...How To จีบหมอ... (UP! ตอนที่ 15 บทนำสู่ปัญหาใจ ... 7/11/59)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...How To จีบหมอ... (UP! ตอนที่ 15 บทนำสู่ปัญหาใจ ... 7/11/59)  (อ่าน 16993 ครั้ง)

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เกลียดดดดดด ไอพวกรุ่นพี่งี่เง่านี้มากเลย เป็นไรมากไหม หาเรื่องชาวบ้าน
น้องกิ่งฟิวส์หลุดร้องไห้เลย หมอยินปลอบน้องหน่อย หมอผึ้งหายไปไหนนไม่เห็นเหตุการณเหรอ :katai1:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เดี่ยวๆนี่ใครมาช่วยใครๆ

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ทำไมพวกนั้นต้องรังแกหมอยินด้วย
 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ steppenwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 12







   “อ๊ากกกก”


   “หุบปากทีเถอะกิ่ง เดี๋ยวแอลกอฮอลก็เข้าปากมึงหรอก”

   “ก็พี่เนย์ทำเจ็บอะ! หมอยินช่วยผมหน่อยดิ!!”


   ผมรีบกุลีกุจอวิ่งไปซบอกคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ทันที หมอยินดันหัวผมออกแบบไม่เกรงใจบาดแผลบนใบหน้าผมเลยสักนิด “ไปให้ไอ้เนย์ทำดีๆ  เรื่องมาก”


   แหงะ พอโดนว่าที่สามีด่าเข้าแล้วผมก็เลยต้องยอมนั่งนิ่งๆ ให้หมอเถื่อนเขาช่วยจัดการความบอบช้ำทั้งหลายแหล่ให้ครับ

 
   โชคดีที่บนหน้าผมมีแผลไม่มาก  มีแค่รอยช้ำกับรอยแตกที่ปากนิดหน่อย คงเพราะพวกมันเน้นกระทืบมากกว่าบาดแผลเลยไปอยู่ที่ช่วงตัวซะส่วนใหญ่  หมอยินเองนอกจากรอยแตกสั้นๆ ที่คิ้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ


   “มึงนี่นะ หาเรื่องชาวบ้านเขาไปทั่ว เป็นไงล่ะเจอกลุ่มไอ้แอมมัน โดนกระทืบกลับมาหัวแทบหลุด”


   อ้อ เพิ่งรู้นะครับเนี่ยว่าที่ตีกันมาตั้งนานชื่อแอม… คนเราจะเกลียดกันทั้งทีชื่อแส้ไม่สำคัญเลยจริงๆ


   “ผมไม่ได้หาเรื่องนะ พวกมันนั่นแหละที่เริ่มก่อนเอง ตั้งแต่วันก่อนๆ แล้วด้วย”


   “แล้วมึงก็ไม่อดทน”


   ไม่น่าเชื่อครับว่าคนเถื่อนๆ อย่างพี่เนย์จะเป็นสายนี้  แหม่ แต่นี่ผมก็ว่าผมเก่งแล้วนะครับที่อดทนมาได้ถึงขนาดนี้


   “ผมไม่ชอบให้มันดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวอะ ถ้ามันด่าผมคนเดียวคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก  อ้ากกก! เจ็บเว้ยยย!!” ผมร้องลั่นเมื่อพี่เนย์แกล้งกดสำลีใส่ยาลงไปบนแผลที่ไหล่แรงๆ  ไอ้พี่บ้า! แถมพี่เปียวก็ดันหัวเราะได้ใจไปกับความเจ็บปวดของผมอีก นี่เป็นเอสกันหมดเลยใช่ไหมเนี่ย!


   “หูยยยย พ่อพระเอก พูดอะไรมึงก็พูดไปเหอะ สุดท้ายแล้วพวกกูก็ต้องเข้ามาเกี่ยวอยู่เหมือนเดิม”


   “…นั่นแหละพี่ ขอโทษด้วยครับ”


   ผมไหว้ทุกคนในห้องด้วยความรู้สึกที่อยากขอโทษจริงๆ จากใจ  …ตอนนี้พวกเราอยู่กันในห้องของหมอยินครับ  เนื่องจากหอในของพวกผมพาคนนอกขึ้นไม่ได้ แต่ถึงได้ก็ไม่ควรเอะอะกันขนาดนี้  พวกเราสี่หน่อเลยมาหยุดกันอยู่ที่หอหมอยินแทน


   ผมมาฟังพี่เปียวเล่าทีหลังว่า  ช่วงที่ผมกำลังเลือดขึ้นหน้าอยู่นั่นพี่เนย์พี่เปียวก็ผ่านมาพอดี  พอเห็นว่าท่าจะไม่ดีเท่าไหร่แล้วพี่เนย์เลยแกล้งตะโกนเรียกน้ายามมา ซึ่งมุกควายๆ แบบนี้ก็ใช้ได้ผลดีครับ  พวกนั้นมันพากันวิ่งหนีหางจุกตูดไป  ตามที่พี่เปียวเล่าก็ดูเหมือนกับว่าพวกมันเองก็เจ็บหนักมากเหมือนกัน เหมือนจะมีอยู่คนหนึ่งที่ต้องให้เพื่อนแบกด้วยซ้ำ



   …ที่ผมรู้ได้ว่าหมอยินโดนยำอยู่นั้นส่วนหนึ่งก็เพราะได้พวก ‘พี่ๆ’ เขาช่วยไว้ด้วยครับ  หลังจากเสียงเรียกชื่อหลอนๆ ของผมนั่นหยุดไปผมก็ได้ยินเสียงโวยวายจางๆ มาตามลม พอฟังดีๆ ก็รู้ว่าเป็นเสียงของหมอยินที่โดนไอ้พวกนั้นรุมอยู่  สงสัยคราวนี้คงจะต้องทำบุญใหญ่เพื่อขอบคุณในหลายๆ เรื่องซะแล้วล่ะครับ คนดีผีไม่ทิ้ง บุญเยอะจริง



   “เออๆๆๆ ช่างมันเหอะ กูไม่ได้อะไรมาก เกลียดพวกมันอยู่ละ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะฟ้องอาจารย์ปกครอง เอาให้แม่งโดนหมายหัวหนักๆ ไปเลย”


   “เฮ้ยพี่ไม่เอา ถึงขั้นนั้นมันน่ากลัวอะ ปล่อยมันไปเหอะ มันได้มารุมยำผมแล้วน่าจะพอใจได้แล้วล่ะ”


   “…เดี๋ยวฉันเคลียร์เอง”

   เสียงแหบๆ ของหมอยินที่นั่งนิ่งอยู่นานพูดขึ้นมา  ผมหันไปมองหน้าหมอเขาที่ถึงจะบอบช้ำยังไงก็ยังดูหล่อ …และตอนนี้หน้าหล่อๆ นั่นก็แผ่รังสีอำมหิตออกมาไกลหลายร้อยไมล์แล้วครับ คาดว่าพวกนั้นน่าจะกำลังจามอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน


   “จะดีเหรอหมอ… ผมเกรงใจหมอที่สุดแล้วที่ลากเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย จริงๆ นะ”


    “ถ้าฉันบอกว่าฉันจะจัดการเองก็คือจัดการเอง เข้าใจนะ”

   หมอตัวสูงไม่ตอบอะไรต่ออีก  เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์เครื่องสีดำออกมาจากกระเป๋าเป้เปื้อนฝุ่น จากนั้นก็ออกไปคุยโทรศัพท์นอกระเบียงด้วยรังสีอำมหิตที่ยงคงแผ่ออกมาแบบไม่ปราณีใคร


   “ติดต่อแบ็คมันชัวร์”


   พี่เปียวพึมพำขึ้นมา พี่เนย์เองก็พยักหน้ายิ้มๆ ตาม  …แบ็คหมอยิน ใครวะ ไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าหมอมันมีแบ็คอะไร “ใครอะพี่”

   “พ่อเลี้ยงมัน”


   ผมไม่ยักกะรู้ว่าหมอยินเป็นลูกเลี้ยง…  คิดนิยายดราม่าอยู่ในใจได้ไม่นานก็โดนพี่เปียวเบรกไว้ครับ “มันไม่ได้เป็นลูกเลี้ยงนะ มันมีพ่อสองคน คนหนึ่งเหมือนเป็นพ่อแท้ๆ กับอีกคนเป็นพ่อเลี้ยงอยู่รัสเซีย”


   ข้อมูลใหม่ครับ ผมรีบกุลีกุจอเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาพี่เปียวทันที “เทลมีพลีส”

   “พ่อเลี้ยงมันเป็นคนรัสเซีย รู้แค่นี้แหละ”

   “อ้าว! ไอ้เราก็นึกว่าจะมีต่อ! เล่าๆๆ กิ่งอยากรู้ นะ นะ นะ”

   “แหม่ ทีอยากอ้อนอะไรขึ้นมาแล้วมีแทนตัวเองว่าก่งกิ่ง กูจะอ้วก”

   พี่เนย์สวนขึ้นมาทันทีเมื่อผมแอ๊บน่ารักเพื่อล้วงข้อมูลจากพี่เปียว ผมเบ้ปากใส่พี่มันก่อนจะหันกลับมาทำคิขุอาโนเนะใส่พี่เปียวต่อ “แล้วทำไมแบ็คถึงใหญ่อะ เป็นมาเฟียรัสเซียเหรอครับ”

   “ประมาณนั้นมั้ง มึงลองถามมันดูดิ”


   “ใครจะไปกล้า”


   “เออ กูก็ไม่กล้าเหมือนกัน ไปทำแผลต่อได้ละกิ่ง เดี๋ยวถ้ามันอยากบอกมันก็บอกเองแหละ ชิ่วๆ”

   ไล่อย่างกับหมูกับหมาเลยครับ คราวนี้ผมเลยเบ้ปากใส่พี่เปียวต่อบ้างและมานั่งจุมปุ้กรอให้พี่เนย์ทารุณกรรมผ่านทางการทำแผลต่อ  ผมถอดเสื้อออกให้พี่เนย์ดูแผลแถวๆ ท้องที่รู้สึกแสบๆ มานานแล้ว  สงสัยว่าตอนที่โดนกระทืบจะถูกส้นรองเท้าขูดเอาล่ะมั้งครับ  แผลถลอกเลือดซิบๆ เป็นทางยาวตั้งแต่ใต้ลิ้นปี่ลงมาสุดที่ใต้สะดือทำเอาผมอยากจะกลับไปกราดยิงพวกมันทิ้งซะเหลือเกิน เวรเอ๊ย


   “มึงมีอะไรจะสั่งเสียกับกูก่อนไหมกิ่ง”

   “ฝากบอกหมอยินว่า ดูแลลูกของเราด้วยนะ”


   “ส้น….”


   จากนั้นพี่หมอเถื่อนคนถ่อยก็ราดแอลกอฮอล์ลงไปทันทีครับ… เจ็บจนไม่ร้จะพูดยังไง เจ็บจนแหกปากไม่ออก เจ็บจนได้แต่กำผ้าห่มแน่นเหมือนเสียสาว ในใจได้แต่ด่าไอ้พี่เนย์เป็นร้อยๆ รอบในหัวต่อกันไปมาก่อนที่ปลายหางตาจะเหลือบไปเห็นหมอยินที่เดินเข้ามาในห้องพอดี   คนตัวสูงทำหน้าเฉยๆ เหมือนเคย แต่บรรยากาศรอบตัวเขาบอกว่า เจ้าตัวอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อยแล้ว



   “เดินตัวปลิวมาเลยนะมึง ถอดเสื้อออกดิ จะดูให้ว่ามีแผลตรงไหนอีกบ้าง”

   เอกเซลเลนส์ครับพี่เปียว  “ถอดกางเกงออกด้วยนะครับหมอ เดี๋ยวมีแผลตรงไหนที่ไม่ได้ทายาแล้วมันจะอักเสบเอา”


   “ทะลึ่ง” ร่างสูงมองค้อนให้ผม แต่ก็ยอมถอดเสื้อแล้วนั่งลงบนเตียงให้พี่เปียวตรวจตราแต่โดยดี  …แน่นอนว่าโอกาสดีๆ หายากแบบนี้คนอย่างกิ่งมีหรือจะพลาดครับ นี่เตรียมเคลียร์เมมโมรี่ในสมองไว้บันทึกภาพพวกนี้ไว้จนวันตายเรียบร้อย


   “จ้องอยากกับจะแดก”


   “แดกได้ก็ดีนะ…”


   “มึงพูดเหมือนลืมไปเลยว่าไอ้ยินมันก็อยู่ตรงนี้”

   ผมหัวเราะกับพี่เนย์แต่ตาก็ยังจ้องเป็นมันอยู่ที่หมอยินที่กำลังหันหลังอยู่ อูหูวววววว นั่นหลังคนหรือหลังเทวดาชั้นเจ็ดครับเนี่ย  ปีกสวยเหลือเกิน  หมอมันไม่ใช่คนบึกมากแค่พอมีกล้ามเนื้อติดตัว ตอนนั่งหลังโค้งๆ แบบนี้เลยมองเห็นริ้วกระดูกสันหลังค่อนข้างชัดเจน…


   “สำหรับฉันนี่ถือว่าเป็นการลวนลามนะ”


   ชะอุ้ย แฮ่ๆ  โทษทีครับ  รู้สึกตัวอีกทีมือเจ้ากรรมก็เผลอตัวไปลูบไล้หลังเนียนๆ นั่นเสียแล้ว “แหะๆ ขอโทษครับหมอ  แค่อยากจะเช็คดูว่าเป็นอะไรมากไหม”

   “แค่เช็คนี่มึงต้องตั้งขนาดนี้เลยเหรอ”

   หมับ! มือผมตะปบลงที่เป้ากางลำตัวตัวเองทันทีเพราะกลัวว่าจะเกิดปฏิกิริยาโดยไม่รู้ตัวตามที่พี่เนย์บอก… แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ยังคงนอนเรียบสงบอยู่  ไอ้พี่หมอเถื่อนมันได้ใจใหญ่เลยครับที่หลอกผมได้ ลงไปหัวเราะกลิ้งอยู่กับพื้นไปแล้วเรียบร้อย   


   “พี่เนย์นั่นแหละ ตอนโทรไปจะขอเดินกลับด้วยทำอะไรกันอยู่”


   ได้ผลครับ  คนตัวโตกว่าที่กำลังหัวเราะอยู่ชะงักกึกเหมือนโดนสต๊าฟ  ก่อนจะหันกลับมาตีหน้าโหดใส่ผมแล้วแกล้งพี่เปียวต่อเป็นทอดๆ “ถามไอ้เปียวดูดิ นี่ก็งงๆ เหมือนกัน แต่มันเป็นฝ่ายชวนเองจะปฏิเสธก็กะไรอยู่”


   “ไอ้เวรเนย์…”


   “พวกมึงคุยอะไรก็เกรงใจกูบ้าง…”


   เป็นหมอยินครับที่ทำลายบทสนทนาสาวไส้กันเองของพวกผมลง  ผมหัวเราะแหะๆ ให้หมอที่ตอนนี้หันหน้ามาทางผมแบบเต็มตัวแล้วเรียบร้อย… กล้ามเนื้อหน้าท้องลอนสวยมีครบแปดอันเป้ะพอดีและแผ่นอกกว้างน่าซบนั่นกำลังเชื้อเชิญผมครับ  เหมือนเห็นมันมีปากและกำลังพูดว่า ‘มาซบฉันสิกิ่ง’ ด้วยซ้ำ  แถมต้นแขนที่กล้ามเนื้อดูจะแข็งแรงกว่าที่อื่นๆ นั่นก็กำลังท้าทายคมฟันของผมให้ขบลงไปอีกเช่นกัน…


   “ถ้ายังไม่หยุดมองฉันจะต่อยนายแล้วจริงๆ นะ”


   “โอ๊ยยยย  กลัวแล้วครับทูนหัว” ผมแกล้งก้มกราบแทบตักหมอแล้วก็เนียนนอนตักต่อไปด้วยแบบมึนๆ  ยิ้มเผล่ให้กับเจ้าของร่างกายอันแสนงดงามนี้แล้วก็ลูบกล้ามท้องสวยๆ นั่นเบาๆ


   …ก่อนจะถูกถีบตกเตียงลงไป

   “หมออ! นี่เจ็บนะเนี่ย! ถีบมาได้!”


   “ก็ดี จะได้รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ”


   “แต่ผมว่าก็คุ้มนะ ไหนขออีกทีดิ้”


   ผมแกล้งจะกระโดดกอดหมอมันอีกครั้งแต่ก็เจอพระบาทายันไว้ได้ก่อน ตอนนี้ผมเลยกลายสภาพเป็นโคอาล่าเกาะปลายขาหมอยินไปแล้วเรียบร้อย


   “พวกมึงเล่นตลกกันเหรอวะ”


   พี่เปียวพูดออกมาด้วยสีหน้าเอือมๆ   เมื่อเห็นว่าตัวของเพื่อนหมอด้วยกันไม่ได้มีแผลอะไรมากไปกว่ารอยช้ำ คุณชายหมอคนงามเลยเก็บกล่องพยาบาลอย่างเป็นระเบียบแล้วเดินไปวางไว้ที่ชั้นเดิมแล้วหันมาบอกรูมเมทของตัวเองว่า “กูว่าจะกลับห้องแล้วนะเนย์ กูอยากอาบน้ำ”


   “ไปดิ”


   ถึงคำพูดจะดูเหมือนไล่พี่เปียวอยู่กลายๆ  แต่พี่เนย์ก็ยินยอมลุกตามไปแต่โดยดี ผมหันมามองหน้าหมอยินที่ยังคงวุ่นวายอยู่กับการป้องกันร่างกายตัวเองจากการลวนลามของผมอยู่แล้วก็ตีหน้าน่าสงสารสุดฤทธิ์พลางพูด “หมอออ ขออยู่ต่ออีกแป๊ปนึงนะครับ จิตใจบอบช้ำเหลือเกิน”


   “จริงๆ แล้วคนที่บอบช้ำมันควรจะเป็นฉันมากกว่าไม่ใช่เรอะ  ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลยแท้ๆ ยังโดนยำซะงั้น”

   “หมอกำลังพูดให้ผมรู้สึกผิดมากกว่าเดิมนะเนี่ย…”

   “ก็สมควร  แทนที่จะขอโทษไปดีๆ ตั้งแต่แรก  ทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ไปได้”

   …ก็แต่ก่อนกิ่งน้อยเป็นนักเลงแบบที่หมอว่ามานั่นแหละ 


   เสียงปิดประตูตามหลังร่างของพี่เนย์และพี่เปียวทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่กันสองต่อสองกับหมอยินแล้วเรียบร้อย  ร่างสูงเองก็ไม่ได้ไล่ผมออกจากห้องแต่กลับลุกไปเปิดตู้เย็นหาอะไรกินแทน ซึ่งผมก็ถือซะว่านั่นเป็นการยอมรับให้ผมสิงที่นี่ต่อไปแล้วด้วย (หน้ามึนซะไม่มี)


   “มีมาม่า จะกินไหม”


   ร่างสูงกันมาถามตอนที่ค้นของเหนือตู้เย็นพอดี  ผมพยักหน้าแรงๆ  จริงๆ ก็กินข้าวเย็นมาแล้วแหละครับ  แต่หลังจากการต่อยตีอย่างหนักหน่วงเมื่อครู่นั่นก็ทำเอาเสียพลังงานไปหลายหน่วยทีเดียว ได้มื้อดึกมาเยียวยาบ้างก็ดี


   ผมลุกขึ้นไปช่วยจัดจานชาม ส่วนหมอยินเองก็กดกาน้ำร้อนแล้วไปฉีกซองเตรียมบะหมี่… ทำงานเข้าคู่กันดีมากครับ ชีวิตคู่ที่แสนสมบูรณ์แบบ

   ใช้เวลาไม่นานนักบะหมี่หอมๆ ก็ถูกจัดวางบนโต๊ะตัวเดิมที่คุ้นเคยครับ  ผมนั่งอยู่บนเตียงและหมอเองก็อยู่บนเก้าอี้เหมือนเคย  และวันนี้ผมก็ได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ เกี่ยวกับหมอยินอีกครับว่าหมอมันเป็นประเภทที่กินมาม่ากับตะเกียบ น่ารักซะไม่มี


   “ผมเพิ่งรู้ว่าหมอมีพ่อเลี้ยงเป็นคนรัสเซียด้วย”


   ผมพยายามเปิดบทสนทนาที่เกี่ยวกับหมอมันขึ้นมาครับ หลอกถามแบบเนียนๆ ทำเหมือนกับว่าก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมากมาย แค่บังเอิญสงสัยและได้ยินมาเท่านั้นเอ๊งงงง


   คนตัวสูงชะงัดไปนิดหน่อย …นิดหน่อยจริงๆ ครับ  แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินต่ออย่างเมามันส์ ท่าจะหิวจริง


   “อืม”


   โอ้ เป็นคำตอบที่ปราบเซียนพวกขี้เผือกจริงๆ ครับ  ไปต่อไม่เป็นเลยกู


   “หมอรู้ไหม ผมเองก็มีพ่อเลี้ยง”


   “ไม่”

   “พ่อเลี้ยงผมแต่งงานกับแม่ตอนผมอยู่ม.หนึ่งอะ จำได้ว่าตอนนั้นหงุดหงิดมากกกก เหมือนจะโดนแย่งความสนใจไป”  ในเมื่อหมอมันไม่ยอมเล่าเรื่องของตัวเองผมก็ขอเล่าเรื่องของผมบ้างแล้วกันครับ  อยากน้อยจะได้รู้ไว้ว่าผมยินดีที่จะแชร์เรื่องครอบครัวกับมัน “แล้วผมก็เลยมีน้องสาวที่อายุห่างกันสิบสี่ปีอะ คิดดูดิหมอ ผมโคตรอายเวลาโดนน้องเดินตามต้อยๆ เหมือนเป็นลูกติดอีกคน”


   “แล้วตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว”


   ได้ผลครับ! หมอมันเหมือนจะสนใจขึ้นมาหน่อยๆ แล้วด้วย  “ห้าขวบครับ กำลังน่ารักเลย ชื่อแก้ว”


   “เหรอ”


   “แต่ผมไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่อะ งานเยอะ  นี่ก็คิดถึงหมาที่บ้านเหมือนกัน”

   “บ้านฉันก็มีหมา”

   “จริงเหรอครับหมอ! โหยยย ข้อมูลใหม่ๆ”  ผมทำท่าเป็นเหมือนจดๆ ลงในสมุดอากาศ  หมอมันเลยโบกหัวผมเบาๆ เพราะเห็นว่ากำลังเล่นตลกแบบไม่สนใจสถานการณ์อยู่ “บ้านผมเลี้ยงมาพันทางแหละ น่ารักมากมีสี่ตัว โคตรคิดถึง”


   “บ้านฉันก็พันทาง  พอดีคนแก่ที่บ้านขี้เหงา ฉันไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่เหมือนกัน”


   โอ้วววว ข้อมูลใหม่มาเยอะจริงๆ ครับวันนี้  ผมอมยิ้มเมื่อเห็นหมอมันเริ่มต่อบทสนทนาได้เรื่อยเปื่อย  เพราะงั้นแม้ว่ามาม่าในชามพวกเราจะหมดแล้วแต่ผมกับหมอก็ยังนั่งคุยกันอยู่ครับ  ทั้งเรื่องของที่บ้าน เรื่องชีวิตตอนเด็กๆ  แล้วก็เรื่องนู่นนี่นั่นเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยจนผมเริ่มง่วงนอน  พอดูนาฬิกาในมือก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วพอดี  ร่างสูงลุกขึ้นเก็บกวาดจานชามอย่างเป็นระเบียบ  และในขณะที่ผมกำลังคิดมากว่าจะกลับหอยังไงให้ไม่โดนผีหลอกอีกดีหมอยินก็พูดโพล่งขึ้นมาว่า



   “จะค้างที่นี่ไหม”


   จะค้างที่นี่ไหม


   จะค้างที่นี่ไหม


   
   จะค้างที่นี่ไหม…




   “…แค่ถามเฉยๆ  ทำไมต้องเลือดกำเดาไหล”


   ผมเอามือป้ายใต้จมูกตัวเองอย่างงงๆ แล้วก็พบกับเลือดสีแดงๆ ที่ไหลออกมาจากจมูก สาเหตุก็เนื่องมาจากจินตนาการสำคัญความรู้นั่นแหละครับ… “สงสัยโดนพวกนั้นต่อยมา ความดันเลือดเลยสูงไปนิดครับ”


   “งั้นกลับไปนอนห้องนายเถอะ ท่าจะไม่สบายหนัก”

   “โฮ้ยยย หมอ ไม่เป็นไรครับ แค่นี้สบายมาก ค้างได้ๆ”

   “ถ้าสบายมากก็กลับไปนอนหอไป”

   “แค่กๆ โอยไม่สบาย ปวดหัวจังเลย อยากนอนแล้วอะ สัญญาว่าจะนอนเฉยๆ ไม่ดื้อไม่กวนครับ”

   หมอมันทำหน้าไม่ไว้ใจผมอย่างแรงเมื่อเห็นว่าผมทำหน้าจริงจังทั้งๆ ที่ยังมีเลือดกำเดาไหลอยู่เนืองๆ  ร่างสูงถอนหายใจยาวก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วโยนชุดนอนมาให้ผม


   “ถ้าจะนอนก็ไปอาบน้ำไป”

   “มีการมาไล่ไปอาบน้ำก่อนนอนด้วย เขินอะ”

   “ไอ้เด็กเวร”

   “ฮ่าๆๆ ไปแล้วครับหมอๆ  ขอบคุณสำหรับชุดนอนครับ”


   เมื่อเห็นท่าว่าร่างสูงอาจจะหงุดหงิดเข้าจริงๆ ผมก็รีบคว้าชุดนอนแล้ววิ่งฉิวเข้าห้องน้ำมาทันที  …โอ้โถส้วม
สะอาดตา  โอ้ฝักบัวและเครื่องทำน้ำอุ่นอันงดงาม โอ้แชมพู โอ้สบู่…


   แค่คิดว่าจะได้ใช้สบู่กลิ่นเดียวกันและขวดเดียวกันกับหมอแล้วก็รู้สึกคึกขึ้นมาทันทีครับ แก้ผ้าตัวเองหมดจดภายในสองวิ  เปิดน้ำแต่น้อยๆ แล้วพรมเฉพาะส่วนที่สำคัญ  ส่วนช่วงตัวที่มีแต่แผลเต็มไปหมดนั้นขอละไว้ในฐานที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้แล้วกันครับ


   สบู่ที่หมอใช้ก็เหมือนสบู่เหลวทั่วๆ ไปที่ชาวบ้านเขาใช้อะครับ  แต่ผมนี่ก็จดยี่ห้อและกลิ่นในหัวไปแล้วเรียบร้อย กะว่าจะซื้อใช้ตาม  โฟมล้างหน้ากับแชมพูก็จำครับ เผื่อจะหน้าใสไร้สิวแบบหมอเขาบ้าง


   ผมอาบน้ำเร็วๆ เพื่อที่จะได้เก็บเวลาไว้ทำอย่างอื่นในห้องน้ำต่อครับ… ต้องทำเผื่อไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวนอนใกล้กันแล้วมันจะออกมาเซย์ฮัลโหลหมอเขาเอา ไม่สมควรกับคืนแรกเป็นอย่างยิ่งครับ


   พอเสร็จทุกอย่างแล้วผมก็สวมชุดนอนสีฟ้าอ่อนที่หมอเตรียมมาให้อย่างเรียบร้อยครับ  กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจางๆ ที่ผมไม่รู้ว่าเป็นของยี่ห้ออะไรชวนให้อยากรู้ขั้นรุนแรง สงสัยพรุ่งนี้จะต้องไปแอบดูในตะกร้าซะแล้ว

   ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำหมอยินก็อยู่ที่โต๊ะหนังสือไปเรียบร้อยแล้วครับ  ขยันจริงๆ  ไม่รู้ว่านี่เรียนหรือสอบชิงแชมป์จักรวาล จริงจังเหลือเกิน

   “หมอไม่อาบน้ำเหรอครับ”

   “เดี๋ยวจะนอนค่อยอาบ”

   “อ้าว หมอยังไม่นอนเหรอ”

   “นายนอนไปก่อนเลย”


   เรื่องอะไรจะยอมเสียโอกาสนอนข้างๆ กันไปล่ะครับ   ผมเลยอยู่รอจนกว่าหมอมันจะอ่านหนังสือเสร็จ  แต่ไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปตอนไหนเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงหมออาบน้ำอยู่ในห้องน้ำเรียบร้อยไปแล้วครับ แหม่ เก่งจริงกูเรื่องเดินทางข้ามเวลา 


   มองเวลาอีกครั้งก็ตกใจเพราะนี่มันก็เกือบจะรุ่งสางแล้วครับ …เกือบจะตีสามพอดีที่หมอมันออกมาจากห้องน้ำ  มันดูแปลกใจที่เห็นผมนั่งหัวโด่อยู่แทนที่จะหลับ  แต่ร่างสูงก็ไม่ได้พูดอะไร  หมอมันเก็บนู่นนี่อีกสักพัก เดินไปปิดไฟที่โต๊ะอ่านหนังสือแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง  เห็นแบบนั้นแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนตามบ้าง จริงๆ ก็อย่างกระเถิบเข้าไปซบอกใกล้ๆ …ถ้าไม่ติดหมอนใบโตที่หมอมันเอามาคั่นไว้น่ะนะ


   “นอนไปดีๆ พรุ่งนี้มีเรียน”

   “หมายถึงถ้าพรุ่งนี้ไม่มีเรียนก็จู๋จี๋ได้สินะครับ…”

   “ทะลึ่ง พูดมากฉันไล่กลับหอจริงๆ นะ”

   “แอ่ก กลัวแล้วครับ”


   ถึงรู้ว่าจะตีสามแล้ว แต่ถ้าหมอมันไล่จริงๆ ก็คงต้องกลับแหละครับ  ผมเลยซุกตัวเข้าใต้ผ้าห่ม นอนลืมตาฟังเสียงลมหายใจของคนข้างๆ อย่างตั้งใจ  ไม่นึกเลยว่าวันที่จะได้นอนเตียงเดียวกับหมอมันจะมาถึงครับ  นี่ถ้ามีบ้านคงต้องขายบ้าน มีรถคงต้องขายรถไปทำบุญแล้วมั้งครับเนี่ย อะไรมันจะสมพรได้ขนาดนี้


   “หมอหลับยัง”


   เงียบ สงสัยไม่ช็อต เอ้ย สงสัยหลับไปแล้วจริงๆ 

   “หมอ ถ้าหมอไม่ตอบผมจะถือว่าลวนลามหมอได้จริงๆ นะเว้ย”

   ผมเรียกหมอมันอีกสองสามครั้งก่อนจะลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อเช็คว่าคนตัวสูงหลับไปแล้วจริงๆ อย่างที่คิดรึเปล่า  หมอยินหลับตาพริ้ม นอนตะแคงหันหน้าหนีผมอย่างงดงามครับ… สงสัยจะอาย  เห็นอย่างนั้นแล้วผมเลยกดริมฝีปากตัวเองลงไปที่แก้มข้างซ้ายของหมออย่างแผ่วเบาเหมือนแมลงปอป่วยใกล้ตายเกาะบนน้ำอะครับ  เบามากจนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ค่อยๆ แผ่ซ่านออกมาจากร่างของคนข้างๆ


   ผมพลิกตัวกลับมานอนเหมือนเดิมเงียบๆ  แต่หัวใจในอกนี่เต้นรัวอย่างกับรัวกระเดื่องคู่ในเพลงเมทัล  มันเต้นแรงมากจนผมกลัวว่าเตียงจะสั่นแล้วคนข้างๆ จะตื่นอะครับเลยได้แต่นอนตะแคงเอาตัวข้างขวาลงกับเตียงแทน แม่ง โคตรเขิน นี่ผมได้หอมแก้มหมอจริงๆ เหรอเนี่ย… แม้จะในเวลาที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวก็เถอะ


   เปิดใจให้เร็วอีกนิดเถอะนะครับหมอ ก่อนที่อะไรๆ มันอาจจะสายไปสำหรับผม



   ผมหลับไปโดยไม่รู้ตัวหลังจากนั้นอีกไม่กี่นาทีด้วยความเหนื่อยล้า  …ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าผมตื่นอยู่ล่ะก็ ผมคงจะต้องลงไปร้องไห้ด้วยความอายกับพื้นแน่ๆ ถ้ารู้ว่าหมอมันยังตื่นอยู่ตอนที่ผมกระทำการอุกอาจแบบนั้นลงไป…






tbc.

*********************************************

มาลักหลับหมอกันเถอะ #ผิด
 :hao7:

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เริฟกิ่งเริฟหมอเหลือเกิน (หักลบคะแนนค.น่าหมั่นไส้ของยัยกิงไปนิดนึง55555)

โอยละอีกคู่นี่อะไรร ncของอีกคู่ก่อนก็ได้นะคะ อิ

เริฟคนแต่งด้วย สองวันติดเลย ดีต่อจิตใจเราสุดๆค่ะ

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กรี้้้ดดดดด ตอนนี้เค้าแอบหวานนน :-[
ที่กิ่งพูดว่าจะไม่มีโอกาสนี่ยังไง จะมีมาม่าเหรอค้าา :sad4:

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
โอ๊ยพี่ยิน นี่อ่อยหรือใจดีเอ่ย :-[ :-[
ทำไมน้องกิ่งน่ารักอย่างเน้
 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กิ่งน้อยผู้น่าสงสาร 555

ออฟไลน์ KS.F

  • มือใหม่หัดแต่งนิยาย ช่วยแนะนำด้วยน่า
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 167
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
หอมแก้มหมอๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
แง คุณน้องกิ่งกับหมอน่ารักมากเลย ฮือ จะเอาๆๆ

 :ling1:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น้องกิ่งจะสมหวังใช่ไหมครับ หมอยินอย่าใจร้ายกับน้องเลย

ออฟไลน์ steppenwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 13







   “แล้วพวกมันโดนอะไรบ้างอะพี่”


   ผมถามสองหมอในห้องตอนที่ยังนั่งกอดหมอนอยู่ปลายเตียง  พี่เนย์เป็นฝ่ายหันมาตอบผมด้วยน้ำเสียงกวนโอ๊ยเหมือนเดิมว่า



   “ดร็อปไปแล้ว”


   “ทำไมดร็อปออกอะ อย่างนี้ก็ต้องหยุดเรียนอยู่เฉยๆ ไปปีนึงเนี่ยนะ”


   “พ่อเลี้ยงไอ้ยินนั่นแหละขู่ แม่งน่ากลัวชิบหาย”


   “…ขนาดนั้นเลยเหรอวะพี่  มาเฟียรัสเซียของแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์”


   หมอเถื่อนยักไหล่แล้วหันกลับไปสนใจเท็กซ์บุ๊คในมือต่อ เรื่องพ่อเลี้ยงของหมอยินนี่ก็ยังคงเป็นความลับอยู่ตลอดกาลครับ  ไม่มีใครรู้ลึกไปมากกว่านี้  และรู้แค่ว่าเป็นคนที่ไม่ควรไปทำให้ไม่ชอบใจโดยเด็ดขาด เพราะงั้นการที่กลุ่มพวกพี่แอมอะไรนั่นมารุมยำหมอในวันนั้นก็เลยยิ่งทำให้เรื่องนี้กลายเป็นทอคออฟเดอะทาวน์ของคณะมากยิ่งขึ้น  เท่าที่รู้มาก็เหมือนกับว่าจะไม่มีผู้หญิงกล้าเข้าไปเกาะแกะหมอมันมากเท่าเดิมแล้ว ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมากครับ ปล่อยให้คนหน้าด้านอย่างผมทำคะแนนเถอะ

   

   และเนื่องจากว่าผมและหมอยินต่างก็ถูกยำบาทาทั้งคู่สภาพหน้าเลยยับเยินไม่ต่างกัน และนั่นทำให้ตำแหน่งนายแบบของหมอยินหลุดลอยไปอีกไกลโข  ลำพังความสามารถอย่างผมยังไม่อาจรั้งหมอเขาไว้ได้ครับ  สุดท้ายแล้วก็เลยต้องจำยอมถ่ายรุ่นน้องร่วมคณะส่งงานไปพลางๆ อย่างน้ำตาตกใน…  หมอนะหมอ อยู่ดีๆ ก็มายกเลิกงานคนอื่นเขา  แต่นี่ยอมไม่โกรธเพราะเห็นว่าอยากให้คนตัวสูงได้พักผ่อนบ้างครับ  วันนั้นที่ไปนอนค้างด้วยกันก็ทำให้ผมรู้ว่าหมอเป็นคนที่ขยันมากกว่าที่ผมคิดซะอีก และเพราะอย่างนั้นช่วงนี้ผมเลยไม่กล้ารบกวนหมอให้หมอเหนื่อยไปมากกว่าเดิมด้วย




   นับจากวันที่ผมได้ไปค้างห้องหมอก็ผ่านเลยมาเกือบเดือนแล้วครับ  เหล่านักศึกษาต่างก็เข้าสู่ช่วงสอบกลางภาคพอดี  สาขาของผมส่วนใหญ่จะเป็นการสอบภาคปฏิบัติหรือไม่ก็โปรเจ็คใหญ่ซะส่วนมาก แทนที่จะอ่านหนังสือเหมือนพวกหมอๆ เขาก็กลายเป็นต้องอดหลับอดนอนเพื่อทำงานยักษ์ใหญ่ให้เสร็จตรงตามกำหนดแทน  เรียกได้ว่าเป็นช่วงเส้นตายแห่งชีวิตครับ ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ก็เหมือนจะสบายขึ้นมานิดนึงนะ… มั้ง


   “แล้วมึงเป็นไงกับไอ้ยินบ้าง”


   พี่เปียวที่นั่งจมจ่อมอยู่กับชีทหนาๆ ในมืออยู่นานถามขึ้นมา 


   “ก็ไม่เป็นไงอะครับ โซโซ”


   ไม่ตอบอย่างเดียว ผมชูหน้าจอโทรศัพท์ที่มีแอพแชทสีเขียวระหว่างผมกับหมอยินค้างอยู่โชว์หรา  ข้อความของอีกฝ่ายที่กำลังเด้งขึ้นมาเรื่อยๆ ก็เป็นอีกคำตอบหนึ่งที่ทำให้พี่เปียวถึงกับอึ้งไป “นี่พวกมึงคบกันแล้วเหรอวะ คุยกันโคตรยาว”



   จริงๆ มันก็ไม่ได้ยาวมากหรอกครับ แต่พี่เปียวเขาน่าจะรู้ว่าหมอยินมันไม่ใช่พวกสิ้นเปลืองคำพูด เพราะงั้นแค่ประโยคธรรมดาๆ สองสามประโยคต่อกันจากหมอยินนี่ก็ถือว่ายาวมากพอให้ตกใจแล้ว



   “ยังอะพี่เปียว ตอนนี้ก็กำลังคุยๆ กันอยู่”


   อ๊ากกกก พูดเองก็เขินเอง  ผมกอดหมอนในมือแล้วล้มลงกลิ้งๆ บนเตียงเหมือนคนบ้าคลั่ง “ถามเขาหรือยังว่าเขาอยู่ในสถานะคุยๆ กันอยู่อะไรนี่ของมึงเหมือนกันไหม  เขาอาจจะแค่สงเคราะห์เกย์อัปลักษณ์ๆ อย่างมึงก็ได้”



   “พี่เนย์ อ่านหนังสือต่อไปเหอะ คนจะคุยกับพี่เปียว”


   “กูหมั่นไส้มึงชิบ”


   “มีความรักมันก็ดีอย่างนี้แหละ”



   เสียงถุยน้ำลายของพี่เนย์ดังมาเป็นระลอกใหญ่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่ปกติเหมือนเดิม… คือต่างฝ่ายต่างก็หันหน้าเข้ากับหนังสือและงานของตน  ผมวางโทรศัพท์ที่แชทค้างไว้ข้างๆ ตัว  เพื่อที่จะได้วางมือจากงานมาตอบได้ไวๆ  เพราะรู้ดีเช่นกันครับว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ว่าจะยอมคุยด้วยแต่โดยดีเหมือนอย่างครั้งนี้ทุกครั้ง  มีโอกาสดีๆ ต้องรีบคว้าไว้แน่นๆ



   กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : หมอสอบเสร็จวันศุกร์นี้ใช่ปะ ไปหาไรกินกันไหมครับ


   ผมส่งข้อความนั้นไปเมื่อห้านาทีที่แล้ว  หมอยินยังไม่ได้อ่านและไม่ตอบกลับมาจนกระทั่งผ่านไปเกือบชั่วโมง สงสัยว่าจะเป็นช่วงพักจากหน้าหนังสือพอดีถึงว่างมาตอบครับ


   HAPPYYIND : ไม่ว่าง


   กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : แหงะ หมอทำอะไรอะครับ งั้นวันอื่นได้ปะ


   กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : น้าาา




   HAPPYYIND : มีธุระ  แต่เสาร์น่าจะได้



   เฮ้ยยยยยยยย ผมกระโดดดึ๋งๆ บนเตียงเหมือนคนบ้าครับ  ไม่ได้วันศุกร์ก็ไม่เป็นไร วันเสาร์สิดีขึ้นไปใหญ่  ผมเลยรีบพิมพ์ตอบตกลงหมอมันพร้อมนัดเวลาเสร็จสรรพ  เครื่องหมายอ่านแล้วขึ้นเตือนพร้อมการหายตัวไปของหมอยินอีกเหมือนเคย… ถ้าบอกว่าไม่โกรธที่อีกฝ่ายมาๆ หายๆ แบบนี้คงจะฟังดูทาสรักเกินไป แต่มันก็เป็นเรื่องจริงครับ …ผมคงเกินเยียวยาไปแล้วจริงๆ แฮะ





.
.
.
.
.

   และแล้ววันเสาร์ก็มาถึงครับ ไวเหมือนตอแหล  แต่ชีวิตช่วงก่อนหน้านี้ผมบัดซบมากครับ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะสกิปเวลารัวๆ เหมือนกัน มาถึงช่วงเวลาที่น่ายินดีปรีดาได้เร็วๆ เท่าไหร่ยิ่งดี



   แผนชวนหมอยินเดินห้างกินไอศกรีมของผมสำเร็จแค่ครึ่งเดียว  ผมลากหมอยินออกมาได้แต่ก็ไม่ได้ไปกินอะไรสวีทๆ กันในห้างอย่างที่หวัง  กลายเป็นว่าหมอมันดันพาผมมานั่งกินสุกี้ยามเย็นกันที่ห้องของพี่เป้กับพี่อ๊อฟแทน ช่างมันครับ ยังไงก็ได้อยู่กับหมอเหมือนกัน จะที่ไหนหรือกินอะไรก็ไม่เกี่ยง


   “อ้าวไอ้น้องกิ่ง มาๆ นั่งๆๆ แต่วันนี้ห้ามแดกของมึนเมานะ กูขี้เกียจแบกละ ฮ่าๆๆ”



   พอพวกเราเข้ามาถึงห้องของพี่เป้พี่อ๊อฟได้ไม่ทันไร เสียงหนวกหูของพี่ผึ้งก็ดังออกมาทันที …ดูจากจำนวนของขวดสีขุ่นๆ ที่วางระเกะระกะอยู่ข้างๆ หม้อสุกี้แล้วก็สามารถอนุมานได้ว่าพวกพี่เขาดื่มกันมานานแล้วเพื่อรอเวลากินสุกี้เท่าและเพื่อให้ที่ประชุมครบองค์  วันนี้พี่เนย์พี่เปียวไม่ได้มาด้วยครับ คนหลังหนีกลับบ้านไปเพราะพ่อโทรมาตาม ส่วนหมอเถื่อนนั่นผมก็ปล่อยนอนหลับเป็นตายต่อไปครับ ไม่ควรพามาเป็นก้างขวางคอ



   พี่ผึ้งผู้ทิ้งหมอยินไว้ให้โดนยำในวันนั้นโดนผมด่าในใจไปเยอะแล้วครับ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมเลยตั้งใจว่าจะไม่แก้แค้นอะไร  นายแบบหมอผีฉุดผมให้นั่งลงข้างๆ แล้วจัดจานชามให้เป็นอย่างดี “กินเยอะๆ จะได้อึ๋มๆ นะอีหนู”



   “แค่นี้ก็ผัวรักผัวหลงแล้วครับพี่”



   “อ้อลืมไป ขอแต่งงานกันแล้วนี่หว่า”



   ทั้งกลุ่มหัวเราะครืนกับมุกของพี่ผึ้งครับ  สงสัยจะเกี่ยวข้องกับไอ้เรื่องวันที่เมาไม่รู้เรื่องนั่นแหละ  ผมมองดูเพื่อนๆ ในกลุ่มของหมอแต่ละคนแล้วก็อดหัวเราะในใจไม่ได้   คิดเปรียบเทียบเสื้อยืดกางเกงบอลในวันนี้กับชุดหล่อลากไส้ในคืนวันนั้นแล้วก็ขำครับ อย่างกับคนละคนกัน  ยิ่งพี่เป้นี่ยิ่งแล้วใหญ่ เห็นว่าเป็นห้องตัวเองแล้วเลยเหลือแค่บ็อกเซอร์กับเสื้อกล้ามซะงั้น… ทำเอาผมที่แต่งตัวมาซะเต็มที่กลายเป็นหมาไปเลย



   “เอ้านี่ ส่งต่อๆ”



   ช้อนส้อมถูกส่งต่อมาจากทางพี่ผึ้งและวนไปเรื่อยๆ  หมอยินนั่งอยู่ข้างผมและแน่นอนว่าตามหน้าที่ศรีภรรยาที่ดีอย่างผมต้องส่งตะเกียบให้เขาครับ  “ฮั่นน่อววว รู้ด้วยว่าไอ้ยินแดกตะเกียบ ทำการบ้านมาดีนะมึง”



   พี่เป้แซวครับ ผมเองก็บิดเอวเขินเล่นมุกตามน้ำเรียกเสียงหัวเราะไปเรื่อย ระหว่างที่รอสรรพสิ่งทั้งหลายในหม้อนั่นสุกผมก็เลยนั่งฟังพวกหมอๆ เขาบ่นเรื่องข้อสอบเล่นกัน



   “บล็อกนี้เหี้ยมมาก กูแทบจะอ้วกตอนเจอข้อสอบ กูว่าเขาสอนลึกแล้วนะ ข้อสอบแม่งยังสามารถลึกได้มากกว่านั้นอีกว่ะ”


   “กูนับข้อที่มั่นใจได้ไม่ถึงยี่สิบอะ”


   “ดีแล้วอ๊อฟ ดึงมีนไปเยอะๆ กูไม่ถือ”


   “ฮ่าๆ”  ไม่รู้จะแจมอะไรก็หัวเราะไว้ก่อนครับ  มันช่วยให้เราอยู่ในวงสนทนามากขึ้น ฮือ เมื่อไหร่จะรีบๆ สุกวะ อยากกินให้ปากไม่ว่างแล้ว


   แกรก


   แก้วใสๆ ใส่น้ำแข็งถูกวางไว้เงียบๆ ตรงหน้าผมด้วยฝีมือของคนข้างๆ ครับ…  ไม่ใช่หมอยิน แต่เป็นพี่ผึ้งที่ยิ้มกว้างให้พร้อมรินน้ำอัดลมสีเข้มใส่ “อยากมึงกินแค่นี้ก็พอ วันนี้กูไม่มอมละ เข็ด”


   “อ้าว งี้แปลว่าวันก่อนพี่ตั้งใจมอมผมเรอะ”


   “อุ๊ปส์ ซวอรี่” สำเนียงพี่มันกระแดะมากครับ  พอได้ยินอย่างนั้นแล้วผมก็เผลอทำปากเบะใส่เหมือนตอนที่อยู่กับพวกธันวาไป เรียกเสียงหัวเราะจากพี่ผึ้งได้อีกกระบุงโกย “ทำหน้าอะไรของมึง โคตรทุเรศ กร๊ากกกก”

   หัวเราะจริงจังมากครับ “ใครจะไปหน้าตาดีเหมือนพี่ล่ะ”

   “เออ แล้วนี่เป็นไงภาพเซ็ตคัมมิ่งทูทาวน์ของกู ไม่เห็นส่งรูปมาให้กูเลย”

   โอ้… แค่ได้ยินผมก็ขนลุกซู่ซ่าไปหมดแล้วครับ  เมื่อวานตอนที่ว่างหลังจากการทำโปรเจ็คผมก็เพิ่งไปทำบุญเจ็ดวัดมา แถมเอาเพ็ดดีกรีไปเซ่นไอ้แก๊งหน้าหอนั่นอีกกระบุงโกยเพื่อเป็นการขอบคุณ  แม้ว่าจะสบายใจขึ้นมากแล้วแต่การพูดถึงเรื่องนี้ก็ยังทำให้ผมอดหวั่นๆ อยู่ไม่ได้


   “เอ่อ ไฟล์มันเสียอะครับพี่ เอาไว้เดี๋ยวพี่มาเป็นแบบใหม่ให้ผมแล้วกัน คราวหลังเดี๋ยวพาไปถ่ายที่อื่น…” ที่มันน่าจะไม่มีคนอื่นรบกวนเท่าที่นั่น  ประโยคหลังนี่ต่อในใจครับ ไม่กล้าเอ่ย


   “เหนื่อยฟรีเลย โคตรเจ๊ง แล้วนี่ทำไง”

   “ให้รุ่นน้องที่คณะเป็นแบบให้แก้ขัดไปครับ”

   “คราวหน้านะเว้ย สัญญากับกูด้วย”


   พี่ผึ้งยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วผมโดยไม่ได้ดูเลยครับว่านั่นมันนิ้วโป้ง… สงสัยจะเมาแล้วจริงๆ  เพราะเจ้าตัวยังคงเขย่าทำสัญญาแบบผิดนิ้วนั่นต่อไป


   กลิ่นหมูหมักหอมๆ โชยมาพร้อมควันสีขาวที่พวยพุ่งเป็นสัญญาณว่าของในหม้อพร้อมให้พวกเราจัดการแล้วครับ  พี่อ๊อฟเป็นฝ่ายเปิดฝากระจกของหม้อออกและนั่นทำให้ท้องของผมร้องโครกครากหนักกว่าเดิม …ใครมันจะไปเชื่อว่าหมอแปลกๆ พวกนี้สามารถทำสุกี้โฮมเมดออกมาได้น่ากินขนาดนี้ นี่ไปเปิดร้านหมูกระทะกันเหอะครับ น่าจะรุ่งกว่า



   ถึงจุดๆ นี้ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมาเลยครับ มีแต่เสียงช้อนส้อมกระทบกันช้งเช้งดังไปหมด เรื่องแย่งกินนี่ขอให้บอก ไอ้กิ่งน้อยถนัดนัก  ว่าแล้วก็จัดการหมูมาเกือบครึ่งหม้อสำหรับผมและหมอยินที่นั่งใบ้อยู่ข้างๆ ครับ


   “เอ้านี่หมอ ผักบุ้ง ช่วยเรื่องสายตา อ่านหนังสือเยอะๆ สายตาจะสั้นขึ้นนะ ต้องบำรุง”

   “ขอบใจ”


   “แล้วก็นี่ตับ ช่วยเรื่องธาตุเหล็กและวิตามินมากมาย ของดีมีประโยชน์โปรดบอกต่อ”

   “…กินๆ ไปเหอะ ไม่ต้องมายุ่ง”


   หูย รักนี้เจ็บจนชินครับ  ทำร้ายกิ่งอีกเถิดคุณหลวง ได้โปรดใช้คำพูดเฆี่ยนตีกิ่งอีก “ถ้าหมอไม่สนใจงั้นผมไปกินตรงนู้นละกัน อยากดูทีวีอะ”


   “ไปสิ”


   โฮววว ไม่มีรั้งเริ้งใดๆ ทั้งสิ้น  ผมที่ประชดไปแบบไม่นึกว่าจะต้องไสหัวตัวเองมานั่งนอกวงจริงๆ ก็ได้แต่เดินเบะปากไปเรื่อย ทีวีก็ไม่มีอะไรดู ไม่น่าเลยกู


   ห้องพี่เป้กับพี่อ๊อฟค่อนข้างใหญ่กว่าห้องหมอยินมากเพาะอยู่กันสองคน มีสองเตียงรกๆ กับทีวีเครื่องใหญ่พร้อมคอมอีกหนึ่งเครื่อง  ถ้าเป็นใจมันรู้ว่าผมได้มาเหยียบห้องคู่จิ้นสุดฟินของมันคงจะกรี๊ดจนเส้นเสียงอักเสบตาย ผมเลยถือโอกาสเบื่อๆ นี้งัดโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปก่อนส่งเข้าไลน์กลุ่มเพื่อเรียกร้องความสนใจ




   กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : ให้ทายว่าอยู่ห้องใคร บอกใบ้ให้ว่าเป็นนศพ.ทั้งคู่ คนนึงเตี้ยคนนึงสูง


   ใช้เวลาไม่นานจริงๆ อย่างที่คิด  เป็นใจมันก็ตอบกลับมาด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจรัวๆ  จากนั้นหมวยหมวยและธันวาก็เข้ามาผสมโรงด่าว่าผมลืมกำพืดตัวเอง หนีไปคบกับพวกหมอเสียหมด  ผมหัวเราะคิกคักเมื่อทะเลาะกับเพื่อนในไลน์จนกระทั่งไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ามีคนเดินมาปิดทีวีเรียบร้อยแล้ว


   “จะกินก็กินดีๆ  ไม่ใช่เล่นไปด้วยกินไปด้วย”



   คนตัวสูงที่เป็นเจ้าของมือแม่นากที่ปิดทีวีไปนั้นพูด  “แฮ่ โอเคครับ ไม่เล่นละ กินดีกว่า”


   เพราะว่าก่อนหน้านี้ผมกินไปเล่นโทรศัพท์ไป พื้นที่รอบๆ ชามสุกี้ของผมเลยเต็มไปด้วยรอยหกเลอะเทอะมากมาย ลำบากให้ผมต้องลุกขึ้นไปหาทิชชู่มาเช็ดอีก …เอ ทิชชู่ ทิชชู่ พี่เขาเก็บทิชชู่ไว้ตรงไหนกันนะ


   สายตาสอดส่ายมองหากระดาษขาวๆ จนกระทั่งเจอมันวางอยู่เงียบๆ เหนือหัวเตียง  แล้วก็ไม่ตะโกนเรียก ปล่อยให้มองหาตั้งนาน



   “ไอ้กิ่ง! หน้ามึงเหมือนคนกำลังทะเลาะกับทิชชู่อยู่เลยว่ะ ฮ่าๆๆ”


   พี่ผึ้งที่เมาเต็มที่แล้วพูดขึ้นมา …ไม่รู้ว่าไปเรียนวิชาเหนือมนุษย์มาจากสำนักไหนครับ เฮี้ยนดีเหลือเกิน


   ผมเดินมาเช็ดโต๊ะที่ตำเองทำเลอะให้เรียบร้อย  ส่วนหมอยินก็หายไปไหนไม่รู้ครับ  ตอนนี้วงที่นั่งล้อมหม้ออยู่ก็มีแต่พี่ผึ้งกับคู่จิ้นแค่นั้น  ด้วยความสงสัยใคร่รู้ในชีวิตของคนอื่น(เรียกง่ายๆ ว่าเผือกนั่นเอง) ผมเลยเดินตามหาร่างสูงไปทั่วจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ประตูระเบียงที่มีเสียงแว่วๆ ลอยตามลมมา


   “ไม่กลับ… คิดว่าคง… เหรอ อืม ขอโทษครับ”



   เป็นหมอยินจริงๆ ที่ยืนคุยอะไรไม่รู้อยู่ข้างนอกนั่น จากนั้นร่างสูงก็พูดอะไรอีกไม่รู้หลายประโยคที่ผมได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง  ดูจากความสุภาพของคำพูดแล้วน่าจะคุยกับพ่อแม่ครับ แต่ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกันบ้างนี่สิ…


   “ถ้าจะมาก็บอกก่อนนะ ผมต้องเคลียร์งานก่อน ถ้ามาแบบไม่บอกอาจจะไม่ว่าง”  ฮะ อะไรนะ  ไม่ได้ยินเว้ย…




   พรวด!



   อยู่ดีๆ หมอยินก็เปิดประตูพรวดออกมาครับ  จะไม่ใช่ปัญหาอะไรเลยถ้าผมไม่เอาตัวและหูแนบชิดอยู่กับประตูมากเสียจนเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้นระเบียงตามแรงดึงของคนตัวสูง  หมอยินก้มลงมองหน้าผมที่แนบพื้นอยู่แล้วถามด้วยสีหน้าอารมณ์เสียระดับสิบ “มาแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์เรอะ เสียมารยาท”



   “แค่บังเอิญเดินผ่านมาเท่านั้นเอ๊งง”


   “ลุกขึ้นมาดีๆ”  ไม่มีการช่วยฉุดหรือดึงอะไรทั้งนั้นครับ  ผมเลยต้องพยุงตัวเองขึ้นมายืนเอง แถมคนตัวสูงยังเดินหนีกลับเข้าวงไปแล้วเรียบร้อยด้วย


   ผมลูบจมูกตัวเองป้อยๆ เพื่อเช็คดูว่าความสูงของมันยังเป็นปกติ… เดี๋ยวเสียโฉมไปแล้วจะจีบหมอมันยากกว่าเดิมครับ  แค่นี้ก็เสริมหล่อทุกวันจนไม่มีเงินจะกินข้าวแล้ว


   จากที่ฟังมาเมื่อกี้ เท่าที่จับใจความได้ก็น่าจะเป็นพ่อของหมอเขานั่นแหละครับ คงกลับบ้านไม่ได้พ่อแม่เลยจะมาหา… มั้ง ผมเองก็ได้ยินไม่ค่อยชัดเหมือนกัน แต่ก็เดามั่วๆ ไปยังงั้นแหละ


   ว่าแต่ อยากเจอหน้าพ่อแม่หมอจังเลยน้า  …ถ้าได้เจอก็คงจะดี



   “ยืนเอ๋ออะไรตรงนั้น จะกินก็มากิน”


   ผมสะบัดหัวไล่ความคิดอันสุดแสนจะสตอล์กเกอร์ของตัวเองออก โอ้วจีซัส… นี่ผมโรคจิตถึงขั้นจะไปแอบตามดูพ่อแม่หมอเขาแล้วเรอะ! ถ้าไอ้ธันวารู้เข้าคงโดนมันพาไปเข้าสถาบันพัฒนาจิตแหงๆ โทษฐานทำตัวโรคจิตเกินเพื่อนจะรับได้  ผมเลยเดินไปหยิบชามที่ว่างเปล่าของตัวเองแล้วก็นั่งลงข้างๆ หมอยินแล้วตักสุกี้กินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น …แต่ผมค่อนข้างสัมผัสได้ครับว่ามีอะไรที่แปลกขึ้นไปกว่าเดิมนิดหน่อย


   “…อะไร”


   หมอยินมันดูงงๆ เมื่อผมอยู่ดีๆ ผมก็ลุกไปรินเบียร์ให้พร้อมน้ำแข็งเต็มแก้ว  ผมหัวเราะแหยๆ ตามสไตล์แล้วพูดว่า “เห็นหมอเครียดๆ เลยไปรินมาให้ แถมตั้งแต่มาหมอยังไม่ได้กินเบียร์เลยอะ”


   “…รู้ได้ไง”


   “ก็หมอกินแต่น้ำเปล่า”


   “ไม่ ฉันหมายถึงนายรู้ได้ยังไงว่าฉันเครียด”


   อยากจะตอบกลับไปเหลือเกินครับว่าแอบมองมาตั้งห้าปี  ใส่ใจคิดถึงก่อนทุกมื้ออาหารและก่อนนอนอย่างนี้จะจับความผิดปกติไม่ได้ได้ยังไง  แต่ก็กลัวจะโดนเอาหม้อสุกี้สาดหน้าฐานทำตัวโรคจิตครับ เลยได้แต่ตอบไปอ้อมๆ แอ้มๆ ว่า




   “เดาเอาอะ เหมือนคิ้วหมอจะขมวดนิดนึง ปากก็ยกขึ้นสูงกว่าปกตินิดหน่อย”



   เพิ่งมารู้สึกตัวก็ตอนตอบไปแล้วนั่นแหละครับว่ามันดูโรคจิตกว่าเดิมอีก ตายกูตาย  แต่ดีที่หมอมันไม่ได้รู้สึกแปลกๆ อะไรเลยคุยต่อตามปกติ ไม่เกิดเหตุการณ์นองเลือดครับ


   “แล้วนี่รินเบียร์ประสาอะไรใส่น้ำแข็งซะเยอะ”


   “ก็เห็นหมอชอบกินอะไรเย็นๆ อะครับ เลยใส่มาให้เยอะๆ”


   “จางหมด เสียของชะมัด”

   หมอมันพูดไปอย่างนั้นแต่ก็ยกขึ้นดื่มจนได้  …ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลหรือเพราะอะไร แต่ผมก็ดีใจขึ้นมาเมื่อใบหน้านั้นไม่ดูตึงๆ อย่างที่เคย  แถมหลังจากนั้นหมอมันก็ยอมกินสารพัดสิ่งที่ผมตักให้มันเรื่อยๆ โดยไม่ปริปากด่าครับ 




   เห็นอย่างนั้นแล้วก็อดยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้ เก่งมากไอ้กิ่ง สู้ต่อไปนะกู





tbc.

****************************




ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
สู้ต่อไปเจ้าหนูกิ่ง

ออฟไลน์ Nene promporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สู้ต่อไปนะ ...!!!

คนเเต่งอะ

ออฟไลน์ silverrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฮือ ชอบอ่ะ

ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น้องกิ่งสู้ต่อไป  o13

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สู้ต่อไปนะกิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง
หมอก็ไม่ได้เย็นชาใส่เท่าไหร่แล้ว

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หมอเริ่มใจอ่อนขึ้นแล้วว เจ้ากิ่งสุ้ๆๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ tuckky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
กิ่งเอ๊ยยยย...เกรียนได้อีก 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
โหเท่อไหร่จะได้กัย

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
หมอไม่ได้เครียด แค่เปิดโหมดหวงก้างแค่นั๊นเอ๊ง~ :hao7:

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
สู้ต่อไปนะเจ้าหนูกิ่ง
ถ้าเจ้เป็นพี่ยินนะ ทำขนาดนี้เจ้โคตรหวั่นไหวอ่ะ
 :hao7: :hao7: :mew1:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
กิ่งเกรียนดี

ออฟไลน์ steppenwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 14







   “นี่ครับพี่ อีโนคลายกรดลดแน่นเฟ้อ”




   ผมชูถุงพลาสติกจากเซเว่นที่ข้างในมีอีโนหลายสิบซองอัดแน่นอยู่  …พี่เป้ที่นอนกลิ้งอยู่กับที่เพราะลุกไปไหนไม่ได้ด้วยความอิ่มจนจุกยื่นมือมารับอย่างเชื่องช้า



   “ขอบใจเว้ย”


   “ครับพี่ ให้ผมชงให้เลยป้ะ”


   “โอ ประเสริฐ จัดมาอย่าให้ช้า”


   มือนั้นชักกลับไปทันทีเมื่อผมพูดออกไปว่าจะชงให้  …ก่อนหน้านี้ผมลงไปซื้อยาลดแน่นท้องพวกนี้มาจากเซเว่นครับ  เพราะขับรถยนต์ไม่เป็นแถมไม่มีใครมีจักรยาน ผมเลยต้องเดินฝ่าฟันความมืดไปตัวคนเดียวเปลี่ยวๆ  หันไปขอความช่วยเหลือจากว่าที่สามีในอนาคตก็ไม่สนใจ แถมยังฝากผมซื้อไอศกรีมมาให้ละลายเล่นระหว่างทางอีกต่างหาก


   “ชงเผื่อกูด้วย โอ้กกก”


   พี่ผึ้งที่อยู่ในห้องน้ำตะโกนออกมาพร้อมเสียงอ้วกอีกหนึ่งที  …พอดีวันนี้ไม่รู้พวกพี่เขานึกครึ้มอะไรกันครับ  เล่นพนันนู่นนี่ท้ากันดื่มไปเรื่อยจนต่างฝ่ายต่างเลยลิมิตของตัวเอง  แถมกินไปดื่มไปจนจุกไปหมดแบบพี่เป้ เดือดร้อนให้ผมที่มีสติสตางค์ครบถ้วนที่สุดลงไปซื้อยามาอีกต่างหาก


   “กินอีโนตอนอ้วกได้เหรอพี่”


   ผมหันไปถามพี่อ๊อฟที่สติดีเหลือรองลงมา แต่หน้านี่แดงพอๆ กับหมูดิบที่วางอยู่ข้างๆ จนนึกว่ากินสารเร่งเนื้อแดงไปด้วยอีกคนแล้ว   พี่อ๊อฟตอบกลับมาแบบนิ่งๆ เหมือนเดิม แต่สำเนียงนี่ยังกับคนใต้อะครับ ทองแดงมาเชียว “น่าจะได้นะ เคยกินกันอยู่”


   “ได้”


   ร่างสูงที่นอนอยู่บนโซฟาช่วยยืนยันผมมาอีกเสียงครับ  ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวชงให้กินไปแล้วตายหมู่ เดือดร้อนผมต้องหาชุดดำไปงานศพอีก


   “หมอเอาด้วยไหมอะครับ”


   “ไม่ ขอน้ำเปล่าพอ”


   “ครับผม”
   


   พอชงอีโนแล้วเอาไปยื่นให้ถึงมือแต่ละคนแล้ว ผมก็รีบรินน้ำเย็นๆ แถมน้ำแข็งอีกก้อนแล้วส่งให้หมอยินทันที  ตอนนี้คนตัวสูงนอนเหยียดอยู่บนโซฟา เท้าเลยออกข้างนอกไปไกลโข แขนสองข้างก็เหยียดออกเต็มที่จนดูเหมือนต้นไม้ที่ยื่นกิ่งก้านออกจากลำต้น  …ถึงจะเป็นต้นไม้แต่ก็เป็นต้นไม้ที่หุ่นดีมากครับ เห็นแล้วอยากจะลงไปฟัด


   “เลิกมองได้แล้ว”


   แฮ่  โดนจับได้ว่าลวนลามทางสายตาด้วย

   “หมอไม่เอาอีโนจริงๆ เหรอ”

   “ไม่ได้กินเยอะขนาดนั้น”   

   “ผมอุตส่าห์ตักให้หมอตั้งเยอะ นี่ยังน้อยไปอีกเหรอเนี่ย!”   

   “ฉันแอบเขี่ยทิ้งไปตั้งหลายชิ้น”

   “โฮ หมอใจร้าย”

   “หึ”


   หมอมันหัวเราะในลำคออีกก่อนลุกมากินน้ำที่ผมหาไปให้  บรรยากาศตอนนี้มันชวนให้คิดไปไกลจริงๆ ครับ อย่างกับสามีภรรยาตัวอย่าง  แต่ติดตรงที่พี่เป้และพี่อ๊อฟที่นอนเรออยู่ตรงนั้นแล้วก็เสียงอ้วกของพี่ผึ้งยังคงดังออกมาจากห้องน้ำอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างเลยดูวุ่นวายเกินกว่าจะมาคิดเรื่องโรแมนติกในหัว


   “กิ่งมึงเข้าไปดูผึ้งดิ้ มันตายรึยังวะ”


   พี่อ๊อฟตะโกนสั่งผมที่ยืนจ้องหมอยินกินน้ำอยู่  ขัดลาภตาจริงๆ ครับ อุตส่าห์จะเก็บภาพคอลเล็คชั่นใหม่ไว้ในหัวสักหน่อย
ผมเดินไปห้องน้ำเพื่อดูพี่ผึ้งตามที่โดนบอกมา   …สภาพในห้องน้ำนี่อย่าให้บรรยายเลยครับ  กลัวแต่ว่าตำแหน่งหนุ่มเพลย์บอยของพี่เขาจะถูกสั่นคลอน   ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วตบหลังคนเมาเบาๆ “พี่ผึ้งไหวปะ เอาน้ำเปล่าไหม”



   “ก็ดีว่ะ อ้วกกก”

   “เฮ้ย! อ้วกพี่มันกระเด็นโดนหน้าผมอะ! สิวจะขึ้นรึเปล่าวะเนี่ย!”

   “เอาน้ำมา โอ๊กกก”


   ไม่รอให้ถูกสั่งอีก ผมรีบวิ่งไปรินน้ำใส้แก้วมาให้พี่ผึ้งโดยทันทีครับ  ระหว่างที่รออีกฝ่ายดื่มจนหมดก็รีบล้างหน้าเอาของสกปรกออกด้วย สิวยิ่งขึ้นง่ายๆ อยู่



   “เอาอะไรอีกไหมครับพี่”


   ผมถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งนิ่งเกาะขอบโถส้วมอยู่  สงสัยจะสอบหนักไปจนเครียด พอมีเวลาปลดปล่อยหน่อยก็เลยล่อซะเกินเหตุไปหน่อย  มือหนานั่นยื่นมาข้างหน้าเป็นสัญญาณว่าต้องการจะให้ผมฉุดลุกยืน  แต่เท่าที่คำนวนดูแล้วตัวเล็กๆ อย่างผมไม่น่าจะฉุดพี่เขาได้ไหวครับ  ผมเลยตัดสินใจย่อลงไปหิ้วปีกเขาขึ้นมาแทนมากกว่า จะได้ไม่เสี่ยงต่อการล้มหัวฟาดพื้นไปพร้อมกันทั้งคู่


   “พี่เดินเองด้วยนะ ผมแค่พยุงไม่ได้อุ้ม”


   “ไอ้กาก”


   “พี่มั่นใจแล้วใช่ไหมเนี่ยว่าจะไม่อ้วกอีก”  อย่ามาอ้วกรดกันนะเว้ยยย


   “เออ… มั้ง อ่อก”



   พี่ผึ้งทำท่าเหมือนจะอ้วกออกมาอีกทีจนผมต้องรีบเอามืดอุดปากไว้ แต่ดูเหมือนกับว่าครั้งนี้จะเป็นแค่การหยอกเล่นๆ เพราะร่างสูงหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีหวาดระแวงของผม เอ้อ กระทืบคนเมานี่มันบาปไหมครับเนี่ย



   “พากูไปนั่งโซฟาที”

   หันไปมองโซฟาที่หมอยินเหยียดแข้งขาจนเต็มแล้วก็หันมาพูดกับพี่ผึ้งต่อ “หมอยินนั่งเต็มแล้วอะ พี่ผึ้งไปเตียงแทนป้ะ"

   “มึงก็ไปบอกให้มันขยับหน่อยดิ กูจะนั่งงง”


   “ไปเตียงเหอะพี่”

   “กูไม่อยากนอนทับเตียงพวกมันอะ กูไม่ชอบนอนเตียงชาวบ้าน”


   หูย ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ผมนี่ยังอยากนอนเตียงหมอยินเขาเลย “หมอเขานอนแล้วอะพี่ เดี๋ยวพาไปนั่งกับพวกพี่เป้ก็ได้”


   “ทำไมมึงไม่เรียกกูว่าหมอบ้างวะ”


   อยู่ดีๆ พี่ผึ้งก็เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา  ผมหันไปมองร่างสูงที่ยังคนนอนเฉยอยู่บนโซฟา หลับตาพริ้มพร้อมขมวดคิ้วหน่อยๆ เพราะฤทธิ์เหล้า คิดว่าคงไม่ได้ยินแล้วเลยพูดไป “ก็หมอเขาเคยช่วยชีวิตผมไว้”


   “แล้วมึงก็เลยชอบมันเหรอวะ”


   หูยยยยย นี่พี่ผึ้งหรือสรยุทธ  มาถามอะไรกันต่อหน้าชาวบ้านเขา “ให้ผมเล่าเรื่องหมอยินนี่ผมเล่าได้เป็นวันๆ เลยนะ แต่ขอนอกรอบได้ป้ะ ต่อหน้าหมอมันผมเขิน”


   บิดตัวโชว์อีกนิดหน่อยเพื่อความสมจริงครับ   ทุกลักทุเลกันอยู่นานกว่าจะพาพี่เขามาแลนดิ้งที่ข้างๆ พี่อ๊อฟได้ แถมอีกฝ่ายยังรั้งผมไว้ด้วยการชวนคุยอีก ตอนปกติก็ว่าพูดมากแล้วแต่เทียบกับตอนเมาไม่ได้เลยครับ


   “แล้วมึงจะไม่เรียกหมอคนอื่นว่าหมอเลยเหรอวะ”

   “ไม่อะ หมอยินเขาพิเศษ”

   “กูจะอ้วก”

   “ห้องน้ำอยู่ทางนั้นครับพี่ แต่ไปเองนะคราวนี้ ไม่พยุงแล้ว”


   พี่เป้หัวเราะกับคำตอบของผมนิดหน่อยก่อนจะหันไปคุยงุบงิบสองคนกับพี่อ๊อฟต่อ   ส่วนพี่ผึ้งคนงามก็สลบไปเรียบร้อยแล้วครับ สงสัยจะเมามากจริงๆ 


   ระหว่างที่กลุ่มหมอๆ เขาพักฟื้นกันอยู่ ผมก็ถือวิสาสะเก็บกวาดจานชามไปล้าง ไหนๆ ก็ไม่ได้จ่ายเงินแล้ว อย่างน้อยก็ควรจะทำงานเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้บ้างครับ เผอิญว่าเป็นคนดี


   พอทำความสะอาดทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจนสิ่งสกปรกเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือพวกพี่ๆ เขานั้น  ผมก็แอบมานั่งข้างๆ โซฟาที่หมอยินนอนกางอยู่  เปิดโทรศัพท์แล้วนั่งตอบแชทของพวกธันวาต่ออย่างเมามันจนกระทั่งรู้สึกถึงแรงสะกิดจากด้านบน


   “อ้าวหมอ นึกว่านอนแล้ว เอาอะไรเปล่าครับ”


   หมอยินในสภาพที่เหมือนหมีจำศีลลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจซ้ายขวา โชว์หน้าท้องนิดๆ จนผมเผลอเอานิ้วไปจิ้ม… และแน่นอนว่าก็ถูกตีมือแทบหักกลับมาครับ “ไอ้เด็กทะลึ่ง”


   “ขอโทษแทนมือไม่รักดีของผมด้วยครับ แหะๆ”

   “กี่โมงแล้ว”   


   “เกือบห้าทุ่มแล้วครับ” ผมตอบพลางมองดูนาฬิกาบนข้อมือ  ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เล่นโทรศัพท์อยู่แท้ๆ แต่ดันไม่ยอมมองในโทรศัพท์ คนเรานี่ก็แปลกนะครับ “หมอจะกินน้ำอีกปะ  เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้”


   “ไม่ต้อง จะเข้าห้องน้ำ”


   “หูย เดี๋ยวผมพาไป บริการจับให้ด้วยเผื่อขี้เกียจล้างมือ”

   “ทุเรศ”


   หมอมันด่าหน้าตายแล้วก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ เห็นอย่างนั้นผมเลยรีบลุกไปหยิบของจากในถุงเซเว่นอีกถุงแล้วยื่นให้หมอมัน “อะหมอ ผมซื้อมาเผื่อ”



   ร่างสูงทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้าขอบใจก่อนรับไว้   …ผมไม่รู้ว่าจะต้องมาค้างเลยไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าหรือแปรงสีฟันมาครับ แต่โชคดีที่มันสมองอันชาญฉลาดสั่งให้ซื้อแปรงสีฟันจากเซเว่นเมื่อกี้นี้มา และแน่นอนว่าผมซื้อมาเผื่อสุดที่รักของผมด้วย เผื่อว่าเปลี่ยนใจอยากจะมีซัมธิงกันแล้วจะอายกลิ่นสุกี้ขึ้นมา กร๊าก ผมนี่โคตรฉลาด


   ระหว่างที่รอหมอเข้าห้องน้ำผมก็เดินไปแปรงฟันที่ซิงค์ล้างจานแทน คิดว่าอีกไม่นานน่าจะต้องปิดไฟนอนเพราะแต่ละคนร่วงโรยกันหมดแล้ว พอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เจอกับหมอยินที่ออกมาจากห้องน้ำพอดีครับ


   เหมือนหมอมันจะอาบน้ำแล้วก็ใส่ชุดเดิม ปลายผมกับหน้าเลยยังเปียกๆ อยู่หน่อยๆ




   “เซ็กซี่จัง”



   “เคยมีคนบอกไหมว่าบางเรื่องแค่คิดก็ได้ ไม่ต้องพูด”

   “แฮ่ อะล้อเล่นขำๆ สะเก็ดดาวววว”


   “ขำตายล่ะ”


   ร่างสูงเดินนำไปยังเตียงที่มีหมอนและผ้าห่มวางอยู่ จากนั้นก็อุ้มผ้าห่มไปโปรยใส่กลุ่มเพื่อนของตัวเองที่นอนหลับเป็นตายกับพื้นห้อง เหมือนจะมีน้ำใจมากครับ แต่ก็ไม่ได้ดูเลยว่าผ้าห่มจะทับหน้าทับตาใครไปบ้าง  ผมเลยไปเขี่ยๆ ผ้าห่มออกให้แต่ละคนมีอากาศได้หายใจ  พอดีว่าไม่อยากไปงานศพเพื่อนของว่าที่สามีครับก่อนวัยอันควรครับ


   “หมอ เตียงว่างนะ สนไหม”


   ผมชี้ไปที่เตียงว่างๆ เพราะเจ้าของห้อมเฝ้าพื้นไปแล้วเรียบร้อย  หมอมันไม่หันมามองเลยสักนิดแต่ก็ส่ายหัวแบบเอือมๆ ให้ก่อนกดปิดสวิตช์ไฟ  จากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืด มีเสียงกรนของพี่ผึ้งและพี่เป้ดังมาอยู่จางๆ พอให้รำคาญบ้างนิดหน่อย
   ร่างสูงล้มตัวลงนอนที่โซฟา จากนั้นก็หลับไปโดยไม่สนผมที่ยืนหอนหมาอยู่เลยสักนิด


   “หมอออ แล้วจะให้ผมนอนไหนอะ”


   เงียบ ไม่ตอบ แต่ยังขยับตัวสบายใจเฉิบอยู่ครับ


   “หมอขึ้นมานอนเตียงด้วยกันเหอะ ไหนๆ มันก็ว่างแล้ว จะไปขดอยู่บนโซฟาทำไม”

   “…”

   “มีตั้งสองเตียง หรือจะนอนเตียงเดียวกันผมก็ไม่ถือนะ”

   “…ฉันไม่อยากนอนเตียงของสองคนนั้น จบนะ”

   อยู่ดีๆ ผมก็คิดถึงคำพูดของพี่ผึ้งขึ้นมาครับ  “ทำไมมีแต่คนไม่อยากนอนเตียงพี่เป้พี่อ๊อฟอะครับ”


   “ไปถามมันเองสิ”


   อ้าว  โยนให้ผมไปถามเจ้าของเรื่องเองเฉย  ใครมันจะไปกล้าถามวะครับ  …ผมหันไปมองเตียงกว้างๆ สองเตียงที่ราวกับจะเชื้อเชิญให้ผมขึ้นไปนอนคนเดียวอย่างสบายใจเฉิบสลับกับหมอที่นอนคู้ตัวอยู่ในโซฟาสั้นๆ   ไม่รู้ว่ามันจะมีอาถรรพ์ฝันสยองอะไรหรือเปล่าคนอื่นเขาถึงได้หวาดระแวงกัน ช่วงนี้ยิ่งมีแต่เรื่องเหนือธรรมชาติเกิดขึ้นรอบตัวอยู่ด้วย ผมเลยไม่เสี่ยงที่จะขึ้นไปประสบกับเหตุการณ์แบบนั้นคนเดียวครับ ได้แต่เดินไปเลือกหมอนเหมาะๆ มาใบหนึ่งแล้ววางลงที่พื้นข้างๆ โซฟาหมอยิน จากนั้นก็ล้มตัวลงนอน


   “ฝันดีครับหมอ”


   และแน่นอนครับว่าต้องไม่ลืมบอกฝันดีด้วย





.
.
.
.

   ‘อยากจะทำอะไรก็เชิญ’


   ‘ไม่ต้องรอให้พี่พูดกิ่งก็จะทำอยู่แล้ว!’


   ‘อย่าลืมที่ตัวเองพูดไว้ก็แล้วกัน เรื่องก่อนหน้านี้น่ะ…’


   ‘เออ คอยดูเลยนะ แล้วพี่จะเสียใจที่ไม่สนับสนุนกิ่งตั้งแต่แรก’



   ...ผมค่อนข้างรู้สึกตัวว่าตัวเองฝันไปครับ  เพราะฉะนั้นก็เลยบังคับให้ตัวเองตื่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วก่อนที่เหตุการณ์ในฝันมันจะบานปลายมากขึ้นไปเรื่อยๆ   บางทีคนเราก็ฝันร้ายถึงเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง และบางทีคนเราก็ฝันร้ายกับเรื่องในอดีตที่ยังตามมาหลอกหลอนเหมือนอย่างเช่นคืนนี้


   ห้องที่ไม่คุ้นตาทำให้ผมต้องนอนนิ่งๆ เพื่อให้สายตาปรับเข้ากับความมืดแล้วรูปทรงของห้อง  เงียบจนผมได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาตัวเองเดิน เข็มสั้นชี้อยู่ที่เลขสามในขณะที่ผมเริ่มชินกับทุกอย่างพอดี


   บางทีการที่อยู่ดีๆ ก็ฝันร้ายในห้องของคนที่ไม่สนิทนักก็ทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ แถมยังปวดหลังเพราะต้องทนนอนบนพื้นแข็งๆ อีก สุดท้ายผมก็เลยลุกขึ้นนั่งแล้วบิดขี้เกียจขับไล่ความเมื่อยสักหน่อย

   แน่นอนว่าไม่ลืมที่จะหันกลับไปดูสุดที่รักครับ  …หมอยินนอนหลับตาพริ้ม แต่ดูยังไงก็รู้ว่านอนไม่สบายแน่ๆ เพราะแขนขาเหยียดได้เก้งก้างอวกาศมาก เห็นแล้วอยากถ่ายรูปไปแบล็คเมล์จริงๆ


   หมอมันไม่ใช่คนหล่อมากมาย แต่ก็มีเสน่ห์แม้ว่านิสัยจะเสียและไม่น่าเข้าใกล้สุดๆ ครับ   ผมเองก็เป็นหนึ่งในแมงเม่าที่พร้อมจะบินเข้าปากปล่องภูเขาไฟเต็มที่ ถ้าไม่แก่ตายไปซะก่อนก็คงจะต้องตายเพราะความร้อน ซึ่งไม่ว่าทางไหนก็ดูไม่น่าอภิรมย์ทั้งนั้น


   ผมควานหาโทรศัพท์ตัวเองในความมืดและพบว่ามันแบตหมดไปแล้ว เพราะไม่คิดว่าจะอยู่นานผมเลยไม่ได้เตรียมของมา  ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ากลับหอค่อยไปชาร์ตแล้วกัน ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรมากมาย เสียดายแค่โอกาสที่จะได้ถ่ายรูปหมอยินตอนนอนเท่านั้นแหละครับ


   ว่าแล้วก็หันกลับไปลวนลามทางสายตาอีกรอบ… คนอะไรไม่รู้ ยิ่งมองยิ่งมีเสน่ห์  ไรหนวดบางๆ นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของพวกหมอๆ เขาหลังสอบกันครับ  อ่านหนังสือจนไม่มีเวลาโกน หมอยินเองก็คงจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ดูจากความจริงจังของเจ้าตัวแล้วก็คงอ่านหนังสือโต้รุ่งหรือไม่ก็ดึกดื่นเหมือนเคย หน้าหล่อๆ นั่นก็เลยดูโทรมลงไปหน่อยนึง



   ผมมองดูจนแน่ใจว่าหมอไม่ตื่นมาแน่ๆ แล้วก็ขโมยหอมแก้มไปอีกทีนึง  คราวที่แล้วนี่รีบทำมากครับเพราะกลัวว่าคนตัวสูงจะตื่น แต่คืนนี้หมอทั้งเหนื่อยแล้วก็ดื่มเบียร์ไปด้วย คิดว่าคงไม่ตื่นมากระทืบผมได้ง่ายๆ  เพราะงั้นผมเลยยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ แทนที่จะหยุดอยู่แค่ที่แก้ม ผมยังหวังไปไกลถึงขั้นริมฝีปากนั้น


   ปากหมอนุ่มแต่ก็ติดหยาบนิดๆ ตามประสาผู้ชายที่ไม่ชอบดูแลตัวเอง  พอแอบจูบเสร็จผมก็มานั่งรู้สึกผิดกับตัวเอง โอ๊ยยยย ทำไมผมถึงได้โรคจิตขนาดนี้วะ  ถ้าหมอเขารู้ผมจะต้องทำยังไง จะเอาหน้าที่ไหนไปมองหมอเขาในเมื่อยังทำตัวลามกจกเปรตกับเขาอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน ไอ้กิ่ง ไอ้เลววววววว




   ตืดดดด ตืดดดดดดด…



   ไม่ครับ ไม่ใช่เสียงของพยาธิที่ไหน  แต่เป็นเสียงโทรศัพท์ของใครสักคนที่วางอยู่เหนือโซฟา  ด้วยอารามตกใจกลัวว่าหมอมันจะตื่นมาเห็นผมซึ่งกระทำการอุกอาจอยู่ ผมเลยรีบคว้ามันไว้แล้วเผลอกดรับหวังจะให้หยุดส่งเสียงโดยไม่รู้ตัว… ซวยฉิบ!  วางสายตอนนี้ทันไหมวะ!



   (ฮัลโหล ฮัลโหล ได้ยินไหมยินดี)

   ไม่ทันแล้วครับ  …แถมยังตอกย้ำความซวยกว่าเดิมด้วยเพราะพบว่ามันเป็นโทรศัพท์ของหมอยินเอง โอ้จีซัส  หรือนี่จะเป็นบาปกรรมที่ผมได้ทำไว้จากการลวนลามหมอเขาวะครับ ฮือ กิ่งน้อยขอโทษ



   (ยิน ฮัลโหล ได้ยินรึเปล่า)



   เสียงจากปลายสายยังคงดังออกมา  ผมมองดูหน้าจอแล้วพบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเบอร์ของพ่อ… เอายังไงดีวะ จะปลุกหมอขึ้นมาไหม แล้วหมอมันจะโกรธที่ผมรับโทรศัพท์มันก่อนรึเปล่า  หรือถ้าหมอมันตื่นขึ้นมาตอนนี้แล้วรู้สึกได้ว่าผมเพิ่งแอบจูบมันไปผมจะโดนสั่งห้ามเข้าใกล้ตลอดชีวิตไหมอะครับ โอยยยย สารพัดความกลัวจะเข้าครอบงำ


   …สุดท้ายแล้วสมองน้อยๆ ของผมก็สั่งให้ผมเดินย่องออกไปนอกระเบียงเพื่อเริ่มบทสนทนาครับ


   “เอ่อ… สวัสดีครับ คือผมเป็นเพื่อนของหมอเขาครับ ขอโทษที่เผลอกดรับก่อนครับ”


   อากาศตอนกลางคืนไม่หนาวครับ แต่ตอนนี้ขนผมลุกซู่เลยทีเดียวเมื่อรู้ว่าได้คุยกับใครอยู่ ว่าที่พ่อตานั่นเองครับ แฮ่!


   (เพื่อน คนไหนกันล่ะ เป้หรือผึ้ง)


   “ผมเป็น… เพื่อนอีกสาขาหนึ่งอะครับ”

   (แล้วชื่ออะไร อย่าบอกนะว่ากำลังหาเรื่องลูกชายฉันอยู่)


   อูยยย แค่ฟังก็เสียวสันหลังวูบแล้วครับ  อยู่ดีๆ ภาพตัวเองโดนโบกปูนถ่วงน้ำแถวๆ รัสเซียก็ลอยขึ้นมา “ไม่ใช่ครับ! ผมเป็นรุ่นน้องหมอยินเขา… ชื่อกิ่งครับ”


   (ไม่เห็นจะรู้ว่าคนเราจะเป็นเพื่อนกับรุ่นน้องได้ด้วย…) จริงๆ ก็หวังจะเป็นมากกว่าเพื่อนนั่นแหละครับ (แล้วนี่ยินดีไปไหน ทำไมเธอถึงได้มาคุยแทน)



   “หมอเขาหลับอยู่ครับ”



   (แล้วเธอก็ถือวิสาสะรับสายเองโดยไม่ได้รับอนุญาต?)


   …ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ไลค์ฟาเธอร์ไลค์ซันมากครับ  เเม้ไม่เห็นหน้าเเต่สายตาทิ่มแทงพร้อมน้ำเสียงเย็นชานี่มาเต็มเลยทีเดียว


   “…ผมกลัวว่าเสียงดังแล้วหมอเขาจะตื่นอะครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับคุณพ่อ”


   (ใครพ่อเธอ)

   มาแล้วครับ  ประโยคพ่อตาแม่ยายในตำนาน “ขอโทษครับ… งั้นเดี๋ยวผมไปปลุกหมอยินให้นะครับ”

   (ไม่ต้อง)


   อ้าว  ผมชะงักกลางอากาศเมื่อเสียงในโทรศัพท์ห้ามไว้  สุดท้ายแล้วผมก็ได้มานั่งคุยนอกระเบียงมืดๆ อยู่ดี “พ่อ… เอ่อ คุณลุงมีอะไรจะฝากบอกหมอเขาไหมครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะบอกให้”


   (ยังอยู่ที่ห้องเป้กันอยู่เหรอ)


   “ครับ”



   ปลายสายเงียบไปสักพักเหมือนใช้ความคิดอยู่   ผมไม่รู้ว่าทำไมพ่อของหมอยินเขาถึงไม่อยากให้ผมไปปลุกลูกชายตัวเองให้  ทั้งๆ ที่โทรมาดึกดื่นป่านนี้เหมือนมีเรื่องจะพูดแท้ๆ  แต่สุดท้ายแล้วว่าที่พ่อตาก็ไม่ปล่อยให้ผมงงนาน  เสียงที่ติดจะออกแหบห้าวเหมือนกันนั้นพูดออกมาว่า


   (เธอใช่คนที่เป็นต้นเรื่องให้ยินดีถูกซ้อมวันนั้นใช่ไหม)


   “…ครับ”



   รู้สึกเหมือนเป็นคนเลวที่พาลูกชายชาวบ้านออกนอกลู่นอกทาง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นเรื่องของความวิปโยคทุกอย่างครับ…


    “ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ  ผมไม่เคยคิดอยากจะให้หมอยินเจ็บตัว ผม…”


   (ฉันไม่ได้โทษเธอ)

   “แต่ผม…”


   (เธอว่างมาเจอฉันไหม)


   หา


   ว่าไงนะ


   “…คุณลุงพูดว่าอะไรนะครับ ผมได้ยินไม่ค่อยชัด”


   (หาเวลาว่างมาแล้วโทรมาบอกฉัน ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากได้วันอาทิตย์ต้นเดือนหน้าสองทุ่ม)


   กำหนดมาให้เสร็จสรรพขนาดนี้แล้วมีเหรอครับที่ผมจะปฏิเสธ… ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนานเพราะรู้ดีว่าเป็นการเสียมารยาท ผมเลยรีบตอบตกลงไป “ได้ครับ แล้วจะให้ผมไปที่ไหน…”


   (ไม่ต้อง)


   อ้าว กรรม แล้วงี้จะหมายความว่ายังไง คือผมต้องโทรจิตทางไกลไปคุยเหรอครับ “แล้วผม…”


   ขณะที่กำลังจะอ้าปากถามไปนั่นเองครับ  ผมถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วว่าหมอมันต่างชั้นกับผมขนาดไหน  เรื่องพ่อเลี้ยงมาเฟียอะไรนั่นแล้วก็อิทธิพลที่ทำให้นักศึกษาแพทย์กลุ่มหนึ่งถึงขั้นต้องดร็อปออกไปได้นี่มัน… 


   อยู่ดีๆ ลำคอผมก็เกิดตีบตันขึ้นมาจนผมต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

 
   (ฉันจะให้คนขับรถไปรับ ห้ามสายล่ะ แล้วก็จำไว้ด้วยว่าเธอจะต้องไม่บอกใครเรื่องนี้ แม้แต่กับยินดีเองก็ตาม)



   “…”



   (ทุกคำพูดของฉันเป็นเด็ดขาด เข้าใจนะ)




tbc.
***********************************


ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
คุณพ่อตาจะเรียกหนูกิ่งไปทำไมเนี่ย
ลุ้นๆ
ปล.คนเขียนมาอัพบ่อยมาก เยี่ยมเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ  o13 o13 o13

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คุณพ่อตาจะทำอะไรนู๋กิ่งมั้ยว้าาา

ออฟไลน์ silverrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หนูกิ่งมีอดีตอะไร

ออฟไลน์ tuckky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
ขอให้ความเกรียน..เอ๊ยยยย...ความดีชนะทุกอย่างนะกิ่ง
ปล. หวังว่าอดีตจะไม่ม่านะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด