เรื่องนี้ปิ๊งกี้ขอมาอ่ะคับเลยเอามาสนองชีหน่อย
ปิ๊งกี้เค้าเองก็สาวกDKนะตัว หุหุ
The ghost ผีคอลาเจน
One day ในห้องซ้อมของDir en grey
“นี่ๆพวกเราชั้นซื้อเครื่องสำอางมาใหม่ดูสิ”ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของแววตาขี้เล่นเอ่ยขึ้นหลังจากที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องซ้อม อันที่ซึ่งเป็นแหล่งใช้ทำงานและหาเงิน
“นายซื้ออะไรของนายมาน่ะ?”ชายหนุ่มร่างเล็กเอ่ยขึ้น พร้อมกับหยิบเจ้ากระปุกสีใสขึ้นมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์
“ครีมบำรุงหน้าน่ะเป็นสารสกัดจากคอลาเจนเขาว่าดีอ่ะ กำลังฮิตในหมู่พวกสาวๆล่ะ เมื่อวานชั้นไปเดินชิบุยะกับชินยะมา เลยซื้อมาฝากดายกับคาโอรุซะหน่อย เขาว่าใช้ลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดีเชียวนา”โทชิยะบรรยายถึงสรรพคุณของเครื่องสำอางเสร็จสรรพ พร้อมกับหันหน้าไปมองสมาชิกร่วมวง ซึ่งเรียกกันว่า ’ผู้สูงอายุ’ สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาเคืองๆของผู้อายุทั้งสอง พร้อมกับสะบัดหน้าไปอีกทางปากขมุบขมิบเหมือนกำลังกร่นด่าอยู่ในใจ
“เออก็ดีนะเข้าท่าๆ พวกนายสองคนน่าจะลองใช้ดูนะ ฮ่าๆ”เคียวหัวเราะก๊ากเมื่อได้ยินคำพูดของโทชิยะ และเมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบรับจากคนทั้งคู่ยิ่งหัวเราะเสียงดังลั่นห้องซ้อม
“เฮอะ!!”ดายสบถเสียงดังลั่น ทำเอาโทชิยะและเคียวหัวเราะร่วนอย่างพอใจ ส่วนชินยะได้แต่ส่ายหน้ากับพฤติกรรมของคนทั้งสองอย่างระอา
“นี่ๆของนอกเชียวนา ชั้นอุตส่าห์หวังดีซื้อมาให้พวกนายเชียวนา รับไปหน่อยสิเดี๋ยวจะเสียน้ำใจ”โทชิยะพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ช่างขบขันเสียเหลือเกินเมื่อถูกใจได้แหย่เพื่อนเล่น แต่ผู้พาดพิงทั้งสองกลับทำหน้าเครียดเมื่อถูกหัวเราะเยาะใส่
“มุขฮาๆแต่พาเพื่อนเครียดนะนั่น”ชินยะพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของดายกลับคาโอรุ อดสงสารไม่ได้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ ลองโทชิยะและเคียวร่วมมือกันแหย่ดายกับคาโอรุเมื่อไร ยากนักที่จะห้ามกันได้จึงได้แต่ตีแขนโทชิยะดังเผียะเป็นการเตือน
“ว่าแต่เป็นของนอกที่นายว่าเนี่ยมันมาจากประเทศอะไรละนั่น”เคียวถามขึ้นมาอย่างสนใจกับคำพูดของโทชิยะเมื่อสักครู่
“เขาว่ามาจากจีนน่ะ คนขายเขาว่ากำลังนิยมในหมู่สาวๆจีน ซื้อมาใช้กันตรึมเลย ใช้ไปเถอะหน้าจะได้ตึงลดริ้วรอยบนใบหน้าของพวกนาย”โทชิยะบรรยายสรรพคุณเครื่องสำอางอีกครั้ง พร้อมกับยื่นถุงนั่นให้กับคาโอรุและดายคนละถุง ทั้งสองจึงรับของมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
“อยู่ด้วยกันน่าจะให้แค่กระปุกเดียวก็พอไม่รู้จะซื้อมาสองให้เปลืองทำไม”เคียวบ่นอุบเสียงเบาแต่ก็เข้าหูชินยะจนได้
“อย่าทำงกไปหน่อยเลยน่าเคียวซัง โทชิยะเขาเสียเงินซื้อเคียวซังไม่ได้ซื้อซะหน่อย”คำพูดของชินยะเคียวถึงกับค้อนขวับแก้มป่อง ชินยะหัวเราะน้อยๆให้กับนักร้องนำคนเก่ง
“เอาล่ะซ้อมๆ มัวแต่พล่ามกันอยู่นั่นแหละ”เสียงประกาศิตจากหัวหน้าวง ทำให้ทุกคนแยกย้ายกันไปคนละทิศ แต่ก็ไม่วายมีเสียงบ่นตามมา
“ชิ จู้จี้ชะมัดสมแล้วที่เมียเจ้าดาย”เคียวบ่นเสียงเบา แต่หูนรกของคาโอรุกลับได้ยินเสียงนั่นจึงตอบกลับไป
“อย่าคิดนะเคียวว่าชั้นไม่ได้ยินที่นายพูด รึนายอยากจะลองมาเป็นเมียชั้นดีล่ะ จะได้อยู่ในโอวาทให้มากขึ้นเหมือนอย่างดาย หึหึ”พูดพร้อมกับหัวเราะเสียงเย็น เล่นเอาเคียวผวารีบเดินหนีให้พ้นรัศมีโดยทันท่วงที
ทุกอย่างเป็นไปตามปรกติการซ้อมวันนี้ก็มีการอัดเสียง แล้วก็ซ้อมกันตามปรกติ ใครจะรู้จะได้ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้นมา ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลย ไม่มี
ตกค่ำของวันนั้น เวลาประมาณ 21:00น.
“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อนเลิกซ้อมได้”สิ้นเสียงคำสั่งของหัวหน้าวง ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปคนละทาง ถอดเครื่องดนตรีเก็บไว้ตามมุมต่างๆ บ้างก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าและทำธุระส่วนตัว บางก็ทิ้งตัวนั่งพักพร้อมกับหาน้ำดื่มเพื่อดับกระหาย เหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินอย่างปรกติเช่นทุกๆวันที่ผ่านมา โดยไม่รู้ว่ากำลังมีบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวกันเลยสักนิด
“เลิกซ้อมแล้วจะไปไหนกันต่อรึเปล่า?”เคียวเอ่ยปากถามเมื่อเห็นว่าทุกคนกลับเข้ามาที่ห้องซ้อมเหมือนเดิม
“คงไม่อ่ะชั้นกะว่าจะหาซื้ออะไรกลับไปกินในห้อง แล้วจะงีบเลยเหนื่อยว่ะไม่ไหว”โทชิยะโบกมือหยอยๆ พร้อมกับใช้ผ้าขนหนูผืนนุ่มวับที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ
“นายพูดจริงอ่ะโทชิยะ งั้นคืนนี้ชั้นก็ได้นอนอย่างเต็มที่แล้วสิ”คำพูดของชินยะเคียวถึงกับเหลือบตากลับไปมองทันที พูดอะไรสองแง่สองง่ามน่าคิด(ลึก)เว่ย
“ชั้นจะปล่อยนายแค่คืนนี้เท่านั้นแหละชินยะ นอนให้เต็มที่เลยล่ะแล้วคืนต่อๆไปเตรียมใจไว้ให้ดีเถอะ หึหึ”คำพูดพร้อมเสียงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ทำให้ชินยะรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เสียวสันหลังขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง
“ง่า~~~”ท่าทางคืนต่อๆไปคงจะไม่รอดแน่ล่ะชินยะเอ๋ยเตรียมใจเอาไว้เถอะ
“แล้วนายสองคนล่ะคาโอรุ ดายจะไปไหนต่อหรือเปล่า?”เคียวหันไปถามผู้สูงอายุทั้งสอง ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการเก็บของอยู่
“พวกชั้นก็จะกลับเลย ทำไมเหรอเคียวจะหาเพื่อนดื่มรึไง เสียใจด้วยนะสำหรับราตรีนี้ ชั้นจะกลับไป... ผั๊วะ!!”พูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็เจอลูกมะเหงกจากคุณภรรยาที่เคารพรักเสียก่อน มือที่ใช้เก็บของก็ละมากุมตรงบริเวณที่เพิ่งถูกวางระเบิดไปเมื่อสักครู่
“ง่ะ เจ็บนะคาโอรุใจร้าย”ดายส่งเสียงร้องโอดโอย ตามมาด้วยแววตาที่น่าสงสารเหมือนลูกแมวถูกทิ้งไม่มีผิด เอาวะยอมด้านเผื่อคาโอรุจะอ่อนใจ
“พูดไม่รู้จักดูสถานที่สมควรแล้วที่ถูกลงโทษ”คาโอรุพูดเสียงเย็นโดยไม่หันกลับไปมองเจ้าของแววตาเหมือนลูกแมวถูกทิ้งเลยสักนิด ดายบู้ปากทันทีเมื่อวิธีออดอ้อนไม่ได้ผล
“คืนนี้ต้องดื่มคนเดียวอีกแล้วรึเรา ว๊า~”ร่างเล็กบ่นอุบเมื่อเพื่อนทั้งหลายต่างไม่มีวี่แววจะรับคำชวนเขาเลยสักนิด
“โทษนะเคียวเอาไว้คราวหน้าแล้วกัน สัญญาเลยว่าจะไปด้วย”ชายร่างสูงพูดปลอบใจเมื่อเห็นแววตาเหงาๆของเพื่อน
“สัญญาแล้วนะโทชิยะ”เคียวยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนร่างสูงทำให้เขายิ้มออกมาอย่างดีใจ
“เอาไว้คราวหน้าไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ เอ้า จะกลับได้รึยังดายยืนทำหน้าเง้างอดอยู่นั่นแหละ”คาโอรุหันไปพูดกับเพื่อนร่างเล็กก่อน แล้วหันไปสั่งดายที่ยืนทำหน้ายู่อยู่ที่เดิม
“หน้ายู่หมดแล้วดาย คืนนี้ก่อนนอนอย่าลืมใช้ครีมนะจ๊ะ หน้าจะได้ไม่เหี่ยว ฮ่าๆๆๆ”โทชิยะพูดสั่งเพื่อนก่อนจะหิ้วกระเป๋าเดินตามชินยะออกไป แล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“เชอะ!!”พร้อมกับเสียงบ่นงึมงัมตามมาแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกไปอีกคน เคียวเห็นแล้วหัวเราะแล้วเดินตามออกไปเป็นคนสุดท้าย ประตูห้องซ้อมปิดลงความเงียบสงบกลับมาอีกครั้ง ภายในตึกที่ตอนนี้แทบจะไม่มีใครเหลืออยู่อีกเลย เพราะพวกบรรดาสต๊าฟและทีมงานต่างแยกย้ายกลับกันไปก่อนตั้งแต่เมื่อตอน20.30น.แล้ว คงเหลือเพียงแต่พนักงานรักษความปลอดภัยที่ทำหน้าที่อยู่บริเวณหน้าตึกเท่านั้น
ตกดึกของวันนั้น เวลาประมาณ 22.30น. ที่ห้องของดาย และ คาโอรุ
หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้วดายเดินมานั่งลงที่หน้ากระจก ร่างบางของคาโอรุนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงหันมาถาม
“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ?”
“อืม...นายก็ไปอาบมั่งสิ น้ำกำลังอุ่นได้ที่เลยเชียวล่ะ”จบคำพูดของร่างสูงร่างบางลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบเสื้อผ้าอันเป็นชุดนอนและผ้าขนหนูจากมือของร่างสูงที่ยื่นส่งมาให้ เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาทีร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอน พร้อมกับกลิ่นกายที่หอมฟุ้งอันเกิดมาจากสบู่เหลวที่ใช้อาบน้ำนั่นเอง คาโอรุเดินมาทิ้งกายลงนั่งส่วนปลายของเตียงนอนมือข้างหนึ่งใช้ขยี้เรือนผมผ่านผ้าขนหนู เพื่อให้ซับน้ำที่เกิดจากการสระผมเมื่อตอนเข้าไปอาบ ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้คนรักแล้วหยิบผ้าขนหนูจากมือเรียวมาเช็ดผมให้แทน เป็นการเอาใจใส่อย่างหนึ่งของดายที่คาโอรุพอใจเป็นอย่างมาก ดายดูแลเขาทุกอย่างเวลาที่อยู่ในห้องส่วนตัว ไม่ว่าจะเตรียมอาหารเช้า ทำความสะอาด หรือแม้แต่เช็ดผมยามเมื่อเขาสระผม ทุกอย่างดายล้วนดูแลอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เพราะเห็นว่าเขาเหนื่อยมาจากการทำงานทั้งวัน เขาเป็นหัวหน้าวงที่ต้องรับภาระแทบจะทุกอย่าง กลับมาบ้านก็อยากจะผ่อนคลายบ้างเป็นธรรมดา การมีคนรักอยู่ข้างกายมันสุขอย่างนี้เองเหรอ? เขาเพิ่งจะเข้าใจเมื่อย้ายมาอยู่ด้วยกันกับดายนี่แหละหลังจากที่คบกันมานาน
“นั่นครีมที่เจ้าโทชิยะซื้อมาให้วันนี้นี่นายใช้มันแล้วเหรอ?”คาโอรุถามเมื่อเห็นเจ้าประปุกครีมที่เพิ่งได้รับมาเปิดฝาทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะ คนใช้ลืมปิดอีกตามเคยสิน่า
“อือลองใช้ดูน่ะไหนๆก็ไม่ได้เสียตังค์ซื้ออยู่แล้ว ลองใช้สักหน่อยจะเป็นไรไป เผื่อว่าไอ้ริ้วรอยที่ขึ้นมาจะดีขึ้นมาบ้าง”ดายสาธยาย คาโอรุหัวเราะออกมาเบาๆ
“งกใช้ได้เลยนายนี่”
“แน่นอนอยู่แล้ว แฟนนายทั้งคนนี่ ฮิ ฮิ”
“นี่ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ ชั้นเป็นยังไงก็ช่างน่า ที่ทำก็เพื่อเราสองคนทั้งนั้นแหละ”ร่างบางกอดอก ร่างสูงรีบง้อทันที
“รู้อยู่แล้วล่ะครับ กระผมแค่แหย่เล่นเท่านั้นเอง”ดายยื่นนิ้วก้อยให้คาโอรุอมยิ้มพร้อมยื่นนิ้วเข้าไปเกี่ยวกับนิ้วของอีกฝ่าย
“จะลองใช้หน่อยมั้ย?”ดายถามความเห็นจากอีกฝ่าย
“ไม่ล่ะเอาไว้คราวหน้าเถอะ ดึกแล้วนอนได้แล้วล่ะ พรุ่งนี้จะต้องออกแต่เช้า”ร่างบางขยับกายล้มตัวลงนอน ร่างสูงขยับกายเข้ามาใกล้หยิบมาห่มขึ้นมาคลุมกายให้ร่างที่นอนอยู่ข้างๆ ปิดไฟแล้วก็ล้มตัวลงนอนตามไปในที่สุด แถมยังดึงร่างบางเข้ามากอดแนบอกด้วย
ดึกสงัดของคืนนั้น เวลาประมาณ 02.00น.
คืนนี้ดายรู้สึกนอนไม่หลับอย่างประหลาดแถมยังกระสับกระส่าย บอกไม่ถูกว่ามันเป็นเพราะอะไร จะดื่มกาแฟมากไปก็ไม่น่าจะใช่ วันนี้เขาดื่มกาแฟร้อนไปแค่1แก้วตอนที่ออกจากห้องเป็นมื้อเช้า แล้วก็กาแฟเย็นอีก1กระป๋อง ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุได้นะแล้วมันอะไรกันล่ะ?
ตอนนี้ดายอยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ จู่ๆก็มีเงาดำผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว มันผ่านตรงบริเวณหน้าเตียงที่เขาใช้หลับนอนกับคาโอรุ เขามั่นใจว่าตัวเองตาไม่ฝาดแน่ๆ แต่มันเป็นเงาของอะไรกันล่ะ? นั่นแหละคือคำตอบที่เขาอยากได้มากเป็นที่สุดในเวลานี้ ในใจภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย แล้วสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่มันคืออะไรกันล่ะ? คงจะเป็นอะไรบางอย่างที่ตัวเขาเองก็ให้คำตอบไม่ได้ เขาเหลือบไปมองข้างตัวคาโอรุกำลังหลับสนิทเหมือนเดิม ไม่ได้มารับรู้ในสิ่งที่เขากำลังจะเริ่มกลัว ดายพยายามที่จะไม่คิดมากแล้วหลับตาลงอีกครั้ง ขณะที่เขากำลังจะหลับตาอีกครั้งนั่นเอง เงาดำที่ปรากฏให้เขาเห็นรอบแรกที่ทำให้คิดว่าตัวเองตาฝาดนั้นได้กลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันปรากฏขึ้นนานกว่าเมื่อคราวแรกเสียด้วยซ้ำ แถมยังหยุดนิ่งอยู่บริเวณปลายเตียง ดายถึงกับผวาดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า พร้อมกับภาวนาในใจ ‘ตาฝาดชั้นต้องตาฝาดแน่ๆ ไม่มีอะไรหรอกน่าดายไม่มี ผีมันไม่มีอยู่ในโลกหรอกน่า’ พยายามทำใจไม่ให้คิดมาก แล้วค่อยๆสวดมนต์ในใจ เวลาผ่านไปดูเหมือนทุกอย่างจะสงบลงดังเดิม ถึงกระนั้นดายก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ดี ชายหนุ่มค่อยๆเปิดผ้าห่มออกอย่างช้าๆเพื่อให้พ้นตา แล้วมองไปรอบๆห้องทุกอย่างเป็นปรกติ ดายถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาก็แค่คิดมากไปเท่านั้นเอง ฟู่~~
ชายหนุ่มเตรียมจะหลับตาลงนอนอีกครั้งเมื่อเขาแน่ใจแล้วว่า มันจะไม่มีไอ้เงาดำๆวิ่งผ่านหน้าเขาเป็นครั้งที่สามอีกแน่ๆ ชายหนุ่มเชื่ออย่างนั้น เขาเริ่มย่ามใจแล้วหลับตาลงนอนอย่างอ่อนแรง เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ เมื่อน้ำหนักบนเตียงนอนเพิ่มมากขึ้น แล้วเหมือนมีบางอย่างมาทาบทับกายของเขา คาโอรุละมั้ง....ดายคิดแบบนั้นโดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมามอง มือเรียวกำลังจะไปขยับร่างที่อยู่บนตัวเขาให้ขยับลงไปนอนตามเดิม ในจังหวะนั้นเองขณะที่มือของเขากำลังจะขยับไป นิ้วของเขาสะกิดผ่านร่างเนื้อที่อบอุ่นที่อยู่ด้านข้าง ดายรู้สึกผวาขึ้นมาทันทีแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตา แถมยังหลับตาปี๋แน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม ‘คาโอรุก็ยังนอนอยู่ข้างๆเรานี่นา แล้วใครกันล่ะที่คร่อมทับร่างของเราอยู่ในตอนนี้?’ มันเป็นคำถามที่ตัวเขาเองต้องให้คำตอบแก่ตัวเองเท่านั้น ไม่มีใครที่จะตอบคำถามนี้ได้นอกจากตัวของเขาเอง ชายหนุ่มกลั้นลมหายใจเพียงชั่วครู่ก่อนจะพ่นลมหายใจนั้นออกมา เขากำลังทำใจดีสู้เสือยอมเผชิญเหตุการณ์ข้างหน้า เขาอยากจะพิสูจน์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ร่างที่ทาบทับเขาอยู่นั้นยังอยู่ที่เดิมไม่มีทีท่าว่าจะลงมาหรือยังคงอยู่เช่นนั้น แถมน้ำหนักตัวยังมากกว่าปรกติจนร่างกายของเขาเริ่มชา อยากให้จะมันหลุดไปพ้นๆจากร่างของเขาเสียที ชายหนุ่มคิดเช่นนั้น จากนั้นจึงค่อยๆลืมตาอย่างเชื่องช้า เพ่งพิจใบหน้าที่อยู่ด้านบน เมื่อเห็นใบหน้านั้นในความมืดอย่างชัดเจน เขาแทบจะกรีดร้องเสียงดังลั่น ในเมื่อใบหน้าของร่างที่ทาบทับเขาอยู่นั้น มันใช่ใบหน้าของคนเสียที่ไหนกัน ดวงตาแดงก่ำราวกับปีศาจแถมยังปูดโปนออกมาจากเบ้าตาทั้งสองข้าง ใบหน้าบูดเบี้ยวแถมยังมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มไปทั่วบริเวณที่มีแผลพุพอง ปากฉีกกว้างแทบจะถึงใบหูทั้งสองข้าง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มเห็นแทบจะสิ้นสติเสียให้ได้ จู่ๆใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าห่างกันแค่คืบก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ชวนให้เสียวสันหลังวาบแก่คนฟัง