I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)  (อ่าน 18278 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
6.


ผมยืนเบื่อหน่ายชีวิตอยู่ในชุดบริกรผูกหูกระต่าย ที่พี่แทนชื่นชมเสียเหลือเกินว่าน่ารักน่าขยี้ให้แดดิ้น หลังจากที่ไล่ไอ้หญิงให้กลับไปก่อนเพราะไม่อยากให้มันเตร็ดเตร่รออยู่แถวนี้ เพราะเดี๋ยวแม่งไปมีเรื่องอีก แล้วคราวนี้ผมไม่มั่นใจว่าตัวเองจะดึงสติได้ทันเหมือนคราวก่อนอีกด้วย

แน่นอนว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดกับเราที่ลานจอดรถ ผมประกบติดไอ้อ้วนเตี้ยของผมตลอดทั้งวัน การพูดคุยกับพี่เปรมถึงจะไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ก็ทำให้โล่งใจไปได้บางส่วน เพราะสำหรับผมแล้ว...ถึงจะไม่เคยแสดงออกว่าผมรักมันแค่ไหน แต่หญิงเป็นเพื่อนที่ผมรักที่สุด บวกกับการแบกความรู้สึกผิดที่มันต้องมาโดนทำร้ายเพราะเรื่องของผมเข้าไปอีก ตอนนี้ผมกับมันตัวติดกันชนิดที่หลายคนคงคิดว่าเราเป็นผัวเมียกันแน่ๆ

ที่ผมไม่สบายใจที่สุดก็คือหลังจากการพูดคุยกัน พี่เปรมดูจะหลบหน้าผมอย่างเห็นได้ชัด แต่ส่วนตัวผมก็ไม่อยากวุ่นวายกับพี่แทนอีกถ้าหากยังไม่มีเรื่องใดๆเพิ่มขึ้นมา นอกเสียจากได้รับฉายาใหม่ว่า ‘เด็กป๋า’ นอกจากนั้นก็เป็นแค่เรื่องเด็กๆ เช่น กลุ่มเพื่อนของตูนซุบซิบนินทากันทุกครั้งที่เห็นผม ส่วนตูนเองก็มองผมเหมือนจะสิงร่าง ผมสบเขาเธอกลับในแบบเดียวกันเพื่อให้รู้ว่าผมเองก็ไม่เกรงใจ ส่วนเจ้หยกหายหัวไปโดยสมบูรณ์ และที่ทำงานก็ได้กลายเป็นสงครามเย็น



...แล้วในที่สุดพี่แทนก็โทรมา...



“หวัดดีครับพี่!” ผมยอมรับเลยว่าคิดถึงมาก ขนาดแค่ไม่เจอกันไม่กี่วัน

“เอ็ม...ออกมาหาพี่หน่อยสิ ขึ้นมาชั้นบนนะ เดี๋ยวพี่ไปรับขึ้นห้อง”

“ครับพี่” ผมวางสายแล้วหลบฉากออกมาจากงาน แล้วตรงไปที่ลิฟทันที...


__________________________


หลังจากที่เรากลับเข้ามาที่ห้องส่วนตัว ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่วิ่งเข้าไปกอดเขาไว้แน่น คิดถึงกลิ่นน้ำหอมนี้ที่สุด คิดถึงความอบอุ่นที่คุ้นเคย เหมือนกับว่าประสาทรับความรู้สึกอันเชื่องช้าของผมเพิ่งจะทำงาน ในที่สุดก็ได้โยนความกังวลทิ้งไปชั่วคราว แล้วทิ้งตัวใส่ร่างกายที่เรารู้จักมักคุ้น

“ไอ้เปรมเล่าให้พี่ฟังแล้วนะ.....โอ๋ๆ...มานี่มา” พี่แทนกอดผมไว้แล้วลูบหัวเบาๆ ผมหัวเราะออกมาเล็กๆ ไอ้บ้า ทำอย่างกับเป็นเด็กงองแง “ไม่ขนาดนั้นพี่ ฮ่ะๆๆ” ผมพูดไปแต่ก็ดันพี่เขาไปที่เตียง

“อย่าทำเป็นเล่นสิ...เด็กบ้าเอ้ย!...มีก็บอกมีสิ....” พี่แทนนั่งลงบนเตียงแล้วดึงให้ผมนั่งลงตาม “โดนใครรังแกรึเปล่า? ห้ามโกหกพี่นะ” พี่แทนเริ่มซัก

“นิดหน่อยเองพี่...เพื่อนผมสิที่โดน....”

“นิดหน่อยบ้าอะไร! พี่ดูเทปจากกล้องที่ลานจอดรถแล้ว....” พี่แทนคาดคั้น

“แค่โดนพี่ยามตีไป 1 ที” ผมตอบขำๆ แล้วยกแขนตรงที่มีรอยช้ำจางๆให้ดู “แต่พี่เห็นไอ้หญิงโดนตบใช่ไหม?”

“อืม...พี่ดูเทปหมดแล้ว เฮ้อ...เรื่องเยอะเป็นบ้าเลยว่ะ....” พี่แกพูดพร้อมลูบแขนผมเบาๆ “กูจะไม่เอาแม่งไว้ซักคน คอยดูเหอะ...”

“ใจเย็นพี่!... พี่ก็เปรมพูดถูกนะ ผมเพิ่งรู้ว่าตอนนี้ตัวพี่เองก็ขยับตัวลำบากอยู่แล้ว พี่อย่ามาวอแวกับเด็กฝึกงานเลย แล้วยิ่งพี่ทำเหมือนพวกผมเป็นเด็กเส้น พวกผมยิ่งโดน ถึงผมจะเป็นจริงๆก็เหอะ ฮ่าๆๆ”

“เฮ้อออ....พอเตี่ยทรุดหนัก พวกแม่งก็วุ่นวายกันกับเรื่องประธานคนต่อไปนี่แหละ สงสัยคนที่ชื่อปันอะไรเนี่ยน่าจะมีอะไรผิดพลาดเข้าซักอย่าง ไอ้เปรมกำลังตามเรื่องให้อยู่นะ ว่าแต่เอ็มโอเคจริงๆใช่ไหม?...แล้วเพื่อนล่ะ?”

“พวกผมไหวอยู่พี่ เดี๋ยวคนเค้าก็ลืม แล้วอีกไม่กี่เดือนเองเดี๋ยวก็จบแล้ว...ว่าแต่พี่อ่ะ....โอเครึเปล่าครับ” ผมถามกลับ

“อือ.....ใจหายนิดหน่อยนะ แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เตี่ยเข้าไอซียูหรอก พี่ทำใจไว้ได้นานแล้ว...”

“พี่นั่นแหละมาให้ผมโอ๋เลย” ผมดันพี่แทนให้นอนลงบนเตียง ใจจริงผมอยากรู้เหมือนกันว่ามันมีเรื่องอะไรกับบอร์ดบริหารเหี้ยนี่ แต่คิดไปคิดมาแล้วก็ช่างมันเถอะ...

“อืม.....คุยกันก่อนสิเอ็ม” พี่แทนพยายามชวนคุย แต่ผมไม่อยากพูด ไม่อยากใช้สมอง ตอนนี้อยากใช้ร่างกาย ผมไซร้ซอกขอเขาเบาๆไล่ตั้งแต่ใบหูไปจนถึงหน้าอก ดันตัวเองขึ้นไปคร่อมร่างเขาไว้แล้วค่อยๆปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างช้าๆ พี่แทนเอามือกุมมือผมไว้อีกที พยายามจะชะลอทุกอย่างลง

“ผมไม่อยากคุย...” ผมตอบโดยที่ไม่สบตา และไม่ได้หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่

“อย่างนี้อีกแล้วนะเรา....” พี่แทนตอบอย่างรู้ทัน “อือ....อูยยย....ค่อยๆนะ” พี่แทนมีคุณสมบัติคล้ายๆกับแอลกอฮอล์ ซึ่งก็เหมือนกับทุกครั้ง ที่ผมวิ่งเข้าหาเขาด้วยความทุกข์ร้อนรน แล้วปล่อยให้เคมีระหว่างร่างกายของเราเปลี่ยนความโศกเศร้าให้กลายเป็นตัญหา

เบียดเอวลงไปกับส่วนที่ค่อยๆแข็งสู้ขึ้นมา มือไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตกลิ่นหอมฟุ้งไปจนถึงเม็ดสุดท้าย เขาครางเสียงต่ำเมื่อผมหายใจรดยอดอก มือของเขาสอดเข้ามาใต้เสื้อของผมแล้วลูบคลำด้วยความไคร่อยาก เราอารัมภบทกันอยู่พักใหญ่จนต่างคนต่างอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจถอยหลังกลับ

“ขึ้นคร่อมนี่ จะรุกพี่หรือไงครับน้อง?”

“พี่ให้ผมก็เอานะ” ผมตอบกวนตีน

“ปากดีอย่างนี้ต้องโดนทำโทษ!” พี่แทนผลักผมลงกับเตียงแล้วเปลี่ยนขึ้นมาเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมแทน “จากนี้ไปเราสองคนต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะ....หลังจากนี้ไม่มีเซอร์ไพรส์แล้วนะครับ ถ้าอยากเจอต้องโทรหากันก่อนนะ...เข้าใจไหม?” จู่ๆพี่แทนก็พูดขึ้น แต่ผมไม่อยู่ในอารมณ์พูดคุย

“เสียหายจัง...ผมชอบเซอร์ไพรส์ด้วยสิ...” ผมตอบกลับไปพร้อมกับถอดเสื้อตัวเองออก แล้วขึ้นไปโน้มคอเขาลงมาจูบ หวังจะให้เขากลับเข้ามาในมู๊ด พี่แทนให้ความร่วมมือแต่โดยดีด้วยการผลักผมออก แล้วคว้าเน็กไทด์ตัวเองจากแถวนั้นมา อ้อมผูกปิดตาผมไว้

“ไอ้เด็กไม่ดี...” เขากระซิบที่ข้างหู แล้วปลดกระดุมกางเกงผมก่อนจะกระชากมันลง น้ำเสียงของเขาและการมองไม่เห็นของผม มันเพิ่มความเร้าใจขึ้นอีกหลายเท่า ผมขนลุกซู่ขึ้นมาราวกับโดนลมเย็นๆโหมผ่าน

“ผมรู้ว่าพี่ชอบเด็กไม่ดี....” คราวนี้ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีเสียงดัง เพี๊ยะ! หนักๆแทรกขึ้นมา ไอ้เชี่ย! เจ็บจริง ตูดกูต้องเป็นรอยแน่ๆ พักหลังๆพี่แกชักจะรุนแรงขึ้นทุกวัน สงสัยจะเครียดจัด

“อย่าไปยั่วใครเขาแบบนี้ล่ะ....” พี่แทนไม่พูดเปล่า กดนิ้วเข้ามาวอร์มเครื่องให้ แปลว่าอยากจิ้มเต็มทน ส่วนผมก็ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว อยากโดนไม่แพ้กัน

“พี่ห้ามผมไม่ได้หรอก” ผมตอบกวนประสาท ผมรู้ว่าลึกๆแล้วพี่แทนชอบที่ผมเป็นแบบนี้ ถึงปากจะบอกไม่ก็เถอะ แต่ร่างกายคนเรามันไม่โกหก เมื่อเขาดันตัวเองเข้ามาทีเดียวเกือบมิดด้าม จนผมต้องร้องโอดโอยให้ช้าลง ตัวผมเองก็ไม่ต่างจากเขาหรอก เราเสพติดรสนิยมทางเพศของกันและกัน แบบนี้หรือเปล่า ที่คนเขาเรียกกันว่า ศีลเสมอกัน?


“อื้อออ....อ๊า.....พี่! แรงกว่านี้!”


“โอย....เอ็ม....พี่ไกล้แล้ว!!”


ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองถูกทำอะไรไปบ้าง รับรู้ได้แค่ว่าตัวเองถูกจับพลิกไปมาเปลี่ยนท่าตามอารมณ์ของเขา ยิ่งถูกปิดตาไว้ยิ่งไวต่อสัมผัส จังหวะเร่งเร้าแบบเดิมที่ถึงจะคุ้นเคยกับมันดี แต่ก็ผลักดันสติสัมปชัญญะให้ไปสุดปลายขอบที่จะประคองไว้ได้ คำพูดยั่วยุหยาบคายที่หลุดออกมาตามกามวิสัย ส่งให้เราสองคนไปจนถึงจุดสุดยอดก่อนจะต่างฝ่ายต่างทิ้งตัวลงบนเตียง ผมดึงผ้าปิดตาออก นอนหอบหายใจ ถึงร่างกายเหนื่อยล้าแต่สมองปลอดโปร่ง แค่นี้ก็สบายใจ

สำหรับผมแล้วแค่ไอ้หญิงปลอดภัยผมก็พอใจ ผมไม่ชอบให้ตัวเองกลายเป็นภาระของใคร มันตอกย้ำความห่วยแตกของตัวผมเองมากเกินไป ถึงไอ้หญิงจะชอบพูดว่าผมใช่ร่างกายเปลือง แต่คนฉลาดแบบมันคงไม่เข้าใจ ว่าในท้ายที่สุดแล้วเมื่อเข้าตาจน มนุษย์เราจะใช้ในสิ่งที่เราคิดว่าเรามีดี

__________________________


“อ้าว! มึงรอกูทำไมเนี่ย!....อ้าวแบงค์!” ผมบ่นไอ้หญิงที่เอาโดรนของพี่เปรม ที่ผมลืมไว้บนรถมันออกมาบินเล่นเพราะไม่มีอะไรทำอยู่ตรงลานจอดรถกับไอ้แบงค์ “มึงมาแดกไรวะตั้งไกล?” ผมถามมัน

“วันนี้กูว่างอ่ะ กูเลยออกมารอมึงเป็นเพื่อนมัน” แบงค์ตอบ ...ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงเป็นไย ....ใส่ใจเกินเหตุ ที่ล้นออกมาจากไอ้แบงค์จนผิดปกติ ...มันไม่ได้ห่วงผมเท่าไหร่หรอก มันกับผมก็คิดอะไรคล้ายๆกันนั่นแหละ....อ๋อ.....มันห่วงไอ้หญิง ฮ่าๆ โถ่เพื่อนแบงค์ ....แล้วดูท่าทางไอ้หญิงจะยังไม่รู้ตัวซะด้วย

“กูไปกินข้าวกับแบงค์มา กูเพิ่งมารอมึงเนี่ย” มันพูดแล้วบังคับหุ่นโดรนขึ้นไปสูงด้วยโทรศัพท์ของมัน ผมเดินเข้าไปดู

“เห้ยมันมีกล้องด้วยเหรอวะ!” ผมมองผ่านจอมันไปเห็นภาพระยะไกล้ของตึกชั้นสูงๆของโรงแรมแบบชัดเจน “มึงๆ ลองแอบเอาไปส่องห้องโน้นดิ๊” ผมบอกมันแล้วชี้ไปที่ห้องชั้นบน “มึงเอาไปเคาะหน้าต่างห้องแล้วบินหนีออกมาได้ป่ะ!”


“เออๆ!” เราสามคนหัวเราะคิกคักๆกับแผนชั่วร้าย ไอ้หญิงเอาโดรนไปชนกระจกห้องพักเบาๆ แล้วรีบบินลงมาชั้นล่างเราสองคนแอบมองซักพัก มีคนลุงในชุดอาบน้ำเปิดห้องออกมามอง หันซ้ายหันขวาแล้วก็กลับเข้าห้องไปด้วยความสงสัย ไอ้หุ่นหน้าตาติงต๊องนี่กลายเป็นความบันเทิงของเด็กเปรตกลุ่มนี้ไปเสียแล้ว

“มึงๆ กูอยากเล่น!” ผมขอมือถือมันมาเล่นบ้าง

“เออมึง รังรักของมึงอยู่ไหนเหรอ หากูไปดูหน่อยดิ!”

“เออๆ! นี่ๆ เริ่มจากนี่เลย ตั้งแต่ห้องนี้ขึ้นไป มึงต้องใช้คีย์การ์ดเข้า” ผมเอาโดรนบินขึ้นไปลอยหน้าห้องให้ดู แล้วค่อยๆพาพวกมันทัวร์โซนวีไอพีจากด้านนอกตึก

“แล้วนี่ๆ นี่ห้องนอนแขกวีไอพี นอนสบายสัสๆ เหล้าเบียร์เพียบ มีบาร์ส่วนตัว กระจกกันกระสุนด้วยนะมึง” ผมบังคับหุ่นเข้าไปเคาะกระจกให้มันดูชัดๆ


“พอแล้วอีเหี้ย เดี๋ยวร่วง” หญิงบอก




....แล้วขณะที่ผมถอยไอ้หุ่นเวรนี่ออกมา.....




....กระจกห้องก็เปิดออก...




...มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา...





”พี่เปรม?” ผมพูดขึ้นโดยอัตโนมัติ แล้วก้มมองที่จอ ราวกับสบตากับพี่เขาอยู่




อยู่ดีๆเขาหันควับไปที่ห้อง ทำท่าเหมือนจะห้ามไม่ให้คนข้างในออกมา แต่ไม่ทันเสียแล้ว....



“พี่ปัน?”



ผมได้แต่ยืนอ้าปากค้าง พี่ปันในชุดคลุมอาบน้ำ กับพี่เปรมในชุดนอน พี่ปันมองมาทางกล้องแล้วก็ตกใจ รีบหลบเข้าไปในห้อง ขณะที่พี่เปรมเดินมาที่ระเบียง คว้าไอ้โดรนเปรตนั่นไว้ ....แล้วมองลงมา



“หญิง! แบงค์!” ผมดึงพวกมันสองคนเข้ามาใต้ตึกจอดรถ



......แต่เหมือนจะไม่ทัน.....

   _____________________________


ปัญหาที่สองของคนมักง่ายมาแล้วนะคะ อิอิ
ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะค้า
:กอด1:

ปล.มีกระทู้สอนทำสารบัญไหมคะ พอดีโลว์เทคมากๆ ใครมีขอขอบคุณล่วงหน้าน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2016 14:32:21 โดย Kanom »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อืม  ก้อเข้าเรื่องศีลเสมอกันนั่นแหละนะคนเรา

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
ว่าแล้วเชียวพี่เปรมกับพี่ปัน


ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
แหม่ปันก็เด็กเปรมนะนั่น

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ก็แย่ละ....ถูกเห็นแน่เลย
ปัญหาตามมาชัดๆ   :katai1: :katai1: :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอาแล้วไง

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกแปลกใหม่มากครับเรื่องนี้
ขอติดตาม

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
7.

ดูเหมือนพี่เปรมมีเรื่องจะต้องชี้แจงกับผม ความสัมพันธ์ของเขากับพี่ปันมันออกจะชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผมกับพี่แทนกำลังโดนใส่ร้าย ผมอาจจะยังเชื่อมโยงไม่ได้ว่าอะไรคือจุดมุ่งหมาย แต่มันคงจะเป็นความบังเอิญไปไม่ได้

“มึงน่าจะกดถ่ายรูปไว้!!” ไอ้หญิงบ่น เราสามคนนั่งอยู่ที่คาเฟ่ไกล้ๆโรงแรม

“กูคิดไม่ทันโว้ย!” ผมตอบ

“เดี๋ยวนะ...มึงบอกกูว่าคุณกษิณป่วยใช่ไหม?” ไอ้หญิงถาม

“เออ...ป่วยหนัก พี่แทนบอกกูว่าเค้ากำลังหาประธานคนใหม่” ผมพูดไปก็คิดออก “เดี๋ยวนะ.....ไอ้เหี้ย เค้าใช้กูทำลายชื่อเสียงพี่แทนเหรอวะ!”

“แหงล่ะ! ใครๆก็อยากขึ้นเป็นประธานทั้งนั้นแหละ!” ไอ้หญิงบอก

“พี่เปรมไม่มีโอกาศขึ้นเป็นประธานซะหน่อย…เค้าเป็นเพื่อนกันนะเว้ย ให้เพื่อนตัวเองขึ้นไปไม่ดีกว่าเหรอ!” ผมตอบ

“กูว่างานนี้มึงไม่ได้เจอแค่พี่เปรมแล้วล่ะ....มีคนตั้งใจปล่อยข่าวพวกมึง ย้ายพี่ปัน ให้มันเกิดเรื่องในหมู่พนักงาน ข่าวลือมันส่งผลเสียกับมึงไม่มากหรอก อย่างมากเค้าก็เม้ามอยกัน แต่คนที่มีอะไรจะเสียอ่ะคือพี่แทนต่างหาก” ไอ้หญิงสาธยาย

“กูสงสัยธีนพ” ไอ้หญิงฟันธง

“ห๊ะ?”

“ธีนพไง! เค้ามาชิงเก้าอี้ประธานกรุ๊ป! มึงไม่รู้เหรอ!”

“มึง! มันก็มีผลประโยชน์กันทุกคนแหละ กูไม่สนหรอกใครจะแย่งเก้าอี้ประธานกัน กูสนแค่ว่าเมื่อไหร่แม่งจะเลิกยุ่งกับกู” ผมบ่น

“ไม่มีทางอ่ะ จนกว่าพี่แทนมึงจะยอมประกาศว่าจะไม่ชิงตำแหน่งกับเขา”

“มึงว่ากูควรพูดกับพี่แทนตรงๆไหมวะ ทั้งหมดนี่เลยอ่ะ?”

“อย่า! อีควาย พูดไปก็ทะเลาะกัน เขาคงจะมาฟังมึงหรอก! มึงจะบอกเขาว่าอะไร?” มันพูด “พี่ครับ เพื่อนสนิทพี่กำลังแบล็คเมลล์ผมกับพี่ครับ แล้วก็สมรู้ร่วมคิดกันหลายคนด้วยครับ พี่เชื่อผมสิ!...เหรอแบบนี้อ่ะเหรอ?” ไอ้หญิงปิดท้ายอย่างสมเหตุสมผล และในท้ายที่สุดเพื่อนๆแนะนำให้ผมอยู่เฉยๆ หลีกเลี่ยงการต้องพบกับพี่เปรมและพี่ปัน เพราะไม่มีอะไรที่เราจะทำได้ ซึ่งผมเห็นด้วยบางส่วน...แต่ผมรู้จักพี่เปรม ผมรู้จักเพื่อนสนิทของเขา และผมก็มีวิธีการของตัวเองเหมือนกัน

_______________________


ถ้าลิฟท์เวรนั่นขัดขวางไม่ให้ผมขึ้นไปหาพี่เปรมที่ชั้นวีไอพีได้ก็ช่างมัน แต่ลานจอดรถมันไม่ได้เข้ารหัสไว้นี่หว่า...
ผมยืนสูบบบุหรี่อยู่ไกล้กับป้อมยามของโซนซุปเปอร์คาร์ หลังจากที่ฟังพี่ยามแกคุยโวเรื่องที่ถูกล๊อตเตอร์ลี่มาเป็นชั่วโมงๆ แหกปากนั่งร้องเพลงลูกทุ่งไปกับเขาก็แล้ว เพลงลูกกรุงก็ร้องมาแล้ว ในที่สุดก็มีคนเดินลงมาสักที

คุณธีนพ...

เขาเดินมากับเลขาแบม คุยเล่นกันอย่างกับเพื่อนคนสนิท ก่อนจะเปิดประตูให้เลขาตัวเองเข้าไปนั่ง....

‘กูว่าแล้วว่าไม่ใช่เลขา’ ผมคิดในใจเงียบๆ

ผมมองอยู่ได้ไม่นาน คนที่ผมกำลังรอจริงๆก็เดินลงมา “ชิบหาย.......” ผมพูดคนเดียว คุณธีนพยังไม่ขึ้นไปบนรถเลย แต่ยังไงผมจะไม่ยอมกลับบ้านมือเปล่าแน่ๆ ช่างแม่งเหอะ....ผมเดินออกจากป้อมยามตรงไปหาพี่เปรมพี่กำลังหันหลังให้ผมอยู่

“ไงพี่...” ผมทัก เขาสะดุ้งโหยงแล้วโวยวาย “เห้ย! มีอะไร!”

“อย่ามาทำเป็นโมโหดิพี่!” ผมโต้กลับ มองถัดไปเห็นคุณธีนพยืนมองเราอยู่

“พูดอะไรวะน้อง! ไม่รู้เรื่อง! พี่ๆ! เอาเด็กนี่ออกไปที!” พี่เปรมหันไปเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก ผมแทบจะไม่เชื่อสายตากับลูกไม้ที่หยาบคายนี้ ผมคว้าแขนเขาไว้ ไม่ให้เขาหนี แต่เขาผลักผมออกแรงๆ “โห...ไอ้เหี้ยพี่!” ยังไม่ทันที่ผมจะได้จบประโยค ก็ถูกหยุดไว้ด้วยมือของใครบางคนที่วางลงบนไหล่
“เอ้า...เด็กๆ มีอะไรค่อยๆคุยกันสิครับ” เสียงที่ผมไม่คุ้นดังขึ้น อุ้งมือใหญ่วางลงบนไหล่ผมทั้งสองข้างแล้วบีบนวดเบาๆ ผมหันควับไปมองด้วยความตกใจ ไอ้เหี้ย มึงทำอะไร ขนลุก!
   
“อ้าว...น้องเอ็มนี่เอง” เขาพูด ผมจำหน้าเขาได้แบบเลือนลาง แต่จำชื่อไม่ได้เลยได้แต่ทำหน้างงใส่ จนชายคนนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ เขามีรังสีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกขนพอง “อ้าว...สงสัยพี่จะหล่อขึ้นจนจำไม่ได้....นี่พี่ท๊อปไงครับ” เขายิ้มให้ พี่ท๊อป! พี่ท๊อปคือพี่คนโตของพี่แทน ผมเคยเห็นแต่ในรูปถ่ายครอบครัว หน้าตาเขาเปลี่ยนไปมาก อาจเป็นเพราะการศัลยกรรมอย่างหนักหน่วง “พี่ชายพี่แทนไง พี่เคยได้ยินเรื่องของเรามาเยอะเชียวล่ะ....ตัวจริงหล่อเหมือนในรูปเลยแฮะ” เขาเอามือมาจับหน้าผมเชยคางขึ้น แล้วหันซ้ายหันขวาเชยชมอย่างกับเจอของเล่นใหม่  มาถึงตอนนี้ ผมถอยหนีแล้วหันกลับไปหาพี่เปรมแทน เหมือนสมองสั่งการว่า มึงหันหน้าหาพี่เปรมเถอะ


ซึ่งพี่เปรมนั้นก็อยู่ในสภาวะเดียวกับผม คือขนลุกขนพอง ผมเป็นเกย์ยังขนลุก พี่เปรมมีหรือจะเหลือ


“พี่ท๊อปครับ...เดี๋ยวผมจะ..” เขาพูดด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน ผมเกือบจะหัวเราะให้กับท่าทางสงบเสงี่ยมกะทันหันของเขา จังหวะนี้ต้องซ้ำเติมแม่งเข้าไป “จะอะไรเหรอพี่!...พี่จะทำไรผม ไหนพูดดิ๊?” ผมกวนตีน พี่เปรมชักสีหน้าโมโห

“ฮ่าๆๆ พี่ชอบเราจริงๆเลย” พี่ท๊อปหัวเราะ “...เปรมไปทำอย่างอื่นเถอะ....คนนี้เดี๋ยวพี่จัดการเอง...” พี่ท๊อปพูดขึ้นทำเอาผมเสียวสันหลังวาบ...

“ไว้พี่จะแวะมาหาใหม่นะน้องเอ็ม” พี่ท๊อปตบหลัง คล้อยไปทางเอว ของผมเบาๆ นี่พี่ตบหรือลูบ...

ผมได้แต่ยืนตัวแข็ง มองดูรอยยิ้มเลือดเย็นของเขาก้าวเข้าไปในรถที่มีไอ้พี่เปรมเป็นคนขับ จนเขาขับออกไปพ้นสายตา คำถามที่เตรียมมาในหัวบินว่อนกระเจิดกระเจิง เกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามายืนแถวนี้ทำไม


เดี๋ยวนะ....เขากลับบ้านด้วยกันเหรอวะ?


สองคนนี้รู้จักกันซะที่ไหน.....นอกเสียจากแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่างอยู่


จิ๊กซอว์ของไอ้หญิงมันลงตัวพอดิบพอดีเลยจริงๆ


“เอ็ม…” คุณธีนพเดินมาสะกิดผม

“ครับ!” ผมหันไปตอบ

“รู้จักพี่ท๊อปด้วยเหรอ?”

“เอ่อ.....เพิ่งจะรู้เมื่อกี้แหละครับ” ผมตอบตามตรง เขายืนกอดอกแล้วถอนหายใจยาวๆใส่ จนผมงง ผมมองไปทางรถเขา เลขาของเขาเปิดประตูแล้วลงจากรถ เดินมาสมทบกับเราสองคน แล้วเอ่ยปากถาม




...........



“พอจะมีเวลาไหมครับ?” แบมพูด พี่ธีนพหันไปมอง

“หืม?....อ่า....ว่างครับ” ผมตอบ

“ทานข้าวกัน”

“ครับ?”

_______________________

เราสามคนนั่งอยู่ในร้านอาหารหรูในเมือง ผมนั่งส่องเมนูอาหารในราคานักศึกษาแดกได้แค่ปีละครั้ง ผมเคยเข้าร้านอาหารหรูกับพี่แทนค่อนข้างบ่อย แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหม่าคือสองคนตรงหน้าต่างหาก พวกเขาเหมือนมาที่นี่เป็นประจำ สั่งหาอารโดยที่ไม่ดูเมนูอย่างกับคู่เดทมาทานร้านประจำ โดยที่มีผมเป็นก้างกวางคอ ผมคิดขณะที่จิ้มอะไรแปลกๆมั่วๆไปอย่างหนึ่ง
“เอ็มครับนี่แบม...เลขาผมเอง แบมครับนี่น้องเอ็ม คนที่พี่เคยจะให้มาแปลงานให้ทีแรกน่ะ” แล้วก็จุดไฟใส่เสื้อพี่ด้วยครับ ผมคิดแล้วนั่งยิ้มเนียนไป
“สวัสดีครับเอ็ม...ถ้าเป็นนักศึกษาฝึกงานล่ะก็น่าจะรุ่นเดียวกัน ไม่ก็รุ่นน้องนะ ผมเรียนหลักสูตรเร่งรัดมาน่ะ เลยจบมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุสิบเก้า” เขาสาธยายสรรพคุณใส่ แล้วต่อด้วยรายละเอียดที่ผมไม่ได้ตั้งใจฟัง ได้แต่พยักหน้ายิ้มๆไป แล้วตอบกลับ“หวัดดีครับแบม” เออเอาเป็นว่ามึงรวยแล้วก็เก่งมาก ประมาณนี้แหละ

“เอ็มเรียนที่ไหนเหรอครับ? ทำไมมาเรียนเมืองไทยเหรอ?” แบมถามต่อ
“เอ่อ....ผมโตเมืองไทยครับ พอดีหลังจะเกิดได้ไม่นาน คุณแม่ก็ป่วย เลยบินกลับมารักษาที่บ้านครับ” ผมตอบ
“แล้วคุณพ่อล่ะครับ?” เขายังถามต่อ ผมลังเลที่จะตอบ ถ้าเป็นเพื่อนกันผมไม่ลังเลหรอก พูดไปแล้วคนแม่งชอบถามเซ้าซี้ แต่เอาเหอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
“แทบจะไม่เคยเจอคุณพ่อเลยครับ เลิกกันตั้งแต่ผมยังไม่เกิดเลย”

“โห...แย่จัง” เขาแสดงท่าทีห่วงใย ผ่านใบหน้าใสกิ้งกับรอยยิ้มใสซื่อแบบเด็กๆ ผมไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ สัมผัสได้ถึงความไม่จริงใจอย่างแรง “แล้วอย่างนี้คุณแม่..”

“สนิทกับแทนไทเหรอครับ?” ธีนพขัดขึ้นกลางลำ

“ห๊ะ?....เอ่อ......ครับ” ผมตอบ ข่าวลือแม่งไปไกลกว่าที่คิด ผมมองไปที่แบมที่สายตาอยากรู้อยากเห็นแต่ทำเป็นมองไปทางอื่น ทำไมวะ อยากรู้ทำไมต้องทำเป็นไม่อยากรู้ เรื่องแม่งน่ารู้จะตายชัก ผมเป็นคนอื่น ผมก็คงอยากรู้เรื่องราวของคนที่ชื่อไอ้’เอ็ม’เหมือนกันนั่นแหละ อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน่อยเลย ขนาดคุณธีนพยังมองผมไม่วางตา “อยากรู้ไหมครับว่าสนิทแบบไหน?” ผมเริ่มหมั่นไส้ มองไปทางน้องเลขาหน้าใสซื่อแล้วถาม

เขาสบตาผมด้วยความประหลาดใจ มีเสี้ยววินาทีหนึ่งภายใต้ดวงตากลมโตนั้น ที่ผมเห็นสายตาของการพิภากษา สายตาแบบที่ผมเกลียดที่สุด แต่เขาเปลี่ยนมันให้กลายเป็นความเห็นอกเห็นใจไปได้อย่างแนบเนียน

“เอ่อ...” แบมอึกอัก

“ไม่อยากครับ” พี่ธีแทรกขึ้นอีกครั้ง เลขาหันไปมองควับ…เซ็งเลยสิมึง

“อ้าว....” ผมก็ได้แต่อ้าวสิครับ จะให้พูดอะไรล่ะ

“แต่ไม่รู้จักพี่ท๊อปสินะ?” ธีนพพูด

“ครับ...รู้แต่ว่าเป็นพี่ชายพี่แทน” ผมตอบตามตรง ชายตรงหน้าได้แต่พยักหน้าช้าๆด้วยใบหน้าครุ่นคิด

“ทานข้าวเถอะ...” เขาพูดเมื่อมองไปทางอาหารที่กำลังมา...
   
ผมไม่ค่อยชอบให้บรรยกาศอึดอัด โดยเฉพาะระหว่างกินข้าว เลยพยายามชวนคุย
“พี่รู้จักพี่ท๊อปด้วยเหรอครับ?” ผมถาม
“อืมรู้จักสิ...” เขาตอบ
“เค้าเป็นคนยังไงเหรอพี่?” ผมเผลอเรียกเขาว่า ‘พี่’ คำถามนี้ทำให้แบมต้องเงยหน้าขึ้นมา พี่ธีครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบ
“พี่บอกในส่วนของเขาไม่ได้หรอก” ผมกับแบมสบตากันตอนที่เขาเรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เป็นครั้งแรก “เดี๋ยวเสร็จแล้วค่อยคุยกัน”
‘ดูเหมือนจะคุยยากกว่าที่คิดแฮะ...ยังไงของเค้านะ....เอาเหอะ แดกดีกว่ากู’ นี่คือสิ่งเดียวที่ผมคิดออก การทานข้าวครั้งนี้จบลงโดยที่เราสามคนนั่งต่างคนต่างกินกันไปเงียบๆ แบมพยายามชวนผมคุยสองสามครั้ง ผมทำได้แค่พยายามตอบเลี่ยงๆ
เมื่ออาหารพิลึกๆนี้จบลงในที่สุด เราสามคนเดินออกมาพร้อมกันไปจนถึงที่จอดรถ มาถึงตรงนี้ผมถึงได้โอกาศขอตัวไปสูบบุหรี่
“ไม่ต้องไปส่งหรอกครับ เดี๋ยวผมกลับเอง” ผมบอกทั้งสองคน แบมพยักหน้าให้แล้วโบกมือลาผม แต่พี่ธีไม่ขยับตัวไปไหน จนเลขาต้องเดินกลับมา “ไปเถอะครับพี่”

“แบมกลับไปก่อนนะ....”

“ถึงบ้านแล้วค่อยส่งพรีเซ้นให้ผมอ่าน ส่งมาก่อนห้าทุ่มนะ”

เขาไล่เลขาที่ยืนหน้าบ๊องแบ๊วกลับไป ผมกับแบมสบตากัน คราวนี้ผมเห็นรังสีอมหิตของแบมแผ่ออกมาชัดเจนในที่สุด แต่ในท้ายที่สุด แบมทำได้เพียงแค่ “ครับพี่...” แล้วเดินจากไป ขอบคุณครับพี่..... กูมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกคน

ทีนี้ก็เหลือผมที่คีบบุหรี่ไว้ในมือยืนโง่ๆ..... ไม่รู้จะเอายังไงต่อดี

“พี่จะไปร้านเบียร์ตรงซอยหัวมุมถนน...” จู่ๆเขาก็พูดขึ้น

“เอ่อ...ครับ” ผมตอบ
“ว่าจะไปเขียนรีวิวเบียร์ซักหน่อย”

“ครับ....?” ....กูไม่ได้จุดซักทีไฟแช็กเนี่ย

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขายืนล้วงประเป๋ามาดเท่ แต่ดูเก้ๆกังๆ แต่ไม่ยอมสบตา ไม่รู้หันไปมองอะไร

“ไปด้วยกันหน่อยสิ...”

“หื้ม?” ผมยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับไปไหน นี่ก็อะไรวะ….นึกจะชวนก็ชวน ไล่เลขากลับไปด้วยนะ....ผมยิ้มกริ่มแล้วแกล้งถามกลับไป

“จีบผมเหรอพี่?” ด้วยท่าทีหยอกเล่น เขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะแอบหันไปยิ้มเล็กๆอยู่คนเดียว

“....ไปก่อนสิ แล้วจะบอก”

__________________________


มีแค่ 3 ปัญหาก็พอแล้วเนอะ อิอิ ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆเลยนะค้า ผู้แต่งจะพยายามอัพเดทให้ได้สัปดาห์ละ 2 วันน้า

:pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
เอ็มเจอแต่ปัญหานะเนี่ย แถมมีศัตรูเพิ่มขึ้นแทบทุกตอน


 :katai1: :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่เปรม พี่ปัน พี่ท็อป คุณธีนพ  :katai1: :katai1: :katai1:
พี่เปรม นี่เปลี่ยนไปชัดๆ เลย
พี่ท็อป นี่รู้ตัวปะ ทำให้เอ็มกับพี่เปรม
รูสึกขยะแขยง และขยาดเลยนะ
คุณธีนพ จะคุยอะไรกับเอ็มนะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
อ่านไปงงไป อะไรมันจะซับซ้อนงี้  :katai1:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
แง อยากอ่านต่อแหล่ว :ling1:

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
8.

มันเป็นร้านเบียร์เล็กๆ ตกแต่งสไตล์ยุโรปเหนือ อยู่ในซอยค่อนข้างลึกและมีบรรยกาศอบอุ่น ผมเลือกโต๊ะกลมเล็กๆในมุมเงียบสงบด้านนอก พี่แกเดินไปสั่งเบียร์ที่บาร์ขณะที่ผมนั่งรอ ต้นไม้ร่มรื่นช่วยให้เกิดอารมณ์ผ่อนคลายได้ดี แต่นึกไปถึงคำพูดของไอ้หญิงที่ว่า ‘เขามาเพื่อชิงตำแหน่งเก้าอี้ประธาน’ แล้วก็อดกังวลในใจลึกๆไม่ได้เหมือนกัน แต่ภาพที่ตัวเองเป็นลมในห้องประชุมนั้นก็ยังชัดเจน ยังจำได้ดีว่าตัวเองหวั่นไหวแค่ไหน ไอ้ที่ไปแซวเขาเล่นว่าเขาจีบเนี่ย มันก็เป็นแค่ความปากดีของผมไปอย่างนั้นแหละ ไม่ใช่สิ มันเป็นการป้องกันตัวต่างหาก

“ตกลงจีบผมป่ะ?” ผมถามแล้วยิ้มยั่ว เมื่อเขาเดินกลับมาพร้อมเบียร์ในมือสองแก้ว

“ดื่มก่อนสิ แล้วจะบอก...” เขาเลี่ยงที่จะตอบอีกครั้ง แต่วางแก้วเบียร์ลงตรงหน้า แล้วยิ้มในแบบของเขา “นี่ตัวใหม่ของร้านเลยนะ....บอดี้ดีมากเลย” เขาพูดภาษานักชิมเบียร์ใส่ ผมไม่สนใจหรอกตราบใดที่มันสามารถพาแอลกอฮอล์เข้าไปในกระแสเลือดได้ล่ะก็ อีกหลายแก้วที่ตามมาหลักจากนั้นเพิ่มบทสนทนาให้แก่เราสองคนได้เป็นอย่างดี ยิ่งคนไม่มีเบรคแบบผมเรียกได้เลยว่าเพลินเป็นบ้า

“พี่รู้เรื่องผมกับพี่แทนจากไหนเหรอ?” ผมถาม เริ่มออกอาการมึนตึงจากแอลกอฮอล์
“อืม...ก็เคยเห็นขึ้นมาโซนวีไอพี...ก็เลยเดาเอา”
“แล้วเขาลือกันเรื่องผมเยอะไหมพี่” ผมถามตามตรง
“อยากรู้ไปทำไมเหรอ?” เขาถามกลับ
“ผมถามพี่ก่อน....พี่อย่าถามผมกลับดิ...” ผมพูดแล้วส่ายหน้า
“ฮ่าๆๆ...” พี่ธีหัวเราะออกมาดังๆ “ก็ได้ๆ...แต่สัญญากับพี่อย่างนึงก่อน...” เขายื่นเงือนไข
“ได้พี่..” ผมตอบไปก่อน ถึงแม้อย่างนั้นก็ต้องคอยเตือนตัวเองว่าแท้จริงแล้วก็คู่แข่งทางธุรกิจคนหนึ่งของพี่แทน ผมพยายามระวังปากที่สุดเท่าที่จะทำได้



“อย่าคิดมากนะ?”



...หืม?....อย่าคิดมาก...ผมพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงตกลง



   “อย่าคิดมากนี่...แปลว่าเยอะใช่ไหมพี่?”

   “บนนั้นไม่มีใครไม่รู้จักเอ็มหรอก” เขาตอบ

   “อื้อออหืออออ!! พอเลย! ไม่อยากรู้แล้ว!” ผมนี่ยกแก้วต่อไปเลย
อีกหลายชั่วโมงต่อมา เราคุยกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยด้วยเรื่องไร้สาระได้อย่างประหลาดใจ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับต่างประเทศ อาหาร และเหล้าเบียร์เสียเป็นส่วนใหญ่ และแทรกด้วยตลกปัญญาอ่อนของผมเป็นระยะๆ จนวนเข้ามาเรื่องแถวๆโรงแรมจนได้ แต่ก็ไม่วายเข้าเรื่องปัญญาอ่อนของผมอยู่ดี

“ฮ่าๆๆ!! แบบพี่ท๊อปถ้าผมเจอตอนกลางคืนนี่ผมกระทืบก่อน คุยทีหลังนะพี่!” ผมพูด พี่ธีลั่นขำจนสำลักน้ำ
“แล้วจะไปกระทืบเขาทำไมเล่า!”
“ไม่รู้อ่ะ ผมกลัว ผมถือว่าผมป้องกันตัว!”
“ฮ่าๆๆๆ กลัวพี่ท๊อปเหรอ?” เขาถาม
“กลัวดิพี่ ดูหน้าก็รู้แล้วว่าแม่งโรคจิต! คงมีแต่พี่นั่นแหละที่ไม่กลัว”
“ก็กลัวอยู่นะ” พี่ธีตอบ
“ฮ่าๆๆๆ อย่างพี่เนี่ยนะกลัว!”
“เออ...ทำไมเหรอ?”

“พี่เก่งจะตาย ไปกลัวแม่งทำไม!” ผมตอบแบบใส่อารมณ์ จนพี่ธีต้องจับมือผมไว้ไม่ให้ทุ่มแก้วลงกับโต๊ะ

“ช้าๆ....ช้าๆนะ พอแล้วๆ” พี่แกพยายามดึงแก้วเหล้าออกจากมือผม แต่ผมไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก

“พี่แย่งผมไมอ่ะ....อยากกินก็สั่งเองดิ!” ผมพูดแล้วปัดมือเขาออกไป

“ไม่ใช่! ไอ้บ้า!....จะให้กินน้ำเปล่าแล้ว เอามานี่!” พี่ธีดึงแก้วไปจากผมสำเร็จ อาจจะเป็นเพราะเขาทำให้ผมมือไม้อ่อนแอลงไปบ้าง ผมพยายามดึงแก้วกลับ พี่ธีหัวเราะเยาะท่าทีเงอะงะของผมที่ตะกายซ้ายทีขวาทีจนต้องยอมแพ้ไปเอง

“พี่....” ผมกลับมานั่งนิ่งๆเพราะเวียนหัว พลางนึงไปถึงคำถามที่เขาติดค้างไว้

“อะไรเหรอ?” เขาถาม ผมไม่เคยเห็นใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเนิ่นนานแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เราออกมาด้วยกันสองคน
“ตกลงจีบผมป่าวเนี่ย...” ผมแกล้งถาม เขาหุบยิ้มลง กลับมาเป็นท่าทีแบบเดิม ใบหน้าแบบธีนพ.... ครุ่นคิด พินิจพิเคราะห์อยู่สักพัก..... คิดนานไปแล้ว! จนผมเริ่มกังวลใจ .....ไม่เอาแล้ว! ถ้าเขาตอบไม่ล่ะวะ!

“อย่า!” จู่ๆผมก็ลั่นขึ้น

“หืม?”

“อย่าเพิ่งตอบนะพี่...” ผมกังวลกับท่าทีของเขา ไม่ใช่แค่กังวลสิ...ผมกลัวเลยล่ะ กลัวว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่คิด ผมต้องการเวลา ผมต้องการ.....แบบที่ตัวเองถนัด

“เอางี้ดีกว่า.....ว่าแต่พี่อ่ะ ไม่อยากรู้เหรอ?”

“อยากรู้ว่า?” เขาถาม

“อยากรู้ว่า....ผมจีบพี่อยู่รึเปล่า?” ผมตอบกลับไป เขานิ่งอึ้งไปสักพัก

“อืม....อยากสิ”

“....ไปส่งผมที่ห้องก่อนสิ แล้วจะบอก” ผมส่งสายตาเร่งเร้า.....เล่นกลับไปอย่างที่เขาล้อเล่นกับผม เขาก้มหน้า แล้วพยักหน้ากับตัวเอง ก่อนจะยิ้มในแบบของเขา

“ไปสิ.....เห้ย!”

ผมได้จังหวะ ระหว่างที่เขาเผลอวางแก้วของผมลงบนโต๊ะ....ยกทีเดียวเสียให้หมดแก้วจะได้ไม่ต้องเหลือทิ้ง...

_____________________
   
พี่ธีประคองร่างปวกเปียกของผมขึ้นไปจนถึงหน้าห้อง เขาต้องล้วงเข้าไปในกระเป๋าผมเพื่อจะสแกนบัตร ผมให้ความร่วมมือไปพร้อมกับการประคับประคองสติตัวเองให้อยู่ ไฟห้องเปิดอัตโนมัติตามปกติ ในที่สุดผมก็ลากเขาเข้ามาใน ‘สนาม’ ของผมสำเร็จ อันที่จริงแล้วแค่เขาตอบตกลงก็เป็นสัญญาณที่มากพอ ไฟเขียวซะขนาดนี้มีหรือเจอผมทอดสะพานแล้วจะรอดออกไปได้ ร่างกายเรายืนเบียดชิดกัน เขาประคองผมลงนั่งบนเตียงแผ่วเบา แล้วผละออกไป แต่ผมจะไม่ยอมเสียจังหวะนี้ไปเปล่าๆ

“ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้พี่.....” ผมพูดพร้อมดึงแขนเขาไว้

“เอ่อ...เอ็ม....เดี๋ยว....พี่ว่า...” ผมไม่ปล่อยให้เขามีเวลาคิด มันเป็นเรื่องทางเทคนิค อย่าปล่อยให้คู่นอนของคุณคิดมากเป็นอันขาด ผมดึงตัวเองขึ้นด้วยแขนของเขา ขึ้นมายืนประชิด แล้วค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตของเขาออกทีละเม็ด

เม็ดแรกผ่านไป......

เม็ดที่สอง.....เขาไม่ได้ขัดขึน เห็นมั้ยล่ะ....

เม็ดที่สาม...... เพี๊ย!

“โอ๊ย!” เขาตีมือผม! ถึงจะเบาๆก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ตกใจนี่หว่า!

“....อย่าซน” เขาไม่พูดเปล่า รวบแขนผมสองข้างไว้ แล้วดันผมให้นั่งลงบนเตียง “นอนได้แล้ว...ไม่ง่วงเหรอไง”
“อย่าดุสิครับ...” ผมพูดด้วยเสียงออดอ้อน ยังไม่ยอมแพ้ ดึงแขนเขากลับแรงๆ หวังจะกระตุกลงมาบนเตียงด้วยกัน จะได้เลิกลีลาเสียที แต่เขาขืนตัวไว้ แล้วสะบัดมือออกจนผมผงะถอยหลัง จนอารมณ์ผมพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันหมายความว่ายังไงวะ!

“พี่ไม่ชอบแบบผมเหรอไง?” ผมถามขึ้นมาดื้อๆ เริ่มโกรธที่ตัวเองถูกปฏิเสธ และลีลาท่ามากของเขามันชวนให้เจ็บสมองเกินกว่าจะเก็บไว้

“เปล่า....พี่แค่....” เขาอึกอักอยู่ตรงอย่างนั้นจนผมทนไม่ไหว “พีต้องการอะไรกันแน่วะ!” ผมเริ่มเสียงดัง ลุกขึ้นเผชิญหน้า

“พี่เป็นคนเข้ามาหาผมก่อนนะ! แล้วพี่ก็มาชวนผมออกมาดื่มเองด้วย! มันหมายความว่าไงอ่ะ!!”

“เอ็ม!....เบาๆหน่อยสิ......พี่แค่เป็นห่วง!....” เขาตอบ

“เป็นห่วง! เหรอ! พี่จะมาห่วงอะไรคนไม่รู้จักวะ! จริงๆแล้วพี่จะเอาอะไรพี่พูดมาเหอะ!” ผมเริ่มตะโกนใส่

“พูดอะไรออกมานั่นน่ะ เมาแล้วรู้ตัวไหมเนี่ย!” พี่ธีจับแขนผมไว้ พยายามทำให้ผมสงบลง

“อย่าเปลี่ยนเรื่องดิวะ! ผมไม่ได้กินหญ้านะ!” ผมผลักเขาออกไปด้วยความโกรธ ธีนพผงะถอยไป เขายกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ แล้วไม่ยอมสบตาผมอีก แถมยังกลับไปทำท่าประจำของเขา ไอ้ท่ายืนเท้าสะเอวข้างหนึ่งแล้วเอามือลูบคางอย่างครุ่นคิด ......กวนประสาท...... ผมไม่เข้าใจภาษากายนั้น ไม่เข้าใจที่เขาพูด ไม่เข้าใจว่าเขามายืนอยู่ทำไมตรงนี้ ผมเกลียดความเงียบงันในตอนนี้ที่สุด ผมอยากอาละวาด อยากจะเขวี้ยงอะไรสักอย่างใส่คนตรงหน้าเพื่อให้เขายอมเปิดปากยอมรับออกมา

โกรธจนบริเวณรอบดวงตาร้อนผ่าว ผสมปนเปกันไปทั้งอารมณ์และแอลกอฮอล์ในเลือด ความสับสนของในใจของผมทวีความรุนแรงตามเท่าที่มันถูกสะสมมาทั้งอาทิตย์ “คนแบบพวกพี่แม่งเป็นอะไรกันไปหมดวะ!! ทำไมชอบโกหกกัน ทำไมต้องมีต่อหน้าลับหลัง!! พี่จะไปทำก็ไปทำกับพวกมีอำนาจด้วยกันสิ อย่ามาทำกับคนแบบผมได้มั้ย!!!” ผมมาจนถึงขั้นแหกปากใส่ “เก่งชิบหายเลย แต่ละคน! หลอกกูได้เนี่ย!! น่าภูมิใจเหรอวะ!!” ถึงจะเริ่มรู้สึกเจ็บคอ แต่ก็ได้ระบายสิ่งที่ค้างคาใจออกมาบ้างบางส่วน มันมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน แล้วผมก็เข้าใจตัวเองว่าได้เก็บงำอารมณ์ไว้ลึกสุดใจ ล้อเลียนให้มันเป็นเรื่องตลก แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ แล้วในที่สุดก็ใช้ร่างกายตัวเอง เสพย์สมความสุขฉาบฉวยเพื่อหลอกล่อตัวเองออกจากความเศร้า จนสุดท้ายเพิ่งจะรู้ตัวเองว่า แท้จริงแล้วผมไม่ได้โกรธ ผมไม่ได้รำคาณ ผมกำลังกลัว ต่างหาก

ใช่แล้ว...ผมกำลังกลัว...มีสิ่งที่ผมกลัวมากมายเหลือเกิน ผมกลัวว่าไอ้หญิงจะได้รับอันตราย ผมกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่แทน ผมกลัวพี่เปรมกับพี่ท๊อปว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ผมรู้ตัวว่ากำลังก้าวเข้าไปในเกมชี้ชะตาของเหล่าผู้มีอำนาจโดยที่ผมไม่มีทางเลือก เพียงแต่ผมไม่อยากจะยอมรับมันเท่านั้นเอง

“เอ็ม...บางเรื่องมันก็พูดให้เข้าใจยากนะ” ธีนพยังพยายามอธิบาย

“ถ้างั้น พี่!...ช่วยผมอย่างนึงได้ไหม” ผมแทรกขึ้นเพราะเบื่อความยืดเยื้อ ทำให้ยากมันก็ยากสิวะ ทำให้มันง่ายสิ!

“อะไรเหรอ?”

“พี่ต้องการอะไรจากผม...พี่ช่วยพูดออกมาเลยได้ไหม! พี่อยากรู้เรื่องพี่แทนใช่ไหม? เรื่องพี่เปรมเหรอ? หรือพี่ท๊อป? อย่ามาลีลา ผมเอียนกับพวกพี่แล้ว...ถะ”

ผมถูกปิดปากไว้.......ด้วยปากของเขา...... มือทั้งสองข้างถูกจับแน่นไว้ไม่ให้ขัดขืน พยายามดันตัวเองออกด้วยความตกใจ ถึงแม้จะโชกโชนประสพการณ์ แต่สถาณะการณ์นี้ผมเองก็ไม่เคยเจอ มันไม่ได้ร้อนรุ่มในร่างกายเหมือนกับที่เคยผ่านมาครั้งไหนๆ แต่มันเต็มไปด้วยความรู้สึก แบบอื่น



หัวโล่งเลย.....



“บอกแล้วไงว่ามันพูดยาก....”


__________________


พี่ธีไม่ได้แตะต้องผมมากไปกว่านั้น ผมเองก็สงบเสงี่ยมพอที่จะไม่สานต่อ สงบเสงี่ยมผิดปกติ เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ เรียบร้อยจนงง งงตัวเอง แทบจะจำตัวเองไม่ได้

   
7 โมงเช้า...

   
ผมตื่นขึ้นเพราะเสียงกุกกัก และเสียงคนพูดคุยกัน ลืมตาขึ้นมองเห็นพี่ธีนพในชุดสูทเต็มยศ กำลังพูดคุยกับใครสักคน อ้าว! เลขาแบมนี่หว่า เอ๊ะ...นี่ก็ห้องผม....นี่ฝันหรือยังไม่หายเมากันหว่า

   
“เอ็ม! ตื่นแล้วเหรอ...ขอโทษที พี่ต้องเปิดห้องให้แบมเอาชุดมาให้ พอดีพี่มีประชุมเช้า” พี่ธีบอก ขณะที่ผมลุกขึ้นมานั่ง ขยี้ผมยุ่งเหยิงของตัวเอง สะบัดหน้าไล่ความงัวเงียทิ้งไป แล้วเห็นภาพทั้งสองคนในชุดเต็มยศ กระเป๋าใบหนึ่งซึ่งไม่ใช่ของผมวางอยู่บนพื้น ในนั้นมีเน็กไทด์หลากหลายแบบ นาฬิกาข้อมือก็เช่นกัน และรองเท้าอีกสองคู่ เลขาของเขากำลังยืนเอาเน็กไทด์เทียบเข้ากับสาบเสื้อเชิ๊ต แถมยังพับเสื้อผ้าของผมเสียเรียบร้อย ยังไม่พอแค่นั้น ผมเห็นบนโต๊ะอาหารมีกาแฟจากร้านดังวางอยู่อีกด้วย

“ตามสบายเลยครับ” ผมพยักหน้าให้กับความเวอร์วังอลังการของพวกเขา ถึงจะยังมีความขัดเขินจากเรื่องเมื่อคืนอยู่บ้างก็ตามที “นี่พี่มีประชุมที่ไหนเหรอ” แล้วก็ถามไปตามใจปาก

“....ตารางงานของ” เลขาแบมกำลังตอบคำถาม

“แถวอารีย์น่ะ กับสมาคมสถาปนิก” พี่ธีตอบแทรกขณะที่ทาบนาฬิกาข้อมือเข้ากับชุดทีละเรือน ณ ตอนนี้เลขาหน้าใสกำลังใช้ลูกกลิ้งไปตามเสื้อแจ็คเก็ทของธีนพ เพื่อกำจัดฝุ่น แต่สายตามองมาที่ผมอย่างไม่ลดละ
“อ่อ...โชคดีพี่” ผมตอบแล้วลุกไปแถวๆตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มในยามเช้า ทำเป็นไม่สนใจสายตาอาฆาต


หลังจากที่พี่ธีถูกจับแต่งองทรงเครื่องจนหล่อเนี๊ยบเรียบร้อย แบมยกขวดน้ำหอมขึ้นฉีดตามลำดับ แล้วเก็บกวาดของแบบมืออาชีพ “แบมลงไปรอพี่ที่รถนะ เดี๋ยวพี่ขับเอง” เขาสั่งให้เลขาออกไปก่อน แบมทำท่าทางไม่พอใจ แต่แล้วก็เก็บกวาดของตัวเองออกไปตามระเบียบ ผมโบกมือลาตามไปแต่ไม่มีใครสนใจ


“เลขาพี่เกลียดผมอ่ะ...”


“ไม่หรอก...เขาจะโมโหเวลาพี่ไม่ทำอะไรตามแผนเขาน่ะ”


“เปล่าพี่....เขาชอบพี่” ผมพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วก็ยกแก้วน้ำเปล่าดื่ม


“จะบ้าเหรอ!”


“เขานึกว่าเราซั่มกันแน่เลยพี่...” ผมพูดต่อไป


“พอเลย!....นี่ ตั้งใจฟังนะ พี่จะบอกอะไรเอ็ม” เขาพูดแล้วหันมาทางผม ขยี้หัวผมเบาๆพอให้ตั้งสติ “หืม...ผมนุ่มจัง....”


“อย่าครับ...ยังไม่จ่ายตังห้ามโดนตัวครับ” ผมปัดมือเขาออก แล้วเล่นมุขเลวๆใส่


“ยังอีก!..” เขาดุ “ฟังนะ....ไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้น”


“ห๊ะ...?” ผมไม่เข้าใจ


“ไม่ต้องไปสนใจคนที่ชื่อเปรม...ไม่ต้องห่วงแทนไท...ไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้นในบอร์ดบริหาร” เขาพูดเน้นๆ ชัดๆ ผมพยักหน้าตามเรื่องไป “คนเดียวที่เอ็มต้องระวังคือพี่ท๊อป...อย่ายุ่งกับพี่ท๊อป ไม่ว่าเขาจะใช้วีธีไหน อย่าไปตกลง อย่าไปต่อรองอะไรด้วยทั้งนั้น”


“แล้วถ้าผมไม่มีทางเลือกล่ะ?”


“...มาหาพี่เท่านั้น แล้วห้ามบอกคนอื่น” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และนั่นทำให้ผมเกิดคำถามสุดท้ายขึ้นมา



“แล้วผมจะเชื่อใจพี่ได้ยังไง?”


ผมถามกลับไปจนเขาต้องยืนคิดคำตอบสักพักแล้วตอบ โดยที่ไม่สบตา


“....ทำถูกแล้วล่ะ....อย่าเชื่อใจใครทั้งนั้น.....ค่อยยังชั่วหน่อย”



“หืม?......”


______________


ตอนนี้ไรท์มีไปไล่ edit บางตอนก่อนหน้า จำพวกคำผิดกับการใช้ภาษาบ้าง แต่ไม่มีผลกับเนื้อหานะจ๊ะ ขออภัยที่มีแก้ไปแก้มาบ่อยหน่อยน้า พอดีเป็นมือใหม่ม๊ากกกก

เจอกันอีกทีวันจันทร์นะทุกๆคน ขอขอบคุณทุกคอมเม้นนะค้า

:3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
กรี้ดดดดดดดดดดดด  :ling1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew1:  มีเงื่อนงำๆๆ อิอิ ชอบคุณธีนพอะ

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โห สรุปเปรมดีหรือไม่ดีเนี่ย :katai1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รู้สึกมีแผนการณ์ ของแต่ละฝ่าย
ดูแล้วไม่น่าไว้วางใจ จนเอ็มนึกกลัว
แต่คุณธีนพ ก็ดีนะบอกให้ไม่ต้องเชื่อใจใคร
แม้แต่ตัวเอง เอ็ม ต้องคิดเองแล้วละ
แต่ที่เตือนเรื่องพี่ท๊อป นี่เต็มๆ เลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:     

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
 :ling1:อ่านแล้วชอยตอนนี้จัง ชอบโมเม้นเอ็มกับพี่ธีนพ5555555 พี่แทนจะไม่โกรธเราใช่มั้ยคะะะะะ เบร้ยย  :hao3:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ใครไว้ใจได้บ้างเนี่ย

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
อ้าว ยังไง งงไปอีก งงซ้ำงงซ้อนงงอินเซปชั่น โอ้ย!

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
งงมาก

ออฟไลน์ noozzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เขาแย่งตำแหน่งประธานกัน เอ็มก็แค่เด็กฝึกงานที่น่าสงสาร

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนพิเศษ ธีนพ (1)

ชายหนุ่มหมุนพวงมาลัยครั้งสุดท้ายให้รถยนต์คันงามเข้าที่ทาง จิตใจของเขากำลังถูกรบกวน รสจูบเมื่อคืนยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น รวมไปถึงลีลาการบันดาลโทสะที่ตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่เคยเจอ คำพูดหลายคำยังบาดคาอยู่ในใจ ท่ามกลางบรรยกาศเงียบงัน โดยผู้โดยสารที่นั่งมาข้างๆนั่น ที่เอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทาง สบโอกาศเปิดปากออกมาในที่สุด

“พี่ครับ....พี่ว่ามันคุ้มกันเหรอ?”

“หมายถึงเรื่องไหนเหรอ?” ธีนพตอบ แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจตามปกติ
“คนที่ชื่อเอ็มไงพี่....ดูยังไงก็เป็นแค่ของเล่นของแทนไทชัดๆ แถมไม่เห็นจะรู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย” เลขาของเขาถามระคนระบายความอึดอัด

“พี่ไม่ได้ต้องการอะไรจากเด็กคนนี้ซะหน่อย” ธีนพหันไปตอบ
“แล้วพี่ทำอย่างนั้นทำไม ถ้าเกิดเอ็มเขาไปบอกพี่แทนขึ้นมาล่ะ! ถ้าเกิดเขาถ่ายรูปพี่ไว้ล่ะ! กำลังจะมีการเสนอรายชื่อแล้วนะครับ มันอาจจะเป็นเกมของเขาก็ได้!” แบมพูดเสียงดังอยู่ในรถ ออกอาการตกเกินเหตุ ให้เอาอะไรไปมองก็คิดไม่ออกว่าไอ้เด็กบ้าๆบอๆคนนั้นมันจะมีแผนการซับซ้อนกับเค้าได้

“ไม่ต้องห่วงพี่หรอกน่า” เขาเริ่มแสดงอาการไม่สบอารมณ์เล็กน้อยขณะที่เปิดกระเป๋าตรวจดูเอกสาร
“แล้วพี่ต้องการอะไรจากเขา พี่ต้องบอกผมนะ ไม่งั้นผมจะคอยเก็บกวาดให้พี่ได้ยังไง”
“พี่กำลังพยายามช่วยชีวิตคนอยู่...แค่นี้แบมเข้าใจใช่ไหม?”

“ช่วยชีวิตคน? พี่ครับ พี่ไม่ใช่พระเอกหนังนะ”

“แบมก็เห็นพี่ท๊อปแล้วนิ ไม่เกินอาทิตย์หน้าบอร์ดก็คงจะประกาศชื่อเขากลับเข้ามาอย่างเป็นทางการ”
“นั่นแหละ! ที่ผมตั้งใจจะบอกพี่ พี่อย่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นเลย!”

ธีนพเอนหลังพิงเบาะ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความตั้งใจนั้น

“แบมไม่เคยรู้เรื่องก่อนหน้านี้สินะ...”

“เรื่องไหนเหรอครับ คดีความของพี่ท๊อปเหรอ ผมรู้สิ ทำไมจะไม่รู้ หรือว่ามีเรื่องอื่นอีก”

“มีสิ ก็เรื่องในอดีตระหว่างแทนกับพี่ท๊อปไง เออใช่สิ....แบมเพิ่งมานี่หว่า” ธีนพพูดตัดบทเลขาร่างเล็กของเขาที่กำลังจะแทรกขึ้นมา แล้วคว้ากระเป๋ามาจากมือของเลขาอย่าไม่มีพิธีรีตอง ทิ้งให้อีกคนหนึ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความงุนงง
“อย่าลืมเอกสารที่พี่ให้หาล่ะ” เขาพูดทิ้งทางไว้โดยไม่หันหลังกลับมามองด้วยซ้ำ


___________________



หลังจากการประชุมที่สิ้นเปลืองเวลาโดยใช่เหตุ ธีนพาร่างและสติสัมปชัญญะที่พร้อมจะจู่โจมใครก็ตามที่พูดจาไม่ถูกหู ออกมาจนถึงออฟฟิสส่วนตัวของเขาจนได้ เป็นไปได้ว่าเขาอาจหงุดหงิดเพราะตัวเองไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เท่าไหร่นัก  เหมือนกับว่าเก็บชิ้นส่วนของตัวเอง ออกมาจากห้องของเจ้าเด็กที่ชื่อเอ็มได้ไม่ครบยังไงยังงั้น

“นี่ครับ” เลขาของเขาที่นั่งรออยู่แล้วส่งซองสีน้ำตาลในมือมาให้ด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“ชื่อ ธนภพ เหรอเนี่ย” ธีนพดึงกระดาษออกมาจากซอง แล้วอ่านไปพร้อมกับอมยิ้มให้อย่างเหนือความคาดหมาย “ธนภพ วงวิเชียร เออ...เป็นอย่างที่คิดไว้เลยแฮะ”

“แต่ลายเซ็นไม่ใช่ของคุณแทนไทนิครับ?” คนตัวเล็กชี้ไปที่ลายเซ็นบนกระดาษ
“โดนย้อนศรเข้าให้แล้วล่ะแทนไท” เขาตอบพร้อมกับเก็บเอกสารกลับไปที่เดิม

“พี่ท๊อปแกยังจะกล้าก่อเรื่องอีกเหรอครับ?”

“คนนี้น่ะ ยังไงก็ไม่มาดี” หนุ่มมาดนิ่งเก็บเอกสารลงในซองเรียบกริบ พร้อมคาดการณ์ไปถึงสิ่งที่อาจจะตามมา แน่ล่ะว่าเขามีแผนการรับมือกับเกมการเมือง แต่มีแผนการก็ไม่ใช่เครื่องรับประกันความสำเร็จซักหน่อย ส่วนความกังวลที่แท้จริงของเขาน่ะหรือ ก็คือไอ้ตัวปัญหายืนอยู่ตรงกลางปล่องภูเขาไฟแล้วยังนึกว่าตัวเองวิ่งเล่นอยู่ในสวนน้ำนี่แหละ

________________


9.


ผมแทบจะไม่ได้ยินสิ่งที่อาจารย์สอนในคลาส รู้สึกปวดหัวหนึบ เหมือนถูกหยิบเอาสมองออกมาปั่นจนเป็นสเลอปี้แล้วเทกลับเข้ามาในหัวใหม่ แถมยังหวิวลึกๆในท้องทุกครั้งที่นึกถึงจูบนั้น มันเป็นจูบที่งุงงน และผิดที่ผิดทางจนเข้ามาประทับอยู่ในใจ มือปัดหน้าแอพในโทรศัพท์ไปพลางก็คิดสงสัยว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ ผมยอมรับว่าเข็ดหลาบไปแล้วกับความรัก สิ่งที่พี่ธีนพทำกับผมเมื่อคืน ....ใช่อยู่ว่าผมรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย แต่กว่านั้นแล้วก็ทำให้ผมหวาดระแวง


ระแวงทั้งตัวเอง....ระแวงทั้งเขาด้วย


“เอ็ม...มึงดูข่าวนี้สิ” ไอ้หญิงส่งมือถือของมันมาให้ดู


“ไหนวะ” ผมหยิบมาอ่าน มันเป็นคอลั่มน์ข่าวธุรกิจเล็กๆ “ภาคินทร์ เดชะประเสริฐสุข กับการกลับมาอีกครั้งในฐานะลูกชายคนโตของประธานยูโอกรุ๊ป กับสถาณะภาพใหม่.....” กวาดตาผ่านข้อความบรรยายสรรพคุณเหล่านั้นไปจนสะดุดเข้ากับบางอย่าง “หลังจากพ้นจากข้อหาพรากผู้เยาว์ และล่วงละเมิดทางเพศ ที่เป็นคำกล่าวอ้างโดยผู้ไม่ประสงค์ดี เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาอย่าสมภาคภูมิของทายาท... เหี้ย!” ผมอุทานเสียงดังจนเพื่อนๆต้องหันมามอง จ้องไปที่รูปถ่าย ภาคินทร์ เดชะประเสริฐสุข หรือ พี่ท๊อป ในรูปถ่ายที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มปลอมๆของเขา ชวนให้นึกไปถึงคำพูดของพี่ธีเมื่อคืน


‘คนเดียวที่เอ็มต้องระวังคือพี่ท๊อป’


“แต่ในข่าวเขาเขียนว่าเป็นคำกล่าวอ้างนะมึง...แล้วเขาก็พ้นคดีไปแล้วด้วย” ไอ้หญิงพูด

“เชื่อก็เหี้ยแล้ว!...มึง มึงดูหน้ามัน! มันคือหน้าของคนพรากผู้เยาว์ชัดๆ!” ผมยื่นโทรศัพท์ใส่มัน อ้างด้วยเหตุผลแย่ๆของตัวเอง  แต่ผมเชื่อในสัญชาติญาณ อย่าว่าแต่สัญชาติญาณเลย คนบ้าที่ไหนเจอพี่ท๊อปเข้าไปก็รู้แล้วว่าไม่ปกติ ไม่ต้องไปหาเหตุผลให้แม่งหรอก


   
“กูรู้!....กูก็ไม่ชอบหน้ามัน แต่มึงอย่าไปพูดซี้ซั้วนะอีดอก โดนเขาฟ้องตูดบานแน่มึง”
   
“ฟ้องกูไม่กลัวหรอก....กลัวจะตูดบานเพราะอย่างอื่นมากกว่า”
   
“โอ๊ย! กูอุส่าห์ไม่คิด! อย่าพูดอีกนะ กูขนลุก!” มันด่าผม เราสองคนเสียงดังไปจนอาจารย์ต้องหันมากระแอมไอใส่ ผมกับมันรีบแยกออกจากกันอย่างไว

____________________

   

“ห๊ะ! พี่จะไปฝรั่งเศส ตอนนี้เนี่ยนะ!” ผมตกใจใส่พี่แทนที่เพิ่งบอกผมว่าจะบินด่วนพรุ่งนี้ เสียงลั่นขึ้นมากลางร้านอาหารญี่ปุ่นแถวมหาลัย จนพี่แทนต้องทำมือบอกให้เบาลง
“เอ็มก็รู้ว่าพี่ขัดใจแม่ไม่ได้ สองอาทิตย์เอง เดี๋ยวก็กลับแล้วน่า”
“พี่ไปทำอะไรที่นั่นบ่อยๆอ่ะ” ปกติผมไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของพี่แทนกับครอบครัวเขา แต่คราวนี้ผมควรจะได้รู้บ้าง
“คุณแม่จะซื้อบ้านน่ะ ช่วงนี้พาแกบินไปดูที่บ่อยหน่อย”

ผมนึกถึงไอ้คุณภาคินทร์ขึ้นมา ลังเลอยู่ในใจว่าควรจะถามถึงดีไหม แต่นี่ก็พี่แทนที่ผมรู้จักไม่ใช่หรือ ลองดูซักหน่อยจะเป็นไรไป
“วันนั้นผมเจอพี่ท๊อปด้วยนะ”
“ห๊ะ...พี่ท๊อปเหรอ เจอที่ไหน?”
“ครับ..เจอกันแถวลาดจอดรถ ผมออกไปสูบบุหรี่พอดีครับ”
“เค้าทักเอ็มรึเปล่า?” พี่แทนถามหน้านิ่ว
“ก็มี ทักกันนิดหน่อยนะ เค้าบอกว่าเค้าเคยได้ยินชื่อผม แต่ผมก็แค่สวัสดีแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันหรอกพี่” ผมบอกไม่หมด
“เอ็ม ห้ามยุ่งกับพี่ท๊อปเด็ดขาด เข้าใจไหม” แทนไทออกคำสั่ง
“ขนาดนั้นเลยเหรอพี่” ผมถามต่อไป
“เอาอย่างนี้แล้วกัน” พี่แทนวางมือลงบนโต๊ะ “ในครอบครัวที่ทำธุรกิจมูลค่ามหาศาล เราต้องอาศัยอำนาจของนามสกุล การแต่งงานมันก็คือการลงทุนอย่างหนึ่ง” พี่แทนสบตาผม เหมือนแกจะดูออกว่าผมไม่เข้าใจ “ก็คือแต่งงานกันเป็นการเมืองน่ะ เพื่อเชื่อมครอบครัวเข้าหากัน แบบเตี่ย กับคุณแม่ นึกออกมะ?” ผมพยักหน้าตามช้าๆ “ซึ่งจริงๆแล้ว  เมื่อต่างฝ่ายต่างแต่งเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แล้วทีนี้ ลูกหลานล่ะ? ใครจะอยู่ฝั่งใคร”

ผมตั้งใจฟังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“จริงๆบอร์ดน่าจะเป็นของเขาไปนานแล้วล่ะ เพราะเตี่ยแกเชื่อใจพี่ท๊อปมาก ถ้าไม่ติดว่าแกดันไปมีคดีความยาวเป็นหางว่าว เลยหลุดจากบอร์ดไปช่วงใหญ่ๆ”

“ฆ่ากันเหรอ?”

“จะบ้าเหรอ! เรื่องส่วนตัวโว้ย จะรู้ไปทำไม”

ผมหรี่ตาใส่คำพูดนั้นโดยไม่รู้ตัว

“พี่...ผมถามหน่อยสิ”

“อะไรเหรอ?”

“พี่คิดจะไปแย่งเก้าอี้ประธานบอร์ดกับเขาด้วยไหมครับ?” 

“โตขึ้นนะเรา” พี่แทนยิ้มแล้วพยักหน้าเชิงยอมรับ แต่ไม่ยักจะตอบ

“พี่ครับ....ถ้าพี่ได้เป็นประธานเมื่อไหร่  พี่ต้องพาผมไปเล่นเอ้าท์ดอร์บนระเบียงชั้นเพนท์เฮ้าส์ ห้ามลืมนะ” ผมตัดบทด้วยมุกเลวๆเพื่อให้บทสนทนาคลายเครียดลง

“อย่างงี้อีกและ! เดี๋ยวจะฝากไอ้เปรมเฝ้าไว้ กลับมาถ้าดื้อนะ โดนแน่” ผมแทบจะสำลักน้ำตอนที่ได้ยินชื่อพี่เปรม

“ครับ! กลัวแล้วครับ!” ฝากผมไว้กับพี่เปรม! เจริญพรเถอะ! “พี่แน่ใจเหรอว่า..”

“พอเหอะ...มันไม่ใช่เรื่องของเรา เข้าใจไหม?” พี่แทนโบกมือปัดคำพูดของผมทิ้งกลางอากาศ

“ทำไมอ่ะ!” ผมยังถามต่อ

“พี่ไม่อยากให้เอ็มเปลี่ยนไป อยากให้เป็นแบบนี้ไปนานๆ” ผมเลิกคิ้วให้กับคำว่า ‘เป็นแบบนี้’ ของพี่แก

“แบบนี้คือแบบไหนอ่ะพี่?”

“แบบเนี้ยยยยย!” พี่แทนขยี้หัวผมแรงๆ ผมปัดมือเขาออก

“แบบนี้ดีกว่าครับ” ผมพูดไปพร้อมกับเชิญชวนด้วยการเอื้อมมือไปวางไว้ที่ต้นขาของเขา “กลับกันเถอะครับ คิดถึงจะแย่แล้ว” พี่แทนเปลี่ยนสีหน้ากะทันหัน ถอนหายใจอย่างผิดหวังใส่ แล้วดึงมือผมไปกุมไว้บนโต๊ะ “คืนนี้พี่ต้องกลับบ้านแม่น่ะ” ผมแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“โฮ้ยยยยยยย” อยากจะฝังหน้าตัวเองลงไปกับโต๊ะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป นี่ผมไปโดนคำสาปอะไรมา หรือเวรกรรมที่ชอบไปรังแกไอ้นนท์ไว้มันกำลังตามสนองอย่างนั้นหรือ อะไรมันจะมานกติดต่อกันทีสองทีวะ จะจัดให้หายคิดถึงก่อนไปฝรั่งเศสซักหน่อย แค่พี่แกบินหนีไปไกลครึ่งซีกโลกก็ทำเอาผมหวิวไปแล้วครึ่งใจ อย่างงี้จะมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ยังไงวะเนี่ย

   __________________
   
สุดท้ายก็เป็นอีกวันที่นั่งซื่อบื้ออยู่ที่ห้อง ยิ่งเล่นโซเชี่ยลยิ่งพาให้เซ็ง เห็นคนเค้าถ่ายรูปกับแฟนแล้วยิ่งเหงา ว่าแล้วก็โยนตัวเองใส่เตียง นั่งนึกเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อย ไร้จุดหมาย ทำไมต้องเกิดมาเป็นคนแบบนี้วะ อยู่คนเดียวไม่เป็นเนี่ยแม่งไม่สนุกเลย เพราะอะไรนะเหรอ เพราะมันว้าวุ่น อยากหันไปแล้วมีคนให้กอด ให้ด่า จะคนหรือผีก็ได้นะนี่พูดจริงๆ ว่าแล้วมือก็เลื่อนไปเปิดไลน์ ปัดหาชื่อคนที่คุ้นหน้าบ้าง ไม่คุ้นหน้าบ้าง บางคนคุยกันได้คำสองคำก็เบื่อ บางคนก็ไม่ยอมตอบ ไปจนถึงบางคนมาถึงก็ถามเลยว่า ‘เท่าไหร่’ พอตอบไปว่า ‘ฟรี’ แม่งก็เสือกหายหัวไปซะอย่างนั้น

“เป็นเหี้ยอะไรวะ” ผมลั่นขึ้นมาคนเดียว เมื่อบัตรเครดิตซึ่งเปรียบเสมือนลมหายใจของผม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นลมหายใจที่อุปการะคุณโดยนายแทนไท อยู่ดีๆก็ขึ้นข้อความในระบบ ว่าโดนระงับรวดเดียวพร้อมกันหมด 6 ใบ หมดกันชีวิต ไหนจะค่าหอไหนจะค่ากิน ผมกดโทรหาพี่แทนซึ่งไม่มีวี่แววว่าจะรับสายเพราะน่าจะอยู่บนเครื่องบิน ชิบหาย เงินสดมีอยู่ 20 บาทถ้วน จบกันชีวิต ดีนะยังไม่ได้ไปชวนใครออกไปไหนให้เดือดร้อน

สภาวะไม่มีจะแดกเป็นอะไรที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมานานมาก ก่อนหน้านี้ที่อยากได้อะไรก็รูดบัตรลื่นพริ้วไปหมด กี่ใบๆวงเงินก็ไม่เต็ม เสื้อผ้าหน้าผมไปยันของเล่นบ้าๆบอๆเต็มห้อง ตอนนีต้องตื่นเช้ามากินมาม่าประทังชีวิต ซึ่งเอาจริงๆก็ไม่เลวเลยนะ เพราะแม่งอร่อย

“พี่แทนไม่ตอบอะไรกูเลยว่ะ” ผมบ่นไปพลางคุ้ยถุงเซเว่นที่ไอ้หญิงซื้อมาฝากด้วยความเวทนา
“น่าจะอีกหลายชั่วโมงอ่ะมึง” แบงค์ตอบขณะที่มันมาเป็นคนขับรถให้พวกผมสองคนที่นั่งเป็นเจ้านายจิกใช้มัน
“กูไม่อยากไปทำงานอ่ะ....”
“อีเอ็ม! แค่ผัวไม่อยู่ หยุดงองแง” ไอ้หญิงหันมาด่า “กูไม่มีผัวกูยังอยู่ได้เลย!” แล้วประกาศความสตรองของมันขึ้นมา
“กูเหงา....”

“พี่ปิงของมึงอ่ะ” ไอ้แบงค์คนขับรถถาม
“ใครวะพี่ปิง?” ผมงง
“ที่เค้าตื้อมึงอ่ะ ที่มึงด่าเค้าที่ร้านเหล้าอ่ะ”

“นั่นพี่ปาร์ก ไอ่ห่า”
“พี่ปิงนั่นคนก่อนโน้น” หญิงแทรกขึ้นมา ผมทึ่งในความจำของมันมาก จนต้องหันไปทำหน้าเหวอแล้วตบมือให้ดังๆ “ไม่ต้องเลย! แทบจะได้กันตรงระเบียงห้องกู กูคงจะลืมลงหรอก!”
“คนไหนนะที่เคยหึงกูอ่ะ” แบงค์ถามต่อ “ที่นึกว่ากูเป็นเมียมึงอ่ะ เหี้ยสัสๆ”

“เอ่อ....” ผมนึก

“ไอ้เก้า เด็กเภสัช” ไอ้หญิงตอบอีกครั้ง ผมกับไอ้แบงค์สบตากันด้วยความประทับใจ

“มึงชักจะน่ากลัวแล้วนะอีหญิง” ผมพูดด้วยความสัตย์จริง พร้อมกับยัดขนมปังเข้าปาก ยังดีที่เราเข้าเวรรอบบ่ายโมง อันที่จริงพวกเราไม่ได้รับงานอะไรเพิ่มขึ้นอีกเลยหลังจากเหตุการณ์อุกอาจที่ลานจอดรถ การที่ได้ชื่อว่าเป็นกิ๊กป๋าแทนนั้นถึงแม้จะโดนจิกกัดเป็นระยะและเสี่ยงตีน แต่นั่นอาจจะทำให้ไม่อยมีใครอยากทำงานกับพวกผมซักเท่าไหร่ ซึ่งก็ถือว่ายื่นหมูยื่นแมวแล้วกันวะ

ผมกับไอ้หญิงเดินเข้าไปเพื่อที่จะให้ พี่ขวัญ หัวหน้าเด็กฝึกงานคนใหม่เห็นหน้าค่าตาพอเป็นธรรมเนียม แล้วก็กำลังจะเดินออกไปร้านกาแฟด้วยความที่ตารางงานว่างเปล่า แต่โดนเบรคไว้ซะก่อน

“คนนี้คือน้อง ธนภพ ใช่ไหมคะ?” เธอถามผมด้วยท่าทีสุภาพ
“ครับพี่”
“มีจดหมายมาถึงน้องน่ะค่ะ” แล้วก็ยื่นซองสีน้ำตาลที่ไม่ได้จ่าหน้ามาให้
ผมกับไอ้หญิงสบตาโดยพร้อมเพรียงเหมือนรู้แน่วแน่ด้วยกันว่าแม่งต้องไม่ใช่เรื่องดี

“เรียน นาย ธนภพ วงวิเชียร ถึงการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อพนักงานด้วยกัน คือ นางสาว ชุติมนต์ ปิยะอำนวย อันเป็นการนำพาให้เสียชื่อเสียงของโรงแรม เมื่อวันที่...” ไอ้หญิงอ่านออกเสียงให้ทุกคนฟังในรถ “ได้แก่การข่มขู่กรรโชก และทำร้ายร่างกาย ทำให้ทางบริษัท ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงโดย....อีเหี้ย! เอ็ม! มึงดูลายเซ็น!”

“กูอ่านไม่ออก...”
“อ่านข้างล่างสิอีควาย ภาคินทร์ เดชะประเสริฐสุข ต้องเป็นพี่เปรมกับเมียมันแน่ๆ! มันเล่นมึงแล้ว! โอ้ยยยย กูไม่น่าเล่นอีหุ่นเหี้ยนั่นเลย!”
“ชุติมนต์นี่ใครวะ?”
“อีตูนไง!”
“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย แถมมันตบมึงก่อนด้วย!!” ผมตอบเสียงดัง

“มึงต้องขึ้นไปชั้นสิบเอ็ดตอนบ่ายโมงครึ่ง เอ็ม บอกกูทีว่ามึงไม่ได้จะถามหาความถูกต้องกับพวกเหี้ยนี่ อย่าให้กูมองมึงโง่ไปกว่านี้”

“กูโทรหาพี่แทนก่อน” ผมจะลุกออกไปจากรถ แต่ไอ้หญิงดึงไว้ “พี่แทนช่วยอะไรมึงไม่ได้หรอก นี่อีกห้านาทีจะบ่ายโมงครึ่งแล้วนะมึง”

“งั้นก็ให้แม่งไล่กูออกดิ! ช่างแม่ง! พวกเหี้ย!”
   ___________________________

ขอขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆนะค้าาา บางตอนอาจจะมาติดๆกันด้วยเรื่องชวนหัวไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณที่ติดตามกันน้า

แต่ไรท์ยังยืนยันว่าจะไม่บอกนะคะว่าใครคือพระเอก อิอิ
:z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ ooomukooo

  • AngieAngel
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
    • AngieAngel
เอ็มโดนอีกแหละ

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
 :ling1: :z3: :z10: กลัวท็อป :ling3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปัน เปรม ร่วมกันเล่นงานเอ็ม หรอ :katai1: :katai1: :katai1:
แทน ตั้งใจเลิกกับเอ็ม หรือมีใครอยู่เบื้องหลัง
บัตรเครดิต ถึงถูกยกเลิกทุกบัตร
ธีนพ ช่วยเอ็มได้หรือไม่นะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอ่อล้น้อ. แค่ฝึกงานยังวุ่นวายขนาดนี้เนาะเอ็ม
ปีชงเหรอเรา รอพระเอกตัวจริงมาช่วยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด