ตอนที่ 4 ในมือของผมถือโทรศัพท์ซัมซึมรุ่นอาม่าไว้ หน้าจอเก่าๆ ของมันกำลังเล่นไฟล์วิดีโอไฟล์หนึ่งอยู่… ซึ่งไฟล์นี้ผมเพิ่งโหลดมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่อคืน เนื่องด้วยรู้ว่าตัวเองมีโอกาสกับหมอยินแล้วก็อยากจะศึกษาบ้างอะไรบ้าง… คือข้ออ้างมันก็พันแปดแหละครับ เอาจริงๆ แล้วมันก็เป็นคลิปฟันดาบทั่วๆ ไปนี่แหละ…
‘อร๊างงงงงง’ ภาพเคลื่อนไหวมาพร้อมเสียงครางระดับเซอราวน์ครับ
“กรี๊ดดดดดดดด!!!”
เจ๊พี่แนนกรี๊ดลั่น เอามือปิดตาอย่างกับไม่เคยเห็นอะไรที่มันบัดสีบัดเถลิงขนาดนี้มาก่อน เอาแล้วไงครับ ธันวามันเริ่มตกใจตามแล้ว คงไม่คิดมาก่อนว่าคนที่บริสุทธิ์อย่างผมจะมีคลิปอะไรแบบนี้ติดเครื่อง …เฮ้ย คือกูก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่คนเรามันก็ต้องใฝ่ศึกษาบ้างป่าววะ
“ยิน! เด็กนี่มันโรคจิตป่าววะ! แม่งมีคลิปเกย์ในโทรศัพท์ด้วยอะ!!”
เอาครับ เอาเลยเจ้แนน นี่คงกลัวว่าชาวบ้านเขาจะไม่รู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้เร่งวอลุ่มมหาศาลขนาดนี้ ตื่นเต้นในการประจานจนหลุดคำหยาบออกมาเลยทีเดียว ถึงผมจะหน้าด้าน แต่ตอนนี้ก็เริ่มเขินนิดๆ แล้วครับ เรื่องมันจะไม่อะไรเลยจริงๆ ถ้าพี่หมอยินมันจะไม่มาเห็นโดยเหมาะเจาะขนาดนี้ ดูจากมวลมหาประชาชนที่ตั้งใจเผือกเรื่องนี้อย่างโจ่งแจ้งแล้ว ให้เดาว่าธันวามันคงได้เปลี่ยนที่กินข้าวอีกรอบแน่ๆ
ผมแอบลอบมองคนตัวสูงว่าเขาทำหน้ายังไง แต่จนแล้วจนรอดก็เดาไม่ออกจริงๆ ครับว่าพี่เขาหงุดหงิด รังเกียจ อารมณ์เสีย หรือเฉยๆ …เอาจริงๆ ผมไม่แคร์หรอกครับว่าคนอื่นจะคิดยังไง แคร์อยู่แค่คนเดียวจริงๆ คือหมอยินมากกว่า …ฉันชอบผู้หญิง ไม่ได้ชอบตุ๊ด ถ้าต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้อีกรอบล่ะก็ ขอดร็อปออกไปทำใจแล้วกลับมาเรียนใหม่อีกทีปีหน้าดีกว่าครับ
“…” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านรัก
“ยิน! ไปกินที่อื่นเหอะ! อยู่ใกล้ตุ๊ดแล้วขนลุก…”
“เดี๋ยว”
ก่อนที่พี่แนนเขาจะโวยวายจนน้ายามมาลากตัวไป มวยมุมน้ำเงินอย่างธันวาก็เอ่ยปากขึ้นมาเรียบๆ แต่สะกดคนดูไว้ได้อยู่มัด เจ้หน้าจืดมองหน้าไอ้ธันวาอย่างเอาเรื่อง …ซึ่งเจ้เขาจะปลอดภัยกลับบ้านไปครับถ้าไม่หลุด ‘คำ’ ที่ธันวามันเกลียดนักเกลียดหนาตลอดการเป็นชีวิตตุ๊ดของมัน(อ้าว นี่ก็พูดไปแล้ว)
“ก็พี่อยากดูเองนี่คะ คลิปที่ว่าน่ะ…”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกดุจเปิดแอร์ที่ขั้วโลก เจ้แนนมันเริ่มเหงื่อตกแล้วแต่ก็ยังดื้อด้านจะเถียงต่อไป “ฉันไม่ได้อยากดูคลิปนี้สักหน่อย! ก็เธอบอกเองว่ามีคลิปยืนยันอะไรนั่น ใครจะไปคิดว่ามันจะเป็นคลิปทุเรศแบบนี้!”
“…ก็คลิปทุเรศที่พี่ว่านั่นแหละค่ะ เครื่องพิสูจน์”
“หา… อะไรอีกยัยบ้า”
ผึง …เสียงสติเส้นสุดท้ายของธันวาขาด มันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ
“ไม่ดูหน้าให้ดีๆ ล่ะคะ ว่าผู้ชายสองคนที่อยู่ในคลิปนั่นใคร?”
.
.
.
เจ้แนนทำหน้าแบบ… อึ้งแดก หันซ้ายขวามองหน้าผมสลับกับหมอยินช้าๆ ไอ้หมอนี่ก็เหลือเกินครับ นั่งลงกินข้าวไปแล้วแบบไม่สนใจคนรอบข้างว่าเขาตีกันจะตายอยู่แล้ว
“เอ้า! หรือจะไม่เชื่อ กิ่งมึงเอาให้พี่เขาดูดีๆ อีกที รีไปตอนสำคัญๆ เลยนะจะได้เห็นชัดๆ!”
“กรี๊ด! พูดบ้าอะไรเนี่ย! มะ ไม่ต้องเอามาให้ฉันดูนะ! เอาไปไกลๆ ขยะแขยง!!”
พี่แนนโวยวายเมื่อผมแกล้งยื่นโทรศัพท์ไปใกล้ๆ ธันวาหัวเราะมุมปากแบบชั่วร้ายก่อนจะจิกตาใส่คุณเธอด้วยชัยชนะอันใหญ่ยิ่ง สักพักเพื่อนผู้หญิงของหมอยินจากมุมแดงก็ปากสั่นระดับหกริกเตอร์ คว้ากระเป๋าสีส้มสมคาแร็คเตอร์ของตัวเองไว้แล้วเดินออกไป ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ว่า
“เราไม่เคยคิดเลยนะว่ายินจะเป็นเกย์…”
ส่งท้ายด้วยน้ำตาจากสายดราม่า พี่หมอแนนสะบัดบ๊อบหนีไปพร้อมความหวังที่ว่าหมอยินคงจะวิ่งไปรั้งล่ะมั้ง แต่ร่างสูงก็ยังคงนั่งกินข้าวดูดน้ำต่อไปแบบไม่แคร์สื่อ
งานนี้ต้องขอขอบคุณสปอนเซอร์หลักผู้ใหญ่ใจดีอย่างธันวาอย่างมหาศาลมากครับ แต่ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะมันไม่ชอบให้ใครมาดูถูกเพศสภาพของมันด้วยแหละ ครั้งหนึ่งมันก็เคยต่อยหน้าผู้ชายจนหงายไปเพราะมาล้อว่าผมเป็นเพื่อนกับตุ๊ด… ซึ่งผมเองก็ร่วมกระทืบมันไปด้วยจนเกือบโดนเรียกเข้าห้องปกครอง
“กิ่ง กูขึ้นตึกละนะ”
“…มึงไม่อยู่กับกูก่อนล่ะ”
“ห่า ก่อเรื่องไว้ขนาดนี้ กูไม่มีอารมณ์มานั่งแดกข้าวต่อหรอกนะ”
“ธันวาไม่เอาา อยู่ก่อนน”
“ไม่ล่ะ คำก็ตุ๊ดสองคำก็ตุ๊ด ทรรศนะคติคนแถวนี้แม่งติดลบ กูไปอยู่ที่ที่มันศิวิไลซ์แล้วดีกว่า”
พูดดีๆ ไม่ได้ ยังต้องมาแซะที่รักผมอีกครับ ผมเลยมองค้อนธันวามันไปหนึ่งดอกก่อนมันจะเดินออกจากที่นี่ไป ผมเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างๆ หมอยิน นั่งเท้าคางจ้องหน้าอีกฝ่ายตอนกินข้าวจนโดนสายตานั่นกวาดมามอง “มองอะไร รำคาญ”
ฮือ จะตรงไปไหนครับเนี่ย “หมอ… ทำไมหมอไม่ปฏิเสธไปอะ ว่ามันไม่ใช่คลิปผมกับหมอ”
“ขี้เกียจ”
“งั้นแสดงว่ารับรักผมง่ายกว่าสินะ”
“…มีใครเคยบอกรึเปล่าว่าน่ารำคาญ”
“เมื่อคืนหมอทำไมไม่ตอบไลน์ผมอะ”
ต้องเปลี่ยนเรื่องก่อนจะโดนด่ามากไปกว่านี้ครับ หมอยินทำหน้าดุๆ ใส่แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี “ก็ไม่เห็นว่าจะต้องคุยอะไรต่อ ก็แค่นั้น”
ผมยิ้มแป้นให้หมอ อารมณ์หงุดหงิดเจ้แนนหน้าจืดตะกี๊นี้หายวับไปกับตา …อย่างนี้สินะครับที่เขาเรียกว่าความรักบังตา แต่ ณ จุดๆ นี้ ผมยอมให้แม้กระทั่งมันบังทางเข้าบ้านผมอะครับ “หมอรู้ไหมว่าหมอกำลังให้ความหวังผม”
“ฉันว่ามันก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น”
“หมออะ รับรักผมเถอะนะ” สาธุ บุญใดที่ลูกทำมา…
“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย”
กรรม ยังไม่ทันจะได้ขอพรอะไรหมอมันก็ปฏิเสธหน้าแหกกลับมาอีกแล้ว คนตัวสูงที่กินทุกอย่างเสร็จหมดแล้วลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ ผมคว้ากระเป๋าของหมอมันไว้ก่อนที่มันจะได้มีโอกาส มันมองหน้าเหมือนติดจะรำคาญนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้ผมถือของเดินตามหลังไป
พอวางจานเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมอยินก็ยื่นมือมารับกระเป๋าที่ผมช่วยถือไว้ไป “ขอบใจ”
เอื้ออออออออ หัวใจมันพองโต “ขอบคุณหมอเหมือนกันครับที่ยอมให้ผมถือ”
หมอยินทำหน้าอึ้งๆ ไปพักหนึ่ง ก่อนจะหลุดยิ้มมุมปากออกมา… นิดเดียว แต่เห็นแล้วแทบจะละลายลงไปนอนกองกับพื้น มันเหมือนกับ… เหมือนกับกำลังเห็นดาราที่ขี้เก๊กมาตลอดสะดุดพรมล้มอะครับ มันเป็นอารมณ์แบบที่เหมือนว่าเรากำลังได้เห็นอีกด้านหนึ่งของคนที่เขาพยายามจะปิดมันไว้ตลอด
…มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ว่าใครได้เห็นแล้วก็จะรู้สึกว่า ตัวเองพิเศษ
“หมอน่าจะยิ้มบ่อยๆ นะครับ” หมายถึงยิ้มให้ผมคนเดียวอะนะ พอพูดเสร็จหมอมันก็ทำหน้าบูดต่อครับ แถมยังแกล้งเดินเร็วขึ้นให้ผมกึ่งวิ่งตามอีก
“ฉันขอโทษแทนเพื่อนด้วยที่พูดจาไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
หมอยินก็เป็นแบบนี้เสมอแหละครับ ฉลาด หน้าตาดี นิสัยก็ดี… “ผมก็ขอโทษแทนธันมันเหมือนกันครับ พอดีมันไม่ค่อยชอบให้ใครมาพูดคำว่าตุ๊ดใส่เท่าไหร่”
ร่างสูงพยักหน้าหงึกหงักขณะที่กำลังเดินอยู่ โชคดีที่หมอเดินกลับตึกเรียน ผมเลยสามารถเดินตามไปด้วยได้อย่างไม่ต้องหาข้ออ้างอะไรมากมาย
“ฉันเองก็เคยพูดไปว่านายเป็นตุ๊ดสินะ โทษที”
ไม่เป็นไรครับ ผมให้อภัย… “ผมเหมือนกะเทยเหรอครับหมอ ทำไมถึงได้พูดแบบนั้นอะ”
“ก็ไม่เหมือนหรอก นิสัยอย่างกับลิงกัง” ผมหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อได้ยินคนข้างๆ เปรียบเปรยตัวเองกับสัตว์ป่าหน้าขนแบบนั้น แต่ก็ใจชื้นขึ้นมาอีกนิดนึงเมื่อหมอยินมีคำต่อท้ายประโยคว่า “แค่ติดจะหน้าหวานแล้วก็ผอมไปหน่อย”
“หมอออ!!”
ผมทุบไหล่คนข้างๆ แรงๆ แล้วบิดตัวไปมา แต่พอหมอมันหันมาทำหน้าดุใส่ผมเลยต้องหยุดครับ “แหะๆ ชมกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ผมก็เขินเป็นนะ”
“นั่นไม่ได้เรียกว่าชม”
“สำหรับผมหมอยินพูดอะไรก็ฟังดูดีไปหมดนะแหละ”
“…ถามจริงนะ” หมอยินหยุดเดินแล้วคุยกับผมแบบจริงจัง “ถ้าฉันไม่ได้หน้าตาแบบนี้ เรียนหมอ หรือจะอะไรก็แล้วแต่ นายจะยังชอบฉันอยู่ไหม”
“ฮั่นน่อ หมอไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ไม่ว่าหมอจะเป็นยังไงผมก็รัก”
“ฉันไม่ได้คิดมาก ก็แค่อยากสั่งสอนเด็กน้อยอย่างนาย” สายตาของมันจริงจังมากเมื่อพูดมาถึงประโยคนี้จนผมใจกระตุกวูบ “รักแรกพบอะไรนั่นมันก็แค่เปลือก หน้าตาแบบนี้อีกสิบปีก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทางที่ดีนายควรจะหัดรักคนจากนิสัยบ้าง ไม่ใช่หน้าตา”
พูดเสร็จเขาก็เดินจ้ำอ้าวขึ้นตึกเรียนไป ผมไม่ตามไปอีกเพราะเห็นว่าพี่หมอยิมมันเริ่มเอาจริงแล้ว …มันเป็นการแสดงออกถึงความจริงจังว่าถ้าผมยังไม่หยุดอีก มันอาจจะเกลียดผมเข้าแล้วจริงๆ
ผมเดินเลยตึกนั่นไปนิดหน่อยก็ถึงตึกเรียนของตัวเอง พอถึงห้องเรียนก็เอาโทรศัพท์ออกมาเข้าแอพแชทนั่น จิ้มไปที่ชื่อหมอยินแล้วพิมพ์ลงไป
กิ่งก้านใบชะชะใบก้านกิ่ง : ถ้าชอบแค่หน้าตาจริงๆ ห้าปีมานี่ก็คงเปลี่ยนไปชอบคนอื่นแล้วล่ะครับ
ข้อความถูกอ่านภายในเวลาไม่กี่นาที ผมไม่รู้ว่าหมอมันทำหน้าแบบไหนยังไงตอนอ่าน ตอนแรกคิดว่าคงจะมีเรื่องให้ได้ยิ้มอีกรอบ เเต่พอได้รับข้อความตอบกลับมาแล้ว… ผมกลับได้แต่ยืนบื้ออยู่เฉยๆ เหมือนหัวใจมันตกลงไปกองกับพื้น
HAPPYYIND : ถ้าจะบอกว่าตกหลุมรักตั้งแต่ตอนที่ฉันช่วยนายเอาไว้ล่ะก็
HAPPYYIND : มันเด็กไป
HAPPYYIND : ไม่ใช่แค่ว่า รู้สึกว่าเท่ เก่ง หล่อ แล้วจะมามอบชีวิตทั้งชีวิตให้ มันไม่ใช่
tbc.
*******************************************
เเหะๆ ลองอัพเเล้วเปลี่ยนชื่อเรื่องโดยเพิ่มวันที่เเล้วก็ตอนให้เเล้วนะคะ ไม่รู้อัพจริงเเล้วจะขึ้นรึเปล่า ถ้าไม่ขึ้นเดี๋ยวคราวหน้าจะลองทำใหม่ดูอีกทีค่ะ ฮือ ไม่ถนัดไอทีจริงๆ55
ขอบคุณที่เข้ามาคอมเมนท์เเล้วก็อ่านกันนะคะ พออ่านเเล้วก็อยากอัพอีกรัวๆ เเต่ติดงานอันมหาศาล5555 จะพยายามเข้ามาอัพถี่ๆ ค่ะ ฮึบๆ
ป.ล. สุดท้ายก็ยังไม่ขึ้นค่ะTT พิมพ์เปลี่ยนตรงไหนเนี่ย ทำได้เเต่ตรงรีพลาย ไว้ตอนหน้าจะลองหาวิธีใหม่ดูนะคะ ขอโทษด้วยค่า