พิมพ์หน้านี้ - [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: NooDangzz ที่ 20-10-2016 21:50:16

หัวข้อ: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-10-2016 21:50:16
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะค่ะ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะค่ะ
สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อ ความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


*************************************************************************
-Intro-
ผมชื่อ ‘มาวิน’ แต่ชีวิตไม่เคยวินสมชื่อ
ตอนเด็กเคยฝันว่าอยากมีพลังวิเศษเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ แต่พอสิบขวบ ผมก็ได้พลังวิเศษนั่นมา
...พลังวิเศษที่ทำให้มองเห็นทะลุเสื้อผ้าได้ยันซอกหลืบทันทีที่สบตากับเจ้าของร่างกาย
คงคิดสินะว่าผมคงจะได้เห็นร่างกายสาว ๆ จนเปรม แต่ผิด ไม่เคยได้เห็นร่างเปลือยของสาว ๆ เลย เพราะไอ้ที่ผมเห็นน่ะ...
ร่างกายผู้ชายล้วน ๆ เลยเถอะ!
ไอ้พลังบ้านี่ดันทำให้เห็นแต่ผู้ชายด้วยกันซะงั้น โอ้โห หันขวาก็มะเขือยาว หันซ้ายก็แตงร้าน เอ้า ไอ้หมอนี่แตงกวา หมอนั่นมาแปลก ผิวขรุขระ มะระก็แล้วกัน
แม่งเอ๊ย ตาจะบอด กลายเป็นคนเก็บตัวในพริบตา จะไม่ให้เก็บตัวได้ไง สบตาใครก็เห็นกระเปี๊ยวชาวบ้านไปทั่วแบบนี้ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อผมจำเป็นต้องหารูมเมทเพื่อแชร์ค่าหอพักด้วยฐานะทางบ้านเริ่มมีปัญหา คิดหนักอยู่นานถ้าจะต้องเห็นผู้ชายด้วยกันเดินโทงเทงในห้องตัวเอง แต่สวรรค์ก็ไม่ได้ใจร้ายกับผมขนาดนั้น ส่ง ‘คชา’ ทูตกิจกรรมมหาวิทยาลัยเดียวกันกับผมมาให้
สะ...สบตาแล้วมองทะลุเสื้อผ้าไม่ได้
เพราะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่มาอยู่ด้วยกันเถอะ กราบแล้ว!
*************************************************************************
-TALK-
เรื่องใหม่มาอีกแล้ว 555 เป็นแนว Romantic - Comedy ผสม Feel Good เช่นเคยค่ะ เรื่องนี้ออกกับ สนพ. POB-RAK
หนูแดงจะอัพจนจบเรื่องเช่นเคย ส่วนตอนพิเศษก็ไปตามเอาในเล่มนะคะ กำหนดการวาแผง รอทาง สนพ. แจ้งน้า เดี๋ยวหนูแดงมาประชาสัมพันธ์อีกทีค่ะ
ฝากติดตามผลงานเรื่องใหม่ด้วยเน้อ XD

Twtter ติดแท็ก #แรกพบสบรัก
*************************************************************************
สารบัญ
บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3495519#msg3495519)
สบตา ครั้งที่ 1: ฮิคารุซามะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3495527#msg3495527)
สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3496164#msg3496164)
สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3496168#msg3496168)
สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3579624#msg3579624)
สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3580048#msg3580048)
สบตา ครั้งที่ 4: คชาเป็นตัวอันตราย[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3600676#msg3600676)
สบตา ครั้งที่ 4: คชาเป็นตัวอันตราย[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3609886#msg3609886)
สบตา ครั้งที่ 5: ความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3610452#msg3610452)
สบตา ครั้งที่ 6: ดงมะเขือยาวมรณะ[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3620056#msg3620056)
สบตา ครั้งที่ 6: ดงมะเขือยาวมรณะ[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3620317#msg3620317)
สบตา ครั้งที่ 7: ถ้าเราผิด เราขอโทษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3621286#msg3621286)
สบตา ครั้งที่ 8: สเปกของพี่ชิณณ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3622027#msg3622027)
สบตา ครั้งที่ 9: แซนด์วิซ!? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3622674#msg3622674)
สบตา ครั้งที่ 10: เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3623213#msg3623213)
สบตา ครั้งที่ 10: เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3623214#msg3623214)
สบตา ครั้งที่ 11: รหัสรักนักศึกษา[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3624022#msg3624022)
สบตา ครั้งที่ 11: รหัสรักนักศึกษา[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3624023#msg3624023)
สบตา ครั้งที่ 12: ความสับสนของมาวิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3624491#msg3624491)
สบตา ครั้งที่ 13: กอง (กระ) สันทนาการ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3624896#msg3624896)
สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3625657#msg3625657)
สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3625659#msg3625659)
สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน... (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3626411#msg3626411)
สบตา ครั้งที่ 16: ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้หรือเปล่าวะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3627085#msg3627085)
สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3628431#msg3628431)
สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3628812#msg3628812)
สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3629556#msg3629556)
สบตา ครั้งที่ 19: ผีบ้ากับน้องเอ๋อ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3630638#msg3630638)
สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3631219#msg3631219)
สบตา ครั้งสุดท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3631971#msg3631971)
สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56150.msg3632634#msg3632634)
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 1: ฮิคารุซามะ[20-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-10-2016 21:52:38
แรกพบสบรัก: หนูแดงตัวน้อย
 
บทนำ

ตอนเป็นเด็กก็มักจะฝันพร่ำเพ้อนั่นแหละว่าอยากมีพลังวิเศษ จะได้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ผมเองก็เคยฝันละเมอเพ้อพกแบบนี้ไว้เหมือนกัน จนกระทั่งอายุได้สิบขวบ พระเจ้าก็เกิดสังเวชปนเวทนาหรืออะไรก็ไม่รู้ล่ะ บันดาลให้ผมได้รับพลังวิเศษนั้นมา

ได้มายังไงน่ะเหรอ... คือ เกิดจากอุบัติเหตุน่ะ ไม่ใช่อุบัติเหตุร้ายแรงอะไรหรอก แค่ปีนต้นไม้เล่นกับเพื่อน สมมติว่าตัวเองเป็นไอ้มดแดง สุดท้ายตกต้นไม้ลงมา หัวกระแทกเข้ากับพื้น ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บสาหัสอะไรเลยสักกะติ๊ดดด แค่หัวแตก เย็บไปไม่กี่สิบเข็มเท่านั้น เหมือนจะปกติใช่มั้ยล่ะ แต่ไม่... ไม่ปกติเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะหลังจากนั้น ผมก็มีพลังวิเศษที่พูดไว้ในตอนแรกติดตัวมาทันที

ไอ้พลังวิเศษนั่น มันคือการมองร่างกายมนุษย์ทะลุเสื้อผ้าได้ทันทีที่ผมสบตากับเจ้าของร่างกายน่ะสิ

ว้าว! ฟังดูโชคดีเก๋ไก๋ยูเรก้ามาก ๆ ใช่มั้ยล่ะ คงคิดสินะว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนตัวโตขนาดหมาเลียตูดไม่ถึงแบบนี้ ผมคงได้มองร่างกายสาว ๆ จนเปรมไปเลย

แต่บอกเลย ถ้าคิดอย่างนั้นคือคิดผิด เพราะเพศที่ผมสามารถมองทะลุเสื้อผ้าได้น่ะ ไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็น...

ผู้ชาย! แม่งเอ๊ย! ผู้ชายทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชนชาติเลย!

ปวดหัวหนักมาก จะออกจากบ้านไปไหนก็ต้องระวังให้ไม่ไปสบตาใคร ไม่อย่างนั้นล่ะก็...ขนหัวลุกแน่แม่มึงเอ๊ยยย

ขนหัวลุกหรือไม่ ก็ลองคิดสภาพตอนที่ผมเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนชายล้วนสิ โอ้โห ดงแตงกวาชัด ๆ ไอ้พวกตัวใหญ่หน่อยนี่ก็อาจจะพัฒนาจากแตงกวาที่ขายเหมาเป็นตะกร้าขึ้นมาเป็นแตงกวาที่หุ้มพลาสติกห่ออาหารวางขายตามซูเปอร์มาเก็ต แต่จะอะไรก็เอาเถอะ ไอ้การที่ได้ไปอยู่ในดงชีเปลือย เห็นเพื่อนยันครู ลามไปถึงคนแปลกหน้าเดินโทงเทงผ่านหน้าตลอดเวลา มันก็ทำให้ผมกลายเป็นคนเก็บตัวตั้งแต่บัดนั้น ดีนะที่ครอบครัวผมมีแต่ผู้หญิง ผมเลยไม่ต้องหลอนแม้ตอนอยู่บ้าน

แต่ก็คิดดูเถอะ ไอ้พลังวิเศษอะไรนี่มันทำให้ผมที่เมื่อก่อนเป็นคนร่าเริงเจอแตงกวาตามหลอกหลอนจนแทบจะกลายเป็นฮิคิโคโมริ[1] ถ้าไม่มีความจำเป็นอะไร ผมจะไม่ออกจากบ้านเลย ล่วงเลยมาจนอายุได้ยี่สิบปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยรัฐย่านชานเมืองแล้ว ผมก็ยังคงมีนิสัยแบบนั้น ถึงจะอยู่หอพัก ก็ยังพักคนเดียวด้วย แม่กับพี่สาวผมก็เข้าใจว่าผมเป็นพวกเข้าสังคมไม่เก่งเลยไม่ได้ติดใจอะไร อยากอยู่คนเดียวก็อนุญาตให้อยู่ไปตามประสาลูกชายและน้องชายคนเล็กที่ใคร ๆ ก็ต่างมารุมเอาอกเอาใจ

ทว่าไอ้ตามประสามันก็เริ่มจะไม่ตามประสาละเมื่อจู่ ๆ ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา พี่สาวผมที่คอยสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ตกงาน ลำพังร้านขายอาหารตามสั่งของแม่ที่มีรายได้ไม่แน่นอนก็ไม่เพียงพอต่อการส่งค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้ผมทุกเดือน รวมถึงค่าหอ ผมเลยต้องหารูมเมทอย่างเร่งด่วน แต่มันก็ทำใจยากนะการจะไปอยู่กับคนอื่น แล้วต้องเห็นร่างเปลือยของรูมเมททุกวันอย่างนั้นน่ะ

เรื่องนั้นไว้ค่อยคิด อันดับแรกคือต้องระเห็จตัวเองออกจากห้อง มาหางานพิเศษทำเพื่อแบ่งเบาภาระทางบ้านก่อนเพื่อยืดเวลาในการหารูมเมทออกไป

แต่งานพิเศษนี่... ทำไมแม่งมีแต่งานที่ต้องไปเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยวะ!?

ไหนจะงานเสิร์ฟ งานบริการตามร้านอาหาร ล้วนเป็นงานที่ต้องไปเจอหน้ากับผู้คนทั้งสิ้น แน่นอนว่าผมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผลอไปสบตาผู้ชายด้วยกัน แล้วก็ต้องเจอพืชผักสวนครัวห้อยต่องแต่งให้เห็นจะ ๆ คาตา แต่จะไม่หางานทำก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ สุดท้าย ผมก็เลยมาลงเอยที่งาน...

“วินเอ๊ย เดี๋ยวเอาไม้ถูพื้นเข้าไปเช็ดพื้นหน่อยนะ ตรงแถว ๆ โถฉี่น่ะเช็ดเยอะ ๆ แถวนั้นสกปรกง่าย”
“ครับป้าแมว”

...พนักงานทำความสะอาดที่ห้องน้ำชายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัย

ก็ไม่อยากจะมาทำงานแบบนี้หรอกเว้ย! ต้องมาเช็ดคราบปฏิกูลของใครต่อใครบ้างก็ไม่รู้ แต่มันเป็นงานที่หลีกเลี่ยงผู้คนได้ดีที่สุดแล้วไงในเวลาที่ต้องหางานทำแบบกระชั้นชิดอย่างนี้น่ะ!

ที่ผมว่ามันหลีกเลี่ยงผู้คนได้ดีที่สุด เป็นเพราะเวลาทำความสะอาด ผมสามารถปิดห้องน้ำ กันคนเข้ามาแล้วทำความสะอาดก่อนได้น่ะ จะมีก็แต่พวกป้า ๆ เท่านั้นแหละที่ชอบทำความสะอาดเวลามีคนใช้งานอยู่ แต่ผมไม่ทำแบบนั้น มันยุ่งยาก ทำไปให้จบเป็นรอบ ๆ มันสะดวกกว่า ประเด็นหลักก็คือ...ผมไม่อยากทำงานไป เห็นกระเปี๊ยวของคนอื่นไปพร้อม ๆ กันน่ะ ยิ่งในห้องน้ำชายนะคุณเอ๊ย ไม่ต้องถามเลยว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

ดงชีเปลือยแน่ ๆ !

จริง ๆ การทำความห้องน้ำชายมันก็ไม่ยุ่งยากเหมือนห้องน้ำหญิงนะ ไม่ต้องคอยไปตามเก็บตามกวาดบ่อย ๆ ด้วย เรียกได้ว่าถึงจะเป็นงานที่ไม่น่าพิสมัย แต่ก็นับว่าสบายถ้าหากเทียบกับพวกงานเสิร์ฟแล้ว ได้ค่าชั่วโมงเกือบจะเท่ากัน ทว่าไม่ต้องไปทำเรื่องหยุมหยิม ก็ถือว่าคุ้ม

ผมคว้าเอาไม้ม็อบกับป้ายพลาสติกที่มีตัวหนังสือว่า ‘ห้ามเข้า กำลังทำความสะอาด’ ออกมาจากห้องเก็บของ รอให้ลูกค้าของห้างที่กำลังใช้งานคนสุดท้ายออกจากห้องน้ำถึงได้เดินเอาป้ายไปตั้ง แล้วหายเข้าไปข้างใน พร้อมกับปิดประตู เตรียมตัวจะกดล็อคเพื่อกันไม่ให้ใครหน้าไหนโผล่เข้ามาตามปกติอย่างที่เคยทำ

หากแต่พอปลายนิ้วกำลังจะกดล็อคปุ๊บ ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ก็วิ่งมาทุบประตูปั๊บ ทุบไม่พอ แม่งบิดลูกบิด ผลักบานประตูเข้ามาด้วย ผมได้สติก็รีบผลักคืนตามสัญชาตญาณทันทีเมื่อรู้ว่าถ้ามันโผล่เข้ามา ผมจะต้องเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นแน่ถ้าบังเอิญสบตากัน แต่ไม่ทันละ ไอ้บ้านั่นแรงเยอะมาก ออกแรงผลักมาทีเดียว ผมก็กระเด็นไปอยู่ติดกำแพง ก่อนร่างใหญ่ของผู้ชายคนนั้นจะวิ่งพรวดเข้ามา ร้องตะโกนบอกผมเสียงหลง

“ขอโทษนะครับ ผมไม่ไหวแล้ว ขอเข้าหน่อย!”
แล้วก็หายเข้าไปในห้องส้วมอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมมองตามอย่างระอา
มันมีมาไม่ค่อยบ่อยหรอกไอ้พวกที่อยู่ตั้งนานไม่ปวด พอจะทำความสะอาดปุ๊บ ก็ดันปวดขึ้นมาทันที

เอาเถอะ อย่าไปสบตาหมอนั่นก็พอแล้วล่ะ

ผมตรงเข้ามาคว้าไม้ม็อบ ตั้งท่าจะทำความสะอาดอีกครั้ง ทว่าเรื่องมันไม่จบแค่มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้พุ่งเข้ามาแค่นั้น มันดันมีพลพรรคของมันที่พากันกรูตามเข้ามาอีก
“ขอโทษครับ พวกผมก็ขอเข้าด้วย”

โอ้โหพวกมึง! เข้ามากันสี่ซ้าห้าหน่อ กูจะหลบยังไงเนี่ย!

ปฏิเสธก็ไม่ได้ แม่งเป็นลูกค้าของห้าง เลยได้แต่ก้มหน้างุด ๆ แล้วเดินหลบมุมไป ปล่อยให้พวกมันไปยืนเรียงหน้ากระดานตรงโถฉี่ คุยกันเสียงดังพลางเรียกเพื่อนที่อยู่ในห้องน้ำไปด้วย
“เร็ว ๆ นะเว้ยไอ้ชา หนังใกล้จะฉายแล้ว!”
“เออ รู้แล้ว รอก่อน!”

จากนั้นก็พากันล้อผู้ชายที่ชื่อ ‘ชา’ ว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมาเลยทำให้ข้าศึกบุกโจมตีกะทันหัน ผมก็ไม่ได้สนใจนักหรอก ก้มหน้าก้มตาถูพื้นอย่างเดียวกระทั่งผู้ชายพวกนั้นจัดการธุระหน้าโถฉี่เสร็จและถอยออกมา ผมเลยได้โอกาสตรงเข้าไปทำความสะอาด ทว่าไอ้จังหวะที่ผมถือไม้ม็อบเปียกน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเดินเข้าไปเนี่ย รองเท้าเจ้ากรรมก็ดันลื่นขึ้นมา ทำเอาผมล้มหงายหลังไม่เป็นท่า

เสียงดังตึงเรียกให้คนพวกนั้นกรูเข้ามาหาผม ยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ร้องขอ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ใครสักคนช่วยดึงผมขึ้นยืน ผมคว้ามือนั้นไว้ เงยหน้าขึ้นมามองพอดี

ว้าบบบ... ตาสบตา ใจกระสานใจ เสื้อผ้าบนตัวเจ้าของมือก็อันตรธานหายไปทันที หายคนเดียวจะไม่ว่าเลย แม่งไอ้คนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ช่วยดึงผมขึ้น แต่ทำหน้าที่เป็นไทยมุงก็ดันหายไปด้วยเหมือนกัน

พะ...พวกมึงจะมาสบตากูพร้อม ๆ กันทำไมวะเนี่ย! หันขวาก็มะเขือยาว หันซ้ายก็แตงร้าน เอ้า ไอ้หมอนั่นแตงกวา หมอนั่นมาแปลก ผิวขรุขระ มะระก็แล้วกัน

แม่งเอ๊ย กูอุตส่าห์หนีแล้วนะ! ยังจะมาโดนพืชผักสวนครัวรุมอีก!

ตาจะบอดให้ได้ จะหันหนีเพราะเห็นความต่องแต่งระโยงระยางก็แลดูมีพิรุธ แค่หันหนีเท่านั้น ไอ้คนที่ดึงผมขึ้นยืนก็ว่าออกมาทันที
“สีหน้าไม่ค่อยดีเลย นายโอเคมั้ย”

มันจะไปโอเคอะไรเล่า! มึงคิดว่าอยู่ในดงผู้ชายเปลือยเหมือนหนัง AV แนวแก๊งแบงมันโอเคหรือไงวะ!?

ผมพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่คิดว่าตัวเองตกอยู่ในสภาพเหมือนนางเอก AV เพื่อจะได้สงบจิตสงบใจ หากแต่การไม่พูดอะไรก็ทำให้หมอนั่นถามขึ้นมาอีก

“ไปนั่งพักมั้ย เดี๋ยวช่วยพาออกไป นายหน้าซีดมากเลยนะ”
เห็นว่าดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกันล่ะมั้งถึงได้เริ่มเป็นกันเองมากขึ้น ผมกำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธ ตั้งใจว่าจะหนีออกไปก่อน ประตูห้องส้วมที่ถูกไอ้เวรที่เป็นต้นเรื่องทั้งหมดก็เปิดออกมาก่อน พร้อมกับการปรากฏตัวของผู้ปลดเปลื้องความทุกข์ทุกสรรพสิ่ง
“มีอะไรกันวะ”
ถามอย่างนั้นเพราะเห็นเพื่อนตัวเองยืนล้อมหน้าล้อมหลังผม มะรุมมะตุ้มขายผักสดบ้างเหี่ยวบ้างกันอยู่ ด้วยความที่กลัวว่าจะมีหินงอกหินย้อยมาเพิ่มให้เห็น ผมเลยไม่หันไปมองหมอนั่น ขณะที่ใครสักคนพูดขึ้นมา
“ไม่มีอะไร หมอนี่แค่ลื่นล้มนิดหน่อยน่ะ”
“อ๋อ”
อีกฝ่ายตอบรับ ผมสบโอกาส เลยรีบตั้งท่าจะแหวกวงล้อมออกมา
“เดี๋ยวขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ”
ไม่มีใครถอยให้เลยสักคน ผมเลยรีบก้มลงคว้าไม้ม็อบ แล้วแหวกออกมาเองซะเลย ทว่าในวินาทีที่ยืนขึ้น มือของใครบางคนก็สัมผัสเข้ามาที่บั้นท้ายผม
ผมสะดุ้งสุดตัว หันไปมองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นว่าเป็นคนที่ชื่อชา พอหมอนั่นเห็นผมมองอย่างตกใจ ก็รีบชูมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
“มีทิชชูติดก้นอยู่น่ะครับ ผมเลยเอาออกให้”
นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย สำคัญที่ว่า...ตะ...ตาสบตาอีกแล้ว แต่...

แต่เสื้อผ้ามันไม่หายไปไหนเว้ยเฮ้ย!

เป็นคนแรกเลยในช่วงระยะเวลาสิบปีที่ผมสบตาแล้วไม่เห็นว่าเสื้อผ้าอันตรธานหายไป ก่อนจะสังเกตเอาในตอนนี้ว่าหมอนี่ใส่ชุดนักศึกษา ผูกเนคไทที่มีตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยผมอยู่

งะ...งั้นก็แสดงว่าเรียนที่เดียวกันกับผมน่ะสิ!?

“นาย...”
ผมเบิกตาโต ปากเผยออ้า เปล่งเสียงออกไปอย่างตะลึงงันโดยอัตโนมัติ
“ครับ?”
“มะ...มายรูมเมท”

ตกลงปลงใจเอาเองเสร็จสรรพว่าจะตามจิกมันมาเป็นรูมเมท ส่วนอีกฝ่าย จากที่ทำหน้าสงสัยว่าผมเรียกทำไม ตอนนี้ทำหน้าเอ๋อกินไปแล้ว ผมก็พูดอะไรออกไปไม่รู้ตัวเหมือนกัน จะอธิบายว่าไอ้ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไรก็ไม่ทันละ มันเห็นท่าไม่ดี ก็รีบปรี่เข้าไปหาเพื่อน ตัดบทเอาดื้อ ๆ

“งั้น...ไปก่อนนะ ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะครับ”

แต่กูไม่ให้มึงจากไปง่าย ๆ หรอกเว้ย! ทำกูโดนพืชผักสวนครัวรุมแล้ว ต้องรับผิดชอบ!

ผมกระโจนคว้าแขนหมอนั่นไว้ด้วยความเร็วแสง คนที่ชื่อชาหันมามองผมด้วยสีหน้างุนงงระคนตกใจ ส่วนผมก็หลุดพูดออกไปโดยไม่ทันคิด
“นายมาอยู่กับเราเถอะ เราจะดูแลนายเอง”
“พะ...พูดอะไรเนี่ย!?”
--------------------------------------
[1] ฮิคิโคโมริ (Hikikomori) เป็นคำภาษาญี่ปุ่น ใช้เรียกปรากฏการณ์ที่บุคคลแยกตัวออกมาจากสังคม อยู่อย่างสันโดษและกักขังตัวเองอย่างสุดโต่งโดยมีต้นเหตุมาจากเรื่องราวทางสังคมที่บุคคลนั้น ๆ ประสบมา เช่น ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ อาการกลัวการเข้าสังคม อาการกลัวที่โล่ง เป็นต้น กระทรวงสาธารณะสุข แรงงานและสวัสดิการของญี่ปุ่นได้จำกัดความคำว่า ฮิคิโคโมริว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่ปฏิเสธที่จะออกจากบ้าน และปลีกตัวจากสังคมในบ้านเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือน ระดับของภาวะฮิคิโคโมริมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน ในกรณีร้ายแรงอาจปลีกตัวออกจากสังคมเป็นเวลาปลายปีหรือหลายสิบปี โดยส่วนใหญ่ภาวะนี้เริ่มต้นขึ้นจากการปฏิเสธโรงเรียนหรือสังคมในโรงเรียน


----------------------------------
พระ-นายของเราเจอกันดี๊ดี 555555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 1: ฮิคารุซามะ[20-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-10-2016 21:56:26
สบตา ครั้งที่ 1: ฮิคารุซามะ

“พะ...พูดอะไรวะเนี่ย!?”

ใบหน้าหล่อดูงุนงงไปถนัดตา ตอนแรกผมก็ไม่ได้สังเกตหรอกนะว่าคนชื่อชาอะไรนี่หน้าตาดีขนาดไหน แค่มองผ่าน ๆ เห็นแป๊บเดียวก็รู้ว่าหน้าตาดี ทว่าพอหมอนั่นจ้องหน้าผมนิ่งให้ผมได้เห็นใบหน้าชัด ๆ ผมก็เพิ่งประจักษ์เอาในตอนนี้ว่า... โอ้โหแม่ง หมอนี่มันโคตรจะหล่อเลย ไม่ได้หล่อธรรมดา หล่อโคตร ๆ อย่างกับดาราวัยรุ่นอะไรประมาณนั้น ไม่ได้หล่อแบบหน่อมแน้มน่ารักด้วยนะ หล่อแบบ...มาดแมนแฮนด์ซั่ม เออ ผมก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน ออกแนวรูปร่างสูงใหญ่ มีกล้าม ผิวแทนหน่อย ๆ ท่าทางออกแนวแบดบอยกึ่ง ๆ หนุ่มนักกีฬาอะไรประมาณนั้น ไม่ใช่แค่หมอนี่เท่านั้นด้วยที่หน้าตาดี พวกเพื่อน ๆ ที่มาด้วยกันก็หล่อยกแก๊ง เซ็ทผม แต่งตัวถูกระเบียบมหาวิทยาลัยเป๊ะ ๆ กันอีกต่างหาก

จะไม่เป๊ะได้ยังไง มีนักศึกษาชายที่ไหนบ้างผูกเนคไทไปเรียนกันน่ะ ใส่กันแค่ตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ ๆ กับเปิดเรียนแรก ๆ เท่านั้นแหละ วันอื่น ๆ ก็ใส่แค่เสื้อกับกางเกง บางครั้งก็ใส่ชุดไปรเวทด้วยเพราะมหาวิทยาลัยผมอนุญาตให้แต่งตัวธรรมดาไปเรียนได้ ดังนั้นการที่พวกนี้มาแต่งตัวถูกระเบียบอย่างนี้ มันเลยดูแปลกตากว่านักศึกษาทั่ว ๆ ไป แลดูคล้ายกับพวกทูตกิจกรรม ไม่ก็พวกเชียร์ลีดเดอร์เวลาแต่งตัวเป็นทางการไปออกงานยังไงยังงั้น

แปลกตาชนิดดึงดูดสายตาให้จับจ้องจนไม่วางตาเลยล่ะ ขนาดผมเป็นผู้ชายยังอดชมเจ้าพวกนี้ว่าหล่อไม่ได้เลย
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจได้เท่ากับความปรารถนาที่ผุดพรายขึ้นมาในใจของผมจนท่วมท้น จนต้องโพล่งความในใจออกไปอีกครั้ง

“เมื่อกี้เราบอกว่านายมาอยู่กับเราเถอะ เราจะดูแลนายเอง เราสัญญา”

ผมว่าหมอนี่รู้แหละว่าเมื่อกี้ผมพูดว่าอะไร ก็เห็นตอบกลับมาว่า ‘พูดบ้าอะไรวะ’ นี่นา แต่ก็ย้ำไปอีกครั้งเพื่อให้เข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งว่าผมต้องการอะไร

ต้องการรูมเมทนี่ไง! โหย สวรรค์ส่งมาโปรดชัด ๆ ! ผมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปหรอก

แต่ทว่าไอ้การพูดไม่ทันคิดของผมเมื่อกี้ มันกลับทำให้คนฟังทั้งคนที่ชื่อชา แล้วก็ผองเพื่อนพากันทำหน้าตกใจไปอีกระลอก ผมเองก็เพิ่งมาตระหนักได้ในอีกไม่กี่วินาทีให้หลังว่าการที่จู่ ๆ ก็ไปชวนคนแปลกหน้ามาอยู่ด้วยโดยไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้จักกัน ไม่รู้อะไรเลย แถมมาเจอกันในห้องน้ำอีก มันเป็นเรื่องประหลาดโคตร ๆ แต่ให้ทำไงได้ล่ะ ก็ผมดีใจนี่นา

ดีใจที่ตลอดสิบปีที่ผ่านมาได้เจอกับผู้ชายที่สบตาด้วยแล้วไม่เห็นลูกป๋องแป๋ง ใครมาเป็นอย่างผม มันก็ต้องดีใจเท่านั้นแหละเว้ย
ดีใจมาก ดีใจจนออกนอกหน้า เผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ไม่ใช่อมยิ้มด้วยนะ ยิ้มแบบยิ้มเลย ยิ้มจริง ๆ ยิ้มยิงฟันกว้างชนิดเก็บอาการไม่อยู่ แล้วก็กลายเป็นผมคนเดียวที่ยิ้มด้วย เพราะพอคนอื่น ๆ เห็นแค่นั้น พวกมันก็ทำหน้าตาขยะแขยงผมขึ้นมาทันที
“เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมต้องไปก่อน”

ได้สติอีกระลอกก็ตอนคนที่ผมจับอยู่เปล่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง ผมเลยรีบหุบยิ้มเมื่อคิดได้ว่าผมทำตัวประหลาดมากเกินไปจนอีกฝ่ายตั้งท่าหนีแล้ว

แหม เป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้นแหละ ผมก็เข้าใจหมอนี่นะ แต่ไม่ปล่อยหรอก เดี๋ยวมันวิ่งหนี งั้นอธิบายสักหน่อยก็แล้วกัน

“คือว่านะ ที่เราอยากชวนนายมาอยู่ด้วยน่ะ เป็นเพราะว่า...”
“ขอตัวก่อนนะครับ หนังจะได้เวลาฉายแล้ว เดี๋ยวไม่ทัน”

พูดยังไม่ทันจบเลย หมอนั่นก็แทรกขึ้นมาละ ท่าทางแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจผมสุดชีวิต มือมันก็เอื้อมมาแกะมือผมที่จับแขนอยู่ออกด้วย แต่ผมไม่ปล่อย เกาะไว้แน่นเป็นเห็บเกาะหมาอย่างรวดเร็ว ทำเอาหัวคิ้วเข้มของอีกฝ่ายย่นยู่

“นี่!”

ย่นคิ้วใส่อย่างเดียวไม่พอ เริ่มขึ้นเสียงด้วย คล้ายกับว่าจะหมดความอดทน ถามว่าผมกลัวว่ามันจะต่อยมั้ย...ก็กลัวนะ แต่มีคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่ต้องประสบกับภาพอุจาดตา ผมก็อยากได้เข้ามาอยู่ในวงจรชีวิตนี่หว่า ทว่าเหมือนมันจะไม่อยากให้ผมเข้าไปอยู่ในวงโคจรตัวเองเท่าไหร่ เห็นผมจับไม่ปล่อย เกาะเป็นตุ๊กตา จากที่มองหน้าผมอย่างหงุดหงิดก็สะบัดมือผมที่เกาะกุมอยู่ออกเต็มแรงจนมือผมหลุดออกมา

“ปล่อยสิเว้ย!”
ตะคอกมาด้วย ท่าทางเป็นมิตรก่อนหน้าที่อุตส่าห์เอาทิชชูออกจากก้นผมให้ในตอนแรก ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นพร้อมจะเสยหน้าผมให้หงายหลังไปถนัดตา จนเพื่อน ๆ ของหมอนี่ต้องมาดึงตัวออกห่างผม
“อย่าไปสนใจเลยน่า ไปกันเถอะ”

คนที่เป็นคนฉุดผมขึ้นยืนพูด ส่วนคนอื่น ๆ ก็คะยั้นคะยอให้ทำตามนั้น ผู้ชายที่ชื่อชามีท่าทางฮึดฮัดเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินตามเพื่อนไปแต่โดยดี แล้วนึกเหรอว่าผมจะยอมปล่อยมือไปง่าย ๆ ไม่ว่ายังไง ผมก็ต้องได้หมอนี่มาเป็นรูมเมทให้ได้!

วินาทีที่ถูกสะบัดหลุดออกจากตัวและเหยื่อกำลังจะหนีไป ผมก็รวบรวมความกล้า พุ่งเข้าชาร์จด้วยการโผเข้ากอดเอวจากทางด้านหลังทันทีที่หมอนั่นหันหลังให้ทันที อีกฝ่ายสะดุ้งสุดตัว หันมาโวยวายเสียงดังลั่น
“ทำบ้าอะไรของมึงวะเนี่ย!”

ไร้ซึ่งความสุภาพอีกต่อไป ผลักผมออกเต็มแรงด้วยจนผมเซไปอีกทาง แต่ผมก็ไม่หยุดแค่นั้น พุ่งเข้าไปกอดอีก หากแต่ครั้งนี้กอดจากทางด้านหน้า

“อย่าหนีเราไปเลยนะ เราตามหาคนอย่างนายมานานแล้ว มาอยู่กับเราเถอะ เราขอร้อง!”
ปากพูดอะไรไปไม่ทันได้คิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ สำหรับผมน่ะมันเป็นความต้องการจากก้นบึ้งของจิตใจจริง ๆ และก็ไม่ได้หมายความว่าผมชอบหมอนี่อะไรแต่อย่างใดด้วย เหตุผลเดียวคือสบตามันแล้วไม่เห็นกระเปี๊ยวก็แค่นั่น แต่สำหรับคนอื่นทั้งหมอนั่น ทั้งเพื่อน ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์กลับไม่ได้คิดอย่างนั้น

มันจะคิดอย่างผมได้ไงล่ะ ก็พวกมันไม่รู้นี่ว่าผมต้องประสบชะตากรรมอะไรมาบ้าง ได้ยิน มันก็คิดไปเป็นอย่างอื่นไปแล้ว
“โรคจิตหรือไงวะมึงเนี่ย ปล่อยนะเว้ย!”

ถูกผลักจนกระเด็นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้เซธรรมดา ล้มกระเด็นก้มจุ้มปุ้กไปเลย ทำท่าจะพุ่งเข้ามาต่อยผมด้วย ผมคงจะโดนต่อยแล้ว ถ้าเพื่อน ๆ หมอนั่นถลาเข้ามาห้ามไว้ไม่ทัน

“ไอ้ชา อย่าไปสนใจเลยมึง ไปเถอะ อย่ามีเรื่อง”
คนเดิมที่ฉุดผมลุกขึ้นยืนร้องห้ามอีกแล้ว คนอื่น ๆ เลยช่วยกันห้ามบ้าง
“กูก็ไม่อยากมีเรื่องหรอก พวกมึงก็ดูแม่งสิ ทำบ้าอะไรของมัน”
“เอาน่ามึง มึงมันหล่อ ใคร ๆ ก็อยากเข้าหา อย่าไปสนใจ”

ได้ยินเพื่อนป้อยอ คนที่ชื่อชาเลยพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง จบเรื่องเอาดื้อ ๆ

“กูก็เข้าใจอยู่ แม่ง เบื่อความหล่อของตัวเองจริงว่ะ”

จากที่อยากได้มันเป็นรูมเมท ได้ยินมันพูดประโยคนี้ก็แทบกลอกตาเป็นเลขแปด ไม่ใช่เลขแปดอารบิกด้วยนะ เลขแปดไทย! โอ้โห! มึงมั่นหน้าอะไรเบอร์นี้เนี่ย!

ความต้องการมันมาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขในห้องเดียวกันหายวับไปทันตา ได้แต่มองคนพวกนั้นเดินออกจากห้องน้ำไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคนพวกนั้นหายออกไปข้างนอกแล้ว

เออ ช่างมันเถอะ ไว้หาเอาใหม่ก็ได้

ถ้าเจอคนแรก มันก็น่าจะมีคนที่สองที่สามตามมาแหละวะ ถึงจะน่าเสียดายก็เถอะ แต่สักวันเดี๋ยวมันก็ต้องเจออีก คนมีตั้งกี่ล้าน คงไม่ได้มีมันคนเดียวหรอกมั้งที่สบตาแล้วไม่เห็นจู๋น่ะ

คิดได้อย่างนั้นก็สบายใจขึ้น ผมลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างที่ควรจะทำ หากแต่พอผมถูพื้นตามห้องส้วมไล่ไปทีละห้องจนมาหยุดที่ห้องซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้ชายที่ชื่อชาเข้าไปใช้ ผมก็เจอกับวัตถุบางอย่างหล่นอยู่ที่พื้นบริเวณข้างชักโครก

กระเป๋าตังค์นี่หว่า?

ก้มลงไปหยิบขึ้นมาทันที เปิดกระเป๋าออกมาดูอย่างถือวิสาสะ เห็นมีแบงค์พันอยู่สองสามใบกับเศษเงินอีกนิดหน่อย ผมก็เบ้ปากใส่รัว ๆ

ขโมยเงินมันแม่งเลย หมั่นไส้ มั่นหน้าดีนัก!

ความคิดชั่วร้ายเข้าครอบงำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบรรดาบัตรต่าง ๆ ที่เสียบไว้ในซอกกระเป๋า
ถ้าบัตรพวกนี้หาย คงจะลำบากน่าดูเลย

คิดแล้วก็เปลี่ยนใจ ตั้งใจจะเอาไปคืนแทน หยิบบัตรนักศึกษาออกจากกระเป๋ามาดูก็เห็นว่าหมอนั่นมีชื่อเต็ม ๆ ว่า ‘คชา’ หน้าบัตรระบุว่าเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับผมอย่างที่ผมคิดไว้ตอนแรก เลขประจำตัวนักศึกษาก็บ่งบอกว่าเรียนชั้นปีที่สองเหมือนกัน เพียงแต่รหัสคณะเป็นคนละคณะเท่านั้น ผมเรียนนิติฯ หมอนั่นเรียนวารสารฯ ตึกคณะอยู่ใกล้ ๆ กัน เดินเอาไปฝากไว้ที่คณะแล้วให้หมอนั่นไปเอาคืนเองก็ได้

แต่ไม่...

ไม่ทำแบบนั้นหรอก ใครจะไปทำกันวะ อยากได้คืนก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเว้ย

ความคิดชั่วร้ายผุดพรายขึ้นมาในหัวทันที กะจะเอากระเป๋าตังค์ไปแลกเปลี่ยนกับการที่ให้มันยอมมาเป็นรูมเมทผมแทน
คิดไปก็หยิบบัตรนักศึกษาหมอนั่นขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นว่าไอ้บ้านั่นเขียนรหัสพาสเวิร์ดสำหรับล็อคอินเว็บไซต์มหาวิทยาลัยไว้ด้านหลังของบัตรด้วย

มันบ้าหรือไงวะเนี่ย มีใครไปเขียนรหัสพาสเวิร์ดไว้แบบนี้บ้าง ไอดีก็ใช้เลขประจำตัวนักศึกษา ถ้าเกิดมีใครหมั่นไส้มันขึ้นมาเหมือนผมแล้วแอบล็อคอินไอดีมันเข้าไปแกล้งดร็อปเรียนจะทำยังไง สะเพร่าชะมัด แต่ก็เอาเถอะ เรื่องของมัน ไม่เกี่ยวกับผม แล้วก็โชคดีของมันด้วยที่ผมเป็นคนเก็บได้ เพราะผมไม่ได้ต้องการอะไรจากมันเลย นอกจากได้มันมาอยู่ด้วยเท่านั้น
คอยดูเถอะ พรุ่งนี้โดนตามติดเป็นตังเมแน่!
 



ตามติดจริงอย่างที่ตั้งใจ เพราะพอกลับมาที่หอ ผมก็จัดการล็อคอินเข้าไปในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยด้วยไอดีของคชา ตรวจสอบตารางเรียนของหมอนั่นว่าเรียนวิชาอะไร ที่ไหนบ้าง โชคดีที่มีวันพรุ่งนี้ หมอนั่นมีเรียนไม่ตรงกับผม ผมมีเรียนเช้า หมอนั่นมีเรียนบ่าย ซ้ำยังไม่ได้เรียนที่ตึกคณะ แต่เรียนที่ตึกเรียนรวม แถมยังเป็นห้องเรียนใหญ่ ผมแฝงตัวเข้าไปก็ไม่มีใครสงสัย วันรุ่งขึ้นพอเรียนวิชาคณะเสร็จ ผมก็จัดการปรี่ไปที่ห้องเรียนนั้นทันที

อย่างที่บอกว่าเรียนห้องเรียนใหญ่ ผมก็กลัวเหมือนกันว่าจะหาตัวคชาไม่เจอ แต่รู้อะไรมั้ย หมอนั่นน่ะ เด่นจนมองแต่ไกลก็ยังเห็น ผมเลยจัดการปรี่เข้าไปหา พยายามก้มหน้าก้มตาไม่สบตาใครด้วยเกรงว่าจะเห็นดงป๋องแป๋งให้เสียสายตาอีก

มุดฝ่าคนจำนวนมากมาได้ ก็นั่งปุ้กลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ หมอนั่น คชาเหลือบมามองผมเล็กน้อย มองแล้วก็เมิน ไม่ได้สนใจอะไร ดูท่าจะจำผมไม่ได้

ก็นะ... คงจำได้อยู่หรอก ผมในตอนไปทำงานกับตอนไปเรียนแต่งตัวเหมือนกันที่ไหน ตอนไปเรียน มันแต่งตัวยังไงก็ได้ ผมเลยเอาผมที่ปรกหน้าปรกตาเพื่อที่จะได้ไม่ไปสบตาคนอื่นเอาง่าย ๆ ส่วนตอนไปทำงาน ถึงจะเป็นพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำ แต่ภาพลักษณ์มันก็สำคัญ เลยต้องเสยผมขึ้นให้ดูเรียบร้อย

กระนั้นผมก็ไม่ได้สนใจนักว่ามันจะจำผมได้มั้ย  เอาแต่สังเกตว่าหมอนี่มาเรียนกับใคร ผมจะได้หาจังหวะเข้าชาร์จถูก แต่ดูแล้ว เหมือนจะมาเรียนคนเดียวแฮะ งั้นก็ดีเลย จะได้หาโอกาสเข้าถึงตัวง่าย ๆ

บอกว่าจะหาโอกาส หาจังหวะ เอาเข้าจริงก็ไม่ได้หาหรอก เห็นหมอนั่นนั่งเท้าคางเหม่อ ๆ ปุ๊บ ผมก็ยื่นมือไปสะกิดปั๊บ
คชาหันหน้ามามอง ผมยิ้มให้ ก่อนมันจะมองเหลียวซ้าย แลขวา แล้วก็ทำหน้างง ๆ ก่อนจะทำเป็นเฉยไป

เอ้าไอ้นี่! ทักแล้วไม่ทักตอบ คืออะไร!?

เลยสะกิดไปอีกที คชาหันมาอีกรอบ คราวนี้มีสีหน้ารำคาญนิดหน่อย
“เรียกเราเหรอ?”
“อืม สะกิดใครอยู่ล่ะ”
ผมว่า หัวคิ้วคนตรงหน้านี่ย่นยู่เลย ก่อนหมอนั่นจะถาม
“เรา...รู้จักกัน? เรียนคณะเดียวกันปะ ไม่เห็นเคยเห็นหน้า?”

มึงจะเคยเห็นหน้าได้ยังไง ผมปิดหน้ากูขนาดนี้เนี่ย แล้วมันก็จำผมไม่ได้อย่างที่คาดการณ์ไว้จริง ๆ ด้วยแฮะ ผมเลยทวนความจำให้ด้วยการล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพาย หยิบกระเป๋าเงินมันออกมา

“ไม่ได้เรียนคณะเดียวกันหรอก แค่เรียนมหา’ลัยเดียวกัน พอดีนายทำนี่ตกน่ะ เราก็เลยเอามาคืน”
สีหน้าหงุดหงิดของคชาเลือนหายไปทันที ยื่นมือมาจะคว้ากระเป๋าตังค์จากมือผม
“ไปเจอที่ไหนเนี่ย นึกว่าจะไม่ได้คืนแล้วซะอีก”
“เจอในห้องน้ำ” ผมตอบ พลางดึงมือหนีก่อนที่หมอนี่จะคว้าได้
คชาชะงักกึกไปทันที มองหน้าผมอย่างสงสัย
“ห้องน้ำ?”
“อือ ห้องน้ำ”
“ห้องน้ำไหน หรือว่า...?”

เหมือนตอนนี้จะจำได้แล้วว่าผมเป็นใคร คงจะคลับคล้ายคลับคลา ผมเลยเหยียดยิ้ม พร้อมจัดการเสยผมหน้าตัวเองขึ้นให้หมอนี่เห็นหน้าชัด ๆ

“ห้องน้ำในห้างไง”
เห็นหน้าผมชัดเจนเท่านั้น คชาก็อ้าปากค้าง ก่อนจะกระเด้งลุกขึ้นยืน แหกปากเสียงดัง
“มายังไงของมึงวะเนี่ย!?”
แหกปากลั่นสนั่นซอยมาก ความสุภาพก็ไม่มี ขึ้นมึงขึ้นกูหน้าตาเฉย ทำเอาคนทั้งห้องเรียนหันมามองยังหมอนั่น ซ้ำยังเป็นจังหวะเดียวกับที่อาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้องอีก เห็นนักศึกษาแถวหลังพูดให้ได้ยินแว่ว ๆ มาว่าอาจารย์คนนี้ค่อนข้างเนี้ยบ และมีกฎของห้องเรียนอยู่ว่าห้ามเสียงดัง เลยทำให้คชาถูกอัปเปหิออกจากห้องในไม่กี่นาทีให้หลัง

แล้วถามว่าผมยอมปล่อยให้มันจากไปง่าย ๆ มั้ยล่ะ ...ไม่ บอกว่าจะตามติดแล้วก็ต้องตามสิ
“ตามกูมาทำไมวะ มึงจะเอาอะไร”
เดินตามไปได้พักใหญ่ คชาก็เหมือนจะสิ้นสุดความอดทน หันมาแผดเสียงใส่ผมระหว่างที่เราเดินกันไปตามทางที่มุ่งตรงไปยังโรงอาหาร

ผมที่ก้มหน้ามองพื้นระหว่างเดินอยู่เหลือบมองใบหน้าหล่อที่ยับยู่ไปนิด พลางว่า
“เราก็จะเอากระเป๋าตังค์มาคืนให้นี่แหละ”
“ถ้าจะมาแค่เอากระเป๋าตังค์มาคืนให้ ก็เอามา!”

ไม่ว่าเปล่า แบมือขอแบบซึ่ง ๆ หน้าอีกด้วย

ผมก็อยากจะให้แหละนะ แต่ท่าทางกุ๊ยแบบนี้มันใช่วิธีการขอของคืนจากคนที่อุตส่าห์เก็บได้มั้ยฮะ!

ผมพยายามเก็บอารมณ์ที่หงุดหงิดขึ้นมาบ้างเต็มที่ อยากจะเทมันเหมือนกัน แต่ก็นะ สบตามันกี่ครั้ง ๆ ก็ไม่เห็นจุ๊ดจู๋ ผมเลยจัดใจเทมันทิ้งไม่ลง ยิ่งในเวลาที่ต้องหารูมเมทเร่งด่วนก่อนที่จะถึงกำหนดย้ายออกจากหอด้วย ก็ทำให้ผมต้องยอมตื๊อมันอย่างไม่มีทางเลือก

“คืนน่ะคืนแน่ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างนึง”
“อะไร”
“มาอยู่ห้องเดียวกับเราสิ”
คชาทำหน้าแหยงไปทันที ครางออกมาเบา ๆ
“มึงนี่มัน...โรคจิตจริง ๆ ด้วยว่ะ”
“ไม่ได้โรคจิตเลย แค่อยากอยู่ด้วยกันเฉย ๆ “
ว่าไปตามตรง แต่ยิ่งพูด หน้าคชาก็ดูขยะแขยงผมมากกว่าเดิมพิลึก สุดท้ายแล้วมันก็...
“งั้นกูไม่เอาละ จะไปไหนก็ไปเลยมึงน่ะ บาย”

เดินหนีไปหน้าตาเฉยเลย แต่ก็อย่างที่บอกว่าผมไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก เดินตามมันไปอีก ตามไปจนเกือบจะถึงโรงอาหาร ยิ่งเดินมาเจอคนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ผมก็ยิ่งตามติดคชามากขึ้น

ไม่ใช่ตามติดสิ เดินติดจนแทบจะชิดแผ่นหลังเลยมากกว่า มือนี่คว้าปลายเข็มขัดที่หลังกางเกงมันแล้วด้วย กลายเป็นมันเดินจูงผมเฉย

ก็แบบว่าคนมันเยอะน่ะ กลัวว่าจะไปสบตาใครเข้าแล้วเห็นชีเปลือยนี่หว่า แต่ก็กลัวว่าถ้ามัวพะวงเรื่องนี้ คชาก็จะเดินหนีหายไปเหมือนกัน เลยเกาะมันไว้

ส่วนคชาก็เหมือนจะหมดความอดทนอีกครั้ง หยุดเดิน เบรกเอี๊ยดจนหน้าผมกระแทกเข้ากับแผ่นหลังมันเต็มแรง หันหน้ามามองผมด้วยสีหน้าที่ดูก็รู้ว่ากำลังข่มความโกรธสุดฤทธิ์

“ถามตรง ๆ เลยนะ ตกลงมึงตามตื๊อกูให้ไปอยู่ด้วยทำไม? กูว่าไม่ใช่แค่เรื่องอยากให้กูไปอยู่ด้วยละ มึงต้องมีเรื่องอื่นแน่”

ผมนิ่งงัน ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ขืนบอกความจริงไปว่ามันเป็นคนเดียวตลอดสิบปีที่ผมสบตาด้วยแล้วไม่เห็นกระเปี๊ยว เดี๋ยวมันก็จะหาว่าผมโกหกอีก ผมเลยต้องคิดหาทางโกหก ไปกลบเกลื่อนเรื่องจริงที่จะทำให้มันคิดว่าเป็นเรื่องโกหก

โกหกอินเซ็ปชัน ซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปอี๊กกก!

“ว่าไง ตกลงทำไมถึงอยากอยู่กับกู อย่าบอกนะว่าคิดอะไรแปลก ๆ อยู่ โรคจิตป่ะเนี่ยมึงอะ อยากอยู่กับคนป็อป ๆ อย่างกูเพื่อให้มีสาวมาสนล่ะซี่”

คิดอยู่พักนึง ยังไม่ทันจะคิดออก มันก็โพล่งออกมาละ มองหน้าผม เอียงคอถามด้วยท่าทางกวนโอ๊ยสุด ๆ ผมพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง ข่มความหงุดหงิดที่พรั่งพรูเข้ามา บอกปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ใช่”
“เอ้า แล้วจะอยากมาอยู่กับกูทำไม หรือว่า...” จู่ ๆ คชาก็ทำท่าคิด พลันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม “มึงจะแอบชอบกู?”
มึงกล้าพูดมาได้ยังไง! กูจะเอาผู้ชายด้วยกันมาทำมะเขือเผาอะไรวะฮะ!
ผมถึงกับเบิกตาโตทันควัน ผลักหน้าหล่อ ๆ ที่อยู่ใกล้เพียงคืบออกห่าง โพล่งออกไปเสียงดังอย่างลืมตัว
“ไม่ใช่เว้ย!”
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิวะ จะโวยวายทำไม ทำเสียงดังงี้ แม่งโคตรมีพิรุธ”

จริงของมัน ผมเลยรีบเก็บอาการ ทำปากมุบมิบด่ามันในใจไปที ขณะที่มันก็มองผมอย่างระอา ก่อนว่าขึ้นมาอีก
“คุยกับมึงแล้วเสียเวลาชีวิตว่ะ เอาแบบซีเรียสเลยนะ ตกลงมึงอยากจะอยู่กับกูทำไม กูจะได้รู้สึกทีว่ามึงตามตื๊อกูมาทำบ้าอะไร”
ผมจ้องหน้าคนตัวสูงกว่านิ่ง เผลอเม้มปากแน่นอย่างครุ่นคิดว่าควรจะบอกความจริงไปมั้ย สุดท้ายก็...
“เออ บอกก็บอกวะ”
“อะ รอฟัง”

คชายืดตัว ยกแขนขึ้นกอดอก ทำท่าตั้งใจฟังสุด ๆ เห็นแล้วผมก็หมั่นไส้ แม่ง ไอ้หน้าหล่อนี่ ตัวจริงมันโคตรกวนจนฝ่าเท้าผมงี้กระตุกยิก ๆ เลยพับผ่า ดีแต่หน้าตาจริง ๆ แต่ก็พยายามมองข้ามเรื่องนั้นไป หันซ้าย แลขวา ลากมันเข้าซอกตึกบริเวณนั้นแบบไม่ทันให้มันตั้งตัว พอเห็นว่าลับสายตาคน ผมก็ยื่นมือไปดึงเสื้อนักศึกษาอีกฝ่ายเพื่อให้เถิบเข้ามาใกล้
คชาสะดุ้งเล็กน้อย ทว่าก็ยอมยื่นหน้าเข้ามาหาแต่โดยดี
“ความลับนะ”
“เออ”
“รักษาสัญญาว่าจะไม่ไปบอกคนอื่นด้วย”
“เออน่า” คชาทำหน้ารำคาญ

ผมมองหน้าหมอนี่แล้วก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่ามันจะรักษาความลับอย่างที่พูด แต่ก็เอาเถอะ อยากได้มันมาอยู่ด้วยก็ต้องยอมล่ะวะ
สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด บอกมันออกไปในอีกไม่กี่วินาทีให้หลัง

“คืองี้...นายเป็นผู้ชายคนแรกที่เราสบตาด้วยแล้วไม่เห็นเจี๊ยวว่ะ”

พูดจบ ผมก็ปล่อยมือออกจากเสื้อมัน คชาเบิกตาโต ค่อย ๆ ถอยห่างจากผมทีละน้อย ปากก็ว่าไปด้วย
“มึงนี่... อยากอยู่กับกูเพราะอยากเห็นเจี๊ยวกูว่างั้น”

ว่างั้นป้ามึงเถอะ! ก็บอกว่าเป็นผู้ชายคนแรกที่สบตาด้วยแล้วมึงไม่แปลงร่างเป็นชีเปลือยไง เข้าใจอะไรยากเย็นจังวะ!

ผมตั้งท่าจะอธิบาย แต่ไอ้คชาไม่รอฟังแล้ว เบ้ปากใส่ผม พลางว่าพึมพำ
“อยากทำความรู้จักกับมิสเตอร์จอห์นนี่ถึงขนาดตะล่อมให้ไปอยู่ด้วยแบบนี้ แผนสูงนี่หว่า ร้ายกาจ”
 จะอยากรู้จักไปทำเตี่ยมึงเหรอ! ถึงมันจะผงกหัวขึ้นมาเช็คแฮนด์ กูก็ไม่บ้าจี้ไปเซย์ไฮหรอกเว้ย!

ฟันแม่ง... หาอีโต้มาฟันมิสเตอร์จอห์นนี่แม่ง! ลำไย!

ลำไยเป็นภาษาวัยรุ่น แปลว่ารำคาญ ไม่ใช่แค่มันคนเดียวหรอกที่รำคาญผม ผมก็รำคาญมันเหมือนกัน ทว่าคชามีลิมิตในการอดทนน้อยกว่าผม เห็นผมเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง มันก็แสยะยิ้มออกมา วางมือไว้บนหัวผมด้วยท่าทางกวนโอ๊ย

“ต้องขอโทษด้วยว่ะที่กูไม่มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน อกหักไปนะมึง”
แล้วมันก็หมุนตัวเดินหนีไปทันที ผมได้สติ ก็รีบพุ่งเข้าไปคว้ามันไว้อีกครั้ง
“เฮ้ยเดี๋ยวก่อน แล้วกระเป๋าตังค์ไม่เอาแล้วหรือไง”
“ให้มึงเอาไปนอนกอดเลย จะเอาไปทำอะไรก็ตามใจ เดี๋ยวพวกบัตร กูไปทำใหม่เอง”

ว่าอย่างไม่แยแส สะบัดผมเต็มแรงซะทีเดียวหลุด ผมใจหายวาบที่เหยื่อจะหลุดลอยไป เหมือนจะเข้าข่ายว่าเป็นพวกโรคจิต แต่จะให้ทำไงได้ละเว้ย ผมกูอยากอยู่กับคนที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นมนุษย์ปุถุยนคนปกติเหมือนกันนี่หว่า!

พุ่งเข้าไปหามันอีกรอบทันที คชารู้ตัว กระโดดหนี ผมเลยคว้าเสื้อมันไม่ได้ คว้าเข็มขัดก็ไม่ได้ คว้าอะไรไม่ได้เลย
นอกจาก...แฟ้มใส่เอกสารการเรียนที่มันเหน็บอยู่ใต้รักแร้

กระชากซะเต็มแรง แฟ้มเอกสารหนังสีน้ำตาลเข้มก็ร่วงหล่นสู่พื้น มันดันไม่ได้รูดซิปแฟ้มปิดอีก ข้าวของข้างในเลยหล่นกระจัดกระจาย

คชาหันมาเห็นก็อุทานด่าผมเสียงดัง
“แม่งเอ๊ย ทำบ้าอะไรของมึงวะ!”

สนมั้ยล่ะ... ไม่ ก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของให้มันอย่างรน ๆ ตอนนี้ตกเป็นเป้าสายตาแล้วด้วย ไม่ควรเงยหน้าขึ้นมายิ่ง ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น ก่อนที่มือจะไปคว้าเอาซองกระดาษสีน้ำตาลที่ใส่ของบางอย่างไว้อยู่

ผมหยิบซองนั้นมาไว้ในมือ หน้าซองมีรอยประทับของร้านชื่อแปลก ๆ ร้านหนึ่ง
“Adult xxx?”
ชื่อแบบนี้จริง ๆ xxx นี่แม่งคืออะไรก็ไม่รู้ แต่ผมคิดเป็นเรื่องสิบแปดบวกไปแล้ว แถมหน้าซองยังมีชื่อมันจ่าหน้าอีกด้วย
อีแบบนี้ต้องเป็นของเล่นผู้ใหญ่ ไม่ก็อะไรที่เกี่ยวกับเรื่องใต้สะดือแหง

และผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงดูของข้างในมันหรอก ทว่าในจังหวะที่ผมหยิบมันขึ้นมา ก็ไม่ได้ทันสังเกตว่าซองนั้นถูกฉีกเปิดแล้ว ทำให้ของข้างในไหลออกมาจากซอง ตกแหมะอยู่ที่พื้น ผมถึงได้รู้ว่ามันคือกล่องดีวีดี

ดะ...ดีวีดีหนังโป๊...ขะ...ของผู้ชาย
GV นี่หว่า!?

ผู้ชายวัยรุ่นญี่ปุ่นหน้าตาจิ้มลิ้มนั่งใส่กางเกงลิงตัวเดียว อ้าขาโชว์ห่อหมกอล่างฉ่างทำเอาผมตาแทบพร่า
หนังโป๊เกย์แน่นอน! นี่กูอุตส่าห์ระวังสายตาว่าจะไปเห็นกระเปี๊ยวคนอื่นแล้วนะ มึงยังจะเอามาให้กูเห็นอีก แม้ว่าจะเป็นรูปบนกล่องดีวีดีก็เถอะ

กูจะเลิกกินห่อหมกไปอีกพักนึงเลย สาบาน!

ผมอ้าปากค้าง แต่ได้สติขึ้นมาแล้ว เลยรีบหยิบกล่องดีวีดีนั้นขึ้น ส่วนคชาที่มัวเก็บอย่างอื่นอยู่หันมาเห็นก็อ้าปากค้างไปเช่นกัน ใบหน้าหล่อซีดขาวประหนึ่งผีหลอก ก่อนที่จะแหกปากลั่น
“ฮะ...ฮิคารุซามะ! เอาท่านฮิคารุของกูคืนมานะเว้ย!”

พูดจบก็ถลาเข้ามาหาผม ผมไหวตัวทัน สัญชาตญาณบอกให้รู้เลยว่าเป็นของสำคัญของมันแน่ เลยเอี้ยวตัวหลบ จัดการยัดฮิคารุอะไรนี่ยัดลงขอบกางเกงด้านหน้า เอาเสื้อนักศึกษาคลุมไว้ไม่ให้มันชิงคืนไปได้ง่าย ๆ

คชาเห็นผมทำอย่างนั้นก็ทำหน้าเหมือนโลกจะแตก ร้องลั่นออกมา มือทึ้งผมตัวเองรัว
“ทะ...ท่านฮิคารุของกูแปดเปื้อนแล้ว! นั่นลิมิเต็ดอิดิชันนะเว้ย! ทำอะไรของมึงเนี่ยไอ้เอ๋อ!”
นั่นไง ของสำคัญจริง ๆ ด้วย

ผมยิ้มเผล่ สองมือกอดกล่องดีวีดีไว้แน่น พลางว่าด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ถ้าอยากได้คืน เรามาลองนั่งคุยกันดี ๆ หน่อยเป็นไง น่าจะต่อรองกันได้นะ”
คชาทำท่าฮึดฮัด แลดูโกรธผมจนแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่จนแล้วจนรอดก็...
“ไปคุยที่อื่น ตามมา”
แล้วก็เดินนำไป ผมหัวเราะไล่หลังเล็กน้อย

ไหนมึงบอกว่าไม่ชายตาแลผู้ชายไง แล้วฮิคารุซามะคืออะไร

มึงนี่... โรคจิตกว่ากูอีกเว้ย!
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 1: ฮิคารุซามะ[20-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 20-10-2016 23:42:39
โอ๊ยยยย ดีอะ สนุก ฮาดี :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 1: ฮิคารุซามะ[20-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 21-10-2016 22:27:58
สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[1]

เดินจ้ำพรวด ๆ นำหน้าผมมายังร้านกาแฟที่อยู่ด้านหน้าโรงอาหาร สั่งเครื่องดื่มเสร็จก็ตรงไปเลือกที่นั่งที่อยู่ในมุมอับ ตอนแรกผมก็หงุดหงิดนิดหน่อยที่คชาทำเหมือนกับว่าการมากับผมแล้วคนอื่นเห็น มันจะทำให้เสียชื่อเสียงอะไรแบบนั้น
ทำอย่างกับตัวเองหล่อวัวตายควายล้ม ถ้ากูสบตาด้วยแล้ว

เห็นเจี๊ยวมึง กูก็ไม่มาด้วยหรอกเว้ย!

หงุดหงิดได้ครู่เดียว แต่พอหันไปเห็นรูปโปสเตอร์เกี่ยวกับกิจกรรมอะไรสักอย่างของมหาวิทลัยที่เชิญชวนให้เด็กปีหนึ่งไปประกวดคัดเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์ของมหาวิทลัย โดยมีหนุ่มหล่อผู้ดำรงตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์ที่ผ่านการคัดเลือกเมื่อปีที่แล้วยืนยิ้มพรายตรงเสาข้างโต๊ะ ด้านใต้ของรูประบุชื่อจริง คณะที่เรียนและตำแหน่งที่ดำรงยาวเป็นหางว่าว ความสนใจของผมก็ถูกเบี่ยงเบนไป
คชา คณะวารสารศาสตร์ ชั้นปีที่สอง ทูตกิจกรรมและเดือนมหาวิทยาลัย ปี 25xx

แค่นั้นแหละ ผมก็ประจักษ์ได้ทันทีว่าทำไมคชาถึงได้กลัวว่าคนอื่นจะมาเห็นว่าอยู่กับคนที่ถูกตราหน้าว่าโรคจิตอย่างผม ก็ไอ้รูปพรีเซ็นเตอร์นี่เป็นมันนี่หว่า

หูย โรคจิตอย่างมึงนี่เป็นถึงเดือนมหาวิทลัยเลยเหรอวะ

มิน่าทำไมตอนที่เจอกันครั้งแรกถึงได้แต่งตัวถูกระเบียบเป๊ะ ๆ แถมมากับแก๊งเพื่อนหน้าตาดีอีก น่าจะเป็นพวกกลุ่มทูตกิจกรรมเหมือนกันล่ะมั้ง แต่อะไรก็ไม่น่าประหลาดใจเท่าการที่ผมเรียนที่นี่มาตั้งปีนึงแล้วเพิ่งจะรู้ว่าเดือนมหาวิทลัยหน้าตาเป็นแบบนี้
ตอนนี้ผมว่ามันคงไม่ได้กลัวว่าคนอื่นจะมาเห็นว่ามันอยู่กับโรคจิตอย่างผมแล้วล่ะ มันน่าจะกลัวว่าจะมีคนมารู้ว่าแท้ที่จริงมันเป็นโรคจิตที่บ้าหนังโป๊เกย์มากกว่า

แล้วผมก็ได้สติเมื่อคชายกมือขึ้นตบโต๊ะ เรียกความสนใจจากผมไป
“ตกลงมึงต้องการอะไร”
เข้าประเด็นโป๊ะเชะ ไม่มีอ้อมค้อมให้เสียเวลา ผมจับกล่องดีวีดีทีอยู่ใต้เสื้อไว้มั่น ก่อนจะเปิดปาก
“ก็ตามอย่างที่เราบอก เราอยากให้นายมาอยู่ด้วย มาเป็นรูมเมทกันน่ะ ถ้านายอยากรู้ว่าเพราะอะไร เราจะอธิบายเพิ่มเติมให้”
คิดขึ้นมาได้ว่าการที่จู่ ๆ ก็ไปบอกมันว่าอยากได้มันมาอยู่ด้วยอะไรงี้ มันน่าจะไม่โอเค ซึ่งก็จริงเมื่อคชาว่าขึ้นมาอีก
“มึงบอกกูแล้วว่ามึงอยากเห็นเจี๊ยวกู ก็เลยอยากอยู่ด้วย ไม่ต้องอธิบายแล้ว รู้เรื่อง”

รู้เรื่องอะไรของมึง! ไม่ใช่เว้ย!

เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้บอกมันไปว่ามันเป็นคนแรกและคนเดียวที่ผมสบตาด้วยแล้วไม่เห็นจู้ฮุกกรู้ แต่คงจะไม่ชัดเจน งั้นอธิบายแบบครบประเด็นไปเลยแล้วกัน

“ฟังก่อน คืองี้ ไอ้เรื่องที่เราบอกว่าเราสบตานายแล้วไม่เห็นจู๋นายอะ เรื่องจริง เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากอยู่กับนายเพราะปกติแล้ว เวลาเราสบตาผู้ชายคนไหน เราจะเห็นหมดเลย บางทีมันก็ไม่เจริญหูเจริญตาน่ะ แล้วที่เราต้องการให้นายมาอยู่ด้วยอีกเหตุผลนึงก็คือ บ้านเรามีปัญหาเรื่องการเงิน เราเลยจำเป็นต้องแชร์ค่าห้องร่วมกับรูมเมท แต่หารูมเมทไม่ได้เพราะไอ้เหตุผลแรกนี่แหละ พอมาเจอนาย สบตาแล้วมองไม่เห็นจู๋ เราเลยอยากให้นายมาอยู่ด้วย ทั้งหมดก็แค่นั้น”

ตัดสินใจเล่าออกไปหมดเปลือก คชาย่นคิ้ว สายตาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อ ยังไงก็ไม่เชื่อ ผมก็รู้แหละว่ามันต้องไม่เชื่อ ใครจะไปเชื่อกันวะ เรื่องแบบนี้เชื่อยากจะตาย ขนาดเคยบอกแม่กับพี่ผมเรื่องที่ผมมีพลังวิเศษไป ทั้งคู่ยังไม่เชื่อเลย แล้วจะประสาอะไรกับคนอื่นกัน
“มึงนี่สงสัยอ่านการ์ตูนเยอะไปนะ มโนเป็นตุเป็นตะ”

ไม่ได้มโนเว้ย! กูพูดเรื่องจริง!

พูดเรื่องจริง แต่ไม่มีอะไรไปพิสูจน์แหละ เลยได้แต่คร่ำครวญออกมาอย่างเผลอตัว
“เราพูดจริง ๆ นอกจากเรื่องนี้แล้ว เราก็ไม่ได้คิดอะไรเลย ขอร้องล่ะ เชื่อกันหน่อย”
มีความวิงวอนอยู่ในน้ำเสียงเล็กน้อย หวังให้มันใจอ่อน แต่คชาทำเพียงเอียงคอมองผม พลันว่าเนิบ ๆ
“มึง...ขอความรักจากกูอยู่สินะ”

กูจะอยากได้ความรักจากมึงไปเพื่ออะไร! ใครสั่งใครสอนให้มั่นหน้าขนาดนี้!

กลายเป็นผมที่ระอาใจละ พ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ปกตินิสัยของผมก็ไม่ใช่พวกที่จะตามตื๊อไม่หยุด หรือเป็นพวกชอบตอแยอะไรเท่าไหร่ พอต้องมาทำแบบนี้ก็อดเหนื่อยหน่ายไม่ได้ คชาเองก็คงจะเบื่อหน่ายกับสถานการณ์อย่างนี้เหมือนกัน ถอนหายใจออกมาเต็มแรง แบบส่งเสียงด้วย ให้รู้กันชัด ๆ ไปเลยว่าเบื่อ
“เฮ้อ แล้วตกลงจะเอาไง”
“ก็ไม่เอาไง เราแค่อยากให้นายมาอยู่ด้วย”
“กูว่ากูพูดไปชัดแล้วนะว่าไม่ นี่ถ้าไม่ติดว่าฮิคารุซามะฉบับลิมิเต็ดอิดิชันของกูอยู่กับมึงล่ะก็ กูคงไม่มาเสียเวลานั่งคุยกับมึงงี้หรอก แม่ง แผ่นนั้นรวมค่าส่งแล้วเกือบครึ่งหมื่นเลยนะ”

มันก็เรื่องของมึงเว้ย ใครสั่งใครสอนให้ซื้อหนังโป๊แพง ๆ ล่ะวะ โหลดเอาสิ โหลด!

แต่ผมไม่มีอารมณ์จะไปบอกมันละ เพราะหลังจากประโยคนั้น คชาก็เอาแต่ด่าผมพึมพำไม่หยุดปาก ผมก็ได้แต่ยืนยันคำเดิมว่าถ้าอยากได้กระเป๋าเงินกับแผ่นหนังโป๊เกย์คืน ก็มาแชร์ค่าห้องอยู่กับผม ซึ่งก็แน่ล่ะว่าคชาไม่ยอมตกปากรับคำ สุดท้ายก็จบลงด้วย...
“มึงจะเอาเท่าไหร่ถึงจะยอมเอาท่านฮิคารุคืนมาให้กู”
คุยกันไม่รู้เรื่อง ต่อรองกันไม่ลงตัว คชาก็นั่งกอดอก ออกปากพูดเป็นนัยว่าจะเอาเงินฟาดหัวผมหน้าตาเฉย ผมไม่ชอบเลยนะคนนิสัยแบบนี้ แต่ก็ต้องทน ทนแล้วก็ทนอีก ทนวนไป ช่วยไม่ได้ ดันอยากได้มันมาเป็นรูมเมทนี่นา
“เราไม่เอาเงินหรอก”
“แล้วมึงจะเอาอะไร อย่าบอกนะว่า...ร่างกายกู?”

ขอถอนคำพูด... คว้าเก้าอี้ฟาดแม่งเลย มั่นหน้าเหลือเกิน!

“เราจะเอาร่างกายนายไปทำไมวะ”
ชักอารมณ์เสียขึ้นมาบ้างละ เริ่มขึ้นวะ ๆ โว้ย ๆ คชาไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย คชาทำลอยหน้าลอยตา แล้วว่าเนิบ ๆ
“ก็ไม่รู้สิ เห็นอยากอยู่กับกูนักหนา กูเลยคิดว่ามึงอยากได้กูไปเป็นผัวอะไรงี้”

โอ้โหมึง! จะต้องมั่นหน้าเบอร์ไหนวะถึงกล้าพูดออกมาได้ขนาดนี้ ขนลุกเลยกู คิดผิดชะมัดที่มาขอร้องมันเนี่ย ถ้าแม่งสบตาแล้วเห็นแตงกวาล่ะก็ ผมคงไม่มาตามตื๊อมันอย่างนี้หรอก

ผมเงียบไป ไม่ใช่เงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร แต่ระอามันเกินจะทนมากกว่า คล้ายกับว่าอีกไม่นาน ผมก็จะหมดความอดทนละ เพราะไม่ว่าจะพูดคำไหน มันก็วกเข้าเรื่องชวนหลงตัวเองทั้งนั้น

และเพราะผมเงียบ คชาที่นั่งกอดอกอยู่ก็ถอนหายใจออกมา ทำท่าเหนื่อยหน่ายเต็มประดาแล้วก็ว่าขึ้นมาลอย ๆ
“กูต้องขอโทษด้วยว่ะ บอกแล้วว่านอกจากท่านฮิคารุ กูก็พลีกายให้ผู้ชายด้วยกันไม่ได้ ผิดหวังไปนะมึง”
ก่อนหน้านี้มึงบอกว่าไม่ชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่เหรอ!? แล้วนี่มานอกจากท่านฮิคารุอะไรของมึง เป็นเกย์ก็บอกมา ไม่ต้องมาแอ๊บ!
แต่ก็ไม่แน่ว่าเป็นเกย์ มันอาจจะเป็นแค่หนุ่มวายก็ได้ ความจริงจะเป็นอะไรก็ช่างหัวมัน ถ้ามันไม่คลายแขนที่กอดอกอยู่ ทำปากยื่นแล้วพูดราวกับว่าสงสารผมเสียเหลือเกิน

“ปกติแล้ว กูก็ทำคนอื่นอกหักมาเยอะนะ ซึ่งกูก็ไม่สนใจหรอก แต่เพราะมึงมีฮิคารุซามะรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันอยู่ในมือ กูจะยื่นหมูยื่นแมวก็ได้”

กำลังจะถามเลยว่ายื่นหมูยื่นแมวอะไร แต่คชาก็คว้าเอาทิชชูบนโต๊ะมาปึกหนึ่ง สอดเข้าไปใต้เสื้อตัวเอง ถูทิชชูไปกับลำตัว ตามซอกรักแร้ ซอกหลืบด้านบนด้านล่างอะไรก็ไม่เว้น ผมมองแล้วก็เบ้หน้า อดออกปากไม่ได้
“ทำอะไรน่ะ”
“ยื่นหมูยื่นแมวไง”
ยังไม่ทันจะได้เข้าใจเลยว่ายื่นหมูยื่นแมวอะไร คชาก็ถึงทิชชูออกมาจากใต้เสื้อแล้ว ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าผม
“อะ กลิ่นตัวกู จะเอาไปดมหรือเอาไปทำอะไรคนเดียวก็แล้วแต่ กูเสียสละตัวเองขนาดนี้แล้ว มึงเอาฮิคารุซามะของกูคืนมาด้วย”

บ้านมึงเถอะ! นี่เห็นกูเป็นคนยังไง ไม่ได้เป็นพวกโรคจิตเหมือนมึงนะเว้ย!

ไอ้พลังวิเศษนี่...สบตาคนโรคจิตแล้วมองไม่เห็นป๋องแป๋งหรือไงวะ
“อะ เอาไปสิ จะเอาไปปู้ยี่ปู้ยำอะไรก็ตามสบาย ส่งท่านฮิคารุลิมิเต็ดอิดิชันมาได้ละ”
ยังจะยัดเยียดทิชชูชื้นเหงื่อมาให้ผมอีก ผมไม่รับ มันก็เลยโยนลงมาบนโต๊ะตรงหน้าผม เท่านั้นแหละ เส้นความอดทนของผมก็ขาดสะบั้นทันที
“คชา! เราไม่ต้องการอะไรเลย เราแค่ต้องการนายมาแชร์ค่าห้องด้วย มาเป็นรูมเมทเราก็แค่นั้น แล้วนายอยากจะได้ของคืนจากเรา เราก็จะให้คืนหมด แค่มาเป็นรูมเมทเรา เข้าใจมั้ย”

ด้วยความที่เสียงดัง แม้จะแทบไม่มีลูกค้าแต่ก็เรียกสายตาของทุกคนในร้านให้หันมามองพวกเราเป็นตาเดียว อะไรไม่ว่า คนในร้านดันมีแต่ผู้ชายด้วย ผมเลยรีบก้มหน้างุดทันทีที่รู้สึกตัวว่าเผลอทำอะไรลงไป ส่วนคชาก็เอาแต่นั่งมองผมนิ่ง คล้ายกับครุ่นคิด แต่จนแล้วจนรอดก็...

“ขอปฏิเสธ ให้ตาย ทำไมกูต้องมาเสียเวลาคุยกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องด้วยวะ ลาขาดเลยแล้วกัน รำคาญว่ะ”
แล้วก็ลุกไปหน้าตาเฉย ไม่สนใจฮิคารุซามะหรือกระเป๋าตังค์แม้แต่น้อย ทำเอาผมเบิกตาโต ร้องเรียกไว้แทบไม่ทัน

“เอ้า แล้วของล่ะ ไม่เอาแล้วเหรอ”
คชาชะงักมือที่กำลังคว้าแฟ้มเอกสารขึ้นเหน็บข้างลำคัว พลางว่าลอยหน้าลอยตา
“จะว่าอยากได้คืนก็อยากได้แหละ แผ่นดีวีดีนั่นราคาเกือบครึ่งหมื่น แถมมีจำนวนจำกัด กระเป๋าตังค์ก็มีแต่บัตรสำคัญ แต่ช่างแม่ง เดี๋ยวกูสั่งซื้อใหม่ก็ได้ ตอนนี้ยังมีเปิดพรีออเดอร์อยู่ ส่วนบัตร กูก็ไปทำใหม่ก็ได้ กูกับมึงจะได้ลาขาดกันสักที เห็นหน้ามึงแล้วประสาทจะกินกบาล”

ว่าแบบไม่แยแส ไม่สนใจความรู้สึกคนฟังเลยสักนิด ผมนิ่งงัน รู้ตัวทันทีว่าแผนการเอาของมาต่อรองใช้ไม่ได้ผลละ ผมก็เลยรีบคิดแผนใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ถ้าอย่างนั้น เราจะไปป่าวประกาศให้ทั่วเลยว่านายเป็นเกย์ ชอบสะสมแผ่นหนังโป๊เกย์”
มุมปากของคชาหยักยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายยิ้มเย้ย ก่อนจะว่า
“ถ้ามึงคิดว่าคนอื่นจะเชื่อมึงก็ตามสบาย โนสน โนแคร์”

พูดจบ ก็เดินไปยังประตู ผลักออกไปโดยไม่สนใจจะหันมามองผมสักนิด ผมได้แต่มองตามหลัง ไอ้บ้านั่นนอกจากจะความอดทนต่ำโคตร ๆ แล้ว ยังจะไม่สนใจโลกอีก แต่ก็อย่างว่า คชาเป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยอย่างนั้น คนรู้จักต้องเยอะ เพื่อนต้องเยอะ เทียบกับผมที่แทบจะไม่มีเพื่อนแล้ว ถ้าผมพูดอะไรไป เดาได้เลยว่าคนต้องเข้าข้างคชามากกว่าแน่ และผมนี่แหละที่จะซวยเพราะถูกประณามว่ากลั่นแกล้งมันแทน ดังนั้นผมเลยได้แต่นั่งนิ่งราวกับยอมแพ้

...
...
...
ยอมแพ้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละโว้ย! พรุ่งนี้จะมาตามตื๊อใหม่ ยังไงมึงก็ต้องมาเป็นรูมเมทกูให้ได้!

ไฟมาทันใด ใจจริงอยากจะตามไปตื๊อมันซะเดี๋ยวนี้เลย ทว่าดูสถานการณ์แล้ว วันนี้ไม่เหมาะที่จะตื๊อต่อแล้วล่ะ ไว้วันอื่นแล้วกัน นี่ก็เป็นนิสัยเสียของผมล่ะ ถ้าอยากได้อะไรแล้วต้องได้แม้ว่าจะไม่ชอบตื๊อหรือตอแยใครสักเท่าไหร่ก็ตาม
ถือคติว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับใจคนล่ะ เห็นหน้าผมทุกวัน เดี๋ยวมันก็ใจอ่อนเองแหละ...คิดว่างั้นนะ
 



หลังจากตั้งปณิธานว่ายังไงก็จะเอาคชามาเป็นรูมเมทให้ได้ ทุกครั้งที่ผมไม่มีคาบเรียนที่ชนกับคชา ผมก็ไปโผล่หน้าที่ห้องเรียนเขาทุกที ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียนใหญ่ ห้องเรียนเล็ก ผมโผล่ไปหมด อ้างว่ามา Sit-in หรือทดลองเรียนอะไรประมาณนั้น อาจารย์ประจำวิชาก็ไม่ว่าอะไรแล้ว มีแต่คชานี่แหละที่เห็นผมทีไรก็ทำหน้าบูดทุกที ตบท้ายด้วยการลากออกมาด่าในที่ลับตาคนทุกครั้ง และจบลงด้วยการปฏิเสธที่จะเป็นรูมเมทผมเมื่อถูกผมชวนทุกรอบ

ผ่านมาอาทิตย์นึง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ตอนนี้เหมือนว่าคชาจะได้แผ่นดีวีดีฮิคารุซามะลิมิเต็ดอิดิชันอะไรนั่นแผ่นใหม่มาแล้วด้วย บัตรสำคัญอะไรก็ไปทำมาใหม่แล้วเช่นกัน ผมเลยไม่มีข้ออ้างใด ๆ ที่จะต่อรออีกต่อไป คชาเลยเมินผมได้เต็มที่ ซ้ำตอนนี้เวลาไปไหนมาไหนก็พกเพื่อนไปเป็นไม้กันหมาด้วย ทำเอาผมเข้าถึงตัวได้ยากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

เหนื่อยชะมัดเลยให้ตาย แม่กับพี่ก็มาเร่ง ๆ ให้หารูมเมทเร็ว ๆ เพราะใกล้จะถึงกำหนดที่จะต้องย้ายออกจากหอเก่าแล้ว เป็นแบบนี้แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย

คิดหนักทุกวันและทั้งวัน คิดหนักแม้กระทั่งตอนเรียน หูนี่แทบไม่ได้ยินเสียงของอาจารย์สอนเลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเซ็งแซ่ของเพื่อนร่วมคลาสลอยเข้ามาในหู พอเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าตอนนี้ทุกคนพากันจับคู่ทำรายงานอะไรสักอย่างที่อาจารย์สั่งไปก่อนหน้า

วะ...เวรแล้ว สั่งงานอะไรวะ แล้วนี่จับคู่อะไรกัน ไหนคู่กูล่ะ?

มองซ้าย มองขวา รีบหาคู่ทำการบ้านด้วยทั้งที่ความจริงไม่น่าจะหวังว่าจะมีคนมาขอจับคู่ ก็ผมน่ะมักเป็นเศษของคลาสตลอด ถ้ากลุ่มไหนไม่ครบหรือมีสมาชิกเกินได้ ผมถึงจะได้ไปเข้าร่วม ผมถอนหายใจยาว ลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปบอกอาจารย์ว่าเป็นเศษเกิน หากแต่ลุกไปยังไม่ทันจะได้พูดอะไร อาจารย์ประจำวิชาที่สอนผมมาตั้งแต่ปีหนึ่งเห็นหน้าผมปุ๊บ ก็พูดขึ้นมาปั๊บ

“วันนี้คุณไม่ได้เป็นเศษค่ะ ไม่ต้องมาขออยู่กับคู่อื่น โน่น คู่ของคุณนั่งอยู่ตรงโน้น”
ผมมองตามปลายนิ้วเรียวของผู้หญิงวัยกลางคนไปยังมุมในสุดของหลังห้อง พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับนักศึกษาชายรูปร่างสูงคนหนึ่งที่หมอบอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะถูกอาจารย์เรียกความสนใจไปอีก

“ปลุกด้วยนะคะ เห็นนอนมาตั้งแต่เริ่มคลาสละ แล้วก็เขียนชื่อ เลขทะเบียนกับคณะมาส่งด้วย จะได้รู้ว่าใครคู่กับใครค่ะ เปเปอร์นี้เป็นงานยาว ต้องทำด้วยกันจนหมดเทอม เกาะกันไปดี ๆ ล่ะ รายนั้นไม่เคยเข้าเรียน เพิ่งจะมาครั้งนี้ครั้งแรก ฝากดูแลด้วย”
ผมพยักหน้า ตอบรับเสียงเบา ก่อนที่อาจารย์จะประกาศเลิกคลาสแล้วให้เอาใบรายชื่อไปส่งตามหลังที่ห้องพักอาจารย์ ผมเดินไปฉีกเอากระดาษสมุดบนโต๊ะตัวเองก่อนจะเดินไปหาผู้ชายคนนั้น ใจก็เบื่อหน่ายไปด้วยที่ต้องมาคอยหลบการสบตาผู้ชายด้วยกันอีกแล้ว แต่ก็เอาเถอะ มันกลายเป็นชีวิตประจำวันของผมไปแล้วล่ะ

“นาย ตื่นได้แล้ว มาเขียนชื่อหน่อย” ผมยื่นมือไปสะกิดเรียก สะกิดอยู่สองสามทีกว่าผู้ชายคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมา แถมเงยขึ้นมาแล้วก็ฟุบลงไปอีก ทำเอาหัวคิ้วผมย่นยู่อย่างไม่รู้ตัว

มึงอย่ามานอนตอนนี้สิวะ! ง่วงก็กลับไปนอนที่ห้องสิเว้ย!

“นี่นาย ตื่นมาเขียนชื่อก่อน เราจะรีบเอาไปส่งอาจารย์”
ผมสะกิดเรียกอีก คราวนี้ออกปากเรียกเสียงดังหน่อย คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาในสภาพงัวเงียขึ้นสุด ขยี้ตาสองสามครั้งก่อนจะว่า
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

ฟาดหน้ามันด้วยกระดาษแม่ง! พูดไปสองรอบแล้วไม่รู้จักฟัง ลำไย!

“ขอชื่อหน่อย เลขทะเบียนกับคณะด้วย เราจะเอาไปส่งอาจารย์”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับแบบไม่มองหน้าผม พลันยื่นมือมาเป็นสัญญาณว่าให้ส่งกระดาษมา พอผมยื่นให้ เขาก็จัดการเขียนรายละเอียดทั้งหมดลงไป ผมรับมาดูแล้วก็ต้องประหลาดใจขึ้นมา

ชื่อเตชิณณ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ เรียนคณะนั้นแต่มาเรียนวิชาเสรีของคณะนิติฯ แสดงว่าเลือกเป็นวิชาเลือกเสรีแหง แต่รหัสศึกษานี้มัน...

พี่ปีสูงนี่หว่า นี่เรียนหกปีแล้วเหรอวะ?

หกปีแน่นอน ถ้านับถอยจากรหัสนักศึกษาผมย้อนกลับไป เขาต้องเรียนจบไปเมื่อสองปีที่แล้ว แล้วไหงมานั่งหัวโด่อยู่ที่นี่ได้ กะจะเรียนเอาเต็มโควตาแปดปีเลยว่างั้น?

อาจเป็นเพราะผมเอาแต่เงียบ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว เขาเลยหัวเราะขึ้นมาราวกับรู้ทันว่าผมคิดอะไรอยู่ พลางว่าเสียงยานคาง
“พี่ดร็อปเรียนไปต่างประเทศมาน่ะเลยจบช้ากว่าเพื่อน ไม่ต้องงง”
ผมร้องอ๋อ พลันเปลี่ยนเรื่อง
“งั้นผมขอเบอร์หน่อยครับ จะได้เอาไว้ติดต่อกัน พอดีงานนี้มันเป็นงานยาว ต้องคู่กันจนกว่าจะหมดเทอม อาจารย์ฝากผมให้คอยดูแลพี่ด้วย ผมจะได้โทรตามเวลาพี่ไม่มาเรียน”
เขาพยักหน้า ยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากที่กำลังหาว ส่วนมืออีกข้างยื่นมาขอโทรศัพท์จากผม พอยื่นให้ เขาก็จัดการกดเบอร์ตัวเองให้ แล้วส่งคืนมา
“เมมไว้ว่าพี่ชิณณ์นะ ชื่อเล่นพี่เอง แล้วเราชื่ออะไร” ถามรอบนี้ก็ยังไม่มองหน้าผม ขยี้หูขยี้ตาไล่ความงัวเงียไปเรื่อย
“มาวินครับ เรียกวินก็ได้”
“อืม ยินดีที่ได้รู้จักนะมาวิน”
ผมพยักหน้ารับทั้งที่เขาไม่สนที่จะแลสายตามามองเลยสักนิด แต่ก็ดี ไม่ต้องมองหน้าอย่างนี้แหละดีแล้ว ผมไม่อยากจะสบตาเขาแล้วเห็นกระโป๊วเผี่ยวสักเท่าไหร่

เห็นว่าจบเรื่องแล้ว ผมเลยจะเอาใบรายชื่อไปส่งอาจารย์ หากแต่พอหันหลังให้เท่านั้น จู่ ๆ แขนผมก็ถูกดึงไปด้วยฝีมือของใครบางคน ร่างกายหันกลับไปโดยอัตโนมัติ แล้วก็จ๊ะเอ๋! แม่งสบตากับไอ้พี่ชิณณ์เข้าจัง ๆ เลยเว้ย!

มึงไม่มองหน้ากูมาตั้งนาน จู่ ๆ มาทำอะไรของมึงเนี่ย!

ชุดนักศึกษาที่อยู่บนตัวคนตรงหน้าหายวับไปทันที เหลือเพียงเนื้อตัวขาว ๆ และรอยสักลายกราฟฟิกบนอกข้างซ้ายที่ปรากฎให้เห็น ผมกลอกตามองบน พยายามจะคงระดับสายตาไม่ให้ตกลงไปอยู่ด้านล่าง และไอ้การมองบนนี่แหละที่ทำให้ผมเห็นหน้าของคนตัวสูงกว่าได้อย่างชัดเจน

นี่มัน... ฮิคารุซามะนี่หว่า!?

ฮิคารุซามะ นักแสดงหนังโป๊เกย์ที่เห็นบนหน้าปกดีวีดีของคชาจริง ๆ หน้าโคตรเหมือน ผิดกันเล็กน้อยก็แค่ทรงผมของพี่ชิณณ์ดูจะสั้นกว่า และเขาไม่ได้ย้อมผมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนฮิคารุซามะตัวจริง เป็นผมสีดำตามธรรมชาติ ดูเผิน ๆ หน้าตาดีกว่าฮิคารุอะไรนั่นอีก ยิ้มทีนี่ มั่นใจได้เลยว่าสาว ๆ เห็นมีละลายกันบ้างล่ะ หน้าอย่างหวาน

“ลืมไปเลย ขอเบอร์เราไว้ด้วยสิ เผื่อพี่มีธุระอะไรจะได้โทรหา แบบว่าชวนกินข้าวไรงี้ พี่ไม่ค่อยมีเพื่อนน่ะ มันจบกันไปหมดแล้ว บางทีมันเหงา อยู่ ม.แบบไม่มีใครรู้จักเนี่ย ไหน ๆ เราก็ต้องทำงานร่วมกัน สนิทกันไว้แล้วกันเนอะ”

ผมได้สติอีกครั้งหลังจากเอาแต่จ้องหน้าเขา แล้วก็สติหลุดไปอีกทีเมื่อริมฝีปากสีชมพูสวยนั้นยกยิ้มขึ้นมา

หน้าหวานจริง ๆ ด้วย แล้วก็น่าคบหาสุด ๆ ดูโคตรเป็นมิตร แต่จะน่าคบหามากถ้ามึงไม่สบตากูแล้วเห็นไข่น่ะ!

“เอ้าเงียบ ว่าไงเรา ตกลงโอเคมั้ยเนี่ย ถ้าโอเคก็ขอเบอร์ด้วย”
เห็นผมไม่พูดอะไร เขาก็มีท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ขึ้นมา ผมไม่อยากจะตอบรับหรอก แต่ก็นะ ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเลยพยักหน้ารับไปอีกที แล้วก็ยื่นมือขอโทรศัพท์เขามากดเบอร์ตัวเอง เรียบร้อยแล้วก็ส่งคืนให้
“ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะหูตึงซะแล้ว พูดอะไรไม่เห็นหือเห็นอือ ดูท่าทางเป็นคนเข้ากับคนยากนะเรา”
“ผมแค่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนอื่นครับ ไม่ได้เข้ากับคนยากหรอก” ผมว่าไปตามตรง เหลือบมองไปยังมือเขาที่จับต้นแขนผมไม่ยอมปล่อยเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมา “จะให้ผมเอารายชื่อไปส่งอาจารย์ได้หรือยังครับ?”
“โทษที งั้นแยกกันเลยก็แล้วกัน พี่มีงานต้องไปทำต่อ ไว้เจอกันนะ”

พี่ชิณณ์ปล่อยมือออก ยกมือขึ้นสูงในอากาศเป็นเชิงว่าลืมตัวเลยจับไว้ซะนาน ยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวไปเก็บข้าวของลงกระเป๋าสะพายข้าง แล้วเป็นฝ่ายเดินออกจากห้องไปก่อนผมซะอย่างนั้น ผมมองตามแล้วถอนหายใจ

ช่วงนี้ถอนหายใจบ่อยเหลือเกิน เจอคนแปลก ๆ ก็บ่อย ไอ้บ้าคชานั่นก็คนนึงแล้ว ยังจะมาเจอพี่ชิณณ์อะไรนี่อีก นี่เรียนวิชานี้มาเกือบจะครึ่งเทอมละ เพิ่งจะเคยเห็นหน้าครั้งแรก ก็อย่างที่อาจารย์บอกว่าเขาเพิ่งมาเรียนครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ทำไมมันต้องมาแจ้คพ็อตลงที่ผมพอดีเลยวะ?

คิดไป ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ร่างสูงที่เดินออกจากห้องไปแล้วก็เดินถอยหลังกลับมาร้องเรียกผมอีกครั้ง ให้ผมหันไปสบตา
สบตารอบแรกไม่เห็นส่วนล่างเพราะผมไม่ได้มอง แต่มารอบนี้ไม่ทันได้ตั้งตัวไง โอ้โห! ก้นขาวโบ๊ะ ข้างหน้าก็วับ ๆ แวมๆ ห้อยต่องแต่ง ตาแทบบอดเลยพับผ่า!

“ไว้พรุ่งนี้พี่จะโทรหาตอนเที่ยงนะ ไปกินข้าวด้วยกัน จะได้คุยเรื่องงานกันด้วย จะได้ทำแต่เนิ่น ๆ ”
แล้วเขาก็ยกมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์โอเค ตกลงปลงใจเองทั้งที่ผมยังไม่ได้เอ่ยปากอะไรสักนิด ก่อนจะหายตัวไปจากหน้าประตูอีกครั้ง

เป็นคนแปลก ๆ จริง ๆ ด้วย แต่ท่าทางจะไม่ใช่พวกโรคจิต ถ้าเป็นพวกโรคจิต ต้องสบตาแล้วไม่เห็นป๋องแป๋งเหมือนไอ้คชา แต่อย่าเลย แค่คชาคนเดียว ผมก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้วล่ะ
 



ว่าไอ้คชาว่าเป็นโรคจิต คิดไปคิดมา ผมก็ไม่ต่างกัน พอวันใหม่มาถึง ผมไม่มีเรียนเช้า ทว่าคชามี ผมก็ไปโผล่หน้าที่คลาสเรียนของมันอีกละ ทำเอาคชาที่เห็นหน้าผมกลอกตาเป็นเลขแปดไทยรัว ๆ ดูเหมือนมันจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยที่วันนี้แก๊งเพื่อนของมันพร้อมใจกันโดดเรียน ผมเลยมีโอกาสตามติดมันอีกครั้ง ตามติดยันตอนพักเที่ยง มันไปกินข้าวที่โรงอาหารใกล้กับตึกเรียนรวม ผมก็ตามมันไป ทำเอามันแหวผมเสียงลั่นโรงอาหารไปสี่ซ้าห้ารอบ

“มึงจะตามกูทำไมนักหนาเนี่ย ชาติก่อนเป็นเห็บหรือไง บอกแล้วว่ากูไม่ได้เป็นเกย์!”

กูก็ไม่ได้เป็น มึงอย่าพูดให้คนอื่นเข้าใจกูผิดสิวะ!

ตะเบ็งเสียงอย่างนั้น คนอื่นก็มองกันอย่างพร้อมเพรียง แล้วผมสนมั้ยล่ะ... ไม่ ไม่ใช่ไม่สนนะ ไม่มองรอบข้างเลยต่างหาก ก้มหน้างุด ๆ อย่างรวดเร็ว

ก็ใครมันจะไปกล้ามองรอบข้างวะ ตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้ มองเพื่อ? เดี๋ยวก็ได้เห็นดงแตงกวาหรอก!

หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 1: ฮิคารุซามะ[20-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 21-10-2016 22:29:14
สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[2]

พอสถานการณ์กลับมาเป็นปกติเล็กน้อย ผมก็เปิดปากพูดบ้าง
“แต่นายชอบฮิคารุอะไรนั่นก็แสดงว่านายเป็นแล้ว”
“ไม่ได้เป็น แต่เว้นที่ไว้ให้ท่านฮิคารุคนนึง ถ้าเจอหน้าสักครั้งจะยอมพลีกายให้เลย”
พูดไปก็ตักข้าวเข้าปากไปด้วยท่าทางสบาย ๆ ส่วนผมก็เบ้ปากอีกระลอก
มึงจะเว้นไว้ทำเพื่อ!? ชอบผู้ชายด้วยกันถึงขั้นพลีกายขนาดนี้ จะคนเดียวหรือหลายคน ก็หมายความว่ามึงเป็นเกย์แล้ว!
ผมไม่พูดอะไร ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง แค่นี้ก็เปลืองน้ำลายไปกับการตื๊อให้มันมาเป็นรูมเมทด้วยจนหมดแรง หิวไส้กิ่วแล้ว ดูท่ามันก็คงจะหมดแรงจากการออกปากไล่ผมตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอหน้าเหมือนกัน มันเลยไม่พูดอะไร เอาแต่ตักข้าวเข้าปากเอา ๆ กระทั่งเสียงโทรศัพท์ผมทำลายความเงียบขึ้น

พอคว้าขึ้นมาดู ผมก็ย่นคิ้วนิดหน่อยที่เห็นหน้าต่างโปรแกรมแชทแจ้งเตือนขึ้นมา ปกติแล้วโทรศัพท์ผมมีไว้ให้แม่กับพี่โทรมาอย่างเดียวเท่านั้น นาน ๆ ทีจะมีส่งข้อความมาทางโปรแกรมแชทนิดหน่อย หากแต่พอเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมาแล้ว ผมก็หายแปลกใจ

ก็จะใครล่ะ พี่ชิณณ์ไง สงสัยมันจะแอดกันโดยอัตโนมัติเพราะผมเมมเบอร์พี่ชิณณ์ไว้ในโทรศัพท์น่ะ

‘มาวินนั่งอยู่ตรงไหนอะ เมื่อกี้พี่เห็นเดินผ่านอยู่แวบ ๆ ตามไม่ทัน’

ถอนหายใจออกมาอีกรอบ ขี้เกียจนับละว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ พี่ชิณณ์นี่ก็เอาจริงซะด้วย เห็นเมื่อวานบอกว่าจะชวนมากินข้าว ผมก็นึกว่าพูดเล่น ๆ ที่ไหนได้ แม่งจริงจังนี่หว่า ลืมไปแล้วด้วยเถอะอันที่จริงน่ะ

ผมก็ไม่ตอบกลับไปหรอก มองซ้าย มองขวาแล้วไม่เห็นเขาก็ทำเป็นเฉย ๆ ไป ทว่าพอทำเป็นเฉย เขาก็ส่งข้อความมาไม่หยุด
เสียงข้อความเรียกเข้าดังรัว ๆ จนคชาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มทำหน้าหงุดหงิดมากขึ้นไปทุกที ก่อนจะแผดเสียงใส่
“ถ้าไม่คุยก็ปิดเสียงสิเว้ย!”
ผมหยิบโทรศัพท์มา กำลังจะตั้งค่าเป็นระบบสั่น หากแต่พี่ชิณณ์ก็โทรเข้ามาเสียก่อน ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว
“เอ้า ๆ ตกใจอีก จะรับมั้ย ถ้าไม่รับก็ตัดสายแล้วปิดเครื่องไปเลย รำคาญ”

กูก็รำคาญ! รำคาญมึงด้วยเนี่ย ใจเย็น ๆ สิเว้ย!

ตัดสายแล้วปิดเครื่องไปตามที่คชาบอก ที่ผมตัดสินใจทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเพราะเชื่อฟังคำสั่งมันหรอกนะ เห็นมันเริ่มสงบ ไม่ออกปากไล่ผมแล้ว ผมเลยยอมทำตามมันเพื่อที่จะหาทางตะล่อมให้มันตอบรับข้อเสนอผมน่ะ แต่ทว่าถึงผมจะตัดสายและปิดเครื่องหนีพี่ชิณณ์ไปมันก็เท่านั้น เพราะไม่กี่นาทีให้หลัง ร่างสูงของผู้ชายผิวขาวโบ๊ะ หน้าตาอย่างกับหลุดมาจากซีรีส์ญี่ปุ่นก็ปรากฎสู่สายตาผมทันที เขาถือจานข้าว เดินพล่านไปทั่วโรงอาหาร เท่านั้นผมก็รู้เลยว่าคนที่เขากำลังมองหาอยู่คือผมเอง อะไรไม่ว่า แม่งเดินตรงมาทางนี้ด้วย ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันใด

นี่ถ้าสิงกับโต๊ะได้คงสิงไปแล้วล่ะ...

คชาเห็นผมมีท่าทางแปลก ๆ ก็ย่นจมูก ส่งเสียงกวนโมโหออกมา
“มาละ เอาละ ไม่ได้กินยาตอนเช้ามาสินะ อาการเลยกำเริบ ไหนยาแก้บ้า กินข้าวเสร็จแล้วก็รีบ ๆ กินเข้าไปซะ จะได้หายบ้า”

มึงนี่ก็ปากดีเหลือเกินไอ้คชา! ตอนนี้มันใช่เวลาที่จะมากวนโมโหมั้ย!

ผมอยากจะเงยหน้าขึ้นมาค้อนใส่มันฉิบเป๋ง แต่ก็ทำได้แค่กลอกตาไปมา ส่วนคชาก็ส่งเสียงดังหึขึ้นจมูก รวบช้อนส้อมที่ถืออยู่เข้าหากัน
“วันนี้กินไม่อร่อยเลยว่ะ เพราะมึงคนเดียวเลย”

ไอ้นี่...อะไรก็โทษแต่กูตลอดเลยนะ ไม่ได้ไปทำอะไรให้สักนิด!

เห็นคชาจะลุกไป ผมก็รีบเอื้อมมือไปคว้าแขนมันไว้อย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”
ไม่ให้มันไปเพราะกะว่าเดี๋ยวพี่ชิณณ์หาผมไม่เจอ ก็คงจะยอมตัดใจแล้วไปที่อื่นแทน ผมก็จะได้ตื๊อมันต่อ หากแต่คชาก็สะบัดแขนออก ว่าเสียงขุ่น
“ตามจังเลยวะ อะไรอีกเนี่ย”
“รอก่อน แป๊บนึง ยังคุยไม่เสร็จเลย”
“กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึงแล้ว เลิกตาม!”

แล้วก็เดินไปเลย ผมอ้าปากค้าง เตรียมจะร้องเรียก ทว่าคชาที่ทำท่าฮึดฮัด คล้ายว่าอยากจะจรลีลี้หน้าไปจากผมในตอนแรกก็หยุดชะงักเมื่อเห็นใครบางคน ใบหน้าหล่อดูตกตะลึงราวกับเห็นผี ผมเห็นแล้วก็สงสัยว่าจู่ ๆ มันเป็นอะไร แต่ไม่ต้องถาม มันก็ตอบผมแล้ว

"ฮะ...ฮิคารุซามะ"

ไม่ได้ตอบผมหรอก มันแค่ครางไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่ามันทำหน้าเหมือนเห็นผีเพราะอะไร
เห็นพี่ชิณณ์นี่เอง...

ครางอย่างตกตะลึงอย่างเดียวไม่พอ แข้งขาก็อ่อนแรง ทรุดตัวลงนั่งตามเดิมหน้าตาเฉย มีเพียงสายตาที่จับจ้องยังพี่ชิณณ์ที่เดินไปเดินมาแถวนั้นไม่หยุด ปากก็ยังครางเรียกอีกฝ่ายไม่เลิก

“ท่านฮิคารุ...”
แล้วก็ครางเรียกอย่างนี้ไปอีกหลายรอบ ผมถึงกับกุมขมับ อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าไม่ใช่ แค่คนหน้าเหมือน แต่ไม่พูดดีกว่า เกิดพูดไปแล้วพี่ชิณณ์หันมาเห็นผมขึ้นมา ผมได้ซวยลูกตาพอดี

ทว่าไอ้การที่ไม่พูด เอาแต่ก้มหน้าจะสิงสู่กับโต๊ะเนี่ย ก็ทำให้คชาละเมอเพ้อพกอยู่คนเดียวไม่หยุด จากที่ครางเรียกฮิคารุซามะสิบวิ สองสามครั้ง ตอนนี้แม่งครางเรียกอย่างถี่
“ฮิคารุ...ซามะ... ฮิคารุ...ซามะ...”

มึงเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำหรือไง พูดครั้งเดียวก็รู้เรื่องแล้วเว้ย!

ผมเงยหน้าเหลือบมองมันที่มองอีกฝ่ายตาค้าง มองตามร่างพี่ชิณณ์ไปมาอย่างระอาขณะที่ยังซ่อนใบหน้าตัวเองอยู่ ใจก็ไม่อยากจะสนใจทั้งมัน ทั้งรุ่นพี่เวรนั่นหรอกนะ แต่พอคชาพูดขึ้นมาแบบเพ้อ ๆ อีกครั้ง ผมเลยอดรำคาญไม่ได้ ก็มันน่ะเพ้อไม่พอ ตอนนี้เริ่มพานมาเขย่าผมด้วย

"ท่านฮิคารุ... ฮิคารุซามะจริง ๆ ด้วยมึง"

เขย่าซะกูเป็นเซียมซีเลยไอ้คชา! สติเว้ยมึง ตั้งสติ!

“มึง...ท่านฮิคารุเว้ย ท่านฮิคารุมาโปรดแล้ว”
"ฮิคารุซามะป้ามึง! นั่นพี่ชิณณ์เว้ย!"

ผมหมดความอดทน เผลอตะคอกออกไปจนได้ หยาบคายอีกต่างหาก คชาชะงัก ละสายตามามองผมแทนรุ่นพี่ได้ ขณะที่ผมเองก็ชะงักเมื่อตระหนักได้ว่าเสียงตะคอกเมื่อกี้มันดังพอที่จะทำให้ได้ยินกันค่อนโรงอาหาร และแน่นอน พี่ชิณณ์ที่มองซ้ายขวาหาผมอยู่ก็ได้ยินเช่นกัน เขาชะงักขาที่สาวเท้าเดิน ก่อนจะหันมามองเห็นผม จังหวะเดียวกับที่ผมดันเงยหน้าขึ้นหันไปมอง  โป๊ะเชะ! สบตาพอดีเลย พริบตาเดียว เสื้อผ้าบนตัวเขาก็อันตรธานหายไปกับตา กลายร่างจากพี่ชิณณ์เป็นองค์พ่อฮิคารุซามะเตรียมถ่ายหนังสดทันตาเห็น

วะ...เวรเอ๊ย! อุตส่าห์หลบแล้วนะ ยังจะมาเห็นอีก!

หงุดหงิดขึ้นมาในเสี้ยววินาที แต่มีแค่ผมแหละที่หงุดหงิด เพราะพี่ชิณณ์หาตัวผมเจอปุ๊บ ก็ยกมือขึ้นโบกเรียกปั๊บ
"มาวิน!"
น้ำเสียงระรื่นมากกก ระรื่นแค่เสียงไม่พอ เดินระริกระรี้เข้ามาหาพร้อมสีหน้าดี๊ด๊าด้วย ส่วนผมก็ทำหน้าไม่ถูกทันควันที่ได้เห็นส่วนไม่พึงมองกลางลำตัวของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

โอ้โหมึง… เดินป๋องแป๋งต่องแต่งแกว่งไกวเข้ามาหาขนาดนี้ คงหนีไม่รอดแล้วล่ะไอ้มาวิน!

ไม่รอดจริง ๆ มาถึงโต๊ะได้ ก็นั่งแหมะลงมาข้าง ๆ ผม ผมเลยเลิกจ้องจะสิงโต๊ะ หันมาสบตาเขาแทน ไหน ๆ ก็เห็นไปละ ช่างแม่งเลยแล้วกัน

“หาตั้งนาน อยู่ตรงนี้นี่เอง แล้วโทรหา ทำไมถึงปิดเครื่องอะ อย่าบอกนะว่าไม่อยากให้พี่มากินข้าวด้วย”
นั่งได้ก็เปิดฉากชวนคุยทันที ชวนคุยเฉย ๆ จะไม่ว่าเลย มาถามแบบจับผิด ซึ่งมันก็จริง แต่ผมก็ไม่ยอมรับ โกหกไปด้วยคิดได้ว่าผมจะต้องทำงานร่วมกับเขาในอนาคต

“กำลังจะกดรับ แต่โทรศัพท์แบตหมดพอดีเลยครับ”
“อ๋อ งั้นก็ค่อยยังชั่ว นึกว่าเราไม่อยากให้พี่มาวุ่นวาย”
ก็ไม่อยากให้มาวุ่นวายนี่แหละ เห็นมั้ยว่ากูกำลังตื๊อไอ้คชามันอยู่ มึงนี่ก็นะ โผล่มาไม่ได้จังหวะเลย!
“แล้วนี่ไม่กินมะเขือเทศเหรอ พี่ขอนะ”

โผล่มาไม่ได้จังหวะไม่พอ อยู่ดี ๆ ก็ถือวิสาสะชะโงกหน้ามามองข้าวผัดในจานผม เห็นมะเขือเทศถูกเขี่ยอยู่ข้างจาน เขาก็เอาส้อมมาจิ้มไปกินหน้าตาเฉย

มึงนี่มันเฟรนด์ลี่เกินไปมั้ยเนี่ย...

อึดอัดขึ้นมาทันที อึดอัดอะไรแบบนี้ ไม่ได้สนิทสนมกับใครมาเป็นสิบปีแล้ว จู่ ๆ มีคนมาตีสนิทด้วย ผมก็รู้สึกแปลก ๆ ส่วนคชานี่ไม่นับ ผมไม่เรียกว่าตีสนิท เรียกว่าตามตื๊อ

เห็นพี่ชิณณ์มีท่าทีแบบนั้น ผมเลยตัดใจเรื่องจะตื๊อคชาต่อ กะว่าจะรีบกินข้าว แล้วจะได้รีบแยกย้ายเพราะเขาเริ่มชวนคุยเป็นตุเป็นตะอย่างกับว่าผมรู้จักเขามาหลายชาติ

ตอนแรกก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่พอเหลือบเห็นคชาที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง เอาแต่มองหน้าพี่ชิณณ์ที่จ้อไม่หยุด ผมก็เปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน

ผมก็ลืมไปว่าพี่ชิณณ์หน้าเหมือนคนที่คชาชอบ หึ ๆ แบบนี้ได้ตัวต่อรองเพิ่มขึ้นมาแล้ว งั้นเปิดทางสักหน่อยแล้วกัน
“เอ้อ พี่ชิณณ์ครับ นี่คชา ส่วนนี่พี่ชิณณ์นะ เรียนคลาสเดียวกัน รู้จักกันเพราะเป็นคู่ทำเปเปอร์กับเราน่ะ”
การที่จู่ ๆ ก็โพล่งออกไปแบบนั้น ทำให้พี่ชิณณ์หยุดจ้อเรื่องของตัวเองฉับพลัน หันไปมองหน้าคชา แล้วเพิ่งตระหนักได้ว่านอกจากผมที่นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ก็มีไอ้โรคจิตที่เอาแต่จ้องหน้าเขาไม่เลิกนั่งหัวโด่อยู่ด้วย
“พี่ชิณณ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
ทักทายสั้น ๆ แต่กลับทำให้คชาสะดุ้ง พลันมีท่าทีเลิ่กลั่กทันใด
“คะ...คะ...”
พี่ชิณณ์นิ่งงันที่เห็นคชาพูดติดอ่างกะทันหัน ผมมองหน้ามัน เห็นสีแดงเรื่อบนซีกแก้มก็รู้เลยว่ามันกำลังเขิน
แหม มึงนี่ ไหนบอกว่าร่างกายนี้จะพลีให้ท่านฮิคารุคนเดียวไงวะ พอมาเห็นพี่ชิณณ์ มึงก็ออกอาการเลยนะ ไอ้เกย์!
“คะ...คะ...”

ยัง...ยังคะไม่เลิก ก็รีบ ๆ พูดไปสิวะว่าชื่อคชา รำคาญ!

ก็ยังคะ ๆ อยู่ ไม่พูดสักที ผมถึงกับหลุดหัวเราะในลำคอ รู้เลยว่ามาถูกทางแล้ว นี่แหละ ใช้พี่ชิณณ์มาต่อรองเลย หน้าตาเหมือนท่านฮิคารุไรนี่ดีนัก แถมยังมาเกาะติดแบบไม่มีสาเหตุอีก ขอใช้ประโยชน์หน่อยแล้วกัน
คชาก็ยังติดอ่างไม่เลิก กระทั่งพี่ชิณณ์ที่รออยู่นานโพล่งขึ้น
“หืม? คะอะไรครับ?”
“คะ...คะ...”
“พี่ชิณณ์ครับ หมอนี่ชื่อ...”

ผมเกือบจะออกปากแนะนำตัวคชาให้แทนแล้ว ดูท่าทางคชามันจะช็อคที่จู่ ๆ ก็ได้เห็นฮิคารุซามะตัวเป็น ๆ มาอยู่ตรงหน้า ถึงจะไม่ใช่ตัวจริงก็เถอะ แต่หน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ จะช็อคก็ไม่แปลก
หากแต่ผมพูดได้แค่นั้น คชามันก็แหกปากขึ้นมาเสียงดัง
“คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย งั้นกูกิน!”

แหกปากไม่พอ พยักเพยิดปลายคางมาที่จานข้าวผัดของผม ก่อนจะรีบยื่นมือมาจกใบคะน้าเข้าปากตัวเองแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ

นี่มึงตลกรับประทานสินะ! ข้าวนี่กูยังกินไม่เสร็จมั้ย เอามือมาจกเพื่อ!?

ไม่กงไม่กินต่อมันละ เทเลยแล้วกัน
พี่ชิณณ์เห็นคนตรงหน้าทำท่าทางแปลก ๆ อย่างนั้นก็อึ้งไปนิด นิดเดียวจริง ๆ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง
“เพื่อนเราตลกดีแฮะ นี่ติดอ่างจริงหรือแกล้งเนี่ย”
ปลายประโยคหันไปถามคชา คชาที่เคี้ยวผักใบเขียวอยู่เหลือบมองมาทางผม ก่อนรีบกลืนของในปากลงคอ แล้วว่าออกมาอีก
“มะ...ไม่...ไม่ได้...”
“โอเค พอ ๆ กว่าจะได้พูด สงสัยพรุ่งนี้พอดี พี่เข้าใจละว่าติดอ่างจริง ไม่ได้แกล้ง”
พี่ชิณณ์พูดไป ก็ขำน้ำหูน้ำตาไหลไป ผมยิ้มฝืน ๆ ให้เพราะรู้ว่าคชาไม่ได้ติดอ่าง แล้วก็ไม่ได้แกล้ง แต่ที่ติดอ่างนี่เป็นเพราะเห็นพี่ชิณณ์นี่แหละ
“อ้าว แล้วนี่เราอิ่มแล้วเหรอ? กินน้อยจัง”
หันกลับมาถามผมละพอเห็นว่าผมรวบช้อนส้อมเข้าหากัน

แหม่ ไอ้พี่ชิณณ์นี่ เมื่อกี้ไม่เห็นไอ้เวรนั่นมันเอามือมาจกจานข้าวกูหรือไง กินต่อได้ก็สตรองเกินไปละ มือแม่งมีเชื้ออะไรบ้างก็ไม่รู้ กินเข้าไป เดี๋ยวได้ติดเชื้อบ้ากันพอดี

“อิ่มแล้วครับ พอดีวันนี้ผมไม่ค่อยหิว”
จะพูดความจริงไปมันก็ใช่เรื่อง เลยต้องแถไปเรื่อย
พี่ชิณณ์พยักหน้าพร้อมทำปากยื่น ไม่ได้ถามอะไรต่อ ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว ก่อนจะเริ่มจ้อต่อไปเรื่อย ขณะคชานั่งมองเขาตาไม่กะพริบ ส่วนผมก็ก็ฟังที่พี่ชิณณ์พูดบ้าง ไม่ได้ฟังบ้าง ในหัวเอาแต่คิดแผนการลำดับต่อไป กะว่าพอพี่ชิณณ์กินข้าวเสร็จแล้วแยกย้ายกันเรียบร้อย ผมก็จะตะล่อมบอกคชาว่าถ้าเป็นรูมเมทกับผม มันจะได้เจอพี่ชิณณ์บ่อย ๆ
อีแบบนี้ ไอ้คชาไม่รอดพ้นตำแหน่งรูมเมทผมแน่ ๆ

ใช้เวลาไม่นานนัก พี่ชิณณ์ก็จัดการอาหารในจานจนเกลี้ยง ผมตั้งท่าจะบอกลา หมายใจว่าจะอ้างว่ามีเรียนต่อ จะได้เริ่มจัดการคชาต่อสักที
“พี่ชิณณ์ครับ...”
หากแต่หันไปเรียกคนข้างตัวเท่านั้น อีกฝ่ายก็เรียกชื่อผมสวนพอดี
“มาวิน อะไรติดหน้าน่ะ”
เรียกก็ไม่เรียกเปล่า ถามก็ไม่รอคำตอบ สิ้นเสียงปุ๊บ ก็ยื่นมือมาแตะเข้าที่ใต้ตาข้างขวาของผมปั๊บ ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาซะใกล้ ทำเอาผมผงะไปเล็กน้อย แต่ครู่เดียว เขาก็ผละออก
“อ๋อ ไฝ ก็นึกว่ามีอะไรติด ผมมันปิดหน้าปิดตาเลยมองไม่ชัดน่ะ แต่ผู้ชายมีไฝใต้ตานี่มีเสน่ห์นะ น่ารักดี”
ผมไม่รู้ว่าจะต้องดีใจกับคำชมนี้มั้ย เห็นป๋องแป๋งผู้ชายไม่พอ ยังมาโดนผู้ชายด้วยกันชมอีก แบบนี้มันก็...

...ไม่น่าดีใจสักนิด! กูจะดีใจไปทำเพื่ออะไร ยิ่งเป็นผู้ชายที่เดินต่องแต่งแกว่งไกว ซ้ำยังหน้าตาเหมือนดาราหนังโป๊ด้วย กูก็ยิ่งไม่ดีใจเข้าไปใหญ่!

“ครับ”
ทว่าก็ได้แต่ตอบรับอุบอิบไปตามเรื่องล่ะนะ จะมีก็แต่คชาที่ไม่อุบอิบไปกับผม จู่ ๆ ก็เด้งตัวลุกขึ้นยืน ทำหน้าเครียด พลันยื่นมือมาคว้าแขนผมหมับ
“ไอ้เอ๋อ! กูขอคุยด้วยหน่อย!”

ผมไม่รู้หรอกว่าจะคุยเรื่องอะไร แต่ถ้าให้เดา ก็คิดว่าคงเป็นเรื่องของพี่ชิณณ์ ผมเลยยอมลุกตามแต่โดยดี พี่ชิณณ์มีสีหน้าสงสัยทันทีที่เห็นอากัปกิริยาโผงผางของคชา ก่อนคชาจะรู้สึกตัว รีบคลายหัวคิ้วที่ย่นยู่ หันไปยิ้มแหะ ๆ ให้พี่ชิณณ์พร้อมกับส่งเสียงหวาน
“ขะ...ขะ...ขอตัว...สะ...สักครู่นะครับ”
“อือ ตามสบายเลย”

พี่ชิณณ์ตอบรับได้ มันก็ผงกหัวประหลก ๆ แล้วรีบลากผมออกมาจากตรงนั้นทันที ปล่อยให้ผมบุ้ยปากตามหลังมันอย่างลืมตัว
แหม กับกูนี่ตะคอกเอา ๆ กับพี่ชิณณ์นี่ เสียงอ่อนเสียงหวานเลยนะมึง! ไอ้สองมาตรฐาน!

แต่ก็คิดถูกแล้วล่ะที่ตั้งใจจะใช้พี่ชิณณ์เป็นเครื่องมือต่อรอง ได้ผลไวเกินคาดแฮะ รับรองเลยว่างานนี้ ไอ้คชาไม่รอดมือผมแน่
รู้จักความเจ้าเล่ห์ของมาวินคนนีน้น้อยเกินไปซะแล้ว!

------------------------------
มาแว้วววว
ฝากส่งฟีดแบ็กด้วยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 21-10-2016 23:04:51
เราเริ่มไม่มั่นใจในตัวคชาแล้วอะ นายยังแมนอยู่ใช่มั้ย? :hao7: :hao3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-10-2016 21:48:32
เป็นพลังพิเศษที่แปลกดี
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-10-2016 22:34:20
ได้รูมเมทแล้วล่ะวิน
คชา อาการหนักมาก

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: darksnow ที่ 11-12-2016 11:22:02
คชานี่ยังไง 5555 สรุปเป็นใช่ป่ะ เขินไรเบอร์นั้น พี่ชินนีาเป็นทัน ฮารุไรสักอย่างของคชาใช่มะ555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 11-12-2016 12:34:14
สนุกดีๆ ติดตามๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: nnjoggy ที่ 27-12-2016 20:29:04
ตลกคำพูดที่ใช้บรรยายไอนั่นมากๆ

แบบแกว่งไกวอะไรงี้ เอาซะภาพมาเลย 555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: queenrose ที่ 27-12-2016 20:44:42
 :mew3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-12-2016 22:09:15
คชา นี่ยังไง ไม่ชอบผู้ชาย ไม่ใช่เกย์
แต่ชอบดาราเกย์  ฮิคารุซามะ :katai1: :katai1: :katai1:
มาวิน นี่ก็มีพลังวิเศษที่แสนจะวิเศษ
เอ่อ...ถ้ามาวินเป็นเกย์อะนะ
ได้คัดเลือก ซิกศ์แพค แตงกวาสวยๆ
สุดยอดก้นเต่งๆ แน่นๆ อะจ๊ากกก   :ling1: :ling1: :ling1:
พี่ชิณณ์ จะมาช่วยให้คชามาเป็นรูมเมทมาวินได้ละมั้ง
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 28-12-2016 10:43:38
ใครคู่ใครเนี่ย. เหมือนวินจะเป็นกามเทพระหว่างคชากับพี่ชิณณ์.  เหมือนพี่ชิณณ์จะเอ็นดูวิน.  รักสามเส้ารึเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-12-2016 13:30:17
คชานี่พระเอกใช่ไหมคะ แน่ๆใช่ไหม 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: natashajy ที่ 28-12-2016 13:38:13
มีการออกจากบ้านไม่สบตาใคร
5555555
 รอติดตามค่าา
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 28-12-2016 23:50:28
ลุ้นต่อไปว่าใครคู่ใคร
 :katai5: :katai5:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่มั้ย!?[21-10-59]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 15-02-2017 16:47:53
สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[1]

ดูจากสถานการณ์ ผมเป็นต่ออย่างนี้ก็แน่นอนล่ะว่าผมต้องใช้พี่ชิณณ์มาเป็นเครื่องมือต่อรองกับคชาให้มันมาเป็นรูมเมทผมแหงแซะ แต่ไม่ต้องเอ่ยปากเองสักนิด แค่มันลากผมออกมาพ้นจากโรงอาหาร ไปอยู่ในที่ลับหูลับตาคนได้ มันก็กระซิบกระซาบเป็นการใหญ่

“ถามจริงนะไอ้เอ๋อ มึงรู้จักฮิคารุซามะได้ยังไงวะ ตอนกูเห็นหน้าครั้งแรกนะเว้ย แม่ง ใจเต้นแรงฉิบหาย”

มาถึงก็เอาเลย ผมแอบกลอกตา เบ้ปากใส่มันไปเล็กน้อย

“นั่นไม่ใช่ฮิคารุซามะ นั่นพี่ชิณณ์ แล้วเราก็ไม่ได้ชื่อไอ้เอ๋อด้วย เราชื่อมาวิน เรียกยาวๆ ไม่ถนัด เรียกว่าวินเฉยๆ ก็ได้”
ผมสวนคืน มันเองก็ไม่ได้สนใจที่ผมพูดเลยสักนิด

“เออ จะอะไรก็ช่างเถอะ ว่าแต่มึงรู้จักพี่ชิณณ์เขาได้ยังไงวะ สนิทกันแค่ไหน พี่เขาเรียนคณะอะไร แล้วเขามีแฟนหรือยัง”
ถามมาเป็นชุด ทำเอาผมเบ้ปากใส่รัวๆ ไปอีก

“ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์”

คชาทำหน้าเหมือนเพิ่งจะนึกได้ว่าถามอะไรออกไป ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ทำทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน
“แล้วใครบอกว่ากูเป็นล่ะ”

มึงนั่นแหละบอก! ถ้ามึงไม่ได้เป็นแล้วจะอยากรู้ว่าพี่ชิณณ์มีแฟนหรือยังเพื่ออะไร!?

ขี้เกียจไปเถียงกับมัน เห็นมันทำท่าทางเฉไฉด้วยแล้วก็ช่างเถอะ เปล่าประโยชน์ที่จะไปเถียงอะไรไร้สาระ อีกอย่าง การที่มันจะชอบพี่ชิณณ์หรือพี่ชิณณ์มีแฟนแล้วอะไรยังไงก็ไม่เกี่ยวกับผมเลยสักนิด ที่ผมควรจะทำน่ะ คือหลอกล่อให้มันมาเป็นรูมเมทผมต่างหาก แน่นอนว่าผมจะใช้พี่ชิณณ์เป็นตัวล่อ อารมณ์แบบว่า...เฮ้ย สนิทกับพี่ชิณณ์นะ อยู่ด้วยกันแล้วเดี๋ยวพี่เขาก็มาหาที่ห้องบ่อยๆ อะไรประมาณนี้ รับรองว่าคชาปฏิเสธไม่ออกแน่

หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร คชามันก็แทรกถามขึ้นมาอีกแล้ว
“แล้วนี่มึงจะบอกกูได้หรือยังว่าตกลงรู้จักกับพี่ชิณณ์ได้ยังไง กูรอคำตอบจนรากจะงอกอยู่ละ”

มึงเพิ่งจะถามเมื่อกี้เองไหม! ตดยังไม่ทันหายเหม็นเลยเถอะ!

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดคล้ายกับว่าเก็บกลั้นอารมณ์

ไม่รู้ทำไมคุยกับไอ้บ้าตรงหน้านี้แล้วรู้สึกเหมือนประสาทจะเสียทุกที!

“พอดีพี่ชิณณ์ทำงานกลุ่มเดียวกับเราน่ะ” ผมว่า
คชาเบิกตาโต “แสดงว่าก็ต้องเจอกันบ่อยๆ น่ะสิ”
“อือ เป็นโปรเจ็กต์ทั้งเทอมอะ คงจะได้เจอกันทั้งเทอม”

ดวงตาเรียวของคชาเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมอีก ก่อนที่มันจะถลาเข้ามาจับมือผมชวนให้ผมสะดุ้งเฮือก ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
“มึงกับพี่ชิณณ์สนิทกันแค่ไหนวะ”

สนิทกันแค่ไหนกูไม่รู้ ที่รู้ๆ คือกูไม่ได้สนิทกับมึงมากถึงขั้นมาจับมือถือแขนอย่างนี้เว้ย!

เกร็งตัวออกห่างจากมันรัวๆ เหงื่อที่ฝ่ามือนี่ไหลพลั่กๆ เป็นน้ำตกเลย ทว่าคชาก็ไม่ยอมปล่อยผม ซ้ำยังจะเร่งเร้าขึ้นมาอีก
“บอกเร็วๆ สิวะ มึงนี่ลีลาจริง!”

ยังจะหงุดหงิดผมอีก!

ผมมุ่ยหน้าเล็กน้อย ก่อนตอบมันไป
“ก็สนิทแหละ ถ้าไม่สนิทกันจะมากินข้าวด้วยกันหรือไง”

ตอบมันแบบโกหกไป สนิทกับผีบ้าอะไร ใครมันจะอยากไปอยู่กับคนที่มองหน้าสบตาแล้วเห็นป๋องแป๋งบ้างวะ! ตาจะบอด!
หากแต่พอผมพูดไปอย่างนั้น คชาก็ตาลุกวาว สีหน้าดูมีความหวังอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที ซึ่งผมว่าผมรู้ทันมันนะ
เหอะ จะอะไรซะล่ะ มันก็จะให้ผมเป็นสื่อกลางในการตีสนิทพี่ชิณณ์ไง

แล้วก็จริงซะด้วยเมื่อมันเรียกผมเสียงหวานออกมา
“นี่ไอ้เอ๋อ”
“มาวิน” ผมสวน
“เออ มาวินก็มาวิน คืองี้ มึงสนิทกับพี่ชิณณ์มากใช่ปะ”
“อือ”
“แล้วก็ต้องทำงานโปรเจ็กต์เดียวกันทั้งเทอมด้วยใช่ปะ”
“ใช่”
“แสดงว่าพี่ชิณณ์ก็ต้องมาหามึงบ่อยๆ ทำงานด้วยกันบ่อยๆ เจอหน้ากันบ่อยๆ อะไรแบบนี้ด้วยใช่ไหม”
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ถามทำไม”

รู้แหละว่าถามทำไมแต่แกล้งถามมันไปอย่างนั้น

คชายิ้มกริ่ม ก่อนจะถามผมกลับมาอีก
“มึงยังอยากได้กูเป็นรูมเมทอยู่ปะ”

นั่นปะไร เข้าทางเลย ผิดไปจากที่คิดไว้ซะที่ไหน ดูท่ามันคงจะเสนอตัวเองมาเป็นรูมเมทผมเพราะพี่ชิณณ์แล้วล่ะ แต่ผมไม่ยอมให้มันได้อะไรง่ายๆ หรอก ต้องมีลูกล่อลูกชนกันหน่อย

“ไม่รู้สิ นายก็ไม่ได้ดูอยากจะอยู่กับเราสักเท่าไหร่ ไหนๆ พี่ชิณณ์ก็มาแล้ว เขาไม่มีเพื่อนด้วย ชวนพี่ชิณณ์เป็นรูมเมทก็ได้”
คชาเบิกตากว้าง ใบหน้าขึงขังพลันส่งเสียงดัง
“ไม่ได้!” แล้วมันก็รู้ตัวทันทีว่าพูดอะไรออกไป ก่อนจะพูดในระดับเสียงปกติ “ไม่ได้เว้ย มึงบอกว่าอยากอยู่กับกูก็ต้องอยู่กับกู ไปอยู่กับพี่ชิณณ์บ้าอะไร กูไม่ยอม”

ที่ไม่ยอมไม่ใช่เพราะหวงผมอะไรหรอก หวงพี่ชิณณ์ที่หน้าตาเหมือนท่านฮิคารุของมันล่ะสิ รู้อยู่หรอก แต่ก็ดี มาแบบนี้ก็เข้าทางเลย

“แต่นายไม่ได้อยากจะเป็นรูมเมทเราสักหน่อย” ผมลองหยอด
“ตอนนี้อยากแล้ว!” คชาตอบรับแทบไม่คิด พลันตามมาด้วยท่าทางฮึดฮัดพร้อมบ่นพึมพำเพียงลำพัง “ถ้าไม่เป็นเพราะจะปกป้องฮิคารุซามะ กูไม่เสียสละตนขนาดนี้หรอกแม่ง”

กูได้ยินนะเว้ย! แหม ทำมาเป็นพูดว่าเสียสละตน กูไม่ได้เป็นคนโรคจิตเหมือนมึงไหม ให้พี่ชิณณ์ไปอยู่กับมึงน่ะเสี่ยงกว่าอีกเว้ย!
กัดฟันแน่นเลย ข่มใจสุดๆ ที่จะไม่ด่ามันกลับไป

เอาเถอะ ไหนๆ มันก็ออกปากมาแล้ว ดำเนินตามแผนต่อเลยแล้วกัน

“สรุปว่าตกลงรับข้อเสนอที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วนะ”
คชาเหลือบมองผม พยักหน้าเอออออย่างขอไปที
“ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยเรื่องข้อตกลงของการอยู่ร่วมกันหน่อย”

พอผมเข้าเรื่อง คชาก็มองหน้าผมอีกครั้ง คราวนี้ผมเขย่ามือที่ถูกมันจับอยู่ออก คชาเหมือนจะเพิ่งสำนึกได้ว่ายืนจับมือผมอยู่ตั้งนานเลยรีบปล่อยก่อนจะเช็ดเข้ากับกางเกงเป็นการใหญ่ ชวนให้ดูน่าหมั่นไส้แปลกๆ

“ว่ามา รีบๆ พูดเร็วเข้า กูไม่อยากให้พี่ชิณณ์กินข้าวคนเดียว”

มึงอย่ามาทำเป็นกระแดะ เพิ่งออกมาคุยไม่ทันถึงห้านาทีเลยไหม!

หมั่นไส้มาก หมั่นไส้สุดๆ เอะอะอะไรก็พี่ชิณณ์ๆ ทำอย่างกับว่ารู้จักกันมานมนานกาเล แม่งเพิ่งเจอหน้ากันเมื่อกี้เองเถอะ
แต่ผมก็ไม่อยากจะสนใจ ไหนๆ แผนการของตัวเองก็สำเร็จละ รีบๆ พูดให้มันจบๆ ไปดีกว่า

“ข้อตกลงของการอยู่ร่วมกันหลักๆ มีสามข้อ”
“ว่ามา”
“ข้อหนึ่ง นายต้องพูดจากับเราดีๆ “
“หมายถึงให้พูดเพราะๆ กับมึงน่ะเหรอ”
คชาทำหน้าแหยทันควัน ส่วนผมก็อดเบ้ปากไม่ได้เมื่อได้ยินสรรพนามไม่พึงประสงค์ดังเข้าหู

“ไม่ได้หมายความว่าให้พูดเพราะ แต่หมายถึงเลิกใช้มึงกูกับเราได้ไหม เราไม่ชอบ คือไม่ชินหูน่ะ ปกติเวลาเราพูดกับเพื่อนก็ไม่เคยแทนตัวว่ามึงกู”

สีหน้าคชาดูเหมือนอยากจะค่อนแคะผมว่า ‘ไอ้ลูกคุณหนู’ ยังไงยังงั้นแต่ก็ไม่พูด

ช่วยไม่ได้ ผมพูดจริงนี่หว่า ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยมา ไม่เคยพูดกับเพื่อนในคณะด้วยสรรพนามอย่างนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่ไม่พูดก็ไม่ใช่อะไร มันไม่ได้สนิทสนมกันมากถึงขนาดให้ไปพูดอะไรอย่างนี้น่ะ

ก็ผมมีคนคบด้วยซะที่ไหน...

คิดแล้วก็สมเพชตัวเองเล็กๆ กับเหตุผลนี้ หากแต่คชาก็เรียกความสนใจจากผมไปก่อน

“เรื่องมากฉิบหาย เออๆ แล้วข้อที่สองของมึง... เอ้อ ข้อที่สองของมาวิน...แม่งเอ๊ย ขนลุก” เอามือลูบแขนตัวเองประกอบ ก่อนจะพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกรรโชก “ข้อที่สองของนายล่ะว่าไง”

ขนลุกจริงๆ ด้วย ลุกตั้งแต่หัวยันหาง ถ้าเป็นคนอื่นเรียกชื่อผมหรือเรียกแทนตัวผมว่านาย ผมคงเฉยๆ แต่พอเป็นไอ้บ้าตรงหน้า...บรึ๋ย ขนลุกขนชัน!

ไหนๆ บอกเงื่อนไขไปแล้ว มันทำตามแล้วก็ต้องปล่อยไป ก่อนที่ผมจะพูดข้อตกลงข้อที่สอง

“เราจะไม่ยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของนาย ส่วนนายก็ห้ามยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของเรา”
“ใครอยากจะไปยุ่งเรื่องของมึงวะ”

หลุดปากเรียกผมว่ามึงมาอีกละ หน้าตาก็กวนโอ๊ยสุดๆ

ไม่สิ ไม่ใช่กวนอีย มันทำหน้าขยะแขยงผม

น่าฟาดหน้ามันฉิบเป๋ง แต่ช่างมันเถอะ ที่พูดคำหยาบก็เพราะคงจะติดปาก ไม่อยากจะสนใจแล้ว

“ข้อสุดท้าย ห้ามแก้ผ้าเดินเปลือยโทงเทงให้เราเห็นเด็ดขาดเวลาอยู่ในห้องด้วยกัน เข้าใจไหม”
พอบอกข้อนี้ไป คชาก็ย่นคิ้วยู่ ก่อนครางออกมา
“กลัวว่าเห็นกูนู้ดแล้วจะมีอารมณ์ว่างั้น ลืมไปว่ามึงชอบกูนี่หว่าถึงได้อยากมาเป็นรูมเมท ตื๊อกูหนักแบบนี้ สรุปเป็นเกย์จริงๆ ใช่ไหม?”

ใช่ที่ไหนเว้ย! กูมาตื๊ออยู่กับมึงเพราะไม่เห็นปิกาจูมึงตอนสบตาต่างหาก หนีดงมะเขือยาวมาขนาดนั้นแล้ว กูจะอยากเอาสายตาตัวเองไปรับรู้กับอะไรแบบนั้นอีกทำไมวะ ตั้งสติหน่อยไหม!

ผมอยากจะอธิบาย แต่ก่อนหน้าก็พูดไปทีแล้วเรื่องที่ผมมีพลังวิเศษ แล้วไอ้บ้านี่มันเชื่อซะที่ไหน ไม่ต้องพูดหรอก พูดไปก็เปลืองน้ำลาย ขนาดเพิ่งบอกมันไปแหม็บๆ ว่าไม่ให้พูดหยาบคายกับผม มันยังลืมเลย ช่างเถอะ ถามมันกลับก็แล้วกัน
“แล้วนายมีเงื่อนไขอะไรในการอยู่ด้วยกันไหม”
“มี”
คชาตอบแบบไม่หยุดคิด ผมเลยเชิดหน้าขึ้น เตรียมรับฟัง
“ว่ามาเลย”
“ข้อแรก ห้ามยุ่มย่ามเยอะแยะ ห้ามตอด ห้ามลวนลาม ห้ามแอบดูกูอาบน้ำ ตอนเช้ากูยังไม่ตื่น ก็ห้ามแอบมองเป้ากูตอนคึกคักด้วย”

โอ้โห มึงก็มั่นหน้าอะไรปานนี้ บอกแล้วไงว่ากูไม่อยากจะไปดูของมึงหรอกเว้ย!

กัดฟันแน่นมาก ข่มใจเปล่งเสียงถามมันออกไป “ข้อสองล่ะ”
คชากอดอก ยืดตัวขึ้น วางท่าเสมือนว่าเหนือกว่า

“ห้ามมาแตะต้องฮิคารุซามะของกู ออลไอเท็มไม่ว่าจะเป็นแผ่นดีวีดี ไฟล์ในคอมฯ โปสเตอร์หรือของสะสมทั้งหลายแหล่ ถ้ามีรอยนิ้วมือของมึงติดล่ะก็ ซื้อให้กูใหม่เลย ที่สำคัญ ห้ามแอบเอาไปเปิดดูถ้ากูไม่ได้อนุญาตด้วย”

ไอ้เวรนี่... ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่สนใจตัวผู้ด้วยกัน หลายปีมานี้ กูเห็นบ่อยแล้วเว้ยดงผักสวนครัวน่ะ กูจะไปอยากดูอีกทำไม!
อยากด่ามันฉิบ แต่เดี๋ยวไม่จบ ข้ามไปข้อสุดท้ายเลยแล้วกัน

“โอเคๆ ข้อสุดท้ายล่ะ”

คราวนี้คชาไม่พูดออกมาทันที เหลือบมองซ้ายทีขวาทีราวกับกลัวใครจะมาได้ยิน พอผมมองตามบ้างก็ดันถูกคชาลากเข้าซอกหลืบแถวนั้นหน้าตาเฉย

“อะไร” ผมโวยวายที่จู่ๆ ก็ถูกดันเข้ามาจนแผ่นหลังชิดผนัง แถมยังโดนคชาบังซะแทบมิด

แต่มันสนใจอะไรไหมล่ะ พอเห็นว่าปลอดคนแล้ว มันก็ทำหน้าเครียด

“ข้อสุดท้ายนี่สำคัญมาก มึงห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด ห้ามเอาไปบอกใครทั้งนั้น พ่อแม่มึงก็ห้ามบอก เข้าใจไหม”

ฟังดูเหมือนจะถูกข่มขู่ มีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาฉับพลัน ควรปฏิเสธนะเพราะถ้าเกิดว่ามันคิดทำอะไรแผลงๆ ขึ้นมา ผมคงจะเป็นคนแรกที่ไม่รอด มันยิ่งบ้าดาราหนัง GV อยู่ด้วย ไม่บอกก็รู้เลยว่าแม่งเป็นเกย์แน่ แต่ผมดันพยักหน้าให้โดยอัตโนมัติ ตอบรับไปซะงั้น
เท่านั้นคชาก็ยิ้มเผล่ ดวงตาเป็นประกายวิบวับ ยื่นหน้ามากระซิบกระซาบข้างหูผมทันที

“ข้อสุดท้าย... พาฮิคารุ เอ้ย พี่ชิณณ์มาเที่ยวที่ห้องบ่อยๆ นะมึง วันไหนทำงานกันดึกๆ จะนอนค้างก็ได้ กูไม่ว่า จะแบ่งเตียงให้นอนด้วยเลย”

แล้วก็ผละออกห่างผมไปยิ้มอย่างพอใจ ผมก็ลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

รอดตัวไป มันไม่ได้เล็งผม เป็นผู้ชายอีกคนต่างหาก แต่...

ถ้ากูทำอย่างนั้นก็เหมือนกับว่ากูเป็นนางนกต่อ หลอกเอาพี่ชิณณ์มาให้มึงกระทำมิดีมิร้ายน่ะสิวะ! มึงมันไอ้เกย์หื่น!

จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วล่ะ ผมเองก็ใช้พี่ชิณณ์มาเป็นตัวล่อให้มันตกลงเป็นรูมเมทผมด้วย ได้แต่ขอโทษพี่ชิณณ์ในใจ ในขณะที่คชาทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้และพูดออกมาอีก

“เอ้อ แล้วก็อย่าบอกพี่ชิณณ์นะเว้ย ถ้าพี่ชิณณ์รู้ มีหวังได้คิดว่ากูเป็นไอ้โรคจิตแน่ๆ วางแผนให้มาที่ห้องเพราะหวังอะไรอยู่แบบนี้น่ะ“

มึงเพิ่งจะรู้ตัวเหรอวะ กูรู้ไปถึงไหนต่อไหนแล้วว่ามึงมันโรคจิต!

“เรื่องที่กูเป็นติ่งท่านฮิคารุก็ห้ามบอก ถ้ามีคนอื่นรู้นะ มึงโดนแน่”
ว่าจบก็ชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ ปล่อยให้ผมหงุดหงิดตัวเองที่อยากจะได้มันเป็นรูมเมทจนตัวสั่น

ทำไมคนที่สบตาแล้วเสื้อผ้าไม่หายต้องเป็นไอ้คชาด้วยวะ มึงรู้จักศรีธัญญาไหม ปะ เดี๋ยวพาไป กูว่ามึงป่วยแน่ๆ แอดมิดเป็นผู้ป่วยในไปเลย อาการหนักเข้าขั้นโคม่าแล้วล่ะ

แม่งเอ๊ย ถ้าสบตามันแล้วเห็นน้องชายล่ะก็ ผมคงไม่มายืนทำบ้าอะไรอยู่อย่างนี้หรอก!
---------------------------------------
ไม่ได้มาต่อนานมว้ากกกก (ก.ไก่สักล้านตัว 555)
กลับมาต่อแล้วค่ะ เป็นคิวเดดไลน์ที่จะปั่นเรื่องต่อปายยย ฮา
ไม่ได้มาต่อนาน หลายคนคงลืมไปหมดแล้วสินะว่าเนื้อเรื่องมันเป็นไง ย้อนกลับไปอ่านบทนำค่ะ ปฏิบัติ! //โดนตบ
หลังจากนี้จะมารัวๆ ค่ะ รอกันหน่อยเน้อ อาจมาอัพกะปริบกะปรอย ไม่ได้อัพทีเดียว 100% นะ
ปล.ฝากฟีดแบ็กไว้ให้ด้วยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[50%][15-02-60]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 15-02-2017 17:24:09
มาวิน นะปกติ
คชานี่ล่ะ ไม่ปกติ
แต่ตอนนี้กำลังแอบหลงรักพี่ชิณณ์

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[50%][15-02-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 16-02-2017 05:42:44
สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[2]

กลับเข้ามาในโรงอาหาร คชาก็พูดคุยกับพี่ชิณณ์ประหนึ่งสนิทสนมกันมาก แต่เอาจริงๆ ต้องบอกว่าเป็นพี่ชิณณ์ต่างหากที่ชวนคุย คชาก็แค่เออออรับคำไป ส่วนใหญ่จะพูดตะกุกตะกักชวนให้น่ารำคาญ หน้าแดง เกาหูเกาคอวุ่นวายไปหมด เห็นแล้วผมล่ะหมั่นไส้ และคงมีแต่ผมเท่านั้นแหละที่รำคาญเพราะพี่ชิณณ์เอาแต่หัวเราะกับท่าทางพวกนั้นแล้วก็บอกว่าคชาดูเป็นหนุ่มขี้อายผิดกับภาพลักษณ์โดยสิ้นเชิง

ก็แน่ล่ะ มันอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบนี่ จะให้มันไปแสดงอาการหื่น อยากฟัดร่างจำแลงของท่านฮิคารุมันก็ใช่เรื่อง

แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เอาแต่นั่งหัวโด่เป็นตอไม้กระทั่งพี่ชิณณ์กินข้าวเสร็จและขอตัวไปเรียนต่อในช่วงบ่าย ส่วนไอ้คชา... พี่ชิณณ์หายหัวไปได้ก็กลับมาเป็นไอ้โรคจิตคชาทันที

“มึงว่าพี่เขาให้ท่ากูหรือเปล่าวะ ชวนกูคุยใหญ่”

เขาก็แค่ชวนคุยไปตามมารยาทไหมไอ้คนหลงตัวเอง มึงรู้จักคำว่าเฟรนด์ลี่ไหม!?

ผมนี่อยากจะตบกะโหลกมันให้ทิ่มนักถ้าไม่ติดว่ากลัวมันจะตะบันหน้ากลับมา
“ไหนว่าไม่ได้เป็นเกย์ไง” ผมสวน

คชาทำตาโตแล้วก็บ่ายเบี่ยง “ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นเกย์ แค่อยากรู้ว่าพี่เขาให้ท่ากูหรือเปล่าก็แค่นั้น”

นั่นแหละเกย์ ไอ้บ้าเอ๊ย! ผู้ชายที่ไหนเขาจะอยากรู้ว่าผู้ชายคนอื่นสนใจตัวเองอย่างนี้หรือไง!

ภาวนาในใจให้ยุบหนอพองหนอ ไม่ให้ไปสติแตกใส่เพราะความมั่นหน้าของมัน ก่อนจะหันไปทางคชาอีกครั้งเมื่อถูกถามย้ำ
“แล้วมึงว่าพี่เขาให้ท่ากูหรือเปล่าวะ”

ยัง...มันยังไม่จบ เหนือสิ่งอื่นใด มึงละเมิดกฎของการอยู่ร่วมกันข้อที่หนึ่งของกูอยู่!

“พูดไม่เพราะ” ผมว่า

คชาเหมือนจะคิดได้ในตอนนี้ว่าเรียกแทนตัวผมว่าอะไร สบถออกมาเล็กน้อย
“เรื่องมากฉิบ เออๆ นายว่าพี่ชิณณ์เขาให้ท่าเราหรือเปล่าวะ”
“พี่เขาไม่ได้เป็นเกย์นี่ จะให้ท่านายได้ยังไง”

คชาจึ๊ปากขัดใจนิดหน่อยที่ได้ยินผมตอบอย่างนั้น ผมไม่รู้จะทำหน้าเหม็นเบื่อมันยังไงเลย

อะไรของมันวะ ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์ แค่บอกว่าพี่ชิณณ์ไม่ได้ให้ท่า จะทำเป็นหัวเสียทำไม

แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกว่ามันจะรู้สึกยังไง แสดงท่าทางอย่างนี้สิดี ผมจะได้ใช้พี่ชิณณ์เป็นเหยื่อล่อซะเลย

“แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ พี่ชิณณ์อาจจะสนใจนายก็ได้ ของแบบนี้มันต้องรอดูไปนานๆ”
“แล้วจะสังเกตยังไงอะว่าพี่ชิณณ์ชอบเรา”

ตอนนี้มาเรียกแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่ปกติชนพูดกันแล้ว
“ก็...” ผมเว้นจังหวะไป “เราสองคนย้ายมาอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ พี่ชิณณ์มาหาบ่อยๆ ก็คงจะสังเกตเห็นมั้ง”
ด้วยความที่กลัวว่าคชาจะเปลี่ยนใจ ผมเลยรีบกลับเข้าเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อมีโอกาส
ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวคชาคงจะโวยวายหรือไม่ก็พูดอะไรไม่เข้าหูอีก ทว่าผิดคาด มันดีดนิ้วเปาะประหนึ่งคิดได้
“ฉลาดนี่หว่า กะใช้ความใกล้ชิดสังเกตอาการสินะ”
“อะไรประมาณนั้น” ผมว่า “ว่าแต่นายพร้อมจะย้ายมาอยู่กับเราเมื่อไหร่ล่ะ”

ผมคิดในใจว่ามันคงบอกว่าเทอมหน้าอะไรอย่างนี้เพราะการย้ายหอระหว่างเทอมไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย

“ทำไมต้องย้ายเทอมหน้าวะ”
คชาดูท่าจะไม่ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ คือความจริงแล้วที่มันย้ายยากน่ะ เป็นเพราะ...
“ปกติเวลาทำสัญญาเช่าหอ เขาให้ทำเป็นเทอมๆ ไปนี่นา ถ้าจะย้ายตอนนี้มันก็ยุ่งยาก ต้องไปหาหอที่นักศึกษาด้วยกันปล่อยขายสัญญา มันหายากนี่”
ผมให้เหตุผล แต่เหมือนจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับคชาเลยเพราะจู่ๆ มันก็พูดขึ้นมา
“งั้นมึงก็ย้ายมาอยู่หอกูสิ”

กลับมาพูดมึงกูอีกละ น่าเบื่อชะมัด...

“นายอยู่หอไหนล่ะ” ผมแสร้งทำเมินเรื่องมันพูดไม่เพราะ คุยแต่เรื่องสำคัญๆ พอ
“หอจีซัส ข้างๆ มอเนี่ย”

พอมันบอกชื่อหอมา ผมก็เบิกตาโตทันควัน

หอจีซัส... หอที่ได้ชื่อว่าแพงชะลูดตูดปอด ลูกผู้รากมากดีชอบไปเช่าอยู่กันเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันพร้อมความหรูหราระดับคอนโดมิเนียมหรู ต่อให้อยู่กับรูมเมท หารค่าเช่ากัน แต่เดือนนึงก็ตกไม่ต่ำกว่าห้าหลัก

ใครจะมีปัญญาไปอยู่วะ ก็เห็นๆ อยู่ว่ากูมีปัญหาทางด้านการเงิน!

แต่ไม่ได้บอกคชามันไง มันเลยไม่รู้ ผมสู้อยู่หอเดิมยังจะถูกกว่าอีก อย่างน้อยค่าเช่ารวมค่าน้ำค่าไฟก็ไม่ถึงห้าหลักต่อเดือนวะ
“หอนั้นไม่ไหวหรอก มันแพงไป เราต้องหาเงินแบ่งเบาภาระทางบ้านด้วยน่ะ ไว้รอเทอมหน้าแล้วค่อยหาหอที่ถูกกว่านี้แล้วกัน”
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจไปอย่างนั้น

แม่ง... อุตส่าห์เจอคนที่สบตาแล้วไม่เห็นแตงกวาหว่างขาทั้งที แต่มันดันเป็นพวกไฮโซหัวสูงซะนี่ กัดฟันอดทนอยู่หอเดิมไปอีกหน่อยก็แล้วกันถึงจะต้องอดมื้อกินมื้อไปบ้างก็เถอะ ขอความช่วยเหลือจากทางบ้านต่อไปอีกนิดหน่อย ถ้าอธิบาย...ทางบ้านคงจะเข้าใจมั้ง

หากแต่คชาไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้น พอได้ยินผมพูด มันก็ชักสีหน้า
“อะไรของมึงวะ ตอนชวนก็เป็นคนมาชวนกูเอง แล้วทีนี้มาทำเป็นปฏิเสธ เล่นตัวเหรอวะไอ้เอ๋อ” แล้วก็ยื่นนิ้วมาจิ้มไฝที่ใต้ตาขวาผมเป็นการใหญ่

ผมสะบัดหน้าหนี มุ่ยหน้าใส่มัน
“ไม่ได้เล่นตัว แต่เราไม่มีเงินมากพอจะไปแชร์ค่าห้องกับนายน่ะ รู้ไม่ใช่เหรอว่าหอนั่นแพงหูฉี่ขนาดไหน”

คชาชำเลืองมองผมคล้ายจะปรามาสว่า ‘พวกไพร่’ ยังไงก็ไม่รู้ ก่อนมันจะพ่นลมหายใจออกมายาว
“ช่วยไม่ได้ กูให้มึงมาอยู่ด้วยฟรีๆ ก่อนแล้วกัน”
ผมหูผึ่งทันควัน “หมายความว่าไงให้อยู่ด้วยฟรีๆ”
“ก็หมายความว่าให้มาเป็นรูมเมทด้วยฟรีๆ ไม่ต้องช่วยแชร์ค่าห้องไง แต่ถ้าอยากจะช่วย จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ตอะไรพวกนั้นก็พอ”
“พูดจริงเหรอ?”

ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เชื่อหูว่าคนอย่างคชาจะใจกว้างขนาดนี้ ส่วนคชาก็พยักหน้ารับ
“พูดจริง ค่าจิปาถะพวกนั้นไม่กี่พัน มึงคงมีปัญญาจ่ายได้อยู่มั้ง”
จ่ายได้แน่นอน มันจะสักกี่พันกันเชียว อย่างน้อยก็ถูกกว่าค่าเช่าหอของผมในตอนนี้ทั้งเดือนแหละนะ
“คชา... นายโคตรเป็นคนดีเลยว่ะ”

ผมหลุดปากชมมันออกไป คิดในใจว่ามันคงจะเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน ข้างนอกปากหมา ข้างในใจดีอะไรอย่างนั้น
แต่ผิด...

ผิดถนัดเลยเมื่อประโยคถัดไปหลุดออกมาจากปากมัน

“แต่มึงต้องพาพี่ชิณณ์มาเที่ยวที่ห้องบ่อยๆ นะ ถ้าเป็นไปได้ก็มาค้างคืนเลย กูจะแบ่งเตียงให้นอน”

จากนั้นก็ทำหน้าหื่นๆ อยู่คนเดียว... ว่ายังไงดี มันก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นั่นแหละ แต่ในสายตาผมนี่แบบ...มองแล้วเหมือนมันเป็นคนโรคจิตชะมัด

จากนั้นก็สะดุ้งอีกทีเมื่อมันว่าเสียงดัง
“ถือว่าตกลงแล้ว ดีล!”

กูไปตกลงกับมึงตอนไหน มึงอย่ามาลากกูเข้าแผนการชั่วช้าล่าพี่ชิณณ์ไปเป็นเมียของมึงนะเว้ย!

ทำเป็นคิดไปงั้นแหละ ตัวเองก็ใช้พี่ชิณณ์หลอกล่อมันเหมือนกัน ชั่วพอกัน แต่เอาเป็นว่าทุกอย่างราบรื่นดีก็แล้วกัน




 
หลังจากตกลงกันได้เป็นมั่นเป็นเหมาะก็แยกย้ายกันไปเรียนตอนบ่าย ปกติหลังเลิกเรียนแล้ว ผมจะต้องตรงกลับหอแล้วไปทำงานพิเศษซึ่งก็คือการเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ห้างสรรพสินค้าแถวมหาวิทยาลัยต่อทันที ทว่าวันนี้ผมกลับต้องโทรไปลางานกะทันหันแล้วอ้างว่าป่วยใกล้ตายไปเรื่อย ที่ทำอย่างนั้นก็เพราะ...

...ไอ้คชามันชวนผมไปห้องน่ะ

พูดอย่างนั้นก็ฟังดูสองแง่สองง่าม ดูลามกและไม่น่าไว้ใจยิ่งกว่าตอนคชากระซิบกระซาบข้างหูผมแล้วบอกว่า ‘เลิกเรียนแล้วไปห้องกูกันนะ’

หูยยย ขนลุกมากแม่จ๋า ตกลงปลงใจไปด้วยแล้วกูจะโดนมึงทำอะไรไหม!?

ไม่โดนหรอก ความจริงมันแค่ชวนไปดูห้องว่าอยู่ได้ไหม โอเคไหมอะไรอย่างนั้น
มายืนรอมันอยู่หน้าคณะ ไม่นานก็เห็นคชาเดินออกมาจากตึกแต่ไกล

หล่อเด่นเป็นสง่า สังเกตง่ายชะมัด ก่อนที่มันจะร้องทักผมและพาไปที่ลานจอดรถ ขึ้นรถมันกลับไปที่หอจีซัส
ว่ากันตามตรง ผมว่าบ้านของคชาคงจะฐานะดีไม่น้อย ไม่งั้นมันคงไม่มีอะไรเพียบพร้อมขนาดนี้ และก็ต้องมั่นใจทันควันว่ามันฐานะดีแน่ทันทีที่เหยียบเข้ามาในหอจีซัส

ไอ้หอบ้านี่น่ะ...โค-ตะ-ระ หรูเลย!

หรูตั้งแต่ทางเข้ายันขึ้นไปบนห้อง เปิดห้องมาที...ผ่าง! อย่างกับโรงแรม

ความรู้สึกตอนนี้เหมือนผมมาโรงแรมกับไอ้บ้าคชาชะมัด ยิ่งเหลือบไปมองมันที่เดินเข้าไปในห้องก่อนพร้อมกับเรียกผม ผมก็ยิ่งเสียวสันหลังวาบ

“เข้ามาก่อน ทำตัวตามสบาย ห้องกูก็เหมือนห้องมึงแล้วตอนนี้”
ประหนึ่งสามีภรรยาคู่ข้าวใหม่ปลามันพูดคุยกัน

ขนจะลุกเกรียวไปไหน แต่ผมก็ยอมเดินเข้าไปนะ พลางสลัดความคิดบ้าๆ นั่นทิ้งไป ปรายตาสำรวจมองไปรอบๆ ห้อง
ห้องของคชาแบ่งเป็นสองโซนคือโซนนั่งเล่นและโซนที่เป็นส่วนสำหรับห้องนอนที่อยู่ด้านใน มีห้องน้ำและระเบียงเล็กๆ ยื่นออกไปอีกหน่อย คล้ายกับคอนโดฯ นั่นแหละ เพียงแต่ไม่ได้กว้างขวางมากมายแต่ก็ถือว่าหรูและกว้างทีเดียวสำหรับเด็กนักศึกษา แต่ที่สะดุดตาผมไม่ใช่เรื่องความกว้างของห้อง ทว่าเป็นเรื่องความสะอาดมากกว่า

ข้าวของทุกอย่างถูกเก็บเข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบ มองเผินๆ อย่างกับเป็นห้องตัวอย่างของพวกคอนโดฯ อะไรอย่างนั้น จนผมต้องออกปาก

“สะอาดแบบไม่น่าเชื่อ”
“ก็กูเป็นคนสะอาดนี่” คชาตอบรับขณะที่กำลังวางแฟ้มเอกสารการเรียนลงบนโต๊ะอ่านหนังสือใกล้ๆ
ผมหันไปมองทันควัน “อย่าบอกว่านายทำความสะอาดเองทั้งหมด”
“ถ้ากูไม่ทำแล้วใครจะทำวะ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้ามาอยู่ด้วยกัน มึงต้องช่วยกูทำความสะอาดด้วย กูไม่เป็นคนรับใช้มึงนะจะบอกให้”

ถึงจะไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ว่าคชาเป็นคนรักสะอาดขนาดนี้แต่ผมก็พยักหน้า พลันมองตามหลังคชาที่เปิดประตูห้องนอนเข้าไปข้างใน

“เข้ามานี่สิ”

ชะ...ชวนเข้าห้องนอน

ใจไม่อยากเข้าเลย กลัวมันทำมิดีมิร้าย ยืนมองอยู่อย่างนั้นจนมันต้องทำหน้ามุ่ย

“เข้ามาเถอะน่า กูไม่พิศวาสมึงหรอก อย่าทำหน้าเหมือนกูจะล่อลวงมึงไปปล้ำว่ะไอ้โรคจิต”

ใครกันแน่โรคจิตน่ะ ถ้ามึงไม่ใช่ติ่งพระเอก GV กูก็เข้าหามึงได้อย่างสนิทใจแล้วรู้ไว้ซะด้วย!

แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ยอมเดินตามมันเข้าไปจนได้ ก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเตียงในห้องนั้นเป็นเตียงไซส์ควีนเบดตั้งตระหง่านอยู่เดี่ยวๆ กลางห้อง

“บังเอิญห้องกูมีแต่เตียงแบบนี้ แต่ถ้ามึงมาอยู่ด้วย ก็เอาหมอนข้างมากั้นเอาแล้วกัน”
เหมือนรู้ว่าผมคิดอะไร คชาก็พูดออกมาก่อนแล้ว ผมควรจะปฏิเสธแหละแต่คิดถึงความมีน้ำใจของมันที่จะให้ผมมาอยู่ด้วย ผมเลยเอาแต่เงียบ

“ส่วนตู้เสื้อผ้า เดี๋ยวกูจะเคลียร์ของออกให้ มึงเอาตู้ฝั่งนั้นไปก็แล้วกัน”

คชาชี้นิ้วไปที่ตู้เสื้อผ้าบิวท์อินขนาดใหญ่ มันมีสองตู้และน่าจะอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าของหมอนี่

ผมพยักหน้าไปอีกขณะที่คชาเดินไปที่ตู้ซึ่งบอกว่าจะยกให้ผมเมื่อครู่ หยุดยืนอยู่หน้าตู้นั้นก่อนจะหันมาพูดกับผม
“แต่กูไม่ได้หมายความว่าจะยกตู้นี่ให้มึงใช้ทั้งหมดนะ”
“หมายความว่าไง”

พอผมถาม คชาก็เปิดตู้ออกมา ผมมองเข้าไป เห็นเสื้อผ้าแขวนอยู่ไม่ถึงสิบตัวซึ่งต่างจากที่ผมคาดการณ์ไว้ว่ามันน่าจะมีเสื้อผ้าเต็มไปหมด เพราะสิ่งที่ผมเห็นว่ามันอัดแน่นน่ะคือ...

ดะ...ดีวีดี

ดีวีดีหนัง GV เต็มไปหมดเลยโว้ย!

ไม่ใช่แค่ดีวีดี สินค้าลิมิเต็ดอิดิชันอะไรก็เต็มไปหมด พีคสุดคือโปสเตอร์ท่านฮิคารุอะไรของมันในชุดกางเกงในหนังตัวเดียวกึ่งนั่งกึ่งนอนอ้าข้าอล่างฉล่างแปะอยู่กลางตู้ด้วยหน้าตาและท่าทางเย้ายวน สำหรับคชา การเปิดตู้มาเจออะไรแบบนี้คงเป็นอะไรที่หฤหรรย์มาก แต่สำหรับผม เปิดมาปุ๊บ เจอห่อหมกปั๊บ

แบบนี้กูไม่โอเคแรง!

“กูจะใช้เป็นที่เก็บสมบัติด้วย”
ก่อนที่จะได้บอกมันว่าไม่โอเค มันก็พูดออกมาก่อนแล้ว ทีนี้ผมจะไปปฏิเสธได้ยังไงล่ะ ได้แต่อึกๆ อักๆ น้ำท่วมปาก จะพูดก็พูดไม่ออก

อีแบบนี้มันไม่เหมือนว่ากูเหรอที่เป็นติ่งพระเอกหนัง GV น่ะ!

“อย่าทำพัง อย่าทำเสียหาย ห้ามหยิบออกมาดู ออกมาเล่นโดยที่กูไม่ได้อนุญาตเข้าใจไหม” แล้วมันก็สั่งอีก
ผมได้สติเอาในตอนนี้

เอาวะ พูดจะต้องมาอาศัยมัน แต่ก็ต้องพูดเพื่อความตาไม่พร่าบอดเพราะโดนพืชผักสวนครัวประเภทยาวพาดคอ บ้างก็ห้อยต่องแต่งพุ่งใส่หน้าทุกวี่ทุกวัน

“ถ้ากลัวว่าเราจะทำพัง ทำไมไม่เอาไปเก็บไว้ในตู้นายล่ะ” พูดพลางพยักปลายคางไปที่ตู้ข้างๆ
คชาเดินไปเปิดตู้อีกตู้หนึ่ง เท่านั้นเสื้อผ้านับสิบตัวก็หล่นกราวลงมาบนพื้น ก่อนมันจะหันมาบอกผมด้วยสีหน้าเนือยๆ
“เต็มแล้ว ไม่มีปัญญาจะยัดเข้าไปละ”

แล้วใครให้มึงขนซื้อมาใส่ขนาดนั้น! ซื้อตัวสองตัวแล้วมึงก็ใส่วนทั้งอาทิตย์ ที่เหลือก็เอาไปบริจาคสิวะ!

พูดไม่ได้อีก ฟังดูแล้วเห็นแก่ตัว รสนิยมมันคงจะเป็นอย่างนั้น ผมเลยได้แต่ยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลือก
“อือ เราจะระวังนะ”
“ไม่ ‘จะ’ แต่ต้องเป็น ‘ต้อง’ ระวัง ‘must do it’ โอเคปะ”

ผมพยักหน้า หมดหนทางแล้วจริงๆ พลางมองคชาที่ทิ้งตัวนั่งยองๆ ยกกล่องแผ่นซีดีที่เรียงกันในกล่องไม้ออกมาตั้งไว้ข้างนอก
“เดี๋ยววันนี้กูจะเคลียร์พื้นที่ตู้ให้ มึงจะได้มีที่ว่างไว้เก็บของ ตอนนี้กลับไปได้แล้วไป เก็บข้าวของซะ พรุ่งนี้ก็ย้ายเข้ามาได้เลย”
ฟังแล้วก็อยากจะเปลี่ยนใจชะมัด แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องตามนั้นแหละ

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เราขนพวกเครื่องนอนมาก่อนนะ” ผมบอก
คชาตอบรับ ไม่ได้หันมาสนใจผมเลย เอาแต่นั่งเรียงดีวีดีอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้ผมได้เช็กว่าที่เตียงมันขาดเหลืออะไรบ้าง จะได้เอามา

อย่างแรกก็หมอน...
อย่างที่สองก็ผ้าห่ม...
อย่างที่สามก็...

คิดไปก็ถลกผ้าห่มที่คลุมเตียงขึ้นเพื่อตรวจสอบ หากแต่พอผ้าห่มหลุมออกจากเตียง ผมก็ตกใจอย่างรุนแรงเมื่อเห็นว่าใต้ผ้าห่มนั้นมีหมอนข้างวางอยู่

ใช่...หมอนข้าง

ถ้าเป็นหมอนข้างธรรมดา ผมจะไม่ตกใจเลย แต่นี่มัน...

หมอนข้างฮิคารุซามะนอนแผ่แถมใส่กางเกงในตัวเดียว!

โอ้โหไอ้คชา! มึงเป็นเอามากขนาดนี้เลยเหรอวะ!?

เคยเห็นแต่ในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นนะไอ้พวกคลั่งๆ อะไรพวกนี้มากๆ ในชีวิตจริง อย่างดีก็เห็นแค่ตัวการ์ตูนจากอนิเมะญี่ปุ่นอะไรเทือนนั้น แต่นี่มัน...

มันเป็นคนจริงๆ มีตัวตนจริงๆ ที่หลุดออกมาจากหนัง GV นะเว้ย!

เป็นเอามากแล้วไอ้คชา!

เหมือนจะรู้ว่าผมตกใจอะไร คชาหันมามองแล้วว่าอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ปลอกหมอนข้างนั่นไว้เดี๋ยวกูจะเอาไปซักคืนนี้ พรุ่งนี้ถ้ามึงมาจะได้ใช้กั้นระหว่างกูกับมึง”

นี่มึงจะให้กูนอนกับฮิคารุซามะในสภาพมีเกงในห่อแหนมตุ้มจิ๋วอย่างนี้จริงๆ เหรอวะ!

จิตใจมึงทำด้วยอะไร!?

โอดครวญกับตัวเองในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ไม่ได้อยากจะต่อว่ารสนิยมของมันหรอกนะ ถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่มันจะมายัดเยียดให้ผมเจอหน้ากับห่อหมกฮิคารุซามะทั้งก่อนนอนและเวลาตื่นอย่างนี้ไม่ได้!

แต่จะไปพูดอะไรได้ล่ะ พอคชาพูดจบ มันก็ออกปากไล่ผมแล้ว
“กลับไปได้แล้วไป จะได้มีเวลาไปเก็บข้าวของ มายืนจ้องกูก็ไม่ได้ทำให้มึงเก็บของเสร็จหรอกนะเว้ย ที่ให้มึงมาก็แค่ให้มึงมาดูห้องเฉยๆ ว่าอยู่ได้ไหม”

อยู่ได้... ได้ดีเลยล่ะ ถ้าไม่มีพระเอกหนัง GV มึงตามมาหลอกหลอนกูเนี่ย!

แม่ง... เปลี่ยนใจกลับไปอยู่คนเดียวเหมือนเดิมดีไหมวะ...

คชาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย พูดอยู่คนเดียวเป็นวรรคเป็นเวร

“เวลคัมๆ มายรูมเมท”

ถ้ามึงจะเวลคัมด้วยการเซอร์ไพรส์กูด้วยปลอกหมอนข้าง 3D ไข่นกกะทาฮิคารุซามะทะลุจอขนาดนี้ ไม่ต้องก็ได้เว้ย!
-------------------------------------------
แว้บบบบ มาเต็มตอนแล้วจ้า บอกเลยว่าคชาเพี้ยนมาก แกเป็นพระเอกแน่เหรอ 555
ตอนหน้าเพี้ยนหนักกว่านี้อีกค่ะ ไว้เย็นๆ จะมาแปะตัวอย่างเน้อ
ขอฝากหนูมาวินกับคชาคนโรคจิตไว้ในอ้อมอกอ้อมใจล่วย
ปล.ฝากฟีดแบ็กให้กันด้วยนะค้า XD
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[100%][16-02-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 16-02-2017 09:34:01
กลับมาแล้ววว~~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[100%][16-02-60]
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 02-03-2017 00:28:05
เรารออยู่นะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[100%][16-02-60]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 02-03-2017 02:24:04
 :laugh:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมท[100%][16-02-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-03-2017 15:25:39
สบตา ครั้งที่ 4: คชาเป็นตัวอันตราย[1]

ตอนแรกกะว่าจะย้ายของเข้าห้องมันช่วงวันเสาร์-อาทิตย์เพราะไม่มีเรียน แต่ไปๆ มาๆ ก็ต้องย้ายเข้าในอีกวันหนึ่งทันทีเมื่อคชามันอาสาเอารถมาช่วยผมขนของถึงที่หอเก่า

ความจริงจะว่าอาสามาช่วยก็ไม่ถูก ต้องบอกว่า...มัน-บัง-คับ!

ออกจากตึกเรียนมาก็เจอมันยืนดักรออยู่ข้างหน้าแล้ว จะทำเป็นไม่เห็นมันก็ไม่ได้ ผมดันมีภาพลักษณ์ไม่น่าเข้าใกล้ที่ใครๆ ก็จำได้ดี มันเห็นผมปุ๊บ ก็เรียกผมปั๊บ โยนผมขึ้นรถมาที่หอ ถือวิสาสะเข้าไปในห้อง จับเอาของที่คชาดูแล้วน่าจะจำเป็นยัดใส่กระเป๋าเสื้อผ้าอย่างลวกๆ แล้วก็พามาที่หอมันทันทีโดยไม่ถามผมสักคำ

ที่เห็นมันรีบร้อนอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะมันอยากให้ผมมาอยู่ด้วยเร็วๆ หรอกนะ จุดประสงค์ที่แท้จริงน่ะคือ...
“กูจะได้ใกล้ชิดพี่ชิณณ์เร็วๆ มึงอย่ามาถ่วงเวลาว่ะ จะกั๊กไว้เองล่ะสิ”

กั๊กเองปู่มึง!

นั่นแหละ ผมเลยต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการยอมทำตามมันแต่โดยดี วันนี้เลยเป็นคืนแรกที่ผมได้นอนร่วมห้องกับมัน
จะว่าประหม่าก็ไม่ใช่ เกรงใจก็ไม่เชิง แบบว่าผมยังไม่พร้อมที่จะมานอนร่วมห้องกับใครน่ะ อะไรไม่ว่า ต้องนอนเตียงเดียวกันอีก
ผมยืนมองคชาจัดที่นอนโดยเอาหมอนข้างฮิคารุซามะมากั้นกลางแบ่งพื้นที่นอนบนเตียงหลังจากจัดของเข้าตู้เสื้อผ้าและอาบน้ำแต่งตัวเสร็จด้วยอารมณ์ที่บรรยายไม่ถูก ในขณะที่คชาตบหมอนดังปุ หันมาบอกผมเนิบๆ

“มึงนอนติดกำแพงนะ กูเข้าห้องน้ำตอนดึกบ่อย นอนฝั่งนี้จะลุกง่ายกว่า”
ผมพยักหน้ารับ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้าจะนอนติดข้างฝา ผมเองก็ชอบอยู่แล้วด้วย ก่อนที่จะเดินไปยังเตียงเมื่อคชาร้องบอก
“เอ้า จัดที่นอนเสร็จแล้ว ไปนอนไป”

เหลือบมองนาฬิกา เออ สี่ทุ่มแล้ว แต่ปกติไม่ใช่เวลานอนหรอก ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองตามคชาที่ผละไปถอดเสื้อโชว์กล้ามแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ

ผมล้มตัวลงนอน ตาทั้งสองข้างมองเพดานห้องพลางครุ่นคิด

เอาวะ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการทดลองอยู่ก่อน ถ้าหากว่าผ่านคืนนี้ไปแล้วไม่โอเค ผมค่อยคุยกับมันแล้วเอาของบางส่วนที่ขนมากลับไปก็ได้ ไม่ได้เยอะแยะอะไรเท่าไหร่

แต่ว่า...ผิดคาดแฮะ คชามันดีกับผมน่าดูเลย ไม่ใช่ดีแบบเอาใจเพื่อให้ผมเป็นนกต่อพาพี่ชิณณ์มาให้มันด้วยนะ คือยังไงดี...แบบว่าตอนมันออกจากห้องน้ำมา มันมาหาขนมกิน มันก็เอามาแบ่งผมไรงี้ทั้งที่ผมตั้งท่าจะนอนแล้ว อะไรไม่ว่า มันดันเปิดเกมเพลย์สเตชันเล่นแล้วชวนผมเล่นอีกต่างหาก ตอนแรกผมก็ตอบรับไปเพราะเห็นว่ามันเป็นเจ้าของห้องน่ะ แต่เล่นไปเล่นมา

...สนุกแฮะ

เลยเล่นดิ่งยาวไปโดยปริยาย รู้ตัวอีกทีก็ตีหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน ผมเลยขอตัวไปนอนก่อน คชาก็ดี๊ดี ยอมปิดโทรทัศน์แล้วเข้านอนพร้อมกันเพราะกลัวว่าแสงไฟจากจอโทรทัศน์จะรบกวนผม

มันเป็นคนดีเหมือนกันนะเนี่ยถ้าไม่นับเรื่องรสนิยมบ้าๆ ของมันกับการที่มันพูดมึงกูกับผมไม่เลิกสักที

แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรแล้ว หัวถึงหมอนปุ๊บก็ชัทดาวน์ตัวเองปั๊บ หลับสนิทเพราะเตียงนอนนุ้มนุ่ม ต่างจากเตียงที่หอผมลิบลับ

ทว่า...นอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมงก็รู้สึกตัวตื่นเมื่อหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงประหลาดๆ แว่วเข้ามาในหู

อือ...อา...อ๊ะๆ

สาบานว่าผมได้ยินเสียงบ้านี่ดังมาในหูพักใหญ่ละ ดังเข้ามาจนตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเสียงที่เกิดขึ้นในความฝันแล้ว แต่พอเริ่มอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น จิตใต้สำนึกก็บอกผมว่าเสียงที่ได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงจากในฝันอย่างที่เข้าใจ หากแต่เป็นเสียงที่ดังมาจาก
ข้างๆ

ข้างๆ...

คนข้างๆ...

ใช่ มากจากคนข้างๆ อย่างแน่นอน

นั่นทำให้ผมพยายามข่มความง่วงงุน ลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อมองว่าต้นตอมันมาจากอะไรเป็นแน่ แล้วก็ต้องหยีตาทันควันเมื่อแสงสว่างจากหน้าจอโน้ตบุ๊กแยงเข้าตาเต็มๆ เมื่อหันไป

“ทำอะไรน่ะคชา ไม่หลับไม่นอน”
ผมอดเอ่ยปากถามออกมาไม่ได้ด้วยก่อนหน้าคชาบอกว่าที่ปิดโทรทัศน์เป็นเพราะกลัวว่าแสงจากจอจะทำให้ผมนอนไม่หลับ แต่พอตื่นมาเห็นมันเปิดโน้ตบุ๊กอย่างนี้ ผมก็ต้องถามแหละ

ก็มันต่างจากเปิดโทรทัศน์ตรงไหนล่ะ ถึงจอโน้ตบุ๊กจะเล็กกว่าก็เถอะ แต่มันก็มีแสงรบกวนเหมือนกัน
ท่าทางคชาจะไม่ได้ยินผม ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำถามผมเลยสักนิด ทำให้ผมต้องถามไปอีก
“คชา... ถามเนี่ย ไม่ได้ยินหรือไง”

เงียบฉี่...

ยังคงนั่งเอาหูฟังยัดหูทั้งสองข้างในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ตาจ้องโน้ตบุ๊กที่ตั้งบนโต๊ะตัวเล็กอยู่อย่างนั้น

ไม่ได้ยินแน่นอน เปิดเสียงจากโน้ตบุ๊กดังจนเสียงลอดออกมาจากหูฟังขนาดนี้ มันจะไปได้ยินอะไร ไม่ได้สังเกตเห็นผมด้วยแหละว่าผมตื่นแล้ว ผมก็กะจะบอกให้มันเบาเสียงหน่อยนั่นแหละเพราะเสียงที่ลอดออกมารบกวนผมอยู่ไม่น้อย หากแต่พอกำลังจะบอก ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเหลือบไปมองยังหน้าจอโน้ตบุ๊กซะอย่างนั้น

แบบว่าจู่ๆ ก็อยากรู้ว่ามันดูอะไรอยู่น่ะ

และทันทีที่สายตาปะทะเข้ากับจอโน้ตบุ๊ก ความง่วงงันที่มีอยู่ก็พลันมลายหายไปทันตาทันทีที่เห็นภาพของชายไม่ต่ำกว่าห้าคนกำลังทำกิจกรรมบางอย่างกันอยู่

นะ...หนังโป๊!

ไอ้คชามันนั่งดูหนังโป๊!

แน่นอนว่าเป็นหนัง GV นำแสดงโดยท่านฮิคารุของมัน ภาพที่เห็นคือฮิคารุซามะกำลังโดนชายฉกรรจ์แถมยังหน้าโหดรุมอย่างเมามันส์ มองเผินๆ แล้วเหมือนลิงกินโต๊ะจีน อีรุงตุงนังไปหมดประหนึ่งจับปูใส่กระด้ง

คนนึงข้างหน้า คนนึงข้างหลัง คนนึงข้างๆ อีกสองคนพร้อมๆ กัน

โอ๊ย... ตาจะบอด ทำไมคืนแรกที่นอนกับรูมเมทของกูจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!

ที่สำคัญ... มึงจะดูหนัง GV แนว Gangbang หลายคนรุมหนึ่งหาป้ามึงเหรอไอ้คชา! ดูแนวหนึ่งต่อหนึ่งแบบปกติสิเว้ย!
ไอ้ฮิคารุซามะอะไรนั่นก็ร้องโหยหวนเสียเหลือเกิน ผมเห็นแล้วก็เสียวช่องท้องตัวเองขึ้นมาฉับพลัน

ไม่ได้เสียซ่านอะไรหรอกนะ แต่กลัวว่าเครื่องในจะพังเพราะเห็นไอ้พวกหื่นนั่นมันทำไม่ยั้งมือต่างหาก!

เหนือสิ่งอื่นใด ผมต้องห้ามปรามไอ้คชามันก่อน ขืนมันยังปล่อยให้เสียงอื๊ออ๊าของฮิคารุในจอนั่นดังออกมาไม่หยุด คืนนี้ผมคงไม่ได้นอนแน่

ไม่ได้นอนเพราะเสียงรบกวน...ใช่ ตอนแรกผมคิดอย่างนั้น หากแต่พอผมดันตัวขึ้นเล็กน้อย กะจะสะกิดบอกมันว่าให้เบาเสียงก็พลันต้องชะงักทันทีที่เห็นว่าใต้ผ้าห่มของคชามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่

เคลื่อนไหวอยู่บริเวณกลางลำตัว...

ในขณะที่หนังโป๊ก็เปิดอยู่...

คชาจ้องมองจอโน้ตบุ๊กเขม็ง ใช้สมาธิเพ่งกสิณในการดูเป็นอย่างมาก...

ส่วนใต้ผ้าห่มก็เคลื่อนไหวไม่หยุด...

ไอ้คชา... ยะ...อย่าบอกนะว่า...

ผมอ้าปากค้าง มองหน้ามันอย่างไม่เชื่อสายตาขณะที่มือมันใต้ผ้าห่มก็ยังขยับไม่หยุด

มะ...มึงจะมาทำอะไรตอนที่กูนอนหลับอยู่ข้างๆ ไม่ได้นะเว้ย! หยุดเดี๋ยวนี้! หยุดมือมึงเดี๋ยวนี้เลย!

ตกอยู่ในบรรยากาศกระอักกระอ่วนทันที อึกอักลังเลไม่รู้ว่าควรจะทักมันดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็บอกว่าไม่ควรทัก ปล่อยให้มันสำเริงสำราญกับการวะว้าวของมันไป แต่อีกใจก็ร้องบอกว่าให้ทักมันก่อนที่มันจะหน้ามืดแล้วเปลี่ยนจากการจัดการกับตัวเองมาจัดการกับผมแทน

และเพราะกังวลเรื่องนั้น ผมเลยตัดสินใจขัดจังหวะ
“คะ...คชา”
ยื่นมือไปข้างหน้าทำท่าจะสะกิดมันแล้วก็ชะงัก
มะ...ไม่กล้าแตะ กลัวมันหันมาปล้ำ
ทว่าสุดท้ายก็ต้องเรียกพร้อมสะกิดไปด้วยดูแล้วมันคงจะไม่ได้ยินผมแน่ถ้าหากว่าไม่ถูกตัว
“คชา”
สะกิดเรียกไปแล้ว คชาหันมามอง ถอดหูฟังออกแล้วเลิกคิ้วสูง
“อะไร”

จะอะไรล่ะ! มือมึงน่ะมือมึง! โอ้โห เรียกขนาดนี้แล้วยังไม่หยุดขยับอีกนะ!

ไม่รู้จะบอกมันยังไงเลย ตาเอาแต่จ้องไปทางมือมันที่ยังขยับไม่หยุดอยู่ใต้ผ้าห่ม ก่อนปากจะเอ่ยถาม
“ทำอะไรอยู่น่ะ”
“ดูหนังโป๊”

ตอบมาได้หน้าตาเฉย ผมก็ทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว

“ดู...ดูทำไม”
ตอนนี้ดันตัวขึ้นมานั่งละ กะว่าถ้ามันหันมาทำมิดีมิร้ายผมขึ้นมา ผมจะได้หนีได้ทัน
“มึงมานอนด้วย กูไม่ชิน นอนไม่หลับก็เลยดูเพลินๆ”

ดูอย่างนี้กูว่าไม่ดูเพลินๆ แล้วมั้ง มึงดูเอาจริงเอาจังมากเถอะ!

ทำหน้าไม่ถูกยิ่งกว่าเดิมอีก ตามองไปที่มือมันไม่หยุดเลย

หูยยย มันจะอะไรขนาดนั้น มึงหยุดได้แล้ว!

คล้ายกับว่าคชาสำนึกได้ในตอนนี้ว่าผมมองอะไรอยู่ เท่านั้นมันก็หยุดขยับมือทันทีแล้วรีบดึงมือออกจากใต้ผ้าห่ม โวยวายเสียงดังลั่น
“เฮ้ย กูไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะ อย่าเข้าใจผิด”
รู้ตัวแล้ว...โอ๊ยมึง กว่าจะรู้ตัวได้ กูนี่จ้องจนตาจะบอดแล้ว!
“ถ้าไม่ได้ทำ แล้วเอามือไปไว้ตรงนั้นทำไม” ผมถาม
“ก็มดมันกัดอยู่ข้างขาเนี่ย ทีนี้มันแพ้ กูเลยเกา ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่มึงคิดเว้ย!”

กลัวผมไม่เชื่อ รีบเลื่อนโต๊ะวางโน้ตบุ๊กไปที่ปลายเท้า ถลกผ้าห่มออก ผมหยีตาลงตามสัญชาตญาณการระวังตัว กลัวว่าจะเจอมะเขือยาวพ่วงมะเขือพวง แต่ก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่ากลางลำตัวของคชายังมีกางเกงปิดอยู่เหมือนเดิม
“เนี่ย มดมันกัดเห็นมั้ย!” ยื่นขาข้างนั้นมาให้ผมดูรัวๆ

ผมก็ถอยหนีรัวๆ เหมือนกัน

มืดขนาดนี้ ใครมันจะเห็นวะ แล้วอย่าเอาขามาใกล้ กูแขยง!

แสดงออกชัดเจนเลยว่ารังเกียจเดียดฉันท์มาก ปากก็ถามออกไปด้วย
“ไม่ใช่ว่าพอถูกทักแล้วรีบใส่กางเกงหรอกนะ”
“มันเป็นอย่างนั้นที่ไหนเล่า หึย...ไอ้...!” คชาดูหัวเสียสุดพลัง
ผมเองก็ขนลุกชันสุดพลังเช่นกัน

ไอ้มาวินเอ๊ย ขนลุกตั้งตัวหัวยันหน้าแข้ง!

แต่ก็พยายามจะไม่คิดอะไรมาก เอาวะ มันบอกว่าเกามดกัดก็เกามด ทว่าคชาไม่หยุดการแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเองเพียงแค่นี้ ลุกขึ้นไปเปิดไฟ เดินกลับมาที่เตียง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นวาง ถลกขากางเกงบอลที่ใส่นอนขึ้นจนแทบจะเห็นลูกกระแป๋ง
“เนี่ย มดกัดเห็นมั้ย กูเกา ไม่ได้ว้าว อย่าเข้าใจผิด!”

เห็นรอยแดงๆ เป็นแนวยาวกับตุ่มบวมๆ แล้วผมก็พยักหน้ารับหงึกหงัก คชาเอาขาลง บ่นพึมพำสองสามประโยคชนิดที่ผมจับใจความไม่ได้ ก่อนที่มันจะมายกโต๊ะโน้ตบุ๊กลงไปวางบนพื้น แล้วหันมาเสียงดังใส่ผม

“มองอะไรอยู่ได้ นอนไปเลยมึงน่ะ!”

จ้า นอนก็นอน ทิ้งตัวลงนอนแต่โดยดี ปล่อยให้คชาไปปิดไฟแล้วกลับมานอนข้างๆ ผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมหลับไม่ลงแล้ว

กลัวเสียงปริศนามันจะมาหลอกหลอนยามหลับใหลอีกรอบชะมัด...
--------------------------------
เอามาแปะไว้ครึ่งนึงก่อน คั่นเวลาระหว่างปิดต้นฉบับโทนเครียดๆ อีกเรื่อง 555
ฝากฟีดแบ็กไว้ก่อน เดี๋ยวกลับมาต่อให้นะคะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [50%][20-03-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 20-03-2017 18:46:31
กลับมาไวๆนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [50%][20-03-60]
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 20-03-2017 20:29:48
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [50%][20-03-60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-03-2017 22:00:36
ตลกดี
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [50%][20-03-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-03-2017 23:36:16
สนุก ชอบบบ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
คชา บ้าฮิคารุซาระ บ้าหนังเกย์ บ้าพี่ชินณ์
เอ่อ.....คืนแรก ก็มีเสียงประหลาดแล้ว
ถึงขั้นนอนไม่หลับ
คืนต่อไปจะมีอะไรอีกปะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [50%][20-03-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-03-2017 04:22:20
 :m20:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [50%][20-03-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 04-04-2017 21:52:29
สบตา ครั้งที่ 4: คชาเป็นตัวอันตราย[2]

สรุปแล้วผมก็แทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน เกือบจะโดดเรียนกลับมานอนที่หอเดิมอยู่แล้วเชียวถ้าหากว่าเมื่อเช้าไม่ได้นัดกับคชาไว้ว่าตอนเย็นจะไปขนของที่หอผมเพิ่มเติม ผมก็อยากจะปฏิเสธมันอยู่หรอก แต่เห็นท่าทางหัวเสียของมันแล้วก็ไม่อยากจะขัด ไม่ใช่เพราะกลัวมันนะ...แต่โอ้โห แม่งเล่นบ่นเช้าบ่นเย็นกรอกหูอย่างนี้ ผมจะประสาทกินน่ะสิ

“ถ้ามึงมัวลีลานะ กูจะโยนของมึงออกจากระเบียงห้องกูเลยคอยดู”

มึงอย่ามาทำเป็นหงุดหงิดกลบเกลื่อนเรื่องที่กูจับได้ว่ามึงว้าวเมื่อคืนว่ะ รู้ทันหรอก

แต่ไม่พูด ปล่อยมันเถอะ อยากจะพล่ามอะไรก็ช่างเพราะอันที่จริงที่ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้ก็เป็นเพราะผมเอง ดังนั้นพอตกเย็น ผมก็ไปเจอกับคชาที่หน้าคณะตามที่นัดหมายกันไว้ แล้วพากันไปขนของที่ยังเหลืออยู่ที่ห้องผม ของที่ยังเหลืออยู่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกหนังสือกับของใช้กระจุกกระจิกอีกนิดหน่อย

...นิดหน่อยพ่อง! มากมายมหาศาลเลยเถอะ!

ตอนมันอยู่ในห้องเฉยๆ มันก็ดูไม่มากแหละ พอขนเท่านั้น โอ้โห นรกเลย มากหรือไม่มาก ดูสีหน้าของคชาตอนนี้ได้เลย มันยกกล่องพลาสติกพร้อมกับก่นด่าผมไปตลอดทางเดินลงบันไดเลยทีเดียว

“ไหนมึงบอกไม่เยอะไงวะ ซื้อมาฝังตัวเองเหรอไอ้เอ๋อ”

ฝังมึงนี่แหละถ้าไม่หุบปากสักที!

ผมที่เดินตามหลังมันอยู่แทบจะเอากล่องพลาสติกในมืออีกกล่องทุ่มใส่หัวมัน ทว่าก็ทำได้แค่คิด ลำพังแค่ยกแล้วเอาลงมาก็แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว เรื่องทุ่มใส่หัวมันนี่เลิกคิดไปเลย เหนือสิ่งอื่นใด ผมหงุดหงิดเรื่องอื่นมากกว่า

แม่ง! ทำไมหอนี้มันไม่มีลิฟต์วะ!

ตอนมาอยู่ก็อาศัยว่าหอราคาไม่แพงมากไงเลยไม่จำเป็นต้องมีลิฟต์ก็ได้ ตอนย้ายออกนี่นรกเลยทีเดียว กว่าจะขึ้นมา กว่าจะขนลง เล่นเอาหอบกินไปตามๆ กัน สำหรับคชาน่ะไม่เท่าไหร่ ถึงมันจะดูเจ้าสำอางแต่มันก็ออกกำลังกายบ่อย ใช้แรงแค่นี้ไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย ผิดกับผมที่เดินขึ้นบันไดรอบเดียวก็เหนื่อยแล้ว

ขนกันมาพักใหญ่ ผมก็ต้องขอเวลานอกก่อนเพราะไม่ไหวจริงๆ เสื้อนักศึกษานี่ชุ่มเหงื่อไปหมด ในขณะที่คชาเองก็มีสภาพเหมือนเพิ่งไปวิ่งร้อยเมตรมาเหมือนกัน

“เอ้ามึง เร็วเข้า เหลืออีกสี่กล่อง รีบขนจะได้เสร็จๆ”
“เดี๋ยวก่อนนะคชา เราขอพักอีกแป๊บ” ผมต่อรอง ไม่ไหวจะขึ้นไปตอนนี้จริงๆ หอบแฮ่กเป็นน้องหมาหอบแดดขนาดนี้ ให้ขึ้นไปขนต่อเลยคงจะไม่ไหว

ทว่าพอผมพูดไปอย่างนั้น คชาก็ทำหน้าเบ้ใส่ “อะไรของมึงวะ แค่นี้ทำเป็นสำออย”

ใครจะไปถึกเหมือนมึงล่ะไอ้คชา!

อยากจะด่า แต่ก็สงบปากสงบคำ ผมไม่ใช่พวกชอบต่อล้อต่อเถียงอยู่แล้วด้วย อีกอย่างแค่คชายอมเป็นรูมเมทผม แถมยังมาช่วยขนของ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ผมเลยยืนพักอีกครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามแผ่นหลังกว้างเข้าไปในหอพักอีกครั้ง

คราวนี้เป็นการขนรอบสุดท้าย... ผมคาดการณ์ว่าจะเป็นอย่างนั้น ของเหลืออีกสี่กล่องไม่ใหญ่มาก คชาเลยเอาซ้อนกันแล้วยกลงมาทีเดียวสองกล่อง เหลืออีกสองให้ผมขน ผมก็เลยทำตามมัน ทว่า...ไม่สามารถว่ะครับ ก็ไอ้กล่องที่คชามันยกน่ะมีแต่เสื้อผ้า ส่วนที่มันเหลือทิ้งไว้ให้ผมแม่งมีแต่หนังสือ ไอ้คชาเดินตัวปลิวไปโน่นแล้ว มีแค่ผมที่ต้องค่อยๆ ยกลงมาทีละกล่อง ยกไปก็พึมพำด่ามันในใจไปด้วย

แทนที่จะยกกล่องหนังสือไปแล้วให้ผมยกกล่องเสื้อผ้า ไอ้นี่แม่งกวนแท้!

แบกไปก็ก่นด่าคชาในใจไปตลอดทาง ทว่าระหว่างที่กำลังไต่ลงบันได จู่ๆ หูผมก็ได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้น
“เอ้า มาวิน”
เสียงคุ้นหูมาก แต่จะหันไปมองก็ไม่ถนัด ได้แต่หยุดยืนอยู่อย่างนั้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะรีบเดินเข้ามาหาผม แย่งเอากล่องในมือไปช่วยถือ
“จะย้ายหอเหรอ”
หันไปมองปุ๊บก็ต้องผงะ

พี่ชิณณ์!

พี่ชิณณ์ยิ้มหวาน จังหวะที่ผมสบตาเขาพอดี แว้บ!...เสื้อผ้าหายไปแล้ว โฮรว! พี่ชิณณ์ในชุดนักศึกษาช่วยผมถือกล่องหนังสือกลายเป็นชีเปลือยไปแล้วเรียบร้อย ช่วงบนมีกล่องหนังสือบังอยู่ แต่ช่วงล่างนี่ต่องแต่งโตงเตงจนผมเหลือบมองไปทางอื่นแทบไม่ทัน

“เอ้า พี่ถามน่ะ ไม่ได้ยินเหรอหืม?” พอเห็นว่าผมไม่ตอบก็เลยถามซ้ำอีก
ผมพยักหน้ารับ “ครับ แล้วพี่ชิณณ์มาทำอะไร”

ถูกถามกลับบ้าง พี่ชิณณ์ก็ร้องอ๋อเสียงดัง “พี่แวะมาเอาของที่ห้องหลานรหัสน่ะ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามาวินก็อยู่หอนี้”
ผมไม่รู้จะตอบกลับยังไงจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ ก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าเพื่อขอกล่องหนังสือในมือของพี่ชิณณ์คืน
“เดี๋ยวผมถือลงไปเองก็ได้ครับ” พูดอย่างนี้เพราะคิดว่าพี่ชิณณ์คงจะช่วยผมถือลงไป

แล้วก็จริงอย่างที่คาดคิดไว้ซะด้วยเพราะพี่ชิณณ์ขยับตัวหลบแล้วหัวเราะเล็กน้อย
“เดี๋ยวพี่ช่วยเอาลงไปให้ มาวินขึ้นไปขนที่เหลือเถอะ”
“แต่ว่า...” ผมกำลังจะแย้ง
“เอาน่า ไม่ต้องเกรงใจ ช่วยกันจะได้เสร็จเร็วๆ มาวินจะได้ไม่ต้องเหนื่อยด้วย เหงื่อท่วมแล้วเราน่ะ” พี่ชิณณ์ก็สวนมาอีก

คือกูไม่ได้เกรงใจมึง กูแค่ไม่อยากเห็นป๋องแป๋งโอเคไหม!?

แล้วยังไงล่ะ จะให้พูดเหรอว่า ‘พี่ชิณณ์ครับ ไปไหนก็ไปเถอะ กระเปี๊ยวพี่จะทำตาผมบอดแล้ว’ มันก็ไม่ใช่ปะ ผมก็เลยได้แต่พยักหน้ารับหงึกหงักไป ถอนหายใจออกมาก่อนจะบอก

“คชารออยู่หน้าหอนะครับ พี่ชิณณ์เอาไปไว้ในรถหมอนั่นได้เลย”
พี่ชิณณ์รับคำเล็กน้อยก่อนจะเดินลงไป ปล่อยให้ผมขึ้นไปเอาของที่เหลืออยู่ ทว่าที่ผมเห็นว่าพี่ชิณณ์เดินลงไปน่ะ เขาไม่ได้ไปก่อนนะ ลงไปยืนรออยู่ที่ล็อบบี้หอชั้นล่างแล้วออกไปข้างนอกพร้อมกับผม ไม่รู้เหมือนกันว่ารอทำไม แต่เอาเป็นว่าดีแล้วล่ะที่เขามาช่วยถึงตอนแรกผมจะไม่อยากให้เขามาอยู่ใกล้สักเท่าไหร่ก็เถอะ

และพอเดินออกมาหาคชาที่รถ มันก็ออกปากบ่นผมทันที
“ทำบ้าอะไรของมึงอยู่วะ รู้ไหมว่ากูรอ...ฮิคารุซามะ...”

ไอ้ที่กำลังอ้าปากด่าๆ อยู่ก็นิ่งค้างไปเลยเมื่อเห็นหน้าพี่ชิณณ์ และยิ่งเลิ่กลั่กมากขึ้นไปใหญ่พอพี่ชิณณ์ร้องทัก
“สวัสดีคชา”

เท่านั้นแหละ มันยกมือขึ้นพนมตรงหน้าอก ริมฝีปากสั่นระริกทันควัน
“วะ...หวัดดีครับฮิคา...พี่ชิณณ์” เหมือนปลายประโยคจะระลึกขึ้นมาได้ว่าคนตรงหน้าคือใคร
พี่ชิณณ์ไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่นักนอกจากจะร้องถาม “แล้วกล่องนี่เอาไว้ท้ายรถได้เลยหรือเปล่า”
“ดะ...ได้เลยครับ”
คชารีบปรี่มารับกล่องจากมือพี่ชิณณ์ไปวางที่ท้ายรถอย่างรวดเร็ว ขณะที่พี่ชิณณ์หันมารับกล่องอีกใบจากผม
“ส่งมาสิมาวิน พี่ช่วยถือ”
ผมก็ไม่อยากจะส่งให้หรอกแต่เห็นเขาพยักเพยิดพร้อมส่งยิ้มหวานแล้วก็ยื่นให้แต่โดยดี ตอนนี้แหละที่เริ่มเกรงใจขึ้นมาบ้างแล้ว
ไม่ได้เกรงใจพี่ชิณณ์นะ

เกรงใจไอ้คชามันเนี่ย จ้องเขม็งจนจะกินหัวกูอยู่แล้ว!

บอกเลยว่าไม่ได้อ่อยพี่ชิณณ์สักนิด ที่ทำไปเพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไงล้วนๆ ไอ้คชาก็มองจนเบ้าตาแทบถลน ส่วนพี่ชิณณ์ก็ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว เอากล่องใบสุดท้ายไปวางได้ก็หันมาถามผมอีก
“แล้วนี่จะย้ายไปที่ไหนเหรอ ให้พี่ไปช่วยขนไหม ว่างพอดี”
แวบหนึ่งผมคิดว่าควรปฏิเสธ แต่พอเห็นคชาขยิบตาส่งให้เป็นพัลวันแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ตกลงกับมันว่ายังไงจึงรีบตอบรับไป
“ดีเลยครับ ผมกับคชาขนกันตั้งหลายรอบกว่าจะเสร็จ ได้พี่ชิณณ์มาช่วยคงจะดี” พลางทำหน้าตาระรื่นสุดชีวิต

บอกเลยว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยระริกระรี้อย่างนี้มาก่อน แต่มันได้ผลเพราะหลังจากที่ผมทำอย่างนั้น พี่ชิณณ์ก็ยิ้มกว้าง หันไปหาคชาอย่างรวดเร็ว
“งั้นพี่ขอติดรถไปด้วยนะครับคชา”
คชาเก็บความระริกระรี้ไม่อยู่เหมือนกัน หูหางสะบัดสะโบก รีบพยักหน้ารับ
“งั้นขึ้นรถเลยครับ ไปที่หอผมกัน”

ประหนึ่งชวนพี่ชิณณ์ไปทำเรื่องอย่างว่าก็ไม่ปาน ผมไม่อยากขัดมันหรอก ได้แต่เดินเตาะแตะไปเปิดประตูรถทางด้านหลัง ปล่อยให้พี่ชิณณ์ไปนั่งข้างคชาที่ทำหน้าที่ขับรถอย่างรู้งาน ทว่าพอเปิดประตูรถปุ๊บ ผมก็ต้องชะงักปั๊บ

ตายหอง ข้างหลังมีพวกกล่องโน่นนี่นั่นเต็มไปหมดจนไม่มีที่นั่ง

แล้วกูจะไปนั่งตรงไหนดีวะเนี่ย!?

คิดไปแป๊บนึงก่อนตัดสินใจว่าจะเรียกมอเตอร์ไซค์วินนั่งตามไป หากแต่พี่ชิณณ์ดันมาเห็นเสียก่อน
“เอ้า ข้างหลังไม่มีที่นั่งนี่”
คำพูดนี้ทำเอาคชาหันมาสนใจผมเช่นกัน ก่อนจะสบตาผมราวกับข่มขู่ว่าให้ปฏิเสธ ซึ่งผมก็ปฏิเสธอย่างไม่รีรอ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเรียกรถตามไป”

คชาพยักหน้าช้าๆ คล้ายกับกำลังบอกว่า ‘ดีแล้ว ทำถูกต้อง’ เพราะมันเป็นการเปิดโอกาสให้คชากับพี่ชิณณ์ไดอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ทว่าพี่ชิณณ์ไม่ตอบรับข้อเสนอนั้น

“ไม่ต้องหรอก ไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับว่าพี่มาแย่งที่ของมาวินเลยน่ะสิ นั่งตักกันไปก็ได้ มาวินตัวเล็ก พี่ไม่หนักหรอก”
พูดมาอย่างนี้ผมก็กระอักกระอ่วนใจ มองหน้าคชาอย่างขอตัวช่วย แต่ไอ้บ้านั่นกลับเอาแต่มองผมตาขวาง ส่ายหน้าพรึ่บพรั่บให้ผมปฏิเสธอีก

เออ ปฏิเสธก็ปฏิเสธวะ กูก็ไม่อยากจะนั่งตักพี่ชิณณ์เหมือนกัน

“พี่ชิณณ์อย่าคิดมากเลย ไปกับคชาเถอะ ผมไปเองได้ เดี๋ยวไปเจอกันที่หอครับ”
แต่พี่ชิณณ์ดื้อกว่าที่คิด ไม่ยอมไม่พอ ยังจะคว้าข้อมือผมที่กำลังจะเดินหนีไปจับอีก
“ถ้ามาวินไปเอง พี่ก็จะไปกับมาวินด้วย ให้คชาขับรถไปรอที่หอก่อนเนอะ”

มึงจะมาพูดเองเออเองไม่ได้นะเว้ยไอ้พี่ชิณณ์ โน่น! ดูหน้าไอ้คชาโน่น จะกินหัวกูอยู่แล้ว!

ถลึงตาแทบถลนใส่ผม ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจเมื่อเห็นว่าพี่ชิณณ์หันไปบอกมันเป็นที่เรียบร้อย
“ไว้เจอกันที่หอนะครับคชา”

เฮ้ยๆ เดี๋ยว! กูยังไม่ได้ตกลงปลงใจด้วยสักนิด!

และไอ้คชาก็ไม่มีทางยอมให้เป็นอย่างนั้น เห็นผมโดนลากไป มันก็รีบโพล่งถาม
“พี่ชิณณ์ขับรถเป็นไหมครับ”
พี่ชิณณ์ชะงัก หันไปมอง “เป็นครับ”
“งั้นพี่ชิณณ์มาขับ ผมนั่งข้าง ส่วนมาวินนั่งตักผม”

ผมอ้าปากค้างมากกว่าเดิมไปอีก

รู้อยู่หรอกว่ามันอยากใกล้ชิดพี่ชิณณ์ ไม่อยากให้พี่ชิณณ์ไปไหนมาไหนกับผมเพียงลำพัง

แต่มึงจะมาหึงหวงพี่ชิณณ์แล้วทำแบบนี้กับกูไม่ได้!

แล้วผมปฏิเสธได้ไหมล่ะ? หึ! ไม่ได้! แค่พี่ชิณณ์ได้ยินมันพูดอย่างนั้นก็ตกปากรับคำเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
“เอาสิ แบบนี้ดีกว่าเนอะ”
ดีกับผีอะไรล่ะ!
“ผมว่าเดี๋ยวผมไป...”
“กุญแจรถครับ พี่ชิณณ์มาขับเลย” ไม่ทันจะได้แย้งอะไร คชาก็จัดการเอากุญแจรถส่งให้พี่ชิณณ์แล้วสอดตัวเข้าไปนั่งข้างคนขับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อะไรไม่ว่า ลากผมเข้าไปนั่งตักมันด้วย

ผมขืนตัวเล็กน้อยด้วยไม่อยากให้พี่ชิณณ์ผิดสังเกต แต่ก็ต้องผ่อนแรงเมื่อถูกคชากระซิบกระซาบใส่
“ตกลงจะไม่เป็นแล้วใช่ไหมรูมเมทกูเนี่ย”

ว่ามาอย่างนี้ผมก็ต้องยอมสิครับ เข้ามาในรถอย่างว่าง่ายก่อนจะค่อยๆ หย่อนก้นลงบนตักมัน หย่อนไป เกร็งไป บอกเลยว่าไม่กล้านั่งเต็มก้น คชาก็คงไม่อยากให้ผมเอาก้นไปสัมผัสกับหน้าขามันเช่นกัน มันเลยแสร้งทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ผมเกร็งตัวไว้จนตะคริวจะขึ้น มีพี่ชิณณ์ที่สังเกตเห็นจึงหันมาหัวเราะน้อยๆ

“เฮ้ย เพื่อนกัน นั่งตักกันแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก นั่งลงไปเลยมาวิน”
พูดไม่พอ ยื่นมือมาดึงแขนผมให้นั่งลงไปเต็มๆ เป็นที่เรียบร้อย จังหวะที่ผมทิ้งตัวลง คชาถึงกับร้องเฮ้ยออกมาเสียงดัง เหลือบไปมองก็เห็นมันทำหน้าตากินเลือดกินเนื้อใส่ หากแต่พอพี่ชิณณ์พูด มันก็รีบทำหน้าดี๊ด๊าทันควัน
“เห็นไหม คชาไม่ว่าอะไรซะหน่อย นั่งเต็มๆ ก้นจะดีกว่านะ เวลาพี่เบรกจะได้ไม่หัวทิ่ม เนอะคชา”
“ครับ นั่งลงมาเต็มๆ ดีกว่า”

ยิ้มระรื่นตอบรับพี่ชิณณ์เป็นปี่เป็นขลุ่ยทีเดียว ผมก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ลอบถอนหายใจออกมาด้วยขณะที่พี่ชิณณ์สตาร์ตรถออกตัว
“คชาเกาะเอวมาวินไว้หน่อยก็ดีนะ พี่ขับรถไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ กลัวมาวินจะพุ่งทะลุกระจกน่ะ”

พูดเหมือนพูดเล่นนะ แต่ไม่ใช่เลย พูดจริง เพราะหลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นจบไม่ทันไร พี่ชิณณ์แม่งก็ขับรถขึ้นลูกระนาดบนถนนชนิดไม่เบรก ทำเอาผมพุ่งไปข้างหน้าก่อนที่หัวจะโหม่งเข้ากับกระจกเต็มแรง พี่ชิณณ์ทำหน้าตกใจ หันมาขอโทษขอโพยอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะไรหรือเปล่ามาวิน เจ็บตรงไหนไหม”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมรีบตอบกลับ มือยกขึ้นลูบหัวตรงที่โดนกระแทกป้อยๆ

ให้ตาย...หัวกระแทกอีกแล้ว กูจะสบตาใครแล้วเห็นเครื่องในไหมเนี่ยคราวนี้

ดีที่ไม่เป็นอย่างนั้น สบตาพี่ชิณณ์ก็ยังเห็นแค่ร่างเปลือยเหมือนเดิม แต่ที่น่าตกใจก็คือพอพี่ชิณณ์ส่งสายตามาให้ผมด้วยความเป็นห่วง คชาก็ส่งเสียงฟึดฟัดออกมาก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างคว้าเอวผมให้ขยับเข้ามาใกล้ พลันตวัดแขนข้างหนึ่งมาโอบรอบเอวผมไว้

ดะ...เดี๋ยว! กอด! มันกอดเอวผม!

“ทีนี้ก็นั่งดีๆ หน่อย” จากนั้นมันก็ว่าสั้นๆ ในขณะที่ผมนั่งตัวเกร็งกว่าเดิม

นะโมพุธโธ...ขอให้อยู่รอดปลอดภัย ขอให้มันไม่เปลี่ยนใจจากพี่ชิณณ์มาเป็นผม

คชาแม่งโคตรเป็นตัวอันตรายเลย ทำแบบนี้เสียวสันหลังนะเว้ย!
------------------------------
กลับมาอัพแล้วค่ะ มีเปลี่ยนชื่อตอนนิดหน่อย 555
เรื่องนี้จะทยอยมาเรื่อยๆ นะคะ รอกันนิดนึง
ขออภัยที่ปล่อยให้รอนาน จะกลับมาเขียนจริงๆ จังๆ แล้ว XD
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [100%][04-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-04-2017 22:08:24
ความหึงหวงของคชาตลกดี หวงพี่ชิณณ์ แต่แสดงออกเหมือนจะหวงอีกคน ฮา
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [100%][04-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 04-04-2017 22:43:34
คชา.....//มองบน
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [100%][04-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-04-2017 01:19:45
ตลกคชา5555
พี่ชิณณ์ต้องเป็นตัวช่วยที่ทำให้ทั้งมาวินกับคชาใกล้ชิดกันมากขึ้นแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [100%][04-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-04-2017 10:32:13
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [100%][04-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-04-2017 12:54:56
อิหลั่กอิเหรื่อ คชา มาวิน
พี่ชินณ์ อารมณ์ดี ขับรถของคชา
สรุปพี่ขับรถเป็นหรือไม่เป็น
เล่นไม่ผ่อนความเร็ว ตอนเจอลูกระนาดเลย
เหมือนพี่ชินณ์ แอบๆแกล้ง คชา มาวินปะเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 4 [100%][04-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 05-04-2017 21:41:23
สบตา ครั้งที่ 5: ความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวง

นั่งเกร็งไปตลอดทาง ทั้งที่ระยะทางจากหอเดิมไปยังหอของคชาอยู่ห่างกันแค่หน้ามอกับหลังมอแท้ๆ แต่ผมรู้สึกราวกับว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน แล้วไอ้พี่ชิณณ์นะ คำว่าขับรถเป็นของเขาไม่ได้หมายความว่าขับรถได้ดีเลยแม้แต่น้อย แม่งมีลูกระนาดกี่ลูก ขับพุ่งทะยานเหินฟ้าทุกลูก แล้วผมที่นั่งตักคชาอยู่ก็กระเด้งกระดอนไปตามแรงเหวี่ยงอย่างไม่อาจหาที่ยึดได้

ผมหาที่ยึดไม่ได้ แต่แขนของคชายึดอยู่ที่เอว...

ยึดไม่พอ ออกแรงกอดด้วยตอนเห็นผมกระเด้งตัวลอย ก้นผมกับเป้ามันงี้แทบจะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

ฮู้ยยย... ขนลุกไปตั้งแต่หัวยันหาง ดีที่มาถึงหอคชาได้อย่างสวัสดิภาพแม้ว่าก้นจะชาไปบ้างก็ตาม แต่เอาเป็นว่าผมมาถึงในสภาพครบสามสิบสองประการก็แล้วกัน

และการที่ให้พี่ชิณณ์มาช่วยขนของมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกไม่น้อย เพราะนอกจากจะไม่เหนื่อยมากแล้ว พี่ชิณณ์ยังชวนผมคุยไปเรื่อยเปื่อยทำให้ผมผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ต่างกับตอนอยู่กับคชาที่เอาแต่ทำให้ผมหัวเสีย

อย่างว่าแหละนะ พี่ชิณณ์เป็นคนอัธยาศัยดีนี่

กระทั่งขนกล่องสัมภาระของผมทั้งหมดขึ้นมาที่ห้องของคชาจนครบ ผมก็ออกปากชวนพี่ชิณณ์ให้นั่งพัก ดื่มน้ำดื่มท่าในห้องของคชาก่อน ซึ่งคชาก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่เห็นพี่ชิณณ์ยังอยู่ แถมยังชูนิ้วโป้งให้ผมเป็นเชิงบอกว่า ‘ทำได้ดีมากอีกด้วย’

กูชวนตามมารยาทไหม เขาอุตส่าห์ช่วยขนจนเหงื่อซ่ก จะไล่ให้กลับไปเลยก็ยังไงอยู่ ที่แน่ๆ คือไม่ได้ชวนเพราะจะเป็นนางนกต่อให้มึงสักนิด!

แต่ผมไม่อยากจะสนใจนักเพราะหลังจากนี้ไม่ใช่หน้าที่ของผมแล้ว เป็นหน้าที่ของคชาที่ต้องดูแลพี่ชิณณ์ แล้วดูท่าทางมันก็ไม่อยากให้ผมเข้าไปยุ่งการเทคแคร์แขกของมันด้วย เห็นมันขนขนมนมเนยจากตู้เย็นมาให้พี่ชิณณ์ที่นั่งอยู่บนโซฟากิน พร้อมกับชวนคุยโน่นนี่นั่น ผมก็ปลีกตัวออกมา ตั้งใจว่าจะจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ก่อน

มือคว้ากล่องเสื้อผ้ามาใบหนึ่ง เปิดออกแล้วยกเสื้อผ้าที่พับเป็นระเบียบเรียบร้อยข้างในออกมาวางบนเตียงเป็นตั้ง แยกเสื้อกับกางเกงอย่างละกอง เตรียมจะเรียงเข้าตู้

ทว่าการคัดแยกเสื้อผ้าของผมก็ต้องมีอันถูกรบกวนจนได้เมื่อจู่ๆ พี่ชิณณ์ที่อยู่ในโซนห้องนั่งเล่นเดินเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างผม

“จะเอาเสื้อผ้าใส่ตู้เหรอ”
ผมหันไปมองพลันพยักหน้า “ครับ”
“ให้พี่ช่วยไหม”
คิดอยู่แล้วว่าเดี๋ยวพี่ชิณณ์จะต้องเสนอตัว ผมเลยเตรียมจะหันไปบอกว่าไม่ต้อง แต่ไม่ทันแล้ว พี่ชิณณ์เอากล่องเสื้อผ้าอีกใบมาเปิดเป็นที่เรียบร้อย แถมกล่องนั้นยังเป็น...
“เอากางเกงในไว้ไหนดี”

โอ๊ย! ไอ้พี่ชิณณ์ มึงอย่าวุ่นวายได้ไหม!

ไม่ถามอย่างเดียว ยกตั้งกางเกงในผมไว้ในมือแล้วเป็นที่เรียบร้อย ผมเห็นแล้วก็หน้าร้อนวูบเลยทีเดียว ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดโชว์กางเกงในโดยไม่รู้สึกอะไรนะเว้ย!

ผมเลยรีบพุ่งไปแย่งตั้งกางเกงในนั้นมาจากมือคนตรงหน้าพลางว่าเร็วๆ
“พี่ชิณณ์นั่งเฉยๆ เถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
พี่ชิณณ์หัวเราะกับท่าทางประดักประเดิดของผม ก่อนจะพูดออกมาอีก
“เอาน่า เดี๋ยวพี่ช่วย ไม่ต้องอายหรอก”

มึงไม่มีสิทธิ์มาพูดอย่างนี้นะเว้ย!

จังหวะเดียวกับที่คชาเดินเข้ามาพอดี เห็นผมกับพี่ชิณณ์นั่งอยู่ด้วยกันก็เอ่ยปากถาม
“ช่วยไอ้เอ๋อจัดเสื้อผ้าเหรอครับ”

ดูมัน พูดกับพี่ชิณณ์ซะเพราะแต่ยังเรียกผมด้วยสรรพนามไม่รื่นหูเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากก้มหน้าก้มตาเก็บกางเกงในของตัวเองไปซ่อนอยู่อีกมุม ปล่อยให้พี่ชิณณ์พยักหน้ารับ

“อื้ม คชาก็มาช่วยด้วยสิ จะได้เสร็จเร็วๆ”

มึงวุ่นวายคนเดียวไม่พอ ยังจะชวนไอ้เวรนั่นมาวุ่นวายอีกเหรอ!?

ผมนี่โคตรอยากจะออกปากไล่เลย แล้วก็เดาได้ด้วยว่าคชาก็คงจะไม่อยากมาช่วยผมหรอก แต่เพราะพี่ชิณณ์ชวนไง มันก็เลยทิ้งตัวลงนั่งร่วมวงอย่างช่วยไม่ได้
“มีอะไรให้กูช่วยล่ะ” แล้วมันก็เอ่ยปากถามผม
ผมกำลังจะตอบว่าไม่มี แต่พี่ชิณณ์ก็สวนขึ้นมาก่อน
“คชาพูดจาไม่เพราะเลย” มองหน้าคชาเล็กน้อยด้วย ทำเอาคชาเหวอไปเลย “พูดมึงๆ กูๆ กับมาวินตลอดเลยเหรอ”
“เอ่อ...คือ...” อึกอักไปทันตา เหลือบมองผมอย่างขอความช่วยเหลือด้วย

ตอนนี้แหละที่ผมเห็นว่าพี่ชิณณ์มีประโยชน์ล่ะ

สมน้ำหน้ามึงไอ้คชา กูบอกแล้วว่าให้รู้จักพูดเพราะๆ ก็ไม่เชื่อ คะแนนติดลบแน่มึง!

“ก็...ครับ” เพราะผมไม่ช่วย สุดท้ายมันก็ต้องยอมรับไป หน้างี้เสียไปเลย
พี่ชิณณ์ยิ้มน้อยๆ “เพื่อนสนิทกันนี่เนอะ จะพูดมึงกูกันก็ไม่แปลก”
คราวนี้คชาพอจะยิ้มออกมาบ้าง
“แต่ถ้าใช้คำพูดแบบมาวิน คชาจะดูมีเสน่ห์มากกว่านี้ขึ้นเยอะเลยนะ” หมายถึงเรียกแทนตัวเองว่า ‘เรา’ เรียกแทนอีกฝ่ายว่า ‘นาย’

คชาหน้าเจื่อนไปอีกระลอก ส่งสายตาให้ผมรัวๆ ว่าให้พูดอะไรหน่อย แต่ผมไม่พูดหรอกเพราะผมเองก็เคยตกลงกับมันแล้วว่าให้พูดกับผมเพราะๆ ไม่ต้องเพราะมากก็ได้ เอาแค่ฟังแล้วรื่นหูก็พอ ดีซะอีกที่พี่ชิณณ์เป็นคนพูด คชามันน่าจะเชื่อฟังกว่าที่ผมพูด ก็มันต้องสร้างภาพลักษณ์ให้พี่ชิณณ์มองว่ามันเพอร์เฟ็กต์ไปทุกด้านนี่นา

แล้วก็ได้ผลเสียด้วยเมื่อมันพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วถามผมขึ้นอีกครั้ง
“มาวิน มีอะไรให้เราช่วยไหม”

หวายยย ไอ้คนสร้างภาพ!

ผมแอบหัวเราะในใจรัวๆ เลยขณะที่พี่ชิณณ์ยิ้มกว้าง
“พูดอย่างนี้ดูมีเสน่ห์กว่าอีก”
คราวนี้คชายิ้มออกมาบ้าง มันคงหวังว่าพี่ชิณณ์จะมองว่ามันมีเสน่ห์ล่ะมั้ง
ผมไม่ได้ใส่ใจนัก นอกจากตอบคำถามของมันไปตามเรื่อง
“ไม่เป็นไร เราทำเองได้”
“ให้คชากับพี่ช่วยเถอะมาวิน จะได้เสร็จเร็วๆ นะ” คราวนี้พี่ชิณณ์เป็นคนพูดโดยมีคชาเสริม
“นั่นดิ ให้กู...เราช่วยเถอะ จะได้เสร็จๆ” พูดไปก็ย่นคิ้วไป หน้าตาบูดเบี้ยวคล้ายกับว่าฝืนใจเต็มทน แต่รอยยิ้มของพี่ชิณณ์ก็ทำให้มันต้องกล้ำกลืน

ผมเห็นแล้วก็อึดอัดขึ้นมาประหลาดๆ เลยตัดบทให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจัดการเอง นายพาพี่ชิณณ์ไปหาอะไรกินเถอะ เย็นมากแล้ว พี่ชิณณ์น่าจะหิวแล้วล่ะ”
ไล่ให้พวกมันไปหาอะไรยาไส้แม่งเลย คชาถึงกับเบิกตาโตที่ผมพูดเปิดโอกาสให้ พลันเหลือบมองพี่ชิณณ์อย่างรวดเร็วด้วยลุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะตอบอย่างไร
“หิวน่ะใช่แต่พี่อยากให้มาวินไปด้วย พี่ว่าพี่ช่วยมาวินให้เสร็จเร็วๆ ดีกว่า จะได้ไปกินข้าวด้วยกัน”
พี่ชิณณ์ก็คือพี่ชิณณ์ นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังจะเสนอหน้ามาคว้าตั้งเสื้อผ้าของผมที่อยู่บนเตียงไปถือไว้อีก ผมถอนหายใจออกมาราวกับยอมแพ้
“ก็ได้ครับ งั้นพี่ชิณณ์เอาไปไว้ในตู้นี้นะ”

คชาฮึดฮัดเล็กน้อยคล้ายกับว่าขัดใจที่แผนการไม่เป็นไปตามที่หวัง แต่จะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ พี่ชิณณ์รั้นขนาดนี้ ผมก็ลำบากใจที่จะปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนกัน

ทว่า...การยินยอมให้พี่ชิณณ์ช่วยนั้นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ผมเพิ่งรู้สึกตัวก็ตอนที่พี่ชิณณ์ลุกขึ้น ตรงไปยังตู้เสื้อผ้าที่คชาแบ่งให้ผมใช้ ก่อนที่ในเสี้ยววินาทีนั้นผมจะนึกขึ้นได้ว่าข้างในตู้มันมีอะไรอยู่

ปะ...โปสเตอร์ฮิคารุซามะกับห่อหมกของเขา!

พี่ชิณณ์! เดี๋ยว!

คชาก็นึกขึ้นได้ในตอนนี้เหมือนกัน มองหน้าผมด้วยสีหน้าตกใจ หันไปหาพี่ชิณณ์เตรียมจะห้ามกันอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันแล้ว พี่ชิณณ์เปิดประตูตู้เป็นที่เรียบร้อย ก่อนเขาจะนิ่งงันไปเมื่อโปสเตอร์ขนาดเกือบเท่าคนจริงที่แปะอยู่ในตู้ปรากฎให้เห็นอย่างอล่างฉ่าง

แค่โปสเตอร์อย่างเดียวคงยังไม่สาแก่ใจ ยังมีบรรดาซีดีและข้าวของลิมิเต็ดอิดิชันด้านในนั้นอีก แน่นอนว่ารวมถึงไอ้หมอนข้างฮิคารุที่คชาเอาไปซ่อนไว้ก่อนที่พี่ชิณณ์จะเข้ามาในห้องนอนด้วย

พี่ชิณณ์นิ่งงัน สีหน้าตกตะลึงไม่ใช่น้อยก่อนจะขยับริมฝีปาก
“นี่มัน...”

แล้วก็เงียบไป ปล่อยให้ผมกับคชาหน้าซีด เหงื่อเม็ดเป้งไหลเป็นน้ำตกเจ็ดสาวน้อยทันที

หมดกันภาพลักษณ์ของไอ้คชา ลาก่อน มึงมาได้แค่นี้...

ผมอดสงสารมันไม่ได้เลยที่ความลับของมันถูกเปิดเผยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทว่าผมกลับคิดผิดเพราะพี่ชิณณ์ไม่ได้คิดว่าของพวกนั้นเป็นของคชา แต่คิดว่ามันเป็นของ...
“มาวินชอบอะไรแบบนี้เหรอ”

เป็นของผม!

โอ๊ย! เรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!

“มาวินเป็นเกย์งั้นเหรอ” พี่ชิณณ์หันมาถามอีกเพื่อความแน่ใจ
ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลย ลืมคิดไปนิดว่าก่อนหน้าผมบอกว่าให้เอาเสื้อผ้าผมไปไว้ในตู้นั้น จึงไม่แปลกถ้าพี่ชิณณ์จะเข้าใจว่าข้าวของข้างในตู้เป็นของผม

ถูกถามมาอย่างนี้ผมก็ได้แต่อึกอัก ส่วนคชา พอเห็นว่าความเข้าใจผิดมาตกลงที่ผมแล้ว มันก็ได้ทีแสร้งทำเป็นตกอกตกใจ ครางออกมา

“นายเป็นเกย์เหรอเนี่ย ทำไมไม่เคยเห็นบอกเราเลย”

มึงไม่ต้องมาพูดสุภาพกับกูเลย ของมึงทั้งนั้นแหละไอ้คชา!

เผาแม่ง! จะเผาทิ้งให้หมด!

อยากจะเผาสมบัติของมันทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าหากว่าพี่ชิณณ์ไม่โน้มตัวเอาเสื้อผ้าผมเข้าไปวางบนที่ว่างในตู้ ก่อนจะผละออกมา
“ตู้ไม่ค่อยมีที่ว่างเลยเนอะ มิน่าทำไมมาวินถึงไม่อยากให้พี่ช่วยจัด ของเยอะอย่างนี้นี่เอง” หันมาพูดหน้าระรื่นใส่ผมอีก
ผมก็ไปต่อไม่ถูกเลย ได้แต่พยักหน้ารับไปเจื่อนๆ เท่านั้น
“ครับ พี่ชิณณ์กลับไปเถอะ ไม่ต้องช่วยผมหรอก” ออกปากไล่ด้วย

คือไม่ไหวแล้ว สงสารตัวเองเต็มทนเพราะนอกจากจะต้องเห็นพี่ชิณณ์แก้ผ้าเนื้อตัวเปล่าเปลือยตลอดเวลาแล้ว ยังถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์โรคจิตที่มีรสนิยมแปลกๆ ด้วย ป่านนี้พี่ชิณณ์จะสังเกตหรือยังนะว่าฮิคารุซามะอะไรนี่หน้าตาคล้ายตัวเอง?
ไม่ต้องถามเขาก็ได้คำตอบเมื่อจู่ๆ พี่ชิณณ์ก็พูดขึ้นมา
“ว่าแต่ผู้ชายคนนี้หน้าตาคล้ายพี่เนอะ”

นั่นไง! เอาแล้วมึงเอ๊ย!

“ถึงว่าทำไมมาวินทำตัวน่ารักกับพี่จัง”

ไม่ใช่เลย! ไม่ใช่กู ไอ้คนข้างหลังมึงต่างหาก!

ผมหันไปส่งสายตาขุ่นแค้นให้คชาอย่างรวดเร็ว แต่มันเสมองไปทางอื่น ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
หน็อย! อย่าให้กูเอาคืนบ้างก็แล้วกัน!

ดีที่พี่ชิณณ์ไม่พูดอะไรให้ผมรู้สึกประดักประเดิดไปมากกว่านี้ ทำเพียงเอ่ยลาแล้วคชาก็เสนอหน้าขับรถไปส่งที่หอเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่ ปล่อยให้ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

ทำไมกูต้องมาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์เพราะท่านฮิคารุของมึงด้วยวะไอ้คชา!




 
หลังจากที่คชาจัดการส่งพี่ชิณณ์กลับหอเป็นที่เรียบร้อย มันก็กลับมาบ่นผมเรื่องแผนไปกินข้าวเย็นสองต่อสองกับพี่ชิณณ์พังพินาศ แน่นอนว่ามันไม่เข้าหูผมเลยสักนิด ผมไม่มีอารมณ์จะมาสนใจเรื่องที่มันพูดด้วยนอกจากทำท่าซังกะตายใส่มันเพราะถูกเข้าใจผิดครั้งใหญ่

คชาก็เหมือนจะรู้นะว่าผมรู้สึกยังไง มันเลยลากผมไปเลี้ยงข้าวเป็นการปลอบใจ แต่มันไม่ขอโทษหรอกแล้วก็ไม่ยอมรับด้วยว่าเป็นความผิดมัน ผมก็ไม่ได้จะเรียกร้องอะไร แค่เซ็งนิดหน่อยที่ถูกเข้าใจผิดทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริงน่ะ แล้วผมก็ไม่เห็นประโยชน์ในการแก้ตัวด้วย ดูท่าทางพี่ชิณณ์น่าจะเชื่ออย่างนั้นไปแล้ว และก็คงช็อกพอสมควร

ถ้าไม่ช็อกจะรีบอัปเปหิตัวเองออกจากห้องไปเหรอทั้งที่ก่อนหน้าดึงดันจะช่วยผมจะเป็นจะตายน่ะ!

ผมแทบไม่รับรู้รสชาติอาหารที่ตักเข้าปากเลยแม้แต่น้อย กินได้ไม่กี่คำก็ต้องเลื่อนจานออกห่าง นั่งเท้าคางทำหน้าเครียดอย่างไม่รู้ตัวจนคชาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องออกปากบ่น
“ก็แค่พี่ชิณณ์คิดว่ามึงเป็นเกย์ มึงจะเครียดไปทำไมวะ”

ตอนนี้มันกลับมาพูดไม่เพราะกับผมอีกละ

แล้วก็เออ มันก็ไม่น่าเครียดหรอกถ้าพี่ชิณณ์ไม่คิดว่ากูเป็นเกย์อย่างเดียว นี่คิดว่าเป็นเกย์ไม่พอ ยังจะคิดว่ากูคลั่งเขาอีก ซึ่งกูไม่ใช่เว้ย เป็นมึงต่างหาก!

ผมได้แต่เหลือบมองหน้าคชาตาขวางที่มันพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเต็มแรงอย่างเหนื่อยหน่ายโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

เวรจริงๆ แล้วจากนี้ผมจะเข้าหน้าพี่ชิณณ์ได้ยังไง ต้องเจอหน้ากันตลอดเทอม ขอเปลี่ยนคู่ทำเปเปอร์ตอนนี้จะทันไหมนะ?
“เอาน่าไอ้เอ๋อ ยังดีกว่าพี่ชิณณ์เข้าใจว่ากูเป็นเกย์นะเว้ย”

ไอ้คชายังพูดจ้อไม่หยุด คล้ายพยายามจะปลอบผมนะ แต่ไม่ใช่เลย ผมนี่อยากจะคว้าเอาขวดน้ำฟาดหน้ามันให้หุบปากชะมัด
เข้าใจว่ากูเป็นเกย์มันดีกว่าเข้าใจว่ามึงเป็นเกย์ตรงไหน มึงน่ะไม่ต้องเข้าใจผิดแล้ว มึงมันเป็นเกย์เลย ชัดเจน!
แต่รู้สึกว่าเถียงไปแล้วผมน่าจะเหนื่อยกว่าที่เป็นอยู่จึงได้แต่ทอดถอนหายใจ ปล่อยตัวให้ไหลไปบนโต๊ะราวกับว่าโลกนี้สิ้นหวังแล้ว ทำเอาคชาชำเลืองมองผมอย่างหมั่นไส้

“แค่ถูกพี่ชิณณ์เข้าใจว่าเป็นเกย์ทำเป็นจะเป็นจะตายไปได้”
“ไม่ตายหรอก ดีซะอีก พี่ชิณณ์จะได้ตีตัวออกห่างจากเรา เราจะได้วางตัวง่ายๆ”

ผมคิดในอีกแง่เพราะพี่ชิณณ์ดูจะเจ๊าะแจ๊ะกับผมเหลือเกิน ที่สำคัญ ผมไม่อยากเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของพี่ชิณณ์อีกต่อไปแล้ว แต่ทว่าคำว่า ‘ตีตัวออกห่าง’ ทำเอาคชาหันขวับมา ส่งเสียงดังทันควัน

“เฮ้ย ไม่ได้นะเว้ย มึงต้องสนิทชิดเชื้อกับพี่ชิณณ์ไว้สิวะ”

เอ้า อะไรของมึง เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่เป็นไรอยู่หมาดๆ

“แต่เราไม่อยากสบตาแล้วเห็นเจี๊ยวพี่ชิณณ์อีกแล้วอะ” ผมโอดครวญ ไม่อยากเห็นจริงๆ อย่างที่ปากว่า
และคำพูดนั้นก็ทำให้คชาต้องมองผมด้วยสายตาประหลาด ทำท่าเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ก่อนนิ่งไปครู่แล้วย่นคิ้ว
“ไอ้เรื่องพลังวิเศษอะไรของมึงเนี่ย เห็นพูดหลายรอบละ มึงพูดจริงเหรอวะ”
ผมพยักหน้ารับช้าๆ ถอนหายใจออกมาอีก
“เออสิ เจอหน้าพี่ชิณณ์ทีไร สบตาปุ๊บก็เห็นจู๋ทุกที เบื่อจะตายอยู่แล้ว”

พูดไปตามความรู้สึกจริงๆ แต่ลืมไปนิดว่าคชามันชอบพี่ชิณณ์อยู่ พอมันได้ยินว่าผมเห็นของสงวนของพี่ชิณณ์ มันก็ปั้นหน้าดุใส่ผมเป็นที่เรียบร้อย ทำเอาผมรีบแก้ตัวแทบไม่ทัน

“แต่เราไม่ได้อยากมองนะ มันจังหวะจริงๆ หนีไม่ได้ด้วย ต้องไม่เจอหน้ากันอย่างน้อยชั่วโมงนึงอะถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
อันนี้เป็นข้อสังเกตอาการประหลาดของผมเอง แต่คล้ายว่ามันจะไม่เข้าหูคชาเลยแม้แต่น้อยเพราะมันเอาแต่จ้องผมเขม็ง ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอีก

“มาวิน”
“วะ...ว่าไง” วินาทีนี้คิดว่าเดี๋ยวจะต้องโดนมันต่อยแน่ๆ เลยรีบผุดขึ้นนั่งตัวตรงเพื่อตั้งหลัก

หากแต่ผิดคาดเพราะมันทำแค่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เท่านั้น

“เห็นจริงๆ เหรอวะ”
“เห็นอะไร”
“ก็...ของพี่ชิณณ์น่ะ”

ผมมองมันอย่างชั่งใจเล็กน้อยพลันพยักหน้า
“แน่ใจนะ”

ผมพยักหน้าไปอีก
“งั้นกูมีอะไรจะถาม”
“ว่า?”
“พี่ชิณณ์...” เอ่ยชื่ออีกฝ่ายแล้วกระซิบถาม “เอียงซ้ายหรือเอียงขวาวะ”

ถามอะไรของมึงเนี่ย!

ผมถึงกับเบิกตาโต
“ถามจริงดิ?”

คชาคล้ายว่าจะรู้สึกตัวในตอนนี้ว่าถามอะไรออกไป รีบผละออกจากผม แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน
“โอ๊ย กูก็พูดเล่นไป เห็นมึงจริงจังว่ามีพลังวิเศษอะไรนั่นจริงก็เลยลองถามดู มันดูน่าเหลือเชื่อเกินไป”

ก็มีจริงๆ นี่หว่า ไม่เชื่อก็เรื่องของมึง

พอเห็นผมเงียบไปอีก ไม่ตอบสนองต่อคำพูดมัน มันก็กระซิบถามอีกครั้ง
“แล้วตกลงพี่ชิณณ์เอียงข้างไหนวะ”

มึงนี่ก็จะรู้ให้ได้จริงๆ เลยใช่ไหม!?

“เอียงซ้าย!” ผมตอบส่งๆ ไปเพื่อตัดปัญหา
คชาผละออกมานั่งนิ่ง ก้มหน้า ส่งสายตาจับจ้องไปที่เป้ากางเกงของตัวเองก่อนยิ้มกริ่ม
“ข้างเดียวกัน”

มึงจะดีใจเรื่องเอียงข้างเดียวกันทำไมเนี่ย!

ผมมองคชาด้วยสายตารังเกียจอย่างไม่รู้ตัวทันที แต่คชาไม่สนผมแล้ว มันชะโงกหน้าเข้ามาอีก ถามในสิ่งที่อยากรู้
“แล้วของพี่ชิณณ์...บิ๊กไบท์หรือฟุตลอง”

กูจะไปรู้ไหม! ไม่ได้สังเกตขนาดนั้น!

“เลิกถามเรื่องนี้เถอะ เราไม่อยากคิดถึงมันแล้ว ถ้าอยากรู้ก็ไปถามพี่ชิณณ์เองเลยไป” ผมว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
คชาถอยกลับไปยืดตัวตรง พึมพำเบาๆ “ถ้ากูถามเองได้ก็ไม่มาถามมึงหรอก ขืนถามไป พี่ชิณณ์ก็เข้าใจว่ากูเป็นเกย์พอดี”

ก็มึงเป็นเกย์ไงไอ้คชา! มึงจะมาปฏิเสธอะไรอีก!

“เข้าใจว่าเป็นเกย์ก็ถูกแล้ว นายเป็นจริงๆ นี่
คชาย่นคิ้วทันควัน “ก็ไม่ได้เป็น
“ถ้านายไม่ได้เป็นเกย์ นายจะสนใจอะไรพี่ชิณณ์นักหนา” ผมสวนคืน
คชาเองก็ยอกย้อนอย่างรวดเร็วเช่นกัน “ไม่ได้เป็นเกย์เว้ย กูไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่กับพี่ชิณณ์มันพิเศษเข้าใจไหม”

มึงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกนิยายวายหรือไงวะที่เอาแต่ปฏิเสธตัวเองว่าไม่ได้เป็นเกย์ แต่รู้สึกพิเศษกับผู้ชายแค่คนเดียวเนี่ย!

ผมฟังแล้วก็อดเบ้ปากไม่ได้ คชาก็ดูท่าทางจะไม่สนผมแล้วเพราะมันถามผม
“แล้วนี่อิ่มแล้วใช่ไหม จะได้เรียกเก็บเงิน”

พอผมพยักหน้ามันก็เรียกพนักงานมาคิดเงิน ปล่อยให้ผมนั่งทอดถอนหายใจต่อไปด้วยคิดไม่ตกว่าเจอหน้าพี่ชิณณ์คราวหน้าจะวางตัวยังไง

ไอ้คชา...มึงนะมึง ไม่เป็นนกต่อให้มึงแล้ว กูจะเก็บพี่ชิณณ์ไว้เองให้รู้แล้วรู้รอดเลยคอยดู!
----------------------------------
มาต่อให้แล้ววว เลยเถิดไปกันใหญ่มาก มาวินแพะรับบาปมาก 555
เรื่องนี้อาจจะมาวันเว้นวันนะคะเพราะหนูแดงจะอัพสลับกับเรื่อง ตราบรักนิรันดร์
ฝากฟีดแบ็กไว้ให้ด้วยเน้อ XD
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 5[100%][05-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-04-2017 22:25:13
เราว่าพี่ชิณณ์จะเข้าหามาวินมากกว่าเดิมอีกนะ หึหึ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 5[100%][05-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-04-2017 01:09:36
 :L2: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 5[100%][05-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 06-04-2017 07:44:11
มองคชา แล้ว เบ้ปากเลยอะ :hao3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 5[100%][05-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-04-2017 09:54:14
ชีวิตมาวินวุ่นวายมากตั้งแต่รู้จักฮิคารุซามะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 5[100%][05-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 21-04-2017 02:16:38
สบตา ครั้งที่ 6: ดงมะเขือยาวมรณะ[1]

ความจริงแล้วเรื่องที่พี่ชิณณ์เข้าใจผิดว่าผมเป็นเกย์แล้วบ้าดารา GV ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายเขาอะไรนั่นมันไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลเท่าไหร่นักหรอก เพราะผมไม่ได้สนิทสนมกับเขาจนถึงขนาดต้องมาแคร์ความรู้สึกอะไรแบบนั้น แต่ปัญหามันก็คือ...ผมเข้าหน้าเขาไม่ถูกน่ะ คงยังไม่ลืมกันสินะว่าผมจะต้องเจอกับเขาทั้งเทอมเพราะทำเปเปอร์ร่วมกัน

แต่เรื่องอะไรที่ผมจะต้องยอมรับความอัปยศที่เกิดจากความเข้าใจผิดที่มีสาเหตุมาจากไอ้บ้าคชาด้วยล่ะ พอวันใหม่มาถึง ผมก็ไม่รอช้า พุ่งไปที่ห้องห้องพักอาจารย์ประจำวิชานั้นเพื่อขอปรึกษาว่าจะเปลี่ยนคู่ หรือจะทำงานเดี่ยวก็ได้เพราะเท่าที่จำได้ ในคลาสเหมือนจะเหลือแค่ผมกับพี่ชิณณ์สองคนเท่านั้นที่ไม่มีคู่ เราถึงได้มาคู่กัน

ทว่าพอผมเดินขึ้นไปยังชั้นบนและก้าวไปบนทางเดินที่กำลังจะเลี้ยวเข้าสู่ทางที่มุ่งหน้าไปห้องพักอาจารย์ปุ๊บ ผมก็ต้องชะงักปั๊บเมื่อจู่ๆ ร่างสูงของใครบางคนก็โผล่มาจ๊ะเอ๋เสียระยะประชิดจนแทบจะชนกัน

ผมรีบเสยผมหน้าม้าที่ปรกยาวปิดตาของตัวเองขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้มองเห็นภาพตรงหน้า ขณะที่ปากเอ่ยขอโทษขอโพย
“ขอโทษครับ”
แต่แล้วเสียงที่ตอบกลับมากลับเป็น...
“เอ้ามาวิน มาหาอาจารย์เหมือนกันเหรอ”

เงยหน้าขึ้นไปมอง สบตาว้าบ เสื้อผ้าหายไปเรียบร้อย แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับคนที่อยู่ตรงหน้าผม

อะ...ไอ้พี่ชิณณ์! มึงมาทำอะไรที่นี่เนี่ย!

หน้าผมซีดไปเลย ริมฝีปากงี้สั่นพั่บๆ อึกอักขึ้นมาทันควัน

ก็ใครมันจะกล้าไปบอกล่ะวะว่ามาขออาจารย์แยกวงกับมันเนี่ย!

เลยได้แต่หลบสายตาพี่ชิณณ์ ปากพูดอยู่แค่คำเดียว
“คือ...คือว่า...”
พี่ชิณณ์มองผมนิ่งๆ อยู่แวบหนึ่ง ไม่ได้เค้นถามอะไรก่อนจะยิ้มออกมา
“ธุระส่วนตัวล่ะสินะ”

มองโลกในแง่ดีโคตรๆ ผมควรจะบอกความจริงไปว่ามาทำอะไร แต่พอเห็นรอยยิ้มของพี่ชิณณ์ที่ส่งมาให้เสมือนเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ผมก็รีบพยักหน้าหงึกหงักทันที

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” แล้วก็ตามมาด้วยรีบชิ่งอย่างรวดเร็ว
หากแต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะเดินสวนเขาไป ต้นแขนผมก็ถูกคว้าเอาไว้ฉับพลัน หันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่ชิณณ์ที่รั้งผมเอาไว้ พอผมทำท่าจะถามว่ามีอะไร เขาก็ชิงพูดออกมาก่อนแล้ว

“พี่ไม่ได้มาหาอาจารย์เพราะอยากจะขอแยกกับมาวินหรอกนะ มาคุยเรื่องคะแนนสอบมิดเทอมที่ตกมีนน่ะ”
“ครับ?”
“พี่กลัวเราเข้าใจผิดเลยแก้ตัวไว้ก่อน” พี่ชิณณ์ว่า

ผมก็นิ่งงันไปเลย ไม่รู้จะพูดต่อว่าอะไรดี รู้สึกผิดเสียอีกที่เป็นฝ่ายอยากจะขอแยกทำงานกับเขา แล้วเขาก็ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัวไปเสียอย่างนั้นเมื่อเขาพูดออกมาอีก

“เรื่องเมื่อวานน่ะ ขอโทษนะที่พี่ทำเสียมารยาท คือจริงๆ มันก็เป็นรสนิยมส่วนตัวของมาวินน่ะเนอะ พี่แค่ตกใจมากไปหน่อย ขอโทษด้วยนะครับ”

โหย ทำไมเป็นคนดีอย่างนี้วะ ทำเอากูที่กำลังจะเทมึงทิ้งดูชั่วขึ้นมาเลย

ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วล่ะ ไม่ไปหาอาจารย์ละ ทำงานต่อด้วยก็ได้วะ ในชีวิตมหาวิทยาลัยของผมจะได้เจอคนดีอย่างเขาอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่เชื่อก็ดูสิ นอกจากเพื่อนร่วมคณะที่รู้จักกันแบบผิวเผินแล้ว ก็มีคชาอีกคนที่ผมรู้จัก แต่มันดันหล่อแต่หน้า ทว่าเป็นบ้า แถมเป็นเกย์แล้วไม่ยอมรับอีกต่างหาก พี่ชิณณ์นี่เรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่โคตรปกติที่สุดที่อยู่ใกล้ชิดผมแล้ว จะให้เขาออกไปจากวงโคจรชีวิตก็ดูตัวเองจะน่าสงสารไปหน่อย

ก็เล่นไม่ปกติตั้งแต่ตัวผมเองยันรูมเมทอย่างนั้น มีคนปกติเข้ามาในชีวิต ผมก็ต้องยินดีแหละวะถึงจะไม่ค่อยอยากจะเจอหน้าสักเท่าไหร่ก็เถอะ เจอที่ไรแม่งสบตาผมแล้วเสื้อผ้าหายทุกที เห็นแบบนี้บ่อยๆ ก็ไม่ไหว

แต่กับพี่ชิณณ์คงต้องยกให้เป็นกรณีพิเศษ...

“ไม่โกรธพี่นะ”
ถามผมมาอีกแล้ว มีรอยยิ้มพิมพ์ใจแถมมาด้วย ในสายตาผม พี่ชิณณ์นี่โคตรน่ารักเลย ถึงจะไม่หล่อดึงดูดสายตาเท่าคชาก็เถอะ แต่ก็มีเสน่ห์ไม่ใช่เล่น คงเพราะความอ่อนโยนของเขาน่ะ
“ครับ ไม่โกรธ”
พอผมตอบไปอย่างนี้ พี่ชิณณ์ก็ยิ้มกว้าง
“พี่จะเชื่อว่ามาวินหายโกรธจริงๆ ก็ต่อเมื่อมาวินไปกินข้าวกับพี่นะ”

พูดมาอย่างนี้คงเพราะเห็นว่ายังเช้าอยู่ แต่ผมไม่สะดวกใจที่จะไปกับเขาเท่าไหร่นักหรอกต่อให้เขาแสนดีกับผมแค่ไหนก็เถอะ แต่พออ้าปากจะปฏิเสธก็ถูกพี่ชิณณ์แทรกขึ้นมาอย่างรู้ทัน

“อย่าบอกว่ากินแล้ว พี่ไม่เชื่อ ถ้ากินแล้วจริงๆ ก็ไปกินขนมหรือน้ำก็ได้ ไปกินเป็นเพื่อนพี่หน่อย พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย เดี๋ยวพี่เลี้ยง”

ดักคอมาอย่างนี้ ผมจะปฏิเสธอะไรได้ล่ะครับ ก็เลยได้แต่พยักหน้าตอบรับไป ก่อนจะถูกพี่ชิณณ์ลากมาที่โรงอาหารใกล้ๆ กับตึกคณะ ตอนแรกที่เขาบอกว่าถ้าผมกินข้าวแล้วก็ให้กินขนมหรือน้ำแทน ไปๆ มาๆ ผมก็ถูกยัดเยียดให้กินข้าวอยู่ดี พี่ชิณณ์ให้เหตุผลว่าไม่เชื่อเหมือนเดิม ในขณะที่ผมก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงว่ากินแล้ว แต่เขาฟังที่ไหนล่ะ โน่น เดินอาดๆ ไปซื้อข้าวต้มเครื่องหมูสับมาให้เป็นที่เรียบร้อย

วางถ้วยลงตรงหน้าผมได้ก็ยื่นอุปกรณ์การกินมาให้ผมรับทันที

“ผมไม่ค่อยหิวน่ะครับ” ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่กับการถูกทำแบบนี้เลยบ่ายเบี่ยงไปอีก
“รู้นะว่ามาวินไม่อยากให้พี่บังคับ แต่กินรองท้องสักหน่อยเถอะ คำสองคำก็ยังดี ถ้ามาวินกินข้าวเช้ามาแล้วจริงๆ อย่างน้อยก็ซดน้ำให้พี่ชื่นใจหน่อยนะ”

พี่ชิณณ์นี่ลูกอ้อนลูกชนโคตรเยอะ ผมปฏิเสธแล้วก็ยังจะมีเงื่อนไขมาทำให้ผมต้องตกปากรับคำอีก แล้วพอเห็นผมไม่ตอบรับโดยทันทีนะ เขาก็ทำปากยู่ ส่งเสียงกระเง้ากระงอดออกมา

“นะครับมาวิน นะ”

แม่ง...น่ารักฉิบ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคชาถึงได้หลงพี่ชิณณ์นัก ขนาดผมเป็นผู้ชายด้วยกันยังคิดเลยว่าพี่ชิณณ์มีอะไรบางอย่างที่ผู้ชายทั่วๆ ไปไม่มี มันก็คือ...

ความโมเอะ!

ส่งเสียงออดอ้อน เอียงคอ ทำปากย่นเหมือนเป็ด

เออ ยอมก็ได้วะ

“คำสองคำนะครับ”
ผมตกปากรับคำ คว้าช้อนมาตักข้าวต้มเข้าปากแล้วเคี้ยวเนือยๆ โดยมีสายตาของพี่ชิณณ์มองอยู่ในระยะประชิด ผมหลบสายตาเล็กน้อยก่อนจะต้องเบนกลับมามองเขาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียง

“ตักคำเล็กไปนะมาวิน ถ้าจะกินแค่คำสองคำต้องกินคำใหญ่ๆ มา พี่ป้อน”
ไม่พูดอย่างเดียว เอาจริงด้วย คว้าช้อนมาตักข้าวต้มในถ้วยข้างหน้าผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมยังยื่นมาที่ปากอีก ทำเอาผมผงะถอยหนีแทบไม่ทัน ไม่ใช่ว่ารังเกียจที่เขาจะป้อนข้าวหรอกนะ

แต่มึงมองรอบข้างหน่อยเถอะ! เดี๋ยวคนอื่นเขาก็คิดว่ากูเป็นคู่ผัวตัวเมียกับมึงหรอก!

“ผะ...ผมว่าผมกินเองดีกว่าครับ”
“กินเองก็กินเหมือนแมวดม ตักแค่ครึ่งช้อนได้ไง อย่ามาโกงพี่” พี่ชิณณ์ว่า
“ให้ผมกินเอง ผมสัญญาว่าจะไม่โกง” ผมต่อรอง
หากแต่พี่ชิณณ์ไม่ยอม หัวเราะในลำคอแล้วพูดมาสั้นๆ
“ไม่เชื่อ อ้าปากเลย เป็นเด็กดื้อเหรอเราน่ะ”

ดื้อพ่อง! เอาชามข้ามต้มราดหัวแม่ง! กูแค่ไม่อยากให้ผู้ชายมาป้อนข้าวกูเว้ย!

หมดแล้วซึ่งความโมเอะเมื่อกี้นี้ คือจริงๆ มันก็ยังโมเอะน่ารักอาโนเนะนั่นแหละ แต่พอมันมากเจ๊าะแจ๊ะกับผมมากๆ เข้า ผมก็รำคาญไง
“เอาน่ามาวิน คำเดียวแล้วพี่จะเลิกยุ่งเลย”
เพื่อตัดความรำคาญ ผมก็เลยพยักหน้าตอบตกลงไปแม้ว่าใจจะไม่อยากก็ตาม อ้าปากขึ้นงับเอาข้าที่อยู่บนช้อนในมือของพี่ชิณณ์เข้าปากมาเคี้ยวช้าๆ เสมือนเคี้ยวเอื้อง ขณะที่หน้าก็ร้อนวูบไปเพราะรู้สึกได้ว่ามีสายตาของคนรอบข้างมองมา ถึงคนในโรงอาหารช่วงเช้าจะไม่เยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ตกเป็นเป้าสายตา แต่สำหรับพี่ชิณณ์แล้ว รายนี้ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เห็นผมเชื่อฟังแต่โดยดีก็วางช้อนลง เท้าคางพลางยิ้มรับกับการกระทำของผม

“อย่างน้อยก็มีอะไรรองท้อง”

ยังมีหน้ามาพูดอีก!

ผมได้แต่บ่นพึมพำอยู่ในใจ อยากจะลุกไปจากตรงนี้เต็มแก่แล้ว แต่ก็เห็นแก่ความมีน้ำใจกับความใจดีของพี่ชิณณ์เลยกะจะนั่งรอให้เขากินข้าวเสร็จก่อนแล้วค่อยแยกย้ายกัน

แต่การคิดอย่างนั้นเป้นการตัดสินใจที่ผิด เพราะวินาทีที่ผมตัดสินใจนั่งอยู่ต่อ ทางด้านหลังผมก็มีใครบางคนมายืนค้ำหัวไว้ทันที
“นั่งด้วยได้ไหมเนี่ย”

หันไปมองก็เห็นว่าเป็นคชา ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าไม่เห็นว่าภายใต้ใบหน้าที่มีรอยยิ้มอาบพรายของมันนั้นมีความอำมหิตเคลือบแฝงอยู่ในแววตา

มะ...มึงเห็นที่ไอ้พี่ชิณณ์มันทำกับกูเมื่อกี้แล้วสินะ!

ไม่ต้องถามก็รู้เพราะตอนนี้คชามันเหลือบมามองผมพร้อมออกปากถามแล้ว
“นั่งด้วยคงไม่เป็นก้างขวางคอหรอกใช่ไหมไอ้เอ๋อ”
หน้ายังยิ้มอยู่ น้ำเสียงก็เป็นมิตรมาก แต่ข้างในใจมันไม่ใช่เลย

ผมกะจะบอกมันว่า ‘เชิญเลยตามสบาย เราจะไปแล้ว’ ก็ไม่ทัน พี่ชิณณ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดขึ้นมาแล้ว

“ก้างขวางคออะไรกัน พูดเล่นไปเรื่อยนะคชา เอาของวางแล้วไปซื้อข้าวสิ กินด้วยกัน เดี๋ยวพี่รอ”

ชวนมันทำป้ามึงเหรอไอ้พี่ชิณณ์ซามะ!

ผมอยากจะลุกไปจากสถานการณ์น่าอึดอัดตรงนี้ฉิบเป๋ง อย่างที่รู้กันว่าคชามันสนใจพี่ชิณณ์และมันให้ผมเป็นพ่อสื่อให้ แต่การที่มันได้เห็นพี่ชิณณ์ป้อนข้าวผมเมื่อกี้ แน่นอนว่ามันต้องไม่พอใจแน่
แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อมันเอ่ยขึ้น
“พี่ชิณณ์ช่วยไปซื้อข้าวให้ผมหน่อยได้ไหมครับ พอดีจู่ๆ ก็มึนหัว”
ได้ยินอย่างนั้น ผมก็รีบออกปาก
“เดี๋ยวเราไป...”
คชายื่นมือมาปิดปากผมทันควัน ยิ้มกว้างให้พี่ชิณณ์แล้วขอร้องอีกครั้ง
“นะครับ ผมจะได้ให้มาวินไปซื้อยาที่มินิมาร์ทให้ผม” พลางพยักปลายคางไปที่มินิมาร์ทใกล้ๆ กับโรงอาหาร
พี่ชิณณ์ก็เป็นคนดี พยักหน้าตอบรับคำขอของมันไปอีก
“ได้เลย อยากกินอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้ครับ พี่ชิณณ์เลือกมาเลย ผมกินได้หมด”
“งั้นเอาข้าวต้มเหมือนมาวินแล้วกันเนอะ กินง่ายดี”

คชาตอบรับ โปรยยิ้มตบท้าย พอพี่ชิณณ์ลุกจากโต๊ะไป รอยยิ้มที่พร่างพรายบนหน้ามันเมื่อครู่ก็มลายหายไปสิ้น เหลือแต่เพียงสีหน้าบูดบึ้งทันทีที่มันหันมามองทางผม

“อะไรของมึงวะ”
จู่ๆ ก็ถาม ผมดึงมือมันออกจากปากผม ถามกลับบ้าง
“หมายถึงอะไรล่ะ”
“ที่มึงให้พี่ชิณณ์ป้อนข้าวไง อะไรของมึงวะนั่น” คชาว่าออกมาอีก
ผมกะไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ก่อนจะว่าไปตามความจริง
“ก็พี่ชิณณ์ตื๊อจะป้อนเรานี่นา ให้เราทำไงได้ล่ะ ปฏิเสธก็แล้ว แต่พี่ชิณณ์ไม่ยอมเลิก”
“มึงก็เลยเลยตามเลยว่างั้น?” ทำหน้าหาเรื่องเต็มที่

ผมดูก็รู้เลยว่ามันไม่พอใจเป็นอย่างมาก เลยตั้งใจว่าจะขอโทษมันจะได้จบๆ เรื่องไป แต่สมองของผมมันสั่งการเร็วกว่าการกระทำของคนอื่น แค่คิดได้แต่ยังไม่ทันพูด คชาก็ชิงพูดออกมาก่อน

“ไหนว่ามึงไม่อยากอยู่ใกล้พี่ชิณณ์เพราะสบตาแล้วเห็นจู๋อะไรนี่ไง”
“ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ”
“แล้วที่กูเห็นเมื่อกี้คืออะไรวะ”
“ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าพี่ชิณณ์ตื๊อ เราปฏิเสธแล้วเขาไม่ยอมก็เลยต้องเลยตามเลย”

ผมพ่นลมหายใจออกมายาว ดูก็รู้เลยว่าคชาไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด มันก็เชื่อยากอยู่หรอก ยิ่งผมไปทำกับคนที่คชาชอบ คชาก็ไม่เชื่อหนักเข้าไปใหญ่
“เหตุผลของมึงฟังไม่ขึ้นเลยว่ะ จริงๆ แล้วมึงกะจะเก็บพี่ชิณณ์ไว้เองใช่ไหมล่ะ”
ซ้ำคชายังคิดเองเออเองเต็มที่ ยัดเยียดการกระทำที่ผมไม่ได้คิดจะทำมาให้อีก

กั๊กไว้ทำบ้าอะไรฮิคารุซามะของมึงเนี่ย กูแทบจะใส่พานถวายให้มึงด้วยซ้ำ!

“คชา เราไม่ได้...”
“ทำเป็นจะช่วยกูอย่างโน้นอย่างนี้ จะกั๊กกูก็บอก แหม ทำเป็นมาโกหกกูว่าสบตาแล้วเห็นจู๋ ถ้าเห็นจริง มึงจะมาเจ๊าะแจ๊ะกับพี่ชิณณ์ทำไมนักหนาวะ”

โอ้โห มาเป็นชุด ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม ไอ้พี่ชิณณ์ต่างหากที่เป็นคนตอแยกูน่ะ แล้วนี่มาบอกว่ากูโกหกอีก มึงไม่เห็นอย่างที่กูเห็นบ้างก็แล้วไปไอ้คชา!

“เราไม่ได้โกหกนายสักนิด”
ผมขึ้นเสียงเล็กน้อย ยอมรับเลยว่าโกรธนิดๆ ที่คชามาให้ร้ายผมอย่างนั้น แต่คชาก็ยังไม่หยุด ดังดันมาอีก
“โกหก แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าโกหก โบราณเขาบอกว่าคนที่มีไฝที่หางตาข้างขวาเป็นคนขี้โกหก มีการจารึกไว้ในสมุดข่อยเป็นหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีฯ ด้วย”

สมุดข่อยสมัยกรุงศรีฯ ปู่มึงเถอะ! ไปรับยาบ้างหรือเปล่าไอ้คชา!

ป่วยการที่จะคุยกับมัน ในเมื่อไม่เชื่อก็เรื่องของมัน ผมไม่ได้ขอร้องให้มันมาเชื่อด้วยจึงได้แต่เงียบ จังหวะเดียวกับที่เห็นพี่ชิณณ์เดินกลับมาพร้อมกับข้าวเช้าของคชาพอดี เท่านั้นคชาก็รีบปั้นหน้ายิ้มเหมือนเดิม มีแต่ผมเท่านั้นแหละที่ยังนั่งนิ่ง พูดออกไปเสียงเบา

“เราไม่ได้โกหก เห็นจริงๆ”
คชาเหลือบมองผมแวบหนึ่ง ก่อนจะขยับปากทั้งที่ยิ้มอยู่
“กูไม่ยอมให้มึงมาพรากฮิคารุซามะของกูไปหรอก”

โอ๊ย! มึงนี่พูดไม่รู้เรื่อง! บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้...

ช่างแม่ง! ไม่อยู่คุยกับมันแล้ว!

ผมหงุดหงิดกับคำพูดของคชาที่เอาแต่หาว่าผมโกหกทั้งที่ผมพูดความจริงจึงลุกขึ้นพรวด คว้ากระเป๋ามาสะพายแล้วเดินออกจากโต๊ะ ทำให้พี่ชิณณ์ซึ่งเดินมาถึงที่พอดีร้องถามเสียงหลง
“ไปแล้วเหรอมาวิน ไม่รอไปพร้อมกันเหรอ”
ผมหันไปมอง “เชิญพี่ชิณณ์กินข้าวกับไอ้บ้านั่นไปเถอะครับ”

จากนั้นก็เดินไปเลย แต่หูก็ไม่วายได้ยินพี่ชิณณ์ถามคชาว่า ‘ทะเลาะกับมาวินเหรอ’ ส่วนคชาก็บอกว่า ‘ไม่มีอะไร ไม่ต้องสนใจหรอกครับ’ แอบเหลือบไปมองนิดหนึ่งก็เห็นว่ามันยิ้มร่าให้พี่ชิณณ์ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หึย! ไอ้คนขี้โกหกน่ะมึงต่างหาก ขี้โกหกไม่พอ ยังตีสองหน้าด้วย!

หงุดหงิดแต่เช้าเลยเว้ย!
---------------------------
ไม่ได้มาอัปนาน มาต่อแล้วนะคะ
เดี๋ยวเย็นๆ มืดๆ จะมาต่อให้ครบ 100% ค่ะ
ฝากฟีดแบ็กไว้ด้วยว่าใครยังอยู่รอกันบ้างให้ชื่นใจหน่อยจ้า XD
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6[50%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 21-04-2017 18:11:10
สบตา ครั้งที่ 6: ดงมะเขือยาวมรณะ[2]

หงุดหงิดก็แค่ตอนนั้น พอตระเวนเรียนทั้งวันและกลับถึงหอ ผมก็ลืมไปหมดสิ้นว่าเมื่อเช้าเคืองคชาเรื่องอะไร ทำตัวปกติราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น ผมก็เป็นแบบนี้แหละ โกรธยาก แต่ถ้าโกรธแล้วก็หายเร็วด้วยเป็นคนไม่ค่อยเก็บเอาอะไรมาใส่ใจสักเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ผิดด้วยถ้าคชาจะไม่เชื่อ ถ้าลองสลับบทกัน คชามองเห็นอะไรอย่างที่ผมเห็น ส่วนผมมองไม่เห็น เวลาคชามันมาบอก ผมก็เชื่อไม่ลงเหมือนกัน

ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องทำตัวให้ชินกับสิ่งที่ตัวเองเห็นล่ะสินะ

เข้าใจว่ามันเป็นปัญหาของผม ผมไม่ควรจะลากคชาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แค่มันยอมมาเป็นรูมเมทคนที่แทบจะไม่มีตัวตนอย่างผม แถมยังไม่ค่อยมีสังคมก็ดีแค่ไหนแล้ว ผมเสียอีกที่จะต้องขอโทษคชาสำหรับเรื่องเมื่อเช้าแล้วก็อธิบายพร้อมปรับความเข้าใจกันอีกที

ผมถอนหายใจยาวทันทีที่มาหยุดอยู่หน้าประตูห้อง เตรียมตัวเตรียมใจว่าจะพูดประโยคไหนก่อนตอนเจอหน้าคชา

คชา...เรื่องเมื่อเช้านี้เป็นความผิดเราเอง ขอโอกาสให้เราอธิบายเรื่องพี่ชิณณ์หน่อยนะ

เออ ประโยคนี้แหละ ฟังดูสำนึกผิดดีแม้ว่ามันจะเหมือนผัวที่นอกใจไปง้อเมียหน่อยก็เถอะ แต่คิดว่าน่าจะทำให้คชามันหายหัวร้อนเพราะหึงพี่ชิณณ์ได้

มือเอื้อมไปเปิดประตู ปากก็ร้องเรียกออกไป
“คชา เรามีเรื่องจะคุยด้วย”
ทว่าผมก็ต้องชะงักเมื่อเปิดประตูแล้ว ภาพของชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดนักศึกษาอีกสี่ห้าคนก็ปรากฎให้เห็น

คนพวกนั้น...พวกกลุ่มเพื่อนของคชาที่เจอในห้องน้ำตอนที่ผมเจอคชาครั้งแรก

น่าจะเป็นพวกทูตกิจกรรมเหมือนกันเพราะหน้าตาดีกันหมดยกแก๊ง และดูท่าทางน่าจะอยู่กันคนละคณะด้วย บางคนใส่ชุดนักศึกษา บางคนใส่เสื้อช็อป คงจะหลายๆ คณะปนกันไป

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญก็คือพอผมโผล่หน้าเข้าไปปุ๊บ ทุกชีวิตก็หันมามองผมเป็นตาเดียว

ตาสบตา... ฉิบหาย! เสื้อผ้าหายไปอีกแล้ว!

ผมนิ่งค้างไปเลย พูดไม่ออก บอกไม่ถูกที่จู่ๆ ก็ได้เห็นดงมะเขือยาวอย่างไม่ทันตั้งตัว อู้หู ไอ้นั่นเอียงขวา ไอ้นี่เบี้ยวซ้าย อันนั้นรูปร่างพิลึก อันนั้นพงหญ้าด๊กดก

ตากูจะบอด นี่มันดงมะเขือยาวมรณะชัดๆ!

และการที่ผมนิ่งค้างไปอย่างนั้นเลยทำให้คชาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงถามเสียงขุ่น
“อะไรของมึง”
ผมได้สติ รีบวางตัวให้เป็นปกติทันที
“คือ...เรามีเรื่องจะคุย”
บอกไปแล้ว คชาย่นคิ้วเล็กน้อย
“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อเช้า ไว้ค่อยคุย กูยุ่งอยู่”

คงจะยุ่งอย่างที่ปากว่าเพราะผมเห็นในมือของแต่ละคนมีกระดาษอะไรอยู่ด้วยก็ไม่รู้ เดาว่าคงจะเป็นสคริปต์สำหรับงานกิจกรรมอะไรสักอย่างของมหาวิทยาลัยที่กำลังจะมาถึงและคนพวกนี้ก็มีส่วนร่วมด้วย
แต่พวกมันจะทำอะไรกัน ผมก็ไม่สนใจหรอก รู้อย่างเดียวว่าผมต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นหลงดงมะเขือยาวจนหาทางออกไม่ได้แน่ๆ

“งั้นเดี๋ยวเรากลับมาใหม่นะ ตามสบายเลย”
พูดอย่างนั้น ผมก็รีบโยนกระเป๋าไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ เปลี่ยนรองเท้าแล้วตั้งท่าจะออกจากห้อง หากแต่ไม่ทัน คชาลุกจากเตียงมายืนอยู่ข้างหลังผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“จะไปไหน”
หันไปก็เห็นว่าคชาถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ไปรอข้างนอกไง” ผมว่าซื่อๆ
“ไม่ต้อง ห้องกูก็เหมือนห้องมึงแล้วตอนนี้ อยู่ที่นี่แหละ แป๊บเดียวเดี๋ยวพวกมันก็ไป แค่มาต่อสคริปต์เฉยๆ”

จากนั้นคชาก็ถือวิสาสะลากผมไปร่วมวงกับเพื่อนตัวเองหน้าตาเฉยโดยไม่สนใจผมที่ร้องห้ามแต่อย่างใด ทว่าร้องห้ามได้แป๊บเดียว ผมก็ต้องหุบปากเงียบ วางตัวให้ดูปกติ ก่อนทรุดตัวลงนั่งบนปลายเตียง หันหลังให้กับคนพวกนั้นพลางสะกดจิตตัวเองเป็นพัลวัน

มีก็มีเหมือนกัน เห็นของตัวเองอยู่ทุกวัน ของคนอื่นก็ไม่ต่างกัน ต้องทำตัวให้ชิน... ต้องทำตัวให้ชิน

ทั้งที่สะกดจิตตัวเองให้คิดอย่างนั้น แต่ก็อดเหงื่อกาฬไหลพราก ลมปราณแตกซ่านไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ถึงจะบอกให้ทำตัวให้ชิน แต่เอาเข้าจริงมันก็ยากนะกับการที่ต้องมาเห็นอะไรของคนอื่นอย่างนี้ เอาจริงๆ ปัญหาหลักมันไม่ใช่เรื่องการเห็นจุ๊ดจู๋ของคนอื่นสักเท่าไหร่ ปัญหาหลักมันอยู่ที่การที่ผมเข้าสังคมไม่เก่ง เวลาอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากแล้วรู้สึกประดักประเดิด

ขนาดใส่เสื้อผ้า ผมยังอึดอัดเลย แล้วนี่มาอยู่ท่ามกลางชีเปลือย ความอึดอัดก็พุ่งทวีมากขึ้นเข้าไปใหญ่

ผมว่าหน้าผมคงจะซีดแล้วล่ะ สังเกตจากฝ่ามือที่เย็นเยียบของตัวเองน่ะ แต่ก็ทำได้แค่นั่งตัวลีบรอให้พวกนั้นจัดการงานของตัวเองให้เสร็จไวๆ ก่อนจะต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น

“วันนี้เอาเท่านี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกพี่ก็เรียกไปซ้อมต่อสคริปต์อีก ไว้ไปพรุ่งนี้ทีเดียว เผื่อมีแก้อะไร”
อีกหลายๆ คนเห็นด้วย เป็นสัญญาณให้รู้ว่าดงมะเขือยาวที่รายล้อมผมอยู่กำลังจะอันตรธานหายไปแล้ว

แต่พระเจ้าเกลียดผม...

เพราะขณะที่ในใจผมลิงโลดอยู่นั้น จู่ๆ คชามันก็พูดแทรกขึ้นมา
“แล้วพวกมึงไม่ลองชุดกันเหรอวะ กูอุตส่าห์ขนมาให้เนี่ย”

ลองชุด!?

ป้ามึงเถอะไอ้คชา มึงจะรั้งพวกมันไว้ทำไม!

“เออว่ะ กูก็ลืม งั้นลองก่อนก็ได้ เผื่อไซส์ไม่พอดีจะได้บอกพวกพี่ๆ ให้เอาไปแก้เลย”
ผมหันไปมองพวกมันที่เออออห่อหมกกันด้วยสายตาประหนึ่งโลกจะแตก ก่อนจะเห็นคนพวกนั้นถอดเสื้อผ้า...

ยังไงดีล่ะ คือผมไม่เห็นเสื้อผ้าบนตัวพวกมันหรอก เห็นแต่พวกมันทำท่าทางถอดเสื้อผ้า พอเสื้อผ้าหลุดออกจากตัวพวกมัน ตอนนั้นแหละที่ผมเห็นเสื้อผ้าที่ถูกโยนทิ้งลงพื้น เดาว่าตรงกลางลำตัวน่าจะมีบ็อกเซอร์เหลืออยู่ แต่คือผมไม่เห็นไง

จะถอดหรือจะใส่ กูก็มองเห็นแต่มะเขือยาวของพวกมึงเนี่ย!

ผมยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเลย อยากจะร้องไห้โฮดังๆ ออกมาก็ในตอนนี้ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวเรากลับมานะ”
ไม่อยู่แล้ว... กูไม่อยู่ดูงวงของพวกมึงแล้ว!
แต่พอยืนปุ๊บ คชาก็เข้ามากดไหล่ผมให้นั่งลงไปเหมือนเดิมปั๊บ
“เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว รออยู่นี่แหละ”

ผมเหลือบมองหน้าคชาที่มีรอยยิ้มชั่วร้ายอาบพรายก็รู้ขึ้นมาในวินาทีนั้นเลย

แผนของมึงนี่หว่าไอ้คชา!

ไม่รู้ว่ามันทำแบบนี้ทำไม แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าไอ้เวรตรงหน้านี่ตั้งใจเรียกเพื่อนๆ มาโชว์งวงให้ผมอยู่
มึงนึกว่ากูเป็นควาญช้างหรือไง! งวงเยอะขนาดนี้ กูก็ไม่สู้เว้ย!

แล้วแผนของมันก็เพิ่มความแอดวานซ์มากขึ้นไปอีก แค่เห็นแต่ตายังไม่พอ มีต้องสัมผัสด้วยเมื่อจู่ๆ เพื่อนคนหนึ่งของคชาที่กำลังสวมกางเกงที่เป็นเครื่องแบบของกิจกรรมอยู่ร้องบอก

“ซิปรูดไม่ขึ้นว่ะคชา”
“แล้วทำไมวะ”
“รูดให้กูหน่อย”
“กูไม่ว่าง มึงให้ไอ้เอ๋อช่วยแล้วกัน”

โบ้ยมาให้ผมเสียอย่างนั้นทั้งที่เมื่อกี้มันยังว่างอยู่เลย ตอนนี้มันไปคว้าชุดของตัวเองมาลองบ้างละ ถอดเสื้อเป็นที่เรียบร้อย ทำเอาผมอ้าปากค้างกลางอากาศเลยทีเดียว

“ดะ...เดี๋ยวนะคชา คือว่าเรา...”

คือว่ากูไม่มารูดซิปเป้ากางเกงให้เพื่อนมึงหรอกนะเว้ย!

แต่ไม่ทัน แค่ไอ้คชาบอกว่าให้ผมจัดการให้ เพื่อนมันก็เดินเข้ามาหา เอาเป้ามาจ่อหน้าผมที่นั่งอยู่ที่เดิมเป็นที่เรียบร้อย
“โทษทีนะ รบกวนหน่อย” ไอ้เวรนี่ก็ดันมารยาทดี ขอร้องพร้อมส่งรอยยิ้มให้

ผมก็ปฏิเสธไม่ออก ได้แต่อึกๆ อักๆ

“คือว่า...”

สายตาเหลือบมองไปที่ส่วนกลางลำตัวของคนตรงหน้า

คุณพระ... หรรมล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม

มะเขือยาวกับมะเขือเปราะมึงจะทิ่มหน้ากูอยู่แล้ว!

เหนือสิ่งอื่นใด... กูไม่เห็นซิปเป้ากางเกงมึงเว้ย เห็นแต่งวงมึงเนี่ย!

เอื้อมมือไป โคตรมั่นใจเลยว่าได้รูดอย่างอื่นแทนรูดซิปแน่ๆ ส่วนไอ้เวรนั่นก็แอ่นเป้ามาข้างหน้า
“อย่าแอบจับของเรานะ เดี๋ยวเราติดใจ”
มึงก็หลงตัวเองเหมือนไอ้คชาเป๊ะ! มิน่าถึงเป็นเพื่อนกันได้
“ให้คนอื่นทำให้ได้ไหม เราว่าเรา...”

กูว่ากูทำใจไม่ได้! แต่พูดต่อไม่ออกเพราะจู่ๆ เพื่อนของคชาอีกคนก็ร้องบอก

“เฮ้ย ของกูก็ซิปติดว่ะ”
“มึงให้ไอ้เอ๋อจัดการให้เลย”

บ้านมึงเถอะไอ้คชา มึงมาจัดการเองสิวะ!

“เอ้า เร็วๆ เข้า นั่งบื้ออะไรอยู่ได้”
พอผมไม่ทำ คชามันก็ส่งเสียงเร่งมา ผมหันไปมองหน้ามัน ทำหน้าวิงวอนสุดๆ
“คชา...” มึงบอกเพื่อนมึงให้เอาหรรมออกไป!

หากแต่คชาจ้องหน้าผมนิ่ง พยักเพยิดเป็นเชิงบอกว่าให้เร็วๆ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง สถานการณ์กดดันเหลือเกิน หอยงวงช้างก็มาจ่ออยู่ตรงหน้า จึงได้แต่แสร้งทำท่าเหมือนรูดซิปไปที่เป้าของเพื่อนหมายเลขหนึ่งของมัน
“อะ...เอ้า เสร็จแล้ว”

อัลเบิร์ต ไอสไตน์บอกว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ของกูนี่จินตนาการสำคัญความความจริงเลย

ทำเสร็จปุ๊บ ผมก็รีบขยับออกห่าง ขณะที่เพื่อนมันซึ่งถูกผมรูดซิปให้มองหน้ากันไปมา ก่อนที่คชาซึ่งตอนนี้คิ้วผูกกันยุ่งเป็นเชือกรองเท้าจะร้องถาม
“ทำอะไรของมึงวะ”
“รูด...รูดซิปไง”
“รูดบ้าอะไรของมึง กางเกงล่องหนหรือไง”

ก็เออน่ะสิวะ ถ้ากูเห็น กูจะทำแบบนี้เหรอ!

ผมพูดไม่ออก รู้อย่างเดียวว่าตอนนี้ชักจะไม่ไหวแล้ว ยิ่งถูกเพื่อนของคชาอีกคนที่เดินเข้ามาแล้วคว้ามือไปใกล้ๆ เป้าเพื่อนมัที่ยังยืนอยู่ตรงหน้าผม ผมก็แทบจะสติแตก

“ซิปกางเกงมันอยู่ตรงนี้ต่างหากล่ะ”
“ไม่! ไม่เอา!”

แล้วแม่งก็กรูกันเข้ามาจับผมกันยกใหญ่ ผมดิ้นพราดๆ อย่างกับโดนน้ำร้อน รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคชาจงใจแกล้ง แต่ไม่คิดว่าจู่ๆ มันจะทวีความรุนแรงขึ้นมา แล้วการที่เพื่อนเขาทำแบบนี้ ผมก็รู้เลยว่าคนพวกนี้สมรู้ร่วมคิดกับคชาด้วย สำหรับคนอื่นมันอาจจะดูเป็นการแกล้งที่ไม่รุนแรง แต่สำหรับผมมันกระทบกระเทือนจิตใจมากเลยทีเดียวล่ะ ทำเอาผมแหกปากลั่น น้ำตาคลอเบ้า

แม่งเอ๊ย! ทำไมต้องมาถูกรุมแกล้งตอนอายุขนาดนี้ด้วยวะ พวกมึงเป็นเด็กประถมกันหรือไง!

ดิ้นหนีไปมาท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ คชาที่ร้องบอกว่า ‘เป็นผู้ชายด้วยกัน อายอะไร ไม่ต้องเขิน’ อะไรเมือกนั้น ก่อนที่หูของผมจะได้ยินของใครบางคนดังขึ้น

“พวกมึงพอกันได้แล้ว”
ไม่มีใครฟังคชาสักคน ยังคงดำเนินการแกล้งผมอย่างสนุกสนานจนคชาต้องตะคอก
“กูบอกให้พอได้แล้วไง! ไม่ได้ยินหรือไงวะ!”

คราวนี้ทุกชีวิตหยุดเลย คชาเดินเข้ามา คว้ามือของเพื่อนตัวเองออกจากมือผม
“แล้วก็ปล่อยมือมันด้วย ส่วนพวกมึงจะไปไหนก็ไป ที่เหลือเดี๋ยวกูจัดการเอง”

ออกปากไล่เป็นที่เรียบร้อย สีหน้าดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทำให้เพื่อนๆ ของเขาหน้าซีดไปตามๆ กัน
“อะไรของมึงวะ เป็นคนคิดแผนเองแท้ๆ ไหนมึงว่าอยากจะแกล้ง”
“แต่ตอนนี้กูไม่อยากแล้ว พวกมึงกลับไปกันได้ละ ขอบใจมาก”

โบกมือไล่เป็นที่เรียบร้อย พวกเพื่อนของคชาเห็นสีหน้าจริงจังของเขาแล้วก็พากันบ่นอุบ แต่ก็พากันกลับออกจากห้องแต่โดยดี เหลือแค่ผมกับคชาในห้อง ความเงียบเข้าครอบงำเราทั้งสองคน

ตอนนี้ผมโกรธ...โกรธอีกแล้ว คราวนี้โกรธมาก โกรธจริงจังเลยล่ะ

ส่วนคชาก็ถอนหายใจ หันมามองผมพลางพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งรำคาญ
“หยอกเล่นนิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นเล่นใหญ่นะไอ้เอ๋อ”
ผมเงยหน้ามองคชาทันที

เล่นใหญ่งั้นเหรอ คิดว่าการกระทำทุเรศๆ ของตัวเองเป็นเรื่องเล็กน้อยงั้นสิ!?

“เราไม่สนุก” ผมสวนเสียงเรียบ
คชาเอียงคอเล็กน้อย ว่าด้วยสีหน้ากวนอารมณ์
“แต่กูสนุก มึงอย่าไปคิดอะไรมาก บอกแล้วว่าแค่หยอกเล่นนิดหน่อย”

นิดหน่อยบ้านมันสิ มันจะเข้าข่ายล่วงละเมิดทางเพศอยู่แล้วถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะ!

ผมกำมือแน่น ตัวสั่นเทิ้มเลยทีเดียว ก่อนจะอดใจไม่ไหว ปล่อยหมัดกระแทกหน้าหล่อๆ ของมันไปเต็มแรง

คชาเซถลาไปตามแรงกระแทกนั้น มันไม่ใช่หมัดที่หนักนักหรอกเพราะผมตัวเล็กกว่าคชาอยู่เยอะ แต่ก็ทำให้คชาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเป๋ไปเหมือนกัน พอตั้งหลักได้ก็ยกมือขึ้นกุมซีกหน้า โวยวายใส่ผมเสียงดัง

“ทำอะไรของมึงเนี่ย!”
ปากแตกเลยล่ะ เลือดไหลซิบ แต่ก็สมควรแล้วกับการกระทำสิ้นคิดนั่น

“เรื่องที่มึงทำน่ะ ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับกูเลยเพราะกูไม่ขำ”
ผมว่า หลุดคำหยาบออกมาด้วย มันเหลืออดจริงๆ ตบท้ายด้วยการชูนิ้วกลางใส่มัน แล้วเดินพรวดพราดออกจากห้องนั้นมาทันทีโดยไม่สนใจจะหันไปมองหน้าคชาที่ดูตะลึงงันไปแม้แต่น้อย

จะไม่เป็นรูมเมทกันอีกต่อไปก็ช่างแม่ง มาอยู่ด้วยแค่ไม่กี่วันก็แกล้งกันแบบนี้ มึงกับกูแยกหัวแยกหางกันไปคนละทางเลยไอ้คชา!
 ------------------------------------
พระเอกเรื่องนี้นอกจากจะไม่ปกติแล้ว ยังทำหน่องมาวินปรี๊ดแตกได้อีก 555
อย่าเพิ่งเหม็นขี้หน้านางนะคะ ตอนต่อๆ ไปจะทำตัวดีขึ้นละ ส่วนพี่ชิณณ์เป็นของเก๊า #โดนตบ
ฝากฟีดแบ็กไว้หน่อย พรุ่งนี้จะมาต่อให้ค่ะ
 
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6:ดงมะเขือยาวมรณะ[100%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 21-04-2017 21:38:02
แกล้งแรงไปนะคชา
โมโหควันออกหูไปกับมาวินด้วยคน
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6:ดงมะเขือยาวมรณะ[100%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-04-2017 22:30:52
โกรธมันเลยน้องวิน !!  :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6:ดงมะเขือยาวมรณะ[100%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-04-2017 23:28:51
เพราะไม่เชื่อว่าเห็นจริง ๆ เลยแกล้งสินะ คชาไม่รู้หรอกว่าสำหรับอีกคนแล้วมันเลวร้ายแค่ไหน
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6:ดงมะเขือยาวมรณะ[100%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 22-04-2017 00:03:57
สนุกมาก  ขำสุด ๆ มาต่อบ่อย ๆ นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6:ดงมะเขือยาวมรณะ[100%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-04-2017 01:51:18
สงสารก็สงสารนะ แต่ก็ขำมากด้วย
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6:ดงมะเขือยาวมรณะ[100%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 22-04-2017 09:03:24
ทำไมเราตลก
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6:ดงมะเขือยาวมรณะ[100%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 22-04-2017 20:50:07
รอตอนต่อไปค่ะ มาต่อเร็วๆน้าาาาา
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6:ดงมะเขือยาวมรณะ[100%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nupammee ที่ 22-04-2017 21:28:48
อืมมมมมมมม นี่จากใจเลยไรต์นี่กะจะเลิกอ่านแต่ว่าแบบเห็นอัพแล้วก็เลยลองเข้ามาอ่าน บกตงเลย 555 ว่ารอตอนต่อไปเลยค่ะ  :o8:  :o8:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6:ดงมะเขือยาวมรณะ[100%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 22-04-2017 22:30:55
ขนาดเจอดงมะเขือม่วงยังขนาดนี้ นี่ถ้าหลงไปเจอกลุ่มฝรั่งดวงแมมมอสไม่อ๊วกกันเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6:ดงมะเขือยาวมรณะ[100%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 22-04-2017 22:57:45
ทั้งสงสารและตลกนายเอกในคราวเดียวกัน ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 6:ดงมะเขือยาวมรณะ[100%][21-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 23-04-2017 00:00:31
สบตา ครั้งที่ 7: ถ้าเราผิด เราขอโทษ

ออกจากห้องมาทั้งอย่างนั้นก็ไม่รู้จะไปที่ไหนต่อดี ผมเลยได้แต่เตร็ดเตร่อยู่แถวละแวกหอ คิดครุ่นไม่ตกว่าคืนนี้จะไปหาที่ซุกหัวนอนที่ไหน เพื่อนที่สนิทพอที่จะไปขอค้างคืนก็ไม่มี ครั้นจะให้ไปเช่าห้องพักรายวันอยู่ ผมก็ไม่อยากจะเจียดเงินที่พอมีอยู่น้อยนิดไปใช้กับอะไรไม่เข้าท่าอีก หอเก่าก็ทำเรื่องคืนห้องเรียบร้อยแล้วด้วย สุดท้ายก็ได้แต่นั่งจ๋องอยู่ในร้านกาแฟแถวหอจนฟ้าเริ่มมืด หัวคิดไม่ตกว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง ใจก็อยากจะกลับไปที่หอนะแต่ก็ไม่อยากจะเจอหน้าคชาตอนนี้ เท่าที่ผมคิดออกก็เห็นจะมีก็แต่พี่ชิณณ์เท่านั้นแหละที่ผมจะขอไปพึ่งพาได้

บอกตามตรงผมไม่อยากไปรบกวนเขาหรอก อยู่กับพี่ชิณณ์ยังอึดอัดมากกว่าอยู่กับคชาอีก ทว่าเหมือนดูจะไม่มีทางเลือกสักเท่าไหร่เพราะอีกไม่นาน ร้านกาแฟที่ผมสถิตอยู่ก็จะถึงเวลาปิดแล้ว ผมจึงคว้าโทรศัพท์ออกมากดไล่ดูเบอร์พี่ชิณณ์ กะจะโทรขอความช่วยเหลือจากเก่า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าที่หน้าจอโทรศัพท์มีสายเรียกเข้าไม่ได้รับขึ้นเป็นสิบๆ สาย และสายพวกนั้นก็เป็นของ...

“คชา...”

ผมเอ่ยปากเบาๆ เมื่อเห็นว่ามีสายเรียกเข้าจากเบอร์เดิมมาอีกแล้ว ผมก็ยังไม่รับอยู่ดีด้วยไม่พร้อมจะคุยอะไรทั้งนั้น ดีนะที่ผมยังเปิดแจ้งเตือนระบบสั่นเอาไว้ตั้งแต่ตอนไปเรียน ไม่อย่างนั้นล่ะก็มันคงร้องลั่นร้านไปหลายรอบแล้ว

สายตัดไปแล้วก็สั่นขึ้นมาอีก ผมตัดสินใจกดตัดสาย กะว่าจะปิดเครื่อง ทว่าในจังหวะที่กำลังนั่งจิ้มๆ อยู่นั้น จู่ๆ หางตาก็เหลือบเห็นร่างสูงของใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้า

“ตัดสายทำไม”

มึงโผล่มาได้ยังไง!

หน้าเหวอไปทันทีที่เห็นคชาในสภาพเหนื่อยหอบน้อยๆ ชุดนักศึกษาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ มองมาที่ผมด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
“กะ...ก็เราไม่อยากรับ” ผมก็ดันตอบรับมันไปอีก แถมยังเผลอทำท่ากลัวมันราวกับว่าผมเป็นคนผิดไปอีก

ก็นะ ผมน่ะไม่ผิดหรอก แต่พอเห็นซีกหน้าหล่อๆ ของคชาที่มีรอยแดงช้ำจากการถูกหมัดผมกระแทกใส่ ผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาน่ะ ตั้งแต่เด็กยันโต ผมยังไม่เคยไปชกตีกับใครเลยสักครั้ง เรียกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้

“ทำไมไม่อยากรับ” คชาถามออกมาอีก
ตอนนี้ผมตระหนักแล้วว่าผมไม่ได้เป็นคนผิดแม้แต่นิดเดียว พลันข่มความรู้สึกก่อนหน้าลงไป ตอบกลับมันเสียงแข็ง
“แล้วนายทำอะไรกับเราไว้ล่ะ ยังจะต้องถามอีกหรือไงว่าทำไมเราถึงไม่อยากคุย”
“ถ้าไม่คุยแล้วจะเคลียร์กันได้เหรอวะ!” คชาเสียงดังขึ้นมา

สายตาของคนรอบข้างเหลือบมองมาทางพวกเราทันที
มองอย่างสงสัยก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง...แม่งพากันเข้าใจว่าผมกับไอ้คชาเป็นคู่ผัวเมียตีกันไปแล้วเรียบร้อย!

ผมไม่อยู่ให้ใครต่อใครเข้าใจผิดแน่นอน แค่คชาเอ่ยมาอย่างนั้น ผมก็ลุกพรวด
“ไม่ต้องเคลียร์เพราะเราไม่อยากคุย”
เดินอาดๆ ไปที่เคาน์เตอร์เพื่อที่จะจ่ายค่ากาแฟ ขณะที่กำลังล้วงกระเป๋าตังค์ออกมาจะจ่ายเงิน คชาก็เดินมาแทรก กระแทกแบงค์ร้อยสองใบลงบนเคาน์เตอร์ให้กับพนักงาน
“กูเลี้ยง”
ผมเหลือบมองหน้า “ไม่ต้อง”
“เถอะน่า”
“ไม่ต้องมาทำดีกับเราหรอกคชา เราไม่ต้องการ” ผมว่าอย่างรู้ทัน รู้สึกว่าตัวเองฝีปากแก่กล้าขึ้นพอสมควรที่กล้าสวนคืนคชาไปอย่างนั้น

ผมไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก เห็นคชาทำหน้าหงุดหงิดก็รีบเอื้อมมือไปคว้าแบงค์ร้อยพวกนั้นจะส่งคืน แต่คชาก็ชิงแย่งไปก่อนแล้วส่งให้พนักงาน

“บอกว่าจะเลี้ยง มึงอย่ามาเรื่องเยอะได้ไหม!”เสียงดังใส่ผมอีกแล้ว พนักงานถึงกับชะงักเลย ก่อนที่คชาจะหันไปบอกพนักงานคนนั้น “เอาเงินนั่นแหละพี่ คิดเงินเลย” จากนั้นก็หันมาจ้องหน้าผมขณะรอเงินทอน “มึงกับกูมีเรื่องต้องคุยกัน”
“ก็บอกแล้วว่าไม่คุย”
“มาตามง้อมึงถึงที่แล้ว อย่าเล่นตัวมากได้ไหม!” โวยวายมาอีกระลอก สีหน้าหงุดหงิดกว่าเดิมเท่าทวี

ตอนนี้แหละที่คนอื่นๆ ที่มองมาทางเรามั่นใจเต็มร้อยเลยว่า...ไอ้คชามันเป็นผัวผม!

โอ๊ย! ไม่ใช่!

แล้วใครจะฟังล่ะ กระซิบกระซาบ ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเลยสำนึกได้ว่าผมผิดเองที่ทำท่าสะบัดสะบิ้งใส่มันอย่างนั้น อย่างกับเมียงอนผัวไม่มีผิด...

วินาทีนั้นตัดสินใจอยู่นิ่งๆ ทันตา คชามันก็คงจะกลัวผมหนี ได้ตังค์ทอนแล้วก็เอื้อมมือมาคว้าแขนผมหมับ

“ไปที่รถ จะได้คุยกันสักที”
พลันลากถูลู่ถูกังออกจากร้านกาแฟไปโดยไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไรแม้แต่น้อย สำหรับผมน่ะมันไม่มีปัญหาอะไรหรอกเพราะยังไงก็ไม่มีใครรู้จักผม แต่กับคชาที่เป็นทูตกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ซ้ำยังมีป้ายโปสเตอร์แปะหราไปทั่ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีคนพูดถึงอยู่แล้ว

แต่ก็สมน้ำหน้ามัน ทีนี้แหละคนจะได้รู้กันทั้งมหาวิทยาลัยว่ามึงเป็นเกย์!

คชาลากผมขึ้นรถ ขับออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ มันก็ไม่ได้พาผมไปไหนไกลหรอก พากลับมาที่หอนี่แหละ จอดที่ลานจอดรถของหอได้ มันก็ไม่ยอมปลดล็อกประตูจนกระทั่งผมเอื้อมมือไปทำท่าจะเปิด เท่านั้นมันก็คว้าแขนผมไว้หมับ

“กูยังไม่ได้บอกให้มึงลงเลย กูเคลียร์กับมึงแล้วหรือไง”
“จะคุยอะไรก็รีบคุยสิ” ผมว่า
คชาหันมามอง ถอนหายใจออกมาเต็มแรง
“นี่มึงโกรธจริงจังเลยเหรอวะ”

ถามมาอย่างนี้ ผมก็ไม่ตอบสิ โดนต่อยไปขนาดนั้นยังจะมีหน้ามาถามอีก

คชาถอนหายใจออกมาอีก
“กูก็แค่แกล้งเล่นเฉยๆ”

ผมเงียบ

“ใครจะไปคิดล่ะวะว่ามึงจะหัวร้อนขนาดนั้น ผู้ชายด้วยกันนะเว้ย”

ผมเงียบอีก คราวนี้คชาเหลือบมามองผม พ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง

“โอเคๆ กูยอมแล้ว กูผิดเอง แต่ที่กูทำมีเหตุผลนะ”
“แล้ว?”
“กูเชื่อเรื่องที่มึงพูดไม่ลงนี่หว่า ก็เลยลองพิสูจน์ว่าจริงไหมเท่านั้น”

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ย่นคิ้ว
“ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อสิ ไม่เชื่อก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมาแกล้ง นายสนุก แต่สำหรับเรามันกระทบกระเทือนจิตใจมากเลยนะ” ผมว่าสวน

ตอนนี้เองที่คชาเงียบไป หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันค่อยๆ คลายออก ก่อนจะเงียบไป ผมเองก็เงียบเช่นกัน ที่เงียบน่ะเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ใจตอนนี้ไม่อยากจะเจอหน้าคชาสักเท่าไหร่เพราะการที่มันยอมรับความผิด มันเหมือนแค่ตอบรับไปให้เรื่องมันจบก็เท่านั้น จนถึงตอนนี้คำว่า ‘ขอโทษ’ ยังไม่หลุดออกจากปากมันมาสักคำ

แล้วเราก็เงียบกันอยู่อย่างนั้นจนผมชักจะอึดอัด กะจะหนีมันออกจากรถอยู่แล้วถ้าคชาไม่พูดขึ้นมาก่อน
“ที่มึงบอกว่าสบตาคนอื่นแล้วเสื้อผ้าหายไป ตกลงมึงพูดจริงเหรอ”

ผมพยักหน้า ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกจากปากผมเพื่ออธิบายเรื่องนี้อีกเพราะผมพูดไปแล้ว
คชาก็ยังทำหน้าเหมือนไม่เชื่อนั่นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถาม
“เกิดขึ้นได้ยังไงวะ แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตอนสิบขวบ เราปีนต้นไม้เล่นแล้วตกลงมาหัวกระแทกพื้น จากนั้นก็เห็นอะไรแบบนี้มาตลอด”
“สมองได้รับการกระทบกระเทือนเลยทำงานบกพร่องอะไรงี้?”
“เปล่า แค่หัวแตก”
“เป็นไปได้เหรอวะ”
“ถ้าไม่เชื่อก็ดูที่หัวยังมีรอยแผลเป็นอยู่เลย เย็บตั้งสิบเข็ม” ผมยื่นหัวเข้าไปใกล้เล็กน้อย
“ไม่เป็นไร กูก็แค่ถามเฉยๆ” คชาเบี่ยงตัวออก

ผมอ่านสีหน้าเรียบเฉยของมันไม่ออกหรอกว่ามันคิดอะไรอยู่ แต่ก็เดาเอาว่ามันคงจะไม่เชื่อหรอก ถึงตอนนี้ผมไม่ขอร้องให้มันเชื่อแล้ว

จะคิดยังไงกับผมก็ช่าง ผมไม่อยากจะสนใจแล้ว การพยายามทำให้คนอื่นเชื่อในสิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราเป็นแต่เขาไม่เชื่อเนี่ย มันเหนื่อยมากเลยนะ ขนาดแม่กับพี่สาวผมยังไม่เชื่อเรื่องนี้เลยแม้ว่าผมจะบอกพวกนั้นไปตั้งแต่แรกเริ่มที่ผมเห็นภาพอะไรแบบนั้นแล้วก็ตามจนผมล้มเลิกความคิดที่จะพยายามให้คนอื่นมาทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องเผชิญเป็นที่เรียบร้อย

ทว่าพอผมนั่งเงียบไปอีกครั้ง คชาก็เอามือมาวางไว้บนกระหม่อมผมแล้วว่าลอยๆ ขึ้นมา
“ถึงมันจะน่าเชื่อยากไปหน่อย แต่ถ้ามันเป็นจริง เรื่องวันนี้กูต้องขอโทษมึงด้วย”

เป็นครั้งแรกที่คำขอโทษหลุดออกจากปากคชา ผมหันขวับไปทันที แล้วก็เห็นว่าคชาพูดโดยไม่มองหน้า พลันว่าต่อขึ้นมาอีกทันทีที่ผมหันไปมอง

“แต่ต่อให้มึงจะมองไม่เห็นหรือโกหกกู กูก็ไม่ควรวางแผนไปแกล้งมึงอย่างนั้น วันนี้ก็แกล้งแรงไปจริงๆ เพื่อนกูดันให้ความร่วมมือมากไปหน่อย เอาเป็นว่าถ้ากูขอโทษ”

ฟังแล้วก็ค่อยๆ คลายความขุ่นเคืองก่อนหน้าได้ แต่ขนลุกนิดหน่อยที่มันมาง้ออย่างนี้ และมันก็ทำให้ผมขนลุกมากขึ้นไปอีกเมื่อมันหันมาสบตาแล้วพูดออกมา

“ถ้าเราผิด เราขอโทษ หายโกรธเรานะ”

จู่ๆ ก็เปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมที่ถูกพูดใส่อย่างนั้นก็อึ้งไปเลย อะไรไม่ว่า ที่แขนงี้เป็นตุ่มหนังไก่เป็นที่เรียบร้อย

ขนลุกฉิบเป๋ง!

“ไม่...ไม่เป็นไร” ผมรีบตอบรับก่อนที่มันจะทำเรื่องน่าขนลุกมากกว่านี้
คชาเลยดึงมือออกจากหัวผมได้ พลันพูดออกมาอีก
“คืนนี้ก็กลับไปนอนที่ห้องเหมือนเดิมแหละ เป็นผู้ชายอย่างอนนานนักเลย ขี้เกียจตามง้อบ่อยๆ ถ้ากูเป็นผัวมึงก็ว่าไปอย่าง”
ขนลุกไปเป็นระลอกที่สองแม้ว่ามันจะกลับมาพูดด้วยสรรพนามปกติของมันแล้วก็ตาม

กูก็ไม่เอามึงมาทำผัวหรอกเว้ย!

ไม่ใช่แค่มัน คนอื่นผมก็ไม่เอา คิดแล้วก็ขนพองสยองเกล้า แต่ก็แสร้งหัวเราะแห้งๆ ให้กับคำพูดของมันไป
“วันหลังแค่ขอโทษเราก็พอ สำนึกผิดแล้วขอโทษแค่นี้เราก็พอใจแล้ว ไม่ต้องง้ออะไรขนาดนี้หรอก”

คชาชำเลืองมองพลันพยักหน้า “อือ แล้วมึงกินข้าวหรือยัง”
ผมส่ายหน้า ก็ตั้งแต่ออกจากห้องมา ผมก็เอาแต่นั่งสิงอยู่ที่ร้านกาแฟ ข้าวอะไรไม่ทันได้คิดหรอกว่าต้องกินด้วย
“งั้นกูเลี้ยงแล้วกัน ไถ่โทษเรื่องวันนี้”

ผมยังไม่ทันจะตอบรับเลย คชาก็ถอยรถออกจากลานจอดรถ ขับออกไปถนนใหญ่เป็นที่เรียบร้อย ผมก็เลยปล่อยให้เลยตามเลยกระทั่งมันพาผมไปที่ร้านข้าวต้มกุ๊ยไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสักเท่าไหร่นัก

มานั่งโต๊ะได้ มันก็สั่งอาหารโดยถามผมเป็นระยะว่ากินนั่นได้ไหม กินนี่ได้ไหม ผมก็เออออไปตามประสา พออาหารมา ก็ไม่วายบริการผมด้วยการตักใส่ถ้วยข้าวให้อีกจนผมต้องออกปากบอกให้มันพอ

“พอแล้วล่ะ ไม่ต้องดูแลเราขนาดนี้ก็ได้”
“เอาน่า กูถือว่ากูเป็นคนผิด อีกอย่างมึงก็เป็นรูมเมทกู กูจะดูแลรูมเมทตัวเองหน่อยก็คงไม่เป็นไรเพราะยังไงมึงก็ไม่ต่างอะไรจากเพื่อนกูหรอก”

ดูแลดีจนขนลุก แต่ยอมรับตามตรงว่าผมก็รู้สึกดีไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีเพื่อนอย่างจริงจัง คำพูดของคชาทำเอาผมหลุดยิ้มออกมาทันควัน แบบว่าดีใจที่มีเพื่อนน่ะ และการที่จู่ๆ ผมก็ยิ้มออกมา ทำให้คชาย่นคิ้วเล็กน้อย

“ยิ้มอะไรของมึงวะ”
“เปล่า”

คชานิ่วหน้าไปครู่ ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“กูก็ลืมไปเลยว่ามึงชอบกูนี่หว่า แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าที่กูทำกับมึงอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่ามีใจให้มึง อย่าเข้าใจผิด”

มึงคิดไปเองทั้งนั้นไอ้คนหลงตัวเอง ใครไปเข้าใจผิดกับมึงเนี่ย!

“อย่าลืมว่ากูมีท่านฮิคารุคนเดียว ไม่มีสิ่งใดจะเปลี่ยนใจกูได้”

แล้วกูพูดเหรอว่าอยากได้อยากโดนมึงน่ะ!

ผมผิดเองแหละที่เผลอมองว่ามันเองก็เป็นคนดีเหมือนกัน ลืมไปเสียสนิทเลยว่าไอ้คชามันเป็นผีบ้า พลันคว้าตะเกียบมาพุ้ยข้าวเข้าปาก ก่อนจะถามมันออกมาด้วย

“มีท่านฮิคารุ แล้วพี่ชิณณ์จะไม่เอาแล้วว่างั้น”
พูดไปงั้นแหละ ไม่ได้คิดอะไร แต่ทำให้คชานึกออกมาได้ทันควัน
“เออว่ะ กูก็ลืมไปว่ากำลังเต๊าะพี่ชิณณ์อยู่”

นั่นไงมึง ไอ้หลายใจ ไหนบอกว่าไม่มีสิ่งใจมาเปลี่ยนใจมึงจากฮิคารุเหวอะไรนั่นได้ไง

ผมอดเบ้ปากออกมาไม่ได้เลย แล้วก็ต้องสำลักข้าวระลอกใหญ่เมื่อได้ยินมันพูด
“มึงช่วยกูจีบพี่ชิณณ์หน่อยดิ”
“แค่ก! เอาจริงอะ” พอจะบรรเทาไอได้ก็ร้องถาม มองหน้าคชาด้วย
คชาพยักหน้า “เอาจริง กูว่ากูชอบพี่ชิณณ์ว่ะ”
“ไหนว่าไม่ได้เป็นเกย์ไง”
“ก็ไม่ได้เป็น แต่พี่ชิณณ์เป็นผู้ชายคนเดียวที่กูชอบ”

แหม ไอ้พระเอกนิยายวาย! ฟังแล้วก็หมั่นไส้ชะมัด แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็ชัดเจนแล้วล่ะว่าชอบพี่ชิณณ์ ผมเองก็จะได้ชัดเจนเหมือนกันว่าไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชิณณ์เลยสักนิดนอกจากจะเป็นพ่อสื่อให้มันเฉยๆ

“เราก็ไม่มีปัญหาหรอกถ้าจะช่วยนายจีบพี่ชิณณ์น่ะ แค่อย่าแกล้งเราอย่างวันนี้ก็พอ”
คชายิ้มกว้างรับทันที
“ไม่แกล้งแล้ว เดี๋ยวกูจะให้พวกมันมาขอโทษมึงด้วย”

ผมมองคชาที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วก็อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าพี่ชิณณ์เป็นเกย์หรือมีใจชอบเพศเดียวกันอยู่บ้าง คชาคงจะจีบพี่ชิณณ์ติดได้แบบง่ายๆ อย่างแน่นอน ก็คชาน่ะมันหล่อจะตาย ยิ่งตอนยิ้มยิ่งโคตรหล่อ หล่อเสียจนน่าอิจฉา แต่ทุกความอิจฉาก็ถูกกลบลงได้ด้วยประโยคถัดไปที่หลุดออกจากปากมัน

“ขอบใจมากเพื่อน”

เพื่อนเหรอ...

ผมมีเพื่อนเป็นตัวเป็นตนจริงจังแล้วสินะ

ดีใจแฮะ...




 
หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็กลับมาที่หอกับคชา ระหว่างทางก็คุยกันไปด้วยว่าจะจีบพี่ชิณณ์ยังไงดี จากการวิเคราะห์พี่ชิณณ์ด้วยสายตาและอุปนิสัยเท่าที่พอจะรู้จักกันแล้ว ดูท่าทางพี่ชิณณ์จะเป็นคนเจ้าสำอางไม่น้อย และแน่นอนว่าคนเจ้าสำอางก็จะต้องชอบคนที่ดูดีเหมือนกัน ดังนั้นคชาจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะออกกำลังกายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ได้ยินคชาเล่าว่าปกติมันก็ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ช่วงเดือนสองเดือนนี้เพลาลงเพราะวุ่นวายเรื่องเรียนและกิจกรรม ทว่าต่อจากนี้คงจะต้องกลับมาออกกำลังอย่างจริงจังอีกครั้ง ทั้งหมดก็เพื่อสร้างหุ่นมาดแมนแฮนด์ซัมให้พี่ชิณณ์หลงใหลอยากได้อยากโดนอะไรแบบนั้น

บอกตรงๆ ว่าผมนึกไม่ออกเลยนะว่าผู้ชายด้วยกันมันจะไปหลงใหลอยากได้ผู้ชายหุ่นดีทำไม ถ้าอยากได้หุ่นแมนๆ เต็มไปด้วยกล้ามกับร่างกายตัวเองอันนั้นก็ว่าไปอย่าง แต่ผมก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรนอกจากฟังที่คชาพูด

มันบอกว่าวันนี้ดึกแล้ว คงทำได้แค่ออกกำลังกายเบาๆ เช่น ซิทอัพสักพันครั้งอะไรอย่างนั้น พร้อมกับขอให้ผมช่วยมันด้วย ผมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นชุดสบายๆ เรียบร้อย ผมก็มายืนรอให้คชาเตรียมข้าวของ

หมอนั่นเอาเสื่อโยคะมาปู ถอดเสื้อออก สวมแต่กางเกงขาสั้นแล้วทิ้งตัวลงนอน
“มึงคอยจับข้อเท้ากูไว้นะ รู้ใช่ไหมว่าต้องจับยังไง”

ผมตอบรับ เดินไปที่ปลายเท้าแล้วทรุดตัวลงคุกเข่าจับข้อเท้าของคชาตรึงเอาไว้กับพื้น ก่อนคชาจะร้องถามอีกครั้ง

“พร้อมนะ?”
ผมพยักหน้า พอพยักปุ๊บ คชาก็เอาแขนทั้งสองข้างมาไขว้เป็นรูปกากบาทที่หน้าอก พลันยกตัวขึ้นมา
“ฮึบ!”

กล้ามเนื้อเป็นลอนแข็งๆ ปรากฏให้เห็นที่หน้าท้องทันที ผมมองแล้วก็ได้แต่ร้องโอ้โหอยู่ในใจด้วยเมื่อครู่ไม่ทันได้สังเกตว่าร่างกายของคชาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ

นั่นซิกส์แพ็กหรือขนมปังปลา เป็นลูกๆ ก้อนๆ ขนาดนั้น คนบ้าอะไรมันจะทั้งหน้าตาดี ทั้งหุ่นดีได้ขนาดนี้วะ

บอกตามตรงว่าอิจฉาความเพอร์เฟ็กของมันขึ้นมาอีกรอบละ ได้ยินมาว่านอกจากรูปร่างหน้าตาดี แถมกิจกรรมเด่นแล้ว มันยังเรียนดีอีกต่างหาก จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าจริง มันก็เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างเลยนะ เสียอย่างเดียวที่มัน...หลงตัวเองผิดมนุษย์มนา

“มึง...ว่ากูหล่อไหม...หนึ่ง”
จู่ๆ คชาที่ดันตัวขึ้นมาก็ร้องถาม ทำเอาผมที่จับข้อเท้ามันอยู่พยักหน้ารับแทบไม่ทัน
“ก็หล่อ ถามทำไม” ผมว่าไปตามความจริง

คชาทิ้งตัวลงนอนก่อนจะลุกขึ้นมาตอบ
“กูแค่...อยากรู้...สอง”

ซิทอัพไปด้วย ถามเรื่องตัวเองหล่อไหมไปด้วย ผมเห็นแล้วก็นึกสมเพชมันขึ้นมา

ถึงจะเพียบพร้อมทุกอย่างแต่ก็มีปมด้อยเรื่องความไม่มั่นใจตัวเองล่ะสินะ

“อือ หล่อๆ”
ยอมันไปหน่อย ตอบแทนที่มันอุตส่าห์ทำดีกับผม มันจะได้มั่นใจในตัวเองขึ้นมาบ้าง

พอพูดไปอย่างนั้น คชาก็ยิ้มกว้าง ฉับพลันก็มีลูกบ้าขึ้นมา ซิทอัพแล้วก็ร้องเสียงดัง
“คชาหล่อเหลาเขายายเที่ยง! สาม!”

ทิ้งตัวลงนอน ลุกขึ้นมาใหม่
“คชาหล่อวัวตายควายล้ม! สี่!”

ทิ้งตัวลงไปอีก ลุกขึ้นมาอีก
“คชาหล่อวารีดำเนิน! ห้า!”

ล้มตัวลงไปอีกที ลุกขึ้นมาพร้อมกับคำป้อยอตัวเองประโยคใหม่ ส่วนผม...ตอนนี้ประจักษ์แล้วล่ะว่าปมด้อยของคชามันไม่ใช่เรื่องไม่มั่นใจในตัวเองอะไรนี่หรอก แต่เป็นเรื่อง...

มึงมันหลงตัวเองเกินไปไอ้คชา! เป็นโรค Narcissistic เหรอ!

โรคนี้เป็นโรคทางจิตเวช ชื่อภาษาอังกฤษเต็มๆ คือ Narcissistic Disorder และมีชื่อภาษาไทยว่าโรคคลั่งตัวเองหรือหลงตัวเอง ผมว่าสำหรับคชา มันทั้งคลั่งทั้งหลงตัวเองเลยล่ะ ตั้งแต่รู้จักกับมันมา ไม่เคยเห็นมันไม่หลงตัวเองเลยสักวัน

หนักข้อขึ้นไปอีกด้วยเมื่อมันซิทอัพเสร็จ มันก็ลุกขึ้นมาเดินตรงไปยังกระจกที่ตู้เสื้อผ้า เอียงตัวเล็กน้อย มองภาพสะท้อนของตัวเองในสภาพเหงื่อท่วมกายแล้วก็ยิ้มมุมปาก
“หล่อจริงๆ นะเรา”

ชมตัวเองไม่พอ เอาแขนไปเท้าที่กระจก หัวเราะหึๆ ในลำคอ
“หล่อสลัดรัสเซีย”

ผมมองแล้วก็อดทำหน้าเบ้ไม่ได้

คชา...กูว่ามึงต้องกินยา มึงขาดยานานเกินไปละ

แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะคชาหันมาบอกผมเร็วๆ
“กูขออาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัวว่ะ” แล้วก็ตรงเข้าห้องน้ำไปเลย

ผมไม่ได้ท้วงอะไร ทิ้งตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนลงบนเตียง เอาหูฟังเสียบหู เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบเห็นประตูห้องน้ำเปิดพร้อมกับใบหน้าของคชาที่โผล่ออกมาพูดอะไรบางอย่าง ด้วยความที่ผมใส่หูฟัง ผมเลยไม่ได้ยิน พอจะเอาหูฟังออกแล้วร้องถาม คชาก็ทำหน้าหงุดหงิดก่อนจะทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิดด้วยการเดินออกจากห้องน้ำในสภาพโทงเทง

มะ...แมมมอสยังไม่สูญพันธุ์!

แมมมอสจริงๆ ถ้าเทียบกับกลุ่มพวกเพื่อนมันที่ผมเห็นมาวันนี้ เล่นเอาผมอ้าปากค้างได้นี่ถือว่าไม่ธรรมดาแล้วล่ะ

เป็นควาญช้างให้เพื่อนมันยังไม่พอ ต้องมาเป็นควาญช้างแมมมอสให้มันด้วยเหรอวะ แต่เดี๋ยวนะ... นี่ผมสบตามันแล้วเสื้อผ้าหาย!?

อารามตกใจพวยพุ่งทันที ก่อนคชาจะเดินผ่านหน้าไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาดึงหูฟังที่เสียบหูผมอยู่ออก

“เปิดเพลงฟังซะดัง กูบอกให้เอาผ้าเช็ดตัวมาให้หน่อย ไม่ได้ยินเหรอวะ”

ก็ไม่ได้ยินน่ะสิเว้ย!

แต่ได้ยินอย่างนั้น ผมก็รีบจับต้นชนปลายทันที

แสดงว่าผมไม่ได้สบตามันแล้วเห็นเปี๊ยว แต่มันเดินห้อยโตงเตงมาให้เห็นเองล่ะสินะ

โล่งใจไปทันที แทบจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่ก็เก็บอาการไว้ ในขณะที่คชาบ่นผมอีกนิดหน่อยที่ไม่ได้ยินเสียงมันจนมันต้องแก้ผ้าออกมาให้ผมเห็น ตบท้ายด้วยการพูดว่า...

“เป็นบุญตาล่ะสิ อย่าเก็บเอาไปฝันล่ะ”

เก็บเอาไปฝันแป๊ะอะไรล่ะ!

มียาล้างตาไหม กูจะเทราดตาตัวเองเดี๋ยวนี้เลย!
---------------------------------
ในที่สุดมาวินก็ได้เจอช้างแมมมอธของคชา 555
ตอนนี้กะว่าจะให้มีโมเม้นต์น่ารักๆ กัน แต่พอครึ่งหลังก็พ่ายแพ้ให้กับความหลงตัวเองของคชา เป็นพระเอกผีบ้ามากๆ วงวารมาวิน 555

เรื่องนี้ตั้งแต่บทนำถึงตอนที่ 6 จะค่อนข้างมีคำผิดเยอะ แล้วรายละเอียดบางส่วนก็ไม่ตรงกันนิดๆ หน่อยๆ นะคะเพราะหนูแดงทิ้งไว้นาน พอมาแต่งต่อมันเลยต้องแก้ใหม่ทั้งหมด แต่หนูแดงขี้เกียจอัปใหม่ ไว้ไปอ่านในรูปเล่มฉบับสมบูรณ์ที่จะออกกับ สนพ.พบรัก เอาแล้วกันนะ

ส่วนตอนหน้า พรุ่งนี้จะมาต่อให้ค่ะ ฝากฟีดแบ็กไว้ให้ชื่นใจด้วยนะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 7:ถ้าเราผิด เราขอโทษ[100%][23-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-04-2017 00:12:40
อ่านๆไปนี่อยากสั่งยาให้คชา อาการหนักมาก 55555555555555555555  :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 7:ถ้าเราผิด เราขอโทษ[100%][23-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 23-04-2017 00:52:42
ขำ ไม่ไหวแล้ววววว โคตรทรมานต้องกลั้นขำเพราะเมทนอนตั้งแต่ตอนแรกมาถึงตอนล่าสุด   บอกได้คำเดียวอิคชา อิบ้าาาาา กรีดร้องเป็น  วรนุชครั้งแล้วครั้งเลา แม่งงงงงไม่ไหวกับสติ  โอ้ยยย ยิ่งอ่านยิ่งขำ สงสารวิน ดงแตงกวา คงหลอนน่าดูแต่เด็ก ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 7:ถ้าเราผิด เราขอโทษ[100%][23-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-04-2017 01:00:56
 :z1: :m20: :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 7:ถ้าเราผิด เราขอโทษ[100%][23-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-04-2017 03:18:27
ยังดีที่รู้สึกผิดและขอโทษเป็น
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 7:ถ้าเราผิด เราขอโทษ[100%][23-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-04-2017 13:59:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 7:ถ้าเราผิด เราขอโทษ[100%][23-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-04-2017 14:21:23
ออร่าพระเอกจะเปลี่ยนไปก็อีตอนหลงตัวเองนี่ละ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 7:ถ้าเราผิด เราขอโทษ[100%][23-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 23-04-2017 16:27:04
 :hao6:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 7:ถ้าเราผิด เราขอโทษ[100%][23-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: yotisssa ที่ 23-04-2017 21:25:51
 :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 7:ถ้าเราผิด เราขอโทษ[100%][23-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-04-2017 22:18:38
 :mew1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 7:ถ้าเราผิด เราขอโทษ[100%][23-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 23-04-2017 23:00:46
โอ้ยยยยย ให้ตายเถอะ เหมือนตอนนี้กำลังตามติดชีวิตคนบ้า55555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 7:ถ้าเราผิด เราขอโทษ[100%][23-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 24-04-2017 01:02:34
สบตา ครั้งที่ 8: สเปกของพี่ชิณณ์

วันใหม่มาถึง คชาก็ให้เพื่อนมันที่รุมแกล้งผมวันนั้นมาขอโทษผมอย่างที่มันพูด ไม่ได้ขอโทษต่อหน้าหรอก ผ่านการโทรศัพท์น่ะเพราะต่างคนต่างยุ่ง จะให้ตามมาเจอกันทีละคนก็ไม่สะดวก และแน่นอนว่าตัวมันเองก็ขอโทษเพื่อนมันด้วยที่เป็นต้นเหตุสร้างความเดือดร้อนให้ ซึ่งนั่นทำให้ผมมองคชาในแง่ดีมากขึ้นว่าถึงมันจะดูผีบ้าผีบอ หลงตัวเองแล้วยัดเยียดความเป็นเกย์ให้ผมแค่ไหน แต่มันก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่แปลกใจว่าทำไมมันถึงมีเพื่อนเยอะแล้วเพื่อนๆ ก็รักมันมาก ขนาดผมยังดีใจที่เป็นเพื่อนกับมันเลยแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ค่อยสนิทสนมกันเท่าที่ควรก็เถอะ

และเพราะความดีใจที่เป็นเพื่อนกับมัน ประกอบกับความใจดีของมันที่อุตส่าห์รับผมไปอยู่ในวงโคจรชีวิต ผมเลยตกปากรับคำมันเรื่องช่วยจีบพี่ชิณณ์ไปอย่างเผลอตัว พอรับปากไปอย่างนั้น ผมก็ต้องเริ่มทำตามแผนเมื่อพี่ชิณณ์โทรมานัดให้ไปหาข้อมูลสำหรับทำเปเปอร์ด้วยกันในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ พอคชารู้เรื่อง มันก็ไม่รอช้า รีบมาวางแผนสั่งการผมทันที

“พี่ชิณณ์ชวนมึงไปทำงานที่ห้องสมุดใช่ไหม ทีนี้เป็นหน้าที่มึงแล้วนะที่จะทำยังไงก็ได้ให้พี่ชิณณ์เปลี่ยนที่ทำงานมาที่ห้องเรา กูจะได้ใกล้ชิดกับพี่เขา”
“แล้วทำไมนายไม่ตามไปที่ห้องสมุดล่ะ”
“ถ้ากูตามไป พี่ชิณณ์ก็รู้สิวะว่ากูจีบ กูไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย”

มึงจะยังอ้างว่าตัวเองไม่เป็นเกย์อีกเหรอไอ้คชา! เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว!

“ถ้ามึงชวนพี่ชิณณ์มาทำงานที่ห้องเราไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยวันนี้มึงต้องได้ข้อมูลมานะว่าสเปกพี่ชิณณ์เป็นแบบไหน”
“หมายถึงสเปกผู้หญิง?”
“สเปกผู้หญิงเอามาทำเตี่ยอะไร สเปกผู้ชายสิวะ”

แล้วมึงมั่นใจขนาดไหนล่ะวะว่าพี่ชิณณ์ชอบผู้ชาย เขาอาจจะไม่ได้เป็นเกย์เหมือนมึงก็ได้นะเว้ย!

แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปหรอก เข้าใจว่าคชามันตั้งความหวังเอาไว้มากเลยไม่อยากจะไปขัดมัน พูดตามตรงก็คือไม่อยากจะไปขัดมโนของมัน ไอ้บ้านี่ไม่ยอมรับตัวเองว่าเป็นเกย์ไม่เท่าไหร่ แต่ยัดเยียดให้ชาวบ้านเป็นเกย์ไปทั่ว เห็นแล้วอยากจะด่าพ่อล่อแม่มันนัก ส่วนเรื่องที่คงไม่อยากจะจีบอย่างประเจิดประเจ้อเลยวางแผนล่อให้พี่ชิณณ์มาที่ห้องแล้วตีเนียนใกล้ชิด สบโอกาสจีบอะไรแบบนั้น เป็นผม ผมก็ไม่กล้าจีบพี่ชิณณ์ซึ่งๆ หน้าเหมือนกัน ผู้ชายอะไรแม่งน่ารักเกิน ไม่ใช่ว่าน่ารักเพราะรูปร่างหน้าตาด้วยนะ เขาตัวใหญ่กว่าผมอีก แต่นิสัยต่างหากล่ะที่น่ารัก ไม่เชื่อก็ลองดูจากตอนที่ผมไปนั่งหาข้อมูลกับเขาที่ห้องสมุดได้ ระหว่างที่ผมเอาแต่ก้มหน้าก้มตาโน้ตหน้าหนังสือวิทยานิพนธ์ที่พอจะเอาไปใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้ลงบนกระดาษ พี่ชิณณ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ หน้าตาเฉย

“หัวเราะอะไรเหรอครับ” ผมเหลือบมองเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากถาม
พี่ชิณณ์ส่ายหน้าพรืด “ไม่มีอะไร”

แล้วผมก็ไม่ได้สนใจ ก้มหน้าลงไปอีก พลันได้ยินเสียงหัวเราะนั่นอีกครั้ง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าพี่ชิณณ์ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง สายตาจับจ้องมาที่ผมพลางยกยิ้ม

เป็นรอยยิ้มที่ดูดีโคตร รับรองเลยว่าคชาเห็นแล้วต้องหลงหัวปักหัวปำอย่างแน่นอน แค่ขนาดเมื่อกี้มีนักศึกษาผู้หญิงเดินผ่านมายังพากันกระซิบกระซาบชวนให้มองพี่ชิณณ์กันเลย แบบนี้จะไม่เรียกว่าดูดีได้ยังไง

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือมานั่งมองผมแล้วหัวเราะทำไมมากกว่า
“มีอะไรเหรอครับ” ผมเกิดประหม่าขึ้นมาที่ถูกจ้องเลยต้องถามออกไปอีกครั้ง

พี่ชิณณ์ใช้มือข้างที่ถือปากกาอยู่มาปัดผมหน้าม้าของผมที่ยาวปรกตาให้เปิดออก
“ผมยาวทิ่มตาแล้วนะมาวิน”

พอแสงสว่างโผล่เข้าตาปุ๊บ เห็นภาพพี่ชิณณ์เปลือยชัดเจน ผมก็รีบหันหน้าหนีปั๊บอย่างลืมตัว ทำเอาพี่ชิณณ์เลิกคิ้วสูง ตอนนี้เองที่ผมรู้สึกตัวว่าทำเสียมารยาท แต่พี่ชิณณ์ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากถามเรื่องผมหน้าม้าเท่านั้น

“ทำไมไว้ยาวขนาดนี้ล่ะ ทิ่มตาขนาดนี้ไม่รำคาญเหรอ”
“ผมชอบแบบนี้ครับ” ผมตอบอย่างขอไปที แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่ชิณณ์หยุดตอแยได้เลย
“แต่พี่ว่ามาวินเปิดหน้าแบบเมื่อกี้จะดูดีกว่านะ”

คราวนี้ผมเหลือบมองเขา ทำให้เขาถือวิสาสะเอื้อมมือมาปัดผมหน้าม้าของผมขึ้นอีก
“เปิดหน้าแบบนี้แล้วเห็นไฝใต้ตาน่ารักจะตาย ทำผมดีๆ หน่อย รับรองว่ามาวินต้องมีคนมาชอบเยอะแน่ๆ”
ตามด้วยรอยยิ้มกว้างอีกที ผมมองแล้วก็เกิดหน้าร้อนขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเขินพี่ชิณณ์นะ

...เขินหัวนมพี่ชิณณ์

ชมพูอะร้าอร่ามมาก เห็นบ่อยแต่ไม่เคยเห็นชัดเจนขนาดนี้ เต่งตึงน่าดีดมาก ไม่อยากจะพูด รับรองเลยว่าถ้าคชาเห็น มันต้องเก็บความหื่นไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะมันจะไม่ดีด แต่มันจะทำอย่างอื่นแทน

ส่วนผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะมองหรอกแต่สายตามันไปเอง พลันก็ต้องเบนสายตาหลบหัวนมไปพูดเรื่องอื่น
“ผมไม่สนหรอกครับว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบ”
“ถ้าไม่สน แต่อย่างน้อยก็เพื่อความสะดวกของตัวเองนะ ลองไปตัดดีไหม พี่เห็นแล้วรำคาญแทนจัง ให้พี่พาไปตัดก็ได้นะ”

ผมก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอก ผมมีเหตุผลที่ต้องไว้ผมเผ้าปิดหน้าผิดตาแบบนี้ การมองเห็นไม่ชัดเพราะผมปรกตานี่แหละที่พอจะช่วยชีวิตผมอยู่บ้างเวลาไปสบตาผู้ชายคนไหนเพราะมันทำให้มองเห็นงวงช้างไม่ชัด แต่พอนึกขึ้นได้ว่าผมจะต้องหลอกล่อพี่ชิณณ์ให้ไปที่ห้อง หรือไม่ก็หลอกถามเรื่องสเปกผู้ชายที่พี่ชิณณ์ชอบให้คชา ก่อนจะพูดออกไป

“ถ้าผมยอมไปกับพี่ชิณณ์ พี่ชิณณ์พอจะตอบคำถามผมได้ไหมครับ”
พี่ชิณณ์ทำหน้างุนงงทันทีที่ผมเสนอเงื่อนไขออกไป พลันถามกลับ
“มาวินอยากจะถามอะไรพี่ล่ะ”
“พี่ชิณณ์...” แล้วก็เงียบไป ไม่มั่นใจว่าควรจะถามไหม จนพี่ชิณณ์ต้องถามซ้ำ
“พี่ชิณณ์ทำไมครับ”
“พี่ชิณณ์ชอบผู้ชายหรือเปล่าครับ”

ตัดสินใจพูดออกไปแล้ว พี่ชิณณ์ที่ได้ยินคำถามถึงกับนิ่งงัน ผมก็นึกได้ในตอนนี้ว่า...

แม่งไอ้พี่ชิณณ์มันเข้าใจว่าผมเป็นเกย์ที่บ้าสะสมหนัง GV ของพระเอกที่หน้าตาคล้ายพี่ชิณณ์อยู่นี่หว่า ถามไปอย่างนี้ก็เข้าใจว่าผมถามให้ตัวเองน่ะสิโว้ย!

อยากจะตบปากตัวเองแล้วแก้ตัวว่าถามให้คชาชะมัด แต่จะให้ขายเพื่อนที่มีแค่คนเดียว ผมก็ทำใจลำบาก ในหัวเลยคิดหาข้อแก้ตัวใหม่เป็นการใหญ่ ทว่าเหมือนจะไม่จำเป็นแล้วเมื่อจู่ๆ พี่ชิณณ์ก็หัวเราะแล้วยิ้มออกมา

“มาวินอยากรู้เหรอ”

ถึงตอนนี้แล้ว ผมจะไปปฏิเสธอะไรได้ จึงได้แต่พยักหน้า

“อยากรู้ทำไม” พี่ชิณณ์ถามคืนมาอีกแล้ว ใบหน้ามีรอยยิ้มแต่งแต้ม

ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่สร้างความกดดันเป็นอย่างมาก ผมอึกอักไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว

“คือผม...”
“พี่ไม่ถามแล้วก็ได้ เอาเป็นว่าถ้ามาวินอยากรู้ก็ไปตัดผมกับพี่นะ พี่พาไป” พี่ชิณณ์ว่าขัดก่อนที่ผมจะได้ตัดสินใจโพล่งออกมาว่า ‘คชาฝากมาถาม’

พอลงเอยอย่างนี้ ผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันควัน ขณะที่พี่ชิณณ์จัดการปิดหน้าหนังสือแล้วเอามาวางซ้อนกัน
“งั้นเดี๋ยวเราเอาหนังสือพวกนี้ไปถ่ายเอกสารหน้าที่ต้องใช้แล้วไปตัดผมกันนะ”

พูดจบก็เดินดิ่งไปที่ร้านถ่ายเอกสารในห้องสมุดเลย ปล่อยให้ผมเก็บข้าวของตามไปทีหลังพลันอดคิดไม่ได้เลยว่า...ทำไมกับอี
แค่ช่วยไอ้คชามันจีบผู้ชาย กูถึงต้องสละผมตัวเองเพื่อเอาข้อมูลไร้สาระด้วยวะ!

ถามว่าแล้วทำไหม? ...ทำครับ จัดการธุระในห้องสมุดเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ผมก็มาโผล่ที่ร้านทำผมที่ห้างสรรพสินค้าใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ผมมาทำงานพิเศษเป็นพนักงานทำความสะอาด แค่เห็นร้าน ผมก็ร้องท้วงพี่ชิณณ์ไปทันทีว่าไม่มีปัญญาจ่ายค่าตัดผมแน่นอน

ห้าร้อย! ตัดผมอะไรของมันตั้งห้าร้อย แบงค์ม่วงใบนึงนี่ผมใช้กินข้าวได้เกือบทั้งอาทิตย์เลยนะ!

พี่ชิณณ์คงพอจะเดาได้ล่ะมั้งว่าผมไม่ค่อยมีเงิน พอได้ยินผมท้วงอย่างนั้นก็ออกปากทันควันว่าเดี๋ยวจะจ่ายให้เพราะเขาเป็นคนพามา ก่อนที่ผมจะถูกพี่ชิณณ์ลากไปส่งให้ช่างตัดผม จากนั้นก็ถูกบรรเลงที่หัวโดยไม่มีปากเสียงอะไรแม้แต่น้อย มีแต่พี่ชิณณ์
เท่านั้นที่ยืนกำกับว่าจะให้ผมตัดทรงอะไร ดูท่าทางเขาจะสนิทกับพนักงานที่นี่มากเลยทีเดียว พูดคุยหัวร่อต่อกระซิก ผมเองก็นั่งฟังเพลินๆ รู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

“เห็นไหม พี่บอกแล้วว่าดูดี” พี่ชิณณ์เดินเข้ามาชะโงกหน้ามองผมในกระจกจากทางด้านหลัง

ผมเองก็มองตัวเองในกระจกเช่นกัน มันเป็นทรงผมเหมือนดารานักร้องเกาหลีสักคน ผมไม่ได้ใส่ใจหรอก มันก็ดูดีแหละแต่บอกตรงๆ ว่าการที่มองทุกอย่างได้ชัดเจนมันทำให้ผมอึดอัด และยิ่งทวีความอึดอัดมากขึ้นไปอีกเมื่อช่างตัดผมที่รับหน้าที่ดูแลผมเมื่อครู่เดินมามองผมผ่านกระจกบ้าง

“หล่อน่ารักขึ้นมาเลยนะ”

ช่างตัดผมเป็นผู้ชาย...

สบตากันผ่านกระจกปุ๊บ เสื้อผ้าหายปั๊บ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมเห็นร่างเปลือยของผู้ชายสองคนผ่านกระจกเต็มสองตาเป็นที่เรียบร้อย

แม่ง กูก็อุตส่าห์เลี่ยงไม่สบตา สุดท้ายก็ไม่พ้นจนได้ล่ะสินะ!

ดีที่พี่ชิณณ์ไม่รั้งรออะไรนัก จัดการจับผมตัดผมเสร็จก็ลากผมออกจากร้าน และแน่นอนว่ายังไม่กลับเพราะพี่ชิณณ์ลากผมไปที่ร้านขนมหวานชื่อดัง พอผมปฏิเสธก็อ้าง

“มาวินไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าพี่ชอบผู้ชายไหม”
นั่นแหละ ผมเลยต้องตามไปอย่างไม่มีทางเลือก เลือกที่นั่งได้ พี่ชิณณ์ก็จัดการสั่งขนมกับน้ำหวานเป็นการใหญ่จนผมต้องรีบเบรก
“สั่งเยอะเกินไปแล้วครับ”
“ไม่เยอะหรอก”
“ถ้ากินไม่หมด ผมไม่รู้ด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง พี่ชอบกินของหวาน มาวินก็แค่กินเป็นเพื่อนพี่ก็พอ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องกินเยอะ” พูดอย่างกับรู้ว่าผมไม่ชอบกินของหวานเท่าไหร่

ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เขาอยากกิน ผมก็กินเป็นเพื่อน กระทั่งบรรดาขนมที่เขาสั่งไปมาเสิร์ฟ ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มถามคำถามที่อยากรู้กับเขาอีกครั้ง
“ตกลงแล้วพี่ชิณณ์ชอบผู้ชายหรือเปล่าครับ”
พี่ชิณณ์ที่กำลังตักเค้กเข้าปากเหลือบมองหน้าผมพลางหัวเราะ
“อยากรู้ให้ได้จริงๆ เลยนะคำถามนี้เนี่ย”

กูไม่ได้อยากรู้เลย คนอยากรู้มันคือไอ้คชาต่างหาก!

แต่เขาไม่รู้ตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ในอนาคตตอนคชามันเปิดตัวว่าจีบ เดี๋ยวเขาก็รู้เองแหละ
“ครับ อยากรู้” ตอนนี้ผมก็เลยได้แต่เออออไป

พี่ชิณณ์วางช้อนในมือลงก่อนจะว่า
“พี่ไม่ค่อยสนใจเรื่องเพศสักเท่าไหร่หรอกนะ”
ไม่ใช่คำตอบตรงๆ ผมเลยต้องใช้หัวในการคิดวิเคราะห์เล็กน้อย
“แสดงว่าพี่ชิณณ์คบได้ทั้งผู้ชายแล้วก็ผู้หญิง?”
“พี่ไม่อยากให้คำว่ารักจำกัดเพราะเรื่องเพศ”

เออ สรุปว่ามึงเป็นเสือไบ จะพูดพล่ามกำกวมทำไมวะ

เอาเป็นว่าตอนนี้ผมได้ข้อมูลละว่าพี่ชิณณ์เป็นคนยังไงก็ได้ ต่อจากนี้ก็ต้องถามเรื่องสเปกผู้ชายที่ชอบล่ะสินะ
“แล้วสเปกคนที่พี่ชิณณ์ชอบ...”

เลี่ยงที่จะไม่พูดว่าผู้ชายเสียอย่างนั้น ขืนพูดไปอย่างนั้นมันจะดูเป็นว่าผมอยากรู้อยาเห็นเกินไปทั้งที่ตอนนี้ไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็เถอะ แต่พี่ชิณณ์คงจะดูออกว่าผมอยากจะถามอะไรเลยเอาช้อนตัวเองมาตักเค้กแล้วยื่นมาตรงหน้าผม

“ให้พี่ป้อนก่อนคำนึงแล้วพี่จะบอกสเปกผู้ชายที่ชอบนะ”

ผมนิ่งไปเลย

แค่ในโรงอาหารวันนั้น มึงยังไม่พออีกเหรอวะ นี่มันห้างนะเว้ย!

อึดอัดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แต่พี่ชิณณ์สนใจอะไรไหมล่ะ หึ! ไม่สนไม่พอ ยังจะทำท่าทางกระเง้ากระงอด
“ถ้าไม่ยอม พี่ไม่บอกนะ”

เท่านั้นผมก็มองซ้ายแลขวา อ้าปากงับอย่างรวดเร็ว
“รีบบอกเลยครับ” พูดทั้งที่ยังเคี้ยวตุ้ยๆ

พี่ชิณณ์หัวเราะออกมากับท่าทางนั้นของผม ส่วนผมก็ได้แค่ครุ่นคิด
กูต้องทำเพื่อมึงถึงขนาดนี้เลยเหรอวะไอ้คชา! เปลืองตัวแท้ๆ!
“ได้ พี่จะบอก” แต่ก็ทำให้พี่ชิณณ์ยอมตกปากรับคำได้ล่ะนะ

ทว่าพี่ชิณณ์ไม่บอกในทันที คว้ากระเป๋าเอกสารมาหยิบกระดาษและปากกาเขียนอะไรยุกยิกลงไป จากนั้นก็พับแล้วส่งให้ผม
“เอาไว้ไปอ่านที่หอนะ อ่านตรงนี้พี่เขิน”

มึงยังจะเขินอีกเหรอ ไอ้ป้อนเค้กกูกลางร้านมันน่าเขินกว่าอีกเว้ย!

ถึงอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับ แล้วก็รอพี่ชิณณ์จัดการกับขนมที่สั่งมา จากนั้นถึงได้กลับมหาวิทยาลัยพร้อมกันแล้วแยกย้ายกลับหอใครหอมัน




 
กลับมาถึงหอได้ เจอหน้าคชาปุ๊บ สิ่งแรกที่มันทำคือการถามว่า...

“วันนี้พี่ชิณณ์ยังน่ารักเหมือนเดิมปะวะ”

จากนั้นถึงได้ถามว่าผมไปทำอะไรกับพี่ชิณณ์มาบ้าง ทักเรื่องทรงผมของผมที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยแล้วก็ชมว่าดูดีขึ้น ก่อนจะถามว่าได้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพี่ชิณณ์มาบ้างไหม ผมก็เล่าให้มันฟังหมดทุกหยดไม่มีเหลือ พอมาถึงเรื่องสเปกผู้ชายที่พี่ชิณณ์ชอบ ผมก็เอากระดาษที่พี่ชิณณ์เขียนให้ออกมา เท่านั้นคชาก็รีบกระโดดผึงมานั่งข้างผมที่ปลายเตียงทันที

“พี่ชิณณ์เขียนว่าอะไรบ้างวะ”

ผมปรายตามองก่อนจะเริ่มอ่านตัวหนังสือพวกนั้น
“เขาบอกว่าชอบผู้ชายผิวสีธรรมชาติ ดำ ขาว เหลืองได้หมด”

คชารีบยื่นแขนตัวเองออกมาก่อนจะว่า
“ผิวกูก็สีธรรมชาติ สีแทนนิดๆ ดูสุขภาพดี”

ผมเบ้ปากให้มันไปที ยิ่งเห็นมันยิ้มร่าเพราะคุณสมบัติตรงสเปกของพี่ชิณณ์แล้วก็ยิ่งหมั่นไส้

แค่เรื่องสีผิวธรรมชาติ สีผิวกูก็ธรรมชาติ เข้าสเปกพี่ชิณณ์เหมือนกันแหละเว้ย!

แต่ไม่เห็นเหตุผลที่จะไปเกทับมันจึงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านประโยคต่อไปแทน
“ดวงตามีเสน่ห์”
“มีเสน่ห์พอมะ” คชาหันมามองผมด้วยสายตายั่วยวนทันที

ผมถึงกับต้องเบะปากใส่มัน
“เออ มีเสน่ห์ แต่ไม่ต้องทำตาหวานฉ่ำใส่เรา”

ขนลุก บอกเลยว่าขนลุก พลันอ่านประโยคต่อไป

“จมูกโด่ง ปากกระจับสวย รูปร่างสมส่วน ดูมาดแมนสมชาย”
อ่านๆ ไปแล้วก็ดูเหมือนจะตรงกับคชาทั้งสิ้น ทำเอาคชาถึงกับลุกขึ้นยืน ก้มหน้าเล็กน้อยแล้วเสยผม หัวเราะในลำคอ

“หึๆ คชาคือผัวที่แท้จริง”

มึงหมายถึงตัวเองเป็นผัวพี่ชิณณ์น่ะเหรอ

ผมถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังกับความหลงตัวเองของมัน

หลงตัวเองไม่พอ มึงเป็นบ้าด้วยไอ้คชา!

พอจะหยุดหัวเราะได้ ผมก็อ่านประโยคที่เหลือต่อ
“น้ำเสียงนุ่มทุ้ม”
“เสียงพระเอกอย่าบอกใคร” คชาตอบรับพร้อมเก๊กเสียงหล่อ

“พูดจาสุภาพ”
“มาวินครับ รบกวนอ่านประโยคถัดไปด้วยครับ” มันหันมาพูดกับผมด้วยคำพูดสุภาพทันใด

ผมก็ตลกไปกับความเพี้ยนของมัน ตอนนี้ชักรู้แล้วล่ะว่ามันเป็นคนขี้เล่นมากแค่ไหน ก่อนจะอ่านประโยคสุดท้ายในกระดาษแผ่นนั้นขณะที่เช็ดน้ำตาที่ไหลออกจากหางตาเพราะหัวเราะเยอะเกินไปด้วย

“มีไฝที่ใต้ตา”
คชาชะงัก รีบเดินไปส่องกระจกที่ตู้เสื้อผ้าทันใด
“กูไม่มีว่ะ หรือต้องเอาดินสอมาเขียนไฝปลอมวะ”

ผมไม่ตอบคำถามมัน ได้แต่นั่งอึ้งงันตั้งแต่ที่อ่านประโยคสุดท้ายนั้นจบ

มีไฝที่ใต้ตาข้างขวา... สเปกของพี่ชิณณ์...

กูนี่หว่า! กูเลยเนี่ย!

เสียวสันหลังวาบไปทั้งร่าง ใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นด้วยแต่เป็นเพราะตกใจที่ได้รู้ความจริงต่างหาก

ยะ...อย่าบอกนะว่าพี่ชิณณ์ชอบผม?

ไม่อยากจะคิดต่อ ไม่อยากคิดเองเออเองด้วย แต่ก็ไม่กล้าจะให้พี่ชิณณ์มายืนยันคำตอบ ได้แต่คิดเองไปอย่างนั้น

การที่พี่ชิณณ์ทำแบบนี้มันเท่ากับการสารภาพว่าชอบผมเป็นนัยๆ เลยนี่หว่า แต่จะอะไรก็ช่าง เขาจะชอบผมหรือไม่ได้ชอบ หรือผมเข้าใจผิดไปเองก็ไม่สำคัญเท่ากับห้ามให้คชารู้

ผมรีบเหลือบไปมองคชาที่เอาดินสอสองบีมาเขียนที่ใต้ตาตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะต้องย่นคิ้วยู่
“ทำอะไรของนายน่ะคชา”
“เขียนไฝ”

มึงนี่มัน...บ้า

ไม่ใช่ขี้เล่นหรือทะเล้นอะไรละ มันบ้าจริงไม่อิงเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น ความหล่อไม่ได้ช่วยให้มันดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แถมเขียนเสร็จแล้วยังมีหน้ามาพูด

“มันไม่ค่อยติดเลยว่ะ สงสัยกูต้องไปหาซื้อดินสอเขียนคิ้วมาเขียน”

ส่วนกูคงต้องไปจี้ไฝออกล่ะสินะจะได้ไม่เป็นผู้ชายในสเปกพี่ชิณณ์

ผมถอนหายใจออกมา ดูท่าทางคชามันจะยังไม่ตระหนักว่าผมมีไฝใต้ตาอะไรนั่น ผมเลยกะว่าจะไปอาบน้ำแล้วทำเนียนหนีเข้านอนก่อนเลย ไว้มันสังเกตเห็นเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน ทว่าในจังหวะที่ผมกำลังจะลุกขึ้น คชาก็ถลาเข้ามาพร้อมกับเอาหน้าเข้ามาใกล้
“มึงว่าเนียนหรือยังวะ”

ใกล้เสียจนปลายจมูกแทบจะโดนกัน ผมงี้ถอยหนีแทบไม่ทัน
“นะ...เนียนแล้ว” รีบร้องบอกมันแทบไม่ทันด้วย ก่อนจะรีบหันหนีอย่างรวดเร็ว

แต่ครั้งนี้เหมือนจะไม่ทันแล้ว คชาน่าจะสังเกตเห็นแล้วล่ะว่าที่ใต้ตาผมมีอะไร เห็นผมหันหนีก็รีบเอามือมาคว้าหน้าผมไว้แล้วบังคับให้หันกลับไปมองทางมัน

“ไอ้มาวิน ใต้ตามึงมีไฝ!”

ผมทำหน้าไม่ถูกไปทันที ส่วนคชาก็ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นขึ้นมา
“อย่าบอกนะว่ามึงก็ชอบพี่ชิณณ์เหมือนกันเลยแอบไปเติมไฝมาตอนกูเผลอน่ะ!”

แอบเติมบ้านมึงเถอะ กูมีมาตั้งแต่เกิดเว้ย!

“เราไม่ได้เขียนเหมือนนายหรอกนะ” ผมเถียงออกไปเลย
คชาจึงเอานิ้วมาลองถูๆ ก่อนจะครางออกมา
“ของจริงนี่หว่า”

ก็ของจริงน่ะสิวะ ใครจะไปหลอกตัวเองเหมือนมึงกัน!

ตอนนี้มันน่าจะเข้าใจแล้วล่ะว่าสเปกของพี่ชิณณ์หมายถึงผมมากกว่ามันเพราะจู่ๆ มันก็พ่นลมหายใจออกมา เหมือนกับผมก็สูดหายใจเข้าปอดแล้วพ่นออกมาเช่นกัน

อกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยนะคชา น่าสงสารว่ะ คงต้องพูดอะไรสักอย่างให้มันคลายความเครียด ก็กะจะพูดให้มันคิดในแง่บวกนั่นแหละ

“คืองี้นะคชา ถึงสเปกของพี่ชิณณ์จะไม่ตรงกับนาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่ชิณณ์จะชอบเรา อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้”
คชาไม่ตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น เอาแต่เงียบจนผมกังวลว่ามันจะโกรธผมหรือเปล่า จนผมต้องพูดออกมาอีก
“ถ้าเราไปจี้ไฝออกก็ไม่ใช่สเปกพิ่ชิณณ์แล้วล่ะ”

ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างนี้ไปทำไม ผมไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องลงทุนทำอะไรอย่างนี้เพื่อมัน ซึ่งคชาก็คงจะเห็นด้วยเพราะจู่ๆ มันก็หันมายิ้มให้พร้อมกับเอามือวางไว้บนหัวผม

“ไม่ต้องเลยมึง อย่างนี้ก็ดีแล้ว น่ารักดี”
ผมมองหน้าคชาที่ส่งยิ้มหล่อให้นิ่งก่อนหน้าจะร้อนวาบขึ้นมา

หล่อสลัดรัสเซียอย่างที่มันชมตัวเองเมื่อวานจริงๆ ด้วย

และคชาก็ทำให้ความเขินอายของผมมลายหายไปเมื่อมันเอื้อมมือมาคว้าหน้าผมให้หันไปทางมันอีกครั้ง
“แต่ลองแกะดูหน่อยซิ เผื่อจะออก”

บ้านมึงแกะไฝแล้วไฝหลุดติดมือเหรอไอ้คชา! เจ็บนะเว้ย!

ผมปัดมือมันออกทันที ตรงไฝนี่เจ็บแปลบๆ เลยทีเดียว ขณะที่คชาได้แต่พึมพำกับตัวเอง
“ไม่ออกแฮะ”

มันก็ต้องไม่ออกอยู่แล้ว มึงบ้าหรือไง!

ไม่น่าถาม มันบ้าแน่นอน ทว่าผมไม่สนใจอะไรมันแล้ว ถือว่าผมได้ทำในสิ่งที่มันต้องการแล้ว ตอนนี้อยากจะไปอาบน้ำมากกว่าเพราะไปตะลอนๆ มาทั้งวัน

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราขออาบน้ำก่อนนะ”
เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัว กำลังจะเข้าห้องน้ำอยู่แล้ว คชาก็เดินมาคว้าข้อมือผมไว้พร้อมกับจ้องหน้าและเรียกชื่อ
“มาวิน”
“ว่าไง”
“มึงอย่าไปชอบพี่ชิณณ์นะเว้ย”

กลอกตาให้กับคำพูดประโยคนี้นิดหน่อย เกือบจะพยักหน้าอยู่แล้ว คชาก็พูดขึ้นมาอีก
“กูหวง”

หน้าร้อนวาบไปอีกระลอกทันใด

กูหวง... หวงผมหรือพี่ชิณณ์?

มันก็ต้องพี่ชิณณ์อยู่แล้วล่ะ ก็มันบอกว่าชอบพี่ชิณณ์นี่นาเพียงแต่ลักษณะการพูดของมันทำให้ผมเผลอเข้าใจผิดไปชั่วครู่ก็เท่านั้น

“ไม่ต้องห่วงน่า เราไม่ชอบพี่ชิณณ์หรอก ต่อให้พี่ชิณณ์ชอบเรา เราก็ไม่ชอบเขาโอเคไหม บอกแล้วไงว่าจะช่วยนายจีบ สบายใจได้ ไม่ชุบมือเปิบหรอก”

ให้ความเชื่อมั่นมันไป คชาก็พยักหน้ารับ ยอมปล่อยมือออกจากผมแล้วเดินกลับไปที่ตู้เสื้อผ้า ส่องกระจกดูหน้าตัวเองอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผมมองตามแล้วก็ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจนอกจากก้าวเข้าห้องน้ำไป ทันทีที่ปิดประตูห้องน้ำได้ก็ยีหัวตัวเองเป็นพัลวัล

เวรเอ๊ย! ไอ้พี่ชิณณ์มันชอบกูแน่ๆ เลยเนี่ย ถึงกูจะเด๋อๆ ด๋าๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ประสาเรื่องอย่างนี้นะ

เห็นแววความวุ่นวายมารางๆ ได้แต่ภาวนาว่าขอให้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นความบังเอิญ

บังเอิญว่าผมมีไฝใต้ตา แล้วก็บังเอิญว่าพี่ชิณณ์ชอบผู้ชายที่มีไฝใต้ตา

เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น...
-------------------------------
พระเอกเรื่องนี้พี่ชิณณ์ใช่มั้ย พูด! 555 คชานี่ผีบ้ามากๆ เหมือนเรียนมากจนสติไม่ดี 555
ฝากฟีดแบ็กไว้ด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้นะคะ

หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 24-04-2017 01:41:31
ขรรมนอกจากจะบ้าแล้วแม่งยังบ้าอีก(ต่างกันยังไง) โอ้ยย คือแบบเดี๋ยวพระเอกเค้าเป็นงี้กันหรอวะ 555 อีกเรื่องก็พระเอกไบโพลาร์ เรื่องนี้ก็พระเอกผีบ้า
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 24-04-2017 06:52:26
ชัวร์เลย คชานก 55555555555555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: letttt_te ที่ 24-04-2017 07:54:03
คชา เมิงแหละเอ๋อออออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-04-2017 08:15:48
ว่าละเชียว
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 24-04-2017 08:21:34
ทำไมรู้สึกตลกคชา
ถ้าได้อ่านในมุมคชาคงจะฮาน่าดู
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-04-2017 08:37:50
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 24-04-2017 09:18:25
คชา ถ้ามาวินโดนแย่งไปแล้วจะรู้สึก หึ :hao3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 24-04-2017 11:58:21
คชานี่สติไม่สมประกอบ

บ้าขั้นกว่า คือ...ที่คิดว่าบ้าแล้ว มันยังบ้าได้อีก

ฮ่า ๆ ๆ

โอย....แพ้หัวนมพี่ชิณห์
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 24-04-2017 12:30:21
ขำหนักมาก    :m20:  เราว่าพี่ชิณณ์เป็นเมะนะ  ประมาณว่าหมาป่าห่มหนังแกะรึเปล่า 
คชามีความติ๊งต๊องมาก  สงสารแต่นายเอกของเรา  ต้องรับมือทั้งพี่ชิณณ์ทั้งคชา  :hao3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 24-04-2017 13:36:27
คชาผีบ้าาาาาาา เกลี๊ยดดดดดดดดด :m20:
สงสารนุ้งมาวินที่ต้องอยูกับคนบ้า :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: fugtong ที่ 24-04-2017 14:43:57
โอ้ยยยย พระเอกเรื่องนี้ ไม่ไหวจริงๆค่ะปวดหัวแทนน้องวินเลย คนอย่างคชานี่มัน!! 5555555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 24-04-2017 15:01:16
มีสติมากสุกก็วินนี่แหละในเรื่องนี้น่ะ55555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-04-2017 15:30:05
คชาจะต๊องหรือจะฮา
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: yotisssa ที่ 24-04-2017 15:56:57
ง้อยยยยย>///<  จุดเริ่มต้นของความรัก :ling1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: bowtotay ที่ 24-04-2017 16:00:59
คชาแกเป็นคนบ้า คนเพ้อ คนหลงตัวเอง
เป็นคนที่สติไม่สบประกอบใช่ไหม. ตอบ!!!
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 24-04-2017 18:47:16
พระเอกเป็นพี่ชิณณ์ใช่มั้ยคะ  :m20:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 8:สเปกของพี่ชิณณ์[100%][24-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 25-04-2017 01:51:12
สบตา ครั้งที่ 9: แซนด์วิซ!?

ผมคิดไม่ตกตั้งแต่วันที่รู้สเปกของพี่ชิณณ์ ไม่ค่อยอยากจะคิดหรอกว่าสเปกของพี่ชิณณ์มันหมายถึงผม เพราะมันไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวในโลกสักหน่อยที่มีไฝใต้ตา คชาเองก็คงจะคิดอย่างนั้นเพราะหลังจากวันที่มันสั่งห้ามไม่ให้ผมไปชอบพี่ชิณณ์ มันก็เหมือนจะลืมไปหมดสิ้นเลยว่าสเปกผู้ชายที่พี่ชิณณ์ชอบเป็นยังไง มันยังคงเดินหน้าจีบพี่ชิณณ์โดยมีผมเป็นนกต่ออย่างไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันหรอกถ้ามันจะจริงจังเพราะไม่ว่ายังไง มันก็ไม่ใช่เรื่องของผม แต่เอาเข้าจริง มันก็มีส่วนเกี่ยวข้องนั่นแหละด้วยต้องช่วยเป็นนกต่อให้มันด้วย

ในเมื่อรู้สเปกที่พี่ชิณณ์ชอบแล้ว แผนการช่วยรูมเมทจีบพี่ชิณณ์จึงเปลี่ยนไป คชาบอกว่ามันคือปฏิบัติการเปลี่ยนสเปกพี่ชิณณ์ให้เป็นคชา พูดง่ายๆ ก็คือช่างหัวสเปกพี่ชิณณ์แม่งเหอะ ผมมีหน้าที่คือทำยังไงก็ได้ให้พี่ชิณณ์มาสนใจมันก็เท่านั้น

ผมก็พอจะนึกออกอยู่ว่าต้องทำยังไง... พูดอวยคชาเยอะๆ ให้พี่ชิณณ์เห็นความดีงามของมันแม้ว่ามันจะมีความขี้เล่นที่อยู่ใกล้กับเส้นแบ่งคำว่าบ้าก็ตาม

และการที่ผมถูกพี่ชิณณ์ชวนออกไปเปเปอร์ร่วมกันก็คือโอกาส ผมก็พูดอวยคชาทุกครั้งที่มีโอกาสแหละ เช่นตอนนี้ที่ผมเปิดปากถามเมื่อพี่ชิณณ์บอกให้เราพักเบรกกันระหว่างร่างเปเปอร์ในห้องสมุด แน่นอนว่าผมยังคงเห็นพี่ชิณณ์อยู่ในร่างเปลือยทุกครั้งที่สบตา แต่ตอนนี้ผมชักจะเริ่มชินแล้วล่ะ เลยแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจไป แม้ว่าหัวนมพี่ชิณณ์จะดึงดูดสายตาทุกครั้งที่เห็นก็ตาม

แต่มันไม่ใช่เวลาจะมามองหัวนมพี่ชิณณ์ ผมต้องอวยไอ้คชามันต่างหาก!

“พี่ชิณณ์ว่าคชาดูเป็นไงบ้างครับ” ผมเอ่ยปากถามหลังจากที่พี่ชิณณ์ยื่นแยมโรลที่ซื้อมาจากคอฟฟีช็อปหน้าห้องสมุดให้ผม
“คชาเหรอ อืม... ดูเฟรนด์ลีดีนะ เป็นคนอัธยาศัยดี ท่าทางจะนิสัยดี น่าจะรักเพื่อนด้วย” ว่าพลางแกะขนมออกมากิน เปิดทางให้ผมได้ถามต่อ
“แล้วพี่ชิณณ์ไม่คิดจะชอบผู้ชายอย่างคชาบ้างเหรอครับ”
“ไม่อะ พี่ไม่ชอบคนตัวสูงกว่า”
“แต่คชานิสัยดีนะครับ หล่อด้วยนะ สาวๆ ชอบตรึม”
“เรื่องหล่อหรือไม่หล่อมันไม่สำคัญหรอก สำคัญว่าพี่ชอบหรือเปล่า แล้วเข้ากันได้ไหมมากกว่า”
“แล้วพี่ชิณณ์ไม่คิดจะชอบคชาบ้างเหรอ”
“พี่ว่าคชาดูล้นๆ ไปนิดนึง”

ตอบแล้วก็หันมายิ้มให้ผม ถึงจะไม่พูดแต่ก็ชัดเจนเลยว่า...พี่ชิณณ์ไม่ชอบมึงว่ะไอ้คชา แถมยังดูออกด้วยว่ามึงบ้า!
ผมนี่อยากจะหัวเราะให้หงายท้องแต่ก็เกรงใจพี่ชิณณ์ที่มองอยู่ แล้วก็ตระหนักขึ้นมาด้วยว่าผมควรจะสนับสนุนมัน ไม่ใช่ทับถมให้จมดินแม้ว่าจะน่าทำมากแค่ไหนก็เถอะ

แต่ผมไม่ได้ตระหนักเลยว่าการที่ถามซอกแซกพี่ชิณณ์ไปแบบนั้นจะทำให้พี่ชิณณ์ได้จังหวะถามผมกลับ
“จู่ๆ มาวินถามเรื่องคชาทำไมเหรอ”
“อ๋อ...คือ...” ผมอึกอัก ก็อยากจะบอกอยู่หรอกนะว่าถามให้คชา แต่ก็ไม่ได้พูดเพราะผมสัญญากับมันไว้แล้วว่าจะปิดไว้เป็นความลับ

หากแต่การไม่พูด ทำให้พี่ชิณณ์ยิ้มออกมาทันใด
“หรือว่าจะหวงพี่?”
ผมที่กำลังยัดแยมโรลเข้าปากถึงกับสำลัก

กูจะไปหวงมึงทำไมไอ้พี่ชิณณ์! กูเป็นแค่นกต่อเว้ย!

ดูแล้วพี่ชิณณ์น่าจะเข้าใจผิดไปไกล แต่เขาไม่ได้ซักไซ้อะไร เห็นผมสำลักหน้าดำหน้าแดงก็หัวเราะ ยื่นน้ำมาให้ดื่มพลางลูบหลังเป็นการใหญ่
“พี่ก็แค่หยอกเล่น ตกใจอะไรเนี่ย”

มึงไม่ต้องมาบอกว่าหยอกเล่นเลย ไม่ต้องเอากูไปเหมารวมกลุ่มเก้งกวางกับพวกมึง!

ผมไม่ได้พูดอะไร นอกจากตอบรับว่า ‘ครับๆ’ พอหายสำลักได้ก็พ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ขณะที่พี่ชิณณ์มองผมแล้วก็เอานิ้วแตะไปที่ข้างแก้มตัวเอง
“เลอะครีมน่ะ”
“ตรงนี้เหรอครับ” ผมแตะไปที่ข้างแก้มตัวเอง
พี่ชิณณ์ส่ายหน้า ก่อนจะเอื้อมมือมาใช้ปลายนิ้วปาดครีมที่เลอะแก้มผมออก
“ตรงนี้” จากนั้นก็เอานิ้วที่เปื้อนครีมไปเลีย

ผมมองแล้วก็ขนลุกวาบตั้งแต่หัวไปยันซอกหลืบ ยิ่งเห็นสายตาหวานฉ่ำที่พี่ชิณณ์จ้องมองมาพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ ด้วยแล้ว ผมก็มั่นใจขึ้นมา

มึงชอบกูแน่ๆ เลยไอ้พี่ชิณณ์!

ไม่ได้คิดไปเองอย่างแน่นอน ถึงผมจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะดูไม่ออกว่าพี่ชิณณ์มองผมด้วยสายตาแบบไหน มันเป็นสายตาที่แบบว่า...กะลิ้มกะเหลี่ยน่ะ

พี่ชิณณ์หล่อน่ารักก็จริง แต่ผมไม่ดีใจเลยสักนิด แทบจะยีหัวตัวเองในวินาทีนั้น

ทำไมพระเอกหนัง GV ต้องมาชอบกูด้วยวะ!

ถึงพี่ชิณณ์จะไม่ใช่ฮิคารุซามะ แต่หน้าคล้าย ผมก็ถือว่าพี่ชิณณ์มีภาพลักษณ์อย่างนั้นไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ผมเงียบไป ทำให้พี่ชิณณ์เข้าใจว่าผมตกใจที่เขาทำตัวเหมือนพระเอกการ์ตูนตาหวานจึงเอ่ยออกมา
“โกรธพี่เหรอ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ที่พี่เช็ดครีมออกให้”
“อ๋อ...ไม่หรอกครับ”

ไม่โกรธ... ไม่โกรธเลย แต่ขนลุกเว้ย! อย่ามาทำเหมือนกูเป็นสาวน้อยสิวะ!

ผมอยากจะโพล่งอย่างนี้ออกไปชะมัด แต่ก็กลัวว่าเดี๋ยวจะเข้าหน้ากันไม่ติด ได้แต่แสดงท่าทางอึดอัดออกมา พี่ชิณณ์คงจะดูออกเลยเบนไปชวนคุยเรื่องอื่นแทน
“ออกมาเจอพี่บ่อยๆ มาวินเบื่อหรือเปล่า”
“ไม่เบื่อหรอกครับ ต้องทำงานด้วยกันนี่” ผมว่าไปตามความจริง
“แต่มันแทบจะทุกวันเลยนะ เสาร์-อาทิตย์ยังมาเจอกันอีก”
“มันช่วยไม่ได้นี่ครับ ไม่มาเจอกัน งานก็ไม่เสร็จ” ผมบอก
พี่ชิณณ์ยิ้มกว้าง “งั้นเหรอ”

ท่าทางจะโล่งใจที่ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปในแง่ลบ แต่ถ้าให้ผมบอกตามความจริง ผมก็ไม่เบื่อหรอกนะกับการได้เจอเขา เขาเป็นรุ่นพี่ที่ใจดี อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เป็นผู้ชายที่รอบตัวมีบรรยากาศสีชมพูและความอบอุ่นรายล้อม ใครอยู่ด้วยก็รู้สึกดีทั้งนั้นแหละ ผมเองก็เช่นกันถ้าไม่ติดว่าต้องเห็นเขาในร่างเปลือยตลอดเวลาน่ะ

เห็นเขาเงียบไป ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า เลยต้องออกปากถาม
“พี่ชิณณ์ถามทำไมเหรอครับ”

พี่ชิณณ์เหลือบมามองผม “ก็ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็แค่คิดว่าถ้ามาวินเบื่อ พี่จะได้พาไปทำงานที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องสมุดเฉยๆ น่ะ”
ผมร้องอ๋อยาว พี่ชิณณ์นี่เป็นคนดีจริงๆ นะ ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นดี ไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างนี้กับทุกคนหรือเป็นแค่เฉพาะกับผม
“แล้วตกลงมาวินเบื่อไหม”

ผมเกือบจะตอบออกไปแล้วว่าไม่เบื่อ แต่ดันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าครั้งหนึ่งคชาเคยบอกว่าให้หลอกล่อและล่อลวงพี่ชิณณ์มาทำงานที่หอให้ได้ ผมเลยพยักหน้ารับไปทันที
“ก็นิดหน่อยครับ”
“งั้นครั้งหน้าเราไปทำงานกันที่ไหนดี”

ผมแสร้งทำท่าคิดไปนิดหน่อยพลางพูด “ผมไม่ค่อยชอบออกไปไหนไกลๆ ไปทำที่หอผมดีไหมครับ”
ชวนแม่งออกไปเลย พี่ชิณณ์ดูอึ้งงันไปนิดหน่อยก่อนจะถามกลับ
“พูดจริงอะ”
ผมพยักหน้า เท่านั้นสีหน้าพี่ชิณณ์ก็ดูดีใจขึ้นมา
“งั้นไปวันนี้เลยได้ไหม”

เดี๋ยวนะไอ้พี่ชิณณ์ เดี๋ยวๆ มึงจะไม่หยุดคิดสักหน่อยเหรอ

คงไม่หยุดคิดแล้วล่ะ ถามมาอย่างนั้นก็ส่งสายตาวิบวับแวววาวมาให้เป็นที่เรียบร้อย ผมเลยเออออห่อหมกไปตามเรื่อง
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา นี่ก็เย็นมากแล้ว รีบไปเถอะ เดี๋ยวงานไม่คืบหน้า”

บอกแค่นั้น พี่ชิณณ์ก็เก็บข้าวของทุกอย่างด้วยความเร็วแสง แทบจะกระชากผมออกจากร้านคอฟฟีช็อปเลยทีเดียว กลายเป็นว่าคนที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากจะไปที่หอผมเป็นพี่ชิณณ์เสียอย่างนั้น ซึ่งระหว่างที่ผมกับพี่ชิณณ์มุ่งหน้าสู่หอพัก ผมก็รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาคชารัวๆ ไม่ใช่อะไร คือจะให้มันเคลียร์พื้นที่น่ะ โดยเฉพาะไอ้หมอนข้างฮิคารุซามะนั่น ต้องรีบให้มันหาที่ซ่อนก่อนที่พี่ชิณณ์จะเห็น

โชคดีที่คชาตอบข้อความกลับอย่างรวดเร็ว ตอนแรกเห็นคชาบอกว่ามันกำลังจะไปกินเลี้ยงสายรหัส แต่พอผมบอกว่าพี่ชิณณ์จะมา เท่านั้นมันก็รีบพุ่งกลับหอไปทันใด กินเลี้ยงสายรหัสอะไรนั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าที่เมียจะมาเยือนถิ่น พอผมกลับมาถึงห้อง ข้าวของทุกอย่างที่อยู่ในกลุ่ม 18+ ก็อันตรธานหายไปทั้งหมด

หายไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าผม...

มึงนี่มันจริงๆ เลยไอ้คชา อย่างนี้พี่ชิณณ์ก็เข้าใจว่ากูเป็นพวกบ้ากามสิวะ เอาซ่อนไว้ใต้เตียงสิเว้ย ไม่งั้นกูจะให้มึงรีบกลับมาเคลียร์ห้องทำบ้าอะไร!

แต่ช่างมันเถอะ ซ่อนไปก็เท่านั้นเพราะไม่ว่ายังไง พี่ชิณณ์ก็เข้าใจไปเรียบร้อยว่าผมเป็นพวกคลั่งพระเอกหนัง GV ที่ชื่อฮิคารุอะไรนั่น จะซ่อนใต้เตียงหรือที่ไหนๆ ก็ไม่สามารถลบเลื่อนความเข้าใจนั้นไปได้แล้วล่ะ

ส่วนคชา... ตอนนี้ผมล่ะหมั่นไส้มันฉิบเป๋ง พอมันรู้ว่าพี่ชิณณ์จะมาก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เซ็ทผมใส่แว็กซ์ทั้งที่ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนเดิม เสริมความหล่อทั้งหมดเพื่อต้อนรับพี่ชิณณ์อย่างเต็มที่ ประเด็นคือมันใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการทำเรื่องพวกนี้ ผมมองมันแล้วอดคิดว่าไร้สาระไม่ได้เลย

ทว่าพอเห็นมันยิ้มหน้าบาน ต้อนรับขับสู้พี่ชิณณ์แล้วก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้วล่ะ เพราะถ้ามันจีบพี่ชิณณ์ติด ผมก็จะได้ไม่ต้องมาทำอะไรอย่างนี้อีก หากแต่คิดๆ ดูแล้วดูท่าจะยากสักหน่อยที่พี่ชิณณ์จะไปชอบมัน อย่างที่บอก... พี่ชิณณ์ชอบผมไง ถึงเขาจะไม่พูด แต่ก็แสดงออกชัดเจน

ไม่เชื่อดู...

“พี่ชิณณ์ครับ น้ำส้มครับ” คชายกแก้วน้ำส้มคั้นสดที่มันลงทุนไปขอพ่อค้าน้ำส้มรถเข็นแถวหน้าหอคั้นเองกับมือมาให้พี่ชิณณ์ที่นั่งช่วยร่างรายละเอียดเปเปอร์คู่กับผมที่โต๊ะอ่านหนังสือ
พอพี่ชิณณ์หันไปมอง คชามันก็พูดอีก
“น้ำส้มสดๆ ผมไปคัดด้วยรัก คั้นด้วยใจมาให้เลยนะครับ”

คล้ายกับว่ามันหยอกเล่นด้วยการพูดสโลแกนที่อยู่บนป้ายของร้านน้ำส้มรถเข็นนั้น แต่ไม่ใช่เลย พูดจริงจังมากเว่อร์ แล้วก็หมายความอย่างที่พูดด้วย แถมเก๊กเสียงหล่อ ทำหน้าหล่ออีกต่างหาก ทว่าพี่ชิณณ์กลับไม่ได้สนใจ นอกจากยิ้มรับ
“ขอบใจมากนะคชา”

จากนั้นก็ยื่นมาให้ผม
“ดูดสิมาวิน ไม่เห็นดื่มน้ำมาตั้งนานแล้ว เดี๋ยวคอแห้งนะ”

ผมถึงกับเหลือบไปมองหน้าคชาทันใด คชายิ้มค้างจนเหงือกแห้ง ผมเห็นแล้วก็สงสาร มันอุตส่าห์ตั้งใจทำให้พี่ชิณณ์ แล้วพี่ชิณณ์มาทำแบบนี้มันโหดร้ายมากเลยนะ

แต่พอผมไม่ยอมดูด พี่ชิณณ์ก็จับหลอดมาจ่อตรงปากผม
“ดูดหน่อย สักอึกนึง เดี๋ยวพี่จะได้ดูดต่อ”

ด้วยความที่ผมกลัวว่าเพื่อนจะเสียน้ำใจที่พี่ชิณณ์ไม่ดื่มน้ำส้มเพราะผม กลัวพี่ชิณณ์เสียน้ำใจด้วยเช่นกันเลยยอมดูดอย่างว่าง่าย ดูดเสร็จ พี่ชิณณ์ก็ทำท่าจะดูดต่อจากหลอดนั้น แต่ไม่ทัน คชาพุ่งเข้ามาแย่งหลอดพร้อมกับเอาหลอดอันใหม่มาเสียบให้เป็นที่เรียบร้อย พอพี่ชิณณ์หันไปมอง มันก็บอกว่า...
“มาวินเป็นไวรัสตับอักเสบบีน่ะครับ”

เอ้า กูกลายเป็นตัวพาหะเฉยเลย

แต่ก็ช่างแม่งเถอะ เอาเป็นว่าพี่ชิณณ์ยอมเชื่อแล้วก็เปลี่ยนหลอดใหม่ก่อนดูดน้ำส้มก็พอแล้ว ผมเองก็ไม่อยากให้พี่ชิณณ์มาจูบผมทางอ้อมผ่านการใช้หลอดเดียวกันนักหรอก

แล้วหลังจากนั้น คชามันก็เฝ้าวนเวียนพะเน้าพะนอพี่ชิณณ์จนฟ้าเริ่มมืด ฟ้ามืดไม่พอ ฝนยังมาตกอีกต่างหาก ตกหนักชนิดว่าจะตกถึงชาติหน้า ทำเอาพี่ชิณณ์ที่บอกว่าจะกลับหอเพราะเห็นว่าเริ่มดึกแล้วออกไปไหนไม่ได้ เขาเลยมากระซิบบอกผมว่าให้ขอให้คชาขับรถไปส่งเขาที่หอหน่อยเพราะแถวนี้คงไม่มีวินมอเตอร์ไซค์ยอมวิ่งตากฝนแล้ว

ผมก็ไม่มีปัญหาหรอก เป็นคนชวนเขามาก็บริการเขาหน่อย ดีเสียอีกที่ทำอย่างนั้นเพราะคชามันจะได้ใกล้ชิดกับพี่ชิณณ์สองต่อสองสักทีหลังจากที่มันพยายามเรียกร้องความสนใจอยู่นาน

ทว่าพอผมไปบอกมันปุ๊บ แทนที่มันจะรับปาก กลับพูดกับพี่ชิณณ์ด้วยสีหน้าระรื่น
“ตกหนักขนาดนี้ไม่ต้องกลับหรอกครับ ก็นอนที่นี่ซะเลย พรุ่งนี้ค่อยเข้ามอพร้อมกัน”

มึงจะชวนพี่ชิณณ์มานอนด้วยทำกล้วยอะไร ให้มันกลับหอมันไปสิเว้ย!

แล้วแทนที่พี่ชิณณ์จะมีความเกรงใจ ปฏิเสธสักหน่อยอะไรงี้ก็ไม่มีนะ คชาชวนอย่างนั้นก็ตอบรับปั๊บ
“เอาสิ พี่เองก็ยังอยากทำงานต่ออีกนิดเหมือนกัน ดีไหมมาวิน”

ไม่ดี!

แต่ผมกลับทำได้แค่พยักหน้ารับเมื่อเห็นคชาขยิบตาส่งซิกให้ยิกๆ
“ดีครับ ค้างที่นี่เลย ไว้พรุ่งนี้ค่อยเข้ามอพร้อมกัน” ตอบรับด้วยน้ำเสียงเนือยมาก เหนื่อยกับผู้ชายสองคนตรงหน้าเหลือเกิน
“งั้นคืนนี้พี่คงต้องขอยืมเสื้อผ้ามาวินใส่นอนหน่อยนะ”
ผมกำลังจะบอกว่าไม่มีปัญหา แต่คชาที่ยืนฟังอยู่ก็โพล่งขึ้นเสียก่อน
“เอาเสื้อผ้าผมดีกว่าครับ เสื้อผ้ามาวินตัวเล็ก ใส่ของผมน่าจะสบายกว่า”

เออ ว่าไงก็ว่าตามนั้น

ทว่าพี่ชิณณ์กลับไม่รับข้อเสนอ
“ไม่เป็นไร พี่เอาของมาวินใส่นั่นแหละ คชาไม่ต้องลำบากหรอก”

ออกตัวชัดเจนประหนึ่งว่ารังเกียจ คชายิ้มค้าง หน้าแห้งไปอีกระลอก ส่วนผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เผยข้าวของคอลเลคชันของฮิคารุซามะให้พี่ชิณณ์เห็นก่อนจะหยิบชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ให้เขา
“ถ้ามันไม่พอดีตัวก็ยืมของคชาใส่แทนนะครับ”
“ไม่น่ามีปัญหาหรอก มาวินไม่ได้ตัวเล็กขนาดนั้นสักหน่อย”

ผมไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้คชารับหน้าที่พาพี่ชิณณ์ไปที่ห้องน้ำและแนะนำโน่นนี่ประดุจไกด์ทัวร์ มองตามแล้วก็แบบ...เออ มันคงมีความสุขของมันแหละนะ

ผมเลยจัดการหาหมอนกับผ้าห่มสำรองออกมาสำหรับพี่ชิณณ์ ไม่นานนัก พี่ชิณณ์ก็อาบน้ำเสร็จ ใส่เสื้อผ้าของผมได้พอดีตัวเลยทีเดียว คชาเลยทำปากยู่ไม่พอใจนิดหน่อยที่พี่ชิณณ์ไม่ได้ใส่เสื้อผ้ามัน ผมอดคิดไม่ได้เลยนะว่ามันคงกะจะเอาเสื้อผ้าที่พี่ชิณณ์ใส่แล้วเก็บไว้เป็นคอลเลคชันอีก โชคดีแล้วล่ะที่พี่ชิณณ์ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าของมัน ไม่อย่างนั้นผมคงต้องหลอนกับความเพี้ยนของคชาอย่างแน่นอน

จากนั้นผมกับคชาก็จัดการไปอาบน้ำอาบท่าบ้าง แล้วก็ทำงานกับพี่ชิณณ์ต่ออีกนิดหน่อย พอเห็นว่าใกล้จะตีหนึ่งแล้วถึงได้ชวนกันไปนอน
ทีนี้ปัญหาระลอกใหม่ก็มาอีกระลอกเมื่อพี่ชิณณ์คว้าหมอนกับผ้าห่มลงมาวางบนพื้น ทำเอาคชาร้องถามทันควัน
“พี่ชิณณ์ทำอะไรน่ะครับ”
“ก็เตรียมตัวนอนไง”
“แล้วทำไมเป็นที่พื้น”
“ทำไมล่ะ นอนพื้นแล้วมีอะไรแปลกเหรอ”
“ไม่แปลกหรอกครับ แต่พี่ชิณณ์อายุมากกว่าจะนอนพื้นไม่ได้ ผมถือ นอนบนเตียงเถอะนะ”

ได้ยินคชาว่าด้วยท่าทางกระตือรือร้นอย่างนั้น ผมถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้

มึงจะไปห้ามมันทำไม มันอยากนอนพื้นก็ให้นอนไปสิวะ!

แต่ก็ต้องเข้าใจว่าคชามันอยากใกล้ชิดพี่ชิณณ์ ถ้าสิงเข้าไปในรูขุมขนได้ มันคงจะมุดเข้าไปทำรัง ตอดนิดตอดหน่อยพี่ชิณณ์จนสาแก่ใจอย่างแน่นอน และพอมันพูดอย่างนั้น ผมก็เหลือบไปเห็นมันขยิบตายิกๆ ส่งสัญญาณให้ผมช่วยพูดทันที ผมถอนหายใจออกมาอีกระลอกพลันว่า

“พี่ชิณณ์นอนบนเตียงไปเถอะครับ ไม่เป็นไรหรอก”
“ถ้าพี่นอนเตียง แล้วใครจะนอนพื้นล่ะ” พี่ชิณณ์ถาม
“เดี๋ยวผมนอนเอง” ผมบอก

เท่านั้นคชาก็ยิ้มหน้าชื่นตาบาน สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่า ‘กู้ดจ็อบเพื่อนฝูง’

ก็แน่ล่ะ ผมเปิดโอกาสให้มันถึงขนาดนี้แล้วนี่ มันไม่ดีใจสิแปลก

หากแต่พอผมพูดไปอย่างนั้น พี่ชิณณ์ก็ปฏิเสธ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เหมือนกับว่าพี่มาแย่งเตียงมาวินนอนเลยน่ะสิ เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้ามาวินนอนพื้น พี่ก็จะนอนกับมาวินด้วย แล้วก็ใช้คชานอนบนเตียงไปคนเดียวแล้วกันเนอะเพราะคชาตัวใหญ่ ใช้พื้นที่เยอะ”

ผมแทบจะส่ายหน้าพรืด แต่ไม่ต้องออกปากปฏิเสธแล้วเพราะคชามันโพล่งแทนแล้ว
“ไม่ได้!”
ผมกับพี่ชิณณ์หันไปมองมันเป็นตาเดียวกันทันที
“ถ้าพี่ชิณณ์จะลงไปนอนกับมาวินอย่างนั้น งั้นเราสามคนมาร่วมเตียงเดียวกันเลย!”

นอนเตียงเว้ยนอนเตียง ร่วมเตียงนี่มึงไปร่วมกับพี่ชิณณ์สองคนเถอะ ไม่ต้องลากกูไป!

จะมีแต่ผมเท่านั้นแหละที่ทำหน้าปูเลี่ยน ส่วนพี่ชิณณ์ก็หัวเราะร่วนเป็นการใหญ่
“แล้วมันจะไม่อึดอัดเหรอ คชาตัวใหญ่นะ”
“ใหญ่กว่าพี่ชิณณ์นิดเดียว ไม่เป็นไรหรอกครับ มาวินก็ตัวหน่อยเดียว ไม่อึดอัดแน่นอน”
คชาว่าอย่างมั่นใจ ทำให้พี่ชิณณ์หันมาถามผม
“แล้วมาวินล่ะว่าไง”
ผมเหลือบมองคชาที่พยักหน้าให้ผมยิกๆ ผมก็รู้ตัวว่าต้องตอบยังไง
“ถ้าคชาไม่มีปัญหา ผมก็ไม่มีปัญหาครับ”

เท่านั้นคชาก็ยิ้มแป้นแล้นอย่างน่าหมั่นไส้ ก่อนที่มันจะตะแล้ดแต๊ดแต๋ไปเอาหมอนกับผ้าห่มที่อยู่บนพื้นขึ้นมาวางไว้บนเตียง
“งั้นเลือกที่นอนกันเลย พี่ชิณณ์นอนข้างผมไหม มาวินจะได้ไปนอนริมในสุด” จัดการจัดตำแหน่งให้โดยไม่ถามสุขภาพผมสักคำด้วย

ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกถ้ามันจะให้ผมนอนติดข้างฝา ผมตัวเล็ก ใช้พื้นที่ไม่เยอะ ซ้ำยังไม่ได้เป็นคนนอนดิ้น ที่แค่แมวดิ้นตายนั่นผมนอนได้อยู่แล้ว

ทว่าคชาก็ต้องหน้าเงิบเมื่อพี่ชิณณ์ตอบกลับมา
“ไม่ดีกว่า พี่อยากนอนข้างมาวินมากกว่าน่ะ”

เท่านั้นคชาก็หน้าเจื่อนไปทันตา ผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ประมาณว่า ‘ไม่ใช่ความผิดกูนะเว้ย’ แต่แล้วก็ต้องสำนึกขึ้นได้ว่าการที่ผมไม่ทักท้วงอะไรมันคือความผิดมหันต์ เพราะหลังจากนั้นพี่ชิณณ์ก็ว่าขึ้นอีก
“แต่พี่ขอนอนริมนะ ไม่ถนัดนอนกลางน่ะ”

แล้วมันใช่เรื่องที่กูต้องมานอนคั่นกลางระหว่างมึงกับไอ้คชาไหม!
สวรรค์ของคชาที่จะได้นอนข้างพี่ชิณณ์และซุกไซ้เข้าไปในรูขุมขน ลวนลามหนังกำพร้าอย่างจาบจ้วงมลายหายไปทันตา ขณะที่
ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ เพราะไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไง ส่วนพี่ชิณณ์ แค่พูดจบแม่งก็กระโดดขึ้นไปบนเตียงเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับตบเตียงปุๆ เรียกผมอีกต่างหาก

“มาวินนอนข้างพี่ตรงนี้นะ นอนติดกับพี่หน่อยจะได้ไม่ต้องไปเบียดคชาเนอะ”

กูสมควรนอนติดกับไอ้คชามากกว่ามึงอีก!

ทว่าจะพูดอะไรได้ล่ะ นอกจากชำเลืองมองคชาเล็กน้อย ก่อนที่คชาจะทำหน้าเบิกบานเทเลทับบี้สุดชีวิตแล้วกระซิบที่ข้างหูผม
“มึงอย่าแกล้งทำเป็นละเมอจับเจี๊ยวพี่ชิณณ์เชียว”

กูจะไปอยากจับทำมะเขืออะไรล่ะ แค่เห็นทุกครั้งที่เจอหน้า กูก็เอียนแล้วเว้ย ไอ้คนอยากจับน่ะมึงต่างหาก!

ผมบุ้ยปากใส่ ก้าวขึ้นเตียงอย่างไม่มีทางเลือก พี่ชิณณ์มาทิ้งตัวลงนอนที่ข้างหนึ่งของเตียง คชาที่เดินไปปิดไฟเรียบร้อยก็มาทิ้งตัวลงนอนอีกข้าง ส่วนผมนั้น... นอนตัวแข็งเกร็ง อีกไม่นานตะคริวคงลามขึ้นไปกินสมองเป็นแน่แท้

ข้างนึงก็พระเอกหนัง GV ที่ผมเห็นว่าอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าแม้จะใส่เสื้อผ้า ส่วนอีกคนก็ไอ้บ้าหื่นกามที่หลงตัวเองทุกวินาทีที่หายใจ

แซนด์วิซแบบนี้กูไม่ปลื้ม!

พยายามจะไม่คิดอะไรนะ แต่ก็นอนหลับไม่ลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งพยายามข่มตาหลับก็ยิ่งนอนไม่หลับ ผ่านไปชั่วโมงกว่าก็ยังไม่หลับ ได้แต่ลืมตามองเพดานผ่านความมืดนิ่งๆ กระทั่งหูได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ที่แทบจะมีแต่เสียงลม
“มาวิน... นอนหรือยัง”
พี่ชิณณ์เป็นคนเรียก

ผมตะแคงหน้าหันไปมอง ก่อนจะเห็นพี่ชิณณ์ใช้ไฟหน้าจอโทรศัพท์ส่องหน้าตัวเองอยู่
“ใกล้แล้วครับ มีอะไรเหรอ” ผมโกหกไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากจะคุยกับเขาเท่าไหร่ด้วยคิดว่าคชาหลับไปแล้ว เดี๋ยวจะรบกวนมันเอา

“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่จะบอกมาวินว่าพี่จะนอนแล้วนะ”
เอ้าไอ้นี่ นอนก็นอนไปสิ มาบอกกูทำไม
ผมย่นคิ้วเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากจะส่งเสียงในลำคอ
“อืม นอนเลยครับ”

หากแต่พี่ชิณณ์กลับทำในสิ่งที่ผมไม่ทันคาดคิดด้วยการเอื้อมมือมาปัดปรอยผมที่ปรกหน้าผากผมอยู่ออก จากนั้นก็ส่งยิ้มให้
“ฝันดีนะมาวิน”
ผมนิ่งไปชั่ววินาทีหนึ่งเลย ก่อนจะได้สติแล้วรีบตอบกลับ
“ครับ ฝันดีครับ”

หลังจากนั้นไม่นานพี่ชิณณ์ก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย ปล่อยให้ผมนอนตาค้างอยู่อย่างนั้นอีกพักหนึ่งด้วยมั่นใจขึ้นทุกขณะแล้วการที่พี่ชิณณ์บอกสเปกผู้ชายผมมาอย่างนั้นต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน แต่เป็นการตั้งใจบอก

พี่ชิณณ์ชอบผม... ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่จะทำให้ผมเริ่มหลอน ไม่กล้านอนใกล้พี่ชิณณ์มากกว่าเดิม พลันค่อยๆ ขยับตัวออกห่าง แน่นอนว่าคืนนี้ผมไม่นอนตะแคงไม่ว่าจะฝั่งไหน

ตะแคงหันหน้าให้พี่ชิณณ์ ทางตูดก็หันไปทางคชา

หันหน้าไปทางคชา ทางตูดก็หันไปทางพี่ชิณณ์

ไม่ว่าจะทางไหนก็อันตรายทั้งสิ้น!

เกลียดแซนด์วิซขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล สาบานว่าจะเลิกกินไปพักใหญ่เลยทีเดียว

มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของมึงวะไอ้มาวิน ทำไมชีวิตไม่เคยวินสมชื่อเลยวะเนี่ย!

ผมได้แต่พึมพำกับตัวเองในใจอยู่อย่างนั้น ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ามีออะไรบางอย่างไต่มาบนหน้าท้องผมที่อยู่ใต้ผ้าห่ม พอผมหันหน้าไปยังทิศทางของวัตถุประหลาดนั้นก็ต้องเบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ เอวก็โดนรัดแล้วถูกรั้งออกห่างจากพี่ชิณณ์ พร้อมกับเสียงแหบเบาๆ ดังมาให้ได้ยิน

“อย่าไปนอนติดพี่ชิณณ์มากสิวะ”

ไอ้คชา! มึงมากอดกูทำไมเนี่ย!

กอดไม่พอ ยังจะบังคับให้ผมพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าไปทางมันด้วย
“ห้ามหันไปหาพี่ชิณณ์ด้วย เดี๋ยวมึงแอบละเมอจูบพี่ชิณณ์”

กูจะไปทำอย่างนั้นทำบ้าอะไร มึงมโนไปเองทั้งนั้น!

“เราไม่ทำหรอก เลิกดึงเราเข้าหาตัวอย่างนี้ได้แล้ว” ผมร้องท้วงเมื่อรู้สึกว่าลำตัวของผมกับมันแนบชิดกันมากเกินไป
แต่คชามันฟังเสียที่ไหน ดึงผมเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจไม่พอ ยังมีหน้ามาพูดเรื่องอื่นอีก
“กันไว้ดีกว่าแก้ เกิดมึงเผลอใจให้พี่ชิณณ์ขึ้นมา เดี๋ยวมึงจะช้ำใจเพราะกูหล่อกว่าแล้วพี่ชิณณ์จะหลงกู”
ผมเบ้ปากทันที ก่อนที่มันจะทำให้ผมเบ้ปากหนักกว่าเดิม
“เออ กูก็ลืมไปว่ามึงชอบกูนี่หว่า ช้ำใจซ้ำซ้อนเหมือนพิการซ้ำซ้อนเลยนะมึง”

จะเป็นมึงหรือพี่ชิณณ์ก็ไม่ทำให้กูช้ำใจทั้งนั้นแหละเว้ย มึงมันไอ้บ้าหลงตัวเอง!

อยากจะจับหัวมันโขกกำแพงนักแต่ก็กลัวจะทำพี่ชิณณ์ตื่น ที่สำคัญ ผมต้องออกจากสภาพที่เป็นอยู่นี่ก่อน ถ้าพี่ชิณณ์ตื่นขึ้นมาเห็น รับรองเลยว่าได้เข้าใจผิดไปไหนต่อไหนแน่
“จะอะไรก็ช่าง ปล่อยเราก่อน” ผมว่าพลางออกแรงดันแผงอกตรงหน้าน้อยๆ ทุกอย่างเป็นไปอย่างเบามือที่สุดด้วยเกรงว่าพี่ชิณณ์จะรู้สึกตัว

ทว่าคชาไม่ปล่อย กลับดึงผมเข้าไปใกล้ ใช้แขนอีกข้างสอดเข้ามาใต้หัวผมให้ผมนอนหนุน แล้วรั้งท้ายทอยเข้าใกล้จนหน้าผมแนบชิดไปกับไหปลาร้าของมัน
“ไม่ปล่อย ถ้ากูเผลอแล้วเดี๋ยวมึงหลอกจับเจี๊ยวพี่ชิณณ์ กูไม่ยอม”
ใครมันจะอยากไปจับวะเฮ้ย! มึงอยากจับเองแล้วอย่ามาทำเป็นยัดเยียดให้กูนะ!
“พูดบ้าอะไรวะ ปล่อยเรา” ผมโวยเล็กๆ
แต่คชาไม่ปล่อย ใช้มือข้างที่รั้งเอวผมอยู่ตีก้นผมไปทีนึงด้วย ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว เสียววาบทั้งร่างก่อนที่หูจะได้ยินคชาดุออกมา
“มึงอย่าเรื่องเยอะ นอนเฉยๆ ไปเลย ยุกยิกไปมาเดี๋ยวพี่ชิณณ์ตื่น”

ผมนิ่งทันใด ไม่ใช่ว่าเชื่อฟังมันหรอกนะ แต่อึ้ง...

มึงมาตีก้นกูทำไม!

แล้วก็ดูท่าทางมันจะไม่ตีครั้งเดียวด้วย เพราะพอผมนิ่ง มันก็ขู่มาอีก
“ถ้ายุกยิกอีกเมื่อไหร่ กูจะฟาดให้ก้นลาย”

มึงฆ่ากูเลยเถอะถ้าจะทำกันแบบนี้น่ะ!

ผมแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายเลือด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามที่คชาสั่ง ก่อนที่ความอึ้งงันจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นเมื่อคชาจรดปลายจมูกลงมาบนกระหม่อมของผม
“หัวมึงหอมดีว่ะ”
จากนั้นก็สูดกลิ่นยาสระผมจากหัวผมเข้าปอดไปอีกที
“แต่ถึงจะหอม มึงก็อย่าสระผมตอนกลางคืนบ่อยนะ เดี๋ยวหัวเป็นเชื้อรา”

อะ...ไอ้คชา

ผมไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไรออกไปจึงแกล้งทำเป็นหลับไปแม่งเลย ขณะที่หน้าร้อนวูบวาบกับการกระทำนั้นด้วยผมไม่คุ้นชินกับการใกล้ชิดคนอื่นอย่างนี้สักเท่าไหร่ แต่การได้ใกล้ชิดกับคชาอย่างนี้ก็ทำให้ผมพอจะคลายความกังวลเรื่องเป็นแซนด์วิชที่เป็นไส้คั่นกลางระหว่างคชากับพี่ชิณณ์ไปได้บ้าง

คลายกังวลเรื่องนั้นแป๊บเดียว แต่ดันต้องมากังวลเรื่องไอ้คชาที่จู่ๆ ก็เข้าเฝ้าพระอินทร์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นอนกรนคร่อกๆ คางเชยกระหม่อมผมเสียอย่างนั้น

มึงกรนดังคางสั่นลามมาถึงหัวกูขนาดนี้ อย่าทำน้ำลายไหลมาโดนหัวกูนะเว้ย!

กลายเป็นหมอนข้างให้มันไปโดยปริยาย ผมถอนหายใจออกมาเต็มแรง ค่อยๆ ดันตัวออกห่างจากคชาเล็กน้อย แต่ก็โดนคชารั้งเข้าไปกอดอีก คราวนี้ไม่ได้มีแต่แขน ขาก็มากอดก่าย ผมเลยปล่อยให้เลยตามเลยทั้งที่ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายยังคงเต้นแรงจนได้ยินเสียงชัดเจน

ตื่นเต้นกับมันทำไมวะไอ้มาวิน...
--------------------------------------
มาเต็มตอนแล้วจ้า เพิ่งตื่น 555
ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะขำหรือสงสารมาวินดี โถลูก มีหนุ่มหล่อตั้งสองคนมานอนขนาบข้าง ควรดีใจนะลูก 555
ฝากฟีดแบ็กไว้หน่อยนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาต่อให้จ้ะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 25-04-2017 03:58:12
คชา บ้า บ้า บ้าาาาาาาา  :m20: :m20: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 25-04-2017 06:24:15
อ่านคชาแล้วงง ปากว่าหวงพี่ชิณณ์ แต่ทำเหมืองหวงอีกคน ทั้งกอดทั้งหอมหัว 555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 25-04-2017 07:02:59
คชามันมีสติไหม?

ความเงิบที่เจอจากพี่ชิณณ์ไปหลายดอกนี่ไม่ช่วยอะไรเลย

วินเอ๊ยยยย น่าอิจฉามาก
ถ้าเป็นฉันคงพุ่งเข้าไปฟัดหัวนมชมพูของพี่ชินแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-04-2017 09:21:40
สงสารมาวิน ความวุ่นวายนี้...
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-04-2017 10:38:42
 :m20:     

 :3123: :L1: :pig4: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 25-04-2017 10:41:50
อร้ายยยยยยยนุ้งมาวินหวั่นไหวแล้วววววว รออิคชาเป็นคนต่อไปปป อิอิ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-04-2017 12:47:28
ถ้าคชาเป็นคนปกติจะหล่อมากกกด  :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: yotisssa ที่ 25-04-2017 13:02:47
ความคชานี้ เราชอบจริงๆ 555t
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 25-04-2017 13:31:08
คชา หึ่ยหมั่นไส้
แต่ชอบมากชอบในความหลงตัวเองของคชา555555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 25-04-2017 14:47:41
คชา นี่คือความเนียนใช่มั่ย :hao3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 25-04-2017 17:59:20
คชาเป็นคนตลก บ้าบอและหลงตัวเองมาก
 :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 25-04-2017 22:56:28
สบตา ครั้งที่ 10: เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[1]

ผมแทบไม่ได้หลับทั้งคืน โชคดีที่พี่ชิณณ์ตื่นมาแล้วไม่ได้เห็นสภาพผมถูกคชากอดรวบหัวรวบหางเพราะพอเข้าเช้ามืด คชามันก็นอนดิ้น ถีบผมออกจากอ้อมแขน กลิ้งตกเตียงไปนอนแอ้งแม้งบนพื้นเป็นที่เรียบร้อย พอตื่นขึ้นมา ผมก็ทำตัวไม่ถูกด้วยไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดีตอนคุยกับคชา อย่าว่าแต่วางตัวเลย ปั้นหน้าก็ไม่ถูกด้วยเถอะ

แต่คชาก็คือคชา มันเป็นผีบ้า เคยคิดอะไรมากมายเสียที่ไหน มันทำตัวเป็นปกติ อ้อร้อเต๊าะพี่ชิณณ์เหมือนเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้ผมมองมันแล้วก็ถอนหายใจยาว

เออ มีแต่ผมที่คิดบ้าบอไปคนเดียว ไอ้ที่หวั่นไหวเมื่อคืนไปชั่วขณะเป็นอารมณ์ชั่ววูบโคตรๆ

ถึงอย่างนั้นก็ดีแล้วที่ลงเอยอย่างนี้ เพราะถ้ามันมาชอบผมเหมือนพี่ชิณณ์อีกคน นอกจากผมจะอึดอัดกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่แล้ว ผมต้องสับสนกับรสนิยมทางเพศของตัวเองอย่างรุนแรงแน่นอน

มึงไม่ได้ชอบผู้ชายไอ้มาวิน...

ได้แต่ย้ำเตือนตัวเองอย่างนี้ และก็ค่อนข้างมั่นใจเสียด้วยเพราะถ้าชอบจริงๆ ผมคงจะยินดีปรีดากับการสบตาผู้ชายแล้วเห็นงวงช้างไปตั้งนานนมแล้ว

และพอมันลงเอยอย่างนี้ ทุกอย่างก็กลับมาวนลูปเดิม คชาเอาใจพี่ชิณณ์ พี่ชิณณ์มาเอาใจผม ผมเป็นนกต่อให้คชา วนเวียนวนไปเป็นลูกโซ่ประหนึ่งวงจรอุบาทว์ เป็นอย่างนี้ทุกวันเข้า ผมก็ชักจะเบื่อ หลายวันให้หลังผมจึงเลี่ยงที่จะไม่เจอพี่ชิณณ์ อ้างว่าทำงานวิชาอื่นจนยุ่งบ้าง มีสอบควิซบ้าง เลยไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์ ส่วนคชาก็มีตอแยเรื่องผมไม่ไปสืบข่าวคราวพี่ชิณณ์นิดหน่อย ทว่าพอผมให้ไอดีโปรแกรมแชทของพี่ชิณณ์ไป มันก็หุบปากสนิท ไปแอดพี่ชิณณ์คุยแล้วก็กลิ้งบ้าอยู่คนเดียวบนเตียงเพียงเพราะพี่ชิณณ์ส่งสติ๊กเกอร์รูปตัวการ์ตูนยิ้มกลับมาตอนมันส่งข้อความไปทักทาย

ปล่อยมันบ้าไป ไม่งั้นมันมาวุ่นวายกับผมเรื่องพี่ชิณณ์ไม่รู้จบแน่

พอสลัดพี่ชิณณ์กับคชาหลุดแล้ว ผมจึงกลับมาทำงานพิเศษในตำแหน่งพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำที่ห้างแถวมหาวิทยาลัยอีกครั้งด้วยสำนึกได้ว่าเริ่มไม่มีเงินจะยาไส้ จากการที่หยุดงานไปหลายวันโดยไม่บอกกล่าว แน่นอนว่าผมโดนหัวหน้าพนักงานทำความสะอาดดุเสียยกใหญ่ เกือบจะโดนไล่ออกอยู่แล้วเชียวถ้าผมไม่อ้างว่าช่วงนี้เรียนหนักอะไรประมาณนั้น แล้วก็เคราะห์ดีที่หัวหน้าพนักงานใจดีเลยให้โอกาสผมได้ทำงานต่อ มีตักเตือนตบท้ายอีกเล็กน้อยว่าถ้าจะหยุดก็ให้แจ้งล่วงหน้าก่อน

เอาตรงๆ นะ ที่ผมหยุดทำงานไปไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้านี่เป็นเพราะไอ้คชากับพี่ชิณณ์ล้วนๆ แต่ไม่โทษสองคนนั้นหรอก ถ้ามาคิดดูดีๆ แล้ว ความผิดทั้งหมดมันเกิดจากการที่ผมบริหารจัดการเวลาไม่ถูกเองมากกว่า ดังนั้นหลังจากโดนดุด่าจนหัวหน้าแม่บ้านเป็นที่พอใจแล้ว ผมก็ไปเปลี่ยนชุดนักศึกษาออกเป็นชุดพนักงานทำความสะอาด คว้าอุปกรณ์ก้าวเข้าห้องน้ำก่อนจะลงมือทำงานอย่างเคย

วันนี้เป็นวันธรรมดา คนไม่ค่อยเยอะ ผมเลยจัดการล็อกประตูห้องน้ำเพื่อที่จะทำความสะอาดอย่างเคย ทว่าปิดประตูได้ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากด้านนอก

“เฮ้ย ล็อกทำไมวะ คนจะใช้ห้องน้ำเนี่ย!”
ผมย่นคิ้ว กะจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอยู่แล้วจนกระทั่งได้ยินเสียงคนข้างนอกพวกนั้นดังขึ้น
“กูว่ามึงโทรรายงานห้างเลยว่าแม่บ้านที่นี่ล็อกห้องน้ำไม่ให้ลูกค้าเข้า แม่งจะได้โดนไล่ออก”
“เออ กูก็ว่างั้น คนปวดเยี่ยวก็ไม่ให้เข้า กวนฉิบหาย”

สารพัดคำหยาบและสัตว์เลื้อยคลานดังมาให้ได้ยินเรื่อยๆ ผมจะไม่อะไรเลยถ้าหากพวกมันไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผมอย่างนั้น การที่ถูกลูกค้ารายงาน ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ผมก็ต้องถูกตำหนิไว้ก่อนอยู่แล้ว ดีไม่ดีผมจะโดนไล่ออกด้วยเพราะยังมีคดีเก่าติดตัวอยู่ อีกอย่าง ที่นี่ไม่มีนโยบายล็อกห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดเป็นรอบๆ อย่างที่ผมทำ ไอ้ที่ผมทำอยู่คือผมตัดสินใจทำเองล้วนๆ
การถูกไล่ออกเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิด ผมเลยจัดการเดินไปเปิดประตูออก ก่อนจะปะทะเข้ากับพวกเด็ก...แว้น

เออ เด็กแว้นจริงๆ ทั้งทรงผม ทั้งเสื้อผ้าและหน้าตาท่าทาง ยกโขยงกันมาเป็นกลุ่มอีกต่างหาก ผมเคยเห็นอยู่บ่อยๆ ว่าเด็กพวกนี้เป็นพวกวัยรุ่นที่ชอบมานั่งเล่นหลีสาวอยู่ที่ชั้นบนตรงหน้าโรงหนัง

พอผมเปิดประตูปุ๊บ เด็กแว้นคนหนึ่งที่กำลังจิ้มกดโทรศัพท์อยู่ก็มองหน้าผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เอ้า เปิดละ ปวดเยี่ยวจะตายห่า ปิดทำไมวะ”
โดนมันด่าอีก น้ำเสียงกระด้าง หยาบคายด้วย ทั้งที่ดูแล้วเด็กพวกนี้น่าจะอายุน้อยกว่าผมด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักนอกจากจะเลี่ยงหลบตาพวกมันแล้วว่าเร็วๆ
“ขอโทษด้วยครับ”
“ขอโทษก็ถอยไปสิวะ ยืนขวางทำบ้าอะไร”

หนึ่งในนั้นผลักผมออกไปด้านข้าง ผมเซถลาไปเล็กน้อย พลันมองตามหลังพวกมันที่พากันกรูเข้ามายืนเรียงรายฉี่กันเป็นทิวแถว

มากันสามคน... เอาเถอะ ปล่อยให้พวกมันทำธุระให้เสร็จ มันจะได้ไปๆ กันสักที

ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาไปทำความสะอาดที่ห้องสุขาทีละห้อง ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงของพวกมันคนหนึ่งว่าเหน็บเข้าให้

“ก้มหน้าก้มตา แหยฉิบหาย”
ผมถึงกับกัดฟันกรอด

กูไม่ได้แหย กูแค่ไม่อยากสบตาแล้วเห็นเจี๊ยวพวกมึง!

ผมก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรหรอก รู้ดีว่าไม่ควรตอบโต้เพราะเหตุผลอะไร แต่การที่ผมทำเฉย พวกมันก็ยิ่งได้ใจ เดินผ่านหน่อย พวกมันที่เดินไปล้างมือก็แกล้งเอามือวักน้ำที่ก๊อกใส่ผมจนโดนเสื้อผ้าเปียก

“เป็นลูกหมาตกน้ำเลยนะมึง”
ผมยืนนิ่ง สูดหายใจเข้าปอดอย่างขุ่นเคือง บอกตัวเองอยู่ว่าไม่ควรตอบโต้ ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ หากแต่ยิ่งนิ่ง พวกมันก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นไปอีก หัวเราะกันร่า ก่อนจะแกล้งไปเดินเตะถังขยะที่เต็มไปด้วยทิชชูล้มระเนระนาด
“โทษทีว่ะ ไม่ได้ตั้งใจ ตีนมันไปเอง”

ต่ำสุดอะไรสุด!

ผมเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าโกรธถึงขนาดอยากฆ่าคนตายมันเป็นยังไง ทว่าก็ยังเงียบ ตรงไปคว้าเก็บเอาถังขยะขึ้นตั้ง ก่อนจะใช้มือที่สวมถุงมือยางเก็บทิชชูที่เกลื่อนกลาดบนพื้นขึ้นมาทีละชิ้น แล้วแทนที่เด็กแว้นพวกนั้นจะหยุดก็ดันไม่หยุดด้วยนะ หัวเราะใส่ผมแล้วก็เตะถังขยะล้มไปอีกที

คราวนี้ผมหมดความอดทน เงยหน้าขึ้นมองพวกมันทันใด ตาสบตา เห็นจู๋เรียบร้อยแต่ก็ไม่ใส่ใจแล้ว มีแต่ความหัวร้อน
“อะไรมึง มองหน้า อยากมีเรื่องหรือไง”
เห็นผมจ้องเขม็ง หนึ่งในพวกมันก็ร้องท้าเหย็งๆ ผมอยากจะคว้าเอาถังขยะฟาดหน้าพวกมันเรียงตัวนัก แต่ไม่เป็นผลดีเลยถ้าผมทำอย่างนั้นจึงได้แต่เฉย เก็บขยะใหม่อีกรอบ พวกมันก็ปรี่เข้ามาเตะอีกรอบเช่นกัน ตอนนี้ผมถึงกับลุกพรวด
“คุณครับ”
“อะไร”

ก็อะไรล่ะ มึงจะมาหาเรื่องกูหาพระแสงอะไร!

อยากจะพูดประโยคนี้นะ ทว่าสุดท้ายกลับพูดว่า

“อย่าหาเรื่องกันเลยครับ ถ้าใช้ห้องน้ำเสร็จแล้วก็ออกไปเถอะ ผมจะได้ทำความสะอาด”
“ถ้าพวกกูไม่ออก แล้วมึงจะทำไม ห้องน้ำนี่พ่อมึงสร้างเหรอ”

โอ้โห ห้าวเป้งระดับสิบ ยียวนไม่พอ เตะถังขยะกระจายอีกระลอก ผมสูดหายใจเข้าปอดเต็มแรง พยายามสะกดอารมณ์เต็มที่ แต่
แทบจะไม่มีประโยชน์เพราะนอกจากจะเตะถังขยะแล้ว มันยังเตะกระดาษทิชชูกระจุยกระจาย ดีนะที่เป็นทิชชูสำหรับเช็ดมือ ถ้าเป็นทิชชูที่เช็ดอย่างอื่น ผมคงคลั่งตายแน่นอน

“ถ้าพวกคุณไม่ออกไป ผมจะไปเรียก รปภ.มานะ”
ในที่สุดผมก็โพล่งขู่ออกมาจนได้ พวกมันมองหน้าผม ไล่ต้อนไปจนหลังชิดข้างฝา พลางเอียงคอถามอย่างกวนโอ๊ย
“ถ้ามึงคิดว่าจะรอดไปเรียกมาได้ก็เอาเลย”

พูดมาอย่างนี้ก็รู้เลยว่าพวกมันคิดจะรุมยำผมแน่ ผมได้แต่ก่นด่าโชคชะตาของตัวเองในใจ

อะไรของมันวะเนี่ย มาทำงานเฉยๆ ก็โดนหาเรื่องเสียอย่างนั้นอะ เมื่อไหร่ชีวิตจะวินสมชื่อบ้างวะ!

ดีนะที่จังหวะนั้นมีใครบางคนโผล่เข้ามาในห้องน้ำพอดี
ไม่สิ ไม่ใช่ใครบางคน อีกสี่ซ้าห้าคนเลย ซ้ำหนึ่งในนั้นก็ร้องเรียกชื่อผมด้วย
“เอ้า ไอ้เอ๋อ”

โอเค ไม่ใช่ชื่อ เป็นฉายาที่คชาเรียกจนติดปาก และคนที่โผล่หัวเข้ามาก็คือคชากับเพื่อนทูตกิจกรรมของมันนั่นแหละ

มาได้ถูกจังหวะพอดีเลยไอ้คชา ช่วยกูด้วย!

ไม่ต้องร้องบอก จากสถานการณ์ที่มันเห็นก็คงพอจะเดาได้ว่าผมตกที่นั่งลำบากอยู่ เท่านั้นสีหน้าระรื่นของมันที่มาจากการเดินคุยโขมงโฉงเฉงกับเพื่อนเข้ามาในห้องน้ำก็แปรเปลี่ยนไปเป็นตึงเครียดทันทีขณะที่ผมก็เห็นงวงช้างเพิ่มอีกเป็นโขลง

มาแล้วจ้า บรรยากาศหนัง GV แบบ Gang Raped มาแล้วจ้า!

แสร้งทำเป็นมองไม่เป็นไป ตอนนี้ควรสนใจกับเหตุการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่มากกว่า
“ยุ่งอะไรกับเพื่อนกูวะ”

คชาร้องถาม สีหน้าดูหาเรื่องและสงสัยสุดฤทธิ์ไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่แค่คชา พวกเพื่อนๆ มันที่เคยร่วมหัวกันกับคชาแกล้งผมก็มีสีหน้าไม่ต่างกันนัก

ด้วยจำนวนคนที่มากกว่าและร่างกายที่สูงใหญ่กว่า ทำให้เด็กแว้นพวกนั้นถอยหางจากผมอย่างรวดเร็ว
“เพื่อนเฮียเหรอครับ”
“เออ กูก็ถามพวกมึงอยู่นี่ไง”
คชาว่า พลันเดินเข้ามายืนจังก้าตรงหน้า เด็กแว้นพวกนั้นหน้าซีดเผือดก่อนที่จะแก้ตัวหน้าด้านๆ
“พวกผมก็แค่มาเข้าห้องน้ำเฉยๆ”
“เข้าห้องน้ำเฉยๆ แล้วทำไมถังขยะกระจายแบบนี้” เหมือนจะเดาได้ว่าไอ้พวกเด็กเวรพวกนี้ทำอะไร

พอไม่ได้คำตอบ คชาก็จัดการตบกบาลเด็กพวกนั้นทีละคน
“กูบอกแล้วใช่ไหม แมนๆ น่ะเขาไม่รังแกคนอื่น”

เด็กแว้นพวกนั้นรีบยกมือไหว้คชาเป็นการขอโทษทันที ส่วนผมมองภาพนั้นแล้วก็อึ้งงันไป

ไอ้คชา อย่าบอกนะว่ามึงเป็นหัวหน้าแก๊งเด็กแว้นพวกนี้น่ะ!?

ใช่อย่างแน่นอนเพราะเด็กพวกนั้นดูจะเกรงใจคชาเป็นอย่างมาก พากันไหว้พร้อมกับเอ่ยคำว่าขอโทษเป็นพัลวัน ก่อนคชาจะร้องบอก
“ไม่ต้องมาขอโทษกู โน่น หันไปขอโทษเพื่อนกูโน่น” แล้วก็ตบหัวพวกมันไปอีกคนละที
เด็กแว้นพวกนั้นหันมายกมือไหว้ขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่
“ขอโทษครับพี่”

ผมยังคงงงๆ กับเหตุการณ์อยู่ได้แต่พยักหน้ารับไหว้ไป ก่อนที่คชาจะสั่งสอนเด็กพวกนั้น
“จำได้เลยนะพวกมึง ถ้าอยากหล่อล่ำดูดีเหมือนพวกกู นอกจากพวกมึงจะต้องดูแลตัวเองแล้ว พวกมึงต้องรู้จักวางตัวให้ดีด้วย รังแกคนอื่นแบบนี้ พวกมึงก็ไม่ต่างอะไรจากกุ๊ยข้างถนนหรอก”

เด็กพวกนั้นเหมือนจะฟังคชานะ พยักหน้ารับทราบกันเป็นทิวแถว แต่ผมก็ยังงงอยู่
มึงไปเป็นหัวหน้าแก๊งเด็กแว้นได้ยังไง แล้วมึงมาชมตัวเองหน้าด้านๆ อย่างนี้หมายความว่าไงวะ!

ไม่รู้จะหันไปถามใครเลย ดูเหมือนพวกเพื่อนๆ คชาก็จะรู้เห็นกันด้วย มีแต่ผมคนเดียวที่ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของคชากับเด็กพวกนั้นคืออะไร ทว่าไม่ทันที่จะได้ถาม คชาก็อธิบายออกมาแล้ว

“ไอ้พวกนี้อยากหล่อเหมือนกูน่ะ มาเรียนรู้วิธีการเป็นคนหล่อจากกู เจอกันหน้าโรงหนังบ่อยๆ เลยสนิทกัน”
ฟังแล้วผมก็นิ่งไปเลย

มึงกล้าชมตัวเองโดยไม่สะทกสะท้านใดๆ อย่างนี้ได้ไง สตรองเกินไปแล้ว!

แถมพวกเพื่อนคชาก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นดีเห็นงามกับความหลงตัวเองของคชาอีกด้วยนะ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกมันคบกันได้

แม่งหลงตัวเองกันทั้งก๊ก!

พวกมันก็หล่อดูดีกันจริงๆ แหละ แต่ผมไม่สนแล้ว นอกจากจะเอ่ยขอบคุณมันไป
“อือ เสร็จธุระแล้วก็ออกไปเถอะ เราจะได้ทำงานต่อ” ผมว่า ก้มตัวลงหยิบถังขยะมาวางตั้งเหมือนเดิม
เพื่อนของคชาพากันออกไปข้างนอกพร้อมกับเด็กแว้นหัดหล่อพวกนั้น เหลือแต่คชาที่ยืนมองผมนิ่งๆ ก่อนจะโพล่งออกมา
“ยังทำอยู่อีกเหรอวะ”
ผมหันไปเลิกคิ้วสูง “อะไร”
“กูหมายถึงไอ้งานทำความสะอาดเนี่ย ยังทำอยู่อีกเหรอวะ นึกว่ามึงเลิกไปแล้ว”
“ไม่ได้เลิก ที่ไม่เห็นมาทำก็เพราะเรายุ่งๆ น่ะ”

ยุ่งเรื่องมึงกับเรื่องไอ้พี่ชิณณ์เนี่ย!

อยากจะบอกไปอย่างนี้ชะมัด แต่ก็ช่างมันเถอะ ก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดต่อไป พลันก็ต้องชะงักเมื่อคชาทิ้งตัวลงมานั่งยองๆ ข้างๆ
“กูว่ามึงเลิกเถอะ”
ผมหันไปมอง “ทำไมอะ”
“งานไม่เหมาะกับมึงเลยว่ะ”

ผมรู้ว่าคชาคิดอะไร อย่างว่าแหละ คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่างานแบบนี้มันเป็นงานใช้แรงงาน งานสกปรก แต่สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าจะอาชีพอะไร ถ้าเป็นงานสุจริตก็ล้วนแต่มีเกียรติทั้งสิ้น และผมก็ไม่สนด้วยตราบใดที่มันสร้างเม็ดเงินให้ผมได้
ผมไม่ตอบโต้อะไรคชาไป ทำให้มันพูดขึ้นมาอีก

“ลาออกเถอะ”
“ถ้าเราออก แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะ”
“มึงก็ไปทำงานอื่นที่ไม่ใช่งานนี้แทนสิวะ”
พูดง่ายมากเลยนะไอ้คชา ถ้ากูไม่สบตาชาวบ้านแล้วเห็นจู๋เขาไปทั่ว คิดเหรอว่ากูจะมาทำงานใช้แรงให้เหนื่อยอย่างนี้น่ะ!
“เราทำงานอื่นไม่ได้” ผมว่า

คชาคงจะรู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรเลยพูดขึ้นมา
“เพราะมึงสบตาคนอื่นแล้วเห็นเจี๊ยวน่ะเหรอ”
ผมพยักหน้า คชามองหน้าผมนิ่งๆ แล้วถอนหายใจยาว
“มึงนี่น้า งานอื่นมันก็มีเว้ยที่ไม่ต้องเจอหน้าผู้คนบ่อยๆ น่ะ มึงคิดเหรอว่างานทำความสะอาดไม่ต้องเจอหน้าคนอื่น เผลอๆ แม่งจะเห็นเจี๊ยวบ่อยกว่างานอื่นอีก คนที่เดินเข้ามานี่ก็พร้อมจะรูดซิปกางเกงลงทั้งนั้นแหละ เผลอๆ มึงจะเห็นโดยที่ไม่ต้องสบตาด้วย”
ที่คชาพูดก็ถูก แต่มันเลี่ยงที่จะไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้ไง ผมเลยเลือกงานนี้ หากแต่พอผมไม่ตอบ คชาก็ย้ำขึ้นมาอีกครั้ง

“ลาออกไปไป๊”
“ออกแล้วจะทำอะไรกิน”
“เออน่า เดี๋ยวกูพาไปหางานใหม่ ไม่ต้องห่วง”
“งานอะไรอะ” ผมทำหน้าสงสัยฉับพลัน
“ติวเตอร์” คชาตอบ “กูทำอยู่ แต่ของกูเป็นสอนติวตามโรงเรียน ถ้ามึงไม่เคยทำ เดี๋ยวกูจะพาไปเรียนรู้” คชาว่า ก่อนจะเอามือมายีหัวผมแล้วดันตัวลุกขึ้นยืน “ใช้ความรู้มึงให้เป็นประโยชน์ ถนัดวิชาไหนค่อยบอกกูแล้วกัน”
แล้วมันก็ทำหน้าหล่อโคตรๆ ส่งมาให้ ผมก็เห็นว่ามันหล่อโคตรๆ ในวินาทีนี้เหมือนกัน

โอ... คชา พ่อพระของมาวิน ถึงจะเพี้ยนๆ บ๊องๆ แต่นิสัยแม่งดีใช่ได้เลยว่ะ

หากแต่ความคิดเมื่อครู่ก็มลายหายไปเมื่อจู่ๆ จมูกผมก็ได้กลิ่นตุๆ ยังไม่ทันได้คิดว่าเป็นกลิ่นอะไร เสียงคชาก็ดังมาให้ได้ยิน
“เดี๋ยวมึงรอกูแป๊บ กูไปเข้าส้วมก่อน อั้นมาตั้งนานละ เดี๋ยวมาคุยรายละเอียด”

อย่าบอกนะว่ากลิ่นเมื่อกี้...

มึงตดเหรอ!

ใช่อย่างแน่นอน มันเดินแท่ดๆ ไปเข้าส้วมแล้วก็กดชัดโครกกลบเสียง

โถไอ้คชา ที่กูเห็นมึงหล่อเมื่อกี้นี้นี่หมดกัน...




 
คชาก็มาคุยรายละเอียดเรื่องการเป็นติวเตอร์หลังออกมาจากส้วมจริงๆ แต่มันวางเงื่อนไขว่าผมจะต้องไปลาออกจากงานที่ทำอยู่เสียก่อน แล้วก็ต้องตามมันกับพวกเพื่อนๆ มันไปที่ผับด้วยเพราะวันนี้มาเลี้ยงหลังจากทำกิจกรรมในฐานะทูตกิจกรรมของมหาวิทยาลัยเสร็จสิ้นลงด้วยดี

ผมก็อยากได้งานไงเลยตามมันมาที่ผับอย่างว่าง่าย พร้อมกับความไม่เข้าใจว่ามันจะเลี้ยงอะไรกันนักหนา ก่อนหน้านี้ที่พวกมันไปห้างก็ไปกินปิ้งย่างฉลองกันมาแล้ว ยังจะไปต่อกันอีก บอกตามตรงว่าผมไม่เข้าใจเรื่องการเข้าสังคมของกลุ่มเพื่อนอะไรนี่สักเท่าไหร่หรอก

ใช่สิ คนไม่มีเพื่อนเป็นผู้เป็นคนอย่างผมมันจะไปเข้าใจอะไร

แต่ถึงจะไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจในตอนนี้เมื่อคชากับพวกเพื่อนมันลากผมมาที่ผับเป็นที่เรียบร้อย คชาให้ผมซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษาสวมเสื้อยีนแจ็กเก็ตของมันเพื่อที่จะได้เข้าผับได้โดยไม่ถูกการ์ดลากตัวออกไป แน่นอนว่าผมยังคงทำตัวไม่ถูกกับการเข้าสังคม เหตุผลก็เพราะพลังวิเศษบ้าๆ ของผม แต่โชคดีที่ผับแห่งนี้มืดเสียจนผมไปสบตาใครไม่ได้ จะมีก็แต่พวกเพื่อนของคชาที่ผมเริ่มจะชินกับการเห็นกระเปี๊ยวพวกมันแล้วเลยไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

คชากับพวกเพื่อนๆ วางแผนกันว่าจะกลับก่อนเที่ยงคืน ดังนั้นตอนนี้จึงไม่รอช้าที่จะสั่งเครื่องดื่มมาอย่างรวดเร็วและเริ่มออกลีลายักย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงที่เปิด กระทั่งใครคนหนึ่งโพล่งขึ้นมากลางวงเมื่อเห็นว่าการดื่มกับเต้นเลื้อยไปมาเป็นกึ้งกือโดนน้ำร้อนลวกเริ่มน่าเบื่อ

“เฮ้ยพวกมึง รู้จัก B-52 หรือเปล่าวะ”
“คืออะไรวะ” ใครอีกคนถามกลับ

คนถามไม่ตอบ นอกจากทำหน้ากระหยิ่มยิ้มที่เพื่อนไม่รู้
“มันเรียกว่าเหล้าร้อนเว้ย พวกมึงต้องลอง อร่อยโคตร เดี๋ยวกูจัดมาให้ลอง” จากนั้นก็เดินไปสั่งพนักงาน

ไม่นานนัก เหล้าร้อนอะไรนั่นก็มาเสิร์ฟให้ทุกคน คนละช็อต ก่อนที่เจ้าคนตัวการจะเริ่มอธิบาย ผมพอจะจับใจความได้ว่ามันเป็นเหล้าที่มีส่วนผสมหลักๆ อยู่สามอย่าง จัดเรียงเป็นสามชั้น ชั้นล่างสุดคือเหล้ากาแฟ KAHLUA ชั้นกลางเป็นเหล้า BAILEY’s ไอริสวิสกี้ครีม ส่วนชั้นบนสุดเป็นเหล้าหวานรสส้มที่เรียกว่า TRIPLE SEC

เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้จักหรอกว่าเหล้าอะไรเป็นเหล้าอะไรบ้าง แต่วิธีกินก็คือจะต้องจุดไฟที่เหล้าก่อน พอไฟติดก็ใช้หลอดปักแล้วดูดเอาให้หมดในคราวเดียว ว่ากันว่ามันแรงมาก ดูดไปสามช็อตคือจอด

ผมก็ไม่เชื่อหรอกนะตอนแรก แต่พอได้ลองไปช็อตนึงแล้ว โลกของคนที่แทบไม่เคยแตะเหล้าอย่างผมก็หมุนคว้างทันที ตอนแรกก็กะจะไม่ดื่มหรอก แต่ถูกคะยั้นคะยอเยอะๆ เข้าก็เลยต้องดื่ม มันเป็นนิสัยเสียของผมน่ะไอ้เรื่องปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น
ผมวางแก้วได้ก็เซแท่ดๆ ไปนิดหน่อย ทำเอาคชาถึงกับร้องถามเสียงดัง

“เฮ้ยไอ้เอ๋อ ไหวไหมมึงน่ะ”
“วะ...ไหว” ผมว่าทั้งที่มึนหัวนิดๆ ซึ่งก็ไหวจริงอย่างที่ปากพูดเพราะผมยังคงมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
เพื่อนของคชาที่เป็นคนสั่งเหล้านี่มาถึงกับหัวเราะ ก่อนที่คนอื่นๆ จะชมกันเปลาะว่าอร่อย ก่อนที่ตั้งท่าจะสั่งมากันอีกจนคนต้นเรื่องต้องรีบร้องปราม

“ดื่มเยอะเกิน เดี๋ยวก็กลับอย่างหมาหรอก มาอย่างหล่อ อย่าให้กลับแบบเสียคนสิวะ”
ผมรีบพยักหน้าเห็นด้วยถึงมันจะฟังดูหลงตัวเองไปหน่อยก็เถอะ แต่ไอ้เหล้าบ้านี่มันแรงจริง ทว่าการที่ผมพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อครู่เป็นการกระทำที่เสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์มาก หลังจากประโยคนั้น เพื่อนของคชาก็พูดขึ้นมาอีก
“แต่ถ้าพวกมึงอยากดื่มจริง งั้นเอางี้ โอน้อยออก ใครออกต้องดื่มช็อตนึง ใครไม่ดื่มถือว่าอ่อน เคปะ จะได้ไม่ต้องเป็นหมากันทั้งหมด เดี๋ยวไม่มีคนเก็บศพ”

เท่านั้นทุกคนก็เห็นด้วยกันอย่างพร้อมเพรียงไม่เว้นแม้แต่คชา แล้วผมจะไปทำอะไรได้ล่ะนอกจากจะยอมให้พวกมันทำตามใจ อะไรไม่ว่า ต้องร่วมเล่นเกมกับพวกมันด้วย แล้วพอโอน้อยออก คนที่โดนออกก็เป็นผมด้วยเถอะ
“โดนว่ะมาวิน จัดไปหนึ่งช็อต!”

เสียงเฮโลโห่ฮาดังตามมา ก่อนที่เพื่อนของคชาจะส่งแก้วเหล้าที่มีไฟลุกโชนให้ผม ผมมองแล้วก็กลืนน้ำลายเอื้อก

ถ้าไอ้ช็อตนี้ไหลลงคอผมไป รับรองเลยว่าผมทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างแน่นอน

คชาที่อยู่ข้างๆ เหมือนจะมองผมออก แค่เห็นผมทำท่าจะเอาหลอดปักดูด มันก็มาแย่งแก้วเหล้าในมือไปพลันว่า
“เดี๋ยวไอ้เอ๋อมันเมา กูขี้เกียจแบกมันกลับ” แล้วก็ดูดเองหน้าตาเฉย ทำเอาเพื่อนๆ มันหัวเราะกันใหญ่
“แล้วถ้ามึงเมา มันไม่ต้องแบกมึงกลับเหรอวะ”
“กูไม่คออ่อนขนาดนั้นว่ะ” คชาว่าอย่างอวดดี
“อย่าดื่มเยอะนะคชา” ผมไม่เชื่อใจเลยเตือนไป

คชาเลยหันมายีหัวผมเล็กน้อย
“คนคออ่อนอย่างมึงนั่งนิ่งๆ ไปซะ พี่จะโชว์ให้ดูเองไอ้น้อง คนจริงอย่างกูไม่เมาง่ายๆ ว่ะ”

ผมมองหน้าคชาที่ดูกรึ่มๆ แล้วก็ขอภาวนาให้เป็นอย่างนั้น หากแต่ไอ้ที่คชาพูดมาเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องจริงเลยแม้แต่น้อย พอเกมดำเนินไปอีกครั้งและคชาก็โดนดื่มอีกช็อต เท่านั้นมันก็ร่วงลงพื้นไปเลยในวินาทีนั้น

ไหนมึงบอกว่าไม่ได้คออ่อนขนาดนั้นไง!

เพื่อนมันพากันแบกขึ้นมายืนแทบไม่ทัน คชายกมือเป็นสัญญาณว่า ‘กูยังไหว’ ก่อนที่เกมจะดำเนินต่อไป ทว่าดำเนินต่อไปได้ไม่นาน คชาก็ขอตัวไปห้องน้ำด้วยจู่ๆ ก็เกิดคลื่นไส้ขึ้นมา ผมมองมันอย่างเป็นห่วง เห็นจากการที่มันเดินเซไปชนโต๊ะข้างๆ เต็มแรงแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่ามันไม่น่ารอดไปถึงห้องน้ำ

“ไหวไหมคชา ให้เราพาไปไหม”
“กูหวาย... มึงไปนั่งเลยไอ้เอ๋อ กูไปเอง” ว่าเสียงยานคาง โบกมือไล่ผมแล้วก็เดินเซตุปัดตุเป๋ไปที่ห้องน้ำ

ผมมองตาม เห็นมันหายเข้าห้องน้ำไปแล้วก็สบายใจ แต่ก็สบายใจได้เพียงครู่เดียวเท่านั้นแหละเพราะเกิดสำเหนียกขึ้นมาได้ว่ามันเข้าห้องน้ำนานเกินไป

นานมาก... เกือบชั่วโมงแล้วยังไม่โผล่หัวออกมาเลย พวกเพื่อนมันก็เริ่มเมาเรื้อนไปเรื่อย ไม่ได้สนใจเลยว่าคชาหายหัวไปไหนต่อไหนแล้ว

ผมเลยปลีกตัวออกมาจากกลุ่ม เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อไปดูว่าคชาทำอะไรอยู่ ก่อนจะเจอมันในสภาพกอดโถชักโครกอยู่บนพื้น เอาหน้าทิ่มอยู่ในนั้น

มึงมานอนทำบ้าอะไรที่นี่!

ผมปรี่เข้าไปพยุงมันขึ้นมา หากแต่ตัวใหญ่กว่า ทำให้พยุงได้ไม่ถนัดนัก
“เฮ้ย อย่ามานอนตรงนี้สิ” ผมว่า
ดีนะที่คชาไม่ได้หลับหมดสติ พอผมเรียกก็ผงกหน้าขึ้นมาจากโถส้วม หันมามองผมตาปรือ
“เอ้า ไอ้เอ๋อ...”

เออกูเอง

“อ้วกหรือเปล่าเนี่ย ให้เราช่วยลูบหลังไหม” ผมถาม
คชาส่ายหน้าพรืด “อ้วกเอิ้กอะไร กูไม่เมา...อุ้ก แหวะ!”

พูดยังไม่ทันจบประโยคเลยก็หันไปอ้วกหน้าดำหน้าแดงเป็นที่เรียบร้อย ผมพ่นลมหายใจอย่างระอา ก่อนจะลูบหลังมันให้

“เราก็บอกแล้วไงว่าอย่าดื่มเยอะ เมาหมดสภาพเลยเนี่ย” ผมอดบ่นไม่ได้ เตือนแล้วแท้ๆ บ่นไป มือก็ลูบหลังคชาป้อยๆ
คชาเงยหน้าขึ้นจากชักโครก เหลือบมองมาทางผมเล็กน้อย
“เอาน่า...นิโหน่ย”

นิดหน่อยบ้าอะไร มึงเมาหัวทิ่มขนาดนี้แล้วกูจะแบกมึงกลับหอยังไงไหว

“ไม่ต้องมาพูดเลย ลำบากเราเลยเนี่ยเห็นไหม” บ่นขึ้นมาอีกแล้ว

ปกติผมเคยได้ยินแต่พวกเพื่อนในคณะเล่าให้ฟังนะว่าการแบกสังขารเพื่อนที่เมาหัวทิ่มกลับหอมันนรกแค่ไหน แต่ไม่คิดว่ามันจะหนักหนาสักเท่าไหร่นัก ทว่าพอได้เจอกับตัวเองแล้ว ผมก็เข้าใจสิ่งที่คนพวกนั้นพูดมาทันที

แค่คิดว่าจะต้องแบกมันกลับในสภาพอย่างนี้ ผมก็เหนื่อยแล้ว

แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากลากมันกลับไปให้ได้ เพราะยังไงเสีย วันนี้มันก็ทำดีกับผมหลายอย่าง ทำให้ผมรอดจากการถูกหาเรื่อง ทำให้ผมได้เจอสังคมใหม่ๆ แม้ว่าจะต้องเห็นกระปู๋เพื่อนมันละลานตาก็ตาม มันก็ไม่ใช่วิถีชีวิตที่ผมชอบสักเท่าไหร่หรอก ทว่าก็ต้องขอบคุณมันที่ใส่ใจผมถึงขนาดนี้

และการที่ผมบ่นไปเมื่อครู่ก็ทำให้คชายิ้มพร้อมกับดวงตาปรือๆ
“อดทนหน่อยน่า เพื่อพลังแห่งมิดตะพาบ...” พูดเสียงยานคาง หัวเราะร่วนอะไรของมันก็ไม่รู้
ผมถอนหายใจ ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนเมาอย่างมันแล้ว ก่อนจะลูบหลังมันต่ออีกหน่อย
“แล้วอ้วกพอหรือยังเนี่ย ถ้าพอแล้วจะได้ไปล้างหน้าล้างตา”

คชาพยักหน้ารับ ผมเลยจัดการเอาแขนมันมาพาดคอ พยุงให้มันลุกขึ้นจากพื้นห้องน้ำ เดินตรงไปที่อ่างล้างมือเพื่อที่จะให้มันได้ล้างหน้าล้างตา ยังดีที่มันพอยืนด้วยตัวเองได้ ผมเลยปล่อยให้มันเกาะขอบอ่างล้างมือไว้ ส่วนตัวเองก็เปิดน้ำแล้ววักมาล้างหน้าให้คชา

“อาวอีก ร้อน อาวมาอีก...” คชาส่งเสียงยานคาง โยกตัวไปมา หัวเราะร่าอย่างกับคนบ้า
ผมที่ล้างหน้าให้อยู่ทำอะไรไม่ถนัดเลยต้องออกปากดุ
“อยู่เฉยๆ สิ”

ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้มันเริ่มเต้นแล้วด้วยเมื่อได้ยินเสียงเพลงจากด้านนอกลอยเข้ามาในห้องน้ำ ผมมองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ผละออกไปดึงกระดาษทิชชู กะว่าจะเอามาซับหน้าให้มัน ทว่าก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคชาที่ยืนโยกไปมาวักน้ำชโลมร่างกายตัวเองพร้อมกับเริ่มถอดเสื้อ

“อยู่ในปาร์ตี้ร้อนดั่งกะไฟเออร์...วู้!”

ไม่เต้นอย่างเดียว แหกปากร้องตามเพลงเสียงดังด้วย เสื้อที่ถอดออกตอนนี้ก็เอามาสะบัดควงรอบหัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ไอ้ร้องกับเต้นเพราะเมายังพอเข้าใจได้ แต่...

มึงจะแก้ผ้าทำไม! ถอดเสื้อหาเตี่ยมึงเหรอไอ้คชา!

เมาแล้วแก้ผ้า... เคยแต่ได้ยินเขาเล่ากันมาขำๆ เพิ่งจะเคยเจอะเคยเจอกับตาตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ตอนนี้

แค่เสื้อคงยังไม่สาแก่ใจ แม่งปลดเข็มขัดกางเกงแล้ว ทำเอาผมรีบเข้าไปห้ามมันแทบไม่ทัน
“แก้ผ้าทำบ้าอะไร อย่าถอด!” ผมโวยวาย
คชาหัวเราะร่วน มองหน้าผม “ไม่อยากเห็นเหรอมึง เถาวัลย์อันเท่าแขน”

มึงพิการเหรออันเท่าแขนเนี่ย!

เออ ของมันก็มหึมาจริง แต่มันใช่เวลามาพูดเรื่องนี้หรือเปล่าวะ!

“อันเท่าไหนก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าอย่าถอด ห้ามถอดที่นี่”
“แต่ถอดที่ห้องได้ใช่ป้ะ” ถามด้วยน้ำเสียงยียวน ตัวโงนเงนไปมาขณะที่ผมพยายามจะใส่เข็มขัดมันให้เข้าที่เหมือนเดิม
“เออ จะถอดที่ไหนก็ถอดไป แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่” บ่นแล้วก็จับมันใส่เสื้ออีก

กูนี่พี่เลี้ยงคนบ้าชัดๆ เลย!
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 25-04-2017 22:57:17
สบตา ครั้งที่ 10: เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[2]

กว่าจะพาคชาที่เมาได้ที่ออกจากห้องน้ำได้ก็ทุลักทุเลมากทีเดียว ดีที่เพื่อนๆ ของคชาพอเห็นว่ามันเมาหมดสภาพก็อาสาช่วยผมพาคชาขึ้นแท็กซี่กลับมาส่งที่หอ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับหอใครหอมันบ้าง ผมเพิ่งรู้ในตอนนี้แหละว่าพวกเพื่อนมันไม่มีใครขับรถมาเองสักคน อารมณ์แบบว่าเตรียมพร้อมเมากันเต็มที่มาก เมาไม่ขับอะไรอย่างนั้น

แต่มันไม่ได้สำคัญเลยแม้แต่น้อยเมื่อผมปรายตามองคชาที่นอนแผ่หลาบนเตียง หัวเราะบ้าบอคอแตกประหนึ่งเมากัญชาแล้วก็ต้องถอนหายใจ

เลอะเทอะเละเทะ... พูดได้เต็มปากเลย

สภาพของคชาในตอนนี้นี่ ความหล่อหดหายไปหลายเท่า คือมันก็ยังหล่อแหละ แต่มันดูไม่เป็นผู้เป็นคนน่ะ
ตอนมันยังสติสมบูรณ์ยังบ้าๆ บอๆ ตอนเมานี่ไม่ต้องพูดเลย

แล้วก็ตกเป็นหน้าที่ผมอีกจนได้ที่ต้องจับมันเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะไม่ต้องการให้มันใส่ชุดเหม็นเหล้าเหม็นบุหรี่มานอนบนเตียง
“คชา ลุกขึ้นมาก่อน เดี๋ยวเราเปลี่ยนเสื้อให้” ผมพูดพลางตรงไปรั้งตัวมันขึ้นนั่ง
คชาลุกขึ้นนั่งโงนเงน ดวงตาเหลือบมองผมที่กำลังแกะกระดุมเสื้อมันออกอยู่
“ฮั่นแน่ กูหล่อลากน่าปล้ำล่ะสิ จะทำมิดีมิร้ายกูเหรอไอ้เอ๋อ”

ใครมันจะไปปล้ำมึงวะ กูก็กลัวจะติดเชื้อบ้าเป็นนะเว้ย!

“หุบปากแล้วนั่งนิ่งๆ ไปเลย” ผมขมวดคิ้ว บอกเสียงแข็ง
ถอดเสื้อมันมาได้ก็โยนทิ้งไปบนพื้น ก่อนจะจัดการถอดเข็มขัด ปลดตะขอกางเกงมัน กะเปลี่ยนกางเกงให้ด้วยเพราะขากางเกงเปียกน้ำในห้องน้ำที่ผับไปหมด

หากแต่การที่ผมทำอย่างนั้น ทำให้คชามันยิ้มเจ้าเล่ห์
“จะปล้ำกูจริงๆ ด้วย โอ๊ย เสียตัวแล้ว เสียตัว”
ร้องอย่างนั้นแล้วก็ดีดดิ้นดุ๊กดิ๊ก ทำเอาผมกระชากเข็มขัดมันออกมาแล้วฟาดลงไปบนตัวมันไม่แรงนักทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้
พอถูกผมฟาด คชาก็ทำหน้าเจ็บปวดสะดีดสะดิ้ง
“โหดร้าย”

กูจะโหดร้ายกว่านี้ด้วยถ้ามึงไม่หยุดพูดพล่ามไปเรื่อย

แต่คชาสนไหมล่ะ...หึ ไม่ ทำเป็นเอนตัวลงนอนบนเตียงแผ่หลา
“ฟาดอีกสิขอรับท่านเจ้าคุณ”

เอาหวายแช่เยี่ยวไหมมึง จะฟาดให้ไม่เลี้ยง!

ผมสูดหายใจลึกๆ สงบสติอารมณ์ ก่อนจะตรงไปเข้าห้องน้ำ เอาผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดแล้วเอาออกมาเช็ดตัวให้ คชาก็หัวเราะเมากัญชาในสภาพที่มีบ็อกเซอร์ตัวเดียวติดตัว เห็นอย่างนั้นแล้วผมก็สาบานกับตัวเองเลย

จะไม่ดื่มเหล้าร้อนอีกเป็นอันขาดถ้าดื่มแล้วบ้าเหมือนมันอย่างนั้นน่ะ
“นอนเฉยๆ เราเช็ดตัวให้ไม่ได้” ผมแหวเมื่อคชาเอาแต่ดิ้นไปดิ้นมา
คชาหยุดนิ่งไปจังหวะหนึ่ง ผมเลยเอาผ้าไปเช็ดที่หน้ามัน คชาปรือตามองผมพลางอมยิ้ม
“ดูแลกูดีจังวะ”
“เป็นรูมเมทเรานี่นา มันช่วยไม่ได้” ผมว่าส่งๆ
คชายิ้มกว้างกว่าเดิมอีก ก่อนที่จะพึมพำอะไรบางอย่าง
“ทำตัวน่ารัก เดี๋ยวกูจับกินนะมึง”
ผมชะงักพลัน “เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”

อันนี้ไม่ได้ยินจริงๆ เลยถามซ้ำ ทว่าคชาไม่ตอบแล้ว มันยื่นมือข้างหนึ่งมารั้งท้ายทอยผมหน้าตาเฉย ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มมาให้ ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะยกยิ้ม วินาทีนั้นผมรู้สึกทะแม่งๆ ขึ้นมาทันที ซึ่งลางสังหรณ์ของผมก็เป็นจริงเสียด้วยเมื่อจู่ๆ มันก็ดึงผมเข้าไปหา และ...

และจูบ!

โอ๊ยไอ้คชา! มึงทำแบบนี้กับกูได้ยังไง!

ไม่ใช่แค่จูบแบบธรรมดาด้วยนะ จูบแบบดูดดื่มหื่นกระหาย บดเบียดขบขยี้ อู๊ยยย มึงไปตายอดตายอยากจากที่ไหนมา!
ลิ้นอ่อนนุ่มถูกสอดเข้ามาในปากผม ผมก็ขืนตัวสุดแรงเกิด แต่ด้วยความที่ผมเองก็กรึ่มๆ และคชาก็แรงเยอะ ผมเลยสู้อะไรไม่ไหวสักเท่าไหร่นัก ไปๆ มาๆ จึงกลายเป็นว่าถูกมันจับกดลงนอนบนเตียงเสียอย่างนั้น ส่วนมันก็ขึ้นมาคร่อมผมไว้

ผมเบิกตาโต มองหน้ามันที่อยู่ใกล้เพียงคืบอย่างตกใจทันใด

“คะ...คชา เรารูมเมทนายนะ มาวินไงมาวิน จำเราไม่ได้เหรอ ไม่ใช่พี่ชิณณ์นะเว้ย”

รีบร้องเตือนสติ แต่คชาเมาปลิ้นไม่พอ ความหื่นยังเข้าครอบงำอีก ตอนนี้พรมจูบไปที่ซีกหน้าผมก่อนจะไต่ระดับต่ำลงไปยังใบหูและซอกคอ สัมผัสอ่อนโยนและแปลกใหม่สร้างความร้อนรุ่มในกายผมขึ้นมาทีละนิด ทวีมากขึ้นไปอีกเมื่อคชามันล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อ ใช้ปลายนิ้วรุกรานยังจุดอ่อนไหวบนหน้าอกของผม

อยู่ในปาร์ตี้ร้อนยังกับไฟร์เออร์ที่แท้จริง

มึงหยุดหื่นเดี๋ยวนี้เลย!

ดูท่าจะหยุดไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่แค่มือ หน้าก็เริ่มไต่ลงต่ำไปด้วย ปลายลิ้นละเลงลงมา ปลุกเร้าให้คนไม่ประสาเรื่องทางเพศอย่างผมต้องผวาเฮือก แอ่นหน้าอกตอบสนองการรุกล้ำของมันเสียอย่างนั้น

ตอบรับหนักหน่วงมากไปอีกเมื่อคชามันเริ่มล้วงเข้าไปในขอบกางเกง

ขอบกางเกง!?

ไอ้คชา! มึงต้องสร่างเดี๋ยวนี้!

ไม่ทันแล้ว เอื้อมมือห้ามมันก็ไม่ทัน ผมเองก็ไม่ได้ห้ามมันอย่างจริงจังด้วยแหละเมื่อส่วนกลางลำตัวถูกกอบกุมไว้ในมือใหญ่ ความรู้สึกแปลกใหม่ประดังประเดเข้ามาจนร่างกายผมอ่อนระทวยไปหมด แทบจะไม่สามารถควบคุมความต้องการทางธรรมชาติของตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังประคองสติไว้แทบไม่อยู่อีก ยิ่งปล่อยให้คชาทำอย่างนั้น ผมก็ยิ่งรู้สึกเหมือนใจจะขาดมากขึ้น
ลมหายใจหนักหน่วงหลุดออกมาจากปาก ก่อนที่จะต้องเกร็งจนมือเท้าจิกลงไปบนที่นอนเมื่อความวาบหวามอย่างรุนแรงเข้าเล่นงาน

ปะ...ไปแล้ว

เสียตัวให้ไอ้คชาแล้ว!

ยังหรอก ยังไม่เสีย แค่มือๆ

ผมได้แต่ปลอบใจตัวเองอย่างนั้น ก่อนจะต้องขมวดคิ้วหงุดหงิดทันควันเมื่อเห็นว่าพอผมถึงจุดสิ้นสุดปุ๊บ ไอ้คชามันก็หลับคาอกผมปั๊บราวกับว่ามันไม่รับรู้สิ่งที่มันทำไปเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย

มึงนี่เมาแล้วเนียนหื่นหน้าด้านๆ เลยนี่หว่า!

ผมจับมันพลิกตัวไปข้างๆ พอเห็นบริเวณกลางตัวของตัวเองเปียกชื้นก็ต้องยกขาถีบไอ้คนตัวการไปที ก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหน้าประหนึ่งว่าเสียสาวเป็นที่เรียบร้อย

มีมลทินแปดเปื้อนไปแล้ว...

ไอ้คชา...มึง!
----------------------------------------
เป็นการเขียนฉากเลิฟซีนที่หาความโรแมนติกไม่เจอ 555
วงวารนุ้งมาวินมาก มีซะมีเป็นคนบ้า คช้าาา รับผิดชอบน้องด้วยนะแกรรร๊ ก๊ากกา
ความจริงแล้วลังเลมากว่าเรื่องนี้ควรจะมีเลิฟซีนดีไหม หรือตัดเข้าโคมไฟเหมือนช่างใจรักดีเพราะเป็นแนวใสๆ (เหรอ?) แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเขียนแล้วกัน แต่คงไม่ได้เยอะเหมือนเรื่องแนวอื่นๆ แค่กรุบกริบพอเป็นกระษัยนะคะ
ฝากฟีดแบ็กไว้ให้หน่อยจ้า พรุ่งนี้จะมาต่อให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-04-2017 23:34:42
 :hao7: :z1: :hao7:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-04-2017 23:50:25
เป็นพระเอกที่จะเรียกพระเอกก็พูดไม่เต็มปาก แต่ให้เรียกอีบ้าถนัดมากค่ะ 5555555555555555  :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 26-04-2017 00:44:58
คชา... :ruready
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 9:แซนด์วิซ!?[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 26-04-2017 01:40:16
คชา. อิผีบ้า. โอ้ยยยย ปวดหัว ถ้าเจ้เป็นน้อง เจ้คงประสาทกิน 555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 26-04-2017 01:53:53
ตามไปช่วยนายเอกตอนมีอันตรายได้ทันเวลา !!!!  ได้จับกระเปี้ยว เปิดซิงนายเอกเป็นคนแรก !!!!!!   โอ๊วววววววว!!!!!!!!!!!!!'!!!! คชา นายนี่มันพระเอกชัดๆ :laugh: :laugh:                                                                                               
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 26-04-2017 02:01:37
อ่านแล้วฮา
คชาบ้าบอเกินไปนิดแต่มีเสน่ห์ (แบบล้นๆ) ดีค่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 26-04-2017 05:51:07
 :hao6:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 26-04-2017 11:42:57
ปวดประสาท555555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 26-04-2017 12:19:46
 :pigha2: สนุกค่ะพระเอกน่ารักมาก555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 26-04-2017 17:10:25
55555. มาต่อๆ ไม่เคยเจอพระเอกแบบไหนแบบคชาเลย
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: yotisssa ที่ 26-04-2017 19:52:29
คชานี่มันคชาจริงๆเลยยย
ติดงอมแงมกับป่วงของคชาเลยนะเนี่ยย
เป็นคู่ที่เคมีเข้ากันลงตัวสุดๆอ่ะ
ชอบๆ เรานี่ตั้งใจรอทุกวันเลย
รีเฟรชหน้าวันละห้าหกรอบ ด้วยความหวังว่าเผื่อไรต์จะใจดี งุงิ
 :katai4: สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 26-04-2017 22:22:40
อิคช๊าาาา จะได้กินวินมั้ยเนี่ย โอ้ย 555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 27-04-2017 01:04:03
สบตา ครั้งที่ 11: รหัสรักนักศึกษา[1]

ความอัปยศที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับคชาเมื่อคืนนี้ทวีมากขึ้นไปอีกเมื่อผมเอาผ้าชุบน้ำมาทำความสะอาดมือที่เปรอะเปื้อนของคชาและถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์เป็นที่เรียบร้อย พลันก็ดันหลับไปโดยไม่รู้ตัวทั้งที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปอาบน้ำ กลับมามีสติอีกทีก็ตอนเช้าของวันใหม่

ไม่...ไม่ใช่เช้า เกือบจะเที่ยงแล้วเถอะ กลายเป็นโดดเรียนคาบเช้าไปโดยปริยายเลย

ผมคว้าโทรศัพท์มาดูก่อนจะสบถหยาบคายออกมาคำหนึ่ง แล้วก็ต้องนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นด้วยยังคงมึนหัวจากฤทธิ์ของเหล้าร้อน B-52 อะไรนั่น

ไม่เป็นไร ไว้ค่อยไปเข้าคาบบ่ายก็ได้ ผมไม่ค่อยได้ขาดเรียนวิชาคาบเช้าวันนี้สักเท่าไหร่ ขาดสักครั้งคงไม่เป็นไร

คิดอย่างนั้นแล้วก็หลับตาลงไปอีกครั้ง กะว่าจะนอนอีกสักงีบเพื่อให้อาการเมาค้างบรรเทาลง หากแต่ยังไม่ทันจะได้หลับก็ต้องลืมตาตื่นอีกครั้งทันทีที่คนข้างกายผมรู้สึกตัวตื่นขึ้น

“อะ...อะไรวะเนี่ย”

ผมหันไปมองตามต้นเสียงทันที ก่อนจะเห็นคชาดึงผ้าห่มที่คลุมกายตัวเองอยู่ขึ้นดูร่างกายด้านใน สีหน้างุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ให้ผมเดานะ มันคงจะงงว่ามันมาอยู่ในสภาพกึ่งเปลือย ทั้งตัวมีบ็อกเซอร์อย่างนี้ได้ไง จากนั้นก็เหลือบมามองทางผม พอเห็นผมนอนมองมันอยู่ มันก็อ้าปากค้างทันที

“ระ...หรือว่าเมื่อคืนนี้มึงกับกูจะ...”

รู้เลยว่ามันคิดอะไร ผมเลยดันตัวขึ้นนั่ง รีบออกปากอธิบาย

“คชาฟังเราก่อน มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด เมื่อคืนนี้นายเมามาก เราก็เมา มันก็เลย...”

“กรี๊ดดด!”
พูดยังไม่ทันจบเลย คชาก็กรี๊ดออกมา กรี๊ดจริงๆ กรี๊ดเสียงแหลมเป็นเปรตเลย แถมใช้แขนทั้งสองข้างมาไขว้ที่หน้าอกปิดนมล่ำๆ เป็นมัดๆ ของมันด้วย

มึงจะกรี๊ดทำบ้าอะไร คนที่ควรกรี๊ดน่ะกูต่างหากเว้ย!

เท่านั้นยังไม่พอ เห็นผมยกมือขึ้นทำท่าจะบอกให้มันฟังก่อน มันก็ร้องโวยวายออกมา
“เสียตัวแล้ว! โอ๊ย เสียตัวให้มึงแล้ว!”

กูต่างหากที่เสียตัวให้แม่นางทั้งห้าของมึงเนี่ย!

“เราไม่ได้ทำอะไรนายเลยเว้ย!” ผมเสียงดังกลับไปบ้าง

คชาชะงักไปนิด พลันถามผมด้วยสีหน้าไม่มั่นใจนัก
“จริงนะ?”
“จริง มีแต่นายนั่นแหละที่ทำเรา”
พอพูดไปอย่างนั้น หัวคิ้วของคชาก็ย่นยู่
“ทำอะไร”
“ก็...” ผมหน้าร้อนวาบขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ไม่รู้ว่าจะพูดออกไปดีไหมเพราะไม่อยากจะคิดถึงมันเลยแม้แต่น้อย

แต่ไม่พูดก็เท่านั้น เพราะคชาเหมือนจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้กะทันหัน พลันดึงมือที่ปิดนมตัวเองอยู่มาตรงหน้า
“อย่าบอกนะว่า...” มองมาทางผมอย่างขอคำตอบประมาณว่า ‘มือนี่ใช่ไหม’

ผมพยักหน้ารับ เท่านั้นคชาก็ดึงมือเข้าไปดม

มึงจะดมทำซากอ้อยอะไร!

ห้ามก็ไม่ทัน อะไรก็ไม่ทันทั้งนั้น คชาทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริง พลันถลาเข้ามาหาผมพร้อมกับยื่นมือนั่นมาจ่อที่จมูกผมอย่างรวดเร็ว

“มึงช่วยดมหน่อยสิไอ้เอ๋อ กลิ่นแบบนี้กูไม่แน่ใจ”

มึงจะบ้าหรือไง!

ผมปัดมือคชาทิ้งทันที โวยวายใส่มันด้วย
“ไม่ต้องดมมันก็ใช่เว้ย เมื่อคืนนี้นายปล้ำเรา แล้วก็ทำเราเสร็จ นึกอะไรขึ้นมาได้ในหัว มันใช่หมดเลย!”

คชาชะงักไป ยังคงดูไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ดี แต่ก็ไม่หยุดพิสูจน์กลิ่นด้วยการดมฟุดฟิดที่มือไม่หยุด ผมเห็นแล้วก็หน้าร้อนวูบขึ้นมา

ร้อนวูบเพราะมันทำแบบนั้นกับคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนน่ะ นึกโกรธตัวเองขึ้นมาเหมือนกันที่เผลอเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของคนบ้าอย่างไอ้คชาอย่างนั้น แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามันรู้สึกดี

รู้สึกดีจริง...แต่มึงต้องไม่รู้สึกกับผู้ชายด้วยกันอย่างนั้น!

ผมยีหัวตัวเองโดยอัตโนมัติ คชาที่มัวแต่ดมมืออยู่หันมามองผมทันใด ก่อนจะถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“ทำจริงๆ เหรอวะ”
“พูดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เออ ทำจริง” ผมว่าส่งๆ หัวเสียขึ้นมาหน่อยๆ พอสติสัมปชัญญะกลับคืนมาเต็มร้อยดี

คชาเองก็คงจะอึ้งงันกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ก็แน่ล่ะ มันก็คงไม่คาดคิดเหมือนกันว่าผมกับมันจะมาทำอะไรกันอย่างนี้ อีกอย่าง มันคงจะรู้สึกผิดกับพี่ชิณณ์ด้วยที่เผลอไผลกับผม ขนาดผมเองยังรู้สึกผิดกับคชาเลย
“เรื่องเมื่อคืนนี้เราขอโทษนะ”

เพราะรู้สึกผิดก็เลยพูดอย่างนั้นออกไป ทำเอาคชาถามกลับทันใด
“ขอโทษทำไมวะ”
“ก็นายชอบพี่ชิณณ์ กำลังจีบพี่ชิณณ์อยู่ พอมาทำอะไรแบบนี้กับเรา นายคงรู้สึกผิด” ผมว่าไปตามที่คาดการณ์ไว้

หากแต่การที่ผมคิดอย่างนั้นเป็นการคาดหมายที่ผิด คชาไม่ได้รู้สึกผิดกับพี่ชิณณ์แต่อย่างใด หรืออาจจะรู้สึกผิดแต่ไม่แสดงออกก็ได้ เพราะตอนนี้มันขยับมานั่งข้างๆ ผมแล้วพูดปลอบแทน

“ไม่เป็นไรหรอกไอ้เอ๋อ ผู้ชายด้วยกันไม่เสียหาย แล้วตอนนี้พี่ชิณณ์ก็ไม่ได้เป็นแฟนกูด้วย ทำไมต้องรู้สึกผิด”
ผมหันไปมองหน้า ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างมันจะพูดอะไรแบบนั้น แต่แล้วก็ต้องชะงักงันไปอีกเมื่อมันเอามือมาวางไว้บนหัวผมก่อนออกแรงเขย่าเบาๆ

“กูต่างหากที่ต้องขอโทษมึงน่ะ เมื่อคืนนี้เมามากไปจริงๆ ว่ะ เลยทำอะไรไม่ทันได้คิด ไม่โกรธกูนะ”

ผมพยักหน้า ไม่รู้ทำไมถึงตอบรับไปง่ายๆ แถมตอนนี้ยังไม่กล้าสบตาคชาที่มองหน้าผมนิ่งอีกต่างหาก

ในใจมัน...เต้นตึกตักรุนแรงเลยทีเดียว

เออ เอาเป็นว่าผมตื่นเต้นกับการกระทำของคชา อาจจะเป็นเพราะถูกมันสัมผัสตัวหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นก็ได้เลยตื่นเต้นอย่างนี้ พลันผมก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป แล้วเอ่ยถามมันออกมา

“แล้วนายจะเอาไงต่อ”
“เรื่อง?” ตอนนี้มันดึงมือออกจากหัวผมแล้ว
“เรื่องพี่ชิณณ์น่ะ เอายังไงต่อ จะบอกพี่ชิณณ์ไหมว่าเราทำอะไรกัน” ผมถามอย่างนี้ก็เป็นเพราะอย่างที่บอกในตอนแรกว่ากลัวมันจะรู้สึกผิดต่อพี่ชิณณ์

ทว่าคชากับทำหน้าตาไม่รู้สึกรู้สา
“ก็ไม่เอาไงอะ ถ้ามึงอยากบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก กูบอกแล้วไงว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน กูจะทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว”

ได้ยินอย่างนี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร

คชาอาจจะไม่อยากทำให้ผมรู้สึกแย่กว่าเดิมก็เป็นได้ หรือไม่งั้นมันก็ไม่อยากจะรู้สึกผิดเพราะเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นคนเริ่ม มันเลยหาเหตุผลมาสนับสนุนการกระทำของตัวเองอะไรประมาณนั้น

ขณะที่ผมคิดวิเคราะห์การกระทำของมันอยู่ มันก็พูดแทรกเรื่องอื่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“แล้วนี่มึงจะไปเรียนปะ เที่ยงกว่าแล้วเนี่ย”
“ไม่รู้สิ” ผมตอบไปตามตรง

คชาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเหมือนเดิมพลางพูด “กูว่ากูจะไม่ไปละ ถ้ามึงไม่ไป ก็นอนกับกู”
ผมหันขวับไปทันที มันเลยรีบแก้คำพูด
“นอนเฉยๆ คิดอะไรของมึงเนี่ย ลามก”

มึงนั่นแหละที่ลามกน่ะไอ้หื่น!

ผมไม่พูดอะไร ครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี ก่อนคชาจะเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกเพื่อให้ผมได้ตัดสินใจง่ายๆ
“ถ้ามึงไม่ไปเรียน เดี๋ยวเย็นๆ ก็ออกไปพร้อมกับกูเลย”
“ไปไหน” ผมเลิกคิ้วสูงขึ้นฉับพลัน
“ไปทำงาน กูบอกแล้วไงว่าจะพามึงไปหางานติวเตอร์ จำไม่ได้หรือไงว่ากูบอกว่าทำงานพิเศษอะไรน่ะ”

คำพูดของคชาที่บอกกับผมในห้องน้ำห้างเมื่อวานนี้ลอยเข้ามาในหัวทันที ก่อนจะพยักหน้ารับหงึกหงักให้คชาได้พูดต่อ
“กูเป็นติวเตอร์ที่รับงานจากสถาบันติวเตอร์อีกที ที่นี่จะส่งพวกติวเตอร์ไปสอนตามโรงเรียน ถ้ามึงอยากทำแบบกู มึงจำเป็นต้องมีประสบการณ์ก่อน กูเลยกะว่าจะพาไปเป็นผู้ช่วยกูอะไรแบบนี้ ถ้ามึงไม่อยากถูกหักเปอร์เซ็นต์ อยากหางานเองก็ลุยเดี่ยวไป แต่ถ้าทำแบบกูก็สบายดี มีงานป้อนให้ตลอด จะเอาแบบไหนล่ะ”
“เราไม่รู้เรื่องวงการนี้เลย คงต้องพึ่งนายดูแลไปก่อน” ผมตอบ
คชาพยักหน้ารับ จากนั้นก็ปิดเปลือกตาลง
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวกูดูให้ แล้วเดี๋ยวจะช่วยพูดกับพี่ที่ป้อนงานให้รับมึงเข้าสถาบันด้วย ถือว่าไถ่โทษเรื่องเมื่อคืน”

คชาพูดมาอีก ผมก็หน้าร้อนมากขึ้นไปอีก ไม่อยากจะคิดถึงสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่มันก็อดไม่ได้ ทั้งสัมผัส ทั้งรสจูบของคชา มันฝังติดหัวผมชนิดหยั่งรากลึกลงไปเรียบร้อยแล้ว หากแต่คชาดูไม่ใส่ใจเท่าไหร่ นอนนิ่งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเรื่องที่เกิดมันเป็นเรื่องธรรมดาเสียเหลือเกิน ผมเลยแสร้งทำเฉยเพราะไม่รู้ว่าจะแพนิกไปให้มันได้อะไร

ก็อย่างว่า มันคงจะเป็นเรื่องธรรมดาของคชาแหละ มันเป็นเกย์นี่นาถึงจะไม่ได้เปิดเผยตัวก็เถอะ ดูแล้วน่าจะทำเรื่องอย่างนี้มาบ่อย ไม่อย่างนั้นมันคงโวยวายที่ทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายด้วยกันไปแล้วแม้ว่าจะเป็นแค่ภายนอกก็ตาม
ทว่าการที่ผมนั่งนิ่งไปทำให้คชาถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เรื่องระหว่างมึงกับกูเมื่อคืนนี้น่ะ มึงเสียใจเหรอวะ”

เสียใจเหรอ... ก็ไม่นะ แค่รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ดีใจอะไรสักเท่าไหร่

ผมไม่รู้ตอบว่ายังไงดีเลยพยักหน้ารับไป คชาเม้มปากแน่นไปครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำออกมา

“แต่กูไม่เสียใจหรอกนะ”
“อะไรนะ” ถามไปอย่างนั้นเพราะได้ยินไม่ชัด

คชาสบตาผมนิ่งเล็กน้อยก่อนหันหน้าไปด้านข้าง ว่าเสียงเบา “ไม่มีอะไร”

ท่าทางแปลกๆ ของคชาทำเอาผมต้องจ้องมันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าซีกหน้าของคชาแดงเรื่อขึ้นมา เห็นได้ไม่ชัดสักเท่าไหร่ แป๊บเดียวคชาก็รีบเอาผ้าห่มคลุมโปงแล้ว

“กูจะนอนแล้ว ยังเมาค้างอยู่ เดี๋ยวตอนเย็นไปสอนไม่ไหว ถ้าออกไปข้างนอกก็ฝากซื้อข้าวมาให้กูด้วย เอาอะไรก็ได้”

ร่ายยาวออกมาเชียว ผมเลยเลิกสนใจมัน รับปากเออออไปก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า กลับมานอนเล่นอีกครู่หนึ่งก่อนจะออกไปหาอะไรกินพร้อมกับจัดการซื้อกลับมาฝากมัน แล้วรอจนกว่าจะถึงเวลาที่คชาต้องไปสอนหนังสือ



 
สักบ่ายสาม คชาก็ให้ผมเตรียมตัวแล้ว มันบังคับให้ผมใส่ชุดนักศึกษาเนื่องจากว่าสถานที่ที่จะไปสอนเป็นโรงเรียน ดังนั้นความสุภาพเรียบร้อยจึงเป็นสิ่งสำคัญ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำตามมันแต่โดยดี รำคาญนิดหน่อยตรงที่มันเสนอหน้ามาเซ็ทผมให้ผมทั้งที่ผมไม่ต้องการ

“ไม่ต้องแล้วคชา เราไม่ชอบ” ผมร้องท้วง หากแต่ไม่ได้ทำให้คชาหยุดมือที่กำลังใส่แว็กซ์ได้เลยแม้แต่น้อย
“ไม่ชอบก็ต้องทน กูไม่ยอมให้ผู้ช่วยกูดูเฉิ่มหรอกนะ มันทำให้ราศีความหล่อของกูดร็อป”

ผมเบ้ปาก ไม่อยากจะด่ามันหรอกว่าหลงตัวเองเพราะมันก็หลงตัวเองทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว แต่มันก็หล่อจริงๆ แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย เซ็ทผมเต็มยศราวกับว่าจะไปทำหน้าที่ทูตกิจกรรมของมหาวิทยาลัยอะไรอย่างนั้น

ตกลงมึงจะไปสอนพิเศษหรือทำอะไรกันแน่...

อยากจะถามมันอย่างนี้ชะมัด ทว่าคชาก็ดันจัดแต่งทรงผมให้ผมเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว ส่งกระจกดูดิ”

ผมเดินไปส่องกระจกที่ตู้เสื้อผ้าอย่างไม่มีทางเลือก แล้วก็ต้องรู้สึกว่าตัวเองดูแปลกตาไปนิดหน่อยจากทรงผมที่เปลี่ยนไป คชาจับผมแต่งตัวให้ดูดีขึ้นได้ราวกับมีเวทมนตร์จริงๆ ทว่าผมกลับไม่ค่อยชอบเอาเสียเลย แบบว่ามันทำให้ผมประหม่าน่ะถึงมันจะดูดีก็ตาม

“เราว่าเราทำผมธรรมดาไปดีกว่า”
เพราะประหม่า ผมเลยตัดสินใจอย่างนั้น ตั้งท่าจะเข้าไปล้างแว็กซ์ที่ห้องน้ำด้วย ทว่าคชากลับมาดักหน้าไว้เสียก่อน

“ตลกละ กูอุตส่าห์เสียเวลาตั้งนาน ไม่ให้ไปเว้ย”
“แต่เราไม่ชินนี่” ผมท้วงอีก

คชาเลยจับไหล่ผมทั้งสองข้างหมับเข้าให้
“ไม่ชินแต่หล่อ น่ารัก ดูดี สดใส ไร้ที่ติ สติก็ไม่มี เอาเป็นว่ากูชอบ”

พูดบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้ จากนั้นก็จับผมให้หันหน้าไปทางประตู

“กูไม่มีเวลาให้มึงไปล้างหัวล้างหูแล้วด้วย จะสี่โมงแล้ว คลาสเริ่มห้าโมง รีบไป เดี๋ยวสายแล้วถูกหักตังค์”
แล้วก็ดันหลังผมออกจากห้องไปเลยโดยไม่ฟังคำทัดทานของผมเลยแม้แต่น้อย ผมก็เหนื่อยจะเถียงกับมันแล้วเลยปล่อยให้เลยตามเลย




 
คชาพาผมขับรถมายังโรงเรียนแห่งหนึ่ง ตอนแรกผมก็ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นโรงเรียนแบบไหนเพราะถ้าเป็นโรงเรียนสหฯ ผมจะต้องได้พบเจอกระเปี๊ยวเด็กอีกมากมายอย่างแน่นอน ทว่าเห็นป้ายชื่อโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ผมก็หายใจโล่งอกโล่งคอทันควัน

สายตากูปลอดภัยจากดงแตงกวาแล้วล่ะสินะ

ตอนนี้ความกังวลในตอนแรกคลายตัวลงทันที พลันหูก็ได้ยินเสียงคชาร้องถามขณะที่เราเดินไปที่ห้องเรียนของนักเรียนชั้นมอหกที่จะต้องสอนในวันนี้

“มึงลาออกจากงานเก่าแล้วใช่ไหม”
“งานทำความสะอาดน่ะเหรอ ยังหรอก”
พอผมบอกไปอย่างนั้น คชาก็หยุดเดินกึก หันมามองหน้าผมอย่างไม่พอใจ
“ทำไมยังไม่ลาออกอีกวะ กูบอกให้ลาออกไง”
“เรายังหาเหตุผลในการลาออกไม่ได้น่ะ” ผมยอมรับซื่อๆ

นอกจากจะเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่ง ปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็นแล้ว ยังจะกังวลกับความรู้สึกคนอื่นมากเกินไปอีกด้วย
นิสัยอย่างนี้น่าจะไม่เป็นที่ชอบใจของคชาสักเท่าไหร่ พอมันได้ยินผมพูดอย่างนี้ก็ยื่นมือมาแบตรงหน้าผมทันที
“เอามา”
“เอาอะไร”
“โทรศัพท์มึงน่ะ เอามา”
“จะเอาไปทำไม”
“เดี๋ยวกูโทรไปลาออกให้”

ผมไม่อยากจะให้มันเลย กลัวว่ามันจะพูดอะไรแปลกๆ แต่พอผมยืนนิ่ง มันก็ขู่ออกมา
“ถ้าไม่ให้ คืนนี้กูปล้ำนะ”

ป้ามึงเถอะ!

“ตลกละ ใครจะไปยอม”
“ไม่ยอมก็ต้องยอม ไม่อยากเป็นเมียกูก็เอาโทรศัพท์มา”

ผมก็ดันบ้าจี้ไปกับคำขู่นั้นด้วยนะ ยื่นโทรศัพท์ให้มันหน้าตาเฉย แบบว่าผมไม่อยากจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตัวเองไปเสี่ยงกับความบ้าของคชาน่ะ แค่เห็นมันสะสมหนังโป๊เกย์ แล้วทำเรื่องนั้นกับผมเมื่อคืน ผมก็เชื่อเลยว่าถ้ามันคิดจะทำขึ้นมา มันไม่สนใจอะไรอย่างแน่นอน

พอได้โทรศัพท์จากผมไป มันก็เข้าไปที่สมุดรายชื่อ ปากร้องถามไปด้วย
“หัวหน้างานมึงชื่ออะไร”
“ไม่ได้เมมชื่อน่ะ เมมแค่ว่าพี่หัวหน้า” ผมตอบเสียงแผ่ว

คชากดโทรศัพท์โทรออก ผมมองตามอย่างลุ้นระทึกเลยเพราะไม่รู้ว่ามันคิดจะทำอะไร พออีกฝ่ายรับ มันก็แกล้งเก๊กเสียงหล่อเสียอย่างนั้น

“สวัสดีครับ ใช่หัวหน้ามาวินหรือเปล่าครับ พอดีผมจะขอแจ้งว่ามาวินจะลาออกน่ะครับ”
อีกฝ่ายพูดอะไรมาก็ไม่รู้ น่าจะถามเหตุผลเพราะคชามันตอบว่า...
“อ๋อ คือมาวินไปทำงานอย่างนั้น ผมกลัวว่ามาวินจะป่วยน่ะครับ เลยจะเอากลับมาเลี้ยงดูเอง”

พูดอย่างกับว่ากูเป็นหมาอย่างนั้นแหละ

ผมก็ไม่พูดอะไร ยืนมองว่ามันจะว่ายังไงต่อ หัวหน้าน่ะไม่มีปัญหาหรอกถ้าผมจะลาออก เขามีคนพร้อมที่จะเข้ามาทำงานแทนที่ผมเยอะแยะ แต่ดูท่าจะขอข้อมูลไปประกอบในการทำเอกสารลาออกเพื่อแจ้งไปทางผู้บริหาร แล้วก็ดูเหมือนจะถามคชาด้วยว่าเป็นอะไรกับผมเพราะเห็นมันอึกอักไป

“ผมน่ะเหรอ... อ๋อ เป็นผัวมาวินครับ”

ไอ้คชา! มึงพูดอย่างนั้นไปได้ยังไง!

อ้าปากค้างไปเลย คชาพูดอีกสองสามประโยคก็วางสาย ตอนนี้แหละที่ผมได้โอกาสแหวใส่มัน
“พูดบ้าอะไรของนายน่ะ เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจเราผิดหมดหรอก ทำไมไม่บอกว่าเป็นอย่างอื่น”
“แล้วจะให้กูบอกว่าเป็นพ่อมึงหรือไง เสียงหล่อขนาดนี้ เป็นผัวยังเข้าเค้ากว่า”

เป็นเพื่อนก็ได้ไหมไอ้คชา! โอ๊ย สมองมึงเนี่ยนะ

“แต่เขาจะเข้าใจเราผิด”
ผมสวนคืน หากแต่คชาทำท่าไม่ยี่หระ

“เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดสิวะ ต้องแคร์ด้วยหรือไง ยังไงมึงก็ลาออกมาแล้ว ไม่เห็นต้องสน”

มันก็พูดถูก ลาออกมาแล้วไม่เห็นจำเป็นต้องสนใจ แต่ผมไม่โอเคไงที่จู่ๆ มันก็เที่ยวบอกคนอื่นว่าเป็น...ผะ...ผัวของผม

กระดากปากก็กระดาก อิหลักอิเหลื่อก็ใช่ รู้ชัดเจนในตอนนี้เลยว่านอกจากมันจะบ้าแล้ว คชายังเป็นคนไม่ค่อยสนใจว่าใครจะมองตัวเองยังไงสักเท่าไหร่ เว้นเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องที่มันบ้าพระเอกหนัง GV ที่ต้องปิดไว้เป็นความลับด้วยเรื่องหน้าที่ทูตกิจกรรมหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟ็กต์ของมัน ถ้าคนอื่นรู้ มีหวังคะแนนความนิยมของมันตกแน่นอน แต่ถ้ามันไม่ต้องทำหน้าที่นี้ ผมก็เชื่อเลยว่ามันก็คงจะไม่สนใจเหมือนกันถ้าใครจะรับรู้เรื่องนี้

“เสร็จเรื่องแล้วก็ไปสอนสักที ใกล้จะได้เวลาแล้ว”

คชาขัดความคิดของผมด้วยการโพล่งขึ้นแล้วส่งโทรศัพท์คืน ผมรับมาแล้วรีบกดบล็อกเบอร์หัวหน้าและเพื่อนที่ทำงานเก่าทันทีด้วยต้องการเป็นบุคคลหายสาบสูญจากการที่คชาพูดไปแบบนั้น ก่อนจะเดินตามร่างสูงที่ก้าวฉับๆ นำไปก่อนอย่างรวดเร็ว
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 10:เหล้าร้อน...ร้อนเร่า[100%][25-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 27-04-2017 01:05:07
สบตา ครั้งที่ 11: รหัสรักนักศึกษา[2]

การเรียนการสอนของคชาเป็นไปอย่างราบรื่น คชาที่ว่าผีบ้า พอมือจับปากกาไวท์บอร์ดก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูวิชาการ แถมหล่อล่ำมาดแมนแฮนด์ซัมอย่างไม่น่าเชื่อ ไร้คราบคนบ้าอย่างสิ้นเชิง แล้วดูนักเรียนสาวๆ จะชอบมันเสียด้วย เอะอะแซว เอะอะกรี๊ดกร๊าด

กรี๊ดกร๊าดแค่มันยังไม่พอ ลามมาถึงผมด้วย มีชมว่าน่ารักอีก ผมที่เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยมีใครมาพูดอย่างนี้ใส่ก็ไปต่อไม่ถูก มีแต่คชาเท่านั้นที่รับมือกับเด็กพวกนั้นได้อย่างไม่มีติดขัด ผมเลยแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรมันนอกจากหยิบของแล้วก็ช่วยเขียนกระดานให้เป็นบางครั้งเท่านั้น

เอ้อ ผมเพิ่งรู้ในตอนนี้ด้วยว่ามันเก่งวิชาภาษาอังกฤษ ทั้งพูด ทั้งเขียนปร๋อเชียว เห็นมันเรียนวารสารฯ ไม่ยักคิดว่ามันจะภาษาดีด้วย เห็นความสามารถมันแล้ว ผมต้องมองมันใหม่เลยทีเดียว

สอนแค่ชั่วโมงครึ่งก็เป็นอันเสร็จสิ้น ยอมรับเลยว่าผมเองก็สนุกไม่น้อยกับการเป็นผู้ช่วยติวเตอร์อย่างนี้ ดูเป็นงานที่ง่ายสำหรับเด็กนักศึกษาอย่างผม คชาเลยโทรไปบอกคนป้อนงานให้ว่ามีเพื่อนอยากจะได้งานวิชาสังคมเพราะผมบอกมันไปว่าผมถนัดวิชานี้เนื่องจากเรียนนิติฯ ทางพี่คนป้อนงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร รับปากแล้วนัดผมเข้ามาสัมภาษณ์ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึง ระหว่างนี้ก็ให้ผมช่วยคชาสอนไปก่อนเพื่อเป็นการเรียนรู้ เพียงแต่ไม่ได้เงินก็เท่านั้น

ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ในตอนนี้ยังพอจะมีเงินเหลือติดกระเป๋ากับบัญชีมากพอที่จะเลี้ยงตัวเองไปทั้งอาทิตย์ ถึงจะไม่พอ คชาก็บอกมาแล้วว่า...
“เดี๋ยวกูเลี้ยง แต่มึงต้องรับหน้าที่ทำความสะอาดห้องกับซักผ้าให้กูนะ”

ผมเลยตกปากรับคำอย่างไม่มีข้อแม้

แค่ทำงานบ้านนิดๆ หน่อยๆ ไม่ตายหรอก กลัวอดตายมากกว่า

ยังไม่ทันจะได้ทำงานบ้านให้มันด้วยซ้ำ คชาก็พาผมไปเลี้ยงข้าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันบอกว่าเป็นค่าจ้างที่วันนี้ไปช่วยมันสอน เอาจริงๆ ผมแทบไม่ได้ช่วยมันเลยนะ แต่ในเมื่อมันอยากจะเลี้ยง ผมก็ไม่ปฏิเสธ

ระหว่างที่ใช้เวลาร่วมกับคชาทั้งวัน ผมก็ได้เรียนรู้มันมากขึ้นว่ามันเป็นคนที่รักเพื่อนอย่างที่พี่ชิณณ์เคยว่าจริงๆ บอกตรงๆ ว่าผมซาบซึ้งกับน้ำใจของมันไม่น้อย

มันโคตรดีกับผมเลยเถอะ ดีจนผมไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนมันยังไงดี

จนกระทั่งใกล้เวลาที่พวกเราจะเข้านอน…

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็มานอนกลิ้งบนเตียง อ่านทวนสมุดจดโน้ตย่อเงียบๆ ด้วยจำได้ว่าพรุ่งนี้จะมีสอบควิซวิชานี้ ขณะที่คชาก็นั่งเล่นโทรศัพท์เงียบๆ ก่อนที่มันเอนตัวลงนอน แล้วก็พลิกตัวกระสับกระส่ายไปมาจนผมรำคาญ ผมเกือบจะถามมันออกไปแล้วว่าเป็นบ้าอะไร ทว่ามันก็ทำลายความเงียบออกมาเสียก่อน

“มาวิน กูขอร้องอะไรมึงอย่างนึงดิ”
“ว่า?” ผมตอบรับโดยยังไม่ละสายตาจากสมุดจด
“กูอยากได้ยินเสียงพี่ชิณณ์ก่อนนอนว่ะ”

คำพูดนั้นทำให้ผมต้องวางสมุดในมือลง หันไปย่นคิ้วใส่มันทันที
“อยากได้ยินเสียงก็โทรไปหาผม บอกฝันดีสิ”

เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็คิดไม่ได้ วุ้ย!

“ถ้ากูกล้าโทร กูก็คงไม่มาบอกมึงว่าขอร้องหรอก กูเขิน”
 “งั้นก็อัดเสียงส่งไปแทน”
“ก็บอกว่ากูเขินๆ มึงไม่เข้าใจเหรอวะ”

คชาเสียงดังใส่ผมเล็กน้อย ทำท่าดีดดิ้นเหมือนเด็กถูกขัดใจ ผมหันไปมองแล้วโคตรจะรำคาญมันเลย ตอนนี้พอจะเข้าใจละว่ามันอยากให้เป็นนกต่อให้ ความจริงผมไม่อยากทำเลยเพราะพอได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา แต่เพราะวันนี้มันทำดีกับผมมาทั้งวัน สุดท้ายผมก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาพี่ชิณณ์เพื่อถามว่าเขานอนหรือยัง พอเขาตอบกลับมา ผมถึงได้ถามคชา

“เราจะบอกให้พี่ชิณณ์อัดเสียงส่งมาให้ อยากให้พี่ชิณณ์พูดอะไรล่ะ”
คชายิ้มร่า พลันนิ่งคิดไปครู่ก่อนจะพูด
“บอกให้พี่ชิณณ์ครางรหัสนักศึกษากูหน่อยดิ”

มึงจะบ้าเหรอไอ้คชา ไปกินยาก่อนนอนเดี๋ยวนี้! ไป!

“บอกเองเถอะถ้างั้นอะ” ผมวางโทรศัพท์กระแทกลงบนฟูกเตียงทันควันพร้อมกับพึมพำ “ครางรหัสนักศึกษา ใครจะไปครางได้วะ”

ได้ยินอย่างนั้น คชาก็เด้งตัวขึ้นมานั่งทันที “ทำไมจะครางไม่ได้ ง่ายจะตาย ไม่เชื่อมึงเอาบัตรนักศึกษามึงมา เดี๋ยวกูทำให้ดู”
พูดมาอย่างนี้ แล้วผมจะเอาให้มันเหรอ บอกปฏิเสธอย่างรวดเร็วเลย
“ไม่ต้องเลย นอนลงไป”

แต่คชามันสนใจไหมล่ะ หึ! ไม่สนใจไม่พอ ยังจะพุ่งตัวมาทำท่าจะคว้ากระเป๋าตังค์ผมที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงด้วย ผมรู้ทันเลยรีบพุ่งเข้าไปแย่งก่อน แต่ไม่ทันละ คชาไววกว่า แถมแรงก็เยอะกว่าด้วย แวบเดียวมันก็เอาบัตรนักศึกษาของผมออกจากกระเป๋าตังค์เป็นที่เรียบร้อย

“เอาคืนมาเลยนะคชา” ผมว่าเสียงแข็งก่อนที่มันจะได้ทำอะไรบ้าๆ
คชาไม่ให้คืน ไม่ให้ไม่พอ เอาบัตรนักศึกษามาดูแล้วออกปาก
“มาวิน...อื้อ...รักคุณากร...อ๊า ห้าแปด...ฮื้ม คิมูจิ...ห้าสี่...อิไตๆ...หกห้า...อิคึๆ...”

มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลย กูขยะแขยง!

ไม่เคยนึกเกลียดชื่อนามสกุลกับรหัสนักศึกษาตัวเองขนาดนี้มาก่อนเลย ผมรีบแย่งบัตรนักศึกษาจากมือมันคืนอีกครั้ง แต่คชาโยกตัวหนี ผมเลยต้องมานั่งเอามืออุดหูแทน

ไม่ฟัง! กูไม่ฟัง!

คชาเห็นท่าทางนั้นก็หัวเราะใส่ผมเสียงดังลั่น
“หน้าแดงทำไมวะ เขินเหรอ”

ไม่รู้ตัวหรอกว่าหน้าแดงไหม แต่ที่รู้ๆ คือหน้าผมในตอนนี้ร้อนผะผ่าวไปหมด พอเห็นมันหัวเราะเยาะผมเป็นบ้าเป็นหลัง ผมก็เกิดหมั่นไส้ขึ้นมา คว้าเอาหมอนเหวี่ยงใส่มันไปทีหนึ่ง
“หยุดเลย เอาคืนมาด้วย!”

เข้าไปแย่งบัตรนักศึกษามาอีกที คราวนี้คชายอมคืนแต่โดยดี
“อายอะไรของมึงวะ ทำอย่างกับไม่เคยดูหนังโป๊”

หนังโป๊น่ะเคยดู แต่ในชีวิตกูยังไม่เคยมีคนมาครางรหัสนักศึกษาเว้ย!

ผมไม่อยากจะสนใจมันแล้ว คว้าโทรศัพท์มาอีกทีแล้วรีบบอกมันเร็วๆ
“เดี๋ยวเราบอกให้พี่ชิณณ์บอกว่าฝันดีก็แล้วกัน จะได้จบๆ แล้วเลิกกวนเราสักที พรุ่งนี้เรามีควิซ!”
ว่าพร้อมกับพิมพ์ตัวหนังสือลงไปนิ้วรัวเลย พอส่งข้อความหาพี่ชิณณ์เสร็จปุ๊บ คชาก็เข้ามาแย่งโทรศัพท์ออกจากมือแล้วแกล้งผมต่อ

“กูไม่อยากฟังเสียงพี่ชิณณ์ละ ตอนนี้กูอยากฟังมึงครางรหัสนักศึกษากูมากกว่า”

มึงยังไม่จบอีกเหรอไอ้คช้า!

พูดอย่างเดียวไม่พอ ยังมาจับแขนผมด้วย ผมก็สะบัดเต็มแรงเลยทีนี้
“ไม่เอา!”
“นิดเดียวน่า ครางชื่อกูก็ได้...’คชา อื้อ...หล่อจังเลย แฮ่กๆ’ อะไรแบบนี้”

ใครจะไปทำกันวะ!

ผมรู้ว่ามันไม่ได้พูดจริงหรอกเพราะตอนที่มันพูด มันหัวเราะลั่นไปด้วย ผมก็ดิ้นหนีสุดพลัง ดิ้นไปดิ้นมา ถูกมันกดลงบนเตียงเสียอย่างนั้นโดยมีมันคร่อมตัวผมเอาไว้อยู่ ผมเบิกตาโต รีบโวยวายทันควัน
“คะ...คชา ปล่อย”

กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนอีก ทว่าคชาไม่สน ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“มึงก็ครางประโยคเมื่อกี้ก่อนดิ”

มึงนี่มันเป็นคนยังไงวะ!

แล้วถามว่าผมทำไหม?... จุดนี้ก็ต้องยอมแล้วล่ะครับ ไม่อย่างนั้นต้องถูกมันทำอะไรบ้าๆ มากกว่าเดิมแน่นอน

“อื้อ...คชา...หล่อจังเลย”
ว่ามุบมิบอุบอิบ พูดไปแล้วก็ขนลุกซู่แต่หน้าร้อนวูบเลยทีเดียว ส่วนคชาก็นิ่งค้างไปครู่หนึ่ง พลันปล่อยมือออกจากผมไปนั่งดีๆ แล้วยื่นแขนที่เต็มไปด้วยตุ่มหนังไก่ออกมาตรงหน้า
“ขนลุกฉิบหาย”

กูก็ขนลุก! ทั้งขนลุก ทั้งแขยงเลยเนี่ย!

แทบจะเอาหัวโขกกำแพงตายกับการกระทำของตัวเองเมื่อกี้ โชคดีที่เสียงข้อความเข้าดังขึ้นมาเสียก่อน ผมเลยรีบเบนความสนใจไปคว้าโทรศัพท์มาถือ พอเห็นว่าใครส่งมาก็ร้องบอกมัน
“พี่ชิณณ์ส่งข้อความเสียงมาแล้ว จะฟังไหม”
“ไม่ล่ะ ไม่อยากฟังแล้ว”
“เอ้า ทำไมอะ” ผมถามอย่างสงสัย
คชายิ้มมุมปากขึ้นมา “กูฝันดีแล้ว แค่นี้แหละ”

แล้วมันก็ทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้พร้อมกับคลุมโปงทันที ปล่อยให้ผมมองมันอย่างงุนงง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนอกจากหมั่นไส้เสียมากกว่าเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกมันแกล้งเมื่อครู่ ก่อนจะลุกออกจากเตียงไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ

ทว่าการปลีกตัวมาก็ไม่ได้ทำให้หัวผมเลิกคิดวุ่นวายได้เลยแม้แต่น้อย ภาพใบหน้าของคชาที่ยื่นเข้ามาใกล้เมื่อครู่ยังคงติดตาอยู่จนผมต้องเอาโทรศัพท์มากดเล่นเพื่อหาอะไรดูล้างตา พอมองจอโทรศัพท์ก็นึกขึ้นได้ว่าพี่ชิณณ์เพิ่งส่งข้อความมาเลยลองกดฟังดู

การตัดสินใจทำอย่างนั้นเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์เลยทีเดียวเมื่อเสียงนุ่มทุ้มของพี่ชิณณ์ดังออกมาให้ได้ยินเบาๆ

[ฝันดีนะมาวิน เราไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว พี่...เอ่อ...คิดถึงมาวินนะครับ]

วะ...ว็อท!?

ขนลุกชัน เสียววูบวาบไปทั่วสันหลังเป็นระลอกที่สอง

มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!
---------------------------------------------
ยิ่งเขียนยิ่งรู้สึกว่าคชาผีบ้ามากขึ้นทุกทีๆ เอ็งเป็นพระเอกจริงเหรอ 555

เรื่องนี้เป็นแนวรักสามเส้าที่ไม่ดราม่าค่ะ ปกติไม่ค่อยชอบเขียนดราม่าสักเท่าไหร่ แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีว่าไม่ดราม่ายังไง เอาเป็นว่ามันก็อารมณ์ประมาณนี้ทั้งเรื่องน่ะค่ะ อ่านแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เน้นคลายเครียดเนอะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีปมอะไรซับซ้อนสักเท่าไหร่ อยากเขียนคอมเมดี้แบบอ่านง่ายๆ ให้อ่านกันเพราะตอนเขียนช่างใจรักนี่ ใส่มุกห้าบาทสิบบาทเต็มเหนี่ยวมากเลยรู้สึกว่ามันเป็นคอมเมดี้ที่เต็มที่ที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาแล้ว เรื่องนี้เลยอยากจะพยายามทำลายมิชชันเดิม แต่ไม่แน่ใจว่าจะเล่นมุกได้แพรวพราวเหมือนเรื่องนั้นมั้ยนะคะ เพราะเรื่องนี้ตัวละครหลักที่บรรยายไม่ได้ลั้นลาแบบเรื่องนั้น

หนูแดงมาอัพทุกวันนะคะ แต่ส่วนใหญ่จะมาดึกๆ ดังนั้นนอนก่อนเลยแล้วค่อยตื่นมาอ่าน ถ้าวันไหนเห็นอัพไวหรืออัพหัววัน แสดงว่าเขียนตอนใหม่สต็อกเอาไว้แล้วเน้อ XD
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 27-04-2017 06:07:33
ชอบบบบ เขียนสนุกมากๆค่ะ ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-04-2017 07:22:37
โอเค คชา

ชัดมาก...ชัดว่าสติไม่สมประกอบมาก

นี่นายโตมาถึงขนาดนี้ได้ไง?

คิดถึงพี่ชิณณ์
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-04-2017 08:07:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 27-04-2017 08:21:09
คชา นี่ตั้งใจอ่อยมาวินจริงจังใช่มั้ย
 o13
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 27-04-2017 08:57:49
คชา บอกไม่คิดอะไร แต่ลวนลามไปเยอะมากล่ะ มากกว่านี้ก็....ไหม
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 27-04-2017 09:41:40
คิดได้ไงครางรหัสนักศึกษา55555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-04-2017 10:11:00
 :m20:


 :L2: :3123: :L1: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 27-04-2017 10:25:51
คชา...................
นี่ มันเบี่ยงเบนแล้วนะ เบรมาทางมาวินอะ :ruready
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 27-04-2017 11:22:58
เอิ้ม คชานายก็อินดี้เกิ๊นน
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 27-04-2017 11:47:15
ยกมือขึ้นมาดม !!!!  ฟังมาวินครางรหัสนักศึกษาแล้วนอนหลับฝันดี ???? คชานี่เป็นมิติใหม่ของวงการพระเอกนะ.  พระเอก = หล่อ+บ้าบอไร้สติ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-04-2017 12:06:29
แหน่ะะะะ คชาชอบมาวินแล้วแน่ๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 11:รหัสรักนักศึกษา[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-04-2017 14:55:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 12:ความสับสนของมาวิน[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 27-04-2017 22:41:48
สบตา ครั้งที่ 12: ความสับสนของมาวิน

จากตอนแรกที่สับสนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอเหตุการณ์เมื่อวาน ผมก็ยิ่งสับสนหนักมากขึ้นไปอีก เรื่องพี่ชิณณ์น่ะยังพอจะเข้าใจได้ว่าเขาคงชอบผม คิดดูดีๆ แล้วการกระทำและคำพูดของพี่ชิณณ์ก็ล้วนแล้วเหมือนจีบผมอยู่ทั้งนั้น พอเขาพูดว่าคิดถึงผมอย่างนั้น ผมก็มั่นใจขึ้นมาเลยว่าต้องชอบผมแน่ๆ แต่กับคชา ผมไม่รู้แม้แต่นิดเดียวว่ามันคิดอะไรของมันอยู่ ก็มันน่ะปกติกับชาวบ้านเขาเสียที่ไหน ผมอ่านมันไม่ออกหรอกถ้ามันไม่บอกออกมาให้ชัดเจน

ความจริงผมไม่ควรที่จะไปใส่ใจอะไรกับการกระทำเพี้ยนๆ ของมันเลยนะ แต่ยอมรับว่าผมเองก็อึดอัดไม่น้อยที่เห็นมันทำท่าทำทางเหมือนจะมีใจให้ผมอย่างนี้ ต่อให้บอกตัวเองว่าไม่ได้ชอบผู้ชายก็เถอะ ทว่าคชามันหล่อเหลาเขายายเที่ยงชนิดชวนให้สาวเหลียวมอง ชายชื่นชมจริงๆ ผมก็อดที่จะใจเต้นกับมันไม่ได้หรอก ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมชอบของสวยๆ งามๆ นี่นา คชาเองก็เป็นหนึ่งในของสวยๆ งามๆ ที่มองแล้วเจริญตาเจริญใจเหมือนกันถ้าไม่นับนิสัยบวมๆ บ๊องๆ ของมัน

ทว่าความสับสนของผมทั้งหมดก็มาชัดเจนขึ้นเอาตอนที่คชามาชวนผมไปกินข้าวเย็นกับพวกเพื่อนๆ ทูตกิจกรรมของมันที่ร้านอาหารแถวๆ หอ ตอนนี้เองที่ผมเห็นว่าการกระทำที่เหมือนหมาหยอกไก่ชนิดถึงเนื้อถึงตัวของมันนั้นไม่ได้ทำกับผมแค่คนเดียว แต่ยังทำกับเพื่อนๆ ของมันคนอื่นๆ ด้วย

“ปากมึงเลอะน่ะ” จู่ๆ คชาก็พูดขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปที่มุมปากของตัวเองให้เพื่อนมันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรับรู้
“ตรงนี้เหรอวะ” อีกฝ่ายเอามือเช็ดหากแต่ไม่โดน
“ไม่ใช่ ตรงนี้ต่างหาก” คชาคว้าทิชชูมา เอื้อมไปเช็ดให้เพื่อนตัวเองหน้าตาเฉย

ชัดเจนเลย... แม่งเกย์ทั่วราชอาณาจักร ไม่ได้เป็นกับผมแค่คนเดียว

สงสัยจะเป็นเรื่องธรรมดาของมันเพราะเพื่อนมันคนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นหรืออะไรเลยแม้แต่น้อย นั่งกินข้าวกันหน้าตาเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เห็นอย่างนั้นแล้วผมก็โล่งใจที่ความสับสนนั้นหายไป ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา

ไม่ได้ทำกับผมแค่คนเดียว... เป็นเรื่องปกติ...

เออ ผมคิดมากไปเองแหละ บ้าไปเองคนเดียวด้วยที่คิดเลยเถิดว่าคชาคิดอะไรกับผมอย่างนั้น เอาเป็นว่าถ้าผมจะอยู่กับคชาก็ต้องเข้าใจธรรมชาติความบ้าบอของมันแล้วปรับตัวให้ชินไป ไม่ต้องคิดมากกับการกระทำต่างๆ ถึงจะอยู่อย่างเป็นสุข

บอกตัวเองอย่างนั้นแล้วก็พอจะสงบจิตสงบใจได้บ้าง ยิ่งคชาปฏิบัติกับผมเหมือนเดิมทุกประการ ผมก็ยิ่งสงบจนวางตัวปกติได้แล้ว ถ้าวางตัวปกติไม่ได้ ผมต้องลำบากแน่เพราะวันนี้ผมยังต้องไปรับหน้าที่ผู้ช่วยติวเตอร์ให้มันอยู่

เรียนเสร็จ กลับมาถึงห้องได้ ผมก็จัดการเตรียมเอกสารทุกอย่างรอคชากลับมาเพื่อที่ว่าจะได้ออกไปกันเลย หากแต่จู่ๆ แพลนก็เกิดเปลี่ยนเสียอย่างนั้นเพราะทันทีที่คชาวิ่งกลับมาถึงห้องพร้อมกับหายใจกระหืดหอบ มันก็รีบพูดขึ้นเร็วๆ

“วันนี้กูคงไปสอนไม่ได้แล้วว่ะไอ้เอ๋อ กูต้องไปประชุมทูตกิจกรรมกับพวกปีอื่นๆ”
“เอ้า แล้วทำไงอะ รับงานไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็เออน่ะสิวะ” คชาย่นคิ้วยู่ ทำท่าทางหัวเสียเต็มประดาจนผมอดพูดออกมาไม่ได้
“นายก็บอกไปสิว่ามีธุระ ไปประชุมไม่ได้”
“ก็อยากอยู่หรอก แต่นี่ความผิดกูเอง ลืมไปว่าแม่งนัดกันมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ไม่ได้จดเอาไว้”
“งั้นก็แคนเซิลคลาสแทนไหม” ผมเสนอ
คิ้วของคชาย่นยู่กว่าเดิมอีก “กูโดนไล่ออกแน่นอน แล้วมึงก็จะโดนหางเลข ไม่ได้งานไปด้วย”

พูดมาอย่างนั้น ผมก็เลยไม่กล้าพูดอะไรต่อ คชาเท้าสะเอว บ่นพึมพำพลางคิดไปเรื่อยว่าจะเอายังไงดี จนในที่สุดก็พูดออกมา
“เอางี้ วันนี้มึงไปสอนแทนกูก่อนแล้วกัน”
ผมถึงกับเบิกตาโต “ภาษาอังกฤษเนี่ยนะ”
“เออ ก็กูสอนวิชานี้นี่หว่า”

งานงอกผมเลยทีเดียว ก็ผมเก่งวิชานี้เสียที่ไหน ไม่มั่นใจว่าจะสอนได้ด้วยถ้าเทียบกับความสามารถของคชาแล้ว คชาก็คงจะดูผมออกว่าคิดอะไรอยู่เลยตบบ่าปุๆ เป็นการใหญ่

“ไม่เป็นไรมึง วันนี้มึงก็แค่เอาข้อสอบที่อยู่ในแฟ้มให้พวกน้องมันทำ สอบชั่วโมงนึง ครึ่งชั่วโมงหลังก็เฉลย แบบเฉลยอยู่ในแฟ้มแล้วเหมือนกัน วันนี้พวกมันสอบวัดความรู้ที่กูสอนไปก่อนหน้าน่ะ ไม่น่ามีปัญหามั้ง”

สวรรค์ทรงโปรดมากที่ผมไม่ต้องเจอเรื่องยุ่งยากเท่าไหร่นัก ผมคิดว่าตัวเองทำได้ก็เลยพยักหน้ารับมันไปรัวๆ คชาถึงได้ยิ้มออก
“งั้นรีบไป เดี๋ยวกูขับรถไปส่ง ถ้าให้มึงไปเอง กว่าจะไปถึงก็สายพอดี”
ผมเห็นด้วยเลยไม่โต้แย้ง รีบคว้าข้าวของแล้วตามคชาลงไปที่ลานจอดรถ ให้มันขับไปส่งยังที่หมายตามความตั้งใจ



 
พอมาถึงโรงเรียนที่จะต้องมาสอนในวันนี้ ผมก็แทบจะเอาแฟ้มเอกสารฟาดหน้าไอ้คชาให้แหกเพราะโรงเรียนที่มาสอนไม่ใช่โรงเรียนหญิงล้วนอย่างที่เคยไป หากแต่เป็นโรงเรียนชายล้วน แล้วเป็นเด็กมอหก มอหกอย่างเดียวไม่พอ ยังต้องสอนพวกมันยกชั้นอีกต่างหาก

ไม่ใช่แค่เฉพาะห้องนะ ย้ำอีกที... ยกชั้น!

แตงกวารุ่นเยาว์ก้าวเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์มาให้ผมได้เห็นทั้งระดับชั้นเลย มีอยู่กี่ห้อง โอ้โห เห็นแม่งทุกห้อง!

ดีนะที่ผมไม่ต้องสอนอะไรมากมาย ตอนเฉลยข้อสอบก็ก้มหน้าก้มตาดูโพยแล้วพูดๆ ไป เลยพอจะหลบสายตาจากแตงกวาหลากหลายขนาดและสายพันธุ์ได้บ้าง แต่ก็เรียกได้ว่าการเป็นติวเตอร์จำเป็นในวันนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่โคตรจะทรมานเลย
ออกมาจากโรงเรียนได้ ผมก็ก่นด่าคชาในใจไม่หยุด กะว่าถึงหอเมื่อไหร่จะด่ามันให้สาแก่ใจสักที

เพราะเหตุผลนี้ผมเลยรีบมุ่งหน้ากลับหอให้เร็วที่สุด ทว่าก็ไม่ได้ทำตามอย่างที่ใจคิดด้วยจู่ๆ ฝนก็เทลงมาทั้งที่ผมมาเกือบจะถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ผมเลยต้องวิ่งไปหลบที่ป้ายรถเมล์ก่อนจนกว่าฝนจะซา ความจริงจะฝ่าฝนไปก็ได้แหละ หออยู่ใกล้จากตรงนี้นิดเดียว เป็นห่วงอย่างเดียวก็คือเอกสารพวกชีทเรียนจะเปียกเพราะแฟ้มที่เอามาใส่เอกสารเป็นแฟ้มแบบสอด ถือไม่ดี มีหวังกระดาษเปียกแน่นอน

เรื่องด่าคชาเอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้มันคงยังไม่กลับหอหรอก กว่าจะกลับก็โน่น สี่ห้าทุ่ม นี่เพิ่งจะหัวค่ำเอง

ผมเปลี่ยนแพลนกะทันหัน ยืนรอฝนซาอย่างใจเย็นแทน ฟ้ามืดแล้ว เวลานี้แทบจะไม่มีนักศึกษาคนไหนอยู่ที่ป้ายรถเมล์เลยเพราะทยอยขึ้นรถกันกลับไปหมด เหลือแต่ผมที่ยืนอยู่ตามลำพัง หากแต่ยืนอยู่คนเดียวได้ไม่นานก็มีใครบางคนวิ่งฝ่าฝนมาหลบใต้ร่มด้วย ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจจะหันไปมองหรอก หากแต่ได้ยินเสียงคุ้นเคยเลยต้องหันไปมอง
“เอ้ามาวิน จะไปไหนเหรอ”

พี่ชิณณ์...

เห็นพี่ชิณณ์ในสภาพตัวเปียกเล็กน้อย ตาสบตาในตอนนี้ พลันชุดนักศึกษาก็มลายหายไป กลายเป็นป๋องแป๋งต่องแต่งแกว่งไหวในสภาพที่เปียกซ่ก

แปลกตา แต่ไม่ปลื้ม ผมก็ทำหน้าไม่ถูกเลยที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ในเวอร์ชันใหม่ แต่ทำหน้าไม่ถูกหนักกว่าเดิมด้วยจู่ๆ คำพูดของพี่ชิณณ์ที่เขาอัดเสียงส่งมาเป็นข้อความให้เมื่อวานดังลอยเข้ามาในหู

‘ฝันดีนะมาวิน เราไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว พี่...เอ่อ...คิดถึงมาวินนะครับ’

ทำหน้าปูเลี่ยนไปใหญ่เลย แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวแม้จะเก็บอาการด้วยมั้ง พี่ชิณณ์ถึงได้ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง
“แล้วตกลงมาวินจะไปไหนเหรอ”
ผมได้สติในตอนนี้ ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้จะไปไหนครับ ผมเพิ่งกลับมา”

พี่ชิณณ์ที่กำลังเสยผมหน้าเปียกน้ำฝนอยู่เลิกคิ้วสูง
“ไปไหนมาเหรอ”
“สอนพิเศษน่ะครับ”
“ทำงานแบบนี้ด้วยเหรอ พี่เพิ่งรู้”

พี่ชิณณ์กลับมายิ้มร่าอีกแล้ว ดูท่าทางจะดีใจที่ได้รับรู้ข้อมูลใหม่ของผม แต่เขาเข้าใจผิด ผมเลยต้องแก้ต่างให้
“ไปสอนแทนคชาน่ะครับ ผมไม่เคยทำงานนี้หรอก กำลังอยู่ในช่วงทดลองงาน”

พูดไปอย่างนั้น พี่ชิณณ์ก็ร้องอ๋อยาว พลางพยักหน้ารับ จากนั้นก็ยิ้มให้ผมแล้วเงียบไปพักหนึ่ง ผมมองใบหน้าเขาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วก็เกิดเขินขึ้นมาจนต้องหันหนีด้วยข้อความที่เขาส่งให้ยังคงวนเวียนในหัวไม่หยุด

พี่ชิณณ์ชอบผม...

ผมคิดว่าอย่างนั้น มั่นใจแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะชัวร์ ทว่าผมไม่ถามหรอกเพราะคิดว่าถ้ามันเป็นอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ล่ะก็ ความวุ่นวายระลอกใหญ่จะต้องประดังประเดมาหาผมแน่ๆ เราทั้งคู่ก็เลยยืนหลบฝนอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว มีเพียงแต่พี่ชิณณ์ที่เหลือบมองผมพลางอมยิ้มไม่หยุด

ผมรู้นะว่าเขามอง แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ผ่านไปพักใหญ่ พี่ชิณณ์ถึงได้ทำลายความเงียบ
“เมื่อวานนี้น่ะ... ได้ฟังไหม”
ผมใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันที รู้ว่าเขาถามถึงอะไร กระนั้นก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้
“อะไรเหรอครับ”
“ข้อความเสียงที่พี่ส่งให้น่ะ ได้ฟังไหม”

ใจเต้นแรงกว่าเดิมอีก ผมหันไปมองหน้าเขาก็เห็นว่าพี่ชิณณ์ส่งยิ้มให้อยู่ ตางี้โตลุ้นระทึกกับคำตอบจากผมโคตรๆ เห็นอย่างนี้ ผมก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้แล้ว จำต้องพยักหน้ารับไป

พี่ชิณณ์ยิ้มกว้างเห็นฟันทันที เขาเองก็ดูเขินๆ ไปเหมือนกันจู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาลูบหลังคอ หลบสายตาผมเสียอย่างนั้น
“มาวินคงจะรู้สึกแปลกๆ ล่ะสินะ”

แปลกสิวะ แปลกโคตรๆ จู่ๆ โดนผู้ชายด้วยกันบอกว่าคิดถึง คิดว่ามันไม่แปลกหรือไง

ผมไม่ตอบอะไรไปอีก คราวนี้พี่ชิณณ์เลยได้โอกาสพูดเสริมอย่างรวดเร็ว
“ที่พี่พูดอย่างนี้ก็เพราะว่าพี่...”
รู้เลยว่าพี่ชิณณ์จะพูดอะไร

สะ...สารภาพรักแน่นอน!

ไม่ได้หลงตัวเองอย่างไอ้คชาด้วย สถานการณ์มันใช่ แถมบรรยากาศก็เป็นใจโคตรๆ

บอกรักในคืนวันฝนตกตามลำพังกันสองคน แม่งโคตรฉากใน MV เลยเถอะ โรแมนติกไปสามบ้านแปดบ้าน แต่มึงจะมาบอกกับกูไม่ได้!

“พี่ชิณณ์ไม่หนาวเหรอครับ”
ผมรีบเบรกทันที ทำเอาพี่ชิณณ์ที่กำลังพูดๆ อยู่ชะงักไป มองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจที่ผมโพล่งถามแทรกออกมาอย่างนั้น ก่อนจะหัวเราะ
“มาวินไม่ต้องหนีเลย พี่รู้นะว่าจะเปลี่ยนเรื่อง” ว่าอย่างรู้ทันอีก

ผมก็ปฏิเสธไหมล่ะ... ไม่ ก็เปลี่ยนเรื่องหนีจริงๆ

แต่ในเมื่อตอนนี้หนีไม่ได้แล้วก็คงจะต้องเผชิญหน้า แน่นอนว่าผมไม่ยอมให้พี่ชิณณ์ได้พูดประโยคที่ผมไม่อยากได้ยินออกมาอย่างแน่นอน
“พี่ชิณณ์ครับ ผมถามพี่ตรงๆ นะ พี่รู้ใช่ไหมว่าคชาคิดอะไรกับพี่อยู่”

ถามไปอย่างนี้ทั้งที่ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขารู้ไหม แต่คชามันแสดงออกชัดเจนอย่างนั้นและพี่ชิณณ์เองก็ชอบทั้งผู้ชาย-ผู้หญิง ไม่ว่ายังไงก็ต้องผ่านประสบการณ์คบหากับผู้ชายมาบ้าง ยังไงก็ต้องดูออกว่าคชามันคิดอะไรอยู่ผ่านการกระทำ

ซึ่งก็จริงอย่างที่ผมคาดเดาเสียด้วยเมื่อพี่ชิณณ์ส่งเสียงออกมา
“อือ พี่รู้ แล้วพี่ก็รู้ด้วยว่ามาวินพยายามเชียร์เพื่อนให้พี่สนใจอยู่”
ผมไปต่อไม่ถูกเลย แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้ ผมก็แสดงออกว่าอวยคชาขนาดไหน

การที่เขาพูดมาอย่างนั้น ทำให้ผมต้องถามออกไปอีก
“แล้วพี่ชิณณ์ไม่สนใจคชาบ้างเหรอครับ”
“พี่ว่าพี่เคยบอกไปแล้วนะ”
ใช่ เคยบอกมาแล้วว่าคชาดูล้นๆ ถึงจะไม่บอกตรงๆ แต่ความหมายก็คือ ‘ไม่สนใจ’ นั่นแหละ
“แต่คชาชอบพี่นะครับ”

เพื่อไม่ให้พี่ชิณณ์ได้พูดประโยคนั้น ผมเลยบอกไปตามตรงว่าคชารู้สึกกับพี่ชิณณ์ยังไง
“พี่รู้” พี่ชิณณ์ยิ้มรับน้อยๆ “แต่พี่ไม่ได้ชอบคชานี่” แล้วก็ส่งสายตามาทางผม

ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าสายตาที่พี่ชิณณ์มองผมครั้งนี้มันดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้
แบบว่าดูหวานฉ่ำ หยาดเยิ้ม... เออ สายตาที่พวกอาเสี่ยมองเด็กสาวๆ เลยล่ะ

ท่าไม่ดีละกู ต้องรีบไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด

จังหวะเดียวกับที่ฝนเริ่มซาพอดี ผมจึงไม่รีรอที่จะรีบเอ่ยขอตัวเพื่อกลับหอ
“ฝนเริ่มซาแล้ว ผมกลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวคชาจะเข้าห้องไม่ได้ มันไม่มีกุญแจ” ผมโกหก ทำไมคชาจะไม่มี แต่เพื่อที่จะหนีไปจากพี่ชิณณ์ไง

หากแต่พอผมพูดเสร็จแล้วทำท่าจะเดินหนี พี่ชิณณ์ก็คว้าแขนผมเอาไว้
“อยู่กับพี่อีกสักแป๊บได้ไหม” ส่งสายตาขอร้องวิ้งวับมาให้ด้วย

ผมก็อยากจะใจอ่อนอยู่หรอก แต่คราวนี้กลั้นใจปฏิเสธไปเต็มที่
“แต่ว่าผมต้อง...”
“มาวิน ขอนะ อยู่กับพี่แป๊บนึง ขอแค่นาทีเดียว” พี่ชิณณ์ไม่ฟังเลย ขอร้องออกมาอีก

ตอนนี้สีหน้าของพี่ชิณณ์ดูน่าสงสารมาก อย่างกับลูกหมาที่ถูกทิ้งอยู่กลางฝนแล้วส่งสายตาอ้อนวอนขอให้ผมซึ่งเดินผ่านมาเจอพาตัวกลับบ้านไปด้วยอะไรอย่างนั้น

ผมถอนหายใจออกมาเต็มแรง ก่อนจะต้องยอมแต่โดยดี
“ครับ นาทีเดียวนะ”
พี่ชิณณ์ส่งยิ้มให้ผมอีกแล้ว จากนั้นก็พูดในสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยิน
“พี่รู้ว่ามาวินรู้สึกแปลกๆ กับข้อความเสียงที่พี่ส่งให้ แต่พี่อยากให้มาวินรู้ไว้ว่าที่พี่พูดเป็นความจริง”

ผมมองหน้าเขาอย่างอึ้งงัน ทั้งที่รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าเขาคงจะคิดกับผมแบบนี้ แต่พอได้ยินเองกับหูก็อดที่จะพูดไม่ออกไม่ได้ ลำคอตีบตันไปหมด และการที่ผมอยู่เฉยก็ทำให้พี่ชิณณ์ขยับตัวเข้ามาใกล้ โน้มใบหน้าลงมาหา กระซิบที่ข้างหูแผ่วเบา

“มาวินถามพี่ว่าพี่รู้ใช่ไหมว่าคชาคิดอะไรกับพี่ แล้วมาวินล่ะรู้หรือเปล่าว่าพี่คิดอะไรกับมาวิน”
ผมไม่ตอบ มีเพียงเสียงหัวใจเท่านั้นที่เต้นระรัวเร็ว ก่อนที่จะมีคำพูดประโยคใหม่ดังมาจากริมฝีปากสวยนั้นให้ได้ยิน
“พี่ชอบมาวินนะ...”

พูดจบก็ผละออกมา ยกยิ้มให้ผมอย่างใจดีในขณะที่ผมได้แต่ยืนนิ่ง ไปต่อไม่ถูกราวกับถูกเสกให้กลายเป็นหิน

พี่ชิณณ์... ชอบกูจริงๆ ด้วย

เรื่องบ้าบอคอแตกอะไรวะเนี่ย



 
หลังจากที่พี่ชิณณ์สารภาพความในใจเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ไม่ต่างอะไรจากถูกเขาดูดวิญญาณออกจากร่างแม้แต่นิดเดียว กลับมาได้ก็เอาแต่เงียบ คชาพูดอะไรก็แทบจะไม่เข้าหูด้วยในหัวเอาแต่คิดวกวนเรื่องคำพูดของพี่ชิณณ์

‘พี่ชอบมาวินนะ...’

คิดขึ้นมาได้ก็แทบจะยีหัวตัวเอง ไม่รู้จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไงดี อันดับแรกเลย ผมไม่รู้ว่าจะบอกกับคชายังไงดีด้วยว่ามันอกหักแล้ว แถมอกหักเพราะคนที่มันชอบดันมาชอบผมที่เป็นนกต่อให้มันอีก รู้สึกผิดกับมันขึ้นมาฉับพลัน แต่ใครจะไปคิดล่ะวะว่าเรื่องมันจะลงเอยอย่างนี้

ถึงอย่างนั้นก็ควรจะบอกให้คชารับรู้ไว้...

แต่ถ้าบอกมัน เดี๋ยวมันไล่ผมออกจากหอ ไม่ให้เป็นรูมเมทด้วยแล้ว ผมจะทำยังไง เดือดร้อน เรื่องใหญ่แน่ๆ

คิดไม่ตกเลย ในหัวตีกันยุ่งไปหมดระหว่างบอกกับไม่บอก โชคดีที่ผมเก็บอาการไว้ได้ดี ไม่มีพิรุธใดๆ ออกมา ทำให้คชาไม่ทันได้สังเกตว่าผมมีท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนนิ่งๆ เวลาอยู่กับมันอยู่แล้วก็ได้ เวลาเงียบเพื่อครุ่นคิดอะไรเลยดูไม่ต่างจากปกติสักเท่าไหร่นัก

ทว่าคชากลับฉุกคิดขึ้นได้ว่าผมมีท่าทีแปลกๆ ก็ตอนที่มันเอาหนังโป๊ของฮิคารุซามะอะไรนี่ที่สั่งซื้อทางไปรษณีย์มาเปิดดูกับโน้ตบุ๊กแล้วตั้งไว้บนเตียงโดยมีผมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆ จริงๆ แล้วผมจะต้องโวยวายที่มันดูหนังโป๊เกย์ต่อหน้าต่อตาไง แต่ผมดันนิ่ง ตาจ้องโน้ตบุ๊ก มองภาพฮิคารุซามะนอนคว่ำหน้า ถูกผู้ชายล่ำบึ้กวัยลุงปู้ยี่ปู้ยำด้วยสารพัดของเล่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย คชาถึงได้ทักขึ้นมา

“จ้องตาไม่กะพริบเลยนะ ชอบล่ะสิ”
หันไปมองก็เห็นมันทำยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ผมเหลอหลาไปนิดก่อนจะเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงอะไร พลันตอบกลับ
“เปล่าสักหน่อย”

ไม่ได้โวยวายหรอก ว่าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทำให้คชาละสายตามาจ้องผมแล้วถามอีก

“แล้วมึงเป็นอะไร วันนี้ดูเงียบแปลกๆ”
มันสังเกตเห็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย
“คือ...” เห็นมันถาม ผมก็เกือบจะบอกมันออกไปอยู่แล้วว่าพี่ชิณณ์พูดกับผมว่าอะไร ทว่าพอเห็นมันจ้องเขม็งอย่างรอคำตอบ ผมก็เปลี่ยนใจไม่พูดขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ไม่มีอะไรหรอก เราแค่เจอปัญหานิดหน่อย”
“ปัญหา? ปัญหาอะไรวะ” คชาไม่ยอมละความอยากรู้อยากเห็นได้เลย

ผมมองหน้ามันแล้วก็ตอบแบบอ้อมแอ้ม
“เราสับสนอะไรนิดหน่อยน่ะ”
“สับสนอะไร”

ผมไม่ตอบคำถามนี้ ทำเอาคชาขมวดคิ้วเข้าหากัน ครู่หนึ่งถึงได้ทำหน้าตาเหมือนคิดขึ้นมาได้ ดีดนิ้วแล้วหัวเราะ
“สับสนทางเพศล่ะสินะ ช่วยไม่ได้ที่ฮิคารุซามะของกูจะเซ็กซี่โดนใจมึง น่ารักขนาดนี้ มึงต้องมีอารมณ์อยู่แล้ว มึงจะว้าวก็ได้นะ กูไม่ว่า”

ว้าวอะไรล่ะไอ้คชา! กูไม่ได้มีรสนิยมเหมือนมึงนะเว้ย!

“แต่ถ้ามึงรู้สึกแปลกๆ กูจะสอนก็ได้ มันก็เหมือนกับหนังโป๊ชายหญิงนั่นแหละ มาๆ ถอดกางเกง”

มึงมันคิดเองเออเอง! กูบอกแล้วไงว่าไม่ได้มีจิตคิดพิสวาสอะไรฮิคารุซามะของมึงเนี่ย!

ไม่ทันไร มันก็ถลาเข้ามาแล้ว มือจับขอบกางเกงผมเรียบร้อย ทำเอาผมต้องดึงขอบตัวเองกางเกงขึ้นมาจนเกือบถึงอก แทบจะเป็นชุดจั๊มพ์สูทเกาะอกของผู้หญิงอยู่แล้ว ก่อนจะโวยวายลั่น

“เราไม่ได้จะว้าวเว้ย คนที่ดูหนังแบบนี้แล้วมีอารมณ์ มีแค่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ!”
คราวนี้คชาปล่อยมือออกจากผมทันควัน
“กูไม่ได้เสพเพื่อให้มีอารมณ์ กูเสพเพื่อศิลปะ ชื่นชมความงามของท่านฮิคารุ มึงไม่เข้าใจกูหรอก”

เออ! ไม่เข้าใจหรอก แล้วกูก็ไม่เห็นด้วยว่าหนังแนว SM ที่มึงดูอยู่นี่มันเป็นศิลปะตรงไหนเลย!

อะไรไม่ว่า พอผมทำหน้าเอือมระอาใส่มัน คชาก็ดันแอ่นเป้ามาใกล้ผม
“ไม่เชื่อมึงก็ดู ยังไม่กลายร่างเป็นก็อตซิลล่า”

ไม่ต้องมาอวด กูไม่ดู!

ไม่ดูแต่ตาเหลือบมองไปโดยอัตโนมัติเป็นที่เรียบร้อย
บ้าบอที่สุด ทำไมจุดรวมสายตาต้องเป็นที่แมมมอธของมันด้วยวะ!

ผมแทบจะทุบเป้ามันให้หายหมั่นไส้ แต่ดูแล้วมันน่าจะแกล้งผมมากกว่าเพราะพอผมส่งสายตารังเกียจให้ มันก็หัวเราะร่วน พลางหันไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่มีหนังโป๊เล่นอยู่เหมือนเดิม
“แล้วตกลงมึงเป็นอะไร มีอะไรให้เครียดหรือไงถึงได้ทำหน้าเหมือนท้องผูก”
“ก็ไม่มีอะไรสำคัญนักหรอก”
เห็นคชาเริ่มจริงจัง ผมก็ไม่อยากบอกมากขึ้นไปอีก ทว่าคชาก็ยังจะอยากรู้ให้ได้
“ถ้าไม่มีอะไร มึงคงไม่เป็นแบบนี้หรอกไอ้เอ๋อ กูสังเกตเห็นตั้งแต่เจอละ แต่ไม่อยากทัก”

วินาทีนี้ผมถึงได้รู้ว่าคชาสังเกตเห็นความผิดปกติของผมตั้งนานแล้ว ผมเลยตัดสินใจพูดออกไป แต่ไม่พูดไปตามตรงหรอกนะ หยั่งเชิงไปก่อน
“นายชอบพี่ชิณณ์จริงหรือเปล่า”
“จริง” ตอบโดยไม่หันมามองหน้าผม ตายังจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กเหมือนเดิม
“แล้วชอบมากไหม จริงจังหรือเปล่า แบบว่าอยากได้เป็นแฟนอะไรงี้”

ผมถามอีก คราวนี้คชาหันมามองหน้าทันควัน
“ถามทำไมวะ”
 “ก็อยากรู้”
“หรือว่า...มึงจะชอบพี่ชิณณ์?”
“ไม่ใช่...”

ผมเลิ่กลั่กทันตา หลบสายตาของมันที่มองมาอย่างจับผิด แต่คชาไม่เชื่อผมเลยแม้แต่น้อย หรี่ตาลงแล้วว่าออกมาอีก
“มึงอยากจะเอาตูดดูดกันกับพี่ชิณณ์หรือไงวะ”

ตูดดูดกันป้ามึงสิ กูคิดภาพตามเลยเนี่ย!

คิดแล้วอุบาทว์ฉิบเป๋ง รู้เลยว่าคชามันมองผมเป็นฝ่ายรับเป็นที่เรียบร้อย แต่ประเด็นคือ... กูไม่ได้เป็นทั้งรับ เป็นทั้งเกย์ แล้วก็ไม่ได้ชอบพี่ชิณณ์เว้ย พี่ชิณณ์มาชอบกูต่างหาก!

แต่ก็นะ ผมไม่ทันจะได้บอกอะไรมันหรอก คชาก็เบนสายตากลับไปจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กเหมือนเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ถ้ามึงจะชอบพี่ชิณณ์มันก็เป็นสิทธิ์ของมึงแหละนะ เพราะยังไงกูก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ไว้ค่อยมาวัดกันอีกทีตอนจีบว่าใครจะจีบติด ถ้ามึงจีบติด กูจะยอมถอย แต่ถ้ากูจีบติด มึงต้องถอย ก็แค่นั้น”

ฟังดูเหมือนจะแฟร์ๆ ดี แต่ไม่ใช่ ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชิณณ์เลยแม้แต่น้อยนอกจากเป็นรุ่นพี่ที่ดีคนหนึ่งแม้ว่าบางครั้งผมจะเผลอคิดไปบ้างว่าเขาน่ารักดีบ้างก็ตาม ทว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ตอนนี้ผมได้รับคำตอบจากคชาแล้ว

คชาชอบพี่ชิณณ์จริงๆ...

ถ้าคิดว่าจะจีบเป็นแฟนถึงขนาดนั้น ยังไงมันก็ต้องชอบจริงจังอยู่แล้ว

ผมเลยไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่ชิณณ์ในวันนี้ออกไป แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมก็บีบตัวแน่นขึ้นมา ยิ่งมองหน้าคชาที่จับจ้องนักแสดงหนังโป๊ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายพี่ชิณณ์อย่างชื่นชมแล้ว ผมก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก นอกจากจะนั่งเงียบแล้วพึมพำออกมาเสียงเบา
“เราไม่ได้ชอบพี่...”

พูดยังไม่ทันจะจบเลย ฉับพลันคชาก็หันมาหาผม
“เมื่อกี้กูจินตนาการหน้าฮิคารุซามะเป็นหน้ามึงเฉยเลยว่ะ มีอารมณ์แล้วด้วย”

จากนั้นมันก็หันเป้ากางเกงมาทางผม ผมเหลือบมอง เห็นอะไรบางอย่างนูนขึ้นมาก็อ้าปากค้างทันใดขณะที่คชายังคงพูดต่อ
“มาลองทำกันอย่างวันที่เมาอีกสักทีดีมะ”

ได้ยินแล้ว ผมนี่ขนหัวลุกลากยาวไปถึงกระดูกสันหลังเลย

มึงจะมาชวนกูทำเรื่องอย่างว่าซึ่งๆ หน้าอย่างนี้ไม่ได้! กูเป็นรูมเมทมึงนะ!

รีบกระเด้งลุกจากเตียงทันที ขณะที่คชาหัวเราะร่วนเป็นการใหญ่พร้อมกับล้อเลียน
“พูดเล่นแค่นี้ก็ต้องหน้าแดง แดงไปถึงหูแล้วไอ้เอ๋อ มันรอยกางเกงเว้ย ไม่ใช่ของกู”

ละ...ล้อเล่น

มันใช่เรื่องที่จะต้องมาล้อเล่นหรือไง!

“ไม่ตลกเลยเว้ย!” ผมโวยเข้าให้ ไม่สนใจแล้วว่ารอยนูนนั้นจะเป็นของคชาหรือกางเกง รีบก้าวฉับๆ เข้าไปหลบในห้องน้ำโดยมีเสียงหัวเราะของคชาดังไล่หลังมา ก่อนที่จะยกมือลูบใบหน้าร้อนผ่าวเพราะคำพูดของคชาเมื่อครู่เป็นพัลวัน

เวรเอ๊ย... มันชักจะทำให้ผมสับสนไปกันใหญ่แล้ว!
------------------------------------
พี่ชิณณ์รุกมากกก ทำคะแนนนำไปก่อนรัวๆ ตกลงเรื่องนี้พี่ชิณณ์เป็นพระเอกใช่มั้ย ส่วนคชาเป็นตัวประกอบไรงี้ 555 แล้วอะไรคือคชานั่งดูหนัง GV กับนุ้งวิน โอ๊ยยย ลูกสาวแม่ใจแตกหมดแล้วมั้ง XD พรุ่งนี้จะมาต่อให้ค่ะ กลายเป็นว่าช่วงมืดๆ ดึกๆ เป็นช่วงอัปนิยายประจำไปซะแล้ว ฮา ฝากฟีดแบ็กเอาไว้ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 12:ความสับสนของมาวิน[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 27-04-2017 22:48:19
คชาไม่ใช่พระเอกคชาเป็นคนบ๊าาาาาา
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 12:ความสับสนของมาวิน[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 27-04-2017 23:11:34
คชา ชวนมาวินทำอะร้าย
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 12:ความสับสนของมาวิน[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: yotisssa ที่ 28-04-2017 00:01:01
มาวินหนูไม่ตอบตกลงไปหละลูก  :hao6:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 12:ความสับสนของมาวิน[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 28-04-2017 00:46:26
ดูเหมือนมาวินจะเริ่มหวั่นไหวกับ(ความบ้า)คชานะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 12:ความสับสนของมาวิน[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 28-04-2017 00:53:22
คช๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!~~~~
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 12:ความสับสนของมาวิน[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 28-04-2017 01:45:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 12:ความสับสนของมาวิน[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 28-04-2017 08:10:00
นุ้งมาวินหวั่นไหวรุนแรงแล้วววววววว และคาดว่าจะหวั่นไหวมากขึ้นไปอีก
คชาก็เริ่มเอนเอียงมาทางมาวินแล้ว โฮะๆๆๆๆๆๆ เป็นลางดีๆ
แต่ก็สงสารพี่ชิณณ์เหมือนกัน :hao5: งั้นคนเขียนช่วยหาใครมาดามใจพี่ชิณณ์หน่อยก็ไม่เลวนะคะ :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 12:ความสับสนของมาวิน[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-04-2017 08:41:51
คชาแค่คิดว่าตัวเองชอบพี่ชิณณ์เท่านั้นแหล่ะ ความจริงชอบมาวินนนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 12:ความสับสนของมาวิน[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 28-04-2017 09:36:21
 :katai5: :katai5: :katai5: สรุป คชา นายจะแมนจะเกย์หรือตุ๊ด กรี๊ดดดดาะแต๋วแตก สักอย่างสิคชา
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 12:ความสับสนของมาวิน[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-04-2017 10:27:02
 :L1: :กอด1: :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13: กอง (กระ) สันทนาการ[100%][27-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 28-04-2017 16:01:43
สบตา ครั้งที่ 13: กอง (กระ) สันทนาการ

ผมว่าผมมีความรู้สึกแปลกๆ กับคชามากเกินไปเลยพยายามจะรักษาระยะห่างพร้อมกับบอกตัวเองว่าทุกอย่างที่คชาทำล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องปกติของมันทั้งสิ้น ถ้าไม่ปกติก็คือบ้า คิดได้อย่างนั้นแล้วผมก็พอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง แล้วมันก็ช่วยทำให้ผมอยู่กับคชาโดยไม่ต้องวางตัวลำบากอย่างที่เป็นเมื่อวันก่อนด้วย

ส่วนเรื่องพี่ชิณณ์ สรุปแล้วผมก็ยังไม่ได้บอกคชาเช่นกันว่าเขาชอบผม กับพี่ชิณณ์เอง ผมก็เลี่ยงที่จะเจอหน้าเขาอยู่เหมือนกัน พอเขาโทรมา ผมก็ไม่รับสาย ส่งข้อความมา ผมก็เลือกตอบเฉพาะที่เขาถามเรื่องงานเท่านั้น ไม่อย่างนั้นพี่ชิณณ์จะต้องหาเรื่องชวนคุยกับผมหรือไม่ก็ชวนออกไปข้างนอกอยู่เสมอ สำหรับเรื่องทำเปเปอร์ ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาของการเรียบเรียงข้อมูลซึ่งผมกับพี่ชิณณ์ได้ตกลงแบ่งงานกันเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีข้ออ้างใดๆ เลยที่จะดึงตัวผมไปพบเขาได้

มันก็ดีนั่นแหละเพราะผมตั้งใจว่าจะไม่เจอหน้าเขาสักพักจนกว่าความสับสนวุ่นวายในหัวผมจะมลายหายไป บอกตามตรง กับพี่ชิณณ์นี่วางตัวลำบากกว่ากับคชาเสียอีก เรื่องเขาชอบผมอะไรนั่น ผมก็ไม่ได้รังเกียจนะ ออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขามีความรู้สึกดีๆ ให้ ทว่าอึดอัดฉิบเป๋งเลยด้วยรู้แก่ใจว่าคชาคิดอะไรกับพี่ชิณณ์ ดูๆ ไปแล้วสถานการณ์ที่ผมเผชิญอยู่มันเป็นวงจรอุบาทว์ชัดๆ

แต่ผมก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งชีวิตผมเริ่มกลับสู่ปกติสุขอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปได้สักอาทิตย์หนึ่ง

ปกติสุขแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นเมื่อจู่ๆ คชาก็โทรหาผมทันทีที่เลิกเรียนแล้วบอกให้รีบกลับหอด้วยเหตุผลว่ามีธุระจะคุยด้วย เสียงของมันฟังดูเคร่งเครียด ผมก็นึกว่าจะมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไร ถามมันตอนโทรศัพท์แล้ว มันก็ไม่ยอมบอก ผมเลยต้องรีบแจ้นกลับมาปานติดจรวด ก่อนจะร้องถามมันออกไปทันทีที่เจอมันนั่งเสนอหน้าอยู่ในห้อง

“คะ...คชา มีอะไรเหรอถึงให้เรารีบกลับมา”
ถามทั้งที่ยังหอบแฮ่ก ผมรีบวิ่งขึ้นมาเพื่อมันเลยเถอะ คชามองหน้าผมด้วยสีหน้าตึงเครียด ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน
“กูต้องการความช่วยเหลือจากมึงว่ะ”
“อะไรเหรอ” ตอนนี้พอจะหายใจเป็นปกติได้แล้ว ถามพร้อมวางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะใกล้ๆ สายตามองไปยังใบหน้ามันขณะที่มันเองก็จ้องผมนิ่ง

“กูอยากจะให้มึงไปค่ายของกองสันฯ อาทิตย์หน้ากับกู”
ฟังแล้วผมก็นิ่งงันไป
“แค่นี้เหรอ”
“อืม”
“ธุระที่จะคุยกับเรามีแค่นี้ใช่ไหม” ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
คชาก็ตอบคำเดิม “อือ แค่นี้แหละ”

นี่มึงให้กูรีบแจ้นกลับมาเพื่อที่จะพูดเรื่องนี้น่ะนะ! มึงบอกทางโทรศัพท์ก็ได้เว้ย!

“บอกเราตั้งแต่แรกก็ได้ เราจะได้ไม่ต้องรีบกลับมา ก็นึกว่าเรื่องใหญ่โตอะไร” ผมออกอาการหัวเสียใส่มันทันที
ทว่าพอผมแสดงท่าทางอย่างนั้นออกไป คชาก็โวยวายขึ้น
“เรื่องใหญ่สิมึง ไอ้ค่ายนี้อะถ้าไปกันกลุ่มละห้าคน มันจะได้ส่วนลดรีสอร์ทนะ”
“กลุ่มนายก็มีห้าคนไม่ใช่เหรอ พวกเพื่อนทูตกิจกรรมของนายอะ” ผมว่า ถ้าจำไม่ผิด เพื่อนที่สนิทๆ กับคชามีสี่คน รวมคชาเข้าไปด้วยก็เป็นห้า

คชาพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง พลันว่า “ไอ้โบทมันไปไม่ได้ คณะมันมีเรียนเสาร์ แถมมีควิซอีกต่างหาก โดดไม่ได้ กูเลยมาชวนมึงนี่ไง”

ผมนึกถึงหน้าคนชื่อโบท กว่าจะนึกออกว่าคนไหนก็เสียเวลาไปครู่หนึ่ง ยอมรับเลยว่าผมจำไม่ได้หรอกว่าเพื่อนของคชาชื่ออะไรบ้าง ถึงผมจะเคยไปกินข้าวหรือเจอหน้าพวกนั้นบ่อยครั้ง แต่ก็ใช่ว่าจะสนิท ทุกครั้งที่ไปคือถูกคชาลากไปด้วยทั้งสิ้น ผมเลยไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่นัก

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมไม่ได้ใส่ใจเลยว่าใครจะทำอะไร แม้แต่ตัวคชาเอง ที่ผมสนใจน่ะคือตัวเองมากกว่า

ถ้าผมตกปากตอบรับคชาไป ก็เท่ากับว่าผมจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับใครก็ไม่รู้อีกโขยงใหญ่ มันเกี่ยวโยงทั้งเรื่องผมต้องไปเห็นอะไรต่อมิอะไรกับผู้ชายที่สบตา แล้วก็ต้องไปอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากซึ่งผมไม่ถนัดการเข้าสังคมเลยแม้แต่น้อย เรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปให้ตัวเองอึดอัดกันล่ะ

“ไม่เอาอะ” เพราะคิดอย่างนั้น ผมเลยปฏิเสธไปทันที
คชาทำหน้าตาไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พลางครวญออกมา
“แค่สี่วันสามคืนเองไอ้เอ๋อ ไปกับกูหน่อย”
“นายก็ไปชวนคนอื่นดิ”
“ถ้ากูมี กูจะมาชวนมึงทำไม” คชาสวนกลับมา

ผมไม่เชื่อหรอกว่าคชาจะไม่มีเพื่อนคนอื่นนอกจากกลุ่มนี้ เป็นทูตกิจกรรม ทำกิจกรรมเจอผู้คนตั้งเยอะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องรู้จักคนเยอะอยู่แล้ว แถมยังหล่ออีกต่างหาก ใครๆ ก็คงจะอยากอยู่ใกล้ไม่เว้นแม้แต่พวกผู้ชาย เพราะถ้าอยู่ในกลุ่มของคชาก็เท่ากับว่าได้อยู่ในกลุ่มหนุ่มหล่อของมหาวิทยาลัยเลยนะ

แต่สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มไหนหรือจะทำให้ฐานะทางสังคมของผมยกระดับขึ้นมาอย่างไร ผมก็ไม่ต้องการจึงออกปากปฏิเสธไปอีก
“แต่เราไม่อยากไปอะ รู้ไม่ใช่เหรอว่าเราเข้ากับคนอื่นไม่เก่ง”

คชาเป็นคนแรกเลยที่ผมกล้าปฏิเสธโดยไม่เกรงใจขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย พูดตั้งหลายต่อหลายครั้ง ทว่าพอผมปฏิเสธปุ๊บ คชาก็ไม่ยอมแพ้
“แต่มันสนุกนะเว้ย รอบนี้ไปทะเลด้วย ได้กินซีฟู้ดด้วยนะมึง ไม่อยากกินเหรอวะ”
“เราแพ้อาหารทะเล” ผมตอบส่งๆ ไป ความจริงไม่ได้แพ้อะไรหรอก แค่ไม่อยากไปอย่างเดียวเท่านั้น
“งั้นก็กินเบียร์ชมทะเล บรรยากาศดีจะตาย”
“เราคออ่อน จำไม่ได้หรือไง”

ปฏิเสธทุกทางที่คชาพยายามหลอกล่อ

นี่มันนึกว่าเอาของกินมาล่อผมแล้วผมจะยอมตกลงปลงใจกับมันหรือไงนะ

และพอผมปฏิเสธไปอย่างนั้น คชาก็ออกอาการกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย... ไม่เล็กน้อยเถอะ เยอะเลยล่ะ เพราะมันลุกขึ้นมา เริ่มกระทืบเท้าปึงปัง ทำท่าเลียนแบบเด็กสามขวบที่ถูกขัดใจเป็นที่เรียบร้อย

“แต่กูอยากให้มึงไปอะ อยากให้มึงไป อยากให้มึงไป...”

พูดประโยคนั้นซ้ำๆ กันไม่หยุด หันไปเห็นแล้วผมก็รำคาญขึ้นมาตงิดๆ ตอนแรกกรำคาญที่มันตอแย แต่ตอนนี้รำคาญทั้งสายตา ทั้งท่าทางมันเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

แม่ง เสียดายความหล่อของมันฉิบเป๋ง ถ้าจะปัญญาอ่อนขนาดนี้ มึงไม่ต้องหน้าตาดีก็ได้นะ

“ไม่ไป” ผมสวนกลับไปอีกที คราวนี้เดินหนีด้วย กะจะไปหลบในห้องน้ำจนกว่ามันจะเลิกตื๊อผม
คชารีบก้าวมาดักหน้า ดีดดิ้นสะบัดสะบิ้งจนน่าหมั่นไส้
“จะให้มึงไปอะ จะให้มึงไป”

ผมชะงัก ย่นคิ้วใส่ก่อนปฏิเสธไปอีกที
“ไม่เอา”
คราวนี้คชาขัดใจหนัก มันทิ้งตัวลงไปนอน ดีดดิ้นบนพื้นพราดๆ
“กูจะให้มึงไป ไอ้เอ๋อ...ไปกับกู! ไปเดี๋ยวนี้! ไปๆๆ!”

ทุรนทุรายคล้ายถูกน้ำร้อนสาด มือไม้ป่ายปัด เห็นแล้วก็อยากจะกระทืบให้ไส้ไหล

ตอนเด็กๆ แม่ไม่เคยให้กินน้ำมันปลาเหรอไอ้คชา สมองมีปัญหา ขาดโอเมก้าสามหรือไงวะ อะไรจะโหยหาความรักความเมตตาขนาดนี้!

ดีดดิ้นจนน่าเหยียบให้ม้ามแตกสักที ผมเห็นแล้วก็สมเพชมันขึ้นมา ย้ำว่าสมเพชล้วนๆ ไม่มีคำว่าสงสารใดๆ ทั้งสิ้นถึงได้ตอบรับมันออกไปราวกับว่าอับจนหนทางแล้ว

“เออๆ ไปก็ได้ หยุดทำแบบนี้สักที”
เท่านั้นคชาก็ลุกขึ้นพรวด จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วก็เก๊กทำหงุดหงิดทันควัน
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ต้องให้กูเล่นใหญ่รัชดาลัย”

มึงทำเองล้วนๆ กูไม่ได้ไปขออะไรมึงเลย ว่างๆ ก็ไปตรวจสมองบ้างนะไอ้คชา!

ผมนี่ขมุบปากมุบมิบด่ามันเลย ก่อนจะต้องรีบบอกมันไปด้วยนึกขึ้นได้ว่ามันจะต้องเสียเงินค่าเข้าค่ายด้วย
“ค่าค่ายเท่าไหร่อะ เราจะได้เก็บเงินแยกเอาไว้”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูออกให้”

ผมเลิกคิ้วสูง คชาเลยอธิบายออกมา
“กูเป็นคนชวนก็ต้องออกให้มึงสิวะ”

ผมพยักหน้ารับ ไม่ได้ให้ความเห็นอะไร นอกจากมองคชายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวคล้ายกับว่ามีความสุขมากที่จะได้ไปค่ายนั่น พอมันรู้สึกตัวว่าถูกผมมองอยู่ มันก็รีบปั้นหน้าขรึม หันมาพูดใส่ผม

“เอ้ามองๆ หล่อโดนใจมึงล่ะสิ”
ผมงี้รีบเบนสายตาหนีแทบไม่ทัน

ทำไมมึงหลงตัวเองได้ขนาดนี้วะ!

แต่ก็รู้แหละว่าคชาล้อเล่น เพราะพอผมเบนสายตาหนี มันก็หัวเราะพลันลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าตาเฉย ปล่อยให้ผมลอบมองมันที่กำลังถอดเสื้อ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นลอนๆ ตามลำพัง พร้อมกับก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่เต้นขึ้นมา

เต้นหนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่ามันถอดกางเกงนักศึกษาออก เหลือแต่บ็อกเซอร์ แล้วก็เป็นผมที่ต้องหันหนีด้วยไม่สามารถควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองได้

มาแล้ว... ไอ้ความรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ กลับมาอีกแล้ว




 
ผมพยายามจะคิดว่าความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นเป็นบางครั้งเวลาที่มองคชาเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ผมหมายถึงผมสับสนในตัวเองอะไรอย่างนั้นเลยมีอาการนี้ด้วยมันเป็นๆ หายๆ โชคดีที่ไม่ได้เป็นตลอด ไม่อย่างนั้นผมคงจะใช้ชีวิตยากลำบากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน แค่ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตลำบากกว่าเดิมหลายขุมแล้ว

ตอนที่ถูกคชาลากมาเตรียมสถานที่ให้กับพวกรุ่นน้องปีหนึ่งที่มาเข้าค่ายกับพวกกลุ่มสวัสดิการของชุมนุม ในตอนนี้เองผมถึงได้รับรู้ว่าคชาก็เป็นสมาชิกของชุมนุมกองสันทนาการของมหาวิทยาลัยด้วย เพียงแต่มันไม่ได้เข้าชุมนุมบ่อยนักด้วยมีกิจกรรมอื่นในฐานะทูตมหาวิทยาลัยให้รับผิดชอบ ส่วนที่มันมาค่ายในครั้งนี้ก็มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น...

...มากิน

ลงจากรถได้ก็พุ่งทะยานไปหาของกินพร้อมกับเพื่อนแก๊งเดียวกับมันโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นเพราะรีสอร์ทอะไรนั่นก็ทำการจองผ่านเว็บไซต์ไว้หมดเรียบร้อยแล้ว ผมก็ไม่อยากจะไปด้วยหรอก ทว่าสุดท้ายก็ถูกลากไปด้วยจนได้ แล้วคิดดูสิ สภาพวันศุกร์ช่วงเย็นคนมันจะเยอะแค่ไหนเชียว

คนอื่นยังพอว่า คนในก๊วนไอ้คชาก็คุ้นชิน แต่พวกรุ่นเดียวกันกับรุ่นพี่คนอื่นๆ ที่มาเตรียมงานมาร่วมวงด้วยนี่ ผมไม่รู้ว่าจะหันไปทางไหนดีเลย ได้แต่ก้มหน้างุด ไม่ยอมเหลือบมองขึ้นสูงแม้แต่น้อย ก็จะให้มองขึ้นสูงได้ยังไงล่ะ ผมเป็นคนนอกชุมนุมใช่ไหม ทีนี้พอโผล่เข้ามา ใครต่อใครก็พากันมองผมอย่างสงสัยว่าผมเป็นใคร เท่านั้นแหละ...ว้าบ! ตาสบตา เสื้อผ้าหาย ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมได้กินอาหารทะเลท่ามกลางฝูงหอยงวงช้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จิ้มไม่ถูกเลยอันไหนของจริง อันไหนของปลอม เอาเข้าปากผิดอัน มีหวังได้กินสาหร่ายทะเลรสชาติโอชาเป็นเครื่องเคียงแน่นอน
แต่ลืมไปว่าประเทศไทยมีหอยงวงช้างไม่เยอะ คงไม่มาหลงเข้าปากผมอย่างแน่นอน ผมเลยพอจะตั้งสติขึ้นมาได้บ้าง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจิ้มปลาหมึกย่างเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่า คชาก็รับหน้าที่แนะนำตัวผมไปว่าผมเป็นใครในขณะที่ผมก็เอาแต่ปิดปากเงียบสนิท อะไรไม่ว่า ตอนนี้จากการกินอาหารทะเลธรรมดาๆ เริ่มมีเครื่องดื่มมึนเมาเข้ามาแล้ว

ความจริงมันก็แค่เบียร์เท่านั้นแหละ แต่มันก็เป็นการไม่สมควรทีเดียวที่นักศึกษาจะมากินเหล้ายาปลาปิ้งอะไรระหว่างทำกิจกรรมนอกสถานที่อย่างนี้ ทว่าด้วยความที่วันนี้ยังไม่ได้เป็นวันทำกิจกรรมจริง เป็นแค่วันมาดูสถานที่ พวกรุ่นพี่ปีสูงๆ จึงอนุญาตให้ดื่มได้อย่างไร้ปัญหาโดยมีข้อแม้ว่าห้ามใครเมาเหมือนหมาเด็ดขาด เอาแค่กินกับอาหารทะเลพอให้อร่อยกับกรึ่มๆ พูดคุยสนุกก็เท่านั้น

ทุกคนตกปากรับคำกันอย่างดี เวลาผ่านไปจากช่วงบ่ายสู่ช่วงเย็น จากช่วงเย็นสู่ช่วงหัวค่ำ ผมก็ยังไม่เห็นจะมีใครเมาสักคน พอใครทำท่าจะดื่มเยอะก็ถูกเบรกไว้ด้วยการทำกิจกรรม กิจกรรมที่ว่าก็คือกิจกรรมของกองสันฯ

กองสันทนาการ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าสร้างความครื้นเครงสนุกสนาน พอมีคนเสนอให้ทำกิจกรรม กลอง ฉิ่ง ฉาบก็ถูกขนมาใช้อย่างพร้อมเพรียง แน่นอนว่าการทำกิจกรรมก็มีเงื่อนไขอีกเช่นกันคือกลับมาทำกิจกรรมภายในบริเวณของรีสอร์ท เสียงจะได้ไม่ดังรบกวนนักท่องเที่ยวอื่นและกิจกรรมจะต้องสิ้นสุดไม่เกินสองทุ่มด้วยเกรงว่าจะรบกวนแขกที่มาพักในรีสอร์ทห้องอื่นๆ เข้า

เช่นเคยว่าทุกคนไม่ทีปัญหา จะมีปัญหาก็แต่ผมนี่แหละที่อึดอัดกับสถานการณ์ที่พบเจอ ยิ่งพอเสียงกลองดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องสารพัดเพลงนันทนาการ ทุกคนก็ลุกขี้นเต้นเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่เว้นแม้แต่คชาที่สลัดคราบหนุ่มหล่อเต้นกระดุ๊กกระดิ๊กชุดใหญ่ไฟกะพริบแบบลืมตาย ผมเห็นแล้วก็ต้องเบ้หน้าทันควัน

มึงเมากาวเหรอไอ้คชา!

สภาพเหมือนเมากาวจริงๆ ผมไม่เคยเห็นมันทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย จะว่าขำก็ใช่ จะว่าแปลกก็ไม่เชิง ที่รู้ๆ คือมันดูเมาเรื้อนมาก แต่ไม่เมา แค่ยากันอาการบ้าออกหมดฤทธิ์

ผมก็ทำเป็นว่ามันไปงั้นแหละ แต่ถามว่าผมสนุกไหม มันก็สนุกอยู่นะกับการได้อยู่ในบรรยากาศครื้นเครงแบบนี้ เรียนมหาวิทยาลัยมาสองปี เพิ่งจะมีครั้งนี้ครั้งแรกที่ได้ทำกิจกรรมและออกค่ายเหมือนกับคนอื่นๆ เขา

เวลาผ่านไป การเต้นแบบไม่ลืมหูลืมตาก็ทวีเพิ่มมากขึ้น เพลงเนื้อร้องแปลกๆ ท่าทางการเต้นพิเรนทร์ๆ ก็เริ่มมีมาให้เห็นเรื่อยๆ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองนั่งอยู่กลางดงคนไข้จิตเวชขาดยาโดยมีคชานำทีมก็ไม่ปาน ตอนแรกที่เห็นว่ามันหล่อๆ ตอนนี้มันเป็นผีบ้าคูณสองไปเลยเถอะ

สงสัยแม่งจะเรียนหนักไป หรือไม่แม่มันก็ทำหล่นพื้นตอนมันยังแบเบาะ

ตั้งข้อสันนิษฐานไว้พร้อมกับความรู้สึกว่าตัวเองอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ไหวละ รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน ไม่เข้าพวกไม่พอ ยังจะรู้สึกเหมือนประสาทจะกินอีกต่างหาก อะไรไม่ว่า การได้เห็นหอยงวงช้างสะบัดสะโบกฟาดหน้าฟาดหลังกันไปมาเป็นสิ่งที่ผมไม่พึงปรารถนาแม้แต่นิดเดียว

เห็นนานกว่านี้อีกนิดตาต้องบอดแน่นอน ไม่เจริญหูเจริญตาเลยสักนิด รีบไปก่อนที่จะเก็บเอาไปฝันร้ายจะดีกว่า

ค่อยๆ ลุก ตั้งใจว่าจะปลีกตัวออกมา หากแต่รุ่นพี่ปีสี่ซึ่งเป็นประธานชุมนุมดันตาไวเห็นเสียก่อนเลยร้องทักเสียงดัง

"เฮ้ย จะไปไหนครับน้อง"

ผมชะงักกึกทันที หันไปก็เห็นทุกคนหยุดเต้น มองมาทางผมเป็นตาเดียว เท่านั้นแหละอาการอึกอักก็ครอบงำผมทันควัน

"คะ...คือว่าผมว่าจะไปพักผ่อนที่ห้อง"

ผมว่าไปตามจริง ทำให้รุ่นพี่คนนั้นถามกลับมา

"จะไปที่ห้องน่ะ ขออนุญาตแล้วเหรอ จะไปไหนมาไหนก็ขออนุญาตรุ่นพี่ก่อนสิครับ ไม่ใช่จู่ๆ ก็ลุกไป ไม่เห็นเหรอว่าเพื่อนๆ พี่ๆ ทำอะไรกันอยู่ หายไปไม่บอกกล่าว เดี๋ยวคนอื่นก็เดือดร้อนหรอก”

ผมนิ่งค้างไปเลยด้วยไม่รู้ธรรมเนียมของชุมนุมนี้ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าจะไปไหนมาไหนต้องรายงานตัวเพื่อความปลอดภัยของสมาชิกในชุมนุมทุกคน จึงได้แต่ขอโทษขอโพยออกไป

“ขอโทษครับ ผมไม่ทันได้คิด”

“ไม่ทันได้คิดไม่ใช่ข้ออ้างครับน้อง ทำแบบนี้มันต้องมีบทลงโทษ”

รุ่นพี่คนนั้นทำให้ผมอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิมเป็นทวีคูณ ผมรีบส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากคชาทันที คชาเองก็คงจะรับรู้สัญญาณจากผมได้เลยรีบโพล่งออกมา

“พี่อย่าอะไรกับมันเลย เพื่อนผมมันไม่ได้อยู่ชุมนุมเราเลยไม่รู้น่ะ”

“ถึงจะไม่ได้อยู่ชุมนุมเราแต่กฎระเบียบข้อบังคับก็มีบอกก่อนมาไม่ใช่หรือไง ใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้โว้ยไอ้คชา จับเพื่อนมึงมารับบทลงโทษซะโดยดี”

สิ้นเสียงก็มีเสียงเฮโลดังว่า ‘ลงโทษๆ’ จากคนอื่นๆ มาให้ได้ยิน ผมกลืนน้ำลายเอื้อก ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี หัวคิดไปไกลแล้วว่าพวกรุ่นพี่พวกนี้คงจะรับน้องผมด้วยอะไรโหดๆ

ทว่าผมคิดผิด... คิดผิดไปมหันต์เลยทีเดียวเมื่อพี่คนนั้นร้องถามคนอื่นๆ เสียงดัง

“ให้เต้นเพลงอะไรเป็นการลงโทษดี”

สารพัดชื่อเพลงที่ผมเคยได้ยินบ้าง ไม่เคยได้ยินบ้างหลุดออกจากปากใครต่อใครมั่วไปหมด ก่อนที่มันจะมาลงเอยที่เพลง...

“เพลงหนูแดงเลยพี่ หาคู่ๆ”

จากนั้นก็มีเสียงกลอง ฉิ่ง ฉาบ พร้อมกับทุกคนร้องเป็นจังหวะว่า ‘หาคู่ๆ’ ดังทั่วไปหมด ผมเลิ่กลั่กทันควันด้วยไม่รู้ว่าเพลงนี้มันมีท่าเต้นแบบไหน แต่ถ้าบอกว่าหาคู่ แสดงว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดเมื่อพี่คนนั้นเรียกใครบางคนออกมา

“มึงไปเต้นคู่น้องทีซิ แต่น้องไม่ได้อยู่ในชุมนุมนี่หว่า เอ้าเชิญพี่สาธิตมาทำให้ดูหน่อย”

รุ่นพี่รูปร่างสูงใหญ่เหมือนหมีหลุดออกมาจากสวนสัตว์ที่รับอาสามาเป็นคู่เต้นให้ผมลากเพื่อนอีกคนมาสาธิตให้ดู เสียงเพลงดังขึ้น พี่คนหนึ่งนอนราบ อีกคนขึ้นคร่อม แล้วท่าเต้นก็มีแต่ท่าขยับสะโพกเข้าหากันแบบสองแง่สองง่าม

ตอนแรกที่ยังไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอรู้ว่าท่าเต้นมันเป็นยังไงแค่นั้นแหละ มือก็เย็นวาบ เหงื่อกาฬไหลพรากเป็นน้ำตกไนแองการาเลยทีเดียว

ท่าทางแบบนั้นมันเรียกว่าท่าเต้นหรือไงวะ แล้วนี่กูจะต้องมาทำท่าเหมือนผสมพันธุ์กับหมีควายงั้นเหรอ!?

อยากจะมุดทรายหายกลับหอไปเดี๋ยวนี้เลย ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด ผมควรที่จะปฏิเสธการกระทำบ้าๆ บอๆ อย่างนี้เสียก่อน

“ผมขอไม่ทำได้ไหมครับ”

“ถ้าลีลาจะให้ทำสองรอบนะ ก่อนขึ้นรถก็บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่ามาค่ายนี้มันต้องเต้นด้วยความสมัครใจ ถ้าใครไม่เต้นก็ไม่ต้องขึ้นรถ”

กูก็ไม่อยากขึ้นรถมาหรอกแต่โดนไอ้คชามันลากมา แล้วอีกอย่างนะ กฎพวกมึงมันเป็นกฎมัดมือชกชัดๆ!

พูดมาอย่างนี้ก็สร้างความลำบากใจให้ผมไม่น้อย แล้วดูท่ามันจะไม่จบง่ายๆ เสียด้วยเมื่อคนอื่นๆ ร้องเพลงเข้าจังหวะปลุกใจสร้างความฮึกเหิมให้ผมขึ้นมาอีกแล้ว

ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด

เอาวะ! ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ทำให้มันจบๆ ไปก็แล้วกัน

อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนนิสัยเสีย ไม่ค่อยกล้าปฏิเสธใคร ถูกเร่งถูกเชียร์มาก็เดินไปล้มตัวลงนอนราบบนพื้น ก่อนที่พี่ตัวหมีคนนั้นจะเดินเข้ามาหา พร้อมจะขึ้นคร่อมผมเต็มที่ ผมงี้เกร็งไปทั้งตัวเลย ทว่าก็ต้องได้สติอีกครั้งเมื่อเสียงคุ้นหูของใครบางคนดังแทรกเข้ามา

“เดี๋ยวผมคู่กับไอ้เอ๋อเองดีกว่าครับ”

คชา...

เสียงนั้นเรียกให้ทุกคนมองไปยังเจ้าของอย่างสงสัย

“ทำไมวะ” พี่หัวหน้าชุมนุมถาม

“มันเป็นรูมเมทผม เดี๋ยวผมจัดการมันเอง” แล้วคชาก็ถลกแขนเสื้อคล้ายกับว่าจะจัดการผมให้อยู่หมัดอะไรเทือกนั้น

ก็ไม่มีใครค้านอะไรมันแต่อย่างใด ออกจะเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้เสียด้วยเพราะว่ามันหล่อ เหตุผลนั้นผมไม่ได้สนใจหรอก สนใจแค่ตอนมันทิ้งตัวลงมาคร่อมผมเอาไว้ ซ้ำยังยื่นหน้ามาใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน ทำให้ผมต้องกระซิบบอก

“ถอยไปหน่อย หน้านายจะชนหน้าเราอยู่แล้ว”

“ก็ยังดีกว่าโดนไอ้บ้าหมีควายนั่นเอาหน้าชนก็แล้วกัน”

ไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังยอกย้อนกลับ มันก็จริงอยู่หรอกที่การถูกหน้าหล่อๆ ของคชาชนมันดีกว่าเป็นไหนๆ แต่ไม่ดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อเสียงร้องเพลงดังขึ้น พร้อมกับคชาที่เริ่มเต้นด้วยการขยับสะโพก

“หนูแดง หนูแดง หนูแดง แทงก็แทงไม่เข้า แทงจนเมื่อยหัวเข่า ก็ไม่เข้าสักที วาสลีนสิพี่ ทาตรงโน้นตรงนี้ ทีสองทีก็เข้า เอ้า! แทงๆๆ! เอ้า! แทงๆๆ!”

แทงจริงๆ แทงไม่ยั้ง แทงจนผมงี้เกร็งตัวมือเท้าจิกพื้นหมด

มึงนี่ก็จะอินไปไหนไอ้คชา ไม่ต้องสมจริงสมจังนักก็ได้!

แล้วแม่งไม่ใช่ร้องแค่รอบเดียวจบด้วยนะ มีวนต่อไปอีกสองรอบ ไอ้คชาก็โหดมาก แทงไม่บันยะบันยัง ผมเอี้ยวเป้าหนีแล้วหนีอีกเพื่อไม่ให้ส่วนกลางของลำตัวเราสัมผัสกัน ทว่าคชาคงจะไม่ได้คิดอย่างนั้น เต้นผีบ้าผีบอสุดเหวี่ยงมาก ยิ่งรอบสุดท้ายนะ โอ้โห... รู้สึกเหมือนเสียบริสุทธิ์มากๆ

เป้ากางเกงสัมผัสกันหลายต่อหลายครั้งเมื่อครู่ทำให้ผมหน้าร้อนไปหมด ไม่กล้าสบตาคชาที่หัวเราะร่าเพราะสนุกกับการได้แกล้งผมด้วย พอเพลงจบ ผมก็รีบตั้งท่าที่จะลุก แต่คชาไม่ลุก ดันกระซิบบอกผมเสียงเบาเสียอย่างนั้น

“เดี๋ยวอีกสักแป๊บค่อยๆ ลุกนะ ลุกแล้วก็เอาตัวมาบังๆ กูหน่อย”

“ทำไมอะ” กระซิบบอกมา ผมก็กระซิบถามกลับ

แต่เป็นการถามที่โคตรพลาดเมื่อได้ยินคำตอบของมัน

“ลูกชายกูตื่นว่ะ”

อะ...ไอ้หื่นคชา! มึงจะหื่นไม่เลือกสถานที่และสถานการณ์อย่างนี้ไม่ได้!

จากกองสันฯ กลายเป็นกองกระสันไปเรียบร้อยเพราะไอ้คชานี่แหละ ส่วนผมเองหน้าร้อนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ตอนนี้ไม่สนใจแล้วว่าใครจะเห็นอะไรต่อมิอะไรของคชาหรือไม่ ผลักมันออกแล้วรีบดันตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ตั้งหลักได้ก็รีบพุ่งกลับเข้าไปที่ห้องพัก ไม่สนใจจะหันมาดูดำดูดีคชาหรือใครต่อใครที่หัวเราะใส่ผมเพราะท่าทางเขินอายนั่นลยแม้แต่น้อย

เวรแล้วๆๆ!

ผมใจเต้นกับไอ้คชาขึ้นมาอีกแล้ว!

ใจก็สบถคำหยาบคายออกมารัวๆ มือก็รีบล้วงเอากุญแจห้อยคีย์การ์ดที่ผมรับหน้าที่ถือไว้ด้วยกลัวว่าคนอื่นจะเต้นสะบัดจนทำหายไขลูกบิดประตูอย่างรวดเร็ว หากแต่ในจังหวะที่ผมเปิดประตู แทรกตัวเข้าไปได้และกำลังจะปิด คชาก็พุ่งเข้ามาดันประตูไว้ไม่ให้ปิดง่ายๆ

มะ...มึงตามกูมาทำไมเนี่ย!

ผมมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาตื่นตระหนก คิดไปแล้วว่าคชามันต้องคิดมิดีมิร้ายกับผมแน่

ก็จะไม่ให้มันคิดได้ยังไงในเมื่อก่อนหน้านี้มันเพิ่งบอกว่าลูกชายมันตื่นตัวอยู่เลยน่ะ!

อยากจะถามให้รู้ดำรู้แดงไปเลยว่ามีโผล่หัวเข้ามาทำไม หากแต่คชาไม่พูดอะไรนอกจากแทรกตัวเข้ามาในห้อง พร้อมกับออกปากเรียกเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่เงียบ

“ไอ้เอ๋อ”

“อะ...อะไร”

ทำเป็นใจดีสู้เสือไปอย่างนั้นทั้งที่ในใจนี่สั่นอย่างกับอะไรดี

คชาก้าวเข้ามาหาผม ผมก็ถอยกรูดจนหลังไปติดผนัง หนีไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คชาถึงได้เอ่ยปากอีกครั้ง

“มึงโกรธเรื่องเมื่อกี้นี้เหรอวะ”

“เรื่องอะไร”

“ก็เรื่องที่กูมีอารมณ์กับมึง”

ป๊าด! พูดมาได้เต็มปากเต็มคำ มึงจะไม่ถามกูหน่อยเหรอว่าอยากได้ยินไหม!

แต่คชามันจะไปสนใจอะไร เห็นผมไม่ตอบคำถาม มันก็พูดออกมาอีกแล้ว

“ถามว่าโกรธเหรอ”

“ปะ...เปล่า” ผมว่า รีบก้มหน้าด้วยไม่รู้ว่าจะมองหน้ามันต่อยังไงดี

คชาคงจะทำหน้าไม่เชื่อไปแล้วล่ะตอนนี้ เพราะทันทีที่ผมบอก มันก็สวนขึ้น

“ถ้าไม่โกรธ มึงจะรีบเข้าห้องมาทำไมวะ ไม่บอกลาพี่ๆ ก่อน”

“เรา...เราเหนื่อยมาก อยากพักน่ะ”

ผมอ้างไปเรื่อยทั้งที่รู้ว่าคชาไม่เชื่อ เหลือบตามามองหน้ามันนิดหนึ่งก็เห็นชัดเจนเลยว่ามันทำหน้าตาก่นด่าผมว่า ‘ไอ้ขี้โกหก’ อยู่ หากแต่มันก็ไม่ได้แย้งอะไรออกมา นอกจากจะตรงเข้ามาดึงผมไปนั่งที่เตียง

ผมรีบขืนตัวทันควัน แต่เพราะความที่มันตัวใหญ่กว่าเลยสู้แรงอะไรไม่ได้นัก รู้สึกตัวอีกทีก็หล่นมานั่งปุอยู่บนปลายเตียงคู่เตียงหนึ่งแล้ว

ใจคิดไปแล้วว่าถูกมันปล้ำแน่นอน นี่คิดท่าทางเลยว่าจะดีดดิ้นกรีดร้องยังไงดีให้ตัวเองรอดพ้นไปจากสถานการณ์วิกฤต ทว่าผิดคาดเพราะคชาไม่ทำอะไร จับผมนั่งลงได้ก็ออกคำสั่ง

“ถ้าเหนื่อยก็พัก อาบน้ำนอนเลย เดี๋ยวกูจะออกไปข้างนอกต่อ”

โธ่... ก็นึกว่าจะทำอะไรมากกว่านี้

คิดอย่างนี้ไม่ได้เสียดายนะ ไม่ได้เสียดายจริงๆ แค่รู้สึกว่ามันผิดคาดไปหน่อยก็เท่านั้นเอง สาบาน

“อะ...อื้ม”

เห็นว่าไม่มีอะไรน่ากังวลแล้ว ผมก็รีบพยักหน้าตอบรับ คชายืนเท้าสะเอวมองผมอยู่ครู่หนึ่ง ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด ทำเอาผมที่ถูกมองอยู่ต้องถามออกไปด้วยอึดอัด

“มีอะไรเหรอ”

“ที่กูบอกว่ามีอารมณ์น่ะ... กูพูดจริงนะ”

ฮะ!?

“แต่เป็นแค่กับมึงคนเดียว ไม่ต้องห่วง”

ว้อท!?

คชาทำหน้าตากะลิ้มกะเหลี่ยปนกระสันมาก ผมเห็นแล้วก็ขนลุกซู่ พร้อมกับรู้สึกเหมือนมีเครื่องหมายคำถามอันใหญ่ๆ ฟาดกระหน่ำลงมาที่หัวผมสองทีซ้อน จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยว่าคชามันตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่ ทว่าไม่ทันจะได้คำตอบ มือใหญ่ก็วางแหมะลงมาบนกระหม่อมผมแล้ว ตามด้วยเสียงของคชา

“กูดีใจนะที่มึงยอมมาด้วย”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคชาก็เห็นว่ามันอมยิ้มเขินๆ โดยไม่สบตาผมอยู่ พอรู้สึกตัวว่าผมมอง มันก็เม้มปากคล้ายกับว่ากลั้นยิ้มแล้วทำท่าทางเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย ครู่เดียวก็ส่งเสียงออกมาเร็วๆ

“อาบน้ำนอนด้วยนะไอ้เอ๋อ กูไม่อยากนอนกับคนตัวเหม็น”

กูก็ไม่อยากนอนกับคนหื่นกามอย่างมึงเหมือนกันเว้ย!

อยากจะตะโกนสวนคืนไปมาก แต่คชาพูดจบก็พุ่งออกนอกห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้ผมนั่งอยู่ที่เดิม พลันหัวใจก็เต้นระรัวขึ้นมากับคำพูดของคชาเมื่อครู่นี้

ดีใจที่ผมมาด้วยอย่างนั้นเหรอ...

เต้นรัวเร็วอย่างเดียวคงจะไม่พอ ผมเผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างที่เก็บอาการไม่อยู่อีกด้วย

ไอ้บ้าๆๆ! พูดอย่างนี้ได้ไงไอ้บ้าคชา เดี๋ยวกูก็เข้าใจผิดกันพอดีหรอกว่ามึงชอบกูน่ะ!

ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ผมเหมือนถูกผีบ้าเข้าสิงมาก น่าจะติดเชื้อมาจากคชา และดูบ้ามากขึ้นไปอีกเมื่อผมนึกอยากจะให้มัน พอได้สติก็รีบกลบเกลื่อนความคิดของตัวเองด้วยการคว้าหมอนมาอุดหน้าแล้วส่งเสียงร้องระบายความคลั่งของตัวเองออกมา ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้

ให้ตาย อาการอย่างนี้นี่มันคนตกหลุมรักชัดๆ เลยนี่หว่า...

ผมรีบดันตัวขึ้นมานั่งนิ่ง ทบทวนความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อการกระทำของคชาเมื่อครู่นี้ทันที

อย่าบอกนะว่าผมชอบคชาเข้าให้แล้ว?
---------------------------------

อ๋อยยย ลูกสาวเริ่มรู้ใจตัวเองแล้ว >< ส่วนคชา...ผีบ้าเหมือนเดิม 555 ถ้าจะปัญญาอ่อนขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องหล่อมากก็ได้เหมือนที่มาวินพูดเนอะ

วันนี้อัปเร็วเพราะเขียนสต็อกเอาไว้บ้างแล้ว ฝากฟีดแบ็กให้กันหน่อยนะคะ เผื่อมีแรงฮึด พรุ่งนี้มาเร็วอีก อิอิ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-04-2017 16:34:08
คชานี่ออก จิตๆนะ อิอิ
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-04-2017 16:44:15
ขนาดนี้ก็บอกชอบวินไปเถอะคชา 555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 28-04-2017 16:54:06
คชา ความผีบ้านี่ตัวตนจริงๆ หรือเปลือกนอกกันเเน่  :z3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 28-04-2017 17:28:12
มาวินพูดบ่อยว่าคชาหล่อมาก แต่นี่ไม่รู้สึกถึงความหล่อเลย
อินแต่ความบ้าของคชา คิดแต่ว่าคราวนี้คชามันจะแสดงความบ้าเบอร์ไหนให้ดู
เหมือนเคย ไม่ผิดหวังครัช !! 555555555

มาวินตกหลุม(บ้า)คชาแล้ว  แล้วคชาล่ะ :hao3: :hao3: :hao7: :hao7:

หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 28-04-2017 18:38:49
คชานี่ยังไง สรุปชอบมาวินหรอ มีอารมณ์กับมาวินด้วย  :serius2:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 28-04-2017 18:56:57
 :hao3: อาวจบแล้วอ่านเพลินกำลังสนุกเชียว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 28-04-2017 21:35:09
พระเอกผีบ้ามาก เออ..ไม่จำเป็นต้องหล่อก็ได้นะ555
แต่ถ้านางไม่หล่อนางจะไม่มั่นหน้ามั่นกระโหลกแบบนี้ไง

สงสารน้องวินนิดหน่อยที่ได้เจอคนผีบ้าแบบคชา แต่น้องก็ฮาเหมือนกัน
ชอบน้องวินแต่ชอบพี่ชินน์มากกว่า วินไม่ชอบนี่ขอได้ไหม อยากฟัดนมพี่ชินน์5555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-04-2017 22:27:44
โถววว ลูกสาว อิอิ.  :-[.
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 28-04-2017 23:19:36
นี่คชาอ่อยใช่ป่ะ!?
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 28-04-2017 23:42:53
คช๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!~~~  นี่มันอ่อยชัดๆเลยนี่ :hao3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-04-2017 23:44:11
อ้าว

พี่ชิณณ์วืด
วินใจสั่นกับคชาแล้ว

ส่งพี่เขามาซบอกเราเถอะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 29-04-2017 07:17:48
อิคชาเริ่มชอบมาวินแล้วใช่ปะ เอร้ยยยยยยยยย :impress2:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 29-04-2017 12:20:00
โงยยยยยยย  น่ารักอ่าาาาาาา  อิคช้า พระเอกบ้าไรวะ ชอบมาก ตลกมากกก 55555 มาวินก็ฮา เวลาบ่นในใจ 5555 สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-04-2017 18:50:19
 :ling2:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 29-04-2017 21:48:57
สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![1]

ผมไม่ได้ชอบคชา!

สะกดจิตตัวเองมาตั้งแต่เมื่อคืนละ นอนกระสับกระส่ายยุกยิกไปมาจนคชาที่นอนเตียงเดียวกับผมละเมอบ่นงึมงำทั้งคืน ผมก็ไม่อยากจะมีอาการแบบนี้หรอก แต่คำพูดของคชามันวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด ทำให้ผมแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน ตื่นเช้ามาถึงได้พอจะมีสติบอกตัวเองอีกทีว่าที่รู้สึกไปทั้งหมดมันก็แค่ความหวั่นไหวประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น เดี๋ยวพอเห็นมันเต้นดึงดาวเมาทินเนอร์อีกรอบ ผมก็ชัดเจนในความรู้สึกเองแหละว่าไม่ได้ชอบคนบ้า

ทว่าวันนี้ดันเป็นวันที่คนอื่นๆ ที่ลงชื่อเข้าค่ายตามมา กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นน้องปีหนึ่ง ทำให้คชากับกลุ่มผองเพื่อนทูตกิจกรรมของมันต้องรักษาภาพลักษณ์ จากที่เต้นเหมือนถูกผีเข้าเมื่อวาน วันนี้ดันพากันเก๊กหล่อทั้งก๊ก

ยืนก็หล่อ เดินก็หล่อ นั่งก็หล่อ ดูดีไปหมดทุกอย่าง ตอนนี้วิญญาณผีคิวท์บอยเข้าสิงกันเป็นที่เรียบร้อย

ผมก็พอจะเข้าใจพวกมันอยู่หรอกว่ารับหน้าที่เป็นหน้าเป็นตาให้มหาวิทยาลัยก็ต้องวางตัวให้ดีมีชาติตระกูลหน่อย ไม่ใช่ทำตัวผีบ้าผีบอแม้ว่าตัวตนที่แท้จริงจะบ้าบอคอแตกมากก็ตาม

อาจจะต้องเรียกได้ว่าพวกมันตีสองหน้าเก่งมาก โดยเฉพาะคชาที่ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดฮ็อตเป็นที่เรียบร้อย ภาพลักษณ์ของมันในตอนนี้คือรุ่นพี่ปีสองที่ควบตำแหน่งทูตกิจกรรมและคิวท์บอยตามที่รุ่นน้องกับรุ่นพี่เรียก ไม่ว่าดูตรงไหนก็เป็นผู้เป็นคน หล่อเหลาหมดจด ไม่มีคราบความบ้าหรือเพิ่งออกมาจากศรีธัญญาเลยแม้แต่น้อย คงจะมีแค่ผลและพวกคนที่สนิทกับมันนี่แหละที่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคชาเป็นยังไง

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ผมมองเห็นคชาแล้วก็เกิดละสายตาไม่ได้ขึ้นมา ผมนั่งหลบมุม เอาแต่จ้องมันที่ยืนอยู่หน้าแถวน้องๆ ปีหนึ่งให้รุ่นพี่แนะนำตัวและร่วมเต้นแร้งเต้นกากับเพื่อนๆ ทูตกิจกรรมของมันด้วยท่าทางเขินอายเงียบๆ

ตีสองหน้าจริงๆ ตอนนี้ทำมาเป็นเต้นแบบเขินๆ เมื่อวานมึงองค์ลงอย่างกับดีดยาบ้าเลยเถอะ
ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร จ้องมันเงียบๆ อย่างเดียวเท่านั้น

หล่อฉิบ...

ยอมรับอย่างไม่มีข้อแม้เลยว่าตอนมันทำตัวไม่ปกติ มันหล่อมากๆ ส่วนตอนมันทำตัวปกติ...แม่งบ้ามาก

นั่งมองอยู่นานจนกระทั่งรุ่นพี่ปล่อยให้น้องๆ แยกย้ายไปทำกิจกรรม ตอนนี้เองที่ผมรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้น
“เอ้ามาวิน มากับเขาด้วยเหรอ”
หันไปมองก็ต้องเบิกตาโพลงทันที

พะ...พี่ชิณณ์
มายังไงวะเนี่ย!

ผมคงทำหน้าเหลอหลามากเลยล่ะมั้งเพราะทันทีที่พี่ชิณณ์เห็น เขาก็หัวเราะร่วนแล้วเดินเข้ามาใกล้ผม
“พอดีน้องเทคพี่อยู่ชุมนุมนี้น่ะ มันชวนพี่มา” ว่าพลางชี้นิ้วไปที่รุ่นพี่ปีสี่ที่เป็นหัวหน้าชุมนุมและเป็นคนที่สั่งให้ผมเต้นบ้าๆ กับคชาเมื่อวานนี้

ผมนึกเกลียดไอ้บ้านั่นมากกว่าเดิมเป็นทวีคูณอีก

ทำกูถูกไอ้คชาแทงไม่ยั้งไม่พอ ยังจะชวนพี่ชิณณ์มาอีก มึงนี่มัน...!

ไม่รู้ว่าจะด่าอะไร รุ่นพี่คนนั้นก็คงไม่รู้หรอกว่าผมอึดอัดแค่ไหนเวลาอยู่กับพี่ชิณณ์ แต่ก็ทำได้แค่วางตัวให้เป็นปกติที่สุดแล้วพยักหน้าตอบรับไปให้พี่ชิณณ์ได้พูดต่อ

“ตอนแรกพี่ก็กะว่าจะไม่มาหรอก แต่พอดีช่วงนี้ว่างๆ น่ะ เห็นมันชวนก็เลยลองมาดู ไม่ได้มาออกค่ายอะไรแบบนี้นานแล้ว ไม่คิดว่ามาวินก็มาด้วย”

กูก็ไม่คิดว่าจะได้มาเหมือนกัน ถ้าไอ้คชาไม่ลงไปนอนดิ้นเร่าๆ บนพื้นก็ไม่มาหรอก

ทว่าผมไม่ได้บอกเหตุผลพี่ชิณณ์ว่าทำไมผมถึงโผล่หัวมาอยู่ที่นี่ เวลาอย่างนี้คิดแต่ว่าจะทำยังไงให้พี่ชิณณ์ไปให้พ้นๆ หน้าผมมากกว่า ไม่ได้รังเกียจเขานะ แต่ผมวางตัวไม่ถูกเลย ก็เขาชอบผมนี่นา แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยที่มีผู้ชายมาชอบ...เออ บอกว่าเป็นคนแรกในชีวิตที่มีคนมาชอบก็ไม่แปลกนะ ปกติไม่เคยอยู่ในสายตาของใครเลยไง

พี่ชิณณ์คงจะดูผมออกว่าคิดอะไรอยู่ เห็นผมยืนเงียบอยู่อย่างนั้น เขาก็ว่าออกมา
“ทำตัวตามสบายเถอะมาวิน ไม่ต้องเกร็ง พี่แค่บอกชอบมาวินเฉยๆ อยากให้รับรู้ ไม่ได้ต้องการให้มาวินอึดอัดหรอกนะ”
“แต่ว่าผม...”
ทำตัวไม่ถูก... อยากจะบอกว่าอย่างนี้ ทว่าพี่ชิณณ์ก็สวนขึ้นมาแล้ว
“เคยทำตัวแบบไหนก็ทำแบบนั้นแหละ เห็นมาวินเป็นแบบนี้ พี่ก็รู้สึกผิดที่บอกชอบมาวินไปนะ”

พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทว่าน้ำเสียงออดอ้อน โมเม้นต์เหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ เลย อันนี้แหละน่าสงสารของจริง ไม่ได้ดูน่าสังเวชหรือสมเพชอย่างที่คชาทำ ผมก็เลยสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พอให้หายเกร็งขึ้นมาบ้างแล้วถึงได้ตอบรับ

“ครับ ผมจะพยายาม”
พี่ชิณณ์ยิ้มรับอีกที ก่อนจะออกปากถามผม
“แล้วมาวินมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะฮึ ทำไมไม่ไปทำกิจกรรมกับคนอื่นเขา”
“ผมไม่ชอบคนเยอะๆ น่ะครับ”
พอผมตอบไปอย่างนี้ พี่ชิณณ์ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเสนอตัวมา
“งั้นไปกับพี่ไหม อย่างน้อยก็จะได้มีเพื่อนนะ”

เสนอตัวมาอย่างเดียวไม่พอ ยิ้มเชิญชวนอีก ถึงผมจะไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชิณณ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ชอบเขานะ เขาใจดีมากและผมก็ชอบในจุดนี้เลยทำให้ผมพยักหน้ารับไปทันควัน

พี่ชิณณ์เลยพาผมไปนั่งเล่นที่ชายหาดแทนในขณะที่คนอื่นๆ ก็ทำกิจกรรมตามแพลนที่วางไว้ไปเรื่อยๆ กระทั่งเข้าช่วงบ่ายที่เป็นช่วงฟรีสไตล์ สามารถทำกิจกรรมอะไรก็ได้ตามแต่ที่ต้องการโดยมีเงื่อนไขอยู่หลายข้อ เช่น ห้ามไปไหนไกลจากที่พัก ถ้าลงเล่นน้ำทะเลก็ห้ามลงไปเล่นที่ลึกๆ หากจะไปไหนก็ให้มาแจ้งกับรุ่นพี่ที่เป็นสต๊าฟก่อน อะไรประมาณนั้น ทั้งหมดก็เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

รุ่นน้องส่วนใหญ่เลือกที่จะลงไปเล่นน้ำทะเลกับเพื่อนๆ ไม่ใช่แต่รุ่นน้อง พวกรุ่นพี่ก็พากันแห่ลงไปเล่นด้วยเถอะ ไม่เว้นแม้แต่คชากับพวกเพื่อนมันที่พอเนื้อตัวได้สัมผัสน้ำทะเลปุ๊บ ก็วิ่งกระโจนเหมือนหมาได้ลงน้ำทะเลครั้งแรก พอตั้งสติได้ก็สวมวิญญาณคิวท์บอย เก๊กหล่อเล่นน้ำให้รุ่นน้องรุ่นพี่ผู้หญิงถ่ายรูปกันใหญ่ ทำเอาผมที่นั่งมองอยู่ถึงกับต้องเบ้ปาก

หลงตัวเองทั้งก๊กยังไม่พอ ตีสองหน้ากันทั้งก๊กอีก เห็นก็รู้เลยว่ามืออาชีพโคตรๆ

อย่างว่า ถ้าพวกมันไม่ได้เป็นคนที่มีลักษณะเดียวกัน พวกมันจะคบกันเป็นเพื่อนได้ยังไง ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากนั่งมองตามเสียงกรีดร้องที่ได้ยินมาจากทะเล มันเป็นเสียงที่มาจากพวกนักศึกษาหญิงที่รวมตัวกันไปเล่นเรือบานาน่าโบท เห็นพากันเล่นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ดูเป็นกิจกรรมที่ทุกคนสนใจกันมากด้วยเพราะพากันแห่ไปเล่นกันใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่พวกคชาที่พากันไปเล่นเป็นที่เรียบร้อย

ผมมองตามเงียบๆ จนพี่ชิณณ์ที่ลอบมองผมอยู่เป็นระยะหันมาถามผม
“อยากเล่นไหม”
ผมส่ายหน้าพรืดทันที “ไม่ล่ะครับ”
“ทำไมล่ะ กลัวเหรอ”
“ก็ไม่เชิง ผมแค่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยปลอดภัย”
พี่ชิณณ์หัวเราะให้กับคำพูดนั้นก่อนจะว่าขึ้นมาอีก
“อยากลองเล่นไหมล่ะ เดี๋ยวพี่พาไปก็ได้”

ผมยิ้มแหย ส่ายหน้าไปอีก พี่ชิณณ์เลยชี้นิ้วไปยังเรือข้างๆ บานาน่าโบทแทน
“งั้นลองขึ้นแบบนั้นไหม ดูอันตรายน้อยกว่านะ”

ผมมองตามไปก็เห็นเรือแพ... จะว่ายังไงดีล่ะ มันก็เป็นบานาน่าโบทนั่นแหละ เพียงแต่ว่ามันเป็นแพยางให้นั่งข้างในแล้วเกาะเอาน่ะ

ผมก็อยากจะส่ายหัวอยู่หรอก แต่พอตั้งท่าจะปฏิเสธปุ๊บ พี่ชิณณ์ดันรู้ทัน ส่งสายตาเว้าวอนออดอ้อนมาให้ผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เล่นกับพี่หน่อยนะครับ”

ตาย... กูตายไปเลย ขนาดไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชิณณ์ยังใจอ่อนยวบได้ขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคชามันถึงได้คลั่งฮิคารุซามะที่หน้าตาคล้ายพี่ชิณณ์นัก มีเสน่ห์อย่างนี้นี่เอง

ผมก็เลยพยักหน้ารับไป เท่านั้นที่ชิณณ์ก็ยิ้มร่า
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปบอกเขาก่อนนะ มาวินนั่งรอตรงนี้แป๊บนึง เดี๋ยวพี่มา”

ผมไม่ได้ท้วงอะไร พี่ชิณณ์ตรงไปคุยกับคนขี่ที่ทำหน้าที่ลากเรือกล้วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จังหวะเดียวกับที่คชาเดินขึ้นจากน้ำพร้อมเสื้อชูชีพหลังจากไปเล่นบานาน่าโบทมาพอดี พอเห็นผม มันก็ร้องทักเสียงดัง

“เฮ้ยไอ้เอ๋อ มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ไปเล่นน้ำวะ”
ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไงว่าทำไมเลยสักแต่ว่าตอบไป “เราไม่ชอบเล่นน้ำทะเลน่ะ เหนียวตัว”
“มึงนี่มาเสียเที่ยวจริงๆ มาถึงทะเลก็ลงไปเล่นน้ำสิวะ”
“ไว้ก่อน เรายังไม่อยากเลย”
คชาว่าพลางขมวดคิ้วย่นทันที “จะลงไปเองดีๆ หรือให้กูพาลงไป”

แล้วก็ชูสองมือขึ้นมา ขยับนิ้วทั้งสิบในอากาศคล้ายกับว่าคันไม้คันมือเต็มที ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฎบนใบหน้านั้นทำให้ผมพอจะเดาได้ว่าถ้าผมยังดึงดันที่จะอยู่บนบก มันต้องเข้ามาอุ้มผมไปโยนลงทะเลอย่างแน่นอน ผมเลยรีบลุกขึ้น ตั้งท่าว่าจะหนี หากแต่คชากลับกระโดดเข้ามารั้งคอจากทางด้านหลังแล้ว

“จะหนีไปไหน มามะ เดี๋ยวพ่อจะอาบน้ำให้ลูกเอง”

มึงมาเป็นพ่อกูตั้งแต่ตอนไหนไอ้คชา!

ไม่ทันจะได้พูดอะไร มันก็ลากผมลงน้ำไปแล้ว สนุกสนานเฮฮามาก

มีแต่มันสนุกอยู่คนเดียวเนี่ย!

ดีที่มันไม่ได้จับผมจุ่มน้ำอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ มันแค่พาเดินมาหาคนขับบานานาโบทที่เป็นแพยางแล้วก็ออกปาก
“พี่ครับ ต่ออีกเที่ยวนึงดิ จะพาลูกไปสัมผัสความเสียว”
บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้เป็นลูกมึงน่ะไอ้คชา! ส่วนเรื่องความเสียวเนี่ย ไม่ต้องลงน้ำ แค่นอนหันหลังให้มึง กูก็เสียวแล้ว!
“คชาเดี๋ยว คือว่าเรา...”
ผมไม่ได้จะปฏิเสธมันหรอกนะ แต่กำลังจะบอกมันว่าผมตกปากรับคำเล่นกับพี่ชิณณ์ไปแล้ว ทว่าพอกำลังจะพูด คชามันก็โยนเสื้อชูชีพมาให้
“เอ้า ใส่ซะ”
“แต่ว่าเรา...”
“เอ้าๆ ลีลา มา กูใส่ให้” แล้วก็ถลามาจับผมยัดเสื้อชูชีพอย่างรวดเร็ว

มึงฟังกูก่อนได้ไหม กูตกลงปลงใจกับพี่ชิณณ์ไปแล้วเว้ย!

ไม่ฟังไม่พอ จับผมใส่เสื้อชูชีพได้ก็ปีนขึ้นแพยางเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับตบที่นั่งข้างๆ ดังปุๆ
“มาขึ้นมา เดี๋ยวพี่จะพาไปซิ่งนะจ๊ะ”

ทำไมไม่ฟังอะไรเลยวะ!

โชคดีที่พี่ชิณณ์ซึ่งไปต่อคิวบานาน่าโบทกลับมาพร้อมกับพี่คนขับพอดี พอเห็นผมถูกคชาชวนยิกๆ ก็ทำหน้างุนงง
“เอ้า มาวินจะไปเล่นกับคชาเหรอ”
ผมทำหน้าไม่ถูกเลยได้แต่ส่ายหัวพรืด
“เปล่าครับ”
ได้ยินอย่างนั้นคชาก็หันมามองผม ก่อนจะมองไปยังพี่ชิณณ์แล้วก็ส่งเสียงดังพร้อมกับทำหน้างงเหมือนกัน
“เอ้า!”

จะเอ้าอะไรล่ะ ก็มึงไม่ยอมฟังกูเลยนี่หว่าว่ากูตกลงกับพี่ชิณณ์ไปแล้ว

ตอนนี้คงไม่ต้องอธิบายแล้วล่ะว่าที่ผมอึกๆ อักๆ เมื่อครู่นี้เป็นเพราะอะไร เห็นตำตาขนาดนี้ก็น่าจะรู้ได้แล้ว ยิ่งพี่ชิณณ์พูดออกมาก็รับรู้ได้อย่างชัดแจ้ง
“งั้นเราไปกันเถอะ พี่เขาพร้อมแล้ว”
ผมพยักหน้ารับ ค่อยๆ ลุยน้ำที่อยู่ในระดับเอวเข้าไปหาพี่ชิณณ์โดยไม่สนใจคชาอีก ทำให้คชารีบทิ้งตัวลงน้ำมาคว้าผมไว้ทันที
“มึงจะไปไหน”
“ไปเล่นเรือแพกับพี่ชิณณ์ไง” ผมบอก หัวคิ้วของคชาย่นยู่จนแทบจะชนกัน
“กูไม่ให้ไป” แล้วก็ทำหน้าไม่พอใจสุดกำลัง “ถ้าอยากเล่นนักก็เล่นกับกูนี่”

อะไรของมึงวะเนี่ย...

ผมชักสีหน้ากลับใส่มันไปเล็กน้อย แวบเดียวก็เข้าใจได้ว่าทำไมมันถึงมีอาการแบบนี้

สงสัยคงจะหวงพี่ชิณณ์ ก็มันชอบพี่ชิณณ์นี่นะ เห็นเขาไปเล่นสนุกกับคนอื่นก็คงจะหวงเป็นเรื่องปกติ

ผมก็กะว่าจะบอกพี่ชิณณ์อยู่แล้วว่าไม่เล่นเพราะไม่อยากผิดใจกับคชา ทว่าพอพี่ชิณณ์เห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทิ้งตัวลงจากเรือมาคว้าแขนผมขณะที่คชากำลังลากไปขึ้นแพยางอีกอันไว้

“แต่มาวินตกลงกับพี่ก่อนนะ คชามาตัดหน้าพี่แบบนี้นิสัยไม่ดีเลย”
คชาถึงกับชะงัก เห็นพี่ชิณณ์ปั้นหน้าไม่พอใจ สีหน้าของมันก็อ่อนลงทันที
“ผมไม่รู้นี่ครับว่าพี่ชิณณ์จองตัวไอ้เอ๋อไว้ ผมก็เลยชวนมันมาเล่นน่ะ”

โถไอ้คชา พอเป็นพี่ชิณณ์แล้วรีบทำตัวดีขึ้นมาเลยนะ

จากนั้นมันก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ผมพลันกระซิบกระซาบ “ทำไมมึงไม่บอกกูวะว่าจะไปเล่นกับพี่ชิณณ์”

ก็มึงฟังกูเสียที่ไหนล่ะ ได้ทีก็ลากลงทะเลอย่างเดียวอย่างกับลากไก่ลงไปกินในน้ำ กูจะเอาเวลาไหนไปบอกมึง!

“เราก็จะบอกอยู่แล้ว” ผมว่าเสียงยาน
คชาทำท่าฮึดฮัด แสดงออกมาชัดเจนว่าหัวเสีย ทว่าพี่ชิณณ์ไม่ได้สนใจแล้ว เห็นคชาเผลอปล่อยมือจากผม เขาก็ดึงผมเข้าหาตัวทันที
“ไปกันเถอะมาวิน ไว้เล่นกับพี่เสร็จแล้วค่อยมาเล่นกับคชาก็แล้วกันนะ”
ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ตกปากรับคำกับเขาก่อน ยังไงก็ต้องเล่นกับเขาอยู่แล้ว

หากแต่ลุยน้ำออกจากจุดเดิมได้ไม่เท่าไหร่ คชาก็คว้าข้อมือผมเอาไว้หมับ ผมกับพี่ชิณณ์หันไปมอง คชาถึงได้รู้สึกตัวว่าทำอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ อึกอักครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา

“มึงจะลงเรือลำไหน พูด!”

อะไรของมึงเนี่ย...

เป็นผมบ้างแล้วที่ย่นคิ้ว พี่ชิณณ์นี่ไม่ต้องพูดถึง ถอนหายใจออกมาแรงๆ เป็นที่เรียบร้อย ผมไม่อยากให้เขาอารมณ์เสียเลยรีบบอกกับคชาไป
“เราจะไปกับพี่ชิณณ์ ไว้ค่อยไปกับนายทีหลังนะ”
“เฮ้ย ได้ไงวะ”

ไปเล่นกับคนที่กูชอบได้ไง... เดาว่ามันคงอยากจะพูดประโยคนี้ แต่ผมไม่ปล่อยให้มันพูดออกมา รีบชิงบอกมันก่อน

“เราตกลงกับพี่ชิณณ์ไปแล้ว ยังไงเราก็ต้องไป”
คชากลอกตา ทำท่าฮึดฮัด ผมไม่อยากให้มันรู้สึกแย่เรื่องนี้หรอกนะ ทว่าก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน ยิ่งพี่ชิณณ์พูดขึ้นมา...
“ไปกันเถอะมาวิน”

...ผมก็รู้เลยว่าพี่ชิณณ์ไม่ได้สนใจคชาเลยแม้แต่น้อย ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าคชาชอบเขาก็เถอะ มันก็แน่ล่ะ พี่ชิณณ์ชอบผมอยู่นี่ ผมเลยกะว่าไว้เล่นเสร็จจะมาอธิบายกับคชาอีกรอบทีหลังว่ามันเป็นเรื่องที่ผมไม่ได้ตั้งใจ

พี่ชิณณ์ช่วยพยุงผมขึ้นไปนั่งบนนั้นก่อนตามขึ้นมา เจ็ทสกีเกือบจะขับออกไปอยู่แล้ว ทว่าจู่ๆ คชาที่ยืนฮึดฮัดๆ อยู่เมื่อครู่ก็ถลาเข้ามาเกาะขอบแพเอาไว้
“งั้นกูเล่นด้วย”

จากนั้นก็ตะกายแพขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแพโคลงเคลงไปมา อะไรไม่ว่า มานั่งเบียดผมให้ไปนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างมันกับพี่ชิณณ์ด้วย ก่อนจะหันมาพูดกับผมเสียงเข้ม
“กูไม่ปล่อยให้มึงไปกับพี่ชิณณ์กันสองต่อสองหรอก จะจองล้างจองผลาญมึงทุกชาติไป”

มึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรกูเหรอ กูแค่มาเล่นบานาน่าโบท มึงจะเล่นใหญ่ทำไม!

ถอนหายใจกับการกระทำของมันเลย เกรงใจพี่ชิณณ์ด้วยที่ถูกมันก่อกวน แต่พี่ชิณณ์กลับไม่ว่าอะไร นอกจากยิ้มน้อยๆ
“เล่นหลายๆ คนก็สนุกดีนะ น้ำหนักเยอะ ไม่โคลงเคลงมาก มาวินจะได้ไม่กลัว”

เป็นห่วงผมอีก ซ้ำยังไปบอกยกเลิกบานาน่าโบทอีกลำที่คชามันเรียกไว้ให้อีก ดีนะที่คนขับเรือพวกนี้เป็นเพื่อนกันเลยไม่มีปัญหาอะไร

พอพี่ชิณณ์พูดอย่างนั้น คชาก็เบ้หน้า ทำปากมุบมิบขยุบขยิบจนน่าโดนตบ และทวีมากขึ้นไปอีกเมื่อพี่ชิณณ์จับมือผมให้จับที่จับบนแพยางเอาไว้
“เกาะแน่นๆ นะ จะไปแล้ว”

ผมพยักหน้ารับขณะที่เจ็ทสกีค่อยๆ ลากพวกเราออกไป จากตอนแรกที่หวั่นๆ ใจอยู่แล้ว พอเริ่มออกจากที่ ผมก็หน้าซีดเลย หน้าซีดหนักกว่าเดิมอีกเมื่อความเร็วทวีมากขึ้น

กะ...กลัวตกน้ำ!

ความรู้สึกนี้ผุดพรายขึ้นมาในสมอง ความจริงไม่ได้กลัวตกน้ำอะไรหรอก ไอ้กลัวตกก็กลัวแหละ แต่ประเด็นสำคัญกว่านั้นคือกลัวตกน้ำแล้วจมน่ะ เหตุผลน่ะเหรอ... ผมว่ายน้ำไม่เป็น

เคยมีประสบการณ์จมน้ำตอนเด็กๆ มาแล้วครั้งหนึ่ง ผมเลยเลี่ยงที่จะลงไปเล่นน้ำมาตั้งแต่ตอนนั้น ที่ตอบรับพี่ชิณณ์ก็เพราะปฏิเสธรอยยิ้มเขาไม่ลง ไม่ใช่เพราะอยากจะเล่นอะไรเลยแม้แต่น้อย

พอความเร็วมากขึ้น พี่ชิณณ์ก็หัวเราะร่า ร้องบอกผมที่หลับตาปี๋เสียงดัง
“ลืมตาสิมาวิน ไม่น่ากลัวเลย”

มึงไม่กลัว แต่กูกลัวเว้ย!

เกาะแน่นเป็นเห็บเกาะหลังหมาเลย ส่วนคชา พอรู้ว่าผมกลัวก็ยิ่งแกล้ง ทำเป็นโยกตัวไปมาให้โคลงเคลงหนักกว่าเดิมอีก
มึงจะโยกทำบ้าอะไรไอ้คชา เป็นสันนิบาตลูกนกเหรอ!

มันจะไปสนใจอะไร ผมเองก็ด่ามันในใจด้วย มันจะไปรับรู้อะไรล่ะ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะแหกปากด่ามันด้วย เอาแต่ร้องโวยวายเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นจนผมเริ่มจะเสียว
“พะ...พอ! พอแล้ว! พี่ครับช้าๆ หน่อย!”
แต่เสียงของผมกลับถูกกลบด้วยเสียงของคชา...
“กรี๊ดดด! กรี๊ดดด!”

มึงจะกรี๊ดกลบเสียงกูทำเตี่ยมึงเหรอ แล้วไอ้ภาพพจน์หล่อล่ำน่าปล้ำต่อหน้าพี่ชิณณ์นี่ไม่รักษาไว้แล้วหรือไง!

รู้เลยว่าคชามันจงใจแกล้งผม พี่ชิณณ์แม่งก็ไม่ห้ามมันด้วย เอาแต่หัวเราะให้น้ำทะเลกระเด็นเข้าปากอยู่นั่น เชื่อได้เลยว่าตอนนี้ผมคงจะหน้าซีดเผือดไปแล้ว ยิ่งตอนที่คนขับเร่งความเร็วมากกว่าเดิม ความกลัวของผมก็ทวีมากยิ่งขึ้น ขณะที่คชาก็ยังโยกแพไม่หยุด

มึงหยุดได้แล้วไอ้คชา กูกลัวแล้ว ยอมแล้ว!

ขอร้องมันไปก็เท่านั้น มันดังอยู่แค่ในใจ จะพูดก็ปากสั่นจนพูดไม่ออก แล้วสิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีให้หลัง ทันทีที่เจ็ทสกีเลี้ยวโค้ง แพยางก็เทกระจาดคว่ำไม่เป็นท่า ทุกคนหล่นจากแพลงไปในน้ำแล้วก็โผล่หัวขึ้นมาหัวเราะร่วน เว้นแต่ผมที่หล่นลงไปในน้ำ ก่อนที่เสื้อชูชีพที่คชาใส่ให้มันล็อกไม่แน่นจะลอยอยู่เหนือน้ำ มีแต่ตัวผมที่จมดิ่งลงไปในน้ำทะเลที่ท่วมเหนือหัว

จะ...จมแล้ว!

ผมตะเกียกตะกายสุดชีวิต ก่อนที่จะถูกใครบางคนดึงขึ้นมาเหนือน้ำในชั่ววินาทีนั้น ก่อนที่เสียงของพี่ชิณณ์จะดังเข้าหู
“มาวิน! เป็นอะไรไหม!”
หันไปมองก็เห็นเขารีบว่ายเข้ามาใกล้พร้อมกับสีหน้าตกใจ
“มะ...ไม่เป็นไรครับ” ผมว่าพลางใช้มือปาดน้ำทะเลที่อยู่บนหน้าออก ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังถูกอุ้มโดยใครบางคนอยู่เมื่อเสียงคุ้นหูอีกเสียงดังขึ้น
“ทำเอาตกอกตกใจหมด น้ำแค่ปลายคางเอง ไอ้เอ๋อเอ๊ย!”

หันไปก็เห็นหน้าคชาในระยะประชิด

ใช่...ปลายคาง แต่เป็นปลายคางมึง กูลงไปทีนี่มิดหัวเลยไอ้คชา!

อยากจะด่ามันนัก แต่ก็พลันตระหนักได้ว่าสภาพในตอนนี้ของตัวเองเป็นแบบไหน

ผะ...ผมกำลังถูกคชาอุ้มเข้าเอวอยู่!

โอ้โห อุ้มเข้าเอวเป็นลิงอุ้มแตงเลย เพิ่งรู้สึกตัวในตอนนี้ว่าใกล้ชิดกับมันแค่ไหน เท่านั้นความกลัวก็อันตรธานหายไป ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นแทน ถ้ารอบข้างไม่มีเสียงเฮฮาดังไปทั่ว รับรองได้เลยว่าคชาต้องได้ยินเสียงหัวใจของผมเต้นอย่างแน่นอน
แต่แล้วความตื่นเต้นของผมก็ถูกทำลายทิ้งโดยพี่ชิณณ์เมื่อเขาร้องโวยวายขึ้น

“ยังไม่พามาวินเข้าไปที่ตื้นอีก ไปเดี๋ยวนี้เลย!”
สีหน้าของพี่ชิณณ์ดูตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก คชาเลยทำตามแต่โดยดี พอเท้าผมสัมผัสกับพื้นทรายได้ พี่ชิณณ์ก็แหวกน้ำเข้ามาหาผม
“หน้าซีดเชียว ไม่เป็นไรนะมาวิน”
ผมพยักหน้ารับ ตอบเสียงแผ่ว “ครับ ไม่เป็นไร”

พี่ชิณณ์มีสีหน้าโล่งใจขึ้น พลันแปรเปลี่ยนเป็นดุดันน้อยๆ
“แล้วทำไมไม่บอกพี่ตั้งแต่แรกว่าว่ายน้ำไม่เป็น พี่จะได้ไม่พามาเล่น”

เขาดูผมออกแทบจะในทันที ผมก็ได้แต่ขอโทษขอโพยเขาไปที่ทำให้ต้องเป็นห่วง คชาที่ยืนมองอยู่พ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะว่าลอยๆ
“แค่เล่นบานาน่าโบทแค่นี้ ทำเป็นกลัวไปได้”

พูดถูกของคชา ผมก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่คนที่ฟังประโยคนั้นแล้วรู้สึกไม่เข้าหูกลับเป็นพี่ชิณณ์ สิ้นเสียงก็หันไปมองหน้าคชาทันที
“พูดอย่างนั้นได้ไง คนเรามีความกลัวเหมือนกันที่ไหน”

คชาเลิกคิ้วสูง ก่อนเถียงคืนด้วยน้ำเสียงแผ่ว
“แต่มันแค่บานาน่าโบทเองนะครับพี่ชิณณ์ น้ำก็ไม่ได้ลึก กลัวอะไรนักหนา”
“นายไม่กลัวมันก็เรื่องของนาย แต่มาวินกลัว นายนั่นแหละที่ทำให้มาวินเป็นแบบนี้ ถ้าไม่เล่นบ้าๆ โยกตัวไปมาจนแพคว่ำล่ะก็ มาวินก็คงไม่เกือบจมน้ำ ทีหลังจะเล่นอะไรก็หัดใช้หัวคิดก่อนบ้างว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนไหม!”

พี่ชิณณ์ถึงกับตะคอกราวกับน็อตหลุด ผมไม่เคยเห็นพี่ชิณณ์เป็นแบบนี้มาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งแล้วก็ทำสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ปกติเห็นแต่เขายิ้มอย่างเดียวเท่านั้น

ผมอึ้งงันไปทันควัน เช่นเดียวกันกับคชาที่ได้ยินอย่างนั้นก็ไปต่อไม่ถูก สีหน้าไม่ยี่หระเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเจื่อนทันตา ขณะที่พี่ชิณณ์ก็ยังต่อว่าไม่หยุด
“ไม่ใช่ว่าเป็นเพื่อน เป็นรูมเมทจะเล่นอะไรก็ได้นะคชา”

คชาหน้าเจื่อนหนักเข้าไปใหญ่ ผมเห็นแล้วก็สงสารเลยรีบปรามพี่ชิณณ์
“อย่าไปว่าคชาเลยครับ ผมกับคชาสนิทกัน คชาก็เลยจะแหย่ผมเล่น...”
“ต้องว่าสิ ไม่ว่าได้ไง ก็คชาทำเรากลัวนี่”

พูดยังไม่ทันจบเลย พี่ชิณณ์ก็สวนผมกลับคืนมาแล้ว ซ้ำยังหันไปพูดกับคชาต่อ
“ยิ่งสนิทกัน ยิ่งต้องแคร์ความรู้สึกกัน ไม่ใช่มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างที่นายกำลังทำอยู่ นายสนุกก็จริง แต่ความรู้สึกของมาวินไม่ใช่ของเล่นของนายนะ”

นิ่งงันเป็นหินไปเลย ผมอยากจะบอกให้มันไม่ต้องคิดมากชะมัด แต่ก็ถูกพี่ชิณณ์ดึงขึ้นจากทะเลแล้ว ผมก็เลยได้แต่ปล่อยให้คชาอยู่ที่เดิมอย่างนั้น

ถูกว่าจนหน้าแห้งขนาดนั้น คชาจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ...

ตอนนี้รู้สึกพลาดเลยที่ตัดสินใจลงเรือของพี่ชิณณ์ ถ้าผมลงเรือของคชา คชาก็คงจะไม่ถูกต่อว่าจนหน้าแห้งอย่างนี้ แต่ถ้าเลือกไปกับคชา พี่ชิณณ์อาจจะโกรธจนไม่ยอมมาเจอหน้าผมอีกก็ได้ เป็นแบบนั้นคชาคงจะโกรธผมที่ทำให้พี่ชิณณ์ปลีกตัว

ให้ตาย ไม่ว่าจะเลือกลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้นเลย...
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 13:กอง(กระ)สันทนาการ[100%][28-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 29-04-2017 21:49:50
สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![2]


เรื่องลงเรือลงแพอะไรนั่นช่างมันเถอะ เรื่องมันเกิดไปแล้ว ผมก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ตอนนี้มีแต่เพียงความเป็นห่วงคชามากกว่า หลังจากที่ผมกับพี่ชิณณ์ขึ้นมาจากทะเล ผมก็คิดเอาเองว่าคชาคงจะไม่เป็นไรเพราะพี่ชิณณ์บอกกับผมว่าแค่ดุไปตามประสา ไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าจริงจังเท่าไหร่นักถึงมันจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการให้คชาตระหนักก็ตาม แต่คชากลับซึมกะทือไปกับคำพูดนั้นตั้งแต่เย็น จนมืดแล้วก็ยังไม่หายซึม เอาแต่นั่งเงียบ ใครชวนคุยอะไรก็ถามคำตอบคำ แถมยังไม่ไปร่วมกิจกรรมกับคนอื่นๆ เหมือนอย่างตอนเช้าที่ผ่านมาอีกต่างหาก ทำเอาผมที่นั่งหลบมุมแอบมองอยู่รู้สึกไม่ดีขึ้นมาด้วยรู้ว่าต้นเหตุทั้งหมดมาจากผมเอง

กระทั่งกิจกรรมทั้งหมดสิ้นสุดลงและทุกคนต่างแยกย้ายเข้าไปพักผ่อน เว้นแต่คชาที่ปลีกตัวไปนั่งเล่นตามลำพังริมหาด ผมเลยตัดสินใจตามมันไปด้วยไม่อยากจะให้มันเก็บความรู้สึกไม่ดีนี้ไว้นานๆ
เดินไปจนถึงที่หมายก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ร่างใหญ่ คชาเหลือบมามองเล็กน้อย พอเห็นว่าเป็นผมก็หันกลับไปทางเดิม ทำเอาผมต้องพูดออกมา

“ไหวไหมเนี่ย”

คชาเหลือบมามองหน้าผมอีกครั้ง คราวนี้จ้องนานกว่าเดิม สีหน้าดูเรียบเฉยจนผมอ่านไม่ออกว่ามันคิดอะไรอยู่ มองผมได้แวบเดียว มันก็หันกลับไปอีก สายตาทอดมองไปยังผืนทะเลสีดำมืดตรงหน้า ทำท่าเหมือนไม่อยากจะคุยกับผมสักเท่าไหร่

ผมถอนหายใจออกมา พอจะเข้าใจอยู่ว่าคชามันคงช็อกหรือไม่ก็เฟล ก็แน่ล่ะ ถูกคนที่ตัวเองชอบตะคอกใส่เต็มหน้าอย่างนั้น ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องรู้สึกแย่อยู่แล้ว ส่วนผมก็รู้สึกผิดมากเลยทีเดียวล่ะ ก่อนที่จะส่งเสียงพึมพำออกมา
“คชา... เราขอโทษ”

ทั้งที่ผมไม่ได้เป็นคนตะคอกมันแท้ๆ แต่ผมก็เอ่ยคำนั้น ถ้าผมว่ายน้ำเป็น แล้วก็ไม่ร่วงตกน้ำ ตะเกียกตะกายจนเสื้อชูชีพหลุดล่ะก็ เหตุการณ์เมื่อเย็นนี้ก็คงจะไม่เกิด

หากแต่คชาไม่ตอบรับอะไร นอกจากเหลือบมามองทางผมนิ่งๆ ด้วยสีหน้าแบบเดิมอีกครั้ง ผมเดาเอาว่ามันน่าจะยังรู้สึกแย่อยู่เพราะตั้งแต่เป็นรูมเมทด้วยกันมา มันไม่เคยแสดงอาการอย่างนี้ให้เห็นเลย มีแต่ทำตัวผีบ้าผีบอไปวันๆ การที่มันเป็นแบบนี้ทำให้ผมวางตัวไม่ถูกเลยนะ ถ้าเป็นอย่างนี้ สู้ให้มันทำตัวบ้าบอปัญญาอ่อนเกินคนยังดีกว่าอีก
“ขอโทษนะ”
ผมเอ่ยออกไปอีก คราวนี้คชายอมปริปากพูดขึ้น
“เรื่องอะไร”

“ก็เรื่องที่เราเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ชิณณ์ว่านาย” พูดไปก็เหลือบมองหน้าหล่อๆ นั่นเล็กน้อย
คชาย้อนถามผมเสียงเรียบ “แล้วไงวะ”
“ไม่แล้วไงหรอก ก็เราขอโทษไง” ผมว่า

คชาก็ยังคงทำหน้าแบบเดิม ทำให้ผมต้องพูดออกมาอีก
“ถ้ามีอะไรที่เราทำให้นายรู้สึกดีขึ้นก็บอกเรานะ”
“มึงจะมาสนใจกูทำไม” คชาพูดเสียงเรียบ

ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะสนใจมันทำไมเหมือนกัน ไอ้เรื่องที่ผมเป็นต้นเหตุมันก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งคือผมไม่อยากเห็นมันทำสีหน้าแบบนี้มากกว่า ทว่าผมไม่บอกมันหรอก ได้แต่แสร้งไม่รู้ไม่เห็นไป
“ไม่รู้สิ”

พอผมพูดอย่างนั้น คชาก็พ่นลมหายใจยาวออกมา
“มึงไม่ต้องมาสนใจความรู้สึกของกูหรอก กูยังไม่สนใจความรู้สึกของมึงเลย”

ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องเก็บคำพูดของพี่ชิณณ์มาคิด แต่มันก็จริงอย่างที่พี่ชิณณ์พูดนั่นแหละ คชาแทบจะไม่ห่วงความรู้สึกของผมเลยตั้งแต่ที่แกล้งผมเมื่อครั้งก่อน มีแต่ผมที่จะพูดจะทำอะไรก็คิดถึงความรู้สึกของมันก่อน อาจเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของผมด้วย ทว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้เป็นห่วงความรู้สึกมันอย่างนั้น

อาจเป็นเพราะมันเป็นรูมเมทคนแรกในชีวิตผม...
เป็นเพื่อนคนแรก...
และเป็นคนที่ผม...ชอบ

อันหลังนี่ไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่ ทว่าก็ต้องยอมรับว่าผมรู้สึกดีๆ กับคชาอยู่เหมือนกัน ถึงจะรู้แก่ใจว่ามันชอบพี่ชิณณ์และผมก็พร่ำบอกตัวเองอยู่เสมอว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ยามมองหน้าของคชา... ใจมันสั่นทุกทีเลย

และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องสนใจความรู้สึกของคชา ทว่าก็พูดได้แค่...
“นายเป็นรูมเมทเรานี่ เป็นเพื่อนเราด้วย เราก็ต้องสนใจสิ”

สถานะของผมมันก็มีแค่นี้แหละ

คชาจ้องผมนิ่งๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาบ้าง
“สนใจแล้วยังไงวะ”
“เราอยากทำให้นายรู้สึกดีขึ้น” ผมว่าตรงๆ

คชาเม้มปากไปเล็กน้อย พลันว่าออกมา
“ถ้ามึงอยากทำให้กูรู้สึกดีขึ้น มึงก็มีอะไรกับกูสักครั้งแล้วกัน เผื่อกูจะหายเครียด”

ฟังแล้วผมก็ลืมตาโพลงทันที

ดะ...เดี๋ยวนะไอ้คชา มันรอบที่เท่าไหร่แล้ววะที่มึงชวนกูทำเรื่องอย่างว่าเนี่ย!?

“ถ้ามึงไม่อยากทำก็ช่างมันเถอะ”

เห็นผมเงียบ ทำหน้าตาตื่นตกใจใส่ คชาก็โพล่งขึ้นมาอีก โดยปกติแล้วผมจะต้องปฏิเสธหรือไม่ก็ต้องก่นด่ามันในใจเป็นชุดแล้ว หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ ยิ่งเห็นมันทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็ดันตกปากรับคำมันไปเสียอย่างนั้น

“ได้ มามีอะไรกันเถอะ”
คชาหันขวับมาทันที คราวนี้เป็นมันบ้างแล้วที่ทำหน้าตกใจ
“เอาจริงเหรอวะ”
“อือ ก็นายอยากทำนี่” ผมพึมพำ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะพูดแบบนั้นไปทำไม

มีอะไรกับผู้ชายด้วยกันนะเว้ย แถมเป็นไอ้คชาด้วย รู้เลยว่าถ้ายอม ผมจะต้องเป็นรับแน่ๆ

ซึ่งก็จริงอย่างที่คิดเพราะพอผมตอบรับไปอย่างนั้น คชาก็ขยับเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าผมให้หันไปสบตามันนิ่ง
“พูดแล้วอย่าคืนคำนะมาวิน กูทำมึงลุกไม่ขึ้นเลยนะ”

ผมลอบกลืนน้ำลาย พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนคชาจะเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เสียงคลื่นทะเลที่ซัดกระทบฝั่งแทบไม่เข้าหูผมเลยแม้แต่น้อย มีแต่เพียงเสียงหัวใจผมที่เต้นระรัวเท่านั้น ทว่าในวินาทีนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วนอกจากดวงตาเรียวของคชาที่จ้องมองมาและริมฝีปากที่เข้าใกล้ริมฝีปากของผมจนแทบจะชิด

ชั่วขณะหนึ่งที่ผมคิดว่าคงจะถูกจูบแน่ คชาก็ชะงักไปแล้วกระซิบเสียงแผ่วออกมา
“อย่าเป็นคนใจง่ายอย่างนี้สิวะไอ้เอ๋อ”
แล้วก็ผละออกไป เอื้อมมือมายีหัวผม พูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริง
“พรหมจรรย์มึงน่ะเก็บเอาไว้ให้ผัวมึงโน่น!”

ผัวกูก็มึงนี่ไง!

พูดเล่น แค่เกือบน่ะ การที่คชาถอยห่างออกไปอย่างนั้นทำเอาผมหายใจโล่งทันควัน ขณะที่คชาเห็นสีหน้าของผมแล้วก็หัวเราะร่วน

“ทำไมมึงมันซื่ออย่างนี้วะ คิดว่ากูจะทำจริงๆ เหรอ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็ตอนที่เมา นายยังทำ...” ไม่กล้าพูดต่อว่าทำอะไร

คชาเองก็ไม่พูดเช่นกัน มองผมแล้วก็ยิ้มออกมา สาบานเลยว่าเป็นรอยยิ้มที่ดูดีที่สุดของมันเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย
“เรื่องวันนี้กูก็ขอโทษเหมือนกัน พี่ชิณณ์พูดถูกที่ว่ากูไม่สนใจความรู้สึกมึง กูอยู่คนเดียวมานาน พอมีคนอื่นมาอยู่ด้วยก็เลยไม่ชิน แต่จะพยายามปรับตัวนะ”
จู่ๆ ก็บอกผมมาอย่างนั้น ผมไม่รู้จะตอบรับยังไงก็เลยรีบหลบสายตาแล้วก็พยักหน้ารับเร็วๆ
“อื้ม”

เสียงหัวเราะของคชาดังขึ้นมาอีกที ตอนนี้ผมทั้งอาย ทั้งรู้สึกว่าตัวเองโคตรบ้าเลยที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป อย่างนี้คชามันก็ได้ทีเข้าข้างตัวเองเลยสิว่าผมชอบมันจริงๆ

เวรเอ๊ย ไม่น่าไปหลงกลมัน ก็รู้อยู่ว่ามันขี้แกล้ง ยังจะยอมให้มันแกล้งอีก แถมเมื่อกี้ยังเผลอคิดไปว่ามันจะจูบผมอีกด้วย
อยากจะเอาหน้าซุกทราย แต่ก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวคชามันรู้ตัวว่าผมคิดอะไร จึงได้แต่พึมพำก่นด่าความโง่เง่าของตัวเองในใจตามลำพัง คชาคงจะเห็นท่าทางของผมแปลกใจก็เลยเรียก

“มาวิน”
“ว่า?”

ตอบรับแล้วก็หันไป ก่อนที่จะรู้สึกว่าร่างกายของตนถลาไปด้านหน้า กว่าจะรู้ตัวว่าถูกคชาดึงเข้าไปหาก็ตอนที่ถูกมันประทับริมฝีปากลงมาบนเรียวปากผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จะ...จูบ!

ไอ้คชามันจูบผม!

ทำตัวไม่ถูกทันควัน อ้าปากค้างเหวอไปเลย ส่วนคชา พูดผละริมฝีปากออกมาก็บอกผมเร็วๆ
“ตบรางวัลให้”

รางวัลอะไรก็ไม่รู้ ถามก็ไม่ทันแล้วเพราะทันทีที่พูดจบ มันก็รีบดันตัวขึ้นยืน ปัดทรายแล้วทิ้งท้ายไว้
“กูเข้าไปก่อนนะ ยุงเยอะว่ะ มึงก็รีบตามมาเร็วๆ ด้วย ดึกแล้ว”

พูดจบก็เดินไปเลย ผมมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างอึ้งงัน รู้สึกตัวก็ล้มลงไปกลิ้งกับทรายด้วยเขินอายกับการกระทำนั้นของคชาเกินทน

มึงจะมาจูบกูแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ไม่ได้ บอกกันก่อนสิวะจะได้ตั้งตัวรับถูก!

ไม่ได้รังเกียจมันเลยแม้แต่น้อย ออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำ อะดรีนาลีนสูบฉีดมากจนผมร้อนหน้าไปหมด

คชา... ชอบมันจริงๆ ด้วยว่ะ บ้าจริง
------------------------------------------
นุ่งวินลูกแม่ นุ้งเกือบเสียตัวแล้วมั้ยล่ะ ดีนะที่คชาเป็นสุภาพบุรุษ(?) ไม่งั้นเสียสาวแน่นอน ส่วนแม่ยก ชั้นรู้นะว่าพวกเธอคิดอะไรอยู่ นกไปซะเจ้าพวกคนบาป 555 คชานี่ก็ยังไง ปากบอกชอบพี่ชิณณ์แต่ตอดนุ้งวินเอาๆ ช้ำหมดแล้วลูกสาว (แต่แม่ก็ชอบนะ เอาอีก 555 XD) วันนี้มาดึกนิดนึงเพราะมัวแต่ทำงานอื่นอยู่ค่ะ พรุ่งนี้จะมาอัปให้อีก อาจจะดึกนะ รอก่อนเน้อ แล้วก็ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยค่า
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-04-2017 22:10:05
ลูกสาวยังปลอดภัยแต่ใจโดนขโมยไปแล้ว
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 29-04-2017 22:22:33
มาวินรู้ใจตัวเองแล้ว คชาล่ะว่าไง  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 29-04-2017 22:27:40
พี่ชิณณ์ดุคชาก็สมควรแล้ว

แต่ไอ้ที่จูบวินนี่น่าตบมาก

ชะ! มาทำนุ้งวินหวั่นไหว
ส่งพี่ชิณณ์มาให้เราเดี๋ยวนี้!

อ้าว...ไม่เกี่ยวกันเหรอ ว้า
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 29-04-2017 22:33:42
 :o8: กรีดร้องงง เค้าจูบกันค่ะกรี้ดดดด
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 29-04-2017 23:06:34
คชามันไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษหรอก  มันเป็นบุรุษจิตหลุด  บ้าๆ บอๆ 
คิดว่าตอนนี้คชาคงสับสนกับความรู้สึกตัวเอง  คชาคงชอบพี่ชิณณ์แบบไอดอลมากกว่า
 มันคงเสียดายล่ะที่ไม่ได้อะจิอะจ๊ะ กับหนูมาวิน (ยังไม่รู้ใจตัวเอง)
มาต่อทุกวันน่ารักจังเลย  ออกหนังสือเมื่อไรไม่พลาดแน่นอน  :mew1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-04-2017 23:08:49
ช่างน่าสงสาร  :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 29-04-2017 23:10:24
ว้าาาาาาาาาาาาา  เสียดาย
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 29-04-2017 23:52:56
เลาเองแหละที่อยู่ทีมคนบาป ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 30-04-2017 00:04:01
คชา ทำมาวินหวั่นไหว แถมจุฟน้องเขาอีก รับผิดชอบด้วย ไม่ใช่มาตอดแล้วบอกไม่คิดไร
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-04-2017 00:39:03
 :L1: :L2: :pig4: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 30-04-2017 00:39:40
ลูกสาวเกือบโดนคนบ้าทำมิดีมิร้ายไปแล้ว
ต่อไปหนูต้องไม่ใจง่ายนะลูก แม่หวง!!! //ถือก้านมะยม 
แต่ก็ยอมรับอยู่หน่อยๆนะว่าอยากให้ลูกสาวโดนคนบ้าขย้ำบ้างอะไรบ้าง?
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 30-04-2017 00:51:50
โถ่ ขุ่นคนเขียน  นี่คนบาป2017  :haun4: :haun4: :haun4: ดับฝันเราซะงั้นนนนนนนน :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
คนใจร้ายยยยย
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 30-04-2017 02:22:53
โถ่ อดเลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 30-04-2017 07:26:29
มาวินนี่ห่วงความรู้สึกคนรอบข้างเกินไปมั้ยยยยยย ห่วงตัวเองบ้างก็ด้ายยยยย :hao4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 30-04-2017 08:43:23
น้องมาวิน หนูโดนขโมยหัวใจไปแล้วใช่มั้ย
 :ling1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 30-04-2017 09:32:40
เมื่อไหร่ คชาจะรู้ตัวนะว่าชอบลูกสาว 555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 01-05-2017 00:07:03
รอตอนต่อไป สนุกอ่ะ ชอบความบ้าของคชา ความใสซื่อของเอ๋อ ความพระรองของพี่ชิณณ์
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![100%][29-04-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 01-05-2017 00:55:11
สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...

คชากำลังจะทำให้ผมเป็นบ้าตามมัน...

หลังจากที่มันจูบผมในคืนนั้น ผมก็เอาแต่แอบลอบมองมันโดยตลอด แถมคชาในสายตาของผมยังเปลี่ยนไปอีกด้วย มันหล่อกว่าเดิม มีเสน่ห์กว่าเดิม ดูดีกว่าเดิมราวกับไปทำหน้ามาใหม่ทั้งหน้า ต่อให้มันทำท่าทางอุบาทว์หรือเป็นผีบ้ามากแค่ไหน ผมก็ยังมองว่ามันดี ดีไปหมดเสียทุกอย่างเลยด้วยซ้ำ อาการนี้ชัดเจนเลยว่าผมชอบมันเข้าให้แล้วจริงๆ ผมเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ เพียงแต่รู้สึกแปลกๆ ที่จู่ๆ ก็ชอบผู้ชายด้วยกันเข้าให้ ไอ้ชอบผู้ชายด้วยกันมันยังไม่ค่อยน่าแปลกใจสักเท่าไหร่ ที่น่าแปลกใจก็คือ... ทำไมต้องเป็นคชา

เออ จริงนะ ทำไมต้องเป็นมัน บ้าๆ บอๆ มีดีแค่หล่อเท่านั้น

ผมให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่น้อย รู้แค่ว่าชอบไปแล้ว ชอบมากเสียด้วย ชอบจนอยากจะรู้เรื่องของมันให้มากขึ้นเพราะเพิ่งตระหนักได้ว่าตั้งแต่ที่รู้จักกับมันมา นอกจากเรื่องคณะที่มันเรียนและกิจกรรมที่มันทำ ผมก็ไม่รู้เรื่องอื่นๆ ของมันเลยแม้แต่น้อย ถ้าถามผมว่าอยากรู้เรื่องอะไรของมัน ตอนนี้ผมอยากรู้ว่ามันชอบคนแบบไหนมากกว่า อยากรู้อย่างที่มันอยากรู้สเปกของพี่ชิณณ์นั่นแหละ

แน่นอนว่าผมรู้อยู่แล้วว่ามันชอบผู้ชายสไตล์ฮิคารุซามะกับพี่ชิณณ์ แต่ที่ผมอยากรู้คือสเปกแบบอื่นถ้าไม่นับรวมสองคนนั้นเข้าไปมากกว่า ดังนั้นหลังจากที่พวกเรากลับมาจากค่าย ผมก็ตั้งใจว่าจะถามมัน

ทั้งที่ตั้งใจแต่ก็ใช้เวลาทำใจหลายวันทีเดียวกว่าจะรวบรวมความกล้าได้ วันนี้ตั้งใจว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องถาม ไม่อย่างนั้นผมคงกระสับกระส่ายไม่หยุดแน่

สายตาทอดมองไปยังคชาที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก่อนจะกระโดดขึ้นเตียง ผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงก่อนหน้านั่นหันไปมอง คชารู้ตัวว่าถูกมองก็ถาม
“มองไรไอ้เอ๋อ ตัวกูหอมน่าปล้ำล่ะสิ”

แม่ง ความหลงตัวเองไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลยสักนิด

ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ทำเฉยๆ คชาเลยยิ้มออกมาแล้วแหย่ผมเล่นอีก
“ไม่ปฏิเสธแสดงว่าน่าปล้ำจริงๆ มองไม่วางตาเลยนะไอ้หื่น แต่เสียใจด้วย ร่างกายกูเป็นของท่านฮิคารุกับพี่ชิณณ์เท่านั้นเว้ย” แล้วก็หัวเราะร่วนยกใหญ่

ได้ยินว่าร่างกายเป็นของฮิคารุซามะ ผมยังเฉยๆ นะ แต่พอได้ยินว่าเป็นของพี่ชิณณ์ด้วย ผมก็ปวดแปลบในใจขึ้นมานิดๆ ยังไงก็ไม่รู้

เกือบลืมไปเลยว่ามันชอบพี่ชิณณ์ แล้วการที่ผมมาชอบมัน ก็เท่ากับว่าความสัมพันธ์ของเราสามคนมันเป็นวงวรอุบาทว์รักสามเส้าเลยล่ะสิเนี่ย

ไม่สมควรอย่างยิ่งเลยที่จะบอกมันไปว่าพี่ชิณณ์ชอบผม หรือบอกว่าผมชอบมัน เหตุผลหนึ่งก็คือกลัวมันโกรธ แต่อีกเหตุผลก็กลัวว่าถ้ามันรู้แล้ว ความสัมพันธ์ของผมกับมันจะไม่เหมือนเดิม

ที่เป็นอยู่อย่างนี้มันก็ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยผมก็ได้อยู่ใกล้ๆ มันถึงจะไม่ได้เป็นอะไรกัน

ดูเหมือนคนโรคจิตเลยที่พอใจกับการแอบมองอย่างนี้ แต่ถึงผมจะพอใจแค่นั้น ผมก็ยังอยากรู้สเปกของมันอยู่ดี อยากรู้จนทนไม่ไหว ต้องถามมันออกไปจนได้

“เออ เราว่าจะถามอะไรนายนะคชา”
คชาเลิกคิ้วสูง “อะไรวะ”
“คือ...”
จะถามอยู่แล้วแท้ๆ จู่ๆ ก็ใจฝ่อขึ้นมา คชาที่รอฟังอยู่เลยเร่งรัด
“คืออะไรก็พูดมาสิวะ”
“คือ...นายชอบผู้ชายใช่ไหม”
ถามไปแล้ว คชาย่นหน้าทันที
“กูเคยบอกเหรอว่าชอบผู้ชาย ไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย”
“แล้วที่นายชอบฮิคารุซามะกับพี่ชิณณ์ล่ะ”
“อันนั้นเป็นข้อยกเว้น” คชาว่าส่งๆ

ผมล่ะปวดหัวกับมันจริงๆ มีแต่มันนี่แหละที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์สักที

ผู้ชายแท้บ้าอะไรชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่ได้ชอบแบบชื่นชมอะไรด้วยนะ ชอบแบบพิสวาสอะไรอย่างนั้นต่างหาก
ผมแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจเพราะรู้ว่าไม่ว่ายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่ชิณณ์ไม่ได้ชอบมันเลยสักนิด แต่ก็ยังจะใช้ชื่อเขาในการอ้าง

“แล้วนายชอบคนแบบไหนเหรอ เราหมายถึง...ผู้ชายในสเปกของนายน่ะ พอดีพี่ชิณณ์อยากรู้”
ถามไปก็กระดากปากไป หน้างี้ร้อนจนแทบจะสุกอยู่แล้ว ดีนะที่เก็บอาการได้ คชามันเลยไม่ได้สังเกต นอกจากทำหน้าดีใจแล้วรีบวางโทรศัพท์ในมือลง

“พี่ชิณณ์เป็นคนถามเหรอวะ”
“กะ...ก็ไม่เชิง” ผมอึกอัก
จะให้บอกมันยังไงล่ะว่าความจริงแล้วพี่ชิณณ์ไม่ได้ถาม ผมถามให้ตัวเองต่างหาก แต่คชาไม่สนใจ พูดออกมาเร็วๆ
“สเปกแบบไหน ก็แบบฮิคารุซามะกับพี่ชิณณ์ไง”

ก็เดาไว้อยู่แล้วว่ามันจะต้องพูดแบบนี้ ผมเลยต้องเปลี่ยนคำถามใหม่

“สมมติว่าตัดฮิคารุซามะกับพี่ชิณณ์ออก นายชอบแบบไหน”
“อันนี้พี่ชิณณ์ถามเหรอวะ”
“ปะ...เปล่า เราอยากรู้เอง” พูดไปก็ก้มหน้างุด หน้าร้อนกว่าเดิมอีก

คชานิ่งไป ยกแขนขึ้นกอดอกพลางครุ่นคิด
“หลักๆ เลยก็ตาโต”

ผมนึกถึงดวงตาของตัวเองทันที เออ ก็โตใช้ได้นะ ถึงส่วนใหญ่จะออกไปทางเรียวๆ หน่อยก็เถอะ

“รูปร่างสมส่วนสันทัด”

รูปร่างสันทัดหมายถึงตัวเล็กกว่ามันหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็ใช่เลย

“ปากกระจับน่าจูบ”

อันนี้ไม่แน่ใจแฮะ แต่จากการที่เคยถูกมันจูบมาสองหนก็เดาว่าปากตัวเองก็คงจะน่าจูบเหมือนกันนะ ไม่อย่างนั้นคชามันคงไม่จูบแม้ว่าครั้งแรกจะเป็นไปเพราะเมาและครั้งที่สองก็เป็นการให้รางวัลก็เถอะ

“แล้วไงอีก” ผมที่พอจะระงับความเขินอายได้ออกปากถามต่อเมื่อเห็นว่าคชานิ่งคิดไปเล็กน้อย
“หน้ารูปไข่”
“หน้ารูปไข่” ผมทวนคำพูดพลางนึกถึงรูปหน้าของตัวเอง

“ใช่ หน้ารูปไข่” คชาเองก็ทวนคำตอบเหมือนกัน

ก็เรียวใช้ได้ เรียกว่าทรงใบหน้ารูปไข่เหมือนกันนะ

หากแต่สิ่งที่ผมคิดนั้นผิดมหันต์ เพราะคชามันรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ มันจึงพูดออกมาอีก
“หน้ารูปไข่นะมึง”

ผมมองหน้ามัน

เออ รู้ว่าหน้ารูปไข่น่ะ จะย้ำทำไมนักหนา เป็นส่วนสำคัญที่ดึงดูดใจหรือไง

ผมพยักหน้ารับรัวๆ ไปอย่างนั้น กะจะถามต่อว่ามีอะไรอีกไหม ทว่าคชาก็ยังจะย้ำประโยคเดิมออกมาอีก
“หน้ารูปไข่”

แล้วก็ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ผมมองแล้วก็เกิดสังหรณ์ใจขึ้นมา พร้อมกับตงิดๆ ขึ้นมาด้วยว่าตอนมันพูดตัว ร.เรือ มันไม่ได้กระดกลิ้น

หรือว่า...

“กูชอบคนน่าลูบไข่ เข้าใจใช่ไหมมึง”

กูเข้าใจแล้ว เข้าใจชัดเจนดีเลย มึงจะย้ำทำไมนักหนา!

“จะลูบให้ครางรหัสนักศึกษากูไม่หยุดเลย”

มันพูดออกมาอีกแล้ว ชูสองมือขึ้นมากระดิกนิ้วยิกๆ ในอากาศด้วยท่าทางประมาณว่า ‘จะทั้งลูบทั้งขยำให้หนำใจ’ ผมเห็นแล้วหน้าร้อนฉ่าเลย ร้อนไปทั้งร่าง ขณะที่คชาหัวเราะกับท่าทางของผมในตอนแรกเป็นบ้าเป็นหลัง

“อยากเป็นคนน่าลูบไข่สำหรับกูล่ะซี่”

มึงนี่ก็จะมาตลกคาเฟ่อะไรนักหนา ไอ้บ้าคชา! ไอ้คนลามก!

คิดภาพถูกมันลูบตรงส่วนนั้นตามแล้วขนลุกชัน

ให้ตาย ผมนี่ก็บ้าจี้คิดลามกตามมันไปอีก!

“หน้าแดงหมดแล้วไอ้เอ๋อ ไอ้ทะลึ่ง!” แล้วมันก็ทำมาเป็นล้อผม
ผมนี่อยากจะคว้าหมอนมาฟาดหน้ามันนัก

ใครกันแน่วะที่ทะลึ่งน่ะ!

คิดผิดชะมัดเลยที่ไปถามมันอย่างนั้น ไม่ได้อะไรขึ้นมาสักนิด แถมยังจะถูกมันแกล้งอีก เปิดช่องทางให้มันหลงตัวเองมากขึ้นอีกต่างหาก

“กูรู้นะว่ามึงไม่ได้ถามให้พี่ชิณณ์ มึงถามให้ตัวเองก็บอกมาเถอะ กูรู้ว่ะว่ามึงชอบกู”

ใจผมเต้นแรงทันที

“ไม่...ไม่ได้ชอบ”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะปฏิเสธได้เต็มปากเต็มคำ แต่ในตอนนี้พูดแทบไม่ออกเลย

คชายิ้มมุมปากให้กับผมที่ก้มหน้าซ่อนความเขินอาย มันคงจะไม่ได้คิดอะไรหรอกตอนพูดประโยคนั้น มีแต่ผมนี่แหละที่คิด แล้วก็ต้องใจเต้นแรงขึ้นมาเมื่อมันเอามือมาวางบนหัวผม

“เวลาไปชอบใคร มึงไม่ต้องสนใจหรอกว่าเขาจะมีสเปกแบบไหน สเปกของคนเรามันเปลี่ยนกันได้ มึงก็แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอ”

แล้วก็ออกแรงยีเบาๆ การกระทำนี้เป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุดเลย คชาจะรู้บ้างไหมนะว่าเวลามันทำแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกดีแค่ไหน
หากแต่รู้สึกดีเพียงแวบเดียวเท่านั้นแหละเมื่อคชาพูดต่อ

“ถึงมึงจะดูไม่เต็ม เอ๋อเหรอ โรคจิต เชยก็เชย ดูแล้วเหมือนไม่อะไรดีสักอย่าง แต่พอดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน ไม่ต้องมาเขิน ฉันพูดจริงๆ เธอมีเสน่ห์มากมาย จะน่ารักไปไหน อยากจะได้แอบอิง...”

แล้วมันก็ร้องออกมาเป็นเพลงคนมีเสน่ห์ ของป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ เต้นโยกซ้ายทีขวาทีประกอบ ทำเอาผมมองมันด้วยสายตารังเกียจทันควัน ความหล่อเหลาเอาการเมื่อครู่นี้อันตรธานหายไปทันตา ผมกลับไปมองมันเป็นคชาคนเดิมเป็นที่เรียบร้อย

มึงไปเลย ไปร้องตรงนู้นให้จบก่อนแล้วค่อยกลับมาคุยกับกูนะ!

ยกมือขึ้นคลึงขมับทันควัน ไม่น่าไปถามมันเลย แล้วก็ไม่น่าไปหวังอะไรจากมันด้วย วินาทีนี้ถามตัวเองรัวๆ เลยว่าชอบมันเข้าไปได้ยังไง

อารมณ์ชั่ววูบชัดๆ...

อยากจะเลิกชอบมัน ณ บัดนั้นเลย ทว่าคชาก็หยุดเต้นหยุดร้องเสียก่อน หัวเราะใส่ผมที่ทำหน้าปูเลี่ยนๆ พลันพูด
“มึงไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้นใส่กูเลย กูรู้ว่ากูหล่อ”

อืม...

มองหน้ามันอย่างเอือมระอา ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ทั้งนั้น ก่อนคชาจะกลับมาเป็นคนอีกครั้ง

“แต่ก็อย่างที่บอก มึงจะชอบใครก็ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าเขามีสเปกยังไง เป็นตัวของตัวเองแหละดีแล้ว เป็นแบบนี้กูก็ว่ามึงน่ารักดี ถ้ากูชอบผู้ชาย กูคงจีบมึงไปแล้ว”

ผมมองหน้ามันอย่างตกใจ คชาเอียงคอเล็กน้อย ยิ้มแล้วก็พยักหน้า
“กูพูดจริง”

มือไม้สั่นทันใด ไปต่อไม่ถูก
“ระ...เหรอ” ตอบรับเสียงแผ่วเบา

พลันคชาก็ทำโลกของผมดับวูบ
“แต่มึงดันมีเดือยงี้ กูยังไม่อยากทำศึกยุทธหัตถีชนช้าง ถ้าเป็นฮิคารุซามะหรือพี่ชิณณ์ก็ว่าไปอย่าง ไว้มึงไปโมฯ หน้ามาแล้ว กูจะพิจารณาอีกที”

ขอโทษที่กูไม่ได้เป็นดาราหนังโป๊เกย์แล้วก็ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนพระเอกหนัง GV ที่มึงชอบนะไอ้คชา!

คำถามว่าผมชอบมันเข้าไปได้ยังไงผุดพรายขึ้นมาอีกแล้ว

สงสัยอยู่กับมันมากไป สติสตังผมเลยลดลงตามมันแล้วล่ะมั้ง

ชอบคนบ้าเข้าไปได้ ไม่น่าเลยไอ้มาวิน...

ขยับปากขมุบขมิบด่าตัวเองเป็นพัลวัน คชาหัวเราะน้อยๆ
“แต่มึงก็เป็นตัวของตัวเองอย่างนี้แหละ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว กูชอบ”

ผมมองอย่างอึ้งงัน หากแต่คชาคงจะพูดโดยไม่ได้คิดอะไรเพราะพอพูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับคว้าโทรศัพท์มาเล่นหน้าตาเฉย ไม่สนใจผมที่ถูกมันทำให้ใจเต้นเร็วและแรงอยู่ข้างๆ เลยแม้แต่น้อย

ชอบ... ชอบมากเลยแฮะ

คชา... เราชอบนายมากเลยว่ะ



 
สเปกของคชาก็ไม่ได้รู้ ซ้ำยังถูกมันย้ำไปย้ำมาอีกว่าชอบฮิคารุอะไรนั่นกับพี่ชิณณ์ บอกตรงๆ ว่าทำผมเซ็งไปเลยนะ แต่ผมก็ยอมรับมันอย่างไม่มีเงื่อนไขเพราะมันผมเป็นฝ่ายที่อยากรู้เอง และคชาก็ไม่รู้ด้วยว่าผมชอบ ซึ่งผมไม่มีทางที่จะบอกมันอย่างแน่นอน เพราะผมไม่ได้อยากจะเป็นแฟนมัน อยู่อย่างนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว

ไม่รู้ว่าหลอกตัวเองหรือเปล่า บางครั้งเวลาเห็นมันดูหนังโป๊ของไอ้ฮิคารุนั่น หรือพูดถึงพี่ชิณณ์ ผมก็เกิดหึงหวงเล็กๆ ในใจเหมือนกัน นอกจากความหึงหวงแล้วก็ยังมีความน้อยใจ ทว่าก็ช่างมันเถอะ อีกเดี๋ยวผมก็คงตัดใจได้

ยังไม่ทันจะได้คิดคบหา ผมก็ตั้งท่าจะตัดใจแล้ว หากแต่การตัดใจใครว่าทำได้ง่ายๆ กันล่ะในเมื่อในหัวผมเอาแต่คิดถึงภาพใบหน้าของคชาไม่ยอมหยุด

จะชอบมันมากเกินไปแล้ว!

ผมฟุบหน้าลงกับแขนที่เท้าอยู่บนโต๊ะอย่างหงุดหงิดที่ควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้ ทำเอาพี่ชิณณ์ที่ไปถ่ายเอกสารแล้วเพิ่งเดินกลับมาเห็นเต็มสองตา วางเอกสารได้ก็เอ่ยปากทัก

“เป็นอะไรน่ะมาวิน ปวดหัวเหรอ”
ผมรีบเงยหน้าขึ้นก็เห็นพี่ชิณณ์มองด้วยสายตาเป็นห่วง ลืมไปสนิทเลยว่าไม่ได้อยู่คนเดียว วันนี้ผมนัดกับพี่ชิณณ์มาทำเปเปอร์ที่ห้องสมุดน่ะ พอเห็นเขามีสีหน้าไม่ค่อยดี ผมเลยส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“เปล่าครับ พอดีผมคิดฟุ้งซ่านอะไรนิดหน่อย”
“ฟุ้งซ่าน? คิดอะไรอยู่ล่ะ บอกพี่ได้นะ เผื่อพี่ให้คำปรึกษาอะไรได้” เขาว่าพลางทรุดตัวฝั่งตรงข้าม

แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมจะไปบอกเขาล่ะว่าที่เป็นอย่างนี้เป็นเพราะคิดถึงแต่เรื่องของคชา ขืนเขารู้ว่าผมชอบคชา มีหวังเขาได้ไปบอกคชาว่าชอบผมอย่างแน่นอน

ความจริงก็ไม่แน่นอนหรอก ผมไม่แน่ใจ แค่คิดล่วงหน้าไปก่อนเองเท่านั้น แต่ถ้าหากมันเป็นอย่างนั้น ผมคงจะเข้าหน้าคชาไม่ติด และมันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็คิดไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” ผมปฏิเสธ
พี่ชิณณ์ดูไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ผมพูดสักเท่าไหร่
“จริงเหรอ”
“อื้ม จริงครับ”
พูดไปอย่างนี้แล้วแท้ๆ พี่ชิณณ์ก็ยังไม่เชื่ออีก พลันพ่นลมหายใจออกมา ยกมือขึ้นเท้าคางบนโต๊ะพลางพูด
“แต่พี่ว่ามาวินไม่อยากบอกพี่มากกว่า พี่สังเกตมาวินอยู่นะ ตั้งแต่กลับจากค่ายกองสันฯ มา มาวินดูเหม่อๆ อยู่เหมือนกัน แสดงว่ามีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม”

ถามซอกแซกมาอีก ผมก็ลืมไปว่าเวลาที่เราชอบใครสักคน เราจะสังเกตทุกรายละเอียดของคนคนนั้นทุกระเบียดนิ้ว ผมสังเกตคชา พี่ชิณณ์ก็สังเกตผมเช่นกัน

ผมเลยรีบยิ้มกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ ผมก็แค่เหนื่อยๆ เรื่องเรียนกับเรื่องงานน่ะ”

คราวนี้พี่ชิณณ์ทำท่าเหมือนจะเชื่อเพราะเขารู้ว่าระยะนี้ผมทำงานพิเศษเป็นติวเตอร์ด้วยจากการแนะนำของคชา ผมได้สอนวิชาสังคม บางครั้งก็ได้ไปสอนพร้อมกับคชา บางครั้งก็ฉายเดี่ยว ทุกอย่างดีหมด เว้นเสียอย่างเดียวคือทโรงเรียนที่ผมต้องไปสอนประจำดันเป็นโรงเรียนชายล้วนที่ผมเคยไปสอน ผมก็ได้แต่ทำเป็นหูหนวกตาบอด ไม่มองแหนมตุ้มจิ๋วของเด็กพวกนั้นเลยพอจะอยู่ได้

“คงจะเครียดล่ะสินะ” เดชะบุญที่พี่ชิณณ์เชื่อ เขายิ้มออกมาเล็กน้อย “พี่เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ นะ”

มองแล้วก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย ถ้าผมชอบพี่ชิณณ์ ผมคงจะเป็นคนที่มีความสุขมากเลยทีเดียว เขาน่ารักสดใสขนาดนี้ ยิ้มที ความเครียดของผมก็แทบจะมลายหายไป แต่ผมดันไม่ได้ชอบพี่ชิณณ์เสียนี่ แล้วก็ไม่ควรจะชอบด้วยเพราะคชาชอบเขาอยู่
ผมยิ้มรับ พยักหน้าให้พลันเบนความสนใจไปยังเอกสารที่พี่ชิณณ์ถ่ายมาให้ตรงหน้า

“เดี๋ยวกองนี้ มาวินเอากลับไปพิมพ์ก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะแปลเท็กซ์ที่โหลดมาจากเน็ตไปใส่”

เห็นผมจับเอกสาร พี่ชิณณ์ก็มอบหมายงานให้ ผมครางตอบรับ มือเปิดเอกสารทีละหน้าเพื่อเช็กว่าพี่ชิณณ์ถ่ายหน้าหนังสือที่ผมต้องการมาครบหรือไม่ ก่อนผมจะสังเกตเห็นว่าเนื้อหาสำคัญบางส่วนมันหายไปจึงรีบร้องบอก

“พี่ชิณณ์ไม่ได้ถ่ายมาบทนึงนี่ครับ”
“หืม ไหน?”
“นี่น่ะครับ” ผมบอก ยื่นเอกสารในมือไปตรงหน้าเพื่อให้พี่ชิณณ์ดูด้วย

พี่ชิณณ์เองก็ขยับโน้มตัวมาข้างหน้า สายตามองไปยังเอกสารขณะที่ผมพูด
“มันบทที่สามแล้วก็กระโดดไปบทที่ห้าเลย บทที่สี่ไม่มี”
“สงสัยพี่คนที่ถ่ายเขาจะลืม เดี๋ยวพี่ไปถ่ายให้ใหม่นะ”

ผมผงกหัวตอบไปโดยไม่ได้สนใจพี่ชิณณ์อีก เอาแต่ตรวจดูว่าข้อมูลที่ต้องการมันครบไหม ไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อยว่าพี่ชิณณ์ยังไม่ขยับไปไหน ไม่ขยับไม่พอ ยังจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิมเสียอีก ก่อนจะร้องเรียก
“มาวิน”

ผมเงยหน้าขึ้นก็ต้องผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใบหน้าของพี่ชิณณ์อยู่ใกล้เพียงคืบ ได้สติก็ออกปากถาม
“อะ...อะไรเหรอครับ”

สังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าพี่ชิณณ์ต้องคิดจะทำอะไรอย่างแน่นอน ยิ่งเห็นสายตาที่พี่ชิณณ์มองมาอย่างหยาดเยิ้มก็คิดเลยเถิดไปไกล

อย่าบอกนะว่าจะจูบ!?

คิดอย่างนี้เพราะนอกจากใบหน้าเขาที่อยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกันแล้ว โต๊ะที่ผมนั่งอยู่กับพี่ชิณณ์ก็ไม่มีคนเสียด้วย บรรยากาศรอบข้างก็เงียบสงบ เข้าทางไม่ใช่น้อย

แต่มันเรื่องอะไรที่ผมจะยอมให้เขาจูบกันล่ะ ต่อให้เขาไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้น ผมก็ต้องรีบถอยออกมาก่อน!

เขาไม่ตอบคำถาม ผมก็ไม่สนแล้ว รีบถอยออกมาพร้อมกับพูดเร็วๆ
“ผมว่าผมเอาหนังสือไปถ่ายเอกสารดีกว่า พี่ชิณณ์รอที่นี่นะครับ”

กำลังจะเลื่อนเก้าอี้ถอยตาม แต่ก็ต้องพุ่งตัวไปข้างหน้าเมื่อถูกพี่ชิณณ์รั้งท้ายทอยให้เข้าไปหา จังหวะที่ผมถลาไปข้างหน้า ริมฝีปากสีสวยของพี่ชิณณ์ก็ประทับลงมาบนเรียวปากผมพอดี

ผมเบิกตาโต อึ้งงันกับสิ่งที่เขาทำ เขาค่อยๆ ผละออกมา ก่อนจะมีท่าทีเลิ่กลั่ก
“เอ่อ...พี่ขอโทษ”

พูดไป หน้าก็แดงแจ๋ลามไปยังใบหูและลำคอ เขาดูน่ารักมากในสีหน้าแบบนี้ แต่ไม่ใช่สำหรับผม การที่เขาทำแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกแย่กับตัวเองมากเลยทีเดียว

พี่ชิณณ์เป็นคนที่คชาชอบนะ!

อยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ผมรีบลุกขึ้นยืน คว้าข้าวของทุกอย่างด้วยความรวดเร็วทันที พี่ชิณณ์เห็นอย่างนั้นก็รีบคว้าข้อมือผมเอาไว้
“เดี๋ยวสิมาวิน ให้พี่อธิบายก่อนได้ไหม”

ผมมองหน้าเขา ไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงดี ที่สำคัญ ผมยังไม่พร้อมจะฟังเขาพูดอะไรในตอนนี้ด้วย จึงได้แต่บิดข้อมือหลุดจากการเกาะกุมแล้วก้าวออกจากพื้นที่ตรงนั้นด้วยความเร็วแสงโดยไม่สนใจจะหันไปมองข้างหลังอีก พ้นจากห้องสมุดมาได้ก็วิ่งกลับหออย่างไม่ลืมหูลืมตาพร้อมกับพึมพำประโยคเดียวในใจไปตลอดทาง

ฉิบหายแล้วๆๆ!

กลายเป็นเรื่องรักสามเส้าจริงๆ จังๆ ไปแล้ว!
-----------------------------------
มาแล้วววว วันนี้มาดึกหน่อยเพราะอดนอนมาหลายคืน เพิ่งตื่นเมื่อทุ่มกว่าๆ นี่เองค่ะ 555
ตอนนี้พี่ชิณณ์เริ่มรุกแล้ว ร้ายมากกก อีคชา แกยังเล่นบ้าๆ บอๆ อยู่ได้ เดี๋ยวพี่ชิณณ์ก็คาบไปกินหรอกแกรรร๊
แอบกระซิบบอกไว้ว่าเรื่องนี้เป็นพล็อตรักสามเส้าก็จริง แต่มันไม่ดราม่านะคะ อาจจะมีนิดหน่อยแค่นั้นแหละ เพราะเรื่องนี้ตั้งใจว่าจะเขียนอะไรที่อ่านง่ายๆ สบายๆ ไม่ซับซ้อน เน้นคลายเครียด ดังนั้นอย่าไปหวังมากกว่ามันจะมีปมโน่นนี่เยอะแยะ ไม่มีเล้ยยย 555

พรุ่งนี้จะมาต่อให้ค่ะ ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยน้า
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...[100%][01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 01-05-2017 07:14:20
แล้วจะเป็นไงต่อล่ะเนี่ยยยยยย อิคชาทำเราสับสน ก่อนหน้านั้นทำเป็นมาเขินใส่มาวิน แล้วมาบอกว่ายังชอบพี่ชิณณ์
คืออาร้ายยยยยยยย  :katai1:   
แถมพี่ชิณณ์ยังรุกหนักแล้ว  หวงมาวินแทนอิคชาอะ :ling1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...[100%][01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-05-2017 07:29:56
มาวินเอ้ย!!!!
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...[100%][01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 01-05-2017 09:20:37
อยากได้พี่ชิณณ์

คชาผีบ้าเอาน้องวินไปเลย
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...[100%][01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 01-05-2017 12:53:22
 :mew5: :mew5: :katai1: :katai1: โอยยยยยแป้นจะแตกหัวใจจะวายตายหัวใจจะวายตาย กำลังตื่นเต้น จบตอนซะแร้วววอะ :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...[100%][01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-05-2017 16:34:06
พี่ชิณณ์ต้องคิดว่าวินโกรธแน่ๆ  :katai5:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...[100%][01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-05-2017 17:18:39
 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...[100%][01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 01-05-2017 17:35:46
คชาขี้อ่อย
ถึงจะบ้าบอแต่มาวินก็ยังหวั่นไหวกับคชา :katai1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...[100%][01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-05-2017 18:55:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...[100%][01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 01-05-2017 19:38:46
 :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 15: แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...[100%][01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 01-05-2017 19:52:02
เอิ่ม ไหนๆก็ไหนละ  ขอเป็น สี่เศร้าแล้วบ้าๆบอๆปเลยดีไหม ฮ่าๆๆๆๆๆๆ   
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 16: ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักฯ[100%][01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 01-05-2017 22:13:39
สบตา ครั้งที่ 16: ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้หรือเปล่าวะ

สิ่งที่พี่ชิณณ์ทำมันทำให้ผมรู้สึกแย่กับตัวเองมากจริงๆ ถึงผมจะไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มและไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชิณณ์เลยแม้แต่น้อย ทว่าผมก็รู้ดีแก่ใจว่าคชาคิดอะไรกับพี่ชิณณ์อยู่ การที่ผมกับเขาจูบกันอย่างนี้มันทำให้ผมรู้สึกไม่ต่างอะไรจากหักหลังคชาเลยแม้แต่น้อย

หลังจากวิ่งหน้าตั้งกลับมาจากห้องสมุด ถึงหอได้ผมก็ตั้งใจจะบอกคชาว่าเกิดอะไรขึ้น หรือถ้าไม่กล้าบอก อย่างน้อยคชาก็ควรจะรู้ว่าพี่ชิณณ์คิดอะไรกับผม เพราะไม่อย่างนั้นถ้าคชารู้ทีหลัง มันจะต้องคิดว่าตัวเองโง่และถูกผมหลอกอย่างแน่นอน ก็มันเคยพูดกับผมว่าถ้าผมจีบพี่ชิณณ์ติด มันจะเลิกยุ่งกับพี่ชิณณ์ ทั้งที่ผมไม่ได้คิดพิศวาสอะไรพี่ชิณณ์แม้แต่น้อย มีแต่มันเท่านั้นที่คิดเองเออเองไปคนเดียว

เนี่ยแหละ เพราะแบบนี้ผมเลยกลัวไงว่ามันจะคิดว่าถูกผมหักหลัง ผมยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงก่อนจะเปิดเข้าไป คชากลับมาจากมหาวิทยาลัยพอดี ผมเห็นมันกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เลยออกปากถาม

“ไม่ไปสอนพิเศษเหรอ”
“วันนี้ไม่มีสอน มึงล่ะ”
ผมส่ายหน้า “ไม่มีเหมือนกัน”

คชาไม่พูดอะไรต่อนอกจากพยักหน้าแล้วก็ตรงไปคว้าโน้ตบุ๊กที่โต๊ะอ่านหนังสือ เดินกลับมาที่เตียง ปล่อยให้ผมยืนมองนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น

มันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เห็นอย่างนั้นผมก็ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้นกว่าเดิมไปอีก

เฮ้อ หรือจะไม่บอกดีนะ ปิดมันไปอย่างนี้จะดีกว่าไหม เผื่อตอนนั้นผมตัดใจจากคชาได้แล้ว เรื่องทุกอย่างจะได้จบลงด้วยดี

คิดไม่ตกเลยแม้แต่น้อย ใจหนึ่งก็อยากจะบอก อีกใจก็กลัวว่าคชาจะเปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่ ในตอนนี้ถ้าผมไม่มีมัน ผมก็ไม่รู้เลยว่าจะอยู่ยังไง

อันนี้ไม่ได้เว่อร์ ไม่รู้เลยจริงๆ ถ้าทะเลาะกันขึ้นมา สิ่งแรกที่มันจะทำคือไล่ผมออกจากห้องมันอย่างแน่นอน ถึงจะไปเช่าหอใหม่ได้ แต่ผมไม่มีเงินไง ไม่มีเงินโว้ย! แล้วจะไปซุกหัวนอนที่ไหน ขนาดแชร์ค่าห้องกันสองคนยังไม่ค่อยจะมีเงินเหลือเก็บมาจ่ายค่าห้องเลยเนี่ย!

งั้นไม่บอกแหละดีแล้ว ไอ้ที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก ตอนนี้เปลี่ยนใจกะทันหัน ผมคว้าผ้าเช็ดตัว เข้าไปอาบน้ำอาบท่า กลับออกมาก็ต้องย่นคิ้วพลันเมื่อได้ยินเสียงประหลาดดังออกมาจากโน้ตบุ๊กของคชา

อือ...อ๊ะ...อ๊า...

ไอ้คชา... มึงดูหนังโป๊อีกแล้วเหรอ!?

ปกติแล้วผมก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก หากแต่ไม่ใช่วันนี้

วันที่ผมถูกพี่ชิณณ์จูบ แล้วก็มาเจอคชากำลังดูคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายพี่ชิณณ์ถูกผู้ชายตัวบักเอ้กปู้ยี่ปู้ยำอย่างใจจดใจจ่อ...

หึง...

หึงว่ะ!

รู้สึกตัวเลย ร้อนสันหลังวาบขึ้นมาทั้งตัวด้วย กระนั้นก็ยังเก็บอารมณ์ เดินมาทรุดตัวนั่งข้างๆ คชาบนเตียง สายตาจับจ้องไปยังหน้าจอโน้ตบุ๊กสลับกับคชาก่อนจะเอ่ยปาก

“ดูฮิคารุซามะเหรอ”
“อือ” ตอบโดยไม่หันมามองหน้าผม
“ดูแล้วไม่ใช่หรือไงเรื่องนี้น่ะ”

ถ้าผมจำไม่ผิดน่ะนะ ผู้ชายที่เข้าฉากกับพระเอกหนังโป๊คนนั้นดูหน้าตาคล้ายกับเรื่องที่คชาดูไปก่อนหน้านั้น
“ยังไม่ได้ดู คนละเรื่อง อันนี้เรื่องใหม่” ตอบโดยไม่มองหน้าผมอีก

ผมก็อยากจะพยักหน้ารับอยู่หรอก แต่เห็นคชามันไม่สนใจจะเหลียวมามองผมเลยแม้แต่น้อย ผมก็ชักหงุดหงิดขึ้นมา หัวเสียขึ้นมากกว่าเดิมด้วยเมื่อคชาเอาแต่จดจ่ออยู่อย่างนั้นโดยไม่สนใจผมที่พยายามเรียกร้องความสนใจอยู่ข้างๆ แต่อย่างใด

แกล้งทำโทรศัพท์ตกก็แล้ว แกล้งทำเป็นตบยุงก็แล้ว พลิกตัวไปมาก็แล้ว แม่งก็ยังนั่งดูพระเอกหนังโป๊อยู่อย่างนั้น

มึงชอบมันมากไหมไอ้คชา!

องค์ประทับครับ องค์ประทับ เกือบจะเอื้อมมือไปพับฝาโน้ตบุ๊กปิดเสียแล้ว ดีที่เก็บอารมณ์เอาไว้ได้เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติของ
ไอ้บ้านี่

ตอนยังไม่มีผมมาอยู่ด้วย มันก็ดูของมันเป็นปกติ ตอนมีผมมาอยู่ด้วย มันก็ยังทำตัวปกติ จะมีก็แต่ผมนี่แหละที่ไม่ปกติเพราะไปชอบคนบ้าอย่างมันเข้าน่ะ

คงต้องทำใจแล้วล่ะว่าเป็นความผิดของผมเอง หากแต่พอผมนิ่งไป คชาก็ดันพูดขึ้นมา
“เป็นอะไรของมึงไอ้เอ๋อ ยุกยิกๆ”

ยังไม่มองหน้าผมอยู่ดี ทำเอาผมชักจะโกรธมันขึ้นมาหน่อยๆ ละ
“สนุกมากไหมล่ะดูไอ้ฮิคารุนั่นถูกรุมน่ะ”

คชาหันขวับมาในตอนนี้ นิ่วหน้าทันควัน
“อะไรของมึงวะ”

ผมเลยเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้เผลอทำเสียงแข็งใส่ แสดงท่าทางไม่พอใจออกไป พอรู้สึกตัวก็รีบกลบเกลื่อน
“ไม่มีอะไร ก็แค่ถามเฉยๆ”
“ถามเฉยๆ แล้วจะทำหน้าทำตาเหมือนโกรธกูทำไม”

แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวจริงๆ ด้วย

ผมไม่ตอบ คชาเลยหรี่ตามองอย่างจับผิด
“อย่าบอกนะว่ามึงจะหลงฮิคารุซามะของกูเข้าให้แล้ว พอเห็นกูดูเรือนร่างอันน่าหลงใหลนั่น มึงเลยหวง?”
“เปล่า” ผมกระชากเสียงใส่เล็กน้อย

ไอ้บ้าเอ๊ย ที่หวงน่ะไม่ใช่ไอ้พระเอกหนังโป๊เวรนั่น แต่เป็นมึงต่างหาก!

แล้วพูดได้ไหมล่ะ? ก็ไม่ได้ มีแต่คชาที่พูด

“ถ้างั้นมึงก็คงจะหวงพี่ชิณณ์เพราะฮิคารุซามะหน้าตาคล้ายพี่ชิณณ์”

โว้ย! ไม่หวงทั้งคู่นั่นแหละ หวงมึงต่างหากไอ้คชา แล้วจะดูอีกนานไหมเนี่ยหนังโป๊เนี่ย!

ผมอยากจะตะโกนออกไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์ไว้ ท่องในใจว่าใจเย็นๆ สติๆ แต่คชากลับไม่มีสติเลยแม้แต่น้อย เห็นผมปิดปากเงียบก็เอาใหญ่
“กูเคยบอกมึงแล้วนี่ว่ากูดูเป็นศิลปะ ไม่ได้ดูให้มีอารมณ์ ไม่เชื่อมึงดูเลยว่าเป้ากูไม่ตุง”

เลื่อนโน้ตบุ๊กออกห่างตัว จะโชว์เป้ามหึมาอลังการให้ผมดูอยู่นั่นแหละ ผมเหลือบมองแล้วก็หงุดหงิด คว้าหมอนฟาดหน้ามันไปทีอย่างลืมตัว

“ไม่ดู!” แหวไปด้วยเอาซี่

คชาที่ถูกฟาดหน้าดังอั้กแหวใส่ผมคืนเช่นกัน
“อะไรของมึงเนี่ย เดี๋ยวหน้าหล่อๆ ของกูมีร่องรอยขึ้นมาจะทำยังไง หล่ออย่างกูปั้นไม่ได้แล้วนะเว้ยไอ้เอ๋อ”
“เราไม่ได้ชื่อไอ้เอ๋อ เราชื่อมาวิน!”

หัวฟัดหัวเหวี่ยง ส่งเสียงประชดประชันประหนึ่งมีเมนส์ทั้งที่เป็นผู้ชาย

ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน พอแสดงอาการอย่างนั้นออกไป คชาก็นิ่งทันที
“เป็นอะไรของมึงเนี่ย วันนี้ดูแปลกๆ นะ”

มันก็สังเกตเห็นอยู่ แต่ผมก็ไม่พูด ปั้นปึ่งใส่มันหน้าตาเฉย มันขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกันเป็นปม พักหนึ่งทีเดียวก่อนที่มันจะดีดนิ้วขึ้นมา

“อ๋อ มึงหึงกูแน่ๆ เลยใช่มะ เห็นกูดูฮิคารุซามะเลยหึงล่ะสิ”

ถูกเผงเลย!

แต่ผมก็ไม่ได้ยอมรับอะไร หันไปมองหน้ามันขณะที่มันเก๊กหน้าหล่อขึ้นมาพร้อมกับพูดไปเรื่อยเปื่อย
“เบื่อความหล่อของตัวเองจริงๆ ว่ะ ทำสาวๆ ช้ำใจไม่พอ ยังจะทำมึงช้ำใจอีก หล่อมากช่างเป็นบาป ตายไปกูคงตกนรกหมกไหม้”

พูดเรื่อยเปื่อยสุดๆ ไปเลย หลงตัวเองได้อีก ผมมองแล้วก็ระอา ทว่าไม่สนแล้วล่ะ เหลือบไปมองเห็นหนังโป๊กำลังเล่นต่อไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่พอใจมากกว่าเดิม

ชอบมันนักเหรอไอ้ฮิคารุซามะน่ะ ชอบเรือนร่างมันนักใช่ไหม อยากเสพศิลปะ...ได้! มาดูของกูนี่!

คิดอย่างนั้น ผมก็เอ่ยปาก “คชา”
คชาหันมามอง ทำหน้าหล่อที่ยังไงก็ดูรู้ว่าเก๊ก
“เรียกคนหล่อทำไม”
“มามีอะไรกันเถอะ”

ไม่รู้อะไรเข้าสิงผมให้พูดไปอย่างนั้น คงเป็นเพราะความหึงหวงของผมนั่นแหละ ส่วนคชาที่เก๊กหล่ออยู่เมื่อครู่ ตอนนี้เก๊กแตกไปเรียบร้อย อ้าปากค้างกับสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่

“อะ...อะไรนะ” ขยี้หูตัวเองแรงๆ มองหน้าผมราวกับว่าไม่เชื่อ
ผมก็ใจเต้นรัวแรงขึ้นมาในตอนนี้เมื่อสำนึกได้ว่าพูดเรื่องบ้าๆ ออกไป มันควรจะหยุดแล้วล่ะ แต่ผมก็ดันเอ่ยออกไปอีก
“เรา...มาทำกันเถอะ”

สิ้นเสียง คชาก็เบิกตาโตกว่าเดิม ขยับริมฝีปากถามผมอย่างรวดเร็ว
“มึงเอาจริงเหรอวะ”
ผมพยักหน้า กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากขณะที่คชายังคงดูงุนงงกับสิ่งที่ผมพูดไปก่อนหน้า
“อะไรวะเนี่ย” ครางออกมาอย่างไม่เชื่อหูอีกว่าเรื่องบ้าๆ พวกนี้จะหลุดออกมาจากปากผมอีกครั้ง

แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ผมพูดไปแล้วนี่ แล้วผมก็...พูดจริง

ไม่มีการปฏิเสธหรือพลิกลิ้นกลับลำทีหลังว่าเป็นเรื่องล้อเล่นแต่อย่างใด ผมไม่ได้อยากจะหยอกคชาเล่นอย่างที่มันทำกับผมบ่อยๆ ทว่าคชาคงคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นล่ะมั้งถึงได้ดูสับสน ผมก็เลยแสดงความชัดเจนด้วยการขยับเข้าไปหามันจนตัวแทบจะติดกัน

คชาผงะเล็กน้อย มองหน้าผมอย่างตกใจเมื่อได้ยินผมพูดว่า...
“เราพูดจริง”
แล้วก็ดึงคอเสื้อมันให้โน้มใบหน้าเข้าใกล้ก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากของคชา ผมเห็นว่ามันเบิกตาโตมากขึ้นไปอีกก็ตอนที่ผละริมฝีปากออกมา มันคงไม่คิดว่าผมจะทำอะไรแบบนี้ แล้วผมก็ยอมรับผลที่จะตามมาหลังจากนี้แล้วด้วย

ถ้ามันจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับผมเพราะสิ่งที่ผมทำก็เอาเลย ผมจะได้จบเรื่องทุกอย่างก่อนที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้สักที แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว ผมล่ะเกลียดความรู้สึกหึงหวงนี้ เกลียดที่จะต้องตระหนักรู้อยู่ตลอดว่าคชาชอบใครและคลั่งไคล้คนอื่นที่ไม่ใช่ผม เกลียดที่มันบอกว่าถ้าไม่ใช่ฮิคารุซามะหรือพี่ชิณณ์ มันก็จะไม่มีวันมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน เกลียดที่มันมาทำดีกับผม ทำให้ผมหวั่นไหว ทำให้ผมรู้สึกดี ทำให้ผมคิดไปไกล แต่มันกลับเอาแต่บอกว่าไม่ชอบพี่ชิณณ์อย่างนั้น คลั่งพระเอกหนังโป๊อย่างนี้
ถ้าไม่ได้ชอบกูก็อย่ามาทำให้กูหวั่นไหวกับมึงจนเลยเถิดมาถึงขั้นนี้สิวะ

เกลียดมันจริงๆ เลย!

เกลียดแต่ก็ดันเอาตัวใส่พานถวายให้มันหน้าตาเฉย อย่างว่าแหละ ผมก็เป็นผู้ชาย การอยากสัมผัสคนที่ตัวเองชอบมันเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว และตอนนี้ผมก็อยากจะสัมผัสคชา

...อยากให้คชาสัมผัสผมด้วยเช่นกัน

ผมเห็นคชานิ่งอึ้งไปอย่างนั้นก็เดาเอาว่ามันคงจะโวยวายแล้วก็ปฏิเสธเพราะมันคิดว่าผมชอบมันและก็ชอบอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นเพียงแต่ผมไม่ได้พูดเองจากปากก็เท่านั้น

หรือว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันเป็นเรื่องที่ไร้สติตามสมองคชาไปอีกคนแล้ว?

ผมถอนหายใจ ค่อยๆ ถอยออกห่างจากคชา กะว่าจะยุติเรื่องบ้าๆ นี้ในวินาทีนั้นก่อนที่ตัวเองจะถูกปฏิเสธ ถ้าถูกปฏิเสธ มันคงจะเจ็บปวดกว่าถอยออกมาเองอย่างแน่นอน ทว่าคชากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคิดของผมด้วยการยกมือขึ้นมาประคองซีกหน้าของผมข้างหนึ่งเอาไว้เพื่อตรึงให้ผมหยุดอยู่กับที่

“กูเคยบอกมึงแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่าใจง่าย ถึงมึงจะเป็นเกย์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไปมีอะไรกับคนอื่นโดยไม่ได้เป็นอะไรกันได้นะ”
พูดพลางสบตาผมนิ่ง ผมก็จ้องมันตอบนิ่งๆ เหมือนกัน
“ไม่ได้เป็นอะไรกัน...” ผมว่า ก่อนจะยิ้มบางๆ กับสถานะของตัวเอง “นั่นสินะ เรามันก็แค่เพื่อนที่ไม่สนิทกับรูมเมทของนาย”

ไม่อยากจะมองหน้ามันแล้ว ก้มหน้างุด ตอนนี้รู้สึกอับอายขายขี้หน้า อยากจะเอาผ้าห่มมาคลุมโปงหนีมันชะมัด

“พูดอะไรของมึงเนี่ย” คชาว่าเสียงต่ำ
ผมเม้มริมฝีปากแน่น ไม่รู้จะพูดอะไรตอบดี ก่อนที่ความกระดากอายจะกลับกลายเป็นความตื่นเต้นอีกระลอก
“กูรู้ว่ามึงชอบกูน่ะ มึงจะประชดประชันทำไม”

รู้เหรอ!?

เออรู้ รู้เพราะมันมโนไปเองน่ะ ไม่ได้เป็นเพราะผมบอกหรอก

ทว่ามันพูดอย่างนั้นก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องกระดากปากบากหน้าไปบอกมันว่าชอบ มีแต่หัวใจที่เต้นโครมครามเท่านั้นเมื่อคชาเอ่ยขึ้น
“ถึงกูจะไม่ได้ชอบมึง แต่ถ้ามึงชวนกูแบบนี้ กูทำจริงๆ นะ”

ผมพยักหน้าน้อยๆ ประหนึ่งว่าเตรียมใจมาแล้ว และการพยักหน้านั้นก็เป็นสัญญาณให้คชาได้เริ่มทำในสิ่งที่ผมร้องขอ

คชาลังเลนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจของเราทั้งคู่สัมผัสกัน พลันริมฝีปากหนาวางนาบลงมาบนเรียวปากผม มันเป็นการจูบครั้งที่สี่ของพวกเรา หากแต่เป็นครั้งแรกที่เป็นการจูบอย่างดูดดื่ม ไม่ใช่การใช้ริมฝีปากสัมผัสกันเฉยๆ ปลายลิ้นนุ่มของคนตรงหน้าดุนดันเข้ามาในโพรงปาก เกี่ยวกระหวัดรัดกับลิ้นของผม ผมซึ่งไม่เคยจูบใครแบบนี้มาก่อนได้แต่ตอบรับอย่างไม่ประสา ก่อนจะถูกคชาค่อยๆ ดันตัวให้นอนราบลงบนเตียงอย่างช้าๆ

เราจูบกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนผมหายใจแทบไม่ทัน ดีที่คชาเว้นจังหวะให้ผมได้หายใจ ผมสูดออกซิเจนเข้าปอดเฮือกใหญ่หลังจากริมฝีปากเป็นอิสระ รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผะผ่าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คชาที่อยู่ใกล้ผมเพียงคืบกัดริมฝีปากคล้ายจะยิ้มก็ไม่ยิ้มก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมต้องหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา

“มาอ่อยกูแบบนี้ มึงโดนกูกินแน่ไอ้เอ๋อ เตรียมตัวลุกไม่ขึ้นได้เลย”
หน้าร้อนยิ่งกว่าเดิมแล้วแฮะ ไม่ใช่แค่หน้าแล้วด้วย ร้อนไปทั้งตัวเมื่อคชาใช้มือข้างหนึ่งสอดเข้ามาที่ใต้เสื้อของผม ลากลูบไปบนหน้าท้องและแผ่นอกขณะที่มันพรมจูบไล่ลงต่ำมายังซอกคอ

ผมขบกรามแน่น มือทั้งมองข้างกำผ้าปูที่นอนจนยับย่น รู้สึกตัวอีกที เสื้อยืดที่สวมอยู่ก็ถูกถอดออกไปแล้ว ผมเหลือบมองคชาที่ตอนนี้กำลังยืดตัวขึ้นเพื่อถอดเสื้อของตัวเองด้วยความตื่นเต้น พอมันถอดเสร็จและเห็นผมมองอยู่ก็เอ่ยปาก

“หล่อลากน่าปล้ำล่ะสิ แต่โทษทีที่กูเป็นฝ่ายปล้ำมึง”

มันใช่เวลามาหลงตัวเองหรือเปล่าวะ!

ก็ไม่อยากจะใส่ใจหรอกเพราะในตอนนี้คชากลับมาวุ่นวายกับร่างกายผมอีกแล้ว

ริมฝีปากอุ่นร้อนไล่โลมเลียไปตามหน้าท้องและแอ่งสะดือ ก่อนจะมาหยุดที่ยอดอกข้างหนึ่ง สัมผัสวาบหวามที่แล่นพล่านไปทั่วกายจากการถูกปลายลิ้นรุกรานยังตุ่มไตทำให้ผมไม่สามารถควบคุมความต้องการตามธรรมชาติของตัวเองได้

อกแอ่นขึ้นตอบรับการสัมผัส เสียงครางในลำคอดังฮืมออกมาโดยไม่รู้ตัว คชาผละริมฝีปากออกจากการดูดดึงยอดอกของผมเล็กน้อย ก่อนจะบ่นพึมพำ
“มึงก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักอย่างนี้หรือเปล่าวะ”

ผมเลิกคิ้วสูงด้วยสงสัยว่ามันพูดถึงเรื่องอะไร แต่ไม่ทันได้ถาม คชาก็มีสีหน้าสับสนขึ้นมาพลางบ่นออกมาอีก
“เป็นแค่ไอ้เอ๋อแท้ๆ กล้าทำให้กูใจเต้นเหรอ”

ใจเต้น…หรือว่าคชาก็คิดแบบเดียวกันกับผม!?

อยากรู้ อยากถาม แต่สิ่งที่หลุดออกจากปากมีแต่เสียงร้องที่ฟังไม่ได้ศัพท์ คชาผละไปพับฝาพับโน้ตบุ๊กแล้วหันมาถอดกางเกงผมออก มือหนาลูบไล้กอบกุมส่วนอ่อนไหว ผมสะดุ้งเฮือกด้วยรู้สึกประหลาด ครั้งนี้มันแตกต่างจากตอนที่ผมเมาลิบลับ

...เพราะมันดันรู้สึกชัดเจนทุกอย่างเลยน่ะสิ

มือที่กำผ้าปูที่นอนอยู่ตวัดโอบรัดร่างกายของคชาทันที คชาดึงมือข้างหนึ่งของผมไปสัมผัสยังกลางลำตัวของตัวเอง ขยับไปมาเล็กน้อยเพื่อให้รู้ว่าผมควรทำยังไง

หน้าผมร้อนฉ่าไปหมดแต่ก็ทำตามแต่โดยดี ก่อนที่จะต้องถูกดันตัวลงนอนอีกครั้งเมื่อคชาชักจะทนไม่ไหว อยากจะผสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียว ผมว่าผมพร้อมแต่ใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ทว่าคชากลับไม่ทำในสิ่งที่ควรจะทำ ดันใช้นิ้วสอดแทรกเข้ามาในกายให้ผมได้บิดเร่าอย่างไม่อาจควบคุม พลิกนิดหน่อยก็ไปถูกโดนจุดที่สร้างความหฤหรรษ์ทำอาผมต้องส่งเสียงออกมาไม่หยุด

ทรมาน... ทรมานมาก อยากจะกอดมันฉิบเป๋งเลย

แต่ก็ถูกคชาหยอกเย้าอยู่อย่างนั้นจนผมต้องเอ่ยปาก

“คะ...คชา ขอเถอะ สักที”
คชารู้ว่าผมหมายถึงอะไร มันยิ้มกระหยิ่มก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้
“ขออะไรหืม?”

ยังจะต้องถามอีก มึงจงใจแกล้งใช่ไหมเนี่ย!

“ถ้าไม่บอกก็ไม่ทำนะ”

เอ้า! หยิ่งไปอีก

มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ทำก็เรื่องของมึงเว้ย!

ผมรู้ว่ามันต้องทำเพราะตัวมันเองก็มีปฏิกิริยาตอบรับเต็มที่ไม่ต่างจากผมเช่นกัน แต่จะให้ผมทำเป็นเงียบก็ทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนเอ่ยปากออกไป

“คชา...กอดเราหน่อยนะ”
คชามองผมนิ่ง ทำหน้าเหมือนฮึดฮัดอะไรบางอย่างก่อนยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบหน้าตัวเอง
“น่ารักจังวะ”

พึมพำอยู่คนเดียวแต่ผมดันได้ยิน ก่อนจะตามมาอีกประโยค
“จับกินแม่ง”

พูดจบก็กิน... กินจริงๆ อ้าปากงับมาที่แก้มผมไม่แรงนักด้วยอารามมันเขี้ยว จากนั้นก็เลื่อนไปประกบปากจูบอีกครั้งขณะที่มือก็ของพวกเราก็ยังอยู่ที่ส่วนอ่อนไหวของกันและกันและเคลื่อนไหวไม่หยุด

ถึงจุดหนึ่ง ผมว่าผมทนไม่ไหวละจึงได้รีบบอกเร็วๆ
“คชา...เราจะไป...”
คชายกยิ้มเผล่ “เอาดิ”
“แต่ว่ามันยังไม่ถึงขั้นสุด...ท้าย”

กัดฟันพูด ควบคุมน้ำเสียงด้วยความยากลำบากเพราะคชามันดันเคลื่อนไหวมือเร็วขึ้นจนผมต้องโก่งตัวขึ้นมาจากเตียงเล็กน้อย พลันได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหู

“รอบนี้ใช้มือไปก่อน ไว้เสร็จแล้วกูจะไปซื้อถุงยางกับเจลหล่อลื่นมาต่ออีกรอบ”

เข้าใจละว่าทำไมมันถึงได้ลีลานัก ที่แท้อุปกรณ์ก็ไม่ครบนี่เอง แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ รู้แค่ว่าตอนนี้ผมมีความสุขมากในอ้อมแขนของคชาก็พอแล้ว



 
ผ่านไปค่อนคืน ผมว่าผมคิดผิดที่ดันไปชวนคชามันทำเรื่องอย่างว่า ตอนแรกก็คิดว่ามันน่าจะจบที่การทำแค่ภายนอกเหมือนครั้งที่เราเมาน่ะ แต่พอรอบแรกสิ้นสุดไป คชามันก็ดันไปซื้ออุปกรณ์มาจริงๆ แล้วผมก็ต้องเสียบริสุทธิ์ให้มัน

...ไม่รู้จะพูดว่ายังไงดี มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดชะมัด

รู้สึกแปลกแต่ก็รู้สึกดี และคชาก็ไม่ได้ทำอีกรอบอย่างที่ปากว่าด้วย จบรอบสองก็ต่อรอบสาม จากสามเป็นสี่ ทำเอาผมซึ่งเป็นคนเอ่ยปากชวนแทบจะกรอบเพราะเสียพลังงานไปเยอะ

มึงไปตายอดตายอยากมาจากไหนวะ!

สะโพกกับบั้นเอวนี่ปวดจี๊ดๆ เลย แต่จะไปว่าอะไรมันก็ไม่ได้ด้วยเพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผมเอง มาคิดๆ ดูแล้ว ผมเองก็สติไม่ดีเหมือนกันที่มาทำอย่างนี้กับรูมเมทตัวเอง

รูมเมทบ้าบอคอแตกอะไรมีเซ็กส์กันหน้าตาเฉยน่ะ!

ประดักประเดิดขึ้นมาแล้ว มีก็แต่คชาที่ยังวางตัวปกติ ไม่ปกติอย่างเดียวคือนอนกอดผมในสภาพเปลือยเปล่าทั้งคู่ ก่อนที่มันจะถามเมื่อเห็นว่าผมขยับตัว
“ปวดมากมั้ยวะ”

หมายถึงเอวอย่างแน่นอน ผมพยักหน้าทันที
“อือ ก็นายไม่ยั้งแรงเลยนี่หว่า”
“แล้วชอบไหมล่ะ” คชายิ้มเจ้าเล่ห์ ใบหน้าอยู่ใกล้ผมเพียงคืบ
“อื้ม” ผมตอบรับไปตามตรง ทำให้คชารวบผมเข้าไปกอดแน่น
“หยุดเลยมึง หยุดทำหน้าน่ารักเลย กูจะไม่นอกใจท่านฮิคารุกับพี่ชิณณ์เด็ดขาด!” โวยวายๆ ตามมา

ตอนนี้ผมเริ่มเฉยๆ กับสิ่งที่มันพูดละ ทำหูทวนลมไปอย่างนั้น พลางซุกหน้าลงบนไหล่แกร่ง ไม่นานนักคชาก็พูดขึ้นมาอีก
“มึงหิวข้าวยัง ข้าวเย็นยังไม่ได้กินเลยนี่หว่า นี่จะสามทุ่มละ”

เออสิ ก็มึงไม่ยอมให้กูลุกจากเตียงเลย จะเอาเวลาไหนไปกินข้าว...

“หิวแล้ว” ผมว่า
คชาเลยผละออกจากผม “งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อข้าว มึงรออยู่ที่นี่แล้วกัน ฝนมันตก เดินลำบาก”

แล้วก็เดินไปคว้าเสื้อผ้ามาสวมพร้อมกับพยักเพยิดให้มองไปนอกระเบียงที่กำลังมีฝนห่าใหญ่ซัดกระหน่ำอยู่
ผมดันตัวขึ้นนั่ง คว้าเสื้อผ้ามาใส่บ้าง
“เดี๋ยวเราไปด้วย”

คชาหันมามองทันที
“ไม่ต้องเสร่อ นอนไปเลยมึงน่ะ ไปกับกู เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอกว่ามึงเดินเป๋เพราะเพิ่งโดนเย้เฮมา”

มะ...มึงพูดอะไรของมึงเนี่ย! ตรงเกินไป๊!

หน้าร้อนวูบขึ้นมาอีกแล้ว คชาอาศัยจังหวะที่ผมทำหน้าเหลอหลาอยู่ลากผมขึ้นเตียงไปเหมือนเดิม จับให้ลงนอนแล้วจัดการเอาผ้ามาห่มให้เรียบร้อย

“รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้ เอาเหมือนเดิมนะ”
ผมพยักหน้า คชาก็ออกจากห้องไป พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าไอ้เหมือนเดิมของผมคืออะไร

สงสัยคชาจะจำได้?

คิดแล้วก็กลิ้งเอาหน้าซุกหมอนด้วยความเขินอาย...หรือดีใจก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่าผมรู้สึกว่ามันก็ใส่ใจสังเกตผมอยู่เหมือนกัน

หากแต่ดิ้นไปดิ้นมาคนเดียวไม่ทันไร หูก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังระคนกับเสียงฝน ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าใช่เสียงเคาะประตูหรือเปล่าเพราะเสียงฝนมันดังพอสมควร แต่พอได้ยินรัวๆ แล้วก็มั่นใจเลยรีบพยุงตัวเองขึ้นจากเตียงไปเปิดประตู

คงจะเป็นคชา ลืมเอากระเป๋าตังค์ไปล่ะมั้ง...

คิดแบบนี้นะตอนแรก ทว่าพอเปิดประตูปุ๊บ ผมก็ต้องชะงักปั๊บเมื่อเห็นว่าคนที่รัวประตูเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อครู่ไม่ใช่คชา แต่เป็น...
“พี่ชิณณ์...”

ผมครางออกมาพลางมองพี่ชิณณ์ในชุดนักศึกษาเปียกโชกอย่างอึ้งงันขณะที่พี่ชิณณ์เองก็มองผมด้วยสายตาที่ยากจะอ่าน
“พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหมมาวิน”

เขาพูดออกมา เท่านั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบงันเพราะผมไม่รู้ว่าจะตอบรับยังไงดี

ให้ตาย โผล่มาทำไมตอนนี้เนี่ย!
-------------------------------
หวายยย เขาได้กันแล้วค่ะ แต่ตัดฉับ 555 เออ อย่าเขียนเลยฉากแบบลึกซึ้ง เอาไปจิ้นกันต่อแล้วกันเพราะแนวเรื่องไม่เหมาะให้เขียนแบบวาบหวามสักเท่าไหร่ รู้แค่ว่านุ้งวินตกเป็นของอิคชาผีบ้าก็พอแล้ว 555

เหลืออีกไม่กี่ตอนก็จะจบละ ประมาณ 5 ตอนได้ ไม่รวมตอนส่งท้ายอีก 2 ตอนนะ อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ไม่ดราม่า เป็นเนื้อเรื่องเบาๆ ใสๆ สติสตังพระเอกไม่ค่อยมีเลยจะอ่านง่ายหน่อยนะคะ

ป.ล.ไปนอนคิดมาทั้งคืนเลยนะว่าคาแร็กเตอร์คชาเอาใครเป็นอิมเมจได้ ตอนนี้ได้คำตอบแล้วค่ะ...แจ็กสัน GOT7 อะ หล่อแต่เพี้ยนๆ 555

พรุ่งนี้จะมาอัปตอนใหม่ให้ค่ะ ฝากกำลังใจไว้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 16:ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้ฯ[01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-05-2017 22:54:54
 :z1: :man1: :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 16:ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้ฯ[01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 01-05-2017 23:43:52
สงสารพี่ชิณณ์ อุตส่าห์ลุยฝนมาหามาวิน แต่มาวิน เป็นของคชาผีบ้า ไม่บอกว่าชอบ แถมจัดไปสี่รออีก
ความรักเป็นเรื่องเข้าใจยากจริงๆ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 16:ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้ฯ[01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-05-2017 00:32:38
คชาชอบวินแล้วแหล่ะ แต่ดันไม่รู้ตัวเอง  :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 16:ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้ฯ[01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 02-05-2017 07:08:27
แบบกำลังฟินได้ที่เลย พอตอนท้ายนี่แบบ วดฟ!  :katai1: ฮิคารุซามะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 16:ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้ฯ[01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 02-05-2017 08:18:17
คชาจะสติดีพอที่จะรู้ใจตัวเองมั้ย
 :z3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 16:ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้ฯ[01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 02-05-2017 10:49:12
เหลืออีก 5 ตอนจบ แ6่คชายังไม่หายซึนเลยนี่นะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 16:ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้ฯ[01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 02-05-2017 11:47:05
 :hao5: โอยยยคุณขาาา มันกำลังตื่นเต้นนน
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 16:ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้ฯ[01-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2017 17:34:03
เหมาหมดเถอะวิน
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 03-05-2017 23:26:38
สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย

“ขอคุยแป๊บเดียว”
เห็นผมไม่ตอบ พี่ชิณณ์ก็พูดออกมาอีก พอสบตา เสื้อผ้านักศึกษาที่เปียกโชกบนตัวเขาก็หายไปแล้ว เหลือแต่เพียงร่างกายเปล่าเปลือย ผมก็อยากจะให้เขาเข้าห้องมาอยู่หรอก แต่กระดากใจยังไงก็ไม่รู้

ก็พี่ชิณณ์เปลือยอยู่นะ ถึงเขาจะไม่เห็นแต่ผมเห็นเต็มสองตาเลยว่าหนอนน้อยของเขามันต่องแต่งแค่ไหน อีกอย่าง เมื่อกี้ผมเพิ่งจะมีอะไรกับคชาไป แถมตอนนี้คชาก็ไม่อยู่ด้วย การที่จู่ๆ ผมก็ให้ผู้ชายอีกคนเข้ามาในห้อง มันดูแปลกๆ อยู่นะ

แต่แล้วผมก็ต้องตัดสินใจให้พี่ชิณณ์เข้ามาในห้องเมื่อเขาร้องเรียกอีกครั้ง

“มาวิน ให้พี่เข้าไปได้ไหม”
“ถ้าแค่ห้านาทีก็เข้ามาสิครับ”

ผมเปิดประตูให้อ้าออก มัดมือชกไปเรียบร้อยว่าให้เวลาเขาแค่ห้านาที พี่ชิณณ์ไม่พูดอะไรนอกจากเดินเข้ามาในห้อง พอปิดประตูได้ ผมก็เดินไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้เขาเช็ดหยาดน้ำฝนบทใบหน้า พี่ชิณณ์มองผมนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งโดยไม่รับผ้าเช็ดตัวไปจากผมแต่อย่างใด ทำให้ผมต้องพูดขึ้น

“รับไปสิครับ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้อยากจะมารบกวน พี่แค่จะมาคุยเรื่องวันนี้”

ผมก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาจะต้องมาคุยเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่โผล่มาถึงหอผมอย่างนี้หรอก
“แต่ความจริงถ้าอยากจะคุย พี่ชิณณ์โทรมาหาผมก็ได้นะครับ”
พอถูกผมขัดคอ พี่ชิณณ์ก็ยิ้มบางๆ
“ดูโทรศัพท์ตัวเองหรือยังว่าพี่โทรหากี่สายแล้ว”

ผมเลยนึกขึ้นได้ในตอนนี้ว่าตั้งแต่กลับมาที่หอ ผมแทบไม่ได้จับโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย แล้วผมก็ไม่เดินไปคว้าโทรศัพท์มาดูหรอก พอจะเดาได้ว่ามันคงไม่ต่ำกว่าสิบสาย น่าจะมีพวกข้อความที่ผมไม่ได้เปิดอ่านด้วย

พอผมเงียบ พี่ชิณณ์ก็เริ่มเข้าสู่บทสนทนาที่เขาต้องการ
“คืองี้นะมาวิน เรื่องที่พี่...เอ่อ...จูบเราน่ะ”

เริ่มแล้ว... ผมพยายามเก็บอาการอึดอัดอย่างเต็มความสามารถ ทว่าก็ไม่อาจกักเก็บไว้ได้เลยแม้แต่น้อย ออกอาการเลิ่กลั่กให้เห็นอย่างลืมตัว

“ครับ...”
ไม่รู้จะพูดอะไรตอบกลับด้วย เลยทำได้แค่ตอบรับอย่างนั้น

พี่ชิณณ์คงจะรู้ว่าผมรู้สึกยังไง เขาเลยยิ้มออกมาคล้ายกับว่าต้องการใช้รอยยิ้มของเขาปลอบโยนผม แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นเขายิ้ม ผมก็ยิ่งอึดอัดมากขึ้น

แม่งจะยิ้มทำบ้าอะไรหนักหนา สถานการณ์อย่างนี้มันไม่ใช่เรื่องที่สมควรมายิ้มเลยนะ

“พี่ขอโทษนะ พี่ขอโทษที่เผลอตัวทำแบบนั้นกับมาวิน มาวินรู้ใช่ไหมว่าพี่ชอบเรา พี่ก็เลย...”
ก่อนที่ผมจะได้อึดอัดไปมากกว่านี้ เขาก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา

ผมพยักหน้ารับ บอกเขาเร็วๆ ก่อนที่เขาจะพูดจบ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้คิดอะไรมาก”

พี่ชิณณ์หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ยกมือขึ้นลูบหลังคอตัวเองพลางหัวเราะเล็กๆ
“มาวินไม่คิดอะไรมาก แต่พี่คิดนะ”

แทนที่น่าจะหายอึดอัด ดันอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิมอีก

มึงจะพูดขึ้นมาทำไมเนี่ย!

ไม่อยากฟังเลย ไม่อยากรับรู้แล้วว่าพี่ชิณณ์ชอบผม ก็ผมในตอนนี้น่ะชอบคชาหมดทั้งใจแล้ว มันชักจะไม่ได้เรียกว่าชอบแล้วด้วย ผมเพิ่งรู้ตัวว่าความชอบของผมที่มีต่อคชามันพัฒนาเป็นความรักไปเรียบร้อยหลังจากที่เราทำกิจกรรมบนเตียงกันเมื่อครู่

ผมรักคชา...

ถึงจะเพิ่งมารู้ตัว ผมก็บอกได้ว่าความชอบของผมมันกลายเป็นความรักไปแล้ว

ทว่าพอผมไม่พูดอะไรออกมา พี่ชิณณ์ก็ไม่หยุดที่จะไล่ต้อนผม

เออ ผมใช้คำว่าไล่ต้อนนะเพราะมันทำให้ผมอึดอัดทั้งที่การกระทำของเขาเป็นไปโดยนุ่มนวลแท้ๆ

“การที่พี่ทำแบบนั้นกับมาวิน มันเป็นเรื่องไม่ถูก พี่รู้ แต่พี่ชอบมาวินมากนะ ขอโอกาสให้พี่ได้ไหม”
“คือ...ผมว่าพี่ชิณณ์ใจเย็นๆ ก่อนดีกว่า คือว่า...”
ผมไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาบอกให้เขาหยุดรุกผมเสียที แต่ท่าทางปฏิเสธของผมนั้นทำให้เขาต้องเม้มปากแน่น ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้พูดออกมา

“จะพูดว่าเพราะคชาชอบพี่อยู่ มาวินก็เลยให้โอกาสพี่ไม่ได้หรือจะพูดว่าเพราะมาวินมีคนที่ชอบแล้วล่ะ”

ผมสะอึกไป มันทั้งสองเหตุผลนั่นแหละที่ทำให้ผมเปิดใจให้เขาไม่ได้ ผมจึงได้แต่ก้มหน้าลงแล้วพึมพำออกมา
“ขอโทษนะครับพี่ชิณณ์ ผมขอบคุณมากที่รู้สึกดีๆ กับผม แต่ผมชอบพี่ไม่ได้”

รู้ว่ามันคงทำให้เขาต้องเจ็บปวดแต่ผมก็จำเป็นต้องพูด

ผมเลือกคชา และผมก็ไม่อยากที่จะเสียมันไปถึงมันจะเป็นไอ้บ้าที่ไม่เคยรู้เลยว่าผมรู้สึกยังไงกับมันก็เถอะ

หูได้ยินเสียงพี่ชิณณ์ถอนหายใจออกมาเต็มแรง พอเหลือบมองก็เห็นว่าเขามองผมด้วยสายตาเจ็บปวดทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มอยู่
“ถ้าตัดเรื่องคชาชอบพี่ออกไป เอาแค่เรื่องมาวินมีคนที่ชอบอยู่แล้วอย่างเดียว ถ้ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน พี่ขอให้เก็บพี่ไว้เป็นตัวเลือกอีกคนได้ไหม”

ถึงขั้นยอมเป็นตัวเลือก ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก

ต่อให้ตัดเรื่องคชาจีบพี่ชิณณ์ออกไป คนที่ผมชอบก็เป็นคชาอยู่ดี

ไม่ว่ายังไงก็หนีคชาไม่พ้นแหละนะ

แต่เพื่อที่จะจบเรื่องก่อนที่คชาจะกลับมา ผมเลยตอบแบบกำกวมขอไปที
“ผมขอเวลาคิดหน่อยได้ไหมครับ”
“ทำไมล่ะ”

เอ้า ก็กูอยากได้เวลาคิดอะ หรือจะให้กูตอบว่าไม่เอาแสกกลางหน้าไปเลยล่ะ!

แน่นอนว่าผมไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ถึงผมจะไม่ได้ชอบเขา แต่พี่ชิณณ์ก็เป็นรุ่นพี่ที่นิสัยดีคนหนึ่งเลยทีเดียว น่าคบหาอีกด้วย ถ้าเขาไม่คิดอะไรอย่างนี้กับผม รับรองเลยว่าผมจะไม่ยอมเสียเขาไปแน่ ทว่าตอนนี้มันไม่ใช่ ผมไม่ต้องการความรู้สึกดีๆ ที่เกินกว่าคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องจากเขาเลยสักนิด

ผมไม่รู้จะพูดยังไงต่อดีเลยนิ่งไปครู่ กะจะสรรหาคำพูดดีๆ มาบอกกับเขา แต่เขาดันโพล่งออกมาก่อน
“ต่อให้พี่ต้องเป็นตัวเลือกท้ายๆ ก็ขอให้มาวินเก็บพี่เอาไว้อีกคนได้ไหม”
ไม่พูดเปล่า สาวเท้าเข้ามาใกล้ผมด้วย หยุดยืนอยู่ตรงหน้าพลางว่า
“ต่อให้พี่ต้องผิดหวังในตอนสุดท้าย แต่ก็อย่ามองข้ามพี่ไปเลยนะ”
จากนั้นก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดด้วยการรวบผมเข้าไปกอดแน่น

กะ...กอด!?

พี่ชิณณ์! มึงทำอะไรเนี่ย!

กว่าจะได้สติอีกทีก็ตอนที่เสียงของเขาดังเข้ามาในหู
“พี่ชอบมาวินจริงๆ นะ”

กูรู้แล้วว่าชอบน่ะ แต่ปล่อยก่อนเว้ย เดี๋ยวไอ้คชามันกลับมาเห็นก็เข้าใจผิดหรอก!

ผมล่ะกลัวเรื่องนี้มากที่สุดเลย ถ้ามันมาเห็น มันจะต้องโกรธผมอย่างแน่นอน หัวสมองผมมันจดจำไปแล้วนี่นาว่ามันชอบพี่ชิณณ์
เท่านั้นผมก็พยายามจะดันพี่ชิณณ์ออก

“พี่ชิณณ์ ปะ...ปล่อยผมก่อนเถอะครับ”
ทว่าพี่ชิณณ์กลับกอดผมแน่นมากขึ้นไปอีก
“พี่ไม่ปล่อยจนกว่ามาวินจะให้โอกาสพี่”

มึงทำอย่างนี้มันน่าให้โอกาสไหมล่ะ!

ผมนี่อยากจะผลักเขาชะมัด แต่ก็ทำได้แค่ดันๆ เขาออก
“พี่ชิณณ์ ปล่อยก่อนแล้วมาคุยกันดีๆ เถอะครับ”

แล้วมันปล่อยไหมล่ะ... หึ ไม่

มึงเป็นโคอาลาหรือไง กูไม่ใช่ต้นยูคาลิปตัสนะ!

ดันไปดันมาเริ่มจะกลายเป็นผลักแล้วล่ะ พี่ชิณณ์นี่เห็นตัวบางๆ สูงกว่าผมไม่เท่าไหร่อย่างนี้ เอาเข้าจริงเขาแรงเยอะมากเลยนะ กอดไม่ปล่อย เกาะติดหนึบขนาดนี้ ผมเลยต้องเสียงดังใส่เขาให้รู้ว่าเริ่มไม่พอใจแล้ว

“พี่ชิณณ์ ปล่อย!”
“พี่บอกแล้วไงว่าไม่ปล่อยจนกว่ามาวินจะตอบตกลงว่าจะให้โอกาสพี่”

แม่งงี่เง่าเป็นเด็กเลยวะ!

ปกติผมมองว่าเขาเป็นคนน่าคบหานะ แต่ตอนนี้ไม่อยากจะคบหาแล้วล่ะ

ไม่น่าคบหาหนักกว่าเดิมด้วยเมื่อยังคงไม่ปล่อยผม พูดเอาแต่ได้จนผมชักจะทนไม่ไหว กะว่าจะต้องพูดให้เด็ดขาด รวมถึงบอกเขาว่าผมไม่โอเคกับการกระทำของเขาและจะไม่ให้โอกาสเขาด้วยเพราะในใจของผมมีแค่คชาเท่านั้น

หากแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรตามที่คิด ประตูห้องที่ปิดอยู่ก็เปิดผางเข้ามาพร้อมกับร่างของคชาที่ถือถุงข้าวกล่อง
“กลับมาแล้วไอ้เอ๋อ มึงหิว...อ้าว พี่ชิณณ์”

เห็นพี่ชิณณ์แล้วก็ชะงักไป สีหน้าดูเหลอหลาทันควันก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นโกรธขึ้งเมื่อเห็นสภาพของผมกับพี่ชิณณ์กอดกันกลมดิกในตอนนี้

วะ...เวรแล้ว

“มาวิน...”
คชาแค่นเอ่ยเรียกชื่อผมออกมา พลันทิ้งถุงข้าวกล่องที่อยู่ในมือลงพื้น เดินอาดๆ เข้ามากระชากผมออกจากพี่ชิณณ์ออก ตอนนี้ผมเลยอยู่ในอ้อมกอดของคชาแทน มันทอดมองสายตาไปยังพี่ชิณณ์ ผมเหลือบมอง สายตาคู่นั้นที่มันใช้มองพี่ชิณณ์ดูแตกต่างไปจากที่เคย

มันดู...โกรธเกรี้ยว

ผมว่าผมมองไม่ผิดนะ แต่ผ่านไปครู่เดียว คชาก็ผลักผมออกจากอ้อมแขน เปลี่ยนมามองผมด้วยสายตากรุ่นโกรธคู่นั้นแทน
“มึงคิดว่ามึงทำอะไรอยู่ ห้องกูไม่ใช่โรงแรมม่านรูดนะ”

พูดจาร้ายกาจออกมาทันที ผมกับพี่ชิณณ์อึ้งงันไปทันทีที่ได้ยินมันพูดอย่างนั้น ก่อนที่พี่ชิณณ์จะรีบแก้ต่างเพราะได้สติเป็นคนแรก
“พูดอะไรอย่างนั้นน่ะคชา พี่กับมาวินไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คชาคิดนะ”

คชาไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย เอาแต่จ้องผมเขม็ง ผมเสียวสันหลังวาบขึ้นมา ในใจคิดไปแล้วว่าคชาจะต้องเข้าใจผิดแน่ๆ จึงรีบออกปาก
“คชา คืออย่างนี้นะ ที่นายเห็นน่ะ มันไม่ใช่...”
“ไม่ใช่อะไร”

จะแก้ตัวนั่นแหละ แต่พูดยังไม่ทันจบ คชาก็แทรกขึ้นมาก่อน ผมไปต่อไม่ถูก คชาก็ตะคอกใส่

“กูถามว่าไม่ใช่อะไร!”

โกรธจริงจังเลยนี่หว่า แต่ก็ไม่แปลกถ้ามันจะโกรธ เห็นผมกอดกับพี่ชิณณ์อย่างนั้น มันคงจะรู้สึกเหมือนถูกหักหลังน่ะ

“เราไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นกับพี่ชิณณ์เลยนะ” ผมพูดออกไปจนได้
คชาส่งเสียงหึในลำคอ เปรยด้วยน้ำเสียงแข็งๆ
“มึงคิดว่ากูตาบอดเหรอ”

ไม่หันไปโวยวายใส่พี่ชิณณ์เลยแม้แต่น้อย เอาแต่โวยวายใส่ผม พอผมจะแก้ตัวอีก มันก็โพล่งมาก่อนอีกครั้ง

“แล้วมึงคิดเหรอว่ากูดูไม่ออกว่ามึงชอบพี่ชิณณ์น่ะ”

ไปกันใหญ่แล้วโว้ย ถ้าชอบพี่ชิณณ์ กูจะพลีกายให้มึงปู้ยี่ปู้ยำทำไม!

“เราไม่ได้ชอบพี่ชิณณ์!”
ผมตะคอกกลับไปบ้าง หงุดหงิดที่มันไม่ฟังอะไรเลยชะมัด

คชาไม่ได้มีท่าทีใจเย็นลงเลยแม้แต่น้อย ชี้นิ้วไปทางพี่ชิณณ์ ส่งเสียงดังคืนใส่ผม
“ถ้าไม่ได้ชอบ แล้วมึงจะไปกอดพี่ชิณณ์ทำไม!”

กูไม่ได้เป็นคนกอดไหม ไอ้เวรนั่นมันกอดกูต่างหากเว้ย ถ้ามึงไม่ได้ตาบอดอย่างที่มึงว่า มึงก็ต้องเห็นสิวะ!

พี่ชิณณ์ที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเราเห็นท่าไม่ดีเพราะผมกับคชาต่างคนต่างใส่อารมณ์กันจึงรีบปรามทัพ
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ ทั้งคู่เลย ความผิดพี่เอง อย่าเพิ่งทะเลาะกัน นั่งคุยกันดีๆ เถอะ เดี๋ยวพี่จะอธิบายให้ฟัง”

ยอมรับว่าเป็นความผิดตัวเองง่ายๆ มันก็ดีอยู่ ทว่ามันไม่ได้ทำให้คชาอารมณ์เย็นลงเลยแม้แต่น้อย มันมองมาที่ผมด้วยสายตากรุ่นโกรธ ผมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยที่ถูกมองอย่างนั้น

รู้สึกแย่ไปอีกเมื่อคชาเปล่งเสียงออกมา
“ปากก็บอกว่าไม่ชอบๆ สุดท้ายก็เป็นงี้ มึงนี่มันขี้โกหกจริงๆ ทำเป็นบอกกูว่าไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชิณณ์ จริงๆ แล้วมึงจ้องจะงาบพี่เขาอยู่ล่ะสิ”

ผมกำมือแน่นทันควัน พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ เพื่อระงับอารมณ์คุกรุ่นของตัวเอง แต่มันก็ต้องสิ้นสุดลงเมื่อคชาพูดขึ้นมาอีก

“แล้วไอ้เรื่องสบตาแล้วเห็นเจี๊ยวอะไรนี่ก็คงโกหกด้วยสินะ เรียกร้องความสนใจเหรอมึงน่ะ ขาดความอบอุ่นเหรอ คิดว่าเรื่องหลอกเด็กอย่างนี้จะทำให้กูเชื่อหรือไง มันไม่ทำให้กูสงสารมึงหรอกนะ ถ้าจะเรียกร้องความสนใจมากขนาดนี้ มึงไปพบจิตแพทย์หน่อยไหม ท่าทางจะเป็นฮีสทีเรีย”

“หุบปาก!”

ผมแผดเสียงออกมาเพราะเห็นว่ามันเริ่มต่อว่าผมไปไกลละทั้งที่ผมไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่มันว่าเลยแม้แต่น้อย

คชาผงะไปเล็กน้อย แต่ก็ยังส่งสายตาแข็งๆ ใส่ผมอยู่ ตอนนี้ผมไม่สนแล้วว่าคชาจะคิดอะไร รู้อย่างเดียวว่าโกรธมาก

พูดอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าไม่เชื่อก็ไม่จำเป็นต้องพูดอย่างนี้หรอก!

เกลียดมากเลยเวลาพูดความจริงไปแล้วไม่มีใครเชื่อ ไม่เชื่อไม่พอยังมากล่าวหาว่าโกหก
หากแต่คชาไม่หยุดแค่นั้น ตั้งหลักได้ก็เหยียดยิ้มเย้ย ว่าออกมาหน้าตาเฉย

“ชอบพี่ชิณณ์ก็พูดมา ยอมรับมาตรงๆ กูเคยบอกมึงแล้วไม่ใช่หรือไงว่าถ้ามึงจีบพี่ชิณณ์ติด กูจะถอยเอง ไม่ต้องทำมาเป็นบอกว่าไม่ชอบเพื่อเรียกร้องความสนใจ”

ถึงตอนนี้ผมหมดความอดทนแล้ว

พูดอยู่ได้ว่าชอบพี่ชิณณ์น่ะ จริงๆ แล้ว....
“เราชอบนายต่างหากคชา! ได้ยินไหมว่าเราชอบนาย ไม่ได้ชอบพี่ชิณณ์เว้ย!”

รู้ตัวอีกทีก็ตะเบ็งเสียงออกไปแล้ว ทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงแอร์ดังหึ่งๆ เท่านั้นที่ลอยมาให้ได้ยิน ทั้งคชา ทั้งพี่ชิณณ์มีสีหน้าอึ้งงันไปตามๆ กัน ส่วนผมก็หน้าม้านเล็กน้อยที่สติแตกโพล่งออกไปอย่างนั้น

ไม่นานนักคชาก็ตั้งสติได้ ส่งเสียงดังหึในลำคอมาทีหนึ่ง
“เรื่องนั้นน่ะ ถึงมึงไม่บอก กูก็รู้อยู่แล้ว ถ้ามึงไม่ชอบกู มึงคงไม่อยากจะอยู่กับกูหรอก”

พูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คชาเข้าใจผิด ผมไม่ได้ชอบคชาก่อนที่จะมาอยู่ด้วยกัน เพิ่งมาชอบเมื่อไม่นานมานี้ต่างหาก แล้วก็ต้องนิ่งงันไปอีกระลอกเมื่อคชาเอ่ยประโยคที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ยินออกมา

“แต่กูไม่ได้ชอบมึง”
ผมนิ่งค้างไป สมองเหมือนถูกกระหน่ำตีจนชา ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อนในชีวิตเลย มือไม้พลันสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ หนำซ้ำขอบตาก็ร้อนผะผ่าว คล้ายว่าอีกไม่นานทำนบน้ำตาของผมคงได้พังทลายลงมาแน่

ไม่ได้ชอบก็รู้อยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็ได้ไหมล่ะ

เจ็บชะมัด...

ผมเม้มปากแน่น พยักหน้ารับความจริงที่ได้รับรู้ เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็พูดออกไปแล้วว่ารู้สึกยังไง ถึงจะไม่ได้พูด การที่คชาเข้ามาเห็นภาพระหว่างผมกับพี่ชิณณ์ ยังไงผลสุดท้ายก็ต้องแตกหักอยู่ดี

ให้มันจบแค่นี้เถอะ...

ความรู้สึกของผมที่มีต่อมันน่ะ ให้มันจบลงสักที...

ผมค่อยๆ ก้าวขาไปข้างหน้า เดินผ่านพี่ชิณณ์ไปโดยไม่สนใจที่เขาเรียกเลยแม้แต่น้อย
“มาวิน...”
ก้าวไปจนถึงคชา หยุดยืนนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปาก
“เราก็จะเลิกชอบนายแล้วเหมือนกัน”

พูดจบก็เดินออกจากห้องนั้นมาอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย

คชา...การที่มีแต่เราที่รู้สึกดีๆ กับนายน่ะ มันต้องพอได้แล้ว

พอกันที...

หูทั้งสองข้างได้ยินเสียงคชาดังลอยตามมาว่า ‘เออ! เลิกชอบกูไปเลย ไหนๆ ตอนนี้มึงก็ชอบพี่ชิณณ์แล้วนี่!’ ผมอยากจะตอบโต้ไปเหมือนกันว่ามันเข้าใจผมผิด

ผมชอบคชา... จากชอบก็เริ่มเปลี่ยนเป็นรัก แต่ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดอีกต่อไปแล้ว วินาทีนี้ผมควรหยุด ความรักที่เพิ่งจะก่อเกิดขึ้นมา ผมก็ควรจะสาดน้ำดับไฟตั้งแต่ตอนนี้เลย

อย่าให้มันลาม เพราะคนที่จะเจ็บน่ะ มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น

ผมก้าวฉับๆ ไปยังลิฟต์ ตั้งใจจะลงไปชั้นล่างแล้วไม่กลับมาที่นี่อีกเลยแม้จะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อก็ตาม หากแต่พอก้าวเข้าลิฟต์ไป ใครบางคนก็แทรกตามเข้ามา พอเบนสายตาไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่ชิณณ์ที่วิ่งตามมา เขาเข้ามายืนข้างผม กดลิฟต์ลงไปชั้นล่างโดยไม่พูดอะไร ทำเพียงเหลือบมองหน้าผมเป็นระยะเท่านั้น

ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาเหมือนกัน จึงได้แต่เดินออกจากลิฟต์เงียบๆ โดยไม่พูดอะไรทิ้งท้าย ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ เขาก็เอื้อมมือมาคว้าข้อมือของผมเอาไว้ ผมหันไปมองก็เห็นสีหน้าลำบากใจของเขาเต็มสองตา

“มาวิน โอเคไหม”
“ไม่เลยครับ”

ผมตอบไปตามจริง นึกโทษเขาในใจด้วยว่าถ้าไม่เป็นเพราะเขา ผมกับคชาก็คงไม่ต้องผิดใจกันอย่างนี้

ผมบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขา เดินตรงออกไปข้างนอกหอพัก ฝนยังคงตกอยู่ ผมยืนนิ่งครู่หนึ่งราวกับไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไปดี ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าถ้าผมร้องไห้กลางสายฝน คงจะไม่มีใครรู้ใช่ไหมว่าผมร้องไห้อยู่

นึกอยากจะเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่แล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดไปเมื่อพี่ชิณณ์ยังคงเดินตามมาอีก
“จะไปไหนน่ะมาวิน ตากฝนอย่างนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

ผมไม่พูดอะไร ได้แต่มองหน้าเขานิ่งๆ เขาเลยพูดออกมาอีก
“ถ้าไม่มีที่ไป คืนนี้ไปนอนที่ห้องพี่ก่อนไหม ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาเคลียร์กับคชากัน”
“พี่ชิณณ์ไม่ต้องมาสนใจผมหรอกครับ ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว”
ผมชักทนไม่ไหว ต้องบอกออกมาตรงๆ

“แต่ว่า...”
“พอเถอะครับ! ผมพอแล้ว!”

เห็นพี่ชิณณ์ตื๊อไม่หยุด ผมก็ตะเบ็งเสียงออกไปด้วยสุดจะทน พี่ชิณณ์ชะงักไปทันตา ทำให้ผมได้พรั่งพรูสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
“ผมขอบคุณพี่ชิณณ์มากที่รู้สึกดีๆ กับผม แต่พอเถอะครับ ผมไม่ได้ชอบพี่ ผมชอบคชา หยุดก่อนที่เรื่องทุกอย่างมันจะแย่ไปกว่านี้เถอะ”

“มาวิน...”
เขาครางออกมา สายตาที่มองมายังผมดูเจ็บปวดไม่น้อยทีเดียว แต่ผมเองก็เจ็บเหมือนกัน เจ็บจนทนไม่ไหว น้ำตาที่กักเก็บมาตั้งแต่เมื่อครู่ไหลออกมาปะปนกับน้ำฝนเป็นสาย ก่อนจะขยับริมฝีปาก

“ผมจะหยุดแล้ว...ไม่เอาแล้วครับ”
พี่ชิณณ์เม้มริมฝีปากคล้ายกับว่ากำลังสะกดกลั้นอารมณ์ผิดหวังของตัวเอง พักหนึ่งถึงได้ยิ้มออกมาแล้วเอามือมาวางไว้บนหัวผมเพื่อบังฝนให้

“เข้าใจแล้ว พี่จะหยุดนะถ้ามาวินไม่ต้องการ แต่เราต้องเข้าไปที่ร่มก่อนเข้าใจไหม มายืนอยู่อย่างนี้เดี๋ยวไม่สบาย”

เขากลับมาอ่อนโยนกับผมอีกแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่าเขาทำได้ยังไงหรือคิดอะไรอยู่ แต่พอเห็นเขาอ่อนโยนอย่างนั้น ผมก็พอจะใจเย็นลงบ้าง พยักหน้าแล้วยอมเดินตามเขากลับเข้าไปในร่ม รอจนกว่าฝนจะตก จากนั้นค่อยคิดว่าจะเอายังไงต่อไปดี ที่แน่ๆ ผมจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว

พอแล้ว...ไม่เอาแล้วล่ะ
------------------------------------
ตอนเต็มมาแล้ว วอนพ่อยก-แม่ยก อย่าด่าคชามาก สำนึกผิดไม่ทัน 555
ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วย เดี๋ยวมาอัปต่อให้จ้ะ XD
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-05-2017 23:41:45
หนีไปไกลๆเลยวิน ลำไยนังคชา ให้มันได้สำนึกกกก  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 03-05-2017 23:57:47
เซ็งคชา
ฟังมาวินบ้างเซ่!!!!
 :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-05-2017 00:04:08
 :a5:
สงสารมาวิน
คชานางหึงมาวินแหงๆ
 :3125:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 04-05-2017 00:04:57
เลววววววสสสสส
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 04-05-2017 00:12:34
คช๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  :angry2: ยาหมดหรอ  สติอยู่ไหน เอาสติกลับมาด่วน! :katai1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nupammee ที่ 04-05-2017 00:15:00
เป็น เอิ่มมมม ผู้ชายที่ไม่ฟังอะไรเอาอารมตัวเองเป็นที่ตั้งอ่ะคชา ระวังเถอะ ขอให้มาวินอย่าใจอ่อนกะคชาเลยเถอะ เห็นคชาละหมั่นไส้
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-05-2017 00:59:26
ไอ้นี่มันเป็นพระเอกจริงๆใช่ไหม
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-05-2017 08:35:12
คชามันไร้สติจริง ๆ

สงสารมาวิน

สงสารพี่ชิณณ์ แต่คนที่ไม่ใช่อย่างไรก็ไม่ใช่ มาให้น้องปลอบใจเถอะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-05-2017 08:42:36
น่ารำคาญทั้งสองคนแหละ ทั้งพี่ชิณทั้งคชา ประสาทจะกิน
ถ้าเราเป็นมาวินจะเทแม่งให้หมด บ้าบอว่ะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 04-05-2017 09:00:21
 :z3: :z3: โฮ...!!!อิคชา ตูจะฆ่าเมงงงง  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 04-05-2017 10:30:13
ขอตบพระเอกไ้ด้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 04-05-2017 12:45:41
สงสารมาวินนนนนนน อิคชาแกมันใจร้ายยยยยย :o12:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย[03-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 04-05-2017 18:22:46
สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม!

[คชา]

ยอมรับว่าผมโกรธมากที่เห็นไอ้เอ๋อมันกอดกับพี่ชิณณ์อย่างนั้น

หรือโกรธที่เห็นมันถูกพี่ชิณณ์กอด ผมเองก็ไม่มั่นใจความรู้สึกของตัวเองนัก แต่ยอมรับเลยว่าทันทีที่เห็นภาพนั้น หัวสมองของผมก็หมุนคว้างไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ความโกรธจะพร่างพรายไปทั่วร่าง

ผมไม่เคยโกรธใครหน้าไหนขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต โกรธอย่างเดียวไม่พอ ยังจะปวดหนึบๆ ที่ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายอีกด้วย

มันกล้ากอดฮิคารุซามะของผมได้ยังไง!?

ผมพยายามจะบอกตัวเองว่าที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้เป็นเพราะผมเห็นมาวินกอดคนที่ผม...เอ่อ...ปลื้ม

ไม่กล้าใช้คำว่าชอบกับพี่ชิณณ์ในตอนนี้เลยแม้แต่น้อยเพราะในตอนนี้ผมชักจะไม่มั่นใจแล้วว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อพี่ชิณณ์มันเป็นความชอบหรือแค่ปลื้มกันแน่ เพราะถ้าคะเนน้ำหนักความหวงระหว่างเขากับมาวิน ตอนผมเห็นทั้งคู่กอดกัน ผมดันพุ่งเข้าไปกระชากมาวินออกมาเสียอย่างนั้น ซ้ำยังไม่อยากจะมองหน้าพี่ชิณณ์ด้วยกลัวว่าจะอดใจไม่ไหว ต่อยหน้าตาน่ารักของพี่ชิณณ์จนเสียโฉมอีก

ผมว่าผมต้องสับสนอะไรบางอย่างไปแน่ๆ ยิ่งมองใบหน้าของมาวิน ผมก็ยิ่งโกรธ

เพิ่งจะนอนกับกูไปหมาดๆ ออกไปซื้อข้าวให้มึงแป๊บเดียว มึงก็พาชู้เข้าห้องเลยนะ!

ตอนนี้กลายเป็นว่าผมน่าจะโกรธมันเพราะเห็นมันถูกพี่ชิณณ์กอดแล้วล่ะ

อยากจะด่ามันนักว่าทำไมใจง่ายอย่างนี้ เพิ่งจะเป็นของผมหมาดๆ แท้ๆ แต่แทนที่ผมจะคุยกับมันว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ผมกลับพ่นคำพูดร้ายๆ ออกไปด้วยความโมโห ซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่ผิดเพราะตอนผมเห็นมันเดินออกจากห้องไปนะ โห คุณพระ...หัวใจร้าวรานจนแทบจะสลายกลายเป็นผุยผง ทว่าอะไรก็ไม่ทำร้ายผมเท่ากับประโยคที่มันทิ้งท้ายไว้

‘เราก็จะเลิกชอบนายแล้วเหมือนกัน’

โอ้โห แทบจะทิ้งตัวลงคุกเข่ากอดขาเธอเอาไว้ พนมสองมือขึ้นกราบกรานเธอโปรดอย่าไป

ร้องเป็นเพลงได้ก็จะร้องเลย เพลง คุกเข่า ของวงค็อกเทล นี่ผมจำเนื้อแม่น แต่สถานการณ์ในตอนนั้นมันไม่เหมาะที่จะมาทำอะไรบ้าๆ ไง อีกอย่างตอนนั้นผมยังสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอยู่ด้วยไม่รู้ว่าตกลงที่ผมโกรธจนหึงหวงหน้ามืดนั่นเป็นเพราะหวงมันหรือหวงพี่ชิณณ์กันแน่ ผมเลยได้แต่ตะโกนพ่นถ้อยคำร้ายกาจออกไปทั้งที่ใจไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย พอมาวินกับพี่ชิณณ์จากไป ถึงได้ทรุดตัวลงนั่ง ยีผมตัวเองเป็นคนบ้าอยู่คนเดียวทันทีที่ได้คำตอบ

ผมหึงหวงมาวิน ไม่ได้หึงหวงพี่ชิณณ์เลยแม้แต่น้อย...

แต่หึงไอ้เอ๋อนั่นน่ะเหรอ ไม่หรอกมั้ง ผมน่าจะหึงพี่ชิณณ์มากกว่าเพราะผมชอบเขา ผมมีเหตุผลในการชอบเขาดี นั่นเป็นเพราะเขามีใบหน้าคล้ายกับไอดอลญี่ปุ่นที่ผมชื่นชอบ

เออ ไม่ใช่ไอดอลหรอก ดาราหนังโป๊เกย์ อย่ามาถามผมเลยว่าไปคลั่งดาราหนังโป๊ได้ยังไงในเมื่อผมเองก็ยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าชอบไปได้ยังไง รู้แต่ว่าครั้งแรกที่ผมเห็นฮิคารุซามะบนเว็บโป๊เว็บหนึ่ง ผมก็รู้สึกถูกชะตาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกจนกลายเป็นว่าตามดูหนังเขาเสียทุกเรื่อง จนมันเริ่มลามไปเป็นอุดหนุนซีดีและสินค้าพรีเมียมต่างๆ ตอนนี้ผมก็เลยกลายเป็นไอ้บ้าที่คลั่งดาราหนังโป๊เป็นที่เรียบร้อย

ผมว่าเรื่องที่ผมคลั่งฮิคารุซามะมันไม่ใช่ปัญหา มันก็เหมือนกับแฟนบอยคลั่งศิลปินนั่นแหละ แต่มันดันเป็นปัญหาเมื่อไอ้เอ๋ออย่างมาวินมารู้ความลับที่ผมปกปิดมานาน ซ้ำยังใช้มันแบล็กเมล์ผมเพื่อมาเป็นรูมเมทอีก ผมเดาว่ามันต้องชอบผมแน่ๆ ถึงได้มาขู่ผมอย่างนี้ ก็เลยต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อนโดยการบอกมันว่าไม่ได้เป็นเกย์ทั้งที่ผมรู้ตัวมาตั้งแต่ตอนมอปลาย พวกเพื่อนที่เป็นทูตกิจกรรมก็รู้ดีเพียงแค่พวกมันไม่เคยพูด ที่ต้องบอกกับไอ้เอ๋ออย่างนั้นเพราะว่าเกิดวันดีคืนดีมันวางแผนมอมยาผมแล้วปล้ำขึ้นมา ผมจะซวยเอา ทว่าไม่รู้เป็นไงมาไงถึงได้มาลงเอยกับมันด้วยการมีเซ็กส์กันได้

อารมณ์ชั่ววูบชัดๆ เลย!

ชั่ววูบจริงๆ มันเริ่มมาจากการที่ผมใกล้ชิดกับมันแล้วมองว่ามันน่ารักดี นิสัยไม่เอาใครของมันทำให้ผมอดแกล้งไม่ได้ แต่ไม่ได้แกล้งแรงอย่างที่เคยทำเพราะตอนเห็นมันโกรธ ผมใจไม่ดีเอาเสียเลย แค่แกล้งพอเป็นกระษัยให้มันไอ้เขินหน้าแดง เท่านี้ผมก็ยิ้มไม่หุบแล้ว

ผมชอบที่จะได้เห็นมันทำหน้าตาเหมือนลูกหมาอย่างนั้น

หรือว่านี่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมชอบมาวินด้วย?

ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าผมชอบมาวินเข้าให้แล้วทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสักนิด แต่พอเมื่อกี้เห็นมันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้...

เจ็บจี๊ดในใจขึ้นมาเลย ไม่ชอบเลยที่ต้องเห็นมันทำหน้าอย่างนี้ เพราะอะไรกันนะ
ผมนั่งนิ่งไป สับสนจนไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

หรือว่าผมจะชอบมาวินจริงๆ?

คิดแล้วก็นิ่งไป ตอนนี้ผมเป็นห่วงมันมากกว่าห่วงพี่ชิณณ์เสียอีก ดันห่วงมันว่าจะถูกพี่ชิณณ์ทำอะไรไหมอีกด้วย ห่วงว่ามันจะได้กินข้าวหรือยัง ห่วงว่ามันจะไปนอนที่ไหน ห่วงไปหมด ห่วงทุกอย่าง

โอ๊ย! เป็นห่วงเว้ย!

แล้วก็ต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า ผมไม่มั่นใจแล้วว่ารู้สึกยังไงกับมาวิน รู้เพียงแค่ว่า...

...ผมไม่อยากให้มาวินไป

มือคว้าโทรศัพท์มากดเบอร์มันแล้วโทรออก ก่อนจะต้องหงุดหงิดอีกเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของมันดังมาจากบนเตียง

แม่ง ออกไปแล้วทำไมไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วยวะ!

ไม่ใช่แค่โทรศัพท์ กระเป๋าเงินก็ไม่เอาไป แถมตากฝนไปอีก พยายามคิดในแง่ดีว่าเดี๋ยวมันก็คงจะกลับมา ผมเลยรอจนผ่านไปครึ่งคืน ทว่าก็ไม่มีวี่แววว่ามันจะกลับมาเลยแม้แต่น้อย ผมเองก็จนปัญหา ไม่รู้ว่าจะไปตามหามันที่ไหนด้วย ส่งข้อความไปหาพี่ชิณณ์ เขาก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ ทำให้ผมอดคิดไม่ได้เลยว่าสองคนนั้นจะไปด้วยกัน

ไปด้วยกัน...

ไอ้บัดซบ!

แทบจะขว้างมือถือใส่ผนังห้อง แต่มือถือแพงเลยเปลี่ยนเป็นถอดเสื้อแล้วปาใส่ผนังห้องแทน พอนั่งลงบนเตียงเหมือนเดิม คว้าโทรศัพท์ของมาวินมาดูก็เห็นพี่ชิณณ์ส่งข้อความมาเป็นสิบๆ ข้อความ เนื้อหาประมาณว่าเขาอยากจะขอโทษเรื่องที่จูบมาวินไปวันนี้

จูบ...

หรือว่า...

โว้ย! ทำอย่างนั้นกับไอ้เอ๋อของกูได้ยังไง ไอ้ชิณณ์มึง...!

ผมแทบจะปาโทรศัพท์ของมาวินทิ้งเหมือนกันแต่กลัวว่ามันจะโกรธเลยต้องวางลงบนเตียงเหมือนเดิม แล้วถอดกางเกงออกมาปาทิ้งลงพื้นแทน ตอนนี้ตัวผมเลยเหลือแค่กางเกงบ็อกเซอร์เท่านั้น

ปากางเกงทิ้งลงพื้นอย่างเดียวคงไม่สาแก่ใจ ผมฟาดมันไปทั่วห้องเลย สภาพเหมือนคนบ้าไม่มีผิด พอเริ่มผ่อนคลายความโกรธลงได้บ้างแล้ว ผมก็ต้องมานั่งกุมขมับอีกรอบ

ทำบ้าอะไรของกูอยู่วะเนี่ย...

สับสนโคตรๆ เลย สับสนกว่านั้นคือผมห้ามความคิดของตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งคิดฟุ้งซ่าน ใบหน้าของมาวินที่ใกล้จะร้องไห้เต็มแก่โผล่แวบมาในหัวไม่หยุด

ถ้าผมไม่พูดอย่างนั้น ถ้าฟังสิ่งที่มันอยากจะอธิบายสักหน่อย มันก็คงไม่ทำหน้าอย่างนั้น...

อยากจะต่อยตัวเองแล้วล่ะที่หัวร้อน เอาแต่อารมณ์จนไม่ยอมหยุดฟังอะไรจนสุดท้ายมันลงเอยอย่างนี้ ความรู้สึกผิดที่ประดังประเดเข้ามาทำให้ผมรู้ตัวเลยว่าผมชอบไอ้เอ๋อเข้าจริงๆ แล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะไม่เอาแต่คิดเรื่องของมันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด ส่วนที่หึงนั้นก็หึงมันอย่างแน่นอน ไม่ได้หึงอะไรพี่ชิณณ์เลยสักนิด

สับสนไปอีกด้วยไม่รู้ว่าไปชอบมันตั้งแต่ตอนไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ชอบมันมากๆ ไปเสียแล้ว กับพี่ชิณณ์น่ะก็แค่ชอบในฐานะที่หน้าตาเหมือนไอดอลที่ผมชื่นชอบก็เท่านั้น แต่สำหรับมาวินมันไม่ใช่

ผมชอบมันมาก...

ชอบ... อยากได้เป็นแฟน

ไอ้เอ๋อเป็นของผม ผมจะเอาคนนี้!

แต่มันไม่อยู่ให้ผมได้บอกแล้วไง มาอยากจะได้มันขึ้นมาก็ตอนที่มันจากไป

“รู้สึกตัวช้าจังวะไอ้คชา”

ปากบ่นพึมพำ สำนึกผิดที่พูดไม่ดีกับมันไปอย่างนั้นจนไม่รู้จะสำนึกผิดยังไงแล้ว แต่ไม่เป็นไร ปล่อยให้มันหายโกรธผมก่อน เดี๋ยวมันก็กลับมา ถึงตอนนั้นแล้วค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย ยังไงซะข้าวของมันก็อยู่ที่นี่ ตอนนี้ผมควรจัดการกับความสับสนของตัวเองก่อนมากกว่า

สายตาเหลือบไปมองที่ว่างๆ ข้างกายบนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวนอน ฟุบหน้าลงบนฟูกฝั่งที่มาวินใช้นอนพลางรำพึงในใจ
รีบหายโกรธแล้วกลับมาได้แล้วไอ้เอ๋อ จะได้รีบขอโทษ รีบกอดปลอบนะ...



 
คิดว่ามาวินจะกลับมาในวันรุ่งขึ้น แต่เอาเข้าจริงมันเป็นการคาดการณ์ของผมเอง เช้าก็แล้ว บ่ายก็แล้ว เย็นก็แล้ว จนกลับมาจากสอนพิเศษก็ยังไม่เห็นหัวมาวินในห้อง อย่าว่าแต่หัวเลย เงาก็ไม่เห็น แถมห้องยังดูแปลกๆ ไปอีกด้วย

เหมือนมีอะไรบางอย่างหายไป...

หายไปจริงๆ ไม่ใช่แค่ไอ้เอ๋อเท่านั้นที่หายไปนะ ข้าวของมันก็หายไปเช่นกัน วันนี้แค่อย่างสองอย่าง วันใหม่มาถึง ของก็หายไปอีก พอเข้าวันที่สาม...

หายไปหมดเลยเว้ย!

แล้วหายตอนที่ผมไม่อยู่ห้องด้วยนะ เดาเอาว่ามาวินคงจะมาขนตอนที่ผมไปเรียนอย่างแน่นอน พอเห็นสภาพห้องว่างเปล่า ปราศจากข้าวของของมันอย่างเคย วันใหม่มาถึงผมก็รีบรุดไปที่คณะมันตั้งแต่เช้า ดักรออยู่หน้าคณะเผื่อว่ามันจะมีเรียนเช้า แต่การดักรอของผมก็เสียเปล่าเมื่อไม่เห็นมันแม้แต่เงา พอไปเรียนและกลับมาดักรออีกทีตอนเย็นก็ไม่เห็นอีก ทำเอาผมใจเสียเลยว่ามันอาจจะย้ายมหาวิทยาลัยหนีด้วย

แค่กูพูดประชดประชันมึงแค่นี้ ถึงกับต้องย้ายหนีทุกอย่างเลยหรือไงวะ!

ถึงมันจะดูเว่อร์ไปหน่อยเพราะมาวินคงจะไม่ลาออกจากมหาวิทยาลัยเพราะเรื่องนี้หรอก แต่มันก็ทำให้ใจผมสั่นขึ้นมาเลยด้วยกลัวว่าสิ่งที่ผมคิดจะเป็นเรื่องจริง ผมเลยไม่รอช้า รีบพุ่งไปยังห้องกิจการนักศึกษาทันทีเมื่อแน่ใจแล้วว่ามาวินไม่ได้มาเรียนแน่
ที่โผล่ไปที่ห้องกิจการนักศึกษาก็ไม่มีอะไร ผมแค่ต้องการที่อยู่บ้านของมาวินน่ะ ไปยืนร่ายเหตุผลว่ามาวินหายออกจากหอไปโดยไม่รู้ว่าไปที่ไหนอยู่นานกว่าจะได้ที่อยู่มันมาเพราะเจ้าหน้าที่ได้โทรถามกับอาจารย์ที่มันมีเรียนด้วยในวันนี้แล้ว ปรากฏว่ามันไม่ได้เช็กชื่อเข้าเรียน ผมก็เลยได้ที่อยู่บ้านมันมาเพื่อไปตามหามันที่บ้านในฐานะรูมเมท ก่อนหน้าที่ผมจะได้ที่อยู่มา เจ้าหน้าที่คณะได้โทรไปหาแม่มันตามเบอร์ผู้ปกครองที่ให้ไว้แล้วด้วย มันอยู่บ้านจริงๆ ผมก็เลยไม่รอช้าที่จะพุ่งไปยังบ้านของมันด้วยใจที่ร้อนรน โชคดีที่บ้านมันอยู่ในจังหวัดเดียวกับมหาวิทยาลัยจึงไม่เป็นอุปสรรคในการไปหาในระยะเวลาอันสั้นสักเท่าไหร่นัก

กล้าหนีกันไปอย่างนี้เหรอ อนุญาตแล้วหรือไง

จะลากกลับมาอยู่ด้วยกันอีกให้ได้เลยคอยดู!
-----------------------------------
พาร์ทของคชามาสั้นๆ ค่ะ ตอนหน้าก็กลับไปเป็นพาร์ทของมาวินละ
ฝากกำลังใจไว้ด้วยเน้อ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-05-2017 18:41:49
น้องวินอย่าใจอ่อนนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 04-05-2017 18:54:35
 :katai1: :katai1: ฉันจะไม่ให้หนูวินกะแกหรอกคชา ฉันไม่ให้โฮ๊กกก!!!พ่นไฟ :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-05-2017 19:02:36
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 04-05-2017 20:02:48
ไอ้บ้าคชา เอ็งแหละเอ๋อ น้องมาวินเค้ารู้ตัวนานแล้ว เอ็งน่ะสิเพิ่งจะรู้ตัว ไล่ผีบ้าออกไปซะที
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-05-2017 20:21:52
 :z6:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 04-05-2017 20:55:40
 :z6: :z6: อืม อารมณ์นี้เลยจริงๆ พออ่านเสร็จ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 04-05-2017 21:06:28
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 04-05-2017 21:23:57
ขอตบให้หายหมั่นไส้ได้ไหม 5555
รีบตามง้อเลยนะจะใกล้จบละ 5555
ตามลุ้นว่า คชา จะง้อยังไง แต่ขำตรงถอดเสื้อ กับกางเกงเนี่ยแหละ 555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-05-2017 22:01:01
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 04-05-2017 22:24:41
เริ่มมีสติแล้วสินะคชาเอ๊ย :ling1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-05-2017 23:49:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: ไอ้เอ๋อเป็นของผม![04-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 05-05-2017 23:11:19
สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่

กี่วันแล้วนะที่ผมออกจากห้องนั้นมา
สอง...หรือสาม...

แต่จะกี่วันมันก็ไม่สำคัญหรอก สำคัญแค่ว่าผมย้ายออกมาจากหอนั้นแล้ว แอบไปทยอยขนของออกตอนที่คชาไม่อยู่ห้องด้วย ขนข้าวของกลับมาไว้ที่บ้าน เป็นที่ตกอกตกใจของแม่กับพี่สาวของผมเป็นอย่างมาก แถมตั้งแต่ย้ายออกมาก็ยังไม่เสนอหน้าไปเรียนอีกต่างหาก แน่นอนว่าผมถูกแม่กับพี่สวดภาณยักษ์ขมูขีใส่ไม่ยั้ง แต่ดีที่พี่สาวซึ่งอายุห่างจากผมเกือบสิบปีเข้าใจว่าผมมีปัญหา ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำแบบนี้จึงได้อธิบายให้แม่เข้าใจ แล้วปล่อยให้ผมสบายใจก่อน ค่อยกลับไปเรียน ไม่อย่างนั้นผมคงโดนเทศน์ข้ามวันข้ามคืนอย่างแน่นอน

ความจริงแล้วบ้านผมกับมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้อยู่ไกลกันสักเท่าไหร่ นั่งรถไฟฟ้า ต่อรถเมล์ เกือบสองชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้ว
บ้านผมอยู่ไกล...ใช่ แต่ถ้าตื่นเช้ากว่าเดิมอีกสักหน่อยเพื่อนั่งรถไปเรียนก็ยังดีกว่าต้องไปเผชิญหน้ากับคนที่ทำร้ายหัวใจผมอย่างนั้น

พูดมาได้หน้าตาเฉยว่าไม่ได้คิดอะไรกับผมทั้งที่เพิ่งจะมีอะไรกันไปหมาดๆ...

ผมเคืองเรื่องนี้ที่สุดเลย ต่อให้ไม่ได้ชอบก็ต้องมีความรู้สึกดีๆ ให้กันบ้างล่ะ ไม่ใช่พูดจาตัดเยื่อใยกันอย่างนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ความผิดผมเลยสักนิด เป็นความผิดของพี่ชิณณ์ ถ้าเขาไม่เข้ามากอดผมจนคชามาเห็นอย่างนั้นล่ะก็ ผมกับคชาคงไม่ต้องแตกหักกัน

เอาจริงๆ ผมไม่อยากจะโทษเขานักหรอก เพราะคชาเองก็ผิดที่ไม่ยอมฟังอะไรผมเลย แต่เพื่อความชัดเจนและผมไม่ต้องการให้เรื่องทุกอย่างมันคาราคาซัง หลังจากที่ผมยอมเข้าไปหลบในที่ร่มกับเขา ผมก็บอกเขาอย่างชัดเจนว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ต่อให้เขายอมเป็นตัวเลือกของผม ผมก็มั่นใจว่าไม่ว่ายังไงผมก็คงไม่ชอบเขา ไม่ได้คิดอะไรนอกจากการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องจึงบอกปัดไป ครั้งนี้พี่ชิณณ์ยอมรับฟังแต่โดยดี เขาคงเห็นแล้วล่ะว่าการที่เขาตื๊อไม่หยุดมันส่งผลกระทบแย่ๆ กับผมแค่ไหน และเพราะเขาชอบผม เขาเลยไม่ต้องการให้ผมลำบากใจ สถานะของเราทั้งคู่ในตอนนี้จึงเป็นแค่รุ่นพี่กับรุ่นน้องอย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่แรกเท่านั้น

จะว่าสงสารเขา ผมก็สงสารนะ ผมเข้าใจความรู้สึกของคนที่ผิดหวังดี แต่ถ้าทุกอย่างยังคงยืดเยื้อ คนที่จะเจ็บมากกว่าเดิมคือพี่ชิณณ์ ไม่ใช่ผม ดังนั้นวิธีนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา และเขาก็ดีมากเลยนะ ถึงผมจะแสดงจุดยืนของตัวเองชัดเจน เขาก็ไม่รังเกียจรังงอนผมสักนิด อาสาจะมาส่งผมที่บ้านในคืนนั้นด้วยเพราะเขาชวนผมไปค้างที่ห้องแล้วแต่ผมไม่ไป ไอ้ขอไปส่งบ้านนั่นผมก็ปฏิเสธเหมือนกัน ถ้าหากเขาไป เขาก็ต้องกลับดึกหรือไม่ก็ต้องนอนค้างที่บ้านผม ไม่ต้องให้ไปเลยจะดีกว่า เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามีความหวังเอา สุดท้ายเขาก็เลยให้ผมยืมเงินเพื่อกลับบ้านแทนเพราะผมไม่ได้หยิบอะไรออกมาจากห้องเลยแม้แต่กุญแจห้อง ตอนเข้าไปขนของก็ต้องขอกุญแจจากเจ้าหน้าที่หอพักเอา

ย้ายออก... อืม ไม่อยากจะพูดอย่างนั้น ไม่อยากจะย้ายออกด้วย แต่คงอยู่กับคชาต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ เข้าหน้ากันไม่ติดน่ะ
แต่พอย้ายออกมาแล้ว การต้องนอนคนเดียวบนเตียงเดิมที่ใช้สมัยมัธยมปลาย ไม่ได้เจอหน้าคชา มันทำให้ผมคิดถึงมันเหมือนกันนะ

คิดถึงจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว...

ไม่รู้จะคิดถึงทำไมในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้คิดถึงผมเลย ผมพยายามที่จะสลัดความรู้สึกนั้นออกจากหัว แต่ก็ทำไม่ได้จึงตั้งใจว่าจะหลับ อย่างน้อยลืมหน้าหล่อๆ ของมันไปได้ชั่วขณะนึง แม่กับพี่ก็ไม่อยู่บ้านด้วย คงไม่มีใครมารบกวน

ผมปิดเปลือกตาลง ตั้งใจว่าจะหลับยาวจนกว่าแม่กับพี่สาวจะกลับมาจากชอปปิงที่ห้างใกล้ๆ บ้าน ทว่าในจังหวะที่กำลังเคลิ้ม หูก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน

ใครน่ะ...

ขี้เกียจออกไปเปิดประตูเพราะยังไงก็คงจะเป็นคนรู้จักของแม่กับพี่ งั้นแกล้งทำเป็นไม่อยู่ก็แล้วกัน

ทำเป็นเฉย ปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง เท่านั้นเสียงกดกริ่งรัวก็ดังมาให้ได้ยิน ทำเอาผมต้องลืมตาตื่น ขมวดคิ้วย่นทันควัน
อะไรของมันวะ!

ไม่อยากจะลุกขึ้นไปเปิดแต่คงจะเป็นเรื่องสำคัญล่ะมั้งถึงได้กดกริ่งรัวขนาดนี้ ผมเลยต้องลุกขึ้นจากเตียง โผล่หน้าไปมองนอกหน้าต่าง หน้าต่างห้องผมติดกับทางด้านหน้าของบ้านซึ่งเป็นทาวนเฮ้าส์พอดีเลยพอจะมองไปยังหน้าบ้านได้

พอชะโงกหน้าไปมอง ผมก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน

คุ้นตา... คุ้นมาก...

ไม่คุ้นได้ยังไงล่ะ ก็นั่นมันรถของไอ้คชาน่ะ!

สายตาปราดมองไปยังผู้ชายที่ใส่ชุดนักศึกษาอย่างรวดเร็วทันที

คะ...คชาจริงๆ ด้วย

มันมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย!

เดาเอาว่ามันคงจะไปขอที่อยู่จากคณะผมอย่างแน่นอน แต่จะอะไรก็ช่าง ผมอยากรู้แค่อย่างเดียวว่ามันจะมาที่นี่ทำไมต่างหาก
ผมรีบหลบหลังม่าน แอบมองมันเงียบๆ ในขณะที่คชาเริ่มออกอาการหัวเสียหลังจากที่รัวกดกริ่งแล้วไม่มีใครมาเปิด มันเหลือบมองประตูรั้ว เห็นว่าล็อกจากทางด้านใน มันก็ตะโกน

“มีใครอยู่บ้างไหมครับ ผมเป็นเพื่อนมาวิน มาหามาวินครับ!”
ไม่มีเสียงตอบรับอีกเช่นเคย มันตะโกนประโยคเดิมขึ้นมาอีก พอไม่มีใครตอบรับก็โทรเข้าหาผม

เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงดังทันควัน ผมเดินไปหยิบมาดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของคชาที่โทรเข้ามา พอไม่รับ มันก็ส่งข้อความมาแทน

‘มึงมาเปิดประตูบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ กูรู้ว่ามึงอยู่บนบ้าน’

ผมก็กะว่าจะไม่ตอบหรอก แต่พอคชาส่งข้อความมาอีกพร้อมกับแสดงท่าทางกระสับกระส่ายให้ผมได้เห็น ผมที่เดินกลับมาแอบมองมันที่หน้าต่างก็อดไม่ได้ที่จะตอบกลับไป

‘มีธุระอะไรกับเรา กุญแจห้อง เราก็เอาคืนไปแล้วนี่’

คชาฮึดฮัดขึ้นมาทันทีก่อนจะรีบพิมพ์ข้อความกลับมา
‘ใครใช้ให้มึงย้ายออกไปโดยไม่บอกกูวะ’

แล้วใครใช้ให้มึงทำร้ายจิตใจกูกันล่ะไอ้บ้านี่!

‘ไม่ต้องมาสนใจเราหรอก เราย้ายออกมาแล้ว ขอบใจมากที่อุตส่าห์ให้อยู่ด้วยถึงจะชั่วคราวก็เถอะ’

ผมตัดบทด้วยการพิมพ์ประโยคนั้น ดูเหมือนว่ามันจะทำให้คชาหัวเสียมากเลยทีเดียว เพราะมันไม่ส่งข้อความมาหาผมแล้ว แต่ตะโกนเสียงดังแทน

“ถ้ากูไม่สน กูไม่ถ่อมาง้อมึงถึงบ้านหรอกไอ้เอ๋อ ทำไมมึงไม่เข้าใจอะไรเลยวะ!”
ผมถึงกับชะงัก

ง้อเหรอ...

ง้อทำไม ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ไม่ได้เป็นแม้แต่เพื่อนหรือรูมเมทแล้วด้วยตอนนี้น่ะ

พอผมไม่ตอบอะไรกลับไป คชาที่ยืนเกาะรั้วอยู่ก็พ่นหายใจยาว ก่อนจะพูดเสียงดังออกมาอีก
“มาวินครับ เปิดประตูให้หน่อยเถอะครับ คชาขอโทษ คชาผิดไปแล้ว เปิดประตูมาคุยกันหน่อยนะ”

ถึงจะไม่ได้ตะโกนแต่ผมก็ได้ยินชัดเจนดี และการที่จู่ๆ มันก็พูดเพราะ แทนตัวเองด้วยชื่ออย่างนั้น ทำให้ผมที่คิดว่าจะใจแข็งก็ใจอ่อนยวบ

นะ...น่ารักจังวะ

ถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้ยิ้ม กลั้นยิ้มสุดพลังเลยล่ะ ยิ่งได้ยินเสียงกระเง้ากระงอดของมันดังตามมาเรื่อยๆ ผมก็ใจเต้นแรงขึ้นทุกขณะ

“มาวินครับ ขอโทษนะ มาคุยกันเถอะ...”
“มาวิน... คชาจะขาดใจตายอยู่แล้ว...”
“เอ๋อของผม ยกโทษให้นะ ต่อไปนี้จะไม่พูดอย่างนั้นอีกแล้ว...”

ไม่รู้ว่ามันพูดจาแบบนี้ทำไมในเมื่อมันบอกเองว่าไม่ได้ชอบผม แต่การที่มันใช้ถ้อยคำพวกนี้ มันทำให้ผมอดคิดไม่ด้เลยว่ามันน่าจะมีใจให้ผมอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่มาง้อเหมือนง้อแฟนหรอก

ยิ่งได้ยิน ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็ยิ่งเต้นเร็วรัว ผมมองคชาแล้วก็กลั้นยิ้มไม่ไหวอีกต่อไป ถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อคชาเริ่มแสดงท่าทางเหมือนหมาที่ไปเล่นเถลไถลไกลแล้วมาขอเจ้าของกลับเข้าบ้าน

“มาวิน...เปิดประตู”
เกาะรั้วแล้วทำท่าจะไหลไปกับพื้นแล้วล่ะ

ผมกะจะเล่นตัวอีกสักหน่อยแล้วค่อยลงไปเปิดเพื่อไม่ให้มันได้ใจจนเกินไป ทว่าเหมือนความอดทนของคชาจะสิ้นสุดลงเมื่อมันเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมยืนมองอยู่ที่หน้าต่างห้องนอนเข้าอย่างจัง เท่านั้นมันก็ชี้นิ้วขึ้นมา ก่อนจะตะโกน

“ยืนมองอยู่นานแล้วสินะไอ้เอ๋อ!”
เออสิ

ผมรีบหุบยิ้ม ทำหน้านิ่งๆ มองมันที่จ้องมายังผมอย่างขัดใจ

คชาฮึดฮัดขึ้นมาอีกระลอกคล้ายกับว่าหงุดหงิดที่ต้องอ้อนวอนผมอย่างนั้นอยู่ตั้งหลายรอบในขณะที่ผมไม่สะทกสะท้านใดๆ จนสุดท้ายมันก็ตะโกนตามมาอีก

“มึงจะลงหรือไม่ลง!”

ผมมองเฉยๆ แสร้งทำเป็นหูทวนลม ดูซิว่ามันจะทำอะไรได้ถ้าผมไม่ลงไปเปิด

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาคืนหน่อยก็แล้วกัน

พอผมไม่หือไม่อือ คชาก็ออกเริ่มหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ถูกขัดใจ ก่อนจะโวยวายขู่
“ถ้ามึงไม่ลงมา กูจะฉี่รดหน้าบ้านมึงจริงๆ นะ!”

ผมถึงกับเบิกตาโพลงที่ได้ยินมันพูดอย่างนั้น

เป็นโรคจิตหรือไง มึงจะมาทำอะไรอย่างนี้หน้าบ้านคนอื่นเขาไม่ได้โว้ย!

ไม่ได้พูดเปล่าด้วย ทำจริงด้วย ผมไม่ตอบรับ มันก็ถลาเข้ามาที่ประตูรั้วบ้านผมพร้อมกับทำท่าปลดซิปกางเกงแล้ว ทำเอาผมรีบโผล่หัวออกจากหน้าต่างมาห้ามมันอย่างรวดเร็ว

“อย่ามาทำทุเรศๆ หน้าบ้านเราสิวะ!”

คชาชะงัก แหงนหน้ามองผมแล้วส่งเสียงขุ่น
“มึงก็ลงมาเปิดประตูเร็วๆ เลย กูเรียกตั้งนานแล้วเนี่ย ไม่งั้นกูจะไม่แค่ฉี่อย่างเดียว จะวางระเบิดด้วย!”

วางระเบิดคืออึ เออรู้ แต่มึงจะบ้าสุดโต่งอย่างนี้ไม่ได้ ความหล่อของมึงไม่ได้สัมพันธ์กับความบ้าเลยสินะ!

“ลงแล้วๆ ใส่กางเกงดีๆ!”
ผมรีบร้องบอกด้วยกลัวว่ามันจะทำจริงๆ คชาเลยหยุดทำอย่างนั้นไปได้ พอลงมาถึงหน้าบ้าน เปิดประตูรั้วให้มันเข้ามา มันก็บ่นพึมพำใส่
“กว่าจะลงมาได้ ลีลานักนะมึงน่ะ”

ยังจะมาพูดดีอีก คนที่มาขู่จะฉี่จะอึหน้าบ้านคนอื่นไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้หรอกเว้ย!

ถึงจะหยุดทำแต่ซิปกางเกงก็ยังไม่ได้รูดขึ้น ทำเอาผมต้องบอกมันเสียงเบา
“รูดซิปกางเกงขึ้นด้วย จะโชว์อีกนานไหม”
“ไม่รูด เผื่อคุยไม่รู้เรื่อง กูจะได้ฉี่ใส่มึง”

มึงมันบ้าไอ้คชา! แบบนี้เรียกว่ามาง้อเหรอวะ!

ผมล่ะอยากจะคว้าสายยางมาฉีดน้ำไล่มันนัก แต่ก็ทำได้แค่พยักเพยิดปลายคางไปทางประตูเข้าบ้านเท่านั้น
“เข้าไปในบ้านก่อน มีอะไรไปคุยกันข้างใน”

คชาเดินเข้ามา ผมปิดประตูรั้วได้ก็พามันขึ้นไปที่ห้องนอน เผื่อว่าแม่กับพี่กลับมาพอดีจะได้ไม่ต้องมาได้ยินบทสนทนาแปลกๆ อะไรอย่างนั้น ที่สำคัญ จะได้ไม่ต้องมาเจอคนแปลกๆ อย่างคชาโดยไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจด้วย

พอเข้ามาในห้องผมได้แล้ว ผมก็เปิดประเด็นทันที
“มีอะไรเหรอถึงมาหาเราถึงบ้าน”

คชาย่นคิ้ว ชักสีหน้าใส่อย่างรวดเร็ว
“ยังมีหน้ามาถาม มึงย้ายออกมาโดยไม่บอกกล่าวกูก่อนอย่างนี้มันหมายความว่าไง”
“ก็ให้หมายความว่าไงล่ะ เราก็ไม่อยู่กับนายแล้วไง”

ผมพยายามพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบที่สุดทั้งที่ในใจรู้สึกดีไม่น้อยทีเดียวที่คชามาง้อ
“แล้วกูอนุญาตแล้วเหรอ”
“เราจำเป็นต้องขออนุญาตนายเหรอ”
“เออสิ”
“เป็นอะไรกันล่ะถึงต้องขออนุญาต” ผมย้อนถาม

คชาเม้มริมฝีปากแน่นทันที

เพิ่งสำนึกได้ตอนนี้ล่ะสินะว่าไม่ได้เป็นอะไรกันกับผม ตอนนี้เพื่อนก็ไม่ได้เป็น รูมเมทก็ไม่ได้เป็น แล้วจะให้ผมกลับไปในฐานะอะไร

หากแต่คชาไม่ยอมตอบคำถามข้อนั้น พูดเอาแต่ใจออกมา
“ไม่รู้ล่ะ มึงต้องกลับมาอยู่กับกู กูไม่ได้อนุญาตให้มึงย้ายออก”
“กลับไปในฐานะอะไรล่ะ นายเองก็ไม่ได้อยากให้เราไปอยู่ด้วยตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ ที่ให้เราไปอยู่ด้วยเป็นเพราะจะให้เราช่วยจีบพี่ชิณณ์ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้พี่ชิณณ์ชอบเรา นายอกหักแล้ว เราไม่จำเป็นต้องช่วยนายจีบแล้วล่ะมั้ง”

กะว่าจะพูดดีๆ ด้วยสักหน่อยก็ดันเผลอประชดประชันออกไปจนได้

สีหน้าของคชาดูหงุดหงิดขึ้นมาทันควัน “กูไม่ได้จะให้มึงช่วยจีบพี่ชิณณ์”
“แล้วจะให้เรากลับไปทำไม”
“ก็มึงเป็นของกูแล้ว”
“ไม่คิดเหรอว่าเราอาจจะอยากมีอะไรกับนายเพราะคิดว่าอยากเป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์”

ถูกผมย้อนไปอย่างนี้ คชาก็ไม่ใช่แค่ดูหงุดหงิดละ ดูอึดอัดและอึกอักด้วยเช่นกัน ก่อนที่มันจะสวนกลับมา
“ทำไมต้องพูดจาร้ายกาจอย่างนี้ด้วยวะ”
“ทีตอนนั้นนายยังพูดจาร้ายกาจกับเราเลย”

ถูกผมย้อนกลับทุกดอก คชาก็จ๋อยสนิท ไม่เถียงกลับออกมาสักคำ ผมเห็นแล้วก็รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ถือไพ่เหนือกว่า ยิ่งคชาเอ่ยประโยคถัดไปออกมา
“กู...ชอบมึงว่ะมาวิน”

แล้วก็ลูบต้นคอตัวเองไปมา ดูเขินอายสุดฤทธิ์

ส่วนผมคงไม่ต้องบอก หน้าร้อนฉ่าไปไหนต่อไหนแล้ว หัวใจก็เต้นแรงเพราะเลือดสูบฉีด

คชาชอบผม...

ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม

ไม่ได้ฝันไปอย่างแน่นอนเมื่อหูได้ยินเสียงคชาพูดประโยคต่อไปออกมา

“ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ชอบด้วย กูว่ากูน่าจะรักมึงไปแล้ว ไม่รู้ว่าคิดกับมึงเกินเลยไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ขาดมึงไม่ได้ มึงอย่าพูดว่าที่ยอมมีอะไรกับกูอย่างนั้นเป็นเพราะอยากมีเซ็กส์เฟรนด์สิวะ ฟังแล้วใจไม่ดีเลย”

ผมเข้าใจว่ามันรู้สึกยังไง

ถ้ามันชอบผมจริงๆ อย่างที่ปากว่า มันก็คงจะรู้สึกอย่างเดียวกับที่ผมรู้สึกตอนที่มันพูดประโยคนั้นนั่นแหละ

“มันก็เหมือนกับตอนที่นายบอกว่าไม่ได้ชอบเราน่ะ เจ็บนิดๆ”
ผมแสร้งว่า จริงๆ ไม่ได้เจ็บนิดๆ เลย ถ้ามันนิดเดียว ผมคงไม่ย้ายข้าวย้ายของออกมาอย่างนั้น

“ขอโทษ...”
คชาช้อนตามองผม เอ่ยปาก ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้
“ขอโทษนะมึง ให้อภัยกูนะ”

เห็นแววตาออดอ้อนคู่นั้นแล้ว ผมก็อยากจะให้อภัยอยู่หรอก ถึงจะคิดว่าจะตัดใจแล้วแต่ผมก็อดใจอ่อนไม่ได้อยู่ดีเมื่อได้ยินคำพูดที่อยากได้ยินมากที่สุด

แต่มันจะไปเชื่อได้สนิทใจยังไงล่ะว่าคชามันชอบผมจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมามันเคยแสดงออกชัดเจนเสียที่ไหน ปากเอาแต่บอกว่าชอบพี่ชิณณ์ แล้วก็จีบพี่ชิณณ์อย่างออกหน้าออกตาด้วย แต่ก็ไม่พ้นมาทำให้ผมหวั่นไหวด้วยการกระทำที่ไม่ชัดเจน

แล้วแบบนี้ผมจะเชื่อมันได้ยังไง…

บอกตรงๆ ว่าผมไม่อยากถูกทำร้ายอีกแล้ว ผมเลยกะว่าจะปฏิเสธ ถึงจะดีใจที่ได้ยินมันสารภาพความในใจออกมา แต่ผมคิดว่าผมควรหยุดก่อนดีกว่า ถ้าเกิดมันเป็นการกลั่นแกล้ง ผมจะได้ไม่ต้องเจ็บอีก แค่ได้ยินมันบอกว่าไม่ได้ชอบผม ผมก็แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว

หากแต่พอจะเอ่ยปากพูดออกไป คชาก็ตรงเข้ามาคว้ามือทั้งสองข้างของผมไปจับ จับอย่างเดียวไม่พอ ดึงไปอังแก้มทั้งสองข้างของมันด้วย

“เราขอโทษนะมาวิน ยกโทษให้เรานะ”
ผมชอบที่คชาพูดกับผมด้วยสรรพนามอย่างนี้มากที่สุด แต่ไม่ชอบให้พูดในเวลานี้เพราะมันทำให้ผมไขว้เขว

ผมพยายามสะกดกลั้นไม่ให้พยักหน้ารับหรือพูดใดๆ ออกไปเป็นการตกลง หากแต่ก็ปฏิเสธไม่ออกเช่นกัน เลยทำให้คชาปล่อยมือจากผม รวบเอวผมเข้าไปกอดแทน ใบหน้าของพวกเราใกล้กันมากทีเดียว ยิ่งผมเห็นคชาใกล้ๆ แบบนี้ ความเข้มแข็งในตัวผมก็ยิ่งลดน้อยลงไป จนได้ยินเสียงคชากระซิบบอก

“เรารักนายนะมาวิน เราขาดนายไม่ได้แล้ว ที่ผ่านมาเราขอโทษ”
เท่านั้นทุกความโกรธเคืองก็มลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

ผมรักคชา...

ใช่แล้ว ผมรักเขา ถ้าไม่รักคงจะไม่ยอมให้เขาทำแบบนี้ อย่าว่าแต่ทำแบบนี้เลย แม้แต่ประตูบ้านก็จะไม่ไปเปิดให้

ทว่าผมก็ไม่ได้ตอบรับอะไร สบตาของคชาอยู่อย่างนั้นจนคชาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ประทับจูบลงบนเรียวปากผม สอดปลายลิ้นดุนดันเข้ามาตักตวงความหวานในโพรงปากอย่างโหยหา ผมเองก็จูบตอบมันเหมือนกัน

โหยหามันหมายความว่าคิดถึง...

ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ผมคิดถึงไอ้ผีบ้าคนนี้เหลือเกิน...

สองแขนตวัดโอบกอดแผ่นหลังกว้างอย่างลืมตัว คชาได้ทีก็ดันผมมาจนติดขอบเตียง จากนั้นก็ดันให้ล้มตัวลงนอน
ริมฝีปากของเราทั้งสองคนยังคงแนบชิดกันอยู่อย่างนั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่มีทีท่าว่าจะผละออกจากกันเลยสักนิด
ความรู้สึกของคชาคงจะเป็นของจริง...

ผมก็ยังไม่แน่ใจนักหรอก บอกตามตรง ผมก็ยังกลัวอยู่ว่าถ้าเกิดเผลอตัวเผลอใจให้คชาไปมากกว่านี้ ผมจะต้องเจ็บปวดเพราะคำพูดพวกนั้นอีก แต่ว่า...กลับหยุดการกระทำที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเป็นที่พอใจ คชาถึงละริมฝีปากออกมา พรมจูบไปทั่วใบหน้าของผมก่อนที่จะประทับริมฝีปากเบาๆ ที่ไฝใต้ตาขวา
“ไฝใต้ตานี่ ไว้ผมยาวปิดเลยนะ ไม่อยากให้ใครเห็น หวง”

ผมใจเต้นระรัว กระนั้นก็ยังเก็บอาการถามออกไปเสียงเรียบ
“เป็นอะไรกันล่ะถึงมาหวงน่ะ”

คชาเผยอยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าบอกว่าเป็นผัวมึง มึงจะยอมรับไหมล่ะ”

ใครมันจะไปยอมวะ...

แต่มันก็เป็นเรื่องจริง ผมเลยไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกไป คชาจึงจูบผมอีกครั้งและค่อยๆ พรมจูบต่ำไปยังลำคอและช่วงไหปลาร้า
ผมเกือบจะเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้นอยู่แล้วถ้าหูไม่ได้ยินเสียงแม่ที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านเรียกเสียก่อน เท่านั้นผมก็ผลักคชาออกโดยเร็ว

“แม่มึงเหรอ”
ผมพยักหน้า คชาบ่นอุบอิบ
“อะไรวะ งั้นไว้มึงย้ายกลับไปที่หอก่อนค่อยทำก็แล้วกัน”

ได้ยินอย่างนั้น ความตั้งใจที่ว่าจะยังไม่ยกโทษให้คชาง่ายๆ ก็หวนกลับมาทันใด

ทำกูเจ็บปวดเจียนตายขนาดนั้น คิดเหรอว่ากูจะกลับไปง่ายๆ

แน่นอนว่าผมไม่กลับไปง่ายๆ อยู่แล้ว ถึงตอนนี้จะตัดใจไม่ได้และอยากจะกลับไปอยู่กับมันมากแค่ไหน ผมก็ต้องเล่นตัวหน่อย ไม่ใช่ว่าหยิ่งหรืออะไร แค่ไม่อยากให้คชาได้ใจว่าผมแคร์มัน ถ้ามันคิดอย่างนั้นกับผมจริงๆ ก็ถึงเวลาที่มันต้องแคร์ความรู้สึกผมให้มากกว่าเดิมแล้ว

คิดอย่างนั้นผมก็เลยพูดไป
“เราไม่กลับไปหรอกนะ”

สีหน้าเริงรื่นของคชาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันควัน
“หมายความว่า...”
“เราพอแล้วไง”
“อะไรคือพอแล้ว”
“เราไม่เอาแล้ว จะเลิกชอบนายแล้ว บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

คชาทำหน้าเจ็บปวดร้าวราน ยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายพลางว่า
“เอื้อ... มึงอย่าพูดอย่างนี้”

มึงไม่ต้องทำมาเป็นตลกเลย มันกลบเกลื่อนความตั้งใจของกูไม่ได้หรอกเว้ย

“เราบอกกับพี่ชิณณ์แล้วว่าให้เขาพอ เราเองก็จะพอกับนายเหมือนกัน เลิกสนใจเราเถอะ”
ผมกัดฟันพูดออกไปทั้งที่ใจไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว คชาคงจะสัมผัสได้เลยรีบคว้ามือผมไปจับ

“มาวิน...มึงวางถุงกาวลงก่อน”

อันนี้มึงควรบอกตัวเองมากกว่าเว้ย ทำตัวเมากาวตลอดเวลาขนาดนี้น่ะ!

ผมแสร้งนิ่ง คชาเลยง้อออกมาทันใด
“เอ๋อของคชา กลับมาเถอะนะ กลับมาเถอะวันวาน...วันวานยังหวานอยู่ หื่อฮื้อ...”

ร้องเพลงออกมาเสียอย่างนั้น ผมก็เกือบจะหัวเราะออกมาอยู่แล้ว ดีที่ควบคุมอารมณ์ได้ ประกอบกับได้ยินเสียงแม่เรียกซ้ำมาอีกครั้ง ผมเลยดึงมือออกจากการเกาะกุมของมัน ดันตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

“พอเถอะ แล้วลงไปข้างล่างได้แล้ว นายจะได้ทำความรู้จักแม่กับพี่เราแล้วจะได้กลับ กลับเย็นเดี๋ยวรถติด” ไล่อ้อมๆ ด้วย
คชาทำท่าขัดใจแต่ก็ลุกขึ้นมาโดยดี เดินมาหยุดตรงหน้าผมพร้อมกับพูดทิ้งท้ายเอาไว้

“กูจะเอามึงกลับไปอยู่ด้วยให้ได้เลยไอ้เอ๋อ จะง้อจนถึงที่สุด กูจะทำให้มึงตกหลุมรักจนโงหัวไม่ขึ้น คอยดูเถอะ”
พร้อมกับจูบที่หน้าผากผมแรงๆ ทีหนึ่ง

ผมใจเต้นขึ้นมาอีกแล้ว แต่ก็แสร้งกลบเกลื่อนด้วยการพูดเร็วๆ
“สะ...ใส่กางเกงดีๆ ด้วย รูดซิปขึ้น แล้วก็ลงไปได้แล้ว อย่ามัวลีลา”

คชาดึงซิปกางเกงขึ้นด้วยท่าทางฮึดฮัด ชี้หน้าผมเล็กน้อย ขยับปากส่งเสียงพอให้จับใจความได้ว่า ‘ระวังตัวไว้ เดี๋ยวมึงต้องตกหลุมรักคนหล่อๆ อย่างกู’ จากนั้นถึงเดินนำออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมถอนหายใจตามหลังมัน ก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมาจนหุบไม่ลง

ไอ้บ้าเอ๊ย รู้ตัวไหมว่าผมตกหลุมรักมันจนโงหัวไม่ขึ้นไปตั้งแต่เห็นมันมายืนอยู่หน้าบ้านแล้ว

คชา... แล้วมาง้อเราอีกนะ เราจะรอ
---------------------------------
มาเต็มตอนแล้วค่ะ แหมมม มาง้อเขาถึงบ้าน นุ้งวินเกือบใจอ่อนละ แต่ขอเล่นตัวก่อน 555
ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วย ช่วงนี้อาจจะมาช้านิดนึงนะคะเพราะงานท่วมมาก นอนไม่ค่อยพอด้วย ;w; แต่เดี๋ยวมาต่อให้ค่ะ
ป.ล.เรื่องหน้าที่จะอัปคือโชซอนซ่อนรัก เป็นแนวชาย-หญิง ส่วนแนววายเป็นเรื่อง สะบายดีจอมดื้อ ค่ะ เปิดโหวตไว้ว่าระหว่างเจ้าจอมแก่นกับเรื่องนี้อยากให้เรื่องไหนออกก่อน ดูแววแล้วเรื่องพี่ดื้อชนะขนาดลอย รออ่านกันนะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-05-2017 00:04:43
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 06-05-2017 01:07:22
สมน้ำหน้าคชา :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-05-2017 06:31:04
มันง้อได้ผีบ้ามาก


วินมีสติดีนะ พิจารณาสถานการณ์และควบคุมได้
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 06-05-2017 06:40:41
 :hao5: :hao5: :hao5:  อะฮื่อออดีมากมาวินของป้า เลอค่าไว้ลูกอย่าให้อะไรมันง่ายเหมือนที่ผ่านมา  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: bowtotay ที่ 06-05-2017 09:26:03
โอ๊ยยยย.     อิคชา อิผีบ้า เป็นพระเอกที่เป็นผีบ้าที่สุด
หมดสกุลรุนชาติพระเอกมาก 55555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 06-05-2017 10:24:29
 :laugh: ตามคชามาเมามะระแถวนี้บ้างไรบ้าง  :m20:
สลดได้ถึงนาทีนึงป่าวละพ่อคู๊ณณ ใจแข็งไว้ๆ น้องวินนี่
เด๊ะรอดูเจอหน้าแม่กะพี่เมีย จะมาแบบไหน จิตนาการไม่ออกจริงๆ
เพราะคชาคือคนเหนือโลก ทำได้ทุกอย่างที่คนธรรมดาเขาไม่ทำกัน  :ruready
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 06-05-2017 12:32:54
ผีบ้าน่ารักอ่ะ55555 :hao6:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-05-2017 13:12:58
  ถุงกาวไม่ได้อยู่ในมือมาวินสักหน่อย อีผีบ้านี่ว้อแบบคนดีๆเค้าไม่เป็นจริงๆด้วยสินะ

เอาท่านฮิคารุไปทิ้งเลยค่ะถ้าจะเอาเมียเข้าห้อง 5555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 06-05-2017 18:43:19
น้องเอ๋อของเราน่าร๊ากกกกก ใจแข็งให้สุดๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-05-2017 23:31:28
พระเอกบ้าบอดี 5555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: kanunsak ที่ 07-05-2017 09:58:12
“มาวิน...มึงวางถุงกาวลงก่อน”

ฮ่าๆๆๆ เราชอบประโยคเน้....
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 18: กลับมาเถิดวันวาน...วันวานยังหวานอยู่[05-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 07-05-2017 19:00:11
สบตา ครั้งที่ 19: ผีบ้ากับน้องเอ๋อ

หลังจากวันที่คชาให้คำมั่นว่าจะง้อผมจนใจอ่อน มันก็ส่งข้อความมาหาผมทุกวัน บางวันก็โทรมา ส่วนใหญ่จะเป็นการอ้อนวอนขอให้ผมกลับไปอยู่กับมัน พอผมไม่เล่นด้วย หลังๆ มันก็เริ่มขู่ ขู่ไม่ได้ผลก็มีมุกเสี่ยวมาเรื่อยๆ และทุกครั้งผมก็มักจะหัวเราะไปกับมุกผีบ้าผีบอของมัน พอไปที่มหาวิทยาลัย มันก็จะมาดักรอที่หน้าคณะทั้งเช้าและเย็นเพื่อตามง้อ และทุกครั้งมักจะตบท้ายด้วยประโยคที่ว่า...

‘รักนะครับเอ๋อ’

ผมก็ใจอ่อนยวบ แอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ลับหลังมันทุกที แต่ผมก็แสร้งทำเป็นยังโกรธมันไปงั้นแหละ ความจริงแล้วผมให้อภัยมันตั้งแต่วันที่มันมาง้อวันนั้นแล้วล่ะ

ก็ให้ทำไงได้ ผมก็รักมันเหมือนกันนี่นา ต่อให้มันเคยพูดจาทำร้ายจิตใจผมมา ผมก็อดไม่ได้ที่จะให้ใจมันไปเหมือนเดิม เพียงแต่ครั้งนี้หวังว่ามันจะไม่ทำอย่างเดิมอีก

ทว่าพอการง้อผ่านไปได้อาทิตย์นึง จู่ๆ คชาก็หายไป ไม่มีสายเรียกเข้า ไม่มีข้อความ ไม่มีการมายืนดักรออย่างเช่นทุกวัน แค่วันเดียวก็ทำให้ผมจะเป็นจะตายแล้ว นี่หายไปตั้งสามวัน ทำเอาผมอดคิดไม่ได้เลยว่ามันกำลังวางแผนอะไรไว้อยู่

กะว่าจะให้ชีวิตผมมีมัน แล้วพอจู่ๆ หายไป ผมก็จะลงแดงอะไรประมาณนั้นล่ะสินะ
แต่ไม่หรอก คชาคงไม่ทำอย่างนั้น สมองบ้องตื้นอย่างมันคิดอะไรซับซ้อนได้เสียทีไหน

ถ้าเป็นอย่างนั้นหรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น?

คิดอย่างนี้แล้วผมก็อยู่ไม่สุขมากกว่าเดิมอีก พอวันใหม่มาถึง เลิกเรียนเสร็จ ผมก็ตรงดิ่งไปที่หอมันทันที แวะไปขอกุญแจห้องจากส่วนกลางก่อนด้วย ดีที่เจ้าหน้าที่ส่วนกลางเข้าใจว่าผมยังอยู่ห้องเดียวกับคชาจึงยอมให้กุญแจสำรองมาแต่โดยดี

พอขึ้นไปถึงหน้าห้อง ผมก็เสียบกุญแจเข้าไปหมายจะเปิด ทว่าก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าประตูห้องไม่ได้ล็อก น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือสภาพในห้องมืดๆ นั่นเละเทะไม่มีชิ้นดี ข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นทำให้ผมอดกังวลไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

กังวลหนักมากขึ้นไปอีกเมื่อเหลือบไปเห็นร่างใหญ่ของคชานอนแผ่หลาอยู่บนเตียงในสภาพคว่ำหน้า
“คชา!”

ผมร้องเสียงหลง รีบถลาเข้าไปหามันทันที ไม่รู้ทำไมจิตใต้สำนึกถึงได้บอกว่าท่าทางนั้นไม่ใช่ท่าทางนอนหลับ ซึ่งก็จริงเสียด้วยเมื่อผมไปจับมันพลิกตัวนอนหงาย คชาก็ปรือดวงตาขึ้นมามอง

“ไอ้เอ๋อ... มึงมารับกูแล้วเหรอ”
แล้วก็ยกมือขึ้นสูงคล้ายจะคว้าอะไรบางอย่าง ก่อนจะเปรยออกมาอีก
“เหมือนเห็นอากงที่ตายไปแล้วมายืนกวักมือเรียกที่แม่น้ำฝั่งตรงข้าม”

มึงนึกว่าตัวเองอยู่ที่ยมโลกหรือไง ยังไม่ตายโว้ย แต่มึงเป็นอะไรก็ไม่รู้!

ผมย่นคิ้วทันที จับคชานอนหงายดีๆ พลางว่า
“อากงบ้าอะไร นอนดีๆ เลย เป็นอะไรเนี่ย ทำไมสภาพเน่าแบบนี้”

เน่าจริงๆ เน่าแบบหมดรูป หนวดเคราขึ้นหรอมแหรมเต็มหน้าไปหมด

คชาไม่ตอบ เอาแต่มองผมที่ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงแล้วยิ้ม แต่ดูอาการไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ผมเลยยกมือขึ้นไปอังหน้าผากด้วยเอะใจ ก่อนจะต้องอุทานออกมาเมื่อสัมผัสได้ว่าร่างกายของคนตรงหน้าร้อนอย่างกับไฟ

“โห ตัวร้อนจี๋เลยเนี่ย”
คชายิ้มเผล่ คว้ามือผมที่วางอยู่บนหน้าผากมันมาอังข้างแก้มแล้วพูดงึมงำออกมา
“ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ จับไข่”

พูดบ้าอะไรของมัน

ไม่พูดอย่างเดียวด้วยนะ มืออีกข้างเอื้อมมาจับเป้ากางเกงผมหน้าตาเฉย
“จับไข่จริงๆ ด้วย”

มึงก็ยังจะมาเล่นอยู่ได้ เป็นตลกคาเฟ่หรือไง!

แทบจะเอาหมอนมากดหน้ามันให้ขาดอากาศหายใจ ไม่สบายก็ยังจะมาเล่นอยู่ได้
“อย่าทะลึ่งว่ะ ใจดีด้วยหน่อยแล้วได้ใจหรือไง” ผมแหวเข้าให้

คชาย่นปากยู่ที่ผมส่งเสียงดุ พอผมปัดมือของมันออกพร้อมกับดึงมือที่มันจับอยู่คืนมา มันก็ถือโอกาสรวบเอวผมเข้าไปกอดแน่น เอาหน้าซุกมาที่หน้าท้องผมเสียอย่างนั้น

“ช่วยไม่ได้นี่ ก็มึงอยากเป็นคนน่าลูบไข่เองนี่หว่า”

ยัง...มึงยังไม่หยุดอีก

ผมเหลือบมองมันอย่างระอา กะว่าจะทำใจปล่อยมันเพี้ยนไป ทว่าก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงเมื่อมันเริ่มจะอยู่ไม่สุข แกะกระดุมกางเกงยีนผมเป็นพัลวัน

“ส่วนตอนนี้อยากเอาไข่ลูบหน้า”

มึงพอได้แล้วไหมไอ้คชา จะทะลึ่งบ้องไปถึงไหน เดี๋ยวก็ถูกอย่างอื่นลูบหน้าแทนหรอก!

“เลิกเล่นได้แล้ว ไม่สบายอยู่ไม่ใช่หรือไง” ผมดุไปอีก ตบท้ายทอยมันไปด้วยขณะที่มันพยายามจะเอาหน้าซุกลงมาที่เป้ากางเกงผม

พอมันไม่ยอมเอาหน้าออก ผมเลยต้องดันหัวมันขึ้นมา เห็นผมทำหน้าดุใส่ มันก็ยิ้มเผล่
“เอ๋อน้อยห้อมหอม”

มึงนี่มัน...

หน้าผมร้อนผ่าวแข่งกับไอร้อนจากตัวมันเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะ
คนบ้าอะไร จะตายอยู่แล้วแท้ๆ ยังจะเล่นไม่เลิก

แต่ถึงยังไงตอนนี้ผมก็รู้แล้วล่ะว่าที่มันไม่มาตามง้อผมอย่างเคยเป็นเพราะอะไร ตัวร้อนขนาดนี้คงจะเป็นไข้หนักอย่างแน่นอน
“แล้วนี่ไปหาหมอมาหรือยัง”
คชาพยักหน้า ชี้นิ้วไปทางถุงพลาสติกที่หล่นอยู่บนพื้น
“หามาแล้ว ยาอยู่ตรงนั้น”

ผมคว้าถุงยาขึ้นมาดู เห็นบิลใบเสร็จก็เลยรู้ว่ามันเพิ่งไปหามาวันนี้ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนอกจากจะดูว่ายาที่หมอให้มา มันต้องกินตอนไหนบ้าง จากนั้นก็ลุกไปคว้าผ้าเช็ดตัวไปชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดตัวให้คชา พอเดินกลับมานั่งที่เดิมก็ออกปากสั่ง
“อะ ถอดเสื้อ”

คชาเลิกคิ้วสูง ยกสองมือไขว้ที่หน้าอกตัวเอง
“จะทำมิดีมิร้ายเค้าเหรอ”

ผมหมั่นไส้ก็เลยสะบัดผ้าขนหนูฟาดหน้าไปที
“อย่ามัวแต่แรด รีบๆ ถอดเสื้อเร็วเข้า”
คชาทำหน้าตาแบบตกอกตกใจทันควัน “โอ้โห ปากคอเราะร้าย”

ก็มึงแรดจริงๆ จะทำตัวสะดีดสะดิ้งไปทำไม รีบๆ ถอดเสื้อเร็วเข้า กูจะได้เช็ดตัวให้!

“อย่ามัวเล่นได้ไหม ถอดเร็ว อย่าให้ต้องลงมือเองนะ”
พอผมขู่ไปอย่างนี้ คชาก็ยิ้มออกมา
“ฮั่นแน่ จะทำอะไรกู ฉีกทึ้งอย่างโหดร้ายทารุณปะ ถ้าแบบนั้นล่ะก็...อะ ยอม เอาเลยจ้ะ”

มึงมันกวน....!

ด่ามันไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ผมเลยถอนหายใจออกมา จับมันถอดเสื้อด้วยตัวเองแทน ถอดแค่เสื้อไม่พอ ต้องถอดกางเกงด้วยเพราะต้องเช็ดทั้งตัว สภาพของคชาในตอนนี้เลยเหลือแค่บ็อกเซอร์บางๆ ตัวเดียว ผมไม่อายกับการเห็นสภาพมันอย่างนี้หรอก เห็นมาหลายครั้งแล้ว เพียงแต่เห็นบ่อยๆ มันก็ระคายสายตา แต่เพราะคชาเป็นคนที่ผมรัก ผมเลยแสร้งทำเป็นเฉย หยิบเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดไปตามผิวของมันอย่างเบามือ

คชามองผมที่ทำอย่างนั้นแล้วก็ยิ้มออกมา ผมมาเขินอายเอาก็ตอนนี้นี่แหละจนต้องถามเสียงขุ่น
“อะไร”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรแล้วยิ้มทำไม”
“ไหนบอกว่าจะไม่กลับมาไง ไม่ได้ขอเลยนะเนี่ย มาเองเฉย” คชาพูดออกมาพลางทำหน้าทะเล้น

ตอนนี้นี่เองที่ผมรู้ตัวว่าทำพลาดเลยทำเป็นนิ่งให้คชาได้เอ่ยออกมาอีก
“พอกูหายไป มึงก็เลยเป็นห่วงใช่ไหมล่ะ แหม ช่วยไม่ได้นะ ผัวมึงล้อหล่อ จะเป็นห่วงและหึงหวงก็ไม่แปลก”
จบท้ายด้วยการหลงตัวเองอีกครั้ง ผมเลยแล้งหยิกหัวนมมันไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้

คชาร้องโอดโอยจังหวะเดียวกับที่ผมว่าเสียงเขียวพอดี
“หุบปากแล้วนอนเฉยๆ ไปเลย”
คชายกมือลูบหัวนมตัวเองที่แดงเรื่อขึ้นมาจากการถูกหยิกป้อยๆ ทว่าใบหน้ากลับเปื้อนยิ้ม แต่มันก็ยอมนอนนิ่งๆ ให้ผมเช็ดตัวแต่โดยดี หากแต่ก็ทำได้ไม่นานหรอกเพราะจู่ๆ มันก็เรียกผมออกมาอีก

“ไอ้เอ๋อ”
“อะไร” กะว่าถ้ามันพูดอะไรไม่เข้าหูอีก จะไม่หยิกแค่หัวนมละ

ทว่าผมหันไปมองหน้ามันก็ต้องหน้าร้อนวาบเมื่อได้ยินมันเอ่ยออกมา
“ขอบคุณที่กลับมานะ”
“อะ...” ผมทำหน้าไม่ถูกทันควัน ได้แต่ครางในลำคอ “อืม”

ก้มหน้างุดโดยอัตโนมัติด้วย ไม่รู้ทำไม แต่ผมกลัวว่าหน้าผมในตอนนี้จะแสดงอาการเขินอายหรือแดงเรื่อให้มันรู้ว่าผมรู้สึกยังไงจึงได้ก้มลงไปอย่างนั้น แต่ก็แอบเหลือบเห็นว่าคชายิ้มกว้างกว่าเดิมอีก ก่อนที่มันจะดันตัวขึ้นมานั่ง เอื้อมมือมาช้อนปลายคางผมให้เชิดขึ้น

ผมสบตามันขณะที่คชาขยับเข้ามาใกล้ ทำท่าคล้ายจะจูบ มันก็จูบจริงๆ นั่นแหละ แต่ไม่ได้จูบที่ริมฝีปาก เป็นจูบที่หน้าผากแทน พอมันละริมฝีปากออกมา ผมก็มองมันอย่างสงสัยว่าทำไมมันถึงเลือกจูบตรงนี้ ก่อนจะได้คำตอบโดยไม่ต้องเอ่ยปากถาม
“จูบปากเดี๋ยวติดไข้นะ”

อ๋อ... ผมพยักหน้า กัดริมฝีปากนิดๆ ยอมรับว่าเสียดายที่ไม่ได้ถูกจูบที่นั่น

คชาเห็นท่าทางของผมแล้วก็หัวเราะ จากนั้นก็หอมแก้มเข้ามาฟอดใหญ่
“ไว้อาการดีขึ้นกว่านี้แล้วจะจูบให้ทั่วทั้งตัวมึงเลย”

“นายมันโคตรหื่นเลยว่ะ”

ผมทำเป็นพูดไปงั้นแหละ ในใจเผลอคิดทะลึ่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คชาเองก็คงรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เลยทำหน้าทะเล้นใส่

“อย่ามาทำเป็นพูดดีเลย ตัวเองก็อยากให้เค้าจูบทั่วทั้งตัวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ คราวนี้จะครางอะไรดีล่ะ รหัสนักศึกษาเบื่อแล้ว ครางเลขทะเบียนรถดีไหม หรือเบอร์โทรศัพท์”

มึงมันก็ยังบ้าเหมือนเดิมไอ้คชา อาการป่วยไม่ได้ทำให้มึงหายบ้าน้อยลงเลยล่ะสินะ!

อยากจะด่ามันเหมือนกัน แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเสียก่อนเมื่อคชามันกลั้วหัวเราะแล้วจ้องหน้าผมนิ่ง

“คชาดีใจที่เอ๋อกลับมานะครับ ยกโทษให้คชาแล้วเนอะ”

เป็นครั้งแรกที่มันพูดจาเป็นผู้เป็นคนตั้งแต่เจอหน้ากันเมื่อกี้นี้ ใจผมเต้นระรัวเร็วเลยล่ะ ยิ่งเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความดีใจของคชามองมา ผมก็รู้ได้ว่าคชามันรอให้ผมกลับมาอยู่ข้างมันมากแค่ไหนจึงเผลอตอบไปอย่างลืมตัว

“อืม”

ยิ่งลืมตัวมากขึ้นกว่าเดิมอีกว่ากะจะแกล้งโกรธให้มันตามง้อนานๆ เมื่อคชาดึงผมเข้าไปกอดแน่น พลางกระซิบเสียงเบา

“คชาคิดถึงเอ๋อนะครับ”

ตะ...ตกหลุมรักคนบ้ารอบที่เท่าไหร่ก็ไปรู้ไปอีกครั้งเป็นที่เรียบร้อย ปากเผยอพูดออกไปโดยไม่ไตร่ตรองใดๆ

“เอ๋อก็คิดถึงผีบ้าเหมือนกัน...”

"ผีบ้า?" สรรพนามนั้นทำให้คชานิ่วหน้า

ผมไม่บอกมันหรอกว่าผมหมายถึงมันนั่นแหละ แต่แวบเดียวคชาก็รู้ ก่อนที่มันจะแกล้งกอดผมแน่นกว่าเดิม

"กล้าว่าผัวบังเกิดเกล้าเหรอฮะไอ้เอ๋อ แบบนี้ต้องโดนฟัด"

ผมหัวเราะร่วนเพราะไม่ได้ถูกมันกอดอย่างเดียว แต่ถูกมันเอาหน้าซุกไซ้หอมแก้มหลายครั้งติดๆ กันด้วย เพียงครู่เดียวการถูกแกล้งนั้นเป็นอันต้องหยุดเพราะคชาไอโขลกออกมาระลอกใหญ่ พร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือดลงกว่าเดิม

“เป็นไงล่ะ เล่นไม่ดูสังขาร” ผมค่อนแคะทันที

คชาที่ไอจนหน้าดำหน้าแดงมองผมพลางทำแก้มป่องๆ

“ไม่เห็นใจไม่ว่า ยังมาตอกย้ำอีก ใจร้ายว่ะ”

“ก็มันน่าไหมล่ะ เล่นไม่เข้าเรื่อง” ผมว่าออกไปอีก

คชาทำแก้มป่องมากกว่าเดิม ยู่ปากแล้วพึมพำว่าผม

“ใจร้าย”

“นอนพักผ่อนได้แล้ว”

“เอ๋อใจร้าย”

ยังจะปรามาสผมอีก ทำเอาผมต้องขู่

“จะนอนเองดีๆ หรือจะต้องให้ทุบจนสลบ”

มันเลยทิ้งตัวลงนอนแต่โดยดี ปากยังคงพูดคำเดิมไม่หยุด

“ผัวนะเนี่ย ใจร้ายฉิบ”

ผมไม่ชอบเลยเวลามันเรียกแทนตัวเองว่าผัวเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ ทำเป็นหูทวนลมไป ตอนนี้ไม่ชอบตรงที่มันหาว่าผมใจร้ายมากกว่า

“ใจร้ายแล้วไม่รักหรือไง” ผมว่าขณะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวให้

คชายิ้มกว้างแล้วก็ดึงผมเข้าไปกอดจนผมล้มลงนอนข้างๆ มันไปด้วยอีกคนเสียอย่างนั้น

“ร้ายก็รักนะ”

จากนั้นก็จูบไปทั่วหน้าผม ประโยคต่อไปที่หลุดออกจากปากมันทำเอาผมยิ้มออกมาด้วยเก็บไว้ไม่อยู่ด้วย

“จะยอมเป็นผีบ้าเพื่อรักน้องเอ๋อตลอดไปเลย”

ผมพยักหน้ารับ ตวัดแขนโอบกอดร่างใหญ่บ้าง

มีความสุขมาก...

อยากให้ช่วงเวลานี้อยู่กับเราสองคนไปนานๆ

รักเรานานๆ นะผีบ้าคชา...

 

หลังจากที่ผมกลับมาหาคชาในวันนั้น ข้าวของที่ขนกลับบ้านไปครั้งก่อนก็ถูกทยอยขนกลับมาอีกครั้ง ผมถูกแม่กับพี่สวดชุดใหญ่เลยทีเดียวที่ทำอะไรไม่คิด การทะเลาะกันของผมกับคชานั้นถูกกล่าวหาว่าเป็นการทะเลาะกันของเด็กด้วย แต่สำหรับผมมันไม่เด็กเลยนะ ถูกพูดทำร้ายจิตใจขนาดนั้น ใครมันจะไปอยู่ด้วยลงล่ะ

แต่ก็เอาเถอะ ยังไงผมก็กลับมาอยู่กับคชาเหมือนเดิมเป็นที่เรียบร้อย ความสัมพันธ์ของเราสองคนในตอนนี้นอกจากเป็นรูมเมทแล้ว ยังเป็นแฟนอีกด้วย

ใช่...แฟน

คชาป่าวประกาศกับกลุ่มเพื่อนมันไปทั่วแล้วว่าคบกับผม ผมเพิ่งมารู้เอาตอนนี้ด้วยว่าพวกเพื่อนกลุ่มทูตกิจกรรมของมันรู้กันอยู่แล้วว่าคชาเป็นเกย์เลยไม่ได้แปลกใจอะไรเท่าไหร่ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันบ้าสะสมหนังโป๊เกย์ของฮิคารุซามะอะไรนั่น และที่มันบอกกับผมบ่อยๆ ว่ามันไม่ได้เป็นเกย์เพราะว่ามันกลัวว่าผมที่เป็นฝ่ายขอมันมาอยู่ด้วยในตอนแรกจะปลุกปล้ำคนหล่อๆ อย่างมัน

น่าปล้ำตายล่ะ บ้าๆ บอๆ ขนาดนี้...

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมจะคิดอย่างนี้ก็ไม่แปลก ซึ่งไม่ใช่ตอนนี้...ตอนที่ผมกับมันเป็นแฟนกันแล้ว

พอคชาหายไข้ มันก็จัดหนักจัดเต็มเช้าสายบ่ายเย็นไม่เว้นว่าง จนผมนี่แหละที่จะป่วยแทนมัน พอถูกปราม มันก็พอจะเบาลงได้ แต่กลับมาสร้างความเหนื่อยใจให้ผมแทนเหนื่อยกายด้วยมันคิดว่าการที่ผมมาขออยู่กับมันด้วยอ้างเหตุผลว่าสบตามันแล้วไม่เห็นกระเปี๊ยวอะไรนั่นเป็นวิธีการอ่อยของผม

อ่อยบ้าบอคอแตกอะไร กูเห็นจริงๆ เว้ย!

อธิบายให้มันฟังรอบที่ล้านแปดแล้ว แต่มันก็ยังไม่เชื่อ ไม่ใช่ว่ามันไม่พยายามเชื่อนะ มันพยายามแล้ว แต่มันเชื่อไม่ลง ซึ่งผมก็เข้าใจเลยไม่ได้ว่าอะไร และพอคชาขอลองพิสูจน์ ผมก็ไม่ขัด อยากพิสูจน์ก็พิสูจน์ไปเลยเพราะยังไงผมก็บริสุทธิ์ใจ

ดังนั้นคชาจึงไปเตรียมพร้อมกับพวกกลุ่มเพื่อนมันก่อนที่เราจะนัดกันไปกินข้าวเย็นแถมมหาวิทยาลัย การเตรียมพร้อมของคชาก็ไม่มีอะไรมาก แค่ถามพวกเพื่อนๆ มันว่าเอียงข้างไหน ลักษณะยังไง มีจุดเด่นอะไรบ้าง

ถูกต้อง...มันหมายถึงงวง

พอถึงเวลานัดหมาย คชาก็เริ่มต้นพิสูจน์ทันทีด้วยการให้ผมสบตากับเพื่อนมันทุกคนที่นั่งรายล้อมอยู่รอบโต๊ะ พอผมพยักหน้าบอกมันว่าเห็นร่างเปลือยของทุกคนแล้ว มันก็ออกปากถาม

"ของไอ้โบทเอียงซ้ายหรือเอียงขวา"

คนชื่อโบทยืนขึ้นเพื่อให้ผมมองหว่างขาของตัวเองพลางหัวเราะเขินๆ ผมเหลือบมองที่ระหว่างขาของคนที่ชื่อโบทแล้วก็รีบเบนสายตาไปทางอื่นอย่างรวดเร็วขณะที่ปากเอ่ยออกมาด้วย

"ขวา"

“เฮ้ย ถูก” โบทร้องลั่น ก่อนจะพาเพื่อนคนอื่นๆ หัวเราะกันร่วน

ส่วนคชาทำหน้าอึ้งงัน ก่อนที่สีหน้านั้นจะเลือนหายไปและมีคำถามใหม่ดังออกมาจากปาก

"แล้วของไอ้กันล่ะ"

ชี้ไปที่เพื่อนอีกคน เจ้าตัวลุกขึ้นยืนให้ผมมองเช่นกัน ผมเหลือบมามองเป้าของผู้ชายที่ชื่อกันเล็กน้อยก่อนตอบ

"ซ้าย"

“ถูกว่ะ” กันร้องบอก

คชาทำหน้าอึ้งงันและมากขึ้นไปอีกเมื่อผมเสริมต่อท้าย

"มีไฝตรงปลายด้วย"

คำตอบถูกต้องตรงเผงเพราะเห็นเต็มๆ ตาเลย

เสียงโห่ฮาดังตามมา หลายคนบอกว่าผมมีตาทิพย์ แต่ผมรู้ว่าจริงๆ แล้วพวกมันคิดว่าผมคงจะฟลุกเดาถูก และผมก็ไม่อยากจะเสียเวลาอธิบายอะไรให้ฟังด้วย เพราะในตอนนี้ คนที่ผมสนใจมีแต่คชาที่นั่งอ้าปากหวอ พอผมถามออกมา...

"อยากให้เราดูของใครอีกไหม"

คชาก็หายอึ้งงันอย่างรวดเร็วพร้อมตะเบ็งเสียงสั่งดังลั่น

"อะ...ไอ้เอ๋อ มึงหลับตาเดี๋ยวนี้เลย! หลับตา!"

"ทำไมล่ะ"

"ยังจะมีหน้ามาถามว่าทำไมอีก มึงจะดูของผู้ชายคนอื่นไปถึงไหน! ไอ้กัน มึงนั่งลงด้วย จะโชว์อะไรนักหนา โรคจิตเหรอมึงอะ!"

เออ อันนี้เข้าใจละว่ามันคงจะหึงที่ผมเห็นอะไรอย่างนั้น ซ้ำยังพานไปโวยวายใส่เพื่อนที่ยังยืนอยู่ด้วย มันถูกเพื่อนบ่นกระปอดกระแปดเล็กน้อย ส่วนผมก็เกือบจะยิ้มออกมาเพราะมีความสุขที่ถูกมันหึงหวงแล้วแม้ว่ามันจะพูดเสียงดังชวนให้คนอื่นในร้านเข้าใจผิดก็ตาม และผมคงจะกลายเป็นคนที่มีความสุขมากๆ ถ้าจู่ๆ มันไม่ลุกขึ้นยืน หันเป้ามาทางผมแล้วทำท่าจะถอดกางเกง

"ถ้ามึงอยากดูนักก็ดูหออำลำเท่าแขนของผัวที่รักของมึงนี่!"

ผมเบิกตาโพลงทันตะวัน

จะบ้าเหรอไอ้คชา มึงจะมาโชว์ในร้านข้าวไม่ได้นะเว้ย!

หอ-อำ คือ หรรม บอกไว้ก่อนเผื่อไม่รู้ แต่ไอ้ลำเท่าแขนเนี่ยไม่เห็นจะจริงเลย!

ปลดเข็มขัด แกะกระดุมกางเกงเป็นที่เรียบร้อย ผมตะครุบไว้แทบไม่ทัน ก่อนจะรีบดึงมันให้นั่งลง

“ทำบ้าอะไร”

“โชว์หออำให้มึงดู”

มึงนี่ก็ยังหออำไม่เลิกอีก!

“ไว้ไปดูที่หอ” ผมดุเสียงเบา

คชาชะงักได้ ยิ้มเผล่ “เออเนอะ หออำต้องเอาไว้ไปดูที่หอ”

“คชา”

“จากนั้นก็ผันสระกัน หอ-อำ...อา อ่า อ้า อ้า อ๊า อือ อิคึ”

“คชา!”

ผมหน้าร้อนวาบขึ้นมาทันทีเมื่อถูกมันหยอกต่อหน้าเพื่อน คชาหัวเราะกับท่าทางของผมก่อนจะตวัดแขนมาโอบไหล่ผมไว้

“แหมๆ เขินเหรอจ๊ะ”

เออสิวะ! มึงกล้ามาพูดเรื่องอย่างนี้ต่อหน้าเพื่อนมึงได้ไง!

ผมไม่ได้บอกกันมันหรอก แต่ถลึงตาใส่ เท่านั้นคชาก็พูดออกมา

“เป็นคนชอบแสดงออก มีเมียแล้วอยากบอก ไม่อยากเก็บไว้ มึงควรภูมิใจนะที่มีผัวหล่อๆ อย่างกู สาวๆ แถวนี้อกหักเพราะมึงได้กูไปครอบครอง”

ลงท้ายด้วยการหลงตัวเองอีกครั้ง คราวนี้เพื่อนมันได้ยินเต็มสองหูเลยออกปากแซวโห่ฮาว่ามันขี้อวดเป็นการใหญ่ ผมก็เขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แทบจะเอาหน้าซุกจานข้าวอยู่แล้ว ก่อนจะตัดสินใจลุกพรวดทันที ทำเอาคชาร้องถามอย่างรวดเร็ว

“จะไปไหนน่ะ”

“ปะ...ไปซื้อชานมไข่มุก” ผมชี้นิ้วไปยังร้านขายชานมไข่มุกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน

ความจริงไม่ได้อยากจะกินหรอก แค่จะหนีไปตั้งหลักสักแป๊บ อยู่ตรงนี้นานๆ แล้วผมเขินจนตัวแทบจะระเบิด

แต่คชาก็ไม่ยอมให้ผมไปแบบง่ายๆ ควักเงินออกมาสี่สิบบาทแล้วยื่นให้ผมพร้อมกับพูดว่า

“ผัวเปย์ให้ แล้วรีบๆ กลับมานะจ๊ะเมียรัก เดี๋ยวคิดถึง”

โดนเพื่อนมันร้องแซวอีกรอบจนได้ ผมเลยรีบคว้าเอาเงินจากมือมันแล้วเดินออกจากร้านข้าวอย่างรวดเร็ว พอพ้นร้านข้าวมาได้ก็หลุดยิ้มกว้างออกมาเหมือนคนบ้าขณะที่ใจยังคงเต้นระส่ำไม่หยุด

ถึงจะถูกล้อถูกแซว แต่ผมก็มีความสุขมากเลย แต่ต้องเก็บอาการหน่อย เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าเป็นบ้าตามคชาเอา

เก็บอาการได้ก็ก้าวขาข้ามถนน คิดในใจว่าจะสั่งอะไรดี ก่อนที่จู่ๆ หูจะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาด้วยความไว พอหันไปมอง ผมก็ถูกแรงมหาศาลพุ่งมาปะทะเข้าร่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะกระเด็นไปในอากาศและกระแทกลงบนพื้นถนนเต็มแรง

ร่างกายปวดร้าวไปหมด ที่ปวดสุดน่าจะเป็นที่ศีรษะ ฉับพลันสายตาก็พร่ามัวทันที แต่ก็รับรู้ได้ว่าแรงปะทะที่เข้ามากระแทกผมเมื่อครู่นั้นเกิดจากอะไร

ผมถูกรถมอเตอร์ไซค์ชน...

เสียงเอะอะมะเทิ่งของคนบริเวณนั้นดังลอยตามมา แต่เสียงที่ผมได้ยินชัดที่สุดเป็นเสียงของคชาที่ร้องอย่างตกใจ

“มาวิน!”

และเสียงนั้นก็เป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่สติสัมปชัญญะทั้งหมดที่ผมมีจะดับไป

--------------------------------------

เต็มตอนแล้วค่ะ ลงท้ายเหมือนจะมีดราม่าระลอกที่สองนะ แต่ไม่ต้องห่วง ไม่มีม่าอะไรแล้วค่ะ ตอนหน้าก็สุดท้าย แล้วก็บทส่งท้ายกับ Extra นิดหน่อยก็จบแล้ว เดี๋ยวจะทยอยลงให้นะ

ส่วนตอนพิเศษ ไปตามเอาในแบบรูปเล่มเนอะ ตอนพิเศษถึงจะเขียนฉากเลิฟซีนจัดเต็ม ในเนื้อเรื่องหลักนี่ไม่รู้เลยว่าจะเอาไปแทรกตรงไหนได้ ยกยอดไปที่นั่นแล้วกัน 555

ส่วนเรื่องหน้าแนววายที่หนูแดงจะอัปคือ #สะบายดีจอมดื้อ ไปเกาะจอรอกันไว้ก่อน เดี๋ยวหนูแดงมาอัปให้อาทิตย์หน้าเน้อ

ฝากฟีดแบ็กไว้เป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ XD
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 19: ผีบ้ากับน้องเอ๋อ[07-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 07-05-2017 19:12:21
 :laugh: คชาก็ยังคงเป็นคชาคือเก่า มีความอวดเมียเพิ่มเติม น้องเอ๋อก็เขินวนไปสิจ๊ะ  :m20:
 และคาดว่าอุบัติเหตุรอบนี้ทำให้น้องวินนี่ของเราเลิกเห็นหออำ(ยืมลูกเพ่เขามาใช้หน่อย)ชายอื่นตลอดใชาป่ะคะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 19: ผีบ้ากับน้องเอ๋อ[07-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 07-05-2017 19:31:14
 :ruready  :ling1: น้องวินนนนน ม่ายยยยยอย่าเป็นรายปายยย
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 19: ผีบ้ากับน้องเอ๋อ[07-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-05-2017 20:13:15
ใจอยากให้มาวินฟื้นขึ้นมาแบบกลับเป็นปกติทุกอย่าง
ถ้างั้นสาเหตุเดียวที่ผีบ้าคชาเป๋นคนเดียวที่ไม่เห็นมะเขือนั้นก้อเพราะเป็นคู่กันสินะ
เอาใจช่วยให้รักกันแบบคนทั่วๆไปบ้าง อย่าเอ๋อจริงๆนะจ๊ะน้องวิน
ว่าแต่พี่ชิณณ์แกหมดบทแล้วเหรอ สงสารแกนะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 19: ผีบ้ากับน้องเอ๋อ[07-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 07-05-2017 20:15:55
นี่เอ๋อต้องหายจสกอาการเห็นกระปู๋แน่ เอีะหรือแอดวานซ์กว่านั้น55555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 19: ผีบ้ากับน้องเอ๋อ[07-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-05-2017 20:54:59
 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 19: ผีบ้ากับน้องเอ๋อ[07-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 07-05-2017 23:55:32
หัวกระแทกอีกที เลยไม่เห็นสินะ หรือจะแอดวานซ์กว่า คือ กลายเป็นเห็นตับไตไส้พุงแทน หมอเรย์เข้าอี๊กกก~~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 19: ผีบ้ากับน้องเอ๋อ[07-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2017 03:08:11
จะได้เมียเป็นคนปกติแล้วละนะคชา
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 19: ผีบ้ากับน้องเอ๋อ[07-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 08-05-2017 09:32:24
คชาก็ยังผีบ้าเหมือนเดิม :hao7:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 19: ผีบ้ากับน้องเอ๋อ[07-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 08-05-2017 17:26:53
สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผมในวันนั้นเหมือนจะรุนแรงเพราะหัวของผมกระแทกพื้นค่อนข้างแรง แต่ไม่...ไม่เลยสักนิด หัวผมไม่ได้รับการกระทบกระเทือนที่รุนแรงใดๆ เลยแม้แต่น้อย เลือดไม่คั่ง ไม่มีอาการบุบสลายใดๆ นอกจากท้ายทอยแตกและต้องเย็บนิดหน่อยก็เท่านั้น แม้แต่หมอยังแทบไม่เชื่อเลยว่าผมจะไม่ได้รับอันตรายในส่วนนี้เพราะคนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่ากระแทกค่อนข้างแรง

คงจะแรงจริงอย่างที่บอกกันนั่นแหละเพราะเล่นเอาผมสลบไปเลย รู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาลแล้ว ส่วนเนื้อตัวก็ไม่มีอะไรสูญสลาย ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คู่กรณีเองก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเหมือนกัน จะมีก็แต่มอเตอร์ไซค์เท่านั้นที่พังยับเยินด้วยไถลไปบนถนนจนกระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้าในบริเวณนั้น ผมมารู้เอาภายหลังว่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ชนผมเป็นรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์

มิน่าล่ะมันถึงได้ชนแรงจนกระเด็นไปคนละทิศละทางขนาดนั้น

ความจริงผมรู้สึกตัวตั้งแต่วันแรกที่ถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลแล้ว แต่ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้ผมอ่อนเพลีย ผมเลยเอาแต่นอนหลับจนไม่ได้คุยกับใคร เรื่องคดีความก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่กับพี่และเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะกว่าผมจะเริ่มมีสติกลับมาเต็มร้อยก็อีกวันหนึ่ง ดันมารู้สึกตัวตอนที่คชาติดเรียน ไม่ได้มาเยี่ยมผมเหมือนคนอื่นๆ ด้วย ตอนนี้ในห้องมีแค่พี่ชิณณ์กับเพื่อนของคชาบางคนเท่านั้น

พี่ชิณณ์มาเยี่ยมยังพอเข้าใจได้ว่าเขาสนิทกับผมในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่เพื่อนทูตกิจกรรมของคชาเนี่ยมาทำไม ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายสักหน่อย

มารู้อีกทีว่ามาทำไมก็ตอนคนที่ชื่อโบทกับกันซึ่งได้รับมอบหมายหน้าที่มาเอ่ยขึ้น
“ไอ้คชามันสั่งให้มาเป็นไม้กันหมาน่ะ”

ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่ากันใคร

กันพี่ชิณณ์นี่ไง จะใครล่ะ แหมไอ้นี่ ตัวมาไม่ได้เลยต้องส่งตัวแทนมาล่ะสินะ

ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำที่คชาทำอย่างนั้น พี่ชิณณ์เองก็ไม่ได้ว่าอะไร เหมือนเขาจะเข้าใจและพอทำใจได้แล้วเรื่องที่ผมไปต่อกับเขาไม่ได้นอกจากการเป็นพี่เป็นน้อง ดูเขาผิดหวังหน่อยๆ เหมือนกันตอนที่รู้ว่าผมกับคชาคบหาเป็นแฟนกัน ส่วนแม่กับพี่ผมก็ออกจะช็อกหน่อยๆ ที่ผมดันมีแฟนเป็นผู้ชายเพราะคราวก่อนที่คชาไปหาที่บ้าน ผมแนะนำคชาว่าเป็นเพื่อนก็เท่านั้น ทีนี้แม่กับพี่เลยรู้กันหมดเลยว่าที่ผมขนข้าวขนของย้ายออกมาจากหอเป็นเพราะผมทะเลาะกับแฟน

อยากจะเถียงเหมือนกันว่าตอนนั้นยังไม่ใช่แฟน แต่เอาเถอะ อธิบายไปก็เท่านั้น ปล่อยให้เข้าใจกันแบบนี้ไปก็แล้วกัน
และจริงๆ แล้วอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับผลพวงของการที่ผมโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนจนกระเด็นหัวกระแทกพื้นแม้แต่น้อย เพราะในตอนนี้น่ะ...

ผมสบตาผู้ชายคนไหนก็ไม่เห็นกระเปี๊ยวแล้ว!

ไม่เห็นจริงๆ ตอนแรกผมก็นึกว่าตัวเองฝันเลยจ้องหน้าพี่ชิณณ์กับเพื่อนๆ ของคชานิ่งจนทุกคนคิดว่าสมองผมได้รับการกระทบกระเทือน แต่จริงๆ แล้วผมแค่ต้องการจะพิสูจน์ต่างหากว่าสิ่งที่ผมกำลังประสบพบเจออยู่นั้นคือเรื่องจริง

จ้องนิ่งๆ จ้องจนแทบจะทะลุก็ไม่เห็น มีแต่ร่างกายที่สวมใส่เสื้อผ้า เท่านั้นความดีใจก็พร่างพรายไปทั่วร่างจนผมต้องร้องไห้ออกมา

ในที่สุด...ความทรมานตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็สิ้นสุดลงสักทีนะไอ้มาวิน!

มองหมอที่เข้ามาดูอาการตามเวลาด้วยว่าไม่เห็นจริงหรือเปล่า พอมั่นใจแล้วว่าเพราะร้องไห้อย่างนั้น พี่ชิณณ์กับพวกเพื่อนๆ ของคชาเลยถามด้วยความเป็นห่วง ทว่าผมไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว ได้แต่บอกพวกนั้นเร็วๆ ว่าดีใจที่รอดชีวิตมาได้ก็เท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่เลย ก่อนที่จะขอโทรหาคชาเพราะอยากคุยกับมันเป็นคนแรก พูดง่ายๆ ก็คืออยากบอกเรื่องนี้ให้มันรู้น่ะ

พี่ชิณณ์กับเพื่อนๆ ของคชาเลยไม่อยู่รบกวนผม ขอตัวกลับไปกันก่อน ส่วนแม่กับพี่ก็ออกไปหามื้อเย็นกิน ปล่อยให้ผมได้โทรหาคชาตามลำพัง

กดเบอร์โทรออก รอไม่นานนัก คชาก็รับสาย เท่านั้นผมก็รีบกรอกเสียงลงไปทันที
“คชา”

[อาการดีขึ้นแล้วเหรอเอ๋อถึงลุกมาเล่นโทรศัพท์เนี่ย]
ทำเป็นดุผมไปงั้นแหละแต่น้ำเสียงมันนี่ฟังดูก็รู้ว่าโคตรดีใจเลยที่ผมโทรมา ผมเองก็ดีใจเหมือนกันเลยรีบพูดเอาใจมันอย่างรวดเร็ว

“ดีขึ้นแล้ว ตื่นขึ้นมาแล้วก็อยากคุยกับนายเป็นคนแรกเลยนะรู้ไหม”

คชานิ่งไปครู่ก่อนจะส่งเสียงล้อเลียนออกมา
[หูย อ้อนว่ะ เดี๋ยวนี้รู้จักอ้อนผัวเหรอ]

เนี่ย กูจะไม่อยากเอาใจมึงก็เพราะมึงชอบเรียกแทนตัวเองว่าผัวอย่างนั้นผัวอย่างนี้เนี่ย

ทว่าผมก็ไม่ได้ใส่ใจนักเพราะสิ่งที่ผมอยากให้มันรู้คือเรื่องพลังวิเศษของผมที่หายไปต่างหาก
“ที่จริงแล้วที่เราโทรมาเพราะมีเรื่องสำคัญจะบอกต่างหาก”

ผมเปิดประเด็นทันที คชาสวนคืน
[เรื่องอะไรวะ สำคัญมากเหรอ ไว้รอบอกกูตอนเจอหน้าได้ไหม อยากคุยกับมึงต่อหน้ามากกว่า]

“ก็อยากจะบอกต่อหน้าเหมือนกันแต่รอนายขับรถมาหาเราไม่ไหวแล้ว อยากบอกเลย”

พอได้ยินผมว่าอย่างนี้ คชาก็คงจะรู้ว่ามันสำคัญแค่ไหนจึงตอบรับกลับมา
[โอเคๆ มีอะไรก็ว่ามา]ฃ“เราสบตาผู้ชายก็มองไม่เห็นกระเปี๊ยวแล้ว”

ผมว่าด้วยน้ำเสียงสดใส คชานิ่งเงียบไปชั่ววินาทีหนึ่งก่อนจะถามซ้ำราวกับว่าได้ยินผิดไป
[มึงว่าอะไรนะ]

“เราบอกว่าเราสบตากับใคร เราก็มองไม่เห็นจู๋แล้วน่ะ น่าจะเป็นเพราะหัวเรากระแทกอีกครั้ง มันเลยกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม”
ไม่รู้ว่าคชาจะเชื่อหรือเปล่า แต่ผมก็บอกไปตามตรง ฉับพลันก็ได้ยินเสียงละล่ำละลักถามของคชาดังตามมา
[มะ...มึงแน่ใจนะว่าไม่เห็นหออำแล้ว]

ผมพยักหน้าเร็วๆ ทั้งที่รู้ว่ายังไงคชาก็มองไม่เห็นก่อนกรอกเสียงลงไป
“อื้อ ไม่เห็นแล้ว”

เสียงดีใจลิงโลดของคชาดังให้ได้ยินแทบจะในทันใดที่ผมมองไม่เห็นของใครต่อใครให้มันต้องหึงอย่างวันนั้นอีก พลันเงียบไปในชั่วเสี้ยววินาทีเมื่อคชามันนึกอะไรขึ้นมาได้

[ไม่ใช่ว่าไม่เห็นหออำ แล้วมึงดันไปเห็นหออีแทนนะ]

หออำน่ะเข้าใจความหมายแล้วว่าคืออะไร แต่หออี...

พอเข้าใจความหมายแล้วหน้าก็ร้อนวูบขึ้นมา

จะหออำหรือหออี กูก็ไม่เห็นทั้งนั้นแหละโว้ย!

เพื่อความชัวร์ ผมเลยหันไปสบตาพยาบาลที่เดินเข้ามาเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้เมื่อกี้นี้ ก่อนจะรีบหลบสายตาอย่างรวดเร็วเมื่อพยาบาลคนนั้นมองผมราวกับอยากจะถามว่าผมมองเธอทำไม

ไม่เห็นแฮะ

ยิ้มออกมามาเลย รีบตอบกลับคชาไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่เห็นทั้งสองหอ”
[นอโอมโนมก็ไม่เห็นนะ]

มันยังไม่มั่นใจ ถามผมกลับมาอีก

ผมฟังแล้วก็อยากจะไล่มันไปเรียนสะกดคำใหม่เลย

นอโอมโนมบ้านมึงสิ นอ-โอะ-มอ-นม เว้ย!

“ไม่มี ไม่เห็น” ผมตอบกลับเสียงเบา

คชาพ่นลมหายใจยาวออกมา
[ค่อยยังชั่ว นึกว่ากูจะต้องตามหึงมึงเพราะมึงเห็นนู่นนี่ของชาวบ้านไปทั่วต่อซะแล้ว ทีนี้มึงก็เห็นแต่ของผออัวอย่างเดียวล่ะเนอะ]

ผอ-ผัว เท่ากับผัว

ผมอยากจะด่า แต่หัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น ก่อนจะพึมพำ

“ไอ้บ้า”

พลิกตัวเอาหน้าซุกหมอนด้วย

เห็นแต่ของมึงเหรอ กล้าพูดออกมาได้ยังไงไอ้บ้าคชา

ไอ้บ้าๆๆ!

คชาหัวเราะให้กับคำด่าของผมเมื่อกี้นี้เล็กน้อย ก่อนจะตัดบท
[วางสายไปเลยไอ้เอ๋อ เดี๋ยวกูไปหาที่โรงพยาบาล รอกูก่อนนะ จะรีบไป]

ผมได้แต่เออออและบอกให้มันขับรถดีๆ พลันตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอการมาถึงของคชาอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนหน้าที่มันจะมา พยาบาลเข้ามาเสิร์ฟอาหารมื้อเย็นพอดี มื้อเย็นวันนี้เป็นข้าวต้มเครื่อง ผมซึ่งเพิ่งจะได้รับอนุญาตให้ทานอาหารได้จึงไม่รอช้าที่จะตักอาหารเข้าปากแม้ว่ารสชาติอาหารของโรงพยาบาลมันจะเหมือนน้ำล้างมือมากแค่ไหนก็ตาม

หากแต่ตักข้ามต้มเข้าปากด้วยความหิวได้ไม่กี่คำ หูก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง พอเหลือบมองไป เสียงของคชาก็ดังมาก่อนเป็นอันดับแรกก่อนที่ผมจะเห็นตัวมันเสียอีก

“เอ๋อคร้าบ คชามาหาแล้ว ซื้อขนมมาฝากด้วย”
ขนมอะไรก็ไม่รู้ ผมไม่สนใจหรอก ได้แต่มองไปยังร่างใหญ่ที่เดินอาดๆ เข้ามา พอผมเห็นหน้ามัน ผมก็ต้องเบิกตาค้างเมื่อวินาทีที่ผมสบตากับคชา เสื้อผ้ามันก็หายวับไป

พรู่ด!

ถึงกับสำลักข้าวต้ม พ่นกระจายออกมาเต็มโต๊ะไปหมดเมื่อจู่ๆ สบตาของคชาแล้วเสื้อผ้ามันหายไป

ยะ...อย่าบอกนะว่าผมสบตาผู้ชายคนอื่นแล้วไม่เห็นกระเปี๊ยว แต่มาเห็นของมันแทนน่ะ!?

ใช่อย่างแน่นอน มองยังไง นั่นก็แมมมอธของคชาชัดๆ!

“จะกินขนมเลยไหม เดี๋ยวจะเอาใส่จานให้”
มันถามผมแต่ผมไม่ตอบ เอาแต่มองตามคชาในร่างเปล่าเปลือยอย่างไม่เชื่อสายตา

ลองหลับตาลงครู่หนึ่ง ลืมตาขึ้นมาแล้วก็ยังเห็น

ขยี้ตาไปอีกที ลืมตาขึ้นมา... โอ๊ย! ก็ยังเห็นอ้ะ

อะไรวะเนี่ย!

ผมคงจะจ้องมันนานไป คชาเลยรู้สึกตัวจึงชะงักมือที่กำลังจะเอาขนมอะไรสักอย่างใส่จานหันมามองผม
“เป็นอะไรของมึงวะ จ้องกูไม่วางตาเลย กูหล่อมากหรือคิดถึงกูมากหืม?”

ยังไม่วายจะล้อเล่น แต่ผมไม่ได้อยากจะเล่นกับมันเลย เผยอริมฝีปากขึ้น เปล่งเสียงแห้งผากออกมา
“คะ...คชา คือว่าเรา...”
“เราอะไร เรารักคชามากที่สุดในโลกไรงี้ปะ” ขยับเข้ามาใกล้ผม ยื่นหน้ามากระซิบส่งเสียงทะเล้น

ผมส่ายหน้าพรืดทันควัน
“หรือว่าจะบอกว่าเราตกหลุมรักนายอีกแล้วว่ะคชา คชาหล่อม้ากมาก”

มึงนี่ก็เล่นจังเนอะ หุบปากแล้วฟังกูหน่อย!

“เราเห็นจู๋นายอะ”
เห็นมันเล่นไม่เลิกก็เลยพูดออกไปทันที คชายิ้มค้างไปครู่ ก่อนส่งเสียง
“ฮะ?”
“เราบอกว่าเราสบตานายแล้วเห็นจู๋อะ”

คชายิ้มค้างไปอีก ดูเหมือนจะอึ้งๆ กับสิ่งที่ได้ยินเหมือนกัน ก่อนจะผละจากเตียงไปโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้ผมมองตามก็เห็นว่ามันเดินไปล็อกประตูห้องไม่ให้ใครเข้า จากนั้นก็ตรงไปควานหาอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเอกสารการเรียน แล้วก็หันหลังให้ผม ทำอะไรยุกยิกสักอย่าง

ผมมองแผ่นหลังและแผ่นตูดของมันอย่างสงสัย ก่อนที่คชาจะหันกลับมาทั้งตัว
“ให้ทายว่ากูเขียนว่าอะไร”

ตอนนี้แหละผมถึงได้รู้ว่ามันทำอะไรยุกยิกเมื่อครู่นี้

นี่มึงลงทุนถึงขนาดเอาปากกาเมจิกเขียนแมมมอธเลยเหรอ!

ทำอย่างนั้นแน่นอน ปากกาซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญยังคามืออยู่เลย ผมมองแล้วก็ต้องตบหน้าผากตัวเองอย่างระอาจนคชาถามผมขึ้นอีกครั้ง

“เอ้า ถ้ามึงเห็นจริงก็บอกดิว่ากูเขียนไว้ว่าอะไร”
ไม่อยากจะมองเลย แต่ก็จำต้องมองเมื่อคชาเดินเข้ามาหาอีกครั้ง พอหลุบสายตาลงต่ำก็เห็นปากกาเมจิกสีแดงหัวเล็กๆ เขียนรูปหัวใจไว้อยู่

รูปหัวใจอย่างเดียวยังไม่พอ ตามมาด้วยชื่อผมอีก

มึงจะบอกรักกูด้วยการจารึกอักขระลงบนกระปู๋มึงไม่ได้นะไอ้คชา!

ไม่รู้ว่าควรจะดีใจไหมที่มันทำแบบนี้ แต่บอกตรงๆ ว่าผมไม่ได้ดีใจเลยแม้แต่น้อย ตอบคำถามก็ตอบแบบเนิบๆ เพราะระอากับความบ้าๆ บอๆ ของมันด้วย

“มีรูปหัวใจแล้วก็ชื่อเราอะ”

คชาเบิกตาโต ทำหน้าตกใจ
“รักมาวิน! ถูกเผงเลย โอ้โห พลังจิตสัมผัสกระเจี๊ยว!”

จิตสัมผัสอะไร มันไม่ใช่เรื่องน่าดีใจเลยนะเว้ย!

จากนั้นมันก็ถลาแรดๆ เข้ามากอดผม
“ทีนี้มึงก็เห็นแค่ของกูคนเดียวแล้วสินะ”

จะมีก็แต่มันนี่แหละที่ดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง ผมที่ถูกมันกอดแน่นไม่ได้ดีใจเลย ถึงจะสบตามันแล้วไม่เห็น แต่มันก็แก้ผ้าให้ผมเห็นอยู่ดี มาเห็นตลอดเวลาอย่างนี้มันน่าดีใจตรงไหน

“ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย”
“ยินดีดิ ก็มึงเป็นของกู ไม่อยากให้มึงไปเห็นของใคร”
จากนั้นมันก็ผละอ้อมกอดมาหอมแก้มผมแรงๆ ข้างหนึ่ง ปากก็พูดอีก
“ของใคร...ใครก็รัก”
ผละไปหอมแก้มอีกข้างฟอดใหญ่ พูดออกมาอีก
“ของใคร...ใครก็ห่วงก็หวง”
แล้วก็ตามด้วยจูบที่ริมฝีปากของผมเบาๆ ทีหนึ่ง
“ยิ่งเป็นไอ้เอ๋อของกู ยิ่งห่วงยิ่งหวงเข้าไปใหญ่เลย”

จากตอนแรกที่ผมว่ามันเป็นเรื่องไม่สมควรจะดีใจ ตอนนี้กลายเป็นว่ายิ้มไม่หุบเลย ตวัดแขนโอบกอดคชาตอบกลับอีกต่างหาก
“งั้นต่อจากนี้จะเห็นแค่ของนายคนเดียวนะ”

คชาพยักหน้ารับเร็วๆ ซุกใบหน้าลงบนไหล่ผม กว่าผมจะรู้ตัวว่ามันไม่ใช่การกอดธรรมดาก็ถูกคชาดันลงไปนอนบนเตียงเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นมันก็ขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ ความจริงคือมันยังใส่เสื้อผ้าอยู่ แต่ที่ผมเห็นมันก็คือร่างกายเปล่าเปลือยเท่านั้น
“พูดจาน่ารักอย่างนี้ต้องจัดสักทีแล้ว”

มึงจะจัดที่ไหนก็ได้ แต่จะจัดในโรงพยาบาลไม่ได้!

“ดะ...เดี๋ยว ไว้ออกจากโรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ผมรีบร้องบอกเสียงหลง คชาไม่สนใจ ซุกไซ้ใบหน้าลงบนซอกคอผมเป็นการใหญ่ ตอนนี้เองถึงได้รู้ว่าพลาดมากที่กอดมันไปเมื่อครู่นี้
“คะ...คชา หยุดก่อน”
พยายามจะร้องบอกมันอีก แต่ไม่น่าจะทันแล้ว คชาผละออกจากผม เหยียดตัวตรงแล้วถอดเสื้อ

เออ ผมเห็นแค่มันทำท่าถอดเสื้อน่ะ แต่ไม่เห็นเสื้อมันหรอก

พอมันถอดเสื้อออกจากตัว ผมถึงเห็นในตอนนั้น ก่อนที่มันจะขว้างไปข้างเตียง
“หยุดไม่ได้แล้ว เอ๋อของคชาอยากน่ารักขนาดนี้ทำไม”
ว่าจบก็ประทับจูบลงบนหน้าผากผม ผละริมฝีปากออกมาก็ประทับจูบลงบนริมฝีปาก จากนั้นก็ขยับขึ้นมาจูบที่ไฝใต้ตาอีกครั้ง
ผมอยากจะออกปากห้ามมันชะมัด แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมันยิ้มให้พร้อมกับกระซิบเสียงพร่า

“คชารักเอ๋อนะครับ จากนี้ไปดูแค่จู๋ของคชานะ”

มันไม่ได้เป็นคำพูดที่ชวนโรแมนติกเลยสักนิด!

แต่ผมก็ดันยิ้มออกมาแล้วพยักหน้ารับมันไปเสียอย่างนั้น
“อื้อ ต่อจากนี้จะดูแค่ของนายคนเดียว”

หาความโรแมนติกไม่เจอจริงๆ ด้วย แต่ช่างมันเถอะ ผมคงไม่หวังอะไรจากผีบ้าอย่างคชาแล้ว ผมเองก็ดูท่าทางจะติดเชื้อมาจากมันแล้วด้วยล่ะ

คชากัดริมฝีปาก ดูท่าทางจะมันเขี้ยวผมไม่น้อยก่อนจะกอดผมแน่นๆ อีกครั้ง
“ทำไมมันน่ารักอย่างนี้ว้า”
แล้วก็ฟัดไปฟัดมาเหมือนฟัดหมาที่บ้านไม่มีผิด

ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันนอกจากหัวเราะกับการกระทำของมันก็เท่านั้น ยิ้มมากขึ้นไปอีกเมื่อมันบอกว่า...
“แต่ทำที่เตียงคงไม่โอเคใช่ไหมล่ะ เดี๋ยสายน้ำเกลือหลุดเนอะ”
“ก็เออน่ะสิ ถึงได้บอกให้ไปทำตอนที่หอตอนออกจากโรงพยาบาลไง พูดไม่รู้เรื่องนะนายน่ะ”

ได้ทีก็ว่ามันไปอีกครั้ง คชาทำปากยื่น
“ก็เอ๋อของคชาน่ารักขนาดนี้ ใครจะอดใจไหว”
“อดใจไม่ไหวก็ต้องอดทน แล้วก็ลุกไปสักที เดี๋ยวแม่กับพี่เรามาก็เห็นหรอก”
คชายอมถอยออกไปยืนแต่โดยดี ทว่าก็ไม่วายฝากจูบแรงๆ ไว้ที่ริมฝีปากผมอีกครั้ง
“กลับไปเมื่อไหร่จะจัดหนักจัดเต็ม”

พูดจบก็ก้มลงไปคว้าเสื้อนักศึกษาที่ถอดโยนทิ้งบนพื้นขึ้นมาถือ หันมาบอกกับผมยิ้มๆ
“แต่ตอนนี้ต้องไปล้างก่อน ปากกาเมจิกด้วย สบู่ฟอกก็คงไม่ออกแล้วมั้ง”

ก็แหงอยู่แล้วล่ะ ใครใช้ให้เอาไปเขียนบนไอ้นั่นกันล่ะ!

ผมมองตามหลังคชาที่เดินบ่นกระปอดกระแปดเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างขบขัน

คชา...ไอ้บ้า ไม่รู้ว่าจะเป็นผีบ้า บ๊องๆ บวมๆ อย่างนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่

แต่ถึงมันจะเป็นยังไง... ผมก็รักมันอยู่ดี

ต่อจากนี้คงจะมีแค่คชาเท่านั้นแล้วล่ะที่ผมสบตาเพื่อใช้พลังวิเศษด้วยความยินดี

ถึงจะต้องเห็นมันเปลือย...

ถึงจะต้องเห็นอะไรระคายลูกตา...

แต่เพราะเป็นคชา... ผมจะไม่ยอมละสายตาจากมันแม้แต่วินาทีเดียว

รักนะครับ ผีบ้าคชาของเอ๋อ...
 ------------------------------------------
จบแล้วววว เหลือบทส่งท้ายกับบทพิเศษนิดหน่อยก็จบจริงๆ แล้วค่ะ จะทยอยมาอัปให้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ นิยายเรื่องนี้จะตีพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย สนพ.พบรัก นะคะ เสิร์ชจากเฟซบุ๊กหรือกูเกิ้ลดูได้เลย คาดว่าน่าจะออกช่วงเลยกลางปีไปแล้ว รอ สนพ.แจ้งอีกทีนะ

ส่วนเรื่องหน้าที่หนูแดงจะอัปคือ #สะบายดีจอมดื้อ ย้ำกันหลายรอบมาก จะได้ไม่ลืม 555

ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วย เดี๋ยวมาต่อให้จ้า
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง[08-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-05-2017 18:45:25
 :m20: :z1: :m20:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง[08-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-05-2017 19:29:31
งื้ออออ เลิกหึงแล้ว จับกดวนไป. เห็นแมมอธกวัดแกว่งก็เขินสิเอ๋อ 5555555
 :katai2-1:   ชอบมากค่ะขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง[08-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-05-2017 19:33:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง[08-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 08-05-2017 20:12:45
ความผีบ้านั้น555555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง[08-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 08-05-2017 21:30:50
 :hao7: :hao7: สนุกค่ะเรื่องไม่ยืดเยื้อน่ารำคาญ ตลกมากเห็นของคชาคนเดียว +1ให้เลยทุกตอน ขอบคุณไรกับนิยายล้ำๆดีๆค่ะ  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง[08-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 08-05-2017 21:52:41
คช๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!~~~ ฉันล่ะเหนื่อยใจกับความติ๊งต๊องกับแกตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ :ruready
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง[08-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 08-05-2017 22:34:21
คชา บักผีบ้านี่  :laugh: :laugh:
ขอโทษนะที่ด่านายบ่อย ฮ่าๆ
ดีใจกับมาวินจริงๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง[08-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: gchickii ที่ 09-05-2017 11:22:18
โอ้ย ผีบ้านี้มันผีบ้าจริงๆ
ฮาตั้งแต่ต้นยันจบ ไม่คีฟลุคใดๆทั้งสิ้น 5555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง[08-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 09-05-2017 17:25:33
ผีบ้าน่าร้ากกกกกกกก

เหนื่อยใจแทนมาวิน มีผัวสติไม่สมประกอบ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งที่ 20: ของใคร...ใครก็รัก ของใคร...ใครก็หวงก็ห่วง[08-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 09-05-2017 19:09:22
สบตา ครั้งสุดท้าย

พอมาคบหาเป็นแฟนกันอย่างจริงจัง คชาก็เริ่มที่จะใส่ใจความรู้สึกผมมากขึ้น พูดง่ายๆ ก็แคร์ความรู้สึกผมมากกว่าเดิมน่ะ ออกจะมากไปด้วยซ้ำเมื่อจู่ๆ มันก็ลุกขึ้นมาประกาศกร้าวว่าจะเลิกสะสมข้าวของทุกอย่างที่เกี่ยวกับฮิคารุซามะที่มันสะสมมานานด้วยการขายต่อบนเว็บสำหรับคนที่สะสมของพวกนี้

ผมไม่รู้หรอกว่าคชาจะเอาไปขายบนเว็บอะไร และก็ไม่ได้สนใจด้วย แต่บอกตรงๆ ว่าผมไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ที่มันตัดสินใจจะทำอย่างนี้ ความจริงแล้วแค่มันดูแลผมดี เอาอกเอาใจ ปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นคนรัก ไม่พูดจาทำร้ายจิตใจ ทำทุกอย่างเหมือนที่มันทำอยู่ในตอนนี้ ผมก็พอใจและมีความสุขมากแล้ว

หากแต่คชาบอกว่าที่ต้องการเลิกสะสมเป็นเพราะว่าจะแสดงความจริงใจว่ารักผมคนเดียวเท่านั้น ผมก็เลยไม่ว่าอะไร อยากทำอะไรก็ทำด้วยผมคิดว่าความรักที่มีให้กับคนรักกับความรักที่มีให้กับของสะสมมันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด

ในเมื่อมันยืนยันจะทำอย่างนั้น ผมก็เลยต้องหาเวลาว่างมาช่วยมันแพ็กของส่งลูกค้าที่รับซื้อของมันต่อบนอินเทอร์เน็ต รวมถึงการเก็บข้าวของทั้งหมดที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าลงกล่อง เอาไปเก็บไว้ใต้เตียงแทน

ระหว่างที่เก็บของ ผมก็บ่นไปด้วยเนื่องจากปริมาณของสะสมมันโคตรจะเยอะเลย แต่ไม่ได้บ่นเพราะมันบ้าสะสมเกินไปหรอกนะ บ่นเรื่องที่ทำให้ผมต้องลำบากไปด้วยต่างหาก

“ดีนะที่เลิกสะสมก่อนที่จะเยอะกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเราคงต้องมาช่วยนายแพ็กมือหงิกกว่านี้แน่”
“แหม ทำเป็นบ่นไป จริงๆ แล้วก็ดีใจที่กูเลิกสะสมล่ะสิ เห็นผัวดูเรือนร่างคนอื่นแล้วเจ็บปวดล่ะสินะ”
คชาที่กำลังสาละวนกับการแพ็กกล่องดีวีดีจำนวนหนึ่งกับบับเบิลห่อของกันกระแทกพูดเข้าข้างตัวเองหน้าตาเฉย ทำเอาผมส่ายหน้าพรืด

“ใช่ที่ไหนกันล่ะ เราแค่จะบอกว่ามันเยอะเกินไป เราช่วยนายแพ็กจนเหนื่อยต่างหาก”
ผมแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ไม่ได้ทำให้คชาเชื่อได้เลย ทำหน้าทะเล้นใส่ผมเสียอย่างนั้น
“หึงก็บอกว่าหึง ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างนู่นอ้างนี่ คชาหล่อขนาดนี้ เอ๋อจะหึงก็ไม่แปลก”

จบท้ายด้วยการหลงตัวเอง ผมยอมรับก็ได้ว่าหึงมันนิดๆ ทว่าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พอจะแยกแยะออกได้ว่าผู้ชายในซีดีคนที่มันเคยคลั่งไคล้นี้ มันชอบในรูปแบบของไอดอล

แต่พอผมไม่พูดอะไร คชาก็ได้ทีล้อเลียนผมใหญ่

“เอ้าเงียบๆ หึงผัวจนพูดไม่ออกเหรอจ๊ะ”

เอาห่อหมกฮิคารุซามะฟาดหน้าสักทีดีไหมวะ!

กำกล่องซีดีในมือแน่นมาก ก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการเอาซีดีที่ถืออยู่ในมือขึ้นมาดูหน้าปก ผู้ชายที่นั่งอ้าขาอล่างฉางคนนี้ จะว่าไปก็เหมือนกับพี่ชิณณ์ราวกับแกะจริงๆ นะ เหมือนมากจนผมอดที่จะพูดออกมาไม่ได้

“จะว่าไปพี่ชิณณ์ก็เหมือนฮิคารุอะไรนี่มากเหมือนกันนะ”
คชาชะงักมือที่ง่วนอยู่ หันมามองผมทันควัน
“อะไรๆ พูดถึงพี่ชิณณ์นี่คิดถึงหรือไง เสียดายที่เขาไม่จีบมึงต่อเหรอ”
ทำหน้างอนตุ๊บป่องมาให้เห็นด้วย ทำเอาผมต้องรีบแก้ต่าง
“ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ได้คิดถึงเลย ไม่ได้เสียดายด้วย แค่จะบอกว่าพี่เขาหน้าตาเหมือนฮิคารุต่างหาก”

คชาหรี่ตามองผมอย่างจับผิด พอเห็นผมจ้องมันนิ่งพลางพูดยืนยัน
“จริงๆ ไม่ได้คิดอะไร พูดเฉยๆ”

คชาถึงได้เชื่อได้ ก่อนจะพูดออกมาบ้าง

“ก็เหมือนจริงๆ แหละ ตอนแรกที่กูเห็นพี่เขานะ กูยังนึกว่าตัวจริงทะลุออกมาจากหนังเลย คนบ้าอะไรหน้าตาเหมือนกันอย่างกับเป็นแฝด ต่างกันแค่ทรงผมกับสีผิวหน่อยเดียวเอง นี่ถ้าพี่ชิณณ์บอกว่ามีฝาแฝดชื่อฮิคารุ กูก็เชื่อนะ”

บอกผมอย่างนั้น ผมก็เชื่อเหมือนกัน

“นายคิดว่าพี่ชิณณ์กับฮิคารุซามะเป็นคนเดียวกันปะ”
ไม่รู้ทำไมผมถึงถามออกไปอย่างนั้น คชามองผมอย่างสงสัย

“ทำไมมึงคิดอย่างนั้นวะ”
“ไม่รู้สิ ลางสังหรณ์มั้ง”
ตอบอย่างขอไปที คชาเลยบ่นกระปอดกระแปดใส่

“จะเป็นคนเดียวกันได้ไง อยู่กับคนละประเทศอย่างนั้น ฮิคารุซามะเป็นคนญี่ปุ่นนะเว้ย พูดอะไรไร้สาระ”
ก็คงจะไร้สาระจริงๆ มันจะเป็นไปได้ยังไงใช่ไหมล่ะที่พี่ชิณณ์กับพระเอกหนังโป๊คนนี้จะเป็นคนคนเดียวกัน

แต่หน้าตาก็เหมือนกันมากจริงๆ แหละนะ...

“เอ้าๆ มึงจะดูหรรมฮิคารุไปอีกนานแค่ไหน หึงนะเนี่ย”
เห็นผมจ้องหน้าปกดีวีดีอย่างพินิจไม่เลิก คชาก็เริ่มส่งเสียงไม่พอใจ ผมเลยวางมันลงในกล่อง ตั้งหน้าตั้งตาเก็บข้าวของลงในนั้นต่อ
“ครับๆ ไม่ดูแล้วครับ”
คชาวางข้าวของในมือลงทันที ขยับเข้ามาหาผมแล้วหอมแก้มแรงๆ ฟอดใหญ่ พอผละออกมาแล้วผมหันไปมอง มันก็ชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“อย่าให้เห็นว่ามองห่อหมกผู้ชายคนไหนอีกนะมึง จะหอมให้แก้มช้ำ”

หลุดหัวเราะกับท่าทางหึงทีเล่นทีจริงของมันจนได้
“ก็เราเห็นของนายจนเบื่อแล้วนี่นา”

แกล้งว่าไปอย่างนั้น แต่ผมก็เห็นจริงๆ สบตากับคชาแล้วก็เห็นเต็มสองตา แต่พลังวิเศษในคราวนี้มันแปลกไปจากครั้งก่อนเพราะเวลาที่ผมสบตากับคชาในบางครั้ง บางทีมันก็ไม่เห็นเหมือนกัน ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้า อัตราการสบตาแล้วมองเห็นร่างเปลือยของคชาก็ลดน้อยถอยลงจนผมแอบคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าพลังวิเศษประหลาดของผมน่าจะค่อยๆ หายไปในภายหลังแต่คงต้องใช้เวลาหน่อย บอกตามตรงว่าตอนนี้ก็ยังไม่รู้สาเหตุเลยนะว่าการที่ผมมาเห็นอะไรอย่างนี้มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ แต่อะไรก็ไม่สำคัญอะไรแล้วในเมื่อผมได้อยู่กับคชา

และตอนนี้มันก็กำลังทำท่าทำทางงอนผมอย่างชัดเจนด้วยเมื่อผมพูดหยอกคชาไปเมื่อกี้ ทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปหยิกแก้มมันแล้วพูดเร็วๆ
“เลิกเล่นได้แล้ว ไปแพ็กของเลยไป เดี๋ยวเราจะเอากล่องนี่ไปเก็บไว้ใต้เตียง”
“กลับมาเร็วๆ นะ คิดถึง”

ยังจะเล่นไม่เลิกอีก เตียงก็อยู่ห่างกันสองสามก้าวแค่นี้

ผมหัวเราะกับความทะเล้นของคชา ก่อนจะยกเอากล่องเบียร์บรรจุดีวีดีนั่นไปไว้ใต้เตียง หากแต่ตอนที่ผมก้มลงเพื่อเคลียร์พื้นที่ว่าง สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องกระดาษใต้นั้นสามสี่ใบ คราแรกก็นึกว่าเป็นของสะสมเกี่ยวกับฮิคารุซามะเหมือนกัน ทว่าพอเอาออกมาเพื่อจะจัดพื้นที่ใหม่ก็ต้องย่นคิ้วเมื่อเห็นว่าของข้างในคืออะไร

เสื้อผ้า...

ผมหยิบชุดหนึ่งออกมาดู

ใช่...เสื้อผ้าจริงๆ แต่มันไม่ใช่เสื้อผ้าปกติ เป็นชุดคอสเพลย์!

ไม่ใช่ชุดคอสเพลย์ธรรมดา เป็นชุดคอสเพลย์นักเรียนหญิงญี่ปุ่น รื้อดูอีกหน่อยก็เห็นว่ามีชุดบันนีบอยพร้อมหูกระต่าย ชุดนางพยาบาล และอีกสารพัดชุดในนั้น ทำเอาผมนิ่งค้างไปในทันที ครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“อะ...อะไรเนี่ย”

คชาเหลือบมาเห็นก็ลุกขึ้นมายืนค้ำหัวพลางบอก
“ชุดคอสเพลย์ไงมึง งานอดิเรกของกูเมื่อก่อน”

ยะ...อย่าบอกนะว่ามึงใส่!?

นึกสภาพผู้ชายตัวใหญ่อย่างคชาใส่ชุดพวกนี้ไม่ออกเลย แต่คาดว่าคชาไม่ได้ใส่เองอย่างแน่นอนเพราะดูไซส์มันเล็กกว่าพอสมควร น่าจะไซส์ประมาณผม

“กูไม่ได้ใส่เองหรอก ซื้อมาสะสมไว้ไปงั้น แบบว่าตอนนั้นกู Fetish[1] ชุดพวกนี้ แค่เห็นชุดเฉยๆ ก็มีอารมณ์น่ะ งานอดิเรกเก่า ก่อนจะมาสะสมสินค้าของฮิคารุซามะ”

มึงนี่มันโรคจิตล้านเปอร์เซ็นต์เลยนี่หว่า!

ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าจะต้องมารักกับคนบ้าอย่างมัน บ้าไม่พอ โรคจิตด้วย
แล้วก็ต้องรีบวางชุดนั้นลงอย่างรวดเร็วด้วยไม่อยากจะพูดถึงอีก เพราะจู่ๆ ก็มีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่าเดี๋ยวคชาจะต้องอยากให้ผมใส่ชุดอะไรพวกนี้แน่นอน

ซึ่งก็จริงเสียด้วยเมื่อคชาทิ้งตัวนั่งลง เอื้อมมือมากอดเอวผมจากทางด้านหลัง วางคางลงมาบนไหล่พลางกระซิบกระซาบ
“แต่สงสัยหลังจากนี้กูคงมีงานอดิเรกใหม่แล้วล่ะ...คอลเลคชันแฟชันน้องเอ๋อ คืนนี้เริ่มจากชุดนักเรียนหญิงเลยเป็นไง กูอยากลองล้วงกระโปรงไรงี้ เร้าใจดี”

มึงไม่ต้องมาดึงกูเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในความโรคจิตของมึงเลย!
“ไม่...”

พอปฏิเสธก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อคชางับเข้าที่ปลายหูผมพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำ
“นะครับเอ๋อ เอ๋อคนดี ใส่ให้คชาดูหน่อยน้า...”
ทำไมต้องแพ้ลูกอ้อนมันด้วยนะ
“กะ...ก็ได้”

ยอมตอบรับมันไปหน้าตาเฉย คชามันเลยได้ใจ คุ้ยเสื้อผ้าพวกนั้นเป็นการใหญ่ จากนั้นก็หยิบบอดี้สูทที่เป็นตาข่ายทั้งตัวออกมา
“แต่ความจริงแล้วเริ่มจากชุดนี้ก็ดีไม่หยอกนะ วับๆ แวมๆ มีความเร้าใจ”

มึงจะให้กูเอาแหมาพันตัวเหรอ!

เหมือนแหจริงๆ แค่มันเป็นสีดำ

พอเห็นผมทำหน้าเจื่อนๆ คชาก็หัวเราะเสียงดังลั่น กอดผมแน่นแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่
“ทำหน้าตลกจังวะ กูก็ล้อเล่น แค่เป็นมึง จะใส่ชุดอะไร กูก็ Fetish เสพติดทั้งนั้นแหละ มึงน่ารักขนาดนี้ ใครจะอดใจไหว”

ไม่หอมอย่างเดียว มือเริ่มล้วงเข้าไปใต้เสื้อผมแล้วเป็นที่เรียบร้อย

ผมก็อยากจะปฏิเสธหรอกนะ แต่ผมเองก็ดันชอบไง สงสัยจะ Fetish เสพติดคชาด้วยเหมือนกัน
“ไม่เก็บของละ มาทำกันดีกว่า”

จู่ๆ มันก็พูดขึ้นมา ผมก็ดันใจง่ายเออออไปกับมันด้วยนะ มันดึงขึ้นมาให้เอนตัวลงนอนบนเตียง ผมก็ทำตามหน้าตาเฉย
ให้ตาย ทำไมความรักถึงทำให้ผมกลายเป็นโรคจิตตามมันไปได้นะ

ไอ้คชา... ไอ้ผีบ้า...

จะทำให้รักให้หลงไปถึงไหนกันเนี่ย...

ยอมเป็นไอ้โรคจิตตามมันด้วยก็ได้

แค่เป็นคชา...ไม่ว่าอะไรก็ยอม



[1] Fetish หรือ เฟติสม์ เป็นศัพท์เฉพาะทางเกี่ยวกับทางเพศในทางจิตวิทยา มีความหมายบ่งบอกถึงความชอบในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการถูกกระตุ้นทางเพศกับสิ่งเร้าที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม หรือมีการกระตุ้นเร้ากับวัตถุสิ่งของ อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างกาย การกระทำในรูปแบบต่างๆ ที่ทำให้เกิดความต้องการทางเพศซึ่งผิดแผกไปจากบรรทัดฐานของสังคม เช่น Foot fetish ความหลงใหลในเท้า uniform fetish ความหลงใหลในชุดเครื่องแบบต่างๆ bondage fetish การชื่นชอบการพันธนาการและสวมบทบาทนายทาสและทาสขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น


----------------------------------
ตอนสุดท้ายของคชากับนุ้งวินค่ะ แต่! ยังมีตอนพี่ชิณณ์อีกนิดนะคะ เดี๋ยวมาอัปให้พรุ่งนี้
ส่วนตอนพิเศษไปตามในรูปเล่มนะคะ เดี๋ยวลงตอนพิเศษให้อ่านนิดหน่อย (ถ้าเขียนเสร็จแล้ว 555) แล้วรอบจองจะมีตอนพิเศษของพี่ชิณณ์แยกเป็นเล่มเล็กออกมานิดนึง ใครอยากอ่านต้องไปเปย์นะ อิอิ

รอทาง สนพ.พบรัก แจ้งรายละเอียดอีกทีนะคะ

หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งสุดท้าย[09-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-05-2017 19:16:33
   :laugh:   จิตจริงจ้าแต่กับน้องเอ๋อคนเดียวพอนะ
เอ๊ะๆๆๆช่วยแฉนายเอกหนังโป๊ด้วยค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งสุดท้าย[09-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-05-2017 19:49:02
 :man1: :L2: :pig4: :L2: :man1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งสุดท้าย[09-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: bowtotay ที่ 09-05-2017 20:38:14
อิคชาเป็นผีบ้าไม่พอยังโรคจิตอีกด้วย555
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งสุดท้าย[09-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-05-2017 20:56:24
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งสุดท้าย[09-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 09-05-2017 21:30:55
 :serius2: :serius2: :serius2: คชาแกมันบร้าาาาา  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งสุดท้าย[09-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 09-05-2017 21:35:36
หรือว่าพี่ชิณจะ...... จริงๆ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งสุดท้าย[09-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 09-05-2017 21:44:51
คชา......
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งสุดท้าย[09-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 10-05-2017 17:19:54
สนุกมากค่ะ อ่านรวดเดียวจบ
คชาเป็นพระเอกที่บ้ามาก บ้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งสุดท้าย[09-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 10-05-2017 18:21:22
สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ

[ชิณณ์]

ความชัดเจนของมาวินที่บอกกับผมในคืนวันฝนตกว่าเขารู้สึกกับผมยังไง ทำให้ผมต้องรักษาระยะห่างจากเขาเพื่อไม่ให้สถานะระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องของเราต้องสูญสลายไป พูดง่ายๆ ว่าผมอกหักมานั่นแหละครับ แต่ความจริงแล้ว สำหรับความรู้สึกที่มีให้มาวินมันก็ไม่ได้มากมายอะไรนักหรอก ผมแค่ชอบเขา เห็นเขาน่ารักดี และเขาก็ดันเป็นคนเดียวในมหาวิทยาลัยที่ผมเจอบ่อยๆ ความใกล้ชิดมันทำให้ผมมองเห็นความน่ารักของเขาจนเผลอใจไปชอบ พอถูกปฏิเสธมา ผมก็กลับมาตั้งหลัก เลิกตอแยด้วยเพราะรู้แล้วว่าการตื๊อไม่เลิกนั้นก่อให้เกิดผลเสียแค่ไหน ที่สำคัญ ตอนนี้มาวินคบหากับคชา ผู้ชายที่เคยออกตัวว่าชอบและจีบผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเลยจำต้องถอยทัพเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนผิดใจกัน

จะว่าเสียใจไหม มันก็มีบ้างนะ หลักๆ เลยเสียดายมากกว่า ก็ผู้ชายที่มีไฝใต้ตาอย่างนั้นน่ะสเปกผมเลย แล้วมันหาได้ง่ายๆ กันเสียที่ไหน ผ่านมาหลายเดือนเข้าจนถึงช่วงปิดเทอมซึ่งผมสำเร็จการศึกษาพอดี ผมก็เริ่มทำใจได้จนความรู้สึกชอบมาวินในเชิงชู้สาวมันมลายหายไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงความรู้สึกดีๆ

ผมคิดว่างั้นนะ ทว่าก็อดเซ็งไม่ได้ จนต้องระเห็จพาตัวเองกลับมายังสถานที่คุ้นเคยซึ่งเป็นบ้านเกิดของผม

ประเทศญี่ปุ่น...

ใช่ครับ ผมไม่ใช่คนไทย เป็นเพียงลูกครึ่งไทยเท่านั้น ผมมีสัญชาติเป็นคนญี่ปุ่น เกิดและโตที่นี่จนเมื่อหลายปีก่อน พ่อกับแม่ผมแยกทางกัน แม่กลับมาอยู่ไทย ทำให้ผมต้องมาเรียนในระดับอุดมศึกษาที่ไทยด้วย หากแต่ครอบครัวผมประสบปัญหาเรื่องการเงิน ผมเลยต้องดร็อปเรียนไปชั่วคราวเพื่อกลับมาทำงานที่ญี่ปุ่น หาเงินไว้เป็นทุนการศึกษาสำหรับภาคเรียนต่อไป

และครั้งนี้การที่ผมกลับมานั้น ผมไม่ได้กลับมาทำงานหรืออะไรหรอก เพียงแต่กลับมาเยยี่ยมเยือนพ่อและเพื่อนๆ ก็เท่านั้น
คืนนี้ผมนัดกับคนอื่นๆ ที่บาร์เกย์มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งย่านชิบูย่า ระหว่างที่นั่งรอการมาถึงของเพื่อนๆ ที่บาร์ จู่ๆ หูก็ได้ยินเสียงของใครบางคนเรียก

“เอ้า นายนี่นา”
หันไปก็เห็นว่าเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่วัยประมาณสามสิบต้นๆ

ผมรู้จักเขา... รู้จักเป็นอย่างดีเสียด้วย เป็นคนที่เคยอุปการะอุ้มชูผมในช่วงที่ผมลำบาก ทำให้ผมต้องรีบค้อมหัวทักทาย
“คุณยามาดะ สวัสดีครับ”
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ได้ข่าวว่าไปอยู่ไทยเหรอ”

เขาทักทายผมตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน ผมยิ้มให้ก่อนจะตอบรับ
“ครับ กลับไปเรียนน่ะ”
“มิน่าล่ะ หายหน้าหายตาไปเลย กี่ปีแล้วเนี่ย ห้าหรือหกปีนะ”
“ไม่ถึงหรอกครับ มันก็มีช่วงที่ผมไปๆ กลับๆ อยู่ ตอนนั้นผมยังทำงานกับคุณอยู่เลยนี่”

พอพูดไปอย่างนี้ เขาก็เหมือนจะจำได้ขึ้นมา

“นั่นสินะ นายเพิ่งจะลาออกจากสังกัดฉันไปเมื่อปีที่แล้วเอง”

เขาว่าอย่างไม่ใส่ใจนัก ผมก็เออออไปเพราะมันเป็นเรื่องจริง ปีที่ผมลาออกมันประจวบเหมาะกับตอนที่ผมกลับไปเรียนปีสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยพอดี จากนั้นพวกเราก็พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบไปตามประสาคนไม่ได้เจอกันนานโดยไม่ได้พูดถึงเรื่องงานเก่าที่ผมเคยทำอีก ผมเองก็รู้สึกดีเหมือนกันที่ได้เจอเขาเพราะตอนที่ผมตกที่นั่งลำบากและต้องการงาน ก็ได้เขานี่แหละที่ช่วยหางานให้จนผมมีเงินมากพอที่จะดูแลตัวเองและครอบครัวด้วยถึงแม้ว่างานที่ทำมันจะไม่ใช่การที่ขาวสะอาดสักเท่าไหร่

ใช่...ผมเคยทำงานในธุรกิจสีเทามาก่อน แต่มันแค่ไม่ใช่งานกลางคืนก็เท่านั้นเอง

เมื่อสนทนากันอย่างออกรสได้สักพัก ผมก็ต้องยุติการพูดคุยกับเขาเมื่อเพื่อนๆ ผมมาถึงที่ร้านพอดีพร้อมกับโบกมือเรียก ผมเลยจำเป็นต้องบอกลาทั้งที่ยังคุยติดพันอยู่

“ไว้วันหลังผมนัดคุณยามาดะมาพูดคุยส่วนตัวดีกว่า พอดีวันนี้ผมนัดเพื่อนไว้แล้วเลยคุยกับคุณไม่เต็มที่เลย เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร ฉันเองก็นัดคนที่นี่เหมือนกัน แค่เห็นนายแวบๆ ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่าก็เลยลองมาทักดู”

เขาว่ามาอย่างนี้ ผมก็เตรียมตัวที่จะบอกลาแล้วล่ะ หากแต่พอกำลังจะลุก จู่ๆ มือใหญ่ของคุณยามาดะก็เอื้อมมากุมมือผมเอาไว้ พอผมมอง เขาก็ขยับตัวเข้ามาใกล้พลางกระซิบ

“แต่ถ้าครั้งหน้านายจะนัดฉันล่ะก็ ฉันอยากจะคุยเรื่องงานเก่าสักหน่อย แต่ถ้าไม่มีโอกาสและนายตกที่นั่งลำบากอีก แบบว่าเรียนจบแล้วยังหางานทำไม่ได้อะไรแบบนั้น ฉันก็อยากให้นายติดต่อฉันมานะ ยังใช้เบอร์เดิม”
“คุณหมายถึงจะชวนผมกลับไปทำงานเดิมเหรอครับ”
พอผมถามไปตรงๆ เขาก็ปล่อยมือออกจากผม ขยับกลับไปนั่งตัวตรงอย่างเดิม
“ใช่ ฉันพยายามตามหานายมาตั้งแต่นายลาออกจากวงการแล้ว แต่นายดันเปลี่ยนการติดต่อใหม่ทั้งหมดเลยน่ะสิ มันน่าเสียดายนะที่ดาราขายดีอย่างนายลาออกจากวงการไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย กำลังฮ็อตแท้ๆ ได้ชื่อต่อท้ายเป็นฉายาว่าแสนก็อปปี้นี่ไม่ใช่ธรรมดานะฮิคารุ”

เอ่ยชื่อสมมติของผมที่เคยใช้ในวงการการทำงานออกมาจนได้

ฮิคารุ...

ใช่แล้วล่ะ ฮิคารุซามะที่เป็นดาราหนัง GV ซึ่งมาวินสะสมดีวีดีเป็นกุรุสนั่นคือคนเดียวกับผมเอง

และคุณยามาดะก็มักจะเรียกผมอย่างนี้เสมอ ไม่ใช่แค่เขาด้วย ใครๆ ในวงการก็เรียกผมอย่างนี้ทั้งนั้น แต่ในวันนี้ผมไม่ใช่ฮิคารุคนนั้นอีกแล้ว ความจริงไม่ใช่ตั้งแต่ที่ผมได้เงินเป็นกอบเป็นกำจนตัดสินใจออกจากวงการเพื่อไปเรียนต่อที่ไทยให้จบแล้วด้วย และผมก็ตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หรือไม่ก็ให้มันเป็นอดีตที่ถูกลืมเลือนเพราะเบื่อกับวงการนี้เต็มที ก่อนที่จะยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้าน้อยๆ

“เพราะได้แสนก็อปปี้ไงครับ ผมถึงพอแล้ว ได้เงินเยอะขนาดนี้ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำงานอย่างนี้ต่อ”

ทำเป็นพูดไปอย่างนั้นแหละ ความจริงแล้วผมไม่ได้เกลียดอาชีพนี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ผมดันเป็นที่นิยมมากไปหน่อยจนมีงานป้อนเข้ามาให้มากมายกระทั่งรับไม่ไหว และสุดท้ายจากความสนุกมันก็กลายเป็นความเบื่อหน่ายในที่สุด

พอผมพูดอย่างนั้น คุณยามาดะก็หัวเราะในลำคอเล็กน้อย จ้องมองผมที่ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้บาร์

“แล้วผมก็ไม่ได้ชื่อฮิคารุนะครับ เลิกเรียกอย่างนั้นสักที ผมออกจากวงการแล้ว เรียกชื่อจริงผมเถอะ”

อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงอย่างขบขัน หัวเราะออกมาอีก ก่อนจะว่าอย่างไม่ใส่ใจ
“จะเรียกนายว่าฮิคารุหรือชิณณ์มันก็คนคนเดียวกันนั่นแหละ ยังไงนายก็เคยเป็นดาราในสังกัดโมเดลลิงของฉัน” เขาลุกขึ้นยืนบ้าง “แต่พอได้ยินนายพูดอย่างนี้ ดูท่าทางแล้วฉันจะชวนนายกลับมาโลดแล่นในวงการยากแล้วสินะ ก็เอาเถอะ แล้วแต่นายเลย ถ้านายไม่อยากทำ ฉันก็คงจะทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้านายยังสนใจล่ะก็ คิดถึงกันได้นะพ่อคนดังค้างฟ้า”

ตอนนี้เองที่เขาดึงนามบัตรลวดลายแปลกตาจากที่ผมเคยเห็นออกมาวางบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าผม
“ใช้เบอร์เดิมแต่เพิ่มเติมเบอร์ใหม่ด้วยอีกเบอร์ เผื่อโทรไม่ติด”
ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็เดินไปทักทายกับชายหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งซึ่งเพิ่งเดินเข้ามาในบาร์ ปล่อยให้ผมยืนมองนามบัตรนั้นนิ่งๆ

ฮิคารุงั้นเหรอ...

จู่ๆ ก็เผลอคิดถึงอดีตที่เคยโลดแล่นอยู่บนวงการหนัง GV ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก่อนจะเผลอไปคิดถึงใบหน้าน่ารักของมาวินเมื่อจำได้ว่าเขาสะสมสินค้าของผม

เท่านั้นก็ยิ้มออกมาด้วยขบขันกับความบังเอิญนี้

ป่านนี้มาวินจะรู้หรือยังนะว่าผมเป็นพระเอกหนังคนนั้น

แต่จะรู้หรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว ตอนนี้ผมเรียนจบออกมาแล้ว ต่อจากนี้คงจะไม่ได้เจอกันอีก ต่อให้เจอกันก็คงไม่เอะใจอะไรแล้วล่ะมั้ง

คิดอย่างนี้แล้วก็รู้สึกเหงาแปลกๆ ที่จะไม่ได้เจอมาวินอีก

หรือว่าจะคลายความเหงาด้วยการกลับไปเล่นหนังแบบนั้นอีกดีนะ หัวหน้าสังกัดโมเดลลิงมาง้อถึงขนาดนี้แล้ว ท่าทางจะเรียกค่าตัวได้สูง อะไรไม่ว่า พอผมมองตามคุณยามาดะไป ก็เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่จะมาเป็นดาราในสังกัดคนใหม่ของเขาอย่างชัดเจน

หน้าตาน่ารักใช้ได้เลยแฮะ ดูๆ ไปแล้วก็น่าจะสเปกผมเหมือนกัน...

ทำเป็นบอกว่าสเปกไปอย่างนั้นแหละ ความจริงแล้วผมไม่มีสเปกตายตัวนักหรอก แค่เห็นแล้วชอบ มันก็คือชอบ เหมือนกับที่เห็นมาวินแล้วชอบก็เท่านั้น

แต่เด็กใหม่คนนั้น... น่ารักน่ารังแกดีจริงๆ

เพราะคิดอย่างนั้น ผมก็เลยเอื้อมมือไปหยิบนามบัตรของคุณยามาดะมาถือไว้ในมือ ยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะตัดสินใจยังไงดี ก่อนที่จะเดินไปบอกเพื่อนๆ ให้รอก่อนเพราะมีธุระจำเป็นต้องคุยเดี๋ยวนี้กะทันหัน แล้วตรงไปยังโต๊ะที่คุณยามาดะเดินไปนั่งเมื่อครู่ ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ เขา ทักทายกับเด็กใหม่คนนั้นอย่างถือวิสาสะและวางตัวเป็นรุ่นพี่ในวงการแทบจะทันใด

มันคงจะได้เวลาที่ฮิคารุจะกลับมาผงาดในวงการอีกครั้งแล้วล่ะมั้ง

รับรองเลยว่าจะเป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน...
----------------------------------
ตอนสุดท้ายจริงๆ แล้วค่ะ หมดละ ที่เหลือจะเป็นตอนพิเศษ ไว้ สนพ.พบรัก เปิดจองเมื่อไหร่ หนูแดงจะมาอัปเดตพร้อมกับตัวอย่างตอนพิเศษอีกทีนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนิยายไร้สติกับพระเอกแฮฟโนสติกันมาจนถึงตอนนี้ 555 ขอบคุณที่ช่วยกันหวีดจนเต็มหน้าทวีตไปหมด ขอบคุณทุกคอมเมนต์และฟีดแบ็ก อ่านแล้วชื่นใจค่ะ (มีคนเปลี่ยนชื่อเรื่องจาก แรกพบสบรัก เป็น แรกพบสบหออำ ให้ด้วย ขำแรงมาก 555) หลังจากนี้คงต้องขอฝากฝังจับจองรูปเล่มแล้วนะคะ ฮา

ถ้าใครชอบแนวฟีลกู้ดแบบนี้ ฝากติดตามสะบายดีจอมดื้อด้วยค่ะ เดี๋ยวจะทยอยมาอัปให้นะคะ
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-05-2017 18:43:44
อุต๊ะ  ฮิคาระซาม้าาาาาาาาาาา 
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-05-2017 19:57:40
 :z1:
 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-05-2017 20:21:32
 :a5:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 10-05-2017 20:30:18
 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 10-05-2017 20:55:18
 :z6: :z3: :z10: :laugh:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-05-2017 21:09:40
แหม พี่ชิณณ์ ไอ้ที่เก็บงำได้ดีกว่าเรื่องฮิคารุก็คือ เรื่องขี้แกล้ง ชอบรังแกเด็กนี่แหละ!
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 11-05-2017 01:41:08
สนุกกกกกก อ่านรวดเดียวจบเลย :katai2-1:
ชอบมาวินอ่ะ น่ารักแบบเอ๋อๆ สมที่ผีบ้าเรียกเลย 55555 ส่วนตัวแล้วชอบพี่ชิณน์นะ ดูอบอุ่นอ่อนโยนและก็ดูโรคจิตเบาๆ ชอบแกล้งเด็กไรงี้ ฮี่ๆๆ
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่านเด้ออออ :pig4:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: rikulism♡ ที่ 11-05-2017 01:57:26
อุ๊ปส์ แล้วพี่เค้าเมะหรือเคะล่ะเนี่ย น้องสับสนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 11-05-2017 07:02:12
พี่ชิณจริงๆ ด้วย นึกว่าแค่คนหน้าเหมือนซะอีก :ling1:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 13-05-2017 02:37:04
ฮิคารุจิงด้วยสินะ5555
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-05-2017 12:49:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kmiew ที่ 15-05-2017 03:19:03
สรุปแล้วพี่ชินณ์ก็ยังคงคิดว่ามาวินคลั่งฮิคารุแต่ความจริงคือไอ้ผีบ้าคชา5555555 :m20:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 15-05-2017 11:36:51
สนุกดี ฮา คชาโคตรไร้สาระ หลงตัวเอง โรคจิต หื่น แต่ชอบนะฮาดี ส่วนน้องมาวินสงสารที่ต้องมาเจอคชา เป็นเวรกรรมแต่ชาติก่อนของหนูนะลูก สุดท้ายรักกันก็แฮปปี้ดี :กอด1:

พี่ชินนนน สรุปพี่คือฮิคารุซามะ :ruready
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 15-05-2017 13:52:46
พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย ฮาโคตร สนุกมากๆ เคะกับเมะไม่เหมือนใคร เอ๋อกับผีบ้า
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 16-05-2017 01:09:04
น่ารักจังเลยค่ะ ผีบ้ากับน้องเอ๋อ 55555
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Gear77 ที่ 17-05-2017 19:43:36
กลับมาแบบยิ่งใหญ่เพราะจะมาเป็นเมะใช่มั้ยย
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 18-05-2017 22:08:30
อ่านหน้าแรกนะคะ ขอเม้นก่อน 555 ความคลั่งนายเอก(หรือพระเอก?) GV นี้
นิยายเรื่องนี้ทำเรานึกถึงซีรี่ย์มังงะวายที่เรื่องแรกจบแล้ว ส่วนเรื่องที่สองคนเขียนก็ดองมาสามสี่ปีไม่รู้จะจบไหมแต่เราก็ยังรอต่อไปเลยค่ะ โดยเฉพาะชื่อ ยิ่งมีความคล้าย พระเอก GV ที่เป็นนายเอกคนนั้นก็ชื่อฮิคารุเช่นกัน  :m20:
เราแอบขัดใจความคลั่งผู้ชายของนายคชามาก ถ้าคนคลั่งเป็นนายเอกเราจะไม่บ่นสักคำ  :hao3: ความลำเอียงนี้
ถ้าพี่เชน.. คือฮิคารุซังจริง ๆ หวังว่าจะมีพระเอกที่ไม่ได้เป็นเกย์แต่ลงทุนเข้าวงการ GV เพื่อต้อยฮาคารุซังนะคะ-- อ้าว คนละเรื้อง  :z6:
หวังว่าจะมีทางรักษาให้พลังพิเศษหายนะคะ เสียซิงแล้วหายไรงี้(?) เป็นเรา เราก็ทนอุจาดตาไม่ไหวเหมือนกัน  :mew5:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-06-2017 23:50:47
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 29-07-2017 17:04:49
สรุปบ้ากันทั้งคู่ ตลกมากกก ชอบมากๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายนะตะ
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 06-08-2017 00:38:17
เกลียดความคชานี้ 5555 มีความบ้าขั้นสุด หลงตัวเองที่หนึ่ง แถมวินยังเป็นไปกับคชาอีก ขำทุกบรรทัดจนเหมือนคนบ้า ยิ้มทั้งวัน ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: netto007 ที่ 26-10-2017 21:56:24
เกลียดความผีบ้าของคชา โอ้ยยย
พี่ชิณณ์คือฮิคารุจริงด้วย ตอนแรกนึกว้าคชาจะเปิดคลิปดูหออำของฮิคารุเทียบกับของพี่ชิณณ์ซะอีก 5555
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: frayfay ที่ 28-10-2017 08:15:32
มาวินน่ารักก ตอนที่อ่านนี่ก็คิดนะว่ามันจะไปรักกันอีท่าไหนวะ ตอน6 ตอน7 แล้วไม่เห็นวี่แวว ชอบที่เรื่องไม่ยืด มาวินเป็นคนมีเหตุผลแล้วก็ไม่ซื่อบื้อ เวลามีการเข้าใจผิดเราเลยไม่รู้สึกหงุดหงิดเลย เช่นตอนที่คชามาเห็นตอนพี่ชิณกอด มาวินก็คิดไปก่อนแล้วว่าคชามาเห็นแล้วต้องเข้าใจผิด แล้วก็จริง  :ruready และดราม่าก็นิดเดียวพอให้ไม่จืดชืดจริง ๆ เราชอบคชานะ ถึงมันจะใจร้อนไม่ฟังใครไปบ้างแต่มันก็บ้า ความบ้านี่แหละ  o13 ฮามาก ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ นะคะ มีผลงานอะไรให้ติดตามอีกไหม รอติดตามเรื่องต่อ ๆ ไปค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 13-03-2018 14:51:58
ความคชานี้ ไม่เคยเจอมาก่อนเลย
ฮาที่โกรธแต่ถอดเสื้อกับกางเกงปาทิ้งแทน???
คือไรอ่ะ โกรธแต่มีสติงั้นเหรอ 55555
ฮาสุดไรสุด ชอบเอ๋อกับผีบ้ามาก
ขอบคุณที่แต่งแนวนี้มาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: แกมแก่มแก้มแก๊มแก๋ม ที่ 06-01-2019 20:50:25
ตลกมากก อ่านแล้วขำคชาตลอดเวลา แหกกฏการเป็นพระเอกสุดๆ มาวินก็น่ารักแอบสงสารที่ต้องอยู่กับสามีที่ไร้สติเช่นนี้ มีแพลนเรื่องต่อไปของพี่ชิณไหมค่ะ รออ่านน  :hao3:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 08-01-2019 18:18:57
พระเอก เรื่องนี้เป็นพระเอกจริงๆใช่ไหม คิดว่าเป็นตัวโจ๊ก555 หาลุคพระเอกไม่เจอเลย :pigha2:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 04-08-2019 10:37:04
สนุกดีค่ะ พระเอกก็ผีบ้าผีบอจริงๆ แอบโกรธตอนพาเพื่อนมาแกล้งมาวินนี่แหละ มาวินน่ารักดี ส่วนพี่ชิณคือดีมากกก
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-08-2019 22:18:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 07-08-2019 18:25:35
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้คะ นานๆทีจะเจอพระเอก ลืมกินยาเขย่าขวด เป็นอิผีบ้ามาก ขำความรั่วของนาง ชอบในความรักเดียวใจเดียวของนายเอก คือแบบตรงๆ ชัดเจนไปเลยเห้ย ชอบความคิดของนายเอก ไม่ให้ความหวัง เลิฟเรื่องนี้มากจ้าา
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 19-12-2019 20:10:00
ขำมาก นังคชา 5555
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 31-12-2019 19:35:39
โอ้ยยย พระเอกเรื่องนี้ อีผีบ้ามากกกก 55555+
อ่านไปขำไปตั้งแต่ต้นจนจบอ่ะ
ไม่เคยอ่านนิยายเรื่องไหนแล้วเจอพระเอกผีบ้าผีบอเท่านี้มาก่อน 5555+
เป็นเรื่องแรกที่เราเจอพระเอกบ้าบอมาก 555555+
สนุกมากกกกเลยค่ะ ส่วนตัวชอบพี่ชิณณ์มากอ่ะเรื่องนี้
เราอยากได้พี่ชิณณ์ อิอิ
ว่าแล้วว่าพี่ชิณณ์คือฮิคารุ
หัวข้อ: Re: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 07-01-2020 22:23:00
พระเอกบ้ามากจริงๆเรื่องนี้  :hao7: :hao7: :hao7: