...แวะไปรอขอโทษที่ล็อบบี้คอนโดฯ ธีรชาติก็ตอบกลับมาเพียงแค่คำว่า ‘ครับ’ แล้วเดินหนีขึ้นห้องไป...
...โทรฯไปขอโทษในช่วงเวลาที่มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ติดธุระใดแน่ๆ ธีรชาติก็ตอบกลับมาเพียงแค่คำว่า ‘ครับ’ แล้ววางสายไป...
...ไลน์ไปขอโทษเป็นสิบๆข้อความ ธีรชาติก็ยังตอบกลับมาเพียงแค่คำว่า ‘ครับ’ แล้วไม่ตอบอะไรกลับมาอีกเลย...
สถาปนิกหนุ่มผ่อนลมหายใจออกจนสุดปอด
จินดาไม่มีหน้าจะกลับไปให้ธีรชาติช่วยงานอีกหลังจากปากไวพูดจาร้ายกาจออกไป จนถึงวันนี้ก็ครบหนึ่งสัปดาห์เต็มแล้วที่เขาไม่ได้ไปเหยียบเพนต์เฮาส์แห่งนั้น และแม้ว่านักธุรกิจคนดังจะไม่ได้กล่าวออกมาเป็นคำพูด แต่อวัจนภาษาทั้งหลายทั้งปวงที่ถูกแสดงออกมาก็บอกให้รู้ได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้ตัวเขากำลังโดนฝ่ายนั้นไล่ออกจากชีวิตเสียแล้ว
...เพราะความโง่เง่าที่ไม่ยอมควบคุมอารมณ์ให้ดีแท้ๆ ถึงได้ต้องกลายมาเป็นหมาหัวเน่า...
“เป็น’ไรวะมึง? วันนี้เกมสนุกออก ไม่เอ็นจอยเลยเหรอ?”
คำถามจากคนเป็นรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างกันเรียกให้เขาต้องหันมอง
“ก็เอ็นจอยพี่ เพียงแต่ผมรู้สึกเหนื่อยๆก็เลยอยากนั่งดูเงียบๆ”
วันนี้มีบอลนัดสำคัญที่ทีมชาติไทยเตะกับประเทศอื่น เหล่าชายฉกรรจ์จากทอมทอมสตูดิโอจึงพากันเฮโลมานั่งกินนั่งดื่มชมเกมกันอยู่ที่ร้านเล็กๆข้างบริษัท
ทั้งที่คนรอบข้างออกท่าออกทางเชียร์อย่างมีอารมณ์ร่วมกันทุกราย แต่จินดากลับนั่งกอดอกจ้องจอนิ่งๆเหมือนกำลังดูถ่ายทอดสดพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเห็นสีหน้าไม่แจ่มใสของน้องชายคนดีโกวิทจึงวาดมือขึ้นโอบไหล่อีกฝ่ายไว้ก่อนออกแรงเขย่าไปมาเบาๆ “เครียดอะไรหรือเปล่า? ช่วงนี้ดูมึงไม่ค่อยแฮปปี้นะกูว่า”
จินดาหันมองคนข้างกายด้วยสายตาราวกับกำลังชั่งใจว่าจะตอบออกไปตามตรงหรือปฏิเสธดี
“นี่...บอกกูได้นา ถ้าไม่อยากให้กูรู้เยอะเกินไปก็ไม่ต้องเล่าหมดก็ได้ แค่ระบายออกมาบ้างก็ยังดี เผื่อจะเก๊กซิมน้อยลง...หน้ามึงจะแก่เป็นลุงอยู่แล้วเนี่ย”
“โอ้โห พูดไม่ดูอายุตัวเองเลยพี่โก๋”
ได้ยินดังนั้นคนฟังก็หัวเราะออกมาเสียงเบา
จินดาทอดถอนใจอีกครั้งแล้วจึงยอมเปิดปากบอกถึงเรื่องราวในใจ “ที่จริงเรื่องมันผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้ว...คือผมไปพูดจาไม่ดีใส่ใครคนหนึ่งมา ไม่รู้จะทำยังไงให้เขาหายโกรธ ตอนนี้เขาไม่ยอมคุยกับผมเลย”
“แน่ะ! ผู้หญิงเหรอ?”
“เปล่า...ผู้ชาย เป็นเพื่อน..” สถาปนิกไฟแรงกล่าวออกมาเช่นนั้นก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันน้อยเมื่อๆเพิ่งนึกตระหนักได้ถึงข้อเท็จจริงบางประการเดี๋ยวนั้นเอง “..ไม่สิ..จริงๆก็ไม่เชิงเพื่อน เขาเป็นคนที่ผมควรต้องเกรงใจมากเป็นพิเศษ แต่ผมดันชอบทำเหมือนเขาเป็นเพื่อน..ฝ่ายเขาอาจจะไม่ได้เห็นผมเป็นเพื่อนก็ได้มั้ง”
สิ่งที่ได้ฟังส่งผลให้จังหวะการหายใจของโกวิทสะดุดลง
...แม้จินดาจะไม่ได้เอ่ยชื่อบุคคลที่สามออกมา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาถึงได้คิดว่าเขารู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร...
ใบหน้าของธีรชาติ อชิรญาและภาพยามที่เห็นรุ่นน้องคนนี้ก้าวขึ้นเมอร์เซเดส-เบนซ์เอสคลาสสีดำสนิทเมื่อหลายวันก่อนผุดขึ้นกลางห้วงสำนึก
เสียงเฮจากบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ดังขึ้นอีกระลอกเมื่อทีมไทยทำประตูได้อย่างสวยงาม
“มึง เราไปนั่งตรงนู้นกันเถอะ...คุยกันแบบนี้ไม่ค่อยได้ยินเลยว่ะ”
“อ้าว แล้วพี่ไม่ดูเกมเหรอ?”
คนถูกถามส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่เป็นไร ไว้กูค่อยกลับไปหาดูทีหลังก็ได้...ไปเถอะไป”
ว่าแล้วคนทั้งสองก็ลุกขึ้นจากตรงนั้นแล้วเดินตามกันไปนั่งลงที่บาร์ซึ่งอยู่ห่างจากคนทั้งกลุ่มไปพอสมควร
“อะ...เล่ามา”
แม้ในใจจะรู้ดีว่าจินดาคงไม่บอกรายละเอียดให้เขารู้ แต่กระนั้นโกวิทก็ยังอยากให้รุ่นน้องได้มีที่ระบาย
...เห็นมันทำหน้าหมองมาทั้งสัปดาห์แบบนี้แล้วเขาเองก็ไม่สบายใจ...
...ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง ขอแค่ให้มันกลับมาร่าเริงเหมือนเก่าก็พอ...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
จนแล้วจนรอดจินดาก็ไม่สามารถทำใจให้เส้นความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างเขาและธีรชาติขาดลงโดยที่ต่างฝ่ายต่างเลิกติดต่อกันไป ง่ายๆเช่นนี้ได้
...ในฐานะที่เป็นคนผิด เขาก็อยากจะพยายามขอโทษดูอีกสักครั้งแม้ว่าคราวก่อนๆอีกฝ่ายจะแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากเสวนาด้วยนักก็ตาม...
สถาปนิกหนุ่มนั่งชะเง้อรอผู้บริหารคนดังอยู่ที่บริเวณล็อบบี้ของคอนโดฯหรูกลางย่านทองหล่อด้วยสีหน้าหม่นหมอง
...หวังเหลือเกินว่าวันนี้ธีรชาติจะยอมรับคำขอโทษของเขาไปสักที...
.
.
.
“ขอบคุณมากครับลุงสมหมาย”
นักธุรกิจเจ้าของร่างกายสูงใหญ่กล่าวคำขอบคุณกับผู้เป็นสารถีก่อนก้าวลงจากรถยนต์คันหรูตรงหน้าทางเข้าล็อบบี้คอนโดฯ ละอองฝนที่ถูกสายลมหอบเข้ามาโดนเนื้อตัวทำให้เสื้อเชิ๊ตราคาแพงที่เขาสวมใส่อยู่นั้นเปียกชื้นเป็นจุดๆ
ชายหนุ่มหันหลังกลับไปมองสภาพอากาศนอกชายคาครู่หนึ่ง
...วันนี้กรมอุตุบอกว่าพายุเข้า...
...ดูท่าแล้วฝนคงตกแบบนี้ไปทั้งคืน...
ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกผ่อนออกมาจากสุดปอด
...จะอึมครึมแบบนี้ไปอีกกี่วันกัน? ไม่ชอบเลย...
ธีรชาติหันกลับมาทางทิศเดิมหมายว่าจะเดินเข้าตัวอาคาร หากแต่ทันทีที่ได้เห็นคนที่โผล่มายืนฉีกยิ้มแห้งอยู่ทางด้านหลังตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เขาก็ต้องผงะไปเล็กน้อย
“สวัสดีครับ” ผู้บริหารหนุ่มเอ่ยคำทักทายตามมารยาทออกไปเสียงเรียบ “มาทำอะไรที่นี่?”
“ก็มาหาพี่ชาตินั่นแหละ”
“มีธุระอะไรล่ะ?” ธีรชาติถามพลางเดินนำเข้าประตูล็อบบี้ไปด้วยกลัวว่าหากยืนกันอยู่ตรงนี้นานๆประเดี๋ยวเนื้อตัวจะชุ่มไปเสียก่อน
“ผมอยากมาขอโทษอีกครั้งที่วันนั้นผมพูดจาไม่ดีใส่พี่...ผมรู้สึกผิดจริงๆ ขอโทษนะครับพี่ ขอโทษจากใจเลย”
“ครับ”
คำตอบแสนห้วนของนักธุรกิจคนดังทำเอาจินดาหน้าเสียไปทันใด “...ดูเหมือนพี่ยังไม่หายโกรธผม...ผมไม่ได้คิดอย่างที่ปากพูดออกไปเลยจริงๆนะ เชื่อผมเถอะ ยอมรับว่าพูดออกไปเพราะความปากหมาล้วนๆ ผมขอโทษที่ผมควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ผมนิสัยห่วยเอง ยกโทษให้ผ..”
“จิน” ยังไม่ทันที่คำของสถาปนิกร่างสันทัดจะจบลงธีรชาติก็เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกระด้างไม่รื่นหูเสียก่อน “พี่ไม่ใช่เด็กแล้ว ประโยคง่ายๆพี่ฟังครั้งเดียวรู้เรื่อง ไม่ต้องย้ำบ่อยหรอก...ถ้าเห็นว่าพี่ไม่ได้ว่าอะไรจินก็น่าจะพอได้แล้วมั้ง”
“แต่...”
“ยังไม่จบเหรอ?”
จินดาหลุบตาลงมองปลายเท้าเพื่อแอบซ่อนความรู้สึกอัดอั้น สิ่งที่ได้ฟังจากปากของธีรชาติในคราวนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายนั้นเหม็นขี้หน้าเขาเข้าแล้วจริงๆ
...ทั้งที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์แต่การวางท่าเฉยเมยก็ยังไม่หายไป...
...แบบนี้คงไม่ได้แค่งอนเหมือนเวลาเพื่อนโกรธกันแบบที่เขาหวังให้เป็นในทีแรกแล้วล่ะ...
...นี่มันน่าจะอยู่ในเลเวลของคำว่ารังเกียจเลยทีเดียว...
“จบก็ได้ครับ..” สถาปนิกหนุ่มกล่าวเสียงแผ่วและไม่คิดเงยหน้าขึ้นสบตาอีกเลย “..ผมขอโทษที่มารบกวน แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ผม..ซาบซึ้งใจมาก...”
“ไม่เป็นไร งั้นถ้าวันนี้จินหมดธุระแล้วพี่ขอตัวนะ”
ว่าแล้วผู้บริหารทายาทตระกูลดังก็เดินออกจากตรงนั้นไปโดยไม่มีการอ้อยอิ่งโอภาปราศรัย
...เย็นชาเกินไปแล้ว...
น่าแปลกว่าทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่จินดากลับรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างตีขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอย ซ้ำบริเวณหัวตามันก็ยังอุ่นๆอย่างที่ไม่ควรจะเป็นอีกด้วย
เขาพยายามกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความยากลำบาก
...นิ่งไว้ไอ้จินเอ๊ย...
...โตเป็นควายแล้ว อย่ามาทำอะไรชวนขายหน้าตรงนี้เป็นอันขาดเชียว...
...เรื่องเล็กแค่นี้เอง...
.
.
.
ในจังหวะที่สองขายาวๆกำลังจะก้าวไปถึงโถงลิฟต์อยู่แล้วนั้น ธีรชาติก็หยุดตัวเองไว้ก่อนจะหันหลังกลับไปทางทิศเดิมราวกับเพิ่งนึกอะไรได้
ชายหนุ่มหยุดยืนมองความเคลื่อนไหวของคนที่เขาเพิ่งจะลาจากอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเห็นว่าใครคนที่ว่าตั้งท่าจะเดินออกจากอาคารหลังนี้ไปทั้งที่สภาพทางด้านนอกนั่นยังคงเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำห่าใหญ่จากท้องฟ้าเขาก็ต้องส่ายศีรษะไปมาก่อนจะสาวเท้ากลับไปหา
...ฝ่ามือหนาคว้าต้นแขนของพ่อสถาปนิกตัวดีไว้ได้ในจังหวะก่อนที่ร่างกายขนาดสันทัดนั่นจะพ้นออกจากชายคาไปเพียงวินาทีเดียว...
“..พ..พี่ชาติ..”
จินดาหันมามองเขาหน้าตื่น ดูท่าทางคงประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
“ขึ้นไปที่ห้อง” ธีรชาติว่าเช่นนั้นก่อนจะเริ่มออกแรงดึงตัวจินดาให้เดินตามไป
“..ขึ้นไป..ทำไม?..”
“ฝนตกแรงขนาดนี้จะกลับยังไง?”
แม้จะมีคำถามแต่กระนั้นนักออกแบบหนุ่มก็ยอมก้าวขาตามไปเรื่อยๆ แขนของเขายังคงอยู่ในมือของอีกฝ่าย “เดี๋ยวผมนั่งรอให้ฝนหยุดที่ล็อบบี้ก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องรบกวนพี่”
มาถึงตรงนี้ผู้บริหารมาดดีก็ปรายตามองคู่สนทนาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คืนนี้พายุเข้ากรุงเทพฯ...ถ้าจะรอให้มันหยุดตก ก็คงต้องรอถึงเช้านะ”
TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853
