...How To จีบหมอ... (UP! ตอนที่ 15 บทนำสู่ปัญหาใจ ... 7/11/59)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...How To จีบหมอ... (UP! ตอนที่ 15 บทนำสู่ปัญหาใจ ... 7/11/59)  (อ่าน 16978 ครั้ง)

ออฟไลน์ steppenwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
****************************************************


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


****************************************************

“หมอ รับรักผมเถอะ!”


   ผมเป็นคนที่ไม่ฝักใฝ่ธรรมมะ ไม่ชอบเข้าวัดทำบุญเพราะขี้เกียจ  แต่ในระยะสองปีหลังมานี้ผมบ้าคลั่งในการทำบุญมาก
บริจาคให้ทุกอย่างที่ขวางหน้าทั้งมูลนิธิ หมาจรจัด ขอทาน หรือแม้แต่เจ้าแมลงตัวน้อยที่ไร้ที่อยู่อาศัย  ทั้งหมดนั้นก็เพื่ออยากให้ผลบุญมาช่วยในการนี้  ใช่แล้วครับ วันนี้ผมมาสารภาพรักกับผู้ชายที่ผมหลงรักมาตลอดห้าปี


   “…”

   หมอมันเงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ  สงสัยฟ้าคงกำลังตรวจสอบความดีที่ผมเคยทำอยู่ และแน่นอนว่ามันต้องโอเคครับ ฟ้าย่อมช่วยคนดี ฟ้าจะไม่ทอดทิ้งคนที่มีความพยายามแบบผม…

   “ฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย”


   แน่นอนว่ารักครั้งนี้จะต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ  แม้ผมจะเพิ่งเริ่มมาเข้าวัดทำบุญได้ไม่นาน แต่ผมมั่นใจว่า…


   ฮะ

   อะไรนะ


   “ไสหัวไปไกลๆ ได้แล้ว ขนลุก”


   “เอ่อ ผมว่าหมอคงกำลังพูดผิ…”

   “ฉันชอบผู้หญิง ไม่ได้ชอบตุ๊ด ...เเล้วก็อย่ามาให้เห็นหน้าอีก”

   “…”


   “ต้องให้พูดซ้ำอีกรอบไหม?”




   ผมมั่นใจว่า… ผมคงอกหักอย่างสมบูรณ์แบบแล้วจริงๆ แหละครับ






****************************************************
นักเขียนมือใหม่ ผิดพลาดประการใดก็ขอโทษด้วยนะคะ (_ _) ท้วงติงได้เลยค่ะ เดี๋ยวเราจะเเก้ไขให้
ขอฝากนิยายเรื่องยาวเรื่องเเรกในเล้าไว้ในอ้อมอกด้วยนะคะ ^^


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2016 23:38:17 โดย steppenwolf »

ออฟไลน์ steppenwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #1 เมื่อ16-10-2016 17:51:40 »

ตอนที่ 1



   
      เรื่องมันเริ่มขึ้นจากการที่ผมเห็นหน้านักศึกษาแพทย์คนหนึ่งที่กำลังเดินออกจากตึกเรียนไป ริมฝีปากบางนั่นหยักเป็นรอยนิดๆ จนดูเหมือนกำลังเบะปากตลอดเวลา  ตาเล็กนั่นก็เฉียงขึ้นจนเหมือนกับเป็นตัวโกงในหนังจีน แต่ก็รับกับทรงผมรองทรงสั้นเรียบๆ และผิวสีน้ำผึ้งอยู่ไม่หยอก  ไม่ได้หล่อพิมพ์นิยม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้ามันดูดีมากจนต้องเหลียวมองเพราะความน่าค้นหาของมัน  …ครับ นั่นคือรักแรกพบ


   ผมเรียนอยู่คณะแพทย์เหมือนกันแต่คนละสาขา  โดยที่สาขาของผมนั้นจะเรียนเป็นสายศิลปกรรมจ๋าเลยครับ ทั้งดรออิ้ง สีน้ำ ถ่ายรูป  เพียงแค่ต้องเรียนเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับสื่อทางการแพทย์ให้ได้เท่านั้นเอง  เหมือนกับเป็นด้านสร้างสื่อให้กับหมอแทนเพื่อความถูกต้องและแม่นยำในข้อมูล  พวกเราจึงเปรียบเสมือนหมอและศิลปินที่ผสมรวมๆ กันนั่นเองครับ
   

         และเพราะเหตุผลนี้แหละที่ทำให้ผมเชื่อมั่นว่า ผมจะต้องเกิดมาเพื่อเป็นคู่กับหมอยินแน่นอน คุณลักษณะทางอาชีพคอนเฟิร์ม



   …หมอยิน หรือนายยินดี สายปัญญา เป็นนักศึกษาแพทย์ปีสามที่ตอนนี้เป็นขวัญใจของแม่ยกในโรงพยาบาล หล่อ สูงร้อยเก้าสิบสองเซนติเมตร(อีกนิดก็ชนกรอบประตูแล้วครับ) นิสัยดีเป็นที่รักของคนรอบข้าง(นี่ก็อวยไป๊) และที่สำคัญคือฉลาดท็อปไฟว์ของคณะ  มิสเตอร์เพอร์เฟคแมนคนนี้แหละครับที่เป็นเป้าหมายในชีวิตของผม
   

         …แต่ตอนนี้มันก็พังลงไปแล้วล่ะ


   “ฮืออออออออ กูไม่เข้าใจ ทำไมอะ ทำไมเขาต้องพูดแบบนั้นกับกูด้วย แม่ง กูอุตส่าห์ยอมทำบุญเจ็ดวัดทุกสามเดือน กินมังทุกวันพุธ แต่แม่งก็ยังไม่ยอมเห็นใจรับรักกูบ้างอะ  ถ้ารู้ว่าทำดีแล้วไม่ได้หมอยิน กูขอบุกขึ้นหอไปปล้ำเขาดีกว่า!!!”
   


         “ไอ้กิ่ง …มึงนี่มัน”  ธันวา เพื่อนชายเพียงหนึ่งเดียวในสาขาของผมตบบ่าแปะๆ ให้กำลังใจด้วยมือที่นิ้วก้อยกรีดขึ้นเก้าสิบองศา  “เล่นเดินดุ่มๆ ถือเยอบีร่าไปฟาดหน้าเขาเป็นช่อขนาดนั้นเป็นใครใครก็ต้องกลัว กูยังขนลุกแทนเขาเลยค่ะ”
   

        “กูไม่ได้ฟาด! กูเอาไปยื่นให้เขาต่อหน้า เขาจะได้ดมกลิ่นมันได้ง่ายๆ”
   

         “เยอบีร่ามึงหอมนักว่างั้น? ซับเจ็คสีน้ำที่วางง่อยๆ อยู่สองวันคงจะส่งกลิ่นแบบนั้นล่ะมั้งคะ”
   
        “กูว่ามันสวยดี พี่เขาน่าจะชอบ… ก็แค่นั้น”

          “มันจะไม่แค่นั้นถ้ามึงไม่สารภาพรักด้วยเสียงระดับพันแปดสิบเดซิเบลล์”

   “กูอยากให้เขาได้ยินกูชัดๆ นี่”

   “เอาเป็นว่ากูว่าอะไรมึงก็เถียงได้หมดแหละค่ะ กูอยู่กับมึงมานานกูเข้าใจนิสัยมึง แต่เขาเพิ่งจะรู้จักมึงได้แค่สองวิมึงก็ทำเขากลัวแล้ว  พี่หมอยินไม่ต่อยมึงคว่ำก็ดีเท่าไหร่ละ”

   “เขาว่ากูว่าตุ๊ด…”


   “กูจะเกลียดเขาก็ประโยคนี้นี่แหละ”  ธันวาถอนหายใจเฮือก “โปรโฟล์ดีหมดแต่ทัศนคติเหยียดเพศที่สามแบบนี้กูก็ไม่เอาทำผัวนะ”

   “หมอยินเป็นของกู!”


   “เออๆๆๆๆ  เอาเป็นว่า ตัดใจค่ะ  ถือซะว่าจบไปแล้วก็แล้วกัน เดินหน้าประเทศไทย ผู้ใหม่ยังมีอีกเยอะ”

   “กู…”  ผมกลืนก้อนสะอื้นเข้าไปในคอ  แม้จะนั่งอยู่ในโรงอาหารใต้ตึกคณะแต่ผมก็ยังร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแบบไม่แคร์ใคร “กูทำไมได้หรอกมึง รักเขามาตั้งนาน”

   “ทำไม่ได้ก็ต้องทำ”


   “กูรักเขา ได้ยินไหมว่ากูรักหมอยินนน”

   “ถ้ามึงยังไม่หยุดตะโกนกูจะขึ้นไปเรียนต่อแล้วนะคะ อายฉิบหาย”

   
        “ฮือ ธันนน อย่าทิ้งกู กูไม่อยากเรียนแล้ว กูจะซิ่วไปเรียนหมอจะได้จีบเขาสะดวกๆ”


   “ดูสมองมึงด้วยค่ะ เทอมที่แล้วอนาโตมี่ได้ไปเท่าไหร่คะกรุณาดูเกรดด้วย”

   “มึงไม่เข้าใจ”   ทิชชู่ที่เดิมทีถูกวางไว้ให้บริการแก่ผู้ใช้โรงอาหารถูกดึงออกมาเป็นแผ่นสุดท้ายเพื่อเช็ดน้ำตาของผม
“กูรักเขามาห้าปี ตามเขามาเรียนที่นี่ เปลี่ยนตัวเองให้ตรงสเป็คเขาแทบตายแต่ต้องมาถูกปฏิเสธแบบนี้ เป็นมึงมึงจะตัดใจได้ง่ายๆ แบบนั้นเลยเหรอวะ”
   


        เพื่อนสาวในกายหยาบเพื่อนชายทำท่าครุ่นคิด  ถอนหายใจประกอบฉากอีกทีก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ   พวกเราไม่ได้คุยกันต่ออีกเพราะผมร้องไห้แบบมาราธอน  คำพูดของไอ้พี่หมอยินมันดังก้องอยู่ในหัว ไอ้ตุ๊ด… ไม่ได้ชอบผู้ชาย… แล้วก็อย่ามาให้เห็นหน้าอีก… โอ้จอร์จ  ทำยังไงให้น้ำตามันหยุดไหลกันนะ ผมชักจะปวดตาแล้ว ปวดหัวด้วย
   
       
        แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือปวดใจมากครับ  อกหักครั้งแรกในชีวิต ขมเกินกว่าจะรับไหวจริงๆ






.
.
.

   “มึงดูๆ  ฮ่าๆๆ  ดังใหญ่แล้วนะกิ่ง”
   


        “…ใครถ่ายวะ”




   ในมือถือไอฟงแปดพลัสของหมวยหมวยโชว์วิดีโอความคมชัดระดับสี่เคที่เหมือนถูกสตีฟ จ๊อบส์จ่ายค่าโฆษณามา มันเป็นวิดีโอตอนที่ผมสารภาพรักกับหมอยินเมื่ออาทิตย์ก่อนพอดี เพจรวมดาวสาวมหาลัย(ไม่ได้ชื่อนี้หรอกครับ ผมแค่เรียกเพราะมันชอบเอารูปสาวๆ หนุ่มๆ มาลงเรียกไลค์เล่นไปงั้นแหละ)อัพโหลดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งตอนนี้ยอดไลค์แตะหกพันกว่าๆ แล้ว  ในขณะที่ดารานำอย่างผมยังนั่งซึมกะทือตาบวมไม่มีกะจิตกะใจเรียนอยู่   
   

        “มึงอ่านคอมเมนท์ โคตรฮา”

       
   “เขาคงคอมเมนท์เรื่องเสียดายกูสินะ ไม่น่าเลยไอ้พี่หมอยิน”
   

        “ถุย อ่านค่ะอ่าน”

   แม้ไม่ได้อ่านก็พอรู้แล้วว่ามันจะพูดถึงเรื่องอะไร  ผมเบี่ยงตัวหลบไอ้หมวยหมวยเพื่อเดินไปนั่งข้างธันวาที่กำลังทาลิปมันอยู่ หารู้ไม่ว่ามันก็กำลังดูคลิปวิดีโอสุดฉาวนั้นอยู่เหมือนกัน “ห่า หนีอีหมวยก็ยังมาเจอมึงอีก  เห็นเพื่อนอกหักมันสนุกเหรอวะ”


   “ไม่หรอก กูแค่อยากดูหน้าพี่ยินเฉยๆ คนอะไรขนาดตอนด่าก็ยังดูดี”


   ผมเบ้ปากหน้ามุ่ยใส่เพื่อนรัก ปลดกระเป๋าวางแฟ้มใสขนาดเอสามลงบนโต๊ะแล้วเดินออกมากดลิฟต์เพื่อลงไปซื้ออาหารเช้าที่ชั้นแรก  พอลงมาถึงสถานที่ที่คุ้นเคยก็อดน้ำตารื้นเป็นไม่ได้



   ถึงจะผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วผมก็ยังไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง  เดินไปทางไหนก็มีแต่คนมอง  บางคนที่พอรู้จักกันบ้างก็เข้ามาทัก เฮ้ย มึงเป็นเกย์เหรอกูเพิ่งรู้  อ้าวไอ้ตุ๊ด เฮ้ยนั่นพี่ยิน และอีกมากมายอะไรก็ว่าไปตามประสาของปากไม่ดีแหละครับ แต่ผมก็ไม่ถือหรอก เผื่อว่าความดีครั้งนี้จะส่งผลให้มาตรความรักของพี่เขากระเตื้องขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
   


        แล้วก็อย่ามาให้เห็นหน้าอีก…


   แต่ก่อนผมชอบแอบออกจากห้องเรียนก่อนเวลาบ่อยๆ เพื่อไปอยู่รอแถวโถงลิฟต์ชั้นแรกแบบนี้  รอให้นักศึกษาแพทย์ปีสามที่เรียนเสร็จช่วงเที่ยงพอดีค่อยๆ ทยอยเดินข้ามตึกพวกผมเพื่อไปกินข้าวที่โรงอาหาร  แทบทุกวันแหละครับที่หมอยินจะเดินมาพร้อมแก๊งเทพสามหน่อของเขา จะมีแค่ไม่กี่วันที่พี่เขาเดินคนเดียวเพราะว่าออกมากก่อนเพื่อนอย่างเช่นวันนั้น… วันที่ผมเสร่อเดินเอาดอกไม้ไปมอบให้พี่เขาด้วยความรักที่ล้นใจ

   พูดแล้วก็เจ็บ

   เฮ้อ ห้าปีที่ผ่านมานี่ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ

   พี่ยินในวัยมัธยม มหาวิทยาลัย แล้วก็ตอนที่จะได้เป็นหมอแบบเต็มตัว ผมอยากเห็นจังเลยน้า



   “อ้าว นั่นมันน้องกิ่งคนงามนี่หว่า มารอไอ้ยินเหรอ”

   สิ้นประโยคของพี่ปีสามหนึ่งคน  ที่เหลือที่เดินตามก็หัวเราะกันเหมือนดูเดี่ยวสิบเจ็ดของโน๊ส ดุอม   ผมยืนเหม่อจนไม่ทันมองว่าเป็นช่วงที่นักศึกษาแพทย์กำลังเดินข้ามอาคารเพื่อไปเรียนกัน พอรู้ว่าตกเป็นเป้าของเสียงหัวเราะผมเลยต้องรีบเดินออกมาจากตรงนั้น  แต่ก็ไม่วายโดนแซวตามจนได้

   “อ้าวนั่นไอ้ยินนี่หว่า ยินมึงปล่อยแฟนมึงเดินคนเดียวได้ไงเนี่ย ฮ่าๆ”

   ผมก้มหน้างุดๆ  โดยไม่รู้สึกตัวว่ามีใครอยู่ข้างหน้า  ผมจึงผลักเปิดประตูโรงอาหารเพื่อรีบเข้าไปหลบเสียงแซว ทว่าประตูกระจกที่ควรจะเปิดออกอย่างนุ่มลื่นก็ถูกสกัดไว้ด้วยใครบางคนเสียก่อน


   “หัดดูทางซะบ้าง”

   …เสียงแบบนี้


        ผมรีบเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะได้คอนเฟิร์มเจ้าของเสียงชัดๆ ทันที  แต่เจ้าตัวกลับเบี่ยงตัวเดินหลบออกไปก่อน ทิ้งไว้แต่กลิ่นน้ำหอมราคาแพงให้ผมสูดดมเล่นๆ เท่านั้น  แต่ผมก็จำได้ดี หมอยินเริ่มใส่น้ำหอมตอนขึ้นมหาลัย มันเป็นน้ำหอมที่แม่ของเขาซื้อให้เป็นของขวัญตอนที่สอบติดหมอที่นี่….


        “หมอยิน!!”


        กึก


        แทบจะทุกคนทั้งในและนอกโรงอาหารหยุดนิ่ง หันมองมาทางผมที่ยืนบังหน้าประตูอยู่
โดยเฉพาะไอ้เสาไฟฟ้าข้างหน้า  พี่มันหันกลับมามองผมด้วยคิ้วข้างหนึ่งที่เลิกขึ้นสูงเกือบติดไรผม… ก็ว่าไปนั่น  คนมันหน้าตาดี  ต่อให้ทำหน้าบูดยังไงก็ยังรักนะครับ

        “ฉันบอกไปว่ายังไง อย่ามาให้เห็นหน้า…”


        “ผมรักคุณ!!!”


        ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมสารภาพรักไปอีกรอบด้วยเดซิเบลล์ที่ดังกว่าเดิม  ทุกคนที่เดิมก็หยุดนิ่งอยู่แล้วกลับอ้าปากค้าง รวมไปถึงไอ้กลุ่มก่อนหน้านี้ที่มันตะโกนแซวผมด้วย “083-3805xxx!! โทรมาก่อนสองทุ่มนะครับพี่!! การบ้านผมเยอะ!!!”


        เงียบ…


        ไม่มีแม้กระทั่งเสียงใครหายใจ แม้กระทั่งโทรทัศน์ในโรงอาหารที่ปกติแทบไม่เคยได้ยินเสียงวันนี้ก็กลับได้ยินชัดขึ้นมาถนัดตา  หมอยินเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิมก่อนเดินดุ่มๆ มาทางผม มือหนากำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดเกร็งขึ้นมาตามรอยกล้ามเนื้อ…


        ส่วนผมน่ะเหรอครับ… ตั้งแต่เห็นพี่หมอมันก้าวเท้าละ ผมก็หันหลังวิ่งหนี โกยอ้าวออกไปทางประตูโรงอาหารอีกฝั่ง วิ่งอ้อมไปขึ้นลิฟต์ส่งของที่มีแต่รถขนถังขยะและป้าแม่บ้านด้วยความเร็วระดับที่ยูเซนโบลต์ยังอาย ไมเคิลเฟลป์ยังต้องยอมแพ้(เขาว่ายน้ำมั้ยล่ะ)ด้วยหัวใจที่เต้นแรงจนกลัวว่าจะทะลุออกมาจากอก


        เอาเป็นว่า ตอนนี้ผมรู้ตัวแล้วล่ะครับว่าควรจะทำตัวยังไงต่อไปดี…


        ผมจะจีบหมอยินครับ

        ผมจะจดจำเสี้ยววินาทีก่อนที่ผมจะรีบวิ่งหนีออกมาตลอดชีวิต จากนั้นก็จะเก็บไปเล่าให้แขกเหรื่อฟังในงานแต่งงานของสองเราครับว่า


        .
        .
        หมอยินน่ะ เวลาเขินแก้มเขาจะแดงมากๆ เลยแหละครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2016 17:55:21 โดย steppenwolf »

ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #2 เมื่อ16-10-2016 18:15:34 »

กิ่งน่ารักกกก 555

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #3 เมื่อ16-10-2016 18:17:07 »

อุ้ยยยยยย น่าสนุกมากกกกกค่ะ

หมอยินตรงดี เจ้ากิ่งก็ตรง(มากๆ)เหมือนกัน 55555

ภาคที่กิ่งเรียนคือภาคที่เราเคยอยากเรียนมากๆ แต่วิทย์เราอย่างห่วยเลย 5555ดีใจที่มีตัวละครเรียนด้วยอ่ะ เก๋เว่อ ติดตามตอนต่อไปค่ะ :z2:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #4 เมื่อ16-10-2016 22:03:29 »

สู้ๆนะกิ่ง

ออฟไลน์ steppenwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #5 เมื่อ16-10-2016 22:51:59 »

ตอนที่ 2


   ผมชื่อกิ่งครับ เป็นนักศึกษาปีสองที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง อยู่ในคณะแพทย์แต่ไม่ได้เรียนแพทย์ เป็นเด็กหนุ่มวัยสิบ

เก้าเอ๊าะๆ ที่ส่วนสูงหยุดอยู่ที่หนึ่งร้อยหกสิบห้าตลอดกาล แม้โดยรวมจะดูเหมือนเด็กโอตาคุไปบ้างแต่จริงๆ แล้วก็… เอ่อ ก็โอตา

คุนั่นแหละครับ


   “กูคลาดสายตาทีไรนี่หาเรื่องเข้าตัวตลอดเลยนะคะอีกิ่ง”

   “อะไร”


   “ที่มึงแจกเบอร์พี่เขาไปนั่นไง”


   ผมนึกย้อนไปเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ผ่านมาจนวันนี้วันศุกร์แล้วหมอยินก็ยังไม่โทรมาเลยจนผมท้อ แต่ด้วยความที่มองโลกใน

แง่ดีตั้งแต่เด็กตามที่แม่สอนไว้ ผมเลยคิดว่าหมอเขาอาจจะยุ่ง เรียนหนัก สอบปิดบล็อก เข้าเวร เวลาไม่ตรงกัน จำเบอร์ผมไม่ทัน

และอีกสารพัดเหตุผลที่ผมเอามาอ้างไม่ให้ตัวเองเหนื่อยใจ


   “ให้เดานะ คงยังไม่โทรมาล่ะสิ”

   “กูว่าเขาจำเบอร์กูไม่ได้แหง”   

   “บางทีกูก็นึกนะว่ามึงโพสิทีฟติงกิ้งหรืออิลลูชั่นไปเอง”

   “ซับไทยด้วยครับ”

   “ง่ายๆ คือมึงมโน  ตื่นค่ะตื่น นั่นใครคะ ดูแค่ส่วนสูงก็ต่างกันอย่างกับฟ้ากับนรกละ นี่ยังไม่รวมถึงฐานะทางสังคม”


   “มึงไม่เข้าใจ” ผมเบะปากใส่ธันวา ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใส่มันอยู่รอมร่อนั่นแหละมันถึงจะยอมหยุดคำสรรเสริญผม


   “มึงก็พูดแต่คำนี้ ใช่กูไม่เข้าใจ ไปล่ะ บัยส์”


   ผมขว้างกระเป๋าดินสอของใครสักคนที่อยู่ใกล้ๆ มือไปใส่มัน ธันวาหัวเราะร่าแล้วเดินออกนอกห้องไป  คาบนี้เป็นคาบเรียน

กราฟฟิค เพราะงั้นเลยค่อนข้างเข้าออกห้องได้สะดวกโจ๋  อย่างธันวาก็คงออกไปปั่นงานวิชาอื่นที่ดองไว้นั่นแหละครับ





   พูดถึงเรื่องความต่างกันระหว่างผมกับหมอยิน  เรื่องนี้นี่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเราสองคนต่างกันเกินไป   ถึงแม้จะเรียนอยู่

วิทยาเขตเดียวกัน ตึกข้างกัน แต่ผมก็แทบไม่ได้เจอพี่เขาเลยถ้าไม่ไปดักรอดูอยู่ทุกวัน  ตารางกิจกรรมของเราสองคนต่างกันมาก

ครับ  พี่เขาชอบว่ายน้ำ ส่วนผมนี่แค่อาบน้ำหวัดก็กินแล้ว(?)  พี่เขาเป็นเด็กทุน ผมเป็นเด็กอันดับสุดท้ายของคณะ  และอีกอื่นๆ

อีกมากมายที่ยังไม่สามารถกล่าวถึงได้เพราะผมใกล้จะร้องไห้เต็มทีแล้ว…   เฮ้อ ริจะจีบดอกฟ้า หมาวัดขี้เรื้อนกินอย่างผมคงมีแต่

ต้องทำใจ เดินหน้าต่อประเทศไทยโดยไม่ลืมหูลืมตานั่นแหละครับ
   

   อย่างมากก็แค่เจ็บจนตาย รักใครไปไม่ได้ตลอดชีวิตนั่นเอง

   เพราะฉะนั้นหมอยินต้องรับผิดชอบ…

   พูดเองก็เขินเองครับ



   “กลับดีๆ ล่ะ อย่าไปเที่ยวฉุดผู้ชายคนไหนเข้าห้องละกัน”

   “อีกิ่ง อีคนจัญ มึงนั่นแหละตัวอันตราย”  เพื่อนสาวของผมชี้หน้าด่าในระหว่างที่เรากำลังเดินผ่านตึกเรียนของปีสามพอดี

  ตอนนี้เกือบสามทุ่มแล้ว ซึ่งตามปกติพวกเราจะเลิกเรียนกันประมาณห้าโมงเย็น  แต่บางครั้งที่งานไม่เสร็จก็ต้องอยู่ทำงานต่อ

ดึกๆ ดื่นๆ แบบวันนี้  วินมอเตอร์ไซด์หน้าตึกที่เคยมีก็ไม่เหลือสักคัน ผมกับธันวาเลยต้องเดินกลับกันเองแบบมืดมนเปลี่ยวใจ

“หมอยินเขากลัวมึงจนไม่กล้าโผล่หน้ามากินข้าวที่โรงอาหารตึกเราอีกละ จะรับผิดชอบในการสูญเสียทรัพยากรทางสายตาของ

พวกเราทั้งหมดยังไงฮะ”


   “แต่เขาเป็นของกูนะ”

   “เขารู้จักชื่อมึงรึยังเหอะ เฮ้อ คุยกันไปก็ป่วยการ ไปๆๆ”

   ธันวาโบกมือลาอีกครั้งแล้วเดินแยกไปอีกฝั่งนึง   ผมเดินตรงต่อมาเรื่อยๆ  ข้ามสะพานใหญ่ที่มีรถวิ่งขวักไขว่ ซึ่งก็ถือเป็น

เรื่องดีเพราะผมกลัวผี ทำไงได้ล่ะครับ หอในเขาจำกัดจำนวนคน แถมธันวาเองก็อยากอยู่ห้องที่กว้างแล้วก็มีเครื่องอำนวยความ

สะดวกที่เยอะกว่านี้  ผมเลยต้องจำใจอยู่ร่วมห้องกับรุ่นพี่ไปโดยปริยาย
   

   ห้องของหอในไม่กว้างมาก  มีแค่โต๊ะ เตียง และก็ตู้เสื้อผ้า  โดยที่แต่ละห้องจะอยู่ได้แค่สามคน นั่นทำให้รูมเมทอีกสองคน

ของผมเป็นพี่ปีสามของอีกสาขาหนึ่ง  เดิมทีก็ควรจะได้อยู่ห้องเดียวกับสาขาเดียวกันแหละครับ แต่ผมดันเป็นเศษเกินที่คณะดัน

ทำเรื่องพลาด เลยต้องอยู่กับพี่หมอที่ตารางเวลาต่างกันลิบลับ


   แต่อย่างน้อยก็ได้ฟังพี่ๆ เขาเมาท์เรื่องหมอยินกัน  …ก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่บุญกุศลของผมได้ช่วยเหลือไว้ล่ะมั้ง

   ผมเดินคนเดียวไปฟังเพลงไป คิดนู่นนี่ไปเรื่อยก็เกือบถึงทางลงสะพานแล้ว    เงาตะคุ่มๆ ด้านหน้านั้นทำให้ผมชะงักไป …คน ไหม คนใช่ไหม ผมไม่มั่นใจเลยว่ะ…

   แถวนี้เขายิ่งลือกันว่าเฮี้ยนๆ อยู่ด้วย…. แล้วทำไมกูต้องเลือกเดินกลับคนเดียวในเวลานี้ด้วยวะ  แท็กซี่อยู่ไหน ฮือ


   พอทำใจเสร็จ ผมก็พยายามเดินในท่าทีที่ดูปกติที่สุด  เขาจะได้ไม่รู้ว่าเรากลัว(เหรอ)  พอเข้าใกล้เงานั้นขึ้นเรื่อยๆ ก็เห็นรูปร่างว่าเป็นคนชัดขึ้น

   …ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นคนที่ผมรักด้วย!


   “หมอยิน!”


   สัญชาตญาณไปไวกว่าจิตสำนึก  ผมโผเข้ากอดคนตัวสูงที่เดินลงบันไดข้างหน้าเสียเต็มรัก  ร่างสูงดูตกใจไปนิดหน่อยก่อน

จะหันกลับมาผลักผมออกเต็มแรง  และด้วยความที่เป็นหนุ่มน้อยร่างบาง ผมเลยเซไปชนขอบบันได หัวใจเต้นแรงกว่าปกติเมื่อรู้

ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย และขณะที่โงนเงนจะตกมิตกแหล่นั่นเอง…

   หมอยินก็ดึงเสื้อผมไว้ไม่ให้ตกลงไป

   “เล่นอะไร!”

   พอนั่งตั้งหลักที่ความสูงปกติได้  ความเร็วของหัวใจผมก็ค่อยๆ ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่พอดี  …เกือบแล้ว! ผมเกือบจะตกลงไปจากสะพานบ้านี่แล้ว! โอ๊ยยยย รักครั้งนี้จะเสี่ยงตายไปถึงไหน เจ้ากิ่งจำเป็นจะต้องเสี่ยงอะไรเบอร์นี้!


   “ผมก็แค่อยากทัก…”


   “ทักบ้านนายเขาวิ่งมาชนแบบนี้รึไง ฉันไม่ต่อยให้ก็บุญแล้ว”

   “…” ต่อยเถอะครับ ผมยอม เพราะการต่อยก็เป็นอีกหนึ่งในสับเซ็ตของการสัมผัสตัว จะทุบตียังไงก็ช่าง

   “…หมอไม่เห็นโทรหาผมเลย”

   ผมลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นตามตัวแล้วเดินตามร่างสูงข้างหน้าที่นำไปก่อนแล้ว  หมอยินขายาว เวลาเดินก็เลยเร็วกว่าชาวบ้านอย่างผมหลายช่วงตัว “ผมรอหมออยู่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ”


   “ประสาท”

   “ผมเต็มนะ”

   “เหรอ นึกว่าเกินไปด้วยซ้ำ”

   “…ผมหมายถึงความรักที่มีให้หมอน่ะนะ”

   กรี๊ดดดดดดดด จัดไปแล้วดอกนึง!   ผมลอบสังเกตคนข้างหน้าดูว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรอีกไหม แต่หมอก็ยังเดินต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งที่ผมเพิ่งเกี้ยวพาราสีไป  แม่ง… อุตส่าห์คิดว่าจะเขิน  กลายเป็นว่าผมเองที่เขินเพราะเล่นมุกบ้าๆ ไปซะงั้น

   “หมออยู่หอแถวนี้เหรอครับ”

   ถามไปงั้นแหละ  จริงๆ ก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าหมอพักที่หอสูงๆ ถัดจากหอผมไปอีกสองซอย  แต่ก็ต้องแอ๊บถามไปว่าตัวเองไม่รู้จริงๆ นะ  ไม่ได้ออบเซสอะไรขนาดนั้น


   “ไม่มั้ง เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว”

   “หมอมีรถไม่ใช่เหรอครับ ทำไมไม่ขับรถมาอะ”

   “…ไม่รู้ว่าฉันอยู่หอไหน แต่กลับรู้ว่าฉันมีรถขับเนี่ยนะ”

   เอ่อ ขอโทษครับ กิ่งผิดไปแล้ว “ผมเคยเห็นหมอขับนิดหน่อยอะครับ แหะๆ”

   หมอยินหันมามองหน้าผม ถอนหายใจ(แบบหล่อๆ) แล้วก็เดินต่อไป  ผมที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามก็แอบยิ้มนิดๆ  ถึงหอพี่หมอมัน

จะอยู่แถวนี้ แต่ผมก็ไม่เคยมีโมเมนท์เดินไปเรียนพร้อมกันแบบนี้หรอกครับ  อย่างที่บอกว่าเวลาเราต่างกันมาก เพราะฉะนั้นนี่เลย

เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับผมในการทำคะแนนและเก็บความทรงจำดีๆ ร่วมกันครับ

ผมรีบเร่งฝีเท้าขึ้นไปเดินประกบข้างหมอให้ทัน  หมอมันมีกระเป๋าสะพายข้างสองใบกับถุงพลาสติกใส่ของที่ดูท่าจะหนักทั้งคู่ ผม

เลยถือวิสาสะยื่นมือเข้าไปรวบถุงเข้าให้หมับ  “เดี๋ยวผมช่วยถือครับ!”


   “ไม่ต้อง อย่ามายุ่ง”

   อะเฮื้อ เจ็บครับประโยคนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้ ด้านมาแล้วก็ต้องด้านให้สุด “ให้ผมช่วยเถอะนะ หมอจะได้ไม่เหนื่อยไง อีกตั้งนานกว่าจะถึงหอ”

   “ไหนนายบอกว่าไม่รู้ว่าฉันอยู่หอไหน”

   “เอ่อ… ก็คงจะอีกนาน มั้ง ไม่รู้ผมเดา” ไม่เนียนเลยมึ้งงง!

   “ปล่อย”

   ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบสิบองศาของหมอยิน ผมเลยต้องจำใจปล่อยมือออกจากถุงพลาสติกนั้นช้าๆ อ้อยอิ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฮือ ผมอยากซึมซับไว้นานๆ จัง

   “ให้เร็ว” …ช้านิดช้าหน่อยก็ไม่ได้

   เมื่อเลยสะพานลอยไป ทางเข้าหอของหมอยินก็อยู่อีกไม่ไกล  ร่างสูงเองดูจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น …เอาไงดี ผมไม่ควรจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดไปสินะ ฮือ เอาไงดี ผมควรจะทำให้หมอเขาประทับใจมากกว่าทำตัวดื้อด้านแบบนี้นี่หว่า


   “หมอ”

   “…”

   “หมอยินครับ”

   “อะไรอีก”

   “หมอยินนี่เรียนหมอ แสดงว่าความจำน่าจะดีพอตัวเลยนะ”


   “เออ หลอกชมแบบนี้จะเอาอะไร”


   เอาหมอ…  เฮ้ย! เปล่าครับ ไม่ได้ตอบไป ถึงจะอยากมากขนาดไหนก็ไม่กล้าพูดออกไปหรอกครับ ขืนพูดงั้นไปโดนกระทืบตายข้างทางพอดี  หมอยินมันทำหน้างงๆ เบ้มุมปากซ้ายลงนิดหน่อยก็ถามว่า


   “…พูดว่าไงนะ”

   “ครับ? ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”

   “แล้วที่ว่าจะเอา?”



   .

   .


   “เฮ้ยยย!!! หมอ! ผมพูดงั้นไปจริงๆ เหรอ!!”


   หมอยินทำหน้าแบบ… เอือมระอา เบื่อหน่าย เซ็งโลก เพลียจิต และรังเกียจผมเสียเต็มประดา   พังสิกิ่งพัง ไอ้ที่เคยมั่นใจ

ว่าตัวเองเป็นคนเต็มร้อยนี่หายไปหมด ไม่น่าเลย ฮือ เป็นเพราะรักมากไปเลยเก็บไว้ในใจไม่ได้แหงมๆ  ผมทึ้งผมตัวเอง หน้าร้อน

จนไม่รู้ว่าตอนนี้แสดงสีหน้าท่าทางแบบไหนออกไป จากที่เคยเก๊กหล่อต่อหน้าหมอตลอดแต่ตอนนี้ผมกลับหมดท่า… โถ่เว้ยยยยย ปากหนอปาก! จะหลุดคำไหนไปก็ได้แท้ๆ! ทำไมต้องเป็นคำนี้ โอ๊ยยยย


   “ประสาทกลับ”

   “ผมขอโทษ หมอยินให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ พลีส พลีส แล้วผมจะเป็นผู้ชายในแบบที่หมอชอบ ฮือ โอ๊ย เว้ยยยย”

   “เด็กบ้า!”  พอมันเห็นว่าผมคุกเข่าลงกอดขามัน  หมอยินก็สะบัดขาออกราวกับว่าผมเป็นเจ้าปีเตอร์ที่กำลังร้องขอความรัก  แต่เรื่องอะไรจะไปยอมล่ะครับ ผมเลยเกาะแน่นมากขึ้นไปอีก กระป๋งกระเป๋าฟาดหน้าแรงแค่ไหนก็ไม่ยอมหยุดครับ เพื่อรักผมทำได้ทุกอย่าง


   “หมอผมขอโทษ!”

   “บอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ไม่ต้องมาเปลี่ยนเป็นผู้ชายในแบบที่ฉันชอบหรอก”


   อ้า


   ตายเพราะความรักอีกครั้งเเล้วสินะ


   “งั้นเดี๋ยวผมไปแปลงเพศ”   

   ผมลุกขึ้นยืนในแทบจะทันที  หมอยินอ้าปากหวอ เบิกตากว้างเหมือนเห็นผี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหล่อครับ “รอผมก่อนนะ! รอผมก่อน…”

   “เวร นี่ฉันพาตัวเองเข้ามาพัวพันกับคนแบบนายได้ไงเนี่ย”

   ไม่รู้ว่าได้ยังไงครับ แต่รู้ว่ามันควรจบยังไง  รับรักผมเถอะ… รับรักผมเถอะ นะ นะ นะ



   “เอาเป็นว่า ฉันไม่ให้นายเอาแน่ๆ”


   “หมอ”

   ผมท้อแท้ สิ้นหวังรอบที่ล้านจากสภาพแวดล้อม และสิ้นหวังมากๆ เป็นรอบที่สองที่เกิดจากคำพูดของหมอเอง… ตอนแอบ

รักนี่ก็สนุกนะครับ  แต่พอได้มารู้ความจริงแล้วก็จุกหนักเหมือนกัน  ผมคงผิดเองที่ดันมารักคนที่เกินเอื้อมขนาดนี้


   แต่จะให้เลิกโดยพยายามได้แค่นี้ล่ะก็… ผมทำไม่ได้หรอกครับ


   ในเมื่อเวลายังเหลืออีกไม่มากนี่นา


   “ผม ผม …ผมขอโอกาส สำหรับผมแล้วหมอน่ะ…” หมอน่ะ เป็นมากกว่ารักครั้งเเรก มากกว่ารักครั้งสุดท้าย ผมคิดมาตลอดว่าหมอเป็นคู่ชีวิตของผม...




   “เพราะอย่างฉันน่ะ คงถนัดเป็นฝ่ายเอานายมากกว่า”


   
   หา?




   ผมยืนนิ่ง  มองหมอยินเดินเข้าซอยหอตัวเอง  แสกนคีย์การ์ดก่อนเข้าตึกและรอลิฟต์อยู่ที่โถงจนกระทั่งเขาลับสายตาไป 

ร่างสูงในชุดนักศึกษาที่ถือของหนักขึ้นห้องตัวเองไปแล้วและทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ผม  แต่ไหนแต่ไรผมไม่ใช่คนฉลาด อาจเป็น

เพราะพรศวรรค์ด้านศิลปะทำให้ผมลืมความจำเป็นของวิชาความรู้ไปชั่วขณะ …แต่ครั้งนี้สมองผมทำงานได้ช้ากว่าปกติมาก และ

นั่นทำให้ผมยังคงยืนนิ่งอยู่นานแม้เวลาจะผ่านไปเกือบสิบนาที


   ถ้าลองเอาประโยคเมื่อกี้มาเรียบเรียงดูใหม่ ก็จะได้ความว่า


เอาเป็นว่า ฉันไม่ให้นายเอาแน่ๆ เพราะอย่างฉันน่ะ คงถนัดเป็นฝ่ายเอานายมากกว่า



“…”


   แม่ง ผมกำลังจะบ้าตาย ผมไม่ได้คิดไปเองจริงๆ ด้วยว่าหมอมันหน้าแดง… มันกำลังเขิน ผมกำลังมีความหวัง


   ติ๊ง


   เสียงเตือนจากแอพแชทดังขึ้นจากกระเป๋ากางเกง  ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู หน้าจอแอพสีขาวเขียวสว่างหรา เป็นข้อความจากแอคเคาท์ที่ผมไม่รู้จัก




   HAPPYYIND is added you by your phone number

   HAPPYYIND : ฉันความจำดี เลขโง่ๆ สิบหลักทำไมจะจำไม่ได้


   แค่อ่านชื่อก็รู้แล้วล่ะครับว่าเป็นใคร

   ฮือ ไอ้พี่หมอยิน

   วินาทีนั้นแหละครับ ที่ผมตกหลุมรักคนๆ นั้นอีกครั้ง อีกครั้ง… และอีกครั้ง



   ไอ้หมอบ้า คอยดูนะ จะจีบให้เสียหมอไปเลย

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #6 เมื่อ16-10-2016 23:57:40 »

สงสารกิ่งหมอไม่รับรักหรือสงสารหมอที่โดนกิ่งรักดี สับสนไปหมดแล้วค่ะ5555555

กิ่งโคตรทาสรัก เอ็นดูและกลัวน้องในเวลาเดียวกัน555

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #7 เมื่อ17-10-2016 10:08:09 »

 :mc4: :mc4:
น่ารักมากค่ะ  :mew1:
หนูกิ่งนี่เพ้อได้ใจ :katai2-1:
พี่ยินอ่อยเหรอคะ  o13
มาต่อบ่อยๆ นะคะ





ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #8 เมื่อ17-10-2016 13:36:02 »

กิ่งน่ารักจัง สู้ๆนะ จีบให้ติด

ออฟไลน์ steppenwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ...How To จีบหมอ... (อัพ ตอนที่3)
«ตอบ #9 เมื่อ17-10-2016 23:17:39 »

ตอนที่ 3
   


        จิ๊บๆ



   เสียงนกร้อง แสงแดดสีทองอ่อนในยามเช้า ความรู้สึกอิ่มบุญที่ผมกำลังได้รับจากการตักบาตรอยู่นั้นทำให้ใบหน้าและจิตวิญญาณของผมอิ่มเอิบแม้เพิ่งได้นอนมาตอนตีสี่  เพราะทั้งการบ้านใหม่และงานที่ดองไว้ รวมถึงความรู้สึกที่ทำให้ในอกผมหวิวๆ  ท้องไส้ปั่นป่วนไปด้วยความเขินที่หมอยินแอดไลน์มา  วันนี้ผมจึงตื่นมาใส่บาตรแต่เช้าเพื่อเป็นบุญกุศลให้กับความรักครั้งนี้ครับ


   “เห็นคนหนุ่มรักในศาสนาแบบนี้อาตมาก็ดีใจ”


   ผมยิ้มแหยๆ รับพลางพนมมือรับพร  แหม่ ถ้าบอกไปว่าที่หมั่นทำบุญทุกวันแบบนี้เพราะหวังจะจีบหมอนี่หลวงพี่จะทำหน้ายังไงนะ  พอเสร็จสิ้นกระบวนการทุกอย่างแล้วผมก็เดินกลับขึ้นหอไปด้วยใจที่เบิกบาน  ตั้งใจว่าจะอาบน้ำแต่งตัวให้หล่อสมชายและไปเรียนตั้งแต่เช้าเพื่อเสริมสร้างกิจลักษณะที่ดี คนที่เป็นแฟนหมอนี่เขาก็ควรจะทำตัวสุขภาพดีไปด้วยใช่ไหมล่ะครับ


   “ไปไหนมาแต่เช้า”


   พอขึ้นไปถึงห้องพักที่มีที่พอแค่ซุกหัวนอน พี่เนย์ หรืออาคเนย์ ว่าที่คุณหมอปีสามก็ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพอดิบพอดี  ถึงพี่เขาจะหน้าตาดี แต่ตอนตื่นนี่ยังกับโกสต์ไรเดอร์มาเลยครับ ผมชี้ยังกะไฟลุก “ใส่บาตรครับพี่”


   “เพิ่งรู้ว่ามึงเป็นคนดีก็วันนี้”

   “พี่ความรู้สึกช้านี่ ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ”  จบคำหมอนที่รองตูดพี่เนย์อยู่ก็ถูกเขวี้ยงมาถูกหน้าผมอย่างเหมาะเจาะ เจ้าตัวหาวหวอดก่อนลุกขึ้นไปเตรียมตัวเข้าห้องน้ำ เกาตูดแกรกๆ แบบไม่สนใจรุ่นน้องหน้าใสคนนี้เลย “อีกสิบนาทีวานมึงปลุกเปียวด้วย”

   ผมหันไปมองพี่รูมเมทอีกคนที่ยังคงนอนมุดอยู่ใต้ผ้าห่มอยู่  สองคนนี้เรียนหมอปีสามเหมือนกันครับ ผมเลยพอจะรู้ๆ เรื่องของหมอยินผ่านพี่พวกนี้บ้าง บางครั้งก็มาละเมอเพ้อพอให้พี่เขาฟังอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน


   พี่เนย์เป็นหมอสายเถื่อน หรือพูดง่ายๆ ว่าถ่อยมาแต่เกิดนั่นเองครับ  เจ้าตัวไว้เคราจนถูกอาจารย์ด่าว่าทำตัวไม่เหมือนหมอแทบทุกวัน แต่ด้วยหน้าตาที่ดุดันประหนึ่งผู้ก่อการร้ายกลับชาติมาเกิดทำให้อาจารย์ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่าตักเตือน   ส่วนพี่เปาเปียวนั้นเป็นหนุ่มหน้าตาดี(แน่นอนครับ… แต่น้อยกว่าหมอยิน) ส่วนสูงพอๆ กันกับพี่เนย์แต่ออกเป็นแนวคุณชายมากกว่า  ทั้งคู่เป็นรูมเมทที่ดีมากครับ เพราะผมกลับมาทีไรถ้าไม่หลับไปก่อนตลอดก็ยังไม่กลับมา เจอกันอีกทีก็เช้าครับ ยังไม่ตื่น


   เตียงของที่นี่จะมีไม้กระดานบางๆ คั่นไม่ให้หนุ่มวัยดึกทั้งสามต้องหันหน้ามาจ๊ะเอ๋กันตอนนอน  ผมนั่งลงบนเตียงตัวเอง ดูนาฬิกาแล้วก็นั่งสมาธิ หายใจเข้าก็เฮ้อเธอ(เฮ้อเธอ)  หายใจออกก็เฮ้อเธอ(เฮ้อเธอ)   ทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนซ้ำๆ ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป…



   หลังจากที่ได้รับข้อความจากหมอยิน  ผมรีบกดเพิ่มเพื่อนอีกฝ่ายทันที(กลัวเปลี่ยนใจ) จากนั้นก็พิมพ์ตอบไปด้วยความเร็วแสง(เพราะกลัวพี่เขาเปลี่ยนใจอีกเช่นกัน)

   กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : ผมนึกว่าพี่ไม่ชอบผู้ชาย

   พอถามเสร็จแล้วผมก็ยืนทึ้งหัวตัวเองต่อไปครับ เอ้ออออ เขาอุตส่าห์เปิดทางให้ กลับไปหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บเสียดื้อๆ

   HAPPYYIND : การที่ฉันทักมามันก็ไม่ได้แปลว่าชอบไม่ใช่รึไง

   อ้าว นั่นไงครับ ว่าแล้วไง  เหมือนโดนมีดแทงพุงทะลุเลย


   กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : เดี๋ยวพี่ก็ชอบผม

   HAPPYYIND : มีใครเคยบอกรึเปล่าว่าหลงตัวเอง

        กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : ไม่มีครับ ส่วนใหญ่ก็บอกว่าหลงแต่หมอยิน

        กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : /สติ๊กเกอร์ฉลามยืนบิดตัวเขิน/


   …หลังจากข้อความนั้นหมอยินก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีกครับ อ่านแล้วก็ปล่อยเลยเฉยไป ซึ่งผมว่าพี่เขาคงต้องเขินมากจนไม่รู้จะตอบอะไรกลับมาแน่ๆ  ไม่เป็นไรครับ ผมชอบเป็นฝ่ายรุกในความสัมพันธุ์ ถึงแม้ว่าผลออกมาแล้วผมอาจจะต้องเป็นฝ่ายรับก็ตาม… ว่าเองก็เขินเอง อะฮุ


   “เหม่ออะไรของมึง กูบอกให้ปลุกไอ้เปียว”


   อ้าว พอรู้สึกตัวอีกทีพี่เนย์ก็เดินเถื่อนออกมาจากห้องน้ำด้วยกางเกงในตัวเดียวแล้ว น้ำยังหยดติ๋งๆ ตามตัวอยู่เลยครับตอนที่เดินเลยไปปลุกพี่เปียว  สสารที่เคยเป็นก้อนผ้าห่มขยุกขยุยถูกสะกิดและค่อยๆ คลายตัวออกมาเป็นผีเสื้อ เอ้ย พี่เปาเปียว คุณชายผู้ตื่นสายทุกวันธรรมดา และตื่นเช้าในวันหยุดเพื่อมาเล่นเกม  คนตัวสูงเดินงัวเงียไปเข้าห้องน้ำ ส่วนพี่เนย์ก็เดินไปแต่งตัวหน้าตู้ ทั้งหมดนั่นคือกิจวัตรประจำวันของพวกเราครับ


   อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ดูเหมือนจะธรรมดาสำหรับผม  มันกลับเป็นเรื่องมหัศจรรย์โคตรๆ สำหรับธันวาผู้ตามหารักแท้ในดงหมอครับ


.
.
.
   

        “กูน่าจะลงชื่อหอในไปด้วย พูดละอยากค่ะ พี่เนย์กับพี่เปียวเชียวนะมึง  ชาติที่แล้วมึงทำบุญมาด้วยอะไรวะกิ่ง”

   เพื่อนกะเทยจีบปากจีบคอพูดกับผมในระหว่างพักเที่ยง พวกเราหนีมากินข้าวกันอีกที่หนึ่งที่ค่อนข้างไกลตึกคณะมากครับ  เนื่องจากวีรกรรมหวานแหววของผมที่ทำไว้กับพี่ยินเมื่อวันก่อน “ไม่รู้ แต่คงไม่มากพอให้กูได้อยู่กับหมอยินอะ”


   “ได้คืบจะเอาเอเคอร์”

   “ก็กูอยากได้อ้ะ”

   “การทำปากจู๋อมลมเป็นลิงดมยาแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้มึงสวยขึ้นค่ะ”


   ผมเบะหน้าใส่ก่อนยกส้อมขึ้นทำท่าจะตีมัน ธันวาร้องวี้ดว้ายเป็นพิธีนิดหน่อยก่อนที่เราจะเริ่มกินข้าวกันต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  โรงอาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะมีแต่คนนอกที่เข้ามากินเพราะราคาถูกและอยู่ใกล้ตึกผู้ป่วย นักศึกษาอย่างพวกผมเลยไม่กล้ามาแย่งที่คุณลงคุณป้าสักเท่าไหร่  วันนี้ผมกินข้าวคลุกกะปิอันหอมหวน ส่วนธันวาก็กินก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นตามประสาคนกินคลีนแบบมัน


   “…นี่ กูมีเรื่องมาเล่าให้มึงฟัง”

   “อะไรอี้กกก กูล่ะเบื่อความเพ้อของมึง”

   “กูไม่ได้เพ้อแล้วเว้ยยยย”  ผมฉุนที่ธันวาทำหน้าไม่เชื่อ ตอนแรกก็กะจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์ทีเดียวตอนคบกันเลยแท้ๆ  แต่เห็นแบบนี้กิ่งก็ไม่ยอมอยู่เฉยๆ นะครับ   ผมควักโทรศัพท์ซัมซึมรุ่นโบราณขึ้นมาก่อนจะเข้าแอพแชทสีเขียว ซึ่งช่องแชทของหมอยินนี่อยู่อันดับหนึ่งเลยครับ ไม่ใช่อะไรครับ พอดีเพื่อนไม่ค่อยคบ…


    “นี่! เบิกเนตรดูเสียเจ้าธันวา”

   หน้าของธันวาราศีธนูค่อยๆ แปรเปลี่ยนจากหงุดหงิด ตกใจ เซอร์ไพรส์ ไปจนถึงโอ้โหวววววววว ที่อ้าปากค้างชนิดสุดๆ หุบไม่อยู่ “กูบอกแล้ว กูคนจริง”


   “มึง! ไป! ได้! ไลน์! พี่เค้า! มา! ได้! ยังไง! กรี๊ดดดด”

   “เขาแอดกูมา กรี๊ดดด” ผมพยายามกรี๊ดเลียนแบบลูกคอเพื่อแสดงความตื้นตันอย่างธันวาบ้าง แต่ผลที่ได้กลับเป็นเสียงเป็ดแหบๆ แบบตุ๊ดเด็กวัยแตกหนุ่ม “ไม่เชื่อใช่มะ นี่  อิส แอดเด็ด บาย ยัว โฟน นัมเบอร์”


   “กูไม่เชื่อออ”

   “เชื่อเถอะ”

   “แล้วที่เขาปฏิเสธมึงหน้าแหกกลับมาวันนั้นล่ะวะ”

   “…กูว่าเขาอาจจะแค่เขิน ซึนเดเระน่ะซึนเดเระ มึงรู้จักมั้ย”


   ผมเลื่อนข้อความต่างๆ ดูไปมาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมความสุขระดับสิบ  ถึงจะอ่านบ่อยจนจำได้ทุกข้อความที่หมอยินส่งมาแต่ผมก็ไม่เคยเบื่อที่จะเข้ามามองมันแบบนี้เลย ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกดี ความรักนี่มันสวยงามจริงๆ


   “คงไม่ใช่ซึนมึนอะไรของมึงนั่นหรอก …กูเตือนด้วยความหวังดีนะกิ่ง เผื่อใจเอาไว้บ้าง”


   “กูเผื่อไว้แล้ว”

   “เท่าไหร่ล่ะคะที่มึงเผื่อไว้น่ะ” ธันวาจีบปากพูด มันกรีดนิ้วชี้ผมแล้วพ่นประโยคเทศนา “ถ้ามึงเผื่อใจไว้สิบเปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงถ้ามึงผิดหวัง ส่วนเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของชีวิตมึงก็จะหายไปด้วย พออยู่ในช่วงทำใจ จะเติมให้เต็มร้อยเหมือนเดิมก็ใช้เวลานานกว่าปกติ ที่กูพูดไม่ใช่อะไร แค่ไม่อยากเห็นมึงมาฟูมฟายเหมือนอย่างวันนั้นอีก”


   คราวนี้ผมไม่มีอะไรจะเถียงครับ  ได้แต่ก้มหน้าเขี่ยหมูหวานเข้าปาก  ธันวามันบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย ผมเองก็พยักหน้าหงึกหงักทำเป็นสนใจไปงั้นแหละ  แต่พอเสียงเจื้อยแจ้วของมันหยุดลง ผมก็อดเงยหน้าขึ้นมามองเหตุผลที่ทำให้มันหยุดไปไม่ได้


   “อะไรวะธัน...”

   พอเหลียวหลังขวับไปดูต้นเหตุแถมพูดยังไม่ทันจะจบประโยค หางตาของผมก็ไปป้ะเข้ากับร่างสูงที่เดินออกมาจากทางเดินตึก   หมอยินในชุดนักศึกษาที่หล่อแบบออร่าจับกำลังถือสมุดจดอยู่ในมือ ส่วนไหล่ทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยกระเป๋าสะพายใบเดิมจากเมื่อคืนและกระเป๋าสีส้มที่ผมไม่คุ้นตาหนึ่งใบ  เหงื่อที่ไหลออกมาจากไรผมสีเข้มนั้นไม่ได้ทำให้พี่เขาดูสกปรก  แต่มันยิ่งกลับทำให้หมอยินดูเป็นคนที่เอาการเอางาน น่ารัก(อันนี้ความเห็นส่วนตัว)


   ส่วนสาเหตุที่ทำให้ธันวามันเงียบไปน่ะเหรอครับ  นั่นก็เพราะพี่เขาเดินมากับผู้หญิงยังไงล่ะ


   “…อายุยืนฉิบหาย”


   ผมมองหมอยินที่เดินข้ามถนนมา ผู้หญิงคนข้างๆ ดูจะชวนหมอเขาคุยแบบไร้สาระไปเรื่อย สังเกตได้จากหน้าของหมอยินที่ดูรำคาญเต็มที แล้วนั่นยังจะมาเนียนให้เขาถือของให้อีก ผู้หญิงคนนี้นี่มัน

   “กิ่ง เฮ้ย อีกิ๊งงงง!”


   เสียงของเพื่อนสนิทไม่สามารถรั้งผมไว้ได้อีกต่อไปครับ  ผมผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาหมอยินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “หมอยินสวัสดีครับ มากินข้าวเหรอ หาที่นั่งได้ยัง โต๊ะผมว่างพอดีเลยครับ มาๆๆๆ”


   ไม่รอให้ร่างสูงปฏิเสธ ผมรีบจูงมือหมอมันมานั่งที่โต๊ะเราทันที อ้าวนี่ชามข้าวใครเนี่ย ขอเลื่อนแล้วกันนะ เพราะวินาทีนี้หมอยินสำคัญกว่าจริงๆ ซอรี่นะครับ


   “…คนรู้จักยินเหรอ”

   เสียงหวานของสาวน้อยหน้ามลคนนั้นถาม  เธอเป็นผู้หญิงที่ อืม… จะบรรยายว่ายังไงดี เฉยๆ ละกัน  ผมว่างั้นๆ แหละไม่เห็นจะสวยเลย ฮือ


        “ครับ ผมเป็นน้องค่ายพี่เขา ชื่อกิ่งครับ แล้วนี่ก็ธันวา”


   “ค่ายอะไรอะ ทำไมพี่ไม่เห็นเคยรู้…”

   “อ้าวนั่งๆๆ ครับ หมอจะกินไรเดี๋ยวผมไปซื้อให้”


   ผมทำเป็นไม่สนใจสาวหน้าจืดคนนั้น  กดไหล่สูงๆ ของพี่หมอนั่งเก้าอี้ลงอย่างทุลักทุเล  ผมช่วยปลดของที่ไหล่ของหมอยินออกแล้ววางไว้บนโต๊ะดังตึง!  …เรียกความสนใจของชาวบ้านได้เป็นอย่างดี


   “เอ่อ… กิ่ง กูอิ่มละนะ กูกลับตึก…”


   “เดี๋ยว! ธัน! มึงบอกอยากกินของหวานไม่ใช่เหรอ เอาไรดีเดี๋ยวกูไปซื้อให้ ฮะ ลอดช่องเฉาก๊วยข้าวเหนียวดำ?  ได้เลยเดี๋ยวกูเลี้ยง…” โดยไม่เปิดช่องให้ธันวามันชิ่ง ผมรีบวิ่งไปซื้อของหวานตามที่บอกแล้วเอามาวางไว้บนได้ภายในเวลาสามสิบวินาที  หมอยินดูไม่ตื่นเต้นอะไรกับสถานการณ์นี้มากมายนั่ง ก็แค่นั่งหล่อไปวันๆ แล้วมองคนอื่นพยายามทำแต้มชิงหัวใจไปเรื่อยๆ  …นั่นล่ะครับ เพราะรักแหละถึงยอมให้อภัย


   “ยินเปลี่ยนโต๊ะเหอะ เก้าอี้ไม่พออะ”


   ดูเหมือนว่าสาวเจ้าจะหาที่นั่งไม่ได้(เพราะไม่มีการ์ดกิตมศักดิ์อย่างผมเคลียร์โต๊ะให้)  คุณเธอเลยเขย่าตัวหมอยินเบาๆ แล้วทำหน้าพองลม… ซึ่งมันไม่สวย ดูไม่ได้เลยครับ


   “ที่อื่นก็ดูแน่นๆ   แนนไปลากเก้าอี้มาดิ”

   เยสสส! เหมือนว่าโชคจะเข้าข้างและบุญที่ทำมาไว้เมื่อเช้าจะช่วยนำพา  หมอยินขยับตัวนั่งให้สบายก่อนสอดส่ายสายตาหาข้าวกิน  ผมยิ้มกว้างรอรับเมนูจากคนตัวโตจนเหมือนเป็นบ๋อย  สุดท้ายแล้วพอพี่หน้าจืดที่ชื่อแนนนั่นเห็นท่าว่าหมอยินคงจะไม่เล่นด้วย เธอเลยได้แต่ไปลากเก้าอี้ตัวอื่นมานั่งชิดแบบจำยอม…


   ซึ่งมันจะไม่เป็นปัญหาเลยครับ ถ้าพี่แนนเขาจะไม่มาเบียดหมอยินของผม…


   “นี่เป็นแฝดสยามรึไงยะ”

   อยู่ดีๆ ธันวาที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็โพล่งขึ้นมา พี่แนนสะดุ้งก่อนหันไปมองกะเทยตัวใหญ่ตาขวางๆ  แต่ธันวาก็หาได้สนใจไม่  มันกินของหวานในถ้วยต่อไปโดยไม่รับรู้ถึงความเร่าร้อนจากดวงตาของคุณเธอ


        “เดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวก่อนนะ”

        คนตัวสูงพูดพลางลุกขึ้นยืน  ผมรีบคว้าตัวหมอไว้ทันที “หมอจะกินอะไรอะ เดี๋ยวผมไปซื้อให้”


        มันเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง …โคตรหล่อ โอ๊ย อยากจะควักกล้องขึ้นมาถ่ายมันรัวๆ “ฉันไม่ได้เป็นง่อย ปล่อย”


        ผมยอมปล่อยมือแต่โดยดี มองตามหลังหมอยินไปตาละห้อย สักพักก็รับรู้ได้ถึงแรงริษยาที่แผ่ออกมาจากคนข้างๆ …พี่แนนคนดีที่นั่งนิ่งแบบไม่มีบทมานานเริ่มออกฤทธิ์แล้วครับ

        “น้องรู้รึเปล่าว่ากำลังทำให้ยินเขาลำบากใจ”

        “อุ๊ย จริงเหรอคะ ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย”


        กลายเป็นว่าแม่ทัพของผมเป็นคนออกโรงเอง ดูท่าคงจะไม่ถูกชะตากันตั้งแต่แรกเห็นหรือมีคดีเก่ายังไงก็ไม่ทราบ  เพราะดูธันวาเองก็มาคุแบบผิดปกติไม่แพ้กัน   “พี่ไม่ได้พูดกับน้องค่ะ พี่หมายถึงเพื่อนน้องที่ยืนโง่อยู่นู่น”


        โอ้โห ไม่อยากจะเชื่อว่าหมอยินจะเดินข้างผู้หญิงแบบนี้…  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่เป็นผู้หญิงก็ได้รับสิทธิพิเศษอย่างการถือกระเป๋าให้ทั้งๆ ที่นิสัยแย่ขนาดนี้  ผมแอบเบะปากใส่เจ้าตัว  แต่เรื่องนี้กิ่งจะไม่ยุ่ง เพราะมีคนอย่างแม่ทัพธันวาคอยช่วยเหลืออยู่แล้ว จะกลัวอะไรล่ะครับ


        “ถ้าอีกิ่งมันโง่ พี่หมอยินเองก็คงโง่กว่าอะค่ะที่มาเอามัน”


        ใช่ กูเห็นด้วย …หา


        “น้องหมายความว่าไง ยินเขาไม่ได้เป็นเกย์ เขาชอบผู้หญิง”


        เสียงของพี่หน้าจืดเริ่มจะเหวี่ยงขึ้นทีละน้อย  แต่แววตานี่แบบจัดเต็มไปแล้วครับ ถ้าธันวามันเป็นใบไม้แห้งนี้คงไหม้ไปทั้งป่าแล้ว  แต่น่าเสียดายแทนพี่เขาที่ธันวามันดันเป็นซูเปอร์ถังดับเพลิง ร้อนแรงมาแค่ไหนก็ถูกพ่นไอเย็นใส่คืน “ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ไปขอดูคลิปกับเพื่อนหนูสิคะ  กิ่ง! …โชว์คลิป!”



        ขวับ!


        ผมหันหน้าไปมองเพื่อนสาวกล้ามปูทันทีที่มันพูดจบ  พี่แนนเองก็หันขวับมามองผมในแทบจะทันที…  คลิป… คลิปเหี้ยอะไรวะ!  คลิปอะไรที่จะพิสูจน์ว่าพี่เขาจะเอากูได้วะ!  เพื่อนรักเพื่อนร้ายของผมทำหน้าผยอง เหมือนกับว่าเถียงชนะไปแล้วแต่ไม่ได้ถามถึงความร่วมมือของหลักฐานจากกูเลย!   อีธันวา! มึงเป็นแม่ทัพได้เพราะเอาต้มยำไปเซ่นเอาตำแหน่งมาใช่ม้ายยยยย

        “คลิปอะไร!”


        เหวี่ยง เร็ว แรง แซงทะลุนรกทุกขุม  พี่แนนลุกขึ้นยืนมาคว้าเอาโทรศัพท์ผมที่วางอยู่ข้างจานข้าว(ผลพวงจากการอวดไลน์ให้เพื่อนดูแล้วลืมเก็บเข้ากระเป๋านั่นแหละครับ)แล้วเปิดหน้าจอดูสิ่งที่อยู่ข้างในทันที  โชคร้ายที่ผมไม่ได้ตั้งล็อคหน้าจอไว้ทำให้เจ้เขาเข้าไปดูรูปภาพในแกลอรี่ได้ง่าย…

       
        ก่อนที่ผมจะกระชากมือถือของตัวเองคืนมาได้ เจ้หน้าจืดก็กดเปิดไปยังไฟล์วิดีโอ



        …และกดเล่นคลิปแรกสุดไปเรียบร้อยแล้วครับ


        “ทำอะไร”

        เสียงแหบทุ้มของหมอยินทำให้ทุกคนบนโต๊ะหันไปมอง  …ร่างสูงมาพร้อมกับจานข้าวแล้วน้ำหนึ่งแก้วในมือ  เขาขมวดคิ้วพร้อมทำหน้าตาประหลาดๆ เมื่อเห็นว่าผมกำลังถือโทรศัพท์อยู่  จริงๆ แค่ถือโทรศัพท์นี่ไม่น่าขมวดคิ้วใส่เท่าไหร่หรอกครับ



        แต่เพราะตอนนี้โทรศัพท์ผมกำลังเปิด ‘คลิป’ บางอย่างอยู่ต่างหาก…


        พูดได้คำเดียวครับ... ฉิบหายยยยยยย


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ...How To จีบหมอ... (อัพ ตอนที่3)
« ตอบ #9 เมื่อ: 17-10-2016 23:17:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #10 เมื่อ17-10-2016 23:38:59 »

55555 สมุนเอกพ่วงด้วยแม่ทัพใหญ่ (ใหญ่จริงๆ สร้างเรื่องได้ใหญ่จริงๆ)
ตอนนี้หมอไม่ค่อยมีบทเลยอ่ะ แต่ชอบบรรยากาศการคุยกันระหว่างสองเพื่อนสาวมาก ป่วงสุดๆ สามตอนผ่านมา ชอบเจ้ากิ่งจริงๆ ไม่มีใครเกินแกแล้วอ่ะ555
รอตอนต่อไปค่ะ วี้ด

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #11 เมื่อ18-10-2016 00:14:58 »

คลิปอะไรเอ่ยหนูกิ่ง
คลิปบอกรักวันนั้นเหรอ  :laugh: :laugh: :laugh:
ปล. คนเขียนจ๋า เพิ่มวันที่หรือตอนที่ลงในโพสแรกเวลาอัพด้วยก็ดีนะคะ เพื่อนๆ จะได้รู้ว่ามีตอนใหม่แล้ว


ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #12 เมื่อ18-10-2016 09:38:57 »

จะเอาหมอๆมาต่อเร็วๆนะคร้บอยากอ่านอีก

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #13 เมื่อ18-10-2016 10:14:14 »

พี่ยินกลัวกิ่งไหม

ฮ่าาา

กิ่งสู้เค้าลูกเทให้หมดมีอะไรโชว์มา

ปล.คนเขียนอัพเดตวันที่กับตอนด้วยสิจ้ะ คนอ่านจะได้รู้ว่าอัพแล้ว

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #14 เมื่อ18-10-2016 11:48:24 »

 :mew3:

ออฟไลน์ steppenwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 4



   ในมือของผมถือโทรศัพท์ซัมซึมรุ่นอาม่าไว้  หน้าจอเก่าๆ ของมันกำลังเล่นไฟล์วิดีโอไฟล์หนึ่งอยู่… ซึ่งไฟล์นี้ผมเพิ่งโหลดมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่อคืน  เนื่องด้วยรู้ว่าตัวเองมีโอกาสกับหมอยินแล้วก็อยากจะศึกษาบ้างอะไรบ้าง… คือข้ออ้างมันก็พันแปดแหละครับ เอาจริงๆ แล้วมันก็เป็นคลิปฟันดาบทั่วๆ ไปนี่แหละ…



   ‘อร๊างงงงงง’ ภาพเคลื่อนไหวมาพร้อมเสียงครางระดับเซอราวน์ครับ


    “กรี๊ดดดดดดดด!!!”


   เจ๊พี่แนนกรี๊ดลั่น เอามือปิดตาอย่างกับไม่เคยเห็นอะไรที่มันบัดสีบัดเถลิงขนาดนี้มาก่อน  เอาแล้วไงครับ  ธันวามันเริ่มตกใจตามแล้ว  คงไม่คิดมาก่อนว่าคนที่บริสุทธิ์อย่างผมจะมีคลิปอะไรแบบนี้ติดเครื่อง …เฮ้ย คือกูก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่คนเรามันก็ต้องใฝ่ศึกษาบ้างป่าววะ



   “ยิน! เด็กนี่มันโรคจิตป่าววะ! แม่งมีคลิปเกย์ในโทรศัพท์ด้วยอะ!!”


   เอาครับ เอาเลยเจ้แนน  นี่คงกลัวว่าชาวบ้านเขาจะไม่รู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้เร่งวอลุ่มมหาศาลขนาดนี้ ตื่นเต้นในการประจานจนหลุดคำหยาบออกมาเลยทีเดียว    ถึงผมจะหน้าด้าน แต่ตอนนี้ก็เริ่มเขินนิดๆ แล้วครับ  เรื่องมันจะไม่อะไรเลยจริงๆ ถ้าพี่หมอยินมันจะไม่มาเห็นโดยเหมาะเจาะขนาดนี้   ดูจากมวลมหาประชาชนที่ตั้งใจเผือกเรื่องนี้อย่างโจ่งแจ้งแล้ว ให้เดาว่าธันวามันคงได้เปลี่ยนที่กินข้าวอีกรอบแน่ๆ


   ผมแอบลอบมองคนตัวสูงว่าเขาทำหน้ายังไง แต่จนแล้วจนรอดก็เดาไม่ออกจริงๆ ครับว่าพี่เขาหงุดหงิด รังเกียจ อารมณ์เสีย หรือเฉยๆ   …เอาจริงๆ ผมไม่แคร์หรอกครับว่าคนอื่นจะคิดยังไง  แคร์อยู่แค่คนเดียวจริงๆ คือหมอยินมากกว่า  …ฉันชอบผู้หญิง ไม่ได้ชอบตุ๊ด  ถ้าต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้อีกรอบล่ะก็ ขอดร็อปออกไปทำใจแล้วกลับมาเรียนใหม่อีกทีปีหน้าดีกว่าครับ


   “…”  ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านรัก


   “ยิน! ไปกินที่อื่นเหอะ! อยู่ใกล้ตุ๊ดแล้วขนลุก…”


   “เดี๋ยว”


   ก่อนที่พี่แนนเขาจะโวยวายจนน้ายามมาลากตัวไป  มวยมุมน้ำเงินอย่างธันวาก็เอ่ยปากขึ้นมาเรียบๆ แต่สะกดคนดูไว้ได้อยู่มัด  เจ้หน้าจืดมองหน้าไอ้ธันวาอย่างเอาเรื่อง …ซึ่งเจ้เขาจะปลอดภัยกลับบ้านไปครับถ้าไม่หลุด ‘คำ’ ที่ธันวามันเกลียดนักเกลียดหนาตลอดการเป็นชีวิตตุ๊ดของมัน(อ้าว นี่ก็พูดไปแล้ว)   


   “ก็พี่อยากดูเองนี่คะ คลิปที่ว่าน่ะ…”

   น้ำเสียงเย็นยะเยือกดุจเปิดแอร์ที่ขั้วโลก  เจ้แนนมันเริ่มเหงื่อตกแล้วแต่ก็ยังดื้อด้านจะเถียงต่อไป “ฉันไม่ได้อยากดูคลิปนี้สักหน่อย! ก็เธอบอกเองว่ามีคลิปยืนยันอะไรนั่น ใครจะไปคิดว่ามันจะเป็นคลิปทุเรศแบบนี้!”


   “…ก็คลิปทุเรศที่พี่ว่านั่นแหละค่ะ เครื่องพิสูจน์”


   “หา… อะไรอีกยัยบ้า”


   ผึง …เสียงสติเส้นสุดท้ายของธันวาขาด มันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ


   “ไม่ดูหน้าให้ดีๆ ล่ะคะ  ว่าผู้ชายสองคนที่อยู่ในคลิปนั่นใคร?”




   .
   .
   .
   เจ้แนนทำหน้าแบบ… อึ้งแดก หันซ้ายขวามองหน้าผมสลับกับหมอยินช้าๆ   ไอ้หมอนี่ก็เหลือเกินครับ นั่งลงกินข้าวไปแล้วแบบไม่สนใจคนรอบข้างว่าเขาตีกันจะตายอยู่แล้ว   


   “เอ้า! หรือจะไม่เชื่อ  กิ่งมึงเอาให้พี่เขาดูดีๆ อีกที  รีไปตอนสำคัญๆ เลยนะจะได้เห็นชัดๆ!”

   “กรี๊ด! พูดบ้าอะไรเนี่ย! มะ ไม่ต้องเอามาให้ฉันดูนะ! เอาไปไกลๆ  ขยะแขยง!!”


   พี่แนนโวยวายเมื่อผมแกล้งยื่นโทรศัพท์ไปใกล้ๆ  ธันวาหัวเราะมุมปากแบบชั่วร้ายก่อนจะจิกตาใส่คุณเธอด้วยชัยชนะอันใหญ่ยิ่ง  สักพักเพื่อนผู้หญิงของหมอยินจากมุมแดงก็ปากสั่นระดับหกริกเตอร์  คว้ากระเป๋าสีส้มสมคาแร็คเตอร์ของตัวเองไว้แล้วเดินออกไป ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ว่า


   “เราไม่เคยคิดเลยนะว่ายินจะเป็นเกย์…”


   ส่งท้ายด้วยน้ำตาจากสายดราม่า  พี่หมอแนนสะบัดบ๊อบหนีไปพร้อมความหวังที่ว่าหมอยินคงจะวิ่งไปรั้งล่ะมั้ง  แต่ร่างสูงก็ยังคงนั่งกินข้าวดูดน้ำต่อไปแบบไม่แคร์สื่อ 


   งานนี้ต้องขอขอบคุณสปอนเซอร์หลักผู้ใหญ่ใจดีอย่างธันวาอย่างมหาศาลมากครับ  แต่ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะมันไม่ชอบให้ใครมาดูถูกเพศสภาพของมันด้วยแหละ  ครั้งหนึ่งมันก็เคยต่อยหน้าผู้ชายจนหงายไปเพราะมาล้อว่าผมเป็นเพื่อนกับตุ๊ด… ซึ่งผมเองก็ร่วมกระทืบมันไปด้วยจนเกือบโดนเรียกเข้าห้องปกครอง 

   “กิ่ง กูขึ้นตึกละนะ”


   “…มึงไม่อยู่กับกูก่อนล่ะ”

   “ห่า ก่อเรื่องไว้ขนาดนี้ กูไม่มีอารมณ์มานั่งแดกข้าวต่อหรอกนะ”

   “ธันวาไม่เอาา อยู่ก่อนน”

   “ไม่ล่ะ คำก็ตุ๊ดสองคำก็ตุ๊ด  ทรรศนะคติคนแถวนี้แม่งติดลบ กูไปอยู่ที่ที่มันศิวิไลซ์แล้วดีกว่า”

   พูดดีๆ ไม่ได้ ยังต้องมาแซะที่รักผมอีกครับ  ผมเลยมองค้อนธันวามันไปหนึ่งดอกก่อนมันจะเดินออกจากที่นี่ไป  ผมเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างๆ หมอยิน  นั่งเท้าคางจ้องหน้าอีกฝ่ายตอนกินข้าวจนโดนสายตานั่นกวาดมามอง “มองอะไร รำคาญ”



   ฮือ จะตรงไปไหนครับเนี่ย  “หมอ… ทำไมหมอไม่ปฏิเสธไปอะ  ว่ามันไม่ใช่คลิปผมกับหมอ”


   “ขี้เกียจ”

   “งั้นแสดงว่ารับรักผมง่ายกว่าสินะ”


   “…มีใครเคยบอกรึเปล่าว่าน่ารำคาญ”

   “เมื่อคืนหมอทำไมไม่ตอบไลน์ผมอะ”

   ต้องเปลี่ยนเรื่องก่อนจะโดนด่ามากไปกว่านี้ครับ  หมอยินทำหน้าดุๆ ใส่แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี  “ก็ไม่เห็นว่าจะต้องคุยอะไรต่อ ก็แค่นั้น”


   ผมยิ้มแป้นให้หมอ อารมณ์หงุดหงิดเจ้แนนหน้าจืดตะกี๊นี้หายวับไปกับตา  …อย่างนี้สินะครับที่เขาเรียกว่าความรักบังตา  แต่ ณ จุดๆ นี้  ผมยอมให้แม้กระทั่งมันบังทางเข้าบ้านผมอะครับ “หมอรู้ไหมว่าหมอกำลังให้ความหวังผม”



   “ฉันว่ามันก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น”

   “หมออะ  รับรักผมเถอะนะ” สาธุ บุญใดที่ลูกทำมา…

   “ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย”


   กรรม  ยังไม่ทันจะได้ขอพรอะไรหมอมันก็ปฏิเสธหน้าแหกกลับมาอีกแล้ว  คนตัวสูงที่กินทุกอย่างเสร็จหมดแล้วลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ  ผมคว้ากระเป๋าของหมอมันไว้ก่อนที่มันจะได้มีโอกาส มันมองหน้าเหมือนติดจะรำคาญนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้ผมถือของเดินตามหลังไป


   พอวางจานเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมอยินก็ยื่นมือมารับกระเป๋าที่ผมช่วยถือไว้ไป “ขอบใจ”

   เอื้ออออออออ หัวใจมันพองโต  “ขอบคุณหมอเหมือนกันครับที่ยอมให้ผมถือ”

   หมอยินทำหน้าอึ้งๆ ไปพักหนึ่ง ก่อนจะหลุดยิ้มมุมปากออกมา… นิดเดียว แต่เห็นแล้วแทบจะละลายลงไปนอนกองกับพื้น  มันเหมือนกับ… เหมือนกับกำลังเห็นดาราที่ขี้เก๊กมาตลอดสะดุดพรมล้มอะครับ  มันเป็นอารมณ์แบบที่เหมือนว่าเรากำลังได้เห็นอีกด้านหนึ่งของคนที่เขาพยายามจะปิดมันไว้ตลอด


   …มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ว่าใครได้เห็นแล้วก็จะรู้สึกว่า ตัวเองพิเศษ

   “หมอน่าจะยิ้มบ่อยๆ นะครับ”  หมายถึงยิ้มให้ผมคนเดียวอะนะ พอพูดเสร็จหมอมันก็ทำหน้าบูดต่อครับ  แถมยังแกล้งเดินเร็วขึ้นให้ผมกึ่งวิ่งตามอีก


   “ฉันขอโทษแทนเพื่อนด้วยที่พูดจาไม่ค่อยดีเท่าไหร่”


   หมอยินก็เป็นแบบนี้เสมอแหละครับ ฉลาด หน้าตาดี นิสัยก็ดี… “ผมก็ขอโทษแทนธันมันเหมือนกันครับ พอดีมันไม่ค่อยชอบให้ใครมาพูดคำว่าตุ๊ดใส่เท่าไหร่”

   ร่างสูงพยักหน้าหงึกหงักขณะที่กำลังเดินอยู่  โชคดีที่หมอเดินกลับตึกเรียน ผมเลยสามารถเดินตามไปด้วยได้อย่างไม่ต้องหาข้ออ้างอะไรมากมาย

   “ฉันเองก็เคยพูดไปว่านายเป็นตุ๊ดสินะ โทษที”


    ไม่เป็นไรครับ ผมให้อภัย… “ผมเหมือนกะเทยเหรอครับหมอ ทำไมถึงได้พูดแบบนั้นอะ”


   “ก็ไม่เหมือนหรอก นิสัยอย่างกับลิงกัง” ผมหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อได้ยินคนข้างๆ เปรียบเปรยตัวเองกับสัตว์ป่าหน้าขนแบบนั้น แต่ก็ใจชื้นขึ้นมาอีกนิดนึงเมื่อหมอยินมีคำต่อท้ายประโยคว่า  “แค่ติดจะหน้าหวานแล้วก็ผอมไปหน่อย”


   “หมอออ!!”

   ผมทุบไหล่คนข้างๆ แรงๆ แล้วบิดตัวไปมา  แต่พอหมอมันหันมาทำหน้าดุใส่ผมเลยต้องหยุดครับ “แหะๆ ชมกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ผมก็เขินเป็นนะ”

   “นั่นไม่ได้เรียกว่าชม”

   “สำหรับผมหมอยินพูดอะไรก็ฟังดูดีไปหมดนะแหละ”

   “…ถามจริงนะ”  หมอยินหยุดเดินแล้วคุยกับผมแบบจริงจัง  “ถ้าฉันไม่ได้หน้าตาแบบนี้ เรียนหมอ หรือจะอะไรก็แล้วแต่ นายจะยังชอบฉันอยู่ไหม”

   “ฮั่นน่อ หมอไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ไม่ว่าหมอจะเป็นยังไงผมก็รัก”

   “ฉันไม่ได้คิดมาก ก็แค่อยากสั่งสอนเด็กน้อยอย่างนาย”  สายตาของมันจริงจังมากเมื่อพูดมาถึงประโยคนี้จนผมใจกระตุกวูบ  “รักแรกพบอะไรนั่นมันก็แค่เปลือก หน้าตาแบบนี้อีกสิบปีก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทางที่ดีนายควรจะหัดรักคนจากนิสัยบ้าง ไม่ใช่หน้าตา”



   พูดเสร็จเขาก็เดินจ้ำอ้าวขึ้นตึกเรียนไป ผมไม่ตามไปอีกเพราะเห็นว่าพี่หมอยิมมันเริ่มเอาจริงแล้ว …มันเป็นการแสดงออกถึงความจริงจังว่าถ้าผมยังไม่หยุดอีก มันอาจจะเกลียดผมเข้าแล้วจริงๆ


   ผมเดินเลยตึกนั่นไปนิดหน่อยก็ถึงตึกเรียนของตัวเอง  พอถึงห้องเรียนก็เอาโทรศัพท์ออกมาเข้าแอพแชทนั่น จิ้มไปที่ชื่อหมอยินแล้วพิมพ์ลงไป



   กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : ถ้าชอบแค่หน้าตาจริงๆ ห้าปีมานี่ก็คงเปลี่ยนไปชอบคนอื่นแล้วล่ะครับ


   ข้อความถูกอ่านภายในเวลาไม่กี่นาที  ผมไม่รู้ว่าหมอมันทำหน้าแบบไหนยังไงตอนอ่าน  ตอนแรกคิดว่าคงจะมีเรื่องให้ได้ยิ้มอีกรอบ  เเต่พอได้รับข้อความตอบกลับมาแล้ว… ผมกลับได้แต่ยืนบื้ออยู่เฉยๆ   เหมือนหัวใจมันตกลงไปกองกับพื้น


   HAPPYYIND : ถ้าจะบอกว่าตกหลุมรักตั้งแต่ตอนที่ฉันช่วยนายเอาไว้ล่ะก็


   HAPPYYIND : มันเด็กไป


   HAPPYYIND : ไม่ใช่แค่ว่า รู้สึกว่าเท่ เก่ง หล่อ แล้วจะมามอบชีวิตทั้งชีวิตให้ มันไม่ใช่





tbc.


*******************************************
เเหะๆ  ลองอัพเเล้วเปลี่ยนชื่อเรื่องโดยเพิ่มวันที่เเล้วก็ตอนให้เเล้วนะคะ ไม่รู้อัพจริงเเล้วจะขึ้นรึเปล่า ถ้าไม่ขึ้นเดี๋ยวคราวหน้าจะลองทำใหม่ดูอีกทีค่ะ ฮือ ไม่ถนัดไอทีจริงๆ55
ขอบคุณที่เข้ามาคอมเมนท์เเล้วก็อ่านกันนะคะ พออ่านเเล้วก็อยากอัพอีกรัวๆ เเต่ติดงานอันมหาศาล5555   จะพยายามเข้ามาอัพถี่ๆ ค่ะ ฮึบๆ  :z2: :z2:

ป.ล. สุดท้ายก็ยังไม่ขึ้นค่ะTT พิมพ์เปลี่ยนตรงไหนเนี่ย ทำได้เเต่ตรงรีพลาย ไว้ตอนหน้าจะลองหาวิธีใหม่ดูนะคะ ขอโทษด้วยค่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2016 21:48:51 โดย steppenwolf »

ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #16 เมื่อ18-10-2016 22:12:05 »

ขึ้นแล้วค่ะะ ขอบคุณนะคะ :pig4: :pig4:
-------------------------------------
อ้าว มาดูอีกทีขึ้นตรงที่เป็นเนื้อหาอย่างเดียวค่ะ comment ไม่ขึ้นให้

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #17 เมื่อ19-10-2016 16:10:59 »

สู้ๆนะ

กิ่งก้านใบ

พี่หมอยินกำลังสอนน้องสินะ



ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #18 เมื่อ19-10-2016 16:14:37 »

หูยๆ มาต่ออีกคับมาต่อบ่อยๆเลยชอบๆ

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ...How To จีบหมอ...
«ตอบ #19 เมื่อ20-10-2016 01:55:36 »

หมอยินนี่พูดเพื่อให้เจ้ากิ่งหรือตัวเองแน่ใจในความรู้สึกกันแน่คะ  :hao3:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ...How To จีบหมอ...
« ตอบ #19 เมื่อ: 20-10-2016 01:55:36 »





ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
มี something wrong กันมาก่อนใช่ไหม

ออฟไลน์ steppenwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 5


   ผมไม่รู้ว่าหมอมันจำได้ด้วย  เมื่อห้าปีที่แล้วตอนที่ทั้งผมและพี่มันยังเป็นเด็กมัธยมหัวเกรียน วิ่งเล่นเตะบอลตามประสาเด็กไม่รู้จักโตไปวันๆ   ตอนนั้นทั้งผมและมันไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันครับ


   กิ่งที่ตอนนั้นกำลังจะไปสอบเข้าโรงเรียนม.ปลายชื่อดังแห่งหนึ่งกับธันวาเพื่อนซี้ค่อนข้างจะเป็นกิ่งที่นักเลงมากครับ ตอนนั้นไม่ว่าใครหน้าไหนเดินชนนิดๆ หน่อยๆ แล้วไม่ขอโทษละก็เป็นได้มีเรื่องตลอด  อาจเป็นเพราะผมเริ่มรู้ตัวว่าไม่ได้ชอบผู้หญิงเหมือนคนอื่นแล้วแหละมั้ง เลยเอาอารมณ์สับสนไปลงกับคนอื่น ดีที่อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนดีๆ คอยช่วยเตือนสติมาบ้างจนทำให้เรียนจบม.ต้นที่โรงเรียนเดิมแบบหวุดหวิด  พอมารู้สึกตัวอีกทีว่าทำตัวนิสัยไม่ดีจนคนทั้งโรงเรียนเกลียดไปแล้วก็เลยอยากเริ่มต้นใหม่โดยการไปสอบเข้าที่โรงเรียนมัธยมชื่อดังใหม่ 


   เช้าวันนั้นผมนอนไม่พอเพราะอ่านหนังสือจนถึงดึกดื่น  แถมตอนเช้ายังโด๊ปกระทิงดำเข้าไปอีกหนึ่งขวดเต็มๆ อีกจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนข้ามถนนก็ยืนเหม่อจนโดนรถเสยเข้าตูม! ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของชาวบ้านและนักเรียนแถวนั้น

   ตอนนั้นผมไม่รู้สึกอะไรเลยครับ ไม่ว่าจะเจ็บหรือปวด  จำได้แค่ว่าได้ยินเสียงคนแถวนั้นระงมไปหมด สักพักก็มีเงาดำๆ พาดทับตัวผมไปทั่วจนมองไม่เห็นอะไร  คาดว่าไทยมุงได้เข้าควบคุมสถานการณ์ไว้หมดแล้ว… จนกระทั่งวินาทีที่ผมเกือบจะสลบไปแล้วนั่นแหละครับที่ได้เจอกับหมอยินเป็นครั้งแรก


   ตอนนั้นหมอมันยังเป็นเด็กม.ปลายหัวเกรียน  ใส่กางเกงขาสั้นเก้งก้าง ยังไม่ดูบึกบึนเท่าตอนนี้ แต่มันก็สามารถแหวกฝูงชนออกได้ด้วยคำพูด  ถึงจะล่องๆ ลอยๆ ไปบ้าง แต่ผมก็จำได้ว่ามันนี่แหละครับที่เป็นคนโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมและอยู่รอจนกระทั่งผมถูกนำตัวส่งขึ้นรถพยาบาลไป   พอได้สติและฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งหมดที่ผมจำได้ก็มีแต่พี่คนนั้น… 


   ผมจำชื่อหมอยินได้เพราะตอนที่ตัวเองนอนเดี้ยงอยู่บนถนนนั่นขยับตัวไม่ได้เลย ได้แต่อ่านชื่อจากตัวอักษรผ้าที่ปักอยู่บนอกข้างขวาของเขา …ยินดี สายปัญญา  อืม ชื่อคนอะไรไม่รู้อย่างกับยี่ห้อน้ำส้ม คิดได้อย่างนั้นก็แอบหัวเราะอยู่ในใจแม้ว่าจะใกล้ตายเต็มทนครับ


   หลังจากนั้นถึงแม้จะไม่ได้เรียนที่เดียวกัน  แต่ผมเองก็แอบสืบประวัติจากธันวาที่สอบติดที่นั่นไปเพราะไม่รู้ว่าผมเกิดอุบัติเหตุอยู่ มันเองก็รู้สึกผิดที่ไปสอบโดยไม่ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง เลยยอมหาข้อมูลให้แล้วก็พาไปเที่ยวที่โรงเรียนเพื่อแอบส่องหมอมันอยู่เป็นประจำ  จนกระทั่งเราตัดสินใจจะเข้าเรียนที่คณะนี้ด้วยกัน ส่วนหนึ่งก็เพราะผมอยากทำให้เรื่องของหมอยินมันจริงจังมากขึ้นบ้างเสียที แล้วธันวามันเองก็อยากเรียนคณะนี้อยู่เหมือนกัน


   …มันไม่ได้เป็นเหตุผลที่มากมายอะไรอย่างที่หมอยินว่ามาเลยครับ ก็แค่เด็กคนหนึ่งประทับใจคนที่เคยช่วยเขาเอาไว้  แถมคนๆ นั้นก็ไม่ได้มาผายปอดดูดปากหรือกระโดดเอาตัวบังรถให้แบบในหนัง แต่กลับทำให้ผมคลั่งเพ้ออยู่ได้หลายปีมาจนถึงวันนี้ 
   

   “พี่เขาได้ว่าอะไรเรื่องคลิปโป๊ไหมวะ”


   ถามได้ขัดจังหวะการเล่าอดีตที่สวยงามของผมมากครับธันวา “พี่หมอเขาบอกว่า ขี้เกียจแก้ตัวเลยปล่อยพี่นั่นเข้าใจผิดไปแทน”


   “หูย ว่าแต่มึงนี่ก็ใช่เล่นนะคะ ดูอย่างเดียวไม่พอต้องโหลดมาเก็บไว้ด้วย”  ธันวาซู้ดปากแล้วกระชากมือถือผมไปกดดูคลิปที่ว่านั่นแต่ผมลบไปแล้ว มันเลยทำหน้าเซ็งก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนผมมา  “หมอเขาเป็นอะไรรึเปล่าวะ… กูว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ  ปากก็บอกว่าไม่ชอบไม่เอาผู้ชาย แต่การกระทำนี่อ่อยมึงชัดเหลือเกิน”


   “กูก็ไม่รู้…”  ผมที่หลงรักพี่เขาและคิดว่ารู้ดีมาหมดทุกอย่างแล้วยังได้แต่ถอนหายใจเลยครับ   เพื่อนสาวของผมทำหน้าเห็นใจ ตบไหล่ผมให้กำลังใจเบาๆ 



   …ดีจริงๆ ที่มีเพื่อนดีแบบนี้


   จะเป็นเพศอะไรก็ช่าง แต่ผมโชคดีจริงๆ ที่มีคนใส่ใจจากใจจริง


   “แล้วที่ว่าจะจีบนี่จะทำยังไง”

   ผมไม่ตอบอะไรธันวา แต่ยิ้มกระหยิ่มก่อนจะเลื่อนโทรศัพท์หาหน้าเว็บที่แคปเก็บไว้แล้วยื่นให้มันดู


   “กูมีวิธีของกูแล้วกันน่า คอยดูเหอะ พี่ยินก็พี่ยิน หมอก็หมอเถอะ ไม่มีทางรอด…”




.
.
.

   กระทู้ฮิตเว็บคันยิบ :: อยากจีบหมอนี่ต้องทำยังไงเหรอคะ

   คอมเมนท์ 1 : หมอชายนี่ไม่รู้ครับ แต่หมอหญิงเสร็จไปแล้วเรียบร้อย55 ตอนนี้เราแต่งงานกันมีความสุขดีครับ

   คอมเมนท์ 19 : หมอโดยทั่วๆ ไปนี่ก็เหมือนคนธรรมดาแหละครับ แต่เป็นคนธรรมดาที่เวลาน้อย ขอบตาคล้ำ แล้วก็เครียดตลอดเวลาเท่านั้นเอง /อีโมติคอนหน้าตลก/


   คอมเมนท์ 34 : สำหรับผมแล้ว ผมชอบคนที่ดูแลกันมากกว่าอย่างอื่นนะครับ งานประจำเราก็เหนื่อยพออยู่แล้ว ก็อยากจะได้คนที่มาคอยดูแลแล้วก็เป็นห่วงกันบ้างอะไรบ้าง




   ….และอีกสารพัดสารพันคอมเมนท์ที่ผมนั่งไล่อ่านดูมาตั้งแต่เมื่อวานจนไม่เป็นอันเรียนหนังสือ  ตอนนี้ผมอยู่ในห้องคนเดียวเพราะพี่เนย์กับพี่เปาเปียวยังไม่กลับมา ดังนั้นผมเลยกล้าเปิดเพลงเสียงดังให้ชีวิตได้ผ่อนคลายจากการเครียดของชีวิตอันไร้สาระบ้าง


   กระทู้คันยิบที่ผมอ่านถูกตั้งขึ้นมาสองปีแล้ว  ยอดคอมเมนท์ก็เลยพุ่งทะลุเกือบสามร้อยกว่าๆ ตามประสากระทู้ฮิตที่มีคนเข้ามาให้ความสนใจเรื่อยๆ   ผมเลื่อนไปมาเพื่อหาคำตอบที่ตรงใจมากที่สุดแล้วก็เจอไม่กี่ข้อ  ส่วนใหญ่ก็มันพูดไปแนวๆ เดียวกันว่าต้องคอยเอาใจใส่ ไม่ขี้บ่นไม่จู้จี้  ทำตัวเข้าใจง่ายและเข้าใจหัวอกของคนอื่น… นี่คุณสมบัติแฟนหมอหรือคุณสมบัติคนดีศรีสังคมครับเนี่ย  คนอะไรมันจะประเสริฐได้ขนาดนี้



   แกร๊ก



   เสียงประตูดังขึ้นตามมาด้วยพี่รูมเมททั้งสองในสภาพอิดโรยใกล้ตายเหมือนขาดน้ำมาแรมปี  พี่เนย์เหวี่ยงกระเป๋าลงบนเตียงพี่เปาเปียวที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุดก่อนจะลงมือถอดเสื้อทั้งๆ ที่ยังเดินไม่ถึงห้องน้ำ


   “เหนียวตัวฉิบหาย  กูบอกให้ขึ้นแท็กซี่มาก็ไม่ขึ้น ไงล่ะมึงเดินซะขาแทบลาก”

   “ก็ไม่อยากเปลืองเงิน”

   “รวยซะเปล่านะมึง ไอ้คุณหนู”


   พี่เปียวยักไหล่ไม่แคร์สื่อ คุณชายผู้ดีปลดกระเป๋าลงจากไหล่ช้าๆ เผยให้เห็นเสื้อนักศึกษาที่เปียกเหงื่อจนแนบแผ่นหลังกว้าง ก่อนจะเดินไปเก็บของเข้าที่ให้เป็นระเบียบ ทิ้งกระเป๋ายุ่ยๆ ของพี่เนย์ไว้เหมือนเป็นวัตถุอันตรายโดยไม่แตะต้อง


   “กินข้าวยังกิ่ง”


   “ยังครับพี่ ว่าจะกินมาม่าวันนี้”


   “แดกแต่มาม่า ระวังสักวันมึงจะเป็นโรคไตตาย”


   “เดี๋ยวให้หมอยินช่วยรักษาให้ก็ได้ครับ” ใครจะไปบอกว่าหมดตูดเพราะมัวแต่เอาเงินไปทำบุญหวังผลกันล่ะครับ  พี่เนย์ทำหน้าละเหี่ยใจก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเสียงช้งเช้ง(นี่อาบน้ำหรือรบสงครามเวียดนาม)  ทั้งสองคนดูเหมือนจะชินแล้วล่ะครับที่มีผมคอยพูดอวยหมอยินอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ แหม คนมันรักก็ต้องแสดงออกให้รู้สิครับ


   “กูซื้อไข่มาด้วย จะเอาไปใส่ก็ได้นะ”


   ร่างสูงชี้ให้ผมดูถุงพลาสติกสีขุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะ   ลาภปากแท้ๆ  ดีที่เกิดมามีมนุษย์สัมพันธุ์ดีนะครับเนี่ย ไม่งั้นมื้อนี้ได้กินแต่แป้งกากๆ แล้วก็โซเดียมแหงๆ “ขอบคุณครับพี่เปียว เดี๋ยวผมจะซื้อมาคืนให้”


   พี่เปียวพยักหน้าเออออเพราะรู้ว่ายังไงผมก็พูดไปตามมารยาทเท่านั้นและไม่ได้คิดจะซื้อมาคืนแต่อย่างใด(อ้าว)   เหลือบมองนาฬิกาก็เกือบสองทุ่มแล้วครับ มิน่าถึงได้หิวไส้กิ่วขนาดนี้ มัวแต่เอาเวลาไปหาวิธีจีบหมออยู่นี่เอง


   ระหว่างที่รอมาม่ากับไข่ในไมโครเวฟสุก  (แน่นอนครับว่าผมรู้ว่ามันควรจะต้องทำยังไงให้มันไม่ระเบิด… เอาเป็นว่าไม่ได้โง่เสมอไปครับ กิ่งเองก็มีมุมฉลาดอยู่บ้างแม้จะน้อยนิดก็ตาม)   ผมก็ไลน์ไปหาคนที่เป็นตัวการทำให้ผมนอนไม่หลับอยู่หลายวันในช่วงนี้  กินเวลานานนิดหน่อยก่อนที่หมอยินจะตอบกลับมาแบบสั้นๆ



   HAPPYYIND : อยู่หอกับเนย์เหรอ


   ผมส่งรูปถ้วยมาม่าและคำชวนกินข้าวไปครับ แต่สงสัยจะถ่ายมุมกว้างไปหน่อยเลยติดกระเป๋ายุ่ยๆ ของพี่เนย์เข้าไปด้วย  หมอยินมันคงจะเห็นเลยถามมา


   กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : ครับหมอ กับพี่เปียวด้วย

   HAPPYYIND : ดวงนายนี่มัน

   HAPPYYIND : กินไปเหอะ ฉันกินข้าวแล้ว

   กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : กินกับอะไรอะครับ

   HAPPYYIND : ยุ่ง

   กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : บอกมาเท้ออออ

   กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : /สติ๊กเกอร์เกาะขา/



   …แล้วก็เสต็ปเดิมครับ อ่านแต่ไม่ตอบ  แอบรักข้างเดียวนี่มันเจ็บจนชินจริงๆ  กว่าจะลืมตาอ้าปากได้ต้องใช้เวลานานขนาดไหนกันนะ



   พี่เนย์เดินออกจากห้องน้ำมาด้วยสภาพที่เถื่อนกว่าเดิม คือไม่มีอาภรณ์อะไรติดเนื้อติดตัวเลย …ปล่อยไอ้นั่นโทงไปเทงมาอย่างไม่แคร์สื่อตามสไตล์ “ถ้าพี่จะอวดกันขนาดนี้ก็ควักมาตีหน้าผมเลยเถอะครับ ผมไม่ถือ”


   “ไม่ต้องถือหรอกมึง เพราะมันใหญ่แล้วก็หนักมาก” พี่เนย์หัวเราะให้กับมุกทรามๆ ของตัวเองพลางแต่งตัวไปด้วย  ไม่รอช้าพี่เปียวก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำต่อทันทีเหมือนผีเข้า เอ่อ ไม่ต้องแย่งกันครับ ห้องน้ำอยู่นี่ไม่ไปไหน และผมก็ไม่แย่งอาบหรอกครับ มันเปลืองน้ำ

   “คุยกับใครอยู่วะ หนุ่มที่ไหน”

   ผมยื่นโทรศัพท์ที่ยังค้างหน้าจอการแชทกับหมอยินอยู่ให้พี่เนย์ดูด้วยสีหน้าปลาบปลื้มถึงขีดสุด แหม่ นึกว่าจะไม่ถามซะแล้วครับ อยากเล่าใจจะขาด “หมอยินนนนน ผมคุยไลน์กับหมอยินด้วยแหละ”


   “กูขอร้องให้มึงเลิกพูดชื่อไอ้ยินต่อด้วยคำว่าหมอสักทีเถอะ ฟังทีไรแล้วขนกูลุกทุกที”

   “ขนส่วนไหนอะ”


   “เด็กเวร มึงนี่มันนนน” พี่เนย์แกล้งเอาผ้าเช็ดตัวเปียกๆ ของพี่แกมาวางโปะไว้บนหัวผมแล้วเขย่าโคลงเคลงไปมา แอ่ก ไม่สนุกเลยครับยังกับจะขาดใจตาย แถมรู้สึกเหมือนได้เอาหน้าไปแนบกับไอ้นั่นพี่เขาอีก “ก็หมอเขาเป็นหมอนี่หว่าพี่ จะให้เรียกว่าพี่เฉยๆ ได้ไง”


   “อ้าวไอ้นี่ แล้วนี่กูเรียนเหี้ยไร วิศวะเหรอ เรียกกูหมอเนย์บ้างดิ”

   “หมอยินเขาพิเศษ คนพิเศษย่อมคู่ควรกับการใส่ไข่”

   “เกรงว่าไข่มึงนั่นแหละที่เขาจะไม่เอา”

   “โอ๊ยหยาบคาย กิ่งไม่เล่นละ เป็นเด็กใสๆ”

   “ไสยศาสตร์สิมึง”

   พี่เนย์จบท้ายด้วยการเหวี่ยงผมแรงจนกลิ้งหลุนๆ ตกขอบเตียงไป แหม่ หัวแตกไปนี่แอนตาซิลไม่จ่ายนะครับ เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้



   ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองที่ยังค้างอยู่ที่แชทของหมอยินอย่างหลงใหล  จากนั้นก็กดสลับหน้าจอไปยังกระทู้คันยิบที่ยังอ่านไม่เสร็จ หวังว่าจะเจอทิปอะไรเด็ดๆ กว่าการปฏิบัติตนเป็นพ่อพระบ้าง


   สายตาผมเลื่อนไปหยุดอยู่ที่คอมเมนท์ที่หนึ่งร้อยแปดสิบเอ็ด มีคนกดถูกใจอยู่มากมายเลยทีเดียว


   เนื้อหามันมีอยู่ว่า…
   

.

.

.

   “เด็กนี่อีกละ กูว่าแม่งเริ่มสตอล์เกอร์เกินไปแล้วว่ะ”

   เสียงซุบซิบนินทาจากกลุ่มพี่ปีสามที่เดินผ่านไปมาไม่ได้ทำให้ผมย่อท้อแม้แต่น้อย ในใจหวังแต่ว่าจะเจอหมอยินเดินผ่านมาสักจึ๋งก็ยังดี ไม่งั้นข้าวกล่องที่อุตส่าห์ทำมาคงจะต้องเป็นหมันไปแน่แท้


   เมื่อคืนหลังจากเจอคอมเมนท์ที่ถูกใจแนะนำว่า การจีบหมอนั้นควรจะเริ่มจากการทำกับข้าวเป็น เพราะหมอไม่มีเวลาหาอะไรดีๆ กินอย่างชาวบ้านเขา  ผมก็วิ่งแจ้นลงไปซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมาเตรียมไว้ทันที ดีที่ในห้องยังมีหม้อไฟฟ้าของพี่เนย์ไว้กินสุกี้ยามต้นเดือน ผมเลยสามารถตื่นมาทำข้าวกล่องใสๆ สไตล์กิ่งก้านได้อย่างไร้ปัญหา


   ปัญหาเดียวที่มีนี่ก็เห็นแต่จะเป็นหมอยินล่ะครับ คราวที่แล้วที่ให้ดอกไม้ไปยังเจอปฏิเสธมาหน้าแหก คราวนี้หวังว่าคงไม่โดนกล่องข้าวโปะหน้าหรอกนะ

   “…นั่นมันเด็กโรคจิตนี่หว่า”

   เสียงคุ้นๆ …พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่แนนหน้าจืดนั่นกำลังเดินมากับเพื่อนสาวอีกสองคน  เธอจ้องหน้าผมเขม็งก่อนจะสะบัดบ๊อบหนี เอาเลยครับ ตามสบาย ผมเองก็ไม่ได้อยากจะเจอหน้าพี่หรอก

   “มายืนรอไอ้ยินเหรอจ๊ะ กิ๊วๆ”

   เสียงคุ้นๆ (อีกรอบ)  เป็นกลุ่มพี่ปีสามกลุ่มเดิมที่เคยแซวผมเมื่อวันที่ผมแจกเบอร์หมอยินมันไปหน้าโรงอาหารนั่นแหละครับ  คณะแพทย์นี่คนมันน้อยขนาดนี้เลยเรอะ เจอหน้าแต่อริอยู่ได้ “ใช่ครับพี่ ทำไม หรืออิจฉาที่ตัวเองไม่มีใครมาทำแบบนี้ให้บ้าง”


   คราวนี้กลุ่มเพื่อนมันหัวเราะกับคำตอบของผมบ้าง  พี่ปีสามคนนั้นโกรธที่เพื่อนไม่เข้าข้างตัวเองจนหน้าแดงก่อนจะเดินมาจ้องหน้าผม เอาสิครับ เรื่องจ้องหน้านี่ไม่เคยหวั่นอยู่แล้ว

   “มึงนี่…”


   “…” ต่อยมาต่อยกลับ ไม่โกงครับ แต่นี่มันในโรงพยาบาล แถมพวกเราเองก็ใส่ชุดนักศึกษาอยู่  พี่เขาเองก็พอจะรู้ข้อนี้ดีเลยไม่ได้ทำอะไรมาก 


   แต่ระหว่างที่กำลังหันตัวกลับนั่นเอง มือของมันก็ตวัดถุงพลาสติกในมือผมจนหล่นลงไปกองกับพื้น กล่องทัปเปอร์แวร์ข้างในที่มีหนังยางรัดไว้แน่นหนาไม่ถึงกับแตกออกมา  แต่การที่มันคว่ำลงแบบนี้ก็ทำผมใจคอไม่ดีเลย


   “พี่ทำอย่างนี้ทำไมวะ ผมก็อยู่ของผมดีๆ”


   “ปากมึงดีไง”

   “พี่แม่งเหี้ย”

   “จรรยาบรรณกูมีตอนนี้ แต่ตอนที่ถอดชุดนักศึกษาแล้วก็ไม่แน่ ระวังตัวไว้ดีๆ ไอ้กิ่ง”  มันพูดก่อนสะบัดเสื้อกาวน์เดินหนีไป อะไรวะ โดนพี่แนนสะบัดบ๊อบใส่ไปก็แล้ว นี่ยังจะมาสะบัดกาวน์ใส่กันอีก  ผมยืนนิ่งไม่รับรู้อะไร พอได้สติคืนมาก็ก้มลงเก็บกล่องข้าวขึ้นมา แกะหนังยางที่รัดไว้และปลดล็อกมันออกเพื่อตรวจความเสียหายภายใน


   เละครับ ไม่ได้เละจนถึงขั้นกินไม่ได้ แต่ไอ้ที่พยายามตกแต่งมาแม่งก็เลือนหายไปด้วย


   “…ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ควรไปขอโทษนะ”


   เสียงคุ้นๆ (อะเกนแอนด์อะเกน)  แต่คราวนี้ผมกลับไม่ยอมหันไปตามเสียงนั้นเพราะกลัวน้ำตาจะไหลออกมา ไม่รู้ว่าหมอมันมายืนอยู่นานแค่ไหนแล้วและเห็นอะไรไปบ้าง “ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ จะขอโทษทำไม”


   “บางครั้งก็ต้องยอมให้กันบ้าง เห็นขยะหล่นตามถนนแล้วบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำแต่ไม่ได้เก็บมันก็ไม่ดี”

   “หมอแม่ง แทนที่จะช่วย”

   “แล้วนั่นอะไร”


   คนตัวสูงโน้มตัวลงมาดูกล่องข้าวที่ผมถืออยู่ ผมยื่นให้หมอมันดูชัดๆ แล้วสาธยายว่า “ข้าวผัดห่อไข่แห่งความรัก …จริงๆ แล้วตรงหน้ามันผมวาดซอสเป็นรูปหน้าหมอด้วยนะ แต่แม่งคว่ำไปแล้ว เละหมดเลย”


   “ดูจากหน้าตาแล้วไม่น่ากินได้”


   “หมออะ!” ผมทุบแขนหมอมันแรงๆ ไปทีนึงแบบอดไม่ได้ ถึงรักก็ทำร้ายได้นะครับ “แทนที่จะให้กำลังใจ เดี๋ยวนี้พระเอกเขาพูดแต่อะไรแบบนี้กันเหรอฮะ”


   “คิดจะจีบก็ต้องทำใจ”


   มันก็จริงครับ ไม่มีอะไรผิดจากที่หมอมันพูดเลย คิดจะจีบก็ต้องทำใจ 


   หมอยินถอนหายใจแล้วช่วยผมปิดฝากล่อง มันถือไว้เฉยๆ แล้วรอให้ผมรัดหนังยางจนเสร็จ “ขอบใจละกัน”


   “…เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมทำมาให้ใหม่ คราวนี้จะวาดมาสวยๆ ประคองตระกองกอดมาตั้งแต่หอเลย”


   “ไม่ต้องอะ ฉันไม่ค่อยกินข้าวเช้า”


   “กินเป็นมื้อเที่ยงก็ได้นี่ครับ”

   “แล้วนายจะให้ฉันถือไอ้ถุงนี่ไปมาทั้งวันเนี่ยนะ”

   “งั้นเดี๋ยวพักเที่ยงผมเอาไปให้! หมอจะกินที่ไหนเดี๋ยวเอาไปส่งเลย”

   “อย่าดีกว่า นายมาแล้วก็มีแต่ปัญหา” ผมนึกไปถึงเรื่องเมื่อวานที่ไปสร้างเวรกรรมไว้กับพี่แนนแล้วก็นึกยิ้มในใจ อย่างน้อยก็ตัดศัตรูไปได้อีกหนึ่ง “รับรองว่าไม่มีแน่นอนครับ! สาบานด้วยหัวใจ!”

   “…ทำอย่างกับเชื่อได้นักล่ะ”


   “จริงจริ๊งง” พูดไปพร้อมกับตีหน้าใสซื่อสุดฤทธิ์ “หมอให้โอกาสผมแล้วนี่ ให้ผมได้ใช้มันจริงๆ จังๆ เหอะนะ”


   “ทำแบบนี้มันน่ารำคาญ พอเหอะไอ้พล็อตทำกับข้าวมาให้เนี่ย”


   ตอนนี้คือสภาพเหมือนหมอยินมันถือหอกไว้ วิ่งตรงเข้ามาแล้วขว้างใส่ผมจนถูกเสียบเข้ากับกำแพงอะครับ ฮือ ใจร้ายจริงหมอบ้า


   “แล้วหมอจะให้ผมทำไงดีล่ะ”


   “คิดจะจีบก็คิดเองสิ …ฉันจะไปเรียนแล้ว ขอบใจสำหรับนี่แล้วกัน ว่าแต่กินได้แน่นะ”


   “หมอ! กินได้ดิ!”

   “นี่คงไม่ได้ใส่อะไรพิเรนๆ ลงมาใช่ไหมเนี่ย”


   “หูย นี่ลืมคิดไปเลยอะว่ามันทำอย่างนั้นได้ รู้งี้น่าจะใส่ไปสักน้ำสองน้ำ”


   “ไอ้เด็กโรคจิต”


   หมอยินไม่อยู่ต่อปากต่อคำกับผมต่อ เดินหันหลังขวับไปพร้อมกับถุงกล่องข้าวหน้าตาประหลาดๆ ที่ผมทำให้…  ผมยืนมองมันจนกระทั่งตัวสูงๆ ของมันลับของตึกไป ผมถึงได้ชูสองมือขึ้นฟ้า กระโดดเหยงๆ ต่อหน้าคนทั้งชั้นเมื่อเห็นว่าเป้าหมายในวันนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี




   โอ๊ยยย คนมันมีความสุขครับ  จะมองก็มองมาเถอะ ผมไม่ได้ไปทำร้ายใครสักหน่อย




tbc.
 
*****************************************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ตื่นเต้นจุง55 มีอะไรพลาดก็จะพยายามเเก้ตามคำติชมค่าา

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
จากความรักที่เคยมีให้กิ่ง เราเริ่มหมั่นไส้มันแล้ว โอ้ยกิ่งงงงง แกกกกกก 55555555 เอ็นดู

ทำไมรู้หมอยินใจดีขึ้นเรื่อยๆ ฮั่นแน่!

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
สนุกสนานกันไป จิ้มๆ

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
อีโก้สูงไปไหนนน หมอยอมน้องเถิด

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
สู้ต่อไปนะกิ่ง. แต่ชั้นอิจเทอมากกว่า
มีอาหารตาให้ดูอยู่ทุกวัน แอร๊ยยยยย ตั้ง  2 คน

ออฟไลน์ steppenwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ตอนที่ 6






   “ร้อนฉิบหายยยย”


   “บ่นได้บ่นดี”


   เสียงเล็กๆ ของหมวยด่าขึ้นเมื่อผมบ่นเป็นรอบที่ร้อยแปดของวัน   ในช่วงเวลาบ่ายสามที่พระอาทิตย์กำลังแสดงศักยภาพอยู่นั้น นายกิ่งและผองเพื่อนอีกสามคนอันได้แก่ธันวา หมวยหมวย และเป็นใจ สี่สหายแห่งเวชนิทัศน์ก็ได้ยืนอยู่กลางแดดจ้าพร้อมกล้องที่เลนส์ใหญ่เท่าต้นขาและน้ำหนักอันมหาศาลของมัน   กลุ่มของพวกเรานั้นนับได้ว่าเป็นศูนย์รวมแห่งความจัญไรมากครับ  แค่ผมกับธันวาก็ว่าแย่ละ นี่ยังมีหมวยหมวย สาวน้อยผู้มีเสียงหัวเราะที่โคตรแหลมและวาจาอันยากจะทำความเข้าใจว่ามันหวังดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่  และเจ้าเป็นใจ สาววายผู้ช่ำชองของห้องซึ่งในหัวคิดเรื่องอื่นนอกจากความรักระหว่างชายชายไม่ได้เลย


   “กูลืมเอาครีมกันแดดมา เหี้ยยยย”

   เป็นใจโวยวายเหมือนโลกจะแตกเมื่อพบว่าตัวเองลืมไอเท็มสำคัญในประเทศไทยไป  แหม่ แต่ทั้งตัวมันก็มีแค่มือกันหน้าเท่านั้นแหละครับที่โผล่พ้นร่มผ้ามา แต่งตัวมายังกับจะไปเดินพารากอน


   “เอ้า”

   ธันวาเปิดกระเป๋าตัวเองค้นกุกกักแล้วโยนกันแดดหลอดส้มของตัวเองให้มันไป เป็นใจกรี๊ดกร๊าดก่อนจะอาบครีมสีขาวไปทั่วมือและคอของมัน ส่วนหน้านั้นต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจว่ารองพื้นที่โบ๊ะมาอาจหลุดได้ “จบปีสี่กูว่าได้เป็นมะเร็งกันไปข้างอะ”


   “กูแถมโรคออฟฟิซซินโดรมให้ด้วยเอ้า” หมวยหมวยแทรกขึ้นมาพร้อมทำท่าขนลุก  คณะผมขึ้นชื่อเรื่องงานเยอะแยะมหาโหดมากครับ เพราะต้องเรียนแบบศิลปกรรมแล้วก็ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน งานเลยมาแบบอัลติเมทไม่มีจบสิ้น “แล้วดูสิสั่งงานอะไรมา ให้ถ่ายรูปสิบรูปส่งภายในอาทิตย์นี้เนี่ยนะ วันหยุดก็มีแค่นี้ วันธรรมดาก็เรียนเต็มวัน การบ้านก็ต้องทำ จบไปกูว่ากูคงต้องไปบำบัดจิตก่อนทำงานสักปี”


   เป็นใจลูบหลังหมวยหมวยที่บ่นกระปอดกระแปดก่อนจะชี้นาฬิกาให้ดูว่าเราเหลือเวลาอีกไม่มากเท่าไหร่ก่อนที่ช่วงเวลาแดดเป็นใจจะหมดลง  พวกเราทั้งสี่คนเดินล่องพื้นที่ริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ ด้วยความหวังว่าจะเจอวิวสวยๆ ให้เราได้ถ่ายภาพไปส่งการบ้านบ้าง

   “แล้วมึงกับพี่หมอเป็นไงบ้างอะกิ่ง”

   สาวเลือดม่วงถามผมเมื่อเราเดินฉีกตัวออกมาถ่ายต้นไม้ใหญ่ตรงท่าเรือกันสองคน  ผมมองเป็นใจที่กำลังรัวชัตเตอร์แบบไม่กลัวเปลืองเมมแล้วตอบไปว่า  “ไม่รู้ว่ะ ก็โอเคอะมั้ง พี่เขาน่าจะเสร็จกูแหละ”

   “หูว ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างมึงมีเรื่องที่ไม่มั่นใจกับเขาด้วย”  ผมมองค้อนไอ้เป็นใจไปทีนึง “งี้แหละ พวกหมออะสเป็คสูง อยากจะจีบใครก็จีบติดอยู่แล้วเลยไม่เดือดร้อนอะไร กูล่ะเกลียด”


   “อย่ามาว่าวิชาชีพของพี่หมอกูนะเว้ย! กูแค่อ่านท่าทีเขาไม่ออกเลยไม่มั่นใจเท่านั้นเอง …ไม่รู้ดิ เหมือนเขาให้ความหวังกู แต่ก็ปฏิเสธกูทุกครั้งที่กูเข้าใกล้เขามากเกินไป แม่ง…”


   เขาว่ากันว่าคนโสดนี่เหมาะกับการปรึกษาเรื่องความรักครับ  โดยเฉพาะคนโสดที่ถนัดเรื่องความรักแบบแมนๆ คุยกันแบบเป็นใจนี่แหละ “เขาอาจจะแบบไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ปะ เหมือนหลอกตัวเองว่ายังแมนทั้งแท่งอยู่”


   “มึงว่าพี่เขาจะแท่งขนาดไหนวะ”


   “ไอ้…!!!!” เป็นใจดูไม่เก็ทกับมุกตลก(อันแสนจริงจังของผม)  มันหน้าแดงไปนิดหน่อยแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์อะไรไม่รู้ยุกยิกซึ่งก็คาดว่าน่าจะเป็นพล็อตสำหรับโดจินเรื่องใหม่ของมัน “จะใหญ่ไม่ใหญ่หรืออะไรยังไง กูว่าเขาสับสนอยู่และคงยังไม่อยากใช้มันกับมึงในเร็วๆ นี้ว่ะ เสียใจด้วยนะกิ่ง”


   ลองให้เจ้าแม่วายอย่างเป็นใจมันพูด ผมเองก็คงจนปัญญาแหละครับ  คงได้แต่รอต่อไปจนกว่าโอกาสและฟ้าจะเริ่มพลิกล็อคให้เข้าทาง  ผมคิดเป็นตุเป็นตะในใจก่อนจะยกกล้องในมือขึ้นมาถ่ายด้วยใจหน่วงๆ



   “ร้อนนนนนนนน อีกิ่ง!! หาร้านที่มีแอร์! ด่วน!”

   “ร้านนั้นมะ”

   “ห่า เย็นตาโฟหม้อไฟ! เหมาะกับการกินตอนกูจะธาตุไฟแตกตายมาก!”

   “ให้เลือกแล้วยังจะเรื่องมากอีก…”


   ธันวามองค้อนผมขวับเมื่อได้ยินเสียงบ่นอุบอิบ  ตอนนี้เป็นใจตายไปแล้วครับ และก็เป็นหมวยหมวยนั่นเองที่ช่วยรักษาศพมันไว้โดยการใช้แผ่นกระดาษโบกเป็นพัดให้ใต้ร่มไม้ “ใครเขาให้มันใส่เสื้อแขนยาวมาถ่ายรูปที่วัดวะ ไม่เป็นฮีทสโตรกตายก็ดีตายห่า”

   “มันกลัวดำ เห็นใจผู้หญิงหน่อยเหอะกิ่ง”

   “ไม่เห็นน่ากลัวเลย ดำๆ สิเท่ดี”

   “เหรอออ แต่กูว่าหมอยินเขาน่าจะชอบคนที่ขาวๆ ไม่ใช่เหรอวะ เห็นแฟนคนแรกแกก็ขาวๆ หมวยๆ”


   
   พรึ่บ! ผมหันไปจ้องหมวยหมวยตาขวางทันทีที่มันพูดจบ …เรื่องแฟนพี่หมอยินนี่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามพูดให้ผมได้ยินครับ เพราะมันสะเทือนใจม้ากกกกกมาก   เป็นที่รู้ๆ กันว่าคนหน้าตาดีแบบหมอยินนั้นยังไงก็คงต้องเคยผ่านมือหญิงสาวสุดสวยมาก่อน ซึ่งช่วงนั้นนับได้ว่าเป็นยุคมืดของชีวิตผมเลยที่ต้องทนร้องไห้ทุกๆ วันที่เห็นรูปพี่สองคนนั้นกำลังนั่งกินข้าว เดินเล่น หรือคุยกันอยู่สองคนจากฝีมือปาปาราซซีนามว่าธันวา


   …คนที่หมวยหมวยมันพูดถึงก็คือพี่แฟ้มครับ เป็นคฑากรมือหนึ่งของโรงเรียน ประกวดอะไรไม่รู้เกี่ยวกับวงการจนได้เล่นโฆษณาไปเยอะแยะ  ถึงชื่อจะเหมือนผู้ชายและยี่ห้อผงซักฟอก แต่พี่เขาก็เป็นผู้หญิงที่ผมรู้สึกว่าสวยและเหมาะกับหมอยินมาก  แน่นอนว่ามันไม่เหมาะเท่ากับผมหรอก แต่ทำไงได้ครับ ยังไม่ถึงเวลาของเราก็ได้แต่ตาห้อยมองตามหลังไปพลางๆ   หมอยินคบกับพี่แฟ้มไปได้ประมาณสามเดือนก็เลิกกัน  ผมเองก็อยากรู้เหตุผลแทบตาย แต่ไม่ว่าใครก็ตามต่างเป็นต้องพ่ายแพ้ในการหาข่าวมาให้ผมเสพเสียหมด   กล่าวคือไม่มีใครรู้เลยแม้แต่นิดเดียวครับว่าทำไมหมอยินถึงได้บอกเลิกพี่แฟ้ม แม้แต่เพื่อนสนิทของพี่เขาเองก็ไม่รู้มาก่อน


   “กูว่าหมอเขาไม่ได้มองคนที่ภายนอกหรอก”

   “จ้า พ่อหมอคนดี พ่อคนประเสริฐ เท่าที่ดูมานี่ก็อยู่แต่กับกลุ่มเพื่อนหน้าดีๆ ทั้งนั้น”

   “ไก่ย่อมคบกับไก่”

   “มิน่าเขาถึงไม่รับรักมึง”

   “กูก็หล่อนะเว้ย! หมอเขาเคยชมว่ากูหน้าหวานด้วย!”


   “กรี๊ดด!!”    ทุกเสียงเงียบลงเมื่ออยู่ดีๆ เป็นใจมันก็กรี๊ดออกมา “เอ่อ เปล่าไม่มีอะไร กูแค่รู้สึกว่ามันฟินดีเฉยๆ  อะๆๆ เล่าต่อๆ กิ่ง กูอยากรู้”

   “ไม่ค่อยจะเลยนะคะอีกเป็นใจ…” ธันวาแขวะ นั่นเรียกเสียงหัวเราะให้พวกเราทั้งกลุ่มได้เป็นอย่างดี  สุดท้ายแล้วพอนั่งคุยกันจนหายเหนื่อยเราก็ตัดสินใจนั่งรถเมล์ไปยังห้างที่ใกล้ที่สุดเพื่อหาข้าวเย็นกินกันก่อนกลับหอ  หอของธันวาอยู่ทางเดียวกับหมวยหมวยครับ  ส่วนเป็นใจมันอยู่หอในของผู้หญิงที่ไปอีกทาง สุดท้ายแล้วพวกเราก็แยกย้ายกันกลับเมื่องานเสร็จสิ้นเป็นเรียบร้อย



.
.
.


   ผมมาถึงที่หอราวๆ สองทุ่มเพราะไอ้เป็นใจมันยื้อให้เล่าเรื่องหมอยินให้มันฟังเสียนานสองนาน  พอตั้งท่าจะแตะบัตรเข้าหอไปผมก็เจอกับดวงใจของผมที่นั่งเล่นอยู่ข้างนอกกับกลุ่มเพื่อนครับ

   “หมอ!”

   ผมเรียกหมอมันเสียงหวานเยิ้มก่อนจะถลาเข้าไปทำท่าจะจูบ และก็ได้ผลครับ ถูกกระทืบออกมา “แอ่ก! หมอใจร้าย เดี๋ยวผมจะฟ้องแพทยสภา”

   “น้องมันร้ายว่ะยิน ฮ่าๆๆ กูกลัวใจ”

   เสียงเพื่อนในกลุ่มของพี่เขาหัวเราะตามมา  คนที่ตามสืบประวัติหมอยินมาตลอดอย่างผมย่อมรู้จักครับว่าใครเป็นใคร…  คนที่พูดขึ้นมานั่นชื่อพี่ผึ้งครับ  ส่วนคนที่ยืนประกบข้างหมอยินนั่นคือพี่เป้กับพี่อ๊อฟ โปรไฟล์ดีภาษีเริศกันทั้งกลุ่ม “หมอมาทำอะไรที่นี่อะครับ”


   “มีทำเมินด้วย”

   “มารอเอาชีทให้เนย์มัน”

   อ้าว! ไปเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนไหน ทำไมไม่เห็นรู้ 


   “ฉันกับมันนั่งเรียนแถวๆ เดียวกันเลยพอได้คุยกันบ้าง”

   “…หมอเหมือนอ่านใจผมได้เลยอะ เขินนะเนี่ย”

   “แค่ดูหน้านายเขาก็รู้หมดแล้วมั้งว่าคิดอะไรอยู่”

   “หมอมองหน้าผมด้วย เขินจัง สนใจถ่ายรูปคู่กันไหมครับ”

   “พอๆๆ มาสวีทอะไรกันตรงนี้ คุยกันสองคนจุ๋งจิ๋งหงุงหงิงกันอยู่ได้ กูขนลุก”


   ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะครืนจากคนในกลุ่มได้ทันที ผมเองก็แกล้งหัวเราะไปด้วยเผื่อพี่พวกนี้เขาจะคิดว่าผมน่ารักและคอยช่วยส่งเสริมอยู่บ้าง “แล้วพี่เนย์ยืมอะไรจากพี่เหรอครับ ให้ผมเอาขึ้นไปให้ไหม”


   อาสาครับอาสา ทำตัวเป็นคนดี บุญนี้ใหญ่หลวงนัก “ไม่ต้อง เดี๋ยวมันก็ลงมาละ อีกอย่างยังไงที่นี่ก็ทางผ่านอยู่แล้ว"


   ผมเหลือบมองหน้าหมอมันน้อยก่อนจะประเมินเครื่องแต่งกายของทุกคนในกลุ่ม …เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ทุกคนเลยใส่ชุดลำลองกันหมด แตมีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่ามันพิเศษกว่าเป็นชุดไปรเวทธรรมดาๆ นั่นคือความหล่อร้ายที่แต่ละคนเหมือนเก็บไว้ในลิ้นชักห้องแล้วจะควักมาใช้แต่ในวันแบบนี้อะครับ พูดไม่ถูก จะว่ายังไงดี มันเหมือนเป็นเซนส์ที่รับรู้ได้น่ะครับว่าพวกเขากำลังจะออกเที่ยวกัน

   แม่ง พูดแล้วก็หน่วงๆ  เที่ยว กินเหล้า เมา แล้วก็คงจะได้ผู้หญิงกลับมา โอ๊ยยย แค่คิดก็ตาร้อนผ่าวๆ ครับ

   “ขอผมไปด้วยได้ไหมอ่า”  ไม่รอให้โอกาสหลุดมือ ผมรีบสบตาหมอยินพร้อมกระพริบตาปิ๊งๆ หวังจะให้มันหิ้วไปด้วย

   “ไม่ ขึ้นหอไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว เหม็นเหงื่อ”

   เอิ๊กกกก ฝันสลาย โดนกระทืบหัวใจซ้ำมาด้วยหนึ่งดอก  ผมกอบกุมหัวใจอันแตกเป็นเสี่ยงๆ ไว้  คราวหลังผมจะพกน้ำหอมติดตัวไว้ตลอดเวลาเลยคอยดู เจอหน้ากันเมื่อไหร่จะงัดมาฉีดๆ ให้มันสำลักกันไปข้าง


   “ใจร้ายอีกละยิน น้องเขาอยากไปก็ให้น้องเขาไปเหอะ”

   ผู้สนับสนุนหลักใจดีของผมอันได้แก่พี่เป้พูดขึ้น  พี่เขาย่นหัวคิ้วเข้าหากัน คงจสงสารผมหน่อยๆ ที่ทำท่าเหมือนกำลังจะร้องไห้ ดีครับ ดีเลย สงสารผม พาผมไปด้วย

   “เกะกะเปล่าๆ”

   “ไอ้คนใจร้าย ให้น้องมันไปด้วยเหอะ น่าสนุกดีออก”

   “สนุกกับผี”

   หมอยินเริ่มเหวี่ยงใส่กลุ่มเพื่อนแล้วครับ  ก่อนที่มันจะอ้าปากพูดอะไรอีกเสียงเปิดบานประตูของหอพักก็ดังขึ้น เป็นพี่เนย์นั่นเองที่เดินออกมาพร้อมกระเป๋าคาดไหล่แบบที่แม่ค้าเขาชอบใช้กัน เมื่อบวกกับรังสีแบดบอยที่คาดว่าพี่เขาก็คงจะไปฟาดฟันพร้อมกันกับกลุ่มหมอยินแล้ว  …เอิ่ม มีใครเคยบอกพี่เขาไหมครับว่ามันเถื่อนมากเลย นี่ตกลงเรียนหมอจริงใช่ปะเนี่ย


   “อ้าวกิ่ง ไปด้วยเหรอวะ”

   “ครับพี่”

   “เปล่า ไม่ได้ไปด้วย เอ้านี่เนย์ชีท”

   “…พี่เนย์ ผมไปด้วยคนน้าาา”


   คราวนี้ผมตีบทหน้าเศร้า คลานลงกอดขาพี่เนย์ เจ้าตัวทำท่าสบัดๆ ผมออก แต่ด้วยความที่เหนียวหนึบทนทานเลยยังเกาะอยู่ได้ “ผมสัญญาจะไม่ดื้อไม่ซน ไม่แย่งพี่อาบน้ำ ให้พี่ยืมไม้แขวน ต้มมาม่าให้กิน อุ่นข้าวรอเมื่อพี่อาบน้ำ…”


   “เยอะไปละ”


   “กูว่าให้น้องไปเหอะ มันตลกดีออก”







   กลายเป็นว่าสามในสี่ของกลุ่มเพื่อนหมอยินยินดีให้ผมร่วมทางไปด้วย (บวกกับอีกหนึ่งเสียงแบบไม่ค่อยจะเต็มใจนักของพี่เนย์)  และแม้เจ้าตัวจะทำหน้าบอกบุญไม่รับแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกเมื่อกลายเป็นว่าเราต้องนั่งเบียดกันบนรถอย่างทุลักทุเล ผู้ชายตัวเท่าควายโตเต็มไวหกคนนั่งเกยกันอยู่บนรถบีเอ็มคันงามของหมอยิน ดูๆ ไปแล้วก็พานให้นึกถึงลิฟต์ที่ตึกคณะช่วงเวลาเช้าๆ ดีเหมือนกัน


   “เหงื่อมึงไหลจะโดนง่ามตีนกูอยู่ละกิ่ง” พี่เนย์ที่ตอนนี้ถูกผมนั่งตักอยู่พูด 

   “ผมว่าไม่ใช่เหงื่อหรอกพี่ น้ำอย่างอื่นมากกว่า”

   “แม่งใสไป ของมึงต้องข้นกว่านี้”

   “เนย์…”  พี่เป้ที่นั่งอยู่ริมสุดของอีกฝั่งเอ่ยขึ้นมา “นี่อย่าบอกนะว่ามึงกับน้อง…”

   “อยู่ห้องเดียวกันมันก็เคยๆ กันบ้าง”


   พี่เนย์พูดจากนั้นทุกคนบนรถก็หัวเราะ… ซึ่งก็ยกเว้นหมอยินอีกเช่นเคย  เอาเลยครับ จะเมินผมให้หัวใจดวงน้อยๆ นี่แหลกเฉาตายไปเลยก็ไม่เป็นไร  “แล้วงี้เปียวไม่ว่าเหรอวะ?”


   “มึงจะพูดชื่อมันขึ้นมาทำไมวะ”

   “อ้าว ไม่ใช่ว่ามึงกับเปียวคบกันอยู่เหรอ…”

   ก่อนที่พี่เป้จะเสร็จสิ้นประโยคดี  มือหนาๆ ของพี่อ๊อฟก็ตะครุบปากบางนั่นไว้ได้ทัน  จากที่หัวเราะกันมาอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นเงียบกริบไปเลยซะงั้น

   “เอาอะไรคิดวะว่ากูจะคบกับเปียว ลูกคุณหนูแบบนั้นกูไม่ไหวหรอก”

   “กูว่ามึงน่ะลูกคุณหนูกว่ามันอีก ขี้ร้อนขี้หงุดหงิด เปียวมันรึออกจะนิ่งๆ ไม่มีแอร์ก็อยู่ได้”

   “มึงจะเอาอุณหภูมิมาวัดความเป็นคุณหนูกันยังงี้ไม่ได้นะเว้ย”

   “เปียวมันก็แค่ดูลุคเป็นแบบนั้นเท่านั้นแหละ ไม่ได้อะไรไปมากกว่านั้นหรอก”

   หมอยินที่เป็นสารถีมาตลอดพูดขึ้นมาเป็นประโยคแรกตั้งแต่ขึ้นรถ  พี่ผึ้งที่นั่งหน้าคนเดียวก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับเพื่อนตัวเอง  เห็นแบบนี้แล้วผมก็รีบพยักหน้าตามเลยครับ พอดีว่าอยากเป็นฐานเสียงช่วยหมอยิน “จริงๆ แล้วพี่เปียวเขาธรรมดามากครับ แค่ท่าทางดูนิ่งๆ เท่านั้นเอง ผมว่าก็เท่ดีออก”


   “กิ๊วว ยิน น้องมึงเขาว่างั้นแหนะ ไม่หึงหน่อยเหรอ”

   “ไม่หึงหรอกครับ หมอยินเขารู้ว่ายังไงซะเขาก็เป็นนัมเบอร์วันของผมเสมอ”

   “…กูพูดเล่นนะกิ่ง ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้”

   “ผมจริงจังครับพี่ผึ้ง ผมจริงใจด้วยยยย”

   “ยังไม่ทันกินก็เมารักไปซะและ” พี่ผึ้งพูดพลางกลั้วหัวเราะ  ผมลอบมองคนขับรถที่ตอนนี้ก็ยังทำหน้านิ่งๆ ไม่แคร์ใครเหมือนเดิม  “แล้วนี่คิดยังไงมึงถึงมาจีบไอ้ยินตอนนี้ฮะ ได้ข่าวว่าหลงรักมาก็หลายปี”


   เป็นพี่เนย์ครับที่พูดขึ้นมา อืมโอเคครับพี่ มาถามอะไรเอาตอนนี้ กลับห้องไปค่อยถามไม่ได้เรอะ “ก็ตอนปีหนึ่งไม่ได้เรียนวิทยาเขตเดียวกัน ส่วนเทอมแรกผมก็มัวแต่ยุ่งๆ กับเรื่องงานแล้วก็พัฒนาตัวเองอะ ตอนนี้พร้อมแล้วเลยลุยโลด”


   “น้องมันคนจริง ฮ่าๆๆ” พี่เป้หัวเราะสองคนกับพี่อ๊อฟครับ   แต่คนหลังนี่ดูเหมือนจะทำเพื่อเอาใจคนแรกไปเท่านั้นแหละ “แล้วมึงว่าไงอะยิน พร้อมจะรับรักน้องเขายัง”

   ไม่ใช่แค่พี่เป้ครับที่รอฟังคำตอบอยู่  ผมเองก็ตุ๊มๆ ต่อมๆ รอฟังไปพร้อมๆ กับเขาด้วยเหมือนกัน  คิดถูกจริงๆ ที่เข้าหาทางเพื่อนครับ  อย่างว่าเวลามีเพื่อนมาแซวเรื่องผู้หญิงคนไหนผมก็เขินๆ เหมือนกัน มันคงเป็นอิมแพ็คบางอย่างที่มักจะได้รับจากเพื่อนฝูงสินะ


   “ว่าไงยิน” คราวนี้เป็นพี่ผึ้งที่ช่วยกดดันคำตอบอีกคนครับ  พี่เขายิ้มมุมปากเหมือนว่าจะสนุกด้วยอยู่หน่อยๆ เมื่อได้แกล้งภูเขาหินอย่างหมอยิน




   “กูชอบผู้หญิง”


   แป่ว จบข่าวครับ “แต่หมอพูดกับผมว่าคงถนัดเป็นฝ่ายเอาผมมากกว่าแล้วนี่! ไม่ใช่ว่าผมก็มีความหวังเหรอ”
ฮิ้ววววววววว พอผมพูดจบประโยคเท่านั้นแหละครับ  ทั้งรถก็พากันเห่าหอนอย่างไม่ต้องนัดหมาย  พี่เป้หน้าแดง ส่วนพี่อ๊อฟเองก็ยิ้มมุมปากอยู่หน่อยๆ  แต่พี่ผึ้งนี่ไปไกลมาครับ หัวเราะดังลั่นพร้อมกับทุบคอนโซลรถราคาหลายล้านเหมือนเป็นแค่แท่งเหล็กโง่ๆ ประกอบจังหวะไปด้วย  …ส่วนหมอยินเหรอครับ ก็ยังหน้าตายเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมันเหยียบเบรกอย่างแรงจนผมคอแทบหัก    แอ่ก


   “ยินมึงไปพูดกับน้องอย่างงี้ได้ไงวะ! เป็นกูกูก็คิดว่ามึงอ่อย! ฮ่าๆๆ เอ้ะหรือว่ามึงอ่อยน้องจริงๆ วะ!”

   “หุบปากไปเหอะผึ้ง”

   “แล้วมันหมายความว่ายังไงวะยิน” พี่อ๊อฟผู้นิ่งอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง “ถ้ากูได้ยินใครพูดแบบนี้กูก็ว่าเขาก็มีใจให้กูนั่นแหละ”

   “กูก็แค่บอกรสนิยมบนเตียงของกูไป ก็แค่นั้น ไม่ได้หมายความว่ากูจะเอาจริงๆ”

   เหมือนโดนโจรกราดยิงหัวใจซ้ำๆ อะครับ  ยิ่งได้ยินยิ่งอยากร้องไห้ ไม่น่าเปิดเรื่องขึ้นมาเล้ยยย แล้วดูเหมือนหมอยินมันจะโกรธอยู่หน่อยๆ ด้วยที่ผมเอามันมาประจานต่อหน้าเพื่อนมัน “หมอผมขอโทษ แค่อยากให้พี่ๆ เขาสนุกเท่านั้นเอง”


   “แล้วถ้าเกิดกูอ่อยมึงจริงๆ  แล้วมึงเอามาเล่าให้เพื่อนกูฟังเนี่ย  คิดว่ากูจะเพิ่มแต้มให้มึงเหรอวะกิ่ง”


   อึ้งครับ  ปกติหมอมันค่อนข้างจะระวังคำพูดกับผมอยู่ตลอด อาจจะเป็นเพราะเป็นรุ่นน้องต่างสาขาที่ไม่ค่อยสนิทกันด้วยแหละมั้ง  แต่คราวนี้กลายเป็นว่าหมอยินพ่นคำหยาบออกมาเป็นประโยคเต็มๆ   แถมดูท่าจะไม่ยอมกลับไปพูดดีๆ กับผมเหมือนเดิมแล้วด้วย

   ตายห่าน หรือว่าหมอมันจะโกรธผมจริงๆ วะ


   “…ไอ้ยินใจเย็นๆ”

   “กูไม่เย็น”


   “ยิน …คือกูว่านะ  บางทีมึงก็ควรจะยอมรับออกจากปากมึงจริงๆ ได้แล้วว่า…”



   เอี๊ยดด!!!




   เมื่อคนขับอยู่ดีๆ ก็หักรถเข้าข้างทางแบบกะทันหันจนคนนั่งหัวสั่นหัวคลอน พวกผมทั้งรถก็หุบปากนั่งเป็นใบ้กันไปหมดเมื่อหมอยินมันดูท่าว่าจะโกรธจริงๆ … แบบโกรธ โมโห แล้วก็หงุดหงิดจริงๆ ที่ได้ยินพี่ผึ้งพูดแบบนั้นออกมา  ตอนนี้แม้กระทั่งพี่เนย์ที่กวนตีนมาโดนตลอดทางก็ยังนั่งเงียบ


   กลายเป็นว่าทั้งรถไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย  แต่ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังมากครับ น้ำตาก็พานจะไหลอยู่รอมร่อ ไม่น่าเลยว่ะไอ้กิ่ง ไม่น่าเลย… “หมอ… ผมขอโทษ”


   จบประโยคนั้นของผมก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทุกคนดูเหมือนไม่กล้าหายใจเสียด้วยซ้ำ


   กินเวลาประมาณห้านาทีก่อนที่พี่อ๊อฟจะพูดขึ้นมาทำลายความน่าอึดอัดนี้ “ยิน มานั่งนี่มา เดี๋ยวกูขับเอง”



   “อืม”



   ร่างสูงยอมทำตามที่เพื่อนว่าง่ายๆ   มือเรียวปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกแล้วยอมลงจากที่คนขับให้พี่อ๊อฟขึ้นไปนั่งแทนแต่โดยดี  ตอนนี้ผมไม่กล้ามองหน้าหมอมันเลยครับ  ได้แต่นั่งภาวนาให้ถึงร้านเร็วๆ


   ถึงคนอย่างกิ่งจะโง่และก็หน้าด้านไปบ้าง  แต่ผมว่างานนี้ผมผิดจริงๆ อะครับ


   แถมเรื่องในคราวนี้ก็ทำให้ผมเริ่มปะติดปะต่ออะไรหลายๆ อย่างได้แล้วด้วย





tbc.

******

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หมอยินนทั้งโกรธ ทั้งหึงรึเปล่าาา
แต่กิ่งปากแบบบ.... :z3: ผิดเต็มๆนะลูกก
รุ้สึกค้างงงมากกก ต่อเลยได้ไหมมมค๊าาาา
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2016 17:49:25 โดย Natsuki-ChaN »

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
งานกร่อยเลยป่ะเนี่ยยยยย

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
โหใจจะขาดอะไรจะขนาดนี้มาต่ออีกนะครับรอๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด