ตอนเพิ่มเติมสี่
ตอนนี้พี่อุ๋นอยู่กลางทะเล ส่วนผมอยู่กลางเมือง มหานครที่ไม่ใหญ่แต่สำคัญ พื้นที่เล็กแต่คนมหาศาล ถนนที่ตัดเท่าไหร่ก็ไม่เคยเพียงพอต่อรถบนท้องถนน และเป็นเมืองที่แปลกเพราะเอาทางเท้าสำหรับคนเดินไปวางขายของกลาดเกลื่อน
ผมขี้บ่นเนอะ
เมื่อก่อนผมได้แต่บ่นลงไดอารี่ออนไลน์ แต่ตอนนี้มีพี่อุ๋นคอยรับฟังผมด้วยความใส่ใจ และให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถให้ผมได้
ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองก็โหยหาความรู้สึกแบบนี้ไม่น้อยเหมือนกัน
...ความรู้สึกของการถูกใส่ใจ
สองทุ่มกว่าแล้ว ผมอาบน้ำเสร็จก็หยิบโทรศัพท์มาโทรหาพี่อุ๋น
“พี่อุ๋น” ผมเรียกปลายสายก่อนจะทักทาย
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ อาบน้ำรึยัง” พี่อุ๋นรู้ว่าผมเป็นหวัดบ่อยๆ เลยอยากให้อาบน้ำแต่หัวค่ำ ปกติถ้าโทรไปหาก่อนอาบน้ำ พี่อุ๋นก็จะวางสายก่อนเพื่อไล่ผมไปอาบน้ำ อาบเสร็จค่อยโทรมาใหม่
“อาบแล้วครับ” ผมเงียบไปสักพักก่อนพูดต่อ
“พี่อุ๋น ฟ้าส่งอีเมลไปถามอาจารย์เรื่องงานอ่ะ ฟ้าบอกในอีเมลว่าฟ้าทำตรงนี้อยู่ ฟ้าคิดว่ามันน่าจะมีปัญหาตรงนี้ แล้วอาจารย์คิดว่ายังไง แต่สองอาทิตย์กว่าแล้วอาจารย์ยังไม่ตอบอีเมลฟ้าเลย ฟ้าควรทำไงดี แต่อาจารย์บอกฟ้าว่าอาจารย์เห็นอีเมลแล้วนะ แต่ยังไม่ได้ตอบ”
“นานจัง แล้วเราเจออาจารย์บ้างมั้ย”
“เจอครับ หลังจากนั้นฟ้าส่งอีเมลหาอาจารย์อีกฉบับเป็นไฟล์เค้าโครงวิทยานิพนธ์ให้อาจารย์ตรวจ อาจารย์ก็ตอบกลับวันนั้นเลยว่าเดี๋ยวดูให้ พอเจอตัวอาจารย์ก็มัวแต่คุยเรื่องวันนำเสนอเค้าโครง เลยลืมถามอาจารย์เรื่องงานตลอดเลย”
“อาจารย์อาจจะอยากให้เราเตรียมตัวสำหรับการนำเสนอเค้าโครงก่อนก็ได้”
“พี่อุ๋นคิดว่าอย่างนั้นเหรอ”
“แต่ถ้าเจออาจารย์อีกทีห้ามลืมถามนะ”
“ครับ ฟ้าจะไม่ลืมถามแน่นอน ตอนนี้ฟ้าโคตรกังวลเลยอ่ะ กลัวอาจารย์ทิ้งมากๆ แบบว่างานก็ดูไม่คืบหน้าเลย”
“อย่าเพิ่งกังวลมาก ตอนนี้ฟ้าก็ทำงานในส่วนที่พอทำได้ไปก่อน ตั้งใจและสู้ๆ นะครับ”
“ครับผม แล้วพี่อุ๋นเป็นยังไงบ้าง ทำงานวันนี้เหนื่อยมั้ย”
“เหนื่อยบ้าง แต่นอนพักก็หาย เหนื่อยกายหายไวครับ แล้วคิดถึงคนไกลต้องทำยังไงจะหายเหรอ” ผมอดเขินไม่ได้กับคำหยอดของอีกฝ่าย
...แม้เราจะอยู่ไกลกัน แต่ใจเรากลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย
“อาจจะต้องเจอหน้ากันมั้งครับถึงจะหาย”
“นั่นน่ะสิ ต้องเจอหน้า กับจูบหวานๆ หลายๆ ทีด้วย”
“งั้นก็...กลับมาเร็วๆ นะครับ ฟ้าคิดถึง”
“พูดจาน่ารักนะเรา พี่ก็คิดถึงเหมือนกันครับ”
.
.
หน้าหนาวปีนี้หนาวกว่าทุกปี ลมหนาวจากทิศเหนือพัดกิ่งไม้ไหวเอนจนน่ากลัวว่าจะหักเสียให้ได้ พี่อุ๋นได้หยุดยาวหลายวัน ผมก็ไม่ต้องไปมหาลัยช่วงนี้เช่นกัน เราเลยตกลงกันว่าจะกลับมาพักผ่อนที่บ้าน
บ้านผมกับบ้านพี่อุ๋นอยู่คนละอำเภอซึ่งห่างกันเกือบร้อยกิโลเมตร เราเลยแบ่งวันพักครึ่งหนึ่งอยู่บ้านผม อีกครึ่งหนึ่งอยู่บ้านพี่อุ๋น
ผมขอแม่ไปกางเต้นท์นอนอยู่ที่ทุ่งนาซักคืน มันเป็นความฝันตั้งแต่สมัยเด็กๆ ของผมเลยครับว่าอยากนอนในลอมฟางซักครั้ง แต่แม่เป็นห่วงบอกว่ากลัวไฟไหม้บ้างล่ะ อันตรายบ้างล่ะ พ่อผมเสียตั้งแต่เด็กๆ ครับ เหลือแต่แม่กับพี่สาว ที่ท่านเป็นห่วงผมก็เข้าใจ
จนรอบนี้ได้โอกาสขอแม่อีกครั้ง เพราะมีพี่อุ๋นด้วยแน่ๆ แม่เลยสบายใจขึ้น อนุญาตให้ไปเติมเต็มฝันสมัยเด็กได้ ไม่ได้นอนลอมฟางแต่ได้นอนในเต้นท์กลางทุ่งก็ยังดี
เราใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ถุงเท้าถุงมือเต็มยศ ก่อนออกจากบ้านแม่เอาหมวกไหมพรมทำเองมาสวมให้ผมกับพี่อุ๋น พร้อมด้วยน้ำขิงอุ่นๆ ในขวดเก็บความร้อนและข้าวเกรียบว่าวหอมๆ แผ่นใหญ่หนึ่งถุง
เรากางเต้นท์กันตรงพื้นที่โล่งไม่มีต้นไม้บัง จะได้รับลมหนาวได้เต็มที่ จากนั้นไปนั่งเบียดกันในเต้นท์ โผล่แต่หัวออกมาดูดาวกัน
คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ทุ่งนาชนบทเงียบสงบไม่มีรถแล่นผ่าน แม้ว่าเต้นท์เราจะอยู่ห่างถนนไม่เท่าไหร่ ไม่มีเสียงดัง ไม่มีแสงไฟรบกวน
นานแล้วที่ผมไม่ได้เห็นดาวชัดเจนขนาดนี้
“ดาวสวยเนอะพี่อุ๋น”
“นั่นสิ ยิ่งมีคนดูดาวด้วยข้างๆ ดาวสวยขึ้นพันเท่าเลย” พี่อุ๋นละสายตาจากกลุ่มดาวบนฟ้ามามองหน้าผม
“พี่อุ๋นชอบทำให้ฟ้าเขิน” ผมบ่นพลางเอาไหล่กระแทกอีกคนเบาๆ
“ก็พี่อยากเห็นคนเขิน”
อากาศกลางทุ่งหนาวจนทรมาน ใช่ว่าคนโสดเพียงกลุ่มเดียวสักหน่อยที่เข้าใจความเหน็บหนาวนี้
...คนมีคู่ก็เช่นกัน
พี่อุ๋นเห็นผมหนาวจนฟันกระทบกัน เลยให้ผมมานั่งตรงหว่างขา ส่วนขาพวกเราเหยียดออกไปนอกเต้นท์ สองมือของพี่อุ๋นกอดเอวผม ส่วนคางเอาเกยไหล่
“นั่นไง ดาวลูกไก่” ผมชี้ให้พี่อุ๋นดู
“ตรงนั้นดาวไถ” พี่อุ๋นจับมือผมชี้ไปบนฟ้าบ้าง
“เห็นมั้ยที่เป็นดาวสามดวงเรียงกัน ยิ่งหน้าหนาวยิ่งเห็นชัด ส่วนสี่ดวงสว่างๆ ที่ล้อมรอบดาวไถเหมือนสี่เหลี่ยมเบี้ยวๆ เรียกดาวเต่า”
ผมอดตื่นเต้นไม่ได้ ที่รู้จักดาวอื่นนอกจากดาวลูกไก่แล้ว
“พี่อุ๋นสอนฟ้าดูดาวดวงอื่นอีกนะครับ”
“ตรงนั้นดาวจระเข้ ที่เป็นดาวสว่างๆ เจ็ดดวงน่ะ สี่ดวงเหมือนสี่เหลี่ยมเป็นตัวจระเข้ อีกสามดวงเป็นหาง” พี่อุ๋นจับมือผมชี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
“ตรงนั้นดาวเหนือ” พี่อุ๋นจับมือผมชี้ไปตรงนั้นตรงนี้ บางทีก็เล่าตำนานของดาวให้ฟังเสริมด้วย
“พี่อุ๋น” ผมเรียกเมื่อจบคอร์สดูดาวระยะสั้นแล้ว ตอนนี้พี่อุ๋นกอดเอวผมเอาไว้อีกครั้ง มือผมก็วางทับมือพี่อุ๋น
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณทุกเรื่องเลย ที่คอยดูแล คอยให้คำปรึกษา” ผมพูดอย่างที่ใจรู้สึกออกไป
“ขอบคุณที่รักฟ้า”
.
.
“ขอบคุณเหมือนกันนะครับที่คอยอยู่ข้างๆ พี่”
“เพราะพี่รู้...ว่าการเป็นคนรักที่ดีของใครสักคนมันมีความหมายมากแค่ไหน"
"พี่อยากเป็นคนรักที่ดีของฟ้านะครับ”
.
.
“พี่อุ๋นเป็นคนรักที่ดีของฟ้าแล้วครับ”
“แล้วฟ้า...เป็นคนรักที่ดีพอสำหรับพี่อุ๋นไหม” ผมเอี้ยวตัวไปมองคนที่นั่งกอดผมอยู่
“ฟ้าเป็นรักที่ดีที่สุดของพี่ครับ” พี่อุ๋นพูดจบก็จูบหน้าผากผมเบาๆ
“เวลาพี่อุ๋นไม่อยู่ฟ้าก็คิดถึง อยากเจอหน้าตลอดเวลา อยากให้พี่อุ๋นสนใจฟ้าคนเดียว ฟ้ามีความสุขมากๆ เวลาอยู่ใกล้ๆ พี่อุ๋น และอีกหลายอย่างที่ฟ้าไม่รู้จะอธิบายยังไง ฟ้าไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่ารักมั้ย ถ้าใช่...”
“ฟ้ารักพี่อุ๋นนะครับ”
พี่อุ๋นยิ้มกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายท่ามกลางความมืดเมื่อได้ยิน
“ขอบคุณนะครับที่รักพี่ ดีใจมากเลยที่ได้ยินคำนี้”
“หลังจากนี้เราจะจับมือเดินไปด้วยกัน เข้าใจกันบ้างไม่เข้าใจกันบ้าง พี่ก็อยากให้พวกเราเรียนรู้กันและกัน สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน เติบโตไปด้วยกันนะครับ”
ผมกระชับมือพี่อุ๋นแน่นขึ้นก่อนรับคำ
“ครับ เราเดินไปด้วยกัน”
“พี่อุ๋นจำได้มั้ยครับ ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกน่ะ พี่อุ๋นบอกว่าอกหักมันแย่กว่ารักไม่เป็นอีก”
“แต่ฟ้าว่าถ้าได้มีรักดีๆ สักครั้งในชีวิต ถ้าได้พยายามแล้วทุกอย่างมันไม่ดีขึ้น จนต้องปล่อยมือกัน ต้องอกหัก ฟ้าว่ามันคุ้มนะครับ”
“พี่อุ๋นเป็นรักที่ดีที่สุดของฟ้าเหมือนกันนะครับ”
ผมขยับตัว นั่งหันหน้าเข้าหาพี่อุ๋น และยืดตัวจูบเปลือกตาทั้งสองข้างของพี่อุ๋น พี่อุ๋นปิดตารับสัมผัสอ่อนโยนจากผม รอยยิ้มยังคงแต้มริมฝีปาก
พี่อุ๋นปลดสร้อยออกจากคอ หยิบแหวนทองคำขาวเกลี้ยงออกจากสร้อย มือหนาคว้ามือของผมและสวมแหวนลงไปที่นิ้วนางข้างขวา
...ประคองมือขวามาจรดที่ริมฝีปาก
เราส่งยิ้มให้กันและกัน
“จองไว้ก่อนนะครับ ไปขอได้เมื่อไหร่จะสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายให้”
“พี่อุ๋นไม่บอกล่วงหน้า ฟ้าไม่มีแหวนเลย” ผมพูดแก้เขิน
“แต่ก็จองเหมือนกันนะครับ”
ผมพูดจบก็ใช้สองมือโน้มคอพี่อุ๋นลงมา ปากเราสัมผัสกัน ริมฝีปากพี่อุ๋นมีรสชาติน้ำขิงจางๆ ต่างๆ จากทุกทีที่เป็นรสชาติเบียร์ ค้างไว้ไม่นานผมก็ผละออก
“ฟ้าจูบมัดจำพี่”
“เด็กน้อย”
พี่อุ๋นอมยิ้ม ก่อนจะใช้มือหนึ่งประคองท้ายทอยให้รับจูบได้ถนัด อีกมือวางอยู่ที่เอว และสอนการจูบแบบผู้ใหญ่ให้ผมได้รับรู้
ท่ามกลางท้องนา ผืนฟ้าและหมู่ดาว
-จบตอนเพิ่มเติมสี่-
-*******************-
สวัสดีค่ะ
ตอนนี้ก็จบแล้วนะคะ เย่
(หรือเพื่อนๆ คิดว่ายังไง)
เราคิดว่าเราเขียนบรรยายไม่ค่อยเก่ง
ตรงบทสนทนาก็ไม่ค่อยบรรยายเอาซะเลย
ส่วนตัวคิดว่าจะได้อ่านแล้วจินตนาการเอง
(และบางฉากก็บรรยายไม่เป็น อย่างฉากจูบงี้)
ดีไม่ดียังไงบอกกันให้รู้ เพื่อจะได้ปรับปรุงนะคะ
มีคำแนะนำเรื่องฉากแต่งงานมา แต่งออกมาแล้วได้ประมาณนี้ ฮ่าๆ
ฉากที่อยากเขียนก็ไม่ได้เขียนค่ะ กลัวออกทะเลแล้วจบไม่ได้
เพราะมันเป็นเรื่องสั้น มันเลยข้ามหลายสิ่งหลายอย่างเลยทีเดียว
และคงมีข้อบกพร่องอยู่หลายจุดเหมือนกัน
จะพยายามปรับปรุงนะคะ
ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นท์เลย ดีใจจริงๆ
หรือแค่แวะมาอ่านก็ดีใจมากมายแล้วค่ะ
//ยาวมาก ข้ามได้นะคะ
(หรือถ้าอ่านถึงตรงนี้ ก็ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ)