“เฮ้ยพี่โก๋! นอนเต๊นท์เดียวกับผมนะ!” จินดาที่เดินหน้าบานไปหยิบเอาอุปกรณ์กางเต๊นท์มาจากหลังรถกระบะเอ่ยถามรุ่นพี่คนสนิทด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ซึ่งแน่นอนว่าคนถูกชวนไม่มีทางเอ่ยคำปฏิเสธได้อยู่แล้ว
เนื่องจากที่หลับที่นอนในหมู่บ้านที่มีเพียงไม่กี่หลังคาเรือนสำหรับพนักงานจากทอมทอมฯราวสี่สิบชีวิตบวกกับพนักงานจากลิงเกอร์ฯที่กำลังจะมาถึงเร็วๆนี้อีกราวสี่สิบชีวิตนั้นมีไม่มากพอ เหล่าพนักงานหนุ่มๆจึงต้องสละพื้นที่ใต้ชายคาที่พักของชาวบ้านให้พวกผู้หญิงไป แล้วออกมากางเต๊นท์รับลมกันอยู่ที่ลานริมหมู่บ้านแทน
...ซึ่งแบบนี้น่าสนุกกว่าเป็นไหน...
...เหมือนได้ย้อนวัยกลับไปสู่สมัยเข้าค่ายลูกเสือกับเพื่อนๆเมื่อครั้งผมบนกบาลยังเป็นทรงรองหวีไม่ผิดเลย...
จินดาและโกวิทช่วยกันกางเต๊นท์หลังน้อยที่กำลังจะกลายเป็นที่ซุกหัวนอนของพวกเขาในคืนนี้ด้วยท่าทางแข็งขัน แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนน้องจะสมาธิไม่ดีเท่าคนพี่ ยืนยันได้จากสายตาที่เหลือบมองไปทางถนนสายแคบที่ทอดผ่านหมู่บ้านไปอยู่เป็นระยะนั่นอย่างไร
...ลักษณะเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง...
เสียงทำงานของเครื่องยนต์จากขบวนรถตู้ที่ค่อยๆไต่ระดับความสูงขึ้นเนินมาดังขึ้นในจังหวะที่โครงเต๊นท์ของจินดาและโกวิทเพิ่งจะขึ้นรูปสวยงาม ฝุ่นดินที่ลอยฟุ้งขึ้นจากพื้นใต้ล้อเรียกความสนใจจากทุกคนในลานกว้างไปได้เป็นอย่างดี
“โอ๊ะ..มากันละ” โกวิทเอ่ยขึ้นเบาๆ ในขณะที่จินดาก็เผลอหยุดมือลงจากกิจกรรมตรงหน้าชั่วคราวพลางขยับลูกตาไล่มองตามรถตู้ที่แล่นเข้ามาจอดลงอย่างนิ่มนวลทีละคัน
บรรดาหนุ่มสาวชาวลิงเกอร์ฯพากันทยอยลงจากรถ บ้างคุ้นหน้า บ้างไม่คุ้น
“...รอคุณชาติอยู่เหรอ? ชะเง้ออย่างกับยีราฟ...”
คำถามที่ถูกส่งมาจากโกวิทเตือนให้จินดาเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนั้นว่าตัวเองกำลังแสดงท่าทีเช่นไรอยู่ ชายหนุ่มปล่อยให้สันหลังที่กำลังยืดตรงงอตัวกลับลงมาในท่าที่คุ้นชิน ฝ่าเท้าที่เขย่งขึ้นเต็มความสูงก็ถูกลดระดับจนนาบสนิทกับพื้นดินอีกครั้ง
“..ก็..ไม่ได้รอ แค่อยากรู้เฉยๆว่าใครมาบ้าง..” สถาปนิกรุ่นเล็กอ้อมแอ้มตอบออกไปไม่เต็มเสียง
“แล้วทริปนี้เขามาด้วยไหม?”
“...ไม่รู้เหมือนกัน เคยไลน์ไปถามแต่เขาบอกว่าต้องรอดูก่อนว่าเคลียร์งานเสร็จทันหรือเปล่า...อ๊ะ! นั่นคุณบัวนี่นา เดี๋ยวผมมานะพี่” จากที่กำลังเอ่ยถ้อยคำออกมาเนือยๆ จู่ๆสีหน้าและท่าทางของจินดาก็เปลี่ยนไปจนคู่สนทนาผงะ และทันทีที่สิ้นคำสุดท้ายลงร่างกายขนาดสันทัดก็เคลื่อนออกจากบริเวณนี้ไปอย่างรวดเร็ว
โกวิทดึงสายตากลับมามองเชือกผูกเต๊นท์ในมือต่อพลางลอบส่ายศีรษะไปมาเบาๆ
...นี่มันไม่รู้ตัวเลยหรือไงนะว่าแสดงท่าทีออกมาชัดเจนขนาดไหน...
...แล้วตอบมาได้ว่าไม่ได้รอ...
.
.
.
“คุณบัว! สวัสดีครับ!” จินดาส่งเสียงพุ่งไปก่อนตัว และเมื่อสาวเจ้าหันมามองเธอก็ได้พบกับใบหน้าเปื้อนยิ้มของพ่อสถาปนิกไฟแรงเป็นสิ่งแรก
“อ้าวคุณจิน สวัสดีค่ะ มาถึงกันนานหรือยังคะเนี่ย”
“เพิ่งถึงเมื่อสักชั่วโมงที่แล้วเองครับ มาก่อนลิงเกอร์ฯนิดเดียว ตอนนี้ยังกางเต๊นท์กันไม่เสร็จเลย”
“อ๋อ...งั้นก็ค่อยยังชั่ว ตะกี้บัวยังคุยกับเพื่อนๆกันอยู่บนรถว่าคนจากทอมทอมฯจะคิดว่าพวกเรากินแรงไหมเนี่ย” หญิงสาวกล่าวกลั้วหัวเราะก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆเมื่อสังเกตเห็นวี่แววแห่งความประดักประเดิดอยู่บนใบหน้าชวนมองของชายหนุ่ม หากแต่เพียงเสี้ยววินาทีถัดมาเธอก็เริ่มเดาออกว่าที่อีกฝ่ายอุตส่าห์วิ่งมาทักทายกันเช่นนี้แท้จริงแล้วมีจุดประสงค์อะไร
“..เอ่อคุณบัวครับ..ทริปนี้..คุณชาติมาด้วยหรือเปล่า?..”
นั่นปะไร!...ซื้อล็อตเตอรี่ไม่เห็นถูกแบบนี้บ้าง
“คุณชาติยังเคลียร์งานไม่เสร็จเลยค่ะ พอดีสัปดาห์หน้าคุณชาติมีนัดเจรจาครั้งสำคัญ ตอนนี้ก็น่าจะยังเตรียมเนื้อหาการพูดคุยอยู่ที่ออฟฟิศ...แต่จริงๆตอนแรกคุณชาติตั้งใจมากเลยนะคะว่าจะมาร่วมทริปนี้ให้ได้ น่าเสียดาย..เลยอดเจอกับคุณจินเลย”
ได้ฟังดังนั้นสีหน้าของจินดาก็เจื่อนลงโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตระหนักแม้สักนิด “อ้าว..เหรอครับ อืม..ก็งานยุ่งอะเนอะ ผู้บริหารก็แบบนี้”
สถาปนิกหนุ่มยืนเกาท้ายทอยด้วยท่าทางเงอะงะงุ่มง่ามอยู่ครู่ ส่วนฝ่ายหญิงสาวเองก็ได้แต่คลี่ยิ้มแห้งส่งไปให้ด้วยไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรดี
“..อ่า..คุณบัวเดินทางมาเหนื่อยๆ ผมไม่รบกวนแล้วดีกว่า ยังไงถ้าเกิดคุณบัวมีอะไรให้ช่วยก็เรียกผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ จริงๆงานช่างพวกนี้ไม่ค่อยเหมาะกับผู้หญิงเท่าไหร่”
“ขอบคุณมากเลยนะคะ งั้นเดี๋ยวบัวขอตัวไปเก็บของก่อน แล้วเจอกันค่ะ”
.
.
.
“น้องจินๆ”
“ครับพี่ส้ม?”
“พี่ขอแรงผู้ชายนิดสิ น้องจินช่วยยกกระสอบพวกนี้ออกไปไว้ที่รถกระบะทีได้ไหม? พวกพี่ยกกันไม่ค่อยขึ้นเลย พยายามอยู่ตั้งนานแล้วเนี่ย” มัณฑนากรสาวรุ่นลายครามและกลุ่มแก๊งของเธอเอ่ยไหว้วานสถาปนิกหนุ่มวัยน่าขบเผาะที่เดินผ่านมาพอดี
“อ๋อ ได้เลยครับ..ผมว่าพวกพี่เปลี่ยนงานไปช่วยพี่แม็คทางนู้นดีกว่า น่าจะไม่ต้องใช้แรงมากเท่าไหร่”
“ขอบคุณมากน้าน้องจิน ขอโทษนะจ๊ะที่รบกวน”
“ไม่เป็นไรครับพี่ แค่นี้สบายมาก”
จินดาฉีกยิ้มไล่หลังเหล่ารุ่นพี่สาวใหญ่แล้วจึงค่อยเบนสายตากลับมามองกระสอบใส่เศษแตกหักของวัสดุก่อสร้างที่ชำรุดจำนวนราวๆห้าถึงหกกระสอบ
ชายหนุ่มตรงเข้าไปลองออกแรงยกหนึ่งในกระสอบเหล่านั้นขึ้นจากพื้นก่อนจะต้องถึงกับส่งเสียงอุทานออกมาเบาๆ
“..อุ่ย..หนักเชี่ย..”
...เมื่อกี้โชว์แมนไปไม่ได้คิด...
...หลังจะเดาะไหมวะงานนี้?...
กระสอบใบเดิมถูกลากไปตามแรงดึงของสถาปนิกหนุ่มไฟแรง ขยับเขยื้อนไปได้เพียงไม่กี่ก้าวเหงื่อกาฬมากมายก็เริ่มไหลออกมาชโลมร่างไว้เสียแล้ว
จินดากัดฟันพาเจ้ากระสอบขนาดใหญ่มาถึงกระบะที่จอดอยู่ริมหมู่บ้าน ทันทีที่ออกแรงดันมันขึ้นไปอยู่บนท้ายรถได้สำเร็จลมหายใจเฮือกโตก็ถูกผ่อนออกมาโดยพลัน
ชายหนุ่มหยุดยืนเท้าเอวพักเหนื่อยอยู่ข้างกระบะคันเดิมทั้งที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปได้เพียงกระสอบเดียว ลูกตาดำขลับใต้กรอบเรียวรีทอดมองไปยังบรรยากาศแสนครึกครื้นที่กำลังเกิดขึ้นภายในหมู่บ้าน ผู้ร่วมทริปทุกชีวิตไม่ว่าจะมาจากทอมทอมฯ ลิงเกอร์ฯ หรือแม้กระทั่งเหล่าเจ้าบ้านเองต่างก็ดูสนุกสนานกับกิจกรรมที่ได้ทำ
...ซึ่งที่จริงแล้วตัวเขาก็ควรจะรู้สึกอย่างนั้นไม่ใช่หรือไง?...
...แต่ทำไมนะทำไม? ตอนนี้เขาไม่ยักมีอารมณ์ร่วมเหมือนอย่างปีก่อนๆเลยสักนิด รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นต้นไม้เฉาๆต้นหนึ่งอย่างไรไม่รู้...
...กิ่งใบแห้งกรอบ ขาดน้ำ ขาดแสง...
“...ตากแดดจนหน้าแดงหมดแล้วนะครับคุณจินดา...”สุ้มเสียงที่คุ้นเคยของใครบางคนดังขึ้นมาพร้อมกับร่มเงาจากหมวกแก็ปที่ถูกจับสวมลงบนศีรษะของคนเป็นเจ้าของชื่อ
จินดาสะดุ้งตัวขึ้นน้อยๆก่อนจะรีบสะบัดหน้ากลับไปมองทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว
“พี่ชาติ!” “เป็นไง? ไม่ได้เจอกันตั้งนาน” นักธุรกิจคนดังที่วันนี้อยู่ในชุดลำลองเอ่ยทักทายพลางคลี่ยิ้มหล่อเหลาอวดคู่สนทนา
“ไหนคุณบัวบอกว่าพี่มาไม่ได้? ยังเคลียร์งานไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ?”
“เสร็จแล้ว เพิ่งทำเสร็จบนเครื่องบินนี่แหละ ลงเครื่องปุ๊บก็รีบเช่ารถขับขึ้นมาบนนี้เลย...
คิดถึงจินจะแย่...”
ถ้อยคำจากปากของธีรชาติทำเอาคนฟังผงะถอยหลังไปเกือบครึ่งก้าว จินดาดึงสายตาหลบวูบลงมองปลายเท้าราวกับเด็กถูกจับได้ว่าทำผิด
...คิดถึงจะแย่...
แม้ว่าธีรชาติจะเป็นเจ้าของคำพูด แต่สถาปนิกหนุ่มกลับรู้สึกว่าคำๆนี้มันอธิบายความรู้สึกทั้งหมดที่ตัวเขามีมาตลอดหลายวันได้ดีเหลือเกิน
...ไอ้ที่อยากเจออยากคุย จริงๆมันก็คืออาการที่เรียกง่ายๆว่า ‘คิดถึง’ ไม่ใช่หรือไงวะ? แล้วทั้งที่ง่ายขนาดนี้แต่ทำไมเขาไม่เคยนึกถึงคำนี้มาก่อน...
...เขาเองก็คิดถึงธีรชาติจะแย่เหมือนกัน...
“โม้แล้วพี่...อยากมาเที่ยวก็บอกดีๆ...” จินดากล่าวกลั้วหัวเราะเสียงเบา สายตาของเขายังคงเบนไปนู่นมานี่ มองทุกอย่างยกเว้นใบหน้าของธีรชาติ
“โม้ที่ไหน คิดถึงจริงๆ เห็นใต้ตาพี่ไหมเนี่ย? ที่มันคล้ำขนาดนี้เพราะรีบเคลียร์งานดึกๆดื่นๆทุกคืน จะได้มาทันทริปนี้...ที่อยากมาก็เพราะจินคนเดียวเลยนะ สาบานได้”
...โอย...
ถ้าสถานที่ตรงนี้เป็นสังเวียนมวย ก็ถือได้ว่าเมื่อครู่จินดาเพิ่งจะโดนหมัดฮุกปลายคางเข้าไปเต็มๆ
...ระหว่างที่ไม่ได้เจอกันหลายวันไม่รู้ว่าธีรชาติไปทำอะไรมาบ้าง? กลับมาเจอกันคราวนี้อัพเลเวลจนเขาไม่กล้ามองตาเลยให้ตายเถอะ...
นักออกแบบหนุ่มส่งกำปั้นต่อยลงไปที่หน้าท้องอุดมกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายเพียงเบาๆ “อันนี้ก็โม้อยู่ดีอะ...ผมไปยกของต่อดีกว่า เดี๋ยวคนอื่นหาว่าอู้งาน” พอกล่าวจบร่างกายขนาดสันทัดก็หมุนกลับไปทางทิศเดิมก่อนเคลื่อนห่างออกจากรถกระบะคันนี้ไปทันที
...และแน่นอนว่าธีรชาตินั้นสาวเท้าตามไปอย่างไม่ต้องสงสัย...
.
.
.
เหล่าผู้ร่วมทริปจำนวนหลายชีวิตโดยเฉพาะพวกที่เป็นคนของลิงเกอร์ฯต่างก็มีท่าทีตกอกตกใจไปตามๆกันที่ได้เห็นทายาทเจ้าสัวเดินทางขึ้นมาถึงที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง
...แถมตอนนี้ผู้บริหารระดับสูงคนที่ว่ายังกำลังออกแรงยกกระสอบใบโตอย่างสมบุกสมบันเสียด้วย...
“เฮ้ย..คุณชาติมาด้วยเหรอเนี่ย ทำไมอะ?”
“มาให้พีอาร์ถ่ายรูปส่งนักข่าวหรือเปล่า?...เพื่อภาพลักษณ์บริษัทไงแก”
บทสนทนากระซิบกระซาบของบรรดาพนักงานหญิงจากลิงเกอร์คอร์ปฯเรียกความสนใจจากกลุ่มสถาปนิกที่ยืนกันอยู่ไม่ไกลไปได้เป็นอย่างดี
...โกวิทเองก็หนึ่งในนั้น...
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าครึ้มหนวดครึ้มเคราหันมองไปตามทิศทางสายตาของสาวๆกลุ่มนั้นก่อนจะต้องลอบเดาะลิ้นเบาๆอย่างนึกเบื่อหน่าย ลูกตาทั้งสองข้างกรอกขึ้นมองฟ้าก่อนจะหลุบกลับมาที่วัสดุมุงหลังคาในมือต่อตามเดิม
...มาถึงก็เดินตามกันต้อยๆเชียว...
...ฮึ่ม...
...หมดสนุกเลยเว้ย...
TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853
