(จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (จบแล้วจ้า) He is the Star เขาวานให้ผมเป็น "ดาว" อัพบทส่งท้าย (07/03/60)  (อ่าน 59634 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
จะโดนกินไหมนิ่

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
มาดูตอนหน้าว่าจะไฟจะได้กินไข่ปลาหมึกรึเปล่า 55555

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0






ตอนที่ 20
(แอบ) ออกเดต

 
“สนใจไหมครับ  กินไข่แถมตัวด้วยนะ”
“ทะลึ่ง!”
“ผมก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน  ว่าทำไมอยู่ใกล้คุณทีไรถึงได้คิดทะลึ่งแบบนี้ทุกที”
ยังมีหน้ามายิ้มหล่ออีกนะไอ้หนวด!
“นี่…พอได้แล้วมั้ง”
“พออะไรครับ”
“ก็ที่ทำอยู่เนี่ย  พอได้แล้ว”
ตอบกลับเสียงเบา  รู้สึกร่างกายมันไม่ค่อยจะสงบตามที่สมองสั่นการสักเท่าไหร่  เมื่อท่อนล่างของร่างสูงบดขยี้ลงมาชนกับท่อนล่างของผมไปมาราวกับตั้งใจจะยั่วยวนกัน
ทำแบบนี้มึงฆ่ากูเลยเถอะ!
“นึกว่าคุณจะชอบเสียอีก  เห็นทำหน้าเชิญชวนผมเหลือเกิน”
จมูกโด่งไล้ไปตามใบหน้าของผมอย่างอ่อนโยน  พอๆกับฝ่ามืออุ่นร้อนที่ลูบไล้ไปตามท่อนแขน  เป็นสัมผัสที่แผ่วเบาและคุ้นเคยจนอดสงสัยไม่ได้ว่าผมเคยได้รับสัมผัสแบบนี้จากที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า
“เรา…ไปเดตกันไหมครับ”
จู่ๆอีกฝ่ายก็หยุดการกระทำไปเสียดื้อๆ  เขาลุกออกจากตัวผมไปนอนหงายอยู่ข้างตัว  ทำเอาคนที่หนีมาตลอดแต่เผลอเคลิ้มไปแว้บหนึ่งอย่างผมถึงกับหน้าชาเหมือนโดนสายฟ้าฟาด
มาทำให้อยากแล้วจากไป
ไอ้เหี้ยย!
“พูดอะไรน่ะ   ใครจะอยากไปเดต…”
หมับ…
“ไปเถอะนะครับ  ไปเดตกับผมนะ”
พูดเสียงอู้อี้พลางสวมกอดผมเอาไว้แน่น
เสียงที่เขาเปล่งออกมามันฟังดูเศร้าสร้อยชอบกล  ทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม  แต่น้ำเสียงแววตากลับเปลี่ยนแปลง
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“…”
“คุณแปลกๆไปนะ  มีอะไรไม่สบายใจใช่ไหม”
“เปล่าหรอกครับ  ผมไมได้เป็นอะไร”
อ้อมกอดแน่นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว  ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงหันไปทางเขาแล้วสวมกอดกลับ
เราต่างก็กอดกันและกันเอาไว้อย่างแนบแน่น…
อุ่น…
อุ่นจนอยากจะอยู่แบบนี้ตลอดไป
“ไปสร้างความทรงจำดีๆ  ด้วยกันนะครับ”
“ถ้าเรียกว่าไปเที่ยวไม่ใช่ไปเดตก็ได้อยู่หรอก”
“โอเคครับ  ไปเที่ยวก็ไปเที่ยว  ไปเที่ยวกันนะ”
ยอมง่ายจังวุ้ย
ถ้าเป็นโหมดปกติมันต้องใช้ความเจ้าเล่ห์เพทุบายที่ฝังแน่นอยู่ในกมลสันดานมาทำให้ผมจนมุมและยอมรับว่ามันคือการไปเดตสิ  ไม่มีทางที่จะยอมง่ายๆแบบนี้แน่
“ไปก็ไป   แล้วเราจะออกจากที่นี่ได้ยังไงกันล่ะ”
“ไม่ยากหรอกครับ”
ถามหารอยยิ้มเจ้าเล่ห์  รอยยิ้มเจ้าเล่หก็มา…
หมับ!
“เฮ้ยย!  จับอะไรวะ”
ร้องเสียงลั่นเมื่อมีหนาล้วงเข้าไปในเสื้อแล้วจับนมปลอมของผมเต็มแรง
ก่อนมึงจะลงมือทำอะไรมึงช่วยบอกหรือส่งสัญญาณเตือนกูสักนิดได้ไหม  ไม่ใช่แม่งทำตามใจตัวเองอย่างเดียว  กูตกใจ  กูขวัญอ่อนหมดแล้วเนี่ย!
 
“สวัสดีค่ะคุณเปลว  จะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”
“ครับ  พอดีเพื่อนผมเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ  ก็เลยว่าจะพาไปเที่ยวชมเมืองสักหน่อย”
“เที่ยวให้สนุกนะคะ  คุณเปลว  เอ่อ…คุณ…”
“ไฟครับ  เพื่อนผมชื่อไฟ”
“ค่ะ คุณไฟ”
พนักงานต้อนรับที่หน้าฟร้อนหันมายิ้มให้ผม  ขณะที่ผมแทบจะเข้าไปสิงร่างไอ้หน้าหนวดอยู่รอมร่อเพราะกลัวคนจะจำได้ว่าความจริงแล้วผมคือใคร!
“ผมบอกแล้วว่าไม่มีใครจำคุณได้หรอก”
ไอ้หน้าหนวดหันมากระซิบระหว่างที่เราสองคนกำลังพากันเดินไปที่ลานจอดรถ  ผมซึ่งก่อนหน้านี้ยังเป็นนางสาวน้ำอยู่ดีๆ  บัดนี้ได้กลับมาเป็นนายไฟคนเดิมเรียบร้อยแล้ว  โดยที่ผมเอาชุดของไอ้ตูมตามมาใส่และแว่นอำพรางใบหน้าเล็กน้อย  ส่วนผมก็มัดรวบไว้หลวมๆ  เพียงเท่านี้ก็สามารถปลอมตัวเป็นนายไฟได้แล้ว
ไม่สิ  การเป็นไอ้ไฟไม่ใช่การปลอมตัวสักหน่อย  แต่มันคือตัวจริงของผมต่างหาก
ให้ตายสิ  ปลอมเป็นน้ำนานเกินจนเริ่มสับสนแล้วว่าคนไหนตัวจริง  คนไหนตัวปลอม
พูดถึงไอ้ตูมตาม  ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า  แต่สายตาที่มันมองไอ้หน้าหนวดเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดมาก  ค่อนไปทางชิงชัง โกรธแค้นอะไรเทือกนั้นเลยทีเดียว
มึงเผลอไปเหยียบหางหรือฉี่ทับที่มันหรือเปล่าฮะไอ้คุณเปลว
“เชิญครับ”
“เปิดเองได้  ไม่ได้เป็นง่อย”
สวนกลับทันทีเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าที่สุภาพบุรุษเปิดประตูรถให้
ผมรีบมุดเข้าไปในรถทันทีเพราะไม่อยากให้ใครสังเกตเห็นเยอะ  โชคดีที่เริ่มใกล้มืดแล้ว  บรรดาผู้เข้าประกวดก็พากันกลับเข้าห้องพักไปหมด  ส่วนตัวผมในฐานะน้ำนั้นก็ได้ไอ้ตูมตามช่วยหลอกให้ว่านอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้อง  ถึงตอนแรกมันจะไม่อยากให้ผมออกมากับไอ้หน้าหนวดสองคน  แต่เมื่อผมดึงดันจะมาให้ได้มันก็เลยต้องยอม
“เราจะไปไหนกันดีล่ะครับ”
“มาถามผมทำไม  คุณเป็นคนชวนไม่ใช่เรอะ  ก็ตามใจคุณสิ”
“โอเคครับ  งั้นไปม่านรูด”
“ไม่อยากแก่ตายแล้วสินะ!”
ผมหันไปคว้าคอเสื้อมันแล้วง้างหมัดขึ้นสูง
เผลอเป็นไม่ได้  จ้องจะพากูวกเข้าเรื่องใต้สะดือตลอด  นี่แสดงทุกวินาทีในหัวมึงคงมีแต่เรื่องจับกูทำเมียสินะ
“เอ้า  ก็คุณบอกเองว่าตามใจผม”
“ที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ม่านรูดเฟ้ย!”
“งั้นบ้านผมก็ได้ครับ  เตียงกว้างกว่าเยอะ  นุ่มกว่าแยะด้วย”
ยังมีหน้ามายิ้มอีก  อ๊ากกกก!  อยากตะบันหน้ามันแต่ก็ทำไม่ลง  เพราะไอ้หน้ายิ้มกวนตีนของมันนี่แหละที่ทำให้ผมใจอ่อน!
“โอเคครับ  ผมไม่แกล้งแล้ว”
“ทำไมถึงชอบยั่วโมโหผมนักฮะ  ว่างมากหรือไง  หรือว่าว้อนหมัดสุดๆแล้ว”
“ก็เวลาคุณไฟโกรธมันน่ารักดีนี่ครับ  มองแล้วเพลินตาดีออก”
มะ…มะ…ไม่หน้าถามมันเลย!
ผมรีบปล่อยมืออกจากคอเสื้อของเขาแล้วกลับมานั่งหลังตรงแด่วในที่ของตัวเอง  สายตาจ้องมองไปแค่เบื้องหน้าเท่านั้น  แม้ว่าจะรู้ทั้งรู้ว่ากำลังถูกคนข้างๆมองอยู่ก็ตาม
มึงจะมองไปถึงเมื่อไหร่เนี่ยยย  ถ้าสายตาแม่งยิงกระสุนออกมาได้  ป่านนี้ผมคงพรุนไปหมดแล้วมั้ง
“เรา…ไปทะเลแถวๆนี้แล้วกันนะครับ”
“อะ…อืม  ตามใจสิ”
“งั้นไปม่าน…”
“ผมหมายถึงตามใจเรื่องที่จะไปทะเล!”
“ฮ่าๆๆๆ  กะแล้ว  เวลาคุณไฟโกรธเนี่ย  ผมชอบที่สุดจริงๆด้วย”
มึงเป็นพวกมาโซเรอะ!  ชอบใช่ไหมให้กูด่าให้กูทำร้ายร่างกายเนี่ยยยย!
แต่ถึงพูดไปก็คงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่ดี  มันเคยสนใจฟังหรือปฏิบัติตามในสิ่งที่ผมพูดเสียที่ไหนล่ะ  พอคิดดีๆแล้วออกจะเป็นผู้ชายที่โคตรเอาแต่ใจคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ  แต่ในความเอาแต่ใจตัวเองนั้น  มันก็ยังเอาใจเก่งอีกด้วย รู้ไปหมดว่าทำแบบไหนยังไงผมถึงจะใจอ่อน
ถึงได้ไม่เคยโกรธมันนานเกินหนึ่งวันเลยนี่ไง
เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากลานจอด  ผมก็ก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนัก  รู้สึกเหมือนเป็นนักเรียนที่อยู่โรงเรียนประจำแล้วแอบอาจารย์หนีเที่ยวตอนดึกเลยวุ้ย  ตื่นเต้นฉิบหาย  แถมครั้งนี้ยังหนีออกมาเที่ยวกับผู้ชายอีก…
สาวน้อยอะไรแบบนี้นะไอ้ไฟ
หมับ…
“นี่!”
ร้องเสียงหลงเมื่อมือข้างขวาถูกไอ้หน้าหนวดดึงไปจับไว้  แถมไม่ได้จับอย่างเดียว  มันเอามือผมขึ้นไปพรมจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ซ้ำไปซ้ำมาจนแรงแข็งขืนในตอนแรกเริ่มเบาบางลง
มีอะไรแปลกไปจริงๆด้วย
ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังมีบางอย่างอยู่ในใจ
“หอมจัง…”
“ผมถนัดมือซ้าย  เลยใช้มือขวาล้างขี้”
“…”
เอิ่ม…กูทำลายบรรยากาศเกินไปสินะ
“แม้แต่ขี้ก็หอม…”
โอเค!  กูยอมใจให้กับความโรคจิตของมึงแล้วไอ้หนวด
สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยให้มันดึงมือผมไปจูบไปดมเอาตามใจชอบ  เพราะถึงห้ามไปมันก็ไม่ฟังผมอยู่ดี  อีกอย่าง…
ผมก็ยังไม่อยากให้มันปล่อยเหมือนกัน
 
ไม่นานนักก็มาถึงชายหาดที่เงียบสงบ  มีเพียงแสงไฟนีออนจากริมทางเท่านั้นที่ทำให้ ณ จุดๆนี้ สว่างพอที่จะมองเห็นอะไรได้  บวกกับไฟหน้ารถของไอ้หน้าหนวดที่เปิดส่องไปทางน้ำทะเล  ผมเลยมองเห็นเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งอยู่เป็นระยะๆ
อ่า…บรรยากาศแบบนี้…
ถ้าเป็นภาษาวัยรุ่นแบบชัดเจนตรงๆไปเลยก็…
บรรยากาศชวนให้เสียตัว!
“นี่…ทำไมเอาแต่เงียบล่ะ”
เปิดปากพูดก่อนเป็นคนแรก  เพราะตั้งแต่มาถึงไอ้หน้าหนวดก็เอาแต่เหม่อมองไปยังท้องทะเลที่มืดมิดโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือผม  นัยน์ตาของมันดูเศร้าและอ้างว้าง  พลอยทำให้ผมใจไม่ดีไปด้วย
“ผมแค่อยากอยู่เงียบๆสักพักก็เท่านั้นเองครับ  อยากอยู่เงียบๆ…แต่ว่าข้างๆยังมีคุณไฟอยู่ด้วย”
“พูดเหมือนพี่มากจะลานาคไปรบเลยวุ้ย”
“พี่มากกับแม่นาคเขเป็นผัวเมียกันนะ  ผมกับคุณยังไม่ถึงขั้นนั้นเลย  ถ้าจะเปรียบแบบนี้งั้นเรามา…”
“หยุดเลย!”
สรุปว่ากูจะพูดอะไรไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม  พูดอะไรไปพวกแม่งก็วกกลับเข้าเรื่องพวกนี้ได้ตลอด  เอาเสียกูไม่กล้ายิงมุกอะไรเลย!
“กลับมาทะลึ่งได้แบบนี้ค่อยสมกับเป็นคุณหน่อย”
“ผมน่ะเหรอทะลึ่ง  ไม่จริงสักหน่อย”
มึงน่ะทะลึ่งตัวพ่อเลยไอ้ห่า!
“ผมว่าไปเดินรับลมทะเลกันดีกว่า”
“หนาว…”
“นี่!”
กูเริ่มโมโหจริงจังแล้วนะไอ้เวร!
เป็นคนพามาทะเลแท้ๆยังมีหน้ามาบ่นว่าหนาวอีก  ผู้ชายอกสามศอกที่ไหนเขาบ่นเป็นผู้หญิงแบบนี้ฟะ
ผมใช้หางตามองมันอย่างเอือมระอาจนมันคงทนไม่ไหวรีบเปิดประตูรถลงไปสูดอากาศก่อนเป็นคนแรก  ไม่ต้องถึงขั้นให้ถีบลงไปสินะ  หึ!
รีบเปิดประตูตามมันลงไปติดๆ  กะจะสูดความสดชื่นและกลิ่นไอของทะเลให้เต็มที่  แต่ทว่า…
ฟิ้ววววว~~~~
กึกๆๆๆๆๆ ( เสียงฟันกระทบกัน )
ไอ้เหี้ย!  หนาวอะไรเบอร์นี้  นี่มันไทยแลนด์หรือดินแดนเอสกิโฒวะเนี่ยยยย!
“เอ่อ…กะ…กลับขึ้นรถดีกว่าครับ”
เงยหน้าชวนให้ไอ้หน้าหนวดที่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ตรงประตูรถฝั่งคนขับ  ผมรีบเปิดระตูรถกลับเข้าไปนั่งอีกครั้ง
ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกเลยจริงๆ!
“ผมบอกแล้วไงครับว่าหนาว”
“งั้นคุณก็ไม่ควรพามาที่นี่แต่แรกไหม!  มาเที่ยวบ้าอะไรได้นั่งอยู่แต่ในรถแบบนี้เล่า  มันต่างจากตอนอยู่โรงแรมตรงไหนเนี่ย”
“ก็ตรงที่ตรงนี้มีแค่เราสองคนไงครับ”
“…”
“แค่ผมกับคุณไฟ”
“…”
“ไม่มีคนอื่นระหว่างเรา”
น้ำเสียงจริงจังและสายตาที่ไม่มีแววความล้อเล่นนั้นแทบจะพังทลายกำแพงสูงในใจผม  ไม่เข้าใจเลยว่าผมเผลอปล่อยตัวและเปิดหัวใจให้คนอย่างหมอนี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่  มันค่อยๆซึมซับเข้ามาทีละนิดๆโดยที่ผมไม่รู้ตัว
กว่าจะรู้ตัวอีกที…
ก็มีคนๆนี้อยู่เต็มหัวใจเสียแล้ว
“จูบได้ไหมครับ”
ใบหน้าหล่อคมคายที่เคลื่อนเข้ามาใกล้จนลมหายใจเป่ารดกันเอ่ยเสียงแผ่ว  เรี่ยวแรงที่เคยมีก่อนหน้านี้มลายหายไปหมด
เมื่อตาประสานตา…
ผมก็จนปัญญาที่จะหนีหัวใจตัวเอง
“…อืม”
ทันทีที่คำอนุญาตหลุดออกจากปากของผมไป  ริมฝีปากของอีกฝ่ายก็ประทับลงมาทันที
เริ่มแรกก็เป็นจูบที่นุ่มนวล  ละมุนละไมชวนให้หัวใจเต้นแรง  แต่พอนานๆเข้า  ความเร่าร้อนที่ก่อตัวขึ้นจากภายในก็เริ่มไหลทะลักออกมาสู่ภายนอก  ปลายลิ้นร้อนของเราสัมผัสกันไปมา  สองมือของผมยกขึ้นโอบรอบคอเขาเอาไว้พร้อมกับแอ่นตัวเข้าหาอย่างลืมตัว
“อื้อ…”
ต้นคอเจ็บแปลบเล็กน้อยจากแรงดูดของเขา  มือหนาเลิกชายเสื้อของผมขึ้นก่อนจะถอดมันทิ้งไปที่เบาะหลังรถอย่างไม่ใยดีพร้อมๆกับเสื้อผ้าท่อนบนของตัวเอง  เราต่างก็อยู่ในสภาพเกือบเปลือยกันทั้งคู่
ผมจิกทึ้งเส้นผมหนานุ่มของร่างสูงที่กำลังไล่ลิ้นเลียไปตามเรือนร่างของผมเอาไว้แน่น  ท้องน้อยบิดเกร็งและในหัวขาวโพลนไปหมด  ปลายลิ้นไปหยุดกึกและระรัวเร็วอยู่ตรงสะดือ  สร้างความวูบหวามจนลืมสิ้นทุกอย่าง
“อ๊ะ…”
เขยิบขึ้นมาเล็กน้อย  ริมฝีปากอุ่นร้อนเข้าครอบครองยอดอกสีหวานที่ปรากฏยั่วยวนอยู่นาน  ผมหายใจหอบถี่  ส่วนอ่อนไหวเริ่มมีความรู้สึกที่มากขึ้นจนสร้างความอึดอัดภายในกายไม่น้อย
ทุกส่วนที่เขาสัมผัส…มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ความละมุนราวกับผมเป็นของสำคัญที่เปราะหักง่ายเขาถึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษทำให้ผมอิ่มเอมไปทั้งหัวใจ
เขาทะนุถนอมผมเป็นอย่างดี…
หมับ…
ร่างทั้งร่างถูกยกมาที่อีกเบาะหนึ่งโดยที่ผมนั่งคร่อมทับตัวเขาเอาไว้  ริมฝีปากร้อนยังคงปรนเปรอยู่ที่ยอดอกไม่ห่าง  ขณะที่มือทั้งสองข้างเริ่มทำหน้าที่ปลดกางเกงทั้งของผมและของตัวเองออก
แวบหนึ่งความกลัวเกิดขึ้นในจิตใจ
คำถามมากมายหลั่งไหลเข้ามา
ผมกำลังทำอะไรอยู่?
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปจะดีแล้วงั้นเหรอ?
แต่ทว่า…ทุกตำถามก็ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ เมื่อประโยคที่ผมโหยหามาตลอดหลุดออกมาจากปากของผู้ชายคนนี้
“คุณไฟ…”
“…”
“ผมรักคุณ”
กางเกงยีนส์รวมไปถึงชั้นในถูกกลกลงไปจนเกือบถึงหัวเข่า  ส่วนอ่อนไหวของผมและของเขาเด้งผงาดขึ้นมาทักทายกัน  ก่อนที่มือหนาจะทำการรวบมันเอาไว้ด้วยมือมือเดียว
“อ่า…”
ผมไม่สามารถกลั้นเสียงครางแห่งความสุขสมนี้เอาไว้ได้อีกต่อไป  ฝ่ามือของเขาชักนำพาความสุขอันไม่รู้จบมาให้จนผมต้องซบลงกับอกแกร่ง  ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติอย่างที่มันควรจะเป็น
น้ำ…
ไฟขอโทษที่คงเป็นพี่ชายที่แสนดีและเพอร์เฟกต์ที่สุดของน้ำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เพราะไฟ…
รักคนๆนี้มากจริงๆ
 
ครืด…ครืด…
“…”
ครืด…ครืด…
“อะไรวะ”
ผมสบถทั้งที่ยังไม่ลืมตา  มือก็ควานหาที่มาของเสียงคล้ายโทรศัพท์สั่น  แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอเลยต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
ใครมันโทรมาตอนนี้วะ  เมื่อคืนกว่ากูจะได้นอนรู้ไหมว่ากูเสร็จไปกี่ยก!
“???”
ขมวดคิ้วเป็นผมเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าที่เบาะคนขับว่างเปล่าไม่มีใครเลย  หนำซ้ำตัวผมเองตอนนี้ก็ใส่เสื้อผ้าครบทุกอย่างอีกด้วย?
ครืด…ครืด…
“อ๊ะ!  อยู่นั่นเอง”
ผมเอื้อมไปหยิบมือถือที่ตกอยู่ข้างล่างตรงเบาะด้านหลัง  คนที่โทรเข้ามาคือไอ้ตูมตามนั่นเอง
“ฮัล…”
[ไอ้ฟาย!  มึงอยู่ไหน]
“อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนักหรอก  ทำไมวะ  มีอะไร”
[เมื่อคืนมึงอยู่กับคุณเปลวทั้งคืนไม่ใช่เหรอวะ]
“ใช่  แต่ว่าตอนนี้ไม่รู้เขาหายไปไหนแล้วว่ะ  ทำไม?”
[มึงเปิดทีวีในมือถือมึงดูสิ  ช่องข่าวบันเทิงนะ  กำลังถ่ายทอดสดอยู่เลย]
ผมกดวางสายและเปิดดูทีวีในมือถือตามที่ไอ้ตูมตามบอกทันทีโดยไม่ถามอะไรอีก  รอสักพักสัญญาณก็มา  และภาพในจอก็ปรากฏขึ้น   เป็นภาพของไอ้หน้าหนวดกับผู้หญิงอีกคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั่งอยู่บนโซฟาโดยมีนักข่าวอยู่รอบๆ  คล้ายกับว่าทั้งสองคนกำลังแถลงข่าวอะไรสักอย่าง
แต่ความสงสัยของผมก็ต้องหมดไปเมื่ออ่านตัวหนังสือที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ…
 
‘ประกาศหมั้นสายฟ้าแล่บ!  ทายาทคนเดียวของโรงแรมวันสตาร์พ่วงด้วยดีกรีผู้จัดงานการประกวดพลิกฟ้าหาดาว  กับผู้เข้าประกวดสาวลูกครึ่งแสนสวย’
 
ไม่จริง…
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  ในที่สุด…ในที่สุดพี่ไฟก็ได้เสียเป็นผัวเมียกับคุณเปลวแล้ว  ฮิ้วววววววว  สำหรับใครที่รอ NC คู่นี้แบบเต็มๆนั้น  จะมีแค่ในตอนพิเศษนะคะ  ถ้าในส่วนที่เอาลงเว็บขอแบบหอมปากหอมคอแล้วตัดเข้าโคมไฟแล้วกันเนอะ ( ตอนพิเศษมีเฉพาะในเล่มจ้า ไม่ลงเว็บเน้อ )  แต่ แต่ แต่!  มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ทั้งที่พี่ไฟอุตส่าห์ยอมถึงขนาดนั้นแล้ว  ทำไมคุณเปลวถึงได้ประกาศหมั้นกับบาร์บี้ล่ะ???
อยากรู้ต้องติดตาม  หรือใครสนใจสั่งซื้อ  เชิญที่เพจ Bubble-Bew ได้เลยจ้า



ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามมากๆค่า  ตอนนี้นิยายเปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถติดตามความคืบหน้าได้ทางเพจเลยค่า  ส่วนเนื้อเรื่องหลักนั้นจะอัพให้อ่านจนจบในเว็บแน่นอนค่า ^^

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 21
ความเฉยชา

 
ตึกๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงฝีเท้าของผมดังก้องไปทั่ว  และจุดมุ่งหมายที่ผมกำลังวิ่งไปก็คือห้องแถลงข่าวการหมั้นของไอ้หน้าหนวดกับบาร์บี้!
“ไอ้ฟาย!  เดี๋ยวสิวะ  มึงจะเข้าไปทั้งแบบนั้น…!”
พลั่ก!
“ปล่อยกู!”
ผมสะบัดไอ้ตูมตามที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหลังจากที่มันหันมาเห็นผมพอดี  ผมจัดการผลักประตูห้องแถลงข่าวเข้าไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
สิ่งที่ผมอยากรู้ตอนนี้มีเพียงแค่…เพราะอะไร?
ทำไม?
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมต้องทำกับผมถึงขนาดนี้ด้วย!
“งานหมั้นจะจัดขึ้นเมื่อไหร่เหรอคะคุณเปลว  คุณบาร์บี้”
“ก็คงเร็วที่สุดนั่นแหละครับ”
“แบบนี้จะมีข่าวดีเรื่องการแต่งงานทันทีด้วยหรือเปล่าคะ”
“คงอย่างนั้น”
คำถามมากมายถูกยิงใส่ทั้งสองคน  ไม่มีสังเกตเห็นการมาของผม  หรือถึงจะมีคนสังเกตเห็นก็คงไม่มีใครคิดหรอกว่า  ผู้ชายหัวหยักศกแต่งตัวไม่เรียบร้อยคนนี้จะเป็นคนเดียวกับนางสาวน้ำ  ตัวเก็งเบอร์หนึ่งของการแข่งขันคราวนี้
“เอาล่ะครับ  หมดเวลาสัมภาษณ์แล้ว  ไว้เราจะนัดสัมภาษณ์ใหม่ทีหลังนะครับ”
ทีมงานคนหนึ่งเข้ามากันนักข่าวให้ออกห่าง  ไอ้หน้าหนวดรีบคว้ามือบาร์บี้เดินมาทางประตู  ซึ่งเป็นจุดที่ผมยืนอยู่
ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น  เพราะหวังว่าถ้าเขาเดินมาแล้วจะต้องเห็นผม  ผมอยากเห็นสายตาอ้อนวอนเพื่อขอให้ผมฟังเขาและเชื่อใจเขาเหมือนทุกที
ผมเฝ้ารอสายตานั้น…
แต่ทว่า…
ปึก!
สิ่งที่ได้กลับมาจริงๆมีเพียงแค่ความเย็นชา  สายตาเฉยชาที่กรีดหัวใจจนยับเยิน  คุณเปลวแค่เดินกระแทกไหล่ผ่านผมไปราวกับผมไม่มีตัวตน
เป็นเพียงธาตุอากาศ…
“ทำไม…”
กว่าจะเปล่งเสียงออกไปได้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน  ลำคอของผมแห้งผาก  แม้แต่เรี่ยวแรงจะยืนยังแทบไม่มี
“ผมถามว่าทำไม!”
คำถามที่ดังขึ้นของผมเรียกความสนใจจากนักข่าวที่กำลังจะแยกย้าย  ร่างสูงที่เดินจับมือบารบี้ไปจนจะพ้นจากประตูอยู่แล้วก็หยุดชะงัก
“ทำไมวะ!  ทำไมทำกับผมแบบนี้  ทำไม!”
หมับ!
“ไอ้ฟาย  ใจเย็นๆสิวะ!”
ไอ้ตูมตามเข้ามาดึงรั้งผมที่ตั้งท่าจะพุ่งเข้าหาคุณเปลวเอาไว้แน่น  นักข่าวต่างพากันตรงเข้ามาที่ผมด้วยความสนใจใคร่รู้
“มะ…ไม่มีหรอกครับ  เพื่อนผมเอง  มันเมาน่ะ  อย่าถือสามันเลยนะครับ”
“ไอ้ตาม! มึงปล่อยกู  กูต้องถามให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ปล่อยกูสิวะ!”
พลั่ก!
“มึงน่ะหยุดเรื้อนแล้วมากับกูเดี๋ยวนี้เลย”
ไอ้เพื่อนเวรตบกบาลผมจนหัวทิ่มก่อนจะลากผมไปออกที่ประตูอีกทางซึ่งเป็นประตูสำหรับหนีไฟเหมือนในโรงหนัง
ตุ้บ!
“เอ้า!  จะใจเย็นได้หรือยัง  มึงกำลังจะทำให้ทุกอย่างพังทลายเพียงเพราะความโง่ของมึงรู้ตัวไหม!”
“กูทำอะไร!”
“มึงอยากให้คนทั้งประเทศเขาจำมึงได้หรือไง!  อยากให้เขารู้ว่าแท้จริงแล้วมึงไม่ใช่น้ำ  แล้วน้ำก็จะถูกตัดสิทธิ์จากการประกวด  จะเอาแบบนั้นใช่ไหมวะ!”
ผมชะงักด้วยสิ่งที่ไอ้ตูมตามพูดออกมาแทงใจดำเข้าเต็มๆ
อาการโวยวายแบบไม่แคร์สื่อเมื่อครู่ค่อยๆดรอปลง  ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับอารมณ์ของตัวเองที่เดือดปุดๆยิ่งกว่าลาวาในนรก
“มึงยืนสมาธิสักห้านาทีโดยไม่ต้องปริปากพูดอะไรนะ  พอสงบสติอารมณ์ได้แล้วค่อยเปิดปาก”
“กู…”
“ยัง  กูบอกว่าอย่าเปิดปากไง”
ไอ้ตูมตามชี้หน้าอย่างคาดโทษ  ผมเลยต้องหลับตาลงเพื่อทำสมาธิตามที่มันสั่ง
แต่ทันทีที่หลับตา  ภาพเหตุการณ์อันแสนหวานเมื่อคืนก็ฉายย้อนเข้ามาจนคำถามมากมายพุ่งเข้าใส่สมองไม่ยั้ง
“อะ…ไอ้ฟาย”
“…”
“เหี้ย  มึงอย่าบอกกูนะว่ามึงกับคุณเปลว…”
“ฮึก…”
“ไอ้ฟายเอ๊ย  มึงนี่มันฟายสมชื่อจริงๆ  ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองถลำตัวไปได้ขนาดนั้น  ทำไมไม่ปรึกษากู”
“กู…”
“ไม่ต้องพูด  กูรู้ว่าตอนนี้มึงเจ็บ”
ผมพูดไม่ออก
สิ่งที่ไอ้ตูมตามพูดคือความจริงทุกอย่าง  น้ำตาที่ไม่เคยไหลให้กับใครมาก่อนนอกจากน้ำกลับไหลลงมาไม่ขาดสาย
และต้นเหตุของการร้องไห้ครั้งนี้ก็คือผู้ชายที่ผมปฏิเสธมาตลอด
หมับ…
“ร้องไห้กับกูได้  แต่ห้ามสั่งน้ำมูกนะ  เสื้อกูซื้อมาแพง”
กูจะร้องไม่ออกก็เพราะคำปลอบของมึงนี่แหละไอ้เพื่อนเวร!
 
กว่าผมจะหยุดร้องไห้ได้ก็ทำเอาเสื้อของไอ้ตูมตามเต็มไปด้วยน้ำมูก  มันสั่งสอนแกมออกคำสั่งทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะต้องกลับบ้านไปเพราะทางกองประกวดอนุญาตให้ญาติพบกับผู้เข้าประกวดและพักที่โรงแรมได้แค่สองคืนเท่านั้น  สุดท้ายผมเลยต้องมานั่งแห้งเหี่ยวอยู่คนเดียวบนห้อง
บาร์บี้ยังไม่กลับมา…
ในทีวีก็รีรันการแถลงข่าวของทั้งสองคนซ้ำไปซ้ำมาหลายช่องจนผมแทบจะเขวี้ยงทีวีทิ้งอยู่รอมร่อ
มึงจะซ้ำเติมจุดเดิมที่เคยเจ็บของกำไมนักหนาวะ!
ไม่ว่าจะคิดยังไงผมก็คิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  การเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของไอ้หน้าหนวดมันยิ่งกว่าคำว่าแปลกใจเสียอีก    ทุกอย่างมันฉุกละหุกและรวดเร็วจนไม่มีใครตั้งตัวทัน  ยิ่งกว่านั้น…คนที่อยู่ใกล้กันทีไรก็จะถึงเนื้อถึงตัวผมตลอดอย่างเขา  คนที่เพิ่งบอกรักผมเมื่อคืน   จู่ๆก็มาทำเฉยชาใส่กันแบบนี้  จะให้ทำใจเชื่อง่ายๆได้ยังไง!
แอ๊ด…
ประตูห้องเปิดออก  ผมรีบหันไปเพราะรู้ดีว่าคนที่เข้ามาคือใคร
บาร์บี้ชะงักไปเล็กน้อย  เธอมองหน้าผมด้วยสายตาตื่นๆก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที  เป็นการบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการจะสนทนาด้วยในตอนนี้
“เดี๋ยวสิ  บาร์…!”
ปัง!!!
ปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าอย่างไม่ใยดี  โชคดีที่ชักหน้ากลับเข้ามาทันไม่งั้นคงมีดั้งหักกันไปข้าง
ผมควรพังประตูห้องน้ำเข้าไปคุยกับเธอให้รู้เรื่องเลยดีไหม
ไม่สิ  ถ้าทำแบบนั้นความลับคงแตกดังโพละแน่ๆ  ลำพังไอ้ที่ทำตัวแมนไปเมื่อวานนี้ก็ชวนน่าสงสัยพอแล้ว  ถ้ายังมีพละกำลังมหาศาลถึงขั้นพังประตูห้องน้ำได้อีกนี่คงแถต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ
“นี่  บาร์บี้…”
“ฮึก…”
ผมเงียบ  เงี่ยหูฟังบางสิ่งบางอย่างที่ดังทะลุประตูห้องน้ำออกมา  เสียงสะอื้นราวกับคนข้างในพยายามกลั้นมันเอาไว้อย่างเต็มที่
มือที่กำลังเคาะประตูผล็อยร่วงลงข้างกาย  ผมทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเอาเสียดื้อๆ  ในหัวมันตื้อไปหมด  ผมแค่อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  พวกเขาสองคนรักกันจริงๆอย่างนั้นเหรอ?
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น  ผมรีบลุกออกจากหน้าห้องน้ำเพื่อเดินไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือน  คนที่ผมอยากเจอมาที่สุดกำลังยืนตีหน้านิ่งอยู่  สายตาของเขาที่มองมามันว่างเปล่าเสียจนผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจ้องมองแผ่นเลนส์อะไรสักอย่างที่ไม่ได้สะท้อนอะไรกลับมาเลย
“มาหา…”
“คุณบาร์บี้ครับ   ผมมารับไปดินเนอร์แล้วนะ”
ร่างสูงไม่ตอบคำถาม  แต่เดินผ่านตัวผมไปราวกับผมเป็นเพียงธาตุอากาศ  กลิ่นตัวที่คุ้นเคยกระทบกับจมูก…
หมับ…
ร่างกายไปไวกว่าความคิด  ผมหันกลับไปสวมกอดเขาจากด้านหลังไว้แน่น  ซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างที่แสนคิดถึง  รู้สึกเหมือนนานมากที่ไม่ได้สัมผัสเขาแบบนี้
“ทำไมครับ  เกิดอะไรขึ้นเหรอ  ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“…”
“คุณตอบผมสิ  ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า  ถ้าผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจ  คุณบอกผมก็ได้  ผมยินดีเปลี่ยน ผมพร้อมที่จะปรับปรุงตัวเพื่อคุณ  แต่อย่าทำแบบนี้  อย่าทำกับผมแบบนี้เลย  ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ  ผมให้คุณไปหมดทุกอย่างแล้ว  นะครับ  อย่าทำกับผมแบบนี้เลยนะ”
“…”
อีกฝ่ายยังเงียบอยู่   ความเงียบจากเขาทำให้ผมกลัวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด 
ถ้าหากคำตอบที่ได้รับกลับมามันทำร้ายผมมากกว่าเดิม  ผมจะทำยังไงต่อไป?
แอ๊ด…
ประตูห้องน้ำเปิดออกก่อนที่คำตอบที่ผมเฝ้ารอจะออกมาจากปากของคุณเปลว  บาร์บี้ชะงักมองผมสลับคู่หมั้นของเธอที่ยังคงไม่ปริปากพูดอะไร  สายตางุนงงกับขอบตาที่แดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วงได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ถามอะไร
“หิวหรือยังครับ”
พลั่ก!
คุณเปลวสะบัดอ้อมกอดของผมทิ้งอย่างไม่ใยดีก่อนจะเดินเข้าไปหาบาร์บี้  เขาจับแขนเธอแล้วดึงให้เข้าหาก่อนที่นิ้วมือเรียวยาวจะปาดน้ำตาที่ยังคางอยู่ตรงหางตาออกให้เธอ
“นิดหน่อยค่ะ”
“งั้นไปดินเนอร์กันเถอะครับ  ผมให้คนปิดห้องอาหารของที่นี่ไว้เพื่อคุณ”
“คะ…ค่ะ”
บาร์บี้ตอบตกลงเสียงสั่นๆ  เธอพยายามที่จะมองแต่หน้าของคุณเปลวจนผมจับความผิดสังเกตได้  เหมือนเธอไม่อยากจะมองหน้าของผมในตอนนี้   สักพักพวกเขาก็ประคองกันเดินออกจากห้องไป
เหลือเพียงแค่ผมที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลยยืนอยู่คนเดียว
ให้ตายสิ  มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจเต็มหัวไปหมดแล้วโว้ย!
 
“แล้วไงยะ  สุดท้ายแล้วพอไม่รู้จะหันไปปรึกษาใครดีก็เลยเรียกฉันออกมาสินะ”
ที่พึ่งสุดท้ายสำหรับผมในตอนนี้เอ่ยเสียงเบื่อหน่าย
มะนาวเปรยตามองผมที่นั่งเอานิ้วมือเขี่ยนิ้วเท้าเล่นอย่างรำคาญ  เพราะผมเพิ่งไปลากเธอออกมาจากห้องทำสปาผิวของโรงแรมนั่นเอง
“ก็นอกจากบาร์บี้แล้ว  ฉันก็มีแค่เธอนี่แหละที่คุยด้วยบ่อยที่สุด
“แต่นอกจากเธอแล้วฉันยังมีเพื่อนนางงามคนอื่นคุยด้วยเยอะแยะย่ะ”
“อย่าเพิ่งหาเรื่องด่ากันได้ไหม  คนยิ่งเครียดๆอยู่นะ”
ผมบอกหน้างอง้ำ
ตอนนี้กูเครียดจนแทบจะโดดตึกตายแล้วเหอะ  ถ้าไม่ติดว่ากลัวตายคงฆ่าตัวตายไปแล้วอ่ะ  ลำพังแค่เจอศึกรบในการประกวดแม่งก็หนักหนาสาหัสพอดูแล้ว  ยังต้องมาเจอสนามรักอีก  ใจคอชะตาชีวิตคงไม่คิดจะให้ไอ้ไฟได้พบกับความสงบสุขเลยสินะ  ขยันหาเรื่องให้ปวดหัวตลอดเลย!
“มานั่งเครียดแล้วมันจะได้อะไรให้ขึ้นมาฮะ  มันทำให้เธอรู้ความจริงหรือไงว่าทำไมสองคนนั้นเขาถึงหมั้นกัน”
“แต่ถึงยังไงฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่หรือไง  เพราะพวกเขาจะหมั้นกันอยู่แล้ว  อีกไม่กี่วันพวกเขาก็จะหมั้นกันแล้วนะ!”
“แต่ก็ยังไม่ได้หมั้นไม่ใช่หรือไง”
“…”
“ช่วงเวลาที่เขายังไม่ได้หมั้นกัน  มันคือช่วงเวลาสุดท้ายของเธอแล้ว  ถ้าเธอมั่นใจว่าเรื่องนี้มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง  มีอะไรไม่ชอบมาพากลเธอก็ต้องสืบจากระยะเวลาที่เหลือนี่แหละ!”
“สืบอะไร  หน้าฉันหันซ้ายเหมือนโคนัน  หันขวาเหมือนเชอร์ล็อก โฮล์มส์หรือไง”
“เหมือนสุนัขตำรวจล่ะสิมว่า!”
แรงอ่ะ
ผมได้แต่ก้มหน้าและปล่อยให้มะนาวเริ่มสาธยายต่อ  ไม่รู้ป่านนี้สองคนนั้นจะพากันปู้ยี่ปู้ยำถึงไหนแล้ว  เผลอๆอาจจะกำลังป้อนข้าวกันไปมาอย่างกระหนุงกระหนิงก็ได้
ฮึก…
ถ้าตะโกนออกไปตอนนี้ว่า ‘นั่นผัวกู’   จะทันไหม
“เอาตรงๆนะ ฉันเองก็รู้สึกว่าการประกวดคราวนี้มันแปลกๆชอบผล   เหมือนมีใครกำลังพยายามทำอะไรสักอย่างในมุมมืดตลอดเวลา  ถ้าฟังจากที่เธอเล่ามาทั้งหมด  ตั้งแต่เรื่องปล่อยข่าวลือเสียๆหายๆเกี่ยวกับเธอ  สร้างศัตรูในหมู่ผู้เข้าประกวดด้วยกันให้เธอ  หลอกเธอไปให้ไอ้เสี่ยหัวล้านนั่นเคลม  แล้วยังมาเหตุการณ์ล่าสุดที่หลอดไฟนั่นร่วงลงมาจากเพดานอีก  ทุกอย่างมันทำให้ฉันอดคิดไม่ได้จริงๆว่ามีใครบางคนกำลังจ้องเล่นงานเธอ  นี่…  แน่ใจนะว่าไม่เคยไปแย่งสามีใครเขาน่ะ”
ประโยคสุดท้ายเธอหันมาหรี่ตามองผมอย่างจับผิด
“จะไปเคยได้ยังไงเล่า!”
เกิดมาเพิ่งเคยมีผัวเป็นตัวเป็นคนคนแรกก็เมื่อคืนนี้นี่เองนั่นแหละ!
ก่อนหน้านี้ผมยังเป็นผู้ชายที่ต้องการมีเมียแบบคนทั่วไปอยู่นะ  สาบานได้!
“ถ้างั้นจะเป็นใครกันล่ะ  คนที่คอยจ้องเล่นงานเธอตลอดเวลา”
“นั่นสิ”
“เฮ้อ!”
ทั้งผมและมะนาวต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน   จะเป็นไปได้หรือเปล่าว่าเรื่องนี้กับเรื่องที่ไอ้หน้าหนวดประกาศหมั่นฟ้าผ่าแบบนั้นจะเกี่ยวข้องกัน
เพราะยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าเขาจะคิดอะไรเกินเลยกับบาร์บี้
ตราบใดที่ทุกครั้งที่ได้สัมผัสกัน  แล้วร่างกายของเขายังคงอบอุ่นสำหรับผม  ผมก็ยังเชื่อมั่นว่า…เขาไม่ได้เปลี่ยนไป
เขาเป็นอัศวินของผม…
เขาสัญญาแล้วว่าจะคอยดูแลและปกป้องผม…
“จริงสิ  รู้หรือยังว่าการประกวดผู้เข้ารอบสิบคนสุดท้ายยกเลิกแล้วนะ  ทางกองประกวดตัดสินใจที่จะประกาศผลผู้ชนะเลิศและรองทั้งสองทีเดียวในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า  ดูเหมือนว่าทางกองประกวดเองก็เริ่มจะสัมผัสได้ถึงความแปลกๆของการประกวดคราวนี้แล้วล่ะ”
พวกมึงควรจะสัมผัสได้ตั้งแต่ตอนกูถูกปล่อยข่าวลืมแปลกๆแล้วไหม  ไม่รอให้กูตายก่อนเลยล่ะถึงค่อยสัมผัสได้!
แต่เดี๋ยวก่อน
อาทิตย์หน้านี่มัน…
ก่อนวันครบกำหนดที่น้ำจะหายสามวันนี่หว่า!
ฉิบหายแล้วสิ  วันตัดสินต้องมีการใส่ชุดว่ายน้ำวาบหวิวเดินบนเวทีเสียด้วย!
“ก็ดีเหมือนกัน  ฉันอยากรีบๆรู้ผลแล้วก็กลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว  เวทีนางงามพวกนี้น่ากลัวกว่าที่ฉันคิดเยอะเลย  มีแต่พวกใส่หน้ากากเข้าหากันทั้งนั้น”
“นั่นสิ”
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมน้ำถึงอยากเป็นนางงาม  ทั้งที่โลกของมันน่ากลัวกว่าโลกความจริงไม่รู้ตั้งกี่เท่า  ผมยังนึกภาพไม่ออกจริงๆนะว่าถ้าคนที่มาประกวดคราวนี้คือน้ำตัวจริง  น้องสาวของผมตะโดนกระทำยังไงบ้าง  โดยเฉพาะ…
จากบุคคลลึกลับที่หลบซ่อนอยู่ในเงามืด  ผู้ที่จ้องทำร้ายผมมาตลอดตั้งแต่เริ่มประกวด!
“แล้วจะเอายังไงยะ  จะสืบไหม  เรื่องคุณเปลวกับแม่ตุ๊กตาบลายธ์นั่น”
“บาร์บี้เถอะ”
“นั่นแหละย่ะ  ว่ายังไง  จะสืบไหม?”
ผมลังเล  ถึงจะอยากสืบแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี  ดูท่าทั้งคู่เองก็ไม่อยากจะบอกอะไรกับผมทั้งนั้นด้วย
หรือความจริงแล้วมันจะไม่มีอะไรเลยจริงๆ  ผมแค่คิดมากไปเองเพราะอยากจะหลอกตัวเองต่อไป  ไม่กล้ายอมรับว่าไอ้หน้าหนวดนั่นอาจจะเผลอใจไปรักบาร์บี้แล้วก็เป็นได้  เลยพยายามหาเรื่องมาทำให้ตัวเองไม่ต้องเจ็บปวดมากนักโดยการคิดว่าทั้งคู่มีอะไรปิดบังเอาไว้…
ขณะที่กำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น  สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งตกอยู่ใต้โต๊ะตัวหนึ่งที่ตั้งเรียงกันอยู่ริมสระน้ำเพื่อให้แขกพักผ่อน
“กระเป๋าตังค์เหรอ”
เมื่อเดินไปใกล้ก็พบว่าสิ่งที่ตกอยู่คอกระเป๋าเงินสีดำหรูเรียบใบหนึ่งที่จากลักษณะแล้วน่าจะเป็นกระเป๋าเงินของผู้หญิง
“อะไรเหรอ?”
มะนาวลุกขึ้นเดินตามมาดู  ผมชูกระเป๋าเงินทีเก็บได้ให้เธอดู  ก่อนจะเปิดมันออกเพื่อดูว่าเจ้าของคือใคร  บางทีอาจจะเป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดก็เป็นได้
“นี่มัน…”
ผมและมะนาวต่างก็มองหน้ากันจนลูกตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า  พวกเรารีบพากันรื้อค้นกระเป๋าเงินใบนี้ด้วยความรู้สึกสับสนไปหมด
“ดูนี่สิ”
มะนาวร้องเรียกและส่งสิ่งที่เธอค้นเจอให้ผมดู
สาบานเลยว่าวินาทีแรกที่ได้เห็น  ผมแทบจะคิดว่าทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน  สายลมที่พัดผ่านตัวไปเบาๆสร้างความขนลุกจนสะท้านไปถึงอวัยวะภายใน
“จะเป็นไปได้ไหมน้ำ  ว่าเรื่องทั้งหมดอาจเป็นฝีมือของคนๆนี้”
“ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
“ก็ถ้าสิ่งที่พวกเรากำลังคิดอยู่เป็นเรื่องจริง  เหตุผลที่คนๆนี้ทำเรื่องทั้งหมดลงไปก็คงเพื่อ…”
มะนาวเว้นคำพูดเอาไว้
ผมและเธอมองหน้ากัน  ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าอีกคนกำลังสันนิษฐานอะไรอยู่ในใจ  แต่ว่า…ผมจะด่วนสรุปเรื่องทั้งหมดด้วยหลักฐานเพียงแค่นี้ไม่ได้  มันไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังความเลวร้ายทั้งหมดในกองประกวดนี้!
หมับ!
“เธอจะไปไหน!”
มะนาวคว้าแขนผมที่ตั้งท่าจะเดินกลับเข้าไปในโรงแรมเอาไว้ด้วยสีหน้าตื่นๆ
“ฉันจะไปถามความจริงจากปากคนๆนี้เอง”
“จะบ้าเหรอ!   ถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ  ก็เท่ากับว่าเธอกำลังเดินเข้าไปหาคนที่คิดทำร้ายเธอด้วยตัวเองเลยนะน้ำ!”
“แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น  ถ้าสิ่งที่พวกเราคิดมันถูก  ก็หมายความว่าตอนนี้อาจมีคนที่กำลังลำบากเพราะฉัน”
“…”
“คนที่ฉันไม่อยากให้เขาต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”
ใบหน้าของไอ้หน้าหนวดลอยวนไปวนมา  ที่ผ่านมาเขาทำเพื่อผมมามากอแล้ว  การประกวดที่เขาตั้งใจสร้างขึ้นมาต้องมัวหมองและมีมลทินเพราะเขาช่วยผมโกหกเรื่องการปลอมตัวเป็นน้ำ  เขาเสียสละสิ่งที่สร้างมากับมือและเอาชื่อเสี่ยงของตัวเองมาเสี่ยงดกับผม
มันมากพอแล้ว
เขาทำเพื่อผมมากเกินไปแล้ว
“ห้านาที”
“…”
“ฉันให้เวลาเธอแค่ห้านาที  ถ้าหานาทีแล้วเธอยังไม่กลับมาที่นี่  ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณเปลว”
“…”
“…”
“ตกลง”
“…”
“แค่ห้านาทีก็พอ”
ผมยิ้มให้กับมะนาวที่มองมาอย่างเป็นห่วง  ในมือกระชับกระเป๋าเงินที่มีหลักฐานสำคัญอยู่ข้างในก่อนจะเดินกลับเข้าไปในโรงแรม  ตรงไปยังห้องของคนๆนั้น
 
ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่า  เจ้าของกระเป๋าเงินใบนั้นที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำมันหายไปได้กลับออกมาหาพอดี   บทสนทนาเหล่านั้นดังชัดอยู่ในโสตประสาท  สายตามุ่งร้ายมองตามแผ่นหลังของไฟไปอย่างวาวโรจน์!
 
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  เหลืออีกไม่ถึงสิบตอนก็จะจบแล้วน้า  ไคลแม็กซ์แรกเรื่องของคนร้ายตัวจริงกำลังจะจบลงแล้ว  อยากรู้ว่าเป็นใครต้องติดตามอ่านตอนต่อไปนะคะ  ได้รู้แน่นอน!  ขอบคุณสำหรับการติดตามมากๆเลยค่า  ตอนนี้บิวทัวร์ตจว.อีกแล้ว  และรอบนี้ก็ได้มาภาคอีสานค่ะ  อยู่โคราช  เสร็จจากโคราชก็ยังมีไปอีกสามจังหวัดในภาคอีสาน  งานชุกชุมประหนึ่งยุงเลยทีเดียว TOT  ถ้าอัพช้าไปบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ
ปล.  นิยายเรื่องนี้เปิดพรีฯแล้ว  สามารถสั่งซื้อได้เรื่อยๆเลยจ้า  ติดตามรายละเอียดได้ที่เพจเลยนะคะ ^^



ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0




ตอนที่ 22
ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

 
Special Part
“ตกลงจะไม่มีใครยอมรับใช่ไหม!”
ผมตวาดเสียงดังขึ้นหลังจากที่เอ่ยปากถามไปหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครยอมรับหรือเห็นอะไรผิดสังเกตเลยสักคนเดียว
ทีมงานทุกคนเอาแต่มองหน้ากันไปมา  ต่างกระซิบกระซาบไม่กล้าสบตาผมตรงๆเลยสักคนเดียว  หรือพวกเขาจะไม่รู้จริงๆ  แต่จะเป็นไปได้ยังไง  ในเมื่อห้องที่ใช้ประกวดนั่น  ก่อนวันประกวดจะมีแค่ทีมงานเท่านั้นที่เข้าออกได้  ไม่มีทางที่คนนอกจะเข้าได้อย่างแน่นอน
“กล้องวงจรปิดในนั้นจับภาพอะไรได้บ้างหรือเปล่า”
“ไม่เลยครับ  กล้องวงจรปิดที่ติดไว้อยู่ต่ำกว่าคานเหล็กบนเพดาน  ภาพที่สูงกว่านั้นกล้องจะไม่สามารถจับภาพใดๆได้เลยครับ”
“ถ้างั้นรีบไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลยนะ  เปลี่ยนมันให้หมดทั้งโรงแรม  ติดให้หมดทุกซอกทุกมุมไม่เว้นแม้แต่ห้องเก็บของ  ไป!”
“ครับ”
พนักงานของโรงแรมรีบลนลานวิ่งหน้าตาตื่นออกไป
โรงแรมแห่งนี้คือโรงแรม ‘วันสตาร์’  เป็นโรงแรมของครอบครัวผมเอง  มีคุณพ่อเป็นเจ้าของที่วันๆเอาแต่ใช้ชีวิตอยู่อเมริกาเพื่อคุยกับผู้ถือหุ้นและหาลูกค้าเพิ่ม  ทิ้งโรงแรมนี้ไว้ให้พนักงานบริหารกันเองโดยมีบ้างที่ผมจะยื่นมือเข้ามาดูแลหากเกินปัญหาเร่งด้วยจริงๆ  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยเปิดเผยตัวว่าตัวเองคือลูกชายเจ้าของโรงแรมและเป็นทายาทเพียงคนเดียวเท่าไหร่นัก
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
เพราผมรำคาญและเกลียดทุกคนที่เข้าใกล้ผมเพื่อหวังผลประโยชน์  เอาแค่ที่ผมมีหน้ามีตาในวงการนางงามและวงการบันเทิงมันก็ทำให้ชีวิตผมห่างไกลจากคำว่าสงบสุขไปเยอะแล้ว
“พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มันเลวร้ายมากแค่ไหน”
“รู้ครับ/รู้ค่ะ”
“มาตรฐานความปลอดภัยของการประกวดน้อยมาก  ถ้ามีข่าวแบบนี้หลุดออกไป  คุณคิดว่าสปอนเซอร์ที่สนับสนุนเราอยู่ตอนนี้จะสนับสนุนเราต่อหรือเปล่า  ยิ่งไปกว่านั้น  ผู้เข้าประกวดที่บาดเจ็บวันนี้ยังเป็นตัวเก็งอีกด้วย  ถ้าเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นจนเธอไม่สามารถประกวดต่อได้  พวกคุณรู้ไหมว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายแค่ไหนกับการประกวดพลิกฟ้าหาดาวของเรา!”
ทีมงานยังคงหลบตาผมไม่เลิก  ผมจ้องมองพวกเขาเรียงคนเพื่อจับพิรุธ  ตราบใดที่ผมยังหาตัวคนที่มุ่งร้ายคุณไฟไม่ได้  ชีวิตของคุณไฟก็ยังตกอยู่ในอันตราย
ใครกัน…
ใครกันแน่ที่คิดทำร้ายคุณไฟของผม!
“เอาเป็นว่าอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก  ผู้เข้าประกวดทุกคนจะต้องได้รับกาดรูแลอย่างดีที่สุดจากเรา  พวกเธอจะเป็นอะไรไปไม่ได้แม้แต่นิดเดียว  สิ่งที่พวกคุณทุกคนต้องพึงระวังอยู่เสมอคอความปลอดภัย  อย่าละเลยไม่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม  เข้าใจไหมครับ”
ไม่มีเสียงตอบรับแต่ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับรู้กันดี  ผมปัดมือเป็นการอนุญาตให้ทุกคนออกไปได้  ส่วนตัวเองก็จะขอนั่งสงบสติอารมณ์ที่เดือดพล่านในตอนนี้ต่ออีกสักหน่อย
“เอ่อ…”
หลังจากที่ทุกคนพากันออกไปจนหมด  พนักงานคนหนึ่งของโรงแรมที่ดูท่าคงจะเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานเพราผมไม่ค่อยคุยหน้าเธอสักเท่าไหร่ก็เดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาหาเหมือนมีอะไรบางอย่างอยากจะคุยกับผม
“ครับ?”
“คือ…หนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ไหม  แต่ว่า…เมื่อคืนนี้ช่วงประมาณตีสาม  หนูเห็นคนเดินเข้าออกที่ห้องสำหรับการประกวดด้วยค่ะ”
“ใคร?”
“เอ่อ  แต่หนูไม่รู้นะคะว่าสิ่งที่หนูเห็นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้หรอเปล่า แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าคนที่หนูเห็นเขามีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆไหม  หนูแค่…แค่…”
“เข้าใจแล้ว  ผมจะไม่บอกใครเด็ดขาดว่าคุณเป็นคนมาบอกเรื่องนี้  ผมสัญญา”
“…”
“บอกมาได้แล้ว  ใครคือคนที่คุณเห็น”
 
ตุ้บ…
ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงด้วยสภาพอ่อนแรงสุดๆ  ในหัวยังคงคิดถึงสิ่งที่พนักงานโรงแรมคนนั้นบอกกับผม  คนที่เธอเห็นว่าเข้าไปในห้องการประกวดยามวิกาล…
ทำไม…
ทำไมถึงเป็นคนๆนั้น?
“ให้ตายสิ”
ปวดหัวไปหมดแล้ว
ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณไฟทั้งหมดเป็นฝีมือของคนที่ผมคิดจริง  แล้วเหตุผลล่ะ?  มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องทำเรื่องร้ายกาจแบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
 
‘นี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่หนูเห็น  แต่ครั้งห่อนหนูก็เคยเห็นเขาคุยกับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งที่ใส่ชุดเหมือนทีมงานของกองประกวด  แต่ว่าหนูไม่คุ้นหน้าเขาเลย  ตอนนั้นคิดว่าคงเป็นทีมงานมาใหม่เสียด้วยซ้ำ  แต่จนวันนี้ก็ยังไม่เห็นสักที  คิดว่าอาจจะออกไปแล้วก็ได้’
 
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน
หากผู้หญิงที่ใส่ชุดทีมงานของกองประกวดที่พนักงานโรงแรมคนนั้นเห็นไม่ใช่ทีมงานของผมจริงๆ  ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นทีมงานปลอมที่ถูกจ้างมาเพื่อกระทำบางอย่าง  และสิ่งเดียวที่ผมนึกได้ก็คอเหตุการณ์ในวันนั้น  วันที่คุณไฟถูกหลอกไปให้ไอ้เสี่ยนั่น!
ติ๊ง!
เสียงอีเมลเข้าจากโน้ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานดังขึ้น  ผมลุกขึ้นไปเปิดโน้ตบุ๊คเพื่อดูว่าใครส่งอะไรเข้ามา  เพราะเครื่องนี้จะเป็นเครื่องที่ผมใช้สำหรับทำงานเท่านั้น  เพราะงั้นเมลที่เข้ามาก็จะมีแต่เมลเรื่องงานของผมอย่างเดียว
“หืม?”
ไม่มีหัวเรื่องแฮะ   แถมชื่อเมลยังไม่คุ้นและไม่มีบันทึกอยู่ในรายชื่ออีกต่างหาก
“เป็นไฟล์แนบงั้นเหรอ?”
ผมกดเปิดอีเมลฉบับนี้อย่างแปลกใจ  ทันทีที่ไฟล์แนบถูกโหลดจนเสร็จก็จัดการเปิดสิ่งที่โหลดมาได้ขึ้นดูทันที
“!!!”
ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างเมื่อบนหน้าจอโน้ตบุ๊คปรากฏสิ่งที่ชวนให้ตกใจจนแทบจะเขวี้ยงในทิ้ง  ผมรีบเดินกลับไปที่หัวเตียงแล้วหยิบเอาสิ่งที่ซ่อนไว้ใต้หมอนมาตลอด  รูปคุณไฟในวันที่ต้องถ่ายแบบในทะเลร่วมกับผู้เข้าประกวดคนอื่นๆแต่ดันโดนมือดีตัดสายเสื้อในจนขาดเสียก่อน  มันคือภาพเดียวจากในเมมโมรี่ทั้งหมดที่ถ่ายติดตอนคุณไฟยืนขึ้นโดยที่หน้าอกแบนราบเพราะนมปลอมมันหลุดออกไป!
ผมเก็บภาพนี้เอาไว้ดูเล่นคนเดียว  แต่ว่าทำไมถึง…!
มีภาพนั้นส่งเข้าเมลผมมาได้
“หรือว่า…”
คนเดียวที่ผมนึกได้ตอนนี้มีแค่คนๆนั้น   การที่รูปนี้ถูกส่งเข้าเมลของผมโดยตรง  ก็มีความเป็นไปได้เดียวที่คิดได้คือ…
เรื่องที่คุณไฟปลอมตัวเป็นคุณน้ำไม่ใช่ความลับอีกต่อไป!
แต่มีบุคคลที่สามรับรู้แล้ว!
ผมเดินกลับไปที่โน้ตบุ๊ค  จัดการส่งเมลตอบกลับยังเมลที่ส่งรูปนี้เข้ามา  มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเด็ดขาดกับเรื่องนี้  ก่อนที่เขาจะทำอะไรที่มันร้ายแรงเกินกว่าจะแก้ไขได้
 
‘ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร’
 
สงครามครั้งนี้  ผมจะเล่นกับคุณเอง  แต่อย่ามาแตะต้องคนสำคัญของผมเด็ดขาด  คุณไฟน่ะ…ผมจะดูแลให้ดีที่สุด
 
‘ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้’
 
เมลตอบกลับมาทำให้ผมรู้ได้ว่าคนๆนั้นคงรู้แล้วว่าผมรู้อะไรมา   ถึงจะยังยากที่จะเชื่อและผมยังไม่อยากเชื่อเต็มร้อยเปอร์เซ็นว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือเขาก็ตาม  แต่ความจริงก็คือความจริง  ที่เหลือก็คือเหตุผลของความจริงเหล่านี้
อะไรคือสาเหตุของเรื่องทั้งหมด
ติ๊ง!
ลิฟต์ดังขึ้น  ผมเดินไปยืนรอต้อนรับการมาของคนที่ไม่คาดคิด  ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด  หวังว่าผมจะสามารถปกป้องคุณไฟและจบเรื่องทุกอย่างได้โดยที่ไม่มีใครต้องเจ็บตัวหรือเป็นอะไรมากไปกว่านี้
“เป็นคุณจริงๆด้วยสินะครับ”
“รู้จนได้สินะ  เก่งจริงๆ”
“คุณทำแบบนี้ทำไม  มีเหตุผลอะไร  คุณน้ำ…  ไม่สิ  ผมคงเรียกว่าคุณไฟต่อหน้าคุณได้สินะ”
อีกฝ่ายไม่ตอบ  แต่ยกยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาพลางเดินไปนั่งกอดอกเชิดหน้าอยู่บนโซฟาอย่างสบายอารมณ์  การกระทำนี้ยิ่งทำให้ผมหนักใจและสับสนว่าอะไรทำให้คนๆนี้เกลียดคุณไฟถึงขนาดนั้น?
“เรื่องเหตุผลทั้งหมด  คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก   ที่ฉันยอมเปิดเผยตัวให้คุณรู้ก็เพราฉันมีข้อเสนอจะมายื่นให้กับคุณ  แลกกับ…”
“…”
“การที่รูปนั้นจะไม่ถึงมือนักข่าวทุกคน”
“!!!”
“ว่ายังไงล่ะ  ถ้าคุณยอมตกลง  ฉันจะไม่เปิดเผยรูปนั้นเด็ดขาด  และจะไม่แตะต้องนายไฟคนนั้นอีก  แต่ถ้าไม่…”
“…”
“ก็เตรียมตัวอ่านข่าวหน้าหนึ่งในวันพรุ่งนี้ได้เลย”
แววตาและน้ำเสียงที่ร้ายกาจราวกับเป็นคนละคน  แทบไม่เหลือเค้าเดิมของคนที่ผมรู้จักเลยสักนิดเดียว
“คุณต้องการอะไร”
“คบกับผู้เข้าประกวดที่ชื่อบาร์บี้ซะ  หมั้นและแต่งงานกับเธอคนนั้น”
“ทำไม?”
ผมถามกลับแทบจะในทันที  สิ่งที่ต้องการให้ผมทำมันพีคจากที่ผมคิดไว้เยอะมาก  เยอะเกินไป  เยอะจนผมไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งที่ถูกเสนอมาให้นั้นเกี่ยวกับคุณไฟได้ยังไง?!
“ไม่ต้องถาม  และไม่จำเป็นต้องรู้  ทำตามที่ฉันสั่งซะ  ถ้าคุณอยากจะปกป้องนายไฟจริงๆ”
“ผมไม่เข้าใจคุณเลย”
“ฉันก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาเข้าใจฉันเหมือนกัน
แววตามุ่งมั่นจ้องผมไม่ลดละ
เพราะอะไรกัน  ทำไมถึงต้องให้ผมหมั้นและแต่งงานกับคุณบาร์บี้?  หรือเพียงเพื่อจะให้คุณไฟเจ็บปวด  ถ้าแบบนั้น…แค่ให้ผมเลิกยุ่งกับคุณไฟเอาเสียดื้อๆมันไม่ง่ายกว่าหรือไง
ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ  ข้อเสนอข้อนี้จะต้องมีบางอย่างแอบแฝงอยู่!
“ถ้างั้นก็ตามนี้   ฉันจะรอดูว่าคุณจะทำตามข้อเสนอที่ฉันยื่นให้หรือเปล่า  ถ้าไม่…”
“…”
“คุณคงรู้ว่าฉันจะบดขยี้ดวงใจของคุณยังไง”
ดวงใจของผม…
…คุณไฟ
ผมจะปกป้องเอาไว้ให้ได้เลย!
 
หลังจากที่เดินออกมาจากห้องคุณไฟ  ผมก็ปล่อยมือออกจากคุณบาร์บี้ที่เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอีกครั้ง  เราพากันเดินไปนั่งที่บันไดหนีไฟซึ่งไม่มีผู้คนด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก  ผมยืนเหม่อมองท้องห้าที่มืดสนิมอยู่ตรงระเบียง  ส่วนร่างบางเจ้าของดวงหน้าลูกครึ่งราวกับตุ๊กตาบาร์บี้สมชื่อก็นั่งปาดน้ำตาอยู่ตรงขั้นบนได
“ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ  ฮึก…”
“ผมรู้  แต่พวกเราไม่มีทางเลือก  คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าเพราะอะไร”
“แล้วเมื่อไหร่คุณจะบอกฉันสักทีว่าคนที่ทำเรื่องพวกนี้คือใครกันแน่  แล้วทำไปเพราะอะไร!”
“ผมไม่รู้เหตุผลของเขา”
“ถ้างั้นพวกเราต้องเป็นหุ่นเชิดแบบนี้ตลอดไปเหรอคะ  ฉันทนโกหกแบบนี้ต่อไปได้ไม่นานหรอกนะ  คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอ  สายตาของ…!”
“…”
“สายตาคู่นั้นที่มองพวกเรา  มันเจ็บปวดขนาดไหน”
ว่าแล้วก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบ
ผมเม้มริมฝีปากแน่น  จนปัญญาที่จะแก้ไขอะไรในตอนนี้  สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงแค่ทำตามคำสั่งเพื่อปกป้องคนที่ผมรักเท่านั้น
ถ้าหากความลับของคุณไฟถูกเปิดเผย  แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณน้ำจะต้องถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน  และตัวคุณไฟเองก็คงจะโดนคนทั้งประเทศต่อว่าว่าเป็นคนหลอกลวง  สองพี่น้องจะต้องจมอยู่กับความเลวร้ายไปอีกนาน
ผมยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
แม้ว่าเพียงแค่ได้เห็นหน้าของคุณไฟ  ผมก็แทบลืมสิ้นทุกอย่างแล้วดึงเอาตัวเขาเข้ามากอดก็ตาม
รัก…ผมรักคุณจะตายอยู่แล้ว
รักมาก…จนยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องที่ฝืนใจตัวเองที่สุดอย่างในตอนนี้  ที่สำคัญกว่านั้น  ผมอยากจะทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ความผิดที่เคยก่อเอาไว้กับคุณไฟ
ก่อนที่ ‘ความลับ’ ที่ผมปิดบังเอาไว้จะถูกเปิดเผย
และผมอาจไม่ได้ทำหน้าที่คอยดูแลคนที่อยากปกป้องอีกเลยก็เป็นได้
พลันใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของชายหนุ่มเพื่อนสนิทของคุณไฟก็ปรากฏขึ้นในหัว  ไม่ช้าก็เร็ว   ผมรู้ดีว่า ‘เรื่องคืนนั้น’ จะต้องแดงออกมา
เรื่องที่อาจจะทำให้ผม…
กลายเป็นคนที่คุณไฟจะเกลียดไปตลอดชีวิต
ผางงงง!
ประตูระทางหนีไฟถูกเปิดออกอย่างแรง  คุณมะนาวหนึ่งในผู้เข้าประกวดยืนหอบแฮ่กอยู่ตรงประตู  ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อมากมาย
“ยะ…อยู่นี่เองเหรอคะ  ฉะ…ฉันหาตั้งนาน  แฮ่ก!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ  ทำไมหน้าตาตื่นปียกโชกมาแบบนี้”
“คุณเปลวคะ  แย่…แย่แล้วค่ะ”
“แย่แล้ว  อะไรครับ?”
“น้ำ…น้ำค่ะ  เกินห้านาทีแล้วด้วย  ฉันหาเธอทั่วโรงแรมแต่ก็ไม่พบเลย”
ผมและคุณบาร์บี้หันมองหน้ากันทันทีที่คำว่า ‘น้ำ’ หลุดออกมาจากปากของคุณมะนาว
“หมายความว่ายังไงครับ  เกิดอะไรขึ้น?!”
“น้ำหายตัวไปค่ะ”
“หายตัวไป?   หายไปไหนครับ  แล้วหายไปได้ยังไง”
คุณมะนาวเริ่มเลาเรื่องราวทั้งหมดให้ผมและคุณบาร์บี้ฟัง  ถ้านับจากช่วงเวลาที่คุณไฟเห็บกระเป๋าเงินนั้นได้และขอปลีกตัวไปพบคนๆนั้นเองก็เท่ากับว่า…
หนึ่งชั่วโมงแล้วที่คุณไฟหายไป!
ครืด…ครืด…
ยังไม่ทันจะได้คุยกันต่อ  มือถือในกระเป๋าผมก็สั่นขึ้น  คุณตูมตามเพื่อนสนิทของคุณไฟเป็นคนโทรเข้ามา  เพราะก่อนหน้านี้คุณไฟเคยให้เบอร์ผมกับเขาเอาไว้เพื่อมีกรณีเร่งด่วนอะไรจะได้ติดต่อกันได้
“สวัสดีครับ”
[ไอ้ไฟอยู่หรือเปล่า]
“คุณไฟ  คือ…”
[บอกไอ้ไฟว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว  น้ำหายออกไปจากโรงพยาบาล!]
“อะไรนะครับ!  คุณน้ำหายออกไปจากโรงพยาบาล?!”
ตุ้บ!
คุณบาร์บี้ทรุดตัวลงไปแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่  ก่อนจะพร่ำเรียกชื่อคุณน้ำไม่หยุดหย่อน
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ทำไมคุณไฟและคุณน้ำถึงหายตัวไปพร้อมกัน?!
 
ในห้องเล็กๆที่มืดสนิท  มีเพียงแสงไฟริบหรี่จากไฟทางนอกหน้าต่างเท่านั้นที่ลอดเข้ามาพอให้มองเห็นภายในห้องได้อย่างเรือนลาง
ใครบางคนกำลังเดินวนไปวนมา  มีเสียงหัวเราะดังมาเป็นระยะๆ  ขณะที่หญิงสาวในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลซึ่งถูกจับมัดมือมัดเท้าและมัดปากไว้กับเก้าอี้นั่งตัวสั่นเทิ้ม  น้ำตาไหลอาบแก้มมากมายด้วยความกลัว
“ฮืมมมมม  ฮื้มมมมม”
เสียงฮัมเพลงเป็นดนตรีเพลงกล่อมเด็กดังมาจากคนตรงหน้าที่ในมืออุ้มตุ๊กตาบาร์บี้เอาไว้และกำลังเห่กล่อมประหนึ่งแม่ที่กำลังกล่อมให้ลูกนอน
‘น้ำ’ น้องสาวฝาแฝดแท้ๆของไฟที่ถูกหลอกล่อออกมาจากโรงพยาบาลเบือนหน้าหนี  เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังนั่งมองหนังที่มีตัวเอกเป็นโรคจิตขั้นรุนแรง
หญิงสาวนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง  สาเหตุที่ทำให้เธอต้องถูกจับขังเอาไว้ที่นี่!
 
ครืด…ครืด…
หญิงสาวผมยาวสลวย  เจ้าของดวงหน้าหวานที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนเป็นเอกลักษณ์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล  หลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาร่วมสามเดือน   และอีกไม่นานก็กำลังจะหายกลับไปเป็นปกติวางหนังสือลงข้างตัวก่อนจะหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางยู่บนโต๊ะข้างๆขึ้นมาเปิดดูหลังจากที่มีข้อความบางอย่างเข้ามา
‘ข้อความภาพเหรอ’
พึมพำกับตัวเองก่อนจะกดเปิดข้อความขึ้นดู  เธอแทบโยนมือถือทิ้งเมื่อได้เห็นภาพนั้นแบบเต็มๆตา
‘นะ…นั่นมัน   อะไรกัน…  ทำไมล่ะ’
ครืด…ครืด…
มือถือสั่นขึ้นอีกรอบ  เธอรีบเปิดข้อความฉบับใหม่ขึ้นอ่านต่อทันที   ด้วยเป็นข้อความจากเบอร์เดียวกันกับที่ส่งรูปภาพมาก่อนหน้านี้
 
‘ถ้าไม่อยากให้รูปนี้ถึงนักข่าว  ออกมาพบฉันที่ทางออกด้านหลังโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้  อย่าให้ใครเห็นและห้ามบอกใครเด็ดขาด’
 
‘นักข่าวเหรอ   ไม่นะ  ถ้ารูปนี้ถึงนักข่าว   ไฟก็จะต้องเดือดร้อน’
เมื่อคิดได้แบบนั้นก็รีบคว้าไม้ค้ำขึ้นมาแล้วตรงไปยังสถานที่นัดหมายทันที  แม้จะยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งรูปนั้นมาและการที่ส่งมาให้เธอดูนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่  แต่สิ่งแรกที่เธอต้องทำคือปกป้องไม่ให้ไฟต้องเดือดร้อนจากการช่วยรักษาความฝันวัยเด็กบ้าๆบอๆให้กับเธอ
 
“รอก่อนนะลูกรัก  อีกไม่นานลูกก็จะหมดเสี้ยมหนามในชีวิตแล้ว”
น้ำเสียงแหบแห้งฟังแล้วน่าขนลุกเอ่ยกับตุ๊กตาบาร์บี้ตัวเดิมอีกครั้ง  ขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังบรรจงทาลิปสติกสีแดงสดลงไปบนริมฝีปากของตุ๊กตา  สร้างความหวาดกลัวปนหลอนให้กับน้ำที่นั่งมองอยู่ไม่ไกลเป็นอย่างมาก
ปังๆๆๆ!
“น้ำ!  น้ำ!  ไฟมาแล้ว  น้ำ!”
‘ไฟ!!!’
หญิงสาวเบิกตากว้าง  ส่ายหน้าทั้งน้ำตาเพราอยากจะตะโกนออกไปเหลือเกินว่าให้ชายหนุ่มกลับไป  แต่ก็ไม่สามารถทำได้
การมาของไฟทำให้อีกคนที่เฝ้ารออยู่แสยะยิ้มร้าย  วางลิปสติกในมือลงก่อนจะหยิบมีดทำครัวปลายแหลมขึ้นมาถือไว้แทน  แสงไฟที่ส่องเข้ามากระทบกับปลายมีดจนเกินแสงวาววับ  น้ำเบิกตาโพล่ง
“อื้อๆๆๆ!!!!”
เธอพยายามจะเปล่งเสียงแต่ไม่เป็นผล  ขณะที่ไฟเองก็กำลังทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :   
มาอัพแล้วจ้า   ภายในอาทิตย์นี้ได้อ่านตอนจบแน่นอนน  ใครอ่านแล้วชอบก็อย่าลืมมาอุดหนุนกันบ้างน้า  ตอนนี้บิวเปิดพรีฯอยู่ค่า
เอาล่ะ  หวังว่าอ่านตอนนี้จบคงมีหลายคนเดาได้แล้วเนอะว่าคนๆนั้นคือใครกัน  ถึงบิวจะยังไม่เอ่ยชื่อและบอกแบบตรงๆ  แต่คิดว่าคงมีคนเดาได้ล่ะ 555+  เดาได้ทั้งคนร้าย  เดาได้ทั้งสาเหตุที่แท้จริง =..=  ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้เลยนะคะ  อย่าลืมติดตามต่อไปจนจบด้วยน้า  จุ๊บๆๆๆๆ
 
 
 
 
 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
แล้วเขาคนนั้นคือใครกัน

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
งื้ออออออ.  :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ kawoat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ลึกลับซับซ้อนเข้าไปอีก ขอบคุณที่มาต่อจ้า

ออฟไลน์ munoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านรวดเดียวเลยยยย ลุ้นสุดๆว่าเปลวจะมาช่วยไฟกับน้ำทันไหม

ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ ติดตามๆๆๆ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
แม่ของบาร์บี้? มาช่วยกำจัดไฟที่มาแย่ง?เปลวไปจากลูก

เลยทำทุกทางให้ไฟกหายไปเลยจับน้ำมาขู่ให้ไฟออกมาแล้วฆ่าทิ้งสินะ

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
ใครอ่ะ สงสารทั้งสามคนนั้น แต่แบบ ได้แล้วทำเฉยชา น่าเตะให้จุก
ต้องคนรู้จักรบาร์บี้ แฝดหรอ? แทบจะคิดว่าทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน ใครน้อ

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0



ตอนที่ 23
ความจริง?!

 
“น้ำ!  น้ำ!  ได้ยินไหม  น้ำ!”
ผมทุบประตูอย่างบ้าคลั่งเมื่อด้านในยังคงเงียบกริบไร้เสียงตอบรับ
หลังจากที่แยกกับมะนาว  ผมตั้งใจจะไปคุยกับเจ้าของกระเป๋าตังค์ให้รู้เรื่องว่าทั้งหมดเป็นอย่างที่ผมคิดหรือเปล่า  แต่ว่า…เมื่อไปถึงห้องของเขา  ผมกลับไม่พบใครอยู่ที่นั่นเลย  และในตอนที่กำลังจะกลับออกมา  มือถือเครื่องหนึ่งที่ถูกวางไว้ใกล้กับประตูห้องราวกับจงใจก็มีเสียงดังขึ้น  ไม่รู้อะไรให้ผมดลใจเปิดมันดู  มีข้อความบางอย่างที่ถูกส่งเข้ามาเป็นไฟล์วิดีโอ  เจ้าของกระเป๋าคนนี้สารภาพทุกอย่างกับผมด้วยการส่งคลิปบ้าๆนี่มา!
คลิปที่น้ำถูกมัดมือมัดเท้ามัดปากไว้กับเก้าอี้ตัวหนึ่งโดยที่น้องสาวของผมกำลังร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวพร้อมกับสถานที่ที่น้ำถูกจับตัวไป!
และมันก็คือที่นี่นั่นเอง
ไม่เข้าใจเลย  ทำไมต้องทำแบบนี้  ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าเคยไปทำเรื่องอะไรให้เขาโกรธแค้นนักหนา  อันที่จริงต้องบอกว่าผมไม่น่าจะมีความแค้นอะไรกับเขาเลยต่างหาก  นั่นก็เพราะ…
กริ๊ก…
เสียงปลดล็อคกลอนประตูด้านในดังขึ้น  ผมรีบเปิดประตูเข้าไปทันที  สิ่งที่สายตาเห็นทำเอาหัวใจร่วงไปที่ตาตุ่ม  ความหวาดกลัวเข้าเกาะกินไปทั้งใจ
“อื้อๆๆ!”
ดวงตาสดใสของน้ำบัดนี้เต็มไปด้วยน้ำตา  น้องสาวสุดที่รักส่ายหน้ามองผม  ดูก็รู้ว่าเธอกำลังกลัวมากขนาดไหนกับการที่ถูกเอามีดจ่อไปที่คอแบบนั้น!
“ปล่อยน้องสาวผม”
“ฉันต้องฟังคำพูดของนายงั้นเหรอ”
อีกฝ่ายตอบกลับเสียงเย็น  ดวงตาถมึงทึงมองผมราวกับคนสติหลุดที่ไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ได้  แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ  ดูจากท่าทางและสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด  เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะมีอาการทางประสาท  น้ำอาจจะเป็นอันตรายได้ถ้าหากเขาเกิดคลั่งขึ้นมา
“ถ้างั้นช่วยบอกผมได้ไหม  ว่าทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้  ผมไปทำอะไรให้คุณโกรธแค้นอย่างนั้นเหรอครับ…”
“…”
“คุณพิม”
ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าออกมาในที่สุด
คุณพิมหรือยัยแม่มด  หนึ่งในคณะกรรมการจอมเนี้ยบของกองประกวดตวัดสายตาคมกริบมาทางผมด้วยสีหน้าโกรธจัด
หมับ!
“อ๊ะ!”
“น้ำ!!!”
“อย่าเข้ามานะ!”
คุณพิมตะโกนลั่นพร้อมกับบีบคอน้ำแน่นขึ้น  เธอยืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลังของน้ำ  มือข้างหนึ่งบีบขอน้องสาวผมเอาไว้แล้วดันให้เงยขึ้น  ส่วนมืออีกข้างก็ถือมีดปลายแหลมจ่อไปที่ลำคอ  ใจผมแทบสลายกับภาพทีเห็น
“แกอยากรู้เหรอว่าทำไมฉันถึงต้องทำกับแกแบบนี้”
พูดไปก็กัดฟันไป  อาการของเธอทำให้ผมรู้ได้ว่าเธอแค้นผมมากมายขนาดไหน  บวกกับเธอน่าจะมีอาการทางจิตเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก
“เพราะแก…เพราะแกทำให้ลูกสาวที่น่ารักของฉันต้องร้องไห้   แถมยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขึ้นรับมงกุฎที่ลูกสาวของฉันใฝ่ฝัน  แกมันตัวมาร  ทั้งแกและน้องสาวของแกมันไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้!!!”
 
‘เริ่มต้นจากภายนอก  ค่อยๆไปสู่ภายใน  คุณเปลวคล้ายกับคุณพ่อของฉันมากๆเลยนะ  ฉันน่ะ…คิดมาตลอดว่าถ้าฉันจะรักใครสักคน  ฉันก็อยากได้ผู้ชายที่เหมือนกับคุณพ่อของฉัน’
‘…’
‘ฉันไม่มีคุณแม่  คุณพ่อทำงานหาเลี้ยงฉันด้วยตัวคนเดียวมาตลอด  พวกญาติๆฝั่งพ่อเล่าให้ฟังว่าคุณแม่ทิ้งคุณพ่อไปตอนฉันอายุได้แค่ขวบเดียว  พวกเขาบอกว่าเพราะคุณแม่ของฉันทนลำบากกับศิลปินแบบคุณพ่อไม่ไหว  ก็เลยหนีไปกับผู้ชายรวยๆคนหนึ่งและไม่กลับมาอีกเลย’
 
เหตุการณ์บางอย่างฉายย้อนกลับเข้ามาในหัว
จริงสิ  หลังจากตอนนั้นคุณพิมก็ปรากฏตัวออกมาและมีท่าทางแปลกใจ  ตอนนั้นเธอดูเหมือนมีบางอย่างในใจที่อยากจะพูด  แต่ก็ทำได้แค่อ้ำอึ้งเท่านั้น
แบบนี้ก็เท่ากับว่า…
สิ่งที่ผมสงสัยเป็นเรื่องจริงสินะ
พรึ่บ…
ผมกางกระเป๋าตังค์ใบที่เก็บได้ออก  ช่องใส่นามบัตรด้านนั้นเผยให้เห็นบางสิ่งที่อยู่ในนั้น  ทางฝั่งขวาของกระเป๋า  เป็นรูปคุณพิมสมัยสาวๆที่ไม่ค่อยต่างจากตอนนี้เท่าไหร่นัก  เพียงแค่ตอนนั้นเธอยังไม่ได้ใส่แว่นและดูสาวกว่าในปัจจุบันก็เท่านั้น  ทว่า...จุดพีคมันอยู่ที่ทางซ้ายต่างหาก!
รูปของบาร์บี้ที่ถูกตัดแปะเอามารวมกับรูปถ่ายของคุณพิมในปัจจุบัน  และเมื่อเทียบรูปของบาร์บี้กับรูปของคุณพิมสมัยสาวๆดีๆก็ต้องตกใจเพราะว่าทั้งสองคนมีใบหน้าคล้ายกันมากจนแทบจะเป็นคนๆเดียวกันเลยเสียด้วยซ้ำ!
“นี่สินะ  ลูกสาวของคุณ”
“…”
“และคุณก็คือแม่ที่ทิ้งบาร์บี้กับพ่อแล้วหนีตามผู้ชายรวยๆไปคนนั้น!”
นัยน์ตาของคุณพิมสั่นไหว  อาจเป็นเพราะผมไปจี้ใจดำเธออย่างจัง  ไม่เคยนึกเลยจริงๆว่าคนที่ทำเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา  ทั้งปล่อยข่าวลือ  ทั้งทำให้มะนาวเกลียดผมในตอนแรก  หลอกผมไปให้ไอ้เสี่ยตัณหากลับ  สร้างเหตุการณ์วุ่นวายจนผมได้รับบาดเจ็บ  รวมถึง…
เรื่องคุณเปลว
ถึงผมจะยังไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของคุณเปลวและการหมั้นของสองคนนั้นจะเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า  แต่ส่วนลึกในใจของผมมันยังหวังให้ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ถูกจัดฉากขึ้น  ยังเชื่อมั่นในคำพูดของบาร์บี้ที่อ้อนวอนขอให้ผมเชื่อเธอ  และ…
เชื่อในคำบอกรักของเขา
“ฉันเปล่านะ   ฉันแค่อยากจะให้ชีวิตของฉันกับลูกดีกว่านี้ถึงด้ำแบบนั้น  ฉันตั้งใจว่าพอได้ดีแล้วฉันจะกลับไปรับเขามา  แต่พวกมันก็ไม่ยอม  พวกมันไม่ยอมคืนลูกให้กับฉัน  ไม่ยอมให้ฉันได้เจอกับลูก!!!”
“คุณมันแย่ที่สุด  การทิ้งลูกตัวเองไปในเวลาที่ลำบากที่สุดและบอกว่าจะกลับมารับเมื่อได้ดีน่ะ  มันก็แค่ข้ออ้างสวยหรูที่ทำให้ตัวเองดูดีขึ้นเท่านั้น!  สิ่งที่คุณควรทำในฐานะแม่คืออยู่กับบาร์บี้ในเวลาที่เธอลำบากที่สุดต่างหาก  ไม่ใช่กลับมาหาเธอในเวลาที่เธอผ่านความยากลำบากนั้นมาแล้วด้วยตัวเอง!”
“เงียบนะ!  อ๊าย!!!”
คุณพิมกรีดร้องออกมาสุดเสียงจนผมต้องยกมือขึ้นอุดหูเอาไว้  ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าที่ผ่านมาบาร์บี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเลวร้ายทั้งหมดจริงๆ  เธอไม่ได้เป็นคนทำร้ายผมลับหลังอย่างที่เธอบอก  ความรู้สึกผิดที่เคยเข้าใจผิดเธอจนทำให้เธอต้องร้องไห้เสียใจทำให้ผมโกรธผู้หญิงตรงหน้ามากขึ้นไปอีกแม้ว่าเธอจะเป็นแม่ของบาร์บี้ก็ตาม!
“เพราะฉันรู้ว่าฉันผิด  และฉันไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว  ฉันถึงได้อยากจะทำทุกอย่างเพื่อลูกของฉัน  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตำแหน่งนางงามที่เขาใฝ่ฝัน  หรือการได้ครอบครองคุณเปลวคนที่เธอตกหลุมรักจนหมดหัวใจก็ตาม   ฉันอยากจะให้เขาสมหวังทั้งหมด  อยากให้เขาได้ในสิ่งต้องการโดยที่ฉันคอคนที่ทำให้ฝันทั้งหมดนั้นเป็นจริง  เพื่อลูกสาวที่น่ารักของฉัน…”
ในที่สุดผมก็ถึงบางอ้อ  ที่แท้คุณพิมก็รู้นี่เองว่าบาร์บี้คิดยังไงกับคุณเปลว  เพราะอย่างนั้นถึงได้คิดกำจัดผมไปให้พ้นทางเพื่อให้บาร์บี้สมหวังทุกอย่างสินะ
ถ้าผมหายไปสักคน  ไม่ว่าจะเรื่องตำแหน่งนางงาม  หรือเรื่องคุณเปลว  บาร์บี้ก็จะมีเปอร์เซ็นในการสมหวังสูงขึ้น
“ไม่ใช่นะ  คุณเข้าใจผิดแล้ว  บาร์บี้ไม่ได้…!”
ฉึก!
“หุบปากไปเลยนังแพศยา!!!”
“น้ำ!!!”
ตะโกนลั่นและตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปหาน้องสาวถ้าคุณพิมไม่ง้างมีดขึ้นเตรียมจะกระซวกน้องผมเต็มที่เสียก่อน  ใบหน้าของน้ำเหยเกด้วยความเจ็บปวดเพราะถูกกระชากผมไปด้านหลังเต็มแรง
ทำยังไงดี…
ผมจะทำยังไงดี…
อีกอย่าง…เมื่อกี้น้ำต้องการจะพูดอะไรกันแน่  ชื่อบาร์บี้ที่หลุดออกมาจากปากของเธอมันเหมือนกับว่าน้ำรู้จักบาร์บี้เป็นอย่างดี  ต้องมีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกแน่ๆ
“ขอร้องล่ะครับ  ปล่อยน้องสาวของผมไปเถอะ  แล้วคุณต้องการอะไร  หรืออยากให้ผมทำอะไรก็บอกมาเลย  ผมยอมทุกอย่าง”
“อย่านะไฟ!”
น้ำร้องบอก  คุณพิมแสยะยิ้มเหี้ยมเมื่อทั้งผมและน้ำต่างก็พยายามปกป้องอีกฝ่ายไปมา  ทั้งหมดมันเริ่มต้นจากผมคนเดียว  เพราะผม…น้ำถึงต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วย  ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายน้ำเด็ดขาด!       
สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ  ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคุณพิมกำลังคิดอะไรอยู่  ใจของผมพะวงไปที่จุดๆเดียวคือมีดที่เธอถือจ่ออยู่ที่คอของน้ำ  ถ้าหากเธอไม่พอใจขึ้นมา  ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้ำบ้าง
“ผมไม่ใช่เหรอครับ  คนที่คุณอยากจะให้หายไปน่ะ”
“…”
“คนที่ขวางทางทุกอย่างของบาร์บี้ก็คือผม  ผู้หญิงที่คุณกำลังทำให้เธอกลัวอยู่ตอนนี้ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย   ถ้าคุณอยากให้ทุกอย่างจบ  คุณต้องทำลายผมต่างหาก”
“ฟะ…!”
ผมตวัดสายตามองน้ำที่อ้าปากจะพูดเอาไว้  สื่อสารสิ่งที่ต้องการผ่านสายตา   จะว่ายังไงดีล่ะ  มันเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของคนเป็นแฝดกัน  พวกเราสามารถสื่อสารกันได้เพียงแค่มองตา  เพราะแบบนี้พวกเราถึงต่างคนต่างรู้ใจของอีกฝ่าย
ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่ใส่มาด้วยแบบระวังไม่ให้คนที่พร้อมจะคุ้มคลั่งได้ทุกเมื่ออย่างคุณพิมสังเกตเห็น  ให้ตายสิ…
เมื่อไหร่จะมากันสักทีวะเนี่ย!
ถึงผมจะอ้อนแอ้นไม่ค่อยสมชายแถมยังปลอมตัวเป็นผู้หญิงได้เนียนจนไม่มีใครจับได้  แต่ผมก็ไม่ได้โง่และแข็งแกร่งแบบแรมโบ้ที่จะบุกเดี่ยวมาหาคนอันตรายอย่างคุณพิมหรอกนะ  เพราะงั้นก่อนมาที่นี่ผมเลยติดต่อบอกรเองราวทั้งหมดกับไอ้ตูมตามเอาไว้แล้ว  และมันกำลังจะตามมาช่วยผมโดยที่ผมบอกมันว่าจะมาถ่วงเวลาเอาไว้ก่อนเพื่อหาทางช่วยน้ำ
ประทานโทษเถอะ!
กูถ่วงเวลามาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงาหมาสักตัวโผล่มาช่วยเลย  นี่กูงัดทุกสิ่งอย่างที่คิดได้ออกมาสนทนาหมดแล้วนะโว้ยยยย  เหลือแค่เรื่องฟุตบอลกับเรื่องใต้สะดือเท่านั้นแหละที่กูยังไม่ได้คุย!
“จะ…จริงสิ”
เมื่อคุณพิมเอาแต่เงียบหลังจากที่ผมยื่นข้อเสนอขอเปลี่ยนตัวประกันไป  ก็เลยต้องส่งเสียงเรียกความครื้นเครงกลับมาอีกครั้ง
แค่ที่ยัยแม่มดนี่ยืนจิกหัวและเอามีดจ่อคอหอยน้ำแม่งก็โคตรหดหู่แล้วเหอะ  กูนี่กลัวจนเยี่ยวจะราดอยู่รอมร่อแล้ว
“คุณคิดว่าบาร์บี้จะดีใจเหรอถ้ารู้ว่าแม่ของเธอทำเร่องเลวร้ายเกินกว่าที่มนุษย์สมควรจะทำทั้งหมดเพื่อเธอ  คิดว่าบาร์บี้จะภูมิใจแล้ววิ่งเข้ามากอดคุณพร้อมบอกขอบคุณหรือยังไง”
“ฉันไม่ได้ต้องการการขอบคุณ  ฉันรู้ดีว่าฉันเป็นแม่ที่แย่  แย่จนไม่กล้าจะบอกเขาว่าฉันคือแม่แท้ๆที่ทิ้งเขาไป  สิ่งที่ฉันทำได้ถึงมีแค่กำจัดเสี้ยนหนามในชีวิตของบาร์บี้  ลูกสาวของฉันจะได้มีความสุขโดยปราศจากตัวมารในชีวิตอย่างแกสองคนพี่น้อง!”
ฉิบหายแล้วไง  ตั้งคำถามไม่มโนคำตอบล่วงหน้าเลยนะไอ้ฟาย!  ไปทำยัยแม่มดอารมณ์ขึ้นอีกแล้ว  งานนี้มีหวังถูกกระซวกไส้งัดออกมาให้กากินแน่ๆ
ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อหาหนทางที่จะช่วยน้ำออกมาให้พ้นจากรัศมีของมีดนั่นเสียก่อน  แต่สายตาก็บังเอิญไปเห็นบางสิ่งนอนจุ้มปุ้กแอ้งแม้งอยู่ที่ด้านขวามือ
เหี้ย!!!
ขวัญเอ๊ยขวัญมานะไอ้ไฟ  ตุ๊กตาบาร์บี้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยลิปสติกสีแดงสดสร้างความหลอนได้ดียิ่งนัก  ดูท่ายัยแม่มดจะไม่ได้มีอาการทางจิตธรรมดาเสียแล้วสิ  แบบนี้มันโรคจิตขั้นอันตรายแล้วเหอะ!  ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องมีหวังถือมีดไล่ฆ่าคนทั้งประเทศแน่ๆ
“ไอ้ฟาย!  ไอ้ฟาย!  มึงอยู่ไหนวะ!”
เสียงที่ดังขึ้นเป็นดั่งเสียงจากสวรรค์  ยัยแม่มดเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่ามีซูเปอร์แมนใส่กางเกงในแดงมาช่วยผมแล้ว
“ไอ้ตาม!  กูอยู่ทางนี้!”
ขวับ!
สายตาพิฆาตฟาดฟันจากยัยแม่มดส่งตรงมาทันทีที่ผมตะโกนตอบไอ้ตูมตามกลับไป  น่ากลัวกว่าผู้หญิงคนนี้มีอีกไหม!
สาบานทีว่าเธอไม่ใช่ผีซาดาโกะเวอร์ชั่นคนไทย
“ไอ้ฟาย!  ไอ้ฟะ….เหวอ!”
ไอ้ตูมตามที่คงจะดมกลิ่นตามเสียงผมมาจนเจอถึงกับเบรกจนแทบหงายหลัง  จะไม่ให้มันตกใจได้ยังไง  ก็ในเมื่อตอนนี้ยัยแม่มดแทบจะเอามีดจิ้มคอน้องสาวผมอยู่รอมร่อแล้ว!
“เจอคุณไฟแล้วเหรอครับคุณตูมตาม!”
อีกหนึ่งคนที่ผมอยากเจอมากที่สุดวิ่งตามเข้ามาติดๆพร้อมกับบาร์บี้ที่วิ่งหน้าตั้งตามมาด้วย
ไอ้หน้าหนวดยืนนิ่ง  ทั้งผมและเขาต่างก็ยืนมองหน้ากันโดยที่ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมาสักคำ  ราวกับว่ารอบตัวของผมตอนนี้ทุกสรรพสิ่งได้หายไปหมด  เหลือเพียงแค่ผมกับร่างสูงตรงหน้าเท่านั้น
หมับ!
ไม่มีคำพูดใดๆนอกจากอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น  ไอ้หน้าหนวดคว้าตัวผมเข้าไปกอดแนบแน่น  วงแขนแกร่งกอดรัดจนตัวผมลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อย  เหมือนว่านานเหลือเกินที่ผมไม่ได้รับสัมผัสอ่อนโยนแบบนี้จากเขา  คิดถึงชะมัด…
“ผมเป็นห่วงคุณแทบบ้าเลยรู้ไหม”
“…”
“ใจผมแทบขาดตอนที่รู้ว่าคุณหายไป  อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ  ผมไม่ชอบ”
ผมยิ้มกับคำพูดนี้…
ถ้าใครที่เคยมีความรู้สึกอมทุกข์เหมือนคนขี้ไม่ออกมาหนึ่งปีแล้วจู่ๆวันหนึ่งก็ขี้ออกเสียเฉยๆจะต้องเข้าใจผมแน่ๆ  หลายวันที่ผ่านมาผมเจ็บปวดเสียใจกับเรื่องของผู้ชายคนนี้มามาก  แต่แล้ววันนี้  ผมก็ได้รู้ว่าทุกอย่างระหว่างเรามันยังเหมือนเดิม  ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“เอ่อ…กูขอโทษที่ขัดจังหวะมึงนะไอ้ฟาย  แต่ช่วยแหกตาดูบรรยากาศรอบตัวก่อนได้ไหมว่ามันเหมาะที่จะหวานแหววออกสื่อหรือเปล่า!”
ความโรแมนติกที่เฝ้าบิ๊วอยู่ตั้งนานแตกเพล้งออกเป็นเสี่ยงๆ  ผมรีบแยกออกจากไอ้หน้าหนวดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่ตรงนี้ไม่ได้มีแค่เรา
ยังมีผีซาดาโกะที่มีดจี้คอน้องสาวผมรวมอยู่ด้วย!
“โทษที  กูลืม…”
“…”
คำพูดถูกกลืนกลับลงคอไปอีกครั้ง  สายตาหันไปโป๊ะเชะกับน้ำที่อยู่ในเงื้อมมือผีซาดาโกะ  แต่มิวายจ้องผมตาเป็นมันด้วยความสงสัย
ฉิบหายแล้วไง!  ปลูกถั่วงอกเพิ่มอีกหนึ่งไร่ซะงั้น!
ความเป็นแฝดทำให้ผมรู้ได้เลยว่า  น้ำกำลังตั้งคำถามอะไรมาทางกระแสจิต…
 
‘ไฟเป็นเกย์เหรอ’
‘ไฟเป็นเกย์เหรอ’
‘ไฟเป็นเกย์เหรอ’
 
“คุณพิม  ผมว่าคุณใจเย็นๆก่อนดีกว่า  มีอะไรค่อยๆพูดกันเถอะครับ  ทำแบบนี้ไปไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก”
ไอ้หน้าหนวดเริ่มปฏิบัติการเกลี้ยกล่อมผีซาดาโกะเป็นคนแรก  ผมเหลือบมองไปทางบาร์บี้ที่ไม่แม้แต่จะสบตากับผมเลย   สายตาของเธอพุ่งตรงไปทางน้ำคนเดียวเท่านั้น
แต่ที่น่าแปลกมากๆเลยก็คือ…
สายตาที่บาร์บี้มองน้ำ  มันแทบไม่ต่างอะไรจากสายตาที่ไอ้หน้าหนวดมองผมก่อนหน้านี้เลยสักนิด!
เฮ้ๆ  นี่มันเรื่องอะไรกันแน่วะเนี่ย
“ไม่!  คุณไม่เข้าใจฉันหรอก   ไม่มีใครเข้าใจว่าฉันรู้สึกยังไง!”
เออ!  กูไม่เข้าใจ  ไม่เข้าใจว่าทำไมมึงต้องแกว่งมีดไปมาเวลาพูดด้วย  เกิดมันหักเหพุ่งหลาวเข้าใส่น้องสาวกูขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ!
“พอเถอะค่ะคุณพิม  คุณทำแบบนี้ไปทำไมคะ  ทำไมต้องทำร้ายไฟ  ทำไมต้องเรื่องร้ายกาจพวกนี้ด้วย  ฉันไม่เข้าใจเลย”
บาร์บี้ช่วยผสมโรงอีกแรง  ดูท่าเธอจะยังไม่รู้เหตุผลจริงๆที่ทำให้ยัยผีซาดาโกะทำเรื่องทุกอย่างสินะ
ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือ…
แม่แท้ๆของเธอ
แต่เดี๋ยวก่อน  ทำไมดูเธอไม่ตกใจเลยล่ะที่รู้ว่าน้ำที่เธออยู่ด้วยมาตลอดจนเกือบจบการประกวดนั่นคือผม?
“ฉัน…”
“พอเถอะครับคุณพิม  คุณทำมามากเกินไปแล้ว  หยุดทำร้ายคนอื่นเสียที”
“ฉันไม่ได้อยากทำร้ายใคร  ฉันแค่พยายามทำทุกอย่างเพื่อความสุขของลูกฉัน!”
“ลูก?”
ทั้งไอ้หน้าหนวดและบาร์บี้ต่างทวนคำอย่างงุนงง  เอาไงดีวะ  ถ้าปล่อยให้ยัยผีซาดาโกะนี่พูดต่อมีหวังเรื่องที่เธอคือแม่ของบาร์บี้ต้องแดงออกมาแน่ๆ
ผมอยากจะค่อยๆอธิบายให้เธอฟังมากกว่าให้เธอรับรู้ด้วยตัวเองตอนนี้
มันอาจจะหนักหนาเกินไปถ้าจะให้เธอทำใจยอมรับเรื่องทั้งหมด
“ใช่!  ลูกของฉัน   ลูกที่น่ารักเหมือนนางฟ้าตัวน้อย  ลูกที่ถูกพลัดพรากไปจากอ้อมอกของคนเป็นแม่อย่างฉัน!  พวกคุณไม่มีวันเข้าใจความรักที่แม่มีต่อลูกหรอก!”
“ไม่ได้การแล้วว่ะไอ้ฟาย  กูว่าแม่งสติหลุดไปดาวอังคารแล้วแน่ๆ”
ไอ้ตูมตามกระซิบพอให้ได้ยินกันแค่สี่คน  ซึ่งพวกผมที่เหลือต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยและเริ่เมป็นห่วงน้ำมากขึ้น
“จะเอายังไงดีล่ะคะ  ท่าทางน้ำเริ่มไม่ไหวแล้วด้วย  ดูเธออิดโรยแล้วก็อ่อนแรงมากเลยนะ”
“ว่าก็ว่าเหอะนะ  จะตามมาช่วยทั้งทีทำไมไม่รู้จักพาตำรวจฟะ   แห่กันมาเป็นซูเปอร์แมนแบบนี้มันช่วยอะไรได้หรือไง?”
ผมค้อนขวับใส่ไอ้หน้าหนดกับไอ้ตูมตาม  แบบนี้มันต่างจากที่ผมบุกเดี่ยวมือเปล่ามาตอนแรกตรงไหนกันล่ะ   เพราะสุดท้ายไอ้สี่คนที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนหัวโด่ไข่โด่กันต่อไป
เจริญล่ะ!
“กรี๊ด!!!”
ระหว่างที่พวกเรากำลังประชุมลับเพื่อหาทางช่วยน้ำกันอยู่นั้น  เสียงกรี๊ดของน้ำก็ดังขึ้น  เธอถูกผลักให้นอนหงายลงไปบนพื้นทั้งที่ยังถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้โดยมียัยผีซาดาโกะขึ้นคร่อมและง้างมีดขึ้นเหนือหัวด้วยใบหน้าที่โคตรจะโรคจิต!
“แกต้องตาย!  แกต้องตายยยยย!”
“กรี๊ด!!!!”
“น้ำ!”
“ไอ้ฟาย!”
“คุณไฟ!”
ฉึก!!!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  รอกันนานมั้ยเอ่ยยย   ต้องขออภัยด้วยจริงๆค่ะ  ตอนนี้บิวอยู่ที่ จ.อุบล  อีกไม่นานก็จะไปศรีษะเกษต่อ  งานหลักสูบพลังชีวิตไปมหาศาลจริงๆ  หากใครติดตามอยู่ต้องขออภัยในความช้าด้วยจริงๆ TOT
เรื่องนี้ใกล้จะปิดพรีแล้วนะคะ  ใครที่ยังลังเลสามารถอินบ๊อกเข้าไปในเพจเพื่อสอบถามได้น้า  จุ๊บๆๆๆๆ



ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เรื่องนี้ต้องมีใครวางแผนไว้แน่ๆ บาร์บี้กับน้ำ

ช่วยทันมั้ยยย

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
บาบี้กับน้ำชอบกันใช่ไหม แล้วจะใช้โอกาศนี่เปลี่ยนตัวกันไหม

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0



ตอนที่ 24
สลับตัว

 
“คุณนี่นะ  ร่างกายไปไวกว่าความคิดตลอดเลย”
ไอ้หน้าหนวดเอ่ยปากออกมาอย่างระอาขณะที่ผมถูกผลักจนล้มลงไปนอนจุ้มปุ้กอยู่บนพื้น  ส่วนหน้าที่ช่วยน้ำก็กลายเป็นของเขาที่ไม่รู้ว่าไปหยิบไอ้ตุ๊กตาผีสิงบนพื้นนั่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่ที่แน่ๆ…
น้องสาวผมรอดพ้นคมมีดนั้นมาได้แบบเฉียดฉิวก็เพราะไอ้หน้าหนวดเอาตุ๊กตาผีสิงนั่นเข้าไปรับแทน!
มีดแหลมกๆปักลงที่กลางอกตุ๊กตาตัวนั้นพอดิบพอดี  โดยที่เขาใช้สองมือยันตุ๊กตาเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้แรงกดจากยัยผีซาดาโกะทำให้มีดทะลุตุ๊กตาลงมาผ่าลงกลางหน้าน้องสาวผม
หมับ!
“ไอ้ฟาย!  ไปช่วยน้ำออกมาเร็ว”
ไอ้ตูมตามกระโดดเข้าคว้าตัวยัยผีซาดาโกะเอาไว้  ขณะที่ไอ้หน้าหนวดเองก็พยายามออกแรงดันช่วยอีกแรงเพื่อจะได้เข้าชาร์ตยัยผีบ้าที่กำลังคุ้มคลั่ง  ผมรีบเข้าไปช่วยแกะเชือกออกให้น้ำทันที
“ปล่อยฉันนะ  ปล่อย  กรี๊ดดดดด!”
“โว้ย!  หูจะแตก!  หันไปกรี๊ดทางอื่นสิป้า!”
ไอ้ตูมตามบ่นมาตามสายลม…
“น้ำ  เป็นยังไง  น้ำ”
ผมรีบแกะเชือกที่มัดตัวน้ำออกทั้งหมดให้  เมื่อเป็นอิสระ  น้ำก็โผเข้ากอดผมทันที  ตัวของเธอสั่นระริกเหมอนลูกหมาน้อยที่กำลังหวาดกลัว
“ไฟ  ฮือ…ไฟ”
“ไฟขอโทษ  ไฟขอโทษที่มาช่วยน้ำช้าไป  ไฟขอโทษ”
“ฮึก…”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากน้ำอีกนอกจากเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น  ผมพยายามกลั้นน้ำจาเอาไว้สุดฤทธิ์  ไม่อยากที่จะแสดงความอ่อนแอออกมามากว่านี้
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคุณเปลวไม่ได้เข้ามาช่วยเอาไว้  น้ำหรือผมจะมีสภาพเป็นยังไง
ผม…ที่ไม่ใช่คนชอบใช้สมองและคิดอะไรเยอะแยะนัก  สิ่งที่คิดออกมีเพียงแค่ขอแค่คนที่เจ็บไม่ใช่น้ำก็พอแล้ว  ถึงได้พุ่งเข้าไปหวังที่จะรับมีดจากความโกรธเกลียดนั้นแทน
“นะ…น้ำ”
เสียงหวานใสดังขึ้นข้างตัว  ผมคลายอ้อมกอดออกจากน้ำแล้วหันไปมองคนที่เดินเข้ามา  บารบี้มองหน้าน้ำทั้งน้ำตา  ทั้งคู่ต่างสบตากันและกันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่น้ำจะผละตัวออกจากผมแล้วหันไปคว้าตัวบาร์บี้เข้ามากอด
สิงที่ทั้งสองคนปฏิบัติต่อกันทำเอาคนไม่รู้ห่าอะไรเลยอย่างผมถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก!
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่วะเนี่ยยย!
“ไอ้ฟาย!  มึงปล่อยให้สองคนนั้นเขาปลอบกันไปเหอะ  รีบแจ้งความเร็วเข้า  ดูกับคุณเปลวจะเอาไม่อยู่แล้ว  แรงเยอะฉิบหาย!”
“ได้ๆ”
ผมพยักหน้ารับ  รีบลุกขึ้นวิ่งตรงไปที่ประตูก่อนจะชะงักหันกลับไปหาเพื่อนรักอีกรอบ
“แล้ว…”
“…”
“ให้กูไปแจ้งตำรวจยังไงวะ   ที่นี่แม่งห่างไกลผู้คนจะตายไป  เซเว่นมีหรือเปล่ากูยังไม่รู้เลย”
“โห  ไอ้โง่!   โทรศัพท์สิเว้ย  หรือมึงจะส่งโทรเลขไปก็ได้ไอ้ฟาย!”
“กูมีโทรศัพท์ที่ไหนกันเล่า!  กองประกวดเขาเอาไปเก็บไว้เฟ้ย”
“เออว่ะ  ของกูก็ดันลืมไว้บนรถอีก”
“ผมมี”
“อยู่ไหน?”
“กระเป๋ากางเกง   คุณมาหยิบไปสิ”
แล้วผมก็ต้องเดินย้อนกลับไปหาไอ้หน้าหนวดอีกรอบ  สองมือของเขารั้งแขนที่ถือมีดของคุณพิมเอาไว้ก็เลยไม่ว่างที่จะหยิบมือถือส่งให้  ส่วนไอ้ตูมตามก็ล็อคตัวเธอเอาไว้จากด้านหลัง  เลยเหลือผมคนเดียวเท่านั้นที่สามารถหยิบมือถือขึ้นมาโทรแจ้งตำรวจได้
แต่ว่า…
ผมมองกระเป๋ากางเกงของไอ้หน้าหนวดด้วยใจที่เต้นระส่ำ  แม้จะพยายามสะกดจิตตัวเองให้มองแค่กระเป๋าแล้วก็ตาม  แต่สายตามันก็คอยจะเลื่อนไปไกลกว่านั้น  อะไรบางอย่างที่โป่งนูนดันเนื้อผ้าออกมานิดๆแม่งยั่วยวนรบกวนจิตใจกูชะมัด!
อึก!
ได้แต่แอบกลืนน้ำลายลงคอ  ในหัวเผลอคิดเรื่องคืนนั้นขึ้นมา  วินาทีที่ตัวตนของเขาถลำลึกเข้ามาในร่างกายของผมจนสุดแรง  จังหวะเร่าร้อนและหนักแน่นที่ทำให้หัวใจเหมือนล่องลอยไปในอวกาศ…
“คุณไฟ  คุณไฟครับ!”
“อ๊ะ!  คะ  ครับ?”
“โทรศัพท์ผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะ”
ใบหน้าหล่อเหลากำลังอมยิ้มกลั้นขำเต็มที่  พอมองไปที่มือก็ต้องตกใจจนแทบเสียชีวิตเพราะมันไม่ได้ล้วงไปยังเป้าหมายที่ต้องการในตอนแรก  หากแต่มันกำลังจะล้วงไปที่เป้าของอีกฝ่ายต่างหาก
อ๊ากกก  ทำอะไรของมึงเนี่ยไอ้ไฟ!   นึกว่าจะแค่จินตนาการถึงเท่านั้นเสียอีก  กลายเป็นว่าในโลกแห่งความจริงผมก็กำลังจะกระทำการที่มันลามกสุดๆอีกด้วย
“มึงนี่แม่ง…”
“ไม่ใช่นะเว้ยไอ้ตาม!  กูแค่…ก็แค่…”
“แค่อะไร”
“พลาดเป้านิดเดียว”
“นิดเดี๋ยวพ่อมึงสิ!  ดูก็รู้ว่าตั้งใจจะทำอะไร”
“กูบอกแล้วไงว่า…!”
“เอ่อ  คุณไฟครับ  ผมว่าไว้เถียงกันทีหลังดีกว่านะ   ตอนนี้ผมจะไม่ไหวแล้ว”
ไอ้หน้าหนวดขัดบทสนทนาพลางมองเหลือบมองไปทางยัยผีซาดาโกะที่ยังคุ้มคลั่งประหนึ่งผีก๊ะเข้าสิงไม่เลิก  ผมเลิกเถียงกับไอ้ตูมตามล้วงหยิบมือถือของเขาออกมาแล้วกดโทรหาตำรวจทันที
“ทำไม…ทำไมพวกแกต้องมาขัดขวางฉันด้วย!”
“เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำ  มันคือการทำร้ายคนที่ผมรักไงล่ะ  ผมถึงต้องทำทุกอย่างเพื่อหยุดคุณ”
สะอึกไปตามท้องเรื่องกับคำพูดที่เหมือนจะเป็นการสารภาพรักกับผมไปในที  แต่เพราะนี่ไม่ใช่เวลาจะมายืนเขินตัวบิด  สิ่งที่ผมทำคือการหาอะไรก็ได้ที่จะสามารถมัดตัวยัยผีซาดาโกะจอมคลั่งให้เลิกอาละวาด
“เอาวะ!”
พูดกับตัวเองเสร็จก็จัดการถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออก  โดยไม่สนว่าซิลิโคนนมปลอมทั้งหลายทั้งแหล่ที่อยู่ด้านในจะหลุดกลิ้งออกมา  ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  คงไม่มีใครตกใจแล้วล่ะ
ผมฉีกเสื้อขอตัวเองออกให้ยาวพอที่จะใช้แทนเชือกได้  ไอ้หน้าหนวดกับไอ้ตูมตามที่มองอยู่คงจะพอเดาออกว่าผมจะทำอะไร  ก็เลยช่วยกันออกแรงล็อคตัวคุณพิมไว้มากกว่าเดิม
“เหวออ!  มีดเว้ยมีด!”
ร้องบอกพลางกระโดดหลบมีดเป็นพัลวัน  ตราบใดที่ยังเอามีดออกมาจากมือคุณพิมไมได้  ผมก็ไม่มีทางเข้าถึงตัวเธอแล้วจับเธอมัดได้หรอก!
หมับ!
สิ่งไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น  ไอ้หน้าหนวดใช้สองมือของตัวเองคว้าหมับเข้าที่มีดแล้วหักข้อมือของเธอไปอีกฝั่งจนมีดหล่นไปบนพื้น  ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจเพราะที่มีดเล่มนั้นเต็มไปด้วยน้ำสีแดงสดทั้งที่ตอนแรกสะอาดวาบวับ!
“เอ้า!  เร็วสิวะไอ้ฟาย  มึงจะรอให้ยัยป้านี่หยิบมีดขึ้นมาอีกรอบหรือไง!”
เสียงของไอ้ตูมตามดึงสติผมกลับมา  รีบพุ่งเข้ามัดข้อมือคุณพิมที่เพื่อนรักช่วยจับไปไขว้หลังไว้ให้  ทุกอย่างชุลมุนอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเข้าสู่สภาวะปกติ  โดยที่คุณพิมถูกจับมัดแขนมัดขาและมัดปากจนไม่มีส่วนไหนขยับได้
“เรียบร้อยสักที  นี่กูสู้กับผู้หญิงคราวแม่หรือสู้กับนาตาชา โรมานอฟวะเนี่ย  แรงเยอะโคตรๆ”
“บ่นเข้าไปเหอะมึง  ผู้ชายภาษาบ้าอะไรวะ”
พูดแขวะมันทั้งที่ตัวเองก็ทิ้งตัวลงนอนเพราะหมดแรงไม่ต่างไปจากมันสักเท่าไหร่   หอบหายใจแฮ่กๆราวกับเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมา
“ผมขอตัวไปรอตำรวจข้างหน้าก่อนนะครับ  พวกคุณอยู่กันได้ใช่ไหม?”
“ได้ๆ  ไปเหอะ”
ปัดมือไล่แบบขอไปทีด้วยเหนื่อยอ่อนแบบสุดๆ
เสียงฝีเท้าของไอ้หน้าหนวดหายลับออกจากห้องแล้ว  ไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อว่าก่อนหน้านี้ผมเพิ่งผ่านวินาทีเกือบเป็นเกือบตายมาด้วยฝีมือของผู้หญิงวัยคราวแม่!  ที่มีพละกำลังรุนแรงประหนึ่งป๊อบอายกินผักโขมเพิ่มพลัง
ผมเหลือบมองไปทางคุณพิมที่ตอนนี้หมดฤทธิ์แล้ว เธอถูกจับให้นอนคว่ำหน้าลงและมัดมือมัดเท้าเอาไว้ยิ่งกว่าแหนมป้าย่น  ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเดินทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเธอ  มีหลายคำถามที่ผมอยากจะถามผู้หญิงคนนี้  อยากจะรู้เหตุผลที่แท้จริงจากปากของเธอเอง
“คุณเห็นใช่ไหม”
คำถามนี้ผมหมายถึงบาร์บี้ที่นั่งคุยกับน้ำอยู่ตรงมุมห้อง  สำหรับพวกเธอสองคน  ผมเองก็มีคำถามที่อยากจะรู้และอยากถามอยู่เช่นกัน   แต่ยังไม่มากเท่าสิ่งที่อยากจะถามผู้หญิงข้างตัวผมตอนนี้หรอก
“ผมคงไม่ต้องอธิบายหรอกนะว่าระหว่างสองคนนั้น…มันเป็นยังไง   สายตาของบาร์บี้คงตอบคุณได้หมดแล้ว  ว่าคุณกำลังจะพรากคนสำคัญของเธอไป  และคนสำคัญที่ว่านั่นก็คือ…น้องสาวของผม”
“…”
“ไม่ว่าคุณจะต้องการทำเพื่อใคร  ไม่ว่าจะมีเหตุผลร้อยแปดมากแค่ไหนสำหรับการกระทำในครั้งนี้  ผมอยากให้คุณจำเอาไว้อย่างหนึ่ง…”
“…”
“สิ่งที่คุณทำมันคืออาชญากรรม”
“…”
“คือสิ่งที่มนุษย์ด้วยกันไม่สมควรจะทำ  เพราะคุณมีความคิดเลวร้ายที่ต้องการจะฆ่าคนๆหนึ่งให้ตายเพียงเพื่อความต้องการของตัวเอง  ทั้งที่ผมและน้องสาวไม่เคยทำอะไรให้กับคุณ  พวกเราไม่เคยทำเวรทำกรรมอะไรต่อกันมา  แต่คุณเลือกที่จะดึงพวกเราเข้ามาในวังวนพวกนี้เพียงเพราะความสิ้นคิดอยากจะชดใช้อะไรง่ายๆโดยที่ตัวเองไม่ต้องพยายามอะไรมากไปกว่าการลงมือทำร้ายผู้ไม่เกี่ยวข้อง”
“...”
“ถ้าคุณอยากจะชดใช้ให้บาร์บี้จริงๆ  ถ้าสำนึกผิดและอยากแสดงความเป็นแม่ให้เธอยอมรับในตัวคุณ  สิ่งที่คุณต้องทำคือการเผชิญหน้าต่างหาก”
“…”
“คุณต้องกล้าเผชิญหน้ากับลูกสาวของตัวเอง   ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะเข้าใจคุณหรือไม่  จะเปิดใจและให้อภัยในสิ่งที่คุณทำหรือเปล่า  คุณก็ต้องเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวเอง  ไม่ใช่เดินหนีแล้วปัดความรับผิดชอบ  โยนความผิดให้กับคนรอบข้างไปเสียหมด”
“…”
“ถ้าความเป็นแม่ที่คุณพร่ำพูดถึงมันเป็นแรงผลักดันให้คุณทำได้แค่ทำร้ายชาวบ้าน  งั้นคุณก็ไม่ควรเรียกตัวเองว่าแม่  คุณไม่เหมาะจะเป็นแม่ของผู้หญิงที่เก่งและเพียบพร้อมอย่างบาร์บี้หรอก”
“…”
“คุณอาจจะรู้จักลูกสาวของตัวเองน้อยไปก็ได้  บาร์บี้น่ะ…”
“…”
“เธอแกร่ง  และเก่งกว่าที่คุณคิดเยอะ  เธอสามารถชนะใจทุกคนและเอาชนะทุกอุปสรรคมาได้ด้วยตัวของเธอเองโดยที่คุณไม่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วย”
“…”
“เชื่อใจเธอสิครับ  เชื่อมั่นในตัวลูกสาวของคุณเอง  ถ้าคุณพยายามที่จะรู้จักตัวตนของเธอบ้าง  คุณจะไม่คิดทำเรื่องบ้าๆพวกนี้เลยสักนิดเดียว”
คุณพิมที่หยุดดิ้นและดูจะสงบลงไปได้บ้างมองตามสายตาของผมไปทางบาร์บี้  นัยน์ตาที่เคยคุ้มคลั่งก่อนหน้านี้ค่อยๆอ่อนลงยามได้มองลูกสาวของตัวเอง  ก่อนที่น้ำใสๆจะไหลอาบแก้มลงมา
ผมปล่อยให้เธอได้คิดและทบทวนทุกสิ่งด้วยตัวเอง  ไม่อยากจะซ้ำเติมหรือชี้นำใดๆทั้งสิ้น  ความผิดที่เธอได้ทำมา  ผมจะอโหสิกรรมให้เพราะยังไงเสียน้ำและผมก็ปลอดภัยดี  ยังไม่มีเรื่องเลวร้ายที่ไม่สามารถแก้ไขได้เกิดขึ้น  นั่นคือเหตุผลว่าทำไม…
ผมถึงอยากจะให้โอกาสกับผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง
ถ้าเธอสามารถกลับตัวกลับใจได้  แค่ทำให้บาร์บี้เชื่อและยอมรับว่าเธอคือแม่แท้ๆคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“กูรู้นะ  ว่ามึงมีเรื่องอยากจะถาม”
ไอ้ตูมตามที่นอนแผ่หลาอยู่ข้างๆมานานเอ่ยขึ้นพลางเหลือบตามองผม
“จะว่าไงดีล่ะ  กูมีเรื่องอยากจะถามมึงเยอะแยะมากมาย  แต่ว่า…เรื่องบางเรื่อง  กูก็อยากได้ยินจากปากของคนๆนั้นเอง  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำกับบาร์บี้  หรือว่า…”
“…”
“เรื่องของตาแก่นั่น”
“นี่มึง…”
“…”
“รักเข้าแล้วสินะ”
“ทำไมวะ   มึงขยะแขยงกูหรือไง”
“เปล่า  กูแค่…”
“…”
“เอาเหอะ   ถ้ามึงรักไปแล้วกูคงทำอะไรไม่ได้  แต่กูอยากให้มึงเผื่อใจเอาไว้บ้าง  คุณเปลวคนนั้น…อาจไม่ได้คิดแบบเดียวกับที่มึงคิดก็ได้นะ”
“มึงหมายความว่ายังไง”
“มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากได้ยินจากปากเจ้าตัวมากกว่า  งั้นมึงก็ควรรอให้เขามาบอกมึงเอง  ถ้าเขาอยากบอกมึงน่ะนะ”
ประโยคบอกเล่าของมันยิ่งทำให้ผมกังวลมากขึ้นไปอีก  มันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ในช่วงแรกๆที่ได้เจอกับไอ้หน้าหนวด  หลายต่อหลายครั้งที่มันชอบทำเหมือนเราเคยเจอและรู้จักกันมาก่อน  ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ  เท่ากับว่ามันรู้ตั้งแรกแล้วงั้นเหรอว่าผมไม่ใช่น้ำตัวจริง  แต่เป็นพี่ชายฝาแฝดที่ปลอมตัวมา?!
“ไฟ…”
ยังคิดไม่มันตกเรื่องของตัวเอง  เสียงใสๆของน้ำก็ดังขึ้น  เธอเดินจับมือกับบาร์บี้เข้ามาหาผมด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนพอๆกับบาร์บี้
“คือว่า…น้ำมีเรื่องจะบอกไฟน่ะ”
“อะไรเหรอ”
“คือน้ำ…”
ตึกๆๆๆๆๆๆ
บทสนทนาถูกขัดด้วยเสียงฝีเท้ามากมายที่พุ่งตรงมายังห้องนี้  เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ร่างของตำรวจจะพุ่งเข้ามาในห้อง  ไอ้ตูมตามก็ถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกแล้วโยนมาคลุมหัวผมเอาไว้เพื่อซ่อนใบหน้าฝาแฝดของตัวเองกับน้ำ
“เป็นยังไงบ้างครับ”
ตำรวจที่มักจะมาตอบจบเอ่ยถาม  ผมมี่รู้ว่าพะวกเขาคนกำลังตำรวจกันมามากมายน้อยแค่ไหนและไม่สามารถอยู่เป็นพยานคอยให้ปากคำใดๆได้ด้วย  เพราะข่าวผู้เข้าประกวดตัวเก็งทั้งสองถูกลักพาตัวมาแบบนี้จะต้องโด่งดังไปทั่วประเทศในชั่วข้ามคืนแน่ๆ
หมับ…
“มากับผม”
“คุณเปลว?”
“คุณตูมตาม  คุณน้ำ  และคุณบาร์บี้จะเป็นคนให้ปากคำในเรื่องนี้เอง  ส่วนคุณ…ต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่นักข่าวจะมาถึง”
“หายความว่าผมกับน้ำจะต้องสลับตัวกันที่นี่เลยเหรอครับ”
“แค่คืนนี้เท่านั้น  คุณน้ำยังต้องไปให้ที่โรงพยาบาลเช็คร่างกายก่อนว่าหายดีแล้วหรือยัง  ถ้าเป็นปกติแล้วเธอก็จะสามารถเปลี่ยนตัวกับคุณได้อย่างถาวรครับ”
“แต่…”
“ไม่มีแต่แล้ว  รีบไปเถอะครับ  ผมจอดรถไว้ด้านหลังของตึกนี้”
ไอ้หน้าหนวดรีบฉุดกระชากลากถูผมให้เดินตามไป  และเพราะมีเสื้อของไอ้ตูมตาครอบหัวไว้อยู่  ผมเลยมองเห็นแค่ช่วงเท้าของคนตรงหน้าเท่านั้น
“เดี๋ยวครับ  พวกคุณสองคน!”
“อ๊ะๆๆ  สองคนนั้นไม่เกี่ยวหรอกครับ  ผมโทรตามเขามาทีหลัง  เรื่องให้ปากคำเอาไว้เป็นหน้าที่ของพวกเราสามคนเองดีกว่า”
ไอ้ตูมตามเข้ามาขวาง  ผมคิดว่าคงมีเจ้าหน้าที่สักคนที่พยายามจะเดินเข้ามารั้งผมและไอ้หน้าหนวดเอาไว้นั่นแหละ
“รีบไปเถอะครับ”
เราสองคนเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม  ทันทีที่เดินพ้นออกมาจากห้องเกิดเหตุไกลพอสมควร  ผมก็รีบเอาเสื้อที่คลุมหัวอยู่ออกแล้วเอามาสวมแทนเสื้อของตัวเอง   เดินหวิวโชว์หัวนมมาตั้งนาน  กูก็อายเป็นนะเฟ้ย
“นึกว่าจะไม่อยากใส่เสื้อเสียแล้ว”
เวลาแบบนี้มึงยังจะทะลึ่งได้อีกนะ!
ผมเขวี้ยงค้อนวงใหญ่ผ่านทางสายตาไปให้มันพลางรีบติดกระดุมเสื้อให้หมดเพื่อปกปิดร่างกายของตัวเองที่ถูกโลมเลียทางสายตาไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว  เดินออกจาตึกมาได้แค่นิดเดียวก็เจอรถยนต์ราคาแพงระยับติดฟิลม์ดำอย่างดีจอดอยู่
คือแค่ล้อรถหนึ่งล้อของมันก็แพงกว่ามอเตอร์ไซค์ทั้งคันของผมแล้วป่ะ  มึงจะรวยอะไรเบอร์นั้น!
“เชิญครับ”
“เปิดเองได้เว้ย!”
กระชากเสียงใส่ก่อนจะก้าวขึ้นรถไปนั่งกอดอกด้วยความเขินที่ถูกปรนนิบัติพัดวีเหมอนเก่า
รู้สึกได้เลยว่าไอ้หน้าหนวดคนเดิมของผมกลับมาแล้ว…
“เราจะไปไหนกันดี  ม่านรูดไหม?”
“ก็ไปสิ”
ปากตอบคำถามแต่สายตาหันไปมองทางนอกรถ   ถ้าขืนมองหน้ามันตรงๆคงได้ใจเต้นตายกันไปข้างแน่ๆ
“หึ…อย่ายั่วกันจะดีกว่า  ตอนนี้ผมไม่ต่างอะไรไปจากเสือผู้หิวโหยนักหรอกนะครับ”
“ไปตายอดตายอยากมาจากไหนกันล่ะ”
“เสือตัวผู้ที่จำใจต้องห่างจากเสือตัวเมียมาหลายวัน  คุณคิดว่ามันจะอดอยากแค่ไหนกัน?”
สะ…เสือตัวเมีย?
มึงคงไม่ได้หมายถึงกูหรอกใช่ไหม!!!
เมีย…
เมีย……..
เมีย……………
อ๊ากกกกก
เป็นคำที่ฟังแล้วจักจี้หัวใจฉิบหาย!
“พูดเฉยๆก็ได้  ไม่ต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้หรอก”
“จมูกผมไวต่อกลิ่นน่ะ  ทำไงได้”
แล้วทำไมไอ้คำว่ากลิ่นของมึงต้องมองต่ำลงมาที่น้องชายของกูด้วยวะ!
สาบานได้ว่ากูยังไม่ทันได้ปล่อยฟีโรโมนหรือว่ากลิ่นห่าเหวอะไรทั้งสิ้น!
“บอกให้เอาหน้าห้องไปห่างๆไง”
“นั่นสิ  ถ้าทำกันตรงนี้เหมือนตอนไปทะเลคงไม่ไหว   เราไปโรงแรมแถวนี้ดีกว่า”
จบคำ  มันก็ขับรถพุ่งทะยานเข้าสู่ตัวเมืองอันศิวิไลซ์ทันที  การที่เขากลับมาทำตัวเหมือนเดิมกับผมแล้วแบบนี้ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนเลยว่าระหว่างเขากับบาร์บี้ไม่ได้มีอะไรเกินเลยจริงๆ  ส่วนเหตุผลนั้นผมยังไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้หรือเปล่าจนกว่าจะได้ฟังจากปากของเขาเอง
ขณะที่กำลังคิดนู่นนี่นั่นมากมายในหัว  สายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่มือข้างขวาของคนข้างกาย  ผมเบิกตากว้างจนแทบจะถลนออกมาก่อนที่ความทรงจำบางอย่างจะฉายกลับเข้ามาในหัว
ภาพตอนไอ้หน้าหนวดใช้มือของตัวเองจับมีดตอนที่ต้องการจะช่วยให้ผมสามารถจับคุณพิมมัดเอาไว้ได้!
“เฮ้ย!  มือคุณ!”
สาบานได้ว่าแทบจะคว้ามือมันเข้ามาเลียเพื่อรักษาบาดแผลเลยทีเดียว  มัวแต่วุ่นวายกับเรื่องที่จับตัวคุณพิมไวได้จนลืมไปเสียสนิทเลยว่าเขาลงทุนเจ็บตัวเพื่อช่วยผมและทุกคนเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ  นิดเดียวเอง”
“นิดเดียวบ้าอะไรวะ!  เลือดหยงติ๋งๆเป็นน้ำตกเจ็ดสาวน้อยเลย!”
“ผมไมเป็นอะไรจริงๆ  เดี๋ยวค่อยไปทำแผล…”
ไอ้หนาดหนวดเงียบไป  ผมเงยหน้ามองว่าทำไมจู่ๆเขาถึงหยุดพูดไป  ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นมองกระจกมองหลังสลับกับกระจกด้านนอกฝั่งคนขับด้วยสีหน้าสงสัย
“อะไรเหรอครับ”
“ผมว่ามีคนตามเรามา”
“ฮะ?!”
หมับ!
“ห้ามหันไปนะครับ!”
มือหนาจับมือผมไว้แน่น
“ถึงจะเป็นกระจกติดฟิลม์  แต่เวลาแบบนี้บวกกับไฟจากหน้ารถของพวกมัน  อาจจะทำให้มันเห็นเงาของเรก็ได้  ผมไม่อยากให้พวกมันรู้ตัวว่าเรารู้ตัวแล้วเรื่องถูกสะกดรอยตาม”
“พวกมันเป็นใคร”
“ดูจากรถแล้วผมว่าน่าจะเป็นพวกนักข่าวที่ไปทำข่าวที่ตึกนั้นน่ะครับ  แต่ทำไมถึงตามพวกเรามา…”
“งั้นจะเอายังไงดี  ถ้าขืนให้ตามไปเรื่อยๆแบบนี้มีหวังต้องโดนจับได้แน่ๆ  แล้วเรื่องที่น้ำมีพี่ชายฝาแฝดก็จะต้องแดงออกมา”
“เรื่องคุณน้ำมีพี่ชายฝาแฝดเราอาจจะปิดได้ไม่นาน  ผมคิดว่าสักวันยังไงทุกคนก็ต้องได้รู้ถึงการมีอยู่ของคุณ  เพียงแต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม   ถ้ามีการจับต้นชนปลายหรือการคาดเดามั่วๆว่าอาจมีการสลับตัวของพวกคุณเกิดขึ้น  ต้องแย่แน่ๆ  เพราะคุณในเวลานี้มีลักษณะเหมือนคุณน้ำมากจนน่าสงสัย  เพราะคงไม่มีพี่ชายฝาแฝดที่ไหนจะทำทรงผมเหมือนน้องสาวแบบนี้หรอก”
“ให้ตายสิ  ความวัวไม่ทันหาย  ความควายก็เข้ามาแทรกอีกแล้ว!  แล้วพวกเราจะทำยังไงดีล่ะ  สลัดหลุดไหม?”
“ท่าจะยาก  เอาอย่างนี้…เอาโทรศัพท์ผมโทรหาคุณน้ำด่วน”
“ทำไม?”
“เราจะต้องหาจุดให้พวกคุณเปลี่ยนตัวกัน”
“วะ…ว่าไงนะ!”
“พวกคุณต้องสลับตัวกัน…คืนนี้”
นี่กูคนนะเว้ยไม่ใช่แฮรี่ พ็อตเตอร์!
ที่สั่งอะไรมาปุ๊บจะได้เสกให้ได้อย่างใจ  โอ๊ยยย  ไอ้ไฟอยากจะบ้า!
 
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วน้า  ตอนนี้มาเอาใจช่วยพี่ไฟกับน้ำดีกว่าว่าจะเปลี่ยนตัวกันสำเร็จหรือไม่  หรือความจริงจะต้องถูกเปิดเผยกันแน่?!  ยิ่งไปกว่านั้น  ระหว่างน้ำกับบาร์บี้  ตกลงแล้วพวกเธอสองคนเป็นอะไรกัน  อะไรคือความลับที่คุณเปลวปิดบังเอาไว้?  รอติดตามกันต่อไปด้วยจ้า  เรื่องนี้ไม่ดร่ามาน้ำตาท่วมจอ  ไม่ต้องกังวลน้า  จุ๊บๆๆๆๆ




ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เหมือนมันมีอะไรสักอย่างที่ไฟโดนปิดบังไว้

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0




ตอนที่ 25
ส่งไม้ต่อ

 
[ฮัลโหล]
“ไอ้ตาม!  ตอนนี้มึงอยู่ไหน  แล้วน้ำล่ะ”
[ใจเย็นๆ  กูกับน้ำอยู่สถานีตำรวจ  มาให้ปากคำเรื่องทั้งหมด]
“แล้วได้เจอพวกนักข่าวหรือยัง”
[ยัง  ตำรวจกันเอาไว้อยู่หน้าโรงพัก  แต่เดี๋ยวให้ปากคำทางนี้เสร็จก็คงต้องออกไปให้สัมภาษณ์ต่อเลย  ทำไมวะ]
“ให้สัมภาษณ์ไม่ได้นะเว้ย!  มึงห้ามให้น้ำเจอนักข่าวที่นั่นเลยแม้แต่คนเดียว!”
[ทำไมวะ?!]
“มีนักข่าวนอกรีตที่ไหนก็ไม่รู้กำลังสะกดรอยตามกูกับคุณเปลวมา  ถ้าพวกมันตามมาจนรู้ว่าน้ำมีกูเป็นฝาแฝดตอนนี้ต้องเรื่องใหญ่แน่ๆ   เพราะงั้นมึงต้องพาน้ำออกมาจากที่นั้นโดยไม่ให้นักข่าวรู้ให้ได้  บอกให้พวกตำรวจบอกกับนักข่าวไปเลยว่าคนที่มาให้ปากคำมีแค่บาร์บี้  ไม่มีน้ำ  เพราะมึงต้องพาน้ำออกมาสลับตัวกับกูเดี๋ยวนี้!”
[ฮะ!!!]
“น้ำตัวจริงจะให้สัมภาษณ์กับใครก่อนไม่ได้ทั้งสิ้นนอกจากไอ้นักข่าวเวรตะไลที่ตามกูอยู่ตอนนี้  มึงเข้าใจไหม?!”
[ทำไมมันมีแต่เรื่องแบบนี้วะ  กูปวดขี้จนขี้หักในแล้วก็ยังไม่ได้ขี้เลยเนี่ย!]
“เรื่องขี้มึงไม่สำคัญเท่าเร่องของกูในตอนนี้หรอก  เชื่อกูสิ”
[เออๆ  แล้วจะให้ไปสลับตัวกันที่ไหนว่ามาเลย  ให้ตายสิ  ถึงเวลาส่งไม้ต่อให้น้ำทั้งทีก็กันเป็นช่วงนาทีเป็นนาทีตายแบบนี้เนี่ยนะ  ชาติที่แล้วทำกรรมกับใครไว้วะไอ้ตาม!]
มึงจะทำกรรมกับใครไว้กูไม่รู้  แต่ที่รู้ๆคือกูต้องทำกรรมกับไอ้นักข่าวข้าวหลังนี่ไว้แน่ๆ  แม่งเหยียบมิดเข็มไมล์แล้วมั้งนั่น!
ตามติดกูยังกับเหาฉลาม!
ผมนัดแนะสถานที่กับไอ้ตูมตามตามที่ไอ้หน้าหนวดบอก  ซึ่งระหว่างรอให้มันพาน้ำชิ่งหนีออกมาจากสถานีตำรวจแบบไม่ให้นักข่าวเห็น  ผมกับคนข้างๆก็มีหน้าที่ถ่วงเวลาพวกนักข่าวที่สะกดรอยตามมาเอาไว้  ช่างเป็นวันที่สาหัสสำหรับไอ้ไฟจริงๆเลย
ก่อนหน้านี้ก็ทำตัวเป็นพระเอกช่วยเพื่อนนางงามจนตัวเองบาดเจ็บแทน…
บุกลุยเดี่ยวเข้าไปช่วยน้องสาวจากผู้หญิงที่มีอาการทางจิตค่อนไปทางคุ้มคลั่งจนเกือบจะโดนแทงตาย…
แล้วนี่ยังต้องมาเหนื่อยกับการหนีไอ้พวกนักข่าวที่ไล่บี้ตามหลังมาอีก!
พวกมึงกะจะไม่ให้กูได้หายใจหายคอบ้างเรอะ  ถ้ากูตายขึ้นมาไอ้หน้าหนวดขึ้นคานเลยนะขอบอก!
“คิดเสียว่าเรามาขับรถชมวิวแล้วกันนะครับ  ถือเป็นการเดตที่ฮิตอีกอย่างหนึ่งเลยนะ”
“มันจะสนุกกว่านี้ถ้าไม่มีไอ้พวกบ้าข้างหลังไล่ตามมานะ”
“เอาน่า  เดี๋ยวคุณก็จะรู้สึกว่าโลกนี้มีแค่เราสองคนเองนั่นแหละ”
“ทำไม”
“เพราะทุกครั้งที่เราได้อยู่ด้วยกัน  ผมรู้สึกเหมือนเวลาของโลกใบนี้มันหยุดเดินยังไงล่ะครับ”
มะ…มันมาอีกแล้วครับท่าน!
หน้าตาอันแสนจะทะเล้นเจ้าเล่ห์ของคนๆนี้ที่ทำให้ผมพ่ายแพ้มาโดยตลอด  สายตาที่เหมือนจะมองผมได้อย่างทะลุปรุโปร่งนั่นก็เช่นกัน
ทำไมกันนะ…
ทำไมต้องเป็นผมที่เป็นฝ่ายโอนอ่อนตลอดเวลา
ทำไมผมถึงไม่เคยเอาชนะรอยยิ้มนี้ได้สักที
“คุณไฟ”
หลังจากที่เงียบกันไปนาน  อีกฝ่ายก็เผยอปากพูดออกมาก่อน  ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะความเงียบทำเอาอึดอัดจนแทบลืมหายใจกันไปเลย
“อะไร”
“เรื่องก่อนหน้านี้   ผม…”
“…”
“ขอโทษนะครับ”
“…”
“ขอโทษที่พูดจาไม่ดีใส่  ขอโทษที่ทำให้คุณต้องเสียใจ  ขอโทษที่ตัดสินใจทำทุกอย่างเองโดยพลการ  ขอโทษจริงๆ”
น้ำเสียงรู้สึกผิดที่ส่งผ่านมาทางคำพูดนั้นช่วยลบล้างความเจ็บปวดที่ฝังลึกลงในใจมานานหลายวันให้หายไปจนหมด
รู้สึกเหมือนมีสายน้ำเย็นไหลผ่านหัวใจที่เคยร้อนรุ่มจนกระทั่งไฟค่อยๆมอดดับลง…
“แสดงว่าที่คุณทำลงไปทั้งหมด  ทั้งเรื่องที่จู่ๆก็ประกาศหมั้นออกมา  คำพูดทุกอย่างที่ทำร้ายความรู้สึกของผม  คุณทำไปก็เพราะ…ต้องการจะปกป้องผมสินะ”
“อาจฟังดูเหมือนแก้ตัว  เพราถึงยังไงสิ่งที่ผมได้ทำลงไปมันก็ไม่สามารถลบล้างบาดแผลในใจของคุณได้  แต่ผมก็ยังอยากขอโทษคุณด้วยตัวเอง  อยากจะบอกความรู้สึกของตัวเองให้คุณได้ฟังอีกครั้ง”
“…”
“ผมรักคุณ”
“…”
“คนที่ผมรักคือคุณเท่านั้น  คุณไฟ…”
ถ้าไม่ติดว่าเขากำลังขับรถและพวกเราอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน  บอกตามตรงเลยว่าผมคงกระโดดกอดเขาไปแล้วด้วยความดีใจ
ก็แค่นี้…
แค่คำๆนี้แหละ  ที่ทำให้ผมมีความหวังและสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เพื่อรอวันที่จะได้ฟังมันอีกครั้งหนึ่ง
ผมรักคุณ…
สามคำสั้นๆที่นำความสุขมากมายมาให้
“ขอบคุณนะครับ”
“…”
“ขอบคุณที่รักผมคนอย่างผม”
ขอบคุณที่รักคนที่ปกติแล้วจะอาบน้ำแค่อาทิตย์ละสามวันอย่างผม
ขอบคุณที่รักคนที่หนึ่งปีถึงจะแตะหวีสักครั้ง
ขอบคุณที่รักคนที่ปากหมาทุกที่ทุกเวลาอย่างผม
“ผมเองก็อยากได้ยินเหมือนกันนะ”
“ดะ…ได้ยินอะไร”
เฉไฉทำไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาออดอ้อนราวกับลูกหมาน้อย
กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอยู่!
“ได้ยินอะไรน้า…”
“มันใช่เวลาไหมเนี่ย  เลิกเล่นได้แล้วน่า”
“อย่าขี้โกงสิครับ  ผมพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปแบบหมดเปลือกแล้วนะ”
“ไม่ได้ขอสักหน่อย”
“จะยอมพูดให้ฟังดีๆหรือต้องให้เสียวสุดๆก่อนถึงจะยอมพูดกันหื้ม?”
“สะ…เสียวอะไรวะ!”
ใบหน้าร้อนฉ่ากับคำพูดสองแง่สองง่าม  ผมรีบเขยิบถอยห่างเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่อาจพ้นรัศมีมือปลาหมึกของมันอยู่ดี
หมับ!
มือหนาคว้าหมับจับที่ต้นขาผมเต็มๆ  ปลายนิ้วแสนรวดเร็วเล่นปูไต่กับโคนขาด้านในไปมา  มีเสียงหัวเราะสบายอารมณ์ดังเป็นเสียงประกอบ
ขนาดมือขวาเจ็บ  มึงก็ยังอุตส่าห์เอามือซ้ายมาทำทะลึ่งกับกูได้เนอะ
นับถือความพยายามเลยไอ้หนวดดด!
“เอามือออกไปนะเว้ยยย”
“ทำไมล่ะครับ  ผมยังไม่ได้ทำให้คุณเสียวเลยนะ”
“ไม่ต้องการ!”
“ผมรู้ว่าคุณต้องการ”
“อย่ามาสู่รู้!”
มึงเป็นญาติกับเจน  ตาทิพย์ อะไรนั่นใช่ไหม!  ถึงได้รู้ใจรู้ความรู้สึกกูไปหมดแบบนี้
“ทำไงได้ล่ะ  คุณเป็นคนยั่วผมเองตั้งแต่ตอนที่ให้ล้วงหยิบโทรศัพท์แต่ดันจะมาล้วงเป้าผม แล้วยังเชิญชวนให้ผมพาไปโรงแรมอีก  บอกตามตรงว่าผมแทบจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว”
“คุณมันก็อดใจไม่ไหวทุกทีนั่นแหละ”
“ก็คุณมันน่ากินทุกเวลาเลยนี่นา  ความผิดใครล่ะ?”
ผิดที่กูสินะ
ผิดที่กูน่ากินจนมึงอดใจไม่ไหว!
“จะโทษว่า…”
ครืด…ครืด…
โทรศัพท์ไอ้หน้าหนวดที่วางอยู่ตรงคอนโทรลหน้ารถสั่นขึ้น  เบอร์ไอ้ตูมตามโทรเข้ามา  ผมรีบกดรับสายทันที  เกือบลืมไปแล้วไหมล่ะว่ากำลังหนีไอ้นักข่าวที่ไล่บี้มาด้านหลังอยู่
เผลอเข้าสู่โหมดมุ้งมิ้งไปเสียได้…
“ฮัลโหล”
[ไอ้ฟาย  กูกับน้ำออกมาได้แล้วนะ  ตอนนี้คุณบาร์บี้กำลังช่วยถ่วงเวลาพวกนักข่าวที่สถานีตำรวจ  แต่คิดว่าคงถ่วงเวลาได้ไม่นาน  เพราพวกนั้นต้องการที่จะสัมภาษณ์น้ำโดยตรง  มึงรีบมาเปลี่ยนตัวกับน้ำเดี๋ยวนี้เลย]
“มึงอยู่ไหนแล้ว”
[อีกสิบนาทีจะถึงที่นัดหมาย  แล้วมึงกับคุณเปลวมีแผนอะไร  ถ้ามีนักข่าวตามติดตูดมึงขนาดนั้น  มึงกับน้ำจะสลับตัวกันได้ยังไง]
“เอาเป็นว่ามึงพาน้ำไปรอตรงที่ที่บอกแล้วกัน  ให้น้ำตอบคำถามแค่ในส่วนที่เกี่ยวกับเหตุการณ์วันนี้เท่านั้น  นอกเหนือจากนั้นให้ทำทีเป็นไม่อยากจะพูด  อย่าเพิ่งให้สาภาษณ์จนกว่าจะได้สคริปทั้งหมดจากกู  เข้าใจไหม”
[เออๆ]
ไอ้ตูมตามรับคำก่อนจะวางสายไป
ถึงเวลาแล้วสินะ  ที่ผมจะต้องกลับไปสู่จุดเดิมของตัวเอง  กลับไปใช้ชีวิตเป็นไอ้ไฟคนเดิม  ไม่ต้องถ่างตาตื่นแต่เช้ามาแต่งหน้า  ไม่ต้องคอยทำตัวเรียบร้อยเหนียมอายให้สมกับเป็นกุลสตรี  ไม่ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากจะทำ  ไม่ต้องแสร้งยิ้มทั้งที่บางครั้งในใจก็อยากจะแยกเขี้ยวมากกว่า
ไม่ต้องทำเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว…
หมับ…
“เป็นอะไรไปครับ  ทำหน้าเศร้าเชียว”
นั่นหมายความว่า…
ทุกๆวันหลังจากตื่นมา  ผมจะไมได้เจอกับคนๆนี้อีก
ก่อนเข้านอนก็จะไม่ได้เห็นหน้าเขาเป็นคนสุดท้าย…
“เปล่าครับ   ผมแค่…รู้สึกใจหาย”
“…”
“จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ผมเกลียดและรำคาญมากกับการที่ต้องมาเป็นน้ำและมาประกวดนางงามบ้าๆบอๆนี่  แต่ว่า…พอได้สัมผัสกับสงครามนางงามด้วยตัวเองในครั้งนี้  มันทำให้ผมได้รู้ว่า…ผู้หญิงที่มาประกวดทุกคน  พวกเธอไม่ได้มีดีแค่ความสวยและรูปร่างเท่านั้น”
“…”
“แต่พวกเธอยังมีจิตใจที่เข้มแข็งมากๆอีกด้วย  พวกเธอแข็งแกร่งจนผู้ชายอย่างผมยังทึ่งและคิดว่าต้องเปิดใจมองพวกเธอใหม่  พวกเธอไม่ได้แค่ใช้หน้าตาและร่างกายเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ  แต่พวกเธอมีมันสมองมากกว่านั้น”
“…”
“การได้มาประกวดแทนน้ำครั้งนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับพวกเธอและวงการนี้  ผมรู้แล้วว่าคนเราไม่ควรตัดสินใครหรืออะไรจนกว่าจะได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง”
“ผมดีใจที่คุณคิดได้แบบนี้นะครับ  ผู้เข้าประกวดเหล่านั้น  พวกเธอไม่ได้เลวร้ายหรอก  และพวกเธอก็ไม่ได้มีดีแค่หน้าตากับรูปร่างด้วย  เพราะสงครามที่พวกเธอต้องเผชิญ  มันต้องใช้ไหวพริบไม่ต่างจากคนที่ทำงานใช้สมองทั่วๆไปเลย”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากมายจากการประกวดนี้  ต้องขอบคุณน้ำที่ทำให้ผมได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง”
ทั้งผมและไอ้หน้าหนวดต่างยิ้มให้แก่กัน
ถึงตอนนี้ผมเริ่มจะเข้าใจขึ้นมานิดหนึ่งแล้วว่าเพราอะไรน้ำถึงอยากเป็นนางงาม  เพราอะไรน้องสาวที่แสนเรียบร้อยและน่ารักของผมถึงอยากมาประกวดนางงามที่เบื้องหลังเต็มไปด้วยสงครามอันน่ากลัว  เพราะการประกวดเหล่านี้ไม่ได้ใช้แค่หน้าตาและรูปกายภายนอก
แต่ยังใช้มันสมอง  ไหวพริบ  และความฉลาดทันคนอีกมากมาย
มันคือการพิสูจน์ตัวเองของผู้หญิงนั่นเอง…
“จะถึงที่หมายแล้ว  คุณพร้อมนะครับ”
“ครับ”
พยักหน้ารับเตรียมพร้อมลุย  คุณเปลวเหยียบคันเร่งจนเข็มไมล์แทบจะทะลุออกมา  ทิ้งไว้เพียงแค่ฝุ่นให้พวกนักข่าวมันดมเล่น
แต่ประโทษเถอะ  มึงเหยียบมิดไม่บอกไม่กล่าวกูก่อนแบบนี้  หัวกูแทบจะคะมำทิ่มกับกระจกหน้ารถ!
เอี๊ยด!!!
เสียงล้อบดกับถนนหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งดังลั่นไปทั่ว  ผมกับคุณเปลวรีบเปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งเข้าสู่ตัวโรงแรมกับแบบไม่คิดชีวิต  โชคดีที่โรงแรมนี้เป็นโรงแรมของเพื่อนคุณเปลวเอง  เขาก็เลยโทรบอกเพื่อนให้ช่วยเปิดทางอำนวยความสะดวกทุกอย่างโดยการให้แจ้งทางพนักงานว่าหากจู่ๆมีไอ้บ้าที่ไหนวิ่งสู้ฟัดเข้ามาในโรงแรมก็ให้ทำปล่อยเบลอไม่รู้ไม่เห็นไปซะ  เพราะพวกเราไม่มีเวลาว่างมานั่งอธิบายหรือทำการเช็คอินโรงแรมแน่นอน
เอี๊ยด!!!
เสียงจอดรถดังตามมาติดๆขณะที่ผมกับคุณเปลวกำลังจะปิดประตูลิฟต์พอดิบพอดี  นักข่าวสองคนวิ่งหน้าตาตื่นตรงมาทางลิฟต์ตัวที่เราสองคนยืนอยู่  ผมรีบหันหลัง  ส่วนคุณเปลวก็พยายามกดปิดประตูสุดฤทธิ์  อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น  ประตูลิฟต์ก็ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้โดยการปิดก่อนที่พวกมันจะกดเปิดได้ทัน
ผมกดโทรศัพท์หาไอ้ตูมตามทันที
“ฮัลโหล  ไอ้ตาม มึงอยู่ไหนแล้ว”
[กูรออยู่ห้องข้างๆห้องของน้ำแล้ว  มึงล่ะ]
“อยู่ในลิฟต์  เดี๋ยวคุณเปลวจะตามไปสมทบที่ห้องน้ำ  ส่วนกูจะไปหามึงที่ห้อง  มึงเปิดประตูรอกู…”
หมับ!
“อุ๊บ…”
เสียงพูดถูกกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอเมื่อร่างสูงดึงผมเข้าไปจูบอย่างกะทันหันแบบไม่มีหมายแจ้งเตือนล่วงหน้าเลยสักฉบับ
ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจปนงุนงง  ได้ยินเสียงไอ้ตูมตามลอยมาตามปลายสายเบาๆแต่ก็ไม่สามารถตอบกลับไปได้เพราะถูกจูบไว้อยู่
“อื้อๆๆ”
ปล่อยสิโว้ยยยย!
มันใช้เวลามาดูดลิ้นกูเล่นตอนนี้ไหมเนี่ยยย!
“แฮ่กๆๆ!”
ในที่สุดมันก็ยอมปล่อยริมฝีปากผมให้เป็นอิสระ  พอตั้งท่าจะเงยหน้าด่าก็ดันเจอความเขินเข้ามาแทนที่เพราะอีกฝ่ายกำลังยืนเลียริมฝีปากส่งสายตาอันมีเสน่ห์เย้ายวนใจมาให้
“รอผมนะครับ  คืนนี้จะสายต่อให้จบเลย”
“บ้า!”
“หืม?”
“แต่ก็…จะรอนะ”
โอ๊ยยย  อยากตบปากตัวเองจริงๆ
พูดแบบนี้ออกไปได้ยังไงวะไอ้ไฟ  นี่มันไม่ใช่มึงเลยสักนิด  มันแมวยั่วสวาทชัดๆ!
ติ๊ง!
ลิฟต์มาถึงชั้นบนสุดซึ่งเป็นชั้นที่ต้องการ  ผมรีบแยกกับคุณเปลวไปคนละทางอย่างรู้งาน  คุณเปลวไปทางซ้ายซึ่งมีน้ำรออยู่ในห้องริมสุดทางเดิน  ส่วนผมก็วิ่งไปทางขวาซึ่งมีไอ้ตูมตามรออยู่
ถ้าผมก้าวเข้าไปในห้องที่ไอ้ตูมตามอยู่เมื่อไหร่  หน้าที่ของผมในฐานะน้ำก็จะจบลง
ผมไม่ต้องทำอะไรเกี่ยวกับกองประกวดอีกแล้ว
ผมไม่ต้องทนฝืนฉีกปากยิ้มจนเมื่อยนานๆเวลาอยู่หน้ากล้องอีกแล้ว
ไม่ต้องทำอะไรน่ารำคาญพวกนั้นอีกแล้ว
ไม่ต้องแล้ว…
“ไงมึง  มาแล้วเหรอ”
“ฮึก…”
“หมดหน้าที่ของมึงแล้วนะ  ขอบใจมากสำหรับที่ผ่านมา”
ไอ้ตูมตามดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่นก่อนจะปิดประตูห้องลง
ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์ ข้างนอกตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
ไม่รู้ว่าน้ำและคุณเปลวจะรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ด้วยวิธีไหน
แต่ผมเชื่อว่า…ทั้งสองคนจะผ่านมันไปได้  ทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดี
 
[ผู้ต้องหาได้ให้การว่า  ที่ทำเร่องทั้งหมดลงไปก็เพราะหมั่นไส้ที่คุณน้ำ  ตัวเก็งอันดับหนึ่งของการแระกวดคราวนี้เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนมากมายรวมถึงชายหนุ่มที่เธอกำลังติดพันอยู่  จึงได้ลงมือก่อเหตุทั้งหมดขึ้นมาค่ะ]
รอบที่สามของวันแล้วที่ข่าวช่องนิ้รีรันข่าวเรื่องการที่น้ำถูกคุณพิมลักพาตัวไป  โดยที่คุณพิมให้การเป็นประโยชน์กับทางพวกผมมากว่าสาเหตุที่เธอก่อเรื่องทั้งหมดก็เพราะความหมั่นไส้ส่วนตัว  ความลับเรื่องการสลับตัวกันของผมกับน้ำหรือแม้กระทั่งเรื่องที่เธอคือแม่ของบาร์บี้นั้นยังคงเป็นความลับต่อไป  ไม่มีใครรู้นอกจากผมกับเธอ
บางทีนี่อาจเป็นการบอกทางอ้อมว่าเธอรู้สึกผิดและอยากจะชดใช้ความผิดให้กับพวกผมก็ได้
“สุดท้ายก็จบลงด้วยดีเนอะ”
ผมเงยหน้ามองชายคนรักที่นอนสวมกอดผมอยู่จากด้านหลัง  อีกฝ่ายเอนกายพิงไปกับพนักของโซฟาโดยมีผมเอนทับเขาลงไปอีกที  อ้อมแขนแข็งแกร่งตระกองกอดเอวผมเอาไว้  เกยคางลงบนไหล่
“แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีนั่นแหละ  ว่าทำไมคุณพิมถึงต้องทำแบบนั้น”
สำหรับเรื่องนี้  แม้แต่กับเขาผมก็ไม่ได้บอก  บางครั้งคุณพิมอาจจะอยากบอกเรื่องนี้กับตัวบาร์บี้เองก็ได้
หมายถึงในวันที่เธอชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อทั้งหมดแล้วน่ะนะ
“ช่างมันเหอะน่า  คุณจะมาสงสัยเรื่องยิบย่อยเป็นผู้หญิงไปทำไม  ไหนๆเรื่องมันก็จบลงไปแล้ว  ทุกคนต่างกลับคืนสู่พื้นที่ของตัวเองไม่ว่าจะเป็นผม  น้ำ  หรือแม้แต่ตัวคุณเอง”
“เพิ่มเติมคือผมมีสถานะผะ…”
“ผะอะไร  พูดดีๆนะเว้ย”
ชูหมัดขึ้นขู่เพราะรู้ดีว่ามันกำลังจะพ่นคำพูดอะไรออกมา
สามวันแล้วที่น้ำสลับตัวกลับไปและทำหน้าที่ในฐานะผู้เข้าประกวดตัวเก็งอันดับหนึ่งอย่างที่เธอต้องการ  ผมบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวมถึงความสนิทสนมของผมกับผู้เข้าประกวดแต่ละคนให้เธอได้รู้  โดยเฉพาะกับมะนาว  ที่เป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าคุณพิมคือแม่ที่แท้จริงของบาร์บี้  เพียงแต่เธอยังไม่รู้ว่าผมกับน้ำเคยสลับตัวกัน  ผมเลยใช้วิธีปลอมเป็นน้ำเข้าไปคุยกับเธอและขอให้ลืมเรื่องพวกนั้นไปซะ  ซึ่งเธอก็ยินดีที่จะไม่พูดถึงมันอีก  เพราะแม้แต่กับน้ำเองผมก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน  การสลับตัวกลับกันของเราสองคนพี่น้องในครั้งนี้จึงไม่มีใครจับได้เลยสักคน
ผมกลับไปเรียนที่คณะตามปกติหลังจากหยุดเรียนไปเกือบสามเดือนโดยอ้างเหตุผลว่าเกิดอุบัติเหตุ  โชคดีที่ไอ้ตูมตามคอยทำงานส่งให้ผมเลยมีคะแนนเก็บตามเพื่อนๆทัน  ที่เหลือก็แค่ไปตามไล่สอบวิชาที่มีการสอบเก็บคะแนนไปแล้วให้ครบก็เท่านั้น  แต่นั่นก็ถือว่าหนักหนาพอสมควรเชียวล่ะ
ส่วนเรื่องของน้ำกับบาร์บี้นั้น  จนวันนี้ผมก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าระหว่างพวกเธอมันเรียกว่าอะไร  สิ่งที่ผมรู้มีแค่บาร์บี้รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผมไม่ใช่น้ำแต่เป็นพี่ชายฝาแฝดปลอมตัวมา  เพราะน้ำเป็นคนส่งข่าวบอกเธอด้วยตัวเอง  บวกกับน้ำขอร้องให้บาร์บี้คอยช่วยเหลือผมหากเกิดวิกฤติที่เสี่ยงต่อการความแตก  แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่ให้ผมรู้ว่าบาร์บี้คือผู้ช่วยที่น้ำส่งมา  เพราะน้ำกลัวว่าถ้าผมรู้ว่าบาร์บี้รู้ตัวจริงของผมอยู่ก่อนแล้ว  ผมจะเผลอใจตกหลุมรักแล้วตามจีบเธอ  นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมบาร์บี้ถึงยืนยันหนักหนาว่าเธอไม่มีวันทำร้ายผมแน่นอน  เรื่องนี้ไอ้หน้าหนวดสุดที่รักของผมก็รู้มาตั้งแต่แรก  เพราะบาร์บี้เป็นคนสารภาพกับเขาในวันที่เธอแกล้งหลอกให้ผมนัดคุณเปลวให้มาเจอตอนไปที่บ้านเด็กกำพร้าคราวนั้น
ไอ้ที่เห็นหัวเราะกันอย่างกระหนุงกระหนิงคราวก่อนก็เป็นเพียงแค่การขำขันที่คนสองคนต้องคอยช่วยเหลือและปกป้องผมกันอย่างลับๆเท่านั้นเอง
หารู้ไม่ว่าวันนั้นทำกูเครียดเกือบตายเพราะรู้สึกสับสนในตัวเองที่คิดว่าพวกมันสองคนอาจจะสปาร์คกัน!
และอีกแค่สองวันก็จะถึงเวลาประกาศผลผู้ชนะในการประกวดค้นฟ้าหาดาว  ผมเตรียมตัวที่จะไปเชียร์น้ำสุดใจขาดดิ้น  ในที่สุดน้ำก็ได้เดินตามความฝันในเส้นทางที่เลือกด้วยตัวเธอเอง  ไม่มีอะไรน่ายินดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว  ในฐานะพี่ชาย  ผมอยากจะอยู่เคียงข้างและคอยมองดูความสำเร็จของเธอเพื่อเมื่อถึงวันนั้น  ผมจะได้บอกกับน้ำได้อย่างเต็มปากว่า ‘ยินดีด้วยนะ’
เอาล่ะ  ฝอยเรื่องของคนอื่นมาเยอะแยะมากมาย  คงอยากจะรู้เรื่องของผมกันบ้างแล้วสินะ  มันก็ไม่มีอะไรหรอก  หลังจากทุกอย่างลงตัว ผมกับไอ้หน้าหนวดก็คบกันอย่างเปิดเผยโดยที่ผมกล้าแนะนำเขาในฐานะแฟนให้น้ำได้รู้จัก  และก็อย่างที่คาด  น้ำไม่มีท่าทีตกใจเลยแม้แต่นิดเดียว   นั่นก็เพราะข้างตัวผมมีสายสืบที่เธอส่งมาให้คอยรายงานความระพฤติของผมตลอดเวลาอย่างบาร์บี้อยู่ยังไงล่ะ
ไอ้เรื่องหายไปนอนห้องไอ้หน้าหนวดแทบทุกคืนนั่นก็ด้วย  ความจริงบาร์บี้รู้ตลอดแต่แกล้งทำไม่รู้เพราะต้องการให้ผมได้ใกล้ชิดกับไอ้หน้าหนวดแค่นั้นเอง
เธอแสบมาก!
“คุณไฟ  ผมหิวอีกแล้ว”
“อะไรนะ  อีกแล้วเรอะ?!”
ตูดกูจะพังอยู่แล้วนะโว้ยยย!
ไม่อยากจะพูดแต่ก็ขอพูดหน่อยเหอะ  ตั้งแต่จบเรื่องสลับตัวกับน้ำที่โรงแรมคืนนั้นแล้วมันตามมาเจอกับผมที่ห้องทีหลัง  บอกเลยว่าคืนนั้นผมไม่ได้นอนจริงๆ  ครางจนเสียงแหบเสียงแห้งแทบไม่มีเสียงจะไปพูดคุยกับใคร   เสร็จท่านี้ต่อท่านี้  เสร็จบนเตียงต่อในห้องน้ำ  เรียกได้ว่าทุกที่ทุกเวลาไม่มีพัก  จนผมก้าวขาไปไหนไมได้ต้องนอนแบ็บต่ออยู่ในห้องนั้นหนึ่งวันเต็มๆ  ซึ่งหนึ่งวันที่นอนนั้นคงไมต้องบอกนะว่าเป็นยังไง…
แม้จะลดปริมาณการสมสู่ลงไปเยอะ  แต่ความรุนแรงและเร่าร้อนไม่ได้ลดตามไปด้วยเลย
“น่านะ”
ปากขอแต่มือปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว
ร่างกายของผมไหลลื่นไปตามความต้องการของเขาราวกับระบบอัตโนมัติ  ไม่ว่าจะเป็นตรงไหนที่เขาสัมผัส  ส่วนไหนที่เขาต้องการ
ผมปรนเปรอให้เขาได้ไม่มีหยุด
“อ่า…”
รัก…
รักคนๆนี้มากเหลือเกิน  ผมหวังว่าความรักของเราจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป



บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วนะคะ  รอกันนานมั้ยเอ่ยยยยย  ตอนนี้ดูอะไรๆก็ลงตัวเนอะ  อีกแค่สามตอนเท่านั้นก็จะจบแล้วนะคะ  ใครที่รอฉากเร่าร้อนของพระนายคู่นี้บอกได้เลยว่าในเนื้อหาที่อัพลงเว็บไม่มีจ้า  แบบว่าคัดกรองอย่างดีเพื่อให้ลงได้ทุกเว็บ 5555+  จะไปมีจัดหนักจัดเต็มเฉพาะตอนพิเศษในเล่มเท่านั้นค่า  บอกเลยว่าในเล่มมีตอนพิเศษของตูมตามด้วยนะเออ  ฮิ้วววววว
ปิดพรีฯแล้วนะคะ  แต่ในวันงานตลาดฟิคที่ 4 มีนาฯ  มีไปขายจ้า
จุ๊บๆๆ



ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด