ตอนที่26 ครอบครัวของพ่อ
เจ้าของห้องคอนโดนอนนิ่งอยู่บนเตียง ดวงตาเหม่อมองผ้าม่านที่มีแสงอาทิตย์สว่างจ้าลอดผ่านเข้ามา ภามขยับตัวเล็กน้อยรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แนบอยู่ด้านหลัง ลำแขนแข็งแรงรวบกอดเขาไว้จนแทบจะจมอก
ล้าไปทั้งตัวเหมือนร่างจะแหลก
“หิวไหม”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามอยู่ข้างหู ลมหายใจร้อนๆ รดรินติดแก้มจนเด็กหนุ่มต้องหดคอเพราะจั๊กจี้ น้องพยักหน้าน้อยๆ หลับตาปี๋เมื่อโดนหอมแก้ม ดีนสัมผัสหน้าผากกับซอกคออีกฝ่ายแล้วถอนใจ อย่างน้อยก็ไม่มีอาการป่วยอะไร
“เดี๋ยวไปซื้อโจ๊กมาให้” โชคดีที่หน้าคอนโดภามมีร้านสะดวกซื้อให้เขาไปสอยของมาประทังชีวิตก่อน ร่างสูงใหญ่ขยับลุกแต่ก็โดนดึงแขนเอาไว้ เขาเลิกคิ้วมองแก้มแดงๆแทนคำถามหากภามกลับอึกอักหลุบตาหลบไปทางอื่น น่าหมั่นเขี้ยวจนต้องก้มลงไปฟัดสักที
“อื้อ” ภามพยายามดันใบหน้าคมคายออก แต่พี่ดีนก็จูบเอาๆจนเขาหายใจหายคอแทบไม่ทัน ผิวเนื้อเปล่าเปลือยเสียดสีปลุกอะไรที่ไม่ควรตื่นให้หวั่นไหวขึ้นมา “พอ..อื้อ พี่ดีน” เบือนหน้าหนีจูบร้อนๆ เลยโดนขโมยแก้มไปอีกสองฟอด
“ให้ตาย” ชายหนุ่มสบถกับตัวเอง “เรานี่มัน.. เดี๋ยวพี่ไปซื้อโจ๊กก่อน อยากไปห้องน้ำไหม” เขาตัดใจผละตัวเองออกมา พอน้องส่ายหัวเขาก็ลุกหยิบกางเกงนอนที่หล่นอยู่แถวนั้นขึ้นมาสวม จัดการตัวเองเสร็จก็โผล่มาดูคนรักอีกทีแล้วหยิบกุญแจห้องกับกระเป๋าสตางค์ออกไป
พอลับตาคนรัก ภามก็เข้าโหมดเบลออีกครั้ง เด็กหนุ่มซุกหน้าลงกับหมอนซ่อนใบหน้าร้อนจัด ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้นมารัวๆ สัมผัสของอีกฝ่ายยังคงค้างคาอยู่ตามร่างกาย
“น่าอายชะมัด” ขดจนตัวกลม ตีแก้มตัวเองเรียกสติ
ทำไปแล้ว ทำไปแล้ว ทำไปแล้วจริงๆด้วย โอ้ยยยยยยยยยยยย ขยำขยี้หมอนเกลือกกลิ้งจนพอใจแล้วค่อยๆดันตัวลุกขึ้นนั่ง
“อูย..ย” ลูบสะโพกตัวเองป้อยๆ ร้อนหน้าไปหมด แถมด้านหลังยังเสียดๆ อีก หวังว่าจะไม่เป็นอะไร
ภามชันเข่าขึ้นแล้วซบหน้าลงไป ดวงตาทอดมองข้างกายก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผืนเตียงว่างเปล่าด้วยรอยยิ้ม หัวใจพองฟูความสุขอัดแน่นจนล้น ตั้งแต่อายุ15แม่คุยกับเขาอย่างจริงจังเรื่องเซ็กส์ ถ้าคิดจะมีความสัมพันธ์ก็ต้องป้องกันและไม่เหลวไหล แม่เป็นคนหัวสมัยใหม่ไม่เคยคิดจะห้ามเพราะรู้ว่าบางอย่างมันห้ามกันไม่ได้ เมื่อคืนที่เขาตัดสินใจเพราะส่วนหนึ่งมาจากตัวพี่ดีนเองที่ให้ความสำคัญกันมาตลอด ภามรู้ดีว่าถ้าไม่ยอมจริงๆ คนรักของเขาก็คงไม่ทำอะไร อีกอย่างพี่ดีนห่วงร่างกายเขามากพอที่จะเตรียมอุปกรณ์ป้องกันไปจนถึงการยั้งแรงในบางจังหวะที่เขาไม่ไหวจริงๆ
คิดถึงตรงนี้แก้มสองข้างก็ร้อนจัดขึ้นมา ภามเม้มปากแน่นคิดเองเขินเองอยู่คนเดียว
[เด็กดี...จำไว้นะ เราไม่ได้แค่กำลังมีเซ็กส์] เสียงทุ้มต่ำกระซิบระหว่างที่กำลังขยับกายสอดลึก [?..] ภามปรือตามองงุนงง ขมวดคิ้วครางเสียงแผ่วเมื่อรู้สึกจุกขึ้นมาอีกครั้ง [..พี่][สิ่งที่เราทำเรียกว่า make love...ทำด้วยความรัก] [อ้ะ!! พี่ พี่ดีน!]Make love การร่วมรักที่นุ่มนวล อ่อนโยน เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกระหว่างคนสองคน“ฮึ่ย พอๆเลิกบ้าได้แล้วไอ้ภาม” งอแงขึ้นมาอีกครั้งแล้วตะกายลากสังขารตัวเองขึ้นจากเตียง ถึงจะรู้สึกล้าขาสั่นไปบ้างแต่ก็ยังไหว คราวนี้ภามไม่ลืมสำรวจร่างกายตัวเองในกระจก รอยจูบประปรายแต่ดูเหมือนพี่ดีนจะหลีกเลี่ยงช่วงลำคอไว้ให้ ไม่อย่างงั้นได้ไปหาคุณลุงในสภาพดูไม่ได้แหง
ดูๆไปเหมือนรอยยุงกัด...เอ้ะ? คุ้นๆเหมือนรอยที่คอไอ้ทีมแฮะ
“ภาม โอเคไหม” เสียงเคาะประตูห้องน้ำปลุกคนคิดมากออกจาภวังค์ ภามรีบตะโกนตอบรับแล้วรีบเดินเป๋ไปจัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว
กลิ่นโจ๊กร้านสะดวกซื้อหอมกรุ่น ดีนตอกไข่ลวกใส่ชามโจ๊กให้น้องเสร็จสรรพแล้วเอาขนมปังแถวที่ซื้อมาเข้าเตาปิ้ง อีกทั้งอกไก่นุ่ม แฮม ไส้กรอก วางเรียงรายเรียกว่าถุงใหญ่จัดเต็มเลยทีเดียว
“โห พี่ดีนไปเหมามาเหรอ” ภามถามพลางทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะกินข้าว วันนี้พี่ดีนบริการเขาเต็มที่ทั้งทาแยมบนขนมปังให้แล้วก็มีกาแฟเสิร์ฟเสร็จสรรพ เด็กน้อยแอบเปิดสารพัดถุงบนโต๊ะ ยิ้มกว้างเมื่อเห็นไอศกรีมรสโปรดที่คนพี่ซื้อมาให้ด้วยและกำลังจะเอาใส่ช่องแข็ง แต่พอเขาขยับไปเปิดอีกถุงก็ทำหน้างงๆ
“อะไรครับเนี่ย” หยิบแผงยาออกมาแล้วก็ต้องหน้าแดงเองเมื่อเห็นยาสอด ยาลดไข้ ยาแก้อักเสบ ยาแก้เจ็บคอ
“ลดไข้คงไม่ต้องกิน แก้อักเสบกินดักไว้ก็ดี เอายาสอดด้วยไหม” คนถามหน้าตายแต่คนฟังอายแทบมุดใต้โต๊ะ ภามส่ายหัวพรืดเพราะไม่ได้เจ็บขนาดนั้น..คิดว่านะ
“พี่ดีนไปซื้อมาเหรอ” เลือกหยิบยาแก้อักเสบกับยาอมแก้เจ็บคอออกมาจากถุง ก้มหน้าก้มตาถามไม่กล้าสบสายตา
ดีนไม่ได้ตอบแต่แค่ยิ้มแล้วจิบกาแฟเงียบๆ หากในใจกำลังก่นด่ารุ่นพี่ข้างห้องที่เป็นเจ้าของถุงยาตัวจริง พี่ศิลป์แม่งกวนเสมอต้นเสมอปลาย มีการซื้อยามาแขวนไว้ที่หน้าประตูห้องพร้อมเขียนโน้ตใส่ไว้ในถุงว่า
เบาๆมือกับน้องหน่อย ไอ้สัสดีนเขาก็ลืมไปว่าผนังห้องที่นี่มันบาง คงได้ยินหมดแน่ๆว่าทำอะไรไปบ้าง ไอ้ครั้นจะบอกน้องก็สงสารกลัวว่าจะอายจนไม่กล้าออกจากห้องเอา
ชายหนุ่มเริ่มต้นกินอาหารเช้า หากสายตาจับจ้องอาการของคนรักที่นั่งขยุกขยิกเหมือนไม่สบายตัว ขยับทีก็ขมวดคิ้วทีจนดีนชักทนไม่ไหวเอื้อมมือไปแตะหน้าผากน้องอีกครั้ง
“ไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหม” เมื่อคืนเขาจำได้ว่าได้เลือดนิดหน่อยแต่หลังจากนั้นมันก็โอเคนี่นา
“ไม่เป็นอะไรครับ” รีบตอบเลิ่กลั่ก จะให้บอกได้ยังไงว่ามันขัดๆ ตรงนั้น!! โอ้ย พี่ดีนอย่าถาม!!
แก้มแดงก่ำและอาการจ้วงโจ๊กเข้าปากไม่ยอมมองหน้าทำให้คนถามหุบปาก เขาอมยิ้มคอยตักของกินให้น้อง ไหนๆแล้ววันนี้ทั้งวันเป็นเวลาของพวกเขา อย่างน้อยก็ขอใช้มันให้เต็มที่
กอดกัน“พี่! วันนี้เราคบกันครบหนึ่งปีแล้ว!!”รักกัน“รักพี่กรณ์นะ”ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน“พวกแกทำอะไรกัน!!”และ..พรากจากกัน“พี่ดีน”
เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก เขากระพริบตามองคนรักที่มายืนใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ น้องกำลังจับแก้มเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง ดีนคลี่ยิ้ม อ้อมแขนอบอุ่นโอบเอวน้องเข้ากอด เขาฝังใบหน้ากับหน้าท้องอีกฝ่ายสูดกลิ่นหอมสะอาดของสบู่กลิ่นเดียวกับที่ตัวเองใช้
“ภามอย่าไปไหนนะ” คำพูดนั้นสั่นพร่าเล็กน้อย
ภามหลุบตามองคนตัวโตที่กำลังทำตัวเหมือนเด็กงอแง เขากอดคนรักกลับพลางลูบหัวเอาใจ
“ผมจะไปไหนได้..” กอดแน่นขึ้นอีก “ในเมื่อผมเป็นของพี่”
ใบหน้าคมคายเงยขึ้นสบตา เขาเผยอริมฝีปากรับจูบจากน้อง เคล้าคลอกันเบาๆเหมือนปลอบให้หายหวาดผวา
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” มือใหญ่ไล้ไปตามแก้มเนียน หยุดสัมผัสหนักๆ ที่ขมับ “จำไว้ว่าพี่อยู่นี่ นึกถึงพี่ ตกลงไหม”
“ผมจะนึกถึงพี่คนแรกเลย” คนน้องยังตอบติดตลก ก่อนจะร้องลั่นเมื่อโดนฟัดจนแก้มแดงจัด ทั้งคู่กอดรัดกันอยู่พักใหญ่แล้วเคลื่อนย้ายตัวเองไปนั่งซุกกันที่หน้าทีวี
ภามเอนหลังพิงอกอุ่น นอนดูซีรีส์เรื่องโปรดโดยมีอ้อมกอดแข็งแรงแทนเก้าอี้นั่ง พอหิวก็ลุกไปอุ่นสารพัดของกินที่คนรักซื้อมาตุนเอาไว้ ไม่ก็นั่งป้อนไอติมให้ตัวเองกับพี่ดีน พอง่วงก็ซุกนอนกันอยู่ตรงนั้นผลัดกันจูบไปมา
เป็นบรรยากาศสบายๆ มีเพียงการเคล้าคลอซึ่งกันและกัน เป็นการกระทำที่ไม่เคยอยู่ในความทรงจำของพวกเขาสองคน กรณ์กับอินต้องรักกันอย่างหลบๆซ่อนๆ ไม่มีหรอกที่จะได้ดูหนังด้วยกัน ไม่มีหรอกที่จะนั่งป้อนของกินให้กัน สำหรับสองคนนั้นขอแค่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันบ้างมันก็วิเศษที่สุดแล้ว
เช้าวันอาทิตย์ดีนพาน้องมานั่งรอที่ล็อบบี้ด้านล่างของคอนโด ภามดูกระวนกระวายตั้งแต่เมื่อคืนกว่าจะนอนก็ปาไปตีสองวันนี้ดวงตาเลยไม่สดใสเท่าที่ควรนัก คุณแม่ของภามเป็นคนนัดลูกพี่ลูกน้องให้เลยทำให้น้องยังไม่เคยเจอหน้าตัวจริงสักที ดีนเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้เลยตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคนที่นัดจะมา
“มือเย็นไปหมดแล้ว” ชายหนุ่มบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ ภามหันมาฉีกยิ้มให้เขินๆแล้วน้องก็หลุบตาลงมองปลายเท้าตัวเองเหมือนไม่มั่นใจนัก
“ผมไม่เคยเจอพี่เขาเลย ไม่เคยเจอคุณลุง ไม่เคยเจอคุณปู่ แม่บอกว่าเคยเจอกันตอนผมยังเด็กมากๆจนจำอะไรไม่ได้แล้ว”
“ยังไงก็ญาติกัน ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ” ดีนลูบหัวทุยแล้วก้มลงจูบหน้าผากอีกฝ่ายด้วยความลืมตัว ภามสะดุ้งโหยงตีหน้าขาเขาเป็นเชิงเตือนไม่ให้รุ่มร่ามนอกสถานที่ ซึ่งคนนิสัยไม่ดีก็ได้แค่ยักไหล่ยิ้มๆ
“กลัวยังไงไม่รู้” เด็กน้อยแกว่งมือคนรักเล่น อยากพกพี่ดีนไปด้วยใจจะขาดแต่มันคงใจกล้าไปหน่อยที่พาแฟนเพศเดียวกันไปเปิดตัวต่อญาติฝ่ายพ่อที่ไม่เคยเจอกันมาเป็นสิบๆปี
“เบอร์พี่ตั้งเป็นเบอร์ด่วนไว้ใช่ไหม ถ้าอยากให้ไปรับหรือมีอะไรก็โทรมาล่ะ พี่รออยู่บ้านทั้งวัน” ย้ำเรื่องนี้กับน้องเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เด็กคิดมากพอได้ยินแบบนี้ก็ดูอุ่นใจขึ้นมาหน่อยนึง เจ้าตัวมองนาฬิกาข้อมือรอบที่สามจนคนพี่นึกขำ
“เดี๋ยวปิดเทอมใหญ่คราวหน้าไปอเมริกากัน พี่บอกแม่เราเอาไว้แล้ว”
คราวนี้ภามหูตั้งหางกระดิกทันที “จริงๆนะพี่ดีน” หันไปหาคนรักแล้วเขย่าแขนอย่างลืมตัว
“จริงๆ พี่บอกพ่อกับแม่ไว้แล้วด้วย ไม่แน่ทั้งพ่อทั้งแม่ดีไม่ดียายอาจจะตามไปด้วยนะ” เขายิ้มให้น้องที่อ้าปากเหวอ
“พี่อันด้วยเหรอ อลิ..เอ้ย คุณแม่ด้วย??” นึกแปลกใจที่อยู่ๆ ครอบครัวคนรักจะยกโขยงไปเยี่ยมเยียนกันถึงอเมริกา
“ก็นะ ผู้ใหญ่บอกว่าเอาลูกเขามากกขนาดนี้แล้วต้องไปแสดงความรับผิดชอบสักหน่อย” ดีนหัวเราะน้องที่หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที เขานึกถึงคำของยายหลังจากโทรไปเล่าว่าพ่อกับแม่มีปฏิกิริยาอย่างไรกับภาม พอรู้ว่าทางสะดวกคุณยายก็เป็นตัวตั้งตัวตีจะไปขอน้องถึงอเมริกา
จริงๆมีอีกเรื่องที่ดีนอยากบอกน้อง เขาตั้งใจจะเปลี่ยนไปใช้นามสกุลคุณยาย นั่นคือ “ฉัตรโภคิน” เพราะตระกูลนี้ไม่เหลือใครอีกแล้ว อย่างน้อยเขาก็ยังไม่อยากให้นามสกุลของคนที่กรณ์รักหายไป เรื่องนี้คงต้องไว้เซอร์ไพรส์น้องทีหลัง
“เกินเวลานัดมาสิบห้านาทีแล้ว” ภามบ่นอุบอิบ เพราะรอจนหายตื่นเต้นไปเป็นที่เรียบร้อย “แม่ไม่ได้ให้เบอร์มือถือพี่เขาไว้ด้วยสิ” ครั้งจะโทรไปถามแม่ถึงอเมริกาเวลามันไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่
“ถ้าเกินเวลานัดไปชั่วโมงนึง พี่จะพาภามกลับบ้านแทนนะ” คนพี่ขยับรอยยิ้มซึ่งดูร้ายมากในสายตาน้อง ภามถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าอยากให้ญาติตัวเองมาสักทีหรือไม่ต้องมาเลยก็ได้จะได้เบนเข็มไปบ้านพี่ดีนแทน จะว่าไปก็คิดถึงพี่อันด้วย
“อันนั้นก็เกินไป พี่มาถึงตั้งนานแล้วแต่เห็นคุยกันอยู่เลยไม่อยากกวน” เสียงใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง ภามสะดุ้งโหยงรีบหันไปมองบุคคลมาใหม่ด้วยสายตาแตกตื่น
เจ้าของร่างผอมสูงส่งรอยยิ้มมาให้ ดวงตาฉายแวววับวาวอย่างทุกครั้ง ยิ้มขำเมื่อเห็นสายตาตกตะลึงจากทั้งสองคน เขายักคิ้วให้ทั้งคู่แล้วเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“สวัสดีคุณลูกพี่ลูกน้อง ได้เวลาไปหาคุณลุงกันแล้ว”
“พี่ศิลป์!!!!” รถสปอร์ตสองประตูเคลื่อนตัวไปตามท้องถนนที่ค่อนข้างโล่ง ภามนั่งตัวแข็งอยู่ข้างคนขับไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมา ทั้งเกร็งแล้วก็ตกใจ เขาเหลือบมองคนขับอีกครั้งพิจารณาโครงหน้าว่ามีตรงไหนที่เหมือนกันบ้าง แต่ดูๆแล้วพวกเขาแทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย
โดยเฉพาะเซ็กส์แอพพีลอันล้นเหลือ
และสงสัยว่าเขาคงแอบมองชัดไปหน่อย พี่เขาถึงหัวเราะออกมาพลางขยับแว่นสายตาให้เข้าที่
“ตกใจมากเหรอ?”
ภามพยักหน้ารัวๆ ตอนแรกพี่ดีนไม่เชื่อด้วยซ้ำแต่ดูแล้วไม่ได้ล้อเล่นกันแน่เลยต้องยอมปล่อยเขามากับพี่ศิลป์สองต่อสอง
“พี่ก็เพิ่งรู้ว่าภามเป็นลูกพี่ลูกน้องเหมือนกัน” ชายหนุ่มยังคงบังคับรถออกห่างนอกเมืองออกไป เป้าหมายคือร้านอาหารเล็กๆ ที่เขากับพ่อตั้งใจพาน้องไปกินเพื่อลดความกังวลเสียก่อน
“พี่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“อืม..” อีกฝ่ายทำหน้าครุ่นคิด “บนลิฟต์ ตอนที่เราบอกว่าอยู่ห้องเบอร์อะไร เพราะนั่นเป็นห้องที่ซื้อให้น้องสาวพี่”
“โอ้ย ตั้งนานแล้วนี่นา ทำไมพี่ไม่บอกผมล่ะ” เด็กหนุ่มโวยวาย พี่ชายข้างห้องที่เจอหน้ากันมาตั้งหลายทีแถมยังเคยไปกวนถึงห้องกลับเป็นลูกพี่ลูกน้องตัวเองเสียอย่างงั้น
เจ้าของใบหน้าคมคายใต้แว่นสายตา ผมหยักศกสีดำสนิทมัดหางเล็กๆไว้ที่ท้ายทอย และช่วงคอเซ็กซี่ที่ภามเห็นยังต้องแอบกลืนน้ำลาย พี่ศิลป์เอื้อมมือเปิดเพลงไม่ให้รถเงียบเกินไปนัก นิ้วก็เคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะ
“พ่อพี่ซื้อคอนโดนี้ไว้สองห้อง ห้องใหญ่ที่พี่อยู่ตอนแรกเป็นของพี่กับน้องชาย ส่วนห้องเล็กข้างๆเป็นของน้องสาว แต่พอพี่เรียนจบพี่ขอซื้อห้องต่อจากพ่อ ส่วนน้องชายดันสอบติดมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด น้องสาวก็เบนเข็มจะไปต่อเมืองนอก ทำให้ห้องข้างๆว่าง ทีนี้คุณอา แม่ของเรานั่นแหละติดต่อมาบอกว่าภามสอบติดมหาวิทยาลัยในเมืองกำลังหาที่พักอยู่ พ่อพี่เลยให้มาอยู่ห้องนี้ดีกว่าปล่อยทิ้งเอาไว้” เขาค่อยๆอธิบายเรื่องราวให้น้องฟัง
“แบบนี้..สปายของคุณแม่ก็พี่ศิลป์สิเนี่ย!!” แบบนี้ไม่แปลกใจเลยถ้าแม่จะรู้ว่าพี่ดีนมาค้างหรือเขาทำอะไรบ้าง
“แลกกันด้วยคอลเลคชั่นรองเท้าจากอเมริกา” ศิลป์ตอบรับอย่างภาคภูมิใจ ไม่ได้สนใจเลยว่าน้องทำหน้ายังไงแล้ว
“ที่ไม่บอกตอนแรกเพราะสงสารหรอกนะ” เอื้อมมือมาดีดเหม่งน้องจนภามร้องลั่นหน้าย่น “ถ้าแสดงตัวเป็นลูกพี่ลูกน้องเมื่อไหร่ ไอ้ดีนไม่มีวันได้กินเราแน่ๆ”
“อ๊ะ เอ๊ะ!!!!!!!!!!” ภามร้องเสียงหลงหน้าแดงจัด “พะ พี่ พี่รู้??” เขาแทบจะปีนหลบไปหลังรถเอาหน้าซุกกระเป๋าเป้
“คอนโดนี้กำแพงมันพอจะเก็บเสียงได้บ้าง แต่ประตูกระจกตรงระเบียงไม่ค่อยเก็บเท่าไหร่ แล้วบังเอิญพี่ชอบสูบบุหรี่ที่ระเบียงทุกคืนด้วยสิ”
ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เด็กน้อยร้องลั่นในใจ เขาก้มหน้างุดมองมือตัวเองที่ขยุ้มขากางเกงจนมันยับย่น รู้เลยว่าร้อนไปทั้งตัว
“อ้าว ดีนไม่ได้บอกเหรอว่ายาถุงนั้นมาจากพี่” ศิลป์ทำหน้าแปลกใจ เขาข้ามคำอธิบายไปหน่อยว่าคนไปซื้อคนออกเงินและคนไปแขวนคือ ศร คนรักของตัวเอง
“มะ ไม่ได้บอกครับ” คราวนี้ภามเอาสองมือปิดหน้าอยากจะร้องไห้ มิน่าพี่ดีนไม่ตอบอะไรเลยเขาก็เหมาไปว่าพี่เขาซื้อมาให้ โอ๊ย ตายๆๆๆ
“ดีนมันไม่รุนแรงกับเราเกินไปใช่ไหม มีไข้หรือเปล่า” คนถามหน้าตายสนิท ไม่พอยังยื่นมือมาจับหน้าผากน้องด้วย
“มะ ไม่รุนแรงครับ ไม่มีไข้ด้วย” รีบบอกเพราะกลัวพี่ศิลป์จะไปเอาเรื่องพี่ดีน
“งั้นก็ดีไป คืนนั้นกะว่าถ้าเราร้องไห้โวยวายแล้วมันไม่หยุดคงมีปีนระเบียงห้องแน่ๆ” พี่ศิลป์พูดด้วยท่าทางจริงจังจนภามกลืนน้ำลายเอื้อก เกิดมาเป็นพี่คนโตไม่เคยมีพี่ชายคอยหวงเลยรับมือไม่ค่อยถูก รู้สึกดีแบบแปลกๆยังไงไม่รู้
“พี่ศิลป์...คุณพ่อพี่เป็นคนยังไงเหรอ” พอเริ่มปรับตัวได้ภามก็เริ่มถามข้อมูลจะได้รับมือถูก เขาเดาพี่น้องพ่อตัวเองไม่ออกจริงๆ ถ้าคุณลุงเหมือนพ่อก็คงจะดี เป็นผู้ชายง่ายๆใจดีกับลูก
“เป็นตำรวจชั้นผู้บัญชาการ มนุษย์บ้างาน ตรงเป๊ะยิ่งกว่าไม้บรรทัด โคตรเขี้ยวเหนียวกับลูก งกข้อมูล”ศิลป์ร่ายออกมาเป็นชุด คิดแล้วก็หมั่นไส้พ่อตัวเองจริงๆ “บ้าอำนาจ ตาแก่ขี้งอน” เลี้ยวรถเข้าร้านอาหารที่เขานัดพ่อเอาไว้ พอรถจอดสนิทเขาก็หันมามองน้องที่นั่งหน้าซีดไปถึงไหนๆ
“แต่เป็นคนมีเหตุผล รักครอบครัวและเป็นลุงใจดี” ขยี้หัวภามแรงๆจนยุ่ง เขาหัวเราะใส่เด็กน้อยที่ทำหน้าเหรอหราดูเหมือนจะยังตามอะไรไม่ทันสักอย่าง “มาเถอะ พ่อพี่มาแล้วล่ะ”
ภามลูบหัวที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่ เขากำมือถือในมือแน่นแล้วหลับตาลง คิดถึงคำของคนรักวนไปวนมา ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไอ้ภาม ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพี่ดีนจะอยู่เคียงข้างเสมอ
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้งก่อนจะก้าวลงจากรถตามพี่ศิลป์เข้าไปในร้านอาหารอย่างไร้ความลังเล
ร้าน Forever tea ใจกลางสยามโดยปกติแล้วจะเปิดร้านราวๆ 11โมง แต่วันนี้เพียงแค่10โมงเช้าก็มีแขกมาเยือนจนเจ้าของร้านต้องปลีกตัวไปคุยด้วยที่ชั้นสอง
“ศิลป์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับภาม?” ศรเลิกคิ้วเพราะเรื่องนี้เขาก็เพิ่งรู้เหมือนกัน
“พี่ศิลป์ไม่เคยบอกพี่เหรอ” ดีนนั่งหน้าเครียด สองมือกุมกันวางไว้บนโต๊ะ ดวงตาสีสวยเต็มไปด้วยอาการครุ่นคิดสงสัย
“ปกติพี่ไม่ค่อยยุ่งเรื่องบ้านศิลป์สักเท่าไหร่ งั้นก็พอเข้าใจแล้วทำไมมันดูห่วงน้องนัก” คนที่เคยโดนใช้ไปซื้อยารินน้ำชาสีน้ำตาลเข้มเย็นเจี๊ยบใส่แก้วใสก่อนจะเลื่อนให้น้องชายจิบเพื่อดับความร้อนในใจ
ดีนมองไอน้ำที่กลั่นตัวเป็นหยดเกาะบนแก้ว เขาค่อยๆเรียบเรียงความสงสัยภายในใจ เอาจริงๆเขาเคยสงสัยว่าทางพ่อของภามอาจมีอะไรเกี่ยวข้องกับกรณ์ แต่นามสกุลไตรวินิจของน้องไม่มีอยู่ในความทรงจำเขาแม้แต่น้อย ทำให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ไป อีกอย่างเขาก็จำนามสกุลของกรณ์ไม่ได้ เหมือนมีหมอกควันสีขาวมาขวางเอาไว้
ขอแค่ได้ยินนามสกุลนั่นอีกครั้ง ดีนมั่นใจว่าต้องจำได้แน่
“พี่ศร...พี่ศิลป์นามสกุลอะไร” ชายหนุ่มถามทั้งๆที่สายตายังไม่ละไปจากแก้วตรงหน้า ไม่อยากให้เป็นอย่างที่คิดเลย
ศรวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะแล้วรินชาให้ตัวเองอีกครั้ง “อ้าว ไม่เคยได้ยินเหรอ พ่อเจ้าศิลป์นี่ออกทีวีบ่อยนะ”
จะมีสักกี่คนที่จำนามสกุลคนที่ตัวเองไม่ค่อยสนิทด้วยได้..
“ผมไม่รู้จริงๆ”
“...นามสกุลของศิลป์คือ....”
(ต่อรีพลายถัดไปค่ะ)