ราคาฝัน # 21
...ทั้งที่งานก็เดินเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว...
...แถมยังมีคำแนะนำจากรุ่นพี่ผู้มากประสบการณ์มาคอยเสริมไอเดียอยู่เป็นระยะ...
...แต่ทำไมหนอทำไม? ทำไมจินดาถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศการทำงานมันไม่เพลิดเพลินเท่าเมื่อครั้งตำแหน่งของโกวิทยังอยู่ในมือธีรชาติ...
สถาปนิกหนุ่มเจ้าของห้องเหลือบตามองสถาปนิกอีกรายที่กำลังวางสมาธิจดจ่ออยู่กับการขึ้นโมเดลสามมิติในคอมพิวเตอร์อยู่ข้างกายด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
แน่นอนว่าเขารู้สึกขอบคุณและสำนึกในบุญคุณของโกวิทไม่ได้ต่างไปจากที่เคยรู้สึกกับธีรชาติ เพราะพี่ชายรายนี้เองก็ให้ความช่วยเหลือแก่เขาอย่างเต็มอกเต็มใจทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องมาร่วมลำบากเช่นกัน
...แต่นอกเหนือจากเรื่องนั้นแล้ว เหมือนในใจมันยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เขาไม่ยักรู้สึกกับโกวิท...
...บอกไม่ถูกว่าคืออะไร รู้เพียงแค่ว่าตอนอยู่กับธีรชาติมันต่างออกไป...
“จ้องกูนาน เดี๋ยวกูท้องนะ”
ถ้อยคำยียวนที่ดังขึ้นจากรุ่นพี่คนสนิทดึงให้สติของจินดากลับมาอยู่กับสรรพสิ่งรอบกายอีกครั้ง
“จ้องคอมฯนานแล้วมันปวดตาไง ผมก็มองไปเรื่อย” สถาปนิกรุ่นเล็กกล่าวเสียงแห้ง “พี่ขึ้นโมเดลเร็วมากเลย ทำได้’ไง?”
“โอ๊ย ระดับนี้แล้ว กะพริบตาสองทีก็เรียบร้อยเว้ยไอ้น้อง” โกวิทหันมายักคิ้วให้คนถามไปเสียหนึ่งที “แล้วทำไมหน้ามึงถึงเจื่อนขนาดนั้นอะ? ทำตัวให้สดชื่นหน่อยสิวะ นี่ยังไม่ทันเที่ยงคืนเลย อย่าเพิ่งรีบง่วง ไปแดกเอ็มร้อยฯสักขวดไป”
จินดาไม่ได้ทำตามคำแนะนำ ชายหนุ่มเพียงแต่ส่ายศีรษะไปมาเบาๆก่อนหันกลับไปหางานในจอแล็ปท็อปตรงหน้าต่อตามเดิม
...แววตาของโกวิทเปลี่ยนไปในตอนนั้นเอง...
โกวิทมั่นใจในสกิลการทำงานของตัวเอง สปีดก็ดี เนื้องานก็เป๊ะ กล้าฟันธงได้เลยว่าหากเป็นงานสายเต็กแล้วเขาต้องมีประโยชน์กับเจ้ารุ่นน้องตัวดีมากกว่าผู้บริหารคนนั้นแน่นอน
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น จินดากลับไม่ได้มีท่าทีประทับใจในตัวเขาสักเท่าไหร่ บางทีก็ดูเหม่อลอยเหมือนว่าในหัวกำลังคิดเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องงาน และบางทีก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับธีรชาติขึ้นมาโดยที่เขาไม่ได้เอ่ยปากถามสักนิด
...อยากรู้จังเลยว่าตอนอยู่กับคนๆนั้นจินดาจะมีอาการแบบนี้บ้างไหม?...
ลมหายใจหนักหน่วงถูกผ่อนออกมาอีกระลอกใหญ่
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ฝ่ามืออวบหนายกน้ำในแก้วขึ้นจิบพลางสายตาก็กวาดมองผู้คนโดยรอบด้วยความรู้สึกไม่คุ้นชินไปด้วย
เพราะพื้นเพเดิมนั้นเติบโตมาจากสายออกแบบ ไม่ใช่สายธุรกิจ เมื่อต้องเอาตัวเองมาปะปนอยู่กับบรรดาผู้ประกอบการมากหน้าหลายตาเช่นนี้แล้วต้อมถึงได้รู้สึกเก้กังอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของกิจการคนหนึ่ง อย่างไรก็คงต้องมาอัพเดทความรู้เชิงบริหารตามงานสัมมนาพวกนี้บ้างอย่างน้อยก็ปีละหนสองหน
“คุณต้อมจริงๆด้วย” เสียงเรียกจากใครบางคนที่ดังเข้ามาพร้อมตัวเรียกให้คนเป็นเจ้าของชื่อต้องหันไปมอง
“อ้าวคุณภพ สวัสดีครับ...ช่วงบรรยายของคุณภพเมื่อกี้ดีมากๆเลยครับ ผมได้แนวคิดกลับไปเพียบเลย”
‘คุณภพ’ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการจากบริษัทลิงเกอร์คอร์ปฯที่วันนี้ถูกเชิญให้มาเป็นหนึ่งในวิทยากรและเพิ่งจะพูดจบลงไปได้ไม่กี่นาทีก่อนเดินพาใบหน้าเปื้อนยิ้มเข้ามาหาต้อมด้วยท่าทางเป็นมิตร สนิทชิดเชื้อกันเป็นพิเศษก็ด้วยเรื่องที่ลูกสาวแกอยากสอบเข้าคณะสถาปัตย์ ก่อนหน้านี้ก็เลยเคยมาขอคำแนะนำจากสถาปนิกตัวจริงไปเป็นกระบุง
“เมื่อกี้ตอนอยู่บนเวทีผมก็มองอยู่ว่า เอ้..หน้าคุ้นๆ เป็นคุณต้อมนี่เอง ช่วงเป็นยังไงบ้างครับ สบายดีนะ?”
“สบายดีครับสบายดี แล้วคุณภพล่ะครับงานยุ่งไหม? ได้ข่าวว่าช่วงนี้หุ้นลิงเกอร์ฯกำลังขึ้นเอาขึ้นเอาเลยนี่”
“อย่างนี้แหละ ขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวเดือนหน้าเปิดตัวแพ็คเกจใหม่ ยังเสียวๆอยู่เนี่ยว่าพวกนักลงทุนจะมองยังไง..เอ้อ จริงสิ..เห็นว่าอีกสามสัปดาห์ก็จะถึงกำหนดไฟนอลพรีเซ็นต์แล้ว เดี๋ยวคุณต้อมเข้ามาพรีเซ็นต์เองเลยไหม? หรือจะส่งเด็กมาลุยเหมือนเดิม?”
คำถามที่ถูกส่งมาทำเอาคนฟังถึงกับต้องเลิกคิ้วปั้นหน้ามึนด้วยความงุนงง “...ไฟนอลพรีเซ็นต์เหรอครับ?...คุณภพหมายถึง..?”
“ก็โปรเจ็คต์เฮดควอเตอร์ไง”
“เฮดควอเตอร์?..เอ สงสัยคุณภพเข้าใจผิดแล้วมั้งครับ บริษัทผมไม่ได้ทำโปรเจ็คต์นั้นแล้ว”
“เฮ้ย พูดเป็นเล่น..วันก่อนยังเห็นเด็กคุณเข้ามาพรีเซ็นต์งานที่ออฟฟิศอยู่เลย เสียดายช่วงนี้ผมง่วนอยู่กับเรื่องแพ็คเกจใหม่เลยไม่ค่อยได้เข้าไปฟังด้วย แต่พอรู้มาบ้างว่าบอร์ดหลายคนสนใจงานของทอมทอมฯนะ”
...อะไรวะ?...
...ยิ่งฟังทำไมถึงยิ่งงง?...
“เด็กผมคนไหนเหรอครับที่คุณภพกำลังพูดถึง? ทำไมผมนึกไม่ออกเลย..”
...ก็ไม่ได้ส่งใครเข้าไปเสนองานสักหน่อย...
...นึกออกก็แปลกแล้ว...
“ก็คนนั้นไง ชื่ออะไรแล้วน้า..เอ..เจ้าหนุ่มที่หน้าตี๋ๆน่ะ คนที่ตัวเล็กๆหน่อย ท่าทางดูฉะฉาน..ดูสิ ผมลืมชื่อเขาซะแล้ว..”
...‘หน้าตี๋ๆ’ ‘ตัวเล็กๆ’ แล้วก็ ‘ท่าทางดูฉะฉาน’...
...นั่นมัน...
“จินดาเหรอครับ?”
“เอ้อใช่ๆ จินดา...
เขาชื่อจินดา”
.
.
.
...เผลอเป็นไม่ได้ จินดาเป็นต้องแอบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คไลน์ตลอด...
...ตามันคอยจะมองไปยังแอคเคานท์ที่ใช้ชื่อว่า ‘Teerachart’ ว่ามีข้อความใหม่ๆส่งมาบ้างหรือเปล่าอยู่เรื่อย...
...เป็นบ้าเป็นบอ...
“กลับบ้านกันมึง ได้เวลาเลิกงานละ” โกวิทที่ตอนนี้วางมือลงจากเมาส์คู่ใจเป็นที่เรียบร้อยหันมากล่าวกับรุ่นน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงสดชื่นผิดวิสัยคนที่ผ่านการทำงานอย่างหนักมาทั้งวัน
“เดี๋ยวขออีกสักสิบห้านาทีได้ไหมพี่? ไฟล์นี้ใกล้เสร็จแล้ว”
“โอเค ตามสบาย กูรอ”
บรรยากาศของออฟฟิศยามเย็นดำเนินไปอย่างเป็นปกติสุขเช่นทุกวัน พนักงานหลายคนเริ่มเก็บกระเป๋า ปิดคอมพิวเตอร์ ส่วนพวกสมาชิกทีมโปรเจ็คต์ที่วันส่งงวดเข้ามาทุกทีแล้วนั้นก็ยังนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่โต๊ะในท่าเดิมราวกับเป็นรูปปั้นหินสลักที่ผ่านฝนผ่านหนาวกันมาจนเนื้อตัวหมองคล้ำ
...ทุกสิ่งดูปกติมากเสียจนจินดาไม่ได้เตรียมใจไว้เลยแม้แต่น้อยว่าในอีกไม่กี่นาทีอันใกล้นี้เขาจะต้องประสบพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน...
“อ้าวป๋า..กลับมาออฟฟิศทำไมอะ? ผมนึกว่าพอสัมมนาเสร็จแล้วป๋าจะกลับบ้านเลยซะอีก”
ถ้อยคำทักทายที่โกวิทเปล่งออกมาด้วยท่าทางสบายๆเรียกให้จินดาต้องละสายตาออกจากจอคอมฯเพื่อมองไปทางประตูบริษัท ร่างอวบอัดอันคุ้นตาของนายใหญ่กำลังตรงดิ่งเข้ามาหาพวกเขาราวกับล็อคพิกัดมาตั้งแต่แรกแล้ว
จินดาเผลอตัวกระตุกหัวคิ้วเข้าหากันน้อยๆเมื่อได้เห็นแววถมึงทึงที่ฉายอยู่บนใบหน้าของสถาปนิกรุ่นใหญ่ ไม่บ่อยนักหรอกที่คนอารมณ์ดีอย่างต้อมจะดูซีเรียสแบบนี้
...มีโปรเจ็คต์ไหนโดนลูกค้าล้มแบบหรือไงนะ?...
“ไอ้จิน ตามกูมาที่ห้อง..มีเรื่องจะคุยด้วย”.
.
.
