ตอนที่ 15
เพราะชอบถึงอิจฉา
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะหนูน้ำ เสี่ยจะอ่อนโยนกับหนูน้ำกว่าทุกคนที่ผ่านมาเลยล่ะจ้ะ”
มือหยาบกร้านลูบไล้ต้นขาผมชวนให้สะอิดสะเอียนจนแทบจะอาเจียนออกมา ไหนใครมันเคยบอกว่าเป็นอัศวินของผมไม่ใช่หรือไงวะ แล้วผมกำลังตกอยู่ในอันตรายถึงขนาดนี้มัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ก่อนที่มือของไอ้เสี่ยตัณหากลับจะล้วงเข้าไปจับช้างน้อยของผมจนความแตก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นช่วยชีวิตผมเอาไว้เสียก่อน ไอ้เสี่ยขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจก่อนจะยอมผละออกไปจากตัวผม แต่ก็ยังไม่ยอมเดินไปเปิดประตูให้กับผู้ที่มาเคาะ
“ใครน่ะ!”
“เอาอาหารมาส่งค่ะ”
“แต่ฉันไม่ได้สั่ง!”
“มีคนโทรไปสั่งจริงๆนะคะ แล้วก็เป็นการเรียกเก็บเงินแบบทันทีที่มาส่งอาหารด้วย ยังไงก็ช่วยออกมาดูรายการยืนยันก่อนได้ไหมคะ ถ้าไม่ใช่ดิฉันจะได้กลับไปบอกที่ห้องอาหารให้ค่ะ”
คนด้านนอกตะโกนตอบกลับมาอีกครั้ง ไอ้เสี่ยขยุ้มหัวอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะมองผมสลับกับทางไปหน้าประตูห้องอย่างครุ่นคิด
“รอเสี่ยเดี๋ยวเดียวนะจ๊ะหนูน้ำ เดี๋ยวเราก็จะได้ไปสวรรค์ด้วยกันแล้ว”
ไปลงนรกเหอะไอ้ชาติชั่วเอ๊ย!
ผมรอจนไอ้เสี่ยเดินออกจากห้องไปแล้ว พยายามเรียกพละกำลังที่ยังพอหลงเหลืออยู่ให้กลับมา แม้จะมีเหลืออยู่เพียงน้อยนิด แต่ก็ดีกว่านอนอยู่เฉยๆรอให้มันปล้ำ
โครม!
สังขารอันไม่เที่ยงพาผมเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก่อนจะมีเสียงดังโครมเหมือนอะไรบางอย่างกระแทกกับกำแพงดังตามมา ไม่นานนัก ร่างของคนที่คุ้นเคยถึงสองคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“น้ำ!”
บาร์บี้ในชุดพนักงานของโรงแรมพุ่งเข้าพยุงผมไว้ด้วยสีหน้าตกใจ ข้างหลังเธอคือไอ้หน้าหนวดที่กำลังมองผมด้วยแววตายากจะอธิบาย
“เธอไม่เป็นไรนะน้ำ ไอ้เลวนั่นยังไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม”
“อืม ไม่เป็นไร”
ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกนัก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมจะรอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้แล้ว สิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่ไอ้หน้าหนวดที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับคนนั้น แต่เป็น…
ผู้หญิงที่กำลังลูบหน้าลูบตาผมด้วยความเป็นห่วงคนนี้ต่างหาก
“ดื่มน้ำก่อนนะครับ”
ร่างสูงส่งแก้วน้ำให้ ผมรับมาถือไว้ตามมารยาทก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินมานั่งปุลงตรงที่ว่างข้างตัวผม
ตอนนี้ผม คุณเปลว และบาร์บี้มากระจุกรวมกันอยู่ที่ห้องของเขาเพื่อคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยที่ไอ้เสี่ยตัณหากลับนั่นยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องของตัวเองเพราะถูกไอ้หน้าหนวดอัดเข้าเต็มแรงจนสลบคาที่
“ไม่ใช่คุณใช่ไหม”
เปิดประเด็นถามเรื่องที่คาใจอยู่ออกไป ไอ้หน้าหนวดขมวดคิ้วมุ่น เลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างเป็นเชิงให้ผมขยายความในคำถามของตัวเอง
“ไอ้เสี่ยนั่นบอกว่าทุกปีของการประกวด ตัวเก็งทุกคนจะต้องถูกจับใส่พานถวายมันเพื่อล็อครางวัลเอาไว้ โดยคนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองก็คือคุณ”
“อ่า…ถามตรงจังเลยนะครับ”
“ก็ตอบมาสิ ว่าคุณทำมันจริงๆหรือเปล่า”
“แล้วคุณไฟคิดว่าผมทำหรือเปล่าล่ะครับ”
“…”
“ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าคุณเชื่อใจผมบ้างไหม?”
ไอ้หน้าหนวดจ้องหน้าผมอย่างจริงจัง นัยน์ตาที่เวลามองผมจะทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งไปถึงความคิดในใจไม่หลบสายตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“ก่อนจะเรียกร้องความเชื่อใจจากผม คุณเคยอธิบายในสิ่งที่ผมสงสัยบ้างหรือยัง ถ้าตัวคุณเองยังมีหลายๆเรื่องที่ทำให้ผมไม่เชื่อใจ แล้วผมคุณจะเชื่อใจคุณหรือเปล่าล่ะ”
“ช่างยอกย้อนจริงนะครับ”
มือหนาบีบปลายจมูกผมอย่างมันเขี้ยวจนผมต้องย่นจมูกใส่เขา
อย่ามาทำเหมือนกูเป็นเด็กอนุบาลนะเว้ย จะมามันขงมันเขี้ยวอะไรฟะ
“เจ็บหรือเปล่าครับ ไอ้เวรนั่นมันต่อยท้องคุณด้วยใช่ไหม”
ถามพลางปะกบฝ่ามือลงกับหน้าท้องแล้วลูบไปมาเบาๆ สร้างความรู้สึกเสียววูบวาบให้ผมดีแท้ ต่างจากตอนที่โดนไอ้เสี่ยตัณหากลับนั่นสัมผัสอย่างสิ้นเชิง
“ทำไมถึงมาช่วยช้า”
“หืม? ผมเหรอครับ”
“ใช่ ผมรอคุณมาช่วย รอจนวินาทีสุดท้าย…”
อีกฝ่ายคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน มือที่ลูบท้องอยู่เปลี่ยนเป็นรั้งเอวผมเข้าไปใกล้จนตัวเองแทบจะขึ้นไปนั่งบนตักเขาอยู่รอมร่อ ใบหน้าหล่อเจ้าเล่ห์ยื่นเข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนระอุของกันและกัน
“พระเอกก็ต้องปรากฏตัวในวินาทีสุดท้ายก่อนความหวังของนางเอกจะหมดลงไม่ใช่เหรอครับ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่ประทับใจน่ะสิ”
อ๋อเหรอ!
กูประทับใจมากไอ้เวร!
มึงไม่รอให้มันปู้ยี่ปู้ยำก็เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยโผล่มาช่วยล่ะเว้ย ไหนๆก็ปล่อยให้มันต่อยท้องกูจนลำไส้แทบแหลกละเอียดไปแล้ว!
“นี่ ใกล้ไปแล้วนะครับ”
หมับ!
พอจะถอยหน้าหนีใบหน้าของมันที่เลื่อนเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแตะกับแก้มผมนิดๆ ก็กลายเป็นว่าถูกมืออีกข้างของเขากดท้ายทอยไม่ให้ถอยหนีได้เอาไว้แทน
ผมหลับตาปี๋เมื่อไอ้หน้าหนวดไล้ปลายจมูกไปตามแก้มผมอย่างแผ่วเบา สองมือกำแน่น หัวใจเต้นระรัว แค่กลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจสัมผัสนี้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว กลับกัน มันทำให้ผมรู้สึกดีจนหัวใจค่อยๆพองโตออกมา
อยากจะอยู่แบบนี้ไปนานๆ…
อยากจะถูกเขาสัมผัสแบบนี้ไปเรื่อยๆ…
“ขอโทษนะครับ ที่ผมมาช้าจนทำให้คุณต้องเจ็บตัว”
น้ำเสียงทุ้มน่าหลงใหลเอ่ย ก่อนจะกดปลายจมูกของตัวเองลงบนจมูกของผมราวกับกำลังหยอกล้อเล่น อีกเพียงนิดเดียวริมฝีปากของเราก็จะสัมผัสกัน น่าแปลกที่ผมกลับอยากให้มันสัมผัสกันเร็วๆ
“ถ้างั้นวันหลัง…ห้ามปล่อยให้ผมคลาดสายตาคุณไปอีกนะ”
“แน่นอนครับ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณคลาดสายตาอีกเด็ดขาด จะจับล่ามโซ่เอาไว้เชยชมคนเดียวในห้องนี้เลย”
แบบนั้นก็เกินไปไหมไอ้หนวด!
ผมหัวเราะให้กับความคิดของเขา เราต่างก็หัวเราะออกมาก่อนที่ความใกล้กันจะทำให้ต่างฝ่ายต่างหยุดชะงัก ปลายจมูกที่สัมผัสกันอยู่ค่อยๆเคลื่อนออกจากกัน โดยที่ริมฝีปากขยับเข้ามาใกล้กันแทน…
“…”
ไม่มีคำพูดใดๆเอื้อนเอ่ยออกมาได้อีก ความหวานหอมที่ถูกส่งผ่านเรียวลิ้นนุ่มละมุนดูดความคิดไปจากหัวสมองของผมจนไม่เหลือ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงแค่สวมกอดเขาเอาไว้แน่นราวกับต้องการจะอยู่แบบนี้ตลอดไป
“ให้ตายสิ อย่าน่ารักแบบนี้บ่อยๆสิครับ ผมหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะ”
หลังจากจูบกันไปอย่างเนิ่นนานจนอากาศเริ่มจะหมด คุณเปลวก็ถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งแล้วพูดประโยคนี้ออกมา ผมหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดนั้น รวมถึงอายในสิ่งที่เพิ่งทำลงไปเมื่อครู่ด้วย!
กะ…กูทำอะไรลงไป!
ทำไมถึงปล่อยตัวปล่อยใจให้ไอ้หนวดจอมลามกมันเชยชมได้ขนาดนี้เนี่ย!
ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย แถมไอ้หน้าหนวดยังล็อคคัวผมไว้ไม่ให้หนีไปไหนอีกด้วย มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมกันแน่ ยิ่งนับวันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองต้องการสัมผัสจากผู้ชายคนนี้มากกว่าการได้ฟิชเชอริ่งกับบาร์บี้หรือพี่สาวไอ้ตูมตามเสียอีก อย่าบอกนะว่า…
ทั้งใจและกายของผม…
ชะ…ชะ…ชอบ…
ไม่ๆๆๆ! มึงหยุดคิดเรื่องน่ากลัวแบบนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ไฟ! ลูกผู้ชายอกสามนิ้วอย่างมึงไม่มีทางชอบผู้ชายด้วยกันแน่ๆ!
ก็แค่การปลอมตัวเป็นผู้หญิงนานๆทำให้มึงสับสนเท่านั้นแหละ เรียกสติกลับมาด่วนไอ้ไฟ! เจ้าโลกของมึงยังใช้การในฐานะเพศชายได้อยู่นะเฟ้ย!
หมับ!
หัวสมองที่กำลังตีรวนกันวุ่นวายไปหมดถึงกับชะงักเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสแปลกๆที่บั้นท้าย ผมตวัดสายตาคมกริบหันไปมองเจ้าตัวปัญหาทันที
มึงนี่มันเผลอไมได้เลยจริงๆ! มือไวปานปลาหมึกสมฉายาไอ้หนวดเลย!
พลั่ก!
ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ ผมจัดการยกสองขาถีบไอ้คุณเปลวจนปลิวตกโซฟาไปโทษฐานที่มันทำเนียนมานวดคลึงบีบเคล้นบั้นท้ายของผมในขณะที่กำลังใช้สมองคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหนักหน่วง
“ฮ่าๆๆๆ”
“ขำอะไรของคุณ!”
“ขำตัวเองน่ะครับ กะแล้วว่าถ้าจับปุ๊บต้องโดนคุณถีบกระเด็นแน่ๆ แต่ก็ยังทำ”
“เพราะคุณมันลามกเกินเยียวยาไง”
หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยใจ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปต้องมีสักวันที่ผมเผลอไผลจนยอมเสียตัวให้มันจริงๆแน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็…
ผมจะไม่มีวันกลับมายืดอกอย่างภาคภูมิในฐานะผู้ชายอกสามนิ้วได้อีก!
ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างก่อนวันนั้นจะมาถึงแล้วล่ะ
ติ๊ง!
ความคิดถูกหยุดเมื่อเสียงลิฟต์ดังขึ้น บาร์บี้เดินหน้าถอดสีเข้ามาในห้อง จริงสิ ก่อนหน้านี้เธอขอตัวไปตามหาใครสักคนนี่นา แล้วก็หายไปเลย ทิ้งไว้แค่ผมกับไอ้หน้าหนวดนี่สองคน
จะว่าไป…
ผมยังไม่ได้ถามเธอถึงเรื่องที่สงสัยเลยนี่นา
“เป็นอะไรเหรอครับคุณบาร์บี้ ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย”
“คะ…คือว่า…”
“ทำไมทำแบบนี้ล่ะบาร์บี้”
ผมแทรกบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วลุกขั้นยืนประชันหน้ากับบาร์บี้ตรงๆ เธอเบิกตากว้างหน้าซีด ส่ายหน้าไปมา
“ไม่ใช่นะน้ำ ฉันไม่ได้หลอกเธอไปให้ไอ้เสี่ยนั่นนะ”
เธอเอ่ยทั้งน้ำตา เดินเข้ามาจับแขนผมแล้วเขย่าเบาๆเพื่ออ้อนวอน แต่ผมก็สะบัดออกทันทีอย่างไม่ใยดี
ผมเชื่อแล้วล่ะว่าผู้หญิงมีน้ำตาเป็นอาวุธ และยามที่เธอมีความโกรธบวกกับความริษยาอยู่เต็มหัวใจ มันทำให้พวกเธอสามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่สนใจว่าเรื่องที่ทำนั้นจะสร้างความเจ็บปวดให้ใครบ้าง
“งั้นบอกมาสิว่าเธอไปหาใครมา”
“ฉัน…”
“…”
“ฉันไปหาทีมงานที่เป็นคนมาบอกฉันเพื่อพามายืนยันกับเธอ แต่ว่า…”
“ไม่เจอใช่ไหมล่ะ”
“อะ…อืม”
“ที่เธอไม่เจอก็เพราะทีมงานคนนั้นไม่ได้มีตัวตนอยู่ตั้งแต่แรก แต่เธอโกหกเพ่อหลอกฉันไปให้ไอ้เสี่ยบ้านั่นต่างหาก! นี่ไงคือความจริงของเรื่องนี้!”
ผมเขย่าตัวบาร์บี้อย่างบ้าคลั่ง เพียงแค่คิดว่าถ้าคนในวันนี้เป็นน้ำตัวจริงไม่ใช่ผม ผมก็แทบจะบ้าแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนเดียวที่ผมเชื่อใจและไว้ใจมาตลอดในการประกวดคราวนี้จะกลายเป็นคนที่ร้ายที่สุดไปได้
“ไม่ใช่นะน้ำ ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ มีทีมงานมาบอกฉันจริงๆ เชื่อฉันเถอะน้ำ ฉันไม่มีทางทำร้ายเธอแน่นอน ฉันไม่มีทางทำร้ายเธอ ฮือ…”
บาร์บี้สะอื้นไห้ออกมาอย่างหนัก แต่หัวใจของผมมันด้านชาไปหมดแล้ว ความร้ายกาจของผู้หญิงพวกนี้ทำให้ผมต้องใจแข็งขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
หมับ…
“พอได้แล้วครับคุณน้ำ”
ไอ้หน้าหนวดที่ไม่มีบทอยู่นานเอ่ยขึ้นพร้อมกับกระชากตัวผมออกห่างจากบาร์บี้ เขาเดินเข้าไปดึงเธอให้หลบอยู่ข้างหลังของตัวเอง
“ถอยไป คุณจะปกป้องคนผิดทำไม ผู้หญิงคนนี้หลอกฉันไปให้ไอ้เสี่ยนั่นนะ!”
“ไม่ใช่คุณบาร์บี้หรอกครับ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมเชื่อว่าไม่ใช่เธอ คุณบาร์บี้ไม่ใช่คนแบบนั้น”
ให้ตายสิ…
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนถูกไม้หน้าสามตีแสกหน้าลงมา ในอกมันเต้นตุ้บๆ รู้สึกผิดหวังและเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก
“หมายความว่าคุณเชื่อบาร์บี้”
“ครับ”
“แต่ไม่เชื่อฉัน…”
“…”
“ได้ โอเคค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเป็นคนโกหกเองแหละ ฉันไปหาไอ้เสี่ยนั่นเพื่อเอาตัวเข้าแลกกับรางวัลชนะเลิศ ไม่ได้มีคนมาหลอกฉันไปให้มันเลยแม้แต่คนเดียว ฉันเป็นคนเสนอหน้าเข้าไปให้มันเชยชมเอง ฉันเอง! พอใจหรือยังล่ะ!”
“คุณน้ำ ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ ผมไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อคุณ”
“ฉันไม่อยากฟัง!”
ผมตวาด รู้สึกได้ว่าขอบตามันร้อนผ่าว มือเล็กๆของบาร์บี้ที่กอดแขนไอ้หน้าหนวดไว้แน่นในตอนนี้กรีดหัวใจผมให้เจ็บยิ่งกว่าตอนโดนไอ้เสี่ยมันต่อยท้องเสียอีก
“เอาเป็นว่าตั้งแต่นี้ต่อไป คุณไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก ฉันจะไม่มีทางไว้ใจคนที่ไม่เชื่อคำพูดของฉันเด็ดขาด”
“คุณน้ำ”
“ปล่อย”
“ผมไม่ปล่อย เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง คุณกำลังไม่มีเหตุผล”
“เออ! ฉันไม่มีเหตุผล คุณก็ไปอยู่กับผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเหตุผลข้างหลังคุณก็แล้วกัน!”
บิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขาได้ในที่สุด
ผมมองไอ้หน้าหนวดและบาร์บี้ด้วยสายตาผิดหวังอย่างถึงที่สุด…
คนหนึ่งก็เพื่อนในการประกวดที่ผมไว้ใจ
อีกคนก็คนที่ผมเชื่อใจมาตลอด…
วันนี้มันวันเส็งเคร็งอะไรกันวะเนี่ย!
ท้ายที่สุดแล้วผมก็ปลีกวิเวกตัวเองมานั่งที่สระว่ายน้ำคนเดียว เพราะกลับห้องไปก็ต้องเจอบาร์บี้ในห้องอีก ผมยังไม่พร้อมเจอหน้าเธอในตอนนี้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำเรื่องร้ายกาจขนาดนี้ด้วย ทั้งที่เธอเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอน่าจะเป็นคนที่เข้าใจมากที่สุดว่าหากผู้หญิงถูกพรากความบริสุทธิ์ไปโดยไม่เต็มใจ จะต้องเหมือนตกนรกทั้งเป็นขนาดไหน แล้วทำไม…
ทำไมเธอถึงทำแบบนั้น?
ผมนึกว่าที่ผ่านมาเราเข้ากันได้ดีและจะเป็นเพื่อนกันได้เสียอีก แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนที่ทำให้ผมผิดหวังและเจ็บปวดมากที่สุดไม่ใช่บาร์บี้ แต่เป็น…
หน้าตาลามกของไอ้หน้าหนวดลอยขึ้นมาเต็มท้องฟ้าในยามค่ำคืน ภาพที่เขาเข้ามาแยกผมที่กำลังบ้าคลั่งให้ออกห่างจากบาร์บี้ ภาพที่เขาปกป้องเธอมันยังชัดเจนในความทรงจำ
ทำไมเขาถึงไม่เชื่อผม ทำไมเขาถึงไม่เชื่อว่าบาร์บี้เป็นคนหลอกผมไปให้ไอ้เสี่ยเวรนั่น!
“ไหนบอกไม่ชอบไงวะ”
คนไม่ชอบกันเขาปกป้องกันอย่างออกนอกหน้าแบบนี้หรือไง ให้ตายสิ ทำไมต้องกลายเป็นผมที่มานั่งคิดมากอยู่คนเดียวแบบนี้ด้วย!
ยิ่งกว่านั้น หัวใจที่ร้อนรุ่มตอนที่เห็นเขาเข้าข้างบาร์บี้ มันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อนก็เลยไม่เข้าใจ กะอีแค่คนลามกคนหนึ่งที่ไม่เข้าข้างผมเท่านั้น ไม่เห็นจำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจถึงขนาดนี้เลย!
“โธ่เว้ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย ไม่เข้าใจแล้วโว้ย!”
ถ้าไม่ติดว่ากลัวเจ็บจะวิ่งเอาหัวพุ่งชนกำแพงสักสองสามทีเผื่อจะหยุดคิดมากเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“กรี๊ด! ตกใจหมดเลย นึกว่าผีแม่ม่ายที่ไหนมานั่งทึ้งหัวตัวเองอยู่ริมสระ!”
เสียงแว้ดๆของมะนาวดังขึ้นจากด้านหลัง ตกใจเล็กน้อยเพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกับเธอที่นี่ในเวลาแบบนี้
มะนาวไม่พูดอะไรต่อ เธอเดินมาหย่อนขาลงไปในสระน้ำข้างๆตัวผมก่อนจะชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจไปมา เสื้อคุลมระบายลูกไม้สีขาวบางๆที่เธอใส่มามันไม่ได้ช่วยปิดบังอะไรต่อมิอะไรที่โคตรใหญ่โตของเธอเลยสักนิด
แม้เจ้าโว้ย… ใหญ่โตมโหฬารปานดาวอังคาร
“บรรยากาศเงียบสงบดีแฮะ”
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“ถ้านอนจะเห็นฉันมานั่งอยู่ตรงนี้เหรอยะ”
“ฉันผิดเองที่ถาม”
ผมตอบกลับเรียบๆ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาต่อปากต่อคำกับใครทั้งนั้น รู้สึกแค่ว่าอยากจะกลับขึ้นไปบนห้องไอ้หนวดแล้วกระทืบๆมันให้จมดินฐานที่ไปเข้าข้างคนอื่นที่ไม่ใช่ผม!
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ดูออกด้วยเหรอ”
“สีหน้าเธอมันแสดงออกราวกับต้องการให้คนอื่นถามว่าเป็นอะไรเสียขนาดนั้น ใครดูไม่ออกก็บ้าแล้วย่ะ!”
“เฮ้อ!”
ไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายแต่ถอนหายใจยาวอีกครั้งแทน
แม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจตัวเอง แล้วผมจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองตอนนี้ให้คนอื่นฟังได้ยังไงกันล่ะ?
แค่ทำความเข้าใจกับหัวใจและระบบความคิดยังยากเลย…
“ท่าทางแบบนี้…”
“…”
“ปัญหาเรื่องหัวใจชัวร์ๆ!”
ผมเบิกตากว้าง หันขวับไปมองมะนาวอย่างแปลกใจที่เธอทำเหมือนอ่านความคิดของผมออก
“ธะ….เธอรู้ได้ยังไง!”
“มีไม่กี่เรื่องหรอกย่ะที่จะทำให้มนุษย์เราทำหน้าซังกะตายได้ขนาดนี้น่ะ”
“งั้นเหรอ…”
“ฉันจะไม่ถามอะไรเธอมากหรอกนะ แต่อยากจะแนะนำว่า อะไรก็ตามที่ทำให้เธอกังวลอยู่น่ะ มันจะง่ายกว่าไหมถ้าแค่พูดหรือถามออกไปให้มันจบๆ”
“…”
“ไม่ว่าคำตอบที่ได้กลับมาจะเป็นยังไงก็ตาม”
“แล้วถ้าสิ่งที่ฉันต้องการจะรู้ไม่ใช่คำตอบจากอีกฝ่าย แต่เป็น…คำตอบจากตัวของฉันเองล่ะ”
“…”
“ฉันไม่เข้าใจว่าตอนนี้ตัวฉันกำลังคิดหรือรู้สึกยังไง การไม่เข้าใจตัวเองมันทำให้ฉันอยากจะเป็นบ้ายิ่งกว่าการไม่เข้าใจคนอื่นเสียอีก”
ยิ่งพูดก็ยิ่งงง ผมไม่เคยต้องมาวุ่นวายใจขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ทั้งหมดมันเกิดขึ้นก็เพราไอ้หน้าหนวดคนเดียว!
เพราะมึงเข้ามาในชีวิตกู ทำให้กูสับสนไปทุกอณูความคิดแล้วเนี่ย!
จะขี้จะเยี่ยวก็ยังสบสน ชีวิตแม่งบัดซบฉิบหายเลยโว้ย!
“ช่วยอธิบายพอสังเขปให้ฟังได้หรือเปล่า มาแบบนี้ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอเคยเป็นแบบนี้ไหม รู้สึกไม่หงุดหงิด รู้สึกโกรธ รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เวลาคนที่เราเชื่อใจไปเข้าข้างหรือปกป้องคนอื่น ฉันอยากจะกระทืบเขาให้หายแค้นเวลาที่เขาไมได้อยู่ข้างฉันเหมือนทุกที”
ผมอธิบายสิ่งที่ทำให้งุ่นงานใจอยู่ตอนนี้ให้มะนาวฟัง ซึ่งหลังจากฟังจบเธอก็หัวเราะร่วนออกมาด้วยท่าทางขำขันสุดๆ
ประทานโทษนะครับคนสวย ผมกำลังเครียดแล้วคุณมาหัวเราะแบบนี้คืออะไร!
“หัวเราะอะไรเหรอ”
“ก็หัวเราะเธอน่ะสิถามได้ ความรู้สึกชัดเจนขนาดนี้แล้วยังจะมาบอกว่าไม่เข้าใจเนี่ยนะ ถามจริงเหอะ ไม่เคยมี่ความรักเลยหรือไง ฮ่าๆๆๆ”
“คะ…ความรัก! เธอหมายความวายังไงน่ะมะนาว ความรักอะไร!”
“นี่ ฉันจะบอกอะไรให้ฟังนะแม่คนซื่อบื้อ ไอ้อาการทั้งหลายทั้งแหล่ที่เธอเล่ามาทั้งหมดน่ะ มันเป็นอาการของคนที่…อิจฉา”
“อิจฉา?”
ผมทวนคำ มะนาวพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มต้นอธิบายอีกครั้ง
ถ้าขอเวลานอกวิ่งไปหากระดาษมาจดสิ่งที่เธออธิบายเอาไว้ประกอบการเรียนรู้ในภายภาคหน้าจะเป็นไรไหมนะ?
“ใช่ อิจฉา เธออิจฉาที่คนที่เขาทำดีด้วยไม่ได้มีแค่เธอ เพราะเธออยากให้เขาทำดีกับเธอคนเดียว เธอโกรธที่เขาไม่เชื่อเธอแต่ไปเชื่อคนอื่นนั่นก็เพราะเธอตั้งความหวังกับเขาไว้มาก ความรู้สึกทั้งหมดนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นเลยถ้าหากว่าตัวเธอน่ะ…”
“…”
“ไมได้ชอบเขา”
“…”
“ทั้งหมดเป็นเพราะว่าเธอชอบ”
“…”
“เพราะชอบถึงอิจฉา”
“…”
“พูดแบบนี้เข้าใจง่ายกว่าไหม”
มะนาวยิ้มอย่างใจดี คำพูดของเธอฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว ภาพเหตุการณ์ตอนที่ขอบตาผมร้อนผ่าวเมื่อไอ้หน้าหนวดมีท่าทีปกป้องบาร์บี้มากกว่าผมย้อนกลับเข้ามาในหัว…
‘เพราะชอบถึงอิจฉา’
นี่ผม…
…ชอบเขาสินะ
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า หลังจากหายไปนานอีกหลายวัน วันนี้กลับมาอัพแล้ว ได้หยุดปีใหม่ประมาณ 5-6 วัน ก็จะมาอัพให้ได้อ่านกันทุกวันเหมือนเดิมก่อนหายไปทำงานอีกนะคะ T^T ตอนนี้ดูเหมือนว่าพี่ไฟของเราจะรู้ใจตัวเองขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีอุปสรรคความรักอยู่แฮะ บาร์บี้เธอร้ายจริงหรือไม่? แล้วคุณเปลวทำไมถึงเชื่อใจบาร์บี้ขนาดนั้น มีความลับอะไรระหว่างทั้งสองคนหรือเปล่านะ?
อัพเดตความคืบหน้า หน้าปกเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ สามารถตามไปส่องได้ที่เพจของบิวเลยจ้า
https://www.facebook.com/bewjuliet/