ตอนที่ 20
(แอบ) ออกเดต
“สนใจไหมครับ กินไข่แถมตัวด้วยนะ”
“ทะลึ่ง!”
“ผมก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมอยู่ใกล้คุณทีไรถึงได้คิดทะลึ่งแบบนี้ทุกที”
ยังมีหน้ามายิ้มหล่ออีกนะไอ้หนวด!
“นี่…พอได้แล้วมั้ง”
“พออะไรครับ”
“ก็ที่ทำอยู่เนี่ย พอได้แล้ว”
ตอบกลับเสียงเบา รู้สึกร่างกายมันไม่ค่อยจะสงบตามที่สมองสั่นการสักเท่าไหร่ เมื่อท่อนล่างของร่างสูงบดขยี้ลงมาชนกับท่อนล่างของผมไปมาราวกับตั้งใจจะยั่วยวนกัน
ทำแบบนี้มึงฆ่ากูเลยเถอะ!
“นึกว่าคุณจะชอบเสียอีก เห็นทำหน้าเชิญชวนผมเหลือเกิน”
จมูกโด่งไล้ไปตามใบหน้าของผมอย่างอ่อนโยน พอๆกับฝ่ามืออุ่นร้อนที่ลูบไล้ไปตามท่อนแขน เป็นสัมผัสที่แผ่วเบาและคุ้นเคยจนอดสงสัยไม่ได้ว่าผมเคยได้รับสัมผัสแบบนี้จากที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า
“เรา…ไปเดตกันไหมครับ”
จู่ๆอีกฝ่ายก็หยุดการกระทำไปเสียดื้อๆ เขาลุกออกจากตัวผมไปนอนหงายอยู่ข้างตัว ทำเอาคนที่หนีมาตลอดแต่เผลอเคลิ้มไปแว้บหนึ่งอย่างผมถึงกับหน้าชาเหมือนโดนสายฟ้าฟาด
มาทำให้อยากแล้วจากไป
ไอ้เหี้ยย!
“พูดอะไรน่ะ ใครจะอยากไปเดต…”
หมับ…
“ไปเถอะนะครับ ไปเดตกับผมนะ”
พูดเสียงอู้อี้พลางสวมกอดผมเอาไว้แน่น
เสียงที่เขาเปล่งออกมามันฟังดูเศร้าสร้อยชอบกล ทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม แต่น้ำเสียงแววตากลับเปลี่ยนแปลง
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“…”
“คุณแปลกๆไปนะ มีอะไรไม่สบายใจใช่ไหม”
“เปล่าหรอกครับ ผมไมได้เป็นอะไร”
อ้อมกอดแน่นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงหันไปทางเขาแล้วสวมกอดกลับ
เราต่างก็กอดกันและกันเอาไว้อย่างแนบแน่น…
อุ่น…
อุ่นจนอยากจะอยู่แบบนี้ตลอดไป
“ไปสร้างความทรงจำดีๆ ด้วยกันนะครับ”
“ถ้าเรียกว่าไปเที่ยวไม่ใช่ไปเดตก็ได้อยู่หรอก”
“โอเคครับ ไปเที่ยวก็ไปเที่ยว ไปเที่ยวกันนะ”
ยอมง่ายจังวุ้ย
ถ้าเป็นโหมดปกติมันต้องใช้ความเจ้าเล่ห์เพทุบายที่ฝังแน่นอยู่ในกมลสันดานมาทำให้ผมจนมุมและยอมรับว่ามันคือการไปเดตสิ ไม่มีทางที่จะยอมง่ายๆแบบนี้แน่
“ไปก็ไป แล้วเราจะออกจากที่นี่ได้ยังไงกันล่ะ”
“ไม่ยากหรอกครับ”
ถามหารอยยิ้มเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มเจ้าเล่หก็มา…
หมับ!
“เฮ้ยย! จับอะไรวะ”
ร้องเสียงลั่นเมื่อมีหนาล้วงเข้าไปในเสื้อแล้วจับนมปลอมของผมเต็มแรง
ก่อนมึงจะลงมือทำอะไรมึงช่วยบอกหรือส่งสัญญาณเตือนกูสักนิดได้ไหม ไม่ใช่แม่งทำตามใจตัวเองอย่างเดียว กูตกใจ กูขวัญอ่อนหมดแล้วเนี่ย!
“สวัสดีค่ะคุณเปลว จะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”
“ครับ พอดีเพื่อนผมเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ ก็เลยว่าจะพาไปเที่ยวชมเมืองสักหน่อย”
“เที่ยวให้สนุกนะคะ คุณเปลว เอ่อ…คุณ…”
“ไฟครับ เพื่อนผมชื่อไฟ”
“ค่ะ คุณไฟ”
พนักงานต้อนรับที่หน้าฟร้อนหันมายิ้มให้ผม ขณะที่ผมแทบจะเข้าไปสิงร่างไอ้หน้าหนวดอยู่รอมร่อเพราะกลัวคนจะจำได้ว่าความจริงแล้วผมคือใคร!
“ผมบอกแล้วว่าไม่มีใครจำคุณได้หรอก”
ไอ้หน้าหนวดหันมากระซิบระหว่างที่เราสองคนกำลังพากันเดินไปที่ลานจอดรถ ผมซึ่งก่อนหน้านี้ยังเป็นนางสาวน้ำอยู่ดีๆ บัดนี้ได้กลับมาเป็นนายไฟคนเดิมเรียบร้อยแล้ว โดยที่ผมเอาชุดของไอ้ตูมตามมาใส่และแว่นอำพรางใบหน้าเล็กน้อย ส่วนผมก็มัดรวบไว้หลวมๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถปลอมตัวเป็นนายไฟได้แล้ว
ไม่สิ การเป็นไอ้ไฟไม่ใช่การปลอมตัวสักหน่อย แต่มันคือตัวจริงของผมต่างหาก
ให้ตายสิ ปลอมเป็นน้ำนานเกินจนเริ่มสับสนแล้วว่าคนไหนตัวจริง คนไหนตัวปลอม
พูดถึงไอ้ตูมตาม ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่สายตาที่มันมองไอ้หน้าหนวดเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดมาก ค่อนไปทางชิงชัง โกรธแค้นอะไรเทือกนั้นเลยทีเดียว
มึงเผลอไปเหยียบหางหรือฉี่ทับที่มันหรือเปล่าฮะไอ้คุณเปลว
“เชิญครับ”
“เปิดเองได้ ไม่ได้เป็นง่อย”
สวนกลับทันทีเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าที่สุภาพบุรุษเปิดประตูรถให้
ผมรีบมุดเข้าไปในรถทันทีเพราะไม่อยากให้ใครสังเกตเห็นเยอะ โชคดีที่เริ่มใกล้มืดแล้ว บรรดาผู้เข้าประกวดก็พากันกลับเข้าห้องพักไปหมด ส่วนตัวผมในฐานะน้ำนั้นก็ได้ไอ้ตูมตามช่วยหลอกให้ว่านอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้อง ถึงตอนแรกมันจะไม่อยากให้ผมออกมากับไอ้หน้าหนวดสองคน แต่เมื่อผมดึงดันจะมาให้ได้มันก็เลยต้องยอม
“เราจะไปไหนกันดีล่ะครับ”
“มาถามผมทำไม คุณเป็นคนชวนไม่ใช่เรอะ ก็ตามใจคุณสิ”
“โอเคครับ งั้นไปม่านรูด”
“ไม่อยากแก่ตายแล้วสินะ!”
ผมหันไปคว้าคอเสื้อมันแล้วง้างหมัดขึ้นสูง
เผลอเป็นไม่ได้ จ้องจะพากูวกเข้าเรื่องใต้สะดือตลอด นี่แสดงทุกวินาทีในหัวมึงคงมีแต่เรื่องจับกูทำเมียสินะ
“เอ้า ก็คุณบอกเองว่าตามใจผม”
“ที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ม่านรูดเฟ้ย!”
“งั้นบ้านผมก็ได้ครับ เตียงกว้างกว่าเยอะ นุ่มกว่าแยะด้วย”
ยังมีหน้ามายิ้มอีก อ๊ากกกก! อยากตะบันหน้ามันแต่ก็ทำไม่ลง เพราะไอ้หน้ายิ้มกวนตีนของมันนี่แหละที่ทำให้ผมใจอ่อน!
“โอเคครับ ผมไม่แกล้งแล้ว”
“ทำไมถึงชอบยั่วโมโหผมนักฮะ ว่างมากหรือไง หรือว่าว้อนหมัดสุดๆแล้ว”
“ก็เวลาคุณไฟโกรธมันน่ารักดีนี่ครับ มองแล้วเพลินตาดีออก”
มะ…มะ…ไม่หน้าถามมันเลย!
ผมรีบปล่อยมืออกจากคอเสื้อของเขาแล้วกลับมานั่งหลังตรงแด่วในที่ของตัวเอง สายตาจ้องมองไปแค่เบื้องหน้าเท่านั้น แม้ว่าจะรู้ทั้งรู้ว่ากำลังถูกคนข้างๆมองอยู่ก็ตาม
มึงจะมองไปถึงเมื่อไหร่เนี่ยยย ถ้าสายตาแม่งยิงกระสุนออกมาได้ ป่านนี้ผมคงพรุนไปหมดแล้วมั้ง
“เรา…ไปทะเลแถวๆนี้แล้วกันนะครับ”
“อะ…อืม ตามใจสิ”
“งั้นไปม่าน…”
“ผมหมายถึงตามใจเรื่องที่จะไปทะเล!”
“ฮ่าๆๆๆ กะแล้ว เวลาคุณไฟโกรธเนี่ย ผมชอบที่สุดจริงๆด้วย”
มึงเป็นพวกมาโซเรอะ! ชอบใช่ไหมให้กูด่าให้กูทำร้ายร่างกายเนี่ยยยย!
แต่ถึงพูดไปก็คงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่ดี มันเคยสนใจฟังหรือปฏิบัติตามในสิ่งที่ผมพูดเสียที่ไหนล่ะ พอคิดดีๆแล้วออกจะเป็นผู้ชายที่โคตรเอาแต่ใจคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ แต่ในความเอาแต่ใจตัวเองนั้น มันก็ยังเอาใจเก่งอีกด้วย รู้ไปหมดว่าทำแบบไหนยังไงผมถึงจะใจอ่อน
ถึงได้ไม่เคยโกรธมันนานเกินหนึ่งวันเลยนี่ไง
เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากลานจอด ผมก็ก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนัก รู้สึกเหมือนเป็นนักเรียนที่อยู่โรงเรียนประจำแล้วแอบอาจารย์หนีเที่ยวตอนดึกเลยวุ้ย ตื่นเต้นฉิบหาย แถมครั้งนี้ยังหนีออกมาเที่ยวกับผู้ชายอีก…
สาวน้อยอะไรแบบนี้นะไอ้ไฟ
หมับ…
“นี่!”
ร้องเสียงหลงเมื่อมือข้างขวาถูกไอ้หน้าหนวดดึงไปจับไว้ แถมไม่ได้จับอย่างเดียว มันเอามือผมขึ้นไปพรมจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำไปซ้ำมาจนแรงแข็งขืนในตอนแรกเริ่มเบาบางลง
มีอะไรแปลกไปจริงๆด้วย
ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังมีบางอย่างอยู่ในใจ
“หอมจัง…”
“ผมถนัดมือซ้าย เลยใช้มือขวาล้างขี้”
“…”
เอิ่ม…กูทำลายบรรยากาศเกินไปสินะ
“แม้แต่ขี้ก็หอม…”
โอเค! กูยอมใจให้กับความโรคจิตของมึงแล้วไอ้หนวด
สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยให้มันดึงมือผมไปจูบไปดมเอาตามใจชอบ เพราะถึงห้ามไปมันก็ไม่ฟังผมอยู่ดี อีกอย่าง…
ผมก็ยังไม่อยากให้มันปล่อยเหมือนกัน
ไม่นานนักก็มาถึงชายหาดที่เงียบสงบ มีเพียงแสงไฟนีออนจากริมทางเท่านั้นที่ทำให้ ณ จุดๆนี้ สว่างพอที่จะมองเห็นอะไรได้ บวกกับไฟหน้ารถของไอ้หน้าหนวดที่เปิดส่องไปทางน้ำทะเล ผมเลยมองเห็นเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งอยู่เป็นระยะๆ
อ่า…บรรยากาศแบบนี้…
ถ้าเป็นภาษาวัยรุ่นแบบชัดเจนตรงๆไปเลยก็…
บรรยากาศชวนให้เสียตัว!
“นี่…ทำไมเอาแต่เงียบล่ะ”
เปิดปากพูดก่อนเป็นคนแรก เพราะตั้งแต่มาถึงไอ้หน้าหนวดก็เอาแต่เหม่อมองไปยังท้องทะเลที่มืดมิดโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือผม นัยน์ตาของมันดูเศร้าและอ้างว้าง พลอยทำให้ผมใจไม่ดีไปด้วย
“ผมแค่อยากอยู่เงียบๆสักพักก็เท่านั้นเองครับ อยากอยู่เงียบๆ…แต่ว่าข้างๆยังมีคุณไฟอยู่ด้วย”
“พูดเหมือนพี่มากจะลานาคไปรบเลยวุ้ย”
“พี่มากกับแม่นาคเขเป็นผัวเมียกันนะ ผมกับคุณยังไม่ถึงขั้นนั้นเลย ถ้าจะเปรียบแบบนี้งั้นเรามา…”
“หยุดเลย!”
สรุปว่ากูจะพูดอะไรไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม พูดอะไรไปพวกแม่งก็วกกลับเข้าเรื่องพวกนี้ได้ตลอด เอาเสียกูไม่กล้ายิงมุกอะไรเลย!
“กลับมาทะลึ่งได้แบบนี้ค่อยสมกับเป็นคุณหน่อย”
“ผมน่ะเหรอทะลึ่ง ไม่จริงสักหน่อย”
มึงน่ะทะลึ่งตัวพ่อเลยไอ้ห่า!
“ผมว่าไปเดินรับลมทะเลกันดีกว่า”
“หนาว…”
“นี่!”
กูเริ่มโมโหจริงจังแล้วนะไอ้เวร!
เป็นคนพามาทะเลแท้ๆยังมีหน้ามาบ่นว่าหนาวอีก ผู้ชายอกสามศอกที่ไหนเขาบ่นเป็นผู้หญิงแบบนี้ฟะ
ผมใช้หางตามองมันอย่างเอือมระอาจนมันคงทนไม่ไหวรีบเปิดประตูรถลงไปสูดอากาศก่อนเป็นคนแรก ไม่ต้องถึงขั้นให้ถีบลงไปสินะ หึ!
รีบเปิดประตูตามมันลงไปติดๆ กะจะสูดความสดชื่นและกลิ่นไอของทะเลให้เต็มที่ แต่ทว่า…
ฟิ้ววววว~~~~
กึกๆๆๆๆๆ ( เสียงฟันกระทบกัน )
ไอ้เหี้ย! หนาวอะไรเบอร์นี้ นี่มันไทยแลนด์หรือดินแดนเอสกิโฒวะเนี่ยยยย!
“เอ่อ…กะ…กลับขึ้นรถดีกว่าครับ”
เงยหน้าชวนให้ไอ้หน้าหนวดที่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ตรงประตูรถฝั่งคนขับ ผมรีบเปิดระตูรถกลับเข้าไปนั่งอีกครั้ง
ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกเลยจริงๆ!
“ผมบอกแล้วไงครับว่าหนาว”
“งั้นคุณก็ไม่ควรพามาที่นี่แต่แรกไหม! มาเที่ยวบ้าอะไรได้นั่งอยู่แต่ในรถแบบนี้เล่า มันต่างจากตอนอยู่โรงแรมตรงไหนเนี่ย”
“ก็ตรงที่ตรงนี้มีแค่เราสองคนไงครับ”
“…”
“แค่ผมกับคุณไฟ”
“…”
“ไม่มีคนอื่นระหว่างเรา”
น้ำเสียงจริงจังและสายตาที่ไม่มีแววความล้อเล่นนั้นแทบจะพังทลายกำแพงสูงในใจผม ไม่เข้าใจเลยว่าผมเผลอปล่อยตัวและเปิดหัวใจให้คนอย่างหมอนี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันค่อยๆซึมซับเข้ามาทีละนิดๆโดยที่ผมไม่รู้ตัว
กว่าจะรู้ตัวอีกที…
ก็มีคนๆนี้อยู่เต็มหัวใจเสียแล้ว
“จูบได้ไหมครับ”
ใบหน้าหล่อคมคายที่เคลื่อนเข้ามาใกล้จนลมหายใจเป่ารดกันเอ่ยเสียงแผ่ว เรี่ยวแรงที่เคยมีก่อนหน้านี้มลายหายไปหมด
เมื่อตาประสานตา…
ผมก็จนปัญญาที่จะหนีหัวใจตัวเอง
“…อืม”
ทันทีที่คำอนุญาตหลุดออกจากปากของผมไป ริมฝีปากของอีกฝ่ายก็ประทับลงมาทันที
เริ่มแรกก็เป็นจูบที่นุ่มนวล ละมุนละไมชวนให้หัวใจเต้นแรง แต่พอนานๆเข้า ความเร่าร้อนที่ก่อตัวขึ้นจากภายในก็เริ่มไหลทะลักออกมาสู่ภายนอก ปลายลิ้นร้อนของเราสัมผัสกันไปมา สองมือของผมยกขึ้นโอบรอบคอเขาเอาไว้พร้อมกับแอ่นตัวเข้าหาอย่างลืมตัว
“อื้อ…”
ต้นคอเจ็บแปลบเล็กน้อยจากแรงดูดของเขา มือหนาเลิกชายเสื้อของผมขึ้นก่อนจะถอดมันทิ้งไปที่เบาะหลังรถอย่างไม่ใยดีพร้อมๆกับเสื้อผ้าท่อนบนของตัวเอง เราต่างก็อยู่ในสภาพเกือบเปลือยกันทั้งคู่
ผมจิกทึ้งเส้นผมหนานุ่มของร่างสูงที่กำลังไล่ลิ้นเลียไปตามเรือนร่างของผมเอาไว้แน่น ท้องน้อยบิดเกร็งและในหัวขาวโพลนไปหมด ปลายลิ้นไปหยุดกึกและระรัวเร็วอยู่ตรงสะดือ สร้างความวูบหวามจนลืมสิ้นทุกอย่าง
“อ๊ะ…”
เขยิบขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากอุ่นร้อนเข้าครอบครองยอดอกสีหวานที่ปรากฏยั่วยวนอยู่นาน ผมหายใจหอบถี่ ส่วนอ่อนไหวเริ่มมีความรู้สึกที่มากขึ้นจนสร้างความอึดอัดภายในกายไม่น้อย
ทุกส่วนที่เขาสัมผัส…มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ความละมุนราวกับผมเป็นของสำคัญที่เปราะหักง่ายเขาถึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษทำให้ผมอิ่มเอมไปทั้งหัวใจ
เขาทะนุถนอมผมเป็นอย่างดี…
หมับ…
ร่างทั้งร่างถูกยกมาที่อีกเบาะหนึ่งโดยที่ผมนั่งคร่อมทับตัวเขาเอาไว้ ริมฝีปากร้อนยังคงปรนเปรอยู่ที่ยอดอกไม่ห่าง ขณะที่มือทั้งสองข้างเริ่มทำหน้าที่ปลดกางเกงทั้งของผมและของตัวเองออก
แวบหนึ่งความกลัวเกิดขึ้นในจิตใจ
คำถามมากมายหลั่งไหลเข้ามา
ผมกำลังทำอะไรอยู่?
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปจะดีแล้วงั้นเหรอ?
แต่ทว่า…ทุกตำถามก็ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ เมื่อประโยคที่ผมโหยหามาตลอดหลุดออกมาจากปากของผู้ชายคนนี้
“คุณไฟ…”
“…”
“ผมรักคุณ”
กางเกงยีนส์รวมไปถึงชั้นในถูกกลกลงไปจนเกือบถึงหัวเข่า ส่วนอ่อนไหวของผมและของเขาเด้งผงาดขึ้นมาทักทายกัน ก่อนที่มือหนาจะทำการรวบมันเอาไว้ด้วยมือมือเดียว
“อ่า…”
ผมไม่สามารถกลั้นเสียงครางแห่งความสุขสมนี้เอาไว้ได้อีกต่อไป ฝ่ามือของเขาชักนำพาความสุขอันไม่รู้จบมาให้จนผมต้องซบลงกับอกแกร่ง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติอย่างที่มันควรจะเป็น
น้ำ…
ไฟขอโทษที่คงเป็นพี่ชายที่แสนดีและเพอร์เฟกต์ที่สุดของน้ำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เพราะไฟ…
รักคนๆนี้มากจริงๆ
ครืด…ครืด…
“…”
ครืด…ครืด…
“อะไรวะ”
ผมสบถทั้งที่ยังไม่ลืมตา มือก็ควานหาที่มาของเสียงคล้ายโทรศัพท์สั่น แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอเลยต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
ใครมันโทรมาตอนนี้วะ เมื่อคืนกว่ากูจะได้นอนรู้ไหมว่ากูเสร็จไปกี่ยก!
“???”
ขมวดคิ้วเป็นผมเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าที่เบาะคนขับว่างเปล่าไม่มีใครเลย หนำซ้ำตัวผมเองตอนนี้ก็ใส่เสื้อผ้าครบทุกอย่างอีกด้วย?
ครืด…ครืด…
“อ๊ะ! อยู่นั่นเอง”
ผมเอื้อมไปหยิบมือถือที่ตกอยู่ข้างล่างตรงเบาะด้านหลัง คนที่โทรเข้ามาคือไอ้ตูมตามนั่นเอง
“ฮัล…”
[ไอ้ฟาย! มึงอยู่ไหน]
“อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนักหรอก ทำไมวะ มีอะไร”
[เมื่อคืนมึงอยู่กับคุณเปลวทั้งคืนไม่ใช่เหรอวะ]
“ใช่ แต่ว่าตอนนี้ไม่รู้เขาหายไปไหนแล้วว่ะ ทำไม?”
[มึงเปิดทีวีในมือถือมึงดูสิ ช่องข่าวบันเทิงนะ กำลังถ่ายทอดสดอยู่เลย]
ผมกดวางสายและเปิดดูทีวีในมือถือตามที่ไอ้ตูมตามบอกทันทีโดยไม่ถามอะไรอีก รอสักพักสัญญาณก็มา และภาพในจอก็ปรากฏขึ้น เป็นภาพของไอ้หน้าหนวดกับผู้หญิงอีกคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั่งอยู่บนโซฟาโดยมีนักข่าวอยู่รอบๆ คล้ายกับว่าทั้งสองคนกำลังแถลงข่าวอะไรสักอย่าง
แต่ความสงสัยของผมก็ต้องหมดไปเมื่ออ่านตัวหนังสือที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ…
‘ประกาศหมั้นสายฟ้าแล่บ! ทายาทคนเดียวของโรงแรมวันสตาร์พ่วงด้วยดีกรีผู้จัดงานการประกวดพลิกฟ้าหาดาว กับผู้เข้าประกวดสาวลูกครึ่งแสนสวย’
ไม่จริง…
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า ในที่สุด…ในที่สุดพี่ไฟก็ได้เสียเป็นผัวเมียกับคุณเปลวแล้ว ฮิ้วววววววว สำหรับใครที่รอ NC คู่นี้แบบเต็มๆนั้น จะมีแค่ในตอนพิเศษนะคะ ถ้าในส่วนที่เอาลงเว็บขอแบบหอมปากหอมคอแล้วตัดเข้าโคมไฟแล้วกันเนอะ ( ตอนพิเศษมีเฉพาะในเล่มจ้า ไม่ลงเว็บเน้อ ) แต่ แต่ แต่! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งที่พี่ไฟอุตส่าห์ยอมถึงขนาดนั้นแล้ว ทำไมคุณเปลวถึงได้ประกาศหมั้นกับบาร์บี้ล่ะ???
อยากรู้ต้องติดตาม หรือใครสนใจสั่งซื้อ เชิญที่เพจ Bubble-Bew ได้เลยจ้า