★ผัวขี้หึงVSเมียขาโหด ภาค 2【ปู❤โจ】EP.21 สัญญาครับ [22/06/20]P13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★ผัวขี้หึงVSเมียขาโหด ภาค 2【ปู❤โจ】EP.21 สัญญาครับ [22/06/20]P13  (อ่าน 62327 ครั้ง)

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
รับเลี้ยงน้องอ้วนไปเลยก็ได้นะ จะได้เป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก เลย  :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มิน โหดมากกกกกกก
แต่เด็กน่ารัก  ติดมินซะแล้ว  :mew1:
รอผลตรวจนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ตรวจDNA รอผลนานไหมอ่ะ
อิคนอ่านลุ้นมากกกกกก

ออฟไลน์ Star_ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-3
รับเลี้ยงน้องอ้วนไปเลยก็ได้นะ จะได้เป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก เลย  :katai2-1:


5555 จะดีเหรอ ดูวุ่ยวายจัง

ออฟไลน์ Star_ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-3
มิน โหดมากกกกกกก
แต่เด็กน่ารัก  ติดมินซะแล้ว  :mew1:
รอผลตรวจนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


คนเขียนเองยังหลง น่ารักกก


ออฟไลน์ Star_ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-3

ออฟไลน์ Star_ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-3
ตรวจDNA รอผลนานไหมอ่ะ
อิคนอ่านลุ้นมากกกกกก



ยังบอกไม่ได้จริงๆ อิอิ รอนะจ๊ะ เยิฟๆ


ออฟไลน์ Star_ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-3
 :pig4: ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากคนอ่านทุกคน
ถึงไม่ค่อยได้มีเวลาตอบก็อ่านครบทำเม้นเลยน้า
มีกำลังใจเขียนต่อไป อย่างน้อยก็ยังไม่คนตามอ่านอยู่เนอะ ขอบคุณน้า

 :กอด1: :L2: :L1:

ออฟไลน์ Star_ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-3

★ผัวขี้หึงVSเมียขาโหด ภาค 2
【ทิว❤มิน】



【EP.24 ไอ้ตัวป่วน】








มึงจะมามองหน้ากูแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย!! กูรู้ว่ากูมันคนหล่อ 2018 แต่มึงกับกูควรเดินกันคนละทางจะดีกว่าไอ้น้อง อย่าพยายามหาเรื่องกูทางสายตาแบบนี้เลยว่ะเดี๋ยวมึงจะไม่ได้ใช้ชีวิตวัยหนุ่ม หึหึ แน่ะๆ กูด่ายังจะยิ้มอีก ไอ้นี่มันยังไงของมันวะ





"มึงทำอะไรทิว?"  มินเดินถือถุงขนมกับแป๊ปซี่กระป๋องเดินมานั่งลงข้างผม



"ป่าว... กูแค่อยากรู้ว่ามันมองหน้ากูทำไมหนักหนา กูก็เลยมองหน้ามันกลับบ้างก็เท่านั้น"



"ปัญญาอ่อน มันคงตอบมึงได้มั้งว่ามองหน้ามึงทำไม ทั้งวันกูเห็นแค่มันหัวเราะกับยิ้มอยู่สองอย่าง"





ขนมถูกยัดใส่ปากผมอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมทำได้แค่เคี้ยวๆ แล้วกลืนลงคอ อร่อยดีวะ





"แล้วคืนนี้เราเอาไงดีอ่ะ ให้มันนอนไหน?" 



"เออ... ให้มันนอนไหนดีวะ" มินทำท่าหยุดคิดแป๊ปนึงแล้วมันก็กินขนมต่อ



"นอนในห้องทำงานดีป่ะ" 



"มึงลองถามมันดูดิว่ามันนอนคนเดียวได้ป่าว" 



"เออๆ งั้นกูถามมันแป๊ปนะ"



"อืม.. ถามดิ"



"เห้ยไอ้เด็กอ้วน คืนนี้กูให้มึงนอนห้องทำงานกูมึงโอเคป่ะ นอนคนเดียวได้ใช่ป่ะ?"



"&$)=;:.)*##+(&#%-=/"





แล้วไอ้เด็กอ้วนมันก็ตอบผมมาแบบนี้พร้อมเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอารมณ์ดี





"ฮ่าๆๆ มึงก็ปัญญาอ่อนนะทิว เด็กมันยังคลานไม่ได้เลยมันจะตอบมึงได้ยังไงวะ"



"มึงนั่นแหละตัวดี แกล้งกูใช่ไหมมานี่เลย!!"



"อร๊ากกกก... ไอ้ทิวมึงอย่าจี้กู ฮ่าๆๆ ไอ้บ้าทิว อร๊ากกก"



"มึงมันคนกวนตีน 2018"



"โอ๊ยยย ไอ้เหี้ยเดี๋ยวขนมหก ฮ่าๆๆ พอแล้วกูเหนื่อย"



"กวนตีนกูดีนัก! อย่างนี้ต้องโดนทำโทษ!!"



"อร๊ากกก!!! ไอ้บ้าทิว มึงอย่าจับตรงนั้น!!"



"ฮ่าๆๆ มึงเสร็จกูแน่"







เสียงโวยวายปะปนกันเสียงหัวเราะของเราสองสามคน เอ๊ะ! สองสามคนงั้นเหรอ







"ทิวหยุด!!"





ทุกอย่างหยุดชะงักทันที





"มินมึงดูไอ้เด็กอ้วนนั่นดิ มันมองเราแล้วหัวเราะกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนหมาเลยวะ"





ป๊าบ!!!!





"โอ๊ยมิน!! กูเจ็บ"



"มึงเจ็บแต่กูเหนื่อย แม่งเล่นไม่ดูเวล่ำเวลาเลย"



"เฮ้ย!! มึงขำอะไรวะ!" 





ในเมื่อกูโดนมึงก็ต้องโดนด้วยเว้ย! กูไม่ยอมหรอก





"ปา... ปา" แล้วก็ตามด้วยเสียงหัวเราะ



"เฮ้ย!! มึงจะเรียกกูแบบนั้นไม่ได้นะเว้ย! เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน" ผมกระโดดไปหลบอยู่หลังมิน



"ดูมันชอบมึงเอามากๆ เลยนะ" มินพูดขึ้น



"ไม่เอาน่ามิน มึงอย่าพูดแบบนี้ดิวะ"





ผมดึงตัวมินเข้ามากอด มือมันยังกำถุงขนมแน่น





"มึงว่ามันจะใช่ลูกมึงจริงๆ รึป่าวทิว?" 



"เฮ้ออ... กูก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะมิน เรื่องไหนจริงเรื่องไหนไม่จริง แต่ที่กูรู้คือกูรักมึงและอยากให้มึงเข้าใจกูแล้วอยู่ข้างๆ กูแบบนี้ เรื่องในอนาคตของกูจะเป็นยังไงกูอยากให้มึงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับกูเพราะมึงคืออนาคตของกู มึงเข้าใจไหมหื้อ" ฟอดดด....



"มึงชอบพูดอะไรน้ำเน่าวะ" มันปล่อยมือจากถุงขนมแล้วกอดผมไว้หลวมๆ



"กูพูดความจริง กูอยากให้มึงรู้ว่ากูรักมึงมากแค่ไหน กูทำทุกอย่างเพื่อมึงได้มึงก็รู้"



"อืม... กูรู้" มันตอบเสียงงึมงำ



"รู้กก็ดีแล้ว ต่อไปก็อย่าดื้อกับกูมากรู้ไหม" ฟอดดด...



"กูโตแล้วเหอะ!!" 



"หึหึ เถียงเก่ง"





ในขณะที่ผมกับมินกำลังคุยกันปลายเท้าผมก็กำลังถูกรุกราน





"เฮ้ยๆๆ มึงทำอะไรวะ กินไม่ได้เว้ยนี่มันตีนไม่ใช่นมมึง" ผมชักเท้าออกทันที





พรึ่บ!!





"เฮ้ย!!!" ผมกับมินร้องขึ้นพร้อมกัน



"มินเอาไงต่อดี?" ผมสะกิดมิน



"ทิวมันคลานเหรอวะ มึง...มึงดูดิมันกำลังทำท่าคลานอ่ะ"



"เออๆ กูเห็นแล้ว"



"มึงซื้อนมอะไรให้มันกินวะ เมื่อวานมันยังคลานไม่ได้เลยทำไมวันนี้มัน..." ผมกับมินมองหน้ากัน



"เออว่ะ นมยี่ห้ออะไรวะแดกคืนเดียวคลานได้เลย"





ผมกับมินนั่งมองไอ้เด็กอ้วนคลานล้มคลานล้มอยู่หลายครั้ง มันหันมามองพวกผมแล้วหัวเราะชอบใจ คือมึงจะอารมณ์ดีไปไหนวะ กูเครียดอยยู่นะเว้ย!!





"ทิวมึงคิดอย่างที่กูคิดไหม?" 



"คิดแบบไหนล่ะ"



"กูคิดว่า...."





มินหยุดพูดแล้วหันมามองผม





"ว่า?"



"ถ้าคืนนี้มันกินนมแล้วพรุ่งนี้มันเดินได้ล่ะ"





ผ่าง!!!





กูนี่อ้าปากค้างเลย นี่เมียกูดูหนังมากเกินไปรึป่าววะ คิดได้ไงเนี้ยะ!! โอ๊ยยยย กูจะบ้าตาย!!





"กูว่าเราควรไปอาบน้ำนอนนะ มึงคิดเหมือนกูไหม?"



"อืม... กูว่ากูคงคิดมากเกินไป" มินหันหน้ามาพนักหน้าเห็นด้วย



"แล้วไอ้อ้วนนี่เอาไงดี"



"มันต้องอาบน้ำป่าววะ?"  ผมถามไปสิ่งที่ได้กลับมาคือคำถามต่อไม่ใช่คำตอบ 



"อาบมั้ง" "อาบพร้อมใครล่ะ มึงหรือกู?" คราวนี้ล่ะคำถามยากเลย



"มึง" ผมตอบทันที



"อ้าว!! ทำไมต้องเป็นกูล่ะ" มินโวยวายทันที



"ไม่รู้ดิ ก็มึงเป็นคนถามงั้นมึงก็อาบน้ำให้มันแล้วกัน" ผมตอบแบบดื้อๆ



"เฮ้ย!! ได้ไงล่ะ" 



"ก็กูไม่เคยอาบน้ำให้ใครนิ มึงนั่นแหละอาบให้มัน" ผมพูดเสียงหนักแน่น



"แต่มึงเคยอาบน้ำให้กู เฮ้ย!!!" มินพูดออกมาอย่างลืมตัว



"ฮ่าๆๆ เออว่ะ กูเคยอาบน้ำให้มึงเนอะ แย่จังกูลืมไปได้ไงเนี้ยะ" 



"เดี๊ยะมึงจะโดน!!" 





ปึก!!





แล้วมินก็รัวหมัดย่อมๆ เข้าที่ท้องผม ไม่เจ็บหรอกครับเพราะมันแกล้งทำ 





"ฮ่าๆๆ พอแล้วกูยอมก็ได้" แล้วมินมันก็หยุดทำร้ายร่างกายผม



"ยอมก็ดีกูจะได้ไหมเหนื่อยมาก หึหึ" มันพูดอย่างภูมิใจ



"เก่งจังเล๊ย! ป่ะเราไปอาบน้ำกัน"





พรึ่บ!! ผมลุกขึ้นยืนแล้วดึงมินให้ลุกขึ้นด้วยกัน





"แล้วไอ้เด็กอ้วนนั่นล่ะ?"



"ก็นี่ไงเรา" ผมชี้ที่ตัวเอง มินและไอ้เด็กนั่นตามลำดับ



"ห๊ะ!! เอาจริงดิ?"



"อืม... แบบนี้แหละดีที่สุด" 



"แต่กูอายเว้ย! ไม่เอาอ่ะงานนี้ขอผ่าน" 



"ผ่านไม่ได้ครับ ไปอาบน้ำ"



"อร๊ากกก... ทิวปล่อยกู!!"







คิดว่าผมเหนื่อยไหมครับ มือนึงดึงเมียส่วนอีกมือก็อุ้มไอ้เด็กอ้วนไปอาบน้ำด้วยกัน ยื้อกันจนเหนื่อยในที่สุดก็มานั่งกองกันอยู่ในอ่างอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาสักที







"เฮ้ยๆๆ อย่าตีน้ำดิวะไอ้อ้วน!!" 



"ทิวมึงรีบถูสบู่ให้มันดิ"



"รีบอยู่นี่ไง เฮ้ยๆ อย่าดิ้นดิวะเดี๋ยวหลุดมือ"



"ทิวให้ไว!!" "เออ!! รู้แล้วคร๊าบบ!!"







ความวุ่นวายในห้องน้ำทำเอาผมหมดแรง นี่แค่อาบน้ำให้เด็กนะกูเหนื่อยยิ่งกว่าอาบน้ำให้เมียกูอีกแม่ง!! อาบน้ำให้เมียมันยังไม่ดิ้นขนาดนี้เลย ยกเว้นตอน.... หึหึ บรึ๊ยยยย พูดแล้วเปรี้ยวปากอยากขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดโว๊ยยย!!







"ปะแป้งหน่อย หันมาดิ" มินกำลังปะแป้งใส่เสื้อผ้าให้ไอ้เด็กอ้วนอยู่ครับ



"แม่งเล่นเอากูเหนื่อยเลย" ผมบ่นอุบ



"เฮ้อ.. เสร็จซะที หมดแรงเลยกู" มินนอนแผ่ราบบนที่นอนอย่างหมดแรง



"มินไปแต่งตัวไป"



"อืม... มึงอุ้มมันไปนอนไป" มินสั่ง



"ตกลงนอนในห้องทำงานนะ"



"อืม... ปูผ้านวมที่พื้นอ่ะ เปิดแอร์อย่าหนาวมากนะ"



"ไปไอ้อ้วน ลุกเว้ย!!"





ผมอุ้มไอ้เด็กอ้วนขึ้นแนบอกแล้วจัดการหยิบผ้านวมไปปูให้มันตามคำสั่ง





"กูเอานมใส่ขวดให้แล้วนะ วางอยู่ที่โต๊ะข้างทีวี" มินตะโกนบอก



"โอเค รับทราบ"









ผมจะการทุกอย่างตามคำสั่งเมีย ปูผ้าเสร็จก็เอาไอ้เด็กอ้วนนอนลงแล้วตามด้วยหมอนเล็กหมอนน้อยวางรอบๆ ตัวมัน มันนอนมองดูทุกอย่างที่ผมทำแบบไม่กระพริบตา







"มองอะไรหนักหนาวะ เดี๋ยวกูเก็บค่าห้องเลย นี่กูใจดีให้นอนฟรีเลยนะเว้ย!" 





แน่ะๆ ยังจะยิ้มอีก กูเพลีย





"รอแป๊ปปรับแอร์ให้จะได้ไม่หนาว"







ผมจัดการปรับแอร์ในอุณภูมิที่พอเหมาะ 25 องศา ห่มผ้าให้พร้อมไงล่ะกูใจดีแถมยังหล่อด้วย พอห่มผ้าให้มันเสร็จก็เดินออกไปเอาขวดนมให้มัน พอมันเห็นขวดนมก็ดิ้นดิ๊กๆ เป็นหมาน้อยทันที







"แดกแล้วอย่าเสือกลุกขึ้นเดินล่ะ เดี๋ยวเมียกูตกใจ อ่ะนี่ถือไว้ดูดให้อิ่มกินให้หลับ"







ผมจัดการจัดแจงให้ขวดนมอยู่ในท่าที่มันนอนดูได้สบายโดยใช้ผ้าช่วยดันให้อยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะ มันนอนดูดนมอย่างมีความสุขไปเลย







"เดี๋ยวปิดไปในห้องให้แล้วเปิดโคมไฟที่โต๊ะทำงานแทนแล้วกัน ว่าแต่มึงกลัวผีไหม?" 





มันยิ้มครับ ไอ้นี่ถามอะไรมันก็ยิ้มสรุปที่กูถามไปมันรู้เรื่องป่ะวะ





"โอเค ฝันดีนะไอ้หมูน้อย" 







ผมหยิกแก้มมันด้วยความมันเขี้ยวแล้วเดินออกจากห้องไป ประตูผมเปิดไว้แบบนั้นเผื่อมีอะไรจะได้ยินเสียงมัน







"มันหลับแล้วเหรอ?" 



"ให้กินนมล่ะ เดี๋ยวมันอิ่มก็หลับไปเองแหละ" ผมตอบมินแล้วเดินไปปิดไฟ



"เปิดประตูทิ้งไว้ป่ะ?" มินถาม



"อืม... เปิดทิ้งไว้ทั้งห้องมันและห้องเรานี่แหละ" ผมแทรกตัวลงไปนอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับมิน



"มึงว่ามันจะกลัวไหมนอนคนเดียว"



"ไม่รู้ดิ กูเดินออกมามันก็ไม่เห็นร้องตามนะ" ผมรวบตัวมินเข้ามากอด



"อืม... งั้นมึงนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปโรงบาลอีก"





จุ๊บบบ...





"ฝันดีนะ"





"อืม... ฝันดี"























แง~~~~









แง~~~~  แง~~~~​









แง~~~ แง~~~ แง~~~~​







ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กน้อย ผมขยับตัวอย่างระวังเพื่อไม่ให้มินตื่น 





"อือ... ทิว" 





มินขยับตัวเข้ากอดผมไว้เหมือนเดิม เสียงเด็กน้อยยังคงร้องงอแงเสียงดัง ผมค่อยๆ ขยับตัวออกอีกครั้ง มินปรือตาขึ้นมามองผมก่อนจะหลับตาลงช้าๆ จุ๊บบบ.... ผมจูบลงที่หน้าผากมินอย่างอ่อนโยน





"หลับซะนะ เดี๋ยวกูไปดูไอ้เด็กอ้วนมันก่อน" แทนที่มินมันจะนอนต่อแต่มันลืมตาขึ้นอีกครั้ง



"เสียงร้องไห้" 



"อืม... เดี๋ยวกูไปดูมันแป๊ปนึงเดี๋ยวมา" 



"อืม... มึงไปดูมันเถอะ"







ผมพรมจูบลงที่หน้าผากมินอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกจากห้อง เสียงร้องของเด็กน้อยยังคงร้องไห้ไม่หยุด ผมเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงานแล้วเปิดไฟห้องเพิ่มแสงสว่าง







"เฮ้ย!!"







ผมรีบวิ่งเข้าไปอุ้มไอ้เด็กอ้วนทันที





แง~~~ แง~~~







น้ำตานี่ไหลอาบเต็มหน้าเต็มตาไปหมด ผมเดินไปหยิบผ้าอ้อมที่อยู่บนผ้านวมขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ไอ้เด็กน้อย







"ได้แผลเลยไหมล่ะทีนี้ เจ็บมากใช่ไหมเนี้ยะ" ผมลูบเบาๆ ที่รอยแดงบนหน้าผากของเด็กน้อย







ภาพที่ผมเห็นคือมันนอนคว่ำร้องไห้อยู่ใกล้กับขาโต๊ะทำงาน มันคงคลานออกมาจากผ้านวมที่ผมปูไว้ให้ หมอนที่ผมใช้กั้นตัวมันไว้กระจัดกระจายอยู่รอบๆ ส่วนตัวมันนอนคว่ำหน้าร้องไห้อยู่กับพื้นใกล้ขาโต๊ะทำงานครับ พอผมเปิดไฟมันเงยหน้าขึ้นมาแล้วปล่อยโหใส่ทันที จากที่ร้องเสียงดังอยู่แล้วก็เพิ่มเลเวลขึ้นไปอีก







"โอ๋ๆ ไม่ร้อง แล้วใครใช้ให้คลานออกมาวะ โอ๋ๆ เลิกร้องได้แล้ว" 







ทำไงล่ะทีนี้ กูโอ๋ใครไม่เป็นนะเว้ย!! เลิกร้องได้แล้วกุสงสาร







แง~~~~







"ทิวมันเป็นไรอ่ะ ทำไมร้องไม่หยุด" มินเดินงัวเงียเข้ามาหาผม



"หัวมันชนขาโต๊ะทำงานอ่ะดิ เสือกคลานออกมาจากที่นอน กูอุตส่าห์เอาหมอนกั้นตัวไว้แล้วด้วยนะ"



"อ้าว!! เป็นไรมากป่าววะ ไหนดูดิ" มินขยี้ตาตัวเอง



"อย่าขี้ตาแบบนั้นมิน ไปล้างหน้าก่อนไป เดี๋ยวกูอุ้มมันออกไปรอข้างนอก"



"อืมๆ เดี๋ยวกูมาช่วยดูนะ"





มินเดินกลับไปล้างหน้าที่ห้องน้ำในห้องนอน ส่วนผมก็อุ้มได้เด็กอ้วนออกมานั่งรอที่โซฟาหน้าทีวี





"ไหนๆ เจ็บตรงไหนกูดูให้" 





แง~~ แง~~





มันมุดตัวหนีมือผม มันคงกลัวเจ็บมั้ง





"หยุดร้องก่อน เจ็บตรงไหนล่ะ ไหนดูดิ" 





ผมก็พยายามจับคางมันไว้ หน้าผากข้างขวามันแดงแจ๋เลย น่าจะฟาดขาโต๊ะแรงน่าดูเลยแหล่ะ





"มึงพูดแบบนี้มันยิ่งร้องดิทิว เอามันมานี่"





มินเดินมานั่งลงข้างผม ไอ้เด็กน้อยพอเห็นมินก็ยื่นไม้ยื่นมือเหมือนอยากให้มินอุ้มซะงั้น อ้าวไอ้นี่!!





"มานี่ม่ะ" มินรับเด็กน้อยไปอุ้มไว้บนตัก พอมินรับไปอุ้มมันก็หยุดร้องเลยครับ แต่ยังคงสะอื้นอยู่เล็กน้อย



"ไรวะ พอมึงอุ้มแม่งหยุดร้องเฉยเลย"



"หูยย... มึงเอาหัวไปฟาดขาโต๊ะทำไมเนี้ยะ ทิวไปเอาผ้าห่อน้ำแข็งมาสักก้อนดิ" 



"เออๆ รอแป๊ป"





ผมเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำแข็งออกมาหนึ่งก้อนตามคำสั่งแล้วเดินไปหยิบผ้าอ้อมผืนใหม่มันมาห่อน้ำแข็งเอาไว้





"อ่ะ" ผมยื่นไปให้มิน



"อยู่นิ่งๆ เป็นผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอกรู้ป่าว"





แม่ง!! กูนึกว่าจะใจเย็นอ่อนโยนกว่ากู โถถถ... ที่รักมึงก็โหดไม่ต่างจากกูเล๊ยยย





"เก่งมาก" มินพูดชม



"หึหึ มันนอนนิ่งเลยวะ"





ไอ้เด็กน้อยมันนอนให้มินประคบน้ำแข็งในทันที โดนว๊ากไปทีเดียวนิ่งไปเลย อย่าว่าแต่มึงกลัวเลยบางทีกูยังกลัวเมียตัวเองเหมือนกัน หึหึ







มินค่อยๆ ประคบน้ำแข็งลงรอบๆ บริเวณรอยแดงอย่างเบามือ พอน้ำแข็งแตะลงที่หน้าผากทีมันก็สะดุ้งที มือเล็กๆ กำเสื้อมินไว้แน่น หลับตาบ้าง หันหน้าหนีบ้างแต่ก็ไม่รอดมือมินไปได้





"พรุ่งนี้มึงหัวโนแน่!! ดื้อดีนักทำไมไม่นอนดีๆ หื้อ" 







ผมนั่งมองมินดุเด็กน้อย อยากขำก็ขำไม่ออกกลัวโดนดุไปด้วย สงสารก็สงสารนะเพราะดูท่าทางมันก็คงกลัวมินอยู่เหมือนกัน มินพูดปั๊บมันเงียบทันที







"ปะคบน้ำแข็งไว้จะได้หาย" ผมนั่งดูมินพูดกับไอ้เด็กอ้วน



"มึงซนเอง!"





ผมทำท่าดุมันบ้าง แต่!! แล้ว.....





"เฮ้ยๆ อย่าเบะปากแบบนั้น มึงอย่าร้องนะเว้ยเดี๋ยวแม่มึงตีนะ หึหึ" ผมพูดขึ้นเมื่อมันทำหน้าเหยเกทำท่าเหมือนจะเริ่มร้องไห้อีกครั้ง







"แง~~~"







ห้ามไม่ทันแล้วครับ มันร้องอีกแล้ว!!





"ทิวมึงจะไปขู่มันทำไมเนี้ยะ แค่นี้มันก็ตกใจจะแย่ล่ะ" 





"อ้าว! เมื่อกี้มึงดุมันยิ่งกว่ากูอีกนะ"





ควับ!! ผมโดนด่าด้วยสายตาทันที ไรวะ!





"โอ๋ๆ ไม่ร้องน้า... เดี๋ยวพี่จัดการไอ้ป๋ามันให้ ตีมันเลยดีไหม โอ๋ๆ"  มินมันทำท่ายกมือขึ้นจะตีผม ไอ้เด็กนั่นก็เสือกหยุดร้องซะงั้น ได้ไงวะ!!





"นี่กูผิด?"



"เออน่า... มึงรับไปก่อน เห็นไหมมันหยุดร้องแล้ว"



"แบบนี้ก็ได้เหรอวะ" 



"ทิวไปเอานมมาให้หน่อย"







แล้วหน้าที่นี้ก็ตกถึงผม ทำไงได้ล่ะก็ต้องไปเอามาให้ตามคำสั่งเมียดิครับ ทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งเมียรักของผม มันควบคุมสถานการณ์ได้ดี ตอนนี้ไอ้เด็กน้อยมันหยุดร้องแล้วนอนดูดนมสบายใจเฉิบอยู่บนตักมินครับ





"เอาไงต่ออ่ะ ถ้าให้มันนอนที่เดิมมันจะคลานเอาหัวไปฟาดอย่างอื่นในห้องอีกป่ะวะ" 





มินทำท่าหยุดคิดและมองไปที่ไอ้เด็กน้อยผู้น่าสงสาร





"งั้นให้มันนอนในห้องกับเราแล้วกัน" ผมขมวดคิ้วแน่น



"นอนยังไง?" ผมถาม



"ก็ให้มันนอนตรงกลางไง มึงกับกูนอนกั้นมันไว้มันจะได้ไม่กลิ้งตกเตียงไปอีก"



"เฮ้ย!! ได้ไง แล้วกูจะนอนยังไง" 



"อ้าว! ก็นอนคนละฝั่งไง ให้ไอ้เด็กนี่นอนตรงกลางยากตรงไหนล่ะ"



"ยากโว๊ย! เพราะกูไม่ได้นอนกอดมึงไง"





มินก้มลงมองไอ้เด็กอ้วนที่นอนกรอกตาไปมามองผมกับมินคุยกัน





"คืนเดียวน่าทิว ถ้าให้มันนอนคนเดียวเดี๋ยวก็หัวฟาดพื้นไม่ต้องนอนกันพอดี พรุ่งนี้ต้องไปโรงพยาบาลอีก ตอนเย็นค่อยแวะไปหาแม่กู แม่คงมีทางช่วยอะไรได้บ้าง"







ผมคิดหนักเลยงานนี้ ไม่ได้นอนกอดเมียมันเศร้ามากนะเว้ย!! คนมันเคยนอนกอดทุกวัน จู่ๆ มีอะไรมาคั่นกลางกอดเมียไม่ได้นี่คืออะไร ไม่!!!







"คืนเดียวนะเว้ย"



"เออคืนเดียวน่า"



"มึง! ไอ้เด็กตัวปัญหา!" ผมทำท่าจะเอานิ้วจิ้มที่หัวมัน มันรีบขยับตัวหนีทันที "ไปๆ ไปนอนได้แล้วกูง่วงแล้ว"







สรุปพวกผมสามคนนอนในห้องเดียวกันโดยมีไอ้เด็กอ้วนนอนคั่นกลาง แม่ง!! ฝันร้ายชัดๆ







"ทิวอย่าขยับตัวมาทับมันล่ะ เดี๋ยวตื่นมาขี้แตกตายพอดี"





"เออ! รู้แล้วน่า"



"มึงก็นอนดีๆ ห้ามงอแง กินนมแล้วก็นอนเข้าใจไหม?" มินพูดสั่งแล้วหยิกแก้มไอ้เด็กน้อย มันยิ้มครับ ไอ้เด็กนี่ฉลาดใช่เล่น รู้ดีไปหมด



"ทิวปิดไฟในห้องแล้วเปิดแค่ไฟหัวเตียงพอนะ"



"คร๊าบบบ... รับทราบครับเจ้านาย"





"ปัญญาอ่อน!! นอนได้แล้วอย่าพูดมาก"







ผมเดินไปปิดไฟตามคำสั่งแล้วเปิดไฟหัวเตียงไว้ให้พอมองเห็นภายในห้อง ทุกอย่างเงียบลงเพราะไอ้เด็กน้อยเริ่มเคลิ้มตาจะปิดเพราะะฤทธิ์นมส่วนมินก็ถอดวิญญาณหนีผมไปแล้วครับ  ผมล้มตัวนอนลงข้างๆ ไอ้เด็กอ้วนอย่างระวัง ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้มันและมินเมียรัก 







"ไอ้ตัวยุ่งเอ้ย!!" 







ผมใช้มือจิ้มแก้มมันเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว







จุ๊บบบ....







"ฝันดีนะ"





ผมจูบลงที่แก้มมินเบาๆ อย่างอ่อนโยน







TBC.

อ่านแล้วฝากเม้นเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ จุ๊บๆ












CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
รับมาเลี้ยงเลยก็ดีนะ อิอิ

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
ถือว่าเลี้ยงเก่ง 555555 ดูคุยไปคุยมาเหมือนเลี้ยงน้องหมา

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
เลี้ยงเด็กนี่ไม่ใช่ง่ายๆเลย สู้ๆนะคะ2หนุ่ม ขอใหัผ่านปัญหาไปได้ไวๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Star_ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-3
★ผัวขี้หึงVSเมียขาโหด ภาค 2
【ทิว❤มิน】



【EP.25 พิสูจน์ความเป็นพ่อ】






ทำไมเหงื่อกูออกเยอะขนาดนี้วะเนี้ยะ กูมั่นใจว่ากูไม่ใช่พ่อมึงแน่ๆ มึงไม่ต้องนอนยิ้มดีใจขนาดนั้นก็ได้ไหม! จากที่กูแม่งโคตรมั่นใจพอกูเห็นหน้ามึงทีไรความมั่นใจกูหายไปเลย ห่า!! นี่กูจะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้วะเนี้ยะ สติทิวสติ มึงต้องตั้งสติดีๆ ไอ้ทิวเอ้ย!!





"เป็นอะไรทิว?" มินถามขึ้นระหว่างเรากำลังนั่งรอไอ้หมอในห้องตรวจ



"กูตื่นเต้นนิดหน่อยวะ" ผมตอบตามความจริง



"หึ! ตื่นเต้นที่จะได้เป็นพ่อคนรึไง" 



"มินมึงอย่าพูดแบบนี้ได้ไหมวะ พูดเหมือนมึงไม่เชื่อใจกูเลยนะ"



"ทำไมกูจะไม่เชื่อใจมึงวะทิว กูก็มีเรื่องให้กังวลไม่ต่างจากมึงหรอกนะเว้ย!"







แกร็ก...







"เฮ้ยๆ ทะเลาะอะไรกันอีกวะ เสียงดังไปถึงข้างนอกแล้ว"





"มึงไปไหนมาวะ?" 







ผมเปลี่ยนประเด็นหันไปถามไอ้หมอแทน ไม่อยากทะเลาะกับมันว่ะ แค่นี้กูก็เหนื่อยก็เครียดมากพอแล้วไม่อยากทะเลาะกับมันให้เหนื่อยเพิ่มไปอีก







"ไปเตรียมเรื่องตรวจให้มึงนั่นแหละ เอานี่กรอกข้อมูลแล้วเซ็นชื่อในเอกสารซะ"





"เอกสารอะไรวะ?" ผมยื่นมือไปรับเอกสารจากไอ้หมอ





"กรอกๆ ไปเถอะน่า มันเป็นข้อมูลสุขภาพที่ต้องใช้เป็นข้อมูลในการตรวจ DNA ของมึงนั่นแหละ" ผมมองหน้าไอ้หมอ มันแอบขำผม ไอ้เพื่อนเลว!!





"ไม่มีอะไรมาก มึงกรอกไปเถอะ กูเพื่อนมึงนะมึงไม่เชื่อใจกูเหรอวะ"





"เออๆ กรอกก็ได้วะ" 





"พี่เนย์ช่วยตรวจสมองไอ้เด็กนี่ด้วยได้ไหมครับ" 





"ห๊ะ! ตรวจสมอง ตรวจทำไมเหรอมิน?"





"เมื่อคืนมันคลานออกจากที่นอน หัวมันกระแทกขาโต๊ะทำงานอ่ะพี่ ไม่รู้จะเป็นไรมากป่าว" 





"ฮ่าๆๆ ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ พี่ว่าไม่ต้องถึงขั้นตรวจสมองก็ได้มั้ง ไหนขยับรถเข็นมาใกล้ๆ พี่ซิ"







ผมนั่งกรอกเอกสารไปมองไอ้หมอตรวจไอ้เด็กนั่นไป มินก็นั่งมองไอ้หมอตรวจอย่างไม่ละสายตาเหมือนกัน







"ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงขนาดนั้นหรอกมิน แค่มีรอยแดงนิดเองคิดมากนะเรา หึหึ"





"เมื่อคืนผมเอาน้ำแข็งประคบให้มันครับ มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอพี่?"





"จากที่พี่ตรวจให้ก็ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกตินะ"





"อ่อครับ" มินตอบแล้วมองไปที่ไอ้เด็กน้อย





"ตอบเหมือนไม่เชื่อพี่เลยนะมิน หึหึ"





"ป่าวๆ เชื่อครับ ถ้าพี่ว่ามันไม่เป็นอะไรมากผมก็เชื่อ"





"ไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องคิดมาก"





"ป่าวนะพี่ ผมแค่เป็นห่วงมันนิดเดียวเอง มันยังเด็กมากกก็แค่นั้น"





"ไอ้หมอบอกไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรน่ามิน ดูหน้ามันดิยิ้มร่าขนาดนั้นไม่รู้อารมณ์ดีอะไรหนักหนา"





"อืม... ก็จริงอย่างที่มึงพูด" 





"ไอ้ทิวมึงกรอกเสร็จรึยังวะ นั่งมองอยู่ได้รีบๆ กรอกเข้าจะได้เริ่มตรวจ"





"เออๆ กูก็รีบกรอกอยู่นี่ไง!"







ก๊อก~~

เสียงเคาะประตูดังขึ้น 





"เข้ามาได้ครับ" 





"คุณหมอคะ เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยตามที่คุณหมอสั่งแล้วค่ะ"





"ขอบคุณมาก งั้นเดี๋ยวเริ่มกันเลยแล้วกัน"





"ทิวมึงตามกูไปที่ห้องตรวจอีกห้อง คุณพยาบาลรบกวนเข็นหนูน้อยคนนี้ตามผมไปที่ห้องตรวจด้วยนะครับ"





"ได้ค่ะคุณหมอ" เธอเดินตรงเข้ามาทำตามไอ้หมอสั่งทันที





"พี่หมอแล้วผมอ่ะ ผมไปด้วยได้ไหม?" 





"มินนั่งรอที่นี่นั่นแหละพี่ไม่ได้พาไอ้ทิวกับเด็กไปเฉือดซะหน่อยกลัวอะไร หึหึ"





"แต่ผมอยากไปด้วยนิ" 





"มินมึงรอที่นี่ก็แหละไม่นานเดี๋ยวกูก็กลับมาใช่ไหมวะไอ้หมอ" 





"อืม..." ไอ้หมอพยักหน้าตอบ





"รีบมาล่ะ" มันหันมาสั่งผม





"หึหึ เดี๋ยวกูรีบสุดๆ ให้เลย" ผมตอบขำๆ มินหันไปมองที่ไอ้เด็กน้อย 





"ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เจ็บมาหรอก" มินลูบหัวมันเบาๆ





"ปลอบกูมั่งดิ" ผมแกล้งพูดหยอก





"หนังหนาขนาดนี้ไม่รู้สึกหรอกมั้ง"





"ไปๆ อย่าร่ำลากันนานกูมีคิวตรวจคนไข้เยอะ"







ผมถูกไอ้หมอลากออกมาจากห้องโดยมีพยาบาลเข็นไอ้เด็กน้อยนั้นตามมา ผมถูกแยกไปตรวจคนละห้องครับ ผมถูกตรวจโดยการป้ายเนื้อเยื่อด้านในกระพุ้งแก้มด้วยก้านไม้พันสำลี ไอ้หมอบอกว่าการตรวจจะไม่มีเลือดและไม่รู้สึกเจ็บซึ่งการตรวจสำหรับเด็กก็ทำในแบบเดียวกันกับผู้ใหญ่ผมเลยไม่ค่อยเป็นห่วงว่ามันจะเจ็บตัว







หลังจากไอ้หมอจัดการเก็บตัวอย่างจากผมเสร็จผมก็ถูกไล่กลับไปที่ห้องตรวจของมัน ส่วนไอ้หมอย้ายไปห้องตรวจอีกห้อง ตอนแรกผมจะขอตามมันไปด้วยแต่โดยไอ้หมอไล่ออกมา มันบอกว่าผมเข้าไปด้วยก็เกะกะขวางทางผมเลยเดินกลับมาที่ห้องที่มินอยู่







"อ้าว! ทำไมกลับมาคนเดียวอ่ะ" 





"ไอ้หมอไล่มา มันไปตรวจไอ้เด็กคนนั้นอยู่คงอีกสักพักกว่าจะเสร็จ"





"อืม... แล้วมึงเป็นไงบ้าง?"





"ก็ปกติดี กูโอเค" ผมตอบ 







บทมันจะดีก็ดีจนผมใจหายตั้งตัวไม่ทัน เมียกูเป็นไบโพลาร์ป่าววะ ผมกับมินนั่งรอไอ้หมอที่ห้องตรวจ เวลาผ่านไปประมาณเกือบชั่วโมงไอ้หมอก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมพยาบาลสาวที่เข็นรถเด็กตามหลังมาติดๆ







"เสร็จแล้วเหรอวะ ทำไมมึงตรวจมันนานกว่าตรวจกูวะ"





"กูตรวจหลายอย่าง มึงกับครอบครัวมึงกลับไปได้ล่ะ ผลตรวจรอ 3-7 วัน เดี๋ยวผลตรวจออกมาแล้วกูจะโทรบอก"





"ทำไมนานจังวะ" 





"ตามระบบไอ้ควาย! รอนิดรอหน่อยไม่ตายหรอกเดี๋ยวกูจัดการให้น่า"





"เออๆ กูแค่สงสัยไม่ได้เหรอวะ งั้นกูพามินกลับก่อนแล้วกันเดี๋ยวต้องพามินกลับบ้านไปหาแม่มันด้วย"







ตุบ!!







"แม่มันๆ แม่กูเรียกดีๆ ดิ"





"คร๊าบๆ แม่ยาย แม่เมีย แม่ที่รักของกูก็ได้อ่ะ"







ตุบ!!







"กวนตีน!!"





"ฮ่าๆ พวกมึงนี่ชอบใช้กำลังกันจังวะ อย่าลืมว่ามีเด็กมองอยู่อีกคน งดใช้กำลังต่อหน้าเด็กเว้ย"





"อ้าว! มันร้องไห้ด้วยเหรอพี่หมอ" 





"อ่อ นิดหน่อยน่ะ พี่ต้องเจาะเลือดไปตรวจเพิ่ม ร้องไห้แค่แป๊ปเดี๋ยวเท่านั้นแหละมิน พอเจอพยาบาลพี่โอ๋เข้าไปเงียบกริบเลยว่ะ นิสัยเหมือนใครก็ไม่รู้เนอะ เจอสาวเอาใจนี่หยุดงอแงไปเลย หึหึ" มินหันควับมามองที่ผม





"เฮ้ยๆ ไอ้หมอไอ้สัส!! บ้านกูไฟไหม้แล้วไอ้เหี้ย" 





"เออใช่ ที่ผิวเด็กเกินอาการแพ้นิดหน่อยนะ"





"แพ้!! แพ้อะไรพี่?" มินถาม





"เมื่อคืนเราอาบน้ำหรือเช็ดตัวให้เด็ก?"





"อาบน้ำ!" ผมสองคนตอบพร้อมกัน





"หึ แล้วใช้อะไรอาบ?" ไอ้หมอถามต่อ





"ครีมอาบน้ำครับ" มินรีบตอบทันที





"เออ! มึงนี่ก็ถามแปลกๆ อาบน้ำก็ต้องใช้ครีมอาบน้ำดิวะ" 





"อ้าว! กูถามเนี้ยะเพราะกูอยากรู้สาเหตุไง กูเป็นหมอนะเว้ย ถึงจะไม่ใช่หมอเด็กโดยตรงก็เถอะ" ไอ้หมอโวยวาย





"ทิวเงียบก่อนดิ!" มินหันมาว๊ากผม





"ไรวะ กูก็แค่ตอบแล้วสงสัยนิดหน่อยเอง"





"แล้วไงครับพี่หมอ สรุปมันแพ้อะไร?"





"แล้วเราใช้ครีมอาบน้ำอะไรอาบให้ล่ะ?"





"ยี่ห้อไรวะทิว ของญี่ปุ่นใช่ป่ะ ที่ผสมน้ำนมอ่ะ?" มินหันมาถามผม





"เออๆ ใช่ๆ สูตรอ่อนโยนต่อผิว กูอ่านแล้วอ่อนโยนเชื่อถือได้" ผมรีบตอบทันที





"ไอ้ห่า!! กูไม่คิดว่าจะมีเพื่อนโง่ขนาดนี้ มึงควายป่าววะไอ้ทิว ครีมอาบน้ำเด็กยังซื้อไม่เป็นเลย" 







ควับ!!

สายตาอันโหดร้ายมองมาที่ผมทันที





"กูทำผิดอะไรไปรึป่าว" 





"ผิด!!" ไอ้หมอกับมินพูดขึ้นพร้อมกัน





"อ้าว! ก็กูอ่านแล้วมันสูตรอ่อนโยนนะเว้ย สูตรอ่อนโยนเด็กก็ต้องใช้ได้ดิ"





"กูล่ะปวดใจ" ไอ้หมอพูดก่อนจะถอนหายใจเบาๆ





"มึงไม่ซื้อของเด็กกโดยเเฉพาะมาเหรอทิว?" มินหันมาถามผม





"กูอ่านแล้วจริงๆ แต่ไม่ได้อ่านว่าของเด็กหรือของผู้ใหญ่ไง ก็มันสูตรอ่อนโยนมันก็น่าจะใช้ได้นี่หว่า"





"มึงเนี้ยะน้า... กูไม่น่าใช้มึงไปซื้อเล๊ย!" 





"เอาพอๆ พี่สรุปให้คร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นเพราะครีมอาบน้ำนี่แหละ เพราะเพื่อนพี่มันตรวจดูให้แล้ว ไม่ต้องห่วงไม่เป็นอะไรมากหรอก พี่จัดยาให้แล้วเอาไปทาให้เด็กหลังอาบน้ำเช้ากับก่อนนอนเดี๋ยวก็หาย"





"ขอบคุณครับพี่หมอ"





"อืม.. ไม่เป็นไร แล้ววันหลังจะซื้อของใช้ให้เด็กอ่านดีๆ ก่อนล่ะ เลือกที่ใช้กับเด็กโดยเฉพาะจะได้ไม่มีปัญหา"





"ครับ ต่อไปผมจะไม่ปล่อยให้พี่มันไปซื้อของคนเดียวอีกแล้ว ไว้ใจไม่ได้จริงๆ เฮ้ออ..."





"อ้าว!! เมื่อคืนมึงก็อาบน้ำให้มันกับกูนะมิน ความผิดหารสองดิ!!"





"หุบปาก!! มึงเป็นคนซื้อมา"





"เฮ้ออ... กูล่ะปวดหัวกับบ้านนี้จริงๆ กลับบ้านกลับช่องกันไปได้แล้ว ผลตรวจออกเมื่อไหร่ก็จะโทรหา ไป!!" 





"เออ! ขอบใจมึงมาก ไว้กูทำธุระเสร็จจะโทรหา"





"อืมๆ ไปเถอะ ไปดูแลลูกกับเมียมึงให้ดีๆ ล่ะกัน"





"ไอ้สัสหมอ!!" 





ขอด่าส่งท้ายทีเถอะ แม่ง!! อวยพรกูแต่ละอย่าง ตุบ!!!





"เลิกโวยวายได้แล้ว กลับบ้าน!!"





ฝ่ามือฟาดลงที่หลังผมอย่างแรง แม่ง!! น้ำตากูจะไหล สาดดดด





"ขอบคุณมากครับพี่หมอ งั้นพวกผมขอตัวกลับเลยนะครับ"





"อืม... กลับกันดีๆ อย่าตีกันกลางทางอีกล่ะ หึหึ"





"โอ๊ยยย... มินอย่าหยิกกู!!"



















ตอนนี้ผมกำลังขับรถพามินไปหาแม่ยายผมที่บ้าน วันนี้เราสองคนจะเข้าไปปรึกษาแม่มินโดยที่มินมันเป็นคนจัดการและเล่าทุกอย่างให้แม่มันฟังเรียบร้อย มินบอกว่าไปหาแม่มันก่อนเพราะแม่มันรู้เรื่องนี้แล้ว ส่วนแม่กับพ่อผมจะเป็นรายต่อไปแต่มินบอกขอให้รู้ข้อมูลมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยหาเวลาไปคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ผมอีกที หึ! แต่เชื่อเถอะแม่มินรู้มีรึแม่ผมจะไม่รู้ มันเป็นไปไม่ได้!!







"ทำอะไรมิน?" มินเงยหน้าขึ้นมามองผมหลังจากก้มๆ เงยๆ มองไอ้เด็กอ้วนตั้งแต่ขึ้นรถแล้วครับ





"ผิวมันแดงๆ จริงด้วยทิว มันจะคันป่าววะ?"





"ไม่รู้ดิ คงคันมั้ง" ผมตอบ





"อืม... กูก็คิดว่ามันคงคันนั่นแหละแดงขนาดนี้ แต่ทำไมมันไม่ร้องเลยวะทิว"





"อ้าว! กูจะรู้ไหมเนี้ยะว่าทำไมมันไม่ร้อง มึงลองถามมันดูดิ มันนอนมองหน้ามึงอยู่นิ ถามเลยๆ กูก็อยากรู้เหมือนกัน หึหึ"





"ไอ้บ้า!! มันยังพูดไม่ได้เหอะ"





"อ้าวเหรอ ฮ่าๆๆ กูนึกว่ามึงจะคุยกับมันรู้เรื่อง"





"ถ้ากูคุยกับมันรู้เรื่องกูคงถามไปล่ะว่าแม่มันชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน แล้วมึงอ่ะใช่พ่อมันจริงๆ รึป่าว หึ!!"





อร๊ากกกก!!! กูไม่น่าเล่นมันเลย โดนกลับทีหน้ามืดเลยกู สาดดดด





"&$#*)@%-&=$#-=$"





"มันพูดอะไรวะทิว กูฟังไม่รู้เรื่องว่ะ" 





"กูจะรู้ไหม คงไม่มีอะไรหรอกน่ามันคงอยากคุยเล่นกับมึงนั่นแหละ ดูหน้ามันดิออกจะเบิกบานใจขนาดนั้น" 







มินเผยยิ้มออกมาเล็กน้อยไอ้เด็กอ้วนก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเหมือนได้รับการตอบรับที่ดีกับประโยคอ้อแอ้ที่มันพยายามส่งเสียงออกมา





"มันเป็นเด็กอารมณ์ดีเนอะมึงว่าไหมทิว?" 





"อืม.. คงงั้นมั้ง"





"แล้วทำไมแม่มันถึงเอามาทิ้งแบบนี้วะ" สีหน้ามินดูเศร้าๆ 





"เขาอาจมีเรื่องจำเป็นอะไรที่เราไม่รู้ก็ได้" 





"แม่เขาอาจจะเลี้ยงไม่ไหวเลยเอามาให้มึงเลี้ยงแทนใช่ไหมวะ?"





"เฮ้ย!! ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งสรุปว่ากูเป็นพ่อมันดิวะ" มินหันมามองหน้าผมสามวิแล้วถอนหายในเฮื้อกใหญ่







ไอ้เด็กอ้วนดูดขวดนมอยู่บนตักมินสักพักก็หลับคล่อกคอหักไปเลย แดกเก่งหลับง่ายไม่งอแงดีเว้ย มินเองก็ได้แต่นั่งใจลอยมองวิวกรุงเทพฯ ไปตลอดทาง ผมใช้เวลาขับรถมาถึงบ้านแม่มินก็เย็นพอดี พอมาถึงบ้านแม่มินก็ออกมายืนรอรับเราสามคน แม่บ้านก็ช่วยกันขนของลงจากรถ







"แม่สวัสดีครับ"





ผมกับมินยกมือไหว้ทักทายแม่พร้อมกัน





"สวัสดีจ๊ะลูกชาย ไหนๆ แม่ขอดูหน้าลูกตาทิวหน่อย"





"โหหห... แม่ครับ เดี๋ยวมินก็เข้าใจผมผิดไปอีก"





"คริคริ แม่ล้อเล่นจ้า มาๆ แม่ขออุ้มหน่อย"







เด็กน้อยตาปรือเพราะเพิ่งตื่นนอน พอมินขยับตัวลงจากรถมันก็ลืมตาพอดี รู้เวลารู้งานดีจริงๆ 







"ตายแล้ว!!! ทำไมน่าเอ็นดูแบบนี้ล่ะ โตขึ้นมาต้องหล่อแน่เลย" 





"ผมขอขึ้นห้องก่อนนะ ฝากแม่ดูด้วยแล้วกัน" 





"อ้าว ไม่หิวข้าวเหรอลูก?"





"ไม่อ่ะ ผมเหนื่อยมากกว่า"





"งั้นมินขึ้นไปพักผ่อนก่อนแล้วกัน เดี๋ยวแม่ช่วยดูเด็กน้อยอวบอ้วนคนนี้ให้จ๊ะ ต๊าย!! ทำไมแก้มน่าหยิกแบบนี้เนี้ยะ น่ารักเหมือนตามินตอนเด็กๆ เลยนะเรา" 







แม่ยายผมยังคงตื่นเต้นกับไอ้เด็กอ้วนไม่หยุด แม่คร๊าบ... ช่วยดูหน้าลูกชายกับลูกเขยแม่ด้วยคร๊าบ







"แม่ครับผมฝากด้วยนะครับ เดี๋ยวผมไปดูมินก่อน"





"ทำไมเหรอ น้องงอนอะไรเรารึป่าว?"







ผมได้แต่ยิ้มแหยะๆ ให้แม่มิน โถ!! แม่ไม่น่าถามเลย หลักฐานอยู่ในมือแม่ชัดๆ 







"ป่าวครับ เราไม่ได้ทะเลาะกันครับแต่ผมไม่อยากปล่อยให้มินอยู่คนเดียว"





"อ่อๆ งั้นรีบตามน้องไปเถอะ เดี๋ยวแม่ดูแลเด็กน้อยให้จ๊ะ"





"ครับๆ ขอบคุณมากครับแม่"







ผมรีบเดินตามมินเข้าไปในบ้าน พ่อมินชี้ส่งสัญญาณให้ผมว่ามินขึ้นไปข้างบนแล้ว ผมยกมือไหว้พ่อตาก่อนจะรีบเดินด้วยความไวตามที่รักขึ้นไปบนห้องนอน







ผมเดินมาหยุดยืนที่หน้าห้องนอนของมิน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป มินนอนอยู่บนที่นอนหันหลังให้ประตู แอร์มันก็ไม่เปิด ผมล็อคประตูห้องเสร็จก็กดเปิดแอร์ให้มันก่อนเดี๋ยวกก็บ่นร้อนอีก มินหันมามองผมก่อนจะหันกลับไปนอนในท่าเดิม







ผมเดินไปหยุดยืนที่ข้างเตียงนอนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้มินไว้ครึ่งตัว 







"ทำไมไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยนอน"





"ขี้เกียจ ง่วง!"





"ไปโรงพยาบาลมาเชื้อโรคมันเยอะ ไปอาบน้ำก่อนไปค่อยมานอน"













"มิน"





"อืม... รู้แล้ว" 





มันหงุดหงิดนิดๆ ครับแต่มันก็ลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำตามที่ผมบอก







เฮ้อ... กูควรจะทำยังไง







ตอนนี้ผมลืมเรื่องเครียดๆ ของตัวเองไปเลยเพราะผมเป็นห่วงความรู้สึกมินมากกว่า สถานการณ์ตอนนี้มันคงคิดมากไม่ต่างจากผม เฮ้อ... ผมนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกตัวอีกทีผ้าเช็ดตัวก็วางอยู่บนตักผม







"ไปอาบน้ำดิ" พูดจบมินก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วรื้นหาเสื้อผ้ามาใส่ ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวที่มินเอามาให้







น้ำอุ่นๆ ที่กำลังกระทบลงตัวผมทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายได้บ้างเล็กน้อย แต่ในหัวก็ยังคิดเรื่องที่ทำให้มินเสียใจอยู่ตลอดเวลา มันรู้สึกแย่ฉิบหายแต่ผมก็พยายามหาทางออกอย่างดีที่สุด ถ้าเรื่องนี้มันจบเร็วๆ ก็คงจะดี ผมไม่ชอบความรู้สึกตอนนี้เลยว่ะ

















มินนอนไม่ยอมห่มผ้าอีกแล้ว ผมเดินไปห่มผ้าให้มันก่อนจะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า มินเตรียมเสื้อยืดกับกางเกงขายาวเอวยืดไว้ให้ผม เป็นชุดที่ผมชอบหยิบของมันมาใส่ ตอนแรกใส่เสื้อผ้ามันก็ตลกดี กางเกงขายาวแต่ผมใส่เป็นกางเกงขาลอยนิดๆ เสื้อตอนที่ใส่แรกๆ เหมือนคนเล่นกร้ามใส่เสื้อเด็กแต่เดี๋ยวนี้เหมือนเสื้อยาจกซะมากกว่าเพราะยืดจนย้วยไปทั้งตัว หึหึ















ฟอดดด...







"เป็นอะไร หื้อ? ไหนบอกง่วงทำไมยังไม่นอนอีก" 















ผมรวบตัวมินเข้ามากอด มินพลิกตัวหันหน้าเข้าหาผมแล้วมองผมโดยที่ไม่ได้พูดอะไร







"เป็นอะไร?" 





"ป่าว กูแค่รู้สึกเหนื่อย" 





"เหนื่อยก็เลิกคิด" ผมใช้มือลูบที่แก้มมินเบาๆ





"ดูท่าทางแม่กูจะชอบมันเนอะมึงว่าไหม?"  ผมขมวดคิ้วแน่น





"หมายถึงใคร ไอ้เด็กอ้วนนั่นนะเหรอ?"





"อืม" มินตอบเสียงเบา





"คงชอบมั้ง" ผมตอบ





"แล้วมึงคิดว่าแม่กูชอบมันไหมล่ะ!" เริ่มขึ้นเสียงเว้ยเฮ้ย





"มันก็น่าตาน่ารักดีนิ กูยังรู้สึกชอบมันเลย"





"อืม... มันก็น่ารักจริงๆ นั่นแหละ เฮ้อออ..." มินถอนหายใจเฮื้อกใหญ่





"มึงเป็นอะไรกันแน่มิน คิดมากเรื่องอะไรอีกไหนพูดให้กูฟังซิ"











มันเงียบครับ ไม่ยอมตอบแถมยังมุดหน้าหนีผมอีก





"มิน" 





"ป่าวไม่มีอะไร"





"พูดมามิน ท่าทางมึงกับคำตอบมันตรงข้ามกัน"











"มิน" 







น้ำเสียงผมเริ่มจริงจังขึ้น มินเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะถอนหายใจเบาๆ







"มีอะไรพูดมา" 







มินทำหน้าไม่พอใจ แบบนี้แหละครับเวลาที่มันโดยผมบังคับให้พูดมันจะแสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าชัดเจน 







"ถ้ามันเป็นลูกมึงจริงๆ มึงจะรักมันมากกว่ากูไหม?" มินพูดอย่างรวดเร็ว







oO!!!







"ห๊ะ!! มึงพูดว่าไงนะ"







ที่จริงผมก็ฟังที่มันพูดชัดเจนทุกคำนั่นแหละครับ แต่แม่ง!! ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่ะ ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากมิน นี่มึงหึงหวงกูใช่ไหมที่รัก ว๊ากกก.... 







"คือกู... เออ!! ช่างมันเถอะ คิดซะว่ากูไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน!!"







พรึ่บ!!

แล้วมันก็พลิกตัวหนีผมทันที







"หึหึ เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ กูฟังไม่ถนัดเลยว่ะ" 





"ขยับไปดิ ร้อน!!" มันใช้มือดันตัวผมออก





"นี่อย่าบอกนะว่ามึงหวงกู หึหึ"







พรึ่บ!!

มินลุกขึ้นนั่งทำท่าขึงขังแล้วว๊ากผมทันที







"หวงไร! คนอย่างมึงมีอะไรน่าหวง เพ้อเจ้อ!!" 





"เฮ้อ.. ก็นั่นดิ คนอย่างกูไม่มีอะไรให้หวงอยู่แล้วเนอะ ไอ้เด็กอ้วนนั่นมันก็น่ารักดี เลี้ยงก็ง่าย ถ้าผลตรวจออกมาแล้วมันไม่ได้เป็นลูกกูจะทิ้งมันไปก็น่าสงสาร เอ๊ะ!! หรือกูจะเลี้ยงมันไว้ดีวะ เฮ้อ... คิดหนักเหมือนกันนะเนี้ยะจะเอาไปคืนแม่มันก็เสียดาย"





"มึง... ถ้ามันไม่ได้เป็นลูกมึงจริงๆ มึงจะเลี้ยงมันไว้จริงเหรอ?" 





"อืม... มึงคิดว่าไง มันน่ารักดีกูชอบ" 





มินหน้าเจื่อนทันที โอ๊ย!! ทำไมมึงน่ารักอย่างนี้วะที่รัก มึงหึงกูหวงกูเพราะเด็กเนี้ยะนะ 





"เรื่องของมึงเหอะ!!" 





"อ้าว!! อย่าเพิ่งหนีกันดิ มาช่วยกันคิดก่อนว่าจะเลี้ยงมันไว้ดีไหม หึหึ"







หมับ!!

ผมรวบตัวมินเข้ามากอด มันนอนนิ่งไม่ตอบโต้ จ้องตาผมเขม็งเลยว่ะ 







"หึหึ มึงหงุดหงิดอะไรกูเนี้ยะ หื้อ"

ฟอดดด...





"กูป่าวเหอะ! มึงจะเลี้ยงมันก็เรื่องของมึงไม่เกี่ยวกับกู"





"อืม... กูว่าหน้าตามันน่ารัก เลี้ยงก็ง่าย ไม่งอแง ดูท่าทางแม่มึงก็ชอบมัน แม่กูเห็นก็คงชอบมึงว่าไหม?" 





ขอยั่วอีกนิดเถอะกำลังสนุกเลยว่ะ





"เออ!! แล้วแต่มึง!! ปล่อยได้แล้วกูอึดอัด"







ผมกลั่นขำแทบไม่ไหว อยากให้เห็นหน้ามันจริงๆ หน้าตาโมโหจัดๆ ปนน้อยใจ นานๆ ทีถึงจะแสดงอาการแบบนี้ มันน่ารักว่ะ ผมชอบ







"ไม่เอาดิ กูอยากกอดมึง กอดหน่อยนะกอดหน่อย"





"ไม่กอด กูอึดอัด!!"





"อ่ะๆ ไม่กอดก็ได้ งั้นจูบกูหน่อยเร็ว"  ผมแกล้งยื่นปากไปใกล้ๆ มัน





"ไม่จูบเว้ย!!"





"น่านะจูบกูหน่อย เวลามึงจูบกูก่อนมึงโคตรน่ารักเลย"







มินมันนิ่งไปเลยครับ จากที่ดิ้นๆ หนีผมไม่ยอมให้ผมกอดตอนนี้แม่งนิ่งไปเลย จุ๊บบบ... แล้วริมผีปากมันก็กระแทกเข้ากับริมผีปากผม







"หึหึ กูบอกว่าจูบไม่ใช่จุ๊บปากเหมือนเด็กๆ แบบนี้ไม่เอาดิ" มินทำหน้าไม่พอใจ ลมออกหูมึงแล้วที่รัก หึหึ





"เร็ว! จูบปากอ่ะ เอาแบบหวานๆ เลยนะ จูบกัน จูบกูหน่อยนะๆ ที่รัก"





ผมทำท่ายื่นปากเข้าไปใกล้มัน มินมันทำหน้าไม่พอใจสักเท่าไหร่แต่....







ริมฝีปากบางกำลังจูบลงเบาๆ ที่ริมฝีปากผมอย่างช้าๆ มินค่อยๆ กดจูบอย่างเอาใจ มันทำให้ผมรู้สึกอุ่นๆ ที่ใจอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกนุ่มนวลไปหมด ชอบจัง มินกดจูบย้ำๆ ก่อนจะกัดเบาๆ ที่ริมฝีปากของผม 







"อืมม..." 







ผมเผยปากออกเพื่อให้มินแทรกลิ้นเข้ามาแล้วผมก็เริ่มบทจูบในแบบของผม ลิ้นร้อนกวักไกว่ไร้ลิ้มชิมรสหวานจนทั่วโพรงปากนุ่ม เกี่ยวรัดกันไว้อย่างไม่มีหยุดพัก ไม่มีใครยอมใคร ผมตวัดลิ้นมินเกี่ยวรัดไว้แน่น เราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่ม ผลัดกันจูบอยู่อย่างนั้นผมรุกมินรับเราต่างตอบสนองกันได้ดี









มินพลิกตัวขึ้นคล่อมร่างผมไว้ ร่างกายของเราสองคนบดเบียดกันผ่านเสื้อผ้าเนื้อหนาแต่ผมกลับรู้สึกเร่าร้อนจนแทบไหม้ ร่างกายผมตื่นตัวไวมาก มินก็เช่นกัน ผมกดจูบย้ำๆ ก่อนจะถอนจูบออกเพราะเริ่มจะทนไม่ไหวแต่มินกลับไม่ยอม มินตามประกบปากผมอีกครั้งแล้วเริ่มจูบผมอย่างหื่นกระหาย มินจูบผมรุนแรงขึ้น เร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนผมเริ่มทนต่ออารมณ์แบบนี้ต่อไปไม่ไหว ถึงร่างกายผมจะตอบรับทุกการกระทำของมินแต่ในใจผมกลับรู้สึกแปลกๆ ผมรู้สึกว่ามินพยายามมากไป







พรึ่บ!!







"แฮ่ก... ทำไมอ่ะ?" มินหอบหายใจเหนื่อย จ้องมองแล้วถามผมอย่างสงสัย





"ไม่ชอบเหรอ? แฮ่กๆ" 





หมับ!!





"ชอบดิ มึงไม่ต้องพยายามทำเพื่อกูขนาดนี้ก็ได้นะมิน แค่นี้กูก็รักมึงจะตายอยู่แล้วรู้ไหมหื้อ?" 

ฟอดดดด....







ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าในใจมินคิดอะไรอยู่บ้างแต่ผมอยากให้มินรู้สึกไม่สบายใจ ไม่อยากให้มินต้องเป็นกังวลว่าผมจะรักใครมากกว่ามัน เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะมินคือคนที่ผมรักที่สุด … มินใช้แขนทั้งสองข้างดันตัวเองขึ้นในท่าที่นอนคร่อมตัวผมอยู่ ภาพที่ผมเห็นตอนนี้ทำเอาผมอึ้งแดกไปเลย มินมันน้ำตาคลอ สายตามันจ้องมองมาที่ผม น้ำตาหนึ่งหยกตกลงกระทบแก้มของผม มินรีบเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วเสหน้ามองไปทางอื่น







"มิน"





"วันนี้พอแค่นี้เนอะ กูง่วงพอดีเลย" มินพลิกตัวลงไปนอนโดยที่ไม่พูดอะไรต่อ 





"มินเป็นอะไรหื้อ?"





"นอนเถอะ กูเหนื่อยแล้ว"







ผมรวบตัวมินเข้ามากอด มันพยายามไม่มองหน้าผมแต่ผมใช้มือจับที่ปลายคางของมันให้มันเงยหน้าขึ้น แล้วเราสองคนก็สบตากันอีกครั้ง







"กูไม่เคยคิดจะรักใครมากกว่ามึงเลยนะมิน ต่อให้มีใครผ่านเข้ามาในชีวิตกูไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมึงก็จะเป็นคนที่กูรักที่สุด มึงคนเดียว"





"อืม... กูเชื่อที่มึงพูด" มินตอบทั้งน้ำตา ริมฝีปากผมจูบซับน้ำตาให้มินคนที่ผมรักสุดหัวใจ ผมไม่อยากเห็นมันร้องไห้ เพราะเห็นน้ำตามันทีไรใจผมมันปวดเหมือนกำลังโดนบีบอย่างหนัก 





"กูรักมึงนะทิว" มินพูดเสียงสั่น





"งั้นกอดกูแล้วบอกรักกูด้วยร่างกายของมึงได้ไหม?"







ปากของผมพรมจูบทั่วใบหน้าของมินอย่างอ่อนโยน 







"ได้ซิ เพราะร่างกายของกูเป็นของมึงคนเดียว"









ผมถูกมินบอกรักโดยใช้ร่างกายของเราทั้งสองคนสื่อสารกัน ร่างสองร่างสอดประสานกันไว้แน่น ทุกการกระทำตอบรับทุกความรู้สึก รักคือรัก รักที่ยิ่งกว่ารักและรักที่ไม่มีวันพรากจากเพราะผมจะดูแลรักนี้ของผมให้อยู่กับผมตลอดไป









TBC.

เขียนไปทำไมมันหน่วงๆ 5555 แล้วจบตอนคืออะไร โอ๊ยย... ขอโทษคร่าอารมณ์มันพาไปล้วนๆ เลย












ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มิน หวงทิว กลัวทิวจะรักเด็กมากกว่าตัวเอง
ถถถถถถถถ ทิวน่ะรักมินคนเดียวสุดๆไปแล้ว
มินก็รู้ แต่มันกลัวๆไง
ทิว  มิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
บรรยากาศมันมัวๆ ไม่สดใสเนอะ ^^

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
มินคิดมากไปจริงๆ นะ ระหว่างรอผลอีกตั้งหลายวัน บรรยากาศคงอึมครึมน่าดู.

ออฟไลน์ Star_ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-3
★ผัวขี้หึงVSเมียขาโหด ภาค 2
【ทิว❤มิน】



【EP.26 อ่อนไหว】






อ้อมกอดที่อบอุ่นนี้ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะเลยครับ การที่เรากอดกันครั้งนี้ผมได้ส่งผ่านความรู้สึกที่ผมมีถ่ายทอดไปให้ไอ้ป๋ามันได้รู้ว่าผมกำลังรู้สึกอ่อนไหวมากแค่ไหน ใช่ครับตอนนี้ผมกำลังรู้สึกกลัว รู้สึกกังวล รู้สึกสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นและที่สำคัญที่สุดคือ... ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกแย่งความรักที่ดีที่สุดของผมไป







มันบ้ามากเลยว่าไหม ให้ตายเหอะ! นี่ผมกำลังอิจฉาเด็กงั้นเหรอ บ้าจริง!! ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะอ่อนไหวได้มากขนาดนี้ ถ้าคนอื่นมองผมจากภายนอกอาจจะมองว่าผมเป็นคนกล้าในหลายๆ เรื่อง แต่เรื่องนี้ผมรู้สึกกลัวจริงๆ ผมกลัวว่าคนที่มาก่อนผมจะมาทวงคืนในสิ่งที่เป็นของเขาคืน







ผมรู้นะครับว่าไอ้ป๋ามันไม่ใช่สิ่งของที่ใครจะหยิบไปใช้หรือไม่ใช่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ลองมาเป็นผมดูซิ! ผมเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่สามารถทำเรื่องบางเรื่องให้มันได้ ในความเป็นจริงบนโลกใบนี้สิ่งที่ควรจะเป็นคือผู้หญิงเกิดมาเพื่อคู่กับผู้ชาย สร้างรากฐาน สร้างอนาคตและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นสืบสายเผ่าพันธุ์จากรุ่นสู่รุ่น ถึงทุกวันนี้โลกมันจะเปลี่ยนไปมากแล้วก็ตามแต่ความจริงมันก็คือความจริง ถ้าสิ่งที่ผมกลัวในตอนนี้มันเป็นเรื่องจริงล่ะ ผมควรจะทำยังไงดี ผมควรถอยออกมาเพื่อให้มันมีครอบครัวของตัวเองงั้นเหรอ แล้วถ้าผมไม่อยากปล่อยมือจากมันล่ะ แล้วถ้าผมอยากเดินไปข้างหน้ากับมันต่อไปผมควรจะทำยังไงดี ผมขาดมันไม่ได้จริงๆ นะ เพราะผมรักมันมากเกินกว่าที่ผมจะยอมถอดใจไปจากมันไง







เฮ้ออ... ผมควรจะทำยังไงดี







ตั้งแต่เรื่องนี้เกิดขึ้น ไอ้เด็กอ้วนน่าตาน่ารักน่าเอ็นดูที่เป็นใจความสำคัญของเรื่องทำให้ผมรู้สึกสงสารเด็กมันที่โดนแม่แท้ๆ ของตัวเองทิ้งแล้วก็รู้สึกสงสารตัวเองที่ยังไม่รู้ว่าจะถูกทิ้งเหมือนมันรึป่าว ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวไปหมด ตอนนี้ในหัวของผมกำลังคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง อะไรคือสิ่งที่ผมควรทำกันแน่ แต่ที่ผมรู้ในตอนนี้ก็คือผมไม่อยากเสียไอ้ป๋าไปให้ใคร ไม่อยากเสียมันไปจริงๆ ผมอยากอยู่กับไอ้ป๋า ผมดูเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไปไหม









ฟอดดด....





"คิดอะไรอยู่?" ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้ป๋าที่นอนกอดผมแล้วกำลังลูบหัวผมเบาๆ 





"ป่าวคิด กูแค่เหนื่อย" 





"หึหึ เสียพลังไปเยอะล่ะซิ หิวข้าวรึยัง?"





"นิดหน่อย มึงหิวเหรอ"





"หึหึ กูใช้พลังงานไปเยอะ" 







ไอ้ป๋ามันยังคงทำหน้าล้อเลียนผมไม่เลิก ปวดไปทั้งตัวเลยกู







"อืม... งั้นกูไปอาบน้ำแป๊ปนะ" จุ๊บบบ...





"โอเคคร๊าบ... เร็งลวหน่อยก็ดีนะ ไม่รู้ไอ้อ้วนมันกวนอะไรแม่มึงมากรึป่าว"







กึ่ก!!!



ผมหยุดชะงักกับประโยคสุดท้าย ไอ้ป๋ามันก็นิ่งเหมือนมันจะรู้ตัวเหมือนกัน "งั้นมึงลงไปก่อนก็ได้เดี๋ยวกูตามไป" พูดจบผมก็รีบเดินเข้าห้องน้ำทันที 





















ผมใช้เวลาอาบน้ำค่อนข้างนาน คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทั้งที่ไอ้ป๋ามันบอกแล้วว่ามันไม่มีวันทิ้งผมแต่ทำไมผมยังรู้สึกกลัวอยู่ล่ะ ผมพยายามสลัดความคิดบ้าๆ นี้ออกจากหัวไปให้หมด แต่มันไม่ง่ายเลย







แกร็ก!!







ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมาไอ้ป๋ามันยังอยู่ในห้องครับ มันรีบเดินเข้ามาหาผม







"ทำไมอาบน้ำนาน?"





"อ่อ.. กูสระผมด้วยเลยนานน่ะ"





"มิน"





"ทิวเช็ดผมให้หน่อยดิ" ผมพยายามตัวให้เหมือนเดิมทุกอย่าง





"อืม ไปนั่งรอที่เตียงเดี๋ยวไปเอาผ้ามาเช็ดให้"







ผมเดินไปนั่งรอที่เตียงตามที่ไอ้ป๋าสั่ง มองดูไอ้ป๋าที่รีบเดินไปหยิบผ้ามาให้ผม มันเปิดลิ้นชักค้นหาไดร์เป่าผมมาด้วย







"ขยับมานั่งนี่มา" 





ไอ้ป๋าจัดเตรียมทุกอย่าง มันค่อยๆ เช็ดผมให้ผมเบาๆ 





"ขอบคุณนะทิว" หมับ!! ร่างของผมถูกโอบกอดจากข้างหลัง 







"กูขอโทษ กูพูดให้มึงคิดมากอีกแล้วใช่ไหม"













"ป่าวนิ ไม่ได้คิดอะไรแล้ว"





"จริงนะ?"





"อืม... จริง"





ฟอดดดด....





"กูรักมึงนะไอ้แห้งที่รัก"





ผมพยายามฝืนยิ้มเพื่อให้ไอ้ป๋ามันสบายใจ 





"ทิว"





"อืม... ว่าไง?"















บ้าเอ้ย!! คิดบ้าๆ อีกแล้ว มึงต้องเชื่อมั่นในตัวคนที่มึงรักซิวะมิน ไอ้ทิวมันไม่มีทางทิ้งมึงอยู่แล้วไอ้โง่!! คิดมากไปเอง พอ! เลิกคิดได้แล้ว!! ผมได้แต่บอกตัวเองแล้วสลัดความคิดนั้นทิ้งไปทันที 





"เอ่อ... กูหิวข้าวแล้วอ่ะ รีบๆ เป่าผมให้ดิ"





"หึหึ กูนึกว่ามีอะไร ได้คร๊าบเจ้านาย"







ระหว่างนั้นเราสองคนก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย ทิวมันเป่าผมให้ผมจนแห้ง เสื้อผ้าที่มันเตรียมไว้ผมก็ใส่ตามที่มันเลือกให้นั่นแหละครับ พอผมแต่งตัวเสร็จเราสองคนก็เดินลงมาชั้นล่างกัน







"อ้าวลงมากันแล้วเหรอ หิวข้าวไหมลูก" แม่ผมเดินเข้ามากอดมาหอมเหมือนทุกครั้ง 





"หิวมากครับแม่ นอนเยอะแต่ไม่อิ่มอ่ะ" 





"จ๊ะพ่อลูกชาย ป่ะๆ พาพี่เขาไปกินข้าวก่อน แม่เตรียมของโปรดเราไว้เพียบ" 







พอแม่พูดถึงอาหารผมก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที ไม่ได้กินกับข้าวที่แม่ทำมาหลายอาทิตย์แล้วครับ เพราะคุณแม่สุดที่รักของผมติดช๊อปปิ้งกับเดอะแก๊งตลอด 







"ตาทิวเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วไปหาแม่กับพ่อที่ห้องรับแขกนะ มินด้วยนะลูก"





"ครับแม่, ครับ"







เราสองคนตอบพร้อมกัน ผมกับทิวเดินไปที่ห้องครัว เสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมาพอให้ได้ยินว่าทุกคนในบ้านคงรวมตัวกันอยู่ที่ห้องรับแขก ทิวมองหน้าผมแล้วมันก็ยิ้ม









เราสองคนนั่งทานอาหารที่แม่ทำเตรียมไว้ให้ รสชาติอาหารอร่อยเหมือนเดิมครับแม่ผมทำอาหารเก่งที่สุด ทิวตักข้าวให้ผมเป็นจานที่สอง มันบอกให้ผมกินเยอะๆ เพราะผมผอมลง เรากินข้าวกันไปก็คุยกันไปเรื่อย แต่ไม่มีใครพูดถึงไอ้เด็กอ้วนเลยสักคน ผมว่าผมคงหนีความจริงต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ผมควรจะเผชิญหน้ากับมันซิถึงจะถูก







"ทิว"





"อืม... กินไข่เจียวอีกไหม?" มันตักไข่เจียวใส่จานให้ผม





"แม่คงรอเราไปคุยเรื่องไอ้อ้วนแน่ๆ มึงว่าไหม?"





"อืม... ก็เรามานี่เพราะเรื่องนี้นิ"





"เออๆ ใช่ พี่ม่อนก็คงอยู่ในห้องกับแม่เนอะ กูได้ยินเสียงหัวเราะของมิกกี้ด้วย"





"มิน"





"ว่า?"





"มึงจำไว้นะ มึงมีสิทธิ์ในตัวกูเต็มที่ กูให้สิทธิ์มึงตัดสินใจร่วมกันกับกูทุกเรื่อง"





"อืม... รู้แล้ว"





"กูจะไม่ทำให้มึงเสียใจแน่นอน มึงเชื่อกูนะ" ทิวมันยื่นมือมาบีบที่มือผมเบาๆ 





"อืม.. กูเชื่อใจมึงอยู่แล้ว" ผมฉีกยิ้มกว้างทั้งที่ใจมันเต้นตุบๆ ตุบๆ 





"กินข้าวซะ แล้วไปหาพ่อกับแม่กันท่านรอเราอยู่" …









หลังจากเรากินข้าวกันจนอิ่มผมกับไอ้ป๋าก็เข้าไปหาพ่อกับแม่ ทุกคนนั่งรอกันอยู่พร้อมหน้า พ่อ แม่ พี่ม่อน แฟนพี่ม่อน มิกกี้หลายชายตัวแสบที่กำลังหยอกล้อหัวเราะร่ากับไอ้เด็กอ้วนอยู่บนที่นอนที่ถูกปูทับบนพรมอีกที







"อามินฮะ มิกกี้คิดถึงจังเลย"  มิกกี้วิ่งเข้ามาหาผม ผมย่อตัวลงแล้วอุ้มเจ้าหลานตัวแสบขึ้นไว้ในอ้อมกอด





"โหห... หนักขึ้นป่ะเนี้ยะ อาอุ้มเกือบไม่ไหวแน่ะ" 





"คริคริ มิกกินเยอะ แม่บอกว่ามิกกินเยอะๆ จะได้โตไวๆ ฮะ"





"สวัสดีอาทิวรึยังมิกกี้" ผมพูดบอกหลานรัก





"อาทิวฮะ หวัดดีฮะ คิดถึงอาทิวมากๆ เลยฮะ" 





"หึหึ อาก็คิดถึงเหมือนกัน" ไอ้ป๋าหยิบแก้มมิกกี้ด้วยความมันเขี้ยว





"มิกกี้ไปนอนได้แล้วครับ ถึงเวลาเข้านอนแล้วครับลูก" 





"ไม่ฮะ มิกจะเล่นกับอาทิวกับอามินก่อน พรุ่งนี้วันหยุดฮะมิกไม่ต้องไปโรงเรียน"





พี่สะใภ้ผมถึงกับส่ายหัวอ่อนใจให้กับความแก่นเสี้ยวของลูกค้าตัวเอง 





"อาทิวๆ น้องน่ารักมากเลย มิกขอเล่นกับน้องนะฮะ"





"ได้ซิครับ งั้นอาฝากมิกกี้เลี้ยงน้องให้อาหน่อยนะ" ไอ้ป๋าลูบหัวหลานเบาๆ





"ได้ฮะ มิกจะเลี้ยงน้องให้เองอาทิวกับอามินไม่ต้องห่วงเลยนะ มินจะสอนน้องพูดด้วยฮะ"





"งั้นอาฝากมิกกี้ด้วยนะ" 







จุ๊บบบ....







"ได้ฮะอามิน"







มิกกี้จุ๊บที่แก้มผม ไอ้ป๋าถึงกับหัวเราะหลานตัวแสบ อ้อนเก่ง เอาใจเก่งจนทุกคนหลงรัก มิกกี้หลุดจากอ้อมกอดผมได้ก็รีบวิ่งไปเล่นกับไอ้อ้วนที่กำลังนอนดูดขวดนมอย่างอารมณ์ดี







"แม่คะเดี๋ยวหนูพาหลานกับมิกกี้ขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ" 





"จ๊ะ แม่ฝากดูด้วยนะ ถ้าเด็กง่วงก็เอาเข้านอนเลยจ๊ะ"





"ได้คะแม่ มิกกี้ไปจ๊ะพาน้องไปเล่นข้างบนกัน"





"ฮะแม่ คุณย่าฮะมิกจะไปเลี้ยงน้องข้างบนกับแม่นะฮะ"





"จ้า เล่นกันบชน้องเบาๆ นะลูกเดี๋ยวน้องเจ็บ"





"ฮะคุณย่า" มิกกี้ยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ พี่สะใภ้ผมจัดการอุ้มไอ้อ้วนโดยมีมิกกี้เดินตามหลังไปไม่ยอมห่าง





"มินมานั่งข้างแมานี่ม่ะ"





"ครับ" 





ผมเดินไปนั่งข้างแม่ผม ไอ้ป๋ามันก็นั่งข้างๆ ผมนี่แหละครับ ส่วนพี่ม่อนนั่งอยู่ฝั่งเดียวกับพ่อ





"เป็นไงตาทิว กับข้าวแม่อร่อยไหมจ๊ะ?" 





"อร่อยครับแม่ ขอบคุณมากครับ"





"หึหึ เจ้าทิวนี่ก็ช่างพูดเอาใจแม่เขาเก่ง" พ่อผมพูดแซวขำๆ 





"ลูกชายน่าตาหล่อใช้ได้เลยนะทิว"





"เฮ้ยพี่! อย่าเพิ่งพูดแบบนั้นดิ" ไอ้ป๋ามันรีบปฏิเสธทันที





"คริคริ ตาม่อนนี่ก็ไปแหย่น้อง"





"สนุกดีน่ะแม่ ล้อเล่นขำๆ ทิวมันจะแอบไปทิ้งไข่ตอนไหนล่ะในเมื่อสองคนนี้ตัวติดกันยังกับอะไร นอกเสียจาก...." พี่ม่อนแหล่ตามองมาที่ผม





"พูดดีๆ พี่ม่อน อย่ากวนกันได้ป่ะ" ผมอดใจไม่ไหวล่ะ ขอจัดพี่ตัวเองสักทีเถอะ





"ฮ่าๆๆ แม่ดูดิ มินมันตาขวางใส่ม่อนเฉยเลย"





"แกก็ทำเป็นเล่นไปได้ น้องมันเครียดอยู่นะไอ้ม่อน" 







พ่อผมเหมือนจะเข้าข้างใช่ไหมครับ แต่เปล่าเลยนั่งกลั่นขำไปพูดไป เออ! บ้านนี้ให้กำลังใจลูกดีจริงๆ  เฮ้ออ...







"พอเลยๆ สองพ่อลูกเนี้ยะ เลิกพูดเล่นได้แล้วค่ะ เราต้องมาเข้าเรื่องกันได้แล้วเสียเวลาจริงๆ เลย" 





"คร๊าบๆ คุณนายแม่" 





"แน่ะ!! ตาม่อนนี่เดี๋ยวเหอะ"  พี่ม่อนก็ยังไม่เลิกครับ แม่ผมเลยจัดฝ่ามือตีเข้าที่ขาไปหนึ่งที





"โอ๊ย ยอมแล้วคร๊าบ ม่อนแค่ขำๆ นะแม่ ไม่อยากให้น้องเครียด"





"ทิวเริ่มเล่าเลยลูก แม่กับพ่อพร้อมฟังแล้ว" 





"ครับแม่"







ไอ้ป๋ามันเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่เริ่มว่าเจอกับไอ้เด็กอ้วนได้ยังไง เล่าให้แม่ฟังว่าเราไปขอดูกล้องวงจรปิดจากคอนโดแต่เห็นหน้าผู้หญิงไม่ชัด ส่วนรายละเอียดยิบย่อยก็มีพี่ฟิวกับเพื่อนๆ ของเราช่วยกันอีกแรง เราเล่ารายละเอียดทุกอย่างจนถึงเรื่องที่เราไปตรวจพิสูจน์ DNA ที่โรงพยาบาลพี่หมอเนย์ พ่อแม่ผมก็นั่งฟังอย่างตั้งใจรวมไปถึงพี่ม่อนด้วย









"เฮ้อ... พ่อว่าคนที่น่าสงสารที่สุดน่าจะเป็นเด็กนะ"





"อืม.. ใช่ค่ะ ฉันเห็นด้วย" แม่ผมพยักหน้าตามทันที





"จากที่พี่ฟังนะ พี่คิดว่าทิวมันคงมั่นใจในระดับหนึ่งแล้วแหละ ใช่ไหม?" พี่ม่อนหันมาถาม





"ครับ ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่"





"หมายความว่าไง?" ผมถามขึ้นทันที





"มินใจเย็นๆ ลูก ฟังพี่เขาอธิบายก่อนซิ"





ไอ้ป๋าเอื้อมมือมาจับมือผมแล้วบีบเบาๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปหาพ่อกับแม่ผม





"ก่อนหน้าที่ผมจะเจอมินผมก็ยอมรับครับว่าผมผ่านอะไรมาก็มาก เรื่องนั้นผมก็คิดว่าผมป้องกันดีแล้วแต่ถ้าผมพลาดโดยที่ผมไม่รู้ตัวจริงๆ มันก็อาจจะเกิดขึ้นได้เหมือนกัน"









ผมฟังประโยคนี้จบแทบหมดแรง แต่ที่ไอ้ป๋ามันพูดมาก็จริงครับ ขนาดผมเองยังนับไม่ถ้วนแล้วผู้ชายโคตรเท่อย่างมันจะเหลือรอดไปได้เหรอ 







"ตอนแรกผมก็สติแตกเหมือนกันครับ เพราะกลัวมินเสียใจแต่พอมินกลับมาผมกลับมาคิดทบทวนใหม่ เรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ดูอีกที" ไอ้ป๋ามันหันหน้ามามองผมแล้วยิ้ม





"เฮ้ยๆ น้องพี่ ตาจะหลุดออกจากเบ้าแล้ว หึหึ"  พี่ม่อนแซวผมอีกล่ะ มันใช่เวลาป่ะวะ!!





"ตาทิวพูดต่อซิแม่กำลังลุ้นเลย"





"หลังจากผมเรียบเรียงเหตุการณ์ใหม่ทั้งหมด ช่วงเวลาที่ผมอยู่กับมินก็สองปีกว่าเกือบสามปีแล้วครับ ถ้าผมจะทำใครท้องสักคนเด็กคงไม่อายุน้อยขนาดนี้ อย่างน้อยเด็กก็น่าจะขวบกว่าได้แล้ว"





"เห็นม่ะ ฉันคำนวนไม่ผิดจริงๆ นะคุณ" แม่ผมหันไปพูดกับพ่อผม





"หึหึ ฉลาดนี่หว่า" พี่ม่อนทำท่าปรบมือเบาๆ ให้ไอ้ป๋า





"หมายความว่าไง?" ผมหันไปถาม





"พี่อยู่กับมินมากี่ปีแล้วลืมนับรึไงหื้อ?" มึงไม่ต้องทำท่าอบอุ่นกับกูขนาดนั้นก็ได้ทิว กูแพ้ทางมันตลอด





"แล้วไง! อยู่ด้วยกันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้นิ" 





ผมก็ยังคงพูดสิ่งที่ผมคาใจ ทั้งที่ใจผมก็เชื่อในสิ่งที่มันพูดนะครับ





"เนี้ยะไง เพราะแบบนี้พี่เลยยอมตรวจ DNA เพราะพี่รู้ว่าพูดลอยๆ ไปมินก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดีจริงไหม"





"มินไม่เชื่ออะไรง่ายๆ หรอก เรื่องนี้พ่อยืนยันได้ หึหึ" พ่อผมก็ร่วมด้วยอีกคน





"ทิวทำถูกแล้วลูก แม่นี่มองคนไม่ผิดจริงๆ คริคริ"





"พอเลยแม่ อย่าเพิ่งไปให้ท้ายพี่มันดิ แล้วไงอีก ทำไมไม่เล่าให้ฟังตั้งแต่แรกล่ะ" 







เหวี่ยงแม่ง!! เสือกไม่เล่าให้กูฟัง ปล่อยให้กูคิดบ้าบอคอแตกอยู่ได้คนเดียว แล้วเรื่องเมื่อเย็นนี้อีก 





อร๊ากกกก.... กูทำอะไรไปบ้างเนี้ยะ





โอ๊ยยย!!! อายโว๊ยยย....





"ถ้าพี่เล่าไปเราก็คงเถียงกันเพราะหาความจริงอะไรไม่ได้เลย พี่กะว่าจะรอข้อมูลจากไอ้ฟิวก่อนพอพี่แน่ใจทุกอย่างแล้วพี่ค่อยเล่าให้มินฟังไง"





"ก็เล่าเลยก็ได้นิ รออะไรนักหนาล่ะ วู้!!"





"โอ๊ยย.. ทำไมแกทนน้องพี่ไหววะ ไอ้เด็กนี่เอาแต่ใจเป็นที่สุดเลยรู้ไหม" 





"พี่ม่อน!! มาว่ากันได้ไง นี่น้องพี่นะ น้อง!!" ผมนี่ขึ้นเลย ไรวะแทนที่จะเข้าข้างน้องตัวเอง





"เพราะรักไงพี่ ผมยอมทุกอย่างแหละ"







oO!!!





กูบีบจมูกกลั้นหายใจตายตรงนี้เลยได้ไหม อร๊ากกก!!! มึงพูดอะไรออกมาเนี้ยะ!!







"ว๊าย! อย่าเพิ่งมาหวานใจกันตรงนี้ซิ" แม่ผมนี่ดิ หน้าแดงกว่าผมอีก





"เฮ้ยๆ อย่านอกเรื่อง พ่อรอฟังอยู่" 







พ่อผมนี่หลายอารมณ์นะครับ บางทีก็ทำตัวเข้าข้างไอ้ป๋า บางทีก็เหมือนหวงผม ทำตาขวางใส่ไอ้ป๋าโดยไม่รู้ตัว





เฮ้ออ....





"หึหึ... ก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมมั่นใจในระดับหนึ่งแล้วแค่รอผลที่ชัดเจน แล้วที่สำคัญผมสงสารเด็กน่ะครับ อย่างน้อยถ้าผมสืบรู้ว่าแม่เด็กคนนี้คือใครผมก็จะเอาเด็กไปคืนเขา ผมคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องรู้จักผมไม่งั้นเขาก็คงไม่เลือกผมแล้วทำเรื่องแบบนี้หรอกครับ"





"อืม.. เรื่องนี้แม่เห็นด้วยนะ ถ้าทิวเจอเขาก็ถามเขาหน่อยแล้วกันว่ามีปัญหาติดขัดอะไรถึงทำแบบนี้ ถ้าพอมีอะไรที่เราพอจะช่วยเขาได้ก็ช่วยกันไป แม่สงสารเด็ก"





"ครับแม่ ผมก็คิดว่าจะทำอย่างนั้นเหมือนกันครับ ช่วงนี้เลยต้องดูแลเด็กไปพลางๆ ก่อน"





"ดีจ๊ะ ถ้ามีอะไรให้แม่กับพ่อช่วยก็บอกแล้วกันนะ"





"ครับแม่"





"ว่าไงมิน พอเข้าใจพี่เขารึยัง อย่าเอาแต่ใจมากจนเกินไปนะ" 







อ้าว!! คนที่ซวยคือกูเหรอวะ







"โหห.. แม่เข้าข้างใครเนี้ยะ"





"อ้าว!! นี่ยังไม่รู้อีกเหรอ เข้าข้างลูกชายฉันซิ ใช่ไหมทิวลูกแม่"







ผมนี่เหวอไปเลยครับ ทุกคนหัวเราะกันยกใหญ่ สรุปเข้าข้างไอ้ป๋ากันทั้งบ้าน ตอนนี้มีผมคนเดียวที่ทำตัวงี่เง่าเอาแต่ใจ อร๊ากกก!! นี่มันครอบครัวผมนะเว้ย!! ต้องเข้าข้างไอ้มินซิคร๊าบบบบ...







"ถ้ามีอะไรให้พ่อช่วยก็บอกนะ ทำดีแล้วที่รู้จักคิดหน้าคิดหลัง"





"ขอบคุณครับพ่อ" 





หึ!! เอาใหญ่เลยนะมึง พ่อยกหางให้กระดิกใหญ่เลยนะ





"อ่อ... พ่อขอฝากอีกเรื่องนะ"





"ครับ เรื่องอะไรเหรอครับ?"





"ถึงเรื่องนี้จะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดพลาดแต่อย่าให้มีเรื่องจริงตามมาทีหลังล่ะ"







พ่อผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ผมได้ยินยังรู้สึกเย็นไปถึงกระดูกสันหลังเลยครับ





oO!!!





ไอ้ป๋าหน้าเหวอไปเลยครับ ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า มึงโดนๆๆ พ่อกูเอง กร๊ากกก...





"ป่ะคุณเราขึ้นไปนอนกันเถอะ จบเรื่องแล้ว" พ่อผมลุกขึ้นยืนทำท่าบิดขี้เกียจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น





"ค่ะๆ ไปนอนค่ะ ตาทิวแม่ขอตัวไปนอนก่อนนะ พ่อเขาง่วงแล้ว"





"คะ.. ครับ" ติดอ่างไปเลยมึง ฮ่าๆๆ กูขำว่ะ





ตุบ!!





พี่ม่อนเดินมาตบที่ไหล่ไอ้ป๋า ไหล่นี่ทรุดฮ้วบตามแรงมือเลยครับ







"โชคดีว่ะไอ้น้องเขย พ่อพี่พูดมาซะขนาดนี้แล้วเข้าใจตรงกันนะ หึหึ" 







พี่ชายกูจะเข้มไปไหน เมื่อกี้ยังปัญญาอ่อนแกล้งน้องตัวเองอยู่เลย







ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปนอน ผมยังนั่งอยู่ที่เดิมคอยเก็บศพอีกคนที่เหมือนวิญญาณหลุดจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว







"ทิวเป็นไรป่ะเนี้ยะ" ผมเริ่มเรียกสติที่รักของผม





"พ่อมึงโคตรน่ากลัวเลยวะ" มันพูดหน้าตาจริงจัง





"มึงหน้าซีดไปป่ะเนี้ยะ ป่ะๆ พ่อกูก็ขู่เล่นไปงั้นแหละขึ้นไปบนห้องกัน"





"พี่มึงด้วยอีกคน" 







มันยังไม่เลิกพูด ช๊อคไปเลยมึงงานนี้ พ่อกับพี่กูนี่ที่สุดแล้วกูจะบอกให้ พี่กูนี่น้องข้าใครอย่าแตะตั้งแต่กูจำความได้ ส่วนพ่อนี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยสปอยกูก็จริงแต่ลูกข้าใครอย่าแตะไม่ต่างกันเว้ย ฮ่าๆๆ









หลังจากผมเรียกสติไอ้ป๋ากลับมาได้แล้วเราสองคนก็ขึ้นมาบนห้องกันครับ พออยู่กันสองคนปุ๊บผมก็จัดการไอ้ป๋าทันที แม่ง!! ปกปิดความลับไว้คนเดียวไม่ยอมเล่าให้ฟังงั้นเหรอ!! 







"มองหน้ากูทำไมครับไอ้แห้ง"







ตอนนี้ไอ้ป๋ามันนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนอนผมครับ ส่วนผมกำลังยืนกอดอกกดดันมันด้วยสายตา







"ทำไมไม่ยอมเล่ารายละเอียดให้ฟังตั้งแต่แรกวะ"





"ก็บอกไปแล้วไง.. ถึงกูอธิบายมึงไปมึงก็โวยวายไม่เชื่อกูอยู่ดี กูกะว่าอีกสักพักก็จะเล่าให้ฟังไง มาๆ มานั่งนี่ม่ะ" ผมโดยลากไปนั่งลงที่โซฟาข้างๆ มัน





"มึงก็น่าจะเล่าบ้าง ปล่อยให้กูคิดจนปวดหัวไปหมดมึงรู้ไหมเนี้ยะ!!" 





"หึหึ ถ้ากูรีบบอกมึงกูจะได้เห็นคนบางคนแถวนี้หึงกูเพราะเด็กเหรอวะ" มันส่งสายตาชั่วร้ายมาที่ผม





"ก็มึงแม่ง!! ไม่ลองมาเป็นกูมึงไม่รู้หรอกทิว แล้วที่สำคัญกูกลัวแม่เด็กมากกว่าเว้ย!" 





"กลัวอะไรไหนบอกกูดิ" มันรวบตัวผมขึ้นไปนั่งตักแล้วกอดเอวผมไว้หลวมๆ





"ก็ถ้า..." กูควรพูดดีไหมวะ





"ถ้าอะไร?" 





"ถ้าแม่เด็กคนนั้นมันอยากอยู่กันแบบครอบครัวกับมึงล่ะ กูจะทำยังไง"







จากอารมณ์พุ่งๆ อยู่พอคิดเรื่องนี้ขึ้นมาผมอารมณ์ผมดาวลงไปเลยครับ  ไอ้ป๋ามันใช้มือทั้งสองข้างประกบที่แก้มผมทั้งสองข้าง มันทำหน้าจริงจังมาก ก่อนที่มันจะยิ้มทำหน้าตามีความสุข อะไรของมันวะ







"กูมีครอบครัวเพิ่มไม่ได้หรอกเพราะกูมีมึงเป็นครอบครัวของกูอยู่แล้ว ถ้าเกิดไอ้อ้วนมันเป็นลูกกูขึ้นมาจริงๆ กูก็ต้องเป็นพ่อให้มัน ส่วนมึงก็ต้องเป็นแม่ให้มันดิถึงจะถูก หึหึ"





"ไอ้บ้า!! กูเป็นแม่ไม่ได้เว้ย กูมีทุกอย่างเหมือนมึงนะ" 





นี่กูจะด่าหรือจะยิ้มดีวะ ปากก็เถียงมันแต่ทำไมกูรู้สึกดีวะ





"อ่ะๆ โอเค งั้นเราเป็นพ่อทั้งสองคน กูพ่อคนโต มึงพ่อคนเล็กโอเคไหม?"





"เพ้อเจ้อ!! พ่อคนโตพ่อคนเล็กอะไรของมึงวะ มีที่ไหนเขามีพ่อสองคนบ้างล่ะ"





"อ้าว ทำไมล่ะทีคนอื่นยังมีบ้านเล็กบ้านน้อยได้เลย บางทีสองครอบครัวก็ยังเที่ยวด้วยกันแถมยังเข้ากันได้ดีอีก ทำไมกูกับมึงจะเป็นพ่อทั้งคู่ไม่ได้ล่ะ"





"มันแปลกไง คนปกติเข้าไม่ทำกันหรอก" ผมก็ยังขอเถียง 





"ไม่เห็นจะแปลกเลย"





"แปลกดิ!"





"เอาน่า... ไว้ให้ถึงเวลานั้นก่อนเดี๋ยวมันก็มีทางออกที่ดีเอง แต่ตอนนี้กูขอมึงแค่เรื่องเดียวก่อนได้ไหม?"







ไอ้ป๋ามันเปลี่ยนจากจับหน้าผมมาเป็นลูบไล้ที่แก้มผมเบาๆ แม่ง!! โคตรขนลุกเลย





"ขออะไร?" 





ผมเริ่มหวั่นๆ ว่ะ อย่าขอกูอีกนะเว้ย! กูจะไม่หายเจ็บเลย ขอเวลากูรักษาตัวบ้างไอ้หื่นเอ้ย!!







"กูไม่อยากให้มึงคิดมากเรื่องนี้อีก กูขอให้มึงเชื่อใจกูมากๆ แล้วให้เวลากูหน่อยกูจะจัดการทุกอย่างเอง" 





"อืม... ก็ได้แต่มึงมีอะไรต้องบอกกูบ้างนะ กูก็อยากรู้ทุกเรื่องของมึงเหมือนกันอ่ะ"





"หึหึ คร๊าบบ... กูจะเล่าให้มึงฟังแต่มึงห้ามโวยวายกูจะ มึงต้องฟังแล้วตั้งสติโอเค๊"





"โอเค ถ้ากูรู้ทีหลังอีกมึงโดนแน่!!"





"หึหึ โหดตลอดเลยนะ" มันรวบตัวผมไปกอดไว้แน่น จมูกกับปากมันนี่ก็ซนโคตรอ่ะ ซุกไซ้ที่คอผมจนผมขนลุกไปหมดแล้ว







อร๊ากกก... ไอ้ป๋ากูขนลุกนะเว้ย! แต่ผมก็กอดมันกลับนะ ฮ่าๆๆ เดี๋ยวเสียเปรียบมันอ่ะ







"มิน"







เสียงเรียกแบบนี้....





"หื้ออ..."







มือไม้ที่ไม่หยุดนิ่งแบบนี้....







"คืนนี้ขอทำอีกรอบนะ"







นั่นไง!!













กูว่าแล้ว!!







"ได้ไหมครับ"







อย่ามาทำเสียงอ่อนเสียงหวานนะเว้ย!













"ไม่เจ็บหรอก ทำเบาๆ พอ"











กูว่ามันพูดไม่จริงงงง....







"ขอนะ กูอยาก"







มึงอดอยากมาจากไหนวะ มึงเพิ่งทำกูก่อนลงไปแดกข้าวเองนะเว้ย!!







"มินคร๊าบ"







เรียกแบบนี้....



















"อืม... แค่รอบเดียวพอนะ"







จุ๊บบบบ...







"จัดไป!"









อร๊ากกกก.... มึงอย่าผิดสัญญานะ กูให้มึงได้รอบเดียวจริงๆ กูให้ทำอ๊ะ!! แค่.....









รอบเดียว....







TBC.

ไม่มีคำอธิบายใดๆ ขอไปจิตนาการต่อแป๊ป 55555+











CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
น่าจะคลี่คลายเนาะ

ว่าแต่ถัาเราเป็นมินอาจจะสติแตกกว่านี้ก็ได้นะ เหอๆๆ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พอเคลียร์ใจกันได้ล่ะก็นะ ........   

สมกับเป็นอิป๋าทิวจริงๆ    :hao6:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มิน หึง หวงทิว..........
ก็เพราะรักทิวมากกกกกกกก น่ะสิ  :o8: :impress2:
และกล้วการสูญเสียทิวให้กับผู้หญิงที่เป็นแม่ไอ้อ้วน   :mew2:

ดูท่ามิกกี้จะได้ดูแลไอ้อ้วน สอนไอ้อ้วนพูดนานๆแน่ๆ
ทิว  มิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Star_ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-3
★ผัวขี้หึงVSเมียขาโหด ภาค 2
【ปู❤โจ】



【EP.12 อ้อนแฟน】







ช่วงนี้ผมว่าผมทำตัวน่าอายขึ้นทุกวัน เวลาที่อยู่กับปูทีไรทำไมผมรู้สึกอยากโดนเอาใจอยู่เรื่อยก็ไม่รู้ซิ คอยทำตัวให้ปูสนใจให้ปูเอาใจไปหมด ผมว่าผมเปลี่ยนไปเยอะมากเหมือนไม่ใช่ผมคนเดิม จากที่เคยอยู่คนเดียวใช้ชีวิตคนเดียว ทำงานแล้วกลับบ้าน เป็นคนที่รู้จักคนน้อยมากยกเว้นเรื่องงาน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้วครับ ตั้งแต่ผมอยู่กับปูผมมีเพื่อนมากขึ้น ผมได้ครอบครัวใหม่ ผมได้พูดคุยกับพ่อผมมากขึ้น ทุกอย่างมันดีไปหมดผมมีความสุขมาก









สำหรับผมปูคือคนที่เข้ามาเปลี่ยนตัวตนของผมทุกอย่างจริงๆ มันเป็นความรักที่ผมไม่คิดว่าผมจะได้รับมาก่อน ความรักจากผู้ชายอีกคนที่มอบให้ผมอย่างจริงใจ ปูคอยช่วยเหลือผมในทุกๆ เรื่อง ทำให้ผมปลดล็อคทุกอย่าง ความเกลียดชัง ความโกรธแค้น ความรู้สึกเสียใจและผิดหวังมากมายที่ฝังใจผมตั้งแต่เด็กจนโต ตอนนี้ผมลืมมันไปหมดแล้ว เรื่องอดีตเป็นเพียงเรื่องราวเลวร้ายที่ได้ผ่านพ้นไปเพราะตอนนี้ผมมีความสุขอยู่กับปัจจุบันมากกว่าครับ









ชีวิตนี้ผมไม่ขออะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ผมขอแค่ตื่นมาได้เจอหน้าปู กินข้าวด้วยกัน ดูหนังเรื่องที่เราชอบด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน มีรอยยิ้มให้กันแบบนี้ทุกวันก็พอ ผมขอแค่นี้จริงๆ









จุ๊บบบ...





"ตื่นนานรึยัง?" 







ผมหันไปยิ้มให้ปูนี่นอนขยี้หัวตัวเองจนผมเสียทรง หน้าตาตอนปูตื่นนอนใหม่ๆ ตลกมากเลยนะครับ ถ้าไม่นับตอนขี้เก็กแต่งหล่อออกไปข้างนอกปูนี่เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง







"ตื่นสักพักแล้วล่ะ" ผมตอบ





"ทำไมไม่ปลุก"



ฟอดดดด...



"รีบปลุกทำไมล่ะ วันนี้วันหยุดโจอยากให้ปูพักผ่อนเยอะๆ นิ"





"หึหึ กลัวกูไม่มีแรงทำ...." ปูทำตาเจ้าเล่ห์มาก





"ใครเขาจะคิดแบบนั้นเหมือนปูล่ะ" ผมใช้มือลูบปัดผมที่ตกลงมาปิดหน้าปูเบาๆ





"โจเห็นปูทำงานเหนื่อยก็เลยอยากให้ปูได้พักผ่อนบ้างก็แค่นั้นเอง"





"เอาใจกูอีกแล้วนะ" 





"เอาใจอะไร ป่าวเลย..." 





"หึหึ ปฎิเสธเสียงสูงเชียว" 







ผมโดนปูกอดซะแน่น หายใจเกือบไม่ออกแต่ทำไมผมชอบก็ไม่รู้ซิ





ฟอดดด....







"วันนี้อยากไปไหนไหมเดี๋ยวกูพาไป"





"แล้วปูอยากไปไหนล่ะ ปูไปไหนโจก็ไปได้หมดแหละ" 









ตอนนี้ผมโดนปูจ้องหนักมาก สายตาแบบนี้ทำเอาผมใจสั่นอีกแล้ว ทำไมปูถึงมีแรงดึงดูดมากขนาดนี้นะ ขืนจ้องผมนานกว่านี้ผมต้องแย่แน่ๆ ทำไงดีล่ะ







"กูถามมึงก่อนนะครับที่รัก"





"อืม... ไปไหนดีน้า... งั้นโจขอคิดแป๊ปนะ"







ผมทำท่าคิดแต่จริงๆ ผมทนสายตาของปูไม่ได้ครับ ผมทำตัวไม่ถูกทุกครั้งที่ถูกปูจ้องมองด้วยสายตาแบบนี้ มันรู้สึกขนลุกแปลกๆ อ่ะ 







"หึหึ ให้เวลาคิดห้านาทีน่ะ กูไปกินน้ำก่อนเดียวมาเอาคำตอบ" จุ๊บบบบ....









ปูลุกขึ้นจากเตียงในสภาพที่ทำเอาผมหน้าร้อนผ่าว คนบ้าอะไรความอายไม่มีเลย ให้ตายซิ! กลับกลายเป็นผมที่ต้องอาย อย่างน้อยก็ช่วยใส่อะไรออกไปด้วยนิดนึงได้ไหมอ่ะ ไม่ใช่เดินโชว์หุ่นออกไปแบบนั้น บ้าจริง!!

















"ว่าไง คิดออกยังว่าอยากไปไหน?" ผมเสหน้าหนีแทบไม่ทัน คนบ้าอะไรก็ไม่รู้







"ปูใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหมล่ะ"









ภาพที่ผมเห็นคือชายหนุ่มที่ยืนตัวเปลือยเปล่าถือขวดน้ำขึ้นกระดกดื่ม เอนตัวพิงกรอบประตูห้องนอนอย่างไม่อายผีบ้านผีเรือนเลยสักนิด









"ใส่ทำไมเดี๋ยวก็อาบน้ำแล้ว"  คำตอบที่ผมได้ทำเอาผมไปต่อไม่ถูก





"กลัวคนไม่รู้รึไงว่าทำอะไรไว้บ้างเมื่อคืน เฮ้ออ..." ผมได้แต่บ่นงึมงำอยู่คนเดียว







พรึ่บ!!



ผ้าห่มถูกดึงออกจากร่างผมโดยไม่ทันตั้งตัว







"ทำอะไรน่ะปู!" 







ผมรีบลุกขึ้นนั่งบนที่นอนแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้เหมือนเดิม







"อะไรวะ แอบใส่เสื้อผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่"





"ก็... ก็ใครเขาจะไปหน้าด้านเหมือนปูล่ะ"





"หึหึ ถือว่าเป็นคำชมแล้วกัน"





"ปูเนี้ยะนะ!" 









ผมละอ่อนใจจริงๆ นับวันยิ่งไปกันใหญ่ ปูไม่อายแต่ผมอายนิ ถึงแม้ว่า....









"ลุกขึ้นดิ ไปอาบน้ำกัน" 





"ไม่อ่ะ! ปูอาบก่อนเลยเดี๋ยวโจอาบทีหลัง" 





"อาบพร้อมกันดิจะได้ถูหลังให้กูด้วย"





ปูยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผมอย่างมีเลศนัย เอาไงดีล่ะทีนี้ผมไม่เคยปฏิเสธสำเร็จสักที 





"น่าน่ะอาบน้ำด้วยกัน อ่ะๆ สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรอาบน้ำถูหลังอย่างเดียวพอ"





"แน่นะ" 





"หึหึ กลัวอไรนักหนาล่ะ มานี่!!"







พรึ่บ!!!







"เฮ้ยปู!!"























สาธุ! ขอให้ปูทำตามสัญญาทีเถอะ ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ









"โจแรงๆ หน่อยดิ อ่าา....." 





"ทำเสียงน่าเกลียด ขัดแรงไปมันไม่ดีหรอกนะปู"





"ขัดแรงๆ ได้น่า กูชอบ อ่าา...."





ตุบ!!





"อย่าทำเสียงแบบนี้ได้ไหม"





"ทำไมหรือได้ยินแล้วมึงอยากเหรอ หึหึ"





"จะบ้าเหรอ!! ชอบพูดจาทะลึ่งตลอดเลย" 







ผมฟังแล้วมันน่าเกลียดจริงๆ นะ ที่สำคัญปูอ่ะทำหน้าทำตาด้วยเหอะ! ดูก็รู้แล้วว่าตั้งใจจะแกล้งผมซะมากกว่า 







"คิดลึกไปเองป่าว กูหมายถึงอยากขัดหลังให้กูเบาๆ ไง เพราะมึงกลัวว่ากูจะเจ็บใช่ป่ะๆ ที่รัก" ปูหันหน้ามายิ้มแป้นให้ผม 





"เฮ้ออ..." ผมทำได้แค่นี้แหละครับ ถอนหายใจแป๊ปนะ





จุ๊บ!!





"นั่งดีๆ ซิปู รีบอาบน้ำให้เสร็จได้ไหมโจแช่น้ำจนตัวจะเปื่อยแล้วเนี้ยะ"







ผมรู้นะว่าผมบ่นไปก็เท่านั้น ปูไม่ฟังผมหรอกครับ







"ไหนๆ ดูดิตรงไหนเปื่อยแล้วบ้าง"







ปูทำท่าจะหันกลับมาหาผมแต่ผมดันตัวปูเอาไว้ก่อน คิดว่าผมจะสู้ไหวไหมล่ะ







"หึหึ คิดว่าจะรอดงั้นเหรอ"







พรึ่บ!!







"เฮ้ย!! ปูอย่าครับ"















กว่าผมจะอาบน้ำเสร็จผมก็โดนปล้นจูบไปหลายที ให้มากกว่านี้ผมก็ไม่ไหวแล้วครับขอพักบ้าง ปูก็รู้นะครับว่าผมคงไม่ไหวจริงๆ ปูเลยไม่บังคับผม เราเลยทำได้แค่จูบกัน แต่ก็เกือบเลยเถิดเหมือนกันครับ ก็ปูจูบเก่งซะขนาดนั้น 





^//^





"โจเลือกชุดให้กูด้วยนะ เดี๋ยวขอโทรสั่งงานเด็กที่ร้านแป๊ป" จุ๊บบบ...





"ขอบใจ" พูดจบปูก็เดินไปหยิบโทรศัพท์แต่ยังไม่วายจะหันมายิ้มชั่วร้ายให้ผม น่ากลัวมากรอยยิ้มแบบนี้ ผมขนลุกทุกทีเลยให้ตายซิ!









ผมเลือกเสื้อผ้าให้ตัวเองและเตรียมเสื้อผ้าให้ปูด้วย ผมเดินเอาเสื้อผ้าไปวางไว้ให้ปูแล้วผมก็เดินกลับมาสวมใส่เสื้อผ้าของตัวเองบ้าง พอหันไปอีกทีปูก็กำลังหยิบชุดขึ้นมาสวมใส่เช่นกัน คนอะไรใส่เสื้อขาดๆ ยังหล่อ







"โจใส่เสื้อแขนยาวดิ"





"ร้อนอ่ะ ใส่แขนสั้นนี่แหละ" 





อากาศร้อนแบบนี้ยังจะบอกให้ผมใส่เสื้อแขนยาวอีก นี่คิดว่าตัวเองอยู่เมืองนอกรึไงนะ





"ใส่เสื้อแขนยาว เดี๋ยวเข้าโรงหนังก็บ่นว่าหนาวอีก"  ผมหันไปยิ้มทำตาวาวทันที





"เราจะไปดูหนังกันเหรอ?"





"หึหึ ดีใจขนาดนั้นเลย ก็เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมึงบอกว่าอยากดูหนังเรื่องนี้นิ พระเอกชื่อไรนะกูจำไม่ได้"





"ซันนี่" ผมรีบตอบด้วยความดีใจ





"เออๆ นั่นแหละ อยากดูทำไมก็ไม่รู้หน้าตาหล่อสู้กูก็ไม่ได้ หึ!"





"ใครบอกปูล่ะว่าซันนี่ไม่หล่อ"





"เมื่อกี้พูดว่าไรนะ" ปูเดินดุ่มๆ เข้ามาหาผม





"ป่าวเลย... จะบอกว่าซันนี่อ่ะหน้าตาธรรมดามาก หน้าตาสู้แฟนโจไม่ได้หรอก" ผมฉีกยิ้มกว้าง 





"เดี๋ยวนี้แถเก่งจังนะ" 





"แถอะไร ป่าววว...." ผมพูดลากเสียงยาว





"เปลี่ยนเสื้อซะ ใส่ตัวนี้แทน" ปูหยิบเสื้อแขนยาวตัวใหม่มาให้ผม





"ใส่ตัวนี้เหรอ?"





"ตัวนี้แหละ รีบๆ เปลี่ยนซะ"







ผมเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ที่ปูเลือกให้ ส่วนปูก็เดินไปเซตผมทำหล่ออยู่หน้ากระจกนู้น...







"โจแต่งตัวเสร็จแล้วใช่ไหม?"





"อืม... เสร็จแล้ว ทำไมเหรอ?"





"อย่าทำหน้าทำตาแบบนี้อีก"





"หมายความว่าไง?"





"เพราะเดี๋ยวกูจะอดใจตัวเองไม่ไหวนะซิ หึหึ"





ตุบ!!





"พอเลย... โจออกไปรอข้างนอกนะ"





"ฮ่าๆๆ แน่จริงอย่าหนีดิวะ"







ผมรีบเดินออกมาทันที จะบ้าตาย!! คนอะไรทะลึ่งได้ตลอดเวลาจริงๆ รู้นะว่าผมอายก็ยังจะแกล้งผมตลอด





คนบ้าเอ้ย!!





"โจเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์ในห้องทำงานให้ด้วย" ปูตะโกนเสียงดังลั่นห้อง  ผมเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์ให้ปูที่ห้องทำงานแล้วเดินลงไปรอที่ห้องนั่งเล่นข้างล่าง ผมนั่งรออยู่สักพักปูก็เดินลงมาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมประจำตัว 





"อ้าวๆ มองตาค้างไปเลยดิ กูหล่อขนาดนั้นเลยเหรอวะ หึหึ"





"ป่าวซะหน่อย แต่งเยอะขนาดนี้จะไปเดินแฟชั่นรึไงล่ะ"









ผมหมั่นใส้อ่ะ คนบ้าอะไรใส่เสื้อยืดธรรมดายังหล่อ วันนี้ปูใส่เสื้อยืดสีดำขนาดพอดีตัว แบบแอบโชว์กล้ามนิดๆ กับกางเกงยีนส์สีซีดมีรอยขาดที่ขาทั้งสองข้าง นี่ผมอุตส่าห์เลือกชุดแบบดูธรรมดาสุดๆ แล้วนะ ส่วนผมนะเหรอ ผมใส่เสื้อยืดแขนยาวสีขาวลายริ้วสีเทากับกางเกงยีนส์สีดำ โคตรธรรมดาเลยอ่ะ









"กระเป๋าตังค์เอามายัง?"





"อืม..." ผมยื่นกระเป๋าตังค์ให้ปู





"วันนี้อยากได้อะไรบอกพี่นะน้อง พี่เปย์เต็มที่เพื่อที่รักคนนี้พี่ทำได้ทุกอย่าง"







ฟอดดด... ฟอดดด....







"คร๊าบ... สายเปย์ตลอดอ่ะ"





"อ่ะแน่นอน!"















ระหว่างทางที่เราเดินทุกสายตาต่างจดจ้องไปที่ปูนู้นครับ สาวๆ อ่ะชอบมองแฟนผมตลอด ผู้หญิงสมัยนี้ก็แปลกชอบมองผู้ชายแบดๆ หน่อย ถ้าเลวโชว์นี่คงวิ่งเข้าหาแบบไม่คิด เดี๋ยวนี้ผู้ชายเรียบๆ ดูดีผู้หญิงไม่ค่อยมองแล้วมั้ง 







"เป็นอะไรเดินหันไปหันมาอยู่ได้" 





"ป่าวนิ ไม่มีอะไร" แฮ่ะๆ ผมก็เผลอมองตามคนที่มองแฟนผมไปนิดนึง นิดเดียวเองจริงๆ นะ





"จะไปร้านไหนก่อน?"









ผมเร่งฝีเท้าเดินไปขนาบข้างปูที่กำลังเดินมองหาร้านที่ถูกใจ สายตาผมก็มองที่มือแกร่งที่กำลังแกว่งไปมาตามจังหวะการเดิน จับดี ไม่จับดี... จับดีไหมอ่ะหรือแค่เดินข้างๆ ก็พอ เอาไงดี









"โจเข้าไปดูเสื้อร้านนั้นกันไหม?" 







กึ่ก!!





ผมหยุดยืนนิ่ง ตกใจอ่ะ คนกำลังคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆ ก็หันมาซะงั้น







"เป็นอะไร?" ปูขมวดคิ้วถามผม





"แกๆ ดูผู้ชายคนนั้นดิ แบดเว่อวังไปเลย อร๊ายย... ฉันชอบอ่ะ" 







ผมหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน มีผู้หญิงสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่ตรงมุมทางเดินไปห้องน้ำซึ่งห่างจากที่ผมยืนอยู่ไม่มากนัก







"โจยืนเหม่ออะไร มานี่ดิ"





"อืม..." 





ผมเดินเข้าไปหาปูที่ยืนเก๊กหล่อทำหน้ายิ้มแปลกๆ แล้วมองมาที่ผม





หมับ!! 





^///^







หัวไหล่ด้านขวาผมถูกโอบรัดไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว หัวไหล่ซ้ายแนบชิดอกแกร่งก่อนที่ปลายจมูกโด่งๆ จะขยับเข้ามาใกล้ใบหูจนผมแอบขนลุกซู่







"ห้ามเดินห่างกูอีกรู้ไหม?"





"อืม... ครับ" ผมพยักหน้าตอบกลับแบบไม่สบตา เพราะสายตาผมไม่ว่างกำลังนับแผ่นกระเบื้องที่ปูทางเดินในห้างอยู่ครับ โคตรอายเลย





"หึหึ... ไปดูเสื้อผ้ากัน"









ผมเดินตามปูไปอย่างว่าง่าย มือไม้เหงื่อท่วมไปหมด มันตื่นเต้น ตกใจปนดีใจอย่างบอกไม่ถูก ผมพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ ถ้าผมเผลอยิ้มออกไปล่ะก็โดนล้อไม่หยุดแน่ ใจผมมันเต้นตึกตักๆ ไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกเหมือนโดนจีบใหม่ๆ เหมือนตอนที่ผมเริ่มมีความรู้สึกดีๆ กับปูเลยครับ แปลกจัง..









เราสองคนเดินเข้ามาในร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังแบรนด์หนึ่ง พนักงานในร้านกล่าวต้อนรับด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมกับสายตาที่มองมาที่ผม









"ปูปล่อยได้แล้วครับ"





"หึหึ... อยากได้ตัวไหนเลือกเลยนะ เลือกมาให้กูด้วยสักสองสามตัว"





"ปูไม่เลือกเองล่ะ ให้โจเลือกให้จะถูกใจเหรอ"





"ถูกใจดิ กูชอบทุกตัวที่มึงเลือกให้นั่นแหละ" ผมนี่แทบจะเอาหัวมุดดินเลยให้ตายซิ พนักงานในร้านหัวเราะกันคิกคักแต่ผมนี่โคตรอายอ่ะ





"อืมๆ งั้นเดี๋ยวโจเลือกให้นะ"  ผมรีบเดินไปอีกมุมของร้านทันที ส่วนปูเดินไปที่โซนกางเกงยีนส์ครับ





"เอาตัวไหนดีล่ะ" ผมพูดงึมงำกับตัวเอง 







สายตาพนักงานสาวให้ความสนใจอยู่กับหนุ่มหล่อหุ่นนายแบบที่กำลังยืนเลือกกางเกงยีนส์สีซีดอยู่อีกมุมของร้าน ส่วนผมกลายเป็นลมไปแล้วครับ ไม่มีตัวตนอีกต่อไป เฮ้ออ...







"ตัวไหนดีล่ะ ทำไมเลือกยากแบบนี้วะ"







ผมแอบตกใจตัวเอง "วะ" งั้นเหรอ ปกติผมไม่ค่อยพูดคำพวกนี้สักเท่าไหร่ คำหยาบผมก็มีพูดบ้างนะ พูดเฉพาะตอนเมาอ่ะครับ ปูชอบเล่าให้ผมฟังตอนได้สติสัมปชัญญะกลับมา ตอนที่ปูเล่าสำหรับผมกลายเป็นเรื่องขำๆ เพราะผมพูดคำพวกนั้นออกไปตอนไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ปูชอบพูดว่าตอนผมเมาผมน่ากลัวกว่าปกติเพราะผมจะว๊ากปูหนักมาก บอกตรงๆ ผมไม่เชื่อที่ปูพูดทั้งหมดหรอก ปูอาจจะหลอกผมก็ได้ว่าไหมล่ะ







"โจ กูเข้าไปลองกางเกงนะ" ปูตะโกนบอกผม





"อืมๆ" ผมได้แต่ตอบพร้อมพยักหน้ารับทราบ แล้วก้มหน้าก้มตาเลือกเสื้อต่อ















"ตัวนี้น่าจะเหมาะกับปูเนอะ" ผมฉีกยิ้มกว้างเมื่อเจอเสื้อที่ถูกใจ





"เป็นไงกางเกงตัวนี้สวยป่ะ" ปูเดินมาหยุดตรงหน้าผมแล้วบิดตัวไปมาให้ผมดูกางเกงที่ปูกำลังใส่





"สวยดีนะ ใส่พอดีเลย"





"เออ กูก็ว่าตัวนี้มันเท่ดีเหมาะกับคนคลูๆ แบบกู" ปูยักคิ้วพอใจ





"คงงั้นมั้ง นี่ปูชอบเสื้อตัวนี้ไหม?"  ผมยกเสื้อยีนส์แขนยาวสีเข้มขึ้นสูงระดับอกเพื่อโชว์เสื้อที่ผมเลือกให้ปูดูว่าถูกใจไหม





"อืม.. เท่ดีกูชอบ น่าจะเข้ากับยีนส์ที่กูใส่พอดี" ผมยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินว่าปูบอกว่าชอบเสื้อที่ผมเลือกให้ล่ะ





"ไซส์นี้น่าจะพอดีตัวเนอะ ใหญ่กว่านี้โจว่าใส่แล้วจะไม่พอดีตัว" ผมจัดการทาบเสื้อที่ตัวของปู 





"งั้นเดี๋ยวไปลองก่อน ถ้าใส่ได้พอดีก็เอาตัวนี้เลย"





"อืม.. ปูไปลองเสื้อเถอะ เดี๋ยวโจหาเพิ่มอีกสักสองตัว"





"เลือกของตัวเองด้วยล่ะ อย่ามัวแต่เลือกให้กู เข้าใจ๋?"





"คร๊าบ... รับทราบ" ผมตอบรับแบบขำๆ 





"รอแป๊ป... เดี๋ยวมา"









ปูหายเข้าไปในห้องลองเสื้อสักพักก็ออกมาพร้อมกับเสื้อที่ผมเลือกให้ พับแขนขึ้นจนถึงข้อศอกทั้งสองข้าง บอกเลยว่าโคตรเท่อ่ะครับ ขนาดผมยังยอมรับในจุดนี้ แล้ว... สาวๆ คนอื่นที่ไม่ใช่ผมล่ะ เห็นแล้วจะขนาดไหน









คิดยังไม่ทันจะจบก็มีผู้หญิงสองคนเดินตีคู่เข้ามาในร้านเสื้อผู้ชาย ผมมองสังเกตุการณ์ก็ไม่เห็นว่าจะมีผู้ชายเดินตามเข้ามาสักคน เป้าหมายคงไม่ใช่ใครนอกจากแฟนสุดหล่อของผมนั่นแหละ เฮ้ออ...









ผมได้แต่ก้มหน้ามองหาเสื้อผ้าต่อ สองสาวยังคงเดินวนเวียนอยู่ใกล้ๆ แฟนผม มีแวะพูดคุยกันบ้างเล็กน้อยแต่ผมไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรกัน ผมยืนอยู่ไกลเกินไป เสียงเพลงในร้านก็กลบเสียงพูดคุยซะหมดแล้วแบบนี้ผมจะไปได้ยินอะไรล่ะ









ผมยืนเลือกเสื้อผ้าต่ออีกสักแป๊ป แล้วในที่สุดผมก็เจอเสื้อตัวที่สองที่ผมกำลังมองหาอยู่









"ตัวนี้แหละ" ผมคิดได้แค่นั้นแล้วก็ถือเสื้อเดินตรงไปหยุดที่หน้าแฟนของผม





"ตัวนี้ล่ะชอบไหม?" ผมถามปูแต่สายตาแอบมองผู้หญิงสองคนที่กำลังมองมาที่ผมกับปู





"อืม... ก็สวยดี" 







ผมแทบจะอ้าปากค้าง "ก็สวยดี" แค่นั้นน่ะเหรอ







"ชอบไหมล่ะ เอาไปลองซิ" ผมคะยั้นคะยอให้ปูเอาเสื้อที่ผมเลือกไปลอง 





"เดี๋ยวแป๊ปนึงดิ หากางเกงอีกตัวก่อน" ปูยังคงเลือกกางเกงต่อโดยที่ผมยืนถือเสื้อรออย่างเก้ๆ กังๆ





"เอาเสื้อไปลองก่อนค่อยมาหากางเกงก็ได้นิ" ปูขมวดคิ้วแล้วหันมามองหน้าผมที่กำลังทำหน้าจริงจังกะอีแค่เรื่องลองเสื้อ





"เอาไปลองดูก่อนนะ อ่ะ" ผมยื่นเสื้อไปให้ปูทันที 







แปลกที่บทสนทนาที่ผมคุยกับปูผมไม่ยอมเรียกชื่อปูสักคำ เพราะผู้หญิงสองคนนั้นยังมองผมสองคนคุยกันอย่างไม่ละสายตา





"หึหึ งั้นรอแป๊ป"







ผมยิ้มออกทันทีที่ปูรับเสื้อจากมือผมไปลอง ปูเดินหายไปอีกครั้งในห้องลองชุด ส่วนผมก็ยืนอารมณ์ดีช่วยเลือกกางเกงไว้เผื่อปูออกมาจะได้ให้ปูดูว่าชอบตัวที่ผมเลือกไว้ให้ไหม















"โจๆ มานี่หน่อย"







ผมหันไปมองตามเสียเรียก ปูชะโงกหน้าออกมานอกประตูห้องลองเสื้อ พนักงานและสองสาวต่างมองเป็นสายตาเดียวกัน ผมรีบวางกางเกงที่ถืออยู่ในมือทิ้งไว้ที่เดิมแล้วเดินเข้าไปหาปูทันที







"มีอะไรเหรอ?"





พรึ่บ!!









"เฮ้ย!!"









ตัวผมถูกดึงเข้าไปในห้องลองเสื้อที่ไม่ได้กว้างอะไรมากนัก เราสองคนยืนหันหน้าเข้าหากันใต้แสงไฟนวลๆ สีส้มอ่อน ปูใส่เสื้อตัวที่ผมเพิ่งเลือกให้ ผมจ้อมองปูด้วยความสงสัย 







"ใส่ไม่พอดีเหรอ?" ผมมองเสื้อที่ปูสวมใส่ มันก็พอดีนิแล้วอะไรล่ะ







"ป่าว... กูแค่อยากจูบมึงในห้องลองเสื้อน่ะ"







"ห๊ะ!!"







^///^









ผมถูกปูขโมยจูบในห้องลองเสื้ออันคับแคบ ร่างกายผมถูกกอดรัดไว้ด้วยแขนแกร่งที่โอบรัดตัวผมให้แนบชิดจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน หัวใจของผมเต้นเร็วจนผมนับจังหวะการเต้นหัวใจของตัวเองไม่ได้ ร่างกายของผมเหมือนกำลังจะหมดเรี่ยวแรงเพราะบทจูบอันดูดดื่มที่ปูมอบให้กับผม















ตื่นเต้นเป็นบ้าเลย







^///^







TBC.

คนเขียนหัวใจจะวายแทนพี่โจ ฮ่าๆๆๆ ทำไมเฮียปูทำแบบนี้ล่ะ เขิลจุง... ^///^





















ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
โอยยยยย อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขมากเลยค่ะ
คู่นี้น่ารักมากๆๆๆๆๆ ^^

ออฟไลน์ Star_ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 552
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-3
★ผัวขี้หึงVSเมียขาโหด ภาค 2
【ปู❤โจ】



【EP.13 แฟนผมเองครับ】







ผมเหมือนแทบจะละลายแล้วตายลงตรงนั้น ผมถูกปูจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในห้องลองเสื้อที่มีเพียงเราสองคน สายตาที่ปูมองมาที่ผมมันทำเอาผมใจสั่นระรัว พื้นที่ทั้งหมดในหัวใจผมควบคุมมันไม่ได้เลย







จุ๊บ จุ๊บบบ....





ความรู้สึกหมดแรงและรู้สึกเสียดายในเวลาเดียวกัน ผมเสพติดความหอมหวานในรสจูบจากคนรักของผมเสียแล้ว







มือที่กำลังลูบไล้ที่แก้มผมอย่างอ่อนโยน ปลายจมูกกดลงสูดดมที่แก้มขวาผมพร้อมลมหายใจอุ่นๆ ริมฝีปากนั้นกดจูบประทับบนริมฝีปากผมอีกครั้งและผละออก รอยยิ้มร้ายๆ ของคนตรงหน้าทำให้ผมคืนสติก่อนจะเสหน้าหนีด้วยความอาย







"กูเพิ่งรู้นะเนี้ยะว่าแฟนกูก็ขี้หวงเป็นกับเขาด้วย หึหึ"





"เอ่อ... พูดเรื่องอะไรอ่ะ ใครหึงอะไรใครเหรอ" 







ตายแน่! งานนี้ผมออกอาการชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ ผมว่าผมก็ทำตัวปกตินะก็แค่เลือกเสื้อให้แฟนตัวเองมันแปลกตรงไหนงั้นเหรอ







"เออๆ ไม่หึงก็ไม่หึง เลิกหน้าแดงได้แล้วเดี๋ยวออกไปคนข้างนอกเข้าจะรู้ว่ากูจูบมึงในนี้"



"พูดบ้าอะไรเนี้ยะปู คนข้างนอกเขาจะรู้ได้ไงล่ะ ถ้า...." 



"แน่ะๆ ทำท่าเลิ่กลั่กมีพิรุธอีกล่ะ"





"ป่าวสักหน่อย ปูรีบๆ ลองเสื้อไปเลย โจออกไปรอข้างนอกนะ" พูดจบผมก็รีบเปิดประตูออกมาข้างนอกทันที







แต่....

พอผมออกมาจากห้องลองเสื้อเท่านั้นแหละ ผมกลายเป็นเป้าสายตาของผู้หญิงทุกคนในร้านทันที มองอะไรกันล่ะ ด้วยความรนผมยกมือขึ้นกำลังจะตรวจสอบบางอย่างที่ริมฝีปากตัวเอง









เฮ้ย!!! ไม่ได้ดิ ผมดึงสติตัวเองไว้ได้ทันเลยปล่อยมือลงแล้วเดินไปยืนเลือกเสื้อต่อทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น









ผมยืนเลือกเสื้อดูนั่นนี่ไปสักพักปูก็เดินออกมาจากห้องลองเสื้อ ผมแอบเหลือบมองนิดหน่อย ผู้หญิงสองคนนั้นรีบเดินเข้าชาร์ตแฟนผมทันที









เฮ้ย!! ทำไมผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอ ผมแอบถอนหายใจเล็กน้อย ถ้ากล้าเดินเข้าชาร์ตขนาดนั้นผมคงทำอะไรไม่ได้









ปูยืนเลือกเสื้ออยู่อีกล็อคโดยมีผู้หญิงสองคนนั้นพูดคุยด้วยไม่หยุด ผมยังคงก้มหน้าก้มตายืนเลือกเสื้อต่อไป แต่ก็มีแอบมองบ้างเป็นบางครั้ง เฮ้ออ...















"เลือกอะไรนักหนา ได้สักตัวรึยังหื้อ?"



"ไม่มีตัวไหนที่ชอบเลย ปูได้ครบรึยังล่ะ ถ้าได้ครบแล้วเรากลับกันเถอะ"



"ครบแล้วกำลังจะจ่ายเงินเลยเดินมาตาม"



"อ้าวเหรอ งั้นปูจ่ายเลยโจไม่อยากได้อะไรแล้ว"



"อืม... งั้นไปจ่ายเงินกันจะได้ไปหาข้าวกิน"



"ครับ"







ผมเดินตามปูไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน เสื้อผ้าที่ปูซื้อก็หลายตัวอยู่ครับมีตัวที่ผมเลือกแล้วตัวที่ปูเลือกเองด้วย ผมยืนรอเงียบๆ อยู่ไม่ไกลจากที่ปูกำลังยืนจ่ายเงินสักเท่าไหร่







"คุณลูกค้าคะ เสื้อสามตัวนี้ซื้อผิดไซส์รึเปล่าคะ?" พนักงานถาม



"ไม่ผิดครับผมซื้อให้แฟนผมน่ะ แฟนผมใส่เสื้อไซส์เล็กกว่าผมไซส์หนึ่งครับ" พูดจบปูก็หันมามองที่ผมแล้วยิ้ม



"อ่อ.. ค่ะ แหมน่ารักจังเลยนะคะ มีแฟนหน้าตาหล่อขนาดนี้เห็นแล้วอิจฉาเลยค่ะ"







ตอนนี้ทั้งพนักงานทั้งสองสาวนั่นต่างหันมามองที่ผมเป็นสายตาเดียวกัน พวกเธอดูตกใจเล็กน้อยแล้วหันมายิ้ม ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับนอกจากยิ้มกลับไปแบบมึนๆ ทำตัวไม่ถูกเลย







ปูจ่ายเงินเสร็จก็ถือถุงเสื้อผ้าเดินเข้ามาหาผม พนักงานในร้านก็พูดกล่าวขอบคุณลูกค้าตามปกติ







"หิวยัง?"



"อืม... นิดหน่อย"   



"อยากกินอะไรเลือกเลย เดี๋ยวกินเสร็จค่อยไปดูหนังกัน"



"ไม่กินปิ้งย่างนะ เดี๋ยวหัวเหม็นอ่ะ"



"ตามใจ"







เราสองคนพากันเดินออกจากร้าน ปูเดินจับมือผมตลอดทางที่เราเดินด้วยกัน ระหว่างทางที่เดินก็มีคนมองเราสองคนนะแต่ผมกลับไม่รู้สึกอายเหมือนทุกครั้ง ตอนนี้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ชอบจัง...









ร้านอาหารผมเลือกร้านอิตาเลี่ยนครับ วันนี้อยากกินพิซซ่า พาสต้า หื้อ.. อยากกินหลายอย่างเลยอ่ะ เรื่องกินปูไม่เคยขัดใจผมสักครั้ง ถ้าผมพูดว่าผมอยากกินอะไรนี่หาให้กินหมด เพราะปกติเรื่องอาหารผมจะเป็นคนจัดการทุกอย่าง ถ้าวันไหนผมบอกว่าอยากกินนี้จังอยากกินนู้นจังแค่พูดลอยๆ ว่าอยากกินเท่านั้นแหละ ของกินทุกอย่างที่ผมบ่นว่าอยากกินก็จะอยู่ตรงหน้าผมทุกครั้ง 







"ทำไมสั่งน้อย?" 



"สั่งมาเยอะกลัวกินไม่หมดอ่ะ ปูไม่ค่อยชอบกินอาหารพวกนี้โจเลยไม่อยากสั่งเยอะ"



"เกี่ยวอะไรกัน สั่งเพิ่มมาอีกดิเดี๋ยวกูช่วยกินเองถ้ากินไม่หมด"



"จริงเหรอ?"



"เออครับ อยากกินอะไรสั่งเลย" ผมยิ้มกว้างทันที







ปกติปูไม่ค่อยชอบกินอาหารพวกนี้หรอกครับ ปูชอบอาหารไทยส่วนผมติดอาหารพวกนี้ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่เมืองนอก ตอนนั้นอาหารไทยก็อยากทานนะครับแต่ราคาแพงเกินไป ผมเลยทานอาหารง่ายๆ ตามที่บ้านเขามีขาย นานๆ ทีผมจะซื้อมาทำกินเองแต่ก็นั่นแหล่ะครับมันได้รสชาติไม่เหมือนบ้านเราร้อยเปอร์เซ็นต์แค่กินให้หายคิดถึงบ้านน่ะ พอกลับมาอยู่ไทยผมก็ตระเวนกินอาหารไทยที่เขารีวิวกันว่าอร่อย เรียกว่ากินกันจนหายคิดถึงไปเลย แต่พอได้กินอาหารไทยบ่อยๆ มันก็มีบ้างที่อยากกินอาหารพวกนี้ใช่ไหมล่ะ นานๆ กินทีคงไม่เป็นไรหรอกมั้งเพราะผมไม่ใช่พวกชื่นชอบค่านิยมอะไร มันก็แค่ความอยากตามปกติเท่านั้นเอง









"กินเยอะๆ ล่ะ มึงทำงานหนัก นอนก็นอนน้อยแถมยังต้องมาดูแลกูอีก ดูดิเนี้ยะผอมจนเห็นกระดูกหมดล่ะ" 



"ผอมเหรอ โจว่าช่วงนี้โจกินเยอะแล้วนะ ปูชอบซื้อนั่นซื้อนี่ให้กินตลอดยังจะผอมอีกเหรอ"



"เออน่า.. อย่าเถียง กินเข้าไปเยอะๆ เลย อ่ะนี่ของโปรดมึง" ปูตักสปาเก็ตตี้คาโบนาล่าใส่จานให้ผม



"ปูก็กินด้วยซิ นั่งมองโจกินอย่างเดียวมันอิ่มรึไง ไหนบอกจะช่วยกันกินอ่ะ"



"หืออ.. บ่นเก่ง กินๆ พูดมากขึ้นทุกวันรู้ตัวบ้างไหมเนี้ยะ" 





คนบ้าอะไร นั่งบ่นผมไปเรื่อยแต่ตักอาหารใส่จานให้ผมไม่หยุดมือ ^^





"อ่ะ.. ปูลองกินนี่ดูนะ โจว่าร้านนี้ทำอร่อยดี" ผมตักไก่ราดซอสอัลมอนด์ให้ปูลองชิม



"อืม.. ดูน่ากินดี"



"ลองกินดูนะ ถ้าปูชอบโจจะทำให้กินเอง" 



"ก็อร่อยดี" 



"ชอบไหมล่ะ โจทำเองอร่อยกว่านี้อีกนะ" ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดังมาก



"หึหึ งั้นกูจะรอกินที่มึงทำล่ะกัน ดูดิว่าจะอร่อยอย่างที่โม้ไว้รึเปล่า"



"อร่อย!!" ผมรีบตอบ



"เออๆ เชื่อแล้วคร๊าบ.. กินต่อได้แล้วเดี๋ยวอาหารเย็นหมดจะไม่อร่อย"



"โอเค งั้นปูกินนี้ด้วยนะ"









เราสองคนสลับกันตักอาหารใส่จานให้กันและกัน พูดคุยกันทุกเรื่องที่คิดขึ้นได้ ปูยิ้มมากขึ้นไม่ค่อยทำหน้าตาหน้ากลัวเหมือนแต่ก่อนถือว่าเป็นข้อดีสำหรับผม







แต่... มันก็มีข้อเสียเช่นเดียวกันครับ เพราะเวลาปูยิ้มทีไรสาวๆ ต่างพากันเข้าหาไม่หยุด ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งเกย์ตัวเล็กตัวน้อย





เฮ้ออ... มันเป็นอะไรที่ทำให้ผมคิดไม่ตกสักทีว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไงเพราะผมเองก็ชอบรอยยิ้มของแฟนผมเหมือนกันนี่นา...









หลังจากทานอาหารเสร็จปูก็ชวนผมแวะไปดูแว่นกันแดดที่ร้านประจำ รายนี้พลาดไม่ได้หรอกครับ ถ้ามีคอลเลคชั่นใหม่มาเมื่อไหร่ต้องรีบมาจับจองเป็นเจ้าของเสียให้ได้ ถ้ายิ่งเป็นรุ่นลิมิเต็ดนะผู้จัดการที่ร้านจะโทรไปรายงานให้ทราบทันที พูดง่ายๆ คือสั่งให้เลยแทบไม่ต้องถาม เรื่องนี้ไว้ใจปูได้เลย ฟาดเรียบทุกคอลเลคชั่นครับ







พอได้แว่นใหม่ตามที่ต้องการก็ไม่พลาดที่จะซื้อให้ผมด้วย ปูบอกผมว่า....





"ของมันต้องมีครับที่รัก หึหึ"





สรุปคือปูได้ผมก็ได้ด้วย ผมจะได้ไม่เอ้าท์ ฮ่าๆๆ นี่ผมเฉยขนาดตามแฟชั่นไม่ทันเลยงั้นเหรอ ปูถึงต้องคอยอัพเดทแฟชั่นให้ผมอ่ะ คิดแล้วก็ขำเนอะ







"ปูนี่ไม่ค่อยเห่อเลยเนอะ"



"ไม่ได้ดิ! ต้องลองของใหม่ใส่เรียกเรตติ้งซะหน่อย หึหึ"



"แค่นี้ก็เรตติ้งไม่เคยตกอยู่ล่ะ ยังจะใส่เรียกเรตติ้งอีก" ผมพูดงึมงัมกับตัวเอง



"ว่าอะไรนะโจ เมื่อกี้กูไม่ทันฟัง" 







โหหห... จะทันฟังอะไรที่ผมบ่นไปล่ะครับ ก็มัวแต่ก้มส่องกระจกรถเช็คแว่นคอลเลคชั่นใหม่ที่ใส่อยู่น่ะซิ สนใจอะไรที่ไหนล่ะ 





"โจอยากดูหนังแล้วอ่ะปู หล่อพอรึยังอ่ะไปดูหนังกันเถอะ" ปูหยุดส่องความหล่อของตัวเองแล้วหันมาส่องที่หน้าผมแทน





เอาล่ะซิ! งานนี้แย่แน่!!





"หล่อล่ะไปดูหนังได้ หึหึ"



--!!



"น่าจะไปได้ตั้งนานล่ะ" ผมบ่นอุบ!! เสียเวลากับการเก็บของใส่รถนานไปไหม ไม่ได้ซื้ออะไรมากมายซะหน่อย 



"โอ๋ๆๆ งอนเหรอครับที่รัก ป่ะๆ เดี๋ยวพี่จะพาไปดูหนัง"



"เดินดีๆ ซิปู!!"



"แว่นมันมืด โอ๊ะๆ มองไม่เห็นทางเลย โจๆ มึงมาให้กูกอดคอหน่อยกูมองไม่เห็นทางเลยจริงๆ นะ"



"คนบ้า!!"















"เป็นอะไรมองกูอยู่ได้ ตะลึงความหล่อกูว่างั้น หึหึ"



"ตลกมากกว่ามั้งปู ใส่แว่นดำยืนซื้อตั๋วหนังเดี๋ยวพนักงานก็นึกว่าคนตาบอดมาดูหนังขำตายเลยนะ" 



"ป๊าดดด!! เดี๋ยวนี้มีกัดกูนะ"



"กัดอะไรล่ะ โจพูดเรื่องจริงต่างหาก" พูดจบผมก็ลอยหน้าลอยตาทำเป็นตั้งใจยืนต่อคิวซื้อตั๋วหนังต่อ



"คนแม่งเยอะฉิบหายเลยว่ะ ขนาดรอซื้อตู้ขายบัตรอัตโนมัติยังต่อคิวกันยาวขนาดนี้เลยเหรอวะ"



"ก็หนังเข้าเยอะมั้ง แล้วที่สำคัญหนังที่เรากำลังจะดูคนดูเยอะมากด้วยนะ เรตติ้งดีสุดๆ เลย กลัวจองแล้วได้นั่งหน้าอ่ะ" ผมทำหน้าหงอย ถ้าได้หนังแถวหน้าๆ กว่าหนังจะจบคงปวดคอกันน่าดู



"หนังคงมีหลายรอบมั้ง เลือกดูรอบที่เหลือที่นั่งแถวบนเอาแล้วกัน"



"ปูเดี๋ยวเราซื้อตั๋วหนังเสร็จค่อยไปซื้อป๊อบคอร์นกับน้ำเนอะ"



"ตามใจดิ นานๆ กูจะพามึงได้ออกมาดูหนังกูตามใจมึงหมดนั่นแหละ" ปูขยี้หัวผมเบาๆ 



"ขอบคุณนะ" ผมยิ้มอย่างมีความสุข









หลังจากต่อแถวซื้อตั๋วสักพักผมก็ได้ตั๋วหนังมาครอบครอง โชคดีในโชคดีรอบที่ผมเลือกมีที่นั่งว่างแถวบน ตอนแรกจะเลือกที่นั่งธรรมดาแต่ปูบังคับซื้อที่นั่งแบบสวีทโซฟาคู่ ผมขัดใจได้ที่ไหนล่ะคนจ่ายเงินย่อมมีอำนาจสูงสุดเสมอใช่ไหมล่ะครับ เสียดายเงินเพราะราคาแพงเว่อ!!







"ปูอยากกินป๊อบคอร์นรสอะไร?"



"อะไรก็ได้มึงเลือกเลย"



"โอเค งั้นปูนั่งรอตรงนี้แป๊ปนะเดี๋ยวโจไปซื้อเอง"



"อืม.. เอากระเป๋าตังค์ไป อยากกินอะไรก็ซื้อมาล่ะกัน" ^^







ผมเดินอารมณ์ดีมายืนต่อแถวซื้อป๊อปคอร์น กลิ่นมันช่างหอมยั่วยวนเหลือเกิน ระหว่างรอคิวผมก็ยืนพิสูจน์กลิ่นไปพลางๆ ว่าจะเลือกรสอะไรดี คนอื่นๆ เริ่มทะยอยเดินเข้าโรงหนังกันแล้วครับ เหลือผมกับผู้หญิงอีกคนที่ยืนรอสั่งอยู่คนละเคาท์เตอร์ 







"สวัสดีครับ ลูกค้ารับเป็นชุดไหนดีครับ" 



"เอ่อ... ผมขอเลือกดูก่อนนะครับ"



"เมนูครับ อยากได้ชุดไหนบอกผมได้เลยนะครับ" พนักงานพูดจาดี ยิ้มก็เก่งแบบนี้เขาเรียกบริการดี



"งั้นผมเอาป๊อบคอร์นชุดนี้แล้วกันนะครับ" ผมชี้ที่ชุดป๊อบคอร์น 1 ถัง น้ำ 2 แก้ว 



"รับน้ำดื่มกับป๊อบคอร์นรสอะไรดีครับ?"



"เอาป๊อบคอร์นรสชีสกับเค็มผสมกันแล้วก็น้ำแป๊ปซี่กับสไปรท์ครับ"



"ได้ครับ ยิ้มเก่งจังเลยน่ะครับ" 



"เอ่อ... ขอบคุณครับ" 







ผมว่าคนที่ยิ้มเก่งน่าจะเป็นพนักงานคนนี้มากกว่านะ คงไม่ใช่ผมหรอกเพราะผมก็ทำตัวปกติดีทุกอย่างนิ







"วันนี้มาดูหนังเรื่องอะไรเหรอครับ?" 



"เรื่องน้องพี่ที่รักน่ะครับ" 



"เรื่องนี้สนุกดีนะครับ ผมดูแล้วชอบมากเลย" 



"อ่อ.. เหรอครับ ผมก็คิดว่าน่าจะสนุกดี" ตาผมเริ่มมองไปที่ถังป๊อบคอร์น



"สนุกมากครับ ผมคิดว่าคุณดูแล้วต้องชอบเหมือนผมแน่นอน" 



"อ่อ.. ครับ" 







ถังป๊อบคอร์นที่ผมสั่งไปในที่สุดก็วางอยู่ตรงหน้าผม ตอนนี้ก็เหลือแค่รอน้ำอีกสองแก้วแล้วจ่ายเงิน







"คุณมาดูกับใครเหรอครับ?" ผมเริ่มรู้สึกว่าเขาถามผมเยอะไปอ่ะ



"เอ่อ... ผมมาดูกับ..."



"มาดูกับกูเอง!!" 







ทั้งผมและพนักงานคนนั้นต่างมองไปที่เจ้าของเสียงที่ตอบคำถามแทนผม







"อ่อ.. มาดูกับพี่ชายนี่เอง" 







ผมนี่แอบกลืนน้ำลายเฮื้อกใหญ่ สายตาดุๆ ที่มองลอดแว่นออกมาทำเอาผมขนลุกซู่กลัวใจแฟนตัวเอง ปูถอดแว่นออกแล้วจ้องมองไปที่พนักงานคนนั้น







"เอ่อ... คือ... ไม่ใช่พี่ชายหรอกครับ" 



"แฟน!! มาดูหนังกับแฟนมึงมีอะไรจะถามอีกไหม?"



--!!



"ปูไม่มีอะไรหรอกแค่พูดคุยกันระหว่างรออ่ะ" ผมจับมือปูไว้แน่น



"กูเห็นยืนคุยอยู่นานล่ะ ซื้อแค่ป๊อบคอร์นกับน้ำแค่นี้มึงใช้เวลานานขนาดนั้น รีบๆ ตักรีบๆ กดน้ำมันยากรึไง!!"



"ปูใจเย็นๆ นะ เนี้ยะน้องเขาทำเสร็จพอดี เดี๋ยวโจจ่ายตังค์ก่อนนะ"





ผมสงสารน้องเขามากอ่ะ คงตกใจน่าดูหน้าซีดไปเลย





"เท่าไหร่ครับ?"



"ทั้งหมด 440 บาทครับ"



"นี่ครับ" ผมรีบหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้พนักงานทันที



"ไม่ต้องทอน!!" รู้ใช่ไหมครับว่าเสียงใคร





น้องพนักงานอีกคนพยายามจะเดินเข้ามาช่วยเพื่อนแต่พอเจอสายตาปูเข้าไปถึงขั้นต้องเดินถอยหลังกลับทันที





"เอ่อ.. ไม่ต้องทอนนะครับ" ผมรีบพูดบอกน้องคนนั้น 



"ขอบคุณมากครับ ดูหนังให้สนุกนะครับ" 



"ไปเถอะปู หนังเข้าพอดีเลย" 







ผมรีบหยิบแก้วน้ำสองแก้งยัดใส่มือปูให้ปูถือ ส่วนผมก็ถือถังป๊อบคอร์นแล้วใช้อีกมือดันตัวปูให้เดินออกจากตรงนี้ โอ๊ยยย!! ผมจะบ้าตาย







"คิดจะจีบแฟนกู สงสัยอยากแดกตีนแทนข้าว หึ!!"



"เฮ้ย!! ขอโทษด้วยนะครับ" ผมตกใจรีบหันไปพูดขอโทษน้องคนนั้นทันที



"ไม่เป็นไรครับ"







อ้าว!! ยิ้มซะงั้น 







"มึงเห็นไหมมันยิ้มให้มึง!!"



"โอ๊ย!! ไม่ใช่หรอก เขาแค่ยิ้มตามมารยาทน่ะปู ไปดูหนังกัน นะๆ นะปูนะ" 



"แม่งเอ้ย!!"







ปูเดินไปแบบไม่รอผมเลยอ่ะ ผมหันไปโค้งขอโทษน้องเขาอีกที เพื่อนพนักงานอีกคนเขาเดินเข้ามาน้องเขา ผมรีบหันหลังกลับเพื่อที่จะรีบเดินตามไปให้ทันปู







แต่.... สิ่งที่ผมได้ยินนั้น!







"มึงนี่เอาอีกแล้วนะ จีบแฟนคนอื่นไม่ดูหน้าดูหลังเล๊ยย.. เกือบแดกตีนแฟนเขาแล้วไหมล่ะ"



"กูจะรู้ไหมล่ะว่าเขามีแฟนแล้ว ก็กูเห็นแล้วชอบนี่หว่าเลยลองดูเผื่อเขาอาจจะชอบกูก็ได้"







ผมนี่อึ้งแดกไปเลยครับ ไม่กล้าหันกลับไปมองน้องคนนั้นอีก ไม่น่าล่ะทำเอาแฟนผมควันออกหูขนาดนั้น ผมนี่โง่จริงๆ เล๊ยย แค่นี้ก็ดูไม่ออก







"ยืนทำอะไรอีก รีบๆ เดินตามมาดิ!!" "ปูรอด้วย" ผมรีบเดินตามปูไปในทันที งานนี้ต้องทำตัวดีๆ หน่อยล่ะ









เราสองคนเดินเข้ามาในโรงหนัง ผมเดินเกาะชายเสื้อปูแล้วเดินตามไป หนังตัวอย่างเริ่มฉายไฟในโรงหนังค่อนข้างมืดเลยมองไม่ค่อยเห็นทาง 







"เดินดีๆ ล่ะ" มือเย็นๆ จับเข้าที่มือผมแล้วจูงมือผมเดินตามไป พอถึงที่นั่งปูก็วางแก้วน้ำทั้งสองแก้วไว้ในที่วางแก้วแล้วนั่งลง



"ยืนทำไมนั่งลงดิ" ผมรีบนั่งลงตามคำสั่ง แขนซ้ายยังกอดถังป๊อบคอร์นไว้แน่น



"ปูคือ... โจขอโทษนะ"



"ชู่! เงียบๆ แล้วดูหนังไป"







ผมเลยรีบทำตามคำสั่ง นั่งเงียบรอดูหนังที่กำลังจะฉาย แต่มันเงียบเกินไปอ่ะครับ เงียบแบบไม่กล้าหยิบป๊อบคอร์ทเข้าปากเลย ปูนิ่งมากจนผมเริ่มกลัว







"ปูกินป๊อบคอร์นไหม?"







ผมขยับเข้าไปไปไกลปูอีกนิดแล้วพูดกระซิบเบาๆ ใจก็เต้นตึกๆ โคตรลุ้นอ่ะ













เงียบครับ เอาไงดีอ่ะยังโกรธอยู่แน่ๆ เลย







หนังเริ่มฉาย เริ่มมีเสียงหัวเราะดังขึ้นเพราะหนังค่อนข้างตลก ทุกคนในโรงดูเอ็นจอยกับหนังแต่ผมสองคนนั่งเงียบอ่ะ เอาไงดีถ้าเป็นแบบนี้ผมดูหนังไม่รู้เรื่องแน่เลย







เอาไงเอากัน!! ง้อแฟนตัวเองไม่ผิดอะไรนิ









ผมขยับตัวเข้าไปหาปูอีกนิด เรียกว่าชิดมากอ่ะครับ ถ้าชิดอีกนิดนี่ขึ้นนั่งตักเลยน่ะ "ปูกินป๊อบคอร์นด้วยกันนะ"  ผมไม่รอคำตอบหรอกครับ หยิบป๊อบคอร์นได้รีบจ่อไปที่ปากปูทันที 







"หึ!" 





นี่คือเสียงที่ผมได้ยินก่อนจะโดนฟันคมๆ งับที่นิ้วผมเบาๆ แล้วป๊อบคอร์นก็หายไป ผมยิ้มกว้างทันที









หลังจากนั้นผมก็กินเองบ้าง ป้อนแฟนตัวเองบ้าง บรรยากาศเริ่มดีขึ้น ผมกินไปสักพักก็เริ่มอิ่ม ถังป๊อบคอร์นถูกวางไว้มุมเก้าอี้ทันที เราสองคนเริ่มมีเสียงหัวเราะไปกับความตลกของพี่ชายจอมป่วนที่มีน้องสาวสุดเนียบ มือผมถูกอีกมือกุมเอาไว้ให้คลายหนาว ถึงฉากดราม่าพี่น้องทำเอาผมน้ำตาคลอเลยครับ ไม่คิดว่าหนังพี่น้องจะทำได้ดีขนาดนี้ มีหลายฉากที่ผมแอบเช็ดน้ำตาตามเลย นักแสดงสื่อความรู้สึกออกมาได้ดีมากจริงๆ พีคสุดคือฉากสุดท้ายก่อนจบทำเอาผมน้ำตาไหลพรากจนปูแอบขำผม กว่าหนังจะจบผมเสียน้ำตาไปกี่ลิตรก็ไม่รู้ หนังดีมากเลยครับขนาดผมเป็นผู้ชายยังแอบร้องไห้ตามเลย















"ตาแดงหมดแล้ว"



"เห็นชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?" ผมรีบถามปูทันที



"บวมเลยเหอะ ร้องไห้อะไรขนาดนั้น หึหึ"



"ก็หนังมันเศร้านิ"



"ไปล้างหน้าในห้องน้ำไป"



"อืม... ปูรอแป๊ปนะ" 



"เดี๋ยว!!" 



"อะไรอ่ะ?"



"กูเข้าไปด้วย"













หลังจากเราดูหนังเสร็จปูก็ขับรถพาผมกลับคอนโด ระหว่างทางผมโดนล้อเรื่องร้องไห้ไม่หยุด เรื่องตลกของปูแต่กลายเป็นเรื่องเศร้าของผม แต่ก็ดีนะอย่างน้อยปูก็อารมณ์ดีแล้ว คงเลิกโกรธผมแล้วมั้ง

















"ปูอาบน้ำเลยไหมเดี๋ยวโจจะเตรียมชุดให้" ตอนนี้เราอยู่ในห้องนอนแล้วครับ 



"มานี่ดิ" ผมเดินเข้าไปให้ปูอย่างว่าง่าย ปูนั่งอยู่บนที่นอนสายตาปูมองจ้องมาที่ผม



"มีอะไรเหรอ?"





หมับ!!



ปูกอดเอวผมไว้แน่นก่อนจะซุกหน้าลงที่หน้าท้องผม







"วันนี้มึงทำกูหึงจนควันออกหูเลยรู้ตัวใช่ไหม?" ปูเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม



"ไม่รู้มั้ง ปูโวยวายใสน้องเขาขนาดนั้น" ผมตอบยิ้มๆ



"หึ!! รู้แล้วยังทำอีก"



"ปูอ่ะคิดมาก น้องเขาไม่ได้คิดอะไรกับโจสักหน่อย เขาแค่คุยกับลูกค้าปกตินั่นแหละ" ผมยิ้มแล้วลูบไล้ที่แก้มของปูเบาๆ 



"ยังจะเข้าข้างมันอีก ดูก็รู้ว่ามันจะจีบมึง คนปกติที่ไหนถามเยอะแยะขนาดนี้ล่ะ กูไปซื้อทีไรเขาก็แค่ถามเอาป๊อบคอร์นรสอะไร น้ำอะไรก็แต่นั้นไหม นี่อะไรวะถามมาได้ไงว่ามึงมากับใคร เสือกเก่ง!!"





ผมนี่เถียงไม่ได้เลยเพราะผมก็แอบรู้สึกนิดๆ เหมือนกันครับ พอได้ยินน้องเขาพูดกับเพื่อนเท่านั้นแหละผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมนี่โง่จริงๆ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ผมคงจะแค่ยิ้มๆ ไม่ตอบโต้มากขนาดนี้หรอก 





"ปูยังโกรธโจอยู่รึเปล่า?"



"แล้วถ้ากูบอกว่ายังโกรธอยู่มึงจะทำยังไง?" ผมนั่งลงข้างๆ ปูก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ



"ปูก็รู้ว่าโจไม่ได้ตั้งใจ โจไม่มีทางชอบเขาอยู่แล้วปูก็รู้นิ แฟนโจนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคนโจจะไปชอบคนอื่นได้ยังไงล่ะ"





ฟอดดด....





"เข้าใจพูดนะมึง"



"พูดจริงๆ ครับ วันนี้โจดีใจนะที่ปูบอกคนอื่นที่ไม่รู้จักว่าโจเป็นแฟนปู ขอบคุณนะ"



"ไม่เห็นแปลกตรงไหน มึงแฟนกู ถ้ามีคนสงสัยหรืออยากรู้ว่ามึงกับกูเป็นอะไรกันกูก็พร้อมที่จะบอกทุกคนว่าเราเป็นอะไรกัน ถึงคำตอบของกูมันจะทำให้มึงอายคนอื่นแต่กูก็เลือกที่จะพูดว่ามึงคือคนของกูเพราะกูไม่อยากให้ใครเข้ามาใกล้มึง กูหวง"



"ขอบคุณนะ ต่อไปโจจะไม่อายอีกแล้วล่ะ ปูจะบอกใครต่อใครว่าโจเป็นแฟนของปูโจก็จะไม่อายแล้วครับ ดีใจด้วยซ้ำไป"



"พูดจริง?"



"อืม... จริงซิ"



"มากอดทีดิ"  ปูรวบตัวผมเข้าไปกอด ผมก็กอดตอบด้วยความยินดี



"ต่อไปปูจะหึงจะหวงโจก็ยินดีนะ โจแค่ขอให้ปูใจเย็นขึ้นอีกนิดนึงก็พอครับ โจไม่อยากให้ปูมีเรื่องกับคนอื่น ถ้าเกิดมีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ โจกลัวว่าปูจะพลั้งมือทำอะไรรุนแรงลงไปแล้วทิ้งโจไว้คนเดียวโจจะทำยังไงล่ะ โจไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว"



"กูไม่มีวันทิ้งมึงหรอกน่า" 



"งั้นสัญญาก่อน"



"อืมๆ สัญญา"



"โจรักปูนะ สัญญาแล้วนะทำให้ได้ล่ะ"



"อืม... กูจะรักษาสัญญาเท่าชีวิตกูเลย"



"ขอบคุณนะ"







ผมรู้ว่าปูจะทำตามที่ให้สัญญากับผม ผมเชื่อแบบนั้น การกระทำและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เราคบกันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันทำให้ผมเชื่อมั่นในคำพูดทุกคำที่ปูพูดกับผม เราดูแลซึ้งกันและกัน เราเข้าใจกันมากขึ้น ผมเลยเลือกที่จะเชื่อใจคนรักของผมเพราะเราคือครอบครัว









รักนะครับ...







TBC.

ทำไมเรารู้สึกอิจฉาพี่โจล่ะ 5555+  ปล. อ่านแล้วฝากเม้นให้กำลังใจคนเขียนด้วยนะคะ เลิฟๆ น้า...











ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
โอยยย หมั่นไส้คนมึความรัก
หวานไปแล้วนะ อิจฉาๆๆๆ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
กว่าโจจะยอมเปิดใจยอมรับเฮียปูเป็นแฟน ต้องให้ออกอาการหึงให้เห็นก่อนสินะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด