยุด หรือเป็นพวกชอบตอแยอะไรเท่าไหร่ พอต้องมาทำแบบนี้ก็อดเหนื่อยหน่ายไม่ได้ คชาเองก็คงจะเบื่อหน่ายกับสถานการณ์อย่างนี้เหมือนกัน ถอนหายใจออกมาเต็มแรง แบบส่งเสียงด้วย ให้รู้กันชัด ๆ ไปเลยว่าเบื่อ
“เฮ้อ แล้วตกลงจะเอาไง”
“ก็ไม่เอาไง เราแค่อยากให้นายมาอยู่ด้วย”
“กูว่ากูพูดไปชัดแล้วนะว่าไม่ นี่ถ้าไม่ติดว่าฮิคารุซามะฉบับลิมิเต็ดอิดิชันของกูอยู่กับมึงล่ะก็ กูคงไม่มาเสียเวลานั่งคุยกับมึงงี้หรอก แม่ง แผ่นนั้นรวมค่าส่งแล้วเกือบครึ่งหมื่นเลยนะ”

มันก็เรื่องของมึงเว้ย ใครสั่งใครสอนให้ซื้อหนังโป๊แพง ๆ ล่ะวะ โหลดเอาสิ โหลด!

แต่ผมไม่มีอารมณ์จะไปบอกมันละ เพราะหลังจากประโยคนั้น คชาก็เอาแต่ด่าผมพึมพำไม่หยุดปาก ผมก็ได้แต่ยืนยันคำเดิมว่าถ้าอยากได้กระเป๋าเงินกับแผ่นหนังโป๊เกย์คืน ก็มาแชร์ค่าห้องอยู่กับผม ซึ่งก็แน่ล่ะว่าคชาไม่ยอมตกปากรับคำ สุดท้ายก็จบลงด้วย...
“มึงจะเอาเท่าไหร่ถึงจะยอมเอาท่านฮิคารุคืนมาให้กู”
คุยกันไม่รู้เรื่อง ต่อรองกันไม่ลงตัว คชาก็นั่งกอดอก ออกปากพูดเป็นนัยว่าจะเอาเงินฟาดหัวผมหน้าตาเฉย ผมไม่ชอบเลยนะคนนิสัยแบบนี้ แต่ก็ต้องทน ทนแล้วก็ทนอีก ทนวนไป ช่วยไม่ได้ ดันอยากได้มันมาเป็นรูมเมทนี่นา
“เราไม่เอาเงินหรอก”
“แล้วมึงจะเอาอะไร อย่าบอกนะว่า...ร่างกายกู?”

ขอถอนคำพูด... คว้าเก้าอี้ฟาดแม่งเลย มั่นหน้าเหลือเกิน!

“เราจะเอาร่างกายนายไปทำไมวะ”
ชักอารมณ์เสียขึ้นมาบ้างละ เริ่มขึ้นวะ ๆ โว้ย ๆ คชาไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย คชาทำลอยหน้าลอยตา แล้วว่าเนิบ ๆ
“ก็ไม่รู้สิ เห็นอยากอยู่กับกูนักหนา กูเลยคิดว่ามึงอยากได้กูไปเป็นผัวอะไรงี้”

โอ้โหมึง! จะต้องมั่นหน้าเบอร์ไหนวะถึงกล้าพูดออกมาได้ขนาดนี้ ขนลุกเลยกู คิดผิดชะมัดที่มาขอร้องมันเนี่ย ถ้าแม่งสบตาแล้วเห็นแตงกวาล่ะก็ ผมคงไม่มาตามตื๊อมันอย่างนี้หรอก

ผมเงียบไป ไม่ใช่เงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร แต่ระอามันเกินจะทนมากกว่า คล้ายกับว่าอีกไม่นาน ผมก็จะหมดความอดทนละ เพราะไม่ว่าจะพูดคำไหน มันก็วกเข้าเรื่องชวนหลงตัวเองทั้งนั้น

และเพราะผมเงียบ คชาที่นั่งกอดอกอยู่ก็ถอนหายใจออกมา ทำท่าเหนื่อยหน่ายเต็มประดาแล้วก็ว่าขึ้นมาลอย ๆ
“กูต้องขอโทษด้วยว่ะ บอกแล้วว่านอกจากท่านฮิคารุ กูก็พลีกายให้ผู้ชายด้วยกันไม่ได้ ผิดหวังไปนะมึง”
ก่อนหน้านี้มึงบอกว่าไม่ชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่เหรอ!? แล้วนี่มานอกจากท่านฮิคารุอะไรของมึง เป็นเกย์ก็บอกมา ไม่ต้องมาแอ๊บ!
แต่ก็ไม่แน่ว่าเป็นเกย์ มันอาจจะเป็นแค่หนุ่มวายก็ได้ ความจริงจะเป็นอะไรก็ช่างหัวมัน ถ้ามันไม่คลายแขนที่กอดอกอยู่ ทำปากยื่นแล้วพูดราวกับว่าสงสารผมเสียเหลือเกิน

“ปกติแล้ว กูก็ทำคนอื่นอกหักมาเยอะนะ ซึ่งกูก็ไม่สนใจหรอก แต่เพราะมึงมีฮิคารุซามะรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันอยู่ในมือ กูจะยื่นหมูยื่นแมวก็ได้”

กำลังจะถามเลยว่ายื่นหมูยื่นแมวอะไร แต่คชาก็คว้าเอาทิชชูบนโต๊ะมาปึกหนึ่ง สอดเข้าไปใต้เสื้อตัวเอง ถูทิชชูไปกับลำตัว ตามซอกรักแร้ ซอกหลืบด้านบนด้านล่างอะไรก็ไม่เว้น ผมมองแล้วก็เบ้หน้า อดออกปากไม่ได้
“ทำอะไรน่ะ”
“ยื่นหมูยื่นแมวไง”
ยังไม่ทันจะได้เข้าใจเลยว่ายื่นหมูยื่นแมวอะไร คชาก็ถึงทิชชูออกมาจากใต้เสื้อแล้ว ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าผม
“อะ กลิ่นตัวกู จะเอาไปดมหรือเอาไปทำอะไรคนเดียวก็แล้วแต่ กูเสียสละตัวเองขนาดนี้แล้ว มึงเอาฮิคารุซามะของกูคืนมาด้วย”

บ้านมึงเถอะ! นี่เห็นกูเป็นคนยังไง ไม่ได้เป็นพวกโรคจิตเหมือนมึงนะเว้ย!

ไอ้พลังวิเศษนี่...สบตาคนโรคจิตแล้วมองไม่เห็นป๋องแป๋งหรือไงวะ
“อะ เอาไปสิ จะเอาไปปู้ยี่ปู้ยำอะไรก็ตามสบาย ส่งท่านฮิคารุลิมิเต็ดอิดิชันมาได้ละ”
ยังจะยัดเยียดทิชชูชื้นเหงื่อมาให้ผมอีก ผมไม่รับ มันก็เลยโยนลงมาบนโต๊ะตรงหน้าผม เท่านั้นแหละ เส้นความอดทนของผมก็ขาดสะบั้นทันที
“คชา! เราไม่ต้องการอะไรเลย เราแค่ต้องการนายมาแชร์ค่าห้องด้วย มาเป็นรูมเมทเราก็แค่นั้น แล้วนายอยากจะได้ของคืนจากเรา เราก็จะให้คืนหมด แค่มาเป็นรูมเมทเรา เข้าใจมั้ย”

ด้วยความที่เสียงดัง แม้จะแทบไม่มีลูกค้าแต่ก็เรียกสายตาของทุกคนในร้านให้หันมามองพวกเราเป็นตาเดียว อะไรไม่ว่า คนในร้านดันมีแต่ผู้ชายด้วย ผมเลยรีบก้มหน้างุดทันทีที่รู้สึกตัวว่าเผลอทำอะไรลงไป ส่วนคชาก็เอาแต่นั่งมองผมนิ่ง คล้ายกับครุ่นคิด แต่จนแล้วจนรอดก็...

“ขอปฏิเสธ ให้ตาย ทำไมกูต้องมาเสียเวลาคุยกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องด้วยวะ ลาขาดเลยแล้วกัน รำคาญว่ะ”
แล้วก็ลุกไปหน้าตาเฉย ไม่สนใจฮิคารุซามะหรือกระเป๋าตังค์แม้แต่น้อย ทำเอาผมเบิกตาโต ร้องเรียกไว้แทบไม่ทัน

“เอ้า แล้วของล่ะ ไม่เอาแล้วเหรอ”
คชาชะงักมือที่กำลังคว้าแฟ้มเอกสารขึ้นเหน็บข้างลำคัว พลางว่าลอยหน้าลอยตา
“จะว่าอยากได้คืนก็อยากได้แหละ แผ่นดีวีดีนั่นราคาเกือบครึ่งหมื่น แถมมีจำนวนจำกัด กระเป๋าตังค์ก็มีแต่บัตรสำคัญ แต่ช่างแม่ง เดี๋ยวกูสั่งซื้อใหม่ก็ได้ ตอนนี้ยังมีเปิดพรีออเดอร์อยู่ ส่วนบัตร กูก็ไปทำใหม่ก็ได้ กูกับมึงจะได้ลาขาดกันสักที เห็นหน้ามึงแล้วประสาทจะกินกบาล”

ว่าแบบไม่แยแส ไม่สนใจความรู้สึกคนฟังเลยสักนิด ผมนิ่งงัน รู้ตัวทันทีว่าแผนการเอาของมาต่อรองใช้ไม่ได้ผลละ ผมก็เลยรีบคิดแผนใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ถ้าอย่างนั้น เราจะไปป่าวประกาศให้ทั่วเลยว่านายเป็นเกย์ ชอบสะสมแผ่นหนังโป๊เกย์”
มุมปากของคชาหยักยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายยิ้มเย้ย ก่อนจะว่า
“ถ้ามึงคิดว่าคนอื่นจะเชื่อมึงก็ตามสบาย โนสน โนแคร์”

พูดจบ ก็เดินไปยังประตู ผลักออกไปโดยไม่สนใจจะหันมามองผมสักนิด ผมได้แต่มองตามหลัง ไอ้บ้านั่นนอกจากจะความอดทนต่ำโคตร ๆ แล้ว ยังจะไม่สนใจโลกอีก แต่ก็อย่างว่า คชาเป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยอย่างนั้น คนรู้จักต้องเยอะ เพื่อนต้องเยอะ เทียบกับผมที่แทบจะไม่มีเพื่อนแล้ว ถ้าผมพูดอะไรไป เดาได้เลยว่าคนต้องเข้าข้างคชามากกว่าแน่ และผมนี่แหละที่จะซวยเพราะถูกประณามว่ากลั่นแกล้งมันแทน ดังนั้นผมเลยได้แต่นั่งนิ่งราวกับยอมแพ้

...
...
...
ยอมแพ้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละโว้ย! พรุ่งนี้จะมาตามตื๊อใหม่ ยังไงมึงก็ต้องมาเป็นรูมเมทกูให้ได้!

ไฟมาทันใด ใจจริงอยากจะตามไปตื๊อมันซะเดี๋ยวนี้เลย ทว่าดูสถานการณ์แล้ว วันนี้ไม่เหมาะที่จะตื๊อต่อแล้วล่ะ ไว้วันอื่นแล้วกัน นี่ก็เป็นนิสัยเสียของผมล่ะ ถ้าอยากได้อะไรแล้วต้องได้แม้ว่าจะไม่ชอบตื๊อหรือตอแยใครสักเท่าไหร่ก็ตาม
ถือคติว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับใจคนล่ะ เห็นหน้าผมทุกวัน เดี๋ยวมันก็ใจอ่อนเองแหละ...คิดว่างั้นนะ
 



หลังจากตั้งปณิธานว่ายังไงก็จะเอาคชามาเป็นรูมเมทให้ได้ ทุกครั้งที่ผมไม่มีคาบเรียนที่ชนกับคชา ผมก็ไปโผล่หน้าที่ห้องเรียนเขาทุกที ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียนใหญ่ ห้องเรียนเล็ก ผมโผล่ไปหมด อ้างว่ามา Sit-in หรือทดลองเรียนอะไรประมาณนั้น อาจารย์ประจำวิชาก็ไม่ว่าอะไรแล้ว มีแต่คชานี่แหละที่เห็นผมทีไรก็ทำหน้าบูดทุกที ตบท้ายด้วยการลากออกมาด่าในที่ลับตาคนทุกครั้ง และจบลงด้วยการปฏิเสธที่จะเป็นรูมเมทผมเมื่อถูกผมชวนทุกรอบ

ผ่านมาอาทิตย์นึง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ตอนนี้เหมือนว่าคชาจะได้แผ่นดีวีดีฮิคารุซามะลิมิเต็ดอิดิชันอะไรนั่นแผ่นใหม่มาแล้วด้วย บัตรสำคัญอะไรก็ไปทำมาใหม่แล้วเช่นกัน ผมเลยไม่มีข้ออ้างใด ๆ ที่จะต่อรออีกต่อไป คชาเลยเมินผมได้เต็มที่ ซ้ำตอนนี้เวลาไปไหนมาไหนก็พกเพื่อนไปเป็นไม้กันหมาด้วย ทำเอาผมเข้าถึงตัวได้ยากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

เหนื่อยชะมัดเลยให้ตาย แม่กับพี่ก็มาเร่ง ๆ ให้หารูมเมทเร็ว ๆ เพราะใกล้จะถึงกำหนดที่จะต้องย้ายออกจากหอเก่าแล้ว เป็นแบบนี้แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย

คิดหนักทุกวันและทั้งวัน คิดหนักแม้กระทั่งตอนเรียน หูนี่แทบไม่ได้ยินเสียงของอาจารย์สอนเลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเซ็งแซ่ของเพื่อนร่วมคลาสลอยเข้ามาในหู พอเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าตอนนี้ทุกคนพากันจับคู่ทำรายงานอะไรสักอย่างที่อาจารย์สั่งไปก่อนหน้า

วะ...เวรแล้ว สั่งงานอะไรวะ แล้วนี่จับคู่อะไรกัน ไหนคู่กูล่ะ?

มองซ้าย มองขวา รีบหาคู่ทำการบ้านด้วยทั้งที่ความจริงไม่น่าจะหวังว่าจะมีคนมาขอจับคู่ ก็ผมน่ะมักเป็นเศษของคลาสตลอด ถ้ากลุ่มไหนไม่ครบหรือมีสมาชิกเกินได้ ผมถึงจะได้ไปเข้าร่วม ผมถอนหายใจยาว ลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปบอกอาจารย์ว่าเป็นเศษเกิน หากแต่ลุกไปยังไม่ทันจะได้พูดอะไร อาจารย์ประจำวิชาที่สอนผมมาตั้งแต่ปีหนึ่งเห็นหน้าผมปุ๊บ ก็พูดขึ้นมาปั๊บ

“วันนี้คุณไม่ได้เป็นเศษค่ะ ไม่ต้องมาขออยู่กับคู่อื่น โน่น คู่ของคุณนั่งอยู่ตรงโน้น”
ผมมองตามปลายนิ้วเรียวของผู้หญิงวัยกลางคนไปยังมุมในสุดของหลังห้อง พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับนักศึกษาชายรูปร่างสูงคนหนึ่งที่หมอบอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะถูกอาจารย์เรียกความสนใจไปอีก

“ปลุกด้วยนะคะ เห็นนอนมาตั้งแต่เริ่มคลาสละ แล้วก็เขียนชื่อ เลขทะเบียนกับคณะมาส่งด้วย จะได้รู้ว่าใครคู่กับใครค่ะ เปเปอร์นี้เป็นงานยาว ต้องทำด้วยกันจนหมดเทอม เกาะกันไปดี ๆ ล่ะ รายนั้นไม่เคยเข้าเรียน เพิ่งจะมาครั้งนี้ครั้งแรก ฝากดูแลด้วย”
ผมพยักหน้า ตอบรับเสียงเบา ก่อนที่อาจารย์จะประกาศเลิกคลาสแล้วให้เอาใบรายชื่อไปส่งตามหลังที่ห้องพักอาจารย์ ผมเดินไปฉีกเอากระดาษสมุดบนโต๊ะตัวเองก่อนจะเดินไปหาผู้ชายคนนั้น ใจก็เบื่อหน่ายไปด้วยที่ต้องมาคอยหลบการสบตาผู้ชายด้วยกันอีกแล้ว แต่ก็เอาเถอะ มันกลายเป็นชีวิตประจำวันของผมไปแล้วล่ะ

“นาย ตื่นได้แล้ว มาเขียนชื่อหน่อย” ผมยื่นมือไปสะกิดเรียก สะกิดอยู่สองสามทีกว่าผู้ชายคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมา แถมเงยขึ้นมาแล้วก็ฟุบลงไปอีก ทำเอาหัวคิ้วผมย่นยู่อย่างไม่รู้ตัว

มึงอย่ามานอนตอนนี้สิวะ! ง่วงก็กลับไปนอนที่ห้องสิเว้ย!

“นี่นาย ตื่นมาเขียนชื่อก่อน เราจะรีบเอาไปส่งอาจารย์”
ผมสะกิดเรียกอีก คราวนี้ออกปากเรียกเสียงดังหน่อย คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาในสภาพงัวเงียขึ้นสุด ขยี้ตาสองสามครั้งก่อนจะว่า
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

ฟาดหน้ามันด้วยกระดาษแม่ง! พูดไปสองรอบแล้วไม่รู้จักฟัง ลำไย!

“ขอชื่อหน่อย เลขทะเบียนกับคณะด้วย เราจะเอาไปส่งอาจารย์”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับแบบไม่มองหน้าผม พลันยื่นมือมาเป็นสัญญาณว่าให้ส่งกระดาษมา พอผมยื่นให้ เขาก็จัดการเขียนรายละเอียดทั้งหมดลงไป ผมรับมาดูแล้วก็ต้องประหลาดใจขึ้นมา

ชื่อเตชิณณ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ เรียนคณะนั้นแต่มาเรียนวิชาเสรีของคณะนิติฯ แสดงว่าเลือกเป็นวิชาเลือกเสรีแหง แต่รหัสศึกษานี้มัน...

พี่ปีสูงนี่หว่า นี่เรียนหกปีแล้วเหรอวะ?

หกปีแน่นอน ถ้านับถอยจากรหัสนักศึกษาผมย้อนกลับไป เขาต้องเรียนจบไปเมื่อสองปีที่แล้ว แล้วไหงมานั่งหัวโด่อยู่ที่นี่ได้ กะจะเรียนเอาเต็มโควตาแปดปีเลยว่างั้น?

อาจเป็นเพราะผมเอาแต่เงียบ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว เขาเลยหัวเราะขึ้นมาราวกับรู้ทันว่าผมคิดอะไรอยู่ พลางว่าเสียงยานคาง
“พี่ดร็อปเรียนไปต่างประเทศมาน่ะเลยจบช้ากว่าเพื่อน ไม่ต้องงง”
ผมร้องอ๋อ พลันเปลี่ยนเรื่อง
“งั้นผมขอเบอร์หน่อยครับ จะได้เอาไว้ติดต่อกัน พอดีงานนี้มันเป็นงานยาว ต้องคู่กันจนกว่าจะหมดเทอม อาจารย์ฝากผมให้คอยดูแลพี่ด้วย ผมจะได้โทรตามเวลาพี่ไม่มาเรียน”
เขาพยักหน้า ยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากที่กำลังหาว ส่วนมืออีกข้างยื่นมาขอโทรศัพท์จากผม พอยื่นให้ เขาก็จัดการกดเบอร์ตัวเองให้ แล้วส่งคืนมา
“เมมไว้ว่าพี่ชิณณ์นะ ชื่อเล่นพี่เอง แล้วเราชื่ออะไร” ถามรอบนี้ก็ยังไม่มองหน้าผม ขยี้หูขยี้ตาไล่ความงัวเงียไปเรื่อย
“มาวินครับ เรียกวินก็ได้”
“อืม ยินดีที่ได้รู้จักนะมาวิน”
ผมพยักหน้ารับทั้งที่เขาไม่สนที่จะแลสายตามามองเลยสักนิด แต่ก็ดี ไม่ต้องมองหน้าอย่างนี้แหละดีแล้ว ผมไม่อยากจะสบตาเขาแล้วเห็นกระโป๊วเผี่ยวสักเท่าไหร่

เห็นว่าจบเรื่องแล้ว ผมเลยจะเอาใบรายชื่อไปส่งอาจารย์ หากแต่พอหันหลังให้เท่านั้น จู่ ๆ แขนผมก็ถูกดึงไปด้วยฝีมือของใครบางคน ร่างกายหันกลับไปโดยอัตโนมัติ แล้วก็จ๊ะเอ๋! แม่งสบตากับไอ้พี่ชิณณ์เข้าจัง ๆ เลยเว้ย!

มึงไม่มองหน้ากูมาตั้งนาน จู่ ๆ มาทำอะไรของมึงเนี่ย!

ชุดนักศึกษาที่อยู่บนตัวคนตรงหน้าหายวับไปทันที เหลือเพียงเนื้อตัวขาว ๆ และรอยสักลายกราฟฟิกบนอกข้างซ้ายที่ปรากฎให้เห็น ผมกลอกตามองบน พยายามจะคงระดับสายตาไม่ให้ตกลงไปอยู่ด้านล่าง และไอ้การมองบนนี่แหละที่ทำให้ผมเห็นหน้าของคนตัวสูงกว่าได้อย่างชัดเจน

นี่มัน... ฮิคารุซามะนี่หว่า!?

ฮิคารุซามะ นักแสดงหนังโป๊เกย์ที่เห็นบนหน้าปกดีวีดีของคชาจริง ๆ หน้าโคตรเหมือน ผิดกันเล็กน้อยก็แค่ทรงผมของพี่ชิณณ์ดูจะสั้นกว่า และเขาไม่ได้ย้อมผมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนฮิคารุซามะตัวจริง เป็นผมสีดำตามธรรมชาติ ดูเผิน ๆ หน้าตาดีกว่าฮิคารุอะไรนั่นอีก ยิ้มทีนี่ มั่นใจได้เลยว่าสาว ๆ เห็นมีละลายกันบ้างล่ะ หน้าอย่างหวาน

“ลืมไปเลย ขอเบอร์เราไว้ด้วยสิ เผื่อพี่มีธุระอะไรจะได้โทรหา แบบว่าชวนกินข้าวไรงี้ พี่ไม่ค่อยมีเพื่อนน่ะ มันจบกันไปหมดแล้ว บางทีมันเหงา อยู่ ม.แบบไม่มีใครรู้จักเนี่ย ไหน ๆ เราก็ต้องทำงานร่วมกัน สนิทกันไว้แล้วกันเนอะ”

ผมได้สติอีกครั้งหลังจากเอาแต่จ้องหน้าเขา แล้วก็สติหลุดไปอีกทีเมื่อริมฝีปากสีชมพูสวยนั้นยกยิ้มขึ้นมา

หน้าหวานจริง ๆ ด้วย แล้วก็น่าคบหาสุด ๆ ดูโคตรเป็นมิตร แต่จะน่าคบหามากถ้ามึงไม่สบตากูแล้วเห็นไข่น่ะ!

“เอ้าเงียบ ว่าไงเรา ตกลงโอเคมั้ยเนี่ย ถ้าโอเคก็ขอเบอร์ด้วย”
เห็นผมไม่พูดอะไร เขาก็มีท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ขึ้นมา ผมไม่อยากจะตอบรับหรอก แต่ก็นะ ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเลยพยักหน้ารับไปอีกที แล้วก็ยื่นมือขอโทรศัพท์เขามากดเบอร์ตัวเอง เรียบร้อยแล้วก็ส่งคืนให้
“ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะหูตึงซะแล้ว พูดอะไรไม่เห็นหือเห็นอือ ดูท่าทางเป็นคนเข้ากับคนยากนะเรา”
“ผมแค่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนอื่นครับ ไม่ได้เข้ากับคนยากหรอก” ผมว่าไปตามตรง เหลือบมองไปยังมือเขาที่จับต้นแขนผมไม่ยอมปล่อยเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมา “จะให้ผมเอารายชื่อไปส่งอาจารย์ได้หรือยังครับ?”
“โทษที งั้นแยกกันเลยก็แล้วกัน พี่มีงานต้องไปทำต่อ ไว้เจอกันนะ”

พี่ชิณณ์ปล่อยมือออก ยกมือขึ้นสูงในอากาศเป็นเชิงว่าลืมตัวเลยจับไว้ซะนาน ยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวไปเก็บข้าวของลงกระเป๋าสะพายข้าง แล้วเป็นฝ่ายเดินออกจากห้องไปก่อนผมซะอย่างนั้น ผมมองตามแล้วถอนหายใจ

ช่วงนี้ถอนหายใจบ่อยเหลือเกิน เจอคนแปลก ๆ ก็บ่อย ไอ้บ้าคชานั่นก็คนนึงแล้ว ยังจะมาเจอพี่ชิณณ์อะไรนี่อีก นี่เรียนวิชานี้มาเกือบจะครึ่งเทอมละ เพิ่งจะเคยเห็นหน้าครั้งแรก ก็อย่างที่อาจารย์บอกว่าเขาเพิ่งมาเรียนครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ทำไมมันต้องมาแจ้คพ็อตลงที่ผมพอดีเลยวะ?

คิดไป ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ร่างสูงที่เดินออกจากห้องไปแล้วก็เดินถอยหลังกลับมาร้องเรียกผมอีกครั้ง ให้ผมหันไปสบตา
สบตารอบแรกไม่เห็นส่วนล่างเพราะผมไม่ได้มอง แต่มารอบนี้ไม่ทันได้ตั้งตัวไง โอ้โห! ก้นขาวโบ๊ะ ข้างหน้าก็วับ ๆ แวมๆ ห้อยต่องแต่ง ตาแทบบอดเลยพับผ่า!

“ไว้พรุ่งนี้พี่จะโทรหาตอนเที่ยงนะ ไปกินข้าวด้วยกัน จะได้คุยเรื่องงานกันด้วย จะได้ทำแต่เนิ่น ๆ ”
แล้วเขาก็ยกมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์โอเค ตกลงปลงใจเองทั้งที่ผมยังไม่ได้เอ่ยปากอะไรสักนิด ก่อนจะหายตัวไปจากหน้าประตูอีกครั้ง

เป็นคนแปลก ๆ จริง ๆ ด้วย แต่ท่าทางจะไม่ใช่พวกโรคจิต ถ้าเป็นพวกโรคจิต ต้องสบตาแล้วไม่เห็นป๋องแป๋งเหมือนไอ้คชา แต่อย่าเลย แค่คชาคนเดียว ผมก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้วล่ะ
 



ว่าไอ้คชาว่าเป็นโรคจิต คิดไปคิดมา ผมก็ไม่ต่างกัน พอวันใหม่มาถึง ผมไม่มีเรียนเช้า ทว่าคชามี ผมก็ไปโผล่หน้าที่คลาสเรียนของมันอีกละ ทำเอาคชาที่เห็นหน้าผมกลอกตาเป็นเลขแปดไทยรัว ๆ ดูเหมือนมันจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยที่วันนี้แก๊งเพื่อนของมันพร้อมใจกันโดดเรียน ผมเลยมีโอกาสตามติดมันอีกครั้ง ตามติดยันตอนพักเที่ยง มันไปกินข้าวที่โรงอาหารใกล้กับตึกเรียนรวม ผมก็ตามมันไป ทำเอามันแหวผมเสียงลั่นโรงอาหารไปสี่ซ้าห้ารอบ

“มึงจะตามกูทำไมนักหนาเนี่ย ชาติก่อนเป็นเห็บหรือไง บอกแล้วว่ากูไม่ได้เป็นเกย์!”

กูก็ไม่ได้เป็น มึงอย่าพูดให้คนอื่นเข้าใจกูผิดสิวะ!

ตะเบ็งเสียงอย่างนั้น คนอื่นก็มองกันอย่างพร้อมเพรียง แล้วผมสนมั้ยล่ะ... ไม่ ไม่ใช่ไม่สนนะ ไม่มองรอบข้างเลยต่างหาก ก้มหน้างุด ๆ อย่างรวดเร็ว

ก็ใครมันจะไปกล้ามองรอบข้างวะ ตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้ มองเพื่อ? เดี๋ยวก็ได้เห็นดงแตงกวาหรอก!


ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[2]

พอสถานการณ์กลับมาเป็นปกติเล็กน้อย ผมก็เปิดปากพูดบ้าง
“แต่นายชอบฮิคารุอะไรนั่นก็แสดงว่านายเป็นแล้ว”
“ไม่ได้เป็น แต่เว้นที่ไว้ให้ท่านฮิคารุคนนึง ถ้าเจอหน้าสักครั้งจะยอมพลีกายให้เลย”
พูดไปก็ตักข้าวเข้าปากไปด้วยท่าทางสบาย ๆ ส่วนผมก็เบ้ปากอีกระลอก
มึงจะเว้นไว้ทำเพื่อ!? ชอบผู้ชายด้วยกันถึงขั้นพลีกายขนาดนี้ จะคนเดียวหรือหลายคน ก็หมายความว่ามึงเป็นเกย์แล้ว!
ผมไม่พูดอะไร ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง แค่นี้ก็เปลืองน้ำลายไปกับการตื๊อให้มันมาเป็นรูมเมทด้วยจนหมดแรง หิวไส้กิ่วแล้ว ดูท่ามันก็คงจะหมดแรงจากการออกปากไล่ผมตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอหน้าเหมือนกัน มันเลยไม่พูดอะไร เอาแต่ตักข้าวเข้าปากเอา ๆ กระทั่งเสียงโทรศัพท์ผมทำลายความเงียบขึ้น

พอคว้าขึ้นมาดู ผมก็ย่นคิ้วนิดหน่อยที่เห็นหน้าต่างโปรแกรมแชทแจ้งเตือนขึ้นมา ปกติแล้วโทรศัพท์ผมมีไว้ให้แม่กับพี่โทรมาอย่างเดียวเท่านั้น นาน ๆ ทีจะมีส่งข้อความมาทางโปรแกรมแชทนิดหน่อย หากแต่พอเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมาแล้ว ผมก็หายแปลกใจ

ก็จะใครล่ะ พี่ชิณณ์ไง สงสัยมันจะแอดกันโดยอัตโนมัติเพราะผมเมมเบอร์พี่ชิณณ์ไว้ในโทรศัพท์น่ะ

‘มาวินนั่งอยู่ตรงไหนอะ เมื่อกี้พี่เห็นเดินผ่านอยู่แวบ ๆ ตามไม่ทัน’

ถอนหายใจออกมาอีกรอบ ขี้เกียจนับละว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ พี่ชิณณ์นี่ก็เอาจริงซะด้วย เห็นเมื่อวานบอกว่าจะชวนมากินข้าว ผมก็นึกว่าพูดเล่น ๆ ที่ไหนได้ แม่งจริงจังนี่หว่า ลืมไปแล้วด้วยเถอะอันที่จริงน่ะ

ผมก็ไม่ตอบกลับไปหรอก มองซ้าย มองขวาแล้วไม่เห็นเขาก็ทำเป็นเฉย ๆ ไป ทว่าพอทำเป็นเฉย เขาก็ส่งข้อความมาไม่หยุด
เสียงข้อความเรียกเข้าดังรัว ๆ จนคชาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มทำหน้าหงุดหงิดมากขึ้นไปทุกที ก่อนจะแผดเสียงใส่
“ถ้าไม่คุยก็ปิดเสียงสิเว้ย!”
ผมหยิบโทรศัพท์มา กำลังจะตั้งค่าเป็นระบบสั่น หากแต่พี่ชิณณ์ก็โทรเข้ามาเสียก่อน ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว
“เอ้า ๆ ตกใจอีก จะรับมั้ย ถ้าไม่รับก็ตัดสายแล้วปิดเครื่องไปเลย รำคาญ”

กูก็รำคาญ! รำคาญมึงด้วยเนี่ย ใจเย็น ๆ สิเว้ย!

ตัดสายแล้วปิดเครื่องไปตามที่คชาบอก ที่ผมตัดสินใจทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเพราะเชื่อฟังคำสั่งมันหรอกนะ เห็นมันเริ่มสงบ ไม่ออกปากไล่ผมแล้ว ผมเลยยอมทำตามมันเพื่อที่จะหาทางตะล่อมให้มันตอบรับข้อเสนอผมน่ะ แต่ทว่าถึงผมจะตัดสายและปิดเครื่องหนีพี่ชิณณ์ไปมันก็เท่านั้น เพราะไม่กี่นาทีให้หลัง ร่างสูงของผู้ชายผิวขาวโบ๊ะ หน้าตาอย่างกับหลุดมาจากซีรีส์ญี่ปุ่นก็ปรากฎสู่สายตาผมทันที เขาถือจานข้าว เดินพล่านไปทั่วโรงอาหาร เท่านั้นผมก็รู้เลยว่าคนที่เขากำลังมองหาอยู่คือผมเอง อะไรไม่ว่า แม่งเดินตรงมาทางนี้ด้วย ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันใด

นี่ถ้าสิงกับโต๊ะได้คงสิงไปแล้วล่ะ...

คชาเห็นผมมีท่าทางแปลก ๆ ก็ย่นจมูก ส่งเสียงกวนโมโหออกมา
“มาละ เอาละ ไม่ได้กินยาตอนเช้ามาสินะ อาการเลยกำเริบ ไหนยาแก้บ้า กินข้าวเสร็จแล้วก็รีบ ๆ กินเข้าไปซะ จะได้หายบ้า”

มึงนี่ก็ปากดีเหลือเกินไอ้คชา! ตอนนี้มันใช่เวลาที่จะมากวนโมโหมั้ย!

ผมอยากจะเงยหน้าขึ้นมาค้อนใส่มันฉิบเป๋ง แต่ก็ทำได้แค่กลอกตาไปมา ส่วนคชาก็ส่งเสียงดังหึขึ้นจมูก รวบช้อนส้อมที่ถืออยู่เข้าหากัน
“วันนี้กินไม่อร่อยเลยว่ะ เพราะมึงคนเดียวเลย”

ไอ้นี่...อะไรก็โทษแต่กูตลอดเลยนะ ไม่ได้ไปทำอะไรให้สักนิด!

เห็นคชาจะลุกไป ผมก็รีบเอื้อมมือไปคว้าแขนมันไว้อย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”
ไม่ให้มันไปเพราะกะว่าเดี๋ยวพี่ชิณณ์หาผมไม่เจอ ก็คงจะยอมตัดใจแล้วไปที่อื่นแทน ผมก็จะได้ตื๊อมันต่อ หากแต่คชาก็สะบัดแขนออก ว่าเสียงขุ่น
“ตามจังเลยวะ อะไรอีกเนี่ย”
“รอก่อน แป๊บนึง ยังคุยไม่เสร็จเลย”
“กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึงแล้ว เลิกตาม!”

แล้วก็เดินไปเลย ผมอ้าปากค้าง เตรียมจะร้องเรียก ทว่าคชาที่ทำท่าฮึดฮัด คล้ายว่าอยากจะจรลีลี้หน้าไปจากผมในตอนแรกก็หยุดชะงักเมื่อเห็นใครบางคน ใบหน้าหล่อดูตกตะลึงราวกับเห็นผี ผมเห็นแล้วก็สงสัยว่าจู่ ๆ มันเป็นอะไร แต่ไม่ต้องถาม มันก็ตอบผมแล้ว

"ฮะ...ฮิคารุซามะ"

ไม่ได้ตอบผมหรอก มันแค่ครางไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่ามันทำหน้าเหมือนเห็นผีเพราะอะไร
เห็นพี่ชิณณ์นี่เอง...

ครางอย่างตกตะลึงอย่างเดียวไม่พอ แข้งขาก็อ่อนแรง ทรุดตัวลงนั่งตามเดิมหน้าตาเฉย มีเพียงสายตาที่จับจ้องยังพี่ชิณณ์ที่เดินไปเดินมาแถวนั้นไม่หยุด ปากก็ยังครางเรียกอีกฝ่ายไม่เลิก

“ท่านฮิคารุ...”
แล้วก็ครางเรียกอย่างนี้ไปอีกหลายรอบ ผมถึงกับกุมขมับ อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าไม่ใช่ แค่คนหน้าเหมือน แต่ไม่พูดดีกว่า เกิดพูดไปแล้วพี่ชิณณ์หันมาเห็นผมขึ้นมา ผมได้ซวยลูกตาพอดี

ทว่าไอ้การที่ไม่พูด เอาแต่ก้มหน้าจะสิงสู่กับโต๊ะเนี่ย ก็ทำให้คชาละเมอเพ้อพกอยู่คนเดียวไม่หยุด จากที่ครางเรียกฮิคารุซามะสิบวิ สองสามครั้ง ตอนนี้แม่งครางเรียกอย่างถี่
“ฮิคารุ...ซามะ... ฮิคารุ...ซามะ...”

มึงเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำหรือไง พูดครั้งเดียวก็รู้เรื่องแล้วเว้ย!

ผมเงยหน้าเหลือบมองมันที่มองอีกฝ่ายตาค้าง มองตามร่างพี่ชิณณ์ไปมาอย่างระอาขณะที่ยังซ่อนใบหน้าตัวเองอยู่ ใจก็ไม่อยากจะสนใจทั้งมัน ทั้งรุ่นพี่เวรนั่นหรอกนะ แต่พอคชาพูดขึ้นมาแบบเพ้อ ๆ อีกครั้ง ผมเลยอดรำคาญไม่ได้ ก็มันน่ะเพ้อไม่พอ ตอนนี้เริ่มพานมาเขย่าผมด้วย

"ท่านฮิคารุ... ฮิคารุซามะจริง ๆ ด้วยมึง"

เขย่าซะกูเป็นเซียมซีเลยไอ้คชา! สติเว้ยมึง ตั้งสติ!

“มึง...ท่านฮิคารุเว้ย ท่านฮิคารุมาโปรดแล้ว”
"ฮิคารุซามะป้ามึง! นั่นพี่ชิณณ์เว้ย!"

ผมหมดความอดทน เผลอตะคอกออกไปจนได้ หยาบคายอีกต่างหาก คชาชะงัก ละสายตามามองผมแทนรุ่นพี่ได้ ขณะที่ผมเองก็ชะงักเมื่อตระหนักได้ว่าเสียงตะคอกเมื่อกี้มันดังพอที่จะทำให้ได้ยินกันค่อนโรงอาหาร และแน่นอน พี่ชิณณ์ที่มองซ้ายขวาหาผมอยู่ก็ได้ยินเช่นกัน เขาชะงักขาที่สาวเท้าเดิน ก่อนจะหันมามองเห็นผม จังหวะเดียวกับที่ผมดันเงยหน้าขึ้นหันไปมอง  โป๊ะเชะ! สบตาพอดีเลย พริบตาเดียว เสื้อผ้าบนตัวเขาก็อันตรธานหายไปกับตา กลายร่างจากพี่ชิณณ์เป็นองค์พ่อฮิคารุซามะเตรียมถ่ายหนังสดทันตาเห็น

วะ...เวรเอ๊ย! อุตส่าห์หลบแล้วนะ ยังจะมาเห็นอีก!

หงุดหงิดขึ้นมาในเสี้ยววินาที แต่มีแค่ผมแหละที่หงุดหงิด เพราะพี่ชิณณ์หาตัวผมเจอปุ๊บ ก็ยกมือขึ้นโบกเรียกปั๊บ
"มาวิน!"
น้ำเสียงระรื่นมากกก ระรื่นแค่เสียงไม่พอ เดินระริกระรี้เข้ามาหาพร้อมสีหน้าดี๊ด๊าด้วย ส่วนผมก็ทำหน้าไม่ถูกทันควันที่ได้เห็นส่วนไม่พึงมองกลางลำตัวของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

โอ้โหมึง… เดินป๋องแป๋งต่องแต่งแกว่งไกวเข้ามาหาขนาดนี้ คงหนีไม่รอดแล้วล่ะไอ้มาวิน!

ไม่รอดจริง ๆ มาถึงโต๊ะได้ ก็นั่งแหมะลงมาข้าง ๆ ผม ผมเลยเลิกจ้องจะสิงโต๊ะ หันมาสบตาเขาแทน ไหน ๆ ก็เห็นไปละ ช่างแม่งเลยแล้วกัน

“หาตั้งนาน อยู่ตรงนี้นี่เอง แล้วโทรหา ทำไมถึงปิดเครื่องอะ อย่าบอกนะว่าไม่อยากให้พี่มากินข้าวด้วย”
นั่งได้ก็เปิดฉากชวนคุยทันที ชวนคุยเฉย ๆ จะไม่ว่าเลย มาถามแบบจับผิด ซึ่งมันก็จริง แต่ผมก็ไม่ยอมรับ โกหกไปด้วยคิดได้ว่าผมจะต้องทำงานร่วมกับเขาในอนาคต

“กำลังจะกดรับ แต่โทรศัพท์แบตหมดพอดีเลยครับ”
“อ๋อ งั้นก็ค่อยยังชั่ว นึกว่าเราไม่อยากให้พี่มาวุ่นวาย”
ก็ไม่อยากให้มาวุ่นวายนี่แหละ เห็นมั้ยว่ากูกำลังตื๊อไอ้คชามันอยู่ มึงนี่ก็นะ โผล่มาไม่ได้จังหวะเลย!
“แล้วนี่ไม่กินมะเขือเทศเหรอ พี่ขอนะ”

โผล่มาไม่ได้จังหวะไม่พอ อยู่ดี ๆ ก็ถือวิสาสะชะโงกหน้ามามองข้าวผัดในจานผม เห็นมะเขือเทศถูกเขี่ยอยู่ข้างจาน เขาก็เอาส้อมมาจิ้มไปกินหน้าตาเฉย

มึงนี่มันเฟรนด์ลี่เกินไปมั้ยเนี่ย...

อึดอัดขึ้นมาทันที อึดอัดอะไรแบบนี้ ไม่ได้สนิทสนมกับใครมาเป็นสิบปีแล้ว จู่ ๆ มีคนมาตีสนิทด้วย ผมก็รู้สึกแปลก ๆ ส่วนคชานี่ไม่นับ ผมไม่เรียกว่าตีสนิท เรียกว่าตามตื๊อ

เห็นพี่ชิณณ์มีท่าทีแบบนั้น ผมเลยตัดใจเรื่องจะตื๊อคชาต่อ กะว่าจะรีบกินข้าว แล้วจะได้รีบแยกย้ายเพราะเขาเริ่มชวนคุยเป็นตุเป็นตะอย่างกับว่าผมรู้จักเขามาหลายชาติ

ตอนแรกก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่พอเหลือบเห็นคชาที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง เอาแต่มองหน้าพี่ชิณณ์ที่จ้อไม่หยุด ผมก็เปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน

ผมก็ลืมไปว่าพี่ชิณณ์หน้าเหมือนคนที่คชาชอบ หึ ๆ แบบนี้ได้ตัวต่อรองเพิ่มขึ้นมาแล้ว งั้นเปิดทางสักหน่อยแล้วกัน
“เอ้อ พี่ชิณณ์ครับ นี่คชา ส่วนนี่พี่ชิณณ์นะ เรียนคลาสเดียวกัน รู้จักกันเพราะเป็นคู่ทำเปเปอร์กับเราน่ะ”
การที่จู่ ๆ ก็โพล่งออกไปแบบนั้น ทำให้พี่ชิณณ์หยุดจ้อเรื่องของตัวเองฉับพลัน หันไปมองหน้าคชา แล้วเพิ่งตระหนักได้ว่านอกจากผมที่นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ก็มีไอ้โรคจิตที่เอาแต่จ้องหน้าเขาไม่เลิกนั่งหัวโด่อยู่ด้วย
“พี่ชิณณ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
ทักทายสั้น ๆ แต่กลับทำให้คชาสะดุ้ง พลันมีท่าทีเลิ่กลั่กทันใด
“คะ...คะ...”
พี่ชิณณ์นิ่งงันที่เห็นคชาพูดติดอ่างกะทันหัน ผมมองหน้ามัน เห็นสีแดงเรื่อบนซีกแก้มก็รู้เลยว่ามันกำลังเขิน
แหม มึงนี่ ไหนบอกว่าร่างกายนี้จะพลีให้ท่านฮิคารุคนเดียวไงวะ พอมาเห็นพี่ชิณณ์ มึงก็ออกอาการเลยนะ ไอ้เกย์!
“คะ...คะ...”

ยัง...ยังคะไม่เลิก ก็รีบ ๆ พูดไปสิวะว่าชื่อคชา รำคาญ!

ก็ยังคะ ๆ อยู่ ไม่พูดสักที ผมถึงกับหลุดหัวเราะในลำคอ รู้เลยว่ามาถูกทางแล้ว นี่แหละ ใช้พี่ชิณณ์มาต่อรองเลย หน้าตาเหมือนท่านฮิคารุไรนี่ดีนัก แถมยังมาเกาะติดแบบไม่มีสาเหตุอีก ขอใช้ประโยชน์หน่อยแล้วกัน
คชาก็ยังติดอ่างไม่เลิก กระทั่งพี่ชิณณ์ที่รออยู่นานโพล่งขึ้น
“หืม? คะอะไรครับ?”
“คะ...คะ...”
“พี่ชิณณ์ครับ หมอนี่ชื่อ...”

ผมเกือบจะออกปากแนะนำตัวคชาให้แทนแล้ว ดูท่าทางคชามันจะช็อคที่จู่ ๆ ก็ได้เห็นฮิคารุซามะตัวเป็น ๆ มาอยู่ตรงหน้า ถึงจะไม่ใช่ตัวจริงก็เถอะ แต่หน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ จะช็อคก็ไม่แปลก
หากแต่ผมพูดได้แค่นั้น คชามันก็แหกปากขึ้นมาเสียงดัง
“คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย งั้นกูกิน!”

แหกปากไม่พอ พยักเพยิดปลายคางมาที่จานข้าวผัดของผม ก่อนจะรีบยื่นมือมาจกใบคะน้าเข้าปากตัวเองแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ

นี่มึงตลกรับประทานสินะ! ข้าวนี่กูยังกินไม่เสร็จมั้ย เอามือมาจกเพื่อ!?

ไม่กงไม่กินต่อมันละ เทเลยแล้วกัน
พี่ชิณณ์เห็นคนตรงหน้าทำท่าทางแปลก ๆ อย่างนั้นก็อึ้งไปนิด นิดเดียวจริง ๆ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง
“เพื่อนเราตลกดีแฮะ นี่ติดอ่างจริงหรือแกล้งเนี่ย”
ปลายประโยคหันไปถามคชา คชาที่เคี้ยวผักใบเขียวอยู่เหลือบมองมาทางผม ก่อนรีบกลืนของในปากลงคอ แล้วว่าออกมาอีก
“มะ...ไม่...ไม่ได้...”
“โอเค พอ ๆ กว่าจะได้พูด สงสัยพรุ่งนี้พอดี พี่เข้าใจละว่าติดอ่างจริง ไม่ได้แกล้ง”
พี่ชิณณ์พูดไป ก็ขำน้ำหูน้ำตาไหลไป ผมยิ้มฝืน ๆ ให้เพราะรู้ว่าคชาไม่ได้ติดอ่าง แล้วก็ไม่ได้แกล้ง แต่ที่ติดอ่างนี่เป็นเพราะเห็นพี่ชิณณ์นี่แหละ
“อ้าว แล้วนี่เราอิ่มแล้วเหรอ? กินน้อยจัง”
หันกลับมาถามผมละพอเห็นว่าผมรวบช้อนส้อมเข้าหากัน

แหม่ ไอ้พี่ชิณณ์นี่ เมื่อกี้ไม่เห็นไอ้เวรนั่นมันเอามือมาจกจานข้าวกูหรือไง กินต่อได้ก็สตรองเกินไปละ มือแม่งมีเชื้ออะไรบ้างก็ไม่รู้ กินเข้าไป เดี๋ยวได้ติดเชื้อบ้ากันพอดี

“อิ่มแล้วครับ พอดีวันนี้ผมไม่ค่อยหิว”
จะพูดความจริงไปมันก็ใช่เรื่อง เลยต้องแถไปเรื่อย
พี่ชิณณ์พยักหน้าพร้อมทำปากยื่น ไม่ได้ถามอะไรต่อ ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว ก่อนจะเริ่มจ้อต่อไปเรื่อย ขณะคชานั่งมองเขาตาไม่กะพริบ ส่วนผมก็ก็ฟังที่พี่ชิณณ์พูดบ้าง ไม่ได้ฟังบ้าง ในหัวเอาแต่คิดแผนการลำดับต่อไป กะว่าพอพี่ชิณณ์กินข้าวเสร็จแล้วแยกย้ายกันเรียบร้อย ผมก็จะตะล่อมบอกคชาว่าถ้าเป็นรูมเมทกับผม มันจะได้เจอพี่ชิณณ์บ่อย ๆ
อีแบบนี้ ไอ้คชาไม่รอดพ้นตำแหน่งรูมเมทผมแน่ ๆ

ใช้เวลาไม่นานนัก พี่ชิณณ์ก็จัดการอาหารในจานจนเกลี้ยง ผมตั้งท่าจะบอกลา หมายใจว่าจะอ้างว่ามีเรียนต่อ จะได้เริ่มจัดการคชาต่อสักที
“พี่ชิณณ์ครับ...”
หากแต่หันไปเรียกคนข้างตัวเท่านั้น อีกฝ่ายก็เรียกชื่อผมสวนพอดี
“มาวิน อะไรติดหน้าน่ะ”
เรียกก็ไม่เรียกเปล่า ถามก็ไม่รอคำตอบ สิ้นเสียงปุ๊บ ก็ยื่นมือมาแตะเข้าที่ใต้ตาข้างขวาของผมปั๊บ ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาซะใกล้ ทำเอาผมผงะไปเล็กน้อย แต่ครู่เดียว เขาก็ผละออก
“อ๋อ ไฝ ก็นึกว่ามีอะไรติด ผมมันปิดหน้าปิดตาเลยมองไม่ชัดน่ะ แต่ผู้ชายมีไฝใต้ตานี่มีเสน่ห์นะ น่ารักดี”
ผมไม่รู้ว่าจะต้องดีใจกับคำชมนี้มั้ย เห็นป๋องแป๋งผู้ชายไม่พอ ยังมาโดนผู้ชายด้วยกันชมอีก แบบนี้มันก็...

...ไม่น่าดีใจสักนิด! กูจะดีใจไปทำเพื่ออะไร ยิ่งเป็นผู้ชายที่เดินต่องแต่งแกว่งไกว ซ้ำยังหน้าตาเหมือนดาราหนังโป๊ด้วย กูก็ยิ่งไม่ดีใจเข้าไปใหญ่!

“ครับ”
ทว่าก็ได้แต่ตอบรับอุบอิบไปตามเรื่องล่ะนะ จะมีก็แต่คชาที่ไม่อุบอิบไปกับผม จู่ ๆ ก็เด้งตัวลุกขึ้นยืน ทำหน้าเครียด พลันยื่นมือมาคว้าแขนผมหมับ
“ไอ้เอ๋อ! กูขอคุยด้วยหน่อย!”

ผมไม่รู้หรอกว่าจะคุยเรื่องอะไร แต่ถ้าให้เดา ก็คิดว่าคงเป็นเรื่องของพี่ชิณณ์ ผมเลยยอมลุกตามแต่โดยดี พี่ชิณณ์มีสีหน้าสงสัยทันทีที่เห็นอากัปกิริยาโผงผางของคชา ก่อนคชาจะรู้สึกตัว รีบคลายหัวคิ้วที่ย่นยู่ หันไปยิ้มแหะ ๆ ให้พี่ชิณณ์พร้อมกับส่งเสียงหวาน
“ขะ...ขะ...ขอตัว...สะ...สักครู่นะครับ”
“อือ ตามสบายเลย”

พี่ชิณณ์ตอบรับได้ มันก็ผงกหัวประหลก ๆ แล้วรีบลากผมออกมาจากตรงนั้นทันที ปล่อยให้ผมบุ้ยปากตามหลังมันอย่างลืมตัว
แหม กับกูนี่ตะคอกเอา ๆ กับพี่ชิณณ์นี่ เสียงอ่อนเสียงหวานเลยนะมึง! ไอ้สองมาตรฐาน!

แต่ก็คิดถูกแล้วล่ะที่ตั้งใจจะใช้พี่ชิณณ์เป็นเครื่องมือต่อรอง ได้ผลไวเกินคาดแฮะ รับรองเลยว่างานนี้ ไอ้คชาไม่รอดมือผมแน่
รู้จักความเจ้าเล่ห์ของมาวินคนนีน้น้อยเกินไปซะแล้ว!

------------------------------
มาแว้วววว
ฝากส่งฟีดแบ็กด้วยนะคะ ^^

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
เราเริ่มไม่มั่นใจในตัวคชาแล้วอะ นายยังแมนอยู่ใช่มั้ย? :hao7: :hao3:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เป็นพลังพิเศษที่แปลกดี

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ได้รูมเมทแล้วล่ะวิน
คชา อาการหนักมาก

 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ darksnow

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คชานี่ยังไง 5555 สรุปเป็นใช่ป่ะ เขินไรเบอร์นั้น พี่ชินนีาเป็นทัน ฮารุไรสักอย่างของคชาใช่มะ555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ nnjoggy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตลกคำพูดที่ใช้บรรยายไอนั่นมากๆ

แบบแกว่งไกวอะไรงี้ เอาซะภาพมาเลย 555

ออฟไลน์ queenrose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คชา นี่ยังไง ไม่ชอบผู้ชาย ไม่ใช่เกย์
แต่ชอบดาราเกย์  ฮิคารุซามะ :katai1: :katai1: :katai1:
มาวิน นี่ก็มีพลังวิเศษที่แสนจะวิเศษ
เอ่อ...ถ้ามาวินเป็นเกย์อะนะ
ได้คัดเลือก ซิกศ์แพค แตงกวาสวยๆ
สุดยอดก้นเต่งๆ แน่นๆ อะจ๊ากกก   :ling1: :ling1: :ling1:
พี่ชิณณ์ จะมาช่วยให้คชามาเป็นรูมเมทมาวินได้ละมั้ง
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ใครคู่ใครเนี่ย. เหมือนวินจะเป็นกามเทพระหว่างคชากับพี่ชิณณ์.  เหมือนพี่ชิณณ์จะเอ็นดูวิน.  รักสามเส้ารึเปล่าเนี่ย

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คชานี่พระเอกใช่ไหมคะ แน่ๆใช่ไหม 555555555555555555555

ออฟไลน์ natashajy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มีการออกจากบ้านไม่สบตาใคร
5555555
 รอติดตามค่าา

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
ลุ้นต่อไปว่าใครคู่ใคร
 :katai5: :katai5:
 :pig4:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[1]

ดูจากสถานการณ์ ผมเป็นต่ออย่างนี้ก็แน่นอนล่ะว่าผมต้องใช้พี่ชิณณ์มาเป็นเครื่องมือต่อรองกับคชาให้มันมาเป็นรูมเมทผมแหงแซะ แต่ไม่ต้องเอ่ยปากเองสักนิด แค่มันลากผมออกมาพ้นจากโรงอาหาร ไปอยู่ในที่ลับหูลับตาคนได้ มันก็กระซิบกระซาบเป็นการใหญ่

“ถามจริงนะไอ้เอ๋อ มึงรู้จักฮิคารุซามะได้ยังไงวะ ตอนกูเห็นหน้าครั้งแรกนะเว้ย แม่ง ใจเต้นแรงฉิบหาย”

มาถึงก็เอาเลย ผมแอบกลอกตา เบ้ปากใส่มันไปเล็กน้อย

“นั่นไม่ใช่ฮิคารุซามะ นั่นพี่ชิณณ์ แล้วเราก็ไม่ได้ชื่อไอ้เอ๋อด้วย เราชื่อมาวิน เรียกยาวๆ ไม่ถนัด เรียกว่าวินเฉยๆ ก็ได้”
ผมสวนคืน มันเองก็ไม่ได้สนใจที่ผมพูดเลยสักนิด

“เออ จะอะไรก็ช่างเถอะ ว่าแต่มึงรู้จักพี่ชิณณ์เขาได้ยังไงวะ สนิทกันแค่ไหน พี่เขาเรียนคณะอะไร แล้วเขามีแฟนหรือยัง”
ถามมาเป็นชุด ทำเอาผมเบ้ปากใส่รัวๆ ไปอีก

“ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์”

คชาทำหน้าเหมือนเพิ่งจะนึกได้ว่าถามอะไรออกไป ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ทำทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน
“แล้วใครบอกว่ากูเป็นล่ะ”

มึงนั่นแหละบอก! ถ้ามึงไม่ได้เป็นแล้วจะอยากรู้ว่าพี่ชิณณ์มีแฟนหรือยังเพื่ออะไร!?

ขี้เกียจไปเถียงกับมัน เห็นมันทำท่าทางเฉไฉด้วยแล้วก็ช่างเถอะ เปล่าประโยชน์ที่จะไปเถียงอะไรไร้สาระ อีกอย่าง การที่มันจะชอบพี่ชิณณ์หรือพี่ชิณณ์มีแฟนแล้วอะไรยังไงก็ไม่เกี่ยวกับผมเลยสักนิด ที่ผมควรจะทำน่ะ คือหลอกล่อให้มันมาเป็นรูมเมทผมต่างหาก แน่นอนว่าผมจะใช้พี่ชิณณ์เป็นตัวล่อ อารมณ์แบบว่า...เฮ้ย สนิทกับพี่ชิณณ์นะ อยู่ด้วยกันแล้วเดี๋ยวพี่เขาก็มาหาที่ห้องบ่อยๆ อะไรประมาณนี้ รับรองว่าคชาปฏิเสธไม่ออกแน่

หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร คชามันก็แทรกถามขึ้นมาอีกแล้ว
“แล้วนี่มึงจะบอกกูได้หรือยังว่าตกลงรู้จักกับพี่ชิณณ์ได้ยังไง กูรอคำตอบจนรากจะงอกอยู่ละ”

มึงเพิ่งจะถามเมื่อกี้เองไหม! ตดยังไม่ทันหายเหม็นเลยเถอะ!

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดคล้ายกับว่าเก็บกลั้นอารมณ์

ไม่รู้ทำไมคุยกับไอ้บ้าตรงหน้านี้แล้วรู้สึกเหมือนประสาทจะเสียทุกที!

“พอดีพี่ชิณณ์ทำงานกลุ่มเดียวกับเราน่ะ” ผมว่า
คชาเบิกตาโต “แสดงว่าก็ต้องเจอกันบ่อยๆ น่ะสิ”
“อือ เป็นโปรเจ็กต์ทั้งเทอมอะ คงจะได้เจอกันทั้งเทอม”

ดวงตาเรียวของคชาเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมอีก ก่อนที่มันจะถลาเข้ามาจับมือผมชวนให้ผมสะดุ้งเฮือก ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
“มึงกับพี่ชิณณ์สนิทกันแค่ไหนวะ”

สนิทกันแค่ไหนกูไม่รู้ ที่รู้ๆ คือกูไม่ได้สนิทกับมึงมากถึงขั้นมาจับมือถือแขนอย่างนี้เว้ย!

เกร็งตัวออกห่างจากมันรัวๆ เหงื่อที่ฝ่ามือนี่ไหลพลั่กๆ เป็นน้ำตกเลย ทว่าคชาก็ไม่ยอมปล่อยผม ซ้ำยังจะเร่งเร้าขึ้นมาอีก
“บอกเร็วๆ สิวะ มึงนี่ลีลาจริง!”

ยังจะหงุดหงิดผมอีก!

ผมมุ่ยหน้าเล็กน้อย ก่อนตอบมันไป
“ก็สนิทแหละ ถ้าไม่สนิทกันจะมากินข้าวด้วยกันหรือไง”

ตอบมันแบบโกหกไป สนิทกับผีบ้าอะไร ใครมันจะอยากไปอยู่กับคนที่มองหน้าสบตาแล้วเห็นป๋องแป๋งบ้างวะ! ตาจะบอด!
หากแต่พอผมพูดไปอย่างนั้น คชาก็ตาลุกวาว สีหน้าดูมีความหวังอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที ซึ่งผมว่าผมรู้ทันมันนะ
เหอะ จะอะไรซะล่ะ มันก็จะให้ผมเป็นสื่อกลางในการตีสนิทพี่ชิณณ์ไง

แล้วก็จริงซะด้วยเมื่อมันเรียกผมเสียงหวานออกมา
“นี่ไอ้เอ๋อ”
“มาวิน” ผมสวน
“เออ มาวินก็มาวิน คืองี้ มึงสนิทกับพี่ชิณณ์มากใช่ปะ”
“อือ”
“แล้วก็ต้องทำงานโปรเจ็กต์เดียวกันทั้งเทอมด้วยใช่ปะ”
“ใช่”
“แสดงว่าพี่ชิณณ์ก็ต้องมาหามึงบ่อยๆ ทำงานด้วยกันบ่อยๆ เจอหน้ากันบ่อยๆ อะไรแบบนี้ด้วยใช่ไหม”
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ถามทำไม”

รู้แหละว่าถามทำไมแต่แกล้งถามมันไปอย่างนั้น

คชายิ้มกริ่ม ก่อนจะถามผมกลับมาอีก
“มึงยังอยากได้กูเป็นรูมเมทอยู่ปะ”

นั่นปะไร เข้าทางเลย ผิดไปจากที่คิดไว้ซะที่ไหน ดูท่ามันคงจะเสนอตัวเองมาเป็นรูมเมทผมเพราะพี่ชิณณ์แล้วล่ะ แต่ผมไม่ยอมให้มันได้อะไรง่ายๆ หรอก ต้องมีลูกล่อลูกชนกันหน่อย

“ไม่รู้สิ นายก็ไม่ได้ดูอยากจะอยู่กับเราสักเท่าไหร่ ไหนๆ พี่ชิณณ์ก็มาแล้ว เขาไม่มีเพื่อนด้วย ชวนพี่ชิณณ์เป็นรูมเมทก็ได้”
คชาเบิกตากว้าง ใบหน้าขึงขังพลันส่งเสียงดัง
“ไม่ได้!” แล้วมันก็รู้ตัวทันทีว่าพูดอะไรออกไป ก่อนจะพูดในระดับเสียงปกติ “ไม่ได้เว้ย มึงบอกว่าอยากอยู่กับกูก็ต้องอยู่กับกู ไปอยู่กับพี่ชิณณ์บ้าอะไร กูไม่ยอม”

ที่ไม่ยอมไม่ใช่เพราะหวงผมอะไรหรอก หวงพี่ชิณณ์ที่หน้าตาเหมือนท่านฮิคารุของมันล่ะสิ รู้อยู่หรอก แต่ก็ดี มาแบบนี้ก็เข้าทางเลย

“แต่นายไม่ได้อยากจะเป็นรูมเมทเราสักหน่อย” ผมลองหยอด
“ตอนนี้อยากแล้ว!” คชาตอบรับแทบไม่คิด พลันตามมาด้วยท่าทางฮึดฮัดพร้อมบ่นพึมพำเพียงลำพัง “ถ้าไม่เป็นเพราะจะปกป้องฮิคารุซามะ กูไม่เสียสละตนขนาดนี้หรอกแม่ง”

กูได้ยินนะเว้ย! แหม ทำมาเป็นพูดว่าเสียสละตน กูไม่ได้เป็นคนโรคจิตเหมือนมึงไหม ให้พี่ชิณณ์ไปอยู่กับมึงน่ะเสี่ยงกว่าอีกเว้ย!
กัดฟันแน่นเลย ข่มใจสุดๆ ที่จะไม่ด่ามันกลับไป

เอาเถอะ ไหนๆ มันก็ออกปากมาแล้ว ดำเนินตามแผนต่อเลยแล้วกัน

“สรุปว่าตกลงรับข้อเสนอที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วนะ”
คชาเหลือบมองผม พยักหน้าเอออออย่างขอไปที
“ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยเรื่องข้อตกลงของการอยู่ร่วมกันหน่อย”

พอผมเข้าเรื่อง คชาก็มองหน้าผมอีกครั้ง คราวนี้ผมเขย่ามือที่ถูกมันจับอยู่ออก คชาเหมือนจะเพิ่งสำนึกได้ว่ายืนจับมือผมอยู่ตั้งนานเลยรีบปล่อยก่อนจะเช็ดเข้ากับกางเกงเป็นการใหญ่ ชวนให้ดูน่าหมั่นไส้แปลกๆ

“ว่ามา รีบๆ พูดเร็วเข้า กูไม่อยากให้พี่ชิณณ์กินข้าวคนเดียว”

มึงอย่ามาทำเป็นกระแดะ เพิ่งออกมาคุยไม่ทันถึงห้านาทีเลยไหม!

หมั่นไส้มาก หมั่นไส้สุดๆ เอะอะอะไรก็พี่ชิณณ์ๆ ทำอย่างกับว่ารู้จักกันมานมนานกาเล แม่งเพิ่งเจอหน้ากันเมื่อกี้เองเถอะ
แต่ผมก็ไม่อยากจะสนใจ ไหนๆ แผนการของตัวเองก็สำเร็จละ รีบๆ พูดให้มันจบๆ ไปดีกว่า

“ข้อตกลงของการอยู่ร่วมกันหลักๆ มีสามข้อ”
“ว่ามา”
“ข้อหนึ่ง นายต้องพูดจากับเราดีๆ “
“หมายถึงให้พูดเพราะๆ กับมึงน่ะเหรอ”
คชาทำหน้าแหยทันควัน ส่วนผมก็อดเบ้ปากไม่ได้เมื่อได้ยินสรรพนามไม่พึงประสงค์ดังเข้าหู

“ไม่ได้หมายความว่าให้พูดเพราะ แต่หมายถึงเลิกใช้มึงกูกับเราได้ไหม เราไม่ชอบ คือไม่ชินหูน่ะ ปกติเวลาเราพูดกับเพื่อนก็ไม่เคยแทนตัวว่ามึงกู”

สีหน้าคชาดูเหมือนอยากจะค่อนแคะผมว่า ‘ไอ้ลูกคุณหนู’ ยังไงยังงั้นแต่ก็ไม่พูด

ช่วยไม่ได้ ผมพูดจริงนี่หว่า ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยมา ไม่เคยพูดกับเพื่อนในคณะด้วยสรรพนามอย่างนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่ไม่พูดก็ไม่ใช่อะไร มันไม่ได้สนิทสนมกันมากถึงขนาดให้ไปพูดอะไรอย่างนี้น่ะ

ก็ผมมีคนคบด้วยซะที่ไหน...

คิดแล้วก็สมเพชตัวเองเล็กๆ กับเหตุผลนี้ หากแต่คชาก็เรียกความสนใจจากผมไปก่อน

“เรื่องมากฉิบหาย เออๆ แล้วข้อที่สองของมึง... เอ้อ ข้อที่สองของมาวิน...แม่งเอ๊ย ขนลุก” เอามือลูบแขนตัวเองประกอบ ก่อนจะพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกรรโชก “ข้อที่สองของนายล่ะว่าไง”

ขนลุกจริงๆ ด้วย ลุกตั้งแต่หัวยันหาง ถ้าเป็นคนอื่นเรียกชื่อผมหรือเรียกแทนตัวผมว่านาย ผมคงเฉยๆ แต่พอเป็นไอ้บ้าตรงหน้า...บรึ๋ย ขนลุกขนชัน!

ไหนๆ บอกเงื่อนไขไปแล้ว มันทำตามแล้วก็ต้องปล่อยไป ก่อนที่ผมจะพูดข้อตกลงข้อที่สอง

“เราจะไม่ยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของนาย ส่วนนายก็ห้ามยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของเรา”
“ใครอยากจะไปยุ่งเรื่องของมึงวะ”

หลุดปากเรียกผมว่ามึงมาอีกละ หน้าตาก็กวนโอ๊ยสุดๆ

ไม่สิ ไม่ใช่กวนอีย มันทำหน้าขยะแขยงผม

น่าฟาดหน้ามันฉิบเป๋ง แต่ช่างมันเถอะ ที่พูดคำหยาบก็เพราะคงจะติดปาก ไม่อยากจะสนใจแล้ว

“ข้อสุดท้าย ห้ามแก้ผ้าเดินเปลือยโทงเทงให้เราเห็นเด็ดขาดเวลาอยู่ในห้องด้วยกัน เข้าใจไหม”
พอบอกข้อนี้ไป คชาก็ย่นคิ้วยู่ ก่อนครางออกมา
“กลัวว่าเห็นกูนู้ดแล้วจะมีอารมณ์ว่างั้น ลืมไปว่ามึงชอบกูนี่หว่าถึงได้อยากมาเป็นรูมเมท ตื๊อกูหนักแบบนี้ สรุปเป็นเกย์จริงๆ ใช่ไหม?”

ใช่ที่ไหนเว้ย! กูมาตื๊ออยู่กับมึงเพราะไม่เห็นปิกาจูมึงตอนสบตาต่างหาก หนีดงมะเขือยาวมาขนาดนั้นแล้ว กูจะอยากเอาสายตาตัวเองไปรับรู้กับอะไรแบบนั้นอีกทำไมวะ ตั้งสติหน่อยไหม!

ผมอยากจะอธิบาย แต่ก่อนหน้าก็พูดไปทีแล้วเรื่องที่ผมมีพลังวิเศษ แล้วไอ้บ้านี่มันเชื่อซะที่ไหน ไม่ต้องพูดหรอก พูดไปก็เปลืองน้ำลาย ขนาดเพิ่งบอกมันไปแหม็บๆ ว่าไม่ให้พูดหยาบคายกับผม มันยังลืมเลย ช่างเถอะ ถามมันกลับก็แล้วกัน
“แล้วนายมีเงื่อนไขอะไรในการอยู่ด้วยกันไหม”
“มี”
คชาตอบแบบไม่หยุดคิด ผมเลยเชิดหน้าขึ้น เตรียมรับฟัง
“ว่ามาเลย”
“ข้อแรก ห้ามยุ่มย่ามเยอะแยะ ห้ามตอด ห้ามลวนลาม ห้ามแอบดูกูอาบน้ำ ตอนเช้ากูยังไม่ตื่น ก็ห้ามแอบมองเป้ากูตอนคึกคักด้วย”

โอ้โห มึงก็มั่นหน้าอะไรปานนี้ บอกแล้วไงว่ากูไม่อยากจะไปดูของมึงหรอกเว้ย!

กัดฟันแน่นมาก ข่มใจเปล่งเสียงถามมันออกไป “ข้อสองล่ะ”
คชากอดอก ยืดตัวขึ้น วางท่าเสมือนว่าเหนือกว่า

“ห้ามมาแตะต้องฮิคารุซามะของกู ออลไอเท็มไม่ว่าจะเป็นแผ่นดีวีดี ไฟล์ในคอมฯ โปสเตอร์หรือของสะสมทั้งหลายแหล่ ถ้ามีรอยนิ้วมือของมึงติดล่ะก็ ซื้อให้กูใหม่เลย ที่สำคัญ ห้ามแอบเอาไปเปิดดูถ้ากูไม่ได้อนุญาตด้วย”

ไอ้เวรนี่... ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่สนใจตัวผู้ด้วยกัน หลายปีมานี้ กูเห็นบ่อยแล้วเว้ยดงผักสวนครัวน่ะ กูจะไปอยากดูอีกทำไม!
อยากด่ามันฉิบ แต่เดี๋ยวไม่จบ ข้ามไปข้อสุดท้ายเลยแล้วกัน

“โอเคๆ ข้อสุดท้ายล่ะ”

คราวนี้คชาไม่พูดออกมาทันที เหลือบมองซ้ายทีขวาทีราวกับกลัวใครจะมาได้ยิน พอผมมองตามบ้างก็ดันถูกคชาลากเข้าซอกหลืบแถวนั้นหน้าตาเฉย

“อะไร” ผมโวยวายที่จู่ๆ ก็ถูกดันเข้ามาจนแผ่นหลังชิดผนัง แถมยังโดนคชาบังซะแทบมิด

แต่มันสนใจอะไรไหมล่ะ พอเห็นว่าปลอดคนแล้ว มันก็ทำหน้าเครียด

“ข้อสุดท้ายนี่สำคัญมาก มึงห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด ห้ามเอาไปบอกใครทั้งนั้น พ่อแม่มึงก็ห้ามบอก เข้าใจไหม”

ฟังดูเหมือนจะถูกข่มขู่ มีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาฉับพลัน ควรปฏิเสธนะเพราะถ้าเกิดว่ามันคิดทำอะไรแผลงๆ ขึ้นมา ผมคงจะเป็นคนแรกที่ไม่รอด มันยิ่งบ้าดาราหนัง GV อยู่ด้วย ไม่บอกก็รู้เลยว่าแม่งเป็นเกย์แน่ แต่ผมดันพยักหน้าให้โดยอัตโนมัติ ตอบรับไปซะงั้น
เท่านั้นคชาก็ยิ้มเผล่ ดวงตาเป็นประกายวิบวับ ยื่นหน้ามากระซิบกระซาบข้างหูผมทันที

“ข้อสุดท้าย... พาฮิคารุ เอ้ย พี่ชิณณ์มาเที่ยวที่ห้องบ่อยๆ นะมึง วันไหนทำงานกันดึกๆ จะนอนค้างก็ได้ กูไม่ว่า จะแบ่งเตียงให้นอนด้วยเลย”

แล้วก็ผละออกห่างผมไปยิ้มอย่างพอใจ ผมก็ลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

รอดตัวไป มันไม่ได้เล็งผม เป็นผู้ชายอีกคนต่างหาก แต่...

ถ้ากูทำอย่างนั้นก็เหมือนกับว่ากูเป็นนางนกต่อ หลอกเอาพี่ชิณณ์มาให้มึงกระทำมิดีมิร้ายน่ะสิวะ! มึงมันไอ้เกย์หื่น!

จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วล่ะ ผมเองก็ใช้พี่ชิณณ์มาเป็นตัวล่อให้มันตกลงเป็นรูมเมทผมด้วย ได้แต่ขอโทษพี่ชิณณ์ในใจ ในขณะที่คชาทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้และพูดออกมาอีก

“เอ้อ แล้วก็อย่าบอกพี่ชิณณ์นะเว้ย ถ้าพี่ชิณณ์รู้ มีหวังได้คิดว่ากูเป็นไอ้โรคจิตแน่ๆ วางแผนให้มาที่ห้องเพราะหวังอะไรอยู่แบบนี้น่ะ“

มึงเพิ่งจะรู้ตัวเหรอวะ กูรู้ไปถึงไหนต่อไหนแล้วว่ามึงมันโรคจิต!

“เรื่องที่กูเป็นติ่งท่านฮิคารุก็ห้ามบอก ถ้ามีคนอื่นรู้นะ มึงโดนแน่”
ว่าจบก็ชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ ปล่อยให้ผมหงุดหงิดตัวเองที่อยากจะได้มันเป็นรูมเมทจนตัวสั่น

ทำไมคนที่สบตาแล้วเสื้อผ้าไม่หายต้องเป็นไอ้คชาด้วยวะ มึงรู้จักศรีธัญญาไหม ปะ เดี๋ยวพาไป กูว่ามึงป่วยแน่ๆ แอดมิดเป็นผู้ป่วยในไปเลย อาการหนักเข้าขั้นโคม่าแล้วล่ะ

แม่งเอ๊ย ถ้าสบตามันแล้วเห็นน้องชายล่ะก็ ผมคงไม่มายืนทำบ้าอะไรอยู่อย่างนี้หรอก!
---------------------------------------
ไม่ได้มาต่อนานมว้ากกกก (ก.ไก่สักล้านตัว 555)
กลับมาต่อแล้วค่ะ เป็นคิวเดดไลน์ที่จะปั่นเรื่องต่อปายยย ฮา
ไม่ได้มาต่อนาน หลายคนคงลืมไปหมดแล้วสินะว่าเนื้อเรื่องมันเป็นไง ย้อนกลับไปอ่านบทนำค่ะ ปฏิบัติ! //โดนตบ
หลังจากนี้จะมารัวๆ ค่ะ รอกันหน่อยเน้อ อาจมาอัพกะปริบกะปรอย ไม่ได้อัพทีเดียว 100% นะ
ปล.ฝากฟีดแบ็กไว้ให้ด้วยนะจ๊ะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
มาวิน นะปกติ
คชานี่ล่ะ ไม่ปกติ
แต่ตอนนี้กำลังแอบหลงรักพี่ชิณณ์

 :laugh: :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[2]

กลับเข้ามาในโรงอาหาร คชาก็พูดคุยกับพี่ชิณณ์ประหนึ่งสนิทสนมกันมาก แต่เอาจริงๆ ต้องบอกว่าเป็นพี่ชิณณ์ต่างหากที่ชวนคุย คชาก็แค่เออออรับคำไป ส่วนใหญ่จะพูดตะกุกตะกักชวนให้น่ารำคาญ หน้าแดง เกาหูเกาคอวุ่นวายไปหมด เห็นแล้วผมล่ะหมั่นไส้ และคงมีแต่ผมเท่านั้นแหละที่รำคาญเพราะพี่ชิณณ์เอาแต่หัวเราะกับท่าทางพวกนั้นแล้วก็บอกว่าคชาดูเป็นหนุ่มขี้อายผิดกับภาพลักษณ์โดยสิ้นเชิง

ก็แน่ล่ะ มันอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบนี่ จะให้มันไปแสดงอาการหื่น อยากฟัดร่างจำแลงของท่านฮิคารุมันก็ใช่เรื่อง

แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เอาแต่นั่งหัวโด่เป็นตอไม้กระทั่งพี่ชิณณ์กินข้าวเสร็จและขอตัวไปเรียนต่อในช่วงบ่าย ส่วนไอ้คชา... พี่ชิณณ์หายหัวไปได้ก็กลับมาเป็นไอ้โรคจิตคชาทันที

“มึงว่าพี่เขาให้ท่ากูหรือเปล่าวะ ชวนกูคุยใหญ่”

เขาก็แค่ชวนคุยไปตามมารยาทไหมไอ้คนหลงตัวเอง มึงรู้จักคำว่าเฟรนด์ลี่ไหม!?

ผมนี่อยากจะตบกะโหลกมันให้ทิ่มนักถ้าไม่ติดว่ากลัวมันจะตะบันหน้ากลับมา
“ไหนว่าไม่ได้เป็นเกย์ไง” ผมสวน

คชาทำตาโตแล้วก็บ่ายเบี่ยง “ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นเกย์ แค่อยากรู้ว่าพี่เขาให้ท่ากูหรือเปล่าก็แค่นั้น”

นั่นแหละเกย์ ไอ้บ้าเอ๊ย! ผู้ชายที่ไหนเขาจะอยากรู้ว่าผู้ชายคนอื่นสนใจตัวเองอย่างนี้หรือไง!

ภาวนาในใจให้ยุบหนอพองหนอ ไม่ให้ไปสติแตกใส่เพราะความมั่นหน้าของมัน ก่อนจะหันไปทางคชาอีกครั้งเมื่อถูกถามย้ำ
“แล้วมึงว่าพี่เขาให้ท่ากูหรือเปล่าวะ”

ยัง...มันยังไม่จบ เหนือสิ่งอื่นใด มึงละเมิดกฎของการอยู่ร่วมกันข้อที่หนึ่งของกูอยู่!

“พูดไม่เพราะ” ผมว่า

คชาเหมือนจะคิดได้ในตอนนี้ว่าเรียกแทนตัวผมว่าอะไร สบถออกมาเล็กน้อย
“เรื่องมากฉิบ เออๆ นายว่าพี่ชิณณ์เขาให้ท่าเราหรือเปล่าวะ”
“พี่เขาไม่ได้เป็นเกย์นี่ จะให้ท่านายได้ยังไง”

คชาจึ๊ปากขัดใจนิดหน่อยที่ได้ยินผมตอบอย่างนั้น ผมไม่รู้จะทำหน้าเหม็นเบื่อมันยังไงเลย

อะไรของมันวะ ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์ แค่บอกว่าพี่ชิณณ์ไม่ได้ให้ท่า จะทำเป็นหัวเสียทำไม

แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกว่ามันจะรู้สึกยังไง แสดงท่าทางอย่างนี้สิดี ผมจะได้ใช้พี่ชิณณ์เป็นเหยื่อล่อซะเลย

“แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ พี่ชิณณ์อาจจะสนใจนายก็ได้ ของแบบนี้มันต้องรอดูไปนานๆ”
“แล้วจะสังเกตยังไงอะว่าพี่ชิณณ์ชอบเรา”

ตอนนี้มาเรียกแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่ปกติชนพูดกันแล้ว
“ก็...” ผมเว้นจังหวะไป “เราสองคนย้ายมาอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ พี่ชิณณ์มาหาบ่อยๆ ก็คงจะสังเกตเห็นมั้ง”
ด้วยความที่กลัวว่าคชาจะเปลี่ยนใจ ผมเลยรีบกลับเข้าเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อมีโอกาส
ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวคชาคงจะโวยวายหรือไม่ก็พูดอะไรไม่เข้าหูอีก ทว่าผิดคาด มันดีดนิ้วเปาะประหนึ่งคิดได้
“ฉลาดนี่หว่า กะใช้ความใกล้ชิดสังเกตอาการสินะ”
“อะไรประมาณนั้น” ผมว่า “ว่าแต่นายพร้อมจะย้ายมาอยู่กับเราเมื่อไหร่ล่ะ”

ผมคิดในใจว่ามันคงบอกว่าเทอมหน้าอะไรอย่างนี้เพราะการย้ายหอระหว่างเทอมไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย

“ทำไมต้องย้ายเทอมหน้าวะ”
คชาดูท่าจะไม่ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ คือความจริงแล้วที่มันย้ายยากน่ะ เป็นเพราะ...
“ปกติเวลาทำสัญญาเช่าหอ เขาให้ทำเป็นเทอมๆ ไปนี่นา ถ้าจะย้ายตอนนี้มันก็ยุ่งยาก ต้องไปหาหอที่นักศึกษาด้วยกันปล่อยขายสัญญา มันหายากนี่”
ผมให้เหตุผล แต่เหมือนจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับคชาเลยเพราะจู่ๆ มันก็พูดขึ้นมา
“งั้นมึงก็ย้ายมาอยู่หอกูสิ”

กลับมาพูดมึงกูอีกละ น่าเบื่อชะมัด...

“นายอยู่หอไหนล่ะ” ผมแสร้งทำเมินเรื่องมันพูดไม่เพราะ คุยแต่เรื่องสำคัญๆ พอ
“หอจีซัส ข้างๆ มอเนี่ย”

พอมันบอกชื่อหอมา ผมก็เบิกตาโตทันควัน

หอจีซัส... หอที่ได้ชื่อว่าแพงชะลูดตูดปอด ลูกผู้รากมากดีชอบไปเช่าอยู่กันเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันพร้อมความหรูหราระดับคอนโดมิเนียมหรู ต่อให้อยู่กับรูมเมท หารค่าเช่ากัน แต่เดือนนึงก็ตกไม่ต่ำกว่าห้าหลัก

ใครจะมีปัญญาไปอยู่วะ ก็เห็นๆ อยู่ว่ากูมีปัญหาทางด้านการเงิน!

แต่ไม่ได้บอกคชามันไง มันเลยไม่รู้ ผมสู้อยู่หอเดิมยังจะถูกกว่าอีก อย่างน้อยค่าเช่ารวมค่าน้ำค่าไฟก็ไม่ถึงห้าหลักต่อเดือนวะ
“หอนั้นไม่ไหวหรอก มันแพงไป เราต้องหาเงินแบ่งเบาภาระทางบ้านด้วยน่ะ ไว้รอเทอมหน้าแล้วค่อยหาหอที่ถูกกว่านี้แล้วกัน”
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจไปอย่างนั้น

แม่ง... อุตส่าห์เจอคนที่สบตาแล้วไม่เห็นแตงกวาหว่างขาทั้งที แต่มันดันเป็นพวกไฮโซหัวสูงซะนี่ กัดฟันอดทนอยู่หอเดิมไปอีกหน่อยก็แล้วกันถึงจะต้องอดมื้อกินมื้อไปบ้างก็เถอะ ขอความช่วยเหลือจากทางบ้านต่อไปอีกนิดหน่อย ถ้าอธิบาย...ทางบ้านคงจะเข้าใจมั้ง

หากแต่คชาไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้น พอได้ยินผมพูด มันก็ชักสีหน้า
“อะไรของมึงวะ ตอนชวนก็เป็นคนมาชวนกูเอง แล้วทีนี้มาทำเป็นปฏิเสธ เล่นตัวเหรอวะไอ้เอ๋อ” แล้วก็ยื่นนิ้วมาจิ้มไฝที่ใต้ตาขวาผมเป็นการใหญ่

ผมสะบัดหน้าหนี มุ่ยหน้าใส่มัน
“ไม่ได้เล่นตัว แต่เราไม่มีเงินมากพอจะไปแชร์ค่าห้องกับนายน่ะ รู้ไม่ใช่เหรอว่าหอนั่นแพงหูฉี่ขนาดไหน”

คชาชำเลืองมองผมคล้ายจะปรามาสว่า ‘พวกไพร่’ ยังไงก็ไม่รู้ ก่อนมันจะพ่นลมหายใจออกมายาว
“ช่วยไม่ได้ กูให้มึงมาอยู่ด้วยฟรีๆ ก่อนแล้วกัน”
ผมหูผึ่งทันควัน “หมายความว่าไงให้อยู่ด้วยฟรีๆ”
“ก็หมายความว่าให้มาเป็นรูมเมทด้วยฟรีๆ ไม่ต้องช่วยแชร์ค่าห้องไง แต่ถ้าอยากจะช่วย จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ตอะไรพวกนั้นก็พอ”
“พูดจริงเหรอ?”

ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เชื่อหูว่าคนอย่างคชาจะใจกว้างขนาดนี้ ส่วนคชาก็พยักหน้ารับ
“พูดจริง ค่าจิปาถะพวกนั้นไม่กี่พัน มึงคงมีปัญญาจ่ายได้อยู่มั้ง”
จ่ายได้แน่นอน มันจะสักกี่พันกันเชียว อย่างน้อยก็ถูกกว่าค่าเช่าหอของผมในตอนนี้ทั้งเดือนแหละนะ
“คชา... นายโคตรเป็นคนดีเลยว่ะ”

ผมหลุดปากชมมันออกไป คิดในใจว่ามันคงจะเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน ข้างนอกปากหมา ข้างในใจดีอะไรอย่างนั้น
แต่ผิด...

ผิดถนัดเลยเมื่อประโยคถัดไปหลุดออกมาจากปากมัน

“แต่มึงต้องพาพี่ชิณณ์มาเที่ยวที่ห้องบ่อยๆ นะ ถ้าเป็นไปได้ก็มาค้างคืนเลย กูจะแบ่งเตียงให้นอน”

จากนั้นก็ทำหน้าหื่นๆ อยู่คนเดียว... ว่ายังไงดี มันก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นั่นแหละ แต่ในสายตาผมนี่แบบ...มองแล้วเหมือนมันเป็นคนโรคจิตชะมัด

จากนั้นก็สะดุ้งอีกทีเมื่อมันว่าเสียงดัง
“ถือว่าตกลงแล้ว ดีล!”

กูไปตกลงกับมึงตอนไหน มึงอย่ามาลากกูเข้าแผนการชั่วช้าล่าพี่ชิณณ์ไปเป็นเมียของมึงนะเว้ย!

ทำเป็นคิดไปงั้นแหละ ตัวเองก็ใช้พี่ชิณณ์หลอกล่อมันเหมือนกัน ชั่วพอกัน แต่เอาเป็นว่าทุกอย่างราบรื่นดีก็แล้วกัน




 
หลังจากตกลงกันได้เป็นมั่นเป็นเหมาะก็แยกย้ายกันไปเรียนตอนบ่าย ปกติหลังเลิกเรียนแล้ว ผมจะต้องตรงกลับหอแล้วไปทำงานพิเศษซึ่งก็คือการเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ห้างสรรพสินค้าแถวมหาวิทยาลัยต่อทันที ทว่าวันนี้ผมกลับต้องโทรไปลางานกะทันหันแล้วอ้างว่าป่วยใกล้ตายไปเรื่อย ที่ทำอย่างนั้นก็เพราะ...

...ไอ้คชามันชวนผมไปห้องน่ะ

พูดอย่างนั้นก็ฟังดูสองแง่สองง่าม ดูลามกและไม่น่าไว้ใจยิ่งกว่าตอนคชากระซิบกระซาบข้างหูผมแล้วบอกว่า ‘เลิกเรียนแล้วไปห้องกูกันนะ’

หูยยย ขนลุกมากแม่จ๋า ตกลงปลงใจไปด้วยแล้วกูจะโดนมึงทำอะไรไหม!?

ไม่โดนหรอก ความจริงมันแค่ชวนไปดูห้องว่าอยู่ได้ไหม โอเคไหมอะไรอย่างนั้น
มายืนรอมันอยู่หน้าคณะ ไม่นานก็เห็นคชาเดินออกมาจากตึกแต่ไกล

หล่อเด่นเป็นสง่า สังเกตง่ายชะมัด ก่อนที่มันจะร้องทักผมและพาไปที่ลานจอดรถ ขึ้นรถมันกลับไปที่หอจีซัส
ว่ากันตามตรง ผมว่าบ้านของคชาคงจะฐานะดีไม่น้อย ไม่งั้นมันคงไม่มีอะไรเพียบพร้อมขนาดนี้ และก็ต้องมั่นใจทันควันว่ามันฐานะดีแน่ทันทีที่เหยียบเข้ามาในหอจีซัส

ไอ้หอบ้านี่น่ะ...โค-ตะ-ระ หรูเลย!

หรูตั้งแต่ทางเข้ายันขึ้นไปบนห้อง เปิดห้องมาที...ผ่าง! อย่างกับโรงแรม

ความรู้สึกตอนนี้เหมือนผมมาโรงแรมกับไอ้บ้าคชาชะมัด ยิ่งเหลือบไปมองมันที่เดินเข้าไปในห้องก่อนพร้อมกับเรียกผม ผมก็ยิ่งเสียวสันหลังวาบ

“เข้ามาก่อน ทำตัวตามสบาย ห้องกูก็เหมือนห้องมึงแล้วตอนนี้”
ประหนึ่งสามีภรรยาคู่ข้าวใหม่ปลามันพูดคุยกัน

ขนจะลุกเกรียวไปไหน แต่ผมก็ยอมเดินเข้าไปนะ พลางสลัดความคิดบ้าๆ นั่นทิ้งไป ปรายตาสำรวจมองไปรอบๆ ห้อง
ห้องของคชาแบ่งเป็นสองโซนคือโซนนั่งเล่นและโซนที่เป็นส่วนสำหรับห้องนอนที่อยู่ด้านใน มีห้องน้ำและระเบียงเล็กๆ ยื่นออกไปอีกหน่อย คล้ายกับคอนโดฯ นั่นแหละ เพียงแต่ไม่ได้กว้างขวางมากมายแต่ก็ถือว่าหรูและกว้างทีเดียวสำหรับเด็กนักศึกษา แต่ที่สะดุดตาผมไม่ใช่เรื่องความกว้างของห้อง ทว่าเป็นเรื่องความสะอาดมากกว่า

ข้าวของทุกอย่างถูกเก็บเข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบ มองเผินๆ อย่างกับเป็นห้องตัวอย่างของพวกคอนโดฯ อะไรอย่างนั้น จนผมต้องออกปาก

“สะอาดแบบไม่น่าเชื่อ”
“ก็กูเป็นคนสะอาดนี่” คชาตอบรับขณะที่กำลังวางแฟ้มเอกสารการเรียนลงบนโต๊ะอ่านหนังสือใกล้ๆ
ผมหันไปมองทันควัน “อย่าบอกว่านายทำความสะอาดเองทั้งหมด”
“ถ้ากูไม่ทำแล้วใครจะทำวะ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้ามาอยู่ด้วยกัน มึงต้องช่วยกูทำความสะอาดด้วย กูไม่เป็นคนรับใช้มึงนะจะบอกให้”

ถึงจะไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ว่าคชาเป็นคนรักสะอาดขนาดนี้แต่ผมก็พยักหน้า พลันมองตามหลังคชาที่เปิดประตูห้องนอนเข้าไปข้างใน

“เข้ามานี่สิ”

ชะ...ชวนเข้าห้องนอน

ใจไม่อยากเข้าเลย กลัวมันทำมิดีมิร้าย ยืนมองอยู่อย่างนั้นจนมันต้องทำหน้ามุ่ย

“เข้ามาเถอะน่า กูไม่พิศวาสมึงหรอก อย่าทำหน้าเหมือนกูจะล่อลวงมึงไปปล้ำว่ะไอ้โรคจิต”

ใครกันแน่โรคจิตน่ะ ถ้ามึงไม่ใช่ติ่งพระเอก GV กูก็เข้าหามึงได้อย่างสนิทใจแล้วรู้ไว้ซะด้วย!

แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ยอมเดินตามมันเข้าไปจนได้ ก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเตียงในห้องนั้นเป็นเตียงไซส์ควีนเบดตั้งตระหง่านอยู่เดี่ยวๆ กลางห้อง

“บังเอิญห้องกูมีแต่เตียงแบบนี้ แต่ถ้ามึงมาอยู่ด้วย ก็เอาหมอนข้างมากั้นเอาแล้วกัน”
เหมือนรู้ว่าผมคิดอะไร คชาก็พูดออกมาก่อนแล้ว ผมควรจะปฏิเสธแหละแต่คิดถึงความมีน้ำใจของมันที่จะให้ผมมาอยู่ด้วย ผมเลยเอาแต่เงียบ

“ส่วนตู้เสื้อผ้า เดี๋ยวกูจะเคลียร์ของออกให้ มึงเอาตู้ฝั่งนั้นไปก็แล้วกัน”

คชาชี้นิ้วไปที่ตู้เสื้อผ้าบิวท์อินขนาดใหญ่ มันมีสองตู้และน่าจะอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าของหมอนี่

ผมพยักหน้าไปอีกขณะที่คชาเดินไปที่ตู้ซึ่งบอกว่าจะยกให้ผมเมื่อครู่ หยุดยืนอยู่หน้าตู้นั้นก่อนจะหันมาพูดกับผม
“แต่กูไม่ได้หมายความว่าจะยกตู้นี่ให้มึงใช้ทั้งหมดนะ”
“หมายความว่าไง”

พอผมถาม คชาก็เปิดตู้ออกมา ผมมองเข้าไป เห็นเสื้อผ้าแขวนอยู่ไม่ถึงสิบตัวซึ่งต่างจากที่ผมคาดการณ์ไว้ว่ามันน่าจะมีเสื้อผ้าเต็มไปหมด เพราะสิ่งที่ผมเห็นว่ามันอัดแน่นน่ะคือ...

ดะ...ดีวีดี

ดีวีดีหนัง GV เต็มไปหมดเลยโว้ย!

ไม่ใช่แค่ดีวีดี สินค้าลิมิเต็ดอิดิชันอะไรก็เต็มไปหมด พีคสุดคือโปสเตอร์ท่านฮิคารุอะไรของมันในชุดกางเกงในหนังตัวเดียวกึ่งนั่งกึ่งนอนอ้าข้าอล่างฉล่างแปะอยู่กลางตู้ด้วยหน้าตาและท่าทางเย้ายวน สำหรับคชา การเปิดตู้มาเจออะไรแบบนี้คงเป็นอะไรที่หฤหรรย์มาก แต่สำหรับผม เปิดมาปุ๊บ เจอห่อหมกปั๊บ

แบบนี้กูไม่โอเคแรง!

“กูจะใช้เป็นที่เก็บสมบัติด้วย”
ก่อนที่จะได้บอกมันว่าไม่โอเค มันก็พูดออกมาก่อนแล้ว ทีนี้ผมจะไปปฏิเสธได้ยังไงล่ะ ได้แต่อึกๆ อักๆ น้ำท่วมปาก จะพูดก็พูดไม่ออก

อีแบบนี้มันไม่เหมือนว่ากูเหรอที่เป็นติ่งพระเอกหนัง GV น่ะ!

“อย่าทำพัง อย่าทำเสียหาย ห้ามหยิบออกมาดู ออกมาเล่นโดยที่กูไม่ได้อนุญาตเข้าใจไหม” แล้วมันก็สั่งอีก
ผมได้สติเอาในตอนนี้

เอาวะ พูดจะต้องมาอาศัยมัน แต่ก็ต้องพูดเพื่อความตาไม่พร่าบอดเพราะโดนพืชผักสวนครัวประเภทยาวพาดคอ บ้างก็ห้อยต่องแต่งพุ่งใส่หน้าทุกวี่ทุกวัน

“ถ้ากลัวว่าเราจะทำพัง ทำไมไม่เอาไปเก็บไว้ในตู้นายล่ะ” พูดพลางพยักปลายคางไปที่ตู้ข้างๆ
คชาเดินไปเปิดตู้อีกตู้หนึ่ง เท่านั้นเสื้อผ้านับสิบตัวก็หล่นกราวลงมาบนพื้น ก่อนมันจะหันมาบอกผมด้วยสีหน้าเนือยๆ
“เต็มแล้ว ไม่มีปัญญาจะยัดเข้าไปละ”

แล้วใครให้มึงขนซื้อมาใส่ขนาดนั้น! ซื้อตัวสองตัวแล้วมึงก็ใส่วนทั้งอาทิตย์ ที่เหลือก็เอาไปบริจาคสิวะ!

พูดไม่ได้อีก ฟังดูแล้วเห็นแก่ตัว รสนิยมมันคงจะเป็นอย่างนั้น ผมเลยได้แต่ยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลือก
“อือ เราจะระวังนะ”
“ไม่ ‘จะ’ แต่ต้องเป็น ‘ต้อง’ ระวัง ‘must do it’ โอเคปะ”

ผมพยักหน้า หมดหนทางแล้วจริงๆ พลางมองคชาที่ทิ้งตัวนั่งยองๆ ยกกล่องแผ่นซีดีที่เรียงกันในกล่องไม้ออกมาตั้งไว้ข้างนอก
“เดี๋ยววันนี้กูจะเคลียร์พื้นที่ตู้ให้ มึงจะได้มีที่ว่างไว้เก็บของ ตอนนี้กลับไปได้แล้วไป เก็บข้าวของซะ พรุ่งนี้ก็ย้ายเข้ามาได้เลย”
ฟังแล้วก็อยากจะเปลี่ยนใจชะมัด แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องตามนั้นแหละ

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เราขนพวกเครื่องนอนมาก่อนนะ” ผมบอก
คชาตอบรับ ไม่ได้หันมาสนใจผมเลย เอาแต่นั่งเรียงดีวีดีอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้ผมได้เช็กว่าที่เตียงมันขาดเหลืออะไรบ้าง จะได้เอามา

อย่างแรกก็หมอน...
อย่างที่สองก็ผ้าห่ม...
อย่างที่สามก็...

คิดไปก็ถลกผ้าห่มที่คลุมเตียงขึ้นเพื่อตรวจสอบ หากแต่พอผ้าห่มหลุมออกจากเตียง ผมก็ตกใจอย่างรุนแรงเมื่อเห็นว่าใต้ผ้าห่มนั้นมีหมอนข้างวางอยู่

ใช่...หมอนข้าง

ถ้าเป็นหมอนข้างธรรมดา ผมจะไม่ตกใจเลย แต่นี่มัน...

หมอนข้างฮิคารุซามะนอนแผ่แถมใส่กางเกงในตัวเดียว!

โอ้โหไอ้คชา! มึงเป็นเอามากขนาดนี้เลยเหรอวะ!?

เคยเห็นแต่ในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นนะไอ้พวกคลั่งๆ อะไรพวกนี้มากๆ ในชีวิตจริง อย่างดีก็เห็นแค่ตัวการ์ตูนจากอนิเมะญี่ปุ่นอะไรเทือนนั้น แต่นี่มัน...

มันเป็นคนจริงๆ มีตัวตนจริงๆ ที่หลุดออกมาจากหนัง GV นะเว้ย!

เป็นเอามากแล้วไอ้คชา!

เหมือนจะรู้ว่าผมตกใจอะไร คชาหันมามองแล้วว่าอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ปลอกหมอนข้างนั่นไว้เดี๋ยวกูจะเอาไปซักคืนนี้ พรุ่งนี้ถ้ามึงมาจะได้ใช้กั้นระหว่างกูกับมึง”

นี่มึงจะให้กูนอนกับฮิคารุซามะในสภาพมีเกงในห่อแหนมตุ้มจิ๋วอย่างนี้จริงๆ เหรอวะ!

จิตใจมึงทำด้วยอะไร!?

โอดครวญกับตัวเองในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ไม่ได้อยากจะต่อว่ารสนิยมของมันหรอกนะ ถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่มันจะมายัดเยียดให้ผมเจอหน้ากับห่อหมกฮิคารุซามะทั้งก่อนนอนและเวลาตื่นอย่างนี้ไม่ได้!

แต่จะไปพูดอะไรได้ล่ะ พอคชาพูดจบ มันก็ออกปากไล่ผมแล้ว
“กลับไปได้แล้วไป จะได้มีเวลาไปเก็บข้าวของ มายืนจ้องกูก็ไม่ได้ทำให้มึงเก็บของเสร็จหรอกนะเว้ย ที่ให้มึงมาก็แค่ให้มึงมาดูห้องเฉยๆ ว่าอยู่ได้ไหม”

อยู่ได้... ได้ดีเลยล่ะ ถ้าไม่มีพระเอกหนัง GV มึงตามมาหลอกหลอนกูเนี่ย!

แม่ง... เปลี่ยนใจกลับไปอยู่คนเดียวเหมือนเดิมดีไหมวะ...

คชาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย พูดอยู่คนเดียวเป็นวรรคเป็นเวร

“เวลคัมๆ มายรูมเมท”

ถ้ามึงจะเวลคัมด้วยการเซอร์ไพรส์กูด้วยปลอกหมอนข้าง 3D ไข่นกกะทาฮิคารุซามะทะลุจอขนาดนี้ ไม่ต้องก็ได้เว้ย!
-------------------------------------------
แว้บบบบ มาเต็มตอนแล้วจ้า บอกเลยว่าคชาเพี้ยนมาก แกเป็นพระเอกแน่เหรอ 555
ตอนหน้าเพี้ยนหนักกว่านี้อีกค่ะ ไว้เย็นๆ จะมาแปะตัวอย่างเน้อ
ขอฝากหนูมาวินกับคชาคนโรคจิตไว้ในอ้อมอกอ้อมใจล่วย
ปล.ฝากฟีดแบ็กให้กันด้วยนะค้า XD

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
กลับมาแล้ววว~~~ :hao7:

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สบตา ครั้งที่ 4: คชาเป็นตัวอันตราย[1]

ตอนแรกกะว่าจะย้ายของเข้าห้องมันช่วงวันเสาร์-อาทิตย์เพราะไม่มีเรียน แต่ไปๆ มาๆ ก็ต้องย้ายเข้าในอีกวันหนึ่งทันทีเมื่อคชามันอาสาเอารถมาช่วยผมขนของถึงที่หอเก่า

ความจริงจะว่าอาสามาช่วยก็ไม่ถูก ต้องบอกว่า...มัน-บัง-คับ!

ออกจากตึกเรียนมาก็เจอมันยืนดักรออยู่ข้างหน้าแล้ว จะทำเป็นไม่เห็นมันก็ไม่ได้ ผมดันมีภาพลักษณ์ไม่น่าเข้าใกล้ที่ใครๆ ก็จำได้ดี มันเห็นผมปุ๊บ ก็เรียกผมปั๊บ โยนผมขึ้นรถมาที่หอ ถือวิสาสะเข้าไปในห้อง จับเอาของที่คชาดูแล้วน่าจะจำเป็นยัดใส่กระเป๋าเสื้อผ้าอย่างลวกๆ แล้วก็พามาที่หอมันทันทีโดยไม่ถามผมสักคำ

ที่เห็นมันรีบร้อนอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะมันอยากให้ผมมาอยู่ด้วยเร็วๆ หรอกนะ จุดประสงค์ที่แท้จริงน่ะคือ...
“กูจะได้ใกล้ชิดพี่ชิณณ์เร็วๆ มึงอย่ามาถ่วงเวลาว่ะ จะกั๊กไว้เองล่ะสิ”

กั๊กเองปู่มึง!

นั่นแหละ ผมเลยต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการยอมทำตามมันแต่โดยดี วันนี้เลยเป็นคืนแรกที่ผมได้นอนร่วมห้องกับมัน
จะว่าประหม่าก็ไม่ใช่ เกรงใจก็ไม่เชิง แบบว่าผมยังไม่พร้อมที่จะมานอนร่วมห้องกับใครน่ะ อะไรไม่ว่า ต้องนอนเตียงเดียวกันอีก
ผมยืนมองคชาจัดที่นอนโดยเอาหมอนข้างฮิคารุซามะมากั้นกลางแบ่งพื้นที่นอนบนเตียงหลังจากจัดของเข้าตู้เสื้อผ้าและอาบน้ำแต่งตัวเสร็จด้วยอารมณ์ที่บรรยายไม่ถูก ในขณะที่คชาตบหมอนดังปุ หันมาบอกผมเนิบๆ

“มึงนอนติดกำแพงนะ กูเข้าห้องน้ำตอนดึกบ่อย นอนฝั่งนี้จะลุกง่ายกว่า”
ผมพยักหน้ารับ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้าจะนอนติดข้างฝา ผมเองก็ชอบอยู่แล้วด้วย ก่อนที่จะเดินไปยังเตียงเมื่อคชาร้องบอก
“เอ้า จัดที่นอนเสร็จแล้ว ไปนอนไป”

เหลือบมองนาฬิกา เออ สี่ทุ่มแล้ว แต่ปกติไม่ใช่เวลานอนหรอก ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองตามคชาที่ผละไปถอดเสื้อโชว์กล้ามแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ

ผมล้มตัวลงนอน ตาทั้งสองข้างมองเพดานห้องพลางครุ่นคิด

เอาวะ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการทดลองอยู่ก่อน ถ้าหากว่าผ่านคืนนี้ไปแล้วไม่โอเค ผมค่อยคุยกับมันแล้วเอาของบางส่วนที่ขนมากลับไปก็ได้ ไม่ได้เยอะแยะอะไรเท่าไหร่

แต่ว่า...ผิดคาดแฮะ คชามันดีกับผมน่าดูเลย ไม่ใช่ดีแบบเอาใจเพื่อให้ผมเป็นนกต่อพาพี่ชิณณ์มาให้มันด้วยนะ คือยังไงดี...แบบว่าตอนมันออกจากห้องน้ำมา มันมาหาขนมกิน มันก็เอามาแบ่งผมไรงี้ทั้งที่ผมตั้งท่าจะนอนแล้ว อะไรไม่ว่า มันดันเปิดเกมเพลย์สเตชันเล่นแล้วชวนผมเล่นอีกต่างหาก ตอนแรกผมก็ตอบรับไปเพราะเห็นว่ามันเป็นเจ้าของห้องน่ะ แต่เล่นไปเล่นมา

...สนุกแฮะ

เลยเล่นดิ่งยาวไปโดยปริยาย รู้ตัวอีกทีก็ตีหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน ผมเลยขอตัวไปนอนก่อน คชาก็ดี๊ดี ยอมปิดโทรทัศน์แล้วเข้านอนพร้อมกันเพราะกลัวว่าแสงไฟจากจอโทรทัศน์จะรบกวนผม

มันเป็นคนดีเหมือนกันนะเนี่ยถ้าไม่นับเรื่องรสนิยมบ้าๆ ของมันกับการที่มันพูดมึงกูกับผมไม่เลิกสักที

แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรแล้ว หัวถึงหมอนปุ๊บก็ชัทดาวน์ตัวเองปั๊บ หลับสนิทเพราะเตียงนอนนุ้มนุ่ม ต่างจากเตียงที่หอผมลิบลับ

ทว่า...นอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมงก็รู้สึกตัวตื่นเมื่อหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงประหลาดๆ แว่วเข้ามาในหู

อือ...อา...อ๊ะๆ

สาบานว่าผมได้ยินเสียงบ้านี่ดังมาในหูพักใหญ่ละ ดังเข้ามาจนตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเสียงที่เกิดขึ้นในความฝันแล้ว แต่พอเริ่มอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น จิตใต้สำนึกก็บอกผมว่าเสียงที่ได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงจากในฝันอย่างที่เข้าใจ หากแต่เป็นเสียงที่ดังมาจาก
ข้างๆ

ข้างๆ...

คนข้างๆ...

ใช่ มากจากคนข้างๆ อย่างแน่นอน

นั่นทำให้ผมพยายามข่มความง่วงงุน ลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อมองว่าต้นตอมันมาจากอะไรเป็นแน่ แล้วก็ต้องหยีตาทันควันเมื่อแสงสว่างจากหน้าจอโน้ตบุ๊กแยงเข้าตาเต็มๆ เมื่อหันไป

“ทำอะไรน่ะคชา ไม่หลับไม่นอน”
ผมอดเอ่ยปากถามออกมาไม่ได้ด้วยก่อนหน้าคชาบอกว่าที่ปิดโทรทัศน์เป็นเพราะกลัวว่าแสงจากจอจะทำให้ผมนอนไม่หลับ แต่พอตื่นมาเห็นมันเปิดโน้ตบุ๊กอย่างนี้ ผมก็ต้องถามแหละ

ก็มันต่างจากเปิดโทรทัศน์ตรงไหนล่ะ ถึงจอโน้ตบุ๊กจะเล็กกว่าก็เถอะ แต่มันก็มีแสงรบกวนเหมือนกัน
ท่าทางคชาจะไม่ได้ยินผม ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำถามผมเลยสักนิด ทำให้ผมต้องถามไปอีก
“คชา... ถามเนี่ย ไม่ได้ยินหรือไง”

เงียบฉี่...

ยังคงนั่งเอาหูฟังยัดหูทั้งสองข้างในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ตาจ้องโน้ตบุ๊กที่ตั้งบนโต๊ะตัวเล็กอยู่อย่างนั้น

ไม่ได้ยินแน่นอน เปิดเสียงจากโน้ตบุ๊กดังจนเสียงลอดออกมาจากหูฟังขนาดนี้ มันจะไปได้ยินอะไร ไม่ได้สังเกตเห็นผมด้วยแหละว่าผมตื่นแล้ว ผมก็กะจะบอกให้มันเบาเสียงหน่อยนั่นแหละเพราะเสียงที่ลอดออกมารบกวนผมอยู่ไม่น้อย หากแต่พอกำลังจะบอก ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเหลือบไปมองยังหน้าจอโน้ตบุ๊กซะอย่างนั้น

แบบว่าจู่ๆ ก็อยากรู้ว่ามันดูอะไรอยู่น่ะ

และทันทีที่สายตาปะทะเข้ากับจอโน้ตบุ๊ก ความง่วงงันที่มีอยู่ก็พลันมลายหายไปทันตาทันทีที่เห็นภาพของชายไม่ต่ำกว่าห้าคนกำลังทำกิจกรรมบางอย่างกันอยู่

นะ...หนังโป๊!

ไอ้คชามันนั่งดูหนังโป๊!

แน่นอนว่าเป็นหนัง GV นำแสดงโดยท่านฮิคารุของมัน ภาพที่เห็นคือฮิคารุซามะกำลังโดนชายฉกรรจ์แถมยังหน้าโหดรุมอย่างเมามันส์ มองเผินๆ แล้วเหมือนลิงกินโต๊ะจีน อีรุงตุงนังไปหมดประหนึ่งจับปูใส่กระด้ง

คนนึงข้างหน้า คนนึงข้างหลัง คนนึงข้างๆ อีกสองคนพร้อมๆ กัน

โอ๊ย... ตาจะบอด ทำไมคืนแรกที่นอนกับรูมเมทของกูจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!

ที่สำคัญ... มึงจะดูหนัง GV แนว Gangbang หลายคนรุมหนึ่งหาป้ามึงเหรอไอ้คชา! ดูแนวหนึ่งต่อหนึ่งแบบปกติสิเว้ย!
ไอ้ฮิคารุซามะอะไรนั่นก็ร้องโหยหวนเสียเหลือเกิน ผมเห็นแล้วก็เสียวช่องท้องตัวเองขึ้นมาฉับพลัน

ไม่ได้เสียซ่านอะไรหรอกนะ แต่กลัวว่าเครื่องในจะพังเพราะเห็นไอ้พวกหื่นนั่นมันทำไม่ยั้งมือต่างหาก!

เหนือสิ่งอื่นใด ผมต้องห้ามปรามไอ้คชามันก่อน ขืนมันยังปล่อยให้เสียงอื๊ออ๊าของฮิคารุในจอนั่นดังออกมาไม่หยุด คืนนี้ผมคงไม่ได้นอนแน่

ไม่ได้นอนเพราะเสียงรบกวน...ใช่ ตอนแรกผมคิดอย่างนั้น หากแต่พอผมดันตัวขึ้นเล็กน้อย กะจะสะกิดบอกมันว่าให้เบาเสียงก็พลันต้องชะงักทันทีที่เห็นว่าใต้ผ้าห่มของคชามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่

เคลื่อนไหวอยู่บริเวณกลางลำตัว...

ในขณะที่หนังโป๊ก็เปิดอยู่...

คชาจ้องมองจอโน้ตบุ๊กเขม็ง ใช้สมาธิเพ่งกสิณในการดูเป็นอย่างมาก...

ส่วนใต้ผ้าห่มก็เคลื่อนไหวไม่หยุด...

ไอ้คชา... ยะ...อย่าบอกนะว่า...

ผมอ้าปากค้าง มองหน้ามันอย่างไม่เชื่อสายตาขณะที่มือมันใต้ผ้าห่มก็ยังขยับไม่หยุด

มะ...มึงจะมาทำอะไรตอนที่กูนอนหลับอยู่ข้างๆ ไม่ได้นะเว้ย! หยุดเดี๋ยวนี้! หยุดมือมึงเดี๋ยวนี้เลย!

ตกอยู่ในบรรยากาศกระอักกระอ่วนทันที อึกอักลังเลไม่รู้ว่าควรจะทักมันดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็บอกว่าไม่ควรทัก ปล่อยให้มันสำเริงสำราญกับการวะว้าวของมันไป แต่อีกใจก็ร้องบอกว่าให้ทักมันก่อนที่มันจะหน้ามืดแล้วเปลี่ยนจากการจัดการกับตัวเองมาจัดการกับผมแทน

และเพราะกังวลเรื่องนั้น ผมเลยตัดสินใจขัดจังหวะ
“คะ...คชา”
ยื่นมือไปข้างหน้าทำท่าจะสะกิดมันแล้วก็ชะงัก
มะ...ไม่กล้าแตะ กลัวมันหันมาปล้ำ
ทว่าสุดท้ายก็ต้องเรียกพร้อมสะกิดไปด้วยดูแล้วมันคงจะไม่ได้ยินผมแน่ถ้าหากว่าไม่ถูกตัว
“คชา”
สะกิดเรียกไปแล้ว คชาหันมามอง ถอดหูฟังออกแล้วเลิกคิ้วสูง
“อะไร”

จะอะไรล่ะ! มือมึงน่ะมือมึง! โอ้โห เรียกขนาดนี้แล้วยังไม่หยุดขยับอีกนะ!

ไม่รู้จะบอกมันยังไงเลย ตาเอาแต่จ้องไปทางมือมันที่ยังขยับไม่หยุดอยู่ใต้ผ้าห่ม ก่อนปากจะเอ่ยถาม
“ทำอะไรอยู่น่ะ”
“ดูหนังโป๊”

ตอบมาได้หน้าตาเฉย ผมก็ทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว

“ดู...ดูทำไม”
ตอนนี้ดันตัวขึ้นมานั่งละ กะว่าถ้ามันหันมาทำมิดีมิร้ายผมขึ้นมา ผมจะได้หนีได้ทัน
“มึงมานอนด้วย กูไม่ชิน นอนไม่หลับก็เลยดูเพลินๆ”

ดูอย่างนี้กูว่าไม่ดูเพลินๆ แล้วมั้ง มึงดูเอาจริงเอาจังมากเถอะ!

ทำหน้าไม่ถูกยิ่งกว่าเดิมอีก ตามองไปที่มือมันไม่หยุดเลย

หูยยย มันจะอะไรขนาดนั้น มึงหยุดได้แล้ว!

คล้ายกับว่าคชาสำนึกได้ในตอนนี้ว่าผมมองอะไรอยู่ เท่านั้นมันก็หยุดขยับมือทันทีแล้วรีบดึงมือออกจากใต้ผ้าห่ม โวยวายเสียงดังลั่น
“เฮ้ย กูไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะ อย่าเข้าใจผิด”
รู้ตัวแล้ว...โอ๊ยมึง กว่าจะรู้ตัวได้ กูนี่จ้องจนตาจะบอดแล้ว!
“ถ้าไม่ได้ทำ แล้วเอามือไปไว้ตรงนั้นทำไม” ผมถาม
“ก็มดมันกัดอยู่ข้างขาเนี่ย ทีนี้มันแพ้ กูเลยเกา ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่มึงคิดเว้ย!”

กลัวผมไม่เชื่อ รีบเลื่อนโต๊ะวางโน้ตบุ๊กไปที่ปลายเท้า ถลกผ้าห่มออก ผมหยีตาลงตามสัญชาตญาณการระวังตัว กลัวว่าจะเจอมะเขือยาวพ่วงมะเขือพวง แต่ก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่ากลางลำตัวของคชายังมีกางเกงปิดอยู่เหมือนเดิม
“เนี่ย มดมันกัดเห็นมั้ย!” ยื่นขาข้างนั้นมาให้ผมดูรัวๆ

ผมก็ถอยหนีรัวๆ เหมือนกัน

มืดขนาดนี้ ใครมันจะเห็นวะ แล้วอย่าเอาขามาใกล้ กูแขยง!

แสดงออกชัดเจนเลยว่ารังเกียจเดียดฉันท์มาก ปากก็ถามออกไปด้วย
“ไม่ใช่ว่าพอถูกทักแล้วรีบใส่กางเกงหรอกนะ”
“มันเป็นอย่างนั้นที่ไหนเล่า หึย...ไอ้...!” คชาดูหัวเสียสุดพลัง
ผมเองก็ขนลุกชันสุดพลังเช่นกัน

ไอ้มาวินเอ๊ย ขนลุกตั้งตัวหัวยันหน้าแข้ง!

แต่ก็พยายามจะไม่คิดอะไรมาก เอาวะ มันบอกว่าเกามดกัดก็เกามด ทว่าคชาไม่หยุดการแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเองเพียงแค่นี้ ลุกขึ้นไปเปิดไฟ เดินกลับมาที่เตียง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นวาง ถลกขากางเกงบอลที่ใส่นอนขึ้นจนแทบจะเห็นลูกกระแป๋ง
“เนี่ย มดกัดเห็นมั้ย กูเกา ไม่ได้ว้าว อย่าเข้าใจผิด!”

เห็นรอยแดงๆ เป็นแนวยาวกับตุ่มบวมๆ แล้วผมก็พยักหน้ารับหงึกหงัก คชาเอาขาลง บ่นพึมพำสองสามประโยคชนิดที่ผมจับใจความไม่ได้ ก่อนที่มันจะมายกโต๊ะโน้ตบุ๊กลงไปวางบนพื้น แล้วหันมาเสียงดังใส่ผม

“มองอะไรอยู่ได้ นอนไปเลยมึงน่ะ!”

จ้า นอนก็นอน ทิ้งตัวลงนอนแต่โดยดี ปล่อยให้คชาไปปิดไฟแล้วกลับมานอนข้างๆ ผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมหลับไม่ลงแล้ว

กลัวเสียงปริศนามันจะมาหลอกหลอนยามหลับใหลอีกรอบชะมัด...
--------------------------------
เอามาแปะไว้ครึ่งนึงก่อน คั่นเวลาระหว่างปิดต้นฉบับโทนเครียดๆ อีกเรื่อง 555
ฝากฟีดแบ็กไว้ก่อน เดี๋ยวกลับมาต่อให้นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2017 21:48:54 โดย NooDangzz »

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
กลับมาไวๆนะ :mew2:

ออฟไลน์ โอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ตลกดี

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุก ชอบบบ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
คชา บ้าฮิคารุซาระ บ้าหนังเกย์ บ้าพี่ชินณ์
เอ่อ.....คืนแรก ก็มีเสียงประหลาดแล้ว
ถึงขั้นนอนไม่หลับ
คืนต่อไปจะมีอะไรอีกปะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด