>> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 14 -P.4- (13.12.2016)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 14 -P.4- (13.12.2016)  (อ่าน 21234 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2016 16:48:15 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << คำโปรย -P.1- (03.10.2016)
«ตอบ #1 เมื่อ03-10-2016 20:14:15 »







'ในศตวรรษที่ 21 ยังมีความเชื่อเรื่องภูติ ผี ปีศาจ หลงเหลืออยู่อีกเหรอ?'







เทวิน - Tevin

เป็นนักศึกษาทุนของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง รู้สึกไม่ทุกข์ร้อนกับการเรียนสักเท่าไหร่
นิสัยค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น พูดเก่ง ไม่กลัวสิ่งลี้ลับใดๆ กล้าได้กล้าเสีย มีอัธยาศัยดี

'อยากเห็นปีศาจตัวเป็นๆสักครั้งว่ะ หน้าตาจะน่ากลัวขนาดไหน'



เซน - Zane

เป็นนักศึกษาทุนของมหาวิทยาลัยเอกชนเช่นกัน คนที่ถือได้ว่าเพอร์เฟ็คไปทุกด้านจนใครๆต่างก็อิจฉา
มีนิสัยเงียบขรึม นิ่ง ไม่แคร์ความรู้สึกใครสักเท่าไหร่แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างเทวิน ชอบแกล้งคนอื่นอย่างหน้าตาย

'หาเรื่องนะเทวิน ตายขึ้นมากูจะสมน้ำหน้าให้'



อัสโมดาย - Asmoday


ปีศาจที่เทวินลองเรียกมา เขาได้ชื่อว่าเป็นปีศาจที่ดีตนหนึ่งแถมยังมียศขั้นราชาในแดนนรกโกเอเทียอีกด้วย
มีนิสัยขี้เล่นชอบหยอกล้อและล่อลวงให้วิญญาณมนุษย์ตกนรก

'เรียกข้ามาแต่เจ้าไม่มีความปรารถนาหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นขอค่าเสียเวลาเป็นเรือนร่างเจ้าดีไหม?'



--------------------------------------------------------------



สารบัญ

♦ เริ่มต้น ♦
♦ ตำราบทที่ 1 ♦
♦ ตำราบทที่ 2 ♦
♦ ตำราบทที่ 3 ♦
♦ ตำราบทที่ 4 ♦
♦ ตำราบทที่ 5 ♦
♦ ตำราบทที่ 6 ♦
♦ ตำราบทที่ 7 ♦
♦ ตำราบทที่ 8 ♦
♦ ตำราบทที่ 9 ♦
♦ ตำราบทที่ 10 ♦
♦ ตำราบทที่ 11 ♦
♦ ตำราบทที่ 12 ♦
♦ ตำราบทที่ 13 ♦





เข้าไปเวิ่นเว่อกับเราที่เพจได้น้า https://www.facebook.com/Ch0cmint/




ผลงานทั้งหมด
♥ [เรื่องสั้น] Tweet Love - จบแล้ว
♥ [เรื่องสั้น] Flirt (Pack x Jeans) - จบแล้ว
♥ [เรื่องยาว] Follow You คามรักคุณ - จบแล้ว
♥ [เรื่องยาว] Coffee Shop รักนี้...รสกาแฟ - ยังไม่จบ
♥ [เรื่องยาว] Day & Night เพราะว่ารัก - ยังไม่จบ
♥ [เรื่องยาว] Fierce ถึงร้ายก็รัก - ยังไม่จบ
♥ [เรื่องยาว] Love at first sight คุณครับ...มาเป็นของผมเถอะ - ยังไม่จบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2016 14:46:02 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: >> Demon' s Contract << คำโปรย -P.1- (03.10.2016)
«ตอบ #2 เมื่อ03-10-2016 20:26:36 »

ตามมาให้กำลังใจเรื่องใหม่ค่ะ^^ แฟนตาซีหรอคะ น่าติดตามๆ รออ่านน้า

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: >> Demon' s Contract << คำโปรย -P.1- (03.10.2016)
«ตอบ #3 เมื่อ03-10-2016 22:40:21 »

 :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: >> Demon' s Contract << คำโปรย -P.1- (03.10.2016)
«ตอบ #4 เมื่อ09-10-2016 12:01:34 »

เรื่องใหม่ๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
 :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << เริ่มต้น -P.1- (09.10.2016)
«ตอบ #5 เมื่อ09-10-2016 16:02:58 »

- เริ่มต้น -




ชีวิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นอะไรที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามีความสุขหรือมีความทุกข์มากกว่ากัน เพราะชีวิตในแต่ละวันนั้นมีทั้งเรียนทั้งกิจกรรมสลับกันไปไม่ว่างเว้น แต่มันน่าเบื่อตรงที่ชีวิตไม่มีความตื่นเต้นให้สัมผัสเลยสักครั้ง

ชีวิตผมต่างกับคนที่เป็นเพื่อนสนิทหน้าตาหล่อเหลาหุ่นดีอย่างกับนายแบบหลุดออกจากนิตยสาร เส้นผมสีเทาเหลือบดำเพราะผ่านการทำไฮไลท์ ดวงตาคมสีเทาอ่อนจนดูน่ากลัวอย่างกับปีศาจร้าย ครั้งแรกที่เจอกันมั่นใจว่าคนๆ นี้ต้องไม่ใช่คนไทยแน่ๆ แต่มันกลับบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็น อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมสีตาผิดปกติ มองถัดลงมาจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักสีส้มอ่อน สันกรามสวยได้รูปจนน่าอิจฉา  ผิวสีแทนกระชากใจสาวๆมาพร้อมซิกแพคแน่นๆ ตรงข้ามกับแทบผมทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่บ่งบอกความเข้ากันเลยสักนิด แต่มาเป็นเพื่อนกันได้แบบงงๆ อาจเป็นเพราะว่าพวกเราเป็นเด็กทุนของมหา'ลัยเหมือนกัน

ผมชื่อ 'เทวิน' มีความหมายว่าหล่อ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับความเป็นจริงทั้งหมดทั้งมวลเมื่อประเมินจากหน้าตา ไม่ใช่ว่าขี้ริ้วขี้เหล่อะไรแต่ไม่ถึงขนาดหล่อ พอไปวัดไปวาได้คงเหมาะกับผมที่สุด ส่วนเพื่อนสนิทสุดที่รักชื่อ 'เซน' มีความหมายว่าของขวัญจากพระเจ้า ซึ่งมันคงจริงในเมื่อรูปร่าง หน้าตา ฐานะ ล้วนแล้วแต่ดีทั้งนั้น อาจยกเว้นเรื่องนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าไว้อย่างหนึ่ง เพราะไม่เคยเจอรักแท้จึงไม่คิดจะหยุดอยู่ที่ใคร

"วิน"

"....."

"ไอ้วิน"

"หืม อะไร?"
ผมหลุดจากภวังค์ความคิดเพราะเสียงทุ้มนุ่มของเซนเรียกชื่อ ตอนนี้เราทั้งสองคนอยู่ในคอนโดมืดสลัวเพราะไฟฟ้าเกิดดับขึ้นมากะทันหัน ตอนแรกผมว่าจะกลับบ้านแต่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก่อนเลยไม่อยากปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว จำใจทนนั่งอยู่หน้าเปลวเทียนวูบไหวและเพิ่งสังเกตว่าตัวเทียนเป็นสีฟ้าครามแปลกตา

"เหม่ออะไร? เรียกแล้วไม่ตอบ"
เซนเป็นคนประหยัดคำพูดจนหลายๆ คนหาว่าหยิ่ง แต่สำหรับผมแล้วนี่คือนิสัยปกติของเขา เงียบ นิ่งเป็นประจำ แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดี คอยช่วยเหลือกันยามลำบากทุกครั้ง ผมเลิกคิ้วมองแล้วส่ายหน้าช้าๆ เมื่อครู่ไม่ได้เหม่อนะ แค่คิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง

"คิดอะไรนิดหน่อย แล้วนี่เราจะนั่งอยู่ตรงนี้อีกนานไหม?"
ผมถามกลับไปก่อนจะเป่าเปลวเทียนให้วูบไหวเล่น เงาที่ปรากฏบนผนังแลดูน่ากลัวอยู่ในที แต่มันแค่เรื่องเล็กเพราะเราทั้งสองคนไม่เคยกลัวสิ่งลี้ลับใดๆ อาจเพราะไม่เคยเจอจังๆ มาก่อนก็เป็นได้

"ทำไม อยากออกไปข้างนอกเหรอ?"
เขาถามขึ้น ดวงตาสีเทาจับจ้องเปลวเทียนอย่างไม่ลดละ กลิ่นมิ้นท์จางๆ จากตัวเซนลอยฟุ้งในอากาศ เมื่ออยู่ใกล้ๆ กันมันจะชัดเจนในโสตประสาทการรับกลิ่นของผมเสมอ เป็นแบบนี้มาช่วงหนึ่งแล้ว แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไร... ช่างมันเถอะ ผมอาจจะมโนไปเองเพราะชอบกลิ่นมิ้นท์ก็ได้

"เปล่า น่าเบื่อว่ะ นั่งมองเทียนกันอยู่แบบนี้"
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเราสองคนต้องมานั่งมองเทียนเล่มสีฟ้าแปลกตากันด้วย นึกแล้วก็หลุดยิ้มออกมากับความบ้าของตัวเองและคนตรงหน้า ความรู้สึกเคอะเขินเวลาอยู่ด้วยกันสองคนตอนไฟดับแบบนี้มันก็แปลกดี

"หรือมึงจะมองตากู"
คำถามทีเล่นทีจริงทำให้ผมสะดุดลมหายใจตัวเองไปหนึ่งจังหวะ เรื่องอะไรที่เราต้องมานั่งมองตากันท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกแบบนี้ด้วย ถ้ากับสาวๆ จะไม่ว่าอะไรเลย แถมจะชวนขึ้นเตียงซะด้วยซ้ำเพราะสายฝนกำลังเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย ส่งผลให้อากาศเย็นลงจนต้องการความอบอุ่น อย่าทำอะไรน่าขนลุกกันจะได้ไหม เป็นเพื่อนก็เว้นๆ บ้างเถอะ ไม่ใช่คู่นอน

"มองก็เหี้ยแล้วเซน ขนลุก"
ผมพูดก่อนจะเบ้ปากใส่คนที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ไอ้นิสัยนิ่งเงียบของเซนบางครั้งมันก็แค่ฉากบังหน้าที่ไม่สวยหรูสักเท่าไหร่ เขาเป็นคนขี้แกล้ง แกล้งแบบหน้าตายแถมยังชอบทำให้ผมใจสั่นเสมอด้วย ถ้าเกิดหวั่นไหวขึ้นมาคงไม่โทษใครหรอก โทษเซนนี่ล่ะ

"กลัวหวั่นไหวก็บอกตรงๆ"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเซนมีพลังจนน่าแปลกใจ ผมไม่อาจปฏิเสธเขาได้ในทันทีเหมือนทุกๆ ครั้งที่โดนเขาหยอดคำหวานหรือแกล้งอะไรที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ เหมือนมีมนตร์สะกดตรึงให้ผมหลงใหลในทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบรวมเป็นผู้ชายคนนี้ เซนไม่เคยแสดงออกว่ารักใคร เหมือนกับเขาไร้หัวใจ

มิตรภาพระหว่างเราบางครั้งก็เหมือนว่ามันเป็นของจอมปลอมเพียงแค่ภาพลวงตาที่สร้างขึ้น แต่ไม่รู้ทำไมผมพอใจกับปัจจุบันที่เป็นอยู่ เคยถามตัวเองหลายครั้งว่าหลงรักเขาหรือเปล่า แต่คำตอบช่างเลือนรางจนต้องสลัดออกจากความคิดไปซะทุกครั้ง ไม่มีคำตอบของคำถามมาเป็นปีๆแล้ว และคิดว่ามันคงไม่มีต่อไป

"เลิกแกล้งกูได้แล้ว ไม่งั้นจะกลับบ้านแล้วนะเว้ย"
แกล้งขู่เขาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทั้งๆ ที่หัวใจกำลังเต้นระรัว ไม่รู้ว่าอาการพวกนี้เริ่มเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยซ้ำ แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว และมันน่าเป็นห่วงกลัวว่าความรู้สึกจะถลำลึกจนเกินเยียวยา การแอบรักเพื่อนสนิทมีเปอร์เซ็นผิดหวังเยอะ ใครๆ ก็รู้ดี

"อยากกลับก็กลับ ใครห้าม"
เซนยักคิ้วกวนๆมาให้กัน ผมได้แต่เบ้ปากใส่เขาอย่างหงุดหงิด เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ผมขู่เขา เซนไม่เคยอ้อนวอนแม้แต่นิดเดียว ไม่มีแม้สักครั้งที่ร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีจุดอ่อนบ้างหรือเปล่า บางครั้งผมก็สงสัยจนเก็บไปคิดมากเลยทีเดียว

"ง้อกันบ้างก็ไม่มีวะคนเรา"
ผมกอดอกแล้วทิ้งตัวพิงโซฟาหนักๆด้วยแรงอารมณ์คุกรุ่น เซนเลิกคิ้วมองกันเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ มันไม่ใช่รอยยิ้มที่กวนโอ้ยอะไรแต่เขาจะรู้ไหมว่าทำให้ใครต่อใครหลงใหลมากยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นบรรดาเพื่อนร่วมสาขา คนร่วมคณะ หรือแม้แต่คนทั้งมหา'ลัยก็ดูเหมือนจะชื่นชอบในตัวเขากันทั้งนั้น

มีรุ่นพี่เคยทาบทามให้ประกวดเดือน เซนไม่ประกวดเพราะไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย ทาบทามให้ไปถ่ายนิตยสารวัยรุ่น เซนไม่ทำเพราะเหตุผลเดียวกัน ก็ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่มีใครสามารถบังคับใครได้ ผมเลยไม่คะยั้นคะยอหรือรบเร้าให้เขาทำให้สิ่งที่ไม่ชอบ

"ไม่ใช่แฟนกูสักหน่อย"

"เพื่อนก็ง้อกันได้ปะวะเซน แม่ง!"
ผมกระแทกเสียงแล้วหลับตาลงหวังระงับอารมณ์ที่เดือดปะทุลง ประสาทการรับเสียงได้ยินการเคลื่อนไหวของเซนและรับรู้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่ขยับเข้ามาใกล้ จนในที่สุดร่างของผมถูกเขาดึงเข้าไปกอดไว้ ใบหน้าซุกลงตรงซอกคอจนได้กลิ่นหอมสดชื่นของมิ้นท์ อีกแล้ว ได้กลิ่นอีกแล้ว ทั้งๆ ที่เจ้าตัวบอกว่าไม่ฉีดน้ำหอม ลูกอม หมากฝรั่งก็ไม่ได้กิน แปลกมาก แปลกจริงๆ

"อย่าโกรธ แค่ล้อเล่น"
เสียงทุ้มปลอบประโลมกันอย่างอ่อนโยน สัมผัสบริเวณต้นคอทำให้อ่อนระทวยได้ไม่ยากในเมื่อจมูกโด่งฝังลงไปราวกับจะย้ำเตือนว่าร่างกายของผมมีเขาเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว อย่าเพิ่งตกใจไป เราไม่เคยมีอะไรกัน ก็แค่สัมผัสบางเบาที่เซนมักบอกเสมอว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน แต่ผมมักตั้งคำถามเสมอว่า 'เพื่อนคนอื่นๆ เขาทำแบบนี้กันเหรอ เหมือนที่เรากำลังทำกันอยู่หรือเปล่า' แต่มันไม่เคยมีคำตอบกลับมาเลยสักครั้ง ช่างมันเถอะ เป็นแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกัน

"ทำไมชอบแกล้งกันจังวะ?"
ผมถามกลับไปเสียงอู้อี้เพราะใบหน้ายังคงซุกอยู่ที่เดิม คอยสูดกลิ่นผิวกายหอมเย็นของคนตรงหน้า บางครั้งก็รู้สึกเหมือนว่าเซนมีบรรยากาศรอบตัวที่แปลกประหลาดจะว่าสว่างสดใสเหมือนพระเจ้าก็ไม่ใช่จะมืดดำอย่างปีศาจก็ไม่เชิง แต่มันแฝงไว้ซึ่งความน่าเกรงขาม เพราะแบบนี้เลยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาตีสนิทสักเท่าไหร่ แต่ก็ยกเว้นบรรดาหญิงสาวคู่นอนของเขานะ ถวายตัวถึงห้องกันเป็นว่าเล่นเลย

"สนุกดี"
คำตอบมาพร้อมกับเสียงกลั้วหัวเราะจนนึกหมั่นไส้เลยอ้าปากงับลงบนลาดไหล่กว้าง เซนสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่ร้องออกมาสักนิดแถมยังเพิ่มแรงกอดรัดรอบเอวกันเข้าไปอีก นี่จะให้ผมร่วมร่างกับตัวเขาเลยหรือไง ช่องว่างให้อากาศผ่านระหว่างเราแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว

"เก็บไปแกล้งคู่นอนมึงโน่นไป ปล่อย!"
ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเซน แต่ไม่มีท่าทีว่าจะได้รับอิสระเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ขนาดตัวก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้แรงเยอะกว่าขนาดนี้ หลังจากประเมินสถานการณ์ราวๆสามสิบวินาทีแล้วว่าไม่มีทางชนะเลยกลับมานิ่งปล่อยให้เซนกอดเหมือนเดิม ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาเบาๆ มันน่าหงุดหงิดไหมล่ะแบบนี้

"พูดจริงหรือประชด หืม?"
ทำไมต้องถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแบบนั้น ถ้าแคร์ความรู้สึกกันจริงๆ แล้วจะนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าไปทำไมกัน ไม่ใช่ว่าผมพูดเพราะหึงหวง แต่พูดด้วยความรู้สึกของเพื่อนที่ถูกทิ้งขว้างบ่อยๆ เวลาที่เซนมีนัดซ้อนกับเธอๆ ทั้งหลาย เขาไม่เลือกนัดของเราแม้แต่สักครั้งเดียว

"อยากได้คำตอบแบบไหน จะตอบให้"
สุดท้ายผมก็ไม่กล้าพูดออกไป ได้แต่ตามใจคนที่รอฟังคำตอบเหมือนเช่นทุกครั้ง ไม่อยากทะเลาะกัน ไม่อยากผิดใจกัน ผมมีลางสังหรณ์ว่าถ้าหากเกิดทำตัวไร้เหตุผลงี่เง่าขึ้นมาเราจะไม่มีเราอีกต่อไป อาจจะเป็นความกลัวบ้าบอของคนๆ เดียว

"พูดจริง"
คำตอบสั้นๆทำให้หัวใจกระตุกวูบ มันปวดแปลบอย่างกับคนกำลังผิดหวัง ใช่ ผมกำลังผิดหวังกับสิ่งที่เซนต้องการ เขาไม่ใช่คนคิดมาก และเราทั้งคู่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันคงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร ก็แค่เพื่อนเท่านั้น

"ก็...ตามนั้น ปล่อยได้แล้ว ร้อน"
ผมทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเหมือนรำคาญ จริงๆแล้วแค่หาทางรอดก็เท่านั้น และเหมือนเซนจะยอมใจอ่อนแล้วคลายอ้อมกอดแข็งแกร่งออก เขายกยิ้มเล็กน้อยตอนเห็นผมขยับขึ้นไปนั่งบนโซฟาแทน มีปัญหาหรือยังไงในเมื่อนั่งพื้นมันปวดก้น จะนั่งต่อให้โง่ทำไมล่ะ

"อาบน้ำไหม? จะได้สดชื่น"
เซนถามแล้วทิ้งตัวพิงหลังลงบนโซฟาใกล้ๆ กับช่วงขาของผม ดวงตาสีเทาเลื่อนไปจับจ้องเปลวเทียนวูบไหว มือเรียวสวยเล่นกับแสงเงาจนเกิดรูปร่างบนผนัง ผมเหลือบสายตามองตามแล้วต้องชะงักเมื่อวูบหนึ่งมันปรากฏภาพคล้ายปีศาจมีเขาแหลมน่าเกรงกลัว

"เทวิน"
เสียงเรียกทำให้ผมหลุดจากภวังค์ เซนขมวดคิ้วจนยุ่งเหยิงไปหมด ดวงตาสีเทาฉายแววสงสัยอย่างไม่ปิดบัง แต่...ทำไมล่ะ ผมทำอะไรผิดไปตอนไหนหรือเปล่า ทำไมถึงมองกันแบบนั้นล่ะ

"หือ เรียกทำไม?"
ผมเลิกคิ้วก่อนจะถามกลับไป แต่เซนไม่ได้ตอบในทันที เขาเคลื่อนตัวขึ้นมานั่งข้างๆกันก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าบังคับให้สบตา อยากจะหลบเลี่ยงดวงตาคมที่แสนมีเสน่ห์ กลัว กลัวว่าจะหลงใหลมันจนถอนตัวไม่ขึ้น กลัวว่าวันหนึ่งจะอยากเป็นผู้ครอบครองมันแต่เพียงผู้เดียว ผมกรอกตาไปทางขวาอย่างไม่มีทางเลือก ก็ยังดีกว่ามองสบกันตรงๆล่ะนะ

"เทวิน มองตากู"
น้ำเสียงขอร้องกึ่งบังคับดังขึ้น สัมผัสได้ถึงแรงที่เพิ่มขึ้นตรงใบหน้าจนไม่อาจปฏิเสธการสบตาได้ มองแล้วจะทำอะไรต่อนั่นเป็นคำถามที่ผุดขึ้นในสมองทันทีแต่ผมไม่ถามออกไป เพราะมันดูงี่เง่าที่คนเราจะถามไปซะทุกเรื่อง และเมื่อไหร่ที่เซนเรียกชื่อเต็มกันแสดงว่าเขากำลังจริงจัง

"อะไร?"
ผมถามกลับไปสั้นๆ ไม่เข้าใจการกระทำของเขาเลยสักนิด ต้องการอะไรจากคนอย่างนายเทวินที่กำลังสับสน

"จะกลับหรือยัง?"
หา... ผมอ้าปากค้างด้วยความแปลกใจ ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ว่าทำไมอยู่ๆเซนก็ถามเรื่องกลับบ้านขึ้นมา เกิดอะไรขึ้นเหรอ หรือเขานัดผู้หญิงเอาไว้อีกแล้ว แต่นี่มันวันของผมนะ เขาสัญญาว่าทุกวันอาทิตย์จะเป็นวันของเพื่อนอย่างผม

"ถามทำไมเซน?"
ผมถามกลับไปเสียงนิ่ง ตอนนี้ไม่กลัวการสบตาอีกแล้วเพราะในใจกำลังมีความรู้สึกหงุดหงิดเกิดขึ้น แต่เซนไม่ได้มีท่าทางกระอักกระอวนใจเลยสักนิด สีหน้าของเขายังเรียบเฉยจนไม่สามารถเดาอารมณ์ได้

"จะค้างด้วยกันไหม?"
น้ำเสียงราบเรียบเหมือนกำลังชวนไปกินข้าวเย็น ผมอ้าปากค้างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อไปอีก เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่รู้จักกันมาที่เซนชวนค้างด้วยกัน แปลกมากถึงมากที่สุด แปลกจนต้องถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ

"อะไรนะเซน มึงประสาทกลับเหรอ รู้จักกันมาเป็นปีๆ มึงไม่เคยชวนกูค้างเลยนะ มีแต่จะไล่กลับบ้านตลอด"

"ถามก็ตอบ ไม่ใช่ให้ถามกลับ"
น้ำเสียงของเซนแข็งกระด้างจนผมใจหาย ทำไมต้องจริงจังกับเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วย ก็แค่ถาม... มันตอบยากขนาดนั้นเลยเหรอ

"เซน... กูแค่อยากรู้เหตุผล"

"ตอบ"

"เซน กูอยาก..."
ผมชะงักไปเพราะเซนออกแรงบีบปลายคางผมเอาดื้อๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ทำอะไรผิดไปตอนไหนกันแน่ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เลย

"ตอบมา"

"เซน กูเจ็บ"
ผมบอกก่อนจะนิ่วหน้าและพยายามแกะมือของเขาออกจากใบหน้า ดวงตาสีเทาวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะยอมละมือออกไป เซนถอยห่างออกไปเล็กน้อยก่อนจะเสมองไปทางอื่น

"ขอโทษ"
เสียงเขาเบาหวิวราวกับเสียงกระซิบ มือเรียวเกาะกุมบีบกันอยู่บนตัก ผมส่ายหน้าช้าๆ สื่อความหมายว่าไม่เป็นไรก่อนจะซบหัวลงกับลาดไหล่แกร่ง เป็นอย่างนี้เสมอเมื่อสัมผัสได้ว่าเซนกำลังมีเรื่องเครียด ผมจะออกอาการอ้อนอีกคนให้ลืมเรื่องรกสมองซะ

"กูค้างกับมึงก็ได้ ไม่ถามเหตุผลแล้ว"
เหมือนจะได้ยินเสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากอีกคน ผมคลี่ยิ้มบางทั้งๆ ที่ยังซบไหล่เซนอยู่ ถ้าอะไรที่ทำให้เขาสบายใจได้ผมก็พร้อมที่จะทำ ก็เราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่นา

"เซน... กูถามอะไรได้ปะ?"
ตอนนี้เปลี่ยนจากผมซบไหล่เขากลายมาเป็นเขานอนบนตักผมแทน ดวงตาสีเทาปิดสนิท สองแขนกอดอกตัวเองเอาไว้ ดูๆไปเป็นท่านอนที่อึดอัดพอสมควรก็ว่าได้

"อืม ถามมา"
เสียงตอบรับดังขึ้นทั้งๆที่เปลือกตายังปิดสนิท อุณหภูมิในร่างกายของเซนร้อนผิดปกติ ผมเคยกลัวว่าเขาจะไม่สบาย แต่ได้รับคำตอบมาว่า 'กูเป็นคนตัวร้อนมาก' ก็เลยคลายกังวลลงไป

"มึงใช้ครีมอาบน้ำกลิ่นมิ้นท์ หรือ เปปเปอร์มิ้นท์ปะวะ? กูได้กลิ่นจริงๆ นะ"
ผมก้มลงมองเซนที่ยังนอนหลับตาอยู่ มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกวน นึกหมั่นไส้จนใช้นิ้วมือดีดหน้าผากเบาๆ เขาลืมตาแล้วคว้ามือกันเอาไว้ไม่ยอมปล่อยก่อนดวงตาสีเทาจะเปิดขึ้น อยากจะผละออกมาเพราะตอนนี้ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ อันตรายต่อหัวใจ แต่ผมกลับขยับตัวไม่ได้ อาการแปลกๆ เกิดขึ้นเสมอเมื่อเราอยู่ใกล้กันมากเกินไป

"อาจจะใช้มั้ง ชอบไหมล่ะ?"

"อะ อะไร ใช้ก็ใช้ดิ จะมาถามว่าชอบไหมทำไม"
ผมพูดเสียงตะกุกตะกักเพราะไม่คิดว่าคนอย่างเซนจะมีอารมณ์หยอกล้อโดยทำสายตากรุ้มกริ่มใส่กัน นับวันชักจะแกล้งกันหนักขึ้นทุกที ไม่อยากยอมรับว่าหวั่นไหว แต่ก็แค่นั้นไม่มีอะไรในกอไผ่หรอก เซนเป็นเสือผู้หญิง ผมคงเป็นเพื่อนที่คอยทำให้เขามีความสุขได้ก็แค่นั้น

"เห็นมึงหน้าแดงแล้วมีความสุข"
ยิ้มไม่พอยังเอื้อมมือมาหยิกแก้มกันอีก สนุกมากไหมได้แกล้งคนอื่นจนเขินหน้าแดงแบบนี้ ชอบเล่นกับความรู้สึกกันนัก วันไหนผมเป็นฝ่ายชนะขึ้นมาจะรอหัวเราะให้ท้องแข็งเลยเถอะ

"เหี้ยละเซน ประสาท!"
ผมโวยเสียงดังก่อนจะฟาดมือลงบนต้นแขนหนาๆ เซนไม่แสดงความเจ็บปวดเหมือนอย่างเคย เห็นแบบนี้ก็ยิ่งหมั่นไส้จนอยากกระทืบให้จมดิน แต่ใจไม่กล้าพอเพราะกลัวโดนเอาคืน

"ไม่ชอบกูบ้างเหรอ?"
ถามกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ดวงตาสีเทากลับฉายแววทะเล้น ประกายในตาระยิบระยับจนผมเผลอกัดปากตัวเองแน่น ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกันกำแพงที่กั้นขวางอยู่ ณ ตอนนี้คงพังทลายไปนานแล้ว ใช้เสน่ห์ล่อลวงกันแบบนี้ใครจะทนไหว

"เอาไปถามผู้หญิงของมึงเหอะ"
ผมบอกก่อนจะจิ้มหน้าผากมันเล่น เซนไม่ได้ปัดป้องออกแต่อย่างใดและยังคงใช้ดวงตาสีเทาจ้องมองกันอย่างลึกล้ำ ไม่รู้ว่ากำลังจริงจังกับคำถามหรือแกล้งทำจริงจังกันแน่ ผมไม่เคยตามผู้ชายคนนี้ทันหรอก

"จะถามมึง"

"ไม่ชอบ พอใจยัง?"
ผมตอบกลับอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องคิด ทั้งๆ ที่ในใจยังคงตีกันวุ่นวาย แต่อะไรบางอย่างกลับบังคับให้พูดออกไปแบบนั้น ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

"ไม่พอใจ"
เซนบุ้ยปากเหมือนเด็กน้อยที่โดนขัดใจ ผมเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแต่แสร้งทำหน้าเครียดเข้าไว้ แกล้งกลับบ้างคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง อยากรู้ว่าเซนจะทำยังไง

"แล้วจะเอายังไงเซน?"
ผมถามกลับเสียงเย็น เซนจ้องเขม็งมาที่ผมอย่างไม่ลดละ รู้สึกว่ามีแรงกดดันแปลกๆ แผ่ออกมารอบตัวของเราสองคน

"ชอบกูสิ"
ผมสะดุดลมหายใจตัวเองเมื่อฟังจบ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นก่อนจะถอนหายใจออกไปยาวๆ แล้วโขกหน้าผากของตัวเองลงบนสันจมูกเซนอย่างหงุดหงิด แกล้งกันอีกแล้ว แกล้งไปแล้วมีความสุขมากหรือไงกัน เซนไม่ร้องเหมือนเคย ผมไม่รู้ว่าเขาเจ็บแต่อดทนหรือไม่เจ็บเลยกันแน่ หนังหนายิ่งกว่าควายอีกมั้งเนี่ย

"มึงบ้าปะเนี่ย อย่ามาแกล้ง"
ผมจ้องดวงตาสีเทาอย่างหงุดหงิด หัวใจเริ่มเต้นระรัวขึ้นมาเมื่ออยู่ๆเซนก็ผงกหัวขึ้นจนริมฝีปากเราแทบจะแตะกัน ผมผละตัวออกด้วยความตกใจ รู้สึกว่าหน้าร้อนวูบวาบเหมือนจะระเบิด ดีนะที่ไฟยังไม่มา แสงเทียนคงทำให้มองเห็นได้แค่ลางๆเท่านั้น

"จริงจังเหรอ?"
เซนลุกขึ้นแล้วหันมาเผชิญหน้ากัน ผมหลบสายตาเขาทันทีเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้หัวใจสั่นไหว ถ้าเกิดปากแตะกันขึ้นมาจะมองหน้ากันยังไงไหว

"เปล่า กูแค่คิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาล้อเล่น"
ผมพูดสิ่งที่คิดออกไปเบาหวิว อยากตบปากตัวเองสักครั้งสองครั้งโทษฐานที่ไม่สามารถหนักแน่นในคำพูดของตัวเองได้

"กูขอโทษแล้วกัน ไม่งอนนะ"
เซนพูดออกมาก่อนจะดึงแก้มผมเบาๆแล้วคลี่ยิ้มหวานละมุนมาให้ ผมเบะปากใส่เขาแล้วปัดมือเรียวออก ทำแบบนี้จะให้ใจแข็งยังไงไหว แพ้ทุกครั้ง ยอมทุกครั้ง เกลียดตัวเองจริงๆ

"เออแม่ง แล้วเมื่อไหร่ไฟจะมาวะ?"
ผมบ่นงุ้งงุ้งก่อนจะลุกขึ้นไปที่ประตูระเบียงแล้วเปิดมันออก ลมหนาวกลางเดือนกรกฎาคมเพราะฝนตกพัดเข้ามาปะทะใบหน้าพร้อมกับละอองหยาดน้ำ บรรยากาศแทบจะโรแมนติกเลยก็ว่าได้ ถ้าไฟไม่ดับน่ะนะ ไกลออกไปมีแสงไฟสว่างระยิบระยับ เดาได้ว่าย่านกลางเมืองคงเป็นแห่งเดียวที่ไฟดับ และไม่นานก็แว่วเสียงฝีเท้าของเซนเดินตามมาหยุดยืนข้างๆ กัน

"โดนละอองฝน เดี๋ยวก็ไม่สบาย"
ผมเหลือบมองเขาก่อนที่เขาจะหันกลับมาประสานสายตากัน สุดท้ายฝ่ายที่ใจแข็งไม่พอเลยต้องเบนหน้ามองไปทางอื่นเพื่อหนีดวงตาสีเทาสุดลึกล้ำ

"ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น"
ผมว่ากลับไปก่อนจะเสยผมที่เริ่มเปียกชื้นขึ้นลวกๆ ถึงจะเปียกไปหน่อยแต่ก็ดีกว่านั่งอุดอู้อยู่ในห้อง เซนไหวไหล่เล็กน้อยอย่างไม่สนใจกันอีก ผมไม่ได้ว่าอะไร เรายังคงยืนมองสายฝนที่หล่นจากฟ้าเงียบๆ จนในที่สุดแสงสว่างก็กลับคืนสู่ใจกลางเมือง

"โอ๊ะ ไฟมาแล้ว!"
ผมเป็นคนแรกที่หมุนตัวกลับเข้าห้องทันทีที่ไฟมา หวังว่าจะเดินไปดับเทียน แต่สายลมวูบหนึ่งกลับทำให้มันดับลงจนผมต้องชะงักฝีเท้าอยู่ตรงนี้ ห่างออกไปแค่สองสามก้าวเท่านั้น ผมเพ่งมองเทียนสีฟ้าครามด้วยความฉงน ไม่มีน้ำตาเทียน มันหมายความว่ายังไงกัน

"เซน เทียนนี่ไม่มีน้ำตาเทียนเหรอวะ?"
ผมหันกลับไปถามคนที่มายืนซ้อนหลังกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้ ยอมรับว่าตกใจเล็กน้อยที่โดนประชิดตัวขนาดนี้ แต่ก็เป็นธรรมดาไปซะแล้วที่บางครั้งเซนจะเข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง

"อืม ไปอาบน้ำสิจะได้ออกไปหาอะไรกิน"
เซนพูดเสียงเรียบก่อนจะเดินเข้าไปคว้าเทียนนำไปเก็บไว้ ผมมองตามด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่สุดท้ายก็ตัดใจแล้วทำตามที่เขาบอก อืม... เหมือนจะลืมอะไรบางอย่างหรือเปล่านะ

"เซน กูจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนใส่?"
ตะโกนถามเซนที่ยังคงเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนั่งเล่น ส่วนผมโผล่หัวออกมาจากประตูห้องน้ำเพราะถอดเสื้อผ้าทิ้งไปหมดแล้ว เขาชะงักเล็กน้อยแล้วเดินตรงมาหากัน หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อคิดได้ว่าตัวเองกำลังโป๊ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน มีอะไรคล้ายกัน แต่ก็ไม่หน้าด้านพอจะโชว์ร่างกายเปลือยเปล่าต่อหน้าใคร

"เดี๋ยวเตรียมให้ จะรอเอาหรือค่อยออกมาใส่?"
พูดจบก็เหมือนจะหมุนตัวหนีจากกันซะเดี๋ยวนี้ ยังไม่ได้คำตอบเลยจะรีบไปไหนล่ะ ผมไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเซนสักเท่าไหร่ เหมือนคนที่คิดจะทำก็ลงมือทำเลย ไม่รอช้าอะไรประมาณนั้น มันเลยเป็นเหตุให้ผมตามเข้าไม่เคยทันอีกข้อหนึ่ง

"เฮ้ย รอฟังกันก่อนดิ"
ผมท้วงขึ้น เซนที่หันหลังให้กันเอี้ยวหน้ามามองก่อนจะยกยิ้มมุมปากให้อย่างเจ้าเล่ห์ ถ้าผมเดาไม่ผิด สิทธิ์ในการเลือกของผมคงโดนตัดไปแล้วสินะ

"ไม่ฟัง กูตัดสินใจแล้ว"
ว่าแล้วไง จะถามทำไมให้เปลืองน้ำลายถ้าจะคิดแทนกันขนาดนี้ ผมอยากโวยวายนะ แต่คืนนี้อาศัยเขานอนด้วย ไม่อยากเรื่องมากสักเท่าไหร่ ตามใจเจ้าของห้องหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

"เผด็จการฉิบหาย"
ผมบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว แต่เหมือนคนที่อยู่ไกลออกไปจะหูดีเกินเหตุไปแล้ว ถ้าฟุ้งซ่านหรือจินตนาการสูงหน่อยคงคิดว่าเซนไม่ใช่คนแล้วล่ะ

"บ่น"
เสียงแซะกันเบาๆลอยมากระทบโสตประสาทจนผมต้องย่นจมูกใส่แผ่นหลังกว้างก่อนจะกลับเข้าไปในห้องน้ำและลงมือชำระร่างกายในเวลาต่อมา ครีมอาบน้ำที่ได้ใช้เป็นกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนๆ รู้สึกผ่อนคลายจนอยากจะนอนแช่น้ำในอ่าง แต่เกรงใจเจ้าของห้องที่นั่งรอกันอยู่ด้านนอก ถ้ามีโอกาสมาค้างอีกขอสัญญาว่าจะลงแช่น้ำให้ได้ แล้วจะซื้อ Bath Bomb มาโยนลงอ่าง ฟู่ ~

ผมนุ่งผ้าขนหนูสีขาวออกมาจากห้องน้ำอย่างเคอะเขิน เรื่องอะไรที่ต้องมาเปลือยท่อนบนให้เพื่อนสนิทมองไม่วางสายตาขนาดนี้ จะจ้องให้มันละลายเปื่อยยุ่ยกองลงตรงหน้าเลยหรืออย่างไร ก็ไม่ใช่ว่าหุ่นจะน่ามองอะไร ติดจะผอมจนไม่มีกล้ามเนื้อสวยๆ เสียด้วยซ้ำ

"มองอะไรนักหนาวะ?"
ผมเบี่ยงตัวหันหลังให้กับเซนที่นั่งรออยู่บนโซฟาตัวเดิม เสื้อผ้าวางกองอยู่ด้านข้าง ไม่คิดจะอำนวยความสะดวกให้กันหรือยังไง

"อยากมอง ไม่ได้หรือไง?"
คำถามกวนโอ้ยจนไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง แถมมันทำให้หน้าร้อนวูบวาบชอบกล ทำไมต้องเกิดอาการเขินขึ้นมาดื้อๆ ด้วยวะ นี่เพื่อนสนิทนะ ขอร้องอย่าหวั่นไหวจนทำให้กลัวใจตัวเองแบบนี้จะได้ไหม

"ไม่มีอะไรน่ามอง หยิบเสื้อผ้าส่งมาหน่อย?"
ผมบอกปัดๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อจะรอรับเสื้อผ้าจากอีกฝ่าย แต่จนแล้วจนรอดทุกอย่างกลับนิ่งสนิทจนต้องหันไปขมวดคิ้วมองเซนที่นั่งกระดิกเท้าไม่สนใจใยดีคำสั่งของผมแม้แต่นิดเดียว กวนตีนที่หนึ่งเลยคนอะไร!

"หยิบเองสิ"

"มึงนั่งขวางทางไงที่ก็แคบ หยิบมาให้มันจะตายเหรอเซน"
ผมจิ๊ปากใส่เซนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ ทำไมไม่รู้สึกรู้สาขนาดนี้นะคนเรา แถมยังยิ้มมุมปากใส่กันแสดงความเจ้าเล่ห์อีก สภาพตอนนี้ก็ใช่ว่าจะพร้อมสู้รบปรบมืออะไรกับเขา นุ่งผ้าผืนเดียวจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่อยู่แล้ว

"เซน เอาเสื้อผ้ามา"
ผมบอกเสียงแข็งแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเซนโดยไม่สนอะไรอีก มันขัดใจจนเริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว เขาเงยหน้ามองกันแบบเต็มสายตา ก่อนจะได้ทำอะไรมือเรียวก็เอื้อมมากระตุกผ้าขนหนูกันอย่างหน้าด้านๆ ผมอ้าปากหวอด้วยความตกใจรีบคว้าไว้ทันที หมิ่นเหม่จนแทบกัดลิ้นตัวเองตายซะให้ได้ เพราะผ้าปิดบังแค่ส่วนสำคัญกับขาอีกด้านหนึ่งเท่านั้น!

"ไอ้บ้าเซน ทำอะไรของมึงเนี่ย!"
ผมรีบนุ่งผ้ากลับเหมือนเดิมแล้วถอยห่างออกมาด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง เซนหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะยอมส่งเสื้อผ้าให้กัน แต่พอยื่นมือออกไปรับเขากลับดึงเข้าหาตัวอีกครั้ง ผมทนไม่ไหวเลยยกนิ้วกลางใส่พร้อมกับแยกเขี้ยวขู่

"หมาว่ะ"

"เออ จะกัดแล้วนะเว้ย ส่งมา!"
ผมแหกปากใส่แล้วกำหมัดต่อยลงบนอกแกร่งของเซน เขาทำหน้ายุ่งก่อนจะยอมส่งเสื้อผ้าให้กันดีๆ ผมรีบดึงมากอดไว้แล้วเดินดุ่มๆ ไปใส่เสื้อผ้าทันที หงุดหงิดเว้ย แกล้งอะไรนักหนานะคนเรา สนุกมากนักใช่ไหม สักวันจะเอาคืนให้สาสมเลยเซน!





--------------------------------------------------------


มาอัพบทนำให้อ่านกันไปพลางๆเนอะ 555555
ช่วงนี้ไม่ค่อนว่างเลย มาอัพนิยายถี่ๆไม่ได้ ฮือ
แต่สัญญาว่าจะพยายามาอัพให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เนอะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: >> Demon' s Contract << เริ่มต้น -P.1- (09.10.2016)
«ตอบ #6 เมื่อ09-10-2016 21:16:29 »

 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: >> Demon' s Contract << เริ่มต้น -P.1- (09.10.2016)
«ตอบ #7 เมื่อ10-10-2016 09:02:13 »

อ่านแล้วเคืองเซนจริงๆ  :angry2:สนุกกับการล้อเล่นกับความรู้สึกไปไหม

คอยปั่นหัวปั่นอารมณ์เทวิน ทำเหมือนคิดแล้วทำท่าไม่คิด

น่าสงสารเทวินที่ต้องยอมทนให้เขาปั่นหัวใจเล่นๆจริงๆค่ะ

รอการปรากฏตัวของอัสโมดาย ด้วยใจจดจ่อนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ dark-soleil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: >> Demon' s Contract << เริ่มต้น -P.1- (09.10.2016)
«ตอบ #8 เมื่อ10-10-2016 10:41:56 »

เซนไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ไม่ชอบที่เล่นกับความรู้สึกเทวินเลยอ่ะ สนุกค่ะ รออ่านตอนต่อไป ^^

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: >> Demon' s Contract << เริ่มต้น -P.1- (09.10.2016)
«ตอบ #9 เมื่อ10-10-2016 11:41:40 »

แลดูน่าสนุกอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: >> Demon' s Contract << เริ่มต้น -P.1- (09.10.2016)
« ตอบ #9 เมื่อ: 10-10-2016 11:41:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: >> Demon' s Contract << เริ่มต้น -P.1- (09.10.2016)
«ตอบ #10 เมื่อ10-10-2016 22:49:22 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 1 -P.1- (18.10.2016)
«ตอบ #11 เมื่อ18-10-2016 09:34:51 »

ตำราบทที่ 1




'And this, too, shall pass away'
แล้วมันจะผ่านพ้นไป



แสงแดดยามเช้าเป็นอุปสรรคในการนอนอย่างน่ากลัว มันลอดรอยแยกของผ้าม่านเข้ามากระทบเปลือกตาจนต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงไว้ ถึงแม้ว่าอุณหภูมิในห้องนอนจะร้อนขึ้นแต่เจ้าของเตียงนอนยังไม่พร้อมจะลุกไปไหน ด้วยความขี้เกียจที่เกาะกุมไปทั้งร่างกาย สมองสั่งแต่เพียงว่า หลับตา หลับตา และนอนเท่านั้น

กลิ่นหอมเย็นของมิ้นท์ที่คุ้นเคยลอยมาปะทะจมูกโด่งได้รูปทำให้จิตสำนึกและประสาทรับรู้ตื่นตัวทันทีว่าไม่ได้นอนอยู่ห้องของตัวเอง แต่เป็นห้องของเพื่อนสนิทที่ตกลงค้างด้วยไปเมื่อคืน ลองขยับตัวไปอีกนิดจะชนเข้ากับอกแกร่งขยับหายใจขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ ผมสีดำค่อยๆ โผล่พ้นผ้าห่มออกมาจนลูกตาสีน้ำตาลจ้องมองคนข้างๆ ได้ถนัด

"คนบ้าอะไรนอนหลับก็ยังหล่อ"
ผมมองสำรวจเซนตั้งแต่หน้าผากไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงปลายคางสวยได้รูป ราวกับรูปปั้นเทพเจ้ากรีกก็ว่าได้ ทุกอย่างดูดีและลงตัวไปซะหมด น่าหลงใหลอย่างที่ใครๆ เขาพูดกัน ถ้าใครได้มาสัมผัสเขาในมุมของผมคงช็อกตายไปแล้วล่ะมั้ง... ก็เจ้าตัวเล่นถอดเสื้อนอนขนาดนี้ เหมือนจะอ่อยกันกลายๆ

"คนสติดีอย่างกูนี่ล่ะ"
เสียงทุ้มตอบกลับมาทั้งๆ ที่เปลือกตายังปิดสนิท ผมผงะถอยออกมาอย่างรวดเร็วจนผ้าห่มร่นหลุดออกจากตัว ใครจะไปรู้ว่าตื่นแล้ว เห็นนอนนิ่งอย่างกับคนตาย

"ตื่นแล้วทำไมไม่บอกวะ"
ผมถามออกไปแล้วลุกขึ้นขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงกว่าเดิม ใบหน้ายับยู่ยี่เพราะเผลอหลุดปากชมเพื่อนสนิทออกไป อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ตรงไหน จะซุกเป้าตัวเองก็ดูอนาจารเกินไป

"เรื่องอะไรที่กูจะต้องบอกมึง"
เซนถามกลับมาด้วยน้ำเสียงกวนๆ ผมหันกลับไปก็เห็นเขานอนยักคิ้วให้กัน มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มยียวนจนอยากถีบให้กระเด็นลงจากเตียง ผมเบ้ปากใส่แล้วยกหมอนขึ้นฟาดลงไปแรงๆ เกลียดนักคนปากหมา

"มึงมันกวนตีน!"
ผมโวยเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินกระทืบเท้าหนีเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน แต่อย่าคิดว่าจะได้ทำธุระอย่างสงบสุขเพราะเซนเดินตามเข้ามายืนข้างๆ กันแล้วหยิบแปรงฟันไป

"ทำอะไร"
ผมถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้เพราะตอนนี้ฟองของยาสีฟันเต็มปาก มันเลอะออกมาด้านนอกด้วยเถอะ เป็นภาพที่ไม่ชวนมองเท่าไหร่ เซนมองกันแล้วไหวไหล่ก่อนจะเอื้อมหยิบยาสีฟันมาบีบแล้วลงมือแปรงฟันข้างๆ กัน ผมหมั่นไส้เลยแกล้งกระแทกไหล่เขาไป เลิกสนใจแล้วกลับไปทำธุระของตัวเองให้เสร็จดีกว่า

"นี่... เหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันเลยนะ แปรงฟันพร้อมกัน"
น้ำเสียงหยอกล้อดังมาจากคนข้างๆ ที่ตอนนี้ยืนเช็ดหน้าอยู่ ผมที่เพิ่งล้างหน้าเสร็จหันขวับไปมองด้วยสายตาเอาเรื่อง มันใช่ประโยคที่ควรเอามาพูดกับผู้ชายด้วยกันหรือพูดกับเพื่อนสนิทหรือยังไง น่าตบให้หัวทิ่มอ่างล้างหน้าจริงๆ

"เลิกกวนตีนตั้งแต่เช้าสักที"
ผมว่าก่อนจะผลักไหล่มันไปไกลๆ แล้วแทรกตัวออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่ยังไม่ได้เช็ดหน้า แว่วเสียงหัวเราะดังขึ้นมาแล้วอยากเดินกลับไปผลักหัวสักที น่าหงุดหงิดเป็นบ้า ไม่รู้ว่าทนคบกันมาได้ยังไงเป็นปีๆ

ผมทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาแล้วมองสำรวจไปรอบๆ จริงๆแล้วชอบการตกแต่งห้องของเซนนะ มันเรียบง่ายและมีสีสันไม่ฉูดฉาดจนเกินไป โทนสีเทาจะว่าสวยก็สวยจะว่าอึมครึมก็คงใช่ เสียงฝีเท้าจากด้านหลังทำให้ผมหยุดการกระทำลงแล้วเงยหน้าไปมอง มือเรียวส่งนมกล่องมาให้กัน

"เอาไปกินรองท้อง"
เขาว่าก่อนจะทิ้งตัวลงข้างๆกัน ผมรับนมกล่องว่าแล้วเอ่ยขอบคุณ แทนที่จะชวนกันไปกินข้าวกลับเดินไปหาของกินรองท้องมาให้เนี่ยนะ... ก็ดี คงช่วยประทังชีวิตไปอีกครึ่งชั่วโมง

ผมนั่งดูดนมจนหมดกล่องแล้วหันมองคนข้างๆ ที่นั่งนิ่งอยู่สักพัก ดูเหมือนหมู่นี้เซนจะนิ่งเงียบและตกอยู่ในโลกส่วนตัวของเขามากกว่าปกติ ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเขาอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั่นก็ได้

"เซน"
ผมเรียกชื่อเขาไม่ดังนัก เซนหันมาสบตากันแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงตั้งคำถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

"ช่วงนี้มึงดูเงียบๆ กว่าปกตินะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า"

"ก็... เป็นห่วงเหรอ"
แทนที่จะตอบคำถามกลับได้คำถามมาแทน ผมเบ้ปากใส่มันก่อนจะผละตัวออกห่างเพราะใบหน้าของเซนเคลื่อนเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงไอร้อน อะไรที่มันใกล้เกินไปทำให้ใจสั่นทุกทีสิน่า แย่มาก อยากจะบอกให้เขาเลิกทำตัวแบบนี้อยู่หรอก แต่ผมคงเป็นโรคจิตที่เผลอชอบการกระทำแบบนั้นไปแล้ว แต่บางครั้งก็เกลียดนะ สับสนในตัวเองฉิบหาย

"ถามให้ตอบ ไม่ใช่ถามให้ถามกลับ"

"เดี๋ยวนี้ดุ"
เซนพูดน้ำเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะใช้มือโคลงหัวกันเบาๆ ผมตวัดสายตามองเขาก่อนจะแยกเขี้ยวขู่ให้สมกับที่โดนกล่าวหา ก็ชอบแกล้งกันดีนัก ดุกลับบ้างจะเป็นไรไป แต่ก็เท่านั้น ไม่เห็นจะกลัวกันเลย เหอะ

"ดุแล้วเคยกลัวกันที่ไหน เสียแรงเปล่า"
ผมยู่ปากใส่มันแล้วสะบัดหัวแรงๆ ใส่ เซนผละมือออกแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะอ้าปากหาวแล้วเดินหนีไปที่ระเบียงอย่างไม่ทุกข์ร้อน ก็เป็นซะแบบนี้ พูดกันไม่เคยจะจบเรื่องเดินหนีตลอด

กลิ่นบุหรี่เจือจางในอากาศทำให้ผมต้องเบ้ปาก ถึงมันจะเป็นกลิ่นเปปเปอร์มิ้นท์อย่างที่ชอบก็เถอะ ทำไมไม่เลิกสูบมันสักทีทั้งๆ ที่รูปหน้าซองก็ออกจะน่ากลัวขนาดนั้น ผมถอนหายใจแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะเดินตามอีกคนออกไปที่ระเบียง

"ติดบุหรี่หรือไง"
ผมถามออกไปเมื่อหยุดยืนอยู่ข้างๆกับเซน เขาเหลือบสายตามองกันเล็กน้อยแล้วส่ายหัว ทำไมถึงปฏิเสธล่ะ ก็เห็นสูบบุหรี่บ่อยจะตายไป ไม่ติดจริงๆ น่ะเหรอ

"ไม่ได้ติด แค่อยากสูบ จะเอาด้วยไหม"
เซนถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่แววตากลับเต็มไปด้วยแววทะเล้น ผมผลักมือที่ยืนซองบุหรี่มาให้แล้วเบ้ปากใส่ เขารู้ทั้งรู้ว่าผมไม่สูบยังทำแบบนี้อีก กวนประสาทชัดๆ

"กวนตีนนะมึง"
ผมว่าก่อนจะหันหลังพิงกับระเบียง ม่านสีขาวบางพริ้วไหวตามแรงลมจากด้านนอกเพราะเปิดประตูกระจกทิ้งเอาไว้ ตอนนี้ทุกอย่างเงียบสงบส่งผลให้บรรยากาศรอบตัวเราสองคนรู้สึกกดดันแปลกๆ ถึงจะสนิทกันแค่ไหนถ้าต่างคนต่างเงียบมันก็ไม่ดีไม่ใช่เหรอ

"หิวหรือยัง"
คำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยดังขึ้นจึงรับรู้ได้ว่าอีกคนกำลังยืนอยู่ในรูปแบบเดียวกัน ในมือไม่มีบุหรี่อีกแล้ว ผมเหลือบมองก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เพราะท้องเริ่มประท้วงหาอาหารเช้าแบบครบชุดแล้ว

"หิวแล้ว จะให้กูทำหรือออกไปหาอะไรกิน"
ผมถามและผละตัวออกจากระเบียงแต่ต้องชะงักกึกเพราะแว๊บหนึ่งเหมือนเห็นเงาดำของอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่หลังม่าน ครั้นจะหันไปถามเจ้าของห้องก็ไม่กล้า พอเพ่งมองดีๆ อีกครั้งเลยสรุปว่าตัวเองคงตาฝาด

"จ้องอะไร"
คำถามของเซนดึงให้ผมหลุดจากภวังค์ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้กัน ดวงตาสีเทาฉายแวววูบไหวอย่างน่าประหลาด ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วผละตัวออกห่าง ทำไมช่วงนี้รู้สึกว่าเพื่อนสนิทดูแปลกไป

"เปล่า แล้วมึงจะจ้องอะไรกูเนี่ย ตอบมาได้ละว่าจะเอายังไงกับมื้อเช้า"
ผมกลบเกลื่อนความรู้สึกทุกอย่างไว้ด้วยการตั้งคำถามกลับไป รู้ว่าตัวเองคงไม่ได้คำตอบที่อยากรู้จากเขา เซนไม่เคยเอาปัญหาของเขาไปพูดหรือปรึกษากับใครทั้งนั้นและผมถือว่ามันเป็นข้อเสีย

"มึงทำแล้วจะกินได้เหรอ?"
เซนถามก่อนจะยักคิ้วกวนให้ ผมกำหมัดต่อยเข้าที่ไหล่เขาไปหนึ่งครั้งแล้วเดินหนีเข้าไปด้านใน ถ้าจะถามกันทั้งๆ ที่รู้ว่าทำอาหารเป็นมันไม่จงใจกวนตีนกันไปหน่อยเหรอ เอาสิ ผมจะไม่ทำมื้อเช้าเผื่อหรอก!

ผมย่ำเท้าตึงตังเดินเข้าไปในครัวแล้วเปิดตู้เย็นออก มันว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ขวดน้ำดื่มด้วยซ้ำ สายตาเหลือบมองไปยังเจ้าของห้องที่ยืนพิงขอบประตูแล้วขมวดคิ้วแน่น ไม่เข้าใจว่าจะเสียบปลั๊กตู้เย็นไว้ทำไมถ้าไม่คิดจะซื้ออะไรมาเติมแบบนี้ พอคิดย้อนไปกลับพบว่านมกล่องที่ยื่นให้กันเมื่อเช้าก็ไร้ความเย็นเหมือนกัน เชื่อเขาเลย

"จะเสียบปลั๊กตู้เย็นไว้ทำไม เปลืองไฟ!"
ผมโวยเสียงไม่ดังนักก่อนจะปิดประตูตู้เย็นลงอย่างหมดหวัง เซนหัวเราะเบาๆ แล้วเดินมาใกล้กันแล้วพูดในสิ่งที่ทำให้ผมแทบกัดหัวเขาขาด

"จะให้บารอนเข้าไปนอนไง"
เซนพูดพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ ให้กัน ผมแทบจะตรงไปบีบคอมัน เพราะบารอนที่ว่าคือหมาพันธุ์อลาสกันมาลามิวท์ที่ไม่สามารถยัดเข้าตู้เย็นประตูเดียวได้อย่างแน่นอน ให้ตายเถอะ ตัวใหญ่กว่าผมอีกมั้ง

"พ่อง บารอนเป็นหมานะไม่ใช่ปลาสด!"
ผมโวยเสียงดังจนเซนหลุดหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มาเหยียบคอนโดนี้ผมไม่เคยเจอเจ้าบารอนเลยสักครั้ง ความแปลกใจเลยถาโถมมาไม่หยุด ทั้งๆ ที่ตอนเซนเล่าให้ฟังก็ดูเหมือนว่าน้องหมาจะอยู่กับเขา

"บารอนชอบอากาศหนาวๆ บางครั้งแอร์ก็ช่วยไม่ได้เลยต้องพึ่งตู้เย็นไง"
พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและทำหน้าตาย คิดว่าจริงจังมากหรือไง ใครเขาจะไปเชื่อกันว่าจะเลี้ยงหมาในตู้เย็น ประสาท! ผมเดินเข้าไปผลักหัวเซนด้วยความหมั่นไส้แล้วตรงไปที่ประตูห้องทันที เพราะหิวเลยรู้สึกว่าตัวเองขี้หงุดหงิดขึ้นเป็นสองเท่า เจอคนกวนตีนไปอีก

"จะรีบไปไหน"
เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังแต่ผมเลือกที่จะไม่ใส่ใจและใส่รองเท้าเดินออกจากห้อง ลิฟท์กำลังเปิดรอรับคนอย่างพอดิบพอดีผมเลยรีบสาวเท้าไปโดยไม่รอเซน แต่ตอนที่ไปถึงในลิฟท์กลับว่างเปล่าจนน่าแปลกใจ ทำไมมันเปิดเองได้ล่ะ...

"มึง... กูว่าลงบันไดกันดีกว่า"
ผมหันไปพูดกับเซนที่เดินมาหยุดข้างๆ กัน ดวงตากลมสั่นไหว หัวใจเต้นตึกตักเพราะคิดว่าคงเจอดีเข้าให้แล้ว แต่หน้าเพื่อนสนิทกลับเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังจับมือแล้วดึงผมเข้าไปในลิฟท์อีก... อยากจะร้องโวยวายแต่กลัวโดนยำตีน เลยปล่อยเซนลากไปง่ายๆ

"จะกลัวอะไร กูอยู่ด้วยทั้งคน"
เซนพูดน้ำเสียงราบเรียบและไม่ยอมปล่อยมือที่เกาะกุมกันอยู่ ส่วนผมก็ไม่ได้ประท้วงอะไรเพราะชอบความอบอุ่นที่กำลังแผ่ซ่าน แต่... ถ้าผีโผล่มามันจะช่วยอะไรได้ล่ะ

"มึงเป็นหมอผีหรือไงล่ะ บอกไม่ให้กูกลัวเนี่ย"
ผมว่าเสียงเบาแล้วขยับตัวไปยืนเบียดขณะที่ประตูลิฟท์ปิดลง ปุ่มชั้นหนึ่งโดนกดด้วยฝีมือของเซน มันหันมาเลิกคิ้วมองก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์

"เถอะน่า กูน่ากลัวกว่าหมอผีอีก"

"มโน!"
ผมตะโกนใส่หน้ามันและในตอนนั้นลิฟท์ดันหยุดกึก พวกเรามองไปที่ประตูหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านี้อีกแล้ว แต่มันกำลังเปิดออกและหน้าลิฟท์ว่างเปล่าจนทำให้ผมขยับเข้าไปใกล้เซนจนแทบจะสิงกัน มือของเราที่จับกันไว้เริ่มชื้นเหงื่อเพราะตื่นเต้นมากกว่าที่จะกลัว

"เซน... กูว่ามันแปลกๆ"
ผมกระซิบกระซาบข้างหูเซนเหมือนกลัวใครได้ยิน แต่เขากลับยืนนิ่งและมองออกไปที่หน้าประตูลิฟท์เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น ผมอยากกระทืบเท้ามันแล้วบอกว่าอย่าแกล้ง แต่สีหน้าของเซนกลับจริงจังมาก

"ลิฟท์คงเสีย เดินลงบันไดเถอะ"
เซนกระตุกมือและพาผมออกมาจากลิฟท์โดยที่ไม่พูดอะไรต่ออีก สองมือยังคงเกาะกุมกันเอาไว้แบบเดิม หัวใจกำลังพองโตกับความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ของเขา จะดีแค่ไหนถ้าเซนแสดงความรู้สึกต่อใครๆ ได้มากกว่านี้ ไม่ใช่เป็นคุณชายหน้าตายเย็นชาตลอดเวลา

"เซน... บารอนไม่ได้อยู่ด้วยเหรอ กูมาทีไรไม่เคยเจอ"
ผมถามในขณะที่เราก้าวลงบันไดจนถึงโถงใหญ่ของคอนโด เซนชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันมายิ้มมุมปากให้กันแล้วปล่อยมือออกไป ผมแอบเสียดายแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตัวให้เป็นปกติ

"ตอนนี้มันอยู่กับ... อยู่ที่บ้านใหญ่น่ะ"
เซนมีท่าทางอึกอักเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วและเดินนำผมออกไปจากคอนโด รู้สึกว่าคำตอบที่ได้มามันดูคลุมเครือและเป็นความจริงอยู่เพียงแค่ครึ่งเดียว สิ่งที่เขาต้องการจะบอกในตอนแรกคืออยู่กับใครแต่กลับเปลี่ยนเป็นตอบเรื่องสถานที่แทน

"รอด้วยเว้ย"
ผมรีบก้าวตามเซนไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าไอ้ขาที่ยาวไล่เลี่ยกันนี่มีอะไรผิดปกติ เขาเดินเร็วแต่ผมกลับเดินช้าทิ้งช่วงห่างจนเหมือนอีกคนวิ่งนำ... หรือผมจะกลายเป็นเต่าเชื่องช้าไปแล้วนะ งงตัวเอง

ผมกับเซนเลือกกินข้าวต้มหมูร้อนๆ ใต้หอพักเป็นอาหารมือเช้าและต่อด้วยปาท่องโก๋จิ้มนมข้นปิดท้าย หนังท้องตึงหนังตาแทบจะหย่อนในทันทีทั้งๆ ที่เพิ่งตื่นนอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยพวกเราตกลงว่าจะไปเดินย่อยที่สวนสาธารณะใกล้ๆ โดยการปั่นจักรยานไป แต่เรื่องของเรื่องคือ... ผมปั่นจักรยานไม่เป็น

"เซน... มึงปั่นไปนะ กูเดินก็ได้"
ผมบอกเมื่อเซนขึ้นคร่อมจักรยานคันโปรดของตัวเองที่จอดอยู่ใต้ตึก เขาหันมามองกันแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

"ซ้อนดิ จะเดินให้เมื่อยทำไม"
น้ำเสียงราบเรียบทำให้ผมหายใจติดขัด ให้ซ้อนจักรยานเนี่ยนะ... มันดูแปลกๆ ไปหรือเปล่า เหมือนเป็นแฟนกันยังไงก็ไม่รู้ว่ะ

"กูตัวหนัก"
ผมพูดเฉไฉแล้วออกเดินไปเรื่อยๆ ตามฟุตบาท เสียงจักรยานเคลื่อนตามมาปั่นเลียบเคียงกันไปอย่างช้าๆ เขาใช้มือข้างเดียวจับแฮนด์แล้วปั่นจักรยานด้วยท่วงท่าสบายๆ แต่ผมหวาดเสียวกลัวว่าเซนจะเสียหลัก

"เขินที่จะซ้อนจักรยานกูก็บอก"
เสียงเอ่ยแซวดังมาจากข้างตัวจนผมต้องหันไปถลึงตาใส่เซนที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่บนจักรยาน อยากจะผลักให้ล้มลงแต่ก็กลัวเขาเจ็บตัว เกลียดตัวเองจริงๆ ที่คิดแคร์ทันขนาดนี้ หงุดหงิดใจเป็นบ้า

"เพ้อเจ้อฉิบหาย รีบๆ ปั่นไปเลย"
ผมผลักไหล่เซนเบาๆ จนเจ้าตัวเซไปเล็กน้อย แต่แทนที่เขาจะโกรธกันกลับยิ้มร่าซะอย่างนั้น แถมยังไม่ยอมทำตามที่บอกอีกด้วย ยังคงปั่นจักรยานไปพร้อมๆ กับการก้าวเดินที่แสนเชื่องช้าของผม จะบอกว่ารอกันคงไม่ใช่หรอก เซนไม่ได้แคร์ใครขนาดนั้น

"ขึ้นมา"
เสียงแข็งๆ สั่งขึ้นจนผมต้องชะงักเท้าในขณะที่เซนจอดรถจักรยานนิ่งเทียบฟุตบาท ดวงตาสีเทาจ้องมองกันไม่ลดละ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ก็ยอมทำตามโดยง่ายเพราะมีลางสังหรณ์ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี

"บังคับจังวะ"
ผมบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยอมขึ้นคร่อมจักรยานแล้วกอดเอวของเซนเอาไว้ ถ้าไม่กอดคงลงไปนอนหงายหลังบนถนน ก็เขาเล่นออกแรงปั่นอย่างแรงจนรถพุ่งไปข้างหน้าไวขนาดที่ลมปะทะใบหน้าจนรู้สึกชา

"เหี้ย ช้าๆ หน่อย จะแข่งปั่นจักรยานหรือไง"
ผมโวยวายและสำลักลมที่ปะทะเข้ามาจนไอโขลก แต่เซนยังคงใช้แรงมหาศาลปั่นจักรยานต่อไปทำให้ผมต้องกอดเขาแน่นขึ้น หัวใจเต้นรัวเร็วอยู่ภายในอกด้วยความตื่นเต้น รอบๆตั วของเราเหมือนอากาศกำลังเย็นลงเพราะท้องฟ้ามืดครึ้ม ความเร็วของรถจักรยานลดลงดื้อๆ

"เซน... กลับกันปะวะ เหมือนฝนกำลังจะตก"
ผมเงยหน้ามองฟ้าในขณะที่รถจักรยานจอดสนิท เซนทำแบบเดียวกันแต่กลับส่ายหน้าเบาๆ ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยแล้วก้าวลงจากรถ ทำไมถึงไม่ยอมกลับทั้งๆ ที่เราทั้งคู่กำลังจะเปียกล่ะ

"กลับตอนนี้ไม่ได้ ฝนไม่ตกหรอกเชื่อกู"
เซนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วจูงจักรยานเข้าในลานจอดรถของสวนสาธารณะพร้อมกับใช้โซ่คล้องมันเอาไว้ ผมลอบถอนหายใจแล้วเดินตามไปติดๆ เขามักจะมีท่าทางแปลกประหลาดเสมอๆ แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่ามันคือความผิดปกติอะไร เซนอาจจะมีสัมผัสทีหกล่ะมั้ง เพราะเรื่องฝนฟ้าอากาศเชื่อถือคำพูดของเขาได้เสมอ

"ทำไมกลับตอนนี้ไม่ได้วะ นัดสาวไว้ที่ห้องหรือไง"
ผมแกล้งถามออกไป เซนหันกลับมามองผมด้วยแววตาที่อ่านยาก แต่เพียงแค่ครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นยกยิ้มกวนแล้วเดินเข้ามากอดคอกันซะอย่างนั้น อะไรของเขาล่ะเนี่ย

"อยากให้กูนัดสาวทั้งๆ ที่กูใช้เวลาตอนนี้อยู่กับมึงเหรอ"
คำถามที่ชวนให้ใจสั่นจนผมต้องหลบดวงตาสีเทานั่น เซนเป็นคนที่ยียวนกวนประสาทที่สุดในโลกแถมยังเป็นบุคคลที่หยอดกันได้อย่างหน้าตาเฉยอีกด้วย ผมไม่ตอบคำถามแต่กลับย่างก้าวเข้าสู่บริเวณสวนสาธารณะทันที มันเงียบสงบจนผมเริ่มรู้สึกวังเวงบวกกับบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนด้วยแล้วเหมือนปีศาจจากที่ไหนสักแห่งจะโผล่ออกมา

"วิน"
เสียงทุ้มเอ่ยเรียกกันขณะที่เรายืนอยู่หน้าบึงน้ำกลางสวนสาธารณะ ผมหันกลับไปมองหน้าเขาก่อนจะคลี่ยิ้มบางให้

"ว่าไง"
ผมถามกลับไปก่อนจะย่อตัวลงเก็บดอกไม้ที่ร่วงหล่นจากต้นมาถือไว้ ไม่รู้ว่ามันคือดอกอะไรแต่หน้าตาสวยงามจนผมต้องเอามาจรดกับปลายจมูก... ไร้กลิ่น




ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 1 -P.1- (18.10.2016)
«ตอบ #12 เมื่อ18-10-2016 09:35:08 »

"มึงเชื่อเรื่องปีศาจไหม"
เซนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนกำลังชวนคุยเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ ก็ถามเรื่องความเชื่อกันแบบนี้

"ปีศาจอะไรวะ แวมไพร์อะไรงี้เหรอ"

"ทำนองนั้น เชื่อไหมว่ามันมีอยู่จริง"

"อืม... อาจจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่ะ แต่กูชอบอ่านตำนานอะไรแบบนี้นะ น่าสนใจดี"
ผมตอบไปตามสิ่งที่คิด เพราะบางครั้งเวลาว่างๆ ผมก็ชอบอ่านตำนานภูติ ผี ปีศาจฆ่าเวลา

"รู้จัก... โซโลมอนไหม"
เสียงของเซนขาดห้วงไปเล็กน้อย ผมหันไปมองใบหน้าด้านข้างของเขาในขณะที่เขาก็หันมาทางนี้เช่นกัน เราสบตากัน หัวใจกำลังเต้นแรงอีกครั้ง อ่า... นั่นเพื่อนสนิทนะเว้ย พอสักทีเถอะอาการแบบนี้ น่าสมเพชว่ะ

"หา เมื่อกี้ถามว่าอะไรนะ"
ผมแกล้งถามย้ำแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนผืนหญ้าเขียวขจี เซนส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะนั่งลงตามแล้วยิ่งกว่านั้นคือเขาเอนตัวลงนอนบนตักของผมโดยไม่ขอสักคำ แต่ชินแล้วล่ะเลยทำได้แค่ส่งมือไปดีดหน้าผากสวยๆ นั่นด้วยความหมั่นไส้แทน

"ถามว่ารู้จักกษัตริย์โซโลมอนไหม"
เซนถามขึ้น ผมเลยค้นหาข้อมูลต่างๆ ในสมองอยู่ชั่วครู่แล้วก็เจอเรื่องอดีตกษัตริย์ของอิสราเอลที่ทรงมีเวทมนตร์แกร่งกล้าจนสามารถเรียกใช้ปีศาจทั้ง 72 ตนได้... เป็นคนที่เก่งขนาดนั้นคงน่ากลัวอยู่ไม่น้อย ผมพยักหน้าแทนคำตอบให้กับเซน เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มกันเบาๆ เกลียดการกระทำชวนใจเต้นของเขาจริงๆ เลยสิน่า แต่ไม่ยอมปัดออก อยากให้รู้ไว้ว่านายเทวินคนนี้สองจิตสองใจตลอดเวลา

"เป็นกษัตริย์ที่น่ากลัวมากเลยล่ะ"
เซนพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อยอย่างกับเคยประสบพบเจอกับโซโลมอนอย่างนั้นล่ะ ถ้าเป็นเรื่องจริงเซนคงเป็นปีศาจที่มีอายุมากกว่าพันปีแน่ๆ แล้วนี่ผมจะคิดเพ้อเจ้ออะไรวะเนี่ย ไร้สาระชะมัด

"พูดอย่างกับเคยเจอนะมึง แล้วทำไมอยู่ๆ ถามขึ้นมาเนี่ย"
ผมพูดก่อนจะใช้มือลูบหัวของเซนเล่นอย่างคุ้นเคย เขาไม่เคยว่าหรือด่าอะไรสักคำเมื่อทำแบบนี้กลับบอกว่าชอบและเคลิ้มดีอีกด้วย

"ชวนคุยเฉยๆ แล้ว... Fallen Angel ล่ะ รู้จักไหม"
คำถามยังคงดำเนินต่อไป แต่ผมกลับสะดุดกับคำถามนี้อย่างจังเพราะน้ำเสียงและแววตาของเซนยามพูดออกมากลับมีแววเจ็บปวด อาจจะอินเรื่องแบบนี้ล่ะมั้ง

"เทพตกสวรรค์... เคยอ่านเจอนะ"
ผมคิดทบทวนถึงบทความที่เคยอ่านเรื่องของเทพตกสวรรค์ บางครั้งพระเจ้าก็อาจจะใจร้ายเกินไปเพียงแค่ทำผิดครั้งเดียวไม่มีการให้อภัยใดๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งบุตรชายของท่านเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น

"อยากรู้ไหมทำไมเทพถึงตกสวรรค์กันเป็นว่าเล่น"
คำถามเนิบนาบทำให้ผมฉงนใจอยู่ไม่น้อย หรือว่าเซนจะสนใจเรื่องพวกนี้เหมือนๆ กับผมกันนะ แต่วิธีการพูดของเขานั้นให้ความรู้สึกว่ากำลังเล่าเรื่องของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น หรือว่าแอบไปรับบทละครเวทีของมหา'ลัยมาเล่นวะ ดูจะอินแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

"ที่กูอ่านเจอก็เป็นกบฏกับสวรรค์ปะ หรือไม่ก็หลอกลวงมนุษย์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นอะไรทำนองนั้น"
ผมตอบไปตามข้อมูลที่พอจะจำได้ ดวงตากลมทอดมองไปยังบึงด้านหน้าที่เงียบสงบ ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มและไม่มีทีท่าว่าจะสว่างสักที ถ้าให้อยู่คนเดียวตรงนี้คงไม่เอาด้วยหรอก เซนขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะปิดเปลือกตาลงช้าๆ มือข้างหนึ่งวาดไปมาบนอากาศเหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

"อืม... สนใจเรียนวิชาปีศาจวิทยาไหม"
ผมแทบสำลักอากาศเมื่อได้ยินคำถามแปลกๆจากเซน นี่มันศตวรรษที่ 21 นะ... ยังมีคนสอนวิชาเกี่ยวกับปีศาจนี่อยู่อีกเหรอ คนทั่วไปอาจจะงงว่ามันคือวิชาบ้าอะไร แต่สำหรับผมที่ชอบอ่านตำนานปีศาจจะรู้ดีว่าในศตวรรษที่ 17 มีหนังสือที่ชื่อว่า Clavicula Salomonis (คลาวิคิวลา ซาโลมอนิส) หรืออีกชื่อคือ Lemegeton (เลเมเกทัน) เป็นหนังสือที่แพร่หลายในวิชาปีศาจวิทยามาก เป็นการศึกษาเกี่ยวกับปีศาจและความเชื่อเกี่ยวปีศาจ ส่วนมากคนที่เรียนจะเป็นบาทหลวงหรือผู้ต่อต้านปีศาจ

"เดี๋ยวๆ มึงว่าอะไรนะเซน นี่มันสมัยไหนแล้ว ใครจะมาสอนเรา"
ผมเบิกตาค้างแล้วพูดด้วยเสียงติดตลก ถึงในส่วนลึกของจิตใจจะอยากเรียน เหมือนคนอื่นๆ ที่ใฝ่ฝันอยากเรียนที่ฮอกวอตส์นั่นล่ะ

"บาทหลวงจีซัสจะสอนเป็นวิชาเลือก"

"ห๊ะ... คุณพ่อจีซัสเนี่ยนะมึง เจ๋งว่ะ"
ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ไม่ต้องทนอุดอู้เรียนวิชาเลือกที่เกี่ยวกับภาควิชาที่ตัวเองเรียน มหา'ลัยของเราอาจจะมีอะไรแปลกกว่าที่อื่นอยู่มากแต่ผมชอบแบบนี้นะ

"แต่มีกฎว่าต้องเรียนวิชานี้ไปตลอดสามปี"
เซนพูดพร้อมกับเปิดเปลือกตาขึ้นมองกัน ผมสะดุ้งเล็กน้อยที่เผลอสบตากันโดยบังเอิญ แต่พอตั้งสติได้ก็รีบเงยหน้าขึ้นแล้วละล่ำละลักถามในสิ่งที่สงสัยออกไปเป็นการกลบเกลื่อน

"แปลกฉิบหาย ปกติวิชาหลักและวิชาเลือกเขาเรียนแค่วิชาละหนึ่งเทอมไม่ใช่เหรอวะ นี่เล่นเรียนหกเทอมเลยเหรอ"
ผมเกาหัวแกรกๆ เพราะงงหนัก ดูเหมือนวิชาปีศาจวิทยาอะไรนี่จะจริงจังกว่าวิชาคณะเสียอีก... วิศวกรรมศาสตร์ไม่สู้เลยว่ะ จบไปคงหาทางเป็นบาทหลวงเพื่อขับไล่ปีศาจอาจจะรุ่งกว่า

"สงสัยมากนะมึง ตกลงจะเรียนไหม"
เซนลุกขึ้นแล้วจัดทรงผมเล็กน้อยให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะหันมาจ้องมองกันเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ ผมใช้เวลาครุ่นคิดโดยมองหน้าเซนสลับกับผืนน้ำด้านหน้า แต่ไม่ได้ช่วยให้ตัดสินใจอะไรง่ายขึ้นเลยสักนิด ในหัวกำลังตีกันว่าเรียนไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไร ประดับความรู้เฉยๆ อย่างนั้นเหรอ ถ้ามีภาคปฏิบัติอย่างลองเรียกปีศาจคงน่าสนใจดี

"มีภาคปฏิบัติด้วยปะมึง"
ผมแกล้งถามไปแบบนั้นล่ะ เพราะไม่คิดว่าจะมีภาคปฏิบัติแบบทดลองเรียกปีศาจอะไรทำนองนั้น ไม่ใช่ว่าลบหลู่ แต่ถ้าพวกเขายังหลงเหลืออยู่จริงๆ ในศตวรรษนี้การทดลองแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เสี่ยงชีวิตเกินไปด้วยซ้ำ

"มีสอนขั้นตอนการเรียกเป็นทฤษฎีประดับความรู้อย่างละเอียด แต่ไม่มีปฏิบัติจริง อันตรายเกินไป"

"อ้อ... เรียนก็ได้"

หลังจากนั้นเราก็ออกจากสวนสาธารณะเพื่อไปหามื้อเที่ยงกินและกลับมาที่คอนโดอีกครั้งตอนบ่ายสองโมง หยาดฝนกำลังเทลงมาอย่างหนักทำให้ผมที่เตรียมจะกลับหอของตัวเองต้องนั่งกร่อยอยู่บนโซฟาของเซนเหมือนเดิม และที่น่าแปลกก็คือ... ไฟฟ้าในห้องเกิดดับขึ้นมาอีกแล้ว ให้ตายเถอะ

"เซน... มึงติดต่อกับไอ้อุ่นบ้างปะ ปิดเทอมแล้วหายหัวตลอด"
ผมหันไปถามคนที่นั่งเหยียดขาอยู่บนโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่ถัดไป เซนเหลือบตามองกันเล็กน้อยแล้วกลับไปสนใจเครื่องมือสื่อสารในมือต่อ ให้เดาก็คงเล่นเกมโปรดอยู่นั่นล่ะ

"อุ่นกลับบ้าน มึงควรจะชินว่าติดต่อมันไม่ได้"
ผมพยักหน้าหงึกหงักกับคำพูดของเซน เมื่อไหร่ที่ปิดเทอมไอ้อุ่นจะเงียบหายไปเหมือนกับไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลก ไม่สามารถติดต่อได้ไม่ว่าช่องทางไหนก็ตาม และเมื่อเปิดเทอมใหม่มันจะโผล่หัวมาให้เห็นเอง

"พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้ว หวังว่าจะเจอมันนะ"
ผมพูดก่อนจะไหลลงไปตามโซฟาอย่างเกียจคร้าน ไฟดับแล้วไม่มีอะไรทำแถมบรรยากาศยังวังเวง ง่วงนะ แต่ไม่กล้านอนสักเท่าไหร่เพราะกลัวเซนจะแกล้ง...

"เจอ อุ่นไม่เกเรหรอก"

"อืม... เมื่อไหร่ฝนจะหยุดวะ อยากกลับหอแล้ว"
ผมบ่นไปตามเรื่องตามราวเพราะไม่มีอะไรทำ จะให้นั่งเล่นเกมอย่างที่เซนทำก็ไม่ใช่แนว จะให้ท่องโซเชี่ยลตอนนี้ก็เบื่อ อยากกลับหอไปหาหนังดูมากกว่า

"เทวิน"
เสียงทุ้มขัดความคิดเรื่อยเปื่อยของผมให้กระจัดกระจาย ใบหน้าคมจ้องมองกันจนทำให้รู้สึกขัดเขิน ประกอบด้วยที่เซนเรียกชื่อผมเต็มยศแล้วด้วยยิ่งทำให้รู้สึกเกร็งไปใหญ่ มีเรื่องเครียดอะไรจะคุยกับกูอีกแล้ววะ

"อะ อะไร เรียกชื่อกูเต็มยศทำไม"
เสียงพูดตะกุกตะกักเพราะควบคุมไม่ได้ดังขึ้น ไม่เคยชินเลยสักครั้งที่ต้องโดนเซนจ้องกันแบบนี้ ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมดวงตาสีเทาถึงมีเสน่ห์เหลือล้นจนทำให้รู้สึกเคลิ้มตามอยู่บ่อยๆ

"คืนนี้ค้างด้วยกัน พรุ่งนี้ใส่ชุดนักศึกษากูไปมอก่อนแล้วกัน"
เซนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและดวงตาสีเทาจ้องมองมาอย่างไม่ลดละ ผมได้แต่สำลักลมหายใจจนทำอะไรไม่ถูก เพิ่งได้รู้ว่าอาการน้ำท่วมปากเป็นยังไงก็วันนี้ล่ะ แต่เมื่อหาคำพูดตัวเองเจอก็รีบรัวออกไปจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์

"เฮ้ย เดี๋ยวนะเซน มึงกินยาลืมเขย่าขวดปะวะ วันนี้วันจันทร์นะ มึงจะให้กูค้างยังไง ไม่ได้นัดใครไว้เหรอ"
ผมละล่ำละลักถามออกไปแล้วขยับตัวออกห่างจากเซน เขาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะคลี่ยิ้มบาง สายตาที่มองกันฉายแววสนุกสนานจนอยากวิ่งหนีไปไกลๆ

"นัด แต่กูไม่ให้มึงกลับหอ ถ้าไม่อยากได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ก็เปิดเพลงกลบเสียงเอา"

"มึงโรคจิตหรือไง กูนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้"
ผมว่าด้วยเสียงหงุดหงิด จะให้มานั่งอยู่ในห้องที่เขากำลังมีอะไรกันแบบนั้นน่ะเหรอ ผมไม่ใช่คนหน้าด้านหน้าทนนะ แล้วอีกอย่าง... ความรู้สึกมันหน่วงแปลกๆ จนอยากหายตัวไปจากตรงนี้

"ไม่ได้ อย่าขัดใจกูเลยเทวิน มึงก็รู้ว่ามันไม่ดี"
เซนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมไม่กล้าเถียงอะไรอีก เพราะมีครั้งหนึ่งเคยขัดใจเซนจนทะเลาะกันใหญ่โตแล้วไม่ได้คุยกันเป็นเดือนๆ เบื้องหน้าของผลนั้นอาจจะร้ายแต่ผมเชื่อว่าเซนต้องมีเหตุผลที่ไม่ยอมให้กลับหอแน่ๆ

"โอเคๆ แต่ตอนผู้หญิงของมึงมากูลงไปรอที่สวนด้านล่างคอนโดก็ได้"
ผมหาทางรอดให้ตัวเองไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัด เซนเหมือนจะไม่ยอมในทีแรกแต่สุดท้ายก็พยักหน้าตกลง

"ได้ แต่ถ้ามีอะไรผิดปกติก็กลับมาที่ห้องแล้วกัน"
เซนพูดแล้วลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้ผมนั่งอ้าปากหวอเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด อะไรคือสิ่งผิดปกติวะ แต่จะให้ลุกตามไปถามก็คงไม่ได้คำตอบหรอก  ชอบทำให้ค้างคาใจได้ตลอดเวลา

สองทุ่ม... ผมลงมาเดินเตร็ดเตร่อยู่ตรงสวนหย่อมของคอนโดเพราะผู้หญิงที่เซนนัดไว้มาเยือน ก่อนจะก้าวออกมาจากห้อง เขามีท่าทางเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป ช่างมันเถอะ อย่ากังวลอะไรกับคนอย่างผมแล้วมีความสุขกับเธอเถอะ

"วิน!"
ผมตาลีตาเหลือกหันมองไปรอบตัว ใครจะรู้จักเขานอกจากเซนไม่มีอีกแล้ว แต่สายตากลับไปสะดุดที่ชายร่างสูงหุ่นกำยำหน้าตาคุ้นเคย พยายามเพ่งมองผ่านความมืดจนแน่ใจว่าเป็น 'อุ่น' เลยถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วก้าวเข้าไปหาเจ้าตัว

"ตกใจหมดไอ้อุ่น แล้วนี่มาไงวะ"
ผมยกแขนขึ้นพาดบ่าของอุ่นอย่างสนิทสนม เขายิ้มกว้างให้กันก่อนจะชูถุงขนมแกว่งไปมาบอกให้รู้ว่าเป็นของฝากจากที่บ้านแน่ๆ

"ว่าจะเอาขนมมาฝากเซนน่ะ แล้วมึงทำไมอยู่ที่นี่"
อุ่นถามขึ้นแต่แววตาไม่ได้แสดงออกว่าสงสัยอย่างที่ถามกัน เหมือนเขารู้ล่วงหน้าว่าผมอยู่ที่นี่ แต่คิดอะไรมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ

"เซนให้กูค้างที่นี่น่ะ"
ผมตอบก่อนจะดึงอุ่นไปนั่งที่ม้าหินอ่อนตรงกลางสวน ขนมมากมายถูกตั้งกองบนโต๊ะ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกของหวานๆ ที่ผมไม่ค่อยปรารถนาเท่าไหร่แต่เซนกลับชอบมันมาก

"อ๋อ... แล้วทำไมมึงมาเดินชมสวนมืดๆ คนเดียว เซนหายไปไหนวะ"
ผมถึงกับจุกเมื่อได้ยินคำถามของไอ้อุ่น ความรู้สึกหน่วงกำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้งทั้งๆ ที่ผมพยายามสลัดมันทิ้งแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะหงุดหงิดที่เพื่อนทำให้ตัวเองลำบากหรือเผลอใจชอบมันกันแน่

"หาความสุขใส่ตัวกับผู้หญิงของมันน่ะ"
ผมตอบเสียงอ่อยแล้วฟุบหน้าลงซบกับแขนที่เหยียดยาวของตัวเอง ไอ้อุ่นไม่ปริปากอะไรสักคำแต่ยื่นมือใหญ่มาลูบหัวกันเบาๆ คงต้องการปลอบล่ะมั้ง แต่ปลอบในความหมายไหนอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ

"เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนจนเซนเสร็จภารกิจแล้วกัน"

"อือ"




----------------------------------------------------------------

ตอนที่ 1 มาแล้วนะ .... มีคนเกลียดเซน เราก็เกลียดเหมือนกัน 555555555
เซนไม่ได้แย่อะไรหรอก แค่ไม่สนใจใครเลยต่างหาก แต่กับเทวินถือว่าเป็นคนพิเศษสำหรับเขาแล้วนะ
ที่ชอบแกล้งทุกวันๆ ก็มีเหตุผลของตัวเอง ไม่ใช่แกล้งเพื่อความสนุกอย่างเดียวหรอก


ปล. อ่านให้สนุกน้า

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 1 -P.1- (18.10.2016)
«ตอบ #13 เมื่อ18-10-2016 13:04:56 »

เซนนนนนน :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 1 -P.1- (18.10.2016)
«ตอบ #14 เมื่อ18-10-2016 16:05:40 »

แอบมีความรู้สึกว่าเทวินมีความพิเศษอะไรบ้างอย่างในตัวแน่ ๆ

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 1 -P.1- (18.10.2016)
«ตอบ #15 เมื่อ18-10-2016 20:24:48 »

อยากให้เซนมีความเกี่ยวข้องอะไรกับอัสโมดายซักอย่าง (แอบอยากให้เป็นคนเดียวกัน)

คือความเป็นเซนนี่ดูจะมีเหตุผลที่ยังเปิดเผยไม่ได้รองรับอยู่บางอย่าง ลึกลับชวนให้อยากค้นหา แต่แฝงความน่าจะดราม่าถ้าไม่ระวังหัวใจ

เอาใจช่วยเทวิน ขอให้เจ็บไม่เยอะนักนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 1 -P.1- (18.10.2016)
«ตอบ #16 เมื่อ19-10-2016 22:10:54 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 2 -P.1- (21.10.2016)
«ตอบ #17 เมื่อ21-10-2016 19:23:02 »

ตำราบทที่ 2


'I smell the mint scented in the air'
ผมได้กลิ่นของมินท์หอมตลบอบอวลในอากาศ



การเปิดเทอมวันแรกเต็มไปด้วยความยากลำบาก ไม่ใช่จากวิชาเรียนแต่เป็นสภาพฝนฟ้าอากาศต่างหาก สายฝนกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ จนตอนนี้เลิกเรียนคาบแรกในเวลาเที่ยงวันก็ยังไม่หยุดตก แถมยังมีทีท่าว่าจะหนักกว่าเดิมอีกด้วย

ตอนนี้ใต้อาคารเรียนเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ออกไปไหนไม่ได้เพราะติดฝน ลานจอดรถออกจะอยู่ไกลไปจนไม่สามารถพาตัวเองไปที่นั่นได้ เสื้อนักศึกษาสีชาวสะอาดเริ่มชื้นละอองฝนโดนลมพัดเข้ามากระทบ จะหลีกหนีก็ทำไม่ได้เพราะแทบไม่เหลือที่ว่างให้ขยับตัว คนที่ยืนข้างกันมีสีหน้าเรียบเฉยมาตั้งแต่เมื่อครู่ ไม่แสดงอารมณ์ยินดียินร้ายกับสภาพอากาศอันแปรปรวนเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีเทาจ้องมองท้องฟ้าราวกับกำลังตำหนิใครบางคนที่ทำให้เกิดสายฝนแบบนี้ อุ่นที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของผมกำลังยืนกดโทรศัพท์มือถือด้วยท่วงท่าสบายไม่ได้แคร์ว่าจะเปียกเลยด้วยซ้ำ ช่างมีความเป็นตัวของตัวเองกันทั้งนั้น

"วิน รออยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูขับรถมารับ"
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ผมต้องหันไปมองเซนอย่างห้ามไม่ได้ เจ้าตัวไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบถอะไรแม้แต่น้อย เขายังคงจ้องมองท้องฟ้าด้วยสายตาแบบเดิม

"หือ จะตากฝนไปลานจอดรถเหรอวะ"
ผมถามพลางขมวดคิ้วจนเกือบจะเป็นปม แค่เดินออกไปก้าวเดียวก็ดูเหมือนจะเปียกชุ่มทั้งตัว ให้เดินผ่าฝนไปถึงลานจอดรถคงบิดน้ำออกจากเสื้อผ้าได้เป็นกะละมังแน่ๆ เซนหันมามองกันก่อนจะชูร่มสีดำสนิทในมือให้ดู ยิ่งทำให้สมองประมวลผลหนักกว่าเดิม มันมาจากไหน มาได้ยังไง ก็จำได้ว่าเราทั้งสามคนไม่มีใครพกร่มมานี่ แปลกมาก

"มีร่ม"
คำพูดสั้นๆ ไม่ได้ไขความกระจ่างให้ผมแม้แต่นิดเดียว ท้องฟ้าคำรามเสียงกึกก้องจนผมสะดุ้งเผลอขยับเข้าไปเบียดอุ่นที่ยังไม่เลิกเล่นโทรศัพท์ ร่างกำยำกระตุกเล็กน้อยก่อนจะหันมามองกันแล้วยิ้มให้

"กลัวเหรอวะ"
คำถามจากปากอุ่นดังขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองมาอย่างห่วงใย แต่ทำไมเวลาถามไถ่กันต้องมองผมสลับกับเซนด้วยวะ เหมือนมีความเกรงใจเล็กๆ ในแววตาคู่นั้น

"ตกใจเฉยๆ เอ้อเซน มึงอย่าเพิ่งไปเลยฝนตกหนักขนาดนี้"
ประโยคหลังผมหันไปพูดกับเซนที่เตรียมจะกางร่ม เขาชะงักมือแล้วมองกันนิ่งก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ อะไรของเขาอีกล่ะนั่น อากาศเย็นจะตายยังทำให้หน้าผมร้อนวูบขนาดนี้ จะเก่งเกินไปแล้ว

"เป็นห่วงเหรอ"
คำถามตรงๆ ทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจ เซนล่วงรู้ความคิดจริงๆ ของผมแทบทุกอย่างจนแปลกใจว่าเขาสามารถอ่านใจคนได้อย่างนั้นเหรอ

"เออ รู้ทันตลอด คราวนี้ก็ยืนรอฝนซาไปนะ"
ผมตอบรับไปอย่างว่าง่ายเพราะไม่อยากเสียแรงสรรหาคำมาแก้ตัว ดวงตาสีเทาเป็นประกายจนผมต้องเบนหน้าหนีแล้วทำเป็นสนใจต้นไม้ใบหญ้าตรงลานเกียร์แทน ขนาดอยู่กลางผู้คนมากมายยังสามารถทำให้เขินได้ ความสามารถสูงจริงๆ

"แหม... เขินเซนเหรอวะ"
อุ่นก้มลงมากระซิบข้างหูกันด้วยน้ำเสียงทะเล้น ผมสะดุ้งเฮือกไม่ใช่เพราะตกใจแต่อึ้งในคำถามของเขามากกว่า ทำไมถึงรู้ว่าผมกำลังเขินสายตาของเซนกันล่ะ แล้วมันจะรู้ไหมว่าผมคิดยังไงกับเพื่อนสนิทอีกคน แย่แน่ๆ

"อะ อะไรของมึงไอ้อุ่น เพ้อเจ้อละ"
ผมตอบเสียงตะกุกตะกักจนผิดสังเกต อุ่นทำเพียงแค่เลิกคิ้วแล้วหัวเราะเบาๆ เท่านั้ย ไม่ได้เอ่ยแซวหรือถามอะไรต่ออีก อาจจะเป็นเพราะโดนสายตาดุๆ ของเซนเบรกเอาไว้

"โอเค๊ ไม่ยุ่งก็ได้"
อุ่นขยับตัวยืนตรงเหมือนเดิมและเริ่มกดโทรศัพท์ในมืออีกครั้งหลังจากพูดกับเซนจบ ผมมองพวกเขาสลับกันเพราะไม่เข้าใจทั้งการกระทำและคำพูดที่ผ่านไปเมื่อครู่ ผมสังเกตตั้งแต่รู้จักกันใหม่ๆ อุ่นจะชอบให้ความเคารพกับเซนแบบทีเล่นทีจริงเหมือนเป็นเจ้านายและลูกน้องในบางที

"ถ้ารอฝนหยุดเราจะสาย"
เซนยื่นมือออกไปรับน้ำฝนด้านนอกชายคา ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วพบว่าอีกยี่สิบนาทีจะเข้าเรียนคาบวิชาเลือก 'ปีศาจวิทยา' แล้ว แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก แล้วสถานที่เรียนอย่างโบสถ์กลับอยู่คนละฟากฝั่งกับคณะวิศวกรรมศาสตร์โดยสิ้นเชิง

"คุณพ่อจีซัสคงเข้าใจนักศึกษาล่ะมั้ง"
ผมพูดทำนองเอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่เซนกลับชะงักไปแล้วดึงมือกลับมาไว้ข้างตัว ดวงตาสีเทาจ้องมองกันอีกครั้งแต่ผมไม่สามารถเดาได้ว่าเขากำลังรู้สึกอะไร บางครั้งเซนก็ดูเป็นคนที่เก็บซ่อนความลับเอาไว้มากมาย ส่วนผมเป็นประเภทชอบค้นหาด้วยสิ

"ไม่หรอก บาทหลวงจีซัสเข้มงวดเรื่องเวลามาก สายไปแค่หนึ่งนาทีอาจจะโดนทำโทษทั้งคาบ"
เซนว่าแบบนั้นก่อนจะแกว่งร่มในมือไปมาเหมือนกำลังกดดันให้ผมใช้ความคิดและตัดสินใจยอมปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเอง แต่ก่อนจะได้วิเคราะห์อะไรนั้น อุ่นกลับพูดขึ้นมาซะก่อน

"เออจริง กูเคยถูกทำโทษกับบาทหลวงจีซัส ไปพบสายแค่สามสิบวิโดนทำความสะอาดโบสถ์ทั้งหลัง วันนั้นกูกลับบ้านเกือบเที่ยงคืน คิดแล้วสยองชะมัด"
อุ่นทำหน้าหวาดกลัวจนผมเผลอหลุดหัวเราะออกมา ถ้าทุกคนยืนยันแบบนั้นผมคงต้องปล่อยเซนไปสินะ... รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

"เออ เซนไปเอารถเถอะ เดี๋ยวกูกับอุ่นรอตรงนี้"
ผมบอกก่อนจะตบบ่าเซนเบาๆ เป็นสัญญาณ เขาหันมาคลี่ยิ้มให้กันแล้วกางร่มออกเดินจากไป แผ่นหลังกว้างค่อยๆเล็กลงกลางสายฝนกระหน่ำ ผมรู้สึกภาพข้างหน้าพร่าเบลอจนรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา อุ่นขยับเข้ามาพยุงกันไว้ได้ทันท่วงทีและเอ่ยปากถามอย่างร้อนรน

"เป็นอะไรวะวิน อยู่ๆ ก็เซ"

"เวียนหัวนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมาก"
ผมตอบเสียงแหบแห้ง จริงๆ แล้วที่พูดไปนั้นเป็นเรื่องจริงแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่แน่ใจว่าตาฝาดหรือเพราะแสงเงาที่ทำให้เกิดภาพน่ากลัวขึ้น... รังสีบางอย่างที่แผ่มารอบตัวของเซน ในจังหวะที่มองแผ่นหลังกว้างนั้นหัวใจของผมแทบหยุดเต้น รู้สึกถึงความหนาวเกาะกุมไปทั้งร่างกาย แต่เพียงเสี้ยวนาทีทุกอย่างก็จางหายไปเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น

"เออๆ ถ้าไม่ไหวก็บอก"
อุ่นบอกก่อนจะประคองผมไว้แบบนั้นจนเซนขับรถมาจอดเทียบฟุตบาทและเดินลงมาพร้อมร่มคันใหญ่กว่าเดิม เอามาจากที่ไหนกันนะ ก็เมื่อเช้าตอนนั่งรถมากับเขาผมมองสำรวจไปซะทั่วแล้ว เจอแต่กล่องถุงยางอนามัยทุกรสทุกกลิ่นทุกพื้นผิวอีกต่างหาก สักวันเป็นเอดส์ตายจะสมน้ำหน้าให้

"ทำไมต้องประคอง"
น้ำเสียงแข็งๆ เอ่ยถามอุ่นที่ทำตาหลุกหลิกแล้วรีบปล่อยให้ผมยืนเองทันที ท่าทางเกรงกลัวคนตรงหน้าเวลาเข้าใกล้ผมคืออะไรกันวะ ยิ่งเห็นยิ่งไม่เข้าใจ

"ไอ้วินเวียนหัว ไปกันได้ยัง"
อุ่นแบมือขอร่มคันเล็กในมืออีกข้างของเซน เจ้าตัวนิ่งอยู่สักครู่ก่อนจะส่งให้แล้วดึงแขนผมเข้าภายใต้ร่มคันใหญ่ของเขา เราออกเดินไปด้วยกันอย่างไม่เร่งรีบเพราะกลัวรองเท้าผ้าใบที่ใส่จะเกิดอาการน้ำขัง ไอ้เปียกน่ะมันเปียกอยู่แล้วแต่ต้องระวังกันหน่อย

ผมนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับในสภาพที่ไม่ค่อยต่างจากลูกหมาตกน้ำสักเท่าไหร่ ดีหน่อยที่เบาะเป็นหนังเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ไอ้อุ่นที่นั่งอยู่ด้านหลังเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจิ้มหน้าจอสี่เหลี่ยมอยู่แบบนั้นจนผมสงสัยว่าทำไมช่วงนี้ดูติดโทรศัพท์จังวะ ส่วนเซนขยี้ผมตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว

"อุ่น"
ผมลองเรียกเขา แต่กลับไม่ได้สัญญาณตอบรับเลยหันไปมองแล้วพบว่าอุ่นยังคงจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมแบบตาไม่กระพริบ

"ไอ้อุ่น!"
ผมกระแทกเสียงลงไปหวังจะให้มันตกใจแล้วสนใจสิ่งรอบข้าง แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นเงียบสงบจนผมเริ่มหงุดหงิด นี่ตั้งใจจะเมินกันใช่ไหม ขนมก็ไม่หิ้วมาฝากเหมือนกับเซนยังพอให้อภัยอยู่นะ แต่ทำแบบนี้มันจะเกินไปแล้วเว้ย

"เซน อุ่นแม่งกวนตีนกูแล้ว ตะโกนคอจะแตกยังไม่สนใจกันอีก"
ผมหันไปฟ้องเซนต่อหน้าต่อตา แต่อุ่นยังไม่มีปฏิกิริยาว่าจะสนใจเลยด้วยซ้ำ ในโทรศัพท์มันมีอะไรสำคัญขนาดนั้นวะ เหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไรรอบข้าง

"ปล่อยมันไปเถอะ อาจจะมีธุระคุยกับที่บ้าน"
เซนเอื้อมมือมาโคลงหัวผมเบาๆ ให้คลายความหงุดหงิดลง ดวงตาสีเทาเหลือบมองกันเล็กน้อยในตอนที่รถจอดสนิทที่หน้าโบสถ์คริสต์ที่อยู่ประตูหลังของมหา'ลัย

"อุ่น"
เซนเรียกคนด้านหลังด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนผมเองที่นั่งด้านข้างยังแทบไม่ได้ยินเพราะเสียงฝนกลบ แต่อุ่นกลับเงยหน้าขึ้นแล้วรีบเก็บโทรศัพท์ในทันที

"ว่าไง"

"ถึงแล้ว"

"อ้อ... เดี๋ยวกูลงไปก่อนนะ พวกมึงค่อยตามมา"
อุ่นหันมาแลบลิ้นใส่กันก่อนจะเปิดประตูรถแล้วกางร่มลงไป ผมได้แต่เบ้ปากใส่แล้วบ่นงุบงิบอยู่คนเดียว และได้คำตอบแล้วว่าทำไมถึงโดนเมิน เพราะอุ่นอยากแกล้งกันนี่เอง นิสัยไม่ดี!

"เกลียดอุ่นฉิบ แกล้งกู"
ผมทำเสียงฟึดฟัดแล้วจ้องไอ้อุ่นที่ยืนคุยกับคุณพ่อจีซัสที่หน้าประตูโบสถ์เหมือนรู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดี จะว่าไปบาทหลวงคนนี้ก็มีใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยจนใครๆ หลายคนแปลกใจ โครงหน้าสวยหวานราวกับหญิงสาว ถ้าจับใส่วิกผู้หญิงทั้งหลายต้องยอมแพ้ราบคาบแน่ๆ

"เด็กน้อยโดนขัดใจแล้วอารมณ์เสียสินะ"
เซนว่าเสียงกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมถึงกับต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปเพราะต้องรีบลงจากรถ อุ่นเดินมารับกันถึงที่ ส่วนเซนใช้ร่มคันเล็กเดินตรงไปที่คุณพ่อจีซัสล่วงหน้า

"กลับบ้านบ้างนะครับ... เขาฝากมาบอก"
ประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินจากปากคุณพ่อจีซัสทำให้สมองเบลอไปชั่วขณะ หมายความว่าเขาสนิทกับเซนเหรอถึงได้รู้เรื่องของครอบครัวกันด้วย แต่จะให้ถามออกไปก็ดูจะเสียมารยาทเลยได้แต่เงียบแล้วโค้งตัวทักทายไป

"เซน... วันเกิดกลับ 'บ้าน' ไหม"
อุ่นถามเซนด้วยน้ำเสียงที่เครียดเล็กน้อย หัวคิ้วขมวดจนแทบจะเป็นปม ส่วนผมได้แต่นั่งเงียบๆ แอบฟังบทสนทนานั้นอย่างตั้งใจ เพราะไม่เคยรู้ว่ารูปแบบครอบครัวของเพื่อนสนิทเป็นยังไงบ้าง มีพี่น้องไหม ทำอาชีพอะไร  ดูไปดูมาเหมือนเราคบกันแค่ผิวเผิน เหมือนคนรู้จักทั่วๆ ไปยังไงก็ไม่รู้ว่ะ

"ไม่กลับ"
เซนตอบกลับอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องคิด น้ำเสียงนั้นแฝงความแข็งกระด้างจนน่ากลัวว่าสายสัมพันธ์ในครอบครัวของเขาจะแย่ คนที่ได้รับคำตอบอย่างอุ่นกลับทำหน้าเครียดเหมือนกำลังหนักใจที่เพื่อนไม่ยอมกลับบ้านซะอย่างนั้น แต่ผมถือว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวเลยไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร

"ไม่กลัว 'เขา' โกรธเหรอวะ"
เขานี่คือใคร... ผมอยากรู้เหลือเกิน ถึงจะรู้ว่าอุ่นกับเซนสนิทกันมาก่อนจะเจอผมแต่การพูดจาเรื่องที่รู้กันแค่สองคนมันส่งผลให้ผมดูเหมือนคนนอก อาการน้อยเนื้อต่ำใจเกิดขึ้นจนอยากจะร้องไห้

"หยุดพูดเรื่องนี้ น่าเบื่อ"
เซนตัดบทสนทนาแล้วหันมามองผมที่นั่งหงอยอยู่ข้างๆ มือเรียวเอื้อมมาดึงแก้มกันเบาๆ ก่อนที่คุณพ่อจีซัสจะเดินมายืนด้านหน้าเก้าอี้ตัวยาวแล้วเริ่มพูดคุยเรื่องวิชาเรียนแปลกประหลาด ถ้าหากสังเกตโดยรอบแล้วนักศึกษาในคลาสนี้มีไม่เกินยี่สิบคน อาจจะเป็นเพราะต้องใช้ความเชื่อและความสนใจอยู่มากเลยต้องคัดคนที่เหมาะสมเพื่อเรียนเท่านั้น

"วิชานี้จะเรียนโดยใช้เอกสารอ้างอิงหรือหนังสือที่มีชื่อว่า คลาวิคิวลาซาโลโมนิส หรืออีกชื่อคือ เลเมเกทัน... เดี๋ยวจะให้อุ่นเป็นคนไปเอาหนังสือมาแจกเพื่อนๆ นะ ทุกคนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าหนังสือ ทางมหา'ลัยให้ฟรี"
คุณพ่อจีซัสส่งยิ้มให้กับนักศึกษาทุกคนแล้วกวักมือเรียกไอ้อุ่นออกไปใช้งาน ผมเลยได้จังหวะที่จะแอบถามเรื่องเพื่อนสนิทกับคุณพ่อจีซัสคนนั้นว่าเป็นยังไงกันแน่

"เซน... กูถามอะไรหน่อยดิ"
ผมสะกิดแขนคนด้านข้างเบาๆ เซนหันมาพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร และในเสี้ยววินาทีผมเห็นรอยสักเล็กๆ ด้านหลังใบหู... ไม่เคยสังเกตมาก่อนด้วยซ้ำ เอาไว้จะถามเซนเรื่องรอยสักทีหลัง ตอนนี้เรื่องไอ้หล่ออุ่นสำคัญกว่า

"ว่าไง"

"อุ่นสนิทกับคุณพ่อจีซัสเหรอ"

"อืม ไม่รู้สิ ถามมันเอง"

"โห ไม่ช่วยกันเลยนะเซน"

"พอดีกูไม่ใช่คนขี้เสือกอะนะ"

"เอ้อ กูมันเสือก ชิ"
ผมสะบัดหน้าใส่เซนแต่ก็ยังยอมรับหนังสือเรียนมาจากเขา หน้าปกสีดำสนิทจนรู้สึกว่าหนังสือมีความขลังแบบน่าขนลุก สันหน้าเกือบๆ หนึ่งนิ้วเลยก็ว่าได้ แต่ที่ทำให้ผมตะลึงอ้าปากค้างคือเนื้อหาภายในเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ยิ่งกว่า Text Book ของนักศึกษาแพทย์อีก เพราะศัพท์บางคำที่ใช้เป็นภาษาอังกฤษโบราณเช่น Thou คือคำว่า You ในปัจจุบัน

"เซน... กูขอถอนวิชานี้ตอนนี้เลยได้ปะวะ เชี่ย ภาษาอังกฤษล้วนๆ ขนาดนี้"
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่ใช่ว่าไม่อยากเรียนแต่ไม่สันทัดภาษามันเป็นเรื่องใหญ่ ถึงเซนกับอุ่นจะเก่งแค่ไหน แต่จะมานั่งแปลทุกคำให้กันคงไม่ไหว

"บาทหลวงจีซัสสอนเป็นภาษาไทย แล้วเรื่องเนื้อหาในหนังสือมึงต้องเตรียมตัวมาล่วงหน้า เดี๋ยวอุ่นจะช่วย"
คำพูดของเซนทำให้ผมผ่อนคลายลงไปเยอะ การเตรียมบทเรียนและแปลเอกสารล่วงหน้าไม่ลำบากกับผมเท่าไหร่ ยิ่งมีอุ่นช่วยยิ่งสบาย แล้วทำไมคนข้างกายผมไม่เสนอตัวเองช่วยล่ะวะ โยนให้คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวหน้าตายเฉย

"ทำไมมึงไม่ช่วยกูเองอะ"
ผมถามออกไปด้วยความสงสัย แต่เซนกลับมองกันด้วยสายตาว่างเปล่าและไม่ยอมตอบอะไรกลับมา อยากจะทวงถามอีกครั้งแต่อุ่นเดินกลับมานั่งด้านข้างเซนพอดิบพอดี เจ้าตัวเหมือนจะรู้หน้าที่ดีเลยหันมาชวนคุยข้ามหัวคนตรงกลางซะอย่างนั้น

"เรื่องหนังสือไม่ต้องห่วงนะเว้ย กูช่วยแปลเอง"
อุ่นขยิบตาให้กันอย่างเจ้าชู้ ผมเบ้ปากใส่มันแต่ก็ยอมพยักหน้ารับน้ำใจนั่นไป เซนที่ไม่คิดจะร่วมวงสนทนากลับเปิดหนังสือไปที่หน้าแรกเพื่อเตรียมพร้อมจะฟังคุณพ่อจีซัสเริ่มบทเรียนที่หนึ่งทันที นี่ล่ะคือความลำบากของนักศึกษาที่โดนอาจารย์ตะบี้ตะบันสอนตั้งแต่คาบแรกที่เจอกันในช่วงเปิดเทอมใหม่

"หนังสือที่ทุกคนถืออยู่จะมีทั้งหมดห้าบทด้วยกัน บทแรกชื่อว่า Ars Goetia (อาร์ส โกเอเทีย) จะกล่าวถึงปีศาจทั้งเจ็ดสิบสองตนที่ราชาโซโลมอนเคยเรียกใช้ รวมทั้งมีคาถาการอัญเชิญเพื่อใช้งาน วงเวทย์ที่จำเป็นต้องใช้ในพิธี..."
คุณพ่อจีซัสเริ่มอธิบายส่วนประกอบภายในหนังสือคร่าวๆ ด้วยท่าทางสบายๆ จากที่ฟังแล้วสรุปได้คือ หนังสือมีทั้งหมดห้าบท บทแรกจะกล่าวถึงปีศาจทั้งเจ็ดสิบสองตน บทที่สองกล่าวถึงพวกภูติอากาศสามสิบเอ็ดตนที่โซโลมอนเคยเรียกใช้ บทที่สามจะแบ่งย่อยเป็นสองพาร์ท พาร์ทแรกอธิบายถึงเทวทูตที่เรียกใช้ได้ พาร์ทที่สองกล่าวถึงเทวทูตผู้ปกครองจักรราศี บทที่สี่กล่าวถึงการทำอัลมาเดลซึ่งเป็นแผ่นขี้ผึ้งมีตราผู้พิทักษ์ใช้อัญเชิญเทวทูต และบทสุดท้ายจะรวบรวมมนตร์และเวทมนตร์ในภาษาต่างๆ

ยอมรับว่าสมองเออเร่อไปชั่วขณะหลังจากฟังอธิบายคร่าวๆ จบ และความลำบากกำลังมาเยือนเมื่อนายเทวินจำชื่อเรียกของแต่ละบทในหนังสือไม่ได้เลยเพราะคุณพ่อจีซัสกำลังสุ่มถามพวกเราอยู่

"เทวิน"
น้ำเสียงทุ้มหวานเอ่ยเรียกชื่อกันอย่างชัดเจน ผมยังไม่ทันได้โอดครวญหรือขอความช่วยเหลือจากเซนเลยสักนิด เหมือนคุณพ่อจีซัสจะแอบยกยิ้มมุมปากที่ได้เห็นอาการลุกลี้ลุกลนของผมเข้า มือไม้กำแน่นเริ่มชื้นเหงื่อ

"คะ ครับคุณพ่อจีซัส"
เสียงเบาหวิวไร้น้ำหนักดังขึ้น ผมหลุบตาลงต่ำเมื่อคุณพ่อจีซัสมองตรงมา นักศึกษาหลายคนที่ให้ความสนใจในความซวยของผม อยากจะเข้าไปกราบเรียงตัวเลยเถอะที่ตั้งใจเสือกเรื่องคนอื่นได้ขนาดนี้

"ได้ลองเปิดหนังสือดูบ้างหรือยัง"
คุณพ่อจีซัสคลี่รอยยิ้มเยือกเย็นส่งมาให้กัน ผมเหลือบมองคนข้างๆ ที่นั่งนิ่งไม่ยอมช่วยเหลือกันแล้วอยากจะง้างมือตบหัวนัก

"เอ่อ... เปิดดูคร่าวๆ แล้วครับ"
ผมตอบไปตามความจริง คร่าวๆ นี่คือเปิดผ่านๆ พอให้รู้ว่าหนังสือแม่งเป็นภาษาอังกฤษล้วน อย่าถามถึงเนื้อหานะ บรรลัยแน่ๆ

"อืม... ไหนบอกพ่อหน่อยว่าบทที่สามชื่ออะไรและกล่าวถึงเรื่องอะไร"
รอยยิ้มเย็นยังคงอยู่ทำให้ผมกำมือแน่นขึ้นจนชื้นเหงื่อ จำชื่อบทไม่ได้เว้ยคุณพ่อจีซัส สุดท้ายก็เลยตัดสินใจที่จะตอบแค่ส่วนที่รู้ไป และไอ้คนที่ผมไม่คิดว่ามันจะช่วยกลับกระซิบเสียงเบาบอกกันซะอย่างนั้น คาบเรียนครั้งแรกเลยผ่านไปได้ด้วยดี

หลังเลิกเรียนเซนไปส่งอุ่นที่ลาดจอดรถของคณะก่อนจะพาผมไปกินข้าวเย็นด้วยกัน การกระทำของเขาดูแปลกไปอย่างสิ้นเชิงเพราะเมื่อก่อนไม่เคยจะชวนกันไปไหนมาไหนด้วยช่วงเวลาพลบค่ำแบบนี้ เขามักจะนัดคนของเขาตลอดเวลา จะติดต่อกันทางโทรศัพท์ยังยาก แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่



มีต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2016 09:52:12 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 2 -P.1- (21.10.2016)
«ตอบ #18 เมื่อ21-10-2016 19:26:01 »

"เซน... มึงแปลกๆ ไปนะช่วงนี้ มีอะไรหรือเปล่า"
ผมถามในขณะที่กำลังนั่งรออาหารที่สั่งไปมาเสิร์ฟ เซนชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็คลี่ยิ้มบางส่งมาให้กันก่อนจะกลับไปสนใจเกมในจอสี่เหลี่ยมต่อ ท่าทางแบบนี้เดาได้ง่ายๆ ว่าคำคอบต่อไปคงไม่ได้ไขความกระจ่างในสิ่งที่ผมสงสัยมาตลอดอย่างแน่นอน

"มึงคิดมาก กูแค่ว่าง เบื่อๆ ผู้หญิงด้วย"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยตอบกัน ผมลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ ดวงตากลมมองเปลวเทียนในตะเกียงใสอย่างเลื่อนลอย บรรยากาศร้านอาหารที่เซนเลือกดูสลัวๆ แต่โรแมนติกอยู่ในที คล้ายกับจะพากันมาเดท แต่คงไม่ใช่ และผมเกลียดคำตอบที่ได้รับ เบื่อผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ โกหกทั้งเพ

"คนอย่างมึงเนี่ยนะเบื่อผู้หญิง แล้วเอาเวลาว่างมาอยู่กับกูไม่น่าเบื่อกว่าเหรอไง"
ผมเลื่อนสายตาไปมองเขาที่ยังเล่นเกมอย่างเมามัน เซนเหลือบสายตามองกันเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ พยายามจะเสาะหาความผิดปกติจากเขาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่เคยได้คำตอบที่ชัดเจนเลยสักครั้ง และเหมือนกับว่าวันนี้เซนจะไม่ยอมไปส่งผมกลับหออีกตามเคย เพราะตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยเข้าช่วงสองทุ่มไปแล้วเพราะรถติดก่อนหน้านี้

"เซน... ถามจริงๆ เหอะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า คุยกับกูได้นะเว้ย เพื่อนกัน"
ผมยังคงพยายามคาดคั้นอย่างจริงจังเพราะทนเก็บความสงสัยมาร่วมอาทิตย์ไว้ไม่ไหว จากที่เคยพิงพนักเก้าอี้ปล่อยตัวตามสบายกลับขยับตัวมาเท้าแขนลงบนโต๊ะแล้วจ้องคนตรงข้ามอย่างจริงจัง เซนยอมวางโทรศัพท์ลงแล้วใช้ดวงตาสีเทาจ้องมองกันเห็นเปลวเทียนวูบไหวอยู่ในนั้นอย่างชัดเจนจนผมเผลอกลั้นหายใจเพราะมันดูลึกลับและแฝงไปด้วยความน่ากลัว

"ใกล้จะวันเกิดกูแล้วไง อยากให้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้เหรอครับ"
หัวใจกระตุกวูบจนลืมจุดประสงค์มี่แท้จริงของตัวเองไปจนหมดหลังจากฟังประโยคเมื่อครู่จบ น้ำเสียงราวกับจะอ้อนวอนนั่นคืออะไร แล้วสายตาหวานเยิ้มที่ส่งมาให้กันนั่นอีก ผมรีบขยับตัวพิงพนักเก้าอี้ตามเดิมแล้วเบนสายตาหนีมองไปทางอื่น ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากเซนแล้วอดที่จะย่นจมูกใส่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่ ชอบทำให้สับสนอยู่เรื่อย

"ทำไมชอบล้อเล่นจังวะเซน"
ผมว่าด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ เพราะคิดว่าคงโดนแกล้งให้ใจเต้นเหมือนทุกครั้ง แต่ผิดคาดไปเยอะเพราะเขาหยุดหัวเราะแล้วเปลี่ยนสายตาหวานเยิ้มเป็นจริงจังขึ้นทันทีจนผมต้องเหลือบสายตามอง

"ไม่ได้ล้อเล่น กูพูดจริง"
เขายืนยันด้วยคำพูดและท่าทางที่แสดงออก ทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจเพราะความรู้สึกมีความสุขเล็กๆ กำลังก่อตัวขึ้น แต่แล้วความสงสัยบางอย่างกับผุดขึ้นในสมองอีกครั้ง แล้วอุ่นล่ะ เซนไม่อยากอยู่ด้วยหรือยังไง นั่นก็เพื่อนสนิทเหมือนกันนะ

"แล้วไอ้อุ่นล่ะ ไม่อยากอยู่กับมันบ้างเหรอวะ"
ผมถามด้วยความสงสัยจนเผลอขมวดคิ้วแน่น เซนมองกันก่อนจะเอื้อมมือมานวดระหว่างคิ้วให้เพื่อผ่อนคลาย ความอุ่นจากปลายนิ้วมือทำให้ผมรู้สึกดี กลิ่นมิ้นท์จางๆ ลอยมาปะทะจมูกอีกครั้ง ชอบจัง...

"เบื่อหน้าอุ่นแล้ว"
เขาตอบทั้งๆ ที่สายตายังมองผมอยู่แบบนั้น ปลายนิ้วยังคงคลึงที่เดิมไม่เคลื่อนไปไหน รู้สึกว่าบรรยากาศจะชวนให้ผมเพ้อฝันได้โดยง่าย ถ้าแอบคิดว่าเซนมีใจให้กันจะดีแค่ไหนนะ แล้วผมจะอมยิ้มทำซากอะไรเนี่ย ยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าคิดยังไงกับเขากันแน่

"ถ้าวันหนึ่งมึงเกิดเบื่อหน้ากูขึ้นมาคงไม่ทิ้งกูแบบที่มึงทิ้งอุ่นใช่ปะ"
ผมถามก่อนจะปัดมือเซนทิ้งแบบไม่จริงจังนักแล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบระหว่างรอคำตอบ เซนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวไปด้านหลังเพื่อพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่วงท่าสง่างาม พูดกันตามตรงคือเขาดูดีเสมอไม่ว่าจะทำอะไร จะขยับท่าไหน

"ไม่หรอก... กินข้าวเถอะ"
พอเหมาะพอเจาะกับอาหารที่มาเสิร์ฟทำให้เราจบบทสนทนาไว้เพียงแค่นั้น กลิ่นหอมของสปาเก็ตตี้คาโบนาล่า พิซซ่าหน้าฮาวาเอียนแบบอิตาเลี่ยนแท้ ลาซาญญ่าผักโขม ซุปเห็ดร้อนๆ และริซอตโต้จานใหญ่

"แน่ใจเหรอว่าจะกินริซอตโต้"
ผมชะงักมือที่ถือช้อนไว้ ริซอตโต้ตรงหน้าอยู่แค่เอื้อมแต่โดนขัดจังหวะเสียอย่างนั้น หน้าตาของมันดูเละๆ คล้ายกับโจ๊กบ้านเราแต่มีการปรุงรสที่แตกต่างกันมาก แต่เมล็ดข้าวของเขาจะมีลักษณะแข็งกว่าข้าวของไทย มีรูปร่างกลมๆ สั้นๆ คล้ายข้าวญี่ปุ่น

"ก็มันน่ากินดี งกเหรอ"
ผมเบ้ปากใส่ก่อนจะใช้ช้อนตักริซอตโต้ขึ้นมาดม กลิ่นหอมของเครื่องเทศลอยมาปะทะจมูกเข้าเต็มๆ ผมอ้าปากกำลังจะเคลื่อนช้อนเข้าไปแต่แล้วก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อเซนพูดออกมา

"มึงไม่เคยกิน ระวังอ้วกแล้วกัน บอกไว้ก่อนว่าสัมผัสไม่เหมือนโจ๊กแน่ๆ"
เซนเหมือนจะเตือนด้วยความหวังดี แต่แววตาที่ใช้มองกันกลับฉายแววสนุกสนาน เขารู้ว่าผมไม่ชอบกินอาหารเลี่ยนๆ แต่ก็ยังเลิกพามาร้านอาหาอิตาเลี่ยน อยากจะฆ่ามันทิ้งแต่ยอมได้เพราะมื้อนี้เซนเลี้ยงไง

"หยุดพูดแล้วกินไปเลย"
ผมว่าก่อนจะงับริซอตโตเข้าปาก... อืม ไม่ไหวว่ะ รสชาติก็ดีอยู่หรอกแต่มันรู้สึกหยึ๋ยๆ ในปากยังไงก็ไม่รู้ คำเดียวรู้เรื่องเลยจนต้องยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มล้างคอ

"เป็นไง อร่อยไหม"
เซนถามในขณะที่เขากำลังม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ในจาน ผมกรอกตาไปมาก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ มันอร่อยจริงนะ แต่ไม่ใช่แนวผมว่ะ

"อร่อย แต่เลี่ยน"
ผมตอบแล้วตักลาซาญญ่าผักโขมใส่ปาก รสชาติกลมกล่อมจนลืมความเลี่ยนของชีสที่ใส่มาเลย บางอย่างก็กินได้ง่ายๆ บางอย่างแค่นิดหน่อยก็พอแล้ว

"อืม งั้นกินพิซซ่ากับสลัดไปก่อนแล้วกัน จะสั่งอะไรเพิ่มไหม มีแต่ของเลี่ยนๆ"
เซนวางอุปกรณ์ในมือลงแล้วเรียกพนักงานให้นำเมนูมาอีกรอบ ผมอยากจะปฏิเสธแต่ทำได้แค่รับเมนูมาเปิดดูอีกครั้ง จะสั่งเพิ่มก็กลัวอาหารบนโต๊ะจะเหลือ แต่ถ้าไม่สั่งผมเองจะไม่อิ่ม

"ขอไก่นิวออลีนกับเฟรนฟรายเพิ่มแล้วกัน"
ผมสั่งแล้วยื่นเมนูคืนให้กับพนักงาน เซนยกยิ้มเล็กน้อยแล้วเริ่มกินอาหารตรงหน้าต่อไป

สรุปแล้ววันนี้กินอาหารไปทั้งหมดทั้งสิ้นรวมแล้วเจ็ดอย่าง ท้องแทบจะแตกตาย และไม่อยากจะเชื่อว่าเซนคนเดียวฟาดทั้งคาโบนาล่าและริซอตโต้เลี่ยนๆคนเดียวจนหมด นับถือเขาเลยจริงๆ ที่กินพวกมันด้วยหน้าตาเฉยเมย และตามคาดคือผมไม่ได้กลับไปที่หอเพราะโดนเขาลากขึ้นคอนโดเหมือนเดิมด้วยเหตุผลที่ว่าขี้เกียจขับรถไปส่งแล้วมันไกล ทั้งๆ ที่ผมบอกจะนั่งรถกลับเองก็ไม่ยอม เลยจำใจต้องมาค้างที่นี่อีกจนได้

"ไปอาบน้ำ เดี๋ยวเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้"
และเหมือนเดิมที่ผมโดนไล่ให้ไปอาบน้ำโดยมีผ้าขนหนูสีขาวสะอาดผืนเดิมติดตัวแค่อย่างเดียว ส่วนเสื้อผ้าและกางเกงชั้นในที่แวะซื้อที่มินิมาร์ทใกล้ๆ คอนโดนั้นอยู่ด้านนอกห้องน้ำ ให้ออกไปแต่งตัวข้างนอกเพราะจะแกล้งกันตามเคยผมควรทำใจ

เสื้อผ้าชุดนักศึกษาของเซนมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ผมคุ้นเคยติดอยู่ หาคำตอบไม่ได้จริงๆ ว่าทำไมกลิ่นมิ้นท์ถึงแทรกซึมอยู่ในทุกสิ่งอย่างของเขา คำตอบที่ว่าใช้ครีมอาบน้ำกลิ่นนี้ก็ไม่น่าจะส่งผลมาถึงเสื้อผ้าสิ แล้วเวลาเหงื่อออกนั่นอีก กลิ่นหอมจะไม่จางหายไปเลยมันใช่เหรอวะ แต่สงสัยไปก็รกสมองเปล่าๆ เลยเลือกที่จะเมินเฉยแล้วค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกาย

ผิวขาวเนียนสะท้อนในกระจกเงาเผยให้เห็นรูปร่างสมส่วนของตัวเองแบบเต็มตา ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมเซนต้องติดกระจกเงาบานมโหฬารไว้ตรงข้ามกับฝักบัวด้วย... เวลาอาบน้ำเห็นท่วงท่าตัวเองแล้วรู้สึกอายยังไงก็ไม่รู้ว่ะ บางจังหวะที่เผลอหันหน้าไปทางนั้น ฟองสบู่กับร่างกายขาวเนียนดูยั่วเย้าจนพลอยทำให้หน้าแดงระเรื่อ เผลอคิดไปว่าถ้าคนด้านนอกเข้ามาอาบน้ำด้วยกันจะรู้สึกยังไง... ฟุ้งซ่านฉิบหาย

ผมไล่ความคิดบ้าๆ ด้วยการเปิดฝักบัวชำระล้างคราบฟองสบู่ให้ไหลลงไปตามช่องระบายน้ำ สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยิ้มออกมาเพราะกลิ่นหอมหวนของครีมอาบน้ำทำให้รู้สึกสดชื่น เส้นผมสีดำเปียกลู่ไปตามศีรษะ หยาดน้ำเกาะพราวไปตามทุกส่วนของร่างกาย ผมเอื้อมมือไปปิดฝักบัวก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตามร่างกายแล้วนุ่งมันปกปิดส่วนล่างไว้

ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกในขณะที่ผมกำลังจะเอื้อมมือจับลูกบิด ดวงตากลมเบิกค้างเมื่อคนที่ปรากฏตรงหน้าเหลือบ็อกเซอร์ติดตัวแค่ผืนเดียว และที่ตกใจยิ่งกว่าคือผมลืมล็อกประตูเหรอ!

"ทะ ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้วะ"
ผมถามเสียงตะกุกตะกักก่อนที่สายตาจะมองสำรวจคนตรงหน้าไปทั่ว อยากจะห้ามตัวเองใจจะขาดแต่เหมือนร่างกายจะไม่สัมพันธ์กับสมองแล้ว

"มึงอาบน้ำนาน เลยจะเข้าไปตาม"
ดวงตาสีเทาดูมีแววกังวลจนผมอดไม่ได้ที่จะนึกสงสัยว่าทำไมหมู่นี้เซนมีท่าทางเป็นห่วงกันมากกว่าปกติ เมื่อก่อนเขาแทบจะไม่สนใจใยดีกันเลยด้วยซ้ำ แต่จะถามเอาคำตอบก็อย่างที่รู้กัน...

"เซน... ทำไมดูเป็นห่วงกูจังวะช่วงนี้"
ผมเลือกที่จะถามออกไปตรงๆ ทั้งที่เตรียมใจไว้แล้วว่าโดนบ่ายเบี่ยงอีกแน่ๆ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อความสงสัยมันล้นจนเก็บไปคิดมากอยู่ทุกวัน ทำเป็นเฉยเมยนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะวนกลับมาคิดเรื่องเดิมซ้ำๆ ทุกที

"หลงรักมึงมั้ง"
เขาตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ และขยับเข้ามาเท้าแขนไว้กับกรอบประตู นั่นทำให้ระยะห่างของเรามันน้อยลงจนน่าใจหาย ผมขยับถอยหลังจนลืมไปว่าพื้นมันลื่นเลยเสียหลัก แต่เซนเข้ามาเกี่ยวเอวแล้วกอดกันไว้ได้ทันท่วงที แทนที่ผมจะตกใจเพราะลื่นแต่ตกใจเพราะท่าทางของเราสองคนมากกว่า... เนื้อแนบเนื้อจนรู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนระอุ เสียงหัวใจที่เต้นดังสนั่นในอกจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน กอปรกับลมหายใจอุ่นๆ ที่กำลังเป่ารดต้นคอกันตอนนี้ ทำให้ผมไร้เรี่ยวแรงจะผลักไสเขาออกไป

"ซะ เซน มึงก็พูดไปเรื่อย แม่ง"
ผมเค้นเสียงพูดอย่างยากลำบากและรู้สึกว่าอ้อมแขนของเขาจะกระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม หัวใจทำงานหนักจนแทบจะหยุดเต้น ไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าคนที่กอดกันอยู่จะผละออกไป... ถ้าบอกว่าอยากให้กอดไปนานๆ จะผิดไหมนะ

"หึ ไม่มีอะไรหรอก ไปแต่งตัวเถอะ"
เซนเป็นฝ่ายผละผมออกจากอ้อมกอดแล้วเบียดตัวเข้าไปในห้องน้ำแทน ผมยกยิ้มบางสมเพชตัวเองแล้วเดินออกมาก่อนจะปิดประตูห้องน้ำให้เขา ได้แต่บอกตัวเองด้วยหัวใจที่เหี่ยวเฉาว่าควรถอยออกมาจากความรู้สึกคลุมเครือก่อนจะถลำลึกไปมากกว่านี้ แต่... จะใช้วิธีไหนในการถอนตัว ในเมื่อเขาเข้ามาสร้างความใกล้ชิดขึ้นเรื่อยๆ เฮ้อ

ผมแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มๆ ปล่อยอารมณ์และความรู้สึกและหลับตาลงเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทราแสนหวาน โดยไม่รู้เลยว่าใครคนหนึ่งกำลังมองอยู่จากมุมมืดภายในห้องแห่งนี้อย่างเงียบเชียบ




----------------------------------------------------------------


ตอนที่ 2 มาแล้ว เขาไปเริ่มเรียนวิชาเลือกกันแล้วนะ
แถมเซนยังทำตัวแปลกๆไม่ยอมให้เทวินอยู่ห่างจากตัวเองด้วย
ตอนต่อไปจะได้เจาะลึกเนื้อหาในหนังสือแบบเต็มๆ เทวินจะเริ่มมีความสนใจลองอัญเชิญปีศาจ

อ่านให้สนุกน้า

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 2 -P.1- (21.10.2016)
«ตอบ #19 เมื่อ21-10-2016 21:50:18 »

เซนทำตัวน่าสงสัยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 2 -P.1- (21.10.2016)
« ตอบ #19 เมื่อ: 21-10-2016 21:50:18 »





ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 2 -P.1- (21.10.2016)
«ตอบ #20 เมื่อ21-10-2016 22:08:17 »

เซนเป็นพระเอกใช่มั้ย?

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 2 -P.1- (21.10.2016)
«ตอบ #21 เมื่อ22-10-2016 15:51:39 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 3 -P.1- (24.10.2016)
«ตอบ #22 เมื่อ24-10-2016 17:17:11 »

ตำราบทที่ 3


'Where is the inferno?
Under the ground or in my mind'
นรกอยู่ที่ไหน? ใต้ดินหรือในใจของผม



อุณหภูมิยามเที่ยงวันแทบจะทำให้เกิดอาการฮีทสโตรก เม็ดเหงื่อไหลย้อนตามไรผมและซอกคอจนรู้สึกคันยุบยิบไปทั้งร่างกาย สงสัยว่าตอนนี้อยู่บนโลกหรือนรกกันแน่ เพราะร้อนแทบตับแตกอยู่แล้ว จะหลบไปไหนก็ไม่ได้เพราะต้องตากผ้าทั้งตะกร้าใหญ่ ถ้าเหลียวกลับเข้าไปมองคนในห้องที่นั่งกินไอศกรีมแท่งหน้าตาเฉยแล้วก็อยากพุ่งเข้าไปกระชากหัวสักครั้งโทษฐานไม่ช่วยงานกันทั้งๆ ที่ก็มีเสื้อผ้าของตัวเองรวมอยู่ด้วย

"เซน! ไม่คิดจะช่วยบ้างหรือไงวะ"
ผมโวยเสียงดังลอดรอยแยกของประตูกระจกตรงระเบียง ดวงตาสีเทาเหลือบมองกันก่อนจะคลี่ยิ้มกวนตีนส่งมาให้ เขาลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วก้าวขายาวๆ มาหา เซนหยุดอยู่หน้าประตูกระจกและยกไอศกรีมในมือขึ้นมาเลียยั่วน้ำลายกัน

"โอ้ย ไปไกลๆ เลย ไม่คิดจะช่วยแล้วยังทำนิสัยแย่อีก"
ผมบ่นก่อนจะเอื้อมมือไปปิดประตูกระจกกั้นระหว่างเราสองคนเอาไว้แล้วสะบัดหน้าหนีกลับมารีบตากผ้าในตะกร้าให้เสร็จๆ ไป แทนที่มันจะซักอบรีดที่ร้านให้เรียบร้อยไม่ต้องลำบากคนอื่น กลับบอกว่าซักเองตากเองรีดเองสบายใจกว่า... เออ มันสิสบาย ผมนี่ลำบาก

"วิน"
เสียงเรียกชื่อดังขึ้นหลังจากเสียงประตูกระจกเปิดออก มือเรียวยื่นกระป๋องน้ำอัดลมเย็นๆ มาแตะแก้มกันจนผมสะดุ้งโหยงแทบจะปล่อยมือออกจากกางเกงยีนส์ ดวงตาสีเทาจ้องมองกันในขณะที่ผมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขา ปากเบะลงจนเป็นเส้นโค้ง เซนเล่นบ้าอะไรเนี่ย

"ทำอะไรของมึงเนี่ย"
ผมโวยใส่เซนแล้วทิ้งกางเกงยีนส์ตัวละครึ่งหมื่นของมันลงในตะกร้าผ้าก่อนจะยกมือคนเท้าเอวมองด้วยสายตาหงุดหงิด เซนไหวไหล่เล็กน้อย มือเรียวยื่นกระป๋องน้ำอัดลมมาให้

"ร้อนไม่ใช่เหรอ เอาน้ำมาให้"

"อือ ช่วยตากผ้าด้วยก็ดีนะ"
ผมรับน้ำกระป๋องมาเปิดแล้วยกขึ้นกระดกด้วยความกระหาย ความซ่าของมันทำให้ผมสำลักเบาๆ เซนเลยขยับเข้ามาช่วยลูบหลังกัน

"มึงตากไปเถอะ กูเกรงใจ"
คำพูดยียวนทำให้ผมถลึงตาใส่แล้วผลักอกเซนออกไปไกลๆ ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้ฉายแววโกรธเกรียวแต่กลับคลี่ยิ้มอย่างพอใจที่สามารถยั่วโมโหกันได้ จิตใจทำด้วยอะไรทำไมชอบกวนประสาทกันนักนะคนเรา

"กวนตีน ออกไปไกลๆ เกะกะ"
สุดท้ายต้องออกปากไล่ให้เขาออกไปจากระเบียงคอนโดแทน ไม่ช่วยกันก็อย่ายืนขวางทางก็พอ ผมใช้เวลาไม่เกินยี่สิบนาทีตากผ้าในตะกร้าจนหมดแล้วกลับเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแผ่รับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ เซนที่นั่งอยู่ด้านข้างหันมามองแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาผมเลยเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามเขาแทน

"วันนี้จะให้กูกลับหอได้หรือยัง"
ผมนั่งตะแคงข้างมองเซนด้วยสายตาจริงจัง หวังว่าเขาคงอนุญาตให้ผมกลับไปอยู่ที่ของตัวเองได้สักที สองสามวันมานี้เวลาจะข่มตาหลับนั้นยากลำบากเพราะสมองเอาแต่คิดถึงคนที่นอนอยู่ข้างๆ กัน เวลาตื่นยังพบหน้ากันเป็นคนแรกทำให้หัวใจอ่อนแอเกินจะต้านทานความรู้สึกที่ก่อตัวมากขึ้นทุกวัน กลัวตัวเองจะเจ็บเลยอยากถอยออกมา แต่เหมือนยิ่งพยายามห่างจะยิ่งใกล้ชิด

"เรียนภาคค่ำเสร็จค่อยว่ากัน"
คำตอบแบบขอไปทีทำให้สรุปได้ว่าวันนี้คงไม่ยอมให้ผมกลับหออีกตามเคย เค้นให้ตายก็ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงที่ว่าทำไมต้องตัวติดกันแทบตลอดเวลาแบบนี้ด้วย ขี้เกียจจะถามซ้ำหลายๆ ครั้งให้เปลืองน้ำลาย อยู่ที่นี่ก็สะดวกสบายดี แค่ใจสั่นเท่านั้นเอง

"เหอะ กว่าจะเรียนเสร็จก็สองทุ่มอะ มึงคงไม่ขับรถไปส่งกูที่หอตามเคย"
ผมพูดอย่างรู้ทันแล้วเบนสายตาหนีก่อนจะทิ้งตัวนอนราบไปกับโซฟาอย่างเหนื่อยล้า อยากจะเอาขาพาดตักเซนอยู่หรอกแต่เกรงใจเลยได้แต่ห้อยขาไว้ตำแหน่งเดิม เขาขยับตัวเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืนเอื้อมมือมาขยี้ผมกันอย่างอ่อนโยน ผมขี้เกียจจะปัดออกเลยปล่อยไปแบบนั้น สนุกเขาล่ะ

"เก่งนี่ รู้ทัน"
ยังจะมีหน้ายักคิ้วหลิ่วตาแบบกวนๆ ให้กันอีก มันน่าหมั่นไส้จนอดไม่ไหวที่จะกำหมัดแล้วต่อยไปที่ท้องของเขาเบาๆ แต่มีหรือคนที่เคลื่อนไหวเร็วอย่างเซนจะพลาดท่าง่ายๆ ผมเองล่ะที่เป็นฝ่ายวืดจนใบหน้าร้อนวาบด้วยความหงุดหงิด

"แม่ง นิสัยเสีย"
ผมว่าก่อนจะปัดมือที่ยังคงวางไว้บนหัวออก เซนผละมือหลบได้ทันแล้วขยับถอยห่างออกไป ดวงตาสีเทาจ้องมองไปที่มุมมืดในห้องครัว มีอะไรอยู่ตรงนั้นเหรอ...

"บารอน"
เสียงเรียกชื่อนั้นไม่ดังนักแต่ทำให้เจ้าของเรือนร่างกำยำ ขนฟูฟ่องสีดำขาวก้าวขาออกมาเผชิญแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาภายในห้อง เจ้าหมาสายพันธุ์อลาสกันมาลามิวท์เยื้องย่างมาหาผู้เป็นนายอย่างสง่างาม ผมตะลึงที่ได้เห็นเจ้าบารอนเป็นครั้งแรก และเกิดความสงสัยว่า... มันมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่รู้หรือไม่ได้ยินเสียงมาก่อนเลยนะ ประหลาดมาก

"มันมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ทำไมกูไม่รู้เรื่อง"
ผมถามเซนที่ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าบารอนแล้วใช้มือลูบขนมันอย่างทะนุถนอม ดวงตาเรียวคล้ายเม็ดอัลมอนปรือลงอย่างเคลิบเคลิ้มเพราะสัมผัสที่ได้รับจากเจ้านาย

"ตั้งแต่เมื่อคืนน่ะ มึงไม่สังเกตเอง"
คำตอบของเซนยิ่งทำให้ผมเหมือนคนโง่ มีหมาตัวใหญ่อยู่ในห้องยังไม่รู้เรื่อง ให้ตายเถอะ สงสัยเมื่อคืนเหนื่อยเกินกว่าจะสนใจสิ่งรอบข้าง และเมื่อเช้ายังวุ่นวานกับง่ายบ้านจนลืมสังเกตไปเองล่ะมั้ง ช่างมันเถอะ คิดมากไปจะปวดหัวเปล่าๆ

"มันดุไหม"
ผมขยับลุกขึ้นนั่งแล้วจ้องมองบารอนอย่างไม่วางตา อยากเข้าไปเล่นด้วย อยากเข้าไปลูบขน แต่กลัวว่าจะโดนกัดเลยได้แต่ลองหยั่งเชิงและถามอุปนิสัยจากเจ้านายของมันแทน

"อลาสกันมาลามิวท์ไม่ดุ นิสัยคล้ายๆ ไซบีเรียนฮัสกี้นั่นล่ะ แค่ตัวโตกว่า"
เซนตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนั่งขัดสมาธิและมีหัวโตๆ ของบารอนนอนเกยตัก ผมตัดสินใจขยับลงไปนั่งข้างๆ กับเซนแล้วจ้องมองเจ้าหมาด้วยความสนใจ เคยคิดอยากจะเลี้ยงเหมือนกันแต่ครอบครัวไม่ให้เลี้ยงทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันสักหน่อย เหอะ

"อยากเล่นด้วยอะ"
ผมกำลังจะเอื้อมมือไปลูบขนของบารอนแต่เซนกลับขัดไว้ ดวงตาสีเทามองจ้องมาคล้ายจะห้ามปรามกัน ผมดึงมือกลับแล้วเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย

"ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวจะพาไปกินอาหารญี่ปุ่น"
เซนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่สายตาเชิญชวนจนยากจะปฏิเสธน้ำใจงามๆ ของเพื่อนสนิท ผมพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบลุกขึ้นออกจากตรงนั้นในทันที โดยลืมเรื่ออยากเล่นกับบารอนไปเลย พอกลับออกมาจากห้องน้ำเซนบอกว่าที่บ้านมารับบารอนกลับไปแล้ว... ลึกลับเกินไปแต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไร

"ทำไมเรียนวิชาเลือกตอนเย็นวะเซน"
ผมถามในขณะที่เราอยู่บนรถ BMW 235i สีดำที่กำลังพุ่งทะยานไปยังศูนย์การค้าใกล้ๆ กับคอนโด ผมสงสัยเวลาและจำนวนครั้งที่เรียนต่อสัปดาห์ด้วย วิชาเลือกที่ไหนเขาเรียนสัปดาห์ละสองวัน แปลกประหลาดสุดๆ

"สงบ ไม่มีใครวุ่นวาย"
คำตอบสั้นๆ ทำให้ผมร้องอ๋อออกมาเบาๆ ถ้าคนที่ไม่มีความเชื่อมาพบว่าพวกเราเรียนวิชาที่ซุ่มเสี่ยงต่อการงมงายคงเป็นข่าวดังทั้งมหา'ลัย เพราะน้อยคนนักจะรู้ว่ามีวิชาเลือกแปลกประหลาดแบบนี้เปิดสอน ลงเรียนโดยตรงกับคุณพ่อจีซัสเท่านั้น

"แต่บรรยากาศคงน่าขนลุกว่ะ"
ผมพูดก่อนจะยกแขนขึ้นมาลูบ เซนหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาโคลงหัวกันก่อนจะใช้ดวงตาสีเทาเหลือบมอง

"ไม่กลัวผีไม่ใช่หรือไง"

"เออ ก็ไม่กลัวผี แต่ปีศาจมันคนละอย่างกันนะ"

"เรียนทฤษฎีไม่ใช่ปฏิบัติ จะกลัวอะไร"

"เออๆ เอามือออกไปได้แล้ว ผมยุ่งหมด"
ผมย่นจมูกใส่ก่อนจะใช่มือปัดๆ มืออีกคนออก เซนส่ายหน้าและคลี่ยิ้มบางมาให้กัน ทำอย่างกับผมเป็นเด็กน้อยขี้โวยวายไปได้ ไม่เห็นต้องทำท่าทางปลงขนาดนั้นเลย

เรามาถึงห้างสรรพสินค้าในเวลาเกือบบ่ายสองเนื่องจากจราจรติดขัดอย่างหนัก เซนเป็นคนเลือกร้านอาหารให้กันซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธเพราะกินร้านไหนก็เมนูคล้ายๆ กันไปหมด มุมที่เลือกนั่งเงียบสงบและปราศจากผู้คนอยู่พอตัวเนื่องจากเขาไม่ชอบความวุ่นวายเท่าไหร่ เมนูเล่มหนาถูกส่งมาให้จากมือพนักงาน รูปอาหารหลากสีสันปรากฏสู่สายตาจนเลือกไม่ได้ว่าจะสั่งอะไรดี อยากกินไปซะทุกอย่าง

"ขอข้าวหน้าปลาไหล ซาซิมิเซ็ตใหญ่ ทงคัตสึครับ"
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่วในขณะที่ผมยังพลิกเมนูไปมา สายตาเหลือบมองพนักงานที่รับออเดอร์แล้วส่งยิ้มแหยไปให้ กลัวว่าจะรอนานเลยตัดสินใจเลือกส่งๆ ไปสองเมนู

"ชุดข้าวปลาหิมะย่างซีอิ๊วครับ"
ผมสั่งจบพนักงานก็ทวนรายการอาหารและเก็บเมนูแล้วเดินออกไป เซนนั่งกดโทรศัพท์มือถือรัวๆ จนผมเดาว่าเขาคงคุยแชทกับใครบางคนอยู่แน่ๆ ไม่รู้ว่าแอบนัดสาวอีกหรือเปล่า พอคิดแล้วก็แอบรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ขึ้นมาไม่ได้

"มองอะไร"
คนตรงข้ามเอ่ยถามทั้งๆ ที่นิ้วเรียวยังจิ้มหน้าขอสี่เหลี่ยมอยู่ สงสัยผมจะจ้องเขามาไปเลยทำให้รู้ตัว เมื่อไหร่จะเลิกสนใจเรื่องส่วนตัวของเซนสักทีก็ยังไม่รู้ ทั้งๆ ที่สถานะความเป็นเพื่อนมันก็มากพออยู่แล้ว อยากได้มากกว่านั้นคงต้องตายแล้วเกิดใหม่เป็นผู้หญิงล่ะมั้ง

"มองไปเรื่อย ทำไม มองไม่ได้หรือไง"
ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงกวนประสาท ไม่อยากจะหาเรื่องอะไร แต่มันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดเพราะโดนรู้ทันตลอดว่าแอบมองเขาอยู่บ่อยๆ

"มองมากๆ ระวังจะตกหลุมรักกูนะ"
เซนส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้กันพร้อมกับยกยิ้มที่ทำให้คนมองใจสั่น ผมย่นจมูกใส่แล้วเอากระดาษทิชชู่ในจานปาใส่หน้ามันไปด้วยความหมั่นไส้ จริงๆ แล้วที่ทำไปทั้งหมดเพราะอยากกลบเกลื่อนอาการหัวใจเต้นแรง กลัวว่าอีกคนจะหูดีและเผลอได้ยินเข้า

"พูดมากจริง ใครเขาจะหลงรักคนนิสัยเสียอย่างมึงอะ"
ผมแสร้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นเพื่อหลบเลี่ยงการสบตา แต่เหมือนเซนจะรู้เลยแกล้งยืนมือเข้ามาจับแก้มกัน มือเขาเย็นมากจนผมสะดุ้งเกือบจะปล่อยเครื่องมือสื่อสาร

"เล่นบ้าอะไรวะ มือเย็นอย่างกับศพ"
ผมผงะถอยหลังจนชนพนักเก้าอี้ด้านหลัง เซนเหลือบมองฝ่ามือตัวเองก่อนจะกระตุกยิ้มเล็กน้อยแล้วดึงมือกลับไป ดวงตาสีเทาฉายแววเจ็บปวดขึ้นมาชั่วขณะก่อนจะจางหายไปและกลับมาสดใสดังเดิม

"ศพอะไรจะหล่อขนาดนี้ครับคุณเทวิน กินข้าวกันเถอะ"
เขาปิดบทสนทนาโดยการคีบหมูทงคัตสึที่เพิ่งมาเสิร์ฟใส่จานให้กัน ผมลอบถอนหายใจแล้วกลืนคำถามลงไปก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินอาหารอย่างเงียบๆ ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างบนโต๊ะก็หาบวับไปกับตา เซนยังตบท้ายมื้ออาหารด้วยพุดดิ้งนมราดสตรอเบอร์รี่เป็นของหวานที่เขาชอบ ส่วนผมสั่งแค่ไอศกรีมชาเขียวราดถั่วแดงมากินเป็นเพื่อน จะให้นั่งว่างๆ มองเขาก็คงไม่ดีเท่าไหร่

หลังจากที่เซนจัดการค่าอาหารเรียบร้อยพวกเราก็เดินย่อยอาหารจนกระทั่งสี่โมงกว่าๆ จึงกลับเข้ามหา'ลัยเพื่อไปเรียนวิชาเลือกสุดแสนจะแปลกนั่น BMW 325i แล่นตรงเข้าไปที่ลาดจอดรถของโบสถ์ อุ่นยืนโบกไม้โบกมือและส่งยิ้มมาให้ แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาส่อแววล้อเลียนมาอย่างปิดไม่มิด ทำให้ผมที่กำลังลงจากรถทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ

"แหม... เดี๋ยวนี้มาพร้อมเซนทุกวันเลยน้า ~"
เสียงทะเล้นเอ่ยแซวกันแบบไม่ไว้หน้า จำนวนคนที่เดินขวักไขว่ไม่ได้ทำให้ไอ้อุ่นอายเลยสักนิด แต่กลับเป็นผมที่รีบสาวเท้าเข้าไปปิดปากมันอย่างรวดเร็วก่อนจะถลึงตาใส่

"จะเสียงดังหาพ่องเหรอไงห๊ะ!"
ผมพูดเสียงลอดไรฟันก่อนจะบีบปากอุ่นเป็นการลงโทษแล้วปล่อยมือออก ถ้าช้าเพียงวินาทีเดียวคงโดนลิ้นเปียกชื้นของมันเลียเข้าให้ คิดแล้วก็ขยะแขยงจนรู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย

"แค่พูด ทำไมต้องร้อนตัวด้วย"
ไอ้อุ่นทำตาแป๋วพร้อมกับพูดประโยคนั้นด้วยเสียงงึมงำคล้ายกับเด็กโดนรังแก ไม่ได้มีความน่าสงสารเลยสักนิดกลับน่าหมั่นไส้จนอยากง้างเท้าถีบให้กระเด็น เซนที่เพิ่งเดินมาถึงยกมือขึ้นผลักหัวอุ่นแรงๆ ไม่รู้ว่าเพราะได้ยินเรื่องก่อนหน้านี้หรือแค่แกล้งไปตามประสา

"โหย อะไรวะเซน รุนแรงฉิบหาย"
อุ่นบ่นอุบอิบแต่ไม่โต้ตอบใดๆ กลับไป มันเป็นเรื่องชินตาที่เขามักจะยอมให้เซนมาตลอด เหมือนเกรงใจกัน ผมอยากรู้แต่ไม่อยากถามอะไรมาก ถึงจะเป็นเพื่อนกันแต่บางเรื่องอาจจะละเอียดอ่อนเกินไปที่จะให้คนอื่นรับรู้ก็เป็นได้

"เสียงดัง เข้าไปข้างในได้แล้ว"
เซนเอ่ยเสียงดุแล้วยกเท้าขึ้นเตะก้นอุ่นเบาๆ ให้เดินนำเข้าไป ส่วนเขายกมือขึ้นมาพาดบ่าของผมแล้วกระชับให้ใกล้กันมากขึ้นก่อนจะพากันก้าวเดินตามไป ผมอยากสะบัดตัวหนีแต่สัมผัสแนบชิดผ่านเนื้อผ้าก็ให้ความรู้สึกดีเกินกว่าจะปฏิเสธ แย่ที่เขาหรือผมกันแน่ที่ใจแข็งปฏิเสธการกระทำพวกนั้นไม่ได้

วันนี้ภายในโบสถ์ดูอึมครึมกว่าปกติเพราะเป็นเวลาช่วงพลบค่ำ แทนที่จะเปิดไฟนีออนให้สว่างไสว คุณพ่อจีซัสกลับเลือกจุดเทียนนับสิบๆ เล่มแทน ส่งผลให้บรรยากาศดูลึกลับชวนให้ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เรียนเรื่องเกี่ยวกับปีศาจจำเป็นต้องบิ้วอารมณ์กันขนาดนี้เลยเหรอไง เริ่มหวั่นใจแล้วสิ




มีต่อด้านล่างน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2016 19:52:41 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 3 -P.1- (24.10.2016)
«ตอบ #23 เมื่อ24-10-2016 17:18:47 »

"ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง"
เสียงอุ่นสดใสมาก ใบหน้าหล่อเหลาดูจะพอใจกับบรรยากาศของชั้นเรียนพิเศษแห่งนี้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกระทบกับแสงเทียนแล้วมีประกายระยิบระยับอย่างบอกไม่ถูก เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กัน โดยมีเซนนั่งขนาบข้างผมอีกด้าน รู้สึกเหมือนตัวเองมีองครักษ์รูปหล่อสองคนคอยคุ้มกัน

"สลัวๆ น่ากลัวๆ แบบนี้อะนะ"
ผมถามก่อนจะทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่อุ่นกลับหันมามองกันก่อนจะฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวแทบครบสามสิบสองซี่

"เหมือนได้กลับบ้า..."

"อุ่น ขอยืมปากกาหน่อย"
เซนพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้อุ่นหยุดชะงักคำพูดของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วรีบก้มหน้าก้มตารื้อกระเป๋าเป้ตัวเองก่อนจะหยิบปากกาส่งให้ ผมเลิกคิ้วมองทั้งสองคนด้วยความประหลาดใจเพราะรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวกดดันแปลกๆ

"สวัสดีนักศึกษาทุกคน วันนี้พ่อจะเริ่มเข้าสู่บทเรียนบทแรก ขอให้นำหนังสือขึ้นมาและเปิดหน้าที่หนึ่ง"
คุณพ่อจีซัสปรากฏตัวอย่างกะทันหันพร้อมด้วยเสียงทุ้มหวานของเขา เสียงเปิดหนังสือดังขึ้นจนเงียบสงบลงเมื่อทุกคนเจอบทเรียนที่ต้องการ ผมก้มลงมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วพบว่ามันคือบทความแนะนำตัวของปีศาจแต่ละตนเพียงสั้นๆ เท่านั้น

"ถ้าทุกคนได้ก้มหน้าลงไปมองแล้วจะพบว่าข้อมูลข้อปีศาจแต่ละตนในหนังสือนั้นให้มาเพียงน้อยนิดเท่านั้น และงานแรกของนักศึกษาก็คือหาข้อมูลเพิ่มเติม..."
เกิดเสียงฮือฮาของคนในคลาสดังขึ้นเพราะแต่ละคนคิดว่าข้อมูลเพิ่มเติมเหล่านั้นที่คุณพ่อจีซัสกล่าวถึงต้องไปงมหามาจากที่ไหน แต่ผมคิดว่ากูเกิ้ลอาจจะช่วยได้ ก็ชื่อปีศาจบางตนเคยปรากฏอยู่ในการ์ตูนเยอะแยะไปหมดนี่นา

"อย่าเพิ่งโวยวาย นักศึกษาในคลาสมีทั้งหมดยี่สิบสี่คน คำนวณคร่าวๆ แล้วทุกคนจะต้องรับผิดชอบหาข้อมูลเพิ่มเติมของปีศาจคนละสี่ตน พ่อจะเป็นคนกำหนดให้เอง"
เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกระลอกแต่คราวนี้เบากว่าครั้งแรกอยู่มาก ผมเป็นคนหนึ่งที่เอาแต่นิ่งเงียบเพราะไม่เดือดร้อนอะไรกับงานชิ้นแรกนี้ การหาข้อมูลไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่การแปลนี่สิ... ลำบากสุดๆ

"เริ่มจากจิน รับปีศาจสามลำดับแรกไป และคนถัดไปรับลำดับที่สี่ถึงหก แบบนี้เข้าใจวิธีการแบ่งงานกันหรือยัง?"
ผมคิดว่าทุกคนในคลาสน่าจะเข้าใจ ตามลำดับการนั่งของเราเริ่มจากคนที่ชื่อจินนั่งอยู่แถวแรกทางซ้ายมือต้องหาข้อมูลของปีศาจสามลำดับแรก คนถัดมาจากเขาก็ต้องหาข้อมูลของปีศาจลำดับถัดมาอีกสามตน แบ่งแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนครบทุกคน อุ่นได้ลำดับที่ยี่สิบแปดถึงสามสิบ ผมนั่งเป็นคนที่สิบเอ็ดเลยได้รับผิดชอบปีศาจลำดับที่สามสิบเอ็ดถึงสามสิบสาม เซนได้ลำดับสามสิบสี่ถึงสามสิบหก

"มีใครบ้างวะของกู"
ผมพึมพำกับตัวเองแล้วเปิดหน้าหนังสืออย่างรวดเร็วเพื่อหาชื่อของปีศาจที่ต้องรับผิดชอบ แต่ต้องชะงักมือเมื่อได้ยินเสียงของเซนเอ่ยบอกกัน

"มีฟอราส อัสโมดาย กาป"

"หือ... มึงรู้จักเหรอ"
ผมถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยที่เซนดูจะเชี่ยวชาญในการจำชื่อและลำดับของปีศาจ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับผมแล้วคงจำไม่ได้ขนาดนี้หรอก อย่างมากคงจำได้แค่ชื่อแต่ลืมลำดับ

"ยิ่งกว่ารู้จักอีก"
คำตอบของเซนทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยปากถามอะไรออกไปเสียงของคุณพ่อจีซัสก็ดึงความสนใจไปเสียหมด บทเรียนเริ่มขึ้นโดยการที่เขาแปลบทความของปีศาจลำดับที่หนึ่ง มีนามว่าบาเอล มียศเป็นราชา... อืม แม้แต่ในนรก แม้แต่ในหมู่มวลปีศาจยังมีการแบ่งชนชั้นวรรณะ เฮ้อ

การบรรยายเรื่องลำดับ ชื่อ ยศ รูปลักษณ์ พลังความสามารถของปีศาจยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ตามแบบที่ในหนังสือให้มาแบบคร่าวๆ จนมาถึงปีศาจลำดับที่สามสิบสองซึ่งก็คือ 'อัสโมดาย' ความสนใจของผมเริ่มทวีคูณขึ้นเพราะในหน้าหนังสือ ข้อมูลของปีศาจตนนี้ยาวยืดจนเกินครึ่งหน้ากระดาษในขณะที่ตนอื่นๆ สามารถจุข้อมูลในหน้ากระดาษเดียวกันได้ถึงสามตน

"มาถึงปีศาจลำดับที่สามสิบสอง... ราชาอัสโมดาย"
น้ำเสียงของคุณพ่อจีซัสคล้ายจะแผ่วเบาลง ดวงตาสีดำสนิทจ้องมาทางพวกเราและหยุดชะงักแว๊บหนึ่งก่อนจะกวาดมองไปรอบๆ ตามปกติ ผมเหลียวซ้ายและขวาคนข้างตัวกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ทุกคนดูจะตั้งใจฟังมากกว่าผมจะกวน ไม่กล้าชวนคุยเลยให้ตายเถอะ

"ราชาอัสโมดายเป็นปีศาจที่ถือว่าดีที่สุดในปีศาจทั้งเจ็ดสิบสองตน รูปลักษณ์จะมีสามหัวประกอบด้วย กระทิง คน และแกะ มีหางเป็นงูพิษ มีไฟออกจากปาก มีขาเหมือนห่าน ในมือมีอาวุธทวนและขี่มังกรจากนรก"
คุณพ่อจีซัสพูดถึงแค่นั้นแล้วเงียบไป ปล่อยให้พวกเราได้พิจารณารูปร่างของปีศาจอัสโมดายที่ปรากฏในหน้าหนังสือ ผมขมวดคิ้วยุ่งแล้วเพ่งภาพนั้นอยู่นาน มันน่ากลัวจนไม่อยากคิดว่าถ้าเจอกันจริงๆ สักครั้งจะเป็นยังไง

"เซน... อัสโมดายน่ากลัวว่ะ"
ผมหันไปสะกิดแขนเซนที่นั่งด้วยท่วงท่าสบายๆ ไม่ได้เดือดร้อนในรูปลักษณ์ของปีศาจที่เพิ่งได้ฟังบรรยายจบไป เขาหันมามองก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

"น่ากลัวเหรอ ก็เหมือนๆ ตนอื่นนั่นล่ะ"

"ก็ใช่ว่ะ... แล้วปีศาจมีร่างเป็นมนุษย์ธรรมดาปะ"

"มีสิ ร่างปีศาจก็แค่อยากทำให้ผู้พบเห็นกลัวเกรงเท่านั้นล่ะ ร่างมนุษย์คือร่างที่แท้จริงต่างหาก"
ผมพยักหน้าหงึกหงักกับความรู้ที่ได้รับมาจากเพื่อนสนิท แต่ต้องหรี่ตามองแล้วเอ่ยแซวอย่างอดใจไม่ไหว ก็รู้ไปซะทุกอย่างจนเหมือนเป็นปีศาจซะเอง

"พูดอย่างกับตัวเองเป็นปีศาจเลยนะพ่อคนเก่ง"
ผมเอ่ยแซวด้วยน้ำเสียงทะเล้น แต่เซนกับไหวไหล่แล้วหันกลับไปขีดๆ เขียนๆ อะไรบางอย่างลงในหนังสือ ผมเหลือบมองแต่ก็พบว่าตัวเองอ่านไม่ออก ช่างมันเถอะ

"กูเหมือนปีศาจเหรอ"
เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ใช้ดวงตาสีเงินจ้องมองกัน วูบหนึ่งผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นปีศาจจริงๆ แต่คิดถึงความสมเหตุสมผลแล้วคงไม่ใช่หรอก

"มึงมันเย็นชาเกินไป ไม่ใช่ปีศาจหรอก"
ผมตอบพร้อมกับยกมือขึ้นผลักหัวมันเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ เซนไม่ได้ตอบโต้กลับมาทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากให้กันเท่านั้น

"หึ ก็ตามนั้น"
บทสนทนาเราจบลงเพียงเท่านั้นเมื่อคุณพ่อจีซัสเริ่มพูดถึงราชาอัสโมดายต่อไปว่า เขาอยู่ภายใต้อำนาจของปีศาจอเมมอนเพียงผู้เดียวเท่านั้น เวลาอัญเชิญจะต้องใส่แหวนเงินที่นิ้วกลางด้านซ้าย ห้ามใส่หมวกหรือสิ่งใดๆ ที่ปิดบังศีรษะเพื่อเป็นการเคารพ

"ราชาอัสโมดายมีความสามารถ... อืม เรื่องนี้ให้เซนอธิบายแทนพ่อแล้วกัน"
คุณพ่อจีซัสหันมามองเซนด้วยแววตาเรียบนิ่ง แต่มุมปากกลับกระตุกยิ้มที่ผมคิดว่าน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ เพื่อนสนิททำแค่หลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นและเอ่ยความสามารถของราชาอัสโมดายด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเล็กๆ

"มอบแหวนแห่งคุณธรรม สอนศิลปะ ดาราศาสตร์ เรขาคณิต หัตถกรรม ตอบทุกอย่างที่ผู้เป็นนายสั่งอย่างถูกต้อง เผยที่ซ่อนสมบัติและทำให้คนเป็น 'อมตะ' ได้"
เกิดเสียงอื้ออึงดังขึ้นทันทีที่คำว่าเป็น 'อมตะ' หลุดจากปากของเซน ดูเหมือนราชาอัสโมดายจะถูกสนใจเป็นอย่างมากในความสามารถข้อนี้ คุณพ่อจีซัสปรบมือสามแปะให้อย่างพึงพอใจในคำตอบที่ไม่มีสะดุด ส่วนเซนยังคงสีหน้าเรียบเฉยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น

"วันนี้พอแค่นี้ เลิกเรียนได้ และอย่าลืมทำงานที่สั่งไปด้วยนะ ส่งอังคารหน้า สวัสดี"
คุณพ่อจีซัสพูดจบก็เดินออกไปจากโบสถ์ นักศึกษาคนอื่นๆเริ่มทยอยออกไปตามๆ กันเลยเหลือแค่ผม เซน และไอ้อุ่นที่ยังนอนฟุบโต๊ะเสริมหลับเป็นตาย ดีแค่ไหนที่ไม่โดนทำโทษ

"นี่ๆ เซน ถ้าลองอัญเชิญปีศาจออกมาเจอกันสักครั้งมึงว่าจะเป็นไปได้ไหม"
ผมว่าด้วยความกระตือรือร้นเพราะอยากเจอปีศาจตัวเป็นๆ ดูสักครั้ง แต่ขอเจอในร่างมนุษย์นะ ถ้าเป็นร่างปีศาจผมคงช็อคตายไปซะก่อนแน่ๆ เซนเหลือบสายตามามองกันแทบจะในทันทีแล้วยกหนังสือวางแปะไว้บนหัวผม

"อย่าเล่นอะไรพิเรนทร์นะเด็กน้อย ถ้ามึงตายขึ้นมากูจะหัวเราะให้"
เซนพูดติดตลกแต่น้ำเสียงไม่ได้ตลกไปด้วยเลย แถมดวงตาสีเทายังฉายแววดุดันห้ามปรามอยู่ในทีจนไม่กล้างอแงอะไรออกไปทั้งสิ้น แต่ไม่วายขอบ่นหน่อย

"ทำไมแช่งกันวะ"

"ไม่ได้แช่ง แต่การอัญเชิญปีศาจไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ามึงพลาดเพียงนิดเดียวอาจจะตายแบบไม่รู้ตัว"

"โห... แต่มันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ นี่มันศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้วนะ ปีศาจคงไม่มีอยู่แล้วมั้ง"

"หึ ปีศาจเป็นอมตะ อยากลองดูก็ตามใจ"
เซนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วดึงหนังสือเก็บใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไปจากโบสถ์โดยไม่รอกัน เดือดร้อนผมต้องตบหัวไอ้อุ่นเป็นการปลุกแล้วรีบวิ่งตามอีกคนออกไป ดูเหมือนจะโดนงอนยังไงไม่รู้...

"เซน! รอด้วยดิ"
ผมวิ่งจนดักหน้าของเขาทันแล้วโค้งตัวลงหอบหายใจแรงๆ เพราะเหนื่อย เซนยื่นนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้เอ่ยอะไรออหมาจนผมต้องหายใจเข้าลึกๆ เพื่อพยายามเปล่งเสียงแทน

"โกรธเหรอ...วะ"
ผมถามด้วยน้ำเสียงขาดห้วงเพราะยังควบคุมลมหายใจตัวเองไม่ได้ เซนก้าวเท้าเข้ามาใกล้กันและวางมือลงบนไหล่ก่อนจะออกแรงบีบเบาๆ

"เปล่า เรื่องของมึง ชีวิตของมึง"
คำตอบที่แสนโหดร้ายทำให้ลมหายใจสะดุดกึก ผมยืดตัวขึ้นอย่างหมดแรง แต่เขาเดินผ่านไปขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ควรจะชินกับการไม่แคร์อะไรของเขาได้สักที แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้และเก็บเอาคำพูดทำร้ายจิตใจไปขบคิดตามเคย

"จะกลับไหม ทำไมไม่ขึ้นรถ มันดึกแล้ว"
เซนลงทุนถอยรถมารับกันถึงที่ในขณะที่ผมยังมึนๆ งงๆ กับคำพูดเหล่านั้น พอได้สติเลยรีบรนรานเปิดประตูรถแล้วสอดตัวเข้าไปนั่งทันที เซนออกตัวรถไปอย่างเงียบๆ บรรยากาศภายในรถอึดอัดจนอยากหนี แต่ทำอะไรไม่ได้ผมเลยต้องหาประโยคสนทนากับเขา

"ไปส่งที่หอไหมวันนี้"
ผมถามเขาแต่สายตากลับไม่กล้ามองไปทางนั้น กลัวว่าเซนจะแสดงท่าทางไม่สนใจออกมาให้ปวดใจเล่น แต่ผิดคาดอยู่เล็กน้อยเมื่อเขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มไร้อารมณ์ร้าย

"อืม ไปส่ง"

"ยอมให้กลับไปนอนหอแล้วเหรอ"

"เปล่า จะส่งไปเก็บของจากหอแล้วย้ายไปอยู่ด้วยกัน"
คำตอบของเขาทำให้ผมเบิกตาค้างและหันขวับไปมองเจ้าของคำพูดในทันที อะไรคือมัดมือชกให้ผมย้ายออกจากหอไปอยู่คอนโดด้วยกัน เหตุผลล่ะ ช่วยคุยกันก่อนทำอะไรไม่ได้หรือยังไง

"เดี๋ยวเซน มันเรื่องอะไรกัน ทำไมกูต้องย้ายไปอยู่กับมึงด้วย ไม่เข้าใจ"
ผมถามจบเซนก็ตีไฟเลี้ยวและจอดรถข้างทางในทันที เขาปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วโน้มตัวเข้ามาหาจนผมต้องขยับหลังติดกระจกรถ ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนมาใกล้สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ ตกกระทบบนใบหน้าอย่างชัดเจน หัวใจเต้นโครมครามแทบจะหลุดออกจากอก ระยะแบบนี้อันตรายเกินไปแล้ว

"จ จะทำอะไร"
ผมพูดเสียงสั่นแล้วใช้มือดันหน้าอกเซนเอาไว้ไม่ให้เข้มาใกล้กว่านี้ ดีหน่อยที่ไฟถนนไม่สว่างสักเท่าไหร่เขาเลยไม่เห็นสีหน้ากันชัดเจนนัก

"อยากให้ไปอยู่ด้วยกัน ไม่ได้เหรอวะ"
น้ำเสียงของเซนฟังดูออดอ้อนจนใจผมอ่อนยวบตามไปติดๆ ไม่ใช่ว่ามีปัญหาในการย้ายไปอยู่ด้วยกัน แค่ขอเหตุผลหน่อย ไม่อย่างนั้นจะให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาชอบกันอย่างนั้นเหรอ

"ไอ้ย้ายน่ะย้ายได้ แต่ขอเหตุผลหน่อย"
ผมมองดวงตาสีเทาที่สะท้อนแสงไฟสลัว มันแวววาวเหมือนลูกแก้วคริสตัล สวยจนอย่างครอบครองเอาไว้เพียงผู้เดียว เซนเม้มปากเข้าหากันก่อนจะผละตัวไปนั่งที่เดิมอย่างปกติ ผมขยับตัวตรงแล้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจนัก

"อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ... ญาติเขาก็ไม่สนใจมึงนิ พ่อแม่ก็..."
อืม... พ่อแม่ผมประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อต้นปี เหลือไว้แค่สมบัติมากมายที่พอกินพอใช้ไปตลอดชาติ ญาติพี่น้องไม่ได้สนใจใยดีมี่จะดูแลกันเลย เพราะระบบครอบครัวนี้เป็นแบบต่างคนต่างอยู่ไม่ได้สนิทกันอย่างครอบครัวใหญ่ทั่วไป

"อืม... ถ้ากูย้ายไปมึงจะพาผู้หญิงขึ้นห้องอีกไหม"
ผมจ้องตาเขาแบบไม่กระพริบ สิ่งที่ทำให้อึดอัดที่สุดคือการที่เซนเปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น ไอ้เรื่องเขาจะหยอดผมมากแค่ไหนผมรับได้ แต่ถ้าเขาพาผู้หญิงขึ้นมาทำเรื่องอย่างว่าตอนอยู่ด้วยกันอีกผมรับไม่ได้จริงๆ

"ไม่... กูเลิกนิสัยแบบนั้นแล้ว"
คำตอบจริงจังจนผมรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ ถ้าเขาเลิกได้จริงๆ ผมก็พร้อมจะไปอยู่ด้วยกัน ถึงจะเจ็บแปลบทุกครั้งที่เซนแกล้งให้ความหวัง แต่การที่ได้อยู่ ใกล้ๆ คงทำให้อะไรๆ ชัดเจนขึ้น จากที่เคยอยากหนีไปไกลสุดท้ายกลับทำไม่ได้

"แน่ใจเหรอวะ"

"กูอายุจะครบยี่สิบอยู่แล้ว เลิกจริงๆ"

"เออๆ ช่วยขนของด้วย"

"โอเค"

หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงพวกเราก็ถึงหอพักที่ผมไม่ได้เหยียบมาเป็นเวลาสามวันติดแล้ว เกือบจะลืมว่าเอากุญแจห้องซุกไว้ในกระเป๋าเป้เพราะยืนล้วงอยู่เกือบห้านาที พอเปิดประตูเข้าไปกลับรู้สึกว่าด้านในบรรยากาศวังเวงชอบกล แถมรู้สึกถึงไอเย็นแผ่กระจายออกมา... ความคิดแรกคือ กูลืมปิดแอร์เหรอวะ ตายห่าแน่ๆ ค่าไฟบาน

"เหี้ย กูลืมปิดแอร์เหรอวะ"
ผมกำลังคลำๆ ผนังเพื่อหาสวิตซ์ไฟแต่มันกลับสว่างโล่ขึ้นมาซะก่อนเพราะฝีมือของเซน ไม่รู้ว่ามันเดินไปเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ ดีนะที่มือของผมยังไม่เคลื่อนไปจนถึงตัวเซน ไม่อย่างนั้นคงสะดุ้งโวยวายเสียงดังแน่ๆ

"ห้องชื้น ไม่ใช่ลืมปิดแอร์"
เซนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเดินไปกลางห้อง หันซ้ายหันขวาอยู่สักพักแล้วกวักมือเรียกผมเข้าไปใกล้

"มานี่"

"เออๆ ขอถอดรองเท้าก่อน"
ผมตอบกลับไปแล้วรีบสะบัดรองเท้าผ้าไปทิ้งไว้ตรงหน้าประตูแล้วเดินเข้าไปหาเซน

"ว่าไง"
ผมถามเมื่อหยุดยืนข้างๆ เขา เซนมองไปรอบๆ อีกครั้งก่อนจะตั้งคำถาม

"มึงต้องเก็บอะไรบ้าง"

"ก็เสื้อผ้า หนังสือ ของใช้บลาๆ"
ผมบอกเซนพร้อมกับชี้นิ้วไปตามสิ่งของต่างๆ ที่ต้องเก็บ เขาพยักหน้ารับก่อนจะทิ้งตัวลงที่ปลายเตียงใกล้ๆ

"งั้นคืนนี้เก็บของแล้วค้างที่นี่ ตอนเช้ามึงก็ไปเคลียร์เรื่องหอกับเจ้าของ ส่วนเรื่องย้ายของเดี๋ยวให้คนที่บ้านมาช่วย"

"เออๆ โอเค งั้นมึงไปอาบน้ำ เดี๋ยวกูเตรียมเสื้อผ้าให้"
ผมไล่เซนพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูยัดใส่มือเขาไปและรื้อตู้เสื้อผ้าหาชุดนอนเตรียมไว้ให้ก่อนจะเริ่มลงมือเก็บของใส่ลังไปพลางๆ หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นเมื่อคิดไปถึงการอยู่ร่วมกันอย่างจริงจัง มันอาจจะทุกข์ไปหน่อยกับความรู้สึกคลุมเครือของตัวเองและการปฏิบัติตัวของเซน แต่ได้อยู่ใกล้ๆ กันคงดีไม่น้อยล่ะเนอะ



--------------------------------------------------------

ตอนที่ 3 มาไวไปไหม.. 55555555
ดูเซนทำตัวเถอะ ใครเขาจะไม่หวั่นไหวบ้างล่ะ
เทวินเริ่มจะหาเรื่องใส่ตัวแล้วนะนั่น...

อ่านให้สนุกน้า

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 3 -P.1- (24.10.2016)
«ตอบ #24 เมื่อ24-10-2016 21:07:15 »

สรุปเซนเป็นพระเอกแล้วมีร่างปีศาจเป็นอัสโมดาย.......ใช่มั้ย?

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 3 -P.1- (24.10.2016)
«ตอบ #25 เมื่อ24-10-2016 21:33:22 »

เซนก็น่าจะพอรู้นิสัยเทวินนะว่าเป็นยังไงแต่ก็ยังชวนมาเรียนเกี่ยวกับปีศาจ
อยากรู้จริงๆว่าเซนคิดอะไรอยู่กันแน่ ถ้าเซนคืออัสโมดายแล้วถูกเทวินปลุกขึ้นมาจะเป็นยังไง :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 3 -P.1- (24.10.2016)
«ตอบ #26 เมื่อ24-10-2016 23:57:20 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 3 -P.1- (24.10.2016)
«ตอบ #27 เมื่อ25-10-2016 00:33:30 »

ไม่ไว ชอบ เชียร์ให้เซนคืออัสโมดาย

ออฟไลน์ Ignite

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 3 -P.1- (24.10.2016)
«ตอบ #28 เมื่อ25-10-2016 07:45:04 »

จากที่อ่านมารู้สึกเซนไม่น่าจะใช่แอสโมดายเเหะ แต่น่าจะมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกัน เช่นพ่อ-ลูกมากกว่านะ

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 3 -P.1- (24.10.2016)
«ตอบ #29 เมื่อ25-10-2016 08:40:18 »

 :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด