I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)  (อ่าน 18273 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


___________________________

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2017 01:49:11 โดย Kanom »

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
บทนำ



“พี่ครับ ผมขอโทษ”

“อย่าร้องไห้เชียวนะ...” เขากัดฟันพูด และนั่นคือสาเหตุที่ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“ฮึก...พี่ ผม…” พูดไม่ออก ไม่ใช่ท่ามกลางสายตาคนเป็นร้อยในสนามบิน “ขอผมกอดพี่อีกซักครั้งได้ไหม...”

“ไม่...เอ็ม ถอยไป อย่าเห็นแก่ตัว!” ถูกปฏิเสธ แต่ผมพยายามเข้าไปคว้ามือเขาไว้

“ฮือออ...พี่ ผมขอโทษ ทุกๆอย่างเลย ฮึก...พี่อยากให้ผมทำอะไร! ผมยอมพี่ทุกอย่าง...ผมขอโอกาศอีกสักครั้งได้ไหม” ผมไม่ได้มีความตั้งใจว่าจะเล่นใหญ่ ไม่ใช่คนทัศนะคติในแบบที่จะสามารถยืนเกาะแขนใครสักคน แล้วอ้อนวอนเหมือนใจจะขาดเพื่อขอความเมตตา แต่มันเกิดจากความที่สติแตก คือสติได้แตกสลายไป ส่งผลให้ร่างกายถูกตัดขาดจากการควมคุม ผู้คนรอบข้างไม่ต่างอะไรกับอากาศธาตุ มองไม่เห็น ไม่รู้สึกถึง

“เลิกต่อรองได้แล้ว” เขาไม่สบตาผมด้วยซ้ำ...

“ผมจะอยู่ต่อไปยังไง...”

“พี่สัญญาแล้วว่าจะดูแล”

“ผมไม่ได้หมายถึงเรืองเงิน!” คำพูดของเขามันแย่เสียยิ่งกว่าโดนทำร้ายร่างกายเสียอีก “ผมรักพี่....ผม”

“ก่อนทำทำไม่ไม่คิด?”

ชายหนุ่มตรงหน้าที่ยืนชิดกำแพงเบือนหน้าหนี ไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย เขาดูพร่ามัวจากน้ำตาจนผมกลัวว่าเขาจะเลือนหายไปเสียจากตรงนั้น พูดไม่ออก ไม่ใช่เพราะอายคน แต่เพราะผมคือคนผิด ผมคือคนที่ทำมันพัง และผมจะไม่มีวันลืม

   
“ขอผมโทรหาได้ไหม..”
   
“เอ็ม...เกทเปิดแล้ว พี่ต้องไปแล้ว” เขาคว้ากระเป๋าเดินทางข้างกาย
   
“ฮึก....ฮือออ...ผมรู้ว่าผมผิด ผม”

   
“ไม่หรอก พี่นั่นแหละที่ผิด” เขาแทรกขึ้นมา

   
ผมเงยหน้าขึ้นมอง

   
“ผิดที่ไปให้โอกาศคนแบบเอ็มตั้งแต่แรก”


   
______________________




1.

 “พี่ครับ... มันมีกล้อง...รึเปล่า...อื้ออออ...” ผมเตือนสติคนที่กระหน่ำซอยจากข้างหลัง แต่ก็ไม่ได้ออกอาการขัดขืนแต่อย่างใด

“ไม่มี ห้องเตี่ยจะมีกล้องได้ไงวะ...อา.... เถิบขึ้นไปอีกหน่อยดิ๊...พี่ไกล้แล้ว”

“อื้ออ....มีก็เสียวดีนะพี่...พาผมเล่นท่าโชว์หน่อยดิ...โอ้ยยย” ผมอยู่ในท่าด๊อกกี้ ที่ขาข้างหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงาน กับอีกคนที่เร่งจังหวะกระแทกเข้ามา จนข้าวของเริ่มหล่นกระจาย เอกสารกองเล็กๆปลิวลงไปที่พื้นทีละแผ่น นั่นเอกสารสำคัญหรือเปล่าวะ...แต่ผมไม่มีอารมจะใส่ใจ โอ้ยย ช่างแม่ง

“เอ็ม..อย่าพูดอย่างนั้นดิ....ซี๊ดดด...โอยย...” แรงกระแทกจากด้านหลังผ่อนลง เป็นจังหวะช้าๆเน้นๆ ก่อนจะค่อยๆดึงออกไป ผมหลับตาลงหลังจากหอบหายใจมานาน แล้วก็ถูกจับให้พลิกตัวกลับไปหา คนข้างบนโน้มตัวลงมาเราจูบแลกลิ้นกันอยู่พักใหญ่จนเกือบหมดลม


“ทำไมพี่อึดขึ้นวะ....”

“พี่อึดตลอดอ่ะครับที่รัก”

“ผมไมได้ว่าวมาหลายวันเหอะ...พี่นั่นแหละ แตกตอนผมบอกว่ามันมีกล้อง ...ทำไมอ่ะ...อยากโชว์เหรอ..สารภาพมาเลย” ผมแหย่เล่น


“แตกก่อนไม่มีสิทธ์พูดนะครับน้อง!” ตอบไปพลางเอามือตีต้นขาผมเบาๆแล้วบีบเค้นแรงๆ จนผมรู้สึกถึงความเหนียวบางอย่างระหว่างขาตัวเอง....


“เดี๋ยวดิ๊...พี่แตกในผมเหรอ...”


“เออ...โทษที คิดถึงอ่ะ”


“ไม่เกี่ยวกับคิดถึงเลยพี่!...” ผมส่ายหน้า เลอะเทอะชิบหาย


“เห้ย!...จะหมดพักเที่ยงแล้วนี่หว่า” ผมพูดไปพลางลุกออกจากโต๊ะ จัดการทำให้ตัวเองเข้าที่เข้าทาง ควานหาเสื้อผ้าบนพื้นแล้วเริ่มแต่งตัว ส่วนอีกคนแค่ดึงกางเกงขึ้นรูดซิบ จัดแจงผมเผ้าแล้วสวมเสื้อแจ็คเก็ททับเสื้อผ้ายับยู่ยี่



“กลับด้วยกันนะวันนี้”



“ได้ครับ” ผมตอบ


“เดี๋ยวพี่โทรหานะ”


“กี่โมงอ่ะพี่...” ผมเปิดมือถือดูนาฬิกา


“ทำไม..จะไปไหนเหรอ”


“ป่าววว อยากรู้เฉยๆ จะได้เตรียมตัวไง”


“แน่ะ....บอกมา นัดใครไว้ป่าวเนี่ย!” พูดไปแล้วก็ขยับตัวเขามาไกล้

“ไม่มี!...โห่พี่อ่ะ ผมไม่ถามแล้วก็ได้ โทรมาและกันพี่” ผมหันไปจูบริมฝีปากคู่นั้นเบาๆ ก่อนจะเดินเปิดประตูออกไปสู่ห้องโถงที่มีโต๊ะทำงานของเลขานุการประธานบริษัท พี่เจี๊ยบ มองจิกผมผ่านแว่นด้วยหางตา ตั้งแต่หน้าห้องประธานไปจนถึงประตู้ทางออกเพื่อไปที่ลิฟท์ ผมกดลิฟท์ลง แล้วยืนรอ มองไปทางไหนก็มีแต่ผนังหินอ่อน...และพี่เจี๊ยบ สิ่งมีชีวิตเดียวที่อยู่รอดได้ในความเย็นเยือกของชั้น 23 ผมคิดว่าที่ท่านประธานของเรานั้นสุขภาพไม่ค่อยดีอาจเป็นเพราะแกสบตากับพี่เจี๊ยบทุกวัน แล้วก็โดนป้าแกโดนดูดวิญญาณออกไป


“เอ็ม!...” ประตูห้องประธานเปิดออก


“คุณแทนไทคะ! ไหนบอกอาทิตย์นี้อยู่ฝรั่งเศส!” พี่เจี๊ยบหันไปมองสีหน้าตกใจเล็กๆ สักพักแกมองมาทางผม มองผมสลับกับพี่แทน แล้วค่อยๆนั่งลง จิกผมด้วยสายตาพิพากษาขั้นสูงสุด ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามทำหน้าตาให้ไร้เดียงสาเข้าไว้


“อ๋อ...เอ่อ...” พี่แทนยืนคิดสักพัก ตอนที่เราสองคนป้อล้อกันเข้ามาในห้อง พี่เจี๊ยบแกคงลงไปพักเที่ยง พอกันทั้งคู่ครับ ต่างคนต่างไม่มีใครเตือนใคร

“เอ่อ...พอดีมธุระด่วนมากอ่ะครับ ผมเลยกลับมาก่อน เตี่ยแกมีเรื่องให้ช่วยนะครับ เดี๋ยวผมสั่งงานน้องเค้าแป๊ปเดียวก็ไปแล้วครับ” พี่แทนบอกไปพร้อมกับรีบเดินหนีออกมาตรงที่ผมยืนอยู่

“นี่...” พี่แทนส่งป้ายชื่อให้ผม ในระยะประชิด พยายามบังไม่ให้พี่เจี๊ยบเห็น
“เออ! ลืม” ผมคว้าป้าย ‘นักศึกษาฝึกงาน’ ของตัวเองมาสวมที่คอ
“เกือบไปแล้วมั้ย! เตี่ยมาเห็นนี่งานงอกเลยนะ...” พี่แทนกัดฟันพูดกับผมเบาๆเป็นเชิงดุ
“พี่อ่ะถอดแล้วชอบเขวี้ยงทิ้ง... เออแล้วที่โต๊ะมันเลอะนะ พี่เช็ดด้วย” ผมเถียง ขณะที่พี่แทนอ้าปากพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง ผมเห็นด้วยหางตาถึงใครบางคนที่เดินเข้ามาหาเราสองคน


   !!!


“เดี๋ยวเจี๊ยบไปส่งน้องเองค่ะ...” พี่เจี๊ยบแทรกขึ้นมา เราสองคนสะดุ้งเบาๆแต่พยายามเก็บอาการไว้ ผมพยายามอย่างยิ่งจะไม่สบตาใคร ก่อนที่พี่เจี๊ยบจะอ่านป้ายชื่อ แล้วมองหน้าผมอีกรอบแล้วไม่พูดอะไรอีก

“เอ่อ... ก็ดีครับ เอ่อ... งั้นไปกันก่อนนะ เดี๋ยวผมตามไป” พี่แทนพูดขึ้นก่อนจะเดินเลิกลั่กเข้าห้องไป ผมพยักหน้าให้พี่แกรีบๆเดินเข้าห้องไป...เช็ดโต๊ะด้วยนะพี่!...ผมได้แต่กะโกนตามไปในใจ


ติ้ง...


เราสองคนเดินเข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน ผมเล่นโทรศัพท์มือถือไปพร้อมกัดริมฝีปากตัวเองแบบไม่รู้ตัว พี่เจี๊ยบทำให้อากาศในลิฟท์เย็นขึ้นเป็นเท่าตัว ก่าจะถึงชั้นของผมก็ยืนจนขาแข็งพอดี ผมเดินออกมาจากลิฟท์ ยกมือไหว้พี่เขา จริงๆก็เป็นป้านั่นแหละครั้บ แต่ใครมันจะไปกล้าเรียก


   “ขะ....ขอบคุณครับ..”

   “หนู..วันหลังจะเข้าพบผู้บริหารคนไหน หนูต้องนัดผ่านเลขานะคะ แล้วต้องลงชื่อด้วย ถึงผู้บริหารแกอาจจะลืม แต่พนักงานลืมไม่ได้นะคะ เป็นนโยบายค่ะ” พี่เจี๊ยบท่องโพลิซีบริษัทใส่ผมด้วยความเร็วและแม่นยำแบบหุ่นยนต์

“อ่า...ครับ...ผมขอโทษนะครับ” ผมยกมือไว้ป้าแกอีกรอบ จนลิฟท์ปิด ผมกลับมายืนอยู่ที่ชั้นของตัวเอง
ครับ ผมเป็นเด็กฝึกงานของโรงแรมหรูขนาดใหญ่ใจกลางเมือง หน้าที่ของผมก็มีแค่เป็นพนักงานต้อนรับ แล้วก็พวกงานบริการ เสริฟ เก็บโต๊ะ ล้างจาน คืออะไรก็ตามที่เขาใช้นั่นแหละ นั่นคือที่ในใบสมัครของผมเขียนไว้นะครับ จริงๆแล้วไม่ได้ทำอะไรซักอย่างนอกจากเข้าๆออกๆโรงแรมกับพี่แทน...นั่นแหละครับ พี่แทนเป็นหนุ่มขาวตี๋ แบดบอย มาดผู้ดี ปากหวานแถมยังกระเป๋าหนัก แกเป็นลูกคนเล็กของบ้านแก คุณพ่อแกถือหุ้นใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายที่ รวมไปถึงธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมแห่งนี้ มีน้องสาวอีกคนเป็นคนเล็กสุด มีพี่ชายอีกสองคน หรือสามวะจำไม่ได้


ไม่ต้องคิดมากครับ เรารู้จักกันมาก่อนที่ผมจะเข้ามาเป็นเด็กฝึกงานที่นี่ ผมไม่หาญกล้าขนาดไปจับลูกท่านประธานหรอก เราเจอกันครั้งแรกหลายปีก่อนหน้านี้ ในวันที่ผมอยู่ในสภาพย่ำแย่ ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินนะครับ...โอเค มันก็มีบ้าง แต่หลักๆแล้วมันเป็นเรื่องอื่น... มันเป็นโอกาศให้เราสองคนได้คุยเล่นกันแบบ “พี่น้อง” มาได้พักใหญ่ๆ บวกกับความแซ่บชนิดที่ลืมไปเลยว่าเคยไปได้กับใครมาของพี่แทน จนกระทั่งมาถึงจุดนี้กันโดยที่ต่างคนต่างก็ไม่มีใครทักท้วงอะไร


โดยที่ไอ้สถานะที่ชื่อว่า “จุดนี้” เนี่ย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือะไร

หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเมื่อครู่ ผมเดินหลบๆออกไปหาอะไรกินจากตอนเที่ยงที่ไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลย เดินผ่านภาพถ่ายของใครบางคนบนผนังของห้องโถงทางออกจากตึกด้านหลัง อ่านชื่อและตำแหน่งเขา พลางก็นึกไปว่าตัวเองเพิ่งจะขึ้นไปเย่อกับลูกชายเขามา จะว่ารู้สึกผิดไหม ก็ไม่ถึงกับรู้สึกว่ามันผิด แต่บอกใครไม่ได้ เรื่องที่ไม่ได้ผิดแต่ก็บอกใครไม่ได้นี่มันคือเรื่องอะไรวะ...

   
ขากลับจากอาหารเที่ยง ผมเดินเข้าทางประตูล็อบบี้ มีคนกลุ่มใหญ่ยืน นั่ง ออกันอยู่ประมาณหนึ่ง ส่วนมากแต่งตัวภูมิฐาน ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผมเดินหลบเข้าไปหลังล็อบบี้อย่างไว

“ให้ผมช่วยอะไรมั้ยพี่” ผมเอ่ยปากถามพี่ปัน สาวหน้าดุขี้เหวี่ยง หัวหน้าแผนกที่ดูแลเด็กฝึกงานรุ่นผมเอง
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวพี่รับเอง เอ๊ะ... ตอนบ่ายหายไปไหนมา ตอนเค้าบรีฟงานกันพี่ไม่เจอน้องนะ”
“อ๋อออออ... ผม“ชิบหายแล้ว  กูไปไหนดีวะ “ผมลืม...เอ่อ....มือถือไว้ที่บ้านครับ...มะกี้เลยไปเอา” โคตรห่วยเลยไอ้เอ็มเอ้ย...ใครเชื่อก็ควายแล้ว



แล้วพี่ปันมองผมด้วยสายตาไม่เชื่ออย่างที่สุดเท่าที่จะไม่เชื่อได้



“ปัน..ปัน!” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น ช่วยชีวิตผมไว้ ใครคนนั้นคือเจ้หยก เจ้หยกเป็นผู้ชายหวีผมเรียบกับชุดสูทเป๊ะทั้งวัน เป็นเจ้ที่ชอบลวนลามเด็กฝึกงาน แต่ผมไม่ค่อยถือสาหรอก เจ้แกตลกดี ขอแค่อย่าเมาก็พอ 



“อะไรคะพี่” พี่ปันรีบหันไป
“หล่อนเจอคุณธีนพรึยัง” พูดไปพลางเปิดรายชื่อแขกในมือไป เหมือนจะมีงานสัมมะนาอะไรสักอย่าง ที่เขาบรีฟกันแล้วผมไม่ได้มาแน่ๆเลย
“ยัง... ทำไมเหรอ หูยยยย สี่ดาวเลยเหรอพี่” เท่าที่ผมรู้ ไอ้ดาวพวกนี้น่าจะเป็นยศที่แสดงถึงความเรื่องมากของแขก ผมเดานะ บอกแล้วไงว่าผมไม่ค่อยได้ทำอะไร!


“นี่ยังตัวลูกนะแก ดีไม่มากันทั้งแฟมมิลี่ นี่ เมื่อกี้ฉันเข้าไปถามเค้าเว้ย ว่ามีใครแพ้อาหารอะไรหรือเปล่าครับ นี่กูแอ๊บแมนที่สุดแล้วนะมึง....คือนางกำลังจิ้มๆๆ ไอ้มือถือของนางอยู่ นางก็เงยหน้ามามองฉัน แล้วก็ถอนหายใจเว้ย! ไม่พอค่ะ ลุกหนีกูไปเลย!!” เจ้หยกเล่าเรื่องออกรสชาติ ผมยืนฟังไปพยายามเผือกรูปบนกระดาษที่เจ้แกถือไปด้วย คนเชี่ยไรวะคนถามดีๆแม่งจะลุกหนี เค้าอาจจะกลัวเจ้ก็ได้นะ เค้าอาจจะดูออกว่าเจ้เป็นตุ๊ด ในรูปก็หล่อดีนี่หว่า ดูมาดเข้ม ดุๆหน่อย สงสัยจะหงุดหงิดอะไรมา งานบริการก็แบบนี้แหละครับ ต้องไม่คิดมากอ่ะ ทำๆไปเหอะ



“หูยยยย เค้าจะรอดไหมเจ้...หล่อดีนะ แต่สันดานไม่ไหวอ่ะ...”
“เออเอาว่าชั้นไปทำอย่างอื่นดีกว่า ปัน แกหาคนไปประกบนางทีนะ เอาสาวๆสวยๆไปก็ได้เผื่อนางจะอารมดี ชั้นคงจะสวยไม่พอว่ะ”



“เออได้ๆ พอดีเลย น้อง...” พี่ปันหันมาหาผม เจ้หยกก็เช่นกัน...
“ว้ายย...สุดหล่อ พ่อลูกครึ่ง พ่อของนอก พ่อโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ของเจ้” เจ้หยกลูบแขนผมเบาๆพร้อมกับแซว แซวกูซะเป็นหมาเลยนะแหม แต่ก็อดขำไม่ได้นะ


“นี่....เจ้ก็รู้อ่ะนะว่าไม่ใช่เวลา...แต่ขอถามหน่อยเหอะ คือเราน่ะก็เหมือนคนไทยอยู่นะ แบบจีนก็ดี ญี่ปุ่นก็ได้ เกาหลีก็คล้าย แบบดูปนๆกันอ่ะ เราครึ่งอะไรกับอะไรอ่ะ ถามได้ป่ะ”
“คุณแม่เป็นคนจีนครับ คุณพ่อเป็นอเมริกัน” มั้ง... พ่อผมเป็นคนสัญชาติอเมริกันครับ แต่เชื้อชาติเนี่ยไม่รู้จริงๆ
“ต๊ายยย มนต์รักเพริลฮาเบอร์ น่ารักเนอะ” เจ้หยกแซวใหญ่ พี่ปันรีบห้าม “น่ารักห่าไรล่ะเจ้ คนตายเป็นเบือ”
“นั่นมันญี่ปุ่นพี่ ฮ่าๆ” ผมเคยดูหนัง เป็นครั้งแรกที่มีความรู้ รู้สึกภูมิใจ
“พอๆเจ้... นี่เด็กหนู...นี่น้อง เอาใบนี้ไปหาพี่ออยนะ รู้จักใช่ไหม ออยนางงาม ให้นางไปกล่อมแขกหน่อย คนนี้นะ ธีนพ” เจ้ปันเอานิ้วจิ้มที่หน้าในกระดาษ


“ได้ครับพี่ รู้จักครับ พี่ออยนางงาม”


“ดีมากๆ ท่องไปนะจะได้ไม่ลืม” พี่ปันไล่ผมออกจากบริเวณล็อบบี้ ผมกดโทรศัพท์หาเบอร์...ชิบหาย ไม่มี วันที่เขาแจกเบอร์กันผมลืมเม็ม ไลน์ไง กรุ๊ปไลน์ ผมกดเขาไปดูกรุ๊ปไลน์เด้งเป็นร้อยข้อความ ผมพิมพ์ข้อความเข้าไป

   M : พี่ออยคับ พี่ปันบอกให้พี่ประกบแขกชื่อธีนพให้หน่อย เดี๋ยวผมถ่ายรูปให้
   
ผมส่งรูปเข้าไปต่อจากข้อความแล้วเดินไปเรื่อยๆเผื่อจะเจอ เดินถามคนโน้นถามคนนี้ไปเรื่อยๆก็ไม่เจอครับพี่ออยโว้ย  พี่อู้ป่ะเนี่ย
แขกและข้าวของที่ล็อบบี้เริ่มบางตา ผมเดินกลับมา เออ...ไอ้คุณธีนพหายไปแล้วคงเรียบร้อยแล้วล่ะ ผมเดินวนไปมา ไม่รู้จะทำอะไร เลยเดินออกไปสูบบุหรี่ที่ลานจอดรถข้างหลัง



   เจอเลย...เจอเต็มๆเลยกู




   ไม่ใช่พี่ออยนะครับ





   คุณธีนพ...

รึเปล่าวะ...ใช่แหละ แกกำลัง...เอ่อ...หยิบอะไรซักอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วไหนวะพี่ออย ยังไงดี ผมควรทำอะไรสักอย่างใช่ไหม แน่นอนครับด้วยความที่ผมเป็นเด็กฝึกงานที่ผ่านการอมรมมานับร้อยชั่วโมง เวลาแขกทำท่าจะสูบบุรี่ เราต้องเดินไป...



   จุดไฟแช็ค....












ใส่ผ้าเช็ดหน้าเขา....


“เห้ย!”

เกือบครับ ใช้คำว่าเกือบ ดีนะผมเห็นตอนดึงออกมาแล้วว่าไม่ใช่ แต่ภาพที่ออกมาก็ทุเรศลูกตาใช้ได้ คนหนึ่งดึงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา คนหนึ่งจุดไฟแช็คยื่นไปใส่หน้าเขา

“ขอโทษครับพี่! โดนอะไรรึเปล่าครับ” ไอ้คำพูดที่อบรมมาหายหมด ไม่ได้กลัวไหม้ผ้าหรอกครับ กลัวไหม้แขนแม่งนี่แหละ ชิบหาย คุณธีนพ กูโดนแล้ววววว ข้อหาพยายามฆ่าแขก โคตรโหด 


“อะไรของคุณวะเนี่ย!”

“ผมนึกว่าคุณออกมาสูบบุหรี่ครับ ขอโทษที”

“...แต่ละอย่าง...” คุณธีนพเช็คความเรียบร้อยบนเสื้อผ้าตัวเองแล้วบ่น ผมขอโทษครับ ผมขอโท๊ดดดดดด

ผมทำได้แค่ยืนมึนงงอยู่ตรงนั้น จะวิ่งหนีไปก็ดูจะใจหมาเกิน จะว่าไปแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรเสียหาย เอาจริงๆก็คือผมยืนรอฟังเค้าด่านี่แหละ 

“......” หลังจากที่เขาปัดโน่นนี่ของเขาเสร็จ เขาหันมามองผมที่ยืนโง่ๆรออยู่ เรายืนสบตากันช่วงเวลาหนึ่ง เออ...เค้าหล่อนี่กว่า คิ้วเข้ม จมูกโด่ง หน้าตาเอาเรื่องดีชะมัด เสียงก็ดี หุ่นก็ดี ดีนะกูไม่ไปจุดไฟใส่เขา เดี๋ยวๆครับ เดี๋ยวมันชักจะแปลกๆ ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมไปดีกว่า

“เอ่อ...ผมขอตัวก่อนนะครับ...เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะครับ” ผมยกมือไหว้แล้วเดินถอยออกมา เขาแค่มองหน้าผมคิ้วขมวดเล็กๆ แม่งคงด่าพ่อล่อแม่ผมในใจอยู่ ผมถอยออกมาในระยะหนึ่งแล้วหันหลังเดินไป


“เดี๋ยวน้อง!”

“ครับ”

“มีบุหรี่มั้ย”

“เอ่อ...มีครับ มีของผมเองนะครับ”

“ไม่เป็นไร ขอตัวนึงสิ”



ผมล้วงไปหยิบบุหรี่ในกระเป๋า เดินกลับไปส่งให้ แล้วหยิบไฟแช็คขึ้นมา



”ไม่ต้องครับ ผมยังไม่สูบตอนนี้ ขอบคุณครับ” พี่แกเก็บบุหรี่เข้ากระเป๋าแล้วก้มลงกดมือถือต่อ


“เอ่อ...ครับ” ผมยิ้มแห้งๆงงๆแล้วเดินออกมา...

   
คนอะไรวะขอบุหรี่แล้วไม่ขอไฟแช็ค...

ถ้าไม่รีบทำไมมึงไม่ออกไปซื้อวะ ในโรงแรมก็มี....

มึงงกขนาดไถบุหรี่เด็กฝึกงานเลยเหรอวะ...

หรือเค้ากวนตีนกูวะ...




ไหนใครวะ บอกทำงานบริการไม่ต้องไปคิดมาก....

_______________________________________________

แฮร่ เพิ่งสมัครมาใหม่เลยค่า ยินดีที่ได้รู้จักกันน้าาา  :oo1:

ขอ edit แก้ชื่อเรื่องนะค้า แล้วขอใส่เรทไว้หน่อยนะคะ เดี๋ยวเด็กๆเข้ามาไม่ได้ตั้งตัวจะตกกะใจ  :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2016 19:52:07 โดย Kanom »

ออฟไลน์ PingPong_Hunlay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
:jul1: :jul1: นายเอกแซ่บมาก

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
2.


“เอ็ม... เอ็ม... เหม่อไรอ่ะ” พี่แทนเขย่าแขนผมเบาๆ บนรถ
“เปล่าพี่..ผมง่วง เมื่อเช้าเข้าประชุมเด็กฝึกงาน เช้าชิบหายเลย” ผมพูดไปพลางหลับตาพิงเบาะหนังของรถยนต์ส่วนตัวราคาแพง
“โถๆ น่าสงสาร...งั้นวันหลังไม่ต้องเข้าแล้ว เดี๋ยวพี่จัดการให้” พี่แม่งขยี้หัวผมเล่น พี่ครับอย่าตามใจผมสิ เดี๋ยวผมเสียนิสัยหรอก
“ขอบคุณคร้าบบบบบ” เห็นไหมเนี่ย
“วันนี้ผมกลับคอนโดพี่นะ” ผมหันไปอ้อน เอาหน้าวางซบลงบนไหล่ที่มีกลิ่นน้ำหอมจากเสื้อชวนให้เคลื้ม
“พี่ก็ไม่ได้จะไปส่งที่หอซะหน่อย..”
“เออ..ผมก็พูดไปงั้นแหละ” ผมหัวเราะ ก่อนจะเลื่อนหน้าขึ้นไปแถวซอกคอ “หอมอ่ะ...ขอหอมได้ป่ะ”
“ไม่เอาตรงนั้นดิครับ เอาตรงนี้” พี่ดึงเน็กไทด์ให้ผมก้มลงไปต่ำ แล้วกดหัวผมลงไปที่เป้า..นั่นแหละครับ เป้าหมาย ผมไม่รอช้ายื่นมือไปค่อยๆปลดเข็มขัด แล้วรูดซิบลง ยังไม่ทันได้แตะต้องส่วนไหนก็เริ่มแข็งตัวซะแล้ว แล้วขณะที่ผมกำลังสอดนิ้วเข้าไปดึงกางเกงในนั่นเอง

เสียงโทรศัพก็ดังขึ้น

“ใครว้า...” ผมเงยหน้าขึ้นมา กลับเข้าที่นั่งเพื่อมองดูหมายเลขบนหน้าจอด้วนความประหลาดใจ ก่อนที่จะรับโทรศัพท์
“เออหวัดดี....”
“เอ็มป่าวอ่ะ..”
“เออกูเอง ก็นี่เบอกู”
“เออ...วันพรุ่งนี้มากินข้าวันเกิดพ่อกัน ตอนค่ำๆ เอ็มว่างป่าว”
“อ่า...ไม่แน่ใจว่ะ เดี๋ยวกูบอกได้ป่ะ”
“แม่อยากให้มานะ..ถ้าว่างก็มาเหอะ”
“เออๆ...เดี๋ยวกูบอก แค่นี้นะ” ผมวางสาย คิดหนักเลยกู

“ใครอ่ะ..” พี่แทนถามขึ้น
“น้องผมเอง...ชวนไปกินข้าววันเกิดอาพรุ่งนี้” ผมหอนหายใจแบบเบื่อๆแล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋า
“อ๋อ...อุ่ย....เรื่องนี้ผมจะไม่ยุ่งนะฮะ” พี่แทนแซวเล่น
“ฮ่าๆ ไปดีมั้ยพี่ น้าอยากให้ไปอ่ะ”
“อยากไปมั้ยอ่ะ อยากไปก็ไป”
“เหอะ... ไม่อยากเลย แต่เกรงใจน้าอ่ะ... ผมไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเดือนและ แกบ่นคิดถึง”
“ก็ไปหน่อยสิ เดี๋ยวไปส่งให้ ไม่ต้องค้างก็ได้นะ ก็กินแล้วดึกๆพี่ไปรับกลับหอ” พี่แทนพูดพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าคอนโด
“ไม่ต้องหรอกพี่ มันดึก ไปส่งก็พอครับ...”


เห้อ.. กูคิดถูกมั้ยว้า


“เห้อ....” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะถอนหายใจดังๆ เมื่อผมเปิดประตูห้องเข้ามา
“เจ้าเอ็มมาแล้ว! นี่ๆ เจ้านนท์เถิบให้พี่เค้านั่งหน่อย”
“หวัดดีครับน้า...หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้น้าพินญา แล้วไว้คุณอาส่งๆ
“ไงแว่น...” ผมนั่งลงข้างๆไอ้นนท์ น้องชายที่ไม่มีอะไรเหมือนกันซักนิดกับผม อะไรที่มันเป็นสวรรค์ ผมเป็นนรก อะไรที่มันเป็นนรก ผมเป็นสวรรค์ มันเป็นเด็กเรียนเก่งมาก พูดได้หลายภาษา ยกเว้นภาษาคน อ่านหนังสือปีนึงเป็นร้อยๆเล่ม วันๆอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นก็คือโดนผมแกล้งไปวันๆ ตอนเด็กๆก็ตบกบาลมันแล้วแย่งขนม เอาหนังสือเรียนมันไปวาดรูปเล่น รวมหัวกับเพื่อนเอากางเกงนักเรียนมันไปตัดเป็นขาต่ายๆ ตลกชิบหาย นึกแล้วยังขำอยู่เลย
ส่วนผมเองเป็นคนชอบเล่นกีฬา เล่นดนตรี รักงานปาร์ตี้เป็นที่สุด อ่านหนังสือได้ไม่เกิน 7 บรรทัดต่อปี ชอบเจอผู้คนหลายๆแบบ มีเพื่อนในปริมาณที่เอาไปถมทำทางข้ามคลองพระราม 8 ได้สองรอบ ไปเรียนพิเศษกับมันทีไรผมไม่เคยเข้าไปเรียนเลย แต่รู้จักเพื่อนมันหมด เอาเป็นว่าเป็นคนเฟรนลี่ครับ  แล้วก็....เอ่อ....นอกจากนั้นก็ไม่เก่งอะไรอีกเลย
แต่พอโตมาเราไม่ได้เรียนมัธยมปลายที่เดียวกันเพราะผมโง่กว่ามันมาก มหาวิทยาลัยก็เช่นกัน ก็ยังแกล้งมันอยู่ บาปจริงๆกู มาอาศัยบ้านเขาอยู่แล้วยังจะมาแกล้งลูกเขาอีก แต่ผมก็รักมันนะ รักและเอ็นดู
“อือ...” มันทักผม ..มันได้แค่นั้นแหละ
“นี่! ตั้งแต่ฝึกงานนี่หายไปเลยนะเรา” น้าพินแซว
“งานมันยุ่งครับน้า แต่พอพ้นช่วงนี้ไปก็เบาแล้วครับ” ผมหันไปตอบยิ้มๆ จะว่าไปก็คิดถึงแกเหมือนกัน
“งานอะไร...เสริฟอาหาร? ล้างจาน? เอ็งยุ่งอะไร” อาคชาแทรกขึ้นมา ...นั่นไง ไม่หาเรื่องกันซักวันได้ไหมวะ อาคชาเนี่ยแปลกนะครับ เขาชอบดูถูกแล้วก็ชอบเอาผมไปเรียบเทียบกับไอ้นนท์ หรือไม่ก็กับลูกคนโน้นคนนี้มาตลอด อยากให้ผมอายบ้าง เสียหน้าบ้าง แล้วชอบทำต่อหน้าคนเยอะๆ แต่อย่างหนึ่งที่เข้าไม่เคยเรียนรู้เลยคือ...

ผมไม่อายว่ะ...

ผมไม่อายหรอก ผมรักตัวผมเอง...

คุณนั่นแหละอายที่ผมเป็นแบบนี้...

คุณก็แบกรับไปคนเดียวแล้วกัน...


“ครับ...ก็ ล้างจานบ้าง บางทีก็ขัดห้องน้ำ วันไหนว่างๆผมก็ไปขุดท่อ ทำสวน สนุกดีครับ มีเพื่อนเป็นแรงงานต่างด้าว เขาสอนผมพูด..” ผมพูดกวนตีนไปเรื่อยๆ หันไปมองหน้าไอ้แว่นกำลังอึ้งทำเอาผมเกือบหลุดขำออกมา
“พอๆ!...กูไม่อยากฟัง!” อาคชาตบโต๊ะเสีนงดังลั่น ทำเอามือผมต้องรีบคว้าแก้วน้ำทรงสูงข้างๆตัวโดยอัตโนมติ
“ไม่เอาสิพ่อ เดี๋ยวแม่ก็หัวเสียให้บ้างหรอก” น้าพินหันไปเขม่น
“มองไรแว่น..” นี่ผมเอง หาเรื่องคนอื่น ผมไม่ได้หาเรื่องไอ้แว่นตรงหน้าหรอก ผมหาเรื่องไอ้ลุงที่หัวโต๊ะต่างหาก 
“ห๊ะ....” ไอ่แว่นที่นั่งตรงข้ามกับผมตอบแบบตามอารมณ์คนในโต๊ะไม่ทัน
“เอ็งลุกออกไปเลยไป อย่ามาทำถ่อยๆบนโต๊ะกินข้าว...” คุณอาลุกขึ้นชี้มาที่ผม แล้วโบกมือไล่
“พ่ออ...” คุณน้ายังคงพยายามต่อไป ผมลุกขึ้นทันทีที่แกเอ่ยปาก แล้วเดินออกไปแล้วพูดทิ้งท้าย ชี้ไปที่ไอ้แว่น “ควบคุมอารมณ์หน่อยดิแว่น โตแล้วอ่ะ” ให้มันงงเล่นๆ ..ให้พ่อมันโกรธเล่นๆ



“มึงออกไป ไอ้เด็กห่านี่!” 



ผมลุกออกจากโต๊ะอาหาร ท่ามกลางวันฉลองคล้ายวันเกิดล่วงหน้าของคุณอา เสียงโหวกเหวกของผู้ใหญ่ตีกัน
“คุณอา” หรือ “พ่อ”นั่นแหละ ส่วนแม่ ส่วน “แม่” ก็คือ “คุณน้า” ไงล่ะครับ ใช่ครับผมไม่ใช่ลูกบ้านนี้ไปทั้งหมดทั้งตัว แต่เราเกี่ยวดองกันประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่ของพันธุกรรม แต่ก็มากพอที่กฎหมายจะส่งให้เรามาอยู่ด้วยกัน เด็กๆคนไหนก็ต้องการครอบครัว จริงไหมล่ะ

“เห้อ...เห้อเหี้ยไร!” ผมพูดกับตัวเองไปปัดหน้าเฟซบุ๊คไป ก่อนจะอมยิ้ม... แล้วหัวเราะกับตัวเองเบาๆ เหมือนคนเพี้ยน แล้วส่งข้อความหาพี่แทน


M : คิดถึงจังฮะ


ไม่อ่าน....ไหนบอกจะอยู่คุยเป็นเพื่อนไงวะพี่
ผมเลยตัดสินใจโทรไปหา...



....ไม่รับ....

...น่าเบื่อ!...

   

ผมนอนปัดรายชื่อในแชทไปเรื่อยๆ ใครจะว่างบ้างไหมว้า ข้อความผมค้างเป็นร้อยๆข้อความ กรุ๊ปเพื่อนคุยเล่นกันไปซะครึ่งหนึ่ง กรุ๊ปทำงาน แล้วก็หนุ่มๆทั้งหลายที่ผมไม่ได้ติดต่อกลับไป

   

อีก....

   
   
เอ...คนนี้ตอบไวดีนี่หว่า ผมจำได้


M : หวัดดีฮะ


“ออกจากบ้านดึกๆที่บ้านไม่ว่าเหรอ” พี่ปาร์คเอ่ยปากถามขณะที่เราเดินเล่นกันอยู่หน้าโรงหนัง หนังรอบดึกอากาศดีกับเฟรนช์ฟรายด์กล่องใหญ่ๆ ผมก็อารมดีแล้ว พี่ปาร์คเป็นหนุ่มวิศวะ รุ่นพี่ที่มหาลัย เราเจอกันเพราะกิจกรรมคณะ...อ๋อไม่ใช่นี่หว่า เราเจอกันในร้านเหล้า ผมเมาพอประมาณจนพี่แกอาสาไปส่งที่หอ ผมก็ตกลง เรานัวเนียกันในรถแค่พองาม ผมกลับถึงห้องโดยสวัสดิภาพ แล้วเราก็คุยกันแบบพี่น้องกันเรื่อยมา ผมไม่คิดว่าเขาจริงจังกับผม ซึ่งดีแล้วครับ ผมก็ไม่ได้จริงจังกับเขา...

“ไม่หรอก ที่บ้านผมมีแต่คนใจดี” อือ..มีแต่คนใจดี
“โชคดีเนอะ พี่กว่าจะออกมาอยู่หอได้แทบแย่แน่ะ”
“อาผมไล่ผมไปอยู่หออย่างไวเลย พอผมถาม แกก็บอกรำคานหน้าผม ฮ่าๆ” ทำให้มันเป็นเรื่องตลกเข้าไว้ครับ แล้วเราจะผ่านมันไปได้ คิดซะว่ามันไร้สาระ คิดซะว่า...

ถ้าเราทำเป็นไม่สนใจมัน เดี๋ยวซักวันมันก็ต้องหมดความอดทน ซักวันมันก็คงจะหายไปเอง....

“ฮ่าๆ สนิทกันดีเนอะ ที่บ้าน”
“ช่ายพี่...สนิทมาก” สนิทจนบางทีก็อยากเดินไปตบกบาล คิดๆอยู่โทรศัพท์ก็สั่นแจ้งเตือนเข้าความเข้า
“ไปเข้าห้องน้ำดีกว่าพี่ ไปตรงหน้าโรงอ่ะ” ผมเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วทิ้งให้พี่ปาร์ครอที่โซฟาหน้าโรงหนัง

M : คิดถึงจังฮะ
TAN : คิดถึงเหมือนกันคร้าบ

ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าใคร..

M : คิดถึงจังฮะ
TAN : คิดถึงเหมือนกันคร้าบ
M : ฝันดีฮะ วันนี้ง่วงมาก
TAN : นอนเยอะๆนะ อย่ามัวแต่เล่นมือถือ
M : คร้าบบบบ

เห้อ....รู้สึกผิด...ทำไมวะกู


   ______________________________________________________



พี่ปาร์คเลือกหนังผีมาเรื่องนึงตามธรรมเนียมนัดเดท ผมก็จะทำเป็นกลัวครับจะได้นัวเนียกันมันดี จริงๆแล้วผมเป็นคนชอบดูหนังผีมาก ยิ่งหลอนๆตกใจๆยิ่งชอบ มันเป็นความซาดิสม์ส่วนบุคคล

“เมื่อกี้ตกใจป่าว...” พี่ปาร์คเข้ามากระซิบที่ไกล้ๆหู
“อือ...นิดหน่อย” ผมแกล้งจับมือพี่เขาแน่นๆ เสร็จทุกราย...
“โอ๋ๆ... ไม่ต้องกลัวนะ โทษที ไม่รู้ว่ากลัวหนังผีด้วย พี่ก็ไม่ได้ถามก่อน” พี่ปาร์คดึงมือผมเข้าไปไกล้ๆ เอาตัวมาเบียดแล้วกระซิบเบาๆ ทำมาเป็นรุก โถ่...คุณพี่ครับ หน้าตาผมใสๆ ข้างในผมซนใช่เล่นนะครับ
“ไม่ต้องถามหรอกครับพี่ ผมเป็นคน..ง่ายๆ..” ผมหันกลับไปกระซิบกลับบ้าน ไกล้กว่า แนบกว่า ชิดกว่า
“พูดงี้ก็โดนสิครับ” พี่ปาร์คเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อผม แล้วบีบนวดเบาๆไปตามร่างกาย ผมแตะเบรคก่อนดีกว่า ใจจริงไม่ได้ฮีทเลยครับที่ออกมาเนี่ย แค่ความเหงามันครอบงำ รวมกันกับความอยากที่จะประชดชีวิตเล่นๆ

แต่ความเหงานี่แหละตัวดีเลย...

ความเหงา สำหรับผมแล้วมันเป็นอากาศเย็นชนิดหนึ่ง ความเหงาทำให้เราตัวเย็น พอเราตัวเย็น เราก็วิ่งหาของร้อน

แบบที่ผมกำลังทำอยู่นี่ไง...

..........
   ..........
..........
   ..........
..........
   ..........


“วันนี้กลับด้วยกันไหมครับ”
“ไม่ไหวหรอกครับ...พรุ่งนี้ตื่นเช้า...ขอโทษทีนะพี่” 
“เหรอ...พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่ไปส่งได้นะ” พี่ปาร์คยังคงงุ่นง่าน ไม่หยุดพยายาม  ไม่ได้แดกผมหรอกครับ ไม่ก็คือไม่ ไม่ได้อยู่ในมู๊ด โอเคนะพี่?
“อย่าเลยพี่ เดี๋ยวผมโดนไล่ไปดรอป ฮ่าๆ” ผมแกล้งพูดติดตลก
“ฮ่าๆ...ไว้คราวหน้าแล้วกันเนอะ...”
"ครับ...ไว้คราวหน้าแล้วกัน"


________________________________________________

ขอแยกตอน 2 เป็น  พาร์ทนะคะ เดี๋ยวจะยาวเป็นพรืดไป  :really2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2016 12:32:07 โดย Kanom »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
วันนี้ผมมาเข้ารับบรีฟทันเวลาด้วยความภาคภูมิใจ เดินเข้าไปในกลุ่มเพื่อนๆที่ออกันอยู่ในห้องประชุม ที่อยู่หลังล็อบบี้หรูของโรงแรม มันเป็นพื้นที่เล็กๆของพนักงานและเด็กฝึกงาน ระหว่างทางมีคนหลายกลุ่มหันมามอง และผมได้ยินเสียงซุบซิบนินทาพอประมาณ แต่พยายามที่จะไม่คิดถึงมันซะดีกว่า แล้วก็เดินไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนตัวเอง หยิบใบบรีฟของกลุ่มมาอ่าน เอ...กลุ่มประชุมย่อย กลุ่มแรก คุณเบญจามิน คุณวิชัย คุณทศพล คุณธีนพ ผมไล่ไปอ่านชื่อเด็กฝึกงานที่ต้องสแตนด์บายในห้อง...
 
“หื้ม?...หญิง...นี่ชื่อกูเหรอ” ผมหันไปงงใส่เพื่อน
“เออ...มึงเป็นอะไร” หญิงเป็นผู้หญิงปากจัด เป็นเพื่อนสนิทคนเดียวในนี้ที่มาจากคณะเดียวกัน หญิงรู้ทุกเรื่องในชีวิตผมรวมไปถึงเรื่องพี่แทน มันหาที่ฝึกงานไม่ทันเพราะมัวแต่อกหักทะเลาะกับผัวเก่า ผมเลยพามันมาอยู่ด้วย มันเป็นคนที่จะมาพร้อมลุคผมทองกับปากสีแดงสดตลอดเวลา ผมชอบโดนมันด่า ชอบนี่คือชอบจริงๆครับ สนุกดี 

“ทำไมเป็นกูวะ”

“อ้าวก็มึงพูดภาษาอังกฤษได้ป่าว มึงหล่อมั้ง” คนพูดภาษาอังกฤษได้เยอะแยะ แถมไม่เคยไปจุดไฟเผาแขนเขาด้วย
“เออกูแค่อยากให้มึงบอกว่ากูหล่อ...แค่นั้นแหละ” ผมหันไปกวนตีนเพื่อนเล่นๆ โดนให้หญิงส่ายหน้าแบบเอือมระอาใส่ ไม่รู้จะตอบว่าอะไร


....


“ว่างมากก็ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่ามั้ง....” อีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา ไม่ใช่คนที่ผมสนิทด้วยแน่ๆ ผมหันไปมองต้นเสียง เป็นพนักงานรุ่นพี่ที่ผมไม่คุ้นหน้า
“มึง!... เบาๆ……เดี๋ยวมันก็เอาไปฟ้องป๋ามันหรอก...”
“ใคร กูไม่ได้ด่าใครซักหน่อย กูด่าเพื่อนกู!” สองสามคนนั้นหัวเราะกันคิกคัก ทั้งๆที่เห็นว่าผมมองอยู่ แล้วก็พากันเดินออกไป ผู้หญิงคนสุดท้ายสบตาผมแล้วหันไปหัวเราะกับเพื่อน


.....


“อะไรของเค้าวะ...”

“ไม่รู้ เค้าด่ากันเล่นๆมั้ง” ผมรีบตอบมันจบๆไป ผมมักจะเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจอยู่แล้ว การโดนนินทาน่ะมันเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกตินี่คือการกระแนะกระแหนกันซึ่งๆหน้าต่างหาก พี่แทนไปทำอะไรไว้หรือเปล่าวะ?

“มึงรีบไปเหอะ สี่ดาวแหนะของมึงอ่ะ เดี๋ยวก็โดนหรอก...โอ้โห แล้วแต่ละคนในกลุ่มมึงนะ มีแต่เสือ สิง กระทิง แรด โชคดีนะมึง” ไอ้หญิงอ่านรายชื่อแล้วบ่น “นี่ไงคุณพี่ธี..มึงเคยได้ยินเรื่องของเขาป่ะ?” มันถามต่อ

“ธีนพอ่ะนะ? ทำไมวะ....” ผมถามกลับ แล้วหวังว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไปเผาเค้า

“นางจะเข้ามาร่วมถือหุ้นในกรุ๊ปท่านประธานของเราแทนพ่อนาง...อารมเป็นทายาทจะขึ้นมานั่งแท่นอ่ะมึง”

“เออ...เหรอ...แล้วยังไงวะ….แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเด็กฝึกงานวะ?”

“คือพ่อนาง...คือคุณกษิณไง...ที่ไล่ผู้จัดการออกไปหลายๆคนอ่ะ มึงไม่เคยได้ยินเหรอ! แล้วนี่เป็นลูกคนสุดท้องเลยนะ เข้ามาเสียบตำแหน่งพ่อ! พี่ๆยังไม่มีโอกาศได้นั่งเก้าอี้บอร์ดบริหารเลย มึงคิดดู!”

“แม่ง...มึงไปได้ยินกันมาจากไหนวะ ผนัง กำแพง ประตู? กูเดินไปเดินมาไม่เห็นจะมีใครมาเล่าให้ฟังมั่งเลย”

“มึงอ่ะควาย...ตัวติดอยู่กับผัว ใครเค้าจะกล้า...มีแต่คนเค้าเรียกมึงเด็กป๋าๆ...อีดอก”

“ไอ้เหี้ย...บอกแล้วว่าไม่ใช่ผัว...ไม่ใช่ป๋าด้วย...บอกให้เรียกพี่!” จริงเหรอวะ ‘นี่ผมดูตัวคิดกับพี่แทนจริงเหรอวะ?’ ผมไม่ได้สนใจได้เรื่องการเมืองในบริษัทเลยครับ สนใจแค่เรื่องพี่แทนเนี่ยแหละ 

“เออ!...นั่นแหละ กูจะบอกเฉยๆว่า เค้าว่ากันว่าลูกแกก็พอๆกัน ไอ้คุณธีเนี่ย ร้ายมากนะมึง แล้วยิ่งหลุดๆงงๆอย่างมึงนะ อย่าให้เค้ารายงานความประพฤติมึงไม่ดี เข้าใจป่ะ!”

“กลัวไรวะ กูให้พี่แทนเขียนยังไงก็ได้...กูว่าไม่หรอก มึงไปฟังเค้ามาเยอะรึเปล่า...กูเคยเห็นเค้าก็ดูปกตินะ” เค้าร้ายเหรอวะ ผมนึกภาพชายคนที่ผมจุดไฟใส่ที่ลาดจอดรถยังไงก็นึกไม่ออกว่าจะร้ายได้ยังไง แต่เดี๋ยวไว้ค่อยเล่าให้ไอ้หญิงฟังแล้วกัน

“อีดอก เรื่องของมึงแล้วกัน...”

“โถ่มึง..เสือ สิง เชี้ยอะไร...มีแต่สัตว์.....กูก็สัตว์....ทำไรกูไม่ได้หรอก” ผมปากดี ใส่ แล้วโดนมันด่ากลับเป็นรางวัล


ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุมเวิ้งว้างที่อากาศเย็นเฉียบอีกแล้ว โรงแรมนี้มันเป็นอะไรวะ มึงแช่ศพไว้ที่ไหนหรือไง คุณธีนพนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ที่เหลืออีก 3 คนผมเคยเห็นหน้าแต่จำไม่ได้ กำลังหน้าดำคร่ำเครียดกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 1 ตัว แล้วก็กระดาษที่กองเต็มโต๊ะ ผมเดินเข้าไปจะไปประจำโต๊ะชงกาแฟ เห็นสวิทช์ไฟมันยังไม่เปิดนี่หว่า

“เห้ยน้อง! เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อน” ชายร่างใหญ่ผมบางในสุดสูท สีหน้าเคร่งเครียด โวยใส่ผม

...กูเคาะแล้ว... ผมคิดในใจ แล้วรีบลงไปเปิดปลั๊ก ไอ้เวรที่ไหนเสียบปลั๊กแล้วไม่เปิดไฟวะ 

“ขอโทษทีครับ” แล้วหันไปขอโทษ ก่อนจะเดินไปยืนหลบตรงมุมห้อง

“ออกไปก่อนดีกว่า ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกัน แล้วนี่เลขายังไม่มาเหรอ! ใครจะจดเนี่ย!” ลุงแกเริ่มฮึดฮัด ผมพยายามสบตาคุณธีนพประมาณว่า พี่ครับ พี่ติดบุหรี่ผมอยู่ตัวนึงนะครับ พี่จะช่วยผมไหมครับ พี่ไม่มองผมเลยครับ พี่อ่านกระดาษอะไรซักอย่างอยู่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้ผมจำได้ ไม่ต้องใช้เลขาหรอกครับ” พี่แกตอบเสียงเรียบๆ ไม่ละออกจากกระดาษด้วยซ้ำ....เท่จังวะ

ลุงแกพอไม่ได้รับความสนใจก็เริ่มลุกมาตรงบูธกาแฟ ฉีกโน่นฉีกนี่ตามปกติของแกไป แล้วหันมามองผม
...มองกูทำไมวะ... แกคงรอน้ำร้อนครับ เลยไม่มีอะไรทำ บรรยกาศเงียบงัน มีเสียงกระดาษที่ถูกพลิกไปมา เสียงแอร์ดังมาก แล้วก็เสียงน้ำค่อยๆเดือด ผมเลยต้องทำอะไรสักอย่างเพราะรู้สึกกดดัน “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”

“นี่เราเป็นเด็กฝึกงานเหรอ?” ลุงแกถาม
“ครับ ใช่ครับ”
“อยู่ปีอะไร”
“ปีสามครับ”
“เหรอ...เรียนที่ไหนน่ะ?”
“เอ่อ...” ผมเริ่มตะหงิดใจ ชักไม่ค่อยอยากจะตอบ


“ลุงเบญครับ...ตรงนี้ผมว่ามันผิดนะ” คุณธีนพครับ ทำได้ดีมากครับ ...เค้าเรียกกันว่าลุงเหรอ เค้าเป็นญาติกันเหรอวะ
ลุงแกเลยต้องรีบเดินงุ่นง่านกลับไปหยิบกระดาษที่พี่แกขีดๆเขียนๆไว้ให่อ่าน

“.....เห้ย!  มันผิดไปขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย!” ลุงแกหันไปโวยใส่อีกคนที่นั่งตรงข้ามแก คนที่มีลักษณะคล้ายๆแกนั่นแหละ แค่หัวยังไม่ล้าน

“เดี๋ยวนะครับ คุณธีแน่ใจเหรอ ตรงนี้แผนกผมเคาะไปแล้วนะว่าทำได้”
“แน่ใจครับ ผม...” คุณธีนพเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษเป็นครั้งแรก แล้วเห็นผมยืนหนาวอยู่ตรงมุมห้อง เราสบตากันเป็นครั้งที่สอง เขานิ่งไปสักพักก่อนจะหลบตาผม แต่ผมนี่สิ...ค้าง



...เวลาทำงานเค้าเท่ดีว่ะ ดูดี มีสาระ พูดจาน่าเชื่อถือ แล้วไอ้หน้าตาจริงจังของเขาเนี่ย มีสเน่ห์ชะมัดเลย....



เดี๋ยวๆๆ....กลับมาก่อน



“เห็นไหม...คุณลองดูอีกรอบก่อนสิ” คุณลุงอีกคนแกเห็นพี่ธีเงียบไป เลยตอบกลับไป

“อ๋อ...เปล่าครับ” พี่แกรีบละสายตาจากผม แล้วอธิบาย“ผมคิดเรื่องอื่นอยู่ ตรงนี้รบกวนแผนกบัญชีทบทวนด้วยครับ ตัวเลขมันหลอกครับ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถ้า....”

ผมไม่ได้ฟังแล้วครับว่าเขาพูดอะไรกัน.....ผมมองแต่ไอ้คุณธีบ่นตรงนั้น ตัดตรงนี้ ว่าคนโน้น ลุงคนนั้นปวดหัว ลุงคนนี้ถอดแว่นออกมาขยี้ตา แล้วโดนโยนกระดาษใส่แบบไมได้ตั้งใจ โคตรเพลิน...ตลกดีว่ะ.... คนแบบนี้เค้าจะชอบคนแบบไหนวะ...แฟนเค้าจะหน้าตายังไงหว่า...ผมนึกถึงนางแบบสูงร้อยเจ็ดสิบกรีดตาคมกริบท่าทางเย่อหยิ่ง...ไม่ก็เป็นคุณหมอหน้าใสไฮโซเรียบร้อยจบปริญญาเอกจากต่างประเทศ อะไรทำนองนั้น

หลังจากมองคนแก่คุยกันจนเสร็จ เหมือนเขาจะสรุปอะไรได้บ่างอย่าง ในขณะที่ผมพยายามยืนให้ไกล้กับเครื่องต้มน้ำที่สุดเพราะมันอุ่น ลุงคนหนึ่งก็พูดขึ้น
   

“เรานี่เหมือนพ่อเด๊ะๆเลยนะ ไอ้หนุ่ม” แล้วตบบ่าพี่ธีเบาๆ

“แตะเบรคไว้บ้างก็ดี เครียดไปเดี๋ยวแก่ไวนา... นี่ๆ เดี๋ยวให้อาๆไปไปเที่ยว คืนนี้ไปกันไหม” ลุงอีกคนเอ่ยปากชวน
“อ๋อ...ไว้วันหลังแล้วกันครับ วันนี้ผมมีธุระตอนดึกๆ”

“แน่ะ! เหมือนพ่อมันเปี๊ยบ! ฮ่าๆ งั้นไว้เจอกันรอบอื่นแล้วกันนะ”

ทุกคนค่อยๆทะยอยออกไปจนหมด ผมโล่งใจ ..ไหนวะ? ไหนใครบอกโหดร้าย ไม่เห็นจะมีอะไรเลย...
เหลือแค่พี่ธีที่กำลังยืนจิ้มโทรศัพท์มือถืออยู่คนเดียวในห้อง ลุงๆแกแล้วน่าจะไกล้ถึงลิฟท์ถ้าวัดจากเสียงหัวเราะดังสนั่น พี่แกยืนพิมพ์ข้อความสักอย่างอยู่แน่ๆ ผมมองเค้าไปเพลินๆจนแกเงยหน้าขึ้นมา เราสบตากันเป็นครั้งที่สาม ผมยิ้มให้เป็นมารยาทแล้วชวนเขาคุย


“ขอโทษอีกครั้งนะครับ” ผมยกมือไหว้เขาแบบสบายๆ ผมว่าเขาไม่ติดใจผมแล้วล่ะ...มั้งนะ

“เรา...เอ่อ...น้องเอ็มใช่ไหมครับ” เขาน่าจะอ่านป้ายชื่อผม
“ครับ...พี่จำผมได้ใช่ไหมครับ?” จริงๆตามมารยาทผมไม่ควรเรียกแขกว่า “พี่” เลย แต่ก็เผลอทุกที
“อืม...เกือบทำเสื้อผมไหม้” เขาพูดไปพร้อมหัวเราะในลำคอ ผมไม่รู้พี่แกมาอารมไหน
“เอ่อ...”


“คืนนี้ว่างไหมครับ?”
“เอ่อ....” หมายความว่ายังไงวะ เค้าจีบกูเหรอ ผมรู้สึกลุกลี้ลุกลนไปหมด แต่ยังเก็บอาการไว้อยู่
พี่ธีหัวเราะเบาๆ “มีงานแปลภาษาให้ช่วยหน่อยครับ...พอดีเป็นจ๊อบด่วน แต่เอกสารเอาออกไปจากห้องผมไม่ได้นะ เลยอยากได้เด็กผู้ชายมาช่วยหน่อย พอดีล่ามที่มาด้วยกันเป็นผู้หญิงน่ะครับ เดี๋ยวมันจะดูไม่ดี”

“อ๋ออออ” ไม่เอาสิไอ้เอ็ม...อย่าคิดมาก
“แปลภาษาอังกฤษได้ใช่ไหมครับ?”
“อ๋อ...ก็พอได้ครับ...ยากไปก็ไม่ได้นะครับ”
“ถ้างั้นช่วงเย็นเดี๋ยวผมโทรนัดอีกที ไม่เกิน 6 โมง ไหวไหมครับ?”
“อ่า...น่าจะได้ครับ” ผมตอบตกลง
“งั้นเดี๋ยวผมโทรไปครับ...” พี่แกยิ้มให้ผม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป


.............
.................


????

...เค้ามีเบอร์กูเหรอวะ?...



ผมได้แต่ยืนมึนงง ฟุ้งซ่าน รอจนมั่นใจว่าจะไม่มีใครกลับมา จึงค่อยๆเดินไปปิดปลั๊ก ปิดไฟ เก็บของจากโต๊ะประชุม มีเศษกระดาษที่ถูกฉีกเขียนเป็นลายมือหวัดๆด้วยปากกาหมึกซึมสีดำเป็นตัวเลขกับภาษาไทย ที่รวมกันแล้วเหมือนภาษาต่างดาว จะใช่ลายมือเขาไหมหว่า...


และขณะที่ผมกำลังพิจารณากระดาษภาษาต่างดาวท่ามกลางแสงสลัวอยู่นั้นเอง




แล้วประตูด้านหลังผมก็ปิดลง! ผมรีบหันไปมองแต่ไม่เห็นว่าเป็นใครเพราะในห้องมันมืดไปหมด




“ทำอะไรอยู่ครับ...” ผมสะดุ้งเพราะเสียงจากด้านหลัง ไม่พอ! มีสองมือเข้ามาคว้าเอวผมไว้แน่น ผมรีบหันกลับไปแต่หันไปไม่ได้เพราะแขนทั้งสองข้างรัดไว้แน่น! “เห้ย!” ผมเริ่มดิ้นแรงขึ้นและเริ่มส่งเสียงดัง จนคนข้างหลังหลุดหัวเราะออกมาดังลั่น รู้เลยว่าใคร!



“พี่แทน! ตกใจหมด!” ผมหมุนตัวไปชกไหล่พี่แกเบาๆ “โจทย์ยิ่งเยอะๆอยู่ เล่นไม่รู้เรื่องเล้ยยย” ผมบ่นใส่พี่แกที่เดินไปเปิดสวิชไฟห้อง แล้วก็ล็อคประตู....



“ฮ่าๆ... นี่....หยุดเลย มาคุยกันก่อน เมื่อวานไปไหนมา......” พี่แทนถามเสียงเข้ม บรรยกาศจากเมื่อครู่กลายเป็นมาคุไปซะอย่างงั้น



“อยู่บ้านไงพี่...จะให้ผมไปไหนอ่ะ” ผมทำเป็นไม่รู้เรื่องไว้ก่อน ตามธรรมชาติ


“โกหก...” เสียงพี่แกเริ่มคาดคั้น


“จริงๆ...พี่...ผมจะโกหกทำไม”


“ไม่รู้อ่ะ...รู้แต่ว่าโกหก”



“พี่อ่า.....ทำไมว่าผมงี้อ่ะ....น่าน้อยใจว่ะ” ทำไงดีกู ทำเป็นงอนแล้วกัน ผมเกาะแขนเสื้อพี่แกไว้แบบหลวมๆ ทำหน้าจ๋อย การทำหน้าจ๋อยคือมองต่ำแล้วแฉลบออกข้างประมาณว่าเราเสียใจนะ... มันคือการตอแหลนั่นแหละครับ ผมรู้สึกผิดนะบอกไว้ก่อน แต่ก็แค่ไปดูหนังนี่หว่า จะบอกให้เป็นเรื่องทำไม


“โอ๋ๆๆๆ...ล้อเล่นคร้าบบบบ อย่าโกรธพี่น้า” พี่แทนสวมกอดเข้ามาแน่นๆลูบหัวลูบหลังปลอบใจยกใหญ่ รอดไปครับผม
“ง้อเลย.....” ผมแกล้งงอนต่อ
“ฮ่าๆ อยากทำอะไรบอกมาเลยครับ” พี่แทนก้มลองหอมแก้มผมเบาๆ
“อยากกิน...”
“กินอะไร สเต๊ก ปลาดิบ ปิ้งย่าง...ครัวข้างล่างมีวากิวมาใหม่ด้วยนะ พี่ยังไม่ได้ลองเลย ไปป่ะ”


“อยากกินพี่นั่นแหละ.....” ผมพูดไปแล้วเอามือลูบต้นขาพี่แกเบาๆ ให้พอสยิว กัดริมฝีปากตัวเองแล้วสบตาพี่แทน ผมได้รับคำตอบที่ผมต้องการเสมอ


“เด็กไม่ดี.....”

“อือ.....ทำยังไงดีล่ะเนี่ย” ผมไล่นิ้วไปที่ซิบกางเกงพี่แทน ที่มีของแข็งรออยู่ข้างใต้อยู่แล้ว
   
“ต้องโดนทำโทษซะแล้ว...”

พี่แทนกดหัวผมลงไปต่ำ ผมคุกเข่าลงอย่างรู้งาน ส่วนมือก็ทำงานที่ต้องทำไปอย่างเคย สำหรับร่างกายผมแล้ว กับพี่แทนนี่ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้จริงๆ ให้ตายเหอะ

“...อา...ดีๆ อย่างนั้นแหละ” พี่แทนกดหัวผมลงกับแก่นกายที่แข็งสู้ขึ้นมา พี่แกยืนอยู่ชิดผนังข้างประตูส่วนผมที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า ในจังหวะที่ผมเห็นว่ากำลังพอเหมาะพอดี ก็รูดซิบเอาของตัวเองออกมาจัดการด้วยมือข้างที่ว่างอยู่..


“โฟกัสหน่อยสิครับ อย่าลักไก่สิครับที่รัก” พี่แทนจิกผมดึงให้ผมหยุด เงยหน้าขึ้นมาฟังที่เขาพูด
“อย่าล้มแล้วกันพี่” ผมกัดตัวเองปากอย่างท้าทาย

“บอกตัวเองเหอะ...” พี่แทนยิ้มก่อนจะดันผมลงกับพื้นพรม ผมสัมผัสได้ถึงอารมที่รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ มันไม่ใช่ความรุนแรงของกามอารมณ์ตัญหา แต่มันเป็นความรุนแรงทางร่างกายจากการผลัก จับ สัมผัส ผมชักจะเริ่มเจ็บขึ้นบ้างนิดหน่อย จากเดิมเขาก็รุนแรงพอสมควรนะ แต่ปกติไม่ขนาดนี้นี่หว่า

จากการปลดกระดุมไม่ทันใจจนกลายเป็นการกระชากเบาๆให้หลุด ผมมองใบหน้ากระเหี้ยนกระหือรือนั้นด้วยความสงสัยลึกๆในใจ พี่แทนพุ่งเป้าลงไปที่ส่วนคอและไหล่ได้ไม่นานและไม่แม้แต่จะจูบผมด้วยซ้ำ เขาก็ผละออกจากร่างกายท่อนบนของผมแล้วกระชากกางเกงของผมออกพร้อมๆกับกางเกงใน

“เดี๋ยวพี่...จูบผมหน่อยดิ..” พอจับมือให้พี่แกหยุด แล้วยื่นหน้าเข้าไปไกล้ พี่แทนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับหน้าผมแล้วกดนิ้วโป้งเข้ามาในปาก “อื้ออออ!” ผมปัดมือพี่แกออกแล้วถาม “กวนตีนเหรอ?”

“อือ...อยากได้ก็ขอดีๆดิ” พี่แทนยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วจับคางผมเบาๆ

“จูบผมหน่อยสิครับที่รัก...” ย่อมได้ครับ ย่อมได้ ผมทำหน้าออดอ้อนในแบบที่แกชอบ

“โว๊ะ....ดีได้แค่เนี้ย!” พี่แกส่ายหน้ากวนประสาท ส่ายหน้าแต่น้องชายขึ้นมาชี้หน้าผมซะอย่างงั้น แหม...ไม่เนียนเลย

“...พี่....ผมอยากโดนพี่เอา...” แกล้งแม่งดีกว่า ผมพูดแล้วกัดริมฝีปากตัวเอง ผมรู้ว่าใครบ้างที่แพ้ใบหน้านี้

“เชี่ย!.....” พี่แทนกดจูบลงกับหน้าผมแรงๆ เราแลกลิ้นกันนัวเนีย ส่วนมือที่ว่างอยู่ลูบเค้นกันรุนแรง ไล่ตั้งแต่ต้นแขนไปจนถึงสะโพก กางเกงผมหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ กางเกงในก็เช่นกัน “หาเรื่องเจ็บตัวเองนะ...” พี่แทนพูดหลังจากเราผละออกจากกัน แล้วยกขาข้างหนึ่งของผมขึ้นพาดไหล่ กดส่วนหัวของมันเข้ามา แล้วโน้มตัวลง

“อ่าซ์.....”

“อื้อออ....ถ้าอยากให้เจ็บต้องแรงกว่านั้นนะ...อุ๊บบ!” ผมกวนตีนพี่แกกลับบ้าน แต่ยังพูดไม่ทันจบก็โดนดันสวนเข้ามารวดเดียวมิดด้าม เชี่ย...จุกดิ  มึนเลย

“ซี๊ดดด....อะไรนะครับ....ไม่ได้ยิน” แถมโดนมันกวนตีนกลับอีก การหยอกเย้ากันเล่นๆของผมชักจะเลยเถิดแล้วสิ
“โอย....เบาหน่อยพี่!” มันเจ็บจริงๆนะ ชักจะไม่สนุกแล้ว
“ขอดีๆสิ...เป็นเด็กดีหน่อยสิ...ไหน…อืมม....เจ็บเหรอครับ” พี่แทนจับมือของผมกดลงกับพื้น แล้วก้มมาพูดไกล้ๆผมด้วยสีหน้าเย้ยหยันเป็นที่สุด “อือออ...” ผมพยักหน้าตอบทั้งๆที่ยังหน่วงๆที่ท้องอยู่

“ไหนเจ็บเหรอ?” พี่แทนไม่พูดเปล่า เริ่มขยับตัวสวนเข้ามาเป็นจังหวะ
“อื้ออออ!...เจ็บครับ..อ๊ะ..ผมเจ็บก็ได้” ผมร้องออกไปเพราะเจ็บจริง
“ฮ่าๆ...เจ็บก็ได้เหรอ...อ่าาา.....ซ๊ดดดดด.....ไหนบอกซิว่าวันหลังจะเป็นเด็กดี...” ยังคงดันตัวเองเข้ามาเป็นจังหวะ ผมหน้าเหยเกด้วยความที่ร่างกายยังปรับตัวไม่ได้

“อื้ออออ...อ๊ะ...” กูขอหายใจแป๊ปนึงได้ไหม!
“บอกสิ...ผัวครับ...ผมจะเป็นเด็กดี”
“อือออ...ผัวครับ...อื้อ....ผมจะเป็นเด็กดี..” ผมกัดฟันพูดเท่าที่จะออกเสียงได้
“เก่งมาก...เห็นมั้ย แค่นี้เอง” พี่แทนก้มลงจูบที่หน้าผาก แล้วผ่อนจังหวะลง คลายมือที่กดผมลงกับพื้น แล้วดึงผมขึ้นไปกอด….
   
   ___________________________________________________

การได้นอนซุกอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่ หนาฟู นุ่มสบายสไตล์ขนห่าน ในยามเย็นนี่มันคือที่สวรรค์ของคนขี้เกียจแบบผมจริงๆ บนเตียงรูปวงกลมของพี่แทนที่ปูด้วยฝ้าใยเหี้ยอะไรซักอย่างที่ทำให้เตียงเย็นตลอดเวลา มีพี่แทนนอนกรนอยู่ข้างๆ หลังจากเซ็กซ์ในห้องประชุม เราพากันขึ้นมาพักบนห้องส่วนตัวของแกที่ชั้นบนสุด พี่แทนแกตักตวงร่างกายผมซะจนหมดเกลี้ยง หมดแรง สิ้นสภาพนักศึกษา



ไม่น่าปากดีเลยกู.......



ผมลุกขึ้นจากเตียงมาล้างหน้า กลับมาหยิบมือถือตัวเองออกมาดู



1 สายไม่ได้รับ เบอร์ไม่คุ้น....โทรมาเมื่อหนึ่งชัวโมงก่อน...ใครวะ



ไอ้เหี้ย! คุณธีนพ!
 ___________________________________________________


ตอน 2 จบแล้วนะค้า  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2016 12:34:16 โดย Kanom »

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
กรี้ดดดด สนุกกๆๆนายเอกน่ารักดูกวนตีนไม่ค่อยคิดอะไรดี55555  :hao7: ลืมนัดคุณธีนพแล้วทำไงนิ อิอิ

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
3.

“พี่ครับ! ขอโทษที เมื่อกี้ผมหลับ!” ผมรีบแก้ตัวกับโทรศัพท์เป็นการใหญ่ ระหว่างที่ลงลิฟท์มาจากชั้นเพนท์เฮ้าส์

“ไม่เป็นไรครับ....พอดีผมได้คนใหม่แล้วครับ….” เขาตอบเสียงเรียบ

“โหย...ผมขอโทษนะครับ...” จ๋อยเลย....ผมทำบุญมาด้วยอะไรกับคนนี้วะเนี่ย “...เอ่อ...มีอะไรให้ผมช่วยพี่บอกได้เลยนะครับ” รู้สึกผิดเชี่ยๆ ทำยังไงดีๆ
   
“ครับ...” เขาตอบกลับมาสั้นๆ

“เอ่อ....ท่านข้าวหรือยังครับ” ผมพูดไปตามอัตโนมัติ คือตั้งใจจะให้เขารู้สึกดี เหมือนคุยกับคนปกติทั่วไป....แล้วเพิ่งคิดได้ ชิบหาย! กูไปถามเค้าทำไม! มันใช่เหรอ!

“หืม?............เอ่อ...ทานแล้วครับ” พี่เขาไม่วางสายว่ะ...กูวางเองก็ได้!

“อ๋อ...เอ่อ...ครับ ดีแล้วครับพี่...เอ่อ...แค่นี้นะครับ” ผมรีบพูดปิดท้ายให้นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ววางสายพี่แกไป ในใจก็ได้แต่สาปแช่งความโง่เง่าของตัวเองไปตามทาง ยังไงดีล่ะทีนี้ เดินออกมาเคว้งคว้างอยู่หน้าลิฟท์ ...กลับไปนอนต่อก็ได้วะ...

______________________________________


ผมใช้คีย์กาดของพี่แทนในการขึ้นลิฟท์และเปิดประตูกลับเข้าไปในห้องส่วนตัวด้วยความนอยด์ นึกได้ว่าควรจะบอกพี่เขาไหมหว่าว่าเราไปไหนมา ....แต่อย่าเลย ขี้เกียจอธิบาย... นึกได้แล้วผมก็ถอดกางเกงกับเสื้อเชิ๊ตออก เหลือแต่เสื้อสีขาวบางเบาตัวในที่ใส่ไว้แก้หนาวแต่แม่งก็ไม่ได้ช่วยอะไร แล้วมุดกลับไปในผ้าผ่ม ที่มีแทนยังคงนอนแน่นิ่งอยู่แบบเดิม

“อือ...ไปไหนมา...” เขาขยับตัว คุยกับผมจากด้านหลัง
“ไปคุยโทรศัพท์ครับพี่ น้าโทรมา...” ผมสวมกอดเขาจากด้านหลัง
“วันนี้ไม่ค้างด้วยกันเหรอ...” พี่แทนพลิกตัวมาหา
“ค้างสิพี่ น้าแกโทรมาคุยด้วยเฉยๆ” ผมตอบแล้วซุกหน้าลงตรงหน้าอกพี่เขา
“สั่งอะไรขึ้นมากินกัน หิวแล้ว” พี่แทนตอบพร้อมเขี่ยผมบนผัวผมเล่นไปมา

พี่แทนลุกขึ้นจากเตียง ขณะที่ผมดึงผ้าห่มเข้ามาห่อตัว กลิ้งไปตรงกลางเตียง คิดถึงเรื่องโน้นนี้ไปเรื่อยเปื่อย...
ถ้าผมเกิดไปทันมันจะเป็นยังไงว้า... ผมพยายามจินตนาการภาพด้วยสมองอันไร้จินตนาการของตัวเอง เราจะคุยอะไรกับเขา  คือแบบว่า...มันก็น่าสนใจดีนะ...น่าเสียดายชะมัด...แล้วผมก็ถามว่ากินข้าวหรือยัง...โถ่กู....

“เอ็ม...เอ็ม..” พี่แทนเขย่าตัวผมเบาๆ
“หื้มมมมมมมม?” ผมบิดขี้เกียจ แล้วเปิดผ้าห่มออก
“ถอดเสื้อผ้าออกซิ...” เขาบอก ผมหรี่ตามอง ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกโดยที่ไม่ได้ถามอะไร แล้วโยนเสื้อกับเกงตัวเองไว้ข้างๆตัว

“ไม่ต้องถอดกางเกงในนะ” พี่แทนเอามือมาห้ามไว้ แล้วดึงให้ผมลุกขึ้น “ลองนี่ซิ” แล้วส่งเสื้อแขนยาวมาให้ตัวนึง
“โหยพี่...ซื้อให้ผมเหรอ!” ผมลุกขึ้น สะบัดหัวไล่ความงัวเงียออกไป ก่อนจะคว้าเสื้อมาสวม
“อือ...มีอะไรในตัวเอ็มไม่เป็นของพี่บ้างอ่ะ?” พูดไปขยี้หัวผมเล่นไปด้วย ...เออว่ะ...แต่มันฟังดูทะแม่งๆนะพี่ ?
“เอ้านี่! นี่ด้วยกางเกง นาฬิกา ใส่ด้วยกันนะ” ผมหยิบทุกอย่างมาสวม นาฬิการาโด้สีดำสวยชิบหาย เสื้อแขนยาวเทารัดรูปเล็กๆกับกางเกงขาสามส่วนพอดีตัว
“ฟิตไม่เปลี่ยนเลยนะ” พี่แทนพูดไปพร้อมเอามือลูบระหว่างขอบกางเกงกับเอวผมเล่น “ทำไมตูดไม่ฟิตงี้บ้างวะ”
“กวนตีนและพี่!” ผมชกท้องเขาเบาๆ
“โอ้ย! ยอมแล้วครับๆ” พี่แทนถอยหนีไป พร้อมกับยกมือห้าม จริงอยู่พี่แทนสูงกว่าผม แต่ผมแข็งแรงกว่าเยอะ ผมว่าแกน่าจะเจ็บจริงๆแหละ สงสารก็สงสาร ตลกก็ตลก 
“มานี่เลย” ผมดึงพี่แกมากอดแล้วล้มลงบนเตียง “ผมจะนอนชุดนี้แหละ”
“ไอ้บ้า ไปซักก่อน!” พี่แกโวยวายแล้วพยายามถอดเสื้อผมออก คือคนเรา พอร่างกายสัมผัสกัน....เครื่องมันก็ติดใช่ไหมครับ
“งั้นก็ถอดให้หน่อยดิ...” ผมสบตายั่ว...
“ยังไม่หมดก๊อกอีกเหรอ...”
“อือ...พี่อ่ะหมดยัง?”
“อย่าท้านะครับ” พี่แทนรวบมือผมขึ้นเหนือหัว...

แล้วเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดัง!

“เด็กเสริฟขึ้นมาเพนท์เฮ้าส์ได้ไงวะ!....” พี่แทนพูดแล้วปล่อยผม เพื่อจะเดินไปเปิดประตูห้อง ตามปกติกริ่งในห้องจะอยู่ที่ห้องชั้นตรงกลางซึ่งเป็นที่เอาไว้เก็บพวกรองเท้ากับวางของจุกจิก แต่พนักงานทั่วไปจะไม่สามารถเดินผ่านประตูนอกสุดเข้ามาได้ นอกเสียจากจะกดปุ่มอินเตอร์คอมพ์ให้คนด้านในเปิดให้ หรือใช้คีย์การ์ดของของเท่านั้น

“ไอ้เหี้ย!” ผมมองไปตามเสียงพี่แทน ไอ้เหี้ย! เนี่ย น่าจะแปลได้ว่าเป็นชื่อเพื่อนพี่แกซักคน
“ไอ้เหี้ยเปรม! มึงเข้ามาๆ” อ๋อ...พี่เปรม เพื่อนสนิทของพี่แทน แกบินไปต่างประเทศเมื่อปลายปีก่อน สงสัยจะเพื่งกลับมาเหมือนกัน
“อ้าว...ไหง สุดหล่อ” พี่เปรมทัก แกเป็นผู้ชายผิวเข้ม เสียงก็เข้ม ผมดกดำเสยเรียบ หน้าตากวนตีน ผมยกมือไหว้พี่เขาทั้งๆที่เสื้อยังคาอยู่ที่แขน แล้วครึ่งตัวอยู่ในผ้าห่ม พี่เปรมเห็นสภาพผมกับพี่แทนกันมานานนมจนไม่มีอะไรต้องอาย
“อ้าว! หวัดดีครับพี่...ผมตกใจหมดเลย”
“ฮ่าๆ นี่ๆ พี่มีของมาฝากด้วยนะ”
“ใครๆก็คิดถึงน้องเอ็ม...” ผมพูดพร้อมสวมเสื้อแล้วลุกขึ้นไปนั่ง พี่เปรมวางถุงกระดาษใหญ่ๆลงข้างๆที่ผมนั่ง ผมหยิบกล่องใหญ่ออกมาจากถุง เป็นโดรนตัวเล็กๆมีกล้องความละเอียดสูงติดอยู่ ของเล่นนี่หว่า “ขอบคุณคร้าบบบ” แหมวันนี้มันวันคริสมาสของน้องเอ็มชัดๆ ผมแกะกพลาสติกที่ห่อกล่องออก แล้วเปิดฝา โดยไม่ได้สนใจว่าพี่ๆเขาคุยอะไรกัน ข้างในกล่องเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่ดูคุ้นตาเหมือนที่เคยเห็นบ่อยๆในโฆษณา ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอามาทำอะไร แต่เอาไปบินแกล้งชาวบ้านเล่นน่าจะเป็นความคิดที่ดี

“เออเจอธีนพยัง?” ผมเงี่ยหูฟังเมื่อได้ยินชื่อนี้จากปากพี่เปรม
“น้องพี่ตาลอ่ะนะ...ยังเลยว่ะ...มึงเจอแล้วเหรอ”
“กูเจอตอนกลับมาไทยรอบก่อน ไปตีเทนนิสกับเฮีย...กวนส้นตีนชิบหาย”
“มาดิ...กวนตีนเนี่ยกูชอบ”

อ้าว....เค้าไม่ชอบกันเหรอวะ....ดีนะไม่ได้บอกพี่แทนว่าจะไปช่วยงานเขา...สงสารเค้าเหมือนกันนะ ผมเห็นแต่ว่าเค้าเป็นคนจริงจังกับการทำงานมากไปหน่อย ก็แค่นั้นเอง หรือจริงๆแล้วผมเป็นคนหน้าด้านวะ? ช่างมันเหอะ... ไหนมีอะไรให้แกะอีก
   
“นี่ๆ....ฝึกงานกะไอ้แทนเหนื่อยปะ?” พี่เปรมนั่งลงข้างๆผม ขณะที่พี่แทนออกไปไหนซักที่
“ไม่อ่ะพี่....ไม่ได้ทำไรเลย”
“ฮ่าๆๆ...รู้เลยว่าทำอะไร”
“พอพี่ไม่อยู่ พี่แทนแม่งเอาใหญ่เลย เหมือนพี่แกเหงาอ่ะ” ผมพูดติดตลก
“เป็นแฟนกันแล้วดิเนี่ย?”
“...เปล่าพี่...” ผมนิ่งไปกับคำถามนั้น  จะถามทำไมให้คิดมากวะพี่ “ทำไมถามอ่ะ?”
“อยากรู้เฉยๆ...ทำไมอ่ะ ยังไม่ชอบไอ้แทนอีกเหรอ?”
“มันไม่เกี่ยวกับชอบไม่ชอบหรอกพี่...” ผมตอบ “ผมไม่ชอบมีแฟนอ่ะ...พี่แทนก็ไม่ชอบมีแฟน...เลยอยู่ด้วยกันได้ไง”
“พวกมึงแม่ง...จะทำให้มันยากทำไมว้า”
“ไม่เห็นยากเลยพี่ เป็นแฟนกันแม่งยากกว่าอีก”
“เออๆ...ขี้เกียจเถียงกะพวกมึงจริงๆ”

ผมหัวเราะใส่พี่เปรมที่ลุกหนีไป

“พี่ๆ...คนที่ชื่อธีนพนี่เค้าเป็นยังไงเหรอ?” ผมถาม
“หืม....รู้จักด้วยเหรอ?”
“อือ...ผมชงกาแฟห้องเค้าเมื่อเช้า”
“เออ...ตอนประชุมแม่งคงอาละวาดน่าดู”
“ก็มีบ่นๆนิดหน่อยนะ... ไม่รู้ว่ะพี่ แบบไหนเรียกอาละวาดอ่ะ”
“ก็แบบที่แม่งชอบทำแหละ....มันก็เป็นคนเก่งนะ แต่เป็นเด็กใหม่ในกรุ๊ปแล้วแม่งไม่รู้จักกาละเทศะ”
   
พี่แทนเปิดประตูเข้ามา พร้อมกับรถเข็นถาดอาหารที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดของโรงแรม และหยุดการสนทนาของพวกผมลงแทบจะในทันที


_________________________________________________


“หญิง..มึงทำพรีเซ้นให้กูหน่อยดิ นะๆๆ” ผมกำลังออดอ้อนมันด้วยการซื้อข้าวและขนมมาให้มันถึงบนโต๊ะกลมหน้าคณะ โดยที่ข้างๆมีไอ้แบงค์นั่งกินมันทอดของมันอยู่
“ทำไมกูต้องทำให้มึงอ่ะ...” อิหญิงหันมาถาม
“เพราะกูเป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิตมึงนะตอนนี้....มึงเห็นไหมว่าตอนที่มึงไหมเหลือใครมึงยังมีกู!”
“อีดอกมึงเป็นตุ๊ด! แล้วมันก็ไม่เกี่ยวเหี้ยอะไรกันเลย!”
“ก็มึงมีแค่นี้อ่ะหญิงงง ทำให้กูหน่อย กูกราบบบ กูทำไม่เป็น กูมันโง่ กูมันเลวววว”
“อีดอก! อย่าเล่นใหญ่ กูอาย!  มึงเอามาดูก่อน” ผมยิ้มเลย ถ้าให้หญิงบอกเอามาดูก่อน แปลว่ามันจะทำให้แน่ๆ

“ถ้ามึงช่วยกูทั้งเทอมนะ...เดี๋ยวกูจะไปช่วยมึงทำโปรเจคต์ ที่เชียงใหม่” ผมเสนอ
“ผัวมึงจะให้มาเหรอวะ” หญิงถาม
“สัด! บอกแล้วว่าไม่ใช่ผัว” ผมรีบตอบ
“เยกันมากี่ปีแล้วบอกไม่ใช่ผัว กูเพลียอ่ะ”
“มึงอ่ะเว่อร์”
“เว่อร์เหี้ยไร มึงอ่ะบาปกรรม”

“บาปเกี่ยวเหี้ยไร เค้าเต็มใจ กูก็เต็มใจ.... มึงอย่าพูดดิ กูอุส่าทำเป็นมึนๆ” มันก็ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไรนะ สำหรับผมแค่มันไม่ยอมไปถึงจุดนั้นเสียที

“มึงว่าเค้าจะชอบมึงป่าวอ่ะ...พี่แทนอ่ะ” มันถาม
“ชอบดิ...ไม่ชอบเค้าจะเอากูเหรอ” ผมตอบ
“ชอบแบบ...จริงจังดิ!” อีหญิงค้าน
“จริงจังยังไงวะ...คือจะให้ขอกูแต่งงาน...มีลูก ไรงี้เหรอ?”
“แบงค์มึงช่วยกูบ้างดิวะ” หญิงหันไปแขวะไอ้แบงค์
“กูไม่รู้!...ยังไงดีวะ กูว่าเอ็มมันก็ไม่บาปนะ ดีจะตายแบบ เอากันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีแฟน”
“มึงไม่กลัวเขาเสียใจเหรอวะ..” หญิงถามผม ยอมรับว่าคำถามมันตอบยากจริงๆ
“เค้าโตแล้วมั้ยอ่ะ...มึงมาห่วงกูนี่ กูอาจจะเสียใจก็ได้นะ!” ผมตอบ
“มึงไม่เสียใจหรอก มึงมันหน้าใสใจเสือ”  เอา....เอาเข้าไป
“ก็แบบ เค้าตกลงกันไว้ป่าววะ ผู้หญิงผู้ชายคิดไม่เหมือนกันมั้ง” ไอ้แบงค์เสริมเข้ามา
“แบงค์กูบอกให้มึงช่วยกู ไม่ใช่ไปช่วยมัน!”
   
โทรศัพท์ผมสั่นจากสายเรียกเข้า ผมเลยเลิกเถียงกับพวกมัน แล้วหยิบออกมาดู

PARK : หวัดดีคร้าบ

เชี่ย...ไม่ตอบดีกว่า

“มึง พรุ่งนี้พวกมึงเรียนเช้าป่ะ?” ผมรีบหาทางออกจากบริเวณคณะ
“พรุ่งนี้ฝึกงานค่ะ! มึงก็ไปเข้ากะกูเนี่ย จำเหี้ยอะไรได้บ้าง” ไอ้หญิงด่า
“ของกูมีเรียนว่ะ ทำไมอ่ะ?” ไอ้แบงค์ตอบ
“กูอยากแดกเบียร์”
“ไม่เอา...ขี้เกียจหิ้วมึงกลับอ่ะ” ไอ้หญิงตอบ พร้อมๆกับไอ้แบงค์ที่ตอบว่ะ “ป่ะ!”
“โอ้ยยย มึงหิ้วมันเองนะ แบงค์!”
“ไม่เกินสี่ทุ่มกลับ เคป่ะหญิง กูสัญญา” ผมยิ้มให้ไอ้หญิงที่กำลังกลอกตามองบน


_________________________________________________


เที่ยงคืนครึ่ง....


“ทำไมวะเอ็ม!...กูยังไม่สวยพอเหรอวะ! ฮืออออ....แบงค์มึงทำอะไรซักอย่างดิ๊....กูจะแก้แค้นมัน!...มันแอบคุยกันก่อนเลิกกับกูนะเว้ย! ฮือออออออ....”

“อะไรนะ! กูไม่ได้ยิน!” ผมที่กำลังนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ได้ยังไงก็ไม่รู้ ตะโกนกลับไปถาม ไอ้หญิงพูดอะไรวะ แล้วนั่นมันลงไปนั่งกับพื้นทำไมวะ เชี่ย!...หันหน้าเร็วๆแล้วเวียนหัวชิบหาย...ไปดูดบุหรี่ดีกว่า...เชี่ย! บุหรี่กูหายไปไหนวะ! ผมลุกขึ้นเงอะๆงะๆ ขณะที่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามพยายามพูดอะไรบางอย่างแบบใส่อารมณ์เป็นที่สุด มีคนดึงแขนผมไว้ทำให้ผมลุกออกไปไม่ได้...อ้าว...ไม่มีนี่หว่า...แม่งใส่อะไรลงไปในเตาบารากุวะเนี่ย



“นายๆ..มีบุหรี่ป่ะ?” ผมหันไปถามคนข้างๆ ที่จำชื่อไม่ได้ จำได้แต่ว่าเราพูดคุยกันมาซักพัก แล้วเขาเรียนคณะ...เอ่อ....คณะอะไรว้า...


“ฮ่าๆๆๆ นายมีเหรอ?” มันหันมาหัวเราะ...เชี่ยตลกดีว่ะ ผมหัวเราะไปกับมัน เราสองคนขำกันจนลงไปนั่งกองกับพื้น จนผมรู้สึกว่าโลกกำลังหมุนตีลังกาอีกครั้ง เลยต้องงัดตัวเองขึ้นมา ไอ้หญิงกับไอ้แบงค์หายไป ผมเดินช้าๆ พยายามให้เป็นเส้นตรง แล้วหักเลี้ยวเอาเวลาเดินชนคน เพราะถ้าเราเดินเป็นเส้นโค้ง เราจะเดินเป็นวงกลมครับ เชื่อผม


“เอ็ม!”    


ผมหันไปตามเสียงเรียก ใครวะ... การมองเห็นของผมเริ่มตัดไปเป็นระยะ ขอบดำเริ่มลามเข้ามาในภาพ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมเดินไปหาห้องน้ำ เปิดก๊อก วักน้ำขึ้นมาล้างหน้า แล้วยืนพิงขอบอ่างมองหลอดไฟที่กำลังแตกเป็นสายรุ้งเจ็ดสีเหมือนเป็นสิ่งมหัศจรรย์


“เอ็ม...โห....ไหวมั้ยเนี่ย”
เชี่ย! พี่ปาร์ค เจอจนได้ ไม่ได้อยากเจอตอนนี้เลย ให้ตายเหอะ ขี้เกียจคุย น่าเบื่อ!

“สบ๊าย...”

“เนี่ยอ่ะนะสบาย ฮ่ะๆๆ” พี่ปาร์คเดินเข้ามาปัดผมบนหน้าผม

“อือ...” ผมพยายามเดินหลบออกไป แต่โดนล็อคตัวไว้

“หลบหน้าพี่ป่าวเนี่ย?”

“อือ...” ผมตอบแล้วพยายามแกะมือเขาออก ปล่อยกู! กูเวียนหัว!
“โห...อย่าล้อเล่นดิ!” พี่ปากขับแขนผม ทั้งสองข้างไว้ “คุยกันดีๆ เดี๋ยวพี่พาไปส่งที่ห้อง”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเพื่อนพาผมกลับ” ผมพยายามเดินออกด้านข้าง เริ่มมีคนเข้ามาในห้องน้ำ แล้วก็ตกใจเมื่อเห็นผมกับพี่ปาร์ค ก็เลยพากันเดินออกไป

“พี่! อายเค้า” ผมสลัดมือเขาออก

“เมาแล้วเกเรชะมัดเลยว่ะ มานี่มา!” พี่ปาร์คขยี้หัวผมเล่น ใครๆก็ชอบเล่นหัว ทำไมวะ เห้ยแล้วทำไม ใครดึง พี่ปาร์ค...ลากตัวผมออกไปจากห้องน้ำ ผ่านคนเพียบเลย คนมองเพียบเลย มีคนหัวเราะด้วย ผมหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง อยู่ดีๆหันกลับมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่ลาดจอดรถ ยืนพิงรถคนหนึ่งอยู่ พี่ปาร์คปล่อยมือผม ผมเอามือสองข้างจับหน้าผมไว้ ผมไม่ชอบเลยว่ะ เราคุยกันแค่เล่นๆนะ แล้วพี่แกก็แค่คันๆอยากได้ผม ผมก็ไม่ได้เล่นตัวนะ แต่ตอนนี้มันยังไม่มีจังหวะ อย่าตื้อได้ไหมวะ เด็กชิบหาย!


“พี่! ปล่อย ผมปวดหัว” ผมปัดมือเขาออก

“หลบหน้าพี่ทำไมอ่ะ...”

“ผมไม่ได้หลบ...ผมแค่ยุ่งๆ...พี่อย่าเยอะดิ” ผมจะเริ่มหลบก็ตอนพี่เซ้าซี้เนี่ยแหละ

“ไม่อยากคุยก็บอกดีๆไม่ได้เหรอวะ!” เขากดผมติดกับรถ

“พี่เป็นเหี้ยอะไรวะเนี่ย!!”

เราสองคนเริ่มมีปากเสียงกัน ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยมีแรง และภาพที่เห็นยังล่องลอยอยู่บ้างก็ตาม ผมรู้สึกว่าตัวโดนเขย่า โดนผลัก หัวผมกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง ผมไม่มีแรงจะตอบโต้ แล้วก็ไม่เจ็บด้วย เพราะหน้าชา มือชา ลอยวิ้งๆ ผมพูดอะไรออกไปบ้างไม่แน่ใจ แต่ส่วนมากเป็นคำหยาบ ผมเห็นหน้าไอ้หญิงอยู่ไกลๆ ไอ้หญิงกะโกนอะไรบางอย่าง ไอ้แบงค์อยู่ข้างหลังเป็นภาพช้า.......แล้วอยู่ดีๆได้หญิงก็มาอยู่ข้างๆผม ไอ้แบงค์ดึงพี่ปาร์คออกไป ทุกอย่างเกิดขึ้นช้ามาก...หน่วงมาก.... หน่วงมาก....หน่วงมาก มาก......


_____________________________________________

ตอนที่ 3 มาแล้วนะค้า  :L2:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2016 20:59:44 โดย Kanom »

ออฟไลน์ autopilot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกดีจังค่ะ ไม่มาอัพต่อแช้วเหรอออ อยากอ่านต่อน้า สู้ๆค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
หูยยยยย  :ling1:

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ลุ้นๆใครพระเอก ส่วนเรา#ทีมธีนพ  :hao6:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอ็ม มีเสน่ห์นะ ที่แน่ๆ ก็มีพี่แทน คบอยู่
พี่ปาร์ก พยายามคุยอยู่
ธีนพ นี่ยังสงสัย ต้องการให้แปลงาน หรืออย่างอื่น :katai1: :katai1: :katai1:
ไอ้มะระกู่ นี่ต้องเติมอะไรลงไปแน่เลย
ถึงมีผลทำให้เอ็ม เมา ตาพร่า คุมสติไม่อยู่
รอตอนใหม่
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ooomukooo

  • AngieAngel
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
    • AngieAngel
รอติดตามค่ะ ชอบๆ

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
___________________________________________________

“เอ็ม! เห้ย! มันตื่นแล้วๆ” เสียงไอ้แบงค์มาพร้อมกับการจับตัวผมเขย่าแรงๆ ผมรู้สึกหัวถูกกดทับด้วยอะไรบางอย่างที่หนักมาก ปวดหนึบไปทั้งตัว รู้สึกเจ็บแปลบๆที่มุมปาก ภาพทุกอย่างเป็นสโลว์โมชั่น  ผมนั่งอยู่บน...เบาะรถ เบะหนัง เอ... รถไอ้หญิงนี่หว่า

“แบงค์..” ผมจะถามอะไรมันสักอย่าง แต่เจ็บคอเหลือเกิน

“มึงแดกน้ำ” ไอ้แบงค์ส่งน้ำมาให้แล้วประคองตัวผมขึ้นเพื่อดื่มน้ำจากขวด “กี่โมงแล้ววะ” ผมถาม ไอ้แบงค์พยักหน้าไปทางหน้าต่าง ผมหันไปมองทางมัน...ผมเห็นแสงแดดสองผ่านกระจกรถเป็นดวงระยิบระยับ....เช้าแล้วเหรอวะ!


“เอ็มมึงฟังกูนะ...มันมีเรื่องนิดหน่อยวันนี้” แบงค์พยายามอธิบาย ขณะที่ไอ้หญิงบ่นด่าใครบางคนอยู่หน้าพวงมาลัยรถ

“พี่ปันโดนสั่งย้ายจากแผนกเด็กฝึกงาน...ทุกคนคิดว่าเป็นเพราะมึง...” แบงค์สรุปแบบรวบรัด

“ห๊ะ!...ทำไมวะ พี่ปันย้ายไปไหน แล้วกูเหรอ?” ผมแทบจะสำลักน้ำเมื่อครู่ออกมา

“กูไม่รู้...เอางี้ก่อน...เอ็มมึงเข้าเวรไหวไหม แบบเดิมเลย เดี๋ยวกูส่งมึงลงข้างหน้านะ แล้วมึงวิ่งไปเลย ห้องเดิม แบบเดิม”
“แบบไหนวะ” ผมถาม สมองทำงานไม่ทัน
“เข้าไปยืนๆอ่ะ...หญิงมึงบอกมันดิ๊ กูไม่รู้!”
“แบงค์....มึงไม่มีเรียนเช้าเหรอ?” ผมเพิ่งนึกได้ แล้วได้ยินเสียงไอ้หญิงตะโกนมา “แบบตอนประชุมกลุ่มไง อีโง่!”

“มีไง! แต่ไอ้หญิงมันแบกมึงไม่ไหวไง!”

“อ๋อออออ ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะ “กูขอโทด” แล้วยกมือไหว้มัน “มึงอาบน้ำแต่งตัวให้กูด้วยเหรอวะ!” ผมเพิ่งเห็นว่าตัวเองอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อย พร้อมป้ายชื่อตัวเอง โคตรเจ๋งงงงง ....ฮ่าๆๆ กูยังไม่หายเมานี่หว่า

“เออ! อย่าถามรายละเอียด!” ไอ้แบงค์ยกมือห้ามเมื่อผมอ้าปากจะถาม “คืองี้เอ็ม...ไม่มีใครเข้าแทนมึงเช้านี้ เพราะเค้าเกลียดมึงกัน...แต่มึงใจเย็นนะ!” ผมทำหน้าอึ้งจนไอ้แบงค์ต้องจับไหล่ผมไว้เบาๆ

“มึงอย่าสงสัย มึงอย่าคิดอ่ะ ทำๆไปก่อน ทำได้ป่ะ!” มันบอก
“อ่อๆ..เออ..เออได้ๆ” ถนัดเลย ถนัดมาก
“เออ! เดี๋ยวค่อยคุยกัน เอาแค่นี้ก่อน มึงทำได้นะ”

“เออๆๆ ได้ๆๆๆ” ผมพยักหน้า พยักหน้าโดยที่เห็นภาพเป็นแบบหน่วงและข้า และตามมาด้วยเส้นเลือดในสมองเต้นตุบๆ

“ลงค่ะ! ลงข้างหน้าเลย เดี๋ยวกูเอาไปหาที่จอดเอง” ไอ้หญิงตะโกนบอก แล้วส่งผมลงข้างๆกับจุดจอดรถของแขก แบงค์ผลักผมลงมา ผมยืนหมุนตัวไปมาโง่ๆ แล้วเดินเข้าไปทางหน้าประตูล็อบบี้ เหลือเวลาอีก 5 นาที ชิบหาย ถ้าขืนวิ่งไปกลัวจะไปอ้วกโชว์ในห้องประชุม เดินไปแล้วกันวะ การที่ผมเดินช้าๆไปที่ลิฟท์ราวกับมองข้ามสายตาคนรอบข้างเพราะกำลังเยิ้มอยู่ แม่งคงเหมือนซินเดอเรลล่าทอดกายไปในดงดอกไม้ นั้นทำให้เกิดเสียงซุบซิบนินทาไม่น้อยแน่ๆ อยากคุยกับพี่ปันจังเลย อยากเคลียร์ มันคาใจน่ะ มันต้องเป็นพี่แทนแน่ๆเลยตอนที่ผมบอกว่าขี้เกียจตื่นเช้า แล้วพี่แกจะจัดการให้ นี่วิธีจัดการของพี่เหรอ ผมลืมไปทุกทีว่าเขาเป็นคนแบบนี้ ไอ้คนแบบอยากได้อะไรก็ชี้นิ้วสั่ง ไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่น มองคนเป็นผักปลา แล้วนี่กูป็นผักหรือปลาสำหรับเขา ผักจับฉ่าย หรือปลาดิบดีวะ นึกแล้วหิวชิบหายเลย เพิ่งรู้ตัวว่าแสบท้องอยู่ พอรู้ตัวว่าหิวเลยรู้ว่าตัวเองกำลังจะหน้ามืด แต่พอกำลังจะหน้ามืด ก็พาตัวเองมาหยุดตรงหน้าประตูห้องพอดี


“อ้าว! ไอ้หนุ่ม ไม่เคาะประตูอีกแล้วนะ!” ลุงคนเดิมโวยวาย


“ลืมครับ...” ผมไหว้แกแล้วยิ้มแห้งๆ แกคงจะงงๆ ทุกคนในห้องนั้นก็เช่นกัน ผมเดินไปยืนมุมเดิมแบบเดิม ลุงแกเกาหัวแกรกๆแล้วหันไปพูดกับ อีกคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้า เป็นเด็กหนุ่มหน้าหวาน น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม ที่ดูดีมีชาติตระกูลกว่ามาก ผิวขาวจั๊ว หน้าใสอย่างกับกระจก จนอยากเดินไปถามว่ากินอะไรเป็นอาหารวะ “เอ้าต่อๆ เออ! มีเลขาแล้วง่ายขึ้นเยอะเลย”

เลขา...อ๋อออ ที่วันก่อนเขาไม่มานั่นเอง

“น้องแบมเป็นเลขาผมครับลุงเบญ ตรงที่โหลดเดี๋ยวผมหาคนอื่นมารับเอง...” คุณธีนพพูดแบบเดิม แบบที่ไม่เงยหน้าขึ้นมาจากการทำอะไรก็ตามของเขา ส่วนนี่ก็น่าจะเป็นเลขาเขาสินะ ผมเพิ่งสังเกตุเห็นองค์ประชุมหายไปคนหนึ่ง หายไปไหนหว่า ผมยืนปล่อยให้สมองล่องลอยไปพร้อมกับยืนไกล้ๆตู้กดน้ำร้อนแบบเดิม แล้วนึกขึ้นได้ว่า ไอ้โต๊ะที่เขาใช้อยู่นี่เองที่ผมกับพี่แทนขึ้นไปเล่นท่ายากกันมาเมื่อวันก่อน นึกแล้วก็ขำ ทั้งอายทั้งขำ แต่ที่แย่ก็คือยืนขำอยู่คนเดียว เลยต้องหันหลังให้กลุ่มคน แล้วยิ่งแอบ แม่งยิ่งขำ
การหมุนตัวไปมาแล้วกลั้นหัวเราะอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการพะอืดพะอมชั่วขณะ ผมเริ่มรู้สึกทรมาณก็ตอนที่หน้าเริ่มหายชา แขนขาเริ่มกลับมามีความรู้สึก บางส่วนของร่างกายปวดจนเจ็บ ที่มุมปากผมน่าจะมีรอยช้ำเล็กๆ เจ็บซี่โครง และปวดท้องเพราะหิวข้าวไปด้วยกันนี่ไม่ตลกเลย ต้องหาทางเบี่ยงเบนความสนใจของร่างกาย ตามความเคยชินแล้ว พี่แทนมักจะเป็นสิ่งแรกที่ผมคิดออก
   
M : วันนี้เข้าป่ะคับ


ไม่ตอบ.....

ผมยืนปัดหน้าเฟสบุ๊คตัวเองเล่นไปพลางๆ เพื่อนๆด่ากัน  กินเหล้า อกหัก แชทแจ้งเตือนค้างไว้เกือบร้อยที่ผมไม่ได้อ่าน ผมกดเข้าไปดูว่าในนั้นมีอะไรบ้าง  แล้วสิ่งแรกที่ผมเจอก็คือ..

Chanakarn : เอ็มอ่านไลน์พี่หน่อยสิ
Chanakarn : เอ็มพี่ขอโทษนะ
Chanakarn : คุยได้ไหม

ชนะกานต์ ชนากาน ใครวะ ? ผมกดเข้าไปดูภาพ

ชิบหาย!.....พี่ปาร์ค.... ขึ้น read แล้วด้วย แสนรู้จริงๆเลยนะแอพมึง

ผมขี้เกียจตอบอ่ะ จะให้ตอบว่าอะไรวะ คิดไม่ออก เดี๋ยวค่อยคิดแล้วกัน

สุดท้ายผมเก็บโทรศัพท์ไปด้วยอาการประสาทแดกเล็กน้อยจากเมื่อคืน พยายามนึกไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมจำได้แค่ท่อนที่ผมเข้าไปในร้าน ทักทายเพื่อนฝูงนับสิบ ผมยืนคุยกับพี่ต้อม เจ้าของร้าน  ไอ้หญิงร้องไห้เพราะเมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ โต๊ะข้างๆน่าจะเป็นเด็กสถาปัตย์ ผมไปนั่งกับเขาเพราะ.... เพราะอะไรจำไมได้ เอาเป็นว่าเพราะเมาแล้วกัน และสุดท้ายคือเตาบารากุใส่กัญชา และเสียงเชียร์รอบโต๊ะว่าใครจะควันเยอะกว่ากัน ผมจำได้ว่าผมสูบบุหรี่สลับกับเบียร์ กัญชา โอ้ย แขนขายังอยู่ครบก็ดีแล้ว

การประชุมที่เริ่มดุเดือดดึงสติของผมกลับมาได้บางส่วน เมื่อมีใครคนหนึ่งลุกขึ้นมาเอามือถือตบโต๊ะดังปัง! ผมหันไปมองคนที่กำลังลุกขึ้นบ่นด่าไปทางพี่ธีนพ
“เห้ย! ให้มันน้อยๆหน่อยนะ ไอ้หนุ่ม!”
“ผมสุภาพแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะพูดตรงๆแล้วนะครับ” พี่ธีนพลุกขึ้นบ้าง
“เห้ยๆ! พวกลื้อ อายเด็กๆมัน นั่งๆก่อนน่าเฮีย” ลุงเบญลุกขึ้นปราม

ผมหันไปมอง แต่ก็พยายามที่จะไม่มองไปด้วย หันไปหันมามากก็ไมได้อีก จะเสือกก็เสือกได้ไม่สุดจริงๆ

“พอแค่นี้ก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวเรื่องนี้ผมนัดมาคุยทีหลัง รบกวนออกไปก่อนนะครับ ผมขอเคลียร์กับเลขาก่อน” ธีนพพูดตัดบทเสียดื้อๆ ลุงเบญพยายามประคับประคองสถานการณ์ ที่ตึงเครียดให้ผ่อนคลายลง และค่อยๆเกลี้ยกล่อมให้ทุกคนทะยอยออกไป แต่ไม่ยักกะมีใครสนใจผมที่เริ่มรู้สึกหน้ามืด พะอืดพะอม เด็กฝึกงานอะไรมานั่งฟังประชุมสำคัญ ไล่ผมออกไปทีเถอะ

   
“พี่ธี...บอกเขาไปเลยจะดีเหรอครับ” แบมถาม
“หื้ม?...ไม่เป็นไรหรอก พี่คุยกับทนายแล้ว”
“อ๋อครับ...”
“ไม่น่าจะมีอะไรแล้วแหละ...แบมทานข้าวกับพี่ไหมครับ?”



ผมครับ...ผมทานครับ ได้แต่คิดในใจ เร็วๆเหอะ ได้โปรด กูหิว หน้ามืดแล้ว



“ได้ครับพี่...”
“ลงไปจองโต๊ะไว้ให้หน่อยนะ เดี๋ยวคุยโทรศัพท์เสร็จพี่ตามไป” พี่ธียิ้มด้วยว่ะ น้องแบมนี่ใช่เลขาแน่เหรอพี่ ทีผมชวนนะไม่ไป หรือเค้าจะชอบสไตล์เด็กๆใสๆ บอกตรงๆนะทีแรกไม่คิดว่าจะชอบผู้ชายด้วยซ้ำ ผมก็ชวนคุยไปเรื่อยตามปกติของผมนั่นแหละไม่ได้หวังอะไรเลย เรียกว่าไม่กล้าหวังดีกว่า ลองเทียบตัวเองกับน้องเขาแล้วไม่รู้จะพูดอะไร... รู้แต่ว่าหิว คุณพี่จะนั่งอีกนานไหมครับ


เสือกคุยโทรศัพท์อีก!
      

พอไม่มีเหตุการณ์มาดึงความสนใจไว้ ผมเริ่มยืนไม่ค่อยอยู่ ต้องเอามือค้ำโต๊ะกาแฟไว้ สีดำคลืบคลานเข้ามาในทัศนวิศัย เหงื่อออกที่มือ แสบท้อง จุกที่ลิ้นปี่ ปากชา หูอื้อ ผมหลับตาแล้วนับถอยหลัง กูจะเป็นลมใส่โต๊ะกาแฟก็ไม่ได้ ทำไงดี ต้องออกไปจากห้องก่อน ต้องหาที่ทิ้งตัวแล้วล่ะ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เตรียมพร้อม ก่อนหันหน้าไปทางประตู


“ไหวไหมครับ” แต่ไม่เจอประตู...เจอคนแทน ธีนพยืนขวางทางระหว่างผมกับประตูอยู่ พี่แกวางโทรศัพท์ลงพอเห็นหน้าผมชัดๆ

“ไหวครับ...” ผมเกือบจะไม่มีแรงพยักหน้า

“ไม่ไหวหรอก ไปห้องพยาบาลเถอะครับ” พี่เขาเดินมาเพื่อมองหน้าผมไกล้ๆ ไกล้มากจนผมต้องถอยไปติดกับโต๊ะกาแฟด้วยความประหม่า ยังไม่พอ ยกมือขึ้นมาทาบหน้าผากผมอีก พี่ครับ...อย่า ผมขอร้อง ไม่รู้จะเป็นลมเพราะอะไรกันแน่แล้วตอนนี้ หัวใจผมเต้นโครมครามอย่างกับเด็กม.ปลาย ไอ้บ้าเอ้ย มือเขาเลื่อนลองจากหน้าผากมาที่แก้ม เขาสังเกตุเห็นรอยช้ำบนหน้าผมแน่ๆ มือเขาค่อยๆลงไปที่คอ แทบจะไม่ต้องจับชีพจรก็รู้ว่าหัวใจผมเต้นแรงแค่ไหน น่าอายชะมัดเลย

“ผมไปไม่ได้หรอกครับ” ฟังเรื่องจากไอ้หญิงไอ้แบงค์แล้วผมไม่คิดว่าควรจะไปเจอใครเลยในตอนนี้ บวกกับไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าโดนตรวจเลือดจะเจออะไรบ้าง



คุณธีนพจ้องหน้าผม ยังไม่วางมือจากชีพจร เขาพยายามสบตาผมไม่ลดละ ผมทำได้แค่มองไปที่ปกเสื้อเค้า ยินดีอย่างยิ่งที่ประสาทตายังไม่สามารถโฟกัสได้ดี



“งั้นนอนนี่แหละ” เขาสอดมือเข้ามาโอบเอว ผมขืนตัวไว้ด้วยความที่ตั้งตัวไม่ทัน ให้ตายเหอะ “อย่าเกร็งสิ....เดินไหวไหมครับ” โอย...ถ้าไม่ไหวจะอุ้มไหมครับ...
เขาประคองร่างผมลงไปวางบนโต๊ะประชุม แล้วดึงผ้าคลุมโต๊ะอีกผืนมาพับเป็นหมอน สอดเข้ามาให้หนุน...พี่ครับ...พี่ทำอาชีพอะไรกันแน่วะเนี่ย




พี่ครับ............หยุดเถอะ




พี่ครับ.............ผมหวั่นไหว




“เอ็มครับ.....”



ผมหลับตา แต่ได้ยินเสียง กลัวจะไปสบตาเข้า กลัวใจตัวเองชิบหาย....



“น้องเอ็มครับ....”



ผมยังหลับตาอยู่ แกล้งหลับแม่งเลย มือเขาแนบลงมาบนในหน้าผม ปัดผมบนหน้าออก นิ้วไล่ลงไปแก้มเบาๆ ไปถึงริมฝีปาก......

................

...............

...............


พลาดแล้วกูู...........

___________________________________________________

จบตอน3 ความพลาดที่แท้จริงของน้องมาแล้วค่ะ  :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2016 19:50:44 โดย Kanom »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
4.

สุดท้ายผมต้องยอมตื่นขึ้นมาหลังจากได้กลิ่นอาหาร ผสมกับอาการปวดหลัง ปวดคอ พี่ธีนพนั่งกินข้าวกะเพราอะไรสักอย่างอยู่ แล้วเหมือนจะอ่านกระดาษอะไรไปด้วย เขาทักผมที่ลุกขึ้นมานั่ง “กินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยไป” แล้วดันจานข้าวมาให้ เป็นกะเพราะไก่ไข่ดาวโง่ๆ กับน้ำเปล่าหนึ่งขวด ที่ผมจะจำไปชั่วชีวิต

“ขอบคุณครับพี่” ผมหันไปไหว้เขา แล้วถัดตัวเองลงจากโต๊ะ มานั่งเก้าอี้ แล้วตักข้าวใส่ปาก พอร่างกายได้สัมผัสกับอาหาร สติสัมปชัญญะก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง อาการวิงเวียนยังคงมีอยู่บ้าง ผสมกับภาพช้า แต่อย่างน้อยก็ไม่ปวดท้อง ไม่รู้สึกอยากทิ้งตัวแล้ว
“ทำไมไม่ไปห้องพยาบาลเหรอ” เขาถาม...เป็นคำถามที่ผมไม่อยากตอบที่สุดเลย
“เอ่อ...ผม....ผมกลัวเข็มครับ” ต้องมั่วแล้วล่ะ ปรากฎว่าเขาขำพรืดออกมา แล้วเงยหน้ามายิ้มให้ “ขอโทษที ไม่น่าถามเลย” ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ใจผมกระตุกข้ามบีทไปครับแล้วจังหวะจะโคนพังพินาศหมด รีบๆแดกดีกว่า ก่อนที่จะเพ้อเจ้อไปมากกว่านี้
“พี่ครับ ค่าข้าวเท่าไหร่เหรอครับ?” ผมถาม
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ มันอยู่ในงบงานสัมมะนา”
“แต่ผมเป็นเด็กฝึกงานนะครับ...เอ่อ...มันจะ” ผมยังไม่ทันได้พูดจบ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเลี้ยง” เขาตอบแทรกขึ้นมา
“เอ่อ....อ่า..” ผมนั่งอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น ได้แต่พูดแค่ว่า “ขอบคุณมากครับพี่” เนื่องจากผมยังไปไหนไม่ได้จนกว่าพี่แกจะออกจากห้อง เลยต้องหาอะไรทำแก้เขิน “พี่รับกาแฟไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรครับ” เราสองคนจัดการกับอาหารเที่ยงเรียบร้อย ผมได้โอกาศออกไปจากห้องนี้เสียที  “เดี๋ยวผมเก็บจานให้นะครับ” เขาพยักหน้าแล้วดันจานข้าวเปล่าๆมาให้ ให้ก่อนที่ผมเก็บจานเราสองคนซ้อนกัน “ขอบคุณนะครับพี่” ผมขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินออกมา โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเอาไปไว้ไหน ผมโบกมือลาเขาหน้าประตูห้องเพราะมือไม่ว่างจะสวัสดี เขามองผมงงๆก่อนจะเพิ่งเข้าใจว่าผมจะไปแล้วนะ เขาโบกมือเงอะๆงะๆเหมือนคนบ๋ายบายไม่เป็น ผมปิดประตูห้องออกมายืนยิ้มลอยๆ ก่อนจะเจอเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินสวนมาจะเข้าห้องพอดี
“เอ่อ...ขอโทษครับ ขอเปิดกระตูหน่อยครับ” น้องแบมตัวน้อยนั่นเอง ตัวเล็กอย่างกับเด็กผู้หญิง สูงไม่น่าจะถึงร้อยเจ็ดสิบด้วยซ้ำ แถมดูบอบบางกว่าอีหญิงเยอะ น้องเข้าส่งยิ้มให้ผมได้สติ ฉากหลบแทบไม่ทัน “อ๋อ...ครับ” นี่เลขาจริงเหรอวะ เลขาต้องมุ้งมิ้งขนาดนี้เลยเหรอวะ ห๊ะ... พี่ชอบแบบนี้ใช่ไหมพี่! แล้วกูจะไปยุ่งอะไรเรื่องของเขาวะเนี่ย อยากตบหน้าตัวเองให้ตื่นจริงๆ

   ___________________________________

ผมเดินฝากจานไปจับแม่บ้านที่เดินเจอระหว่างทาง ที่ทำหน้างงใส่ว่าทำไมมึงไปเอาไปเก็บเอง ผมตีเนียนจากมา และออกไปเดินเล่นแถวสระว่ายน้ำแล้วค่อยขึ้นไปเก็บของในห้องประชุม แต่ทีศัพท์ดังเสียก่อน

“ไงมึง...” ผมรับสายหญิง
“มึงอ่ะเป็นไง?” เสียงมันดังมากเหมือนยืนอยู่กลางถนน
“กูโอเคแล้ว...นี่มึงอยู่ไหนเนี่ย”
“กรุ๊ปทัวร์จ้า...กูออกมาหอศิลป์ พาพวกนางมาเดินซื้องาน ยุ่งชิบหาย”
“เออ อยากไปมั่งว่ะ เบื่อ กูมีแต่โต๊ะกาแฟกับ.....” พอพาอารมณ์ให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้หน้าก็ร้อนขึ้นมา
“กับไร?”
“เดี๋ยวกูค่อยเล่าได้มะ เดี๋ยววันนี้กูไปหามึงที่ห้อง”
“เออมึง...ระวังพวกอีตูนไว้นะ...”
“ตูนไหนวะ....” ผมนึกถึงคนชื่อตูนทั้งหมดในชีวิต ซึ่งมีเกินครึ่งโหล
“พวกอีตูนนน อ่ะเด็กฝึกงานกลุ่มพี่ต้าร์อ่ะ”
“ใครคือพี่ต้าร์วะ!” งงหนักกว่าเดิมอีก
“เออมึง! อย่าไปยุ่งกับคนที่มึงไม่รู้จักอ่ะ มีแต่คนนินทามึงอ่ะตอนนี้”
ผมคิดทบทวนคำว่า ‘คนไม่รู้จัก’ อยู่ซักพัก ไอ้การนินทาเนี่ยทำอะไรมไม่ได้หรอก แต่ผมไม่ชินเลยกับสภาพไม่มีเพื่อน มันเกิดขึ้นได้ยังไงวะ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากผู้คนมาก่อน แบบนี้หรือเปล่าคือที่ไอ้นนท์รู้สึก นี่แม่งคือสิ่งที่เรียกว่ากรรมตามสนองใช่ไหม

“เออๆ ก็ได้วะ” ผมตอบ
“รอนั่นแหละ เสร็จแล้วกูไปหา”
   

หลังจากวางสายจากไอ้หญิง อารมณ์ผมเหมือนคนซึมเศร้าบอกไม่ถูก มันกระสับกระส่ายต้องการทำอะไรสักอย่าง มือผมกดโทรไปหาพี่ปันโดยอัตโนมัติ


......กรุณาฝากข้อความหลังสัญญาณต่อไปนี้ค่ะ....


“พี่ปันครับ...นี่เอ็มนะ...ถ้าพี่ว่างโทรหาผมหน่อยสิ ขอบคุณครับ”

   
เซ็งว่ะ....แม่ง พี่แทนก็ไม่ตอบไลน์ โทรไปก็คงไม่รับ



 ผมเดินล่องลอยไปทั่วจนถึงเวลาที่คิดว่าคงไม่มีใครอยู่ที่ห้องประชุมแล้วจึงกลับขึ้นไปเก็บของตามปกติ ถอดปลั๊ก ปิดไฟ เก็บโต๊ะเก้าอี้ให้เข้าที่อยู่คนเดียว ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้ลำบากเลย เพราะผมถนัดมากงานกรรมกรเนี่ย
“ว้า...กูมาไม่ทันช่วยมึงยกอ่ะ!” เสียงไอ้หญิง ร่าเริงมาเชียว
“ไม่ต้องเลยมึง...อารมดีไรวะ”
“เอ้า!...กูอารมณ์ดีไม่ได้เหรอไง”
“มึงดีผิดปกติ สารภาพมา”
“เดี๋ยวกูเล่าตอนถึงหอ...แลกกับเรื่องของมึง โอเค้?” มีชูนิ้วโอเคให้ด้วยนะ
“เออไปๆ เดี๋ยวกูโทรบอกแบงค์ให้ซื้อเบียร์มาด้วย”
“เออ ต้องเมา เมาแล้วค่อยเม้า! เร็วๆๆ ไปๆๆๆ” มันกอดแขนผมแล้วลากออกไปนอกห้องด้วยความรีบอยากกลับไปเม้ามอย พออยู่หน้าประตูผมแกล้งผลักมันออก “เกะกะว่ะเตี้ย...ถอยไปจะปิดประตู!” มันตบไหล่ผมแรงๆ แล้วบ่นงุ๊งงิ๊งๆอยู่คนเดียว ผมรู้สึกชื้นใจขึ้นเยอะเมื่อมีมันอยู่ เราเดินคุยกันไปหัวเราะกันไปตลอดทางจนลงลิฟท์ ไปยันลานจอดรถ ผมอยากกลับหอมันใจจะขาด เอาตัวออกไปตั้งสติกับเพื่อนนี่แหละดีที่สุด แต่เหมือนอะไรๆมันจะไม่ง่ายอย่างนั้น
   
“เอ....คนไหนเป็นเด็กของป๋ากันแน่เหรอ...” ผมกับมันหันหลังไปตามต้นเสียง ด้วยความที่ลานจอดรถมันสะท้อนน่ะ เลยตกใจกันหมด “น้องผู้หญิง...น้องหรือผู้ชายอ่ะ..” ซึ่งต้นเสียงที่ว่านั่นก็คือ...เจ้หยกนั่นเอง..เจ้หยกเนี่ยนะหาเรื่องผม ไม่อยากจะเชื่อ! แล้วอีกสองสามคนนั่นเด็กฝึกงานรุ่นราวคราวเดียวกันนี่เอง จำหน้าได้ แต่จำชื่อไม่ได้
“ใครอ่ะ....สะเหร่ออ่ะ!” ไอ้หญิงสวน ผมตะครุบมันไว้แทบไม่ทัน! ถ้าโดนอีหญิงตบเจ้แม่งเละแน่ๆ แล้วผมกับมันก็คงจะติดคุกไปด้วยกัน “ไม่เอาๆ..อีหญิง...กูไม่เอานะ” ผมบอกมัน ไอ้เจ้หยกที่ยืนพิงเสาอยู่ดับบุหรี่ เดินมาไกล้ผมกับหญิง เด็กๆเดินตามมาอย่างกับลูกสมุน ดูไม่ออกว่ามาจะห้ามหรือจะมาผสมโรงด้วย

“เจ้...ไม่เอาแบบนี้ดิ มีไรไว้ค่อยคุยกัน...” ผมเดินออกไปซ้อนด้านหน้า ดันไอ้หญิงไปข้างหลัง ผมสูงกว่าเจ้หยกนิดหน่อย เลยไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่

“เจ้ไม่มีอะไรจะคุยหรอกนะ น้องเอ็ม...คนเขารู้กันหมดแล้วว่าน้องทำอะไรไว้” เจ้พูดจาแดกดัน ผมก็โมโหนิดๆวะ กูเนี่ยนะจะไปทำอะไรใคร คิดสิ คิด! หูเบาชิบหาย “เจ้...นี่ผมเองนะ....ผมทำอะไร เจ้บอกผมหน่อยได้ไหม?” ผมพยายามพูดแล้วโบกไม้โบกมือแบบโง่ๆใส่หน้าเขา ให้เขาได้สติ “เสียดายเนอะ ข้างนอกใส เน่าข้างในนี่หว่า!” เจ้เน้นเสียงใส่ “อะไรของเจ้อ่ะ...พูดไม่รู้เรื่องว่ะ พอเหอะๆ เอาไว้วันหลังเหอะ....หญิง...กลับเหอะ” ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ เอาวะ แค่ด่าก็ด่าไปอย่าทำรุนแรงใส่กันก็พอ คิดยังไม่ทันจบ ไอ้หญิงก็วิ่งหลุดออกจากผมไปผลักอีเจ้! ชิบหาย! ผมกำลังวิ่งเอาตัวเข้าไปขวางระหว่างตุ๊ดกับผู้หญิงแรงควาย เอาวะ ตายเป็นตาย

“เจ้! ไม่เอา! หญิง! หยุด! โอ้ย! เบา...เบ๊า! เจ็บ!” ผมดันไอ้หญิงที่ทั้งตบทั้วข่วนออกไปจากอีเจ้ข้างหลังที่พยายามจะหมุนดันตัวผมออกไป ทำไมกูต้องมาช่วยมึงด้วยเนี่ยอีเจ้ แต่ขณะที่ผมกำลังอยู่ท่ามกลางดงตีนนั่นเอง มีใครสักคนจากฝั่งเจ้แกวิ่งมา ตบหน้าไอ้หญิงแรงๆดังเพี๊ย!!


ทั้งภาพและเสียงก้องอยู่ในโสตประสาทผม....ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้มันเป็นแค่ความหงุดหงิดรำคาณ....ตอนนี้แหละที่เรียกว่าโมโห ดั่งคำว่าเลือดขึ้นหน้า ผมวิ่งเข้าไปล็อคตัวสาวคนนั้นไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ พยามอย่างยิ่งที่จะไม่ทำอะไรรุนแรง แต่อารมณ์มันยากที่จะควบคุมจริงๆ

“เห้ย!! ทำบ้าอะไรวะ!! เพื่อนกูเกี่ยวอะไรวะ!!” ผมตะคอกใส่หน้าเขา อ๋อ....คนนี้เองสินะ น้องตูน....ผมจำได้แล้ว เสียงรอบข้างดังโหวกเหวกโวยวายตามมา แม้แต่ไอ้หญิงกับเจ้หยกยังยืนอึ้ง แต่ผมไม่สนใจ

“มึงเอาไง!! ไหนมึงพูดมาดิ!! กูอยู่นี่แล้วเนี่ย!!”

“กรี๊ดดดด! ปล่อย!! ฮือๆๆๆ ช่วยด้วยค่ะ พี่!” เธอเริ่มสะอึกสะอื้นร้องไห้ นั่นทำให้ผมได้สติกลับมา ตอนที่พี่ยามวิ่งเข้ามา ผมโดนกระชากตัวออกไป โดนกระบองยางฟาดที่แขน เจ็บชิบหาย ไอ้หญิงวิ่งมาดึงตัวผมออกไป เริ่มมีคนมองพวกเราจากหลายทิศทาง เจ้เข้าไปปลอบน้องๆของแกแล้วตะโกนด่าพวกผมอยู่นาน


ยังดีที่ผมสนิทกับพี่ๆรปภ.บางคน เพราะเราไถบุหรี่กันไปมาบ่อยๆ พี่แกเลยไม่ได้เอาความอะไร และเจ้หยกก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของคนพวกเขาซักเท่าไหร่ ผมเลยได้กลับบ้านพร้อมกับแผลข่วนของไอ้หญิงที่แขน และรอยช้ำตามตัวพอเป็นธรรมเนียม ผมไม่ใช่คนบอบบางร่างเล็กอะไร คิดซะว่าไปเตะบอลมาซักเกมนึงก็พอได้อยู่

“เอ็ม....กูขอโทษ...มึงเจ็บมากมั้ยอ่ะ” ไอ้หญิงพูดเสียงอ่อยขณะขับรถ หลังจากที่มันก่นด่าพวกเจ้หยกจนหมดแรง ....วันนี้มีคนขอโทษผมเยอะแฮะ
“ไม่เป็นไร...มึงอย่าคิดมาก....มึงอ่ะเจ็บมั้ย”
“ไม่เจ็บอ่ะ กูโมโหมากกว่า....มึงควรจะบอกพี่แทนไหมวะ...”
“บอกดิ! พี่แม่งเป็นคนสั่งย้ายพี่ปันนี่หว่า!”
“ปัญญาอ่อนชิบหาย ผัวมึงอ่ะ โตแล้วนะ.... หาเรื่องให้มึงชัดๆ”
“กูเองแหละที่ปัญญาอ่อนไปบอกเค้า...เค้าเป็นอย่างงี้แหละ กูลืมเอง....แล้วกูบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกว่าผัว!”
“มึงจะกลับไปฝึกงานได้เหรอวะ...แบบนี้แม่ง มึงยิ่งโดนแกล้งแน่ๆ” มันไม่สนใจที่ผมพูดเลย
“เดี๋ยวกูให้พี่แทนย้ายแผนกให้...มึงด้วย มึงอ่ะจะอยู่ยังไง มากับกูนี่แหละ”
“มึงแน่ใจนะว่าพี่แทนมึงไม่ติงต๊องย้ายเราไปทำอะไรโง่ๆ...”
“เออ...เดี๋ยวเราก็ช่วยกันคิดไง แล้วกูจะไปขอเค้าเอง”



ผมกับไอ้หญิงเปิดตารางกรุ๊ปของสัปดาห์หน้าดู ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ทั้งหมดนี้คืองานสัมมะนาของ ยูโอกรุ๊ปหรือกลุ่มผู้ร่วมทุนธุรกิจท่องเที่ยงการโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดที่ผมทำก็คือยืนหาไออุ่นจากเครื่องทำน้ำร้อนในห้องประชุม นอกจากนั้นผมเพิ่งได้รู้ว่ามันกินเวลาเกือบเดือน ทั้งกิจกรรมต่างๆรวมไปถึงการประชุมของบอร์ดบริหารที่มักจะล่าช้าและซ้ำซาก
“เราย้ายไปตรงไหนได้มั่งวะ..” ไอ้หญิงถาม ผม และแบงค์ กำลังเปิดฝาเบียร์กันคนละขวด เราเข้ามามุงกันที่จอโน๊ตบุ๊คของมัน
“มีแต่งานเลขา กูทำได้นะ แต่มึงอ่ะดิ” มันหันมามองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม “กูไม่ทำก็ได้วะ เดี๋ยวกูให้พี่แทนเขียนโม้ๆไป” ผมตอบ
“อีคนขี้โกง! กูไม่มีเพื่อนก็เพราะมึงและผัวมึงนะ จะไม่อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยเหรอ!” เออมันพูดถูก
“เออๆ มีงานพวก ยาม แบกหามไร ให้กูทำมะ...เห้ยๆ กูเลนดนตรีได้นะ!”
“แล้วมึงจะอยู่เป็นเพื่อนกูยังไง!”
“เออ มึงควรอยู่ด้วยกันนะ อย่าแยกกันอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นมึงจะได้ช่วยกันไง” ไอ้แบงค์แทรกเข้ามา แม่งพูดเข้าท่าด้วยสิ
“มีตลกมั้ยวะ ไปเล่นตลกกัน หญิง! กูกะมึงเล่นตลกได้นะ!” ผมชวนมัน
“ขอสาระได้มะ....”

หลังจากที่มันขอสาระ พวกผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก.... ผมกับแบงค์นั่งรูดเฟสบุ๊คดูรูปตลกๆตอนที่เราไปเที่ยวกัน รูปผมแก้ผ้าว่ายน้ำในทะเลตอนกลางคืน  รูปไอ้หญิงเมาหน้าทิ่มอยู่ที่ชายหาด ไอ้เต๋า ไอ้ปู ไอ้เนม และเพื่อนๆอีกเป็นสิบๆคนในสารรูปดูไม่ได้ มันเป็นฟูลมูนปาร์ตี้ที่สุดยอดมากๆ

“เออเอ็ม...มึงมีอะไรจะเล่าให้กูฟังเหรอ” ไอ้หญิงหันมาถามผมกับไอ้แบงค์ที่หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน
“เออ...ขอกูเมาอีกหน่อยนะ” ผมหันไปตอบมันแล้วเปิดเบียร์ขวดใหม่ ขณะที่เรากำลังดูรูปไอ้หญิงเต้นท่าชาวเกาะอยู่ ผมก็ได้รับข้อความใหม่เข้ามารัวๆ

Chanakarn : เอ็มพี่โทรไปได้ไหม
Chanakarn : คิดถึงมากนะ
Chanakarn : ขอโทษด้วยนะ
Chanakarn : พี่ขอโทรไปนะ อย่าโกรธพี่เลยนะคับ

ผมกับแบงค์มองหน้ากันเหมือนเห็นผี เหมือนโทรศัพท์เป็นลูกระเบิด


แล้วเสียงเรียกเข้าก็มา.....


ผมตัดสายทิ้งตามสัญชาติญาณ

“มึงไม่รับอ่ะ” แบงค์ถาม
“กูไม่อยากคุยกะคนนี้แล้วอ่ะ”
“ทำไมวะ...มึงเบื่อเหรอ?”
“เค้าชอบตื้ออ่ะมึง เค้ากดดันกูอ่ะ” ผมตอบมันไปพร้อมกดตัดสายโทรศัพท์อีกรอบ “คือเค้าก็หล่อดีนะ กูชอบนะ แต่พอคุยๆไปแล้วเฉยๆว่ะ”
“มึงไม่ต้องตัดสายก็ได้นะ แค่วางไว้แล้วปิดเสียง มึงตัดเค้าก็ยิ่งโทรดิวะ”
“เออถูกๆ” ผมเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นโหมดเงียบแล้วโยนขึ้นไปบนเตียง
“ทำไมมึงไม่ปี้ๆให้มันจบไปวะ เค้าจะได้เลิกงองแง” แบงค์ถามคำถามจี้ใจ “แม่งหล่อกว่ากูอีก” มันพูดขณะที่กำลังส่องเฟสบุ๊คพี่ปาร์ค
“กูกลัวแม่งจริงจังอ่ะดิ กูชวนไปดูหนังแล้วรอบนึงแล้วไง แล้วแม่งดูแบบเด็กๆอ่ะ กูไม่อยากสานต่อ” ผมบอก แบงค์หัวเราะ “เออกูเข้าใจ”

“กูไม่เข้าใจ!!” ไอ้หญิงแว้ดขึ้นมากลางวง ผมกับแบงค์สะดุ้ง “ผู้ชายแม่งเป็นอะไรกันวะ!! ทำไมไม่ชอบคนจริงจัง กูถามหน่อยเหอะ!!”
“กูเป็นเกย์ กูไม่เกี่ยว” ผมรีบปัดไปทางไอ้แบงค์
“กู....ชอบนะคนจริงจัง แต่ก็ต้องเป็นคนที่กูจริงจังด้วยไง ไม่ใช่ทุกคนป่าววะ”
“ถูกกกกก”  ผมยกขวดเบียร์ชนกับมัน “ถูกต้องครับผมมม”

“แล้วคนที่มึงไม่ได้ชอบ มึงจะไปคุยกับเค้าทำไม...” ไอ้หญิงยังไม่จบ
“ก็ชอบบบบ...แต่ไม่ได้ชอบขนาดนั้นไง”  ผมชี้แจง “เก็ทป่ะ...ทีเพื่อน ยังมีเพื่อนธรรมดา กับเพื่อนสนิทเลย ก็แบบเดียวกันแหละ” ไอ้หญิงยังทำหน้าไม่เข้าใจ “สมมุติว่าเพื่อนที่มึงไม่สนิท อยู่ดีๆมานอนค้างที่ห้อง มาแดกของในตู้เย็นมึง มึงจะชอบมะ?” ผมอธิบายต่อ   
“แถสัด...” มันตอบกลับพร้อมทำหน้าเหม็นเบื่อ ผมจิ๊ปากแบบเบื่อหน่ายแล้วส่งเบียร์ให้มันแทนคำตอบของทุกๆอย่าง



   
“ฮือออ...เอ็มมมมม กอดกูหน่อย” ไอ้หญิงทิ้งตัวใส่ผม หัวมันกระแทกขวดเบียร์ในมือผมด้วยแต่ดูไม่ยักจะเจ็บ แสดงว่าเมาได้ที่ “โอ๋นะเตี้ยนะ” ผมกอดมันกลับ ไอ้แบงค์โดดเดี่ยว
“กูอยากโทรหาพี่กาย...ซิกๆ” พี่กายแฟนเก่ามันนั่นเอง
“ไม่เอา! คุยกับกูนี่มา ไหนมึงบอกมึงจะเล่าอะไรให้กูฟัง” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“อ๋ออ ...เอออออ....พี่สิงห์ขอเบอร์กู!” มันลุกขึ้นมาร่าเริงทันที “มึงงงง!! จำได้ไหมพี่สิงห์อ๊ะ!” มีเหรอผมจะจำหนุ่มหล่อในวันปฐมนิเทศไม่ได้ พี่สิงห์แห่งแผนกพีอาร์ จริงๆก็กะว่าจะแวะไปเต๊าะเล่นซะหน่อยอยู่เหมือนกัน แต่ดันไม่ค่อยได้เจอ
“เกย์.....” ผมตอบ
“อะไรนะ?”
“เกย์....เกย์ร้อยเปอร์เซ็นต์” ผมย้ำ
“เค้า...ขอ...เบอ...กู...” ไอ้หญิงทวนทีละคำ
“เกย์...แน่...นอน” ผมพูดช้าๆ ชัดๆ “เดี๋ยวกูพิสูจน์เอง”
“พิสูจน์อะไร! มึงจะทำอะไรพี่เค้า!” มันตบไหล่ผมดังผลั่ก “มึงห้ามเยพี่เค้านะ!”
“เออ! กูไม่เยเค้าแน่ๆ... แต่ถ้าเค้าจะเยกู กูช่วยไม่ได้นะ” ผมหันไปยักคิ้วกวนตีนใส่ มันดึงขวดเบียร์ไปจากมือผม
“เออ!...ก็ได้ กูจะให้มึงลอง“ แล้วดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะส่งกลับมา “แต่ถ้าเค้าไม่ใช่มึงต้องช่วยกู...”
แล้วเราก็ชนขวดกันต่อทั้งคืน ผมทำเนียนในเรื่องของตัวเองไป พามันไปคุยเรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้าง ผมเป็นคนเก่งในการพูดคุยและควบคุมบทสนทนา เราแซะพี่สิงห์เล่นเสียจนล่อนจ้อน ไปจนถึงขั้นผมพนันกับมันว่าพี่แกจะอยู่ที่ 6 หรือ 7 นิ้วกันแน่

   ____________________________________________________________________

   
โทรศัพท์ผมลั่นจนแบตหมดเพราไอ้พี่ปาร์คกระหน่ำโทรเข้ามา ผมกลับจากหอไอ้หญิงมาถึงหอตัวเองราวๆ ตี 1 และประตูห้องดูจะหนักขึ้นเป็นพิเศษเมื่ออากาศเย็น ผมพยายามเอาบัตรแตะตรงกลอนประตูเงอะๆงะๆอยู่สักพักจนอยู่ดีๆมีมือยื่นเข้ามาจับแขนผม!
“เห้ย!” ผมตกใจนึกว่าผี!
“เอ็ม....คุยกันก่อนได้ไหม” คล้ายๆกับผีนั่นแหละ แต่เป็นพี่ปาร์กตัวเป็นๆ เขาบีบข้อมือผมแน่น
“พี่! ปล่อย!” ทำไมเราต้องเจอกันตอนเมาทุกทีเลยวะ ผมสะบัดมือออก พี่ปาร์กดันผมติดประตู “มันมีกล้องนะพี่...แล้วพี่ขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย” ผมตอบ
“พี่ไม่สน...พี่แค่อยากจะมาคุย...” สีหน้าจริงจังของเขาทำให้ผมหวั่นเล็กๆอยู่ในใจเหมือนกัน แต่ถ้ามันจะมาถึงขนาดนี้เราผมก็ไม่รู้จะลีลาไปให้มันยากทำไม
“พี่จะเอาอย่างงี้ใช่ไหม?” ผมถาม พี่แกไม่ตอบ ผมหยิบบัตรในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาปลดล็อคประตู พี่ปาร์กทำหน้าสับสน เมื่อผมเปิดประตูห้องให้ “เข้ามาดิพี่”
   
ผมไม่ได้กลับห้องมาหลายวัน  แต่พี่แทนเป็นค่าจ่ายค่าดูแลและแม่บ้าน มันจึงใหม่เอี่ยมอยู่เสมอ เพราพี่แกทนไม่ได้ในสภาพห้องที่ผมอยู่เอง
“ผมอาบน้ำก่อนนะครับ” ผมหยิบผ้าเช็ดตัวจากตู้เสื้อผ้า แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ในห้องมีรูปผมกับพี่แทน ที่พี่แกเอามาบังคับวางไว้ที่หัวเตียง พี่เขาคงจะเห็นแหละ ช่างแม่งเหอะ อย่างกับจะมีใครแคร์
ผมกลับออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว จะใส่เยอะไปทำไมในเมื่อเดี๋ยวก็ต้องถอด พี่ปาร์กที่นั่งอยู่บนโซฟาถึงกับเหวอ แหม...ทำมาเป็นงง เบื่อจริงๆคนเงี่ยนแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องเนี่ย

“พี่จะคุยอะไรเหรอครับ” ผมตอบไปพร้อมกับเช็ดผมตัวเอง
“เอ่อ...อ๋อ....พี่แค่อยากจะ...” เหวอหวาอะไรครับแล้วนั่นอะไรแข็งโด่ขึ้นมาครับพี่ ดูเข้าสิ ดูสภาพคนแค่อยากจะมาคุย

“พี่อยากจะอะไรเหรอ..” พี่ปาร์กถึงอ้ำอึ้ง แหมนึกว่าจะพูดขอโทษซะอีก ผมเช็ดจนผมหมาดแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆเขาที่วางมือลงบนต้นขาแบบโดยอัตโนมัติ “พี่พูดสิ...พี่ไม่พูดผมไม่เริ่มนะครับ” ผมนั่งรอ ยิ้มใสๆทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำไมต้องให้สอนว้า....
“พี่...พี่...คือ” ปากเขาไม่พูดนะ แต่มือนี่มาทั้งสองมือแล้ว “พี่ขอได้ไหม...เอ็ม”
“ขออะไรเหรอพี่?....อ้าวไหนบอกจะอยากคุยไง...ไม่คุยแล้วเหรอครับ?” ผมถาม ผมรู้ดีว่าเขาทรมาณและสับสนแค่ไหน ผมสงสารเขาเหมือนกัน แต่บุคลิกของเขามันกระตุ้นต่อมความเลวในตัวผมเข้าเต็มๆ และในที่สุดเส้นบางๆของความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาก็ขาดลง.....

   ........

“เอ็ม...อ่า...อื้ม..อื้ม” ขาผมพาดอยู่บนไหล่ของเขา และร่างกายของผมถูกดันขึ้นๆลงๆอยู่บนเตียง ผมยอมรับว่าพี่ปาร์กไม่เลวเลยตอนลงสนาม แม้ว่าเขาออกอาการตื่นเต้นมากไปหน่อย กดแล้วแช่ กดแล้วแช่.... มันเป็นอาการของคนหิวโหย หรือความผิดพลาดของพวกมือใหม่ แต่ก็เรียกน้ำจากร่างกายผมไอ้ไม่น้อยเลย
“อือออ...เสียวจังครับพี่...โอ้ย...ตรงนั้นแหละครับ” ผมแกล้งแหย่
“เอ็ม...อา....พี่ก็เสียว...” สติสตังของเขากระจัดกระจาย ผมกลายเป็นคนคุมเกมโดยสมบูรณ์....

__________________________________

ไรท์ตั้งใจจะอัพให้ได้อาทิตย์ละ 2 ตอนนะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ทำสำเร็จ 5555

ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆจ้า ไรท์ขอไม่บอกนะว่าใครคือพระเอก  :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2016 01:15:43 โดย Kanom »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เลือกทีมพระเอกไม่ถูกเลย ชอบนายเอกแบบเอ็มมาก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
งง......กับเอ็ม เอ็มไปฝึกงาน
แล้วส่วนใหญ่อยู่กับพี่แทน เลยไม่ค่อยรู้อะไร
ดูเหมือนที่ว่าฝึกงาน ก็ไม่ค่อยรู้งานสินะ
งานที่ทำจริงๆ คือยืนเฝ้าตู้กดน้ำที่ชงกาแฟ
พี่แทน ทำไมเงียบไปเลย
แล้วทำไมย้ายงานพี่ปัน งงๆ
พี่ปาร์ก ตามติดเอ็มมาก ตอนนี้สมใจแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
โง้ยยยใครพระเอก555 เดาว่าคุณธีนพ  :katai2-1:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
5.

ผมเดินไปส่งพี่ปาร์กออกจากหอตอนตี 3 หลังจากนั้นการแดกเบียร์สองวันติดทำให้ผมกลับมานอนหลับเหมือนซ้อมตาย โชคดีที่เป็นวันอาทิตย์ ผมตื่นขึ้นมาตอนบ่ายแก่ๆ และหิวจนตาลาย ผมคว้าโทรศัพท์บนเตียงและเจอข้อความเข้า

TAN : เอ็ม
TAN : โทดทีนะ พี่ไม่ว่างโทรกลับ
TAN : เตี่ยอาการทรุดอีกแล้ว เมื่อคืนพี่อยู่ไอซียู
TAN : ยังไม่ได้นอนเลย
TAN : มีอะไรให้ช่วยบอกไอ้เปรมไปก่อนนะ
TAN : คิดถึงนะคับผม

คุณพ่อแกป่วยมาซักพักแล้ว เรื่องนี้ผมรู้ แต่ไม่ยักรู้ว่าป่วยหนักถึงขึ้นไอซียู

M : สู้ๆนะคับพี่ คิดถึงเหมือนกันนะ
   
ผมคิดทบทวนว่าจะถามเรื่องพี่ปันดีไหม พี่แกคงทั้งเพลียทั้งเครียด แต่ผมไม่ได้จะให้แกทำอะไรนี่หว่า ถามเถอะให้มันจบๆไป

M : พี่คับ ผมถามหน่อยสิ
M : พี่ย้ายแผนกพี่ปันทำไมอ่า

แล้วก็นั่งหิวข้าวรอคำตอบ

TAN : พี่ปันคือใคร?
TAN : พี่ยังไม่ได้ย้ายใครเลยนะ?
TAN : ย้ายไปไหนเหรอ?

ผมนั่งประมวลผลด้วยเซลล์สมองทั้งหมดที่มี ...........

M : อ้าวววววว ผมโดนด่าเละเลยเนี่ย เค้าบอกกันว่าพี่ย้ายพี่ปันออก เพราะผมบ่นพี่เค้า
TAN : เห้ยยยย อะไรวะ ไปคุยกับไอ้เปรมเลย
TAN : โทดทีนะพี่ไม่ว่างจริงๆ
M : ไม่เป็นไรคับๆ ไม่ได้ขนาดนั้นพี่ ผมโอเค
M : คิดถึงนะคร้าบบบ พักผ่อนนะ
TAN : จะรีบกลับไปหานะ
M : ครับผม

ผมนั่งมึนตึง... อะไรกันวะเนี่ย ทำไมเรื่องซับซ้อนมันไม่ไปเกิดกับคนฉลาดๆวะ ทำไมมันต้องมาเกิดกับคนแบบกู นี่มันแกล้งกันชัดๆ
 
____________________________

“หญิง...กูมีไรจะบอกอีกอย่าง”
“อะไรอีก!..”
ผมยิ้มกรุ้มกริ่มใส่มัน เราสองคนนั่งอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร้านโปรด ไอ้แบงค์ไม่อยู่เพราะเป็นวันฝึกงานของมัน หลังจากที่ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่ธีนพให้มันฟัง มันดิ๊ด๊าร่าเริง แซวผมเล่นเสียจนผมหมั่นไส้ ต้องหาเรื่องเลวทรามเล่าให้มันฟังบ้าง
“พี่ปาร์ก.....แม่งใส่ถุงยางเบอร์เดียวกับกู”
“อีเหี้ย..แค่ก...แค่กๆ” ไอ้หญิงถึงกับสำลัก “อย่าบอกนะว่าเมื่อคืน?”
“อือ...ใช้ได้เลยอ่ะ ฮ่าๆๆ โอ๊ยๆ อีเหี้ย เลอะเทอะ!” มันคีบลูกชิ้นเนื้อขว้างใส่ผม
“เอาวะ อย่างน้อยมึงก็ใส่ถุง....แล้วงี้เค้าไม่ยิ่งตื้อมึงเหรอ? ไหนทีแรกบอกไม่อยากเอา ทำไมมึงเปลี่ยนใจอ่ะ”
“กูว่ากูเอาอยู่นะ คนนี้อ่ะ ตอนเอากันมันรู้สึกได้ มันเป็นฟิลลิ่ง”
“แถสัส!...มักง่ายก็บอก”
“เออ! กูเมา! เดี๋ยวค่อยไปแก้ปัญหาเอา!”
“โอ้ย สงสารตูดของมึง ที่ต้องมาอยู่ในร่างที่มีสมองแบบมึง!”
“ชิบหาย.....” ผมไม่ต่อไปถูกเลยก้มหน้าก้มตากินเส้นเล็กเนื้อเปื่อยของตัวเองไปเงียบๆ
   

เราสองคนใช้เวลาวันหยุดหมดไปกับการเดินห้องช๊อปปิ้งแก้เครียด ผมยอมรับว่าไม่แน่ใจว่าเครียดเรื่องอะไรมากกว่ากัน ระหว่างเรื่องวุ่นวายที่โรงแรม หรือ เรื่องวุ่นวายใจที่ผมมีกับคุณธีนพกันแน่ ไม่สิ เรื่องหลังไม่เครียดหรอก ออกแนวหลอกหลอนมากกว่า เกลียดความรู้สึกนี้ชะมัด ไม่ได้สัมผัสมันมาตั้งแต่......สมัยเด็กๆ สมัยเป็นเด็กน้อยหน้าโง่ ที่ยังไม่รู้ว่าความรักแม่งคืออะไร....สมัยที่คนๆเดียวเป็นโลกทั้งใบของเรา แล้วเมื่อความจริงเคลื่อนตัวเข้ามาปะทะ สวรรค์วิมานทั้งหลายเหล่านั้นแม่งก็พังครืนลงมา เหลือแต่ตัวเราเองที่แม่งแตกเป็นเสี่ยงๆแทบจะไม่มีชิ้นดี
_______________

เช้าวันจันทร์

“พี่เปรมครับ!” ผมเรียกพี่เขาก่อนจะพุ่งตัวเข้ามายืนข้างๆเขาในลิฟท์
“อ้าว! เออ...ไอ้แทนโทรหายัง?”
“ผมขอปรึกษาอะไรหน่อยดิพี่” ผมทำหน้าจริงจัง ที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อ๋อ...เอ่อ...ได้ๆ ขึ้นไปชึ้นบนเลยแล้วกัน” พี่เขาแตะบัตรขึ้นลิฟท์ บัตรพี่แทน...แม่ง....ผมยังไม่เคยได้เลยไอ้บัตรโซนวีไอพีเนี่ย แต่คิดอีกที อย่างผมไมได้ก็ดีแล้วล่ะ
“เรื่องซีเรียสเหรอเรา ดูทำหน้าเข้า” พี่เปรมแซว
“ก็...นิดหน่อยพี่...เรื่องมันยุ่งๆ” ผมตอบ พร้อมๆกับที่ลิฟท์เปิดขึ้นที่โซนวีไอพี มีใครบางคนรอลิฟท์อยู่ ผมก้มหน้าก้มตาตามระเบียบ ไม่ค่อยอยากให้ใครในโซนนี้จำได้สักเท่าไหร่ แต่พอจังหวะเดินสวนกัน ผมดันเอะใจแล้วเงยหน้าขึ้นมอง

“พี่ปัน!” ผมเรียก พี่ปันสะดุ้งก่อนจะรีบเดินเข้าไปกดลิฟท์ให้ปิด ผมรีบหันไปกดลิฟท์จากด้านนอก จนพี่เปรมหันมาร้องห้าม
“เห้ยๆ...เล่นอะไรกัน!” แกดุผมเสียงเข้ม ผมไม่สนใจ แล้วพุ่งตัวเข้าไปในลิฟ ยังไงผมก็ต้องคุยกันพี่ปันให้ได้!
“พี่! คุยกับผมก่อน!” ผมบอก พี่ปันถอยหลังไปติดกำแพงลิฟท์ ทำหน้าเหมือนผมเป็นตัวประหลาด
“เอ็ม!....ทำอะไรเนี่ย...หยุดเลย” พี่เปรมลากผมออกจากลิฟท์ เริ่มมีคนเดินผ่านมามองเห็นเหตุการณ์ประหลาดนี้ “เอ็ม!...ไม่ใช่ตรงนี้! จะมาอะไรตรงนี้”
“พี่! ปล่อยก่อน! พี่ปัน พี่อย่าหลบหน้าผมดิ!” ผมกดปุ่มลิฟท์จากด้านนอกค้างไว้ จนพี่เปรมต้องกระชากผมออกไปแรงๆแล้วล็อคตัวผมไว้ “แรงเยอะจังวะ!” พี่แกบ่นเพราะผมดิ้น ได้แต่มองประตูลิฟท์ที่ปิดลง พี่ปันไม่ยอมสบตาผมด้วยซ้ำ!
“โห่พี่! พี่ห้ามผมทำไมอ่ะ!” ผมหันไปบ่น เมื่อพี่ปันลงลิฟท์ไปแล้ว พี่เปรมปล่อยผมออกมา
“เห้ย! เอ็ม...สงบสติอารมณ์ก่อน มีอะไรกันนักหนาวะ! ไปเลย! ไปห้องไอ้แทน! เดี๋ยวนี้เลย!!” พี่เปรมโบกมือไล่ให้ผมเดินนำไป แล้วจึงเดินตามมา

_______________

“เอ้า...ยังไง มีอะไรกันนักกันหนา!” พี่เปรมถามเสียงหงุดหงิด วางกระเป๋าที่ถือมาลงบนโต๊ะพี่แทน ผมเพิ่งเริ่มรู้สึกผิดเล็กๆที่ไปโวยวายใส่เขา ผมนั่งเกาหัวแกรกๆอยู่บนโซฟา ก่อนจะถอนหายใจยาวๆแล้วเอนตัวลงนอน “ผมว่าผมต้องโดนใครแกล้งแน่ๆเลยพี่”
“ใคร?”
“เหมือนทุกคนจะรู้ว่าผมเป็นเด็กพี่แทน...แล้วอยู่ๆเขาก็คิดกันว่าผมใช้เส้นย้ายพี่ปันออกไปแผนกอื่น...พี่ปันคือคนเมื่อกี้อ่ะพี่....พี่เห็นป่ะ เค้าไม่ยอมคุยกับผมเลยอ่ะ ผมถามพี่แทนแล้ว...แกบอกว่าแกไม่รู้เรื่อง ผมเลยงงเลยเนี่ยว่าตกลงมันยังไงกันแน่เนี่ย”
“ไปมีเรื่องกับคนเมื่อกี้เหรอ?” พี่เขาตอบพร้อมนั่งลงข้างๆผม ซึ่งเพิ่งจะนึกอะไรออกบางอย่าง
“ไม่ได้มีเรื่องเลยพี่! อยู่ดีๆพี่เขาโดนสั่งย้าย คนเขาคิดกันว่าพี่แทนย้ายเขาเพราะผม ....ส่วนผมกำลังงงว่า....ใครไปย้ายเขาทำไม แล้วอีกอย่างคือพี่ปันโดนย้ายแล้วทำไมคนถึงได้โยงมาเกลียดผมอ่ะ ผมไม่เคยไม่ชอบพี่เค้าเลยนะ ออกจะสนิทกันด้วยซ้ำ แล้วคนก็ไม่รู้เรื่องผมกับพี่แทนซะหน่อย มันเหมือนกับ....เค้ารู้สองเรื่องนี้พร้อมกัน แล้วเอามาบวกกันอ่ะ....พี่นึกภาพออกมะ”
“เอ่อ....” พีเปรมทำหน้าครุ่นคิด ผมลุกขึ้นมานั่งอธิบาย
“แล้วผมกับเพื่อนโดนด่าว่าตอแหล แบบ...เพื่อนเค้าโกรธผมมากเลยอ่ะ...มันไมได้น่าโกรธขนาดนั้นมั้ยพี่ แค่ผมเป็นเด็กพี่แทนเค้าจะโกรธกันทำไมวะ แล้วไอ้เรื่องสั่งย้ายอีก สมมุติว่าเป็นผมเลยนะ ...คือ” ผมยังพูดไม่ทันจบ พี่เปรมก็ตัดบทขึ้นมา
“เอางี้ๆ...พี่เริ่มงงและ...เดี๋ยวพี่ปรึกษาไอ้แทนก่อน” พี่เปรมบอกปัดๆ ทำให้ผมเริ่มรำคาณบ้าง
“ผมถามพี่แทน!....พี่แทนบอกให้ผมมาถามพี่....แล้วพี่จะไปถามพี่แทนเนี่ยนะ?” ผมตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“เออน่า...ปล่อยผู้ใหญ่เค้าคุยกัน! เราอยู่เงียบๆไปก็พอ” แกดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะช่วยเท่าไหร่ ทำไมวะ! ก็แค่เซ็นย้ายงานเด็กฝึกงานอ่ะ มันยากเหรอ! จะปล่อยพวกผมไว้ให้มันมาคุทำไมวะ? “ถ้างั้น...ผมขอย้ายแผนกได้ไหมพี่?” ผมถามตรงๆ “เพื่อนผมด้วยอีกคนนึงนะ...เพื่อนผู้หญิงอ่ะ โดนตบหน้าเลยนะพี่”
“เห้ย! ตบตีกันเลยเหรอ!” เขาลั่นออกมา “เฮ้อ......คืออย่างนี้นะเอ็ม....ช่วงนี้ท่านประธานของเราอาการไม่ค่อยดี ขอให้เรื่องบอร์ดบริหารสงบลงก่อนได้ไหม เดี๋ยวพี่จะตามเคลียร์เรื่องเอ็มให้..ไหวไหม?” พี่เปรมอธิบาย แหมถ้าพี่จะเอาบอร์ดบริหารมาพูดดักไว้แล้วผมจะพูดอะไรได้ละว้า....
“ครับ.....แต่พี่ช่วยดูให้เพื่อนผมก่อนนะพี่....ผมอ่ะไหว แต่ผมห่วงเพื่อนมากกว่า”
“เอาน่าๆ...ใจเย็นๆ...พี่สัญญาว่าจะรีบดูให้...แล้วอย่าไปจู่โจมพี่เขาแบบนั้นนะ เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง พี่ปันอะไรนั่นน่ะ ฮ่าๆ” แกตบไหล่ผม พยายามทำให้ผมผ่อนคลาย แต่มันทำให้ผมนึกอะไรออก
“เออ...แล้วพี่ปันขึ้นมาทำอะไรในโซนวีไอพีวะพี่?” ผมถาม “บนนี้อ่ะมีแต่หุ่นส่วน ญาติ เพื่อนพี่แทน ผมไม่เคยเจอคนนอกเลยนะ...ผมยังต้องเดินหลบๆเลย”
“อืม...เค้าโดนย้ายมาทำงานชั้นบริหารรึเปล่า?”
“เลขาชั้นนี้มีแค่พี่เจี๊ยบพี่....พี่จะบอกผมว่าพี่ปันโดนเสนอชื่อเข้าบอร์ดเหรอ?” ผมถาม
“พอๆๆ...งานบริหารพี่ไม่อยากจะยุ่งเลยจริงๆ....นี่ คิดซะว่าช่วยไอ้แทนมันหน่อย ยิ่งเราไปทำเรื่องขอย้ายตัวเองในช่วงนี้ เดี๋ยวจะยิ่งกลายเป็นตอกย้ำให้เรื่องมันแดงขึ้นไปอีก ทำงานไปเงียบๆ อดทนให้พี่หน่อยได้ไหม?” พี่เปรมพูดแบบใส่อารมณ์ และ ปกติพี่เปรมเป็นคนตลกโปกฮา แถมยังใจเย็น ไม่เคยเห็นเขาหงุดหงิดมาก่อน โดยเฉพาะกับเรื่องเล็กๆแค่นี้ สัญชาติญาณของผมบอกว่าเขาปิดบังอะไรบางอย่าง เรื่องนี้ชักจะไม่ชอบมาพากลเข้าจริงๆเสียแล้ว
_______________

คนชุ่ยๆมักจะถูกธรรมชาติลงโทษด้วยเรื่องยุ่งๆค่ะ

ปล. ผู้เขียนกำลังทะยอยแก้คำผิดของตอนก่อนๆไปบ้างแล้วนคะ เพิ่งอ่านเจอค่ะ แง้

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Kanom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
:hao4: :hao4:

ุคุณ puiiz ไวม๊ากกก มาคนแรกตลอดดด ขอบคุณที่ติดตามนะค้า ^ ^

ออฟไลน์ autopilot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มีความงงๆ แต่นายเอกนี่ก็น้าาาาาา 55

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
วุ่นวายไปหมดดดด  :ling3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ขอบคุณค่ะ
เราว่าหญิงพูดถูกนะ สงสารตูดน้อยๆที่มาอยู่กับคนสมองน้อยๆเนี่ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด