ตอนที่ 21 จันทร์เจ้าเอ๋ย
ท้องฟ้าด้านนอกยังไม่สว่างแต่ในห้องขนาดเล็กกลับเปิดไฟและเริ่มต้นกิจกรรมของวันใหม่แล้ว ร่างสูงใหญ่บนเตียงนอนพลิกตัวก่อนจะชะงักเมื่อไม่พบคนที่อยู่ในอ้อมแขนเมื่อคืน ดวงตาสีเทาอมเขียวปรือขึ้นง่วงงุน ตอนนี้กระจกที่ใช้กั้นระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่นมีผ้าม่านผืนบางดึงปิดเอาไว้เพื่อกรองแสงไม่ให้รบกวนเขาที่ยังนอนอยู่ เสียงกุกกักและกลิ่นหอมทำให้ชายหนุ่มต้องยันตัวขึ้นหยิบมือถือมาดูเวลา
ตีสี่ครึ่ง
ดีนหาวหวอดท่าทางเขาจะสบายเกินไปหน่อยถึงได้หลับสนิทไม่รู้ตัวเลย วันนี้เขากับภามจะไปวัดเพื่อทำบุญตักบาตรวันปีใหม่ เมื่อวานเขาเพิ่งพากันไปซื้อของที่ซุปเปอร์อย่างที่ตั้งใจไว้ พอกลับมาส่งน้องที่คอนโดเขาก็นึกได้ว่าคืนปีใหม่มักมีเสียงพลุเลยตัดสินใจค้างด้วยเสียเลย แน่นอนว่าแม่ของภามที่โทรมาหาลูกชายก็อนุมัติเรียบร้อย
คนตัวสูงลุกขึ้น อย่างน้อยเขาก็อยากช่วยอีกฝ่ายทำอะไรบ้างเพราะภามตั้งใจทำอาหารใส่บาตรเอง เพียงแค่เดินออกมาจากห้องนอนกลิ่นหอมก็ทำเอาคนกินจุหิวขึ้นมาทันที
“ทำอะไรครับ” ชะโงกหน้าถามทำเอาภามสะดุ้งโหยงทั้งตัว
“พี่ดีน ทำไมตื่นแล้วละครับ” เด็กหนุ่มวางมือจากที่ทำอยู่ แล้วหันไปหยิบแก้วกาแฟและน้ำร้อนที่ต้มใส่กระติกไว้ส่งให้
“อยากช่วย ภามจะทำอะไรบ้าง” เขาชะเง้อมองแล้วพบว่าน้องทำเสร็จไปหลายอย่าง ไม่รู้ว่าตื่นมาทำตั้งแต่กี่โมงแล้ว
“ผมทำน้ำพริกแล้วก็แฮมเบิร์กเต้าหู้ชะอม ตอนนี้กำลังทำขนมถั่วแปบครับ” ชี้ให้ดูอาหารที่จัดเป็นชุดวางเอาไว้เต็มโต๊ะ
“แฮมเบิร์กเต้าหู้ชะอม?” ดีนขมวดคิ้วกับเมนูชื่อแปลก
ภามหัวเราะเบาๆ “ก็แฮมเบิร์กนี่แหละครับแต่เอามาดัดแปลงนิดหน่อย ผมทำส่วนของพี่ดีนไว้ด้วย เดี๋ยวข้าวหุงเสร็จก็กินได้เลยครับ” เด็กหนุ่มพูดพลางเอาแป้งข้าวเหนียวที่แบ่งเอาไว้มานวดกับน้ำใบเตยจนกลายเป็นก้อนแป้งสีเขียวอ่อน
“มาพี่ช่วย” คนตัวโตกระดกกาแฟหมดแก้วแล้วไปล้างมือ เขามองแป้งอีกสองสามถ้วยและสีที่น้องเตรียมไว้ด้วยความสนใจ
“สีม่วงจากอัญชันมะนาว สีเหลืองจากฟักทอง สีส้มจากแครอท” ภามอธิบายแล้วทำให้คนรักดู “นวดให้สีมันเข้ากับแป้งนะครับ” คนมือใหญ่แรงเยอะนวดไม่นานก็ได้แป้งสีม่วงอ่อนเรียบร้อย
พอเห็นพี่ดีนทำตามที่บอกได้ ภามก็หันมาจัดการคั่วงาและเตรียมถั่วเขียวเลาะเปลือกที่นึ่งเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มจัดแจงเอาถั่วมาคลุกกับมะพร้าวขูดโรยเกลือ ส่วนงาก็เอาไปผสมกับน้ำตาลรอโรยหน้าในตอนท้าย
น้ำต้มเตยหอมเดือดปุดเป็นเวลาเดียวกับที่แป้งนวดเสร็จพอดี
“เสร็จแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆแล้วกดมันทำให้กลายเป็นแผ่นแบนๆ” อาจารย์จำเป็นสอนนักเรียนตัวโตที่ตั้งอกตั้งใจทำ “ใส่ลงหม้อได้เลยครับ พอแป้งสุกมันจะลอยขึ้นมา”
แป้งกลมแบนหลากสีทยอยลงหม้อเพียงไม่นานก็ลอยขึ้นมาให้เด็กหนุ่มช้อนไปแช่น้ำธรรมดาเพื่อคลายร้อน จากนั้นก็สะเด็ดน้ำแล้วนำไปคลุกกับถั่วผสมมะพร้าวขูดที่เตรียมไว้เพื่อไม่ให้มันเหนียวติดกัน
“เราเอาแป้งมาแผ่ออกนะครับแล้วใส่ไส้ถั่ว พับแป้งแล้วกดขอบเล็กน้อยเหมือนเกี๊ยวซ่า เอามาคลุกมะพร้าวกับถั่วอีกทีแล้วโรยด้วยน้ำตาลคลุกงา ก็จะได้ขนมถั่วแปบอร่อยๆแล้ว”
ดีนฟังน้องสอนเพลินๆ แต่พอมองถั่วตรงหน้าภาพในวันวานก็ผุดขึ้นมาจนอดทนไม่ไหวหัวเราะออกมา
“หือ มีอะไรเหรอครับ” ภามเงยหน้ามองงุนงง เขากำลังเอาใบตองห่อขนมให้เรียบร้อย
“ถั่ว..” พี่ดีนยังหัวเราะไม่หยุด ภามหยุดใช้ความคิดสักพักก็เริ่มนึกออก แก้มใสเรื่อขึ้นด้วยความอาย
“พี่ดีนนน!! อย่าขำสิ ตอนนั้นผมตกใจจริงๆนะ” เด็กหนุ่มเบ้ปากใส่
ก็พี่ดีนดันไปนึกถึงตอนเจอกันครั้งแรกหน้าเชลฟ์ถั่วเขียว เมื่อวานตอนซื้อของด้วยกันก็ขำไปทีแล้วแถมแกล้งจับมือไม่ปล่อยบอกว่าเดี๋ยวจะตกใจเข็นรถหนีอีก ฮึ่ย! ลองเจอประชิดตัวหน้าติดกันขนาดนั้นดูสิ ไม่หนีก็บ้าแล้ว
ภามเม้มปากเหล่มองคนนิสัยไม่ดีที่กำลังทำตามที่เขาสอนแถมหัวเราะไปด้วย เด็กหนุ่มหน้ามุ่ยแต่ก็จัดการห่อขนมต่อจนได้หลายชิ้น เขาจัดการแยกกล่องเพื่อตักบาตรและสำหรับฝากบ้านพี่ดีน รวมถึงแยกเอาไว้กินเอง
“ขอโทษๆ” ดีนแกล้งเอนไหล่ชนคนหน้าตูด หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จ มือของทั้งคู่เลอะเทอะไปหมดจนต้องไปเบียดกันล้างมือที่อ่าง
“พี่ดีนชอบแกล้ง” ภามบ่นอุบอิบ
ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนจะเทสบู่ล้างมือให้น้อง “มีคนบอกว่า..พี่ชอบแกล้งคนที่ชอบ”
คนที่ถูกชอบชะงักไปอึดใจ ประโยคบอกรักกลายๆ ทำเอาภามทำอะไรไม่ถูกได้แต่ถูมือจนฟองฟอดไปหมด ดีนขยับรอยยิ้มเล็กน้อยแล้วดึงมือน้องมาช่วยถู
“แต่สำหรับคนที่พี่รัก พี่ว่ามันยังน้อยไปนะ”
ประโยคบอกเล่าทำเอาคนฟังใจสั่น ภามมองมือตัวเองที่ตอนนี้ถูกกอบกุมด้วยมือใหญ่ นิ้วยาวแข็งแรงของพี่ดีนค่อยๆถูไปตามซอกนิ้วของเขาทีละนิ้วราวกับจะจัดการเจ้าเศษแป้งที่ติดอยู่ออกให้หมด
ภามเม้มปากแน่น สัมผัสลื่นบนมือยิ่งทำให้จักกะจี้หัวใจ ยิ่งโดนลูบเขาก็แทบจะกระตุกมือตัวเองออกแต่ก็โดนล็อคไว้แน่น เด็กหนุ่มเริ่มกระสับกระส่ายอายตัวเองที่ชักรู้สึกแปลกๆ
“พะ พี่ดีน เดี๋ยวผมล้าง...” เขาเงยหน้าขึ้นส่งเสียงร้องขอความเห็นใจจากคนรัก แต่นั่นทำให้ภามรู้ตัวแล้วว่าเขาทำพลาดไป ยิ่งสบตากันยิ่งทำให้สัมผัสที่มือแปลกไปกันใหญ่
เด็กน้อยใจเต้นตึกตักถี่ระรัว เกลียดตัวเองที่เลือดลมดีได้ตลอดเวลา แก้มสองข้างร้อนผะผ่าวเหมือนหน้าจะไหม้ ต่างคนต่างมองสบตากันแล้วใบหน้าของพี่ดีนก็ค่อยๆ ก้มลงมา

“พี่...” ภามเรียกเสียงสั่น
จูบร้อนประทับลงบนริมฝีปากแห้งผากหนักๆบดย้ำจนพอใจดีนถึงค่อยผละออกมองสบตาหวั่นไหวของน้อง พอเห็นภามเลียริมฝีปากตัวเองเก้ๆกังๆเหมือนไม่แน่ใจ ยิ่งทำให้คนที่มองอยู่อดใจไม่ไหวกดจูบลงไปอีกครั้ง
“อื้อ...”
เด็กหนุ่มครางแผ่วหลับตาปี๋ พอโดนรุกรานด้วยปลายลิ้น ริมฝีปากบางก็เผยอออกตอบรับสัมผัสอย่างไม่อิดออด ภามส่งลิ้นเข้าไปพัวพันแลกของเหลวฉ่ำชื้นวาบหวามจนเกิดเสียงน่าอาย ลมหายใจร้อนผ่าวปะทะผิวแก้มกระตุ้นให้สัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ภามชอบจูบของพี่ดีน และดีนเองก็หลงใหลในจูบของน้องเช่นกัน
มือที่กอบกุมกันไว้เริ่มเคลื่อนไหว นิ้วยาวของดีนลูบสัมผัสตั้งแต่ข้อมือของน้องแล้วใช้นิ้วชี้ลากขึ้นไปบนฝ่ามือถูไถเชื่องช้าย้ำซ้ำๆ ฟองสบู่ลื่นๆ กระตุ้นให้เกิดเป็นความรู้สึกร้อนไปทั้งร่างกายจนภามแดงไปทั้งตัว
ราวกับออดอ้อน วอนขอ ราวกับร่างกายของพวกเขากำลังสอดประสานกันและกัน
“พะ...พี่..” ภามเบือนใบหน้าออกเล็กน้อยแล้วเรียกย้ำ ร่างทั้งร่างสั่นจนรู้สึกได้และเขาจะไม่ไหวแล้ว
คนนิสัยไม่ดีไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ เขาจูบซ้ำอีกครั้งแต่คราวนี้ยอมเอื้อมมือเปิดน้ำล้างมือตัวเองกับน้องจนสะอาด จากนั้นก็จับภามพลิกให้หันมาหาเขาทั้งตัว
ภามหายใจหอบฮั่ก สองมือตะกายกอดต้นแขนอีกฝ่ายเอาไว้บีบแน่นเมื่อลิ้นร้อนรุกรานหนักหน่วง
ทำไมจูบคราวนี้มัน...
“อ้ะ..” เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงเบือนหน้าออกเบิกตาโพลงเมื่อต้นขาพี่ดีนแทรกเข้ากลางหว่างขาแล้วขยับบดเบียด
ไม่ใช่แล้ว!!นี่มันยิ่งกว่ามือเมื่อกี้
“พี่ดีน พี่ดีน” ภามร้องห้ามสุดตัว “ตะ ต้องไปทำบุญ อ๊ะ” เสียงตะกุกตะกักตามด้วยเสียงอุทานเมื่อรู้สึกเสียววาบที่ท้องน้อย ภามขดตัวเอาหน้าซุกอกอีกฝ่ายตามสัญชาติญาณ ตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเพราะกลัวจะเลยเถิดไปกันใหญ่
ดีนเงยหน้าขึ้นมองเพดาน กลอกตาให้กับความโง่ของตัวเองที่ดันมาของขึ้นผิดจังหวะ ในอ้อมแขนเขายังกอดน้องเอาไว้แน่น ผ่านไปสักพักพอสงบอารมณ์ได้ก็ตบไหล่คนน้องเบาๆ
“ไปห้องน้ำไป..”
พอได้รับคำอนุญาตและโดนปล่อยตัว ภามก็วิ่งฉิวปิดประตูห้องน้ำดังปัง เหลือคนพี่ที่เสยผมงุ่นง่านอยู่กลางห้องครัว ดีนมองซ้ายมองขวาจัดการเปิดน้ำที่อ่างแล้วล้างหน้าตัวเองแรงๆ
เกือบจะทวงรางวัลจากน้องกันแต่เช้าเลยทีเดียว
อาหารเช้าก่อนไปวัดคือแฮมเบิร์กเต้าหู้ชะอมและสลัดผักสดข้างเคียง ภามเองกว่าจะยอมออกจากห้องน้ำเล่นเอาดีนต้องไปเคาะเรียกให้ออกมากินข้าวไม่งั้นจะสายเกินไป
“ได้กินที่พี่อันทำแล้วก็คิดถึง เลยทำบ้างน่ะครับ แต่ประยุกต์หน่อยใส่ชะอมผสมไปด้วย” พอได้คุยเรื่องอาหารเจ้าตัวก็หายเขิน “ใช้เนื้อบดใส่แป้งนิดหน่อยผสมเต้าหู้ญี่ปุ่น ผมไม่ได้ใส่หัวหอมแต่เปลี่ยนเป็นชะอมอร่อยดีเหมือนกัน”
เนื้อบดสีน้ำตาลอ่อนราดซอส แซมด้วยสีเขียวของชะอมประปราย ส่งกลิ่นหอมชวนอร่อย ดีนแปลกใจที่น้องเลือกทำอาหารชนิดนี้ใส่บาตรโดยให้เหตุผลว่ามันดีต่อสุขภาพและอร่อยกินง่ายซึ่งมันก็จริง ส่วนขนมถั่วแปบเองก็กินเพลินๆเหมือนกันไม่หวานมากเกินไปด้วย
ชายหนุ่มลองตัดชิ้นเนื้อชิมดู รู้สึกตัวอีกทีเขาก็กินหายไปครึ่งก้อนโดยมีน้องนั่งมองตาปริบๆ
“อร่อย” ถึงจะเป็นเมนูเด็กน้อยแต่กินง่ายเพลินๆ
ภามยิ้มแฉ่งแล้วเริ่มต้นกินของตัวเองบ้าง บรรยากาศสบายๆยามเช้าปีใหม่เริ่มต้นอย่างเรียบง่ายพร้อมรอยยิ้มให้กันและกัน
วัดใกล้บ้านยามเช้าเต็มไปด้วยผู้คนมากมายยืนเรียงรายอยู่หลังโต๊ะที่ทางวัดจัดเอาไว้เพื่อความสะดวกยามพระสงฆ์ออกมาบิณฑบาต
“สมัยเด็กๆ คุณพ่อชอบพาผมกับน้องมาตักบาตรทุกเช้า” ภามพูดพลางเอาของออกจากถุง เขาจัดชุดกับข้าวมาจากบ้านเรียบร้อยเลยไม่ต้องวุ่นวายนัก เด็กหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคุณพ่อที่ไม่ได้พูดถึงมานาน
“ตอนนั้นผมกับน้องโดนแม่ปลุกมาช่วยทำกับข้าวตั้งแต่หัวยังไม่พ้นเคาท์เตอร์ล้างจานเลยล่ะ” และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเคยชินกับการเข้าครัว “พี่ดีนตอนเด็กๆเป็นยังไงบ้างครับ”
ดีนโคลงหัว “สมัยพี่เด็กๆ ต้องมาพร้อมคุณย่าเหมือนกัน” เขานึกถึงสมัยยังเด็กที่ต้องโอดครวญโดนลากมาวัดเกือบทุกวัน “ว่าแต่คุณพ่อของภามเป็นคนยังไง?” ดีนจำได้ว่าน้องบอกว่าพ่อเสียไปตอนยังเด็ก นึกแปลกใจที่อยู่ๆภามก็พูดถึงขึ้นมา
“อืม ใจดีมากอารมณ์ดีมาก รักครอบครัวสุดๆ” ฉีกยิ้มให้พี่ดีน “จะว่าไปบรรยากาศก็คล้ายๆ พี่ดีนนะ”
ดีนเลิกคิ้ว “พี่ดูใจดี รักครอบครัวเหรอ” รู้สึกแปลกใจเพราะโดนไอ้วินด่าบ่อยๆว่าเป็นพวกแห้งแล้งไร้น้ำใจกับเพื่อนฝูง
“นอกจากเรื่องใจดีกับผม อย่างอื่นไม่ใช่เลย” ส่ายหัวทำท่าจริงจังจนโดนมะเหงกใส่เหม่งไปที “ผมหมายถึงบรรยากาศโดยรวม เวลาคุณพ่อยืนเฉยๆจะให้ความรู้สึก..อืม...นิ่งๆดูดุน่ะครับ” เริ่มเจื้อยแจ้วถึงครอบครัว โดยไม่รู้เลยว่าคนฟังกำลังขยับรอยยิ้มที่ตัวเองยอมเอ่ยปากเล่าเรื่องครอบครัวออกมาบ้าง
“ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีปู่ด้วย แต่จำได้ว่ามีคุณลุงที่ไม่ได้เจอกันนานมากเดี๋ยวแม่กลับมาไทยคงได้ไปเจอ” ท่าทางตื่นเต้นที่จะได้เจอครอบครัวของฝั่งพ่อน่าเอ็นดู มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ผมนุ่มๆ ของน้องแล้วพยักหน้าให้สัญญาณเมื่อเห็นพระสงฆ์กำลังมา
การตักบาตรยามเช้าปีใหม่เป็นไปอย่างเรียบง่ายและสงบ ถึงจะไม่ได้พูดอะไรแต่ทั้งคู่ตั้งใจตักบาตรให้กรณ์กับอินรวมถึงครอบครัวของตัวเองที่จากกันไปไกล
พระสงฆ์หลายรูปเดินผ่านไปจนกระทั่งมีหนึ่งรูปที่ชะงักมองหน้าทั้งคู่ตอนกำลังนำอาหารใส่บาตรให้ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายพอดี ภามชะงักมือทำหน้างุนงง
“เอ่อ นิมนต์ครับ” พอโดนมองเข้าเล่นเอาความมั่นใจหดหาย
พระสงฆ์รูปนั้นมองพวกเขาสลับกันไปมาสักครู่ ก่อนจะยิ้มให้บางๆแล้วเอ่ยกับพวกเขาอย่างอ่อนโยน
“โยมสองคน ตักบาตรแล้วอย่าลืมถวายสังฆทานกับกรวดน้ำด้วยนะ”
คนโดนทักหันมามองหน้ากัน ยังไงพวกเขาเองก็ตั้งใจทำอย่างนั้นอยู่แล้ว พวกเขายกมือไหว้อีกครั้งหลักจากใส่บาตรเรียบร้อย หลังเสร็จประสงฆ์เดินผ่านไปทั้งหมดดีนกับภามก็ช่วยคนที่วัดเก็บโต๊ะเก็บขยะ จากนั้นก็ขึ้นไปไหว้พระสงฆ์บนเรือนพร้อมถวายสังฆทานที่เตรียมมา ภามกระพริบตาปริบเมื่อพบว่าเป็นพระรูปเดียวกับที่ทักพวกเขาเมื่อสักครู่
หลวงพ่อรูปนั้นรับสังฆทานด้วยท่าทางสงบเงียบแต่ก่อนที่เขาทั้งคู่จะคลานถอยหลังออกไป ท่านก็เอ่ยบางอย่างขึ้นมาให้ได้ยิน
“ความเข้มแข็งและเชื่อใจกันจะทำให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้ สิ่งที่ผูกพันโยมเอาไว้มีทั้งผลดีและร้าย การยกโทษให้กันคือสิ่งสำคัญ อย่าลืม”
ดีนกระชับมือน้องแน่นพวกเขามองสบตากันเล็กน้อยแล้วก้มลงกราบ จากนั้นก็ขยับออกมากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ต่างคนต่างไม่พูดถึงเรื่องที่อยู่ในหัวไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยทักมันขึ้นมา
รถซีดานสีดำเคลื่อนตัวออกจากวัดในเวลาสายมากแล้ว ภามเหม่อมองวิวนอกรถพลางครุ่นคิดถึงคำพูดของพระ สงฆ์ในวันนี้
ยกโทษงั้นเหรอ? เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอินทัชจะโกรธใครหรือใครจะโกรธอินทัชแล้วเขาต้องทำตัวอย่างไร ในขณะที่พี่ดีนฟังแล้วพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจคำพูดนั้น ภามถอนใจเฮือกจะว่าไปเขาเองก็ฝันถึงพี่กรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะช่วงหลังๆที่ทำเอาบางคืนถึงกับนอนไม่หลับ แม้แต่เมื่อคืนเขาก็คิดอยู่ว่าคงไม่ได้นอนเพราะกลัวฝันร้ายแล้วก็กลัวเสียงพลุปีใหม่แต่โชคดีที่พี่ดีนมาค้างด้วยเขาถึงหลับลงได้โดยไม่ฝันอะไร
เด็กหนุ่มเหลือบตามองคนขับรถ หลังจากคุยกับพี่ดีนและตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อเขาก็สารภาพไปว่ามีหลายครั้งที่ฝันร้ายจนกระทั่งอาการไฮเปอร์กำเริบหายใจไม่ออกทำเอาพี่ดีนคิ้วขมวดทันควัน กลายเป็นว่าตอนนี้ต้องต่อรองกันเรื่องนอนค้างแทน
ภามเบะปาก ถึง..ถึงจะอยากให้พี่ดีนมาค้างด้วยก็เถอะ คือมันสบายใจดีแล้วก็รู้สึกอบอุ่น ไม่ได้มีอย่างอื่นแอบแฝงนะ!! แต่มันก็คงไม่ดีที่ทำให้พี่เขาไม่ได้กลับบ้านกลับช่อง พอเถียงด้วยเหตุผลนี้ก็เจอคนเจ้าเล่ห์ย้อนหน้าตาย
งั้นภามก็มาค้างบ้านพี่แทนแล้วกัน
เขาแทบจะทึ้งผมตัวเอง โอ้ย แบบนั้นยิ่งน่าอายเข้าไปกันใหญ่! จะให้ทำหน้ายังไงกับเดลแล้วก็พี่ดอนละครับ! คิดแล้วก็ปวดหัว เด็กหนุ่มสะบัดหน้าไปมาแล้วเริ่มเพ่งมองวิวนอกรถจริงจัง แต่วิวที่ไม่คุ้นเคยทำให้เขาเลิกคิ้วสงสัย
“หือ พี่ดีนจะไปไหนเหรอ” ภามกระพริบตาปริบๆ เพราะทางที่พี่ดีนไปไม่ใช่ทางไปคอนโดเขาและไม่ใช่ทางไปบ้านพี่ดีนเช่นกัน
ดีนไม่ได้ตอบ แต่เหลือบมองน้องที่มองซ้ายมองขวาอย่างพิจารณา แต่พอเขาวิ่งไปตามทางอีกสักพักภามก็เลิกมองไปรอบๆ แต่ดวงตาของน้องเบิกกว้างขึ้นจากนั้นร่างก็เริ่มเกร็ง รู้สึกได้ถึงอาการเครียดที่พุ่งขึ้นมา
ชายหนุ่มชะลอรถระแวดระวังอาการของคนรัก ยิ่งเห็นสองมือของน้องกำขากางเกงแล้วเริ่มจิกดีนก็ตบไฟจอดข้างทางทันที จากที่สังเกตมาอาการของภามค่อนข้างรุนแรงและก็จริงอย่างที่คิด
น้องยังกลัวอดีตอยู่
“ไม่เป็นไร” เขาเอื้อมมือไปจับมือที่สั่นเทา “หายใจลึกๆ มองตาพี่” เขารอจนดวงตาไหวระริกเหลือบขึ้นมองสบตา
“ผม..”
“ไม่ต้องฝีน คิดว่าไหวไหมถ้าไม่ไหวพี่จะเลี้ยวรถกลับ”
ภามส่ายหัวพลางกุมมือคนรักแน่น ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องเดินหน้าเท่านั้น
“ไปต่อเถอะครับ”
หนทางที่คุ้นตาตึกเก่าโทรมที่ยังคงอยู่กำลังซ้อนทับกับความทรงจำอันน่าสับสน ภามกัดฟันแน่นถึงภาพจะไม่ชัดเขากลับรู้สึกคุ้นเคยเหมือนตัวเองเคยมาเดินแถวนี้
โชคดีที่ถนนต่อจากนี้รถไม่เยอะมากนัก ทำให้ดีนสามารถกุมมือน้องเอาไว้พร้อมกับขับรถไปด้วยได้ และเพียงไม่นานเขาก็ขับรถมาหยุดหน้าบ้านหลังหนึ่งที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง หลังคาปั้นหยาอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ถึงตัวบ้านจะเริ่มเก่าไปบ้างแต่มองดูก็รู้ว่ามีการบำรุงรักษาอย่างดี
ภามจ้องบ้านตรงหน้าเขม็งด้วยลมหายใจติดขัด มือข้างหนึ่งกุมมือคนรักแน่นส่วนอีกข้างขยุ้มจิกขากางเกงจนยับย่น ร่างทั้งร่างกำลังสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ดีนปลดสายนิรภัยแล้วหันมาคุยกับน้องทั้งตัว เขาค่อยๆปลดมือของคนรักออกจากการจิกเกร็งแล้วประคองใบหน้าซีดเซียวขึ้นลูบแก้มเย็นเฉียบด้วยปลายนิ้วโป้งเบาๆ
“มองพี่”
ภามค่อยๆละสายตาจากตัวบ้านเพื่อมองสบดวงตาสีสวย เขายกมือขึ้นจับข้อมือพี่ดีนเอาไว้เป็นหลักยึด
“บ้านหลังนี้ไม่มีใครที่จะทำอะไรพวกเราได้ โอเคไหม”
ดวงตาของภามสั่นไหวก่อนจะพยักหน้า “แล้วพ่อ...เขา..พ่อของอินเขา..”
“เสียไปนานแล้ว” เขามองใบหน้าของน้องที่สลดลง “แต่พี่อันของอินทัช..” เขาเกริ่นขึ้นและนั่นทำให้ภามบีบข้อมือเขาไว้แน่น “ยังมีชีวิตอยู่ดีแต่เลิกกับสามีไปแล้ว”
ดีนหายใจเข้าลึกแล้วเริ่มอธิบาย “ก่อนภามจะไปเจอเขา พี่ต้องบอกก่อน..เรื่องอลินหลานสาวของอิน” เขามองลึกลงไปในดวงตาสั่นไหว “อลินแต่งงานแล้วและมีลูกสามคน”
“อลิน..แต่งงานแล้ว?” ภามพึมพำ หลานสาวตัวน้อยของอินคนนั้นแต่งงานแล้ว?เวลามันผ่านมานานแค่ไหนกัน
“หลานทั้งสามคนอยู่ม.T ลูกชายคนโตเรียนบริหาร ลูกชายคนรองเรียนสถาปัตย์ และลูกสาวคนเล็กเรียนอักษร” ดีนรู้สึกได้ว่ามือที่จับเขาไว้สั่นและเหงื่อออกชุ่ม
ดวงตาของภามเบิกกว้างหัวใจเริ่มเต้นรัวหนัก บริหาร สถาปัตย์ อักษร เขาทวนทั้งสามคณะย้ำไปย้ำมา
“พี่.......”
พี่ดีนอยู่บริหาร พี่ดอนอยู่สถาปัตย์ และเดลอยู่อักษร
“พี่.......” น้ำเสียงสั่นและแหบพร่า สองมือเกร็งจิกข้อมือคนรักแน่นเหมือนทำตัวไม่ถูก เขาเรียกพี่ดีนซ้ำๆ ด้วยความสับสนก่อนจะโดนรวบทั้งตัวเข้าไปกอด มือใหญ่ลูบแผ่นหลังเขาอ่อนโยนพร้อมจูบที่ขมับ
“ภาม...อลินคือแม่ของพี่...พี่อันคือคุณยาย” ร่างในอ้อมแขนเกร็งตัวขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจของภามเต้นแรงและเร็วจนดีนยังรู้สึกได้ เขาค่อยๆดันร่างน้องออกแล้วยิ้มให้ใบหน้าซีดเผือดที่เหมือนจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก
“ภามคือใครครับ”
ภามมองสบดวงตาของพี่ดีนทบทวนคำถามนั้น
“ภาม..คือภาม”
ชื่อของภามหมายถึงพลังและภามมีสิ่งนั้นอยู่ในตัว มั่นใจหน่อยชื่อนี้ลุงตั้งให้เชียวนะชายหนุ่มพยักหน้า “ใช่แล้ว ถึงวันนี้พี่จะพามาเพื่อให้อินทัชที่อยู่ตรงนี้” ละมือออกจากแก้มน้องมาแตะตรงตำแหน่งหัวใจ “มาเจอพี่สาว แต่อีกเป้าหมายหนึ่งคือพี่พาภามมาเจอคุณยายเพื่อแนะนำตัว” โน้มหน้าลงแนบหน้าผาก
“ในฐานะคนรักของพี่”
ภามใจเต้นตึก ใบหน้าซีดในตอนแรกเริ่มมีสีแดงขึ้นมาเจือปน พี่ดีนชอบหยอกเขาให้อายเสมอแต่การกระทำเหล่านั้นกลับทำให้เขาอุ่นใจ
“พี่ดีน..ผมสับสน”
“ว่า?”
“ผมจะตื่นเต้นเพราะได้เจอพี่อันหรือจะตื่นเต้นเพราะได้เจอคุณยายของพี่ดี”
ดีนหัวเราะเบาๆ เขากดจูบที่เหม่งน้องแรงๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว “เอาล่ะ พร้อมจะไปเจอหรือยัง”
หัวใจที่หวาดหวั่นเมื่อสักครู่ราวกับได้รับพลังมากมายจนทำให้สงบลง ภามคลี่ยิ้มก่อนจะพยักหน้า
“พร้อมแล้วครับ”
และแล้วรถซีดานสีดำก็เคลื่อนตัวผ่านรั้วบ้านเข้าไป
ทุกย่างก้าวที่เดินผ่านเข้าไปในบ้านปลุกความทรงจำเลือนรางให้เด่นชัด ดีนจูงน้องที่ค่อยๆเดินอย่างพิจารณาราวกับกำลังหาสิ่งผิดปรกติในบ้านที่จากไปเนิ่นนาน ภามแตะมือที่กำแพงสีตุ่น ไล้ปลายนิ้วกับฝาเปียโนตัวเก่า หยุดยืนมองบานเฟี้ยมที่วันนี้พับทบกันเอาไว้ ดวงตาสดใสตอนนี้ระคนตื่นเต้นและหวาดกลัว
เหมือนคนดีใจที่ได้กลับบ้านแต่ไม่มั่นใจว่าที่บ้านจะต้อนรับไหม
“น่าจะอยู่ในครัว พี่มาไม่ได้บอกล่วงหน้า” ดีนเอ่ยเสียงกระซิบ
เสียงพูดคุยวุ่นวายดังแว่วจากอีกทาง ถึงโทนเสียงจะเปลี่ยนไปบ้างแต่ใครบางคนกลับจำได้ขึ้นใจ
“แต่งให้สวยๆหน่อย ฉันจะเอาไปฝากหลานๆ กระทงทองนี่ของโปรดเจ้าเดลเชียว” เสียงคุณยายเจ้าของบ้านสั่งลูกมือที่เป็นสาวใช้วัยรุ่น วันนี้ทั้งแม่บ้านและสาวใช้โดนเกณฑ์ให้มายุ่งอยู่ครัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อทำอาหารไปตักบาตร แล้วกลับมาจัดของกินที่เหลือใส่กล่องเพื่อแจกจ่าย
“แล้วข้าวตังหน้าตั้งนี่ละคะคุณ” แม่บ้านเรียงข้าวตังสีขาวใส่กล่องพลาสติก แล้วหันไปตักหน้าตั้งใส่ถุงแยกต่างหาก
“อ๋อ อันนี้....” คำพูดเงียบไปอึดใจ “จะฝากดีนไปให้แฟนเขา...”
แฟนของหลานชายคนที่ว่ากำลังกำมือใหญ่แน่น ก้าวอีกแค่ไม่กี่ก้าวเขากำลังจะได้เจอ
“ไปสิ” ดีนกระตุกมือน้องเบาๆ “อยากทำอะไรก็ทำเลย พี่รออยู่ตรงนี้”
ภามพยักหน้าแล้วสูดหายใจลึกๆ เขาปล่อยมือพี่ดีนออกแล้วค่อยๆ ก้าวเดินไปยังห้องครัว ถ้าเจอพี่อันแล้วเขาจะทำยังไง ถ้าเจอพี่อันแล้วเขาจะพูดอะไร ถ้าเจอพี่อันแล้วจะจำกันได้ไหม ถ้า...
“อ้าว ใคร..” เสียงแม่บ้านเอ่ยทักเด็กหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้าแต่ก็โล่งใจเมื่อเห็นหลานชายเจ้าของบ้านด้านหลัง หญิงชราที่กำลังแพ็คกล่องพลาสติกเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงบ้างแล้วทุกอย่างก็ชะงักงัน
ราวกับเจอจิ๊กซอร์ที่ขาดหายไปนานแสนนาน(ต่อรีพลายถัดไปค่ะ)