CH16 ไม่เป็นไร
ความเย็นของเครื่องปรับอากาศปะทะเข้าที่ผิวหน้า ในห้องค่อนข้างสลัวเพราะมีผ้าม่านบางๆปิดหน้าต่างเอาไว้ กลางเตียงหลังโตขนาดคิงไซส์เจ้าของห้องหลับอยู่ตรงนั้น
ภามมองไปรอบๆห้องที่ค่อนข้างโล่ง มีเพียงตู้ใส่หนังสือ ชั้นวางรางวัลจากการว่ายน้ำและโต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ใกล้เตียงนอน เขาเดินไปหยุดที่โต๊ะเม้มปากเล็กน้อยเมื่อเห็นพวงกุญแจที่ตัวเองให้วางอยู่คู่มือถือกับกระเป๋าสตางค์ ตอนนี้มันไม่ได้มีแค่กุญแจห้องของเขาแต่ดูเหมือนจะมีกุญแจรถกับกุญแจอื่นๆห้อยรวมอยู่ด้วย
เด็กหนุ่มเลื่อนสายตามาที่คนบนเตียง ดวงตาสีสวยตอนนี้ปิดสนิท ผมยุ่งเล็กน้อยปรกใบหน้าทำให้ดูละมุนขึ้น
หัวใจของผู้บุกรุกเต้นระรัว
ภามตัดสินใจปีนขึ้นไปบนเตียงแล้วแตะเรียกเจ้าของห้องเบาๆ
“พี่ดีน ตื่นได้แล้วครับ ทุกคนรอกินข้าวอยู่”
“...”
เด็กหนุ่มถอนใจเพราะไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา เขานั่งมองใบหน้าคมเข้มอยู่ครู่แล้วแอบเอื้อมมือไปปัดผมยุ่งๆให้ หยุดมือเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยปานบนขมับ ก่อนจะค่อยๆ แตะปลายนิ้วลงบนนั้นเชื่องช้าเหมือนกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ
รอยปานที่คล้ายกันกับของเขา..
สายตาที่ทอดมองละมุนลง ความรู้สึกบางอย่างมันตื้อขึ้นมาในอกเหมือนโดนทำร้ายหัวใจซ้ำๆ ภามใช้ปลายนิ้วปัดผมอีกฝ่ายขึ้นแล้วค่อยๆก้มหน้าลงสัมผัสที่รอยปานนั้นด้วยริมฝีปากอย่างแผ่วเบา..นุ่มนวลราวกับจะปลอบโยน
“ลักหลับ?” เสียงทุ้มต่ำจากคนที่หลับอยู่ดังแว่วขึ้นมา ทำให้ภามรีบดันตัวขึ้นทันที
ดวงตาสีเทาอมเขียวกำลังมองเขาเต็มสองตา
“เอ๋!???”
พลันภาพตรงหน้าก็หมุนกลับหัวกลับหาง แล้วร่างทั้งร่างก็หงายตุบลงบนเตียงนอนนุ่ม ภามหลับตาปี๋ด้วยความตกใจพอตั้งสติได้เขาก็ค่อยๆหรี่ตาขึ้นมอง
ดะ เดี๋ยวนะ
ใบหน้าคร้ามคมอยู่ใกล้เสียจนใจหวั่นแถมชิดจนจมูกแทบจะชนกัน เรียกว่าชัดระดับHD เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาแล้วพบว่าตัวเองโดนกักไว้ในอ้อมกอดของพี่ดีนเป็นที่เรียบร้อย ที่สำคัญ..
ทำไมไม่ใส่เสื้อครับ!!!!
“พะ ..พี่....” ภามเรียกเสียงตะกุกตะกัก
“มาได้ยังไงครับ” คนถามยังติดงัวเงียเล็กน้อย ซึ่งภามขอฟันธงว่าน่าจะยังกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่แน่ๆ
“เดลพา...อื้อ!” ย่นคอหลับตาปี๋เมื่อจมูกโด่งๆขยับมาที่ซอกคอ ลมหายใจร้อนผ่าวที่สัมผัสบนผิวเนื้อทำเอาภามหัวใจจะวาย
“พะ พะ พะ พี่ ดีนนนนน ” ถ้าสงสัยว่าเป็นตัวจริงรึเปล่าก็ไม่เห็นต้องดมกลิ่นพิสูจน์เลย!
เด็กน้อยมือไม้สั่นดันไหล่กว้างเอาไว้ แต่ผิวกายร้อนของคนพี่ก็ไม่ต่างจากไฟที่ทำให้มือลวก ภามแทบกลั้นหายใจเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวกดจูบที่คอหนักๆ พร้อมสัมผัสคลอเคลียเหมือนไม่อยากผละออกไป
ละเมอ? ไม่น่าใช่??? ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่แน่ๆ!! ภามเบิกตากว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยกำลังหรี่มอง แววตาของพี่ดีนฉายความพึงพอใจชัดเจนบ่งบอกว่าเจ้าของร่างไม่ได้ละเมอหรือเพิ่งตื่นแน่ๆ
เขาโดนพี่ดีนเล่นเข้าแล้ว!
ริมฝีปากร้อนเริ่มขยับเลื่อนขึ้น สัญญาณเตือนในหัวก็ส่งเสียงลั่นจนภามต้องรีบร้องห้าม
“พี่..ฮื่อ…..อืม...”
คำห้ามสุดท้ายกลืนหายด้วยลิ้นและริมฝีปากที่รุกรานมาถึง ความร้อนรุ่มบดเบียดเร่งเร้ากว่าที่เคยเป็นมาจนหายใจหายคอไม่ทัน ภามอ้าปากตะครุบอากาศเมื่อพี่ดีนขยับริมฝีปากเปลี่ยนมุมแต่ยังไม่ทันไรก็โดนประกบปิดอีกครั้ง
ร้อนไปทั้งตัว
ไม่ใช่จูบหวานละเมียดละไมอย่างที่เคยทำ ไม่ใช่จูบที่ละลายความคิดถึง แต่มันเป็นจูบที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอของความปรารถนา
ดีนผละริมฝีปากออกเล็กน้อย มองดวงหน้าแดงก่ำที่กำลังหอบหายใจด้วยความเอ็นดู ในตอนแรกแค่กะว่าจะแกล้งหยอกแต่พอได้สัมผัสผิวลื่นมือเขาก็อดใจไม่ได้จนเผลอรังแกไป
ริมฝีปากบางตอนนี้วาววับฉ่ำชื้นเชื้อชวนให้เขาลิ้มลองซ้ำๆ ดวงตาสีสวยจ้องมองหยดน้ำใสที่กลืนไม่ทันจนไหลเลอะมาถึงปลายคาง ดีนใจแกว่งวูบ เขาหายใจหนักก่อนจะก้มลงจัดการทำความสะอาดมันด้วยปลายลิ้นกวาดไล่จากปลายคางลากขึ้นมาถึงริมฝีปากแดงช้ำอีกครั้ง ร่างในอ้อมแขนสั่นระริก ดวงตาของพวกเขามองสบกันด้วยหัวใจที่เต้นแรง
แล้วริมฝีปากก็สัมผัสกันอีกครั้ง ลิ้นแตะลิ้นราวกับจะกลืนกิน พัวพันจนเกิดเสียงน่าอาย ภามเกร็งร่างจิกเล็บลงบนแผ่นอกกว้างจนขึ้นรอย สัมผัสวาบหวามตะกรุมตะกรามเรียกร้องเหมือนเปลวไฟที่จุดติดกระดาษ
...และกำลังเผาไหม้พวกเขาเข้าด้วยกันภามรู้สึกตาลาย ทรมานหายใจไม่ออกเหมือนกำลังจมน้ำ เขาพยายามตะเกียกตะกายหาทางระบายความอึดอัด
ไม่ได้ ไม่ได้ ต้องหยุด
“อ้ะ พี่ดีน!!”
เด็กน้อยเบือนหน้าออกเบิกตาโพลงเมื่ออีกฝ่ายเบียดสะโพกลงมา ตัวแข็งทื่อเกร็งไปทั้งร่าง แก้มของเขาร้อนผ่าวกับความแนบชิดผ่านเนื้อผ้าตัวบาง
เสียงของน้องทำให้ดีนชะงักกึกแล้วพวกเขาทั้งคู่ก็มองสบตากันอีกครั้งเห็นถึงความหวั่นไหวลังเลใจของกันและกัน มันยังเร็วเกินไป..
“...พี่…” ภามร้องเรียกเสียงสั่น ชายหนุ่มหลับตาลงสูดลมหายใจลึกแล้วลูบหน้าตัวเองแรงๆ
“ขอโทษ..พี่ขอโทษ” ก้มลงเอาหน้าผากชนกับอีกฝ่าย
ภามส่ายหัว เขาโอบแขนรอบไหล่กว้างบีบเบาๆ
“ไม่..เป็นไรครับ”
พอตั้งสติได้ต่างคนต่างก็ทำอะไรไม่ถูก ดีนขยับลุกแล้วดึงน้องให้นั่งตาม จัดการเสยผมยุ่งๆของอีกฝ่ายพร้อมกับจัดเสื้อผ้าให้เสร็จสรรพ
“จะรอพี่อาบน้ำหรือจะลงไปก่อน”
ภามตะครุบมือใหญ่ที่เลื่อนลงมาจะติดกระดุมกางเกงให้ เขาทำตาโตตกใจเพราะไม่รู้โดนปลดไปตอนไหน ฝืนดื้อยื้อแขนสุดท้ายคนพี่ก็ยอมให้น้องมุดผ้าห่มแต่งตัวให้เรียบร้อย
“ผะ ผมจะลงไปก่อน”
ท่าทางเก้ๆกังๆจุดรอยยิ้มคนขี้แกล้ง ดีนหัวเราะเบาๆยอมถอยทัพไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินหายเข้าห้องน้ำ ปล่อยน้องที่ดูแตกตื่นไว้บนเตียงขดตัวเป็นก้อนเอาไว้แบบนั้น
ทำอะไรลงไป!!???
ภามขยี้หัวตัวเองแล้วมุดหน้าหายเข้ากองผ้าห่มซ่อนใบหน้าร้อนเป็นไฟเอาไว้ เพียงแค่เริ่มสัมผัสกันมันก็ลามพรึบจนห้ามแทบไม่อยู่ เหมือนร่างกายของเขากับพี่ดีนรู้จักกันมาก่อน
รู้แม้กระทั่งว่าจับแตะตรงไหนแล้วจะรู้สึกดี
“โอยยยยยย พอๆๆๆ” หมุนตัวลงจากเตียงแต่ดันขาอ่อนไร้เรี่ยวแรงไถลลงไปนั่งกับพื้น เด็กหนุ่มกัดฟันสงบสติอยู่หลายนาทีกว่าจะลุกขึ้นได้ เขาจัดการพับผ้าห่มให้เรียบร้อยแล้วเปิดแน่บหนีออกมาก่อนคนพี่จะอาบน้ำเสร็จ
เด็กสติแตกวิ่งทั่กๆ หยุดชะงักตรงที่พักบันไดเหล่มองรูปของพี่ดีนแล้วย่นจมูกใส่ เขาจิ้มจึกที่ตำแหน่งเดิมในรูปแรงๆพร้อมขมุบขมิบบ่น
“ลามก!!”
แล้วกลอกตาเล็กน้อย
“ผมก็ด้วย” เขายอมรับแต่โดยดี
ภามตัดสินใจ ถ้าเป็นไปได้จะไม่ขึ้นมาปลุกพี่ดีนอีกแล้วขอสัญญาเลย
“หิว” เสียงทีมดังขึ้นพร้อมๆกับที่ลงมาถึงชั้นหนึ่งพอดี เพื่อนซี้ยืนพิงกำแพงเหล่มองเขาที่สะดุ้งโหยงดูเหมือนจะรออยู่นานแล้ว ภามยิ้มแหยแล้วรีบก้มหน้าก้มตาหลบแต่พอเดินผ่านก็โดนลากคอเสื้อไว้ก่อน
ทีมกวาดตามองอีกฝ่ายหัวจรดเท้าแล้วถอนใจ
“ให้ตาย ปลุกยังไงของมึงวะ”
“หา” ตีหน้าซื่อตาใส แต่ก็โดนทีมดีดเหม่งใส่จนร้องโอ้ย
“อย่ามาทำใส ไปส่องกระจกในห้องน้ำไป๊แล้วค่อยไปห้องกินข้าว” รุนหลังเพื่อนที่ยังงุนงงเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ
ภามขมวดคิ้วเขาเดินไปที่อ่างล้างมือ ภาพที่สะท้อนในกระจกทำเอาเขาอ้าปากค้าง
แก้มแดงก่ำ ปากแดงช้ำ รอยจ้ำแดงที่คอ ดูยังไงก็โดนฟัดมาชัดๆ !
“ไงล่ะ ขืนเดินเข้าห้องกินข้าวสภาพนี้ไม่เหลือแน่” ทีมกอดคออีกฝ่ายแล้วแสยะยิ้ม “ว่าแต่..ถึงไหนกันแล้ววะ”
“อะไรถึงไหน” ภามวักน้ำล้างหน้าแล้วเหล่มองคนถาม
“จิ๊ ก็นั่นไง กับพี่ดีนถึงไหนกันแล้ว”
คนโดนถามตัวแข็งทื่อ ภาพที่พยายามลืมไปเมื่อกี้พุ่งเข้าสู่สมองอีกครั้ง ใบหน้าเปียกชื้นแดงก่ำ ภามรีบสะบัดน้ำใส่ไอ้เพื่อนลามกพร้อมแยกเขี้ยวงุด
“ไม่ถึงไหนทั้งนั้นแหละโว้ย” รีบเช็ดหน้าเช็ดตาพุ่งตัวไปที่ห้องกินข้าวอย่างไว
รอยยิ้มกรุ้มกริ่มล้อเลียนจากสมาชิกบนโต๊ะกินข้าวทำเอาภามอยากคว่ำอาหารเช้าบนโต๊ะ เขานั่งตัวหดกินข้าวเงียบๆ อยู่ข้างพี่ดีนที่มานั่งข้างกัน การล้างหน้าเมื่อกี้ไม่ช่วยอะไรและมันก็ยังแดงหนักเมื่อสบตากับตัวต้นเหตุ ดอนกลั้นหัวเราะแอบยักคิ้วแซวพี่ชายเพราะสภาพภามมันชัดเจนว่าโดนแกล้งมาเต็มที่ เอาจริงๆเขาก็ไม่คิดว่าพี่ชายจะขี้แกล้งได้ขนาดนี้ ส่วนเดลกับมะนาวแอบร้อนหน้าไปด้วย พวกเธอไม่กล้าจินตนาการว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็อดไม่ได้ที่จะกรี๊ดใส่เพจเฟซบุ้ค รัวๆ
“แล้วจะทำอะไรกันต่อ” ดีนรวบช้อนเมื่อกินเสร็จ พลางมองไปทางน้องสาวรอคำตอบ
“เดี๋ยวช่วงเช้าจะอ่านหนังสือสอบกันก่อนค่ะ แล้วบ่ายๆจะทำขนม”
ชายหนุ่มพยักหน้า เขาเองก็ได้ยินน้องสาวพูดอยู่เหมือนกันว่าอยากทำขนมไว้เซอร์ไพรส์พ่อกับ คิดถึงตรงนี้ดีนก็อดถอนใจไม่ได้ แม่กลับมายังไม่เท่าไหร่แต่กับพ่อที่ชอบบ่นว่าเขานิสัยเหมือนย่านี่สิ
แม่ของเขาค่อนข้างหัวสมัยใหม่ เป็นผู้หญิงร่าเริงอย่างที่ดอนกับเดลได้รับสืบทอดมา เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีจนน่าตกใจ แต่พ่อค่อนข้างเงียบและไม่ถูกกับย่าอาจเป็นเพราะคุณย่าเคยกีดกันเรื่องแต่งงาน
คิดแล้วก็ขำ พ่อทะเลาะกับย่าแทบตายเรื่องแม่ท้องเขาก่อนเรียนจบ ตัดแม่ตัดลูกไม่คุยกันแต่พอเขาเกิดมาธุรกิจพ่อกลับมีปัญหาจนเลี้ยงลูกไม่ไหวต้องหิ้วไปให้ย่าเลี้ยง ผ่านไปแค่ปีเดียวโชคก็เข้าข้างงานประสบความสำเร็จ ในตอนนั้นดอนก็เกิดมา
แต่ตอนนั้นย่าก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเขาเสียแล้ว
ผ่านไป18ปี ทำให้เข้าหน้ากันไม่ติดอย่างที่เห็น อะไรสักอย่างมันขวางกั้นระหว่างเขากับครอบครัวเอาไว้
“พี่..” เสียงเรียกปลุกดีนออกจากภวังค์ เขาหันไปมองคนข้างตัวแล้วก็พบกับรอยยิ้มจากน้องและสัมผัสเบาๆที่ต้นขาทำให้เขาต้องยิ้มตอบ
ถ้าตอนนี้เขากำลังเดินหลงทางอยู่ในอุโมงค์มืด ภามก็เหมือนแสงสว่างตรงทางออก..
ติ๊ดๆๆๆ
เสียงเรียกเตือนอะไรสักอย่างดังขึ้น สมาชิกที่กำลังจะเก็บจานไปไว้ในครัวถึงกับมองหาว่าต้นเสียงมาจากไหน
“ภาม ไอ้นี่ดัง” มะนาวหยิบแท็ปเล็ตจากโซฟาส่งมาให้
เด็กหนุ่มทำหน้าแปลกใจ เพราะเบอร์ที่เขาใช้กับแท็ปเล็ตเป็นเบอร์สำหรับครอบครัวเท่านั้น ตอนนี้หน้าจอมันขึ้นสายเรียกเข้าพร้อมตัวเลขยาวเป็นพรืด เขารีบกดรับเฟซไทม์ทันที
[“พี่!!!!!!”] เสียงเรียกจากในโทรศัพท์ดังจนสะดุ้งโหยงกันเกือบหมด เสียงโวยวายของใครสักคนมาเป็นชุดเหมือนเก็บกดเอาไว้
“ภูมิ” ภามเอานิ้วชี้แตะปากตัวเอง ส่งเสียงชู่ๆให้น้องลดเสียงโวยวายลงหน่อย
[“ทำไม นี่พี่อยู่ไหนเนี่ย”] ไอ้ตัวแสบยังไม่เลิกแถมพยายามเพ่งมองฉากหลังไม่คุ้นตา
“บ้านเพื่อน” หันหน้าจอไปที่เดลกับมะนาว สองสาวโบกมือหยอยๆ อย่างเป็นมิตร
“น้องเหรอ” มะนาวมองเด็กน้อยในจอ
เด็กหนุ่มน่าจะอยู่ประมาณม.ปลายหน้าตาคล้ายๆภามชนิดที่เห็นปุ๊บก็รู้เลยว่าเป็นน้อง
“อือ น้องชายชื่อภูมิอยู่เกรด...อา ม.สี่”
[“หูย มาบ้านสาวๆแต่เช้า ต้องฟ้องแม่!!” ]
ภามกลอกตากับความมโนของน้อง เขาพลิกหน้าจอไปยังทีมกับพี่ดอนที่กำลังมองเขาอย่างสนใจ
“คนอื่นก็มี..”
[“อ้าว ไรเนี่ย..”] ภูมิทำหน้าเหี่ยว [“แล้วคนไหนเป็นกิ๊กพี่ สองคนนี้” ]ชี้ที่ทีมกับดอน[ “หรือสองคนเมื่อตะกี้” ]
เสียงหัวเราะระเบิดก้องห้องอาหาร ในขณะที่ภามหน้าแดงก่ำพลิกหน้าจอกลับมาแล้วแยกเขี้ยวใส่น้องชาย มีอย่างที่ไหนถึงถามว่าคนไหนเป็นกิ๊ก แถมยังรวมผู้ชายไว้ในหมวดนี้ด้วย
“ไม่มีทั้งนั้นแหละ”
ภูมิกอดอกทำเสียงหื้มมมหรี่ตามองพี่ชายสุดหวง
“แล้วโทรมาทำไม ทางนิวยอร์กน่าจะสองทุ่มใช่ไหม” ปกติครอบครัวเขาจะโทรมาหาสองอาทิตย์ครั้ง แต่ถ้าจำไม่ผิดเขาเพิ่งโทรคุยกับแม่ไปเอง
[“ก็พี่น่ะ...”] ภูมิตั้งท่าจะโวยวาย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแวบๆว่าใครสักคนที่นั่งข้างพี่ชายลุกจากโต๊ะเดินไปอีกทาง [“ใครอ่ะ”]
“เอ่อ...........” ภามชะงักรวมถึงคนอื่นๆที่นั่งฟังอยู่ด้วย เขาไม่อยากโกหกแต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าบอกทุกอย่างไปที่บ้านจะรับได้ไหม ในตอนแรกเขาตั้งใจให้อะไรๆลงตัวมากกว่านี้ก่อนถึงค่อยบอก...
ดีนเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารอีกครั้งพร้อมขวดน้ำเย็นจัด เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างน้องเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าสดใสกลายเป็นกังวลใจ
เขาจับไหล่ภามแล้วชะโงกหน้าเข้าไปในจอว่าเกิดอะไรขึ้น
[“อ้ะ”] ภูมิทำตาโตก่อนจะแทบเอาหน้าแนบมือถือเพื่อมองอีกคนชัดๆ
[“แม่!!!!!!!!!!! แม่มานี่เร็ว!!!!!!!!!!”]
ภามใจหายวาบหน้าเสีย “ภูมิ เดี๋ยว!” พยายามตะโกนเรียกแต่น้องชายก็ทิ้งมือถือวิ่งหายไปจากจอ เขาหันมามองหน้าพี่ดีนในขณะที่คนตัวโตขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย
ดีนตบต้นขาน้องแล้วบีบเบาๆเป็นเชิงบอกว่าเขาอยู่ตรงนี้ไม่ต้องกลัว
ไม่ถึงห้านาทีเจ้าตัวแสบก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมหญิงสาวตัดผมซอยสั้นกระฉับกระเฉง ใบหน้ามีริ้วรอยตามวัยหากแววตายังเปี่ยมไปด้วยพลัง
[“นี่ไง คนในเฟซบุ๊คที่แม่เปิดให้ดู ภูมิจำได้” ]
คนในเฟซ...แม่เปิดให้ดู
ภามอ้าปากค้าง เขาลืมไปเสียสนิทว่าภาพคู่ของเขากับพี่ดีนมันว่อนขนาดไหนทำไมมันจะไม่เข้าหูเข้าตาผู้ใหญ่ บางภาพแท็กชื่อเขาด้วยซ้ำ ใบหน้าขาวสะอาดเริ่มซีดสนิท โซเชี่ยลมีเดียกำลังวนกลับมาทำร้ายเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ผม..” ภามเสียงสั่น มือข้างหนึ่งเลื่อนลงไปกอบกุมมือใหญ่เอาไว้ ต่างคนต่างบีบมือตอบกันและกัน
บรรยากาศรอบตัวดูเหมือนจะเย็นลงหลายองศา ดอนมองน้องๆทั้งสามคนแล้วทำสัญญาณให้ลุกเพื่อหลบไปห้องอื่น เวลาแบบนี้ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของคนสองคน
หญิงสาวในจอขยับรอยยิ้มบางๆ [“มีอะไรจะบอกแม่ไหม”]
ลมหายใจของภามเริ่มติดขัด เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผมและมือเริ่มสั่น ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วคราวนี้ยิ่งซีดกว่าเดิม
กลัว กลัว ทำไมกลัวขนาดนี้
“ภาม!” เสียงทุ้มต่ำมาพร้อมแรงบีบที่ไหล่ ภามสะดุ้งโหยงกระพริบตาปริบๆ ยังดูสับสน
“มองพี่ ไม่มีอะไรทั้งนั้นโอเคไหม” ดีนจ้องดวงตาอีกฝ่าย “หายใจเข้าลึกๆ” รอจนน้องทำตามที่บอก “ดีมาก...”
ลมหายใจค่อยๆกลับเข้าสู่สภาวะปกติพร้อมระดับการเต้นของหัวใจที่สงบลง ภามพยักหน้าให้พี่ดีนแล้วกลับไปมองจออีกครั้ง
ไม่เป็นไร พี่ดีนอยู่ตรงนี้
“แม่..”
...
...
“นี่พี่ดีน แฟนภาม”
[“....”]
แม่เงียบสนิทบวกกับภูมิที่ทำตาโตอ้าปากค้าง ภามบีบมือคนรักแน่นบอกตัวเองในใจซ้ำๆ
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ต้องไม่เป็นไร
...
[“...เฮ้อ นึกว่าจะไม่บอกกันเสียแล้ว”] แม่ถอนใจแรงๆ แล้วยิ้มหวานกลับมาให้ลูกชาย [“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะดีน”]
ห้ะ!?
[“เย้ย อะไรอ่ะแม่ ภูมิไม่ยอมนะ ทำไมไม่แกล้งเยอะๆ!!!”] ภูมิที่อยู่ข้างๆมารดาโวยวาย พยายามเบียดตัวเข้าหน้ากล้องแต่ก็โดนแม่ไล่ให้ไปนั่งห่างๆเสียก่อน
“แม่..” ภามเรียกเสียงสั่น “แม่โอเคเหรอ”
[“ทำไมแม่จะไม่โอเคถ้าภามจะรักใครสักคน”] คนเป็นแม่หัวเราะเบาๆ [“แม่ไม่ว่าถ้าภามจะรักชอบใคร เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของภาม”] เลื่อนสายตามาหาคนที่นั่งข้างๆลูกชาย
[“ขอแค่ลูกแม่มีความสุข และคนคนนั้นรักลูกของแม่....”] หล่อนย้ำคำเสียงหนักแน่น
[“แม่ฝากน้องด้วยนะดีน”] เธอคลี่ยิ้มเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มมองตอบกลับอย่างมั่นคงไม่มีความลังเลใจ แค่เมื่อกี้ก็เห็นชัดแล้วว่าคนคนนี้คอยมองลูกชายเธอแค่ไหน เพียงแค่ภามมีปฏิกิริยาผิดปกติเขาก็รู้ทันที
“ครับ” ดีนตอบรับพร้อมยิ้มให้คนในจอ เขาหัวเราะเบาๆเมื่อเจ้าเด็กที่นั่งอยู่ด้านหลังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แถมมีเขียนใส่กระดาษชูให้ดูด้วยว่า ไม่ ยอม เฟ้ย!!
“ขอบคุณครับ” ภามพูดเสียงสั่น สองมือยกขึ้นไหว้มารดาแล้วน้ำตาเจ้ากรรมก็ร่วงผล็อย “ผมคิดถึงแม่นะ”
[“แม่ก็คิดถึงภาม...ไม่เอาร้องทำไม ไว้มีโอกาสก็มานิวยอร์กกันนะ ดีนด้วย”] เธอรีบชวนลูกชายคนใหม่ทันที ทำหูทวนลมเสียงโวยวายข้างหลัง
เรื่องความรักไม่ง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก สำหรับคนเป็นแม่ที่มีลูกเหลือแค่สองคน ถ้าทำให้ลูกมีความสุขได้เธอก็พร้อมจะทำทุกอย่างทั้งสี่คนพูดคุยกันอีกสักพักแม่ก็ขอตัวเพราะเริ่มดึกและยังมีอะไรต้องทำอีก เมื่อสัญญาณโดนตัดคนที่ทำตัวนิ่งเข้มแข็งมาตลอดถึงกับถอนใจเสียงดังจนภามต้องหันไปมอง
“อ้าว”
ดีนเหลือบมองเด็กขี้แยหน้าเหวอแล้วเอื้อมมือไปขยี้หัว
“พี่ก็เครียดเป็นนะ นั่งเกร็งตลอด ดีนะแม่เราไม่ดุ” ทำหน้าเก้อๆ เขินน้องนิดหน่อยที่ฟอร์มหลุด เขาทำหน้าเคร่งเมื่อเห็นน้องยิ้มล้อเลียน
“เดี๋ยวจะโดน..”
“อะแฮ่ม เดี๋ยวครับ เดี๋ยว จะทำอะไรน้องครับพี่” ดอนยืนพิงประตูเหล่มองพี่ชาย เขากลับมาจะดูสถานการณ์สักหน่อยดันเจอพี่ชายจ้องตะครุบแฟนซะแล้ว
คนเกือบโดนรังแกลุกพรวดหน้าแดงก่ำ ภามรีบหยิบแท็ปเล็ตเข้ากอดแล้วยิ้มให้ดอนอย่างเขินๆ
“ผะ ผมไปอ่านหนังสือก่อนนะครับ” พูดแล้วก็รีบเดินงุดๆ เปิดแนบหนีออกไปจากห้อง เขาอายเกินกว่าจะกล้าสบตากับพี่ดอน
ก้างชิ้นโตที่ชื่อว่าดอนมองตามหลังน้องยิ้มๆ แต่พอเลื่อนสายตากลับมาหาพี่ชายก็สะดุ้งโหยงกับสายตาคาดโทษตาขวาง
โอยยย แค่ขัดจังหวะนิดๆหน่อยๆ เอง
“เอ้อ.........ผม....ไปช่วยน้องติวหนังสือก่อนนะ” ดอนรีบหมุนตัวหายแว้บตามภามไปอีกคนเมื่อพี่ชายลุกขึ้น ยังไง๊ยังไงเขาก็ยังกลัวพี่อยู่ดี โคตรดุเลย
(ต่อรีพลายถัดไปค่ะ)