>> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 14 -P.4- (13.12.2016)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 14 -P.4- (13.12.2016)  (อ่าน 21181 ครั้ง)

ออฟไลน์ dark-soleil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 8 -P.2- (07.11.2016)
«ตอบ #60 เมื่อ08-11-2016 21:26:55 »

คิดว่าเซนคือตัวตนที่อัสโมดายสร้างขึ้นมารึเปล่า...งือ อยากรู้  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 8 -P.2- (07.11.2016)
«ตอบ #61 เมื่อ08-11-2016 22:38:59 »

ตื่นเต้นอะ น่าติดตามมาก

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 8 -P.2- (07.11.2016)
«ตอบ #62 เมื่อ08-11-2016 23:21:23 »

สมมติว่าอัสโมดายคือเซน มังกรคือพาหนะคืออุ่น...แล้วบารอนคือใครล่ะ?

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 9 -P.3- (09.11.2016)
«ตอบ #63 เมื่อ09-11-2016 16:31:13 »

ตำราบทที่ 9


'Loving you was my favorite mistake'
การได้รักคุณเป็นความผิดพลาดที่ผมชื่นชอบ




"กูเผลอหลับไปตอนไหนวะ"
คำแรกที่ถามออกไปหลังจากลุกขึ้นจากเตียงและเดินโซเซไปหาเซนที่นั่งอยู่โต๊ะทำงาน ระหว่างทางเกือบสะดุดเจ้าบารอนที่นอนแผ่ไม่เกรงใจว่าคนจะเหยียบเลยแม้แต่น้อย ดีนะที่ยังมีสติดีพอไม่คิดว่ามันเป็นพรมเช็ดเท้าเลยก้าวข้ามไป

"เที่ยงคืน"
คำตอบสั้นๆ ดังขึ้นโดยที่เจ้าของเสียงไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมามองหน้ากันเลยสักนิด นิ้วเรียวยังคงสัมผัสแป้นพิมพ์อย่างคล่องแคล่ว บนหน้าจอสี่เหลี่ยมปรากฏตัวอักษรภาษาอังกฤษมากมาย ทีแรกว่าจะแอบอ่านสักหน่อยแต่เปลี่ยนใจแล้ว แม่ง ไม่รู้เรื่องสักตัว

"หาว ~ อะ สุขสันต์วันเกิดนะ"
ผมยื่นของขวัญที่หยิบติดมือมาด้วยให้เซน เขาเหลือบมองก่อนจะรับไปแล้วแกะออกดู จริงๆ ก็คาดหวังว่าเขาจะชอบ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะดุกันมากกว่าเพราะผมลืมเอาบิลออกมา เฮ้อ พลาดกี่รอบแล้ววะเนี่ย

"ซื้อของแพงให้ทำไม"
นั่นไง... โดนดุแน่ๆ ผมได้แต่พยายามฉีกยิ้มกว้างและลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งใกล้ๆ กันก่อนจะเอาหัวทุยๆ ถูต้นแขนนั้นอย่างออดอ้อน นี่วันเกิดตัวเองนะเว้ย ควรจะยิ้มดีใจที่ได้ของขวัญสิวะ ทำไมทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นเล่า

"ไม่แพงหรอกน่า ของขวัญวันเกิดเชียวนะเว้ย"
ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะกำลังกดจมูกลงบนต้นแขน เซนถอนหายใจออกมาก่อนจะยกมือขึ้นโคลงหัวกันเบาๆ อย่างยอมแพ้

"อือ ขอบคุณนะ แต่ทีหลังไม่ต้องซื้อแล้ว กูไม่อยากได้อะไรหรอก"
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยโทนราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความจริงใจ ผมเบะปากลงเพราะรู้สึกขัดใจเล็กน้อย คนมันเต็มใจให้นี่นา อยากให้จดจำไว้

"แต่กูอยากให้"
ผมบอกด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจแล้วใช้มือปัดป่ายมือเซนออก เขาผละออกและมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ลางยอกเหตุกำลังเตือนว่าเหตุการณ์ต่อไปอันตรายต่อ... หัวใจ

"งั้นปีหน้าขอเป็นร่างกายมึงแล้วกัน โอเคปะ"
ผมสะอึกกับคำพูดของเซนจนตาแทบเหลือก ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเจ้าของขยับเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ ดวงตาสีเทาจับจ้องอย่างไม่ลดละจนต้องเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบเลี่ยง ยามเมื่อปลายจมูกแตะลงมาเพียงแผ่วเบาบนแก้มผมจึงหลุดปากสบถออกไปทันที

"ไอ้... อุบ!!"
ด่าได้แค่นั้นเรียวปากหยักสีส้มอ่อนก็ประกบลงมาแนบชิดอย่างเอาแต่ใจ ผมเบิกตากว้างขึ้นกว่าเดิมและพยายามใช้มือผลักไหล่เซนออก แต่ดูเหมือนจะไร้ผลเพราะรู้สึกว่าตัวเขาหนักเหลือเกิน ไม่นานนักจากที่เคยขัดขืนกลับอ่อนโอนตามแถมยังเอียงหน้าเพื่อให้เขาบดจูบได้ง่ายดายอีกด้วย รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ใครใช้ให้เซนจูบเก่งนักล่ะวะ

"อืม ~"
เสียงครางในลำคอเบาๆ บ่งบอกว่าเขากำลังพอใจที่ไม่ได้ขัดขืน ผมหลับตาลงเพื่อซึมซับสัมผัสนั้น ปากหยักยังคงอ้อยอิ่งและละเลียดขมเม้มไปช้าๆ ลิ้นร้อนแลบเลียอย่างแผ่วเบาแต่ชวนวาบหวามไปทั้งร่างกาย จะขาดหายใจอยู่แล้ว ไม่ไหว

"อื้อ!"
ผมรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีอีกครั้งพยายามดันเซนให้ถอยออกไปและเหมือนเขาจะรับรู้ว่าผมกำลังขาดอากาศเลยยอมผละออกไปโดยง่าย เสียงหอบหายใจดังขึ้นทันทีที่ปากถูกปล่อยเป็นอิสระ ดวงตาคมจ้องใบหน้าหล่อเหลาเขม็งอย่างคาดโทษ

"อ่อนจัง"
คำแซวกวนโอ๊ยทำให้ผมฟาดฝ่ามือลงบนต้นแขนแกร่งแบบไม่ยั้งมือ เซนเพียงแค่เบ้ปากเล็กน้อยแต่ไม่ยอมส่งเสียงอะไรออกมา ช่างรักษาความเยือกเย็นของตัวเองได้ดีเหลือเกิน หมั่นไส้ อย่าขย้ำให้แหลกคามือจริงๆ

"หึ! ใครจะไปเชี่ยวชาญเหมือนมึงล่ะ"
ผมว่าก่อนจะลุกขึ้นแล้วกระทืบเท้าเดินกลับไปที่เตียงนอน ง่วงก็ง่วงแต่โดนจูบไปขนาดนั้นจนใจเต้นหนัก จะข่มตาหลับก็ทำได้ยากเหลือเกินเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นโซเชี่ยลฆ่าเวลาซะอย่างนั้น แว่วเสียงหัวเราะเบาๆ ของเซนยิ่งทำให้หงุดหงิด แต่ไม่อยากหันไปมองเพราะกลัวว่าใจที่เริ่มสงบแล้วจะว้าวุ่นอีกครั้ง

ผมใช้เวลาเล่นโซเชี่ยลต่างๆ อยู่เกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนจะรับรู้ว่าเตียงด้านข้างยวบลงเพราะเซนย้ายตัวเองมานอนด้วยกันแล้ว โทรศัพท์ในมือถูกวางลงบนหัวเตียงเพราเตรียมตัวเข้าสู่นิทราเหมือนกัน

"เซน... เลี้ยงวันเกิดปะวะ"
ผมหันไปถามเมื่อนึกขึ้นได้ เพราะเมื่อปีที่แล้วเขาลากไปร้านอาหารกึ่งบาร์เพื่อฉลองตามปกติ แต่ปีนี้ดูท่าทางไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ เหมือนกับว่าปีนี้เป็นวันเกิดที่แย่

"อือ เลี้ยง ร้านเดิมหลังเลิกเรียน"
เขาตอบน้ำเสียงราบเรียบ หลังเลิกเรียนของวันนี้ก็เวลาสองทุ่ม เพราะมีเรียนวิชาปีศาจวิทยา ผมพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ก่อนจะหลับตาลงทิ้งดิ่งสู่ห้วงนิทราแสนหวาน

หลับไปได้ไม่นานกลับสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับตรงกลางอก ดวงตากลมพยายามลืมขึ้นก็พบว่าบารอนขึ้นมานอนเอาหัวเกยกัน ผมเบ้ปากแล้วพยายามดันเจ้ายักษ์ลงไปแต่ในขณะที่กำลังพยายามทำเรื่องบ้าบออยู่นั้นกลับได้ยินเสียงใครกำลังพูดคุยกันอยู่ด้านนอกและพบว่าเซนหายไปจากเตียง

ผมดันบารอนลงจากตัวได้สำเร็จโดยไม่ทำให้มันตื่นแล้วก้าวลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบเอาหูไปแนบกับประตูเพื่อแอบฟัง หัวใจเต้นระรัวเมื่อเสียงของอีกฝ่ายเป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคย แต่อีกเสียงจำได้ดีว่าเป็นของเซน

"ครบกำหนดที่ขอไว้แล้ว"
เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น มันทั้งแหบทั้งต่ำจนผมจินตนาการหน้าคนพูดเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำ หน้าเข้มๆ บางทีเขาอาจจะตรงกันข้ามทุกอย่างก็ได้

"ยังไม่อยากกลับ"
เสียงของเซนตอบกลับราบเรียบเหมือนปกติ

"จะดื้อดึงไปถึงเมื่อไหร่ จะให้เขามาตามเองอย่างนั้นหรือ"
อีกคนพูดต่อ 'เขา' ในความหมายนั้นคือใคร จะเป็นเขาคนเดียวกับที่อุ่นและคุณพ่อจีซัสเคยพูดถึงหรือเปล่า ยิ่งฟังยิ่งสงสัย ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ

"เขาไม่ได้สนใจเราขนาดนั้นหรอก"
รูปประโยคแฝงไปด้วยความน้อยใจแต่น้ำเสียงกลับนิ่งจนคาดเดาอารมณ์ที่แท้จริงไม่ออก ผมขยับตัวแนบชิดกับประตูมากขึ้น ก็ไม่รู้จะทำไปทำไมในเมื่อการได้ยินก็เหมือนเดิม ถ้าประตูห้องนอนมีตาแมวบ้างก็ดี

"เพราะอะไรถึงไม่ยอมกลับไปในที่ที่ควรอยู่"
ผมได้แต่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ที่ที่ควรอยู่ของเซนมันที่ไหนกันล่ะ บ้านเหรอ... แต่เซนไม่เคยพูดถึงเรื่องที่บ้าน ไม่เคยแม้แต่จะบอกว่าบ้านของเขาอยู่ส่วนไหนของโลกนี้ด้วยซ้ำ

"เบื่อ"

"โฮ่ง!"
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อบารอนเห่าขึ้นมา ไม่รู่มันตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่แต่พอหันไปก็เจอยืนมองกันตาใสแจ๋วอยู่ เสียงพูดคุยด้านนอกเงียบลงและผมก็รีบผละตัวออกจากบานประตูทันที แสร้งทำเป็นว่าหลับอยู่บนเตียงเช่นเคยในตอนที่แสงสว่างสาดเข้ามา เกือบไปแล้วไหมล่ะ เสียมารยาทแอบฟังคนอื่นแบบนี้ เฮ้อ

"กลับไปได้แล้ว"
เสียงของเซนดังขึ้นในขณะที่เสียงประตูปิดลง ผมถอนหายใจเฮือกแล้วลืมตาขึ้น บารอนยืนมองกันอยู่ข้างเตียงอย่างไร้เดียงสา ผมเอื้อมมือไปโคลงหัวเจ้ายักษ์ด้วยความหมั่นไส้ เป็นสายลับให้เจ้านายดีนักนะ ตอนเช้าจะงดอาหารคอยดูเถอะ

"แสบนักนะไอ้บารอน"
ผมพูดเสียงรอดไรฟันแล้วโคลงหัวมันไปมาอีกครั้ง เจ้ายักษ์ใช้สายตาอ้อนๆ มองกันทำให้ผมหลุดยิ้มจนได้ หมาอะไรวะ ทำตัวน่ารักจนคนผ่ายแพ้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เรื่องสกิลการอ้อนนี่ยกให้เป็นอันดับหนึ่งเลย เจ้าของมันไม่ได้ครึ่งหรอก

"ตื่นเหรอ"
คำถามนุ่มนวลแต่ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก ละมือจากเจ้ายักษ์แล้วใช้ดวงตากลมมองคนที่เดินมานั่งบนเตียง สีหน้าเขาดูย่ำแย่จนเห็นได้ชัด ผมอยากจะถามออกไปว่าเมื่อครู่ใครมาแต่ดูท่าทางจะไม่สมควรเลยเก็บเงียบไว้ดีกว่า

"อือ สะดุ้งตื่นว่ะ"
ผมตอบตามความจริงแค่เพียงครึ่งเดียว เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุคือฝันร้าย ฝันที่คล้ายกับความจริง ฝันที่พรากทุกความสัมพันธ์ของผมจากทุกๆ คน แม้แต่เพื่อนสนิทที่อยู่ข้างกันมาตลอดยังลืมเลือน มันน่ากลัวจนหัวใจเต้นรัวไม่หยุด ดีแค่ไหนที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาได้ ไม่อย่างนั้นคงเจ็บปวดอีกนาน

"กูเสียงดังไปหรือเปล่า"

"หา ปะ เปล่า นอนเถอะ"
ผมบอกปักก่อนจะหลับตาลง ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกันแน่ระหว่างผมแอบฟังหรือคำบอกเล่าจากปากเซน การหนีความจริงอาจจะเป็นเรื่องดีที่สุดในเวลานี้ก็เป็นได้

ผมตื่นขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาของใครคนหนึ่ง น่ารำคาญจนต้องลุกขึ้นมานั่งทึ้งหัวตัวเองก่อนจะเดินกระทืบเท้าตึงตังไปดึงประตูห้องนอนให้เปิดออก

"โวย หัวเราะบ้าบออะไรของมึงเนี่ยอุ่น!"
ผมตวาดลั่นแล้วจ้องมองมันเขม็ง อุ่นหุบปากฉับทันทีแล้วเดินตรงมาหากันพร้อมกับกอดเอาไว้จนแทบหายใจไม่ออก เป็นบ้าอะไรของมันเนี่ย

"อะไรของมึงเนี่ย ออกไป อึดอัด!"
ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดแกร่ง น่ารำคาญ คนยิ่งง่วงๆ อยู่ด้วยทำไมต้องทำตัวรุ่มร่ามแบบนี้วะ แต่มีหรือจะสู้แรงที่ต่างกันมากได้ ดิ้นไปก็เหนื่อยเปล่าแต่ดีที่ทำให้ตื่นเต็มตา

"อุ่น ปล่อยวิน"
น้ำเสียงเย็นเยียบดังมาจากคนที่นั่งละเลียดกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหาร ดวงตาสีเทาจ้องมองหนังสือในมืออย่างตั้งใจ อุ่นคลายอ้อมกอดทันทีเหมือนกับกลัวว่าเซนจะโกรธ ส่วนผมรีบเดินดุ่มๆ เข้าไปหาเขาเพื่อจะหนีอีกคนที่ยังยืนหน้าสลดอยู่ที่เดิม

"อุ่นเป็นบ้าอะไรวะ เดินเข้ามากอดกูหน้าตาเฉย"
ผมทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเซน เขาเหลือบสายตามองกันเล็กน้อยก่อนจะกลับไปสนใจหนังสือเล่มเดิม... นิยายฆาตกรรม ไอ้เชี่ย โรคจิตหรือเปล่าเนี่ย

"ไปแปรงฟันไป เหม็นน้ำลายบูด"
คำพูดเชือดเฉือนจิตใจดังขึ้นจนผมต้องกระฟัดกระเฟียดลุกขึ้นไปแปรงฟัน ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนที่เอาแต่สนใจหนังสือนิยายฆาตกรรมแล้วไม่สนใจกันขนาดนั้นหรอก

ผมเดินเข้าห้องน้ำด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง กระจกบานใหญ่ตรงหน้าสะท้อนภาพเด็กผู้ชายวัยกำลังโตหัวฟู ปากบางเบะลงเพราะถูกขัดใจ ขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้า นี่ถ้าในปากคาบใบไผ่ด้วยผมสามารถไปนอนกลิ้งลุนๆ ในสวนสัตว์ได้เลย

ผมหยิบแปรงพร้อมกับบีบยาสีฟันลงไป แก้วน้ำถูกยกขึ้นมากลั้วปากแล้วตามด้วยการทำความสะอาดฟันอย่างเชื่องช้า เพราะเคยรีบจนโดนทิ่มเหงือกบวมมาแล้วไม่คุ้มเท่าไหร่ ดวงตากลมมองสำรวจตัวเองไปทั่วและสะดุดเข้ากับรอยแดงเล็กๆที่ต้นคอ จะว่าไปก็ไม่ได้คันอะไรนะ แปลกมาก ถูๆ ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดออก หรือว่าโดนเซนขย้ำคอตอนหลับวะ แค่คิดก็หน้าร้อนวูบแล้ว บ้าจริง

ผมเดินออกจากห้องน้ำในขณะที่เห็นอุ่นกำลังทะเลาะกับบารอนอีกแล้ว ทุกครั้งที่เจอกันไม่เคยสงบศึกได้สักที คนก็ยั่วหมาก็บ้า อยู่ด้วยกันก็ดูจะลงตัวดี ว่าไหม

"กัดกันอีกแล้ว"
ผมนั่งแหมะลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเซน เขาคงยังอ่านนิยายเล่มเดิมอยู่ แต่ที่เปลี่ยนไปคือบนโต๊ะมีอาหารเช้าเพิ่มขึ้นหนึ่งที่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นของผม วันนี้เป็นเมนูติ่มซำเกือบสิบอย่างและซาลาเปาไส้หมูสองลูก กะจะขุนให้กลิ้งได้จริงๆ ใช่ไหม

"เซน... ให้กูกินหมดนี่เลยเหรอวะ เยอะไปไหม"
ผมหยิบส้อมขึ้นจิ้มไข่นกกะทาใส่ปากแล้วเคี้ยวหงุบหงับ มันอร่อยแต่แคลลอรี่โคตรจะสูง เซนเหลือบมองกันก่อนพยักหน้าแทนคำตอบและกลับไปสนใจหนังสือ... อีกแล้ว

"ช่วยกินหน่อยดิ"
ผมว่าก่อนจะจิ้มติ่มซำชิ้นหนึ่งยื่นไปตรงหน้า เขาเหลือบมองอีกครั้งแล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนพยักพเยิดไปทางอุ่นที่นอนแผ่อยู่บนพื้นโดยมีบารอนนอนทับ ศึกครั้งนี้ตัดสินแล้วว่าหมายักษ์เป็นฝ่ายชนะ

"อุ่น ช่วยกินติ่มซำกับซาลาเปาหน่อย กินไม่หมด"
ผมตะโกนบอกอุ่น แต่บารอนกับลุกและวิ่งหน้าตั้งมาหาทันที ลิ้นสีแดงห้อยจนทำให้น้ำลายหยดติ๋งลงพื้นห้อง มองแล้วก็ได้แต่หลุดขำออกมาก่อนจะส่งติ่มซำหอมๆ ไปให้เจ้ายักษ์ได้ลิ้มลองสักหนึ่งชิ้น กินมากไม่ดีหรอก... มันเปลือง

"ตกลงว่าให้ใครกินกันแน่วะ"
อุ่นพูดเสียงงอนๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างกันแล้วฉวยส้อมไปจากมือ ผมไหวไหล่ไม่ใส่ใจแล้วหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดกิน อืม... นานๆ ได้กินแล้วมันฟินยังไงก็ไม่รู้

"วันนี้เลี้ยงใช่ปะเซน"
อุ่นถามในขณะที่คนฝั่งตรงข้ามวางหนังสือลงบนโต๊ะ เซนพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะยืดแขนแล้วบิดขี้เกียจไปมา

"จะเมาให้หัวทิ่มเลย!"
อุ่นว่าด้วยน้ำเสียงจริงจังและแววตามุ่งมั่นแต่กลับต้องห่อเหี่ยวเพราะประโยคถัดมาของเจ้าภาพในค่ำคืนนี้

"ถ้าเมากูจะให้นอนหน้าประตูห้อง"
ผมแทบสำลักซาลาเปาแต่ดีหน่อยดียั้งตัวเองไว้ทัน มือเรียวเอื้อมหยิบแก้มน้ำส้มที่ถูกเตรียมไว้มาดื่มอย่างรวดเร็ว ไอ้อุ่นถึงกับทิ้งส้อมลงในจานด้วยใบหน้างอง้ำเพราะโดนขัดใจ เซนยังคงให้ความนิ่งสยบทุกอย่างได้อยู่หมัดเหมือนเดิม

"ใจร้ายว่ะ ใจร้าย วันนี้กูเป็นสารถีขับรถให้นะ"
ไอ้อุ่นบ่นพึมพำตามประสาของมันแต่ไม่มีใครคิดจะสนใจ เพราะเจ้าตัวอาสาเองโดยไม่มีคำร้องขอใดๆ ดีซะอีก นั่งสบายค่าน้ำมันก็ไม่ต้องจ่าย

หลังจากจัดการมื้อเช้าเรียบร้อยสารถีจำเป็นก็พาพวกเราพุ่งทะยานสู่มาหา'ลัยในเวลาประมาณเก้าโมงกว่าๆ เพราะมีเรียนวิชาคณะตอนสิบโมง รถจอดเทียบฟุตบาทปล่อยให้ผมกับเซนลงที่หน้าตึกส่วนเจ้าของก็เอารถไปจอด

"ทำไมวันนี้ตึกคณะคนเยอะจังวะ"
ผมหันไปถามคนที่เดินเคียงข้างกัน เหมือนจะลืมอะไรไปบางอย่างแต่คิดไม่ออกสักที

"โอเพ่นเฮ้าส์ ลืมเหรอ"
น้ำเสียงราบเรียบตอบกลับมาทำให้ผมถึงบางอ้อและรู้ทันทีว่าลืมอะไรไป ที่แท้ก็งานโอเพ่นเฮ้าส์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์นั่นเอง เด็กวัยมัธยมทั้งชายทั้งหญิงส่งเสียงอื้ออึงเมื่อเจ้าอดีตเดือนเป็นคนแนะนำหลักสูตร

"ลืมสนิทเลยว่ะ สงสัยต้องกินแปะก๊วย"

"อย่างมึงต้องกินทั้งผล ใบ ต้น รากถึงจะเอาอยู่"

"ไอ้เซน! กูไม่ได้ขี้ลืมขนาดนั้นนะเว้ย"

"สักวันกลัวว่าจะลืมกูไปด้วย"

"บ้า... ใครจะลืมวะ"

"หึ"

บทสนทนาของเราจบลงแค่นั้นเมื่อมาถึงห้องเรียน ไอ้อุ่นที่เดินจ้ำอ้าวตามมาบ่นเสียงงุ้งงิ้งว่าไม่ยอมรอกัน จริงๆ แล้วขอสารภาพว่าลืมมันไปสนิท การเรียนเริ่มต้นขึ้น และเหมือนอย่างเคยที่เซนดูไม่ค่อยสนใจสิ่งที่อาจารย์สอนสักเท่าไหร่ส่วนอุ่นนั่งหาวหวอดและพยายามใช้นิ้วเรียวถ่างตาตัวเองไว้ มีผมแค่คนเดียวที่ตั้งใจเรียนแทบจะได้โล่เพราะโง่เลยต้องขยันกว่าคนอื่นเป็นหลายเท่า

นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงตรง อาจารย์ก็เลิกคลาสทันที ผมชื่นชมนะเพราะเป็นบุคคลที่โคตรตรงเวลามากๆ ไอ้อุ่นผงกหัวขึ้นจากโต๊ะด้วยสีหน้างัวเงียเพราะหลังจากที่มันพยายามถ่างตาตัวเอง สุดท้ายก็ไปไม่รอดฟุบหน้าลงหลับไปซะอย่างนั้น ส่วนคุณชายเอาแต่นั่งวาดรูปนั่นนี่ลงในชีท... อยากถามมันว่านั่นชีทหรือกระดาษวาดรูปกันแน่แต่สำเหนียกได้ว่าเก็บปากไว้กินข้าวน่าจะดีกว่า

"จะกลับไปนอนหรือเดินห้างก่อนเรียนวิชาเลือก"
คนถามลุกขึ้นแล้วบิดตัวไปมาแล้วเดินนำออกไปจากห้อง ผมกับเซนตามไปติดๆ แต่ไม่มีใครตอบคำถามอุ่นเลยสักคน ไม่ใช่ว่าอยากกวนตีนแต่กำลังคิดไม่ตก เวลาที่เหลือมันนานเกินไปเดินห้างคนขาลากตายแน่ๆ แต่ถ้าให้กลับไปนอนที่คอนโดก็ต้องย้อนกลับไปกลับมาหลายรอบเพราะเลิกเรียนยังต้องไปฉลองวันเกิดเซนต่ออีก

"เงียบ... กูต้องตัดสินใจเหรอ"
อุ่นหันกลับมาเผชิญหน้ากับพวกผมแต่แทนที่จะแสดงความหนักใจกลับยิ้มร่า เดาง่ายๆ ว่าอุ่นคงมีสถานที่ที่อยากไปอยู่ก่อนหน้าแล้ว

"เชิญ"
เซนตอบด้วยท่าทางสบายๆ แล้วพาดแขนยาวลงบนช่วงไหล่ของผม ตอนแรกนึกว่าทำไปตามปกติ แต่ที่ไหนได้ในระยะสายตาไกลๆ จะเห็นเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันนามว่าเพลย์กำลังสาวเท้าเข้ามา หายไปได้ไม่เท่าไหร่ทำไมเวียนกลับมาอีกวะ พระเจ้า โอย ปวดหัวเว้ย

"อุย... นึกว่าแม่งตายไปแล้ว"
ไอ้อุ่นพูดเสียงเบาหวิวแล้วเดินมายืนบังผมเอาไว้ในขณะที่เซนออกแรงกระชับไหล่กันมาขึ้น ถ้าจะทำกันถึงขนาดนี้แล้วเพลย์ยังไม่ถอยอีกผมว่าจะลงไม่ลงมือยำมันให้เละคาตีนแบบจริงๆ จังๆ แล้วทนไม่ได้ จูบโชว์ยังไม่พออีกเหรอวะ แต่นี่กลางลานเกียร์คงทำอะไรมากไม่ได้ อย่างน้อยก็ลากไปกระทืบในห้องน้ำหลังอาคาร...

"ถอยหน่อยสิครับ"
น้ำเสียงสุภาพดังขึ้นตรงหน้าอุ่นและไม่มีท่าทีว่าเจ้าตัวจะทำตามเลยสักนิด การปกป้องเพื่อนของเขาพัฒนาสกิลขึ้นมากเพราะรู้ความจริงแล้ว

"มาถึงก็สั่งคนอื่น ใหญ่มาจากไหนวะ"
น้ำเสียงแข็งเอ่ยขึ้นจนผมยังนึกกลัวเพราะอุ่นไม่เคยแสดงด้านแข็งกร้าวให้เห็นเลยสักครั้ง อยากย้ายตำแหน่งไปยืนข้างหน้าจังวะ อยากเห็นท่าทางเพื่อนสนิทว่าขึงขังขนาดไหน

"ผมเปล่า แค่อยากคุยกับวิน"

"คุยอะไรอีกวะ เทวินก็มีแฟนแล้วมึงจะตื้ออะไรนักหนา"

"คบคนอย่างเซนมันไม่รุ่งหรอก เย็นชาขนาดนั้น เลิกกันแล้วมาคบกับผมเถอะนะเทวิน"
ไอ้อุ่นถึงกับเงียบกริบในขณะที่เซนขมวดคิ้วแน่นแต่ไม่แสดงอาการฉุนเฉียวมากกว่านั้น แต่เป็นผมเองที่ก้าวออกไปด้านหน้าแล้วผลักไหล่เพลย์จนเซไปด้านหลัง มีสิทธิ์อะไรมากล่าวหาคนอื่นเสียๆ หายๆ เป็นใครมาจากไหนถึงทำเป็นรู้เรื่องคนอื่นดีทั้งๆ ที่ตัวเองไม่สนิท!

"ที่บ้านสอนให้ปากหมาแบบนี้เหรอวะเพลย์ มึงรู้จักเซนดีเหรอถึงมากล่าวหาแบบนี้ แล้วอีกอย่างนะ กูจะรักจะชอบใครมันก็เรื่องของกู ขอร้องอย่าเสือก อย่ายุ่งกับชีวิตกูอีก ถ้าครั้งนี้เรื่องยังไม่จบ ครั้งต่อไปกูกระทืบมึงแน่ จำไว้!"
คำสุดท้ายผมตะโกนใส่หน้ามันอย่างไม่อายใคร คนทั้งลานเกียร์หันพรึบมองพวกผมกันเป็นตาเดียวแต่ใครจะสนใจ ตอนนี้กำลังอารมณ์เสียสุดๆ มีอย่างที่ไหนมาว่าคนอื่นที่ตัวเองไม่เคยรู้จักมักจี่ด้วยจนเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้ แถมยังเป็นบุคคลที่ผมชอบและสนิทด้วย

เพลย์ถอยหลังออกไปแต่มือของเขากำแน่น ไหล่หนาสั่นจนเกินจะควบคุม น้ำตาหยดลงบนแก้มโดยไร้เสียงสะอื้น ไม่ได้อยากทำร้ายให้เจ็บช้ำน้ำใจขนาดนี้ แต่เขารนหาที่ก่อนเองผมช่วยอะไรไม่ได้

"เทวินคนโง่ โง่ที่สุด!"
อยู่ๆ เพลย์ก็ตะโกนเสียงดังลั่นแล้วเหวี่ยงกำปั้นลุนๆ ตรงใส่หน้าผม ความคิดในหัวพุ่งวาบว่าตรงเจ็บแน่ๆ แต่เปล่าเลย พอลืมตาขึ้นกลับพบว่าคนที่ลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าที่พื้นเป็นเพลย์เอง ส่วนเซนขยับมายืนกันไว้

"กลับไป"
น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นให้ความรู้สึกว่าอากาศรอบด้านกดดันยังไงชอบกล เพลย์ที่มุมปากเปื้อนเลือดลุกขึ้นยืนโซเซแต่ไม่ยอมขยับไปไหน ยังคงยืนจ้องเขม็งมาที่ผมสลับกับเซนก่อนจะแสยะยิ้มออกมา

"จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ"
เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินจากไป ผมแทบจะวิ่งไล่กระทืบมันให้จมดิน ถึงขนาดนี้แล้วยังมาบอกว่าจะไม่ยอมแพ้ห่าเหวอะไรอีก ด่าผมว่าโง่ยังพอทน แต่ด่าคนที่ผมชอบด้วยมันไม่ใช่ว่ะ เซนรั้งแขนกันไว้แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่ให้ตามเพลย์ไป

"กูรำคาญแม่ง จะให้ทำยังไงถึงจะเลิกยุ่งวุ่นวายสักทีวะ"
ผมสบถอย่างหัวเสียและทึ้งผมด้วยความหงุดหงิด เซนเอื้อมมือมาดึงกันไว้แล้วลากผมไปที่ลานจอดรถพร้อมกับอุ่นที่เดินตามมาเงียบๆ

เซนจับผมยัดเข้าเบาะหลังก่อนตัวเองจะตามมานั่งข้างๆ กันปล่อยให้อุ่นทำหน้าที่สารถีแบบเต็มตัว ตลอดทางไปที่ตรงไปร้านอาหารนอกมหา'ลัยทุกอย่างเงียบสนิทจนได้ยินแม้กระทั่งลมหายใจ

"เทวิน"
เสียงทุ้มนุ่มเรียกชื่อกันทำให้ผมละสายตาจากวิวทิวทัศน์ข้างทางกลับมามองเจ้าของเสียง เขามองกันก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบแผ่นหลังเบาๆ เป็นการปลอบ

"ขอโทษ"
ผมพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้เพราะซุกหน้าลงบนอกของเซน มือเรียวยกขึ้นลูบหัวกันอย่างแผ่วเบาโดยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่นั่นคือการตอบรับที่ดีที่สุดของเขาแล้วในเวลานี้

"วันนี้บรรยากาศแปลกๆ ว่ะเซน อยู่ๆ ฟ้าครึ้ม"
อุ่นเหลือบมามองเราและบอกเล่าสิ่งที่ตัวเองเห็น ตอนแรกแดดจ้าจนแสบตาแต่มาตอนนี้กลับอึมครึมและอากาศเย็นลงจนทุกคนเริ่มตื่นตัว ผมผละออกจากอ้อมกอดอุ่นแล้วมองออกไปด้านนอก มันน่ากลัวราวกับว่าจะมีปีศาจโผล่ขึ้นมาจากขุมนรก

"กลับคอนโดเดี๋ยวนี้"
เสียงดุๆ เอ่ยสั่งอุ่นทันทีที่สังเกตการณ์รอบด้านเรียบร้อยแล้ว ผมไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่อุ่นพยักหน้ารับและรีบหาที่กลับรถ แต่ดูเหมือนว่าอะไรบางอย่างจะสายไปเมื่อสารถีพูดเสียงเย็น

"ไม่ทันแล้วเซน"
สิ้นสุดคำของอุ่น วิวทิวทัศน์รอบด้านกลับหมุนคว้างจนมองไม่เห็นเป็นรูปร่าง ผมช็อกจนไม่สามารถร้องออกมาได้ รถกำลังพลิกคว่ำจากอะไรบางอย่างที่พุ่งเข้ามาหาเราอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกสุดท้ายก่อนสติจะดับวูบคือเจ็บจนจุก เจ็บเหมือนกระดูกทั้งร่างหักไม่มีชิ้นดี ผมต้องตายแน่ๆ

"เทวิน อย่าหลับ เทวิน!!"
นั่นคือเสียงเรียกร้องชื่อของผมครั้งสุดท้ายที่ได้ยินก่อนสติจะดับวูบลง




ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 9 -P.3- (09.11.2016)
«ตอบ #64 เมื่อ09-11-2016 16:31:43 »

ผมตื่น... ไม่ใช่สิ ผมกำลังฝันว่าอยู่ในสถานที่ที่มีแต่สีขาว มันคล้ายกับห้องสีเหลี่ยมให้โรงพยาบาลจิตเวชสักแห่ง ไร้หน้าต่างไร้บานประตูจนดูน่าอึดอัดแต่แปลกที่ยังสามารถหายใจได้อยู่ ไม่สิ ผมไม่ได้หายใจแม่แต่เสียงเต้นตึกตักในอกยังไม่ได้ยิน มันเงียบมาก หน้าอกไม่ได้กระเพื่อมขึ้นลงอีกแล้ว นี่สรุปว่าผมตายด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำจริงๆ เหรอวะ

ไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหนหรือมีกลไกที่ใดบ้าง ผมตัดสินใจนั่งขัดสมาธิลงกลางห้องด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวไร้ทางไป ไม่รู้ว่าต้องติดในห้องสีขาวนี้ไปอีกนานแค่ไหน ครั้นจะทอดกายนอนเหยียดยาวก็กลัวว่าอะไรบางอย่างจะโผล่ออกมา ลองก้มมองชุดที่ใส่ในตอนนี้ถึงกับเผลอกลั้นลมหายใจ เมื่อมันคือชุดสีขาวสะอาดที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจำนวนมหาศาล มือเรียวสั่นเทาไล่จับตามเนื้อตัวอย่างรนรานราวกับจะหาบาดแผล แต่กลับไม่มีของพวกนั้นอยู่เลย

"อะไรวะ"
ผมพึมพำกับตัวเองเพราะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ แต่แค่เพียงอึดใจกล่องสีเหลี่ยมสีขาวขนาดใหญ่ก็เปิดออกทั้งสี่ด้าน ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือทุ่งหญ้าเขียวขจีในก้นบึ้งความทรงจำ สถานที่ที่เคยเจอกับอัสโมดายร่างมนุษย์เป็นครั้งแรก ดอกกุหลาบหลากสีสันยังคงบานสะพรั่งและส่งกลิ่นหอมอบอวลเหมือนเดิม

ผมลุกขึ้นและมองสำรวจไปรอบตัวเองก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ว่าทุ่งหญ้านี้กินพื้นที่ขนาดเท่าไหร่แต่มันไกลสุดลูกหูลูกตาเสมือนว่าไม่มีที่สิ้นสุด ขายาวหยุดชะงักเมื่อพื้นดินกำลังสั่นไหว ไม่นานนักร่างที่คุ้นตาในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยก็โผล่ขึ้นมา... คาดว่าคงมาจากนรก

"อะ อัสโม ดะ ดาย"
เสียงของผมขาดหายเมื่อเห็นบางอย่างที่อยู่ในมือของเขา มันมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อสีแดงและเต้นตุบๆ รู้ได้ทันทีว่าคือหัวใจ แต่ของใครกันล่ะ หรือว่า... ลองก้มลงมองตัวเองอีกครั้งและพบว่าหน้าอกกลวงโบ๋ปราศจากสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิต

"เจอกันอีกแล้ว"
คำทักทายเดิมเมื่อเจอกันครั้งที่สองดังผ่านริมฝีปากแดงสดราวกับเลือดออกมา เขาย่างก้าวช้าๆ มาหากันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมเผลอถอยหลังเพราะรู้สึกได้ว่าหายนะกำลังมาเยือน

"อะ เอาหัวใจของผมไปทำไมครับ"
ผมถามเสียงตะกุกตะกักเมื่อเริ่มหายใจลำบากขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะคนตรงหน้าหรือเพราะผมขาดหัวใจของตัวเองไปกันแน่ถึงได้เป็นแบบนี้ เขาใช้ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองมาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แต่มุมปากกลับกระตุกยิ้มน่าขนลุก

"ยังคิดว่ามันคือของเจ้าอีกอย่างนั้นหรือเทวิน"

"มะ มันเป็นของผม"
ผมทรุดลงนั่งคุกเข่าอย่างไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจถี่กระชั้นจนน่ากลัว เขาย่อตัวลงในระดับเดียวกันก่อนจะแลบลิ้นเลียก้อนเนื้อในมืออย่างยั่วยวน... ผมอยากเอื้อมมือไปดึงรั้งมันกลับมาแต่ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ ทั้งสิ้น แค่จะช้อนสายตามองคนตรงหน้ายังทำได้อย่างยากลำบาก

"เจ้ากำลังจะตายเทวิน"
น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมกับนิ้วเรียวขย้ำลงบนก้อนเนื้อสีแดง ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกปวดร้าวไปทั้งทรวงอก หัวใจยังคงเชื่อมกับร่างกายจนน่าแปลกใจ อัสโมดายกำลังเล่นสนุกอะไรกันนะ เลือดสีแดงคล้ำข้นคลั่กพุ่งออกมาจากปากยามเมื่อเขาเพิ่มแรงบีบรัดลงไป เจ็บทุรนทุรายแทบขาดใจจนไถลลงไปนอนราบกับพื้นหญ้า

"ยัง ยังไม่อยาก ตะ ตาย อึก"
ผมสำลักจนลิ่มเลือดไหลออกมาตรงมุมปาก พยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีดันกายขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับปีศาจแสนเจ้าเล่ห์แต่ไม่สำเร็จ ร่างกายหนักอึ้งจนไม่สามารถขยับเขยื้อน ได้แต่นอนหายใจรวยระรินสัมผัสกลิ่นเหม็นเขียวของต้นหญ้า

"ไม่อยากตายหรือ ทำพันธะสัญญากับเราสิ"

"ทะ ทำ... ทำครับ"
ตอบไปโดยไม่รู้ว่าตัวเองมีบรรณาการสิ่งใดควรค่าแก่การร้องขอชีวิตกับปีศาจที่สามารถดลบันดาลให้มนุษย์เป็นอมตะ แต่นี่เป็นเพียงข้อเสนอเดียวที่ผมจะได้กลับไปใช้ชีวิตที่เหลือกับคนที่รักได้ ถึงแม้ต้องแลกด้วยชีวิตหรือวิญญาณก็พร้อม

"เจ้าจะได้รับความเป็นอมตะจากเรา แต่บรรณาการตอบแทนช่างสูงนัก จะให้ข้าได้หรือ"
น้ำเสียงของเขาทุ้มนุ่มจนเผลอคิดไปว่ามันคล้ายกับใครคนหนึ่งที่ผมเฝ้าฝันถึงอยู่ตลอดเวลา กลิ่นมิ้นท์อ่อนๆ ที่ลอยวนในอากาศช่างคุ้นเคยจนรู้สึกอุ่นใจ บางครั้งเซนอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและพยายามต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดเช่นกัน

"อะ อัสโม ดะ ดาย ต้องการอะไรครับ"

"ความรู้สึกทั้งหมดที่เจ้ามีต่อมนุษย์ที่ชื่อเซน"

"...."
ผมนิ่งค้างกับบรรณาการที่มีค่าสูงลิบลิ่ว ความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อเซนอย่างนั้นหรือ ถ้าเขาให้ปีศาจไปก็แสดงว่าจะไม่หลงเหลือความชอบความรักใดๆ เลยสินะ แต่พอหักล้างกับการมีชีวิตอยู่เคียงข้างเขาต่อไปมันก็คุ้ม... ใช่ไหม

"ครับ ผม... ตกลง"

กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อฉุนกึกลอยมาแตะจมูกจนต้องยู่หน้าด้วยความขัดใจ ดวงตากลมปรือขึ้นอย่างยากลำบากเมื่อเจอกับแสงไฟนีออนที่สาดกระทบลงมา ร่างกายหนักอึ้งและปวดเมื่อยไปหมด จำไม่ได้เลยว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

"ฟื้นแล้วหรือ"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามกัน ผมพยายามปรือตามองหาเจ้าของเสียงอย่างยากลำบาก แต่เมื่อโฟกัสชัดขึ้นกลับต้องตกใจหนักเพราะอัสโมดาย... ปีศาจตนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงด้วยท่วงท่าสบายๆ แถมชุดที่ใส่ยังเหมือนในความฝันเป๊ะๆ ผมสีดำสลวยที่ด้านหลังถักเป็นเปียยาว ด้านหน้าดูเผินๆ คล้ายทรงอันเดอร์คัตที่กำลังฮิตในยุคนี้ บนศีรษะมีเขาเล็กๆ บ่งบอกความเป็นปีศาจ ปีกสีดำกลางแผ่นหลังย้ำเตือนว่าเขาเคยเป็นเทวทูตมาก่อน เสื้อผ้ายังคงนุ่งน้อยห่มน้อยจนน่าใจหาย กล้ามหน้าท้องเป็นลอนๆ จนน่าอิจฉา ถ้ามองเลยไปด้านหลังจะพบกับชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนในชุดที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ตามแขน ใบหน้า หรือแม้กระทั่งเท้า มีเกล็ดแวววาวคล้ายๆ เกล็ดมังกรในภาพยนตร์ประดับอยู่เป็นช่วง ดวงตาเฉี่ยวคมสีเหลืองเหมือนสัตว์ร้าย นี่ผมยังฝันอยู่หรือเปล่าวะ!

"นะ นี่ยังฝันอยู่เหรอวะ"
ผมพึมพำกับตัวเองแล้วขยับลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ตามองไปรอบๆ ห้องก็ได้รู้ว่าตัวเองอยู่โรงพยาบาล ครั้นจะถามเอาจากใครว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นก็ยากไปหน่อย แล้วนี่เพื่อนของผมหายไปไหนกันหมดล่ะ

"ตื่นแล้ว ไม่ได้ฝัน"
เสียงทุ้มต่ำบอกกัน ผมหันขวับไปมองเขาอีกรอบก็เจอรอยยิ้มทะเล้น จำได้แค่ว่าเขาคืออัสโมดายแค่นั้น นอกเหนือจากนั้นความทรงจำแทบจะไม่หลงเหลืออยู่เลย

"ละ แล้วอัสโมดายโผล่มาได้ยังไง ผมไม่ได้อัญเชิญนะ"

"สิทธิพิเศษสำหรับเจ้า นายของเราเลยมาหาโดยไม่ต้องอัญเชิญไง"
ดวงตาสีเหลืองราวสัตว์จ้องมองกันด้วยแววทะเล้น ยอมรับว่าแอบกลัวแต่ไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ

"อ่า... เหรอครับ แล้วเซนกับอุ่นล่ะ"
ผมถามขึ้นเมื่อนึกได้ว่าตัวเองก็มีเพื่อนอยู่กับเขาด้วยเหมือนกัน ถ้าเข้าโรงพยาบาลขนาดนี้แล้วยังไม่มาเยี่ยมก็แปลกเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

"ต่อจากนี้ไปพวกเราจะเป็นเพื่อนของเจ้าเอง... ตลอดไป"




-----------------------------------------------------

เอ้ะ อะไรยังไง ใครสงสัยบ้าง?

ปล. อ่านให้สนุกน้า

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 9 -P.3- (09.11.2016)
«ตอบ #65 เมื่อ09-11-2016 17:40:30 »

ชอบเรื่องนี้น่ะ  :laugh:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 9 -P.3- (09.11.2016)
«ตอบ #66 เมื่อ09-11-2016 20:03:17 »

อะไรยังไงกัน

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 9 -P.3- (09.11.2016)
«ตอบ #67 เมื่อ09-11-2016 20:13:09 »

อ่าว แล้วคือไม่ต้องมีเซนกับอุ่นแล้วหรอ? แล้วบารอนล่ะ (นี่ก็ห่วงหมาอีก) แล้วทำไมต้องพายุล่ะ แล้วเกี่ยวกับ "เขา" คนนั้นไหมอะ? แล้วๆๆๆๆ???

อื้ออออ ช่วยเทวินงง

ออฟไลน์ dark-soleil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 9 -P.3- (09.11.2016)
«ตอบ #68 เมื่อ09-11-2016 20:40:27 »

อ่าวว...งงเลยตรู...หรือเซนกับอุ่นคือคนที่อัสโมดายให้มาเฝ้าวิน? แบบพอทำสัญญากันแล้วก็เลยหมดประโยชน์ไรงี้? หรือทั้งหมดนั่นคืออัสโมดาย? โอ๊ยยย งง :ling2: :ling2:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 9 -P.3- (09.11.2016)
«ตอบ #69 เมื่อ09-11-2016 21:42:45 »

 :m28: :m28: :m28: :m28: :m28:

 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 9 -P.3- (09.11.2016)
« ตอบ #69 เมื่อ: 09-11-2016 21:42:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ W2P5

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 9 -P.3- (09.11.2016)
«ตอบ #70 เมื่อ11-11-2016 05:08:26 »

ซับซ้อนเหลือเกิน  :katai1:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 10 -P.3- (13.11.2016)
«ตอบ #71 เมื่อ13-11-2016 16:42:08 »

ตำราบทที่ 10


'A fool believes everything'
คนโง่เชื่อทุกอย่าง




การได้กลับมาอยู่ในที่ที่คุ้นเคยทำให้หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวพองโตขึ้น แต่ความรู้สึกกับใครบางคนได้สูญเสียไปอย่างไม่มีวันกลับ ไม่เข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่ว่าทำไมทุกครั้งที่คิดถึงเพื่อนสนิทที่ชื่อ 'เซน' ถึงได้รู้สึกว่างเปล่า ไม่ยินดียินร้ายอะไรกับตัวตนนั้นเลย แต่กับคนอื่นทุกอย่างยังปกติ ทำให้พาลคิดว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของผมจริงๆ นะเหรอ

ประตูกระจกถูกเปิดออกโดยน้ำมือของผม สายลมอ่อนๆ โชยพัดเข้ามาปะทะหน้าทำให้รู้สึกว่าเช้าวันนี้อากาศดีกว่าทุกวัน อาจเพราะย่างเช้าช่วงปลายปีก็เป็นได้ คนที่ยืนอยู่ข้างกัน... ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าอะไรดีล่ะ มังกรของอัสโมดายตัวนั้นสามารถอยู่ในร่างมนุษย์ที่ปราศจากเกล็ดได้อย่างไม่มีที่ติ หล่อมีเสน่ห์จนเผลอคิดว่าดันไปเป็นนายแบบได้คงดี

"คาอิน..."
ผมเรียกชื่อเขาที่รู้มาจากอัสโมดายเมื่อวานนี้ก่อนจะโดนนำตัวออกมาจากโรงพยาบาล ก่อนหน้านั้นผมร้องโวยวายว่าพวกเขาไม่สามารถปรากฏตัวด้วยลักษณะรูปร่างหน้าตาและเครื่องแต่งกายสามัญของพวกเขาได้จะทำให้คนอื่นตื่นตกใจ ปีศาจเลยดลบันดาลเปลี่ยนทุกอย่างให้เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปทุกกระเบียดนิ้ว

"หื้ม มีอะไร หรืออยากกินไก่ในมือเรา"
เขาถามก่อนจะมองหน้าผมสลับกับน่องไก่ทอดที่อยู่ในมือ ดวงตาสีเหลืองดูน่ากลัวแต่ชวนหลงใหลอยู่ไม่น้อย ถ้าใครได้พบเจอปีศาจในร่างมนุษย์แบบนี้คงชมว่างดงามแน่ๆ

"เปล่า... ผมแค่อยากรู้ว่าเพื่อนหายไปไหนกันหมด"
ดวงตากลมทอดมองก้อนเมฆสีขาวที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่บนท้องฟ้าสีคราม คำถามนี้ถูกเอ่ยตั้งแต่โรงพยาบาลยันคอนโดก็ไม่มีใครตอบอะไรออกมา ทำราวกับว่าเสียงของผมมันดังไม่พอ ตอนนี้อัสโมดายหายไปทำภารกิจอะไรบางอย่างเลยมีโอกาสให้ผมลอบถามสัตว์พาหนะของเขาแทน

"อืม... นายท่านบอกว่าเซนกับอุ่นมีธุระต้องไปทำด่วนที่ต่างประเทศน่ะ อาจจะกลับมาเร็วๆ นี้ หรืออาจจะอยู่ที่นั่นยาวเลยก็ได้"
คำตอบของคาอินทำให้ผมขมวดคิ้วยุ่ง ปีศาจล่วงรู้ทุกเรื่องของมนุษย์ได้ยังไงกันนะ อยากทำได้แบบนั้นบ้างจังคงจะดีไม่น้อย แต่มันก็น่าแปลกที่ทั้งอุ่นและเซนไม่ยอมบอกผมด้วยตัวเองสักคำ แถมยังหนีหายโดยไม่ติดต่อกลับมาอีกด้วย ตกใจมากแค่ไหนที่ลืมตาตื่นมาเจอปีศาจกับสัตว์พาหนะยืนจ้องกันอยู่ ถ้าเป็นคนจิตอ่อนคงเป็นบ้าไปแล้ว

"เหรอ... จะติดต่อได้ยังไงครับ ทิ้งกันแบบนี้ผมก็ไปเรียนคนเดียวอะดิ"
ผมบ่นงุ้งงิ้งเพราะไม่สนิทกับเพื่อนร่วมภาคคนอื่นๆ สักเท่าไหร่ ไปเรียนคนเดียวก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรมากมายหรอก แต่มีเพื่อนก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ

"เจ้านี่งอแงเก่งใช่เล่นเลยนะ"
คาอินพูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะกัดไก่ทอดในมือเข้าไปอีกคำ ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วโน้มตัววางคางลงบนขอบระเบียงอย่างหมดแรง จริงๆ ก็คิดจะโกรธเพื่อนสนิทเหมือนกัน แต่เพราะคำว่าธุระสำคัญมันค้ำคอเลยทำอะไรไม่ได้ แถมไอ้ความรู้สึกที่ว่างเปล่ากับเซนนี่มันอะไรกันแน่นะ

"เปล่าสักหน่อย คาอินนี่กินเก่งเนอะ ไก่ทอดหมดไปหลายกิโลแล้วนะ"
ผมเหลือบมองคนข้างๆ ตัวแล้วยิ้มออกมานิดๆ มังกรตัวนี้มีความขี้เล่นสูงกว่าจะดุร้ายเลยทำให้คิดว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่งได้อย่างสบายๆ อัสโมดายก็เป็นคนอารมณ์ดีนะ ขี้แกล้ง แต่เหมือนเขาจะใช้เสน่ห์ที่มีทำให้ผมเผลอเคลิ้มอยู่เรื่อย... อยูด้วยกันยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่รู้ว่าหลงใหลได้ปลื้มในตัวปีศาจไปกี่ครั้งแล้ว ไม่อยากจะนับเลย

"เจ้าอย่าลืมว่าเราเป็นมังกร..."
ดวงตาสีเหลืองเหลือบมองกัน ปากบางสวนนั่นเบะลงเพราะโดนทักเรื่องจำนวนอาหาร ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะก้มหัวขอโทษเจ้ามังกรขี้น้อยใจ

"ขอโทษครับ คราวหลังจะไม่ทักเรื่องกินอีกแล้ว"

"ดีมาก กลับเข้าไปข้างในเถอะ เมฆฝนกำลังมา"
คาอินบอกก่อนจะชี้ไปที่เมฆสีดำทะมึนกำลังเคลื่อนเข้ามาปรกคลุมน่านฟ้าบริเวณคอนโด ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำเขากลับเข้าห้อง ได้ยินเสียงปิดประตูกระจกไล่หลังมาทำให้รู้ว่าเจ้ามังกรก็เดินตามมาแล้วเช่นกัน

ภายในห้องดูอึมครึมกว่าทุกครั้งเพราะสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าปีศาจนั่นมีไอสีดำแผ่อยู่รอบตัวบางเบาแต่ก็มองด้วยตาเปล่าได้ จริงๆ แล้วผมควรจะกลัวแต่กลับรู้สึกอุ่นใจอย่างน่าประหลาด จะมีคนดีที่ไหนอยู่ร่วมชายคากับปีศาจได้บ้างล่ะ คงไม่มีหรอก

"เทวิน... เจ้าไม่รู้สึกอะไรกับเซนแล้วจริงๆ เหรอ"
อยู่ๆ เจ้ามังกรตัวโตหน้าหล่อก็ถามขึ้นในขณะที่ผมหย่อนก้นลงบนโซฟา การกระทำทุกอย่างชะงักไปเล็กน้อยก่อนหัวคิ้วจะขมวดเข้าหากัน ผมยังคิดไม่ออกว่าควรรู้สึกยังไงกับบุคคลคนนี้ ว่างเปล่าเหมือนความจำส่วนที่เกี่ยวกับเขาหายไป

"ผม... ควรรู้สึกยังไงกับเขาเหรอคาอิน"
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ดวงตากลมมองไปด้านหน้าอย่างไรจุดหมาย มังกรที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กันหายใจเข้าออกฟืดฟาดจนเผลอกลัวว่าจะมีไฟออกมาทางจมูกไหม ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่

"ร้ายกาจ"
คาอินพึมพำเบาๆ ซึ่งผมได้ยินไม่ถนัดเลยถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสงสัย

"ว่าอะไรนะ"

"เปล่า แล้วเจ้าจะออกไปไหนหรือเปล่า เราสามารถไปเป็นเพื่อนได้นะ"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แล้วยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง ผมส่ายหัวเบาๆ แทนคำตอบเพราะรู้สึกว่าร่างกายยังล้ากับการตกบันได... อัสโมดายกับคาอินบอกว่าผมพลาดตกบันไดจนต้องเข้าโรงพยาบาลนะ จริงๆ ไม่มีความทรงจำส่วนนั้นเลยด้วยซ้ำ

"อัสโมดายจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ"
ผมถามขึ้นอีกครั้งเมื่อคิดไปถึงปีศาจหน้าหล่อที่หายไปตั้งแต่เช้าตรู่โดยไม่ร่ำลากันแม้แต่น้อย ตื่นขึ้นมาก็เจอกับเจ้ามังกรนั่งอยู่บนเตียงข้างๆ กันพร้อมกับไก่ทอดในมือแล้ว เขาบอกว่าเจ้านายลงมือทำให้ด้วยตัวเอง ซึ่งอดแปลกใจไม่ได้ว่าปีศาจก็ทำอาหารเป็นเหมือนกันเหรอ ชวนให้คิดถึงเซนจริงๆ

"คิดถึงหรือ"
คาอินถามด้วยน้ำเสียงทะเล้นเล็กน้อย แต่ผมไม่สนุกด้วยเลยสักนิดจนต้องปั้นหน้ายุ่งใส่ ใครเขาจะคิดถึงกันล่ะ ไม่ได้หลงรักสักหน่อยถึงได้คิดถึงตอนไม่ได้เจอน่ะ

"เปล่านะ อย่ายัดเยียดดิ คาอินคิดถึงเองก็บอก"
ผมโบ้ยข้อกล่าวหากลับไปให้เจ้าตัวง่ายๆ เพราะไม่อยากยอมรับว่าอัสโมดายมีเสน่ห์ดึงดูดมากเกินไป และมีลางสังหรณ์ว่าถ้าวันไหนเกิดปล่อยตัวปล่อยขึ้นมาจะไม่สามารถถอนคืนได้อีก เรื่องที่มนุษย์หลงใหลในตัวปีศาจนับว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญทั่วไปอยู่แล้ว แต่กับผมคิดว่าไม่ถลำลึกจะดีที่สุด

คาอินถึงกับเบ้ปากเมื่อฟังคำพูดของผมจบ มีหลายครั้งที่เผลอคิดว่าสัตว์พาหนะตัวนี้ไม่เคยให้ความยำเกรงเจ้านายของตัวเองเลยสักครั้ง ราวกับว่ายศถาบรรดาศักดิ์เทียบเท่ากัน ไม่อยากจะสอดเรื่องคนอื่นหรอกแต่มันน่าสงสัยจริงๆ

"เจอหน้ากันทุกวันจนเบื่อแล้ว จะให้เราคิดถึงอีกทำไม"

"อ่าว... เป็นงั้นไปเนอะ"
ผมว่าเสียงเบาก่อนจะยิ้มออกมา จริงๆ แล้วการอยู่ร่วมกับปีศาจคงไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอกมั้ง

เช้าวันใหม่ส่งแสงตะวันเรืองรองมาทักทายกันตั้งแต่หกโมงเช้า ผมดึงผ้าห่มคลุมหัวเพราะรู้สึกไม่อยากตื่นทั้งๆ ที่มีเรียนตอนเช้า คาอินที่นอนข้างๆ กันคงตื่นแล้วเพราะรู้สึกถึงแรงสะเทือนของเตียง อัสโมดายไม่ได้กลับมาที่คอนโด ไม่รู้ว่าเขาต้องจัดการธุระอีกนานแค่ไหนกัน

"เทวิน เจ้าไม่ไปเรียนหรือไง รีบตื่นได้แล้ว"
เสียงที่เกือบจะคุ้นเคยดังขึ้นข้างหูพร้อมกับแรงกระชากผ้าห่มออกจากตัว ภาพเบื้องหน้าทำให้ผมอ้าปากค้างเพราะคาอินกำลังยืนเปลือยอยู่ข้างเตียงไร้ซึ่งเสื้อผ้าปกปิด

"เฮ้ย แก้ผ้าทำไมเนี่ยคาอิน"
ผมร้องลั่นก่อนรีบดีดตัวขึ้นจากเตียงแล้วเบนสายตาหนีไปทางอื่น ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันแต่ไม่โรคจิตพอจะจ้องร่างกายคนอื่นนะ ด้วยท่าทางที่แสดงออกเพราะตื่นตกใจทำให้เจ้ามังกรขี้เล่นหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ไม่รู้สนุกอะไรของเขานักหนา จะหั่นไปต่อว่าก็กลัวเผชิญหน้ากับเจ้ามังกรน้อยอีกหน โอย จะบ้าตาย

"แกล้งเจ้านี่สนุกจริงๆ เลย"
พูดจบยังเอื้อมมือมาโคลงหัวกันก่อนจะเดินโทงๆ ไปทางห้องน้ำและหยิบผ้าขนหนูเข้าไปด้วย... มังกรอาบน้ำด้วยเหรอ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยก่อนจะย้ายตัวเองมาจัดชุดนักศึกษาเตรียมไปเรียน ระหว่างที่รอคาอินเล่นน้ำผมก็เตรียมอาหารง่ายๆ อย่างไส้กรอกทอด ไข่ดาว ขนมปังปิ้งเอาไว้สองชุด ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากินได้หรือเปล่า แต่มีปัญญาทำแค่นี้ล่ะ ก็อัสโมดายทิ้งภาระไว้ให้นี่!

หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จก็ย้ายตัวเองมานั่งกดโทรศัพท์เล่นฆ่าเวลาไปเรื่อย โซเชี่ยลต่างๆ ของเซนกับอุ่นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แต่มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วก็เลยไม่รู้สึกเดือดร้อนหรือเป็นห่วงอะไร แต่ที่น่าแปลกคือใครบางคนแอดไลน์กันมา นิ้วเรียวแตะลงบนแจ้งเตือนนั่นก่อนคิ้วจะขมวดแน่น เพลย์ไปได้ไอดีมาจากไหนกัน!

"เชี่ย..."
ผมอุทานเบาๆ แล้ววางโทรศัพท์ลงเหมือนเป็นของร้อนในขณะที่คาอินก้าวออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับชุดนักศึกษา เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนะ ไปเอาชุดใครมาใส่แล้วเขาจะไปเรียนกับผมหรือยังไงกันนะ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากถาม หน้าตาหล่อๆ กับดวงตาสีเหลืองก็ยื่นเข้าไปมองหน้าจอสี่เหลี่ยมอย่างสนใจ ก่อนที่คิ้วเรียวนั่นจะขมวดจนเป็นปม

"เพลย์... แอดไลน์มาหาเจ้าเหรอ"
เข้าถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิวแต่ผมกลับได้ยินชัดเจน ไอ้เรื่องที่รู้ชื่ออีกคนไม่สงสัยเท่าไหร่หรอก แต่แปลกใจมากกว่าที่มังกรนรกอย่างคาอินรู้จักแอพพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือแถมยังไม่ตื่นตกใจกับเทคโนโลยีสมัยใหม่

"คาอินรู้จักไลน์ด้วยเหรอ"
ผมถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อจนได้ค้อนวงใหญ่กระแทกหน้าหงาย ผิดตรงไหนเล่าที่จะสงสัยเรื่องนี้ ก็ปีศาจอยู่มานานเป็นพันๆ ปีไม่ใช่หรือ จะทันยุคทันสมัยขนาดนี้เลยเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ

"มันใช่ประเด็นที่เราคุยกันอยู่หรือ เจ้ากดรับไปหรือยัง"
แทนที่จะคลายข้อสงสัยให้กันก่อนกลับโดนซักถามกลับซะอย่างนั้น ผมส่ายหน้าวืดแทนการปฏิเสธแล้วแอบเบ้ปากเมื่อเห็นแจ้งเตือนแชทเด้งขึ้นมา ไม่รับแอดก็ใช่ว่าจะคุยไม่ได้ โอย จะทักมาทำไมวะเนี่ย ไม้กันหมาก็ไม่อยู่แล้วด้วย ประสาทจะแดกแล้วเว้ย เมื่อวานเพิ่งมีเรื่องกันไปวันนี้แม่งจะตื้อกันแล้วเหรอ โอยตาย ชีวิตเทวินทำไมวุ่นวายแบบนี้วะ

"ยัง... โอย จะทำไงดีวะ นี่ผมเพิ่งมีเรื่องกับมันไปเมื่อวานเองนะ แล้วนี่ไปเอาไอดีไลน์มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ จะบ้าตาย"
ผมบ่นยาวเหยียดก่อนจะทึ้งหัวตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด ไม่ใช่ว่ากลัวอะไรแต่มันน่ารำคาญ คนเขาไม่ชอบยังจะตามตอแยกันอยู่ได้ คนที่ไม่ใช่ พยายามแค่ไหนก็ไม่ใช่มันรู้จักประโยคนี้ไหมนะ

"เจ้าอย่าเพิ่งรน ไปอาบน้ำซะ"
ผมถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะยอมทำตามที่คาอินบอกอย่างว่าง่าย กว่าจะจัดการตัวเองเรียบร้อยก็เกือบสามสืบนาทีกลับมาหยิบโทรศัพท์มือถืออีกครั้งแทบช็อก ในเมื่อแจ้งเตือนไลน์ขึ้นมาเกือบร้อยข้อความและล้วนส่งมาจากคนๆ เดียว อยากขว้างโทรศัพท์ทิ้งแต่เสียดายเงินที่ซื้อมันมาได้ทำได้แค่กดแชทของเพลย์แล้วลบทิ้งโดยที่ไม่อ่าน จะเป็นจะตายอะไรขึ้นมาก็ช่างเขาเถอะ อย่าหาว่าใจร้ายใจดำเลยแต่ผมไม่สงสารใครหรอกนะในเรื่องความรักนอกจากตัวเองเท่านั้น แต่ไม่เห็นจะจำได้ว่าเคยรักใครหรือเปล่า แปลกเนอะ

"เสียงโทรศัพท์เจ้าน่ารำคาญมาก"
เสียงคาอินดังมาจากในครัว ผมรีบสาวเท้าไปหาเขาและต้องหลุดหัวเราะเมื่อรอบปากมังกรเลอะไปด้วยคราบน้ำมันจากของทอดทั้งหลาย ดูๆ ไปเหมือนกับเด็กน้อยวัยสองสามขวบที่เพิ่งหัดกินข้าวเอง

"ขอโทษๆ แล้วนี่กินอิ่มหรือเปล่า"
ผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขาก่อนจะมองจานว่างเปล่าที่โดนกวาดอาหารออกไปจนเรียบ เจ้ามังกรใช้ดวงตาสีเหลืองมองกันก่อนจะส่ายหน้าไปมาและส่งยิ้มแห้งมาให้กัน นี่อุตส่าห์ทำให้มากกว่าของตัวเองเป็นสามเท่าแล้วนะ เขาไม่อิ่มทิพย์เหมือนอัสโมดายหรือยังไง รู้สึกเปลืองทรัพยากรในการดำรงชีวิตชะมัด

"ยังไม่ถึงครึ่งกระเพาะเลย แต่เจ้านายสั่งไว้ว่าห้ามกินเยอะ เดี๋ยวเจ้าจะหมดตัวเสียก่อน"
คาอินพูดเสียงอ่อยและมองผมด้วยดวงตาละห้อย ความสงสารตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่อกจนเกือบจะยกอาหารเช้าของตัวเองไปให้ แต่กลับได้ยินเสียงอัสโมดายจากที่ไกลๆ สั่งห้ามเอาไว้ผมเลยทำได้แค่เลื่อนแก้วนมของตัวเองให้เจ้ามังกรตัวโตดื่มประทังชีวิต ส่วนตัวเองก็จัดการอาหารตรงหน้าไป

"เอ้อ แล้วนี่ใส่ชุดนักศึกษาทำไม"
ผมถามเมื่อคิดได้ว่าคนตรงหน้าอยู่ในเครื่องแบบนักศึกษา มือเรียวที่ถือแก้วนมอยู่ชะงักค้างก่อนจะลดลงแล้วส่งยิ้มหกว้างมาให้กัน

"ไปเรียนกับเจ้าไง จะได้มีเพื่อน"
คำตอบที่แสนเรียบง่ายแต่ทำให้ผมอึ้งไปนานับนาที จะเป็นยังไงกันนะถ้าพามังกรเข้าไปนั่งในห้องเรียน แถมหน้าตาแบบนี้อาจารย์ยังไม่คุ้นเคยอีกด้วย... บ้าไปแล้ว ถ้าเรื่องมันจะลำบากต้องอธิบายอะไรมากมายสู้ไปนั่งเรียนเงียบๆ คนเดียวดีกว่าไหมเนี่ย

"ผมไม่ได้ขอให้คาอินไปเรียนด้วยเลยนะ แล้วไม่มีใครรู้จักด้วย จะโดนอาจารย์ด่าเอาได้"

"เจ้าช่างเป็นคนวิตกกังวลเสียจริง เรื่องนั้นเราจัดการเองล่ะน่า"
มังกรพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้และไปยืนรอกันที่หน้าประตูห้องเรียบร้อย ผมได้แต่ส่าบหน้าอย่างอ่อนใจก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูและรีบหยิบไส้กรอกในจานมาคาบไว้และรีบวิ่งไปหยิบกระเป๋า คือจะสายแล้ว ไม่อยากคิดสภาพรถติดตอนเช้าเลย

หลังจากนั่งรถคนอื่นมานานและไม่เคยเอารถตัวเองที่จอดหลบมุมในตึกออกมาใช้เลย เจ้า Mini Cooper คันน้อยก็เหมือนจะงอแงเล็กน้อยเพราะปล่อยให้เจ้าของอย่างผมสตาร์ทอยู่นาน ในตอนแรกนึกว่ามังกรแสนขี้เล่นจะขอขับรถเองแต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวจะนั่งข้างๆ และมองทิวทัศน์ของเมืองหลวงเล่นแทน

ผมเคลื่อนรถออกจากตัวอาคารด้วยความไม่มั่นใจเล็กน้อยเพราห่างหายจากสกิลการขับรถมานานพอตัว ตอนแรกๆ ยังตะกุกตะกักเล็กน้อยแต่ออกถนนใหญ่ได้สักพักก็ลื่นไหลดี ไม่มีอะไรน่ากังวล

"เทวิน... โทรศัพท์เจ้าดังอีกแล้ว"
คาอินพูดโดยไม่หันมามองกัน ผมเหลือบทองหน้าจอสี่เหลี่ยมที่สว่างวาบก่อนจะเบ้ปากใส่ ไอ้เพลย์มันจะอะไรนักหนา แบตเตอร์รี่โทรศัพท์ลดฮวบเพราะมึงเลยไอ้เลว ไอ้ขี้ตื้อ รำคาญเว้ย!

"เพลย์อีกแล้ว ผมควรจะทำยังไงดีวะคาอิน"

"เรากินมันเข้าไปเลยดีไหม จะได้เลิกทำนิสัยแบบนั้นสักที"
ผมเบิกตาโพลงเพราะไม่คิดว่าคาอินจะพูดแบบนั้น บางครั้งก็ผวากลัวว่าเขาจะทำจริง ในเมื่อมังกรเป็นสัตว์กินเนื้อแม้แต่มนุษย์ก็คงไม่ละเว้นเช่นกัน

"ไม่ได้ๆ กินเข้าไปเดี๋ยวก็เรื่องใหญ่โต"
ผมบอกเสียงรัวจนลิ้นแทบจะพันกันเหยียบเบรกเหยียบคันเร่งสลับกันมั่วไปหมดเพราะเผลอสติแตกกลัวว่าวันใดวันหนึ่งคาอินเกิดโมโหกันขึ้นมาจะจับผมกินด้วยไหม... ยังไม่อยากเป็นอาหารมังกร ฮือ

"แค่คนหายสาบสูญ เจ้าอย่าคิดมาก"

"เฮ้ย คาอินนั่นล่ะคิดน้อย นี่โลกมนุษย์นะเว้ย"
ผมโวยเสียงดังเพราะยังตกใจจนควบคุมน้ำเสียงไม่ได้ มือที่จับพวงมาลัยก็สั่นขึ้นมาซะดื้อๆ ให้ตายเถอะ กลัวจนลนลานไปหมดแล้ว นี่คิดผิดหรือคิดถูกที่ปรึกษาเรื่องเพลย์กับเจ้ามังกรตัวนี้วะ

"เราล้อเล่นหรอกน่า เจ้านี่เหมือนกระต่ายตื่นตูม"

"ไม่ตกใจก็แปลกแล้ว"
ผมบ่นอุบอิบก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามหา'ลัย

การเข้าเรียนครั้งแรกของคาอินผ่านไปด้วยดีเพราะเจ้าตัวทำอะไรบางอย่างกับความทรงจำของคนทั้งคลาสให้รู้จักตัวเอง และพฤติกรรมของเขาทำให้ผมนึกถึงเพื่อนสนิทที่ชื่ออุ่นขึ้นมาจับใจ หน้าตาเบื่อหน่าย ปากอ้ากว้างเพราะหาว ดวงตาสีเหลืองปรือปรอยเมื่อบทเรียนเริ่มขึ้น เหมือนอย่างกับพิมพ์เดียวกัน แต่มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนกันคือคาอินไม่ฟุบโต๊ะหลับแต่กลับใช้ฝ่ามือเท้าคางไว้ มีความเนียนขั้นแอดวานซ์จริงๆ เชื่อเขาเลย

"คาอิน... หลังเลิกเรียนไปเดินห้างกันไหม"
ผมออกปากชวนในขณะที่คาอินปรือตาขึ้น รอจังหวะนี้เกือบสิบนาที มีความพยายามไหมล่ะ ดวงตาสีเหลืองเหลือบมองกันก่อนพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับทำให้ผมฉีกยิ้มกว้าง คำพูดที่ว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปของพวกเขาคงจริงนั่นล่ะ

หลังเลิกเรียนผมก็พามังกรตัวโตเข้าร้านบุฟเฟ่ต์เพราะคิดว่ามันคุ้มเกินคุ้มเสียอีกแต่กลัวว่าเขาจะไล่เราออกจากร้านนี่สิถ้าหากว่าคาอินกวาดอาหารหมดร้าน กลัวใจเขาจริงๆ นะเว้ย

"คาอิน... อย่ากินหมดทั้งร้านนะ"
ผมว่าเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะคีบเนื้อวัวขึ้นบนเตาย่างทีละชิ้น เจ้ามังกรมองตาวาวและนั่งรอด้วยใจจดจ่อ เอาจริงๆ มีคำถามหนึ่งที่ผมอยากรู้มาตลอดคือเขาอายุเท่าไหร่ ทำไมยังดูมีนิสัยเด็กน้อยติดตัวอยู่กันนะ




ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 10 -P.3- (13.11.2016)
«ตอบ #72 เมื่อ13-11-2016 16:42:45 »

"ผมถามอะไรบางอย่างได้ปะ"
คาอินเงยหน้าจากเตาขึ้นมองกันด้วยความสงสัย หัวคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้ถามได้ แต่ไอ้ตะเกียบในมือที่เคาะลงบนจานนั่น... หิวมากสินะ

"อ่า... ถามออกไปแล้วอย่าโกรธกันนะ"
ผมลองเชิงอีกครั้งก่อนจะได้รับสีหน้าหงุดหงิดกลับมา สงสัยจะทำให้มังกรโมโหหิวรำคาญเข้าแล้วล่ะ

"กลับด้านเนื้อย่างให้เราก่อนค่อยถาม!"
คาอินพูดด้วยเสียงจริงจัง ดวงตาสีเหลืองจ้องเขม็งราวกับบังคับกันจนผมรีบลนลานกลับด้านเนื้อย่างให้เขาอย่างรวดเร็ว จริงๆ เขาจะกินแบบดิบเลยก็ได้แต่มันประเจิดประเจ้อเกินไปเลยต้องใช้วิธีแบบมนุษย์พึงกระทำ

"ถามจริง... คาอินอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย"

"เราเหรอ... ขอคิดก่อนนะ"

"เอ่อ มันนานจนจำไม่ได้เลยเหรอ"

"ไม่ขนาดนั้นหรอกแค่ประมาณสี่ร้อยปีเอง"
ผมสำลักน้ำค่อกแค่กจนแสบคอไปหมด คาอินยังอุตส่าห์มีน้ำใจยื่นกระดาษทิชชู่มาให้โดยไม่โกรธสักนิดที่ทำน้ำกระเด็นใส่หน้าหล่อๆ ของเขา ก็ดีแล้ว กลัวว่าตัวเองจะเป็นอาหารมังกรจะตายอยู่แล้ว โฮ

"ตกใจอะไรขนาดนั้น เราแก่หรือไง"
น้ำเสียงถามกันสบายๆ เหมือนไม่เครียดเรื่องอายุสักเท่าไหร่ ก็คงจะอย่างนั้นล่ะ สามสี่ร้อยปีของพวกปีศาจนี่อาจจะเป็นเพียงแค่เด็กประถมก็เป็นได้ แล้วอย่างผมที่เกิดมาแค่ยี่สิบปีคงเทียบเท่าเด็กทารกของโลกเขาล่ะมั้ง...

"ถ้าเทียบกับอายุมนุษย์คงเทียบไม่ได้เพราะไม่มีใครอยู่ได้นานขนาดนั้นหรอก"
ผมว่าก่อนจะจัดการคีบเนื้อบนเตาย่างใส่จานของคาอิน เขายิ้มระรื่นก่อนจะใช้ตะเกียบคีบมันเข้าปากโดยไม่มีการเป่าใดๆ ทั้งสิ้นและดูเหมือนจะถูกใจกับรสชาติอยู่ไม่น้อยด้วย

"มนุษย์ที่ทำพันธะสัญญากับเจ้านายก็อยู่ได้นี่"
เขาพูดเสียงอุดอู้เพราะในปากเต็มไปด้วยเนื้อย่างจำนวนมาก ผมไม่ได้ว่าเขาเรื่องกินมูมมามเพราะคิดว่ามันไม่ได้น่าเกลียดอะไรสำหรับเด็กผู้ชายวัยกำลังเจริญเติบโตคนหนึ่ง ดูเขามีความสุขกับโลกมนุษย์ผมก็ดีใจ

"เช่นผมสินะ... แล้วปกติเขาต้องอยู่เป็นเพื่อนกันแบบนี้ไปตลอดหรือเปล่า"
ผมถามด้วยความสงสัย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงอัสโมดายต้องมีร่างแยกสิ เพราะผมเชื่อว่าจักรวาลนี้คงอยากมีคนเป็นอมตะอยู่นับไม่ถ้วนแน่ๆ แต่ท่าทางที่คาอินกำลังแสดงออกกลับทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจ เขาส่ายหน้า... หมายความว่ายังไงวะ

"เมื่อไหร่ที่ความปรารถนาเป็นจริงและมนุษย์ได้จ่ายบรรณาการที่เหมาะสม เมื่อนั้นพันธะสัญญาจะสิ้นสุดลงหรือพูดง่ายๆ ก็คือหมดหน้าที่ของปีศาจ แต่กับเจ้านั่นคือความต้องการของเจ้านายเอง ถือว่าเป็นสิทธิพิเศษก็แล้วกัน"
เขาอธิบายกันด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ผมกลับอ้าปากค้างเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองได้รับสิทธิพิเศษแบบนั้นจากปีศาจหรือว่าเห็นผมเป็นของเล่นที่ไม่รู้จักเบื่อกันแน่ กำลังจะเปล่งเสียงถามออกไปแต่กลับโดนเจ้ามังกรยกมือขึ้นแตะริมฝีปากเป็นสัญญาณให้เงียบซะอย่างนั้น

"อย่าถามต่อ เพราะเราไม่รู้ หรือถ้ารู้เราก็ตอบเจ้าไม่ได้หรอก"
เขาบอกก่อนจะผละนิ้วออกไปแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อ ผมได้แต่ลอบถอนหายใจยอมรับสภาพที่เป็นอยู่อย่างปลงตก ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตชั่วนิรันดร์จะเป็นอย่างไร แต่ถ้ามีคนที่เป็นอมตะอยู่เคียงข้างกันไปตลอดก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีแล้ว

มื้ออาหารเที่ยงจบลง คาอินถึงกับบ่นว่าอิ่มทำให้ผมได้แต่ยิ้มแหย่เพราะพนักงานมองเราอย่างกับจะตามมากระทืบกันเพราะกินเยอะเกินกว่าคนสิบคนกินเสียอีก พยายามเตือนเจ้ามังกรหลายต่อหลายครั้งก็ไม่ฟังกันเลยขี้เกียจจะห้ามเพราะคิดว่าเปลืองน้ำลายเปล่า ถ้าอัสโมดายอยู่ด้วยคงคุมสัตว์พาหนะของตัวเองได้อยู่หมัดแน่ๆ ว่าไปแล้วก็คิดถึงว่ะ... หายไปเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วนะ ถ้าเป็นคนธรรมดาผมคงวิ่งไปแจ้งความแล้ว

เรากำลังเดินทอดน่องในส่วนของซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของไปเติมในตู้เย็นที่กำลังจะหมด มังกรตัวโตตาลุกวาวเมื่อเห็นตู้แช่เนื้อขนาดใหญ่ ผมต้องถลาเข้าไปดึงแขนเขาเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเผลอทำอะไรประหลาดๆ จนคนรอบข้างหวาดกลัว

"อย่าทำหน้าประหลาดๆ ตอนเจอของกินดิ"
ผมขยับตัวเข้าไปกระซิบข้างหูทั้งๆ ที่ยังเกี่ยวแขนเขาไว้แน่น คนอื่นจะมองว่าเราเป็นคู่รักก็ช่างในเวลานี้ต้องหยุดยั้งมังกรเจ้าปัญหาไว้ก่อน และเหมือนเขาไม่เข้าใจที่ผมบอกสักเท่าไหร่เพราเอาแต่เอียงคอและใช้ดวงตาสีเหลืองมองกันด้วยความใสสี อยากจะจับมาเขกหัวนักแต่ไม่กล้าพอ กลัวโดนเขมือบซะก่อน ยังไม่อยากนอนในท้องมังกร

"เราทำหน้าประหลาดยังไงหรือ"

"เอ่อ... จะบอกว่ายังไงดีวะ ขอคิดก่อนนะ"
ผมลากเขาออกจากแผนกเนื้อสดแล้วตรงไปยังผัก ในหัวพยายามสรรหาคำพูดที่ทำให้เจ้ามังกรตัวนี้เข้าใจในสีหน้าที่แสดงออกมาของตัวเอง จะเสียเวลาลากเขาไปส่องกระจกก็กลัวว่าจะเดินไกลเกินไปหน่อย ถ้าให้พูดกันตามตรงหน้าเขาตอนนั้นเหมือน...

"ทำหน้าเหมือนคนหื่นกามเจอผู้หญิงสวย!"
เออใช่ แบบนั้นเลย ผมหันไปบอกเจ้ามังกรแบบนั้น เขาทำตาเหลือกก่อนจะไอค่อกแค่กเพราะสำลักอากาศเดือดร้อนผมต้องค่อยลูบหลังให้อีก สายตาคนรอบข้างก็มองเราแบบเหยียดๆ บางคนกรี๊ดออกมาเบาๆ หลากหลายความรู้สึกเหลือเกิน

"เราไม่ได้มีอารมณ์กับเนื้อสดพวกนั้นนะ!"
พอตั้งสติได้ก็แหกปากโวยวายจนผมใช้มือตะครุบแทบไม่ทัน กว่าจะทำให้สงบลงได้ก็แทบลงไปนอนกลิ้งกับพื้น อยากอ้อนวอนให้อัสโมดายกลับมาดูแลลูกอ่อนของตัวเองสักที นี่แค่วันเดียวนะ ถ้าเขาหายไปทำธุระสักอาทิตย์นึงผมคงตายซ้ำตายซากแน่ๆ

"ผมแค่เปรียบเทียบเว้ย ใครจะวิปริตมีอารมณ์กับเนื้อสดวะ"
ผมบ่นกระปอดกระแปดในขณะที่คาอินพ่นลมหายใจฟืดฟาดใส่กันและไม่ยอมให้จับแขนกันอีก นี่มังกรกำลังงอนมนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างผมอย่างนั้นเหรอ ควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่

"นี่คาอิน... ไม่งอนกันนะ"
ผมพยายามทำเสียงให้น่ารักและแตะมือลงบนหัวไหล่มน เขาเหลือบดวงตาสีเหลืองมองกันเล็กน้อยแล้วเมินใส่ แต่ดีหน่อยที่ไม่ปัดมือทิ้ง คงเริ่มอารมณ์เย็นลงแล้วล่ะมั้ง

"เจ้านี่มัน... ขยันทำตัวน่ารักเสียจริงๆ"
เสียงพึมพำเบาๆ นั่นผมได้ยินไม่ค่อยถนัด น่ารัดๆ อะไรสักอย่างฟังแล้วขนลุกเป็นบ้า

"คาอินว่าอะไรนะ"
ผมถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่ดึงมือไปประสานกันก่อนจะเป็นคนนำเดินไปซะอย่างนั้น ทำไมนิสัยเสียชอบตัดบทสนทนาดื้อๆ แบบนี้เนี่ย

"รีบเดินหน่อย"
เขาหันมาเร่งกันด้วยน้ำเสียงรีบร้อน ผมไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่แต่ก็ยอมซอยเท้าให้เร็วขึ้น สรุปในตะกร้าที่ถือมาด้วยยังคงว่างเปล่าอยู่อย่างนั้น สงสัยจะอดซื้อของอีกแน่ๆ

"ทำไมต้องรีบด้วยล่ะ นี่เรายังไม่ได้ซื้อของกันเลยนะคาอิน"

"เจ้าอยากเจอเพลย์อย่างนั้นหรือ"

"หา อะไรนะ เพลย์อยู่ที่นี่เหรอ"
ผมร้องออกมาด้วยความประหลาดใจก่อนจะเหลียวซ้ายแลขวาแต่กลับไม่เจอเพลย์ เริ่มกังวลว่าตัวเองอาจจะโดนสะกดรอยตามอยู่ก็เป็นได้

"อยู่ เรารับรู้ได้และอีกไม่นานเขาจะตามเรามา"
คำพูดของคาอินยิ่งทำให้ผมงงอย่างหนักแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเพราะต้องรีบเดินออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตและรีบตรงดิ่งกลับไปที่ลาดจอดรถ แต่เหมือนทุกสิ่งผิดคาดเมื่อร่างสูงของคนที่เราหนีมาตลอดกำลังยืนพิง Mini Cooper ของผมอยู่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง วันนี้ดูลักษณะภายนอกของเขาเปลี่ยนไป แถมยังรู้สึกว่ารอบตัวมีรังสีอะไรบางอย่าง....

"หนีผมไม่พ้นหรอกน่าเทวิน"
เขาขยับตัวยืนตรงแต่ไม่ได้ย่างก้าวเข้ามาหา ดวงตาคมจับจ้องที่มังกรตัวโตแทน ริมฝีปากหยักแสยะยิ้มจนผมนึกกลัวท่าทางไม่คุ้นเคยของเพลย์ เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ

"กูบอกมึงไปแล้วนะเพลย์ว่าถ้ามีอีกครั้งผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง"
ผมบอกเขาเพื่อทวนความจำอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปเสียหมดเพราะเพลย์ยังคงยื่นนิ่งแถมยังทำท่ากวนด้วยการใช้นิ้วแคะหูอีกด้วย

"แล้วยังไงเหรอครับ คิดว่าผมกลัวเหรอเทวิน"
เพลย์ขยับเท้าเข้ามาหาเป็นจังหวะกันที่คาอินขยับมาขวางไว้ ผมไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าสักเท่าไหร่ว่าทำไมมังกรต้องออกโรงปกป้องกันแบบนี้

"ถอยออกไปเดี๋ยวนี้"
คาอินพูดเสียงเด็ดขาดจนผมได้แต่เม้มปากแน่น เริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์กำลังตึงเครียด รังสีแปลกประหลาดทยอยหลั่งไหลออกจากตัวของเพลย์มาขึ้นจนผมสังเกตเห็นได้... ไม่จริงน่า เขาเป็นปีศาจเหมือนกันเหรอ

"ว้าว ออกโรงปกป้องแทนเจ้านายเหรอครับ น่าซาบซึ้งจัง"
คำพูดของเพลย์ไร้ความเกรงกลัวใดๆ ผมไม่อาจเปิดปากถามอะไรออกไปได้เมื่อความจริงของเขาปรากฏ ปีศาจในคราบมนุษย์ที่แสนแยบยล ดวงตาคมเปลี่ยนเป็นสีแดงวาบวับจนน่ากลัวว่าเลือดจะไหลออกมา

"อเมมอนส่งเจ้ามาสินะคาส"
อเมมอน... คาส... ชื่อหลังพอจะเดาได้ว่าเป็นใครแต่ชื่อแรกนั้นคงไม่ได้หมายถึงนายเหนือหัวของอัสโมดายใช่ไหม บอกทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง และผมไม่ใช่เหยื่อของปีศาจพวกนี้ ร่างกายสั่งการให้จับชายเสื้อของมังกรตรงหน้าไว้แน่นเพราสมองเริ่มสับสนและหวาดกลัวไปซะทุกอย่าง บริเวณนี้เงียบเชียบและไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตอย่างอื่นเข้ามารบกวน

"ว้า ทำไมคาอินเก่งขนาดนี้น้า ~ ราชามังกรแห่งนรก"

"เจ้าอย่าทำเสียงกวนประสาท"

"โอ่... แค่แหย่เล่นนิดหน่อยอย่าโกรธสิครับ"

"ต้องการอะไร"

"เทวินครับ ผมต้องการเขา"
ลมหายใจสะดุดกึกเพราะมีลางสังหรณ์บางอย่างบอกว่า 'คาส' ไม่ได้ต้องการตัวผมในรูปแบบความรักใคร่ แต่อาจเป็นเพราะรับคำสั่งจากใครบางคนมาเอาตัวไป อัสโมดายอยู่ที่ไหนกันนะเวลานี้ จะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างนั้นเหรอ หรือเป็นแผนการมอบผมให้กับอเมมอนเพื่อเป็นของบรรณาการกันนะ

"เพราะอะไรคาส ทำไมเจ้าต้องการเทวิน"
คาอินยังคงถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มือเรียวเลื่อนมากอบกุมมือผมไว้ราวกับปลอบประโลมให้เชื่อใจกัน ในใจภาวนาให้อัสโมดายรับรู้ถึงสถานการณ์ตอนนี้แล้วโผล่ออกมาสักที ผมเชื่อว่าราชามังกรตรงหน้าอาจจะสู้คาสไม่ได้

"อเมมอนไม่ชอบครับ ที่ดูเหมือนว่า 'สมบัติ' ของตัวเองกำลังนอกใจเลยให้ผมจัดการกับเทวิน"
เรี่ยวแรงที่เหนี่ยวรั้งชายเสื้อหลุดลุ่ยของคนตรงหน้าหล่นลงข้างตัว ผมเหมือนคนที่กำลังจมน้ำและไม่สามารถเอาชีวิตรอดขึ้นมาหายใจได้ ความคิดทุกอย่างกำลังตีรวนในสมองไปหมด อะไรคือกลัวว่าคนใต้บังคับบัญชาจะนอกใจ อะไรคือคำว่าจัดการกับผม... ฆ่าทิ้งอย่างนั้นเหรอ

"จะฆ่าเทวินหรือคาส อัสโมดายแหกอกเจ้าแน่ๆ"

"มิกล้าๆ แค่อยากสัมผัสเรือนร่างที่แสนบริสุทธิ์นั่นสักครั้งก็พอ"
คำตอบของคาสทำให้หัวใจผมกระตุกวูบ ความขยะแขยงกำลังแล่นริ้วไปทั่วร่างกายจนขนลุกชัน ความหวาดกลัวทำให้ขาเริ่มก้าวถอยหลังแต่ต้องสะดุ้งอย่างหนักเพราะชนเข้ากับใครบางคน

"เจ้าซุ่มซ่าม"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระซิบข้างหู ผมหันขวับกลับไปมองอย่างรวดเร็วและได้เจอเข้ากับอัสโมดายที่หายตัวไปเกินยี่สิบสี่ชั่วโมง หัวใจดวงน้อยกำลังเต้นรัวเพราะความตื่นเต้นและรู้สึกปลอดภัยเมื่อเจอเขา รอยยิ้มบางเบาบนริมฝีปากนั่นช่างงดงามเหลือเกิน

"อ อัสโมดาย"
ผมเรียกชื่อเขาเสียงตะกุกตะกักพยายามที่จะไม่หลีกหนีดวงตาสีแดงที่จ้องมองมา อัสโมดายดึงตัวผมเข้าสู่อ้อมกอดแข็งแกร่งและประคองใบหน้าให้ซุกลงบนอกโดยไม่สามารถมองเห็นภาพรอบข้างได้อีก และไม่นานนักเสียงร้องโหยหวนของคาสก็ดังขึ้นและเงียบหายไปอย่างรวดเร็ว... เขาคงจัดการปีศาจตนนั้นไปแล้ว





----------------------------------------------------------------------


ตอนนี้เหมือนรวมความเปิ่นของคาอินไว้ยังไงไม่รู้ 555555 ทำตัวเป็นเด็กน้อยมาก
อัสโมดายกลับมาแบบทันเวลาพอดีเล้ย... ไม่งั้นคาสคงลากเทวินไปแล้ว?

อ่านให้สนุกน้า

ออฟไลน์ W2P5

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 10 -P.3- (13.11.2016)
«ตอบ #73 เมื่อ13-11-2016 16:50:08 »

พระเอกคือใครกันนน  ปีศาจเมื่อกี้ลูกน้องเซนหรือ :katai1: :mew5: เปล่า

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 10 -P.3- (13.11.2016)
«ตอบ #74 เมื่อ13-11-2016 17:28:15 »

ยังคงมั่นใจว่าแอสโมดายคือเซน คาอินคืออุ่น

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 10 -P.3- (13.11.2016)
«ตอบ #75 เมื่อ13-11-2016 17:39:42 »

 :katai1:   ตกลงแล้ว เซน คือ เซน  หรือ คือ อัสโมดาย  แล้วยิ่งคาอินอีก  ให้ความรู้สึกที่เหมือน อุ่นเวอร์ชั่นเด็กน้อยมากอ่ะ  (ปล.แอบคิดว่าเป็นบาลอนรึเปล่า 555)
ส่วนเพลย์  สมน้ำหน้าาาาาา  :hao7:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 10 -P.3- (13.11.2016)
«ตอบ #76 เมื่อ13-11-2016 19:22:33 »

เซนคืออัสโมดายเถอะ :call: :call:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 10 -P.3- (13.11.2016)
«ตอบ #77 เมื่อ13-11-2016 21:53:57 »

ยิ่งอ่านยิ่งเดาไม่ถูก........ แต่มั่นใจว่าอัสโมดายคือเซนแล้วอุ่นก็คือคาอิน

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 10 -P.3- (13.11.2016)
«ตอบ #78 เมื่อ13-11-2016 22:32:14 »

จำได้ว่าคาอินเพิ่งบอกว่าอิ่มก่อนไปเดินซื้อของ...ทำไมตาวาวอีกแล้วล่ะ? ฮาาาาา

และ...นอกจากคาสแล้วรอบตัวเทวินยังมีปีศาจอีกไหมเนี่ย? ชีวิตมีสีสันละเกินนนน

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 11 -P.3- (18.11.2016)
«ตอบ #79 เมื่อ18-11-2016 16:58:10 »

ตำราบทที่ 11


'I need you only one'
ผมต้องการคุณเพียงคนเดียว




หลังจากวันที่เพลย์โผล่มาแสดงตัวว่าเป็นปีศาจนามว่าคาสนั้น อัสโมดายแทบไม่ห่างกายผมไปไหนเลยด้วยซ้ำ เหมือนว่าเขามีความระแวงอะไรบางอย่าง จะว่าเป็นห่วงกันคงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเจ้าตัวไม่ได้แสดงอาการแบบนั้นสักเท่าไหร่ ในตอนนี้ผมกำลังนั่งเหยียดขาอยู่ตรงสวนสาธารณะแถวๆ คอนโดเพื่อรับลมในตอนเย็นโดยมีปีศาจกับสัตว์พาหนะตามมาด้วย... ยิ่งกว่าตังเมซะอีก

"นี่... ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม"
ผมหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ กัน อัสโมดายเพียงแค่เลิกคิ้วแล้วพยักหน้าอนุญาตก่อนจะเบนสายตาไปจับจ้องบึงน้ำกลางสวนสาธารณะอีกรอบ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีอะไรดี ส่วนเจ้ามังกรเด็กน้อยวิ่งเล่นตะครุบแมลงไปเรื่อย คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเอาแต่หัวเราะ ส่วนสาวๆ กลับกรี๊ดกร๊าดในความน่ารัก อืม... หนุ่มหล่อทำแบบนั้นก็น่ารักนั่นล่ะ ผมไม่เถียง

"อเมมอน... ตามตัวอัสโมดายกลับนรกเหรอ"
ผมถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เพราะไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสองคนอยู่ในรูปแบบไหน แต่ภายนอกคือนายกับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วที่มันลึกลงไปกว่านั้นล่ะ ที่คิดมากเพราะคำว่า 'นอกใจ' จากปากคาสนั่นล่ะ

"ก็... ตามนั้น"
เขาตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะถือวิสาสะทิ้งตัวลงบนตักของผมโดยไม่ขออนุญาต ซึ่งก็ไม่แปลกเท่าไหร่ที่ปีศาจจะเอาแต่ใจแบบนี้ ดวงตากลมลอบมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยามนี้หลับตาพริ้มเหมือนต้องการพักผ่อน และนี่เป็นโอกาสดีสำหรับคนที่เผลอหลงใหลเขาจริงๆ ได้มองโดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ

"อ่า ไม่อยากกลับไปเหรอครับ"
ผมยังคงถามต่อไปเพราะความอยากรู้ มือเรียวเผลอยกขึ้นลูบเส้นผมสีดำเงางามนั้นเพียงแผ่วเบา ตอนแรกๆ ก็กลัวว่าการทำแบบนี้จะเล่นของสูงไปหรือเปล่า แต่ปีศาจกลับบอกกันว่า 'เจ้าสามารถลูบหัวเราได้ตามใจชอบ' แปลกดี ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวผมดูเหมือนจะมีอภิสิทธิ์เหนือใครๆ ทั้งนั้น

"ถ้าอยากกลับไปคงไม่อยู่กับเจ้าเหมือนทุกวันนี้หรอก"
คำตอบแสนเอาแต่ใจจนผมต้องย่นจมูกใส่ เกลียดความรู้สึกตัวเองที่เหมือนหัวใจพองโตอย่างน่าประหลาด หรือจะเรียกว่าหลงใหลปีศาจจนโงหัวไม่ขึ้นกันนะ ทั้งๆ ที่สมองร้องตะโกนอย่างหนักว่าห้ามตกหลุมพราง แต่สุดท้ายความรู้สึกก็ห้ามกันไม่ได้ ถึงแม้จะรู้ว่าสักวันคงเสียใจ เพราะปีศาจไร้หัวใจและไร้รัก

"เลือกอยู่กับคนอื่นได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องเป็นผมเลย"
ดวงตาสีแดงเรืองรองเปิดขึ้นเพื่อมองสบตากันในขณะที่ผมยังก้มหน้ามองเขาอยู่ อยากหลบสายตานั่นแทบแย่แต่เหมือนมีแรงดึงดูดที่ยากจะจัดขวาง อีกแล้ว...

"วันนี้หมดสิทธิ์สงสัยแล้ว"
ปีศาจพูดจบก็ยกมือขึ้นมาดีดกลางหน้าผากกันเบาๆ แล้วยกยิ้มมุมปากที่แทบทำให้ใจละลาย ผมเบนหน้าหนีแล้วแสร้งทำเสียงฮึดฮัดราวกับไม่พอใจ ทั้งๆ ที่หัวใจเต้นรัวจนเจ็บอกไปหมด อยู่ด้วยกันไม่กี่วันยังเป็นได้ถึงขนาดนี้ อีกไม่นานผมคงไม่สามารถถอนตัวไปรักใครได้อีกแน่ๆ บ้าจริง

"งก คนจะสงสัยห้ามได้ด้วยหรือไง"
ผมบ่นพึมพำโดยไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายที่ยังไม่ยอมเคลื่อนตัวออกไปไหน คาอินกำลังสาวเท้าเข้ามาหากันด้วยใบหน้าระรื่นแววตาสีเหลืองสดใสส่อแววล้อเลียรอย่างไม่ปิดบัง อยากตะโกนไล่คนบนตักแต่กลัวว่าจะโดนฆ่าซะก่อน ทำไมทรมานกันแบบนี้วะเนี่ย

"หึ"
อัสโมดายหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งท่วงท่าเดิมก่อนที่เจ้ามังกรตัวยุ่งจะถลาลงมานอนกลิ้งตรงหน้าพวกเรา แล้วหันมาจ้องผมตาเป็นมัน แทนที่จะล้อเลียนเจ้านายตัวเองกลับเบนเข็มมาเป็นคนที่โดนกระทำซะอย่างนั้น

"นี่... เกรงใจมนุษย์คนอื่นบ้างสิ พลอดรักกันกลางที่แจ้งไม่ดีนา ~"
มังกรเจ้าเล่ห์พูดด้วยน้ำเสียงทะเล้นจนผมหันกลับไปถลึงตาใส่ก่อนจะผลักไหล่แรงๆ ไปเพราะความว้าวุ่นในใจ ดวงตากลมเหลือบมองผู้ถูกพาดพิงอีกคนไปด้วย แต่เขากลับนิ่งเงียบไม่รับรู้สิ่งใดๆ ลักษณะนิสัยคล้ายๆ กับเซนไม่ผิดเพี้ยนจริงๆ แต่ติดจะขี้เล่นมากกว่าเท่านั้นเอง

"ใครพลอดรัก คิดไปเองทั้งนั้นล่ะคาอิน!"
ผมพูดเสียงลอดไรฟันแล้วเสมองไปทางอื่นอีกครั้ง ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงสักเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายคนที่แพ้ก็คือคนที่คิดจริงและหวั่นไหวจริง ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองใจง่าย แต่ความใกล้ชิดค่อยๆ เพิ่มความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจแทบทุกวินาทีโดยที่ปีศาจไม่ต้องทำอะไร ลำเอียงเนอะ

"หวั่นไหวกับปีศาจไม่ดีนะ..."
คาอินขยับขึ้นมานั่งข้างๆ กันและผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นเองว่าอัสโมดายย้ายไปยืนอยู่ริมบึงที่ห่างออกไปเป็นสิบๆ ก้าวแล้ว พระอาทิตย์ยามเย็นยังคงส่องแสงสีส้มอ่อนเรืองรองไปทั่วท้องฟ้า มันใกล้ลาลับโลกนี้เต็มทน ถ้าสังเกตสักหน่อยจะพบว่าพระจันทร์คอยท่าอยู่แล้ว

"ก็นะ... มีวิธีถอนตัวให้ผมไหมล่ะคาอิน"
ผมถามก่อนจะทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างของปีศาจ บางครั้งเขาก็ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับใครบางคนที่ผมเคยรัก แต่จำไม่ได้ซะแล้วว่าคนๆ นั้นคือใคร คิดเท่าไหร่ก็เจอแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น

"ไม่มีหรอก วิธีไร้สาระแบบนั้น คู่พันธะสัญญาจะหลงรักกันก็ไม่แปลก... ไม่สิ มีแค่มนุษย์เท่านั้นล่ะ"
ผมถึงกับอ้าปากค้างกับคำตอบของคาอิน อะไรมันจะโคตรลำเอียงขนาดนี้ไม่ทราบ มีคนที่ต้องรู้สึกและจมปรักอยู่แค่ฝ่ายเดียวอย่างนั้นเหรอ ผมควรยกเลิกพันธะสัญญาไหม... แต่มันต้องแลกกับอะไรอีกเท่าไหร่กันล่ะ บางครั้งอาจจะหมายถึงชีวิตทั้งชีวิตทั้งชีวิตที่พยายามยื้อไว้ก็เป็นได้

"ลำเอียงเนอะ"
ผมพึมพำออกมาเบาๆ สายตายังคงจับจ้องปีศาจที่ในขณะนี้กางแขนออกกว้างราวกับโอบกอดธรรมชาติและพยายามซึมซับมันเอาไว้ ถึงจะบอกไปว่าโลกนี้ลำเอียงมากแค่ไหนแต่ต้องยอมรับว่าถึงหวั่นไหวแค่เพียงคนเดียวก็เต็มใจ

"เราไม่คิดว่าลำเอียงหรอกนะ ปีศาจทุกตนเกิดมาพร้อมรูปโฉมงดงามเพียงเพื่อหลอกลวงให้ทุกสรรพสิ่งลุ่มหลงแล้วล่วงหล่นลงสู่นรก บางครั้งแม้แต่ญาติสนิทมิตรสหายก็ไม่เว้น"
ผมขมวดคิ้วยุ่งเมื่อได้ฟังเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ ปีศาจมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับคนที่อยู่นอกเหนือจากนรกด้วยอย่างนั้นเหรอ... และเหมือนว่าคาอินจะเดาสิ่งที่ผมสงสัยออกเขาเลยอธิบายต่อ

"บางครั้ง ปีศาจก็เกิดจากพ่อหรือแม่ที่เป็นมนุษย์ได้เหมือนกัน นานวันไปเจ้าอาจจะได้รู้เรื่องพวกนี้เพิ่มขึ้นก็เป็นได้ ฮ่า... แต่ตอนนี้เรากลับห้องกันเถอะ พระอาทิตย์ตกดินแล้ว"
เขาตัดบทก่อนจะลุกขึ้นปัดเศษหญ้าออกจากก้นแล้วตะโกนเรียกอัสโมดายที่ไม่มีท่าทีจะขยับไปไหนให้กลับพร้อมกัน ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วลุกขึ้นอย่างไม่อิดออดเดินตามพวกเขาไปเงียบๆ

ภายในรถเงียบสนิทจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจดังสลับกัน ชวนให้รู้สึกอึดอัดยังไงชอบกล แต่ก่อนจะออกรถผมเหลือบสายตาไปเห็นที่ปัดน้ำฝนยังไม่ได้เอาลง ใครดึงขึ้นเนี่ย

"ผมลงไปจัดการที่ปัดน้ำฝนก่อนนะ"
ผมบอกก่อนจะทำท่าลงจากรถแต่มือเรียวของอัสโมดายกลับรั้งไหล่กันไว้แล้วส่งสัญญาณให้คาอินลงไปแทน ด้วยความสงสัยทำให้หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นเชิงถามอีกคนว่าทำไมไม่ยอมให้เจ้าของรถลงไปเอง แต่คำตอบที่ได้กลับมานั้นทำให้ผมต้องตัวแข็งทื่อแทบทันที

"คาส..."
แค่ชื่อที่ได้ยินออกจากปากของเขาเพียงเท่านั้นก็ตอบทุกอย่างได้โดยง่ายไม่ต้องอธิบายขยายความอะไรทั้งนั้น ผมหวาดระแวงและเริ่มหันมองไปรอบๆ ตัว ทั้งที่ถนนสายนี้เปิดไฟสว่างแต่กลับเงียบเชียบผิดปกติ เวลาเพิ่งจะหนึ่งทุ่มทำไมผู้คนถึงหายไปหมด มันพิสดารเกินไปแล้ว

"อีกแล้วเหรอ... คาสจะตามผมไปถึงไหนกัน"
ผมว่าด้วยน้ำเสียงสั่นๆ บอกตามตรงว่าแค่ไล่อัสโมดายกลับไปในที่ที่เขาควรอยู่เรื่องมันจะจบด้วยดี แต่เชื่อไหมว่าคนที่เกิดปัญหากลับปากหนักและไม่ออกปากไล่ กลัวว่าถ้าเขากลับไปแล้วจะหายไปตลอดกาล ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมตายแน่ๆ หัวใจน่ะนะที่ตาย

"ถึงเราจะยอมกลับไปกับคาส เจ้าก็คงไม่รอดอยู่ดีล่ะเทวิน รู้ตัวหรือเปล่าว่าวิญญาณของเจ้ามันช่างหอมหวนและดึงดูดปีศาจตนอื่นมาแค่ไหน"
คำบอกเล่ากึ่งคำถามทำให้ผมตัวแข็งทื่อ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองจะมีอะไรดึงดูดปีศาจพวกนั้นได้เลย ก็เป็นแค่คนธรรมดาที่รอดตายหวุดหวิดมาได้ครั้งหนึ่งก็เท่านั้นเอง อุบัติเหตุรถชนเมื่อหลายปีก่อน เพื่อนสามคนตายผมรอดคนเดียว...

ผมกำลังจะอ้าปากตอบอัสโมดายแต่เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นทำให้สะดุ้งสุดตัว เหลือบหางตาไปเห็นว่าเป็นคาอินจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะยอมกดปุ่มลดกระจกลง

"ขยับไปนั่งด้านหลัง เดี๋ยวเราขับรถเอง"
คาอินพูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อนจนผมที่ยังสงสัยอดถามกลับไปไม่ได้ แต่พอจะอ้าปากกลับโดนอัสโมดายดึงคอเสื้อด้านหลังไว้ แค่ก... เกือบหายใจไม่ออกแล้วนะเว้ย

"อย่าเพิ่งถาม รีบข้ามไปเร็วเข้า"
เขาละมือออกจากคอเสื้อในขณะที่ผมหันไปจ้อง เจอดวงตาสีแดงเข้าให้เลยรีบสงบปากสงบคำแล้วปีนจากเบาะหน้าไปสู่ด้านหลังแทบจะทันที คาสอดตัวเข้ามาและเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว คือเกรงใจคนที่ยังตั้งหลักไม่ได้บ้างสิเว้ย หัวโหม่งเบาะด้านหลังจนมึนไปหมดเแล้วเนี่ย ดีแค่ไหนที่ไม่ชนเข้ากับกระจก

"โอย เบาๆ ไม่ได้หรือไงวะ ผมยังไม่นั่งเลยนะเว้ย"
ผมบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะพาร่างกายที่กระแทกเข้ากับเบาะหลังนั่งประจำที่ดีๆ บิดซ้ายบิดขวาเพื่อไล่ความปวดเมื่อยทั้งหมดออกไป ใบหน้าบูดบึ้งเมื่อไม่มีใครเห็นใจสักคน เอาแต่ทำหน้าตึงไม่พูดไม่จาแถมยังขับรถไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางกลับคอนโดอีก

"นี่... จะไปไหนกัน พูดอะไรบ้างดิ"
ผมว่าก่อนจะยื่นหน้าไประหว่างเบาะทั้งสอง คาอินยังคงตั้งหน้าตั้งตาเหยียบคันเร่งที่ไมล์ทะลุไปร้อยสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง เห็นตัวเลขแล้วหัวใจหล่นอยู่แทบเท้า ถ้ามีอะไรทะเล่อทะล่าออกมาตอนนี้คือเบรกไม่ทันแน่นอน

"บะ เบาๆ หน่อย มันอันตราย"
ผมพูดเสียงสั่น ไม่กล้าใช้อารมณ์รุนแรงเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศตอนนี้ช่างอึมครึมและเต็มไปด้วยความเครียดมหาศาล ทำตัวไม่ถูกจนต้องมองออกไปนอกรถก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นอะไรบางอย่างวิ่งตามมา ไอ้เหี้ย! ตัวบ้าอะไรยั้วเยี้ยคล้ายโครงกระดูกคนแต่มีน้ำสีดำๆ แดงๆ ไหลเยิ้มจนน่าขยะแขยง กะคร่าวๆ ด้วยสายตาน่าจะประมาณสิบตัว

"เฮ้ย ตัวอะไรเนี่ย!!"
ผมแหกปากลั่นขยับไปด้านหน้าจนแทบจะปีนเบาะไปนั่งตักอัสโมดาย เขาหันมามองกันก่อนจะใช้มือเรียวลูบหัว ไม่เอาความอ่อนโยนตอนนี้ได้ไหมวะ มันไม่เข้ากับสถานการณ์เลยไง แต่ต้องยอมรับว่ามันทำให้ความตื่นตะหนกเมื่อครู่คลายลงไปมากจริงๆ

"แค่ลูกสมุนชั้นต่ำที่อเมมอนส่งมาเล่นกับเราก็เท่านั้นล่ะ"
เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ต้องกลัวอะไร แต่ถ้าเขาจัดการได้ทำไมเราต้องหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้ด้วยล่ะ

"ทำไมเราต้องหนี..."
ผมถามเสียงสั่นและเผลอจับมือของอัสโมดายเอาไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากเอามือเขามาแนบแก้มไว้แบบนี้ บ้าไปแล้ว ทำไมต้องอยากอ้อนเขาขนาดนี้ด้วยวะ

"ก็แค่เล่นด้วยเท่านั้นเอง อีกไม่นานเรื่องก็จบ"
เขาตอบแบบกั๊กสุดตัวจนทำให้ผมไปต่อไม่ถูก รู้อยู่แก่ใจว่าถามอะไรไปคงไม่ได้อะไรไปมากกว่านั้น สุดท้ายแล้วก็ต้องปล่อยเลยตามเลย และเรื่องก็จบง่ายอย่างที่อัสโมดายว่าจริงๆ แค่พริบตาเดี๋ยวที่เขาลงจากรถแล้วโบกมือแค่ครั้งเดียว ทุกอย่างก็หายวับไปกับตาเหมือนไม่เคยมีตัวประหลาดนั่นอยู่บนโลกนี้มาก่อน

เรากลับไปที่คอนโดตอนเกือบสามทุ่มเล่นเอาคาอินที่ออกลวดลายขับรถถึงกับนอนแผ่บนโซฟาอย่างหมดสภาพ ผมอดไม่ได้ที่จะเข้าไปแซวเจ้ามังกรยักษ์นั่นว่าเหนื่อยเป็นกับเขาด้วยหรือไง

"เหนื่อยเหรอคาอิน"
ผมทักก่อนจะวางอาหารมื้อดึกลงที่โต๊ะตัวเล็ก เขาดีดตัวลุกขึ้นทันทีเมื่อได้กลิ่นอาหาร สเต็กเนื้อมีเดียมแรร์ชิ้นโตทำให้เจ้ามังกรทำตาเป็นประกายวาววับ และยิ่งเป็นฝีมือของอัสโมดายด้วยแล้วทุกอย่างจึงออกมาดีมาก

"เหนื่อยมาก แทบจะกินวัวได้ทั้งตัว!"
เขาว่าเสียงดังและพอดีกับที่อัสโมดายวางจานผักสลัดลงบนโต๊ะ ดวงตาสีเหลืองฉายแววขยะแขยงแทบจะทันที เดาว่าไอ้มังกรเกลียดผักแน่ๆ

"วันนี้เจ้าต้องกินผัก"
จานผักถูกเลื่อนไปตรงหน้าคาอิน เขาเบ้ปากแล้วใช้มือเลื่อนจานมาให้ผมแทน สรุปว่าขัดคำสั่งอัสโมดายแถมให้คนอื่นจัดการแทนอีก คืออะไรวะ ไม่กลัวโดนทำโทษบ้างหรือไง

"หึ ท่านก็รู้ว่าเราไม่กินผัก ทำไมต้องยัดเยียด"
คาอินบ่นงุ้งงิ้งเหมือนเด็กน้อยที่กำลังโดนพ่อแม่บังคับให้กินผัก ใบหน้าหล่อบูดเบี้ยวไปหมดจนผมเผลอขำออกมาเบาๆ ทั้งตลกทั้งน่ารัก โอย... อยากจับบีบแก้ม เกือบจะเอื้อมมือออกไปแล้วถ้าไม่โดนดวงตาสีแดงก่ำจ้องมา หวงเหรอ ไม่จับก็ได้วะ

"อย่าดื้อ บอกให้กินก็กินเข้าไป อย่าให้เราต้องใจร้าย"
อัสโมดายว่าด้วยน้ำเสียงเย็นแล้วเลื่อนจานผักสลัดกลับไปให้คาอินอีกครั้ง และเลื่อนจานสเต็กเนื้อมาให้ผมแทนอีก กลิ่นหอมหวนของเนื้อชั้นดีเกือบทำให้น้ำลายหยด อาวุธส้อมมีดโดนยื่นมาให้อีกครั้งด้วยรอยยิ้มบางๆ

"กินซะ"
เขาบอกเพียงสั้นๆ แล้วยัดอาวุธลงในมือของผมแล้วเดินออกไปที่ริมระเบียง สงสัยหลายต่อหลายครั้งว่าเขาทำอาหารให้พวกเรากินแต่เขากลับไม่แตะมัน พอจะรู้ว่าอิ่มทิพย์แต่... รสชาติที่ได้ลิ้มลองมันโคตรมหัศจรรย์จริงๆ

"ขอเนื้อหน่อย"
เสียงของคาอินทำลายความคิดฟุ้งซ่านของผมแทบจะทันที ดวงตาสีเหลืองมองชิ้นเนื้อหอมกรุ่นอย่างอ้อนวอน เกือบจะใจอ่อนอยู่แล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงอัสโมดายดุออกมา...

"ห้ามทำตามที่คาอินบอก ไม่อย่างนั้นทั้งมนุษย์ทั้งมังกรจะโดนงดอาหาร"
ผมรีบยกจานสเต็กของตัวเองหนีทันที ไอ้การโดนงดอาหารทุกมื้อมันแย่ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ไอ้ครั้นจะลงมือทำเองก็ไม่อร่อยเท่าที่อยากกิน จะให้ไปซื้อมากินเองก็ไม่อยากทำเท่าไหร่ สรุปง่ายๆ คือติดใจฝีมือการทำอาหารของปีศาจแล้วนั่นเอง และเขาก็รู้ตัวเลยใช้คำขู่นี่ได้ผล เกลียดชะมัด!

"ฮือ! ทำไมท่านชอบขัดใจเราตลอด เอาใจแต่เทวินๆ"
ผมอ้าปากหวอเมื่อคาอินงอแงเป็นเด็ก แถมยังลงไปชักดิ้นชักงอจนผมกลัวว่าโต๊ะจะพังอีก... ถ้าสลัดหกขึ้นมาคงมีการลงโทษครั้งยิ่งใหญ่แน่ๆ

อัสโมดายไม่ได้ตอบในทันทีแต่กลับเดินเข้ามายืนข้างๆ แล้วใช้สายตาเรียบเฉยมองคาอินที่ยังไม่ยอมหยุดดิ้นสักที เขาไม่ได้ดุด่าต่อว่ากับพฤติกรรมไม่ควรอะไรทั้งนั้น เงียบสงบแบบนี้น่ากลัวกว่าโดนถูกด่าอีก

"เทวินเป็นคู่พันธะสัญญาของเรา ส่วนเจ้าเป็นแค่สัตว์พาหนะ"
เพียงแค่นั้นก็ไม่ต้องอธิบายความสำคัญอะไรต่ออีกแล้ว ถึงจะรู้สึกดีนิดหน่อยที่เขาดูแลผมดี แต่สงสารเจ้ามังกรนี่สิ มีเจ้านายใจดำชะมัดเลย...

"ใช่สิ ท่านไม่ได้รักเราเหมือนที่ท่าน... อุบ"
คาอินหยุดพูดไปทันทีเมื่อเท้าสวยๆ ของอัสโมดายเตะเข้าที่สีข้างไม่เบาไม่แรงมากนัก ใบหน้าหล่อเหล่าเหยเกจนผมต้องรีบวางจานสเต็กแล้วเข้าไปพยุง ปีศาจทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากแล้วเดินผ่านเข้าห้องนอนไปซะอย่างนั้น ถ้าเป็นคนเหมือนๆ กันผมคงด่าเขาไปแล้ว

"เจ็บมากปะเนี่ย"
ผมถามในขณะที่คาอินยังชักสีหน้ายุ่งเหยิงไม่เปลี่ยน ดูเหมือนเขาไม่ได้เจ็บอะไรสักเท่าไหร่แต่แค้นเคืองในใจมากกว่า เพราะสายตาที่มองไปตรงประตูห้องนอนแข็งกร้าวจนน่ากลัว

"ไม่เจ็บ เจ้าระวังตัวไว้เถอะเทวิน สักวันเราจะลักพาตัวเจ้า"
ดวงตาสีเหลืองตวัดกลับมามองผมด้วยท่าทางจริงจัง ไม่เข้าใจว่าไปเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะเนี่ย แค้นอัสโมดายก็ไปลงที่เขาสิมาลงที่ผมทำไมล่ะเนี่ย

"เกี่ยวอะไรกับผมเนี่ย"
ผมขมวดคิ้วแน่นมองเขาแล้วผละตัวออกมาตั้งหลัก คาอินยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วขยับเข้ามาใกล้กันก่อนจะออกแรงผลักให้ผมนอนราบลงกับพื้นแล้วเขาคร่อมไว้... เชี่ยอะไรอีกเนี่ย

ดวงตากลมเบิกกว้างพยายามผลักมังกรตัวยักษ์ออกไป แต่คาอินกลับโน้มหน้าลงมาต่ำจนผมหลับตาปี๋ไม่กล้ามองว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงกระซิบดังขึ้นข้างหู

"ขอแกล้งอัสโมดายหน่อยนะ"

"ละ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมด้วยล่ะ"

"หืม เกี่ยวกับเจ้าเต็มๆ เลย ยังไม่รู้ตัวอีก"

"อะ อะไรนะ หมายความว่ายังไง"

"หมดเวลาจะถามแล้ว"
สิ้นคำพูดนั้นเขาก็ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเราชนกัน ลมหายใจอุ่นร้อนตกกระทบใบหน้าจนผมได้แต่หลับตาแน่นขึ้นกว่าเดิม ไม่กล้ากระดุกกระดิกไปไหนเลยสักนิดเพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรมากกว่านั้น หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตา... อัสโมดายออกมาจากห้องแล้วแน่ๆ

"คาอิน"
เสียงเรียกชื่อมังกรบนร่างผมย้ำเตือนได้เป็นอบ่างดีว่าอัสโมดายอยู่ใกล้กันแค่ไหน ใกล้จนหายใจรดใบหน้าผมอีกคนแล้วเนี่ย โอย อยากเห็นสภาพตรงหน้าใจจะขาดแต่ไม่กล้าลืมตาอะ ทำยังไงดี กลัวจะตายไปซะก่อนที่เห็นพวกเขาอยู่ใกล้ขนาดนี้

"หืม... ท่านมาขัดจังหวะน้า เรากำลังแสดงความรักกับเทวินอยู่"
เจ้ามังกรว่าเสียงติดทะเล้นอย่างไม่กลัวเกรงเท่าไหร่ ผมพยายามปรือตาขึ้นมองแล้วพบว่าเขากำลังจ้องมิงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านไปมาด้วยล่ะ... จะลงมือฆ่ากันเสือดสาดไหมเนี่ยผมกลัวใจเขาจริงๆ นะเว้ย

"เจ้าไม่มีสิทธิ์จะพูดหรือทำแบบนี้"
น้ำเสียงเย็นยังคงเอ่ยต่อ เขายังสงบนิ่งไม่เอะอะโวยวายหรือทำร้ายร่างกายคาอินแต่อย่างใด นั่นไม่ได้ทำใจผมเบาใจเลยแม้แต่นิดเดียวในเมื่อหางตาดันเหลือบไปเห็นว่าอัสโมดายกำหมัดแน่นแค่ไหน นี่เขาหวงผมหรือหวงเจ้าคาอินกันแน่นะ

"ท่านก็แค่คู่พันธะสัญญาน้า ไม่ได้เป็นเจ้าของหัวใจเทวินสักหน่อย"
น้ำเสียงคาอินยังยียวนไม่เลิก ผมไม่ได้ห้ามปรามเพราะในใจกลับอยากรู้เหมือนกันว่าอัสโมดายจะตอบอะไรกลับมา เขาไม่ใช่เจ้าของหัวใจก็จริง แต่จิตใต้สำนึกกำลังส่งเสียงบางอย่างเตือนว่าบางครั้งเขาอาจจะใช่ในอีกไม่นานนี้ และมีบางอย่างทำให้คุ้นเคยและเผลอนึกไปถึงเซนเวลาที่อุ่นเข้าใกล้ผมแบบนี้ จะเรียกว่าหวงได้หรือเปล่านะ แต่กับเซนผมไม่รู้สึกอะไรกับเขานี่... ใช่ไหม สับสนว่ะ เหมือนอะไรบางอย่างถูกขโมยอาจจะเป็นความรู้สึกบางส่วนต่อคนบางคน

"เลิกเล่นได้แล้วคาอิน อย่าให้เราต้องใช้กำลัง"
ผมเริ่มหายใจติดขัดเมื่อได้ยินคำขู่ รู้แน่ๆ ว่าเขาต้องทำจริงๆ อยากจะบอกว่าคาอินแค่แกล้ง แต่ปากหนักพูดไม่ออกซะอย่างนั้น ไอ้แต่นอนหายใจแรงแล้วกรอกตาไปมาด้วยความหวาดระแวง ถ้าจะต่อยกันก็ถอยห่างผมไปก่อนได้ไหมครับคุณ...

"ไม่เล่น กำลังเอาจริง ถ้าท่านไม่ได้ชอบเทวินก็ปล่อยเขาให้ผม"

"คาอิน... เจ้ากำลังพูดไม่รู้เรื่อง"

"เราพูดในสิ่งที่ท่านก็รู้อยู่แก่ใจนะอัสโมดาย"

"ออกไปคุยกับเราข้างนอก"

"หึ"
จบประโยคทั้งปีศาจทั้งมังกรก็พากันเดินไปที่ระเบียง อยากจะแอบฟังสักหน่อยแต่ดูเหมือนเขาจะรู้ทันเลยเอื้อมมือเลื่อนประตูกระจกปิดลง ผมลุกขึ้นนั่งพลางจัดเสื้อผ้าและทรงผมให้เข้าที่ ว่าจะเลิกสนใจแต่ทำไม่ได้ในเมื่อคำถามของคาอินยังวนเวียนอยู่ในความคิด อัสโมดายจะชอบผมเหรอ เขาอาจจะชอบก็ได้ แต่ชอบเพราะดวงวิญญาณอันหอมหวาน ไม่ใช่พิศวาสจะรักอะไรแบบนั้น

ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวเลยละสายตาจากทั้งคู่แล้วเลือกเดินไปอาบน้ำ เผื่อจะทำให้ความคิดฟุ้งซ่านจางหายไป แต่เมื่อยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่กลับเห็นใบหน้าอิดโรยของตัวเอง ไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้นแต่เซื่องซึมอย่างเห็นได้ชัด ผมยกมือขึ้นลูบแก้มอย่างแผ่วเบาพยายามถ่ายทอดความอบอุ่นให้ถึงหัวใจ แต่มันกลับไม่เป็นผลในเมื่อถอนตัวจากการหลงใหลปีศาจไม่ได้

"ปล่อยตัวเองตายๆ ไปตั้งแต่วันนั้นคงไม่เป็นคนบ้าแบบทุกวันนี้มั้ง"
ผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะยิ้มเยาะให้กับความผิดพลาด การไขว่คว้าจะมีชีวิตโดนการแลกเปลี่ยนกับปีศาจมันไม่คุ้มเลยแม้แต่นิดเดียว ผลที่ตามมามันน่ากลัวทั้งความโดดเดี่ยว ความสัมพันธ์ หรืออะไรหลายๆ อย่างในชีวิตจะเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น ตอนนี้มันก็ดีที่อัสโมดายยังอยู่เคียงข้างกัน แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเขาตัดสินใจจะทิ้งผมเอาไว้ล่ะ... ในตอนนั้นผมคงไม่เหลือใครที่เคยรู้จักบนโลกนี้อีกแล้ว

"เฮ้อ ฟุ้งซ่านว่ะ อาบน้ำดีกว่า"
ผมบอกกับตัวเองก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกแล้วก้าวลงในอ่างน้ำขนาดใหญ่ก่อนจะคว้า Bath Bomb ทิ้งลงในอ่าง กลิ่นหอมของดอกไม้กระจายฟุ้งจนผมเผลอปิดเปลือกตาสนิทเพื่อผ่อนคลาย แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าสติสัมปชัญญะจางหายไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนโดนฝ่ามือนุ่มๆ ตบลงบนแก้มนั่นล่ะ

ผมปรือตาขึ้นแล้วไอโขลกออกมา ทำให้อัสโมดายรีบพยุงให้นั่งพิงหัวเตียงแทบจะทันที ดูจากท่าทางของทั้งสองคนแล้วเหมือนเพิ่งเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นเลย ผมแค่หายไปอาบน้ำเองนะ พลาดเรื่องอะไรไปหว่า

"เป็นยังไงบ้าง"
คำถามแรกจากคาอินทำให้ผมขมวดคิ้วแน่น งงไปหมดกับสถานการณ์นี้ ก็จำได้ว่ากำลังอาบน้ำอยู่แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยู่บนเตียงและมีเสื้อผ้าอยู่บนตัวเรียบร้อยขนาดนี้ ผมย่นคิ้วและเอียงคอมองพวกเขาสลับกันไปมาก่อนจะตั้งคำถามที่สงสัยออกไป

"เกิดอะไรขึ้นเหรอ"
ผมถามด้วยความงุนงงแต่ได้ท่าทางประหลาดใจของอัสโมดายและคาอินกลับมา ผ่ามือนุ่มประทับลงบนหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่นที่ริมฝีปากนั้นจะขยับเอ่ยถามกัน อัสโมดายนี่เสน่ห์เหลือร้ายจริงๆ ให้ตายเถอะ

"เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือว่า... จมน้ำ"

"ห๊ะ ผมเนี่ยนะจมน้ำ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย"
ผมตอบด้วยเสียงตื่นตกใจ ก็จำได้ว่าหลับตาไปแต่หลังจากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรจริงๆ นั่นล่ะ แต่คนจมน้ำมันต้องตื่นสิวะถ้าไม่ถูกวางยา ยิ่งคิดยิ่งงงหนักเข้าไปอีก และคำตอบก็ทำให้อัสโมดายตีสีหน้าเครียดมากว่าเดิมอีก คาอินเม้มปากเข้าหากันแล้วถอนหายใจแรงออกมา

"ชักจะรุกล้ำกันมากไปแล้ว"
คาอินบ่นพร้อมกับเบ้ปาก ผมเลิกคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน อะไรคือการรุกล้ำมากไป เขาหมายถึงอะไรกันล่ะ

"เดี๋ยวๆ ตอบผมก่อน ผมแค่ไปอาบน้ำแล้วหลับตาพักเท่านั้นเอง จะกลายเป็นจมน้ำโดยที่ไม่รู้ตัวได้ยังไง"

"ได้สิ ถ้าถูกควบคุมโดยปีศาจ"
คำตอบของอัสโมดายทำให้ผมนิ่งเงียบไป คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ในห้องของตัวเองยังไม่ปลอดภัยทั้งๆ ที่มีปีศาจยศราชาอยู่ข้างกาย แต่นั่นคงสู้อำนาจคนที่อยู่เหนือเขาไม่ได้หรอก ก็ 'อเมมอน' น่ะเป็นคนคุมเขาอีกทีหนึ่งนี่

"กลับไปหาเขาไหมครับ ดูอเมมอนจะห่วงอัสโมดายมากนะ"
ผมบอกเขาเสียงเบาหวิว ไม่ได้อยากไล่แต่กลัวว่าการกระทำหลายๆ อย่างของอเมมอนจะส่งผลร้ายต่อคนที่อยู่รอบตัว

"ไม่ได้ ถ้าเรากลับไปเจ้าจะได้รับผลกระทบมากกว่านี้ อเมมอนจะฉุดเจ้าลงนรก"
ขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าเขาเป็นห่วงผม... แต่ก็เพียงความคิดชั่วครู่ที่ทำให้ใจชื้น เพราะในความจริงแล้วเขาก็แค่กลัวว่าคู่สัญญาจะยอมถวายหัวให้คนอื่นก็เท่านั้น

"ยังไงๆ การที่ทำพันธะสัญญากับปีศาจก็ทำให้ผมตกนรกอยู่แล้วนี่ แล้วจะกลัวอะไรกับการถูกฉุดลงนรกล่ะครับ"

"เราไม่ชอบให้ใครมายุ่งย่ามกับคนของเรา เจ้าเข้าใจไหม"

"ผมไม่เข้าใจว่ะ.... และไม่อยากเข้าใจด้วย"
สุดท้ายผมก็ตัดบทสนทนานั้นแล้วทิ้งตัวลงนอนคลุมโปงโดยไม่สนว่าปีศาจจะรู้สึกยังไง... แต่คงไม่รู้สึกอะไรหรอก ปีศาจไม่มีหัวใจสักหน่อย จริงไหม





------------------------------------------------------------

ถ้าใครคิดว่าอัสโมดายขี้หวง... อเมมอนก็ขี้หวงไม่แพ้กันหรอก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 11 -P.3- (18.11.2016)
« ตอบ #79 เมื่อ: 18-11-2016 16:58:10 »





ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 11 -P.3- (18.11.2016)
«ตอบ #80 เมื่อ18-11-2016 18:04:07 »

เฮ้ออออ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 11 -P.3- (18.11.2016)
«ตอบ #81 เมื่อ18-11-2016 20:26:35 »

อเมมอนนี่เป็นไม่ได้เป็นแค่หัวหน้า(หรือเจ้านาย)ของ อัสโมดาย ใช่ไหมเนี่ย?

มันต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกใช่ไหมเนี่ย? เฮ้ออออ

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 11 -P.3- (18.11.2016)
«ตอบ #82 เมื่อ19-11-2016 11:28:28 »

อเมมอนแค่หวงหรือ รัก อัสโมดายกันคะ
ในความคิดเราอัสโมดายให้ความรู้สึกเหมือนเซน คาอินก็เหมือนอุ่น ยิ่งรวมกับเหตุการณ์รอบตัวแล้ว เราว่าใช่เลยนะ
ที่ว่าสองคนนั้นไปต่างประเทศแล้วอาจจะไม่กลับนี่เพราะต้องการลองใจวินหรือเปล่า
จากที่เคยศึกษาประวัติกุญแจย่อยของโซโลม่อน คิดอีกมุมก็น่าสงสารนะคะ มีชีวิตที่ยาวนานขนาดนั้น จะพูดว่าไม่รู้จักความรักก็คงไม่เกินจริงหรอกค่ะ เศร้า
เป็นเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ
ติดตามนะคะ

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 11 -P.3- (18.11.2016)
«ตอบ #83 เมื่อ20-11-2016 00:02:47 »

 :ling1: :ling1: อิรุงตุงนังมาก ใครเป็นใครกันล่ะเนี่ย  :katai1:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 11 -P.3- (18.11.2016)
«ตอบ #84 เมื่อ20-11-2016 02:19:59 »

เชียร์ให้เป็นตามที่ทุกคนว่ามา แต่ขอบารอนกลับมาได้ไหมอะ หายไปเลย คิดถึงหมายักษ์><

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 12 -P.3- (23.11.2016)
«ตอบ #85 เมื่อ23-11-2016 17:15:06 »

ตำราบทที่ 12



‘You don't know a thing about me’
คุณไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับผมเลย




วิชาปีศาจวิทยาเวียนมาบรรจบอีกครั้ง ความอยากรู้อยากเห็นเริ่มน้อยลงเพราะทุกวันนี้ใช้ชีวิตอยู่กับอัสโมดาย อยากรู้อะไรก็แค่เอ่ยปากถามออกไป แต่บรรณาการที่ต้องจ่ายโคตรจะเปลืองตัวอยู่เล็กน้อย โดนจูบบ้างล่ะ หอมแก้มบ้างล่ะ หรือแม้แต่โดนลูบไล้ตามส่วนต่างๆ แต่ผมก็เป็นฝ่ายเต็มใจเองล่ะนะ จะหาว่าใจง่ายก็เอาเถอะ ยังไงชีวิตก็กลายเป็นของเขาไปแล้ว

ผมกลับมาจากเรียนภาคเช้าอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะวันนี้อากาศร้อนอบอ้าวสุดๆ แถมห้องเรียนดันแอร์เสียอีก โคตรแจ็กพอตจริงๆ อัสโมดายกำลังนั่งพักผ่อนหย่อนใจอยู่ริมระเบียง ในขณะที่คาอินนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟา เห็นแบบนั้นก็นึกหมั่นไส้เลยเอาแก้วน้ำที่ถืออยู่แอบนาบแก้มมังกรตัวโต เขาสะดุ้งแล้วหันมองเลิ่กลั่ก ตลกชะมัด

"เจ้าเล่นอะไรเนี่ยเทวิน"
คาอินโวยวายทันทีเมื่อหันมาเจอคนที่ถือวิสาสะปลุกกัน ดวงตาสีเหลืองแวววาวจับจ้องกันอย่างเอาเรื่อง ดูท่าทางผมจะซวยเลยส่งยิ้มแหยไปให้

"เห็นนอนหลับสบายเลยอยากแกล้ง"
ผมตอบไปตามความจริงเพราะไม่อยากโกหกอะไร ถ้าโดนจับได้ทีหลังเรื่องมันจะแย่กว่าเดิมหลายเท่าแน่ๆ

"ไม่แกล้งอัสโมดายบ้างล่ะ นั่งกินลมชมวิวสบายจะตาย"
คาอินบุ้ยใบ้ปากไปทางปีศาจที่ยังนั่งนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผมได้แต่ส่ายหน้ารัวเพราะตั้งแต่วันที่ตัดจบเรื่องความหวงของเขา เรายังไม่ได้คุยกันดีๆ เลยสักครั้ง จะบอกว่าไม่กล้าเริ่มต้นหาคำพูดมาลบล้างความรู้สึกค้างคาก็คงใช่ล่ะมั้ง ตัวอัสโมดายเองก็ดูจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรเท่าไหร่ ใช้ชีวิตได้ปกติดี ก็อย่างว่าล่ะนะ ปีศาจไม่ค่อยมีความรู้สึกกับเรื่องหยุมหยิมนักหรอก

“ไม่เอาด้วยหรอก”

“ยังไม่คุยกันอีกหรือ”

“ก็คุยนี่... แล้วกินอะไรหรือยัง”
ผมเปลี่ยนเรื่องซะดื้อๆ เพราะไม่อยากรื้อฟื้นความรู้สึกในตอนนั้นอีก คาอินส่ายหัววืดแล้วมองไปทางห้องครัวตาละห้อย สงสัยว่าอัสโมดายคงไม่ยอมลงมือทำมื้อเที่ยงแน่ๆ

“อัสโมดายไม่ยอมทำให้เหรอ”
ผมถามกลับไปอย่างอยากรู้ เพราะปกติแล้วเขาไม่เคยทิ้งมังกรคู่ใจให้หิวจนงอแงขนาดนี้ จะตรงเวลาเสมอเหมือนตัวเขาเป็นนาฬิกาซะเอง แต่สงสัยว่าวันนี้คงมีเรื่องอะไรให้คิดล่ะมั้ง... หรือทำใจกลับไปหาอเมมอนได้แล้วกันนะ แค่คิดแบบนั้นผมก็รู้สึกห่อเหี่ยวยังไงก็ไม่รู้ แย่ว่ะ แย่จริงๆ

“ก็อย่างที่เจ้าเห็น อัสโมดายนั่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เจ้าออกไปเรียนแล้วล่ะ ไม่ยอมขยับไปไหนเลย เราจะงอแงใส่ก็ไม่ได้ กลัวถูกส่งไปเกิดใหม่...”
คาอินว่าด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกเล็กน้อย ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเขาถูกปล่อยให้ท้องว่างมาตั้งแต่มื้อเช้าแล้ว ดวงตากลมเหลือบมองแผ่นหลังปีศาจอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาเพื่อจะถามไถ่สักหน่อยว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่เจ้ามังกรยักษ์กลับคว้าข้อมือกันเอาไว้แล้วส่งสายตาห้ามปราม

“ทำอะไรให้เรากินก่อนเถอะ... ปวดท้องจะตายอยู่แล้ว”

“อ่า... ก็ได้ๆ งั้นรอแป๊ปนึงก็แล้วกัน”

สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเข้าครัวแล้วทำอาหารง่ายๆ อย่างข้าวไข่เจียวในปริมาณห้าคนกินให้กับมังกร ส่วนของตัวเองต้มมาม่าแทน เพราะเบื่อเมนูไข่ๆ ที่เพิ่งกินไปเมื่อเช้า ไม่นานนักกลิ่นหอมก็ลอยตลบอบอวลจนคาอินรีบวิ่งเข้ามาในครัวโดยไม่ต้องเรียก สีหน้าหงอยๆ กลายเป็นยิ้มแย้มทันทีเมื่อเห็นอาหารตรงหน้า ผมรีบส่งช้อนส้อมให้เขาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม แต่ดวงตาสีเหลืองกลับจ้องมองมาจนต้องถามออกไป

“อยากกินไอ้นี่เหรอ”
ผมชี้มาม่าของตัวเองสลับกับเงยหน้ามองคนฝั่งตรงข้าม คาอินพยักหน้าหงึกหงักแล้วส่งแววตาเป็นประกายมาให้ ถ้าให้พูดกันจริงๆ เจ้ามังกรยักษ์เนี่ยน่ารักมากเลยนะ ขี้อ้อนเป็นบางเวลา ขี้เล่นอีกต่างหาก

“ให้เรากินได้ไหม เดี๋ยวเราแบ่งไข่เจียวให้”
คาอินยิ้มกว้างก่อนจะตัดไข่เจียวใส่ช้อนแล้วส่งมาจ่อปากกัน ผมหลุดขำเล็กน้อยแล้วยอมงับอาหารเข้าปากก่อนจะเลื่อนชามมาม่าให้กับเขา สรุปแล้วมื้อนี้เราแบ่งกันกินจนอิ่มแปล้เลยทีเดียว จะว่าไปแล้วอัสโมดายไม่ยอมขยับไปไหนจริงๆ ด้วย อดสงสัยไม่ได้ว่ามีเรื่องให้คิดหรือนั่งหลับกันแน่ แต่ว่าแดดร้อนขนาดนั้นทนได้ยังไงกันนะ

“ขอออกไปดูอัสโมดายหน่อยนะ”
ผมบอกคนที่ยังนั่งกินขนมต่อ คาอินพยักหน้าหงึกหงักให้กันแล้วส่งแก้วน้ำดื่มใหม่เอี่ยมมาให้

“หือ เอามาทำไมเนี่ย”
ผมรับมาถือไว้ด้วยความงงจนหัวคิ้วขมวดเป็นปม จะบอกว่าให้ดื่มก็คงไม่ใช่ แต่ถ้าฝากไปให้อัสโมดายล่ะไม่แน่ ก็เล่นนั่งตากแดดตากลมนานซะขนาดนั้น

“เอาไปสาดใส่อัสโมดายหน่อย เห็นท่าทางซึมกะทือแบบนั้นแล้วน่าหมั่นไส้”
คาอินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาฉายแววเป็นห่วงอีกคนอย่างเห็นได้ชัด นี่จะเรียกว่าปากไม่ตรงกับใจก็คงได้ล่ะมั้ง แต่ผมจะไปกล้าทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน อุตส่าห์ขอชีวิตอมตะมาจากเขาแล้วหาเรื่องทำให้ตัวเองตายเนี่ยนะ ขอปฏิเสธหัวชนฝาเลย น่ากลัวเกินไปแล้ว

“เฮ้ย จะบ้าหรือไง ทำแบบนั้นผมคงได้ไปเกิดใหม่ก่อนคาอินอะ”
ผมว่าด้วยน้ำเสียงตกใจ ก่อนจะรีบวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว คาอินเบ้ปากใส่กันแล้วบ่นเสียงงุ้งงิ้งๆ แต่กลับได้ยินชัดเจนราวกับจงใจ

“อัสโมดายหวงเจ้าอย่างกับอะไรดี ไม่ทำให้เจ้าไปเกิดใหม่หรอก”

“ตลกน่า เขาจะหวงผมไว้ทำไมล่ะ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แค่คู่พันธะสัญญาไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอก”
ขณะที่พูดออกไปแบบนั้นในใจก็ประท้วงว่าไอ้ที่ว่าออกไปทั้งหมดนั้นกำลังทำให้หัวใจเจ็บแปลบอย่างควบคุมไม่ได้ มีอะไรบางอย่างในจิตใต้สำนึกกำลังร้องเตือนว่าที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันเป็นเหตุการณ์เดจาวู... มันเคยเกิดความรู้สึกแบบนี้มาก่อนแต่จำไม่ได้ว่าเกิดขึ้นกับใคร ผมพยายามฝืนยิ้มส่งไปให้เจ้ามังกรที่มองมาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา

“ก็จริงนะที่ปีศาจไม่มีหัวใจ แต่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยมีความรัก แต่มันอาจจะนานเกินไปจนลืมความรู้สึกแบบนั้นก็ได้”

“ห๊ะ หมายความว่ายังไงนะ”
ไม่ใช่ไม่เข้าใจความหมายที่เขาพยายามสื่อสารกับผม แต่ที่ต้องถามก็เพราะไม่เข้าใจว่าจะมาพูดเรื่องความรักของปีศาจทำไมล่ะ อย่างกับว่าอัสโมดายตกหลุมรักนายเทวินอย่างนั้นล่ะ เพ้อเจ้อชะมัด

“ไม่มีอะไรๆ ไปหาอัสโมดายเถอะ เราจะกินขนมต่อ”
ไม่ยอมตอบคำถามกันแถมยังโบกมือไล่อีก อะไรของเขากันล่ะ แต่ผมก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อและเดินออกมาจากห้องครัวตรงไปที่ระเบียงห้องแทบจะทันที จังหวะที่มือกำลังจะเลื่อนประตูดวงตาสีแดงก็หันมาจ้องกัน เขาพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าสามารถให้ผมล้วงล้ำพื้นที่ส่วนตัวเฉพาะกิจของเขาได้ ตอนแรกไม่ได้คิดจะขออนุญาตกันสักหน่อย... นิสัยเสียเนอะ

ผมเปิดประตูกระจกที่ระเบียงออกไปแล้วปิดมันลงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้อีกตัวอย่างเงียบเชียบ ความจริงข้อหนึ่งคือผมเป็นห่วงเขาแต่ไม่รู้จะถามยังไงดีเลยกลายเป็นว่าเราทั้งคู่เริ่มต้นด้วยความเงียบ นั่งอึดอัดกันอยู่นานนับนาทีอีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายทำลายมันลง

“วันนี้อากาศร้อนอบอ้าวนะ เจ้าคิดแบบนั้นไหม”
คำถามแสนธรรมดาแต่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างน่าประหลาด แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นอัสโมดายก็ยังคงใช้ดวงตาสีแดงของตัวเองเหม่อมองออกไปยังฟ้าเบื้องบน เหมือนคล้ายกำลังคำนึงถึงบางคนที่อยู่บนนั้น

“อื้อ ร้อนมากเลยล่ะ แทบจะไหม้”
ผมพูดติดตลกเพื่อหวังว่าอีกคนจะละสายตาจากท้องฟ้าบ้าง แต่เปล่าเลยเพราะว่าเขายังคงทำแบบเดิม ก็มีเพียงแต่มุมปากที่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

“นี่... อัสโมดายนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เช้าเลยเหรอ”
ผมถามสิ่งที่คาใจตัวเองออกไปแล้วเหม่อมองท้องฟ้าบ้าง ตอนนี้มันไม่ได้สดใสอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมฆฝนก้อนใหญ่กำลังเคลื่อนเข้ามาบดบังดวงอาทิตย์ เขาเลิกมองมันก่อนจะเปลี่ยนโฟกัสมาเป็นใบหน้าของผมแทน สารภาพเลยว่าแอบใจเต้นอยู่เหมือนกันแต่ทำได้แค่พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ ก็สถานการณ์มันดูเครียดๆ ยังไงชอบกล

“ตามที่เจ้ารู้มา”
เขาตอบน้ำเสียงราบเรียบแต่ยังคงจ้องกันอยู่แบบนั้น จนผมเป็นฝ่ายขยับตัวไปมาแก้เขิน

“อ่า... มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”
ผมถามออกไปและพยายามหาที่วางสายตาของตัวเอง สุดท้ายก็จบตรงต้นไม้ริมระเบียงที่แห้งเหี่ยวตายไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่เซนกับอุ่นไปต่างประเทศผมก็ลืมดูแลมันซะสนิท ขอโทษด้วยนะ...

“ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องของหัวใจ เจ้าจะเชื่อเราไหม”
ผมถึงกับสะดุดลมหายใจของตัวเอง เรื่องของหัวใจนี่เกี่ยวกับความรักหรือเปล่านะ แล้วทำไมต้องคิดมากเกี่ยวกับมันด้วยล่ะ... ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอก แต่ก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าบางทีเขาอาจจะเริ่มมีความรู้สึกที่เรียกว่ารักขึ้นมาอีกครั้งก็ได้

“อ่า...”
ไม่รู้จะตอบอะไรเหมือนเลยทำได้แค่หุบปากลงอีกครั้งแล้วนั่งบดริมฝีปากตัวเองไปมาจนกระทั่งได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนข้างๆ เลยตัดสินใจเงยหน้ามองเขาให้เต็มตาแล้วพบว่าดวงตาสีแดงกำลังสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน... ที่น่าสงสัยคือ ใครเป็นคนทำให้มันเป็นแบบนั้นกันล่ะ ผม อเมมอน หรือใครอื่น

“เย็นนี้เราจะไปเรียนกับเจ้า ไปพักผ่อนเถอะ”
อยู่ๆ ก็โดนไล่จนได้ แต่จะฝืนอยู่ไปก็คงไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านั้น นิสัยอัสโมดายน่าจะคล้ายๆ กับเซนอย่างที่เคยบอกไปนั่นล่ะ ผมได้แต่พยักหน้ารับแล้วเดินกลับเข้าห้องด้วยความรู้สึกที่ตีรวนกันไปหมด หัวใจเริ่มปวดหนึบเพราะเผลอคิดไปว่าปีศาจอาจจะหลงรักใครเข้าให้แล้ว และอีกไม่นานเขาอาจจะทิ้งผมไป... ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมขอลู่ทางติดต่อเพื่อนสนิทเถอะ ยังไม่เคยบอกใช่ไหมว่าผมเคยขอหนทางการติดต่อพวกเขาจากอัสโมดายครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เขาจะบ่ายเบี่ยงตลอดจนเลิกถามไปเอง แปลกมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ช่วงห้าโมงเย็นผมขับรถพาอัสโมดายกับคาอินมาที่โบสถ์ของมหา’ลัยเพื่อเตรียมตัวเรียนวิชาปีศาจวิทยา ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่พวกเขายอมเข้าเรียนวิชานี้ทั้งๆ ที่ปฏิเสธมาตลอดเพราะไม่ถูกโฉลกกับบาทหลวงและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนี้สักเท่าไหร่ แอบแปลกใจอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปเพราะก่อนหน้านั้นกำลังมึนๆ เบลอๆ กับเรื่องอัสโมดายอยู่

“มาตัวเปล่าแบบนี้ไม่น่าสงสัยไปหน่อยเหรอครับ”
ผมเอ่ยทักทันทีที่พวกเราลงมาจากรถเพราะไม่เห็นจะถือหนังสือที่เตรียมไว้ให้มาด้วย คาอินฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่ทุกข์ร้อนแล้วดึงแขนผมให้นั่งลงที่โต๊ะม้าหินหน้าโบสถ์ ส่วนอัสโมดายเดินตามกันมาเงียบๆ ไม่มีทีท่าว่าจะดุเจ้ามังกรที่ทำตัวร่าเริงเลยสักนิด

“ถึงจะเอามาเราก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี”
อัสโมดายตอบความสงสัยของผมด้วยประโยคสั้นๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ส่วนคาอินนั่งเบียดที่เก้าอี้ตัวเดียวกันกับผม ทำไมไม่ไปนั่งตัวอื่นล่ะวะ ที่ว่างตั้งเยอะแยะ

“คาอิน ไปนั่งตรงอื่นสิครับ ที่ว่างตั้งเยอะแยะ”
ผมพยายามดันไหล่คนข้างๆ ให้ลุกออกไป แต่เขากลับขืนตัวนั่งแข็งทื่อแถมยังตวัดแขนโอบกอดรอบเอวผมเอาไว้ซะแน่นหนา จะร้องโวยวายหรือดิ้นหนีคงเป็นเรื่องที่ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์สักเท่าไหร่ แต่ที่น่าแปลกคืออัสโมดายทำหน้าตึงขึ้นมาทันที

“จะนั่งตรงนี้ กอดเทวินแล้วอุ่นจะตาย”
คาอินพูดเสียงทะเล้นแล้วส่งสายตาเป็นเชิงหยอกล้อมาให้กัน ผมถึงกับเบ้ปากแล้วพยายามดันหน้าที่กำลังซบลงมาบนไหล่ออกไปห่างๆ นั่งกอดกันแบบนี้คนอื่นก็เข้าใจผิดแย่ ยิ่งคนตรงหน้าผมนี่สิ มองอย่างกับจะลากพวกผมไปฆ่า

“แต่อากาศมันร้อนนะ อย่าแกล้งผมดิวะคาอิน”
ผมพยายามอย่างหนักที่จะดันเขาออก แต่เหมือนอ้อมแขนจะยิ่งรัดกันแน่นขึ้น สร้างสงครามกันไม่นานคนตรงข้ามก็ลุกขึ้นแล้วกระชากคอเสื้อด้านหลังของคาอินออกอย่างแรง จนเจ้ามังกรคลายอ้อมกอดอย่างรวดเร็วพร้อมกับร้องโอดโอยจนผมต้องเอื้อมมือไปปิดปาก เสียงดังรบกวนคนอื่นๆ เขามากเกินไปแล้ว

“เลิกเล่นเป็นเด็กๆ เสียทีคาอิน”
อัสโมดายกลับไปนั่งที่ก่อนจะส่งสายตาดุๆ มาให้กัน แว๊บหนึ่งผมเผลอคิดว่าเขาคงหงุดหงิดเพราะคาอินทำตัวไม่เหมาะสมกับช่วงอายุ แต่ผิดคาดไปหน่อยเมื่อเจ้ามังกรเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา

“ว่าเราเป็นเด็ก แต่จริงๆ แล้วท่านหวงเทวินใช่ไหม”

“.....”
ทำไมเกิดเดตแอร์ขึ้นเฉยๆ ล่ะ ทั้งผมและคาอินรอคำตอบใจจดจ่อจะตายอยู่แล้ว สายตาจ้องอัสโมดายที่เป็นเป้าหมายเขม็ง ไม่ว่ายังไงตอนนี้เวลานี้จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

“กดดันให้เราตอบให้ได้สินะ...”
น้ำเสียงราบเรียบถามขึ้นทำให้ผมกับคาอินรีบพยักหน้าหงึกหงักแทบจะในทันที อัสโมดายหลุดหัวเราะเล็กน้อยแล้วยื่นมือเรียวมายีหัวกันอย่างน่าตาเฉยแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“เสียใจด้วยที่เราไม่สนใจความกดดันนั้นหรอก ไปเถอะ ได้เวลาเรียนแล้ว”
แล้วเขาก็เดินจากไปทิ้งให้ผมกับคาอินส่งเสียงฟึดฟัดเพราะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ถึงแม้ว่าจะได้คำตอบว่าเขาหวงผมก็เถอะ ทำไมรู้สึกว่าไม่ดีใจเลยสักนิด อาจจะเพราะความคิดที่ว่า เขาก็แค่หวงดวงวิญญาณกลิ่นหอมหวานเท่านั้นเอง เฮ้อ สภาพมนุษย์หลงรักปีศาจโคตรแย่เลยเนอะว่าไหม

ผมไม่ค่อยมีสมาธิเรียนเท่าไหร่เพราะสายตาดันปะทะเข้ากับบาทหลวงคนใหม่เข้าอย่างจังแล้วรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แปลกๆ บรรยากาศรอบตัวของเขาไม่ได้ต่างจากอัสโมดายเลยสักนิด... แต่จะมีปีศาจที่ไหนกล้าหาญสอนวิชาเกี่ยวกับตัวเองบ้างวะ และด้วยความที่ทนสงสัยไม่ไหวทำให้ผมต้องสะกิดคนข้างๆ เพื่อถามไถ่สิ่งที่อยากรู้

“นี่... อัสโมดายรู้หรือเปล่าครับว่าคุณพ่อจีซัสหายไปไหน”
ก็ในหนังสือประกอบการเรียนของผมบอกเอาไว้ว่าอัสโมดายสามารถตอบทุกสิ่งที่เราอยากรู้ได้ การถามแค่ว่าบาทหลวงสักคนหายไปไหนคงเป็นคำถามที่ไม่ได้ยากเย็นสักเท่าไหร่

“หืม บาทหลวงที่สอนวิชานี้กับเจ้างั้นหรือ”
เขาถามกลับด้วยแววตาเป็นเชิงสงสัยอย่างหนัก หัวคิ้วขมวดเข้าหากันจนยุ่งเหยิงไปหมด ผมพยักหน้าหงึกหงักเพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาพูดออกมาว่ามันใช่แล้ว

“บาทหลวงงี่เง่านั่นก็กำลังสอนเจ้าอยู่นะ”

“ห๊ะ คนนั้นไม่ใช่คุณพ่อจี... เฮ้ย!”
ผมอุทานเสียงดังเมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างที่คุ้นตา ไม่ใช่สิ ก่อนหน้านี้เขามั่นใจแน่ๆ ว่าไม่ใช่บาทหลวงจีซัส แต่ทำไมตอนนี้ เขามาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ หรือว่าที่เห็นก่อนหน้านี้... มันต้องมีคำอธิบายสิ ไม่คิดว่าตัวเองตาฝาดได้ขนาดนั้นแน่ๆ

“เจ้าเห็นเขาเป็นคนอื่นหรือ”

“อื้อ! เมื่อกี้ไม่ใช่เขาแน่ๆ อะ”
ผมยืนยันคำของอัสโมดายอีกครั้งด้วยเสียงหนักแน่น เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนน้อยจนภาพเบลอขนาดนั้นหรอก สติก็ไม่ได้ขาดหายไปไหนด้วยสิ ผมขยี้ตาครั้งแล้วครั้งเล่าก็เห็นว่าคุณพ่อจีซัสกำลังยิ้มแย้มส่งมาให้ แต่มันกลับเป็นรอยยิ้มที่ไม่จริงใจเอาเสียเลย เหมือนเขากำลังขู่กัน หรือผมบังเอิญไปล่วงรู้ความลับของเขาเข้ากันแน่

“เจ้าเห็น... แอนเดรียฟัส”
อัสโมดายพึมพำเสียงเบาแต่ผมกับได้ยินชัดเจน ‘แอนเดรียฟัส’ ถ้าจำไม่ผิดเขาเป็นหนึ่งในปีศาจเจ็ดสิบสองตนที่ผมเพิ่งเรียนผ่านไป เขาอยู่ในลำดับที่หกสิบห้า มียศขั้นมาควิสและเป็นปีศาจใต้อาณัติของอเมมอนเช่นเดียวกันกับอัสโมดาย แต่... ขนาดบาทหลวงยังโดนปีศาจปลอมแปลงได้อย่างนั้นเหรอ! ทำเบิกตากว้างแล้วเพิ่งมองไปที่คุณพ่อจีซัสอีกครั้งแล้วผมก็เห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น เขาแหลมๆ บนหัว หางนกยูงแผ่กระจายอยู่เบื้องหลัง ดวงตาสีเทาส่องประกายทอแสงแวววาวน่าประหลาด วูบหนึ่งมันทำให้คิดถึงคนในความทรงจำ... เซน

“เขา...เอ่อ บาทหลวงจีซัสเป็นปีศาจมาตั้งแต่ต้นแล้วหรือครับ”

“ใช่ แต่ที่เจ้าเพิ่งรู้สึกหรือเห็นร่างที่แท้จริงของเขาก็เพราะว่ามีเราอยู่ข้างกายด้วยในวันนี้”
สรุปง่ายๆ คือผมได้รับพลังอะไรบางอย่างจากคนข้างตัวในการมองทะลุสิ่งจำแลงทั้งหลายอย่างนั้นล่ะมั้ง ทั้งที่อยากรู้แต่ก็ไม่อยากถามอะไรให้มากความไปมากกว่านั้นเพราะยังตะลึงเรื่องของบาทหลวง... นี่จะมีปีศาจอีกสักกี่ตนวนเวียนอยู่รอบตัวล่ะเนี่ย

“อ่า...”
ไม่รู้จะถามอะไรออกไปดี แต่มีสัญญาณบางอย่างกำลังร้องเตือนว่า อีกไม่ช้าจะเกิดเรื่องสะเทือนใจขึ้นแน่ๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนได้รับผลกระทบนั้นหรอก เป็นตัวผมเอง

“เขามาตามเรากลับ ตามคำสั่งของอเมมอน”
เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นไม่ได้บอกว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ เป็นผมเองที่เผลอสะดุดลมหายใจแล้วหันมองหน้าคนด้านข้างอย่างไม่ยอมละสายตา กลัวเหลือเกินว่าถ้าเผลอไปแค่วินาทีเดียวเขาจะหายไปตลอดกาล ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ คนที่เป็นอมตะจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร... ไม่มีคนคอยเคียงข้างก็เหมือนตายทั้งเป็น

“อเมมอนดูท่าทางจะหวงอัสโมดายมากเลยนะครับ”
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองพูดประโยคนั้นออกมา ไม่ได้ตั้งใจจะหลุดถาม หากแต่บางทีมันอาจจะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ความสงสัยที่ก่อตัวมานานวันนี้อาจจะได้รับการเปิดเผยห่างเขายอมปริปากพูดถึงความสัมพันธ์ที่เกินเลยกว่าปีศาจใต้อาณัติของอเมมอน

“อเมมอนหวงทุกอย่างที่คิดว่าเขาเป็นเจ้าของ... ซึ่งเราถือเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุด ทั้งตัวและ... หัวใจ”

“หมาย คะ ความว่า... รักอย่างนั้นเหรอครับ”
ผมถามออกไปเสียงเบาหวิว ดวงตากลมสั่นไหวพยายามกลั้นความรู้สึกทุกอย่างและใช้เท้าเหยียบมันให้จมดินลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลัวคำตอบที่จะได้รับกลับมาถึงขนาดเบือนหน้าหนีแถมยังยกมือขึ้นปิดหูไว้หลวมๆ ถ้าลุกหนีกลางครันได้ผมคงไม่อยู่ตรงนี้อีก

“ไม่รู้สิ เรารู้จักแค่คำว่าจงรักภักดีมาตลอดชีวิตนิรันดร์”

“อัสโมดาย... ทำไมพูดเหมือนเซนล่ะครับ ผมจำได้ว่าเซนเคยพูดประโยคนี้ คุณเป็นอะไรกับเขากันแน่”
ผมถามอย่างร้อนรนเมื่อคำพูดเมื่อครู่ของอัสโมดายสะกิดต่อมความทรงจำบางส่วนเข้าให้ ถ้าจะว่ากันตามตรงเค้าโครงหน้าตาของเขากับเซนแทบจะเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วด้วยซ้ำ แต่ผมไม่เคยทักเพราะคิดว่าเพื่อนสนิทของตัวเองคงไม่มีทางเป็นปีศาจจำแลงมาแน่ๆ แต่อะไรหลายๆ อย่างดันผลักผมให้สงสัย... หรือแม้แต่ตัวคาอินเองที่มีนิสัยคล้ายๆ อุ่นนั่นด้วย

“เรา...”

“พวกเจ้าหวานชื่นกันมามากพอแล้ว ถึงเวลาต้องแยกจากกันสักทีล่ะนะ”
เสียงของใครคนหนึ่งขัดจังหวะการสนทนาของเราสองคนได้อย่างฉับพลัน อัสโมดายรีบลุกขึ้นมายืนขวางผมระหว่างคุณพ่อจีซัส... ไม่ใช่สิ เขาคือแอนเดรียฟัสต่างหาก รอยยิ้มเคลือบยาพิษของคนตรงหน้าช่าง.... น่ากลัว

“เจ้าควรกลับไปในที่ของเจ้านะแอนเดรียฟัส แล้วส่งคาอินคืนมาให้เรา”
น้ำเสียงเยียบเย็นนั่นทำให้ผมเกร็งตัวขึ้นอย่างไร้สาเหตุ ดวงตากลมสอดส่องหาคาอินที่ไม่รู้หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาอยู่ตรงนั้น... บนไม้กางเขนอันใหญ่ ถูกตรึงด้วยบางอย่างที่มองไม่เห็น ท่าทางทุรนทุรายทำให้ผมอยากยื่นมือเข้าไปช่วยใจจะขาด แต่ไม่สามารถขยับออกไปไหนได้ ก็ในเมื่อแอนเดรียฟัสยืนอยู่ด้านหน้าและกำลังจ้องมาอย่างเอาเป็นเอาตาย

“เราจะกลับก็ต่อเมื่อท่านกลับพร้อมกับเรา อัสโมดาย”
น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยยืนยันสิ่งที่ตนเองต้องกระทำให้สำเร็จ ดวงตาสีเทาไม่ฉายแววล้อเล่นแต่อย่างใด ทุกอย่างที่เขาพูดมานั้นย่อมต้องเป็นไปตามที่วางแผนไว้ แต่อัสโมดายเคยดื้อมาแล้วหลายรอบ ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

“ถ้าเรากลับไป... เทวินจะตาย”

“ท่านให้ความสำคัญกับมนุษย์มากกว่าอเมมอนงั้นหรือ”

“เทวินเป็นสมบัติของเรา”

“แต่ท่านเป็นสมบัติของอเมมอน”

“เราไม่ต้องการแบบนั้น”

“แต่หัวใจของท่านอยู่ที่เขา”

“หัวใจของเจ้าก็ไม่ต่างกันแอนเดรียฟัส”
ทุกคำพูดนั้นทำให้คนฟังอย่างผมงงไปชั่วขณะ อะไรคือการที่หัวใจของปีศาจใต้อาณัติไปรวมอยู่ที่อเมมอน แล้วไอ้หัวใจเนี่ย เปรียบเปรยถึงความรักหรือเป็นก้อนเนื้อที่สามารถเต้นได้จริงๆ กันแน่ ผมพยายามรวบรวมความกล้าที่จะลุกขึ้นแล้วพูดอะไรออกไปบ้าง แต่ทุกอย่างกลับหมุนติ้วและผมก็หมดสติลงไปซะดื้อๆ

ผมตื่นมาในห้องโถงที่ไม่คุ้นตา มันโล่งโจ้งแต่ประดับไปด้วยสีแดงเลือดหมูและเครื่องเรือนจากทองคำ บนบัลลังก์ปรากฏร่างสูงใหญ่ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยที่ผมคิดว่าคุ้นเคยและจำได้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นเอกลักษณ์ของปีศาจ... เขาดูน่าเกรงขาม บรรยากาศรอบตัวให้ความรู้สึกกดดันและอึดอัดเป็นอย่างมาก เขายาวโค้งแหลมดูน่ากลัว ถ้าหากว่าโดนแทงคงตายอย่างไม่ต้องสืบ

สภาพของผมตอนนี้ปกติดีทุกอย่าง แต่เสื้อนักศึกษาสีขาวที่ใส่อยู่กลับปรากฏรอยสีแดงจางๆ ตรงหน้าอกเยื้องไปทางด้านซ้าย ตำแหน่งของหัวใจ... ผมพยายามลูบคลำและวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบคร่าวๆ อย่างที่เคยทำมาตลอด แต่มันกลับนิ่งเงียบไร้สัญญาณชีพใดๆ เหมือนคนที่ตายไปแล้ว หรือว่า...

“เจ้ายังไม่ตาย”
เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว จากที่เคยนอนราบกับพื้นจึงต้องดันตัวลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับดวงตาสีทองแวววาว มันไม่ได้สวยอย่างเครื่องเรือน แต่กลับน่ากลัวคล้ายกับขุมนรกที่หลอกล่อมนุษย์ให้เขาไปหาด้วยความสมัครใจ

“ผ ผมอยู่ที่ไหน”
อย่าว่าแต่จะพูดเลย หายใจยังลำบาก ด้วยอุณหภูมิเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนนี่น่ากลัวเหลือเกิน กลัวว่าร่างกายจะช็อกไปเสียก่อนได้รู้อะไร

“อยู่ที่ไหนไม่สำคัญ แต่เจ้าควรรู้ไว้อย่างหนึ่งว่าอัสโมดายเป็นของใคร”

“เขาเป็นของ...”

“ข้าเป็นของเทวิน ท่านไม่มีสิทธ์ทำแบบนี้กับคู่พันธะสัญญาของข้า”



--------------------------------------------------

อ้าวเฮ้ย.... เกิดอะไรขึ้น ทำไมอัสโมดายบอกว่าตัวเองเป็นของเทวินกันน้อ คึคึ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 12 -P.3- (23.11.2016)
«ตอบ #86 เมื่อ23-11-2016 18:26:46 »

สนุกสนาน เริ่มเปิดเผยมาทีละนิดทีละนิดละ

เรื่องยศของพวกปีศาจนี้แลดูเป็นงง ๆ เนาะ แต่ละตำราก็บอกไม่เหมือนกัน

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 12 -P.3- (23.11.2016)
«ตอบ #87 เมื่อ23-11-2016 20:20:33 »

ลุ้นจังๆ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 12 -P.3- (23.11.2016)
«ตอบ #88 เมื่อ23-11-2016 22:31:32 »

 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 12 -P.3- (23.11.2016)
«ตอบ #89 เมื่อ23-11-2016 23:04:55 »

อ่าววววววว

อะไรคือหัวใจอยู่ที่อเมมอนกันหมด

แล้วนี่คืออัสโมดายเป็นของเทวินแล้ว? อุ้ย งงนะ แต่ดูเหมือนความจริงกำลังเปิดเผย ลุ้นๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด