แวะมาบอกว่าตอนหน้าราคาฝันจะจบแล้วนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่ยังตามอ่านกันมาจนถึงตอนนี้

-----------
ราคาฝัน # 37
สุดท้ายโกวิทก็ไม่ได้ตามไปดูเจ้าหนูที่เขาเป็นคนทำให้น้ำตาร่วงเองกับมือเหมือนที่ใจอยาก กำหนดส่งงานที่กระชั้นขึ้นทุกขณะบังคับให้ต้องนั่งติดเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลาอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากเวลาผ่านไปร่วมสิบนาทีต้นตระการก็เดินกลับเข้าออฟฟิศมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มเอ่ยขอแบ่งสเก็ทช์ไปช่วยทำด้วยน้ำเสียงขุ่นหมอง และแม้น้ำตาจะเหือดแห้งลงไปแล้วแต่ถึงอย่างไรรอบดวงตาใต้กรอบแว่นคู่นั้นก็ยังคงแดงช้ำไม่หายอยู่ดี
โกวิทจำต้องควบคุมให้สมาธิของตัวเองจดจ่อกับงานตรงหน้าอยู่นานเป็นชั่วโมง กระทั่งในที่สุดสิ่งที่มุ่งหมายก็สำเร็จเสร็จสิ้นจนได้
“..คุณแพร ผมส่งไฟล์เข้าอีเมล์ไปแล้วนะครับ..ครับ ใช่ครับ..ต้องขอโทษอีกครั้งนะครับที่ส่งช้าไปหน่อย..ครับ ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ..”
ลมหายใจหนึ่งเฮือกใหญ่ถูกผ่อนทิ้งออกจากปอดมาทันทีที่โทรศัพท์ถูกตัดสายไป ถึงจะเร่งจนนิ้วแทบติดไฟ แต่สุดท้ายเขาก็ส่งงานเลทไปหนึ่งชั่วโมงอยู่ดี
...ช่วงนี้งานยุ่งจนหัวปั่นไปหมด...
...ทั้งเหนื่อยทั้งล้าแต่ก็หยุดมือไม่ได้...
เมื่อกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งโกวิทก็ยืดคอชะเง้อมองไปยังที่นั่งประจำของเจ้าเด็กฝึกงานตัวจ้อยนั่นอย่างที่คอยทำอยู่เป็นระยะระหว่างการเร่งทำงานเมื่อสักครู่
สถาปนิกหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจทันทีเมื่อมองไปแล้วได้เห็นว่าตอนนี้หลานรักของผู้เป็นนายไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิมอีกแล้ว
“เฮ้ยไอ้จุ้ย หลานป๋าหายไปไหนแล้วอะ?” เขาเร่งเสียงถามเพื่อนร่วมอาชีพอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากตำแหน่งที่สายตากำลังมองไป
“กลับบ้านไปแล้วพี่ เพิ่งออกไปตะกี้เอง”
“แม่งไวฉิบหายเลย” โกวิทพึมพำออกมาเพียงแผ่วเบา เมื่อครู่หลังจากรวบรวมไฟล์จากเด็กหนุ่มมาจนครบเขาก็หันไปส่งอีเมล์และโทรศัพท์แจ้งลูกค้า ซึ่งกิจกรรมที่ว่ามานี้ก็กินเวลาไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
สถาปนิกเคราครึ้มไม่รอช้ารีบลุกออกจากที่นั่งแล้วมุ่งตรงไปยังประตูบริษัท สองขายาวๆพาให้เขาเดินทางไปถึงโถงรอลิฟต์อย่างรวดเร็ว เมื่อมองไปก็เห็นแผ่นหลังบอบบางของเด็กหนุ่มกำลังเคลื่อนหายเข้าเจ้ากล่องเหล็กซึ่งตอนนี้กำลังแน่นขนัดไปด้วยผู้คนอย่างได้จังหวะพอดิบพอดี
ฝ่ามือหนาใหญ่ยื่นผ่านบานประตูโลหะเข้าไปรั้งแขนของคนที่ต้องการตัวไว้ก่อนจะออกแรงฉุดเบาๆให้ร่างกายขนาดสันทัดนั่นขยับออกมายืนอยู่ข้างกัน สายตานับสิบคู่จากผู้โดยสายรายอื่นไม่ได้สร้างความสะทกสะท้านให้โกวิทได้แต่อย่างใด
ต้นตระการมีท่าทีตกใจและทำอะไรไม่ถูก เด็กหนุ่มไม่ขืนตัว ไม่ดึงแขนหนี เพียงโอนอ่อนตามการควบคุมอย่างว่าง่ายเท่านั้น
...คงไม่ใช่ว่าเต็มใจ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นอาการที่เรียกว่าเกรงกลัวเสียมากกว่า...
หลังจากประตูลิฟต์ปิดลงไปสถาปนิกรุ่นพี่ก็หันมองเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าเจือแววกระอักกระอ่วน
“ไปคุยกันหน่อยสิ” โกวิทว่าเช่นนั้นก่อนจะเริ่มเดินนำไปทางบันไดหนีไฟโดยที่มือก็ยังจับจูงต้นตระการไว้ไม่ปล่อย
คนเป็นรุ่นน้องไม่เปิดปากถามไถ่หรือแสดงความเห็นใด ดวงตาใต้กรอบแว่นเพียงเบนลงมามองข้อมือที่ถูกเกาะกุมไว้ของตนอยู่ในความเงียบเท่านั้น
...เนื้อตัวของโกวิทยังคงอุ่นเหมือนทุกครั้งที่เคยสัมผัส..
...แม้ในใจจะยังขุ่นหมองเนื่องด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักสามชั่วโมงก่อน แต่ก็น่าแปลกว่าอุณหภูมิจากร่างกายของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาใจเต้นขึ้นมาในเวลาแบบนี้ได้...
ต้นตระการถูกพาเดินลงบันไดมาจนถึงชั้นบนสุดของลานจอดรถ โกวิทหันซ้ายมองขวาสอดส่ายสายตาอยู่ครู่ก่อนตัดสินใจจูงให้เด็กหนุ่มมายืนหลบอยู่หลังรถเอสยูวีคันใหญ่ที่จอดนิ่งอยู่ไม่ไกลด้วยกัน
...พอหาที่คุยเงียบๆได้คราวนี้ช่วงเวลาแห่งความอึดอัดสำหรับคนเป็นรุ่นน้องก็มาถึง...
ต้นตระการก้มหน้าต่ำไม่ยอมสบตา
“..มึง..เป็นยังไงบ้าง? รู้สึกโอเคขึ้นหรือยัง?..” โกวิทเอ่ยถามขึ้นมาเช่นนั้นด้วยจังหวะเนิบช้า น้ำเสียงที่ถูกเปล่งออกไปฟังดูแหบแห้งกว่าทุกคราว
เด็กหนุ่มพยักหน้าลงน้อยๆก่อนตอบออกมาเพียงแผ่วเบา “..โอเคแล้วครับ..”
“..เมื่อตอนบ่ายกูพูดแรงไป..ขอโทษนะ..ไม่ได้ตั้งใจจะให้มึงรู้สึกแย่ขนาดนั้น..” เป็นเพราะคู่สนทนาเอาแต่ก้มมองพื้น โกวิทจึงต้องเป็นฝ่ายค้อมตัวลงไปแล้วช้อนหน้าตัวเองขึ้นเพื่อสบตา “..เกลียดกูไปหรือยังเนี่ย? อย่าเพิ่งเกลียดกันนะโว้ย..”
“..พี่โก๋ไม่เห็นต้องขอโทษผม ผมสร้างความเดือดร้อน โดนดุก็สมควรครับ..”
“ก็ถ้าแค่ดุอย่างเดียวกูคงไม่มาขอโทษหรอก แต่นี่กูด่าไปด้วยไง กูก็อยากขอโทษใช้อารมณ์มากเกินไป...ยกโทษให้กูนะแว่นนะ เดี๋ยวพาไปเลี้ยงไอติม”
คราวนี้ต้นตระการไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในทันที เด็กหนุ่มใช้เวลาไตร่ตรองถึงบางสิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ในกรอบตาเริ่มมีม่านน้ำบางๆเอ่อขึ้นมาฉาบไว้อีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
“..จริงๆพี่โก๋รำคาญผมมากเลยใช่ไหม?..” ปลายคางได้รูปถูกกดลงต่ำเสียยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ต้องการให้รุ่นพี่คนดีมองเห็นสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในแววตา “..ผมก็รู้นะว่าพี่ไม่ได้อยากมาดูแลผมตั้งแต่แรก แต่เพราะกู๋ขอไว้เลยปฏิเสธไม่ได้ ที่ผ่านมาเวลาอยู่กับพี่ผมก็พยายามมากๆแล้วที่จะไม่ทำตัวเป็นภาระ..แต่ผมทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ สุดท้ายก็สร้างปัญหาจนได้..”
สิ่งที่ได้ฟังทำเอาโกวิทรู้สึกวูบโหวงขึ้นมาในอก ระหว่างที่ต้นตระการพูดอยู่เมื่อสักครู่เขาสามารถจับความสั่นไหวของน้ำเสียงได้เป็นอย่างดี
...รู้สึกผิด...
...ยิ่งรับรู้ได้ถึงความน้อยอกน้อยใจของอีกฝ่ายเขาก็ยิ่งอยากตบกะโหลกตัวเองแรงๆสักที...
สถาปนิกหนุ่มกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอก่อนจะค่อยๆขยับตัวเขาไปใกล้ร่างกายผอมบางตรงหน้า สองแขนอุดมกล้ามเนื้อยื่นออกไปสวมกอดเจ้าคนขี้แยไว้ด้วยท่าทางเงอะงะงุ่มง่าม
...ปลอบคนไม่ค่อยเก่งนัก...
...จะทำอะไรมันก็ดูเก้กังไปหมด...
...ก็ได้แต่หวังว่าการส่งความอุ่นผ่านเนื้อหนังจะช่วยให้เด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง...
“ทำไมคิดอย่างนั้น? ไม่เอาสิ..” โกวิทกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น ตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากยอดกระหม่อมของคนในอ้อมกอดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
...น่าแปลก แทนที่กอดแล้วน้ำตาจะเหือดแห้งลงไป กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มันดันไหลหนักกว่าเดิม...
“ก็เมื่อกี้..พี่ยังพูดเองว่าผมน่าเบื่อ” แว่นตากรอบดำถูกเด็กหนุ่มยกออกจากใบหน้าเพื่อให้การปาดเช็ดความเปียกชื้นออกจากสองข้างแก้มเป็นไปได้อย่างสะดวกมือมากขึ้น “..ก่อนหน้านี้พี่ก็เคยพูดกับกู๋ว่า..พี่มีงานเยอะ ไม่อยากเสียเวลามาดูแลใคร..”
“โธ่ไอ้แว่นเอ๊ย นี่มึงเก็บไปคิดทุกเรื่องเลยเหรอ? คือ..บางทีกูก็พล่ามของกูไปเรื่อย ไม่ได้จริงจัง..”
“เอาอย่างนี้ดีไหมครับพี่โก๋..” เด็กหนุ่มเอ่ยแทรกขึ้นมาโดยไม่คิดรอให้โกวิทกล่าวจนครบความ “..เดี๋ยวผมไปขอกู๋สลับหน้าที่กับอาร์มก็ได้ พี่แม็คบอกว่าอาร์มทำงานเร็ว ไม่ทำให้พี่วุ่นวายเหมือนผมแน่ๆ”
นายอาร์มคนที่ว่าคือเด็กฝึกงานจากอีกมหาวิทยาลัยที่เข้ามาก่อนต้นตระการได้สักสองสัปดาห์
“ไม่เอา” โกวิทตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด สองแขนของเขายังคงโอบรัดรอบลำตัวผอมบางไว้ไม่คลาย “ไม่เปลี่ยนอะ แบบนี้ดีอยู่แล้ว”
“..แต่วันนี้ผมเพิ่งจะทำให้พี่ส่งงานเลท..”
“ผ่านไปแล้ว ช่างมันเหอะ..กูไม่อยากเปลี่ยนอะไรทั้งนั้น”
มาถึงตรงนี้จู่ๆต้นตระการก็รู้สึกเหมือนกับว่าเสียงเต้นของหัวใจที่ได้ยินผ่านแผงอกกว้างมันดังชัดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เด็กหนุ่มลอบกะพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง ความทุกข์ในใจถูกวางพักไว้ชั่วขณะ
...พี่โก๋ของเขากำลังใจเต้นแรง...
“จริงๆเรื่องนี้กูไม่เคยคิดจะเล่าให้ใครฟัง แต่ไหนๆเราก็คุยกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ขอพูดหน่อยแล้วกัน” โกวิทเกริ่นขึ้นมาด้วยระดับเสียงที่เบาลงกว่าเดิม “อาจฟังดูแปลกๆ แต่คิดว่าถ้ามึงรู้ไว้ก็น่าจะดี...ช่วงสี่ห้าเดือนที่ผ่านมานี้ชีวิตกูมันวุ่นวายมากเลยแว่นเอ๊ย เรื่องงานว่าโหดแล้ว เรื่องส่วนตัวยิ่งโหดกว่า ก่อนมาเจอมึงแป๊บเดียวมีเรื่องที่ทำให้กูทั้งเสียเซลฟ์ทั้งเสียใจเกิดขึ้น ตอนนั้นกูไม่อยากมาทำงานเพราะไม่อยากเจอหน้าใคร..”
โกวิททิ้งจังหวะไว้ตรงนั้นครู่หนึ่ง ใบหน้าของจินดาลอยขึ้นมากลางความคิด
“มึงอาจไม่รู้ตัวนะว่าช่วงนี้มึง..มีผลต่อชีวิตกูแค่ไหน..”
ถ้อยคำที่ได้ฟังทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นลูกโป่งเหี่ยวๆที่กำลังโดนสูบลมให้พองออกอีกครั้ง
“นอกจากเรื่องงานแล้วก็มีมึงนี่แหละที่ทำให้กูไม่ว่างมานั่งจิตตก ไม่สังเกตเหรอว่าเดี๋ยวนี้ตอนดึกๆกูโทรฯไปทวงงานกับมึงแทบทุกคืนเลย ขนาดเป็นเวลาส่วนตัวกูยังเอาแต่คิดว่ามึงจะทำงานที่กูให้ไปไหวหรือเปล่า..” ฝ่ามืออุ่นหนาข้างหนึ่งยกขึ้นกุมศีรษะของคนในอ้อมแขนไว้ “..กูแสดงออกดีๆกับเขาไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ นอกจากปากหมาแล้วหน้าตาก็ยังมาเหี้ยมเป็นร็อตไวเลอร์อีก คงเพราะแบบนี้มึงเลยดูไม่ออกว่ากูคิดยังไง อยากจะบอกว่าจริงๆแล้วกูรู้สึก..เอ่อ..ดีมากนะที่มึงโผล่เข้ามาเจอกูช่วงนี้พอดี”
ไม่ได้มีเพียงหัวใจของโกวิทเสียแล้วที่เต้นแรง ตอนนี้หัวใจของต้นตระการนั้นเต้นแรงยิ่งกว่า
“เพราะฉะนั้น” สถาปนิกหนุ่มเปลี่ยนน้ำเสียงให้กลับมาฟังดูชัดถ้อยชัดคำสมตัวอีกครั้ง ไหล่ทั้งสองข้างของเจ้าเด็กฝึกงานตัวดีถูกเขายันให้ขยับออกห่างจากอ้อมอกเพื่อที่จะได้เปลี่ยนอิริยาบถมาอยู่ในท่าที่สามารถมองเห็นใบหน้าของกันและกันได้อย่างชัดเจน
“...ให้กูดูแลมึงต่อนะแว่น...” ต้นตระการพยายามกะพริบตาขับไล่หยาดน้ำที่ผุดขึ้นมาบดบังทัศนวิสัย เข้าใจทุกพยางค์ที่อีกฝายเอ่ยมา แต่กลับไม่รู้จะตอบอย่างไร
...ความสามารถในการคิดมันลดลงไปตั้งแต่ที่ได้ยินว่าตัวเขามีผลอย่างไรต่อชีวิตของคนถามแล้ว...
“ว่าไง? อนุญาตไหม?” โกวิทเร่งเร้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มยียวนอันเป็นเอกลักษณ์
ในที่สุดเมื่อไม่สามารถต้านทานสายตาของคนเป็นรุ่นพี่ได้อีกต่อไปเด็กหนุ่มจึงรีบพยักหน้าก่อนจะกลั้นใจฉวยโอกาสนี้ขยับกายเข้าไปโอบกอดร่างหนาใหญ่เอาไว้อีกครั้ง
โกวิทหัวเราะร่วนเมื่อรู้สึกได้ว่าตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังฝังใบหน้าลงกับแผ่นอกของเขาเสียแนบชิด อีกฝ่ายจะเขิน จะซึ้ง หรือจะแค่อยากหาที่เช็ดน้ำตาก็ไม่รู้แหละ เขารู้เพียงแต่ว่าสัมผัสที่ได้รับนั้นทำให้ในใจมันโล่งไปหมด
ตั้งแต่เกิดมาโกวิทแทบไม่เคยมีโอกาสได้พูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้กับใครที่ไหน เพียงแค่คิดจะทำก็ขัดๆเขินๆจนพาลอยากอมพะนำไปเสียแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจึงเลือกที่จะเก็บความรู้สึกอ่อนไหวไว้ให้ลึกสุดใจแล้วแสดงออกไปในแบบที่ดูเหมาะสมกับรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองเท่านั้น
...เพิ่งจะมีครั้งนี้เองที่รู้สึกว่าการได้สาธยายความรู้สึกออกไปบ้างมันก็ดีไม่หยอกเหมือนกัน...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
