8.
มันเป็นร้านเบียร์เล็กๆ ตกแต่งสไตล์ยุโรปเหนือ อยู่ในซอยค่อนข้างลึกและมีบรรยกาศอบอุ่น ผมเลือกโต๊ะกลมเล็กๆในมุมเงียบสงบด้านนอก พี่แกเดินไปสั่งเบียร์ที่บาร์ขณะที่ผมนั่งรอ ต้นไม้ร่มรื่นช่วยให้เกิดอารมณ์ผ่อนคลายได้ดี แต่นึกไปถึงคำพูดของไอ้หญิงที่ว่า ‘เขามาเพื่อชิงตำแหน่งเก้าอี้ประธาน’ แล้วก็อดกังวลในใจลึกๆไม่ได้เหมือนกัน แต่ภาพที่ตัวเองเป็นลมในห้องประชุมนั้นก็ยังชัดเจน ยังจำได้ดีว่าตัวเองหวั่นไหวแค่ไหน ไอ้ที่ไปแซวเขาเล่นว่าเขาจีบเนี่ย มันก็เป็นแค่ความปากดีของผมไปอย่างนั้นแหละ ไม่ใช่สิ มันเป็นการป้องกันตัวต่างหาก
“ตกลงจีบผมป่ะ?” ผมถามแล้วยิ้มยั่ว เมื่อเขาเดินกลับมาพร้อมเบียร์ในมือสองแก้ว
“ดื่มก่อนสิ แล้วจะบอก...” เขาเลี่ยงที่จะตอบอีกครั้ง แต่วางแก้วเบียร์ลงตรงหน้า แล้วยิ้มในแบบของเขา “นี่ตัวใหม่ของร้านเลยนะ....บอดี้ดีมากเลย” เขาพูดภาษานักชิมเบียร์ใส่ ผมไม่สนใจหรอกตราบใดที่มันสามารถพาแอลกอฮอล์เข้าไปในกระแสเลือดได้ล่ะก็ อีกหลายแก้วที่ตามมาหลักจากนั้นเพิ่มบทสนทนาให้แก่เราสองคนได้เป็นอย่างดี ยิ่งคนไม่มีเบรคแบบผมเรียกได้เลยว่าเพลินเป็นบ้า
“พี่รู้เรื่องผมกับพี่แทนจากไหนเหรอ?” ผมถาม เริ่มออกอาการมึนตึงจากแอลกอฮอล์
“อืม...ก็เคยเห็นขึ้นมาโซนวีไอพี...ก็เลยเดาเอา”
“แล้วเขาลือกันเรื่องผมเยอะไหมพี่” ผมถามตามตรง
“อยากรู้ไปทำไมเหรอ?” เขาถามกลับ
“ผมถามพี่ก่อน....พี่อย่าถามผมกลับดิ...” ผมพูดแล้วส่ายหน้า
“ฮ่าๆๆ...” พี่ธีหัวเราะออกมาดังๆ “ก็ได้ๆ...แต่สัญญากับพี่อย่างนึงก่อน...” เขายื่นเงือนไข
“ได้พี่..” ผมตอบไปก่อน ถึงแม้อย่างนั้นก็ต้องคอยเตือนตัวเองว่าแท้จริงแล้วก็คู่แข่งทางธุรกิจคนหนึ่งของพี่แทน ผมพยายามระวังปากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อย่าคิดมากนะ?”
...หืม?....อย่าคิดมาก...ผมพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงตกลง
“อย่าคิดมากนี่...แปลว่าเยอะใช่ไหมพี่?”
“บนนั้นไม่มีใครไม่รู้จักเอ็มหรอก” เขาตอบ
“อื้อออหืออออ!! พอเลย! ไม่อยากรู้แล้ว!” ผมนี่ยกแก้วต่อไปเลย
อีกหลายชั่วโมงต่อมา เราคุยกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยด้วยเรื่องไร้สาระได้อย่างประหลาดใจ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับต่างประเทศ อาหาร และเหล้าเบียร์เสียเป็นส่วนใหญ่ และแทรกด้วยตลกปัญญาอ่อนของผมเป็นระยะๆ จนวนเข้ามาเรื่องแถวๆโรงแรมจนได้ แต่ก็ไม่วายเข้าเรื่องปัญญาอ่อนของผมอยู่ดี
“ฮ่าๆๆ!! แบบพี่ท๊อปถ้าผมเจอตอนกลางคืนนี่ผมกระทืบก่อน คุยทีหลังนะพี่!” ผมพูด พี่ธีลั่นขำจนสำลักน้ำ
“แล้วจะไปกระทืบเขาทำไมเล่า!”
“ไม่รู้อ่ะ ผมกลัว ผมถือว่าผมป้องกันตัว!”
“ฮ่าๆๆๆ กลัวพี่ท๊อปเหรอ?” เขาถาม
“กลัวดิพี่ ดูหน้าก็รู้แล้วว่าแม่งโรคจิต! คงมีแต่พี่นั่นแหละที่ไม่กลัว”
“ก็กลัวอยู่นะ” พี่ธีตอบ
“ฮ่าๆๆๆ อย่างพี่เนี่ยนะกลัว!”
“เออ...ทำไมเหรอ?”
“พี่เก่งจะตาย ไปกลัวแม่งทำไม!” ผมตอบแบบใส่อารมณ์ จนพี่ธีต้องจับมือผมไว้ไม่ให้ทุ่มแก้วลงกับโต๊ะ
“ช้าๆ....ช้าๆนะ พอแล้วๆ” พี่แกพยายามดึงแก้วเหล้าออกจากมือผม แต่ผมไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก
“พี่แย่งผมไมอ่ะ....อยากกินก็สั่งเองดิ!” ผมพูดแล้วปัดมือเขาออกไป
“ไม่ใช่! ไอ้บ้า!....จะให้กินน้ำเปล่าแล้ว เอามานี่!” พี่ธีดึงแก้วไปจากผมสำเร็จ อาจจะเป็นเพราะเขาทำให้ผมมือไม้อ่อนแอลงไปบ้าง ผมพยายามดึงแก้วกลับ พี่ธีหัวเราะเยาะท่าทีเงอะงะของผมที่ตะกายซ้ายทีขวาทีจนต้องยอมแพ้ไปเอง
“พี่....” ผมกลับมานั่งนิ่งๆเพราะเวียนหัว พลางนึงไปถึงคำถามที่เขาติดค้างไว้
“อะไรเหรอ?” เขาถาม ผมไม่เคยเห็นใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเนิ่นนานแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เราออกมาด้วยกันสองคน
“ตกลงจีบผมป่าวเนี่ย...” ผมแกล้งถาม เขาหุบยิ้มลง กลับมาเป็นท่าทีแบบเดิม ใบหน้าแบบธีนพ.... ครุ่นคิด พินิจพิเคราะห์อยู่สักพัก..... คิดนานไปแล้ว! จนผมเริ่มกังวลใจ .....ไม่เอาแล้ว! ถ้าเขาตอบไม่ล่ะวะ!
“อย่า!” จู่ๆผมก็ลั่นขึ้น
“หืม?”
“อย่าเพิ่งตอบนะพี่...” ผมกังวลกับท่าทีของเขา ไม่ใช่แค่กังวลสิ...ผมกลัวเลยล่ะ กลัวว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่คิด ผมต้องการเวลา ผมต้องการ.....แบบที่ตัวเองถนัด
“เอางี้ดีกว่า.....ว่าแต่พี่อ่ะ ไม่อยากรู้เหรอ?”
“อยากรู้ว่า?” เขาถาม
“อยากรู้ว่า....ผมจีบพี่อยู่รึเปล่า?” ผมตอบกลับไป เขานิ่งอึ้งไปสักพัก
“อืม....อยากสิ”
“....ไปส่งผมที่ห้องก่อนสิ แล้วจะบอก” ผมส่งสายตาเร่งเร้า.....เล่นกลับไปอย่างที่เขาล้อเล่นกับผม เขาก้มหน้า แล้วพยักหน้ากับตัวเอง ก่อนจะยิ้มในแบบของเขา
“ไปสิ.....เห้ย!”
ผมได้จังหวะ ระหว่างที่เขาเผลอวางแก้วของผมลงบนโต๊ะ....ยกทีเดียวเสียให้หมดแก้วจะได้ไม่ต้องเหลือทิ้ง...
_____________________
พี่ธีประคองร่างปวกเปียกของผมขึ้นไปจนถึงหน้าห้อง เขาต้องล้วงเข้าไปในกระเป๋าผมเพื่อจะสแกนบัตร ผมให้ความร่วมมือไปพร้อมกับการประคับประคองสติตัวเองให้อยู่ ไฟห้องเปิดอัตโนมัติตามปกติ ในที่สุดผมก็ลากเขาเข้ามาใน ‘สนาม’ ของผมสำเร็จ อันที่จริงแล้วแค่เขาตอบตกลงก็เป็นสัญญาณที่มากพอ ไฟเขียวซะขนาดนี้มีหรือเจอผมทอดสะพานแล้วจะรอดออกไปได้ ร่างกายเรายืนเบียดชิดกัน เขาประคองผมลงนั่งบนเตียงแผ่วเบา แล้วผละออกไป แต่ผมจะไม่ยอมเสียจังหวะนี้ไปเปล่าๆ
“ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้พี่.....” ผมพูดพร้อมดึงแขนเขาไว้
“เอ่อ...เอ็ม....เดี๋ยว....พี่ว่า...” ผมไม่ปล่อยให้เขามีเวลาคิด มันเป็นเรื่องทางเทคนิค อย่าปล่อยให้คู่นอนของคุณคิดมากเป็นอันขาด ผมดึงตัวเองขึ้นด้วยแขนของเขา ขึ้นมายืนประชิด แล้วค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตของเขาออกทีละเม็ด
เม็ดแรกผ่านไป......
เม็ดที่สอง.....เขาไม่ได้ขัดขึน เห็นมั้ยล่ะ....
เม็ดที่สาม...... เพี๊ย!
“โอ๊ย!” เขาตีมือผม! ถึงจะเบาๆก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ตกใจนี่หว่า!
“....อย่าซน” เขาไม่พูดเปล่า รวบแขนผมสองข้างไว้ แล้วดันผมให้นั่งลงบนเตียง “นอนได้แล้ว...ไม่ง่วงเหรอไง”
“อย่าดุสิครับ...” ผมพูดด้วยเสียงออดอ้อน ยังไม่ยอมแพ้ ดึงแขนเขากลับแรงๆ หวังจะกระตุกลงมาบนเตียงด้วยกัน จะได้เลิกลีลาเสียที แต่เขาขืนตัวไว้ แล้วสะบัดมือออกจนผมผงะถอยหลัง จนอารมณ์ผมพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันหมายความว่ายังไงวะ!
“พี่ไม่ชอบแบบผมเหรอไง?” ผมถามขึ้นมาดื้อๆ เริ่มโกรธที่ตัวเองถูกปฏิเสธ และลีลาท่ามากของเขามันชวนให้เจ็บสมองเกินกว่าจะเก็บไว้
“เปล่า....พี่แค่....” เขาอึกอักอยู่ตรงอย่างนั้นจนผมทนไม่ไหว “พีต้องการอะไรกันแน่วะ!” ผมเริ่มเสียงดัง ลุกขึ้นเผชิญหน้า
“พี่เป็นคนเข้ามาหาผมก่อนนะ! แล้วพี่ก็มาชวนผมออกมาดื่มเองด้วย! มันหมายความว่าไงอ่ะ!!”
“เอ็ม!....เบาๆหน่อยสิ......พี่แค่เป็นห่วง!....” เขาตอบ
“เป็นห่วง! เหรอ! พี่จะมาห่วงอะไรคนไม่รู้จักวะ! จริงๆแล้วพี่จะเอาอะไรพี่พูดมาเหอะ!” ผมเริ่มตะโกนใส่
“พูดอะไรออกมานั่นน่ะ เมาแล้วรู้ตัวไหมเนี่ย!” พี่ธีจับแขนผมไว้ พยายามทำให้ผมสงบลง
“อย่าเปลี่ยนเรื่องดิวะ! ผมไม่ได้กินหญ้านะ!” ผมผลักเขาออกไปด้วยความโกรธ ธีนพผงะถอยไป เขายกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ แล้วไม่ยอมสบตาผมอีก แถมยังกลับไปทำท่าประจำของเขา ไอ้ท่ายืนเท้าสะเอวข้างหนึ่งแล้วเอามือลูบคางอย่างครุ่นคิด ......กวนประสาท...... ผมไม่เข้าใจภาษากายนั้น ไม่เข้าใจที่เขาพูด ไม่เข้าใจว่าเขามายืนอยู่ทำไมตรงนี้ ผมเกลียดความเงียบงันในตอนนี้ที่สุด ผมอยากอาละวาด อยากจะเขวี้ยงอะไรสักอย่างใส่คนตรงหน้าเพื่อให้เขายอมเปิดปากยอมรับออกมา
โกรธจนบริเวณรอบดวงตาร้อนผ่าว ผสมปนเปกันไปทั้งอารมณ์และแอลกอฮอล์ในเลือด ความสับสนของในใจของผมทวีความรุนแรงตามเท่าที่มันถูกสะสมมาทั้งอาทิตย์ “คนแบบพวกพี่แม่งเป็นอะไรกันไปหมดวะ!! ทำไมชอบโกหกกัน ทำไมต้องมีต่อหน้าลับหลัง!! พี่จะไปทำก็ไปทำกับพวกมีอำนาจด้วยกันสิ อย่ามาทำกับคนแบบผมได้มั้ย!!!” ผมมาจนถึงขั้นแหกปากใส่ “เก่งชิบหายเลย แต่ละคน! หลอกกูได้เนี่ย!! น่าภูมิใจเหรอวะ!!” ถึงจะเริ่มรู้สึกเจ็บคอ แต่ก็ได้ระบายสิ่งที่ค้างคาใจออกมาบ้างบางส่วน มันมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน แล้วผมก็เข้าใจตัวเองว่าได้เก็บงำอารมณ์ไว้ลึกสุดใจ ล้อเลียนให้มันเป็นเรื่องตลก แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ แล้วในที่สุดก็ใช้ร่างกายตัวเอง เสพย์สมความสุขฉาบฉวยเพื่อหลอกล่อตัวเองออกจากความเศร้า จนสุดท้ายเพิ่งจะรู้ตัวเองว่า แท้จริงแล้วผมไม่ได้โกรธ ผมไม่ได้รำคาณ ผมกำลังกลัว ต่างหาก
ใช่แล้ว...ผมกำลังกลัว...มีสิ่งที่ผมกลัวมากมายเหลือเกิน ผมกลัวว่าไอ้หญิงจะได้รับอันตราย ผมกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่แทน ผมกลัวพี่เปรมกับพี่ท๊อปว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ผมรู้ตัวว่ากำลังก้าวเข้าไปในเกมชี้ชะตาของเหล่าผู้มีอำนาจโดยที่ผมไม่มีทางเลือก เพียงแต่ผมไม่อยากจะยอมรับมันเท่านั้นเอง
“เอ็ม...บางเรื่องมันก็พูดให้เข้าใจยากนะ” ธีนพยังพยายามอธิบาย
“ถ้างั้น พี่!...ช่วยผมอย่างนึงได้ไหม” ผมแทรกขึ้นเพราะเบื่อความยืดเยื้อ ทำให้ยากมันก็ยากสิวะ ทำให้มันง่ายสิ!
“อะไรเหรอ?”
“พี่ต้องการอะไรจากผม...พี่ช่วยพูดออกมาเลยได้ไหม! พี่อยากรู้เรื่องพี่แทนใช่ไหม? เรื่องพี่เปรมเหรอ? หรือพี่ท๊อป? อย่ามาลีลา ผมเอียนกับพวกพี่แล้ว...ถะ”
ผมถูกปิดปากไว้.......ด้วยปากของเขา...... มือทั้งสองข้างถูกจับแน่นไว้ไม่ให้ขัดขืน พยายามดันตัวเองออกด้วยความตกใจ ถึงแม้จะโชกโชนประสพการณ์ แต่สถาณะการณ์นี้ผมเองก็ไม่เคยเจอ มันไม่ได้ร้อนรุ่มในร่างกายเหมือนกับที่เคยผ่านมาครั้งไหนๆ แต่มันเต็มไปด้วยความรู้สึก แบบอื่น
หัวโล่งเลย.....
“บอกแล้วไงว่ามันพูดยาก....”
__________________
พี่ธีไม่ได้แตะต้องผมมากไปกว่านั้น ผมเองก็สงบเสงี่ยมพอที่จะไม่สานต่อ สงบเสงี่ยมผิดปกติ เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ เรียบร้อยจนงง งงตัวเอง แทบจะจำตัวเองไม่ได้
7 โมงเช้า...
ผมตื่นขึ้นเพราะเสียงกุกกัก และเสียงคนพูดคุยกัน ลืมตาขึ้นมองเห็นพี่ธีนพในชุดสูทเต็มยศ กำลังพูดคุยกับใครสักคน อ้าว! เลขาแบมนี่หว่า เอ๊ะ...นี่ก็ห้องผม....นี่ฝันหรือยังไม่หายเมากันหว่า
“เอ็ม! ตื่นแล้วเหรอ...ขอโทษที พี่ต้องเปิดห้องให้แบมเอาชุดมาให้ พอดีพี่มีประชุมเช้า” พี่ธีบอก ขณะที่ผมลุกขึ้นมานั่ง ขยี้ผมยุ่งเหยิงของตัวเอง สะบัดหน้าไล่ความงัวเงียทิ้งไป แล้วเห็นภาพทั้งสองคนในชุดเต็มยศ กระเป๋าใบหนึ่งซึ่งไม่ใช่ของผมวางอยู่บนพื้น ในนั้นมีเน็กไทด์หลากหลายแบบ นาฬิกาข้อมือก็เช่นกัน และรองเท้าอีกสองคู่ เลขาของเขากำลังยืนเอาเน็กไทด์เทียบเข้ากับสาบเสื้อเชิ๊ต แถมยังพับเสื้อผ้าของผมเสียเรียบร้อย ยังไม่พอแค่นั้น ผมเห็นบนโต๊ะอาหารมีกาแฟจากร้านดังวางอยู่อีกด้วย
“ตามสบายเลยครับ” ผมพยักหน้าให้กับความเวอร์วังอลังการของพวกเขา ถึงจะยังมีความขัดเขินจากเรื่องเมื่อคืนอยู่บ้างก็ตามที “นี่พี่มีประชุมที่ไหนเหรอ” แล้วก็ถามไปตามใจปาก
“....ตารางงานของ” เลขาแบมกำลังตอบคำถาม
“แถวอารีย์น่ะ กับสมาคมสถาปนิก” พี่ธีตอบแทรกขณะที่ทาบนาฬิกาข้อมือเข้ากับชุดทีละเรือน ณ ตอนนี้เลขาหน้าใสกำลังใช้ลูกกลิ้งไปตามเสื้อแจ็คเก็ทของธีนพ เพื่อกำจัดฝุ่น แต่สายตามองมาที่ผมอย่างไม่ลดละ
“อ่อ...โชคดีพี่” ผมตอบแล้วลุกไปแถวๆตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มในยามเช้า ทำเป็นไม่สนใจสายตาอาฆาต
หลังจากที่พี่ธีถูกจับแต่งองทรงเครื่องจนหล่อเนี๊ยบเรียบร้อย แบมยกขวดน้ำหอมขึ้นฉีดตามลำดับ แล้วเก็บกวาดของแบบมืออาชีพ “แบมลงไปรอพี่ที่รถนะ เดี๋ยวพี่ขับเอง” เขาสั่งให้เลขาออกไปก่อน แบมทำท่าทางไม่พอใจ แต่แล้วก็เก็บกวาดของตัวเองออกไปตามระเบียบ ผมโบกมือลาตามไปแต่ไม่มีใครสนใจ
“เลขาพี่เกลียดผมอ่ะ...”
“ไม่หรอก...เขาจะโมโหเวลาพี่ไม่ทำอะไรตามแผนเขาน่ะ”
“เปล่าพี่....เขาชอบพี่” ผมพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วก็ยกแก้วน้ำเปล่าดื่ม
“จะบ้าเหรอ!”
“เขานึกว่าเราซั่มกันแน่เลยพี่...” ผมพูดต่อไป
“พอเลย!....นี่ ตั้งใจฟังนะ พี่จะบอกอะไรเอ็ม” เขาพูดแล้วหันมาทางผม ขยี้หัวผมเบาๆพอให้ตั้งสติ “หืม...ผมนุ่มจัง....”
“อย่าครับ...ยังไม่จ่ายตังห้ามโดนตัวครับ” ผมปัดมือเขาออก แล้วเล่นมุขเลวๆใส่
“ยังอีก!..” เขาดุ “ฟังนะ....ไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้น”
“ห๊ะ...?” ผมไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องไปสนใจคนที่ชื่อเปรม...ไม่ต้องห่วงแทนไท...ไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้นในบอร์ดบริหาร” เขาพูดเน้นๆ ชัดๆ ผมพยักหน้าตามเรื่องไป “คนเดียวที่เอ็มต้องระวังคือพี่ท๊อป...อย่ายุ่งกับพี่ท๊อป ไม่ว่าเขาจะใช้วีธีไหน อย่าไปตกลง อย่าไปต่อรองอะไรด้วยทั้งนั้น”
“แล้วถ้าผมไม่มีทางเลือกล่ะ?”
“...มาหาพี่เท่านั้น แล้วห้ามบอกคนอื่น” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และนั่นทำให้ผมเกิดคำถามสุดท้ายขึ้นมา
“แล้วผมจะเชื่อใจพี่ได้ยังไง?”
ผมถามกลับไปจนเขาต้องยืนคิดคำตอบสักพักแล้วตอบ โดยที่ไม่สบตา
“....ทำถูกแล้วล่ะ....อย่าเชื่อใจใครทั้งนั้น.....ค่อยยังชั่วหน่อย”
“หืม?......”
______________
ตอนนี้ไรท์มีไปไล่ edit บางตอนก่อนหน้า จำพวกคำผิดกับการใช้ภาษาบ้าง แต่ไม่มีผลกับเนื้อหานะจ๊ะ ขออภัยที่มีแก้ไปแก้มาบ่อยหน่อยน้า พอดีเป็นมือใหม่ม๊ากกกก
เจอกันอีกทีวันจันทร์นะทุกๆคน ขอขอบคุณทุกคอมเม้นนะค้า