ตอนที่ 10 หนึ่งวันกับสองเรา
ณ ห้องสตูดิโอขนาดเล็กใจกลางเมืองยามเช้า เครื่องปรับอากาศยังคงทำงานเสียงเบาเพื่อขับกล่อมให้ร่างในกองผ้าห่มหลับสบาย แสงแดดที่ส่องผ่านผ้าม่านเล็กน้อยทำได้เพียงก่อกวนให้เจ้าของผมยุ่งมุดหลบเข้าไปใต้ผ้าห่ม
ปัง!!
โครม!!!
“เชี่ยยยยยยยยยยยยยย” ภามโวยลั่นคลำสะโพกป้อยๆ เพราะกลิ้งตกลงจากเตียงขนาด3.5ฟุต เขาขยับลุกหน้ามุ่ยหงุดหงิดห้องข้างๆ อุตส่าห์ดีใจที่เงียบมาหลายอาทิตย์นี่กลับมาปิดประตูโครมครามอีกแล้ว
นาฬิกาชี้บอกเวลา 6โมงเช้า ซึ่งมันเช้าเกินไปสำหรับวันที่เขาไม่มีเรียนเพราะอาจารย์แคนเซิลคลาส
“อุตส่าห์จะนอนตื่นสายสักหน่อย บ้าชะมัด” ปีนขึ้นเตียงจะนอนต่อ แต่ทว่าวันนี้ห้องข้างๆ ไม่เป็นใจเพราะเขาได้ยินเสียงคุยโหวกเหวกดังแว่วเข้ามาท่าทางจะหลายคนเสียด้วย ภามกรอกตาเซ็งๆ เอาหมอนฟาดกำแพงไปที แล้วลากสังขารงัวเงียในสภาพชุดนอนแขนยาวขายาวลายสก็อตสีน้ำเงินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องข้างๆ ขีดเขียนลงกระดาษว่า “เบาเสียงหน่อยครับ จากห้อง802” แปะกลางประตูจากนั้นก็เคาะแรงๆสัก2-3ทีแล้วกลับห้อง จากนั้นเด็กหนุ่มก็ยืนแอบตรงประตูห้องตัวเองเอาหูแนบรอฟัง เขาได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมเสียงพูดคุย
“ไม่เห็นมีใครเลย”
“ใครแกล้งป่ะมึง ออกไปดูดิ๊”
“ไหนวะ อ้าว นี่ไงเขาแปะกระดาษไว้”
“ไหน นั่นไง กูบอกแล้วให้เบาๆ โดนด่าไหมสัส!”
“ขอโทษครับเฮียยยยย”
สักพักภามก็ได้ยินเสียงปิดประตูห้องที่เบากว่าปกติ เดาจากเสียงน่าจะมีกัน3-4คนแต่คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เด็กหนุ่มถอนใจเตรียมตัวกลับไปซุกเตียงนอนอุ่นๆ ต่อ แต่เดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวประตูห้องก็โดนเคาะทำเอาสะดุ้งโหยง เขาย่องไปที่ประตูอีกครั้งแล้วส่องตาแมวเห็นร่างสูงผ่านแว้บพร้อมเสียงประตูห้องข้างๆปิดอีกครั้ง
“??” ถึงจะงงแต่ก็ค่อยๆแง้มประตูออกดูไม่ยักจะเจอใคร เขาชะโงกหน้าดูบานประตูเผื่อโดนแปะกระดาษโวยวายกลับหากสิ่งที่พบกลับเป็นถุงพลาสติกที่ห้อยลูกบิดเอาไว้
ภามหยิบถุงกลับเข้ามาในห้อง เขาอมยิ้มกับสิ่งที่อัดไว้ในนั้น นมกล่อง มันฝรั่งถุง ป๊อกกี้ คิตแคท ลูกอม และโน้ตเล็กๆว่า
ขอโทษที่เสียงดังครับ จากห้อง 801
ภามอมยิ้ม เออ น่ารักดีแฮะ
สุดท้ายก็นอนไม่หลับ
ภามกลิ้งไปกลิ้งมา เขาเพิ่งวางสายน้องชายที่เฟสไทม์มาเม้าจากอเมริกา มีบ่นอุบอิบให้เขาไปหาบ้างเลยได้แต่สัญญาว่าจะไปหาตอนปิดเทอมใหญ่ เขาพลิกตัวเอามือควานโต๊ะหัวเตียงหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาดูแล้วทำตาโต
เอ๊า บัตรกินฟรีมื้อกลางวันโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาหมดเขตวันนี้??
เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งพลิกอ่านรายละเอียด โชคดีที่ไม่ต้องโทรจองล่วงหน้าก็ได้ แล้วจะไปกินกับใครดีล่ะ ..ว่าแล้วก็ไถมือถือไล่รายชื่อ หยุดชะงักที่เบอร์ใครคนหนึ่ง
โทรไปก่อนจะน่าเกลียดไหมเนี่ย แล้ววันนี้ติดเรียนหรือเปล่า เอ หรือจะไลน์ไปถามก่อนดี
ภามสลับหน้าจอไปที่แอพสีเขียวเตรียมจะไลน์ไปหาอีกฝ่าย พลันมือถือเขาก็ดังขึ้นมาคามือ
“เหวอออออ” คนขี้ตกใจปล่อยมือถือร่วงบนเตียง พอตั้งสติได้ก็ก้มดูว่าใครโทรมา
“เฮ้ย!!” ภาพแอบถ่ายคนที่หลับอยู่ในห้องสมุดเด่นเป็นสง่า ภามรีบหยิบมารับแทบไม่ทัน
“ฮะ ฮัลโหล ครับพี่ดีน?”
เสียงทุ้มปนหัวเราะดังแว่วเข้ามาในสาย “สวัสดีครับ เสียงตกใจเชียว”
“แหะ พอดีกำลังคิดจะไลน์หาพี่ แล้วพี่ก็โทรเข้ามาพอดีเลยตกใจ” ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหยิบหมอนมากอดซุก
“หืม ไลน์หาเหรอ มีอะไรรึเปล่า”
“เอ่อ ไว้ทีหลังก็ได้ครับ พี่ดีนละครับมีอะไรหรือเปล่า”
“วันนี้ภามเรียนเสร็จกี่โมงครับ”
“วันนี้คลาสแคนเซิล ผมว่างทั้งวันครับ ตอนนี้นอนอยู่ห้อง” กลิ้งไปกลิ้งมาจนเตียงยับไปหมด
“พี่ก็ไม่มีเรียน..........” คนพูดเงียบไปอึดใจ “..ออกไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันไหม พอดีเพื่อนพี่เปิดร้านใหม่ที่สยามแล้วมันชวนไปประเดิม”
เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนแก้มจะแตก กลิ้งจนเกือบตกเตียงอีกครั้งพลางพยักหน้าหงึกๆ ทั้งที่อีกฝ่ายไม่มีทางมองเห็น “ปะ ไปครับ”
“งั้น..วันนี้พี่จองภามทั้งวันนะ” น้ำเสียงทุ้มอารมณ์ดี“ อีกครึ่งชั่วโมงจะไปรับนะครับ”
พอตกลงเวลากันแล้วภามก็นั่งขยำหมอนในอ้อมแขน ก่อนจะหยิบมันทุบๆกับเตียงแล้วพุ่งเอาหน้าซุกจนมิด เขาแหกปากลั่นหมอนจนเกิดเสียงอู้อี้ตีขาไปมา
โอ้ยยยยยยยยยย นี่เรียกว่าเดทใช่ไหม!!!!!!!!
เจ้าตัวลืมบัตรฟรีไปเสียสนิทแถมปล่อยมันหล่นหายไปในซอกหลืบของเตียงเป็นที่เรียบร้อย
ผมพร้อม หน้าพร้อม เสื้อผ้า.........ภามมองตัวเองในชุดเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายนิดหน่อยกับกางเกงห้าส่วนสีฟ้าอ่อนพับขาโชว์ลาย เขาเลือกรองเท้าผ้าใบสีแสบสันแล้วสวมหมวกกันร้อนเท่านี้ก็เรียบร้อย คนตื่นเต้นวิ่งลงไปรอที่ล้อบบี้ชั้นล่างยิ้มแย้มคุยกับยามที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน ไม่ถึงสิบนาทีรถสีดำก็เลี้ยวเข้ามาหยุดหน้าทางเข้าตึก
“ภาม” คนขับเปิดหน้าต่างเรียก
ภามขึ้นรถคาดเบลท์ฉีกยิ้มให้คนพี่ ดวงตาสดใสเป็นประกายจนไม่ว่าใครที่เห็นก็ต้องยิ้มตาม
ดีนมองน้องในชุดไพรเวท เขาจ้องจนอีกฝ่ายเริ่มทำอะไรไม่ถูกจับเสื้อผ้าตัวเองอย่างเป็นกังวล
“มีตรงไหนแปลกเหรอครับ” เด็กหนุ่มชักประหม่าแต่ปกติเขาก็แต่งตัวแบบนี้
ชายหนุ่มเข้าเกียร์ออกรถ เขาส่ายหัวยิ้มๆ “ไม่แปลก...แต่”
“แต่?”
“น่ารักดี”
คนโดนชมทำตาปริบๆก่อนจะเม้มปากแน่นหน้าร้อน ภามมองคนข้างๆบ้างวันนี้พี่ดีนมาในเสื้อเชิ้ตสีนาวีบลูไม่มีปก กระดุมคอเสื้อปลดออกไปสองสามเม็ดคลายร้อนเห็นแผงอกแน่นเล็กน้อย แขนเสื้อโดนพับขึ้นมาถึงศอก ส่วนชิ้นล่างเป็นกางเกงยีนส์สีซีด
“พะ พี่ก็ดูดีครับ”
ดีนเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้ “ขอบคุณครับ”
หลังออกเดินทางมาไม่นาน พวกเขาสองคนก็ตัดสินใจจอดรถไว้แถวที่จอดของรถไฟฟ้าแล้วเดินทางเข้าสยามด้วยบีทีเอสเพื่อตัดปัญหารถติด รถไฟฟ้าช่วงกลางวันของวันธรรมดาเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวแน่นเอี้ยดจนนึกสงสัยว่าอยู่เมืองไทยหรือเปล่า ทั้งคู่ยืนเอนหลังพิงกระจกใสที่ขั้นระหว่างคนนั่งกับทางเข้าออก ดีนมองร่างข้างตัวที่อยู่ติดประตูกำลังมองออกไปข้างนอกมองวิวที่กำลังเคลื่อนตัว ดูก็รู้ว่าน้องกำลังเกร็ง
“ภาม” ชายหนุ่มสะกิดอีกฝ่ายเบาๆ
“อ้ะ ครับ?” ภามเงยหน้ามอง
หูฟังข้างหนึ่งถูกยื่นมาให้พร้อมใบหน้าคมคายที่พยักเล็กน้อยย้ำให้รับไป ภามเอาหูฟังมาเสียบหูข้างขวาส่วนสายอีกด้านเสียบอยู่ที่หูข้างซ้ายของคนตัวโตกว่า เสียงเพลงภาษาอังกฤษที่เคยได้ยินติดหูดังลอดออกมาชวนให้สบายใจและผ่อนคลาย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มคลายความเกร็งโดยไม่รู้ตัว
“อ้ะ” ประตูรถเปิดออกพร้อมคนที่ก้าวเข้ามาใหม่เบียดร่างเด็กหนุ่มจนขยับชิดคนข้างตัว
ดีนก้มลงมองเป็นจังหวะเดียวกับดวงตาสดใสที่ช้อนขึ้นมาสบตากันพอดี
..ไม่รู้หัวใจของใครจะเต้นแรงกว่ากัน...
เสียงจอแจของนักท่องเที่ยวเต็มโบกี้ปนเปกับเสียงโฆษณาจนฟังไม่ได้ศัพท์ มีคนสองคนกำลังฟังเพลงเบาสบายจากมือถือเครื่องเดียวกัน คนหนึ่งยืนนิ่งมองดูผู้คนมากมาย ส่วนอีกคนเอามือจับราวริมประตูเอาไว้พลางทอดสายตามองนอกหน้าต่างด้วยผิวแก้มแดงระเรื่อ พวกเขาไม่ได้คุยกัน ไม่ได้มองหน้ากัน มีเพียงรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากและนิ้วที่เกี่ยวพันกันเอาไว้หลวมๆ หลบซ่อนสายตาผู้คน ดื่มดำกับความเงียบสงบท่ามกลางความวุ่นวาย
ร้าน Forever tea เป็นร้านเปิดใหม่ใจกลางสยามมีสองชั้น ที่นั่งไม่มากนักเพราะเจ้าของร้านไม่อยากให้อึดอัดเกินไป ร้านตกแต่งด้วยไม้สีเบจสบายตาแซมต้นไม้สีเขียวจนรู้สึกถึงบรรยากาศเย็นสบายท่ามกลางอากาศร้อนจัดของกรุงเทพมหานคร
ชายหนุ่มเดินเข้าไปคุยกับเพื่อนก่อนจะพากันเดินออกมาทักทายเด็กน้อยที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่โต๊ะริมกระจก เจ้าของร้านเป็นผู้ชายตัวโตผิวขาวท่าทางดูใจดีแถมตอนนี้คาดผ้ากันเปื้อนสีดำยาวไว้ที่เอว
“สวัสดีน้องภาม พี่ชื่อศรณ์เจ้าของร้านครับเพื่อนสมัยเด็กของดีนมัน เรียกพี่ศรก็ได้ สั่งตามสบายนะไอ้หมอนี่เลี้ยง” คนตัวโตชี้นิ้วโป้งไปยังประธานชมรมว่ายน้ำ ดีนยักไหล่แล้วนั่งตรงข้ามน้องอย่างไม่ใส่ใจ
ภามแจกยิ้มแอบเก้อเขินเล็กน้อยกับสายตาแวววาวของพี่ศร เขามองเมนูที่มีทั้งเค้กและเมนูอาหารน่ากินมากมายจนเลือกไม่ถูกได้แต่พลิกหน้าเมนูกลับไปกลับมา ดีนมองใบหน้าใสที่แดงเรื่อจากอากาศร้อนแล้วหันไปสั่งน้ำจากเพื่อนระหว่างรอน้องเลือกเมนู
น้ำชาเย็นเจี๊ยบในแก้วใสขนาดพอดีมือถูกเลื่อนมาตรงหน้า ไอน้ำเย็นกลั่นตัวเป็นหยดน้ำตามแก้วเชื้อชวนคนกระหายน้ำให้หยิบขึ้นจิบ
ทันทีที่ได้ลิ้มลองภามก็เบิกตากว้างหันไปมองพี่ศรและพี่ดีนที่ขยับรอยยิ้มรอปฏิกิริยาอยู่
“อร่อยมากกกกกกก หอมกลิ่นหวานๆผลไม้ผสมกลิ่นชาแต่รสชาติไม่เปรี้ยวเลย ชาอะไรครับเนี่ย” ละล่ำละลักถามทำเอาเจ้าของร้านยิ้มกว้างภูมิใจ
“ชาแดงอูลองกลิ่นทรอปิคอลฟรุต ขมนิดๆดื่มแล้วจะหวานติดปลายลิ้น” ศรณ์อธิบาย “อันนี้นำเข้ามาจากไต้หวัน”
ดีนเลื่อนแก้วตัวเองที่สีชาค่อนข้างเข้มกว่าส่งมาให้ลอง เด็กหนุ่มลืมอายยิ้มรับเอามาชิมแล้วทำหน้าผ่อนคลายสุดๆ
“อันนี้ก็อร่อย กลิ่นชาหอมขึ้นจมูกขมแต่ก็ให้ความรู้สึกสะอาด” วิจารณ์ชาได้เป็นฉากๆ จนศรณ์ถึงกับหันไปมองเพื่อนวัยเด็กว่าไปเก็บเด็กคนนี้มาจากไหน
“อันนี้เป็นซิกเนเจอร์ของร้านชาจากญี่ปุ่น ชาอัสสัมเบลนด์กับซีลอน” เขาอธิบาย “ตัวนี้ต้องชงทิ้งไว้คืนนึงแล้วรสจะกลมกล่อม”
ภามตั้งใจฟังเจ้าของร้านอธิบายเรื่องชาตาแป๋วก่อนที่เสียงท้องร้องจะดังเรียกเสียงหัวเราะ เขาเบ้ปากเซ็งตัวเอง อุตส่าห์มาดดีมาตลอดแต่ตกม้าตายด้วยความหิว
สุดท้ายศรณ์ก็เป็นคนแนะนำเมนูให้ทั้งสองคน สลัดผักสดกับเต้าหู้ญี่ปุ่น ข้าวปั้นธัญพืชพอดีคำสอดไส้ปลาแซลม่อนย่างและอาหารข้างเคียงอีกสองสามอย่างถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ การจัดจานน่ามองและความสดของอาหารยิ่งทำให้สมาชิกชมรมทำอาหารทำหน้าเคลิ้มกับรสชาติ ด้วยความอยากลองภามเลยสั่งคลับแซนวิสมาลองด้วยและแน่นอนว่ารสชาติถูกปากเขามากทีเดียว
“อร่อยไหม” ดีนเอ่ยถามปนเอ็นดู รู้สึกดีที่น้องกินไปยิ้มไปน่าเอ็นดู
“อร่อยมากครับ” ยิ้มตาหยีแล้วคีบข้าวปั้นส่งให้ “พี่ดีนลอง.............................” คนเผลอชะงักตะเกียบค้างไปต่อไม่ถูก “เอ่อ..” ทำท่าจะลดระดับมือลงเพราะอายตัวเอง
“ป้อนได้ครับพี่จะทำเป็นมองไม่เห็น” ศรณ์ที่ถือพายฟักทองมาให้แซวเด็กน้อยที่ทำอะไรไม่ถูก เขานั่งลงข้างๆเพื่อนแล้วยิ่งยิ้มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าแดงไปจนถึงหูสองข้าง
“ป้อนอะไรละครับ” โวยวายอุบอิบแล้ววางข้าวปั้นลงบนจานพี่ดีน
ดีนส่ายหัวแอบเตะหน้าแข้งเพื่อนที่อยู่ใต้โต๊ะดังพลั่กข้อหาเป็นตัวเกะกะ เจ้าของร้านชาหัวเราะชอบใจยักคิ้วล้อเลียนอีกต่างหาก วันนี้ภามได้รู้อะไรเกี่ยวกับคนตัวโตอีกมากมาย เขาเพิ่งรู้ว่าพี่ดีนอยู่กับย่าตั้งแต่เด็กเพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่ว่างดูแล ทำให้ต้องติดตามคุณย่าไปโน้นไปนี่เจอแต่ผู้ใหญ่แทบไม่เจอคนรุ่นเดียวกัน ทำให้นิสัยพี่ดีนบางครั้งก็นิ่งเงียบเกินไป
พี่ดีนติดชาเพราะคุณย่า พี่ดีนชอบอาหารไทยก็เพราะคุณย่า ย่าพี่ดีนเป็นไทยแท้ติดจะหัวโบราณเลยไม่ปลื้มลูกสะใภ้ลูกครึ่งสักเท่าไหร่ พอมีน้องตามมาติดๆอีกสองคนทำให้ที่บ้านต้องจ้างพี่เลี้ยง แต่คุณย่าไม่ยอมจะเลี้ยงพี่ดีนเองเป็นเหตุให้พี่น้องแยกกันจนคุณย่าเสียเมื่อพี่ดีนอายุ18 กลายเป็นความลำบากใจเมื่อต้องกลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้ง
ศรณ์มองเพื่อนสมัยเด็กกับรุ่นน้องอย่างสนใจ บรรยากาศละมุนๆของทั้งคู่ชวนให้ยิ้มอย่างเอ็นดู เขาเจอดีนครั้งแรกตอนอายุ8ขวบ ตอนนั้นดีนเพิ่งจะ5ขวบเพราะบ้านเขาอยู่ข้างๆ บ้านคุณย่าของดีน แถมเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตลอดจนเขาจบมัธยมปลายไปก่อน ตั้งแต่เด็กแล้วดีนมีอะไรไม่เหมือนคนทั่วไป ชอบมองเหม่อไปรอบๆ บางทีก็ถึงกับเหลียวหลังมองตามใครบางคน เขาเคยถามว่าหาใครแต่ดีนเองก็ตอบไม่ได้
10กว่าปีที่เขาเห็นหมอนี่มองหาใครสักคนมาตลอด..
“เจอแล้วใช่ไหมวะ” เจ้าของร้านชาเท้าคางมองเด็กอารมณ์ดีตักพายฟักทองเข้าปาก เขาเอ่ยขึ้นแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ
ดีนเลื่อนสายตากลับมามองคนข้างๆ แล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มจางๆ
“อืม เจอแล้ว”
...คนที่หามานานแสนนาน
สุดท้ายมื้อนี้ก็ฟรี ทั้งภามทั้งดีนต่อรองจะจ่ายแต่เจ้าของร้านไม่ยอมรับเงิน แถมมีการบอกว่าไหนๆไอ้เพื่อนสมัยเด็กอุตส่าห์เอาคนสำคัญมาอวด ต้องขอเลี้ยงรับรองหน่อย เดือดร้อนภามให้เขินหน้าดำหน้าแดงไปอีกหน
“เพิ่งจะสามโมงเย็น อยากไปไหนไหม” ดีนเดินออกมานอกร้าน หยีตาเล็กน้อยเพราะแดดไม่ลดความจ้าลงเลยแม้แต่น้อย
ภามหยุดคิดแล้วมองไปที่ห้างตรงข้ามสยาม สถานที่ที่อยากไปผุดขึ้นมาทันที
“ผม..อยากลองไปโอเชี่ยน เวิร์ลครับ”
“หือ? สวนน้ำ?” ดีนทำหน้างุนงง
“อควาเรี่ยมครับ” หัวเราะชายหนุ่มที่ท่าทางจะไม่รู้อะไรเลย “อยู่ใต้ห้าง ได้ยินชื่อมานานเลยอยากลองไปสักหน”
ดีนพยักหน้า “เอาสิ” เขาจับมือน้องแล้วพาเดินฝ่าความร้อนไม่สนใจสายตาใคร แถมเพิ่มความร้อนบนใบหน้าอีกฝ่ายจนหวั่นว่าจะเป็นลมเพราะหัวใจเต้นแรงเกินพิกัด
คงเพราะเป็นเวลาสามโมงเย็นวันธรรมดาทำให้คนไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่และมีนักท่องเที่ยวเพียงประปราย พอได้รับตั๋วเข้าด้านในภามก็ลืมทุกสิ่งอันเดินกึ่งลากคนที่มาด้วยอย่างตื่นเต้น
“ฮึ้ย พี่ดีนดูนี่ ไข่ปลาฉลาม” ชี้ชวนให้ดูในตู้ที่มีไข่ปลาฉลามเรียงตามอายุ ไฟที่ส่องทำให้เห็นภายในไข่เป็นเงาดำรูปปลาและกำลังดิ้นขยับตัวไปมา “เอเลี่ยนมาก” ทำท่าขนลุกพลางหยิบมือถือมาถ่าย
ดีนส่ายหัวขำๆ แต่ไม่ได้ว่าอะไร แค่มองดูน้องเกาะตู้นั้นถลาไปตู้นี้ก็เพลินตาแล้ว
“อยากนั่งเรือให้อาหารปลาไหม” เขาชี้ชวน ใจก็แอบทึ่งว่าภายในห้างกลางเมืองกลับมีอควาเรี่ยมขนาดใหญ่จนน่าตกใจ
เด็กหนุ่มส่ายหัว “ผมชอบดูมากกว่า โห ตู้ใหญ่มาก” แหงนมองตู้ปลาขนาดใหญ่จรดเพดานคอตั้งบ่า ระหว่างที่ภามกำลังมองปลาแหวกว่ายดีนก็ถ่ายรูปย้อนแสงเกิดเป็นเงาเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนมองปลาราวกับอยู่ในโลกใต้ทะเลสีเขียวอมฟ้า เฟสบุ้คที่แทบไม่อัพเดทเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ภาพใหม่ถูกโพสต์ลงโดยที่คนถูกแอบถ่ายไม่รู้ตัว
Rattanon_dean : เด็กตื่นใต้ทะเล
โพสต์เสร็จเขาก็ยัดมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง ไม่สนใจโนติเตือนที่พุ่งกระฉูดอย่างรวดเร็ว
พวกเขายังคงเดินดูไล่ไปเรื่อยอย่างเพลิดเพลิน ชายหนุ่มแทบต้องแงะน้องออกมาจากตู้จิ้งจกน้ำหรือที่เรียกอีกชื่อว่าซาลามันเดอร์ มันน่ารักจนภามถึงกับอยากได้ไปเลี้ยงที่บ้าน
“พี่ดีนๆ ” ภามเดินมากระตุกแขนเสื้อ “ปลาตัวนี้ตลกทำปากจู๋แล้วมีหนวดล้อมปากเลย” พามนุษย์ตัวโตมุดดูตู้ปลาที่แอบซ่อนอยู่ ชายหนุ่มหัวเราะขำเมื่อน้องกับปลาเล่นกันเพราะไม่ว่าภามเดินไปทางไหนปลาก็ว่ายตาม
“หมาหรือปลาเนี่ย”
“หน้าเหมือนกันไหมครับ” ทำปากกับตาเลียนแบบอยู่ข้างตู้ คนพี่มือไวฉวยโอกาสถ่ายรูปไว้ทันท่วงที
“เย้ย พี่ไม่ถ่ายสิน่าอายอ่ะ” ภามหน้าแดงรีบวิ่งตามอีกฝ่ายที่กำลังมองภาพในมือถืออย่างพอใจ “พี่ดีนนนน” โวยวายกระโดดหยองเหยงแต่ก็เอื้อมไม่ถึง เพราะพี่ท่านเล่นยกมือถือหลบสุดแขน
“ก็เหมือนนะ แต่เมื่อกี้พี่เจออีกตัวเหมือนกว่า”
“ห้ะ ตัวไหนฮะ”
ดีนจับมือเด็กน้อยพามาอีกตู้ แล้วก็ได้พบปลาตัวประมาณกำปั้น ตาโตๆ ปากเหมือนยิ้มตลอดเวลา
“นี่มัน” ภามขมวดคิ้ว
พลันเจ้าปลาก็เหมือนตกใจทำตัวพองหนามแหลมทั่วตัว
“ปลาปักเป้าง่ะ พี่ดีนนนนนนน เหมือนตรงไหนเนี่ย” บีบมือใหญ่ที่ยังจับกันไว้ไม่ปล่อย
“เวลาโมโหไง พองทั้งตัว”
“พีดี๊นนนนน!!” ภามจำไม่ได้แล้วว่าวันนี้เขาโวยใส่คนขี้แกล้งไปกี่หน แต่ที่แน่ๆ นี่มันพี่ดีนเวอร์ชั่นนิสัยเสียชัดๆ
หลังจากลอดอุโมงค์ดูฉลามดูกระเบนกันสนุกสนาน พวกเขาก็เดินหลุดเข้ามาในโถงกว้างๆ เด็กหนุ่มอุทานตื่นเต้นเมื่อเห็นรูปปั้นนางยักษ์อยู่ในตู้ปลาขนาดใหญ่
“สวยมาก”
“พระอภัยมณี?” ดีนเดินไปที่รูปปั้นพระอภัยและนางเงือก ตำแหน่งวางถูกออกแบบได้สวยงามเหมือนนางยักษ์กำลังยื่นมือออกมา
ภามทิ้งตัวลงนั่งโซฟาที่จัดเอาไว้หน้าตู้ เขาทอดสายตามองปลาที่แหวกว่ายอย่างเพลิดเพลิน “เวลาอ่านเรื่องพระอภัยมณี ผมสงสารนางยักษ์ทุกที รักแต่ก็โดนทอดทิ้ง”
ดีนเดินมานั่งข้างๆ มองตู้ปลาสีฟ้าขนาดใหญ่บ้าง “วรรณกรรมก็แบบนี้แหละ”
ใบหน้าสดใสหันมามองชายหนุ่มตาแป๋ว “ถ้าพี่ดีนเป็นยักษ์พี่จะทำยังไงกับพระอภัยและนางเงือกละครับ”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นแปลกใจ “พี่ค่อนข้างใจแคบนะ” เขาทำท่าคิด “คงกินนางเงือกแล้วจับพระอภัยมาขังอีกครั้ง”
“หืมมมม” เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก
“แล้วภามล่ะ ถ้าเป็นภาม...”
“กินทั้งคู่ครับ” หัวเราะพลางตอบกลับทันทีด้วยรอยยิ้มหวานฉ่ำ “ผมไม่ชอบคนเจ้าชู้ ถ้ามีคู่เยอะนักสู้กินไปเลยดีกว่า”
“ดุจังเลยนะเรา” ดีนหัวเราะในลำคอ “แต่ไม่เป็นไร” ดวงตาคู่สวยมองสบตาเด็กน้อย
..
“พอดีพี่ไม่ใช่คนเจ้าชู้”
ภามแอบหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินจ้ำไปตามทาง หัวใจเจ้ากรรมยังคงเต้นแรงตั้งแต่เมื่อกี้
พอดี..พี่ไม่ใช่คนเจ้าชู้
โอยยยยยยยย เด็กหนุ่มแทบขยุ้มหัว รู้ครับว่าไม่เจ้าชู้เพราะพี่ไม่เคยมีข่าวอะไรแย่ๆเลย มีแต่ข่าวได้รับรางวัลแข่งว่ายน้ำ ภามไม่ใช่คนซื่อใสจนไม่รู้อะไรสักอย่าง ไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากับพี่ดีนทำอยู่คือการ “จีบ” และมันกำลังพัฒนาไปเรื่อยๆ พวกเขาไลน์คุยกันเช้าเย็น รับส่ง จูงมือ จนเดทด้วยกัน
ดีใจแต่ก็กลัว ไม่ใช่ไม่เชื่อใจพี่ดีนแต่อะไรบางอย่างมันรั้งเอาไว้เหมือนโซ่ที่มองไม่เห็น
ภามเดินช้าลงแล้วเหลือบมองไปด้านหลัง พี่ดีนเดินตามเขาอย่างรักษาระยะห่างเหมือนทุกครั้ง ผู้ชายคนนี้รู้จักรุกและถอยอย่างมีจังหวะ ปล่อยให้เขาได้หายใจและมีเสปซคุยกับตัวเอง
“น้องภาม”
“คะ ครับ” หยุดชะงักเมื่อโดนรั้งข้อมือเอาไว้
ดีนพยักเพยิดหน้าให้ดูตู้ขนาดใหญ่ซึ่งบรรจุแมงกะพรุนมากมาย ห้องนี้มืดสนิทมีแสงแบล็คไลท์ช่วยขับแสงสีม่วง ฟ้า แดง ของเจ้าตัวนุ่มนิ่มในนั้น
เหมือนอยู่ในอวกาศ..
“นั่งกันไหม” ดีนแตะศอกน้องดันเบาๆ ภามเองก็เดินตามอย่างว่าง่าย
ทั้งคู่นั่งที่โซฟาหน้าตู้แมงกะพรุน มองมันแหวกว่ายไปมา เสียงเด็กตัวน้อยคุยกับแม่หงุงหงิงด้วยเนื้อหาชวนยิ้มก่อนจะค่อยๆ ห่างออกไปทิ้งผู้ชายสองคนไว้กับความเงียบงัน
“สวยดีนะ” เสียงทุ้มต่ำดังเบา
“เหมือนกำลังเต้นระบำ” ภามมองเจ้าแมงกะพรุนขยับไปทั่วตู้ เหมือนผ้าซีทรูกำลังโบกอยู่ในน้ำ
ชายหนุ่มหัวเราะ “เต้นวนไปรอบๆ”
“ดูสับสน....”
“...เหมือนความรู้สึกตอนนี้ใช่ไหม”
ภามชะงัก เขาหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ภามกำลังกังวลเรื่องอะไร” ดวงตาสีสวยตอนนี้มันลึกล้ำราวกับท้องทะเล
“ผม..” มือที่วางอยู่บนโซฟาสั่นไหว “...กลัว”
ดีนสัมผัสปลายนิ้วเย็นเฉียบราวกับปลอบโยน ใบหน้าคมคายเคลื่อนเข้าใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน
“เชื่อใจพี่ไหม”
หัวใจที่หวั่นไหวอุ่นวาบ ดวงตากลมโตที่สับสนค่อยๆสงบลง เปลือกตาบางหรี่ปรือยามรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวคลอเคลียข้างผิวแก้ม เด็กหนุ่มพยักหน้าเชื่องช้าแทนคำตอบ
“พี่อยู่ตรงนี้..” เขากระซิบพลางไล้ริมฝีปากปัดผ่านไปถึงขมับ “ไม่มีอะไรต้องกลัว..” แตะสัมผัสลงบนจุดที่เป็นปานจางๆ กดย้ำจนเด็กน้อยครางเบาในลำคอ
“ไม่มีอีกแล้ว...”
ภามปรือตาหัวใจเต้นรัวแรง มือข้างหนึ่งสอดประสานปลายนิ้วกับอีกฝ่าย หากอีกข้างกำลังไล้โครงหน้าคมคายราวกับสำรวจ เขาแตะคาง สันกราม ไล่ไปจนถึงขมับ วนปลายนิ้วที่รอยปานของชายหนุ่มบ้าง
ลมหายใจร้อนรดริน ปลายจมูกแตะผิวแก้มของกันและกัน หัวใจของพวกเขากำลังเต้นประสานและมันกำลังรัวแรงขึ้นเรื่อยๆ ความปรารถนาอาวรณ์ส่วนลึกกำลังร้องเรียกหาจนสั่นไปทั้งร่าง ความทรงจำเลือนรางสับสนปนเป
“พี่....” เด็กหนุ่มเรียกเสียงพร่า
ดีนสูดลมหายใจลึกรู้สึกเหมือนจะจมน้ำ เขาแตะคางน้องดันขึ้นเล็กน้อยใช้ปลายจมูกลากจากพวงแก้ม
....ลากต่ำลงมาที่ริมฝีปาก

“แม่ ปลาใส่กระโปรง!!!!!!!!!”
เสียงเด็กตัวน้อยร่าเริงดังลั่นมาแต่ไกล กระชากสองหนุ่มออกจากอารมณ์หวาม ทั้งคู่รีบผละหน้าออกห่างหายใจกระชั้นระงับอาการตื่นเต้น
ภามหน้าร้อนแทบจะที่สุดในชีวิต เม้มปากแน่นอยากจะพุ่งไปทุบตู้กระจกแล้วเอาแมงกะพรุนออกมาฟัด
เขาเกือบ..
เกือบ..
จะจูบ
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ยิ่งคิดยิ่งแตกตื่น เขินตัวจะแตก มือชื้นเหงื่อจนรู้สึกได้และที่สำคัญ...มือใหญ่ของใครบางคนนั้นยังจับไว้ไม่ปล่อย
“ภาม” ดีนเอ่ยเรียกน้องที่ก้มหน้างุด แอบเป็นห่วงเพราะมือไม้อีกฝ่ายสั่นไปหมด “ภามครับ” เขาเรียกซ้ำ
เจ้าของชื่อเงยหน้าขวับจนคนเรียกสะดุ้ง ความมืดทำให้เขาเห็นสีหน้าเด็กน้อยไม่ชัดนักแต่มั่นใจได้แน่นอนว่ามันคงแดงก่ำไปหมด
“พี่ดีน” เสียงเรียกจริงจังจนชายหนุ่มเกร็งขึ้นมาทันที
“ครับ”
ดวงตาสดใสของน้องจ้องแป๋ว แล้วน้องภามแห่งชมรมขนมไทยก็เอ่ยปากออกมา
...
“พี่ชอบกินยำแมงกะพรุนไหม”
---------------------------------------------------------
Talk
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะคะ อ่านของทุกคนเลยค่ะ ^^
คนเขียนยังขอย้ำว่าจบแฮปปี้แต่...ไม่ได้บอกว่าจะไม่มีมาม่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมาม่ามีหลายระดับมีหลายเรื่องราว
ก็จะพยายามทำให้เป็นมาม่าที่อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ
คราวนี้มีตัวละครโผล่มาชื่อพี่ศรณ์ =___= ฮีเป็นพระเอกอีกเรื่อง ไม่ต้องกังวลว่าฮีจะมาป่วนค่ะ ฮา
ร้านที่น้องไปกินไม่มีจริง แต่ชาที่น้องกินมีจริงๆอร่อยมากหอมมากแต่หาซื้อยาก
บางครั้งพูดเรื่องของกินเยอะไปหน่อย ต้องขออภัยจริงๆเพราะผู้เขียนชอบกิน และส่วนตัวเขียนการ์ตูนสอนทำอาหารอยู่แล้วค่ะ ^^ ถ้าใครอ่านแล้วนึกอยากกินบ้างจะดีใจมากนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
https://www.facebook.com/iamlazysheep/