ตอนที่ 10
“พรุ่งนี้ตอนเย็นฉันจะไปรับ”
“ครับ?” กานต์รักหมุนกายกลับมาแล้วเอียงหน้าน้อยๆให้คนด้านหลังด้วยความไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ที่รถคันหรูด้วยเพราะอีกคนจะต้องกลับร้าน
“พรุ่งนี้หลังจากปิดร้านแล้วฉันจะไปรับ” เสียงทุ้มเอ่ยย้ำอีกครั้ง
“อ่า ครับ...งั้นรักกลับแล้วนะครับ” แม้จะไม่แน่ใจนักว่าคนอย่างแพทริกน่ะหรือจะไปรับตัวเองทว่าใจดวงน้อยก็ลิงโลดไปแล้วเรียบร้อย เสียงหวานจึงตอบรับแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยคำลา
“แน่ใจนะว่าไม่ให้แซมกับโจเซฟไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกครับ เสียเวลาเปล่าๆ”
ทีแรกคนตัวสูงนั้นบอกว่าจะให้แซมขับรถไปส่งที่ร้านโดยมีโจเซฟขับตามไป พอส่งเขาเรียบร้อยแล้วค่อยให้คนสนิทกลับมาด้วยกัน ทำอย่างนั้นกานต์รักคิดว่ามันวุ่นวายและเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ แค่นี้เองเขากลับได้สบายมาก
“อืม ตามใจ”
“แล้ว...เจอกันนะครับ” ใบหน้าหวานแย้มยิ้มกว้างพร้อมกับโบกมือน้อยๆให้ร่างสูงที่พยักหน้ารับ มือเล็กกดปลดล็อคประตูรถก่อนจะสอดตัวเข้าไปข้างใน
กึก
ทว่ายามมือบางกำลังจะปิดประตูรถคันหรูลงมันกลับถูกรั้งไว้จากอีกคน
จุ๊บ
“ถึงแล้วโทรหาฉันด้วย” ริมฝีปากได้รูปฉกวูบลงมาชั่วครู่ก่อนจะผละออก คนไม่ทันได้ตั้งตัวได้แต่กะพริบตาปริบๆ ความนุ่มหยุ่นนั้นทิ้งสัมผัสเอาไว้จนกานต์รักรู้สึกร้อนไปทั่วริมฝีปาก ราวกับคุณแพทริกยังไม่ได้ผละออกไปไหนซักนิด
“คะ ครับ” สติอันน้อยนิดถูกดึงกลับมาก่อนคนมึนเบลอจะตอบรับเสียงสั่น ได้ยินดังนั้นร่างสูงก็ผละออก กานต์รักถึงได้ค่อยๆปิดประตูรถลง
คนตัวเล็กนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสลัดหัวตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติให้เข้าที่แล้วหันไปสตาร์ทรถ ดวงตาใสเหลือบมองคนตัวสูงที่ยังยืนอยู่ด้านข้างก่อนจะรีบหันไปออกรถเพราะกลัวว่าหากสบสายตาคมนานกว่านั้นพลันจะทำให้ไม่มีสมาธิขับรถกลับ ขืนเป็นอย่างนั้นคงจะสอยเสาไฟฟ้าหรือไฟท้ายรถคันหน้าเข้าซักอย่าง
กานต์รักมาถึงร้านในเวลาประมาณเกือบบ่ายโมง มือบางคว้าโทรศัพท์มือถือที่ไร้ซึ่งแบตเตอร์รีและกระเป๋าตังก่อนจะก้าวลงจากรถ
“อ้าว พี่รัก หายไปไหนมาครับ” กานต์รักเลิกคิ้วมองเด็กตรงหน้าที่อยู่ในชุดพนักงานนิ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งเป็นวันที่มินเริ่มงานวันแรก
“โทษทีนะที่พี่ไม่อยู่ แล้วนี่ใครดูแลเราล่ะหืม”
“พี่เอง” เสียงทุ้มของคนเป็นพี่ชายมาพร้อมกับเรือนร่างสูงใหญ่ที่เดินก้าวเข้ามา กานต์รักเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ ใช่อยู่ที่ว่าพร้อมเองก็รู้งานทุกอย่างในร้านดีทว่าเขาก็ยังอดแปลกใจไม่ได้
“ก็น้องชายหนีไปอยู่กับผู้ชายพี่ก็เลยต้องรับหน้าที่ดูแลมินเพราะคนอื่นยุ่งๆกันอยู่”
“รักไม่ได้หนีไปอยู่กับ...ผู้ชายเสียหน่อย” เสียงหวานเอ่ยโต้ตอบแผ่วเบาเมื่อไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปาก
“แพทริก เบรนเนแกนนี่ไม่ใช่ผู้ชาย?”
คนเป็นพี่เลิกคิ้วถามต้อนน้องชายไปเรื่อยๆ มันน่าหมั่นไส้นักที่คนน้องนั้นยอมไอ้คนตัวโตไปเสียหมด กลับมาสภาพชุดใหม่คลุมทั้งตัวขนาดนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโดนกินไปทั้งตัว แถมเมื่อวานแพทริกยังโทรเข้ามาที่ร้านแล้วบอกว่ากานต์รักจะไม่กลับให้พนักงานดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อยยิ่งทำให้หมั่นไส้เข้าไปใหญ่
“พร้อมไม่ต้องพูดแล้ว...มินทำงานโอเคใช่ไหม พร้อมสอนงานน้องดีหรือเปล่า” นัยน์ตาใสหันไปสบกับคนที่ยืนฟังสองพี่น้องตาปริบๆ
“ดีครับ อ่า ลูกค้าเข้าร้านแล้วงั้นเดี๋ยวมินไปรับออร์เดอร์ก่อนนะ” พนักงานใหม่เอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มกว้างก่อนจะค้อมหัวลงเล็กน้อยอย่างขอตัวแล้วเดินไปรับลูกค้า
“ไหนพี่ดูซิว่าสภาพกลับมาเหลือกี่เปอร์เซ็นต์” มือใหญ่เอื้อมมาจับไหล่คนตัวเล็กก่อนจะหมุนวนดูรอบตัว
“ฮื่อ อะไรเล่า”
“โดนยักษ์จับกินกี่รอบพูด”
“พร้อมพูดอะไรน่าเกลียด โดนกงโดนกินอะไรกัน”
“อื้อหือ รอยเต็มคอ ไอ้ยักษ์นั่นเป็นแวมไพร์หรือไง” ข้อมือแกร่งเกี่ยวรั้งคอเสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่ติดกระดุมจนเม็ดสุดท้ายลงเพียงแค่เล็กน้อยรอยคิสมาร์คมากมายก็ปรากฏ นี่ขนาดแค่ตรงนี้ยังเท่านี้ไม่อยากคิดสภาพหากเปิดลงไปมากกว่าเดิม
“พร้อม! ไม่เอาห้ามเปิด ลูกค้ามองใหญ่แล้วนะ”
“อ้าวคุณรัก กลับมาแล้วเหรอคะ” ราวกับเป็นเสียงระฆังช่วยชีวิตให้กานต์รักรีบผละออกจากพี่ชายแล้วขยับไปยืนข้างคนมาใหม่ทันที ขืนให้เปิดมากกว่านี้คงได้เห็นไปถึงไหนต่อไหนว่าเขาโดนอะไรบ้าง
เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องน่าดูเสียหน่อย
“ครับ ร้านเป็นยังไงบ้างครับคุณไหม ขอโทษที่ช่วงนี้รักโดดงานที่ร้านบ่อย คุณไหมเลยต้องช่วยดูแลตลอดเลย”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ ไม่เป็นไรเลยพี่เข้าใจ คนมีความรักก็อย่างนี้” หญิงสาวเอ่ยแซวเป็นลูกคู่พร้อมกานต์อีกคนจนกานต์รักคิดว่าคงต้องรีบออกไปจากตรงนี้เสียก่อน
สายตาจากทั้งผู้จัดการร้านและพี่ชายมันชวนให้หน้าร้อนไปหมด หากแสดงท่าทีอะไรไม่พ้นคงโดนแซวหนักยิ่งกว่าเดิม
“มะ มีความรักอะไรกันครับ...ไม่เอาแล้ว ทั้งคุณไหมทั้งพร้อมเลย รักเข้าไปตรวจงานก่อนดีกว่า”คนพูดไม่รอฟังอะไรนอกเสียจากรีบสาวท้าวเดินเข้าไปอีกทาง
ทันทีที่เข้ามาถึงส่วนของห้องทำงานกานต์รักก็นึกขึ้นได้ว่าคนตัวสูงสั่งเอาไว้ให้โทรหา มือเล็กจึงรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาชาร์ตแบต รอไม่นานหน้าจอที่มืดสนิทก็ค่อยๆเปิดขึ้น ยังไม่ทันจะได้ดูแจ้งเตือนมากมายก็มีสายเรียกเข้าเสียก่อน
เบอร์ที่โทรเข้ามาเพียงครั้งเดียวก็จำได้ขึ้นใจ
“ครับ...” กานต์รักเอ่ยรับเสียงแผ่วอย่างพยายามควบคุมจิตใจตัวเองไม่ให้สั่นจนพาให้เสียงนั้นสั่นไปด้วย
(ถึงหรือยัง ฉันบอกให้โทรมาทำไมไม่โทร) เสียงเข้มติดดุอย่างรู้ว่าปลายสายกำลังเริ่มไม่พอใจ
“ขอโทษครับ รักมัวแต่คุยกับคนในร้านอยู่เลยพึ่งจะได้ชาร์ตแบตโทรศัพท์”
(ถึงร้านแล้วใช่ไหม)
“ครับ คือ...คุณแพททำอะไรอยู่เหรอครับ” กานต์รักกลั้นใจถามด้วยความอยากรู้และความอยากคุย อยากได้ยินเสียงทุ้มมากกว่านั้นเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะแค่โทรมาถามว่าถึงร้านแล้วก็วางสายไป
(ฉันกำลังจะทำงาน...เดี๋ยวคงต้องวางสายแล้ว) แซมและโจเซฟยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าอย่างกดดันและล้อเลียน เนื่องด้วยเมื่อวานแพทริกเกงานวันนี้จึงต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย งานเยอะเสียจนแค่คิดก็ปวดหัวไปหมด
“ถ้าอย่างนั้นก็...ขอให้งานทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะครับ”
(อืม แล้วเจอกันพรุ่งนี้กานต์รัก)
“ครับ” คนตัวเล็กรับคำก่อนจะรอกระทั่งสายถูกตัดไป ดวงตากลมยังคงจับจ้องโทรศัพท์ในมือนิ่ง ยามนึกถึงใบหน้าคมของคนที่พึ่งวางสายหัวใจดวงน้อยก็พลันสั่นไหวไปหมด รอยยิ้มน้อยๆถูกจุดขึ้นมาบนใบหน้าเล็กอย่างมีความสุข
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรวันนี้กานต์รักก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายอีกต่อไป ช่วงเวลาตอนนี้มันจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดและเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสำหรับเขาแล้ว
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“พร้อม รักมีเรื่องจะปรึกษาหน่อยได้ไหม” กานต์รักเคาะประตูบานใหญ่เพียงไม่กี่ครั้งก่อนมือบางจะเปิดประตูห้องที่ไม่ได้ล็อกเข้ามาแล้วเอ่ยพูดขึ้นกับคนที่นั่งเล่นเกมส์อยู่บนเตียง พร้อมกานต์หันมองหน้าน้องชายก่อนจะกดหยุดเกมในมือ
“ว่าไงตัวเล็ก” คนถูกเรียกว่าตัวเล็กเดินเตาะแตะไปหาพี่ชายก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงแล้วค่อยๆคลานไปหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกานต์
“คือว่า...”
“....”
“....”
“เรื่องแพทริกสินะ”
พร้อมกานต์เอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน ในชีวิตของกานต์รักแล้วนอกจากเรื่องนี้ก็คงไม่มีเรื่องอะไรที่น่าหนักใจจนต้องมาปรึกษาพี่ชายอย่างเขา ส่วนมากก็จะเป็นแค่อ้อนและงอแงกับเรื่องเล็กๆไม่ใช่เช่นตอนนี้ที่ใบหน้าหวานราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรนักหนา
“พร้อมรู้เหรอ”
“ใครๆก็รู้รัก...อย่าว่าแต่พี่เลย แม้แต่อดัมกับลีโอยังรู้เลยด้วยซ้ำ ส่วนพ่อกับแม่เราน่ะไม่ต้องพูดถึง” ท่านทั้งสองนั้นรู้ทุกความเคลื่อนไหวของกานต์รักเสียยิ่งกว่าเจ้าตัวอีกมั้ง
ความจริงแล้วกานต์รักมีคนติดตามอยู่ตลอดเวลาหากแต่คนตัวเล็กไม่รู้เพราะพ่อกับแม่ไม่อยากให้ต้องรู้สึกอึดอัด ที่กานต์รักรู้น่ะเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่รู้ บางทีแม้แต่ยามที่เฝ้าหน้าตึกของแพทริกก็อาจจะเป็นคนของครอบครัวด้วยซ้ำ
“ทุกคนรู้หมดเลยเหรอ”
“มีเรื่องไหนบ้างที่เขาจะไม่รู้กัน รักยังไม่ชินอีกเหรอไง”
“ระ รู้ละเอียดแค่ไหน” คนมีชนักติดหลังเริ่มลนลาน กานต์รู้ว่ามีคนติดตามอยู่ห่างๆแต่ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ยังไง ที่พร้อมพูดนั้นราวกับทุกคนรู้ทุกเรื่องอย่างละเอียดจนกลัวว่าจะรู้แม้แต่เรื่องในรถ
มะ ไม่สิ...แบบนั้นมันน่าอายตายเลย
“ไอ้ในรถน่ะไม่รู้ลึกขนาดนั้นหรอกเพราะไม่อยากรบกวนความเป็นส่วนตัวของเรา...แต่ไอ้ตอนโดนอุ้มมาบนห้องทั้งที่มีแค่สูทคลุมตัวเดียวนี่รู้”
“O_O”
“ไม่ต้องมาตาโตเลยตัวเล็ก...น้องพี่สึกหรอหมดแล้วมั้ง”
“มะ ไม่ขนาดนั้นซักหน่อย”
“เราน่ะไม่ต้องมาพูด แล้วนี่สรุปเราจะคุยอะไรกับพี่เป็นพิเศษหรือเปล่า”
“คือ...ก็พร้อมไม่ให้บอกคุณแพทว่าเราเป็นพี่น้องกัน ทีนี้รักเลยบอกไปว่าเป็นเพื่อน แล้ว...คุณแพทเขาก็ห้ามไม่ให้รักใกล้ชิดกับพร้อมมากเกินไป”
“หึ กะไว้แล้วเชียว...เราก็ไม่ต้องมาใกล้ชิดพี่สิ”
“ได้ยังไงกัน”
“เราไม่ได้ใกล้แต่เขาห้ามพี่ไม่ได้นี่”
“เอ๋?” คนตามไม่ทันหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความไม่เข้าใจนัก
“เอาตามนั้นแหละ”
“เอาตามนั้น? คือยังไง”
“เราก็อยู่เฉยๆไป เดี๋ยวพี่จัดการเอง” กานต์รักมองหน้าพี่ชายนิ่งก่อนจะค่อยๆพยักหน้ารับ คิดว่าพี่ชายคงจัดการทุกอย่างได้เพราะเวลามีปัญหาพร้อมกานต์ก็ทำให้มันเรียบร้อยได้เสมอ
“...ก็ได้ แต่รักไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมพร้อมต้องห้ามไม่ให้บอกด้วยว่าเราเป็นพี่น้องกัน” คำถามนี้ทำให้พร้อมกานต์หลุดหัวเราะในลำคอเพราะความไม่ทันคนของน้องชายตัวเอง
ที่เขาไม่ให้บอกเพราะอยากลองใจว่าไอ้คนตัวโตเป็นยักษ์นั่นจะทำยังไง ดูก็รู้ว่าคงไม่พอใจและหึงมากแต่จะรู้ไหมว่าทำไมถึงต้องไม่พอใจขนาดนี้ เขาจะทำให้แพทริกทนไม่ไหวในที่สุดแล้วมาดูกันว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป
“เราไม่ต้องรู้หรอกมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา เคลียร์แล้วนะเรื่องที่หนักใจพี่จะได้เล่นเกมต่อ...อ้อ อย่าลืมคอลไปหาแม่ด้วย แม่บอกว่าติดต่อเราไม่ได้”
“อื้อ งั้นก็ฝันดีนะพร้อม รักคอลหาแม่แล้วก็จะนอนแล้ว”
“ฝันดีตัวเล็ก” ฝ่ามือใหญ่ของคนอายุมากกว่าวางลงบนหัวทุยๆของน้องชายตัวน้อยแล้วโยกเบาๆสองสามที ร่างบางในชุดนอนตัวโปรดก้าวลงเตียงอย่างช้าๆก่อนจะออกจากห้องไป
พร้อมกานต์เดินมาล็อคประตูห้องทว่าคนที่บอกจะเล่นเกมต่อกลับไม่ได้ทำอย่างนั้น มือหนาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นแล้วพิมพ์ข้อความส่งหาใครบางคนที่พึ่งตอบข้อความกลับมา
Minimum : กำลังจะนอนแล้วครับ
Promkan : ฝันดีครับ❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“คุณแพทจะไปไหนเหรอครับ”
กานต์รักเอ่ยถามขึ้นเมื่อนั่งอยู่ในรถคันหรูแล้วเรียบร้อย ตอนเป็นเวลากว่าสามทุ่ม ร่างสูงมารับหลังจากร้านปิดอย่างที่บอกเอาไว้เมื่อวานจริงๆ
ไม่อยากจะบอกแต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าวันนี้ทั้งวันเขารอช่วงเวลานี้ที่สุด ใจมันพะวักพะวนว่าคุณแพทริกจะมารับตอนไหนจนแทบไม่เป็นอันทำงานจนพร้อมทำหน้าเอือมใส่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
“ฉันหิว” เสียงเรียบเอ่ยออกมาจนคนถามเอียงหน้าลงด้วยความสงสัย
“จะไปร้านอาหารเหรอครับ” แพทริกไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เรียวปากได้รูปทำเพียงแค่ยกยิ้มกับตัวเองเบาๆโดยที่กานต์รักก็ไม่เซ้าซี้ต่อ เข้าใจไปเองโดยปริยายว่าอีกคนคงไปร้านอาหารหากแต่มันไม่ใช่เลยซักนิด
“ไหนบอกว่าจะไปร้านอาหารครับ” ร่างเล็กเอ่ยถามขึ้นเมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ หมายเลขชั้นกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพื่อไปยังชั้นบนสุดที่คนตัวสูงเป็นคนกด
“ฉันบอกตอนไหน” แพทริกหันมาถามคนข้างตัว
“ก็...คุณแพทริกบอกว่าหิว”
“บอกว่าหิวแต่ฉันไม่ได้จะไปร้านอาหาร”
สัญญาณเตือนเมื่อมาถึงชั้นที่ต้องการดังขึ้น แพทริกก้าวออกมาให้ร่างเล็กนั้นเดินตาม กานต์รักค้อมหัวให้ทุกคนไปตลอดทางเมื่อลูกน้องหลายคนของคนตัวสูงทำความเคารพ กระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องที่คุ้นเคย มือหนาสแกนนิ้วมือแล้วกดรหัสก่อนจะเปิดเข้าไป
ดวงตาใสกวาดมองไปรอบห้องที่ไม่ได้มาเป็นเวลาร่วมเดือน กลิ่นอายของความทรงจำกรุ่นอยู่ในจิตใจจนได้แต่ยืนนิ่งงัน
“ฉันหิว...คิดถึงอาหารฝีมือนาย” เรือนร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า ดวงตาคมนิ่งเรียบสบกับแววตาสั่นไหวแล้วเอ่ยออกมา
“รักก็คิดถึง...” คำตอบนั้นไม่ได้สอดคล้องกับคำพูดของอีกคนเท่าไหร่นัก ทว่าในคำว่าคิดถึงของกานต์รักมันมีอะไรหลายอย่างอยู่ในนั้น คิดถึงห้องนี้ คิดถึงคนที่เคยนั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามเสมอ คิดถึงแม้แต่ป้าน้อย
“คิดถึงก็กลับมาสิ” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้แพทริกพูดคำนั้นออกไป จะบอกว่าพลั้งปากก็ไม่ใช่เสียทีเดียว หากกานต์รักตกลงบางอย่างในใจก็บอกว่าเขาจะรู้สึกยินดี
“เอ่อ...รักว่ารักไปทำอาหารก่อนดีกว่าครับ ดึกแล้วคุณแพทคงจะหิวแย่”
ริมฝีปากบางถูกขบเข้าหากันก่อนจะรีบเสเปลี่ยนเรื่อง ประโยคจากคนตรงหน้าทำให้ใจดวงน้อยเต้นแรงเสียจนแทบหลุดออกจากอก คำพูดราวกับว่าอยากอยู่ด้วยกันนั้นจู่โจมกานต์รักเข้าอย่างจังแต่ก็ไม่อาจจะคิดเข้าข้างตัวเอง
ร่างเล็กเดินไปยังส่วนของครัวตำแหน่งที่คุ้นเคย มือบางเปิดตู้เย็นออกก็พบว่าของสดมากมายถูกเตรียมไว้เรียบร้อย
“คุณแพทอยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ” กานต์รักหมุนตัวมาถามคนที่เดินตามมาทางด้านหลัง
“แกงเขียวหวาน”
“แกงวุ้นเส้นใส่เนื้อไก่ด้วยดีไหมครับ” เพราะรู้ว่าร่างสูงนั้นชอบทานแกงกะทิเป็นพิเศษจึงเอ่ยถาม แกงวุ้นเส้นก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่กานต์รักชอบจึงลองเอ่ยถามความคิดเห็นซึ่งอีกคนก็พยักหน้ารับ
“แล้วแต่นาย อยากทำอะไรก็ทำ”
แพทริกตอบกลับก่อนจะมองร่างบางที่พยักหน้ารับแล้วหันกลับไปหยิบของในตู้เย็นออกมาเพื่อเตรียมลงมือ ทุกอย่างดูคล่องแคล่วเพลิดเพลินจนคนที่ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันรู้สึกว่าการได้ยืนมองกานต์รักทำอาหารแบบนี้มันทำให้รู้สึกดีขึ้นได้อย่างประหลาด
“แล้วป้าน้อยเป็นยังไงบ้างครับ” กานต์รักที่กำลังล้างข้าวในหม้อเพื่อหุงเอ่ยถามขึ้น
“ก็สบายดี บ่นคิดถึงนายอยู่เหมือนกัน”
“งั้นฝากบอกป้าน้อยด้วยนะครับว่าผมก็คิดถึง” ใบหน้าหวานหันมาหาคนด้านหลังแล้วส่งยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปนำหมอหุ้งข้าวเสียบปลั๊กแล้วกดหุงให้เรียบร้อย
“คุณแพทไปนั่งรอก่อนก็ได้นะครับ คงอีกซักพักเลยกว่าจะเสร็จ” เอ่ยบอกพร้อมทั้งจัดเตรียมของสดไปด้วย
“ไม่เป็นไร” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ กานต์รักจึงรีบทำอาหารให้เสร็จเพราะกลัวว่าอีกคนจะรอนาน
จะสี่ทุ่มแล้วแต่คุณแพทริกยังไม่ได้ทานข้าว ความเป็นห่วงทำให้คนตัวเล็กต้องรีบทำอาหารให้เร็วที่สุด ไม่นานนักทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย มีไข่เจียวหมูสับง่ายๆเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง
“คุณแพททานไข่เจียวได้นะครับ” กานต์รักเอ่ยถามขณะที่กำลังจัดอาหารขึ้นโต๊ะ
“ทำไมฉันจะทานไม่ได้” แพทริกนั่งอยู่บนโต๊ะมองคนที่จัดการทุกอย่างนิ่งแล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบ
“ก็...เผื่อคุณแพทไม่ชอบไงครับ” มันอาจจะเป็นอาหารที่ดูธรรมดาเกินไป กานต์รักคิดในใจ
“ฉันทานได้หมด”
คนฟังระบายยิ้มเล็กน้อย พอเป็นแพทริกที่เอ่ยพูดคำนี้แล้วมันดูน่ารักเสียจนอดยิ้มออกมาไม่ได้ คนที่มีอำนาจมีความยิ่งใหญ่ไว้ในมือแต่กลับทานอะไรได้ง่ายมันไม่ใช่เรื่องที่จะพบได้มากนัก ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันอีกคนเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรคุณแพทริกก็ทานได้หมด
“เรียบร้อยแล้วครับ” มือบางรินน้ำใส่แก้วใบสวยให้เป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะขยับไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“นายไม่ทานหรือไง” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อข้างหน้าร่างเล็กไร้ซึ่งจานข้าววางอยู่
“รักทานไปเมื่อตอนเย็นแล้วครับ” เพราะโดนพร้อมบังคับให้ทานจึงเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งพอรู้ว่ารอคุณแพทริกอยู่พี่ชายก็ทำหน้างอใส่จนต้องยอมตามใจ ถึงอย่างนั้นก็ยังบ่นให้บอกว่าเขานั้นยอมคุณแพทริกเกินไป
“ทำไมไม่รอฉัน” มือหนาไม่ยอมจับช้อนขึ้นมาตักอาหารราวกับบ่งบอกว่าจะไม่ยอมทานข้าวคนเดียว
“รักไม่รู้ครับว่าคุณแพทรอ” กานต์รักเอ่ยตอบเสียงแผ่วเมื่ออีกคนนั่งหน้านิ่งถามเสียงดุ
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะไปรับ”
“รักขอโทษครับ...งั้นเดี๋ยวรักทานด้วยนะครับ” คนขี้ยอมลุกขึ้นไปหยิบจานแล้วตักข้าวก่อนจะกลับมานั่งในตำแหน่งเดิม ทว่านัยน์ตาคมยังมีกระแสแห่งความไม่พอใจอยู่จนกานต์รักเริ่มใจเสีย
ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุม กระทั่งกานต์รักทนไม่ไหวร่างบางจึงขยับตัวลุกขึ้น ลมหายใจสั่นถูกสูดเข้าลึกเมื่อร่างเล็กมาหยุดอยู่ทางด้านหลังหลังคนตัวสูงซึ่งนั่งอยู่ ใบหน้าเล็กค่อยๆขยับต่ำลงกระทั่งซบเข้ากับไหล่หนาจากด้านหลัง
“รักขอโทษครับ” เสียงหวานดังอู้อี้อยู่ข้างหูให้คนที่รู้สึกกรุ่นๆนั้นหายไม่พอใจขึ้นมาทันควัน
แพทริกเองก็ไม่รู่วาตัวเองเป็นอะไรนักหนาทำไมถึงได้ทำตัวและนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโตทพอรู้ว่าอีกคนไม่รอมันคล้ายๆกับว่าตัวเองนั้นไม่สำคัญ และเขาไม่ชอบความรู้สึกนั้นเลยซักนิด
“คุณแพทหายโกรธรักนะ” ทั้งสั่น อายและกลัว แต่สิ่งที่กานต์รักกลัวมากที่สุดคือการที่อีกคนโกรธจึงยอมข่มความรู้สึกทุกอย่างลงไปให้ลึก
อีกฝ่ายยังคงนิ่ง คนที่ซบหน้าลงกับความแข็งแกร่งนั้นก็ไม่กล้าแม้แต่จะหันมองเสี้ยวหน้าคมจึงได้แต่ซุกซบอยู่อย่างนั้น
พรึบ
ไม่ทันจะได้ยินอีกฝ่ายพูดอะไรร่างทั้งร่างก็ถูกตวัดกอดให้ทรุดตัวลงนั่งบนตักแกร่งอย่างรวดเร็ว กานต์รักตกใจจึงได้แต่กอดรอบคอของอีกคนเอาไว้แน่น
“ฉันสำคัญกับนายหรือเปล่า” ประโยคคำถามที่แสนเอาแต่ใจดังขึ้นให้คนฟังใจเต้นรัว สาตาคมกล้าสบกันพลันทำให้เลือดในตัวร้อนไปหมด
กานต์รักอายเหลือเกินที่จะตอบคำถามนั้นตามความรู้สึกของตัวเอง แต่รู้ดีว่าหากเป็นคำตอบที่แพทริกไม่พอใจ ความขุ่นมัวนั้นก็จะกลับมาอีกครั้ง
“สะ สำคัญครับ”
“แค่ไหน?”
หากบอกว่าประโยคแรกตอบยากแล้วประโยคนี้กลับยิ่งตอบยากกว่า ความร้อนเริ่มลามไปทั่วทั้งตัวจนผิวบอบบางขึ้นสีระเรื่อ ดวงตาโตไม่กล้าสบกับคนใต้ร่างจนต้องเสไปมองทางอื่น ทว่านิ้วมือแกร่งก็เชยคางมนให้หันกลับมาสบตาเช่นเดิม
กานต์รักรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายด้วยความขัดเขิน
“แค่ไหนกานต์รัก...ฉันสำคัญสำหรับนายแค่ไหน”
แพทริกเอ่ยถามออกมานิ่ง สายตาคมทอประกายกล้าอย่างต้องการคำตอบ แม้จะหิวมากแค่ไหนทว่านั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้
“...มาก สำคัญมากครับ...ที่สุดรองจากครอบครัว”
เสียงหวานเอ่ยสั่น ดวงตาโตสั่นไหว ริมฝีปากบางถูกไล้เลียด้วยความประหม่า มือบางที่วางอยู่ต้นคอแกร่งก็กำคอเสื้อตัวแพงของอีกคนเอาไว้แน่น
คำตอบที่น่าพึ่งพอใจทำให้แพทริกลดความดุเกรงลง พลันทำให้บรรยากาศรอบตัวดีขึ้นมากโข ก่อนเรียวปากร้อนจะทาบทับดูดกลืนริมฝีปากบางโดยไม่ให้ตั้งตัวหรือถึงแม้ตั้งตัวได้กานต์รักก็ไม่คิดจะขัดขืน
ความละเลียดร้อนไล้เลียอยู่อย่างนั้นจนเกิดเสียงเบาๆ ไม่นานนักแพทริกจึงผละออกไป
“รางวัลสำหรับคำตอบ”
นัยน์ตาคมกริบจ้องมองริมฝีปากบางที่บวมเจ่อขึ้นมาเล็กน้อยไม่วางตา ความรู้สึกอยากลิ้มลองมากกว่านั้นคุกกรุ่นอยู่ในอก ยิ่งยามเห็นปากสีสดวาววับจากน้ำสีใสของเขายิ่งทำให้ความต้องการนั้นมากขึ้น ทว่าตอนนี้ยังทำไม่ได้
“ทะ ทานข้าวดีกว่านะครับ” คนที่รู้สึกเหมือนตัวเองหัวใจจะวายเอ่ยบอกเสียงสั่นก่อนจะรีบขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดิมก้มหน้างุดไปนั่งอีกฝั่ง
หากไม่ผละออกมากานต์รักคิดว่าตัวเองคงต้องละลายลงตรงนั้นเป็นแน่ แต่ละคำพูดและการกระทำนั้นพาให้ใจทำงานหนักจนรู้สึกเหนื่อย เขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดพอจะทนไม่สั่นไหวได้กับทุกคำพูดของคุณแพทริก เพียงแค่อยู่ใกล้ชิดกันนั้นก็พาให้รู้สึกวูบไหวจะแย่
แพทริกเองก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรให้อีกคนสะเทิ้นอายมากกว่านั้น แม้ร่างบางจะก้มหน้างุดซ่อนใบหน้าสีระเรื่อเอาไว้ทว่ามือบางก็ยังคงเอื้อมตักอาหารมาวางลงบนจานให้อย่างเอาใจใส่
ความไม่พอใจก่อนหน้าหายไปจนแทบหมดสิ้น คราวนี้คนยังไม่ได้ทานข้าวจึงจัดการกับอาหารตรงหน้าเงียบๆโดยมีร่างบางคอยดูแลตักนู้นนี่นั่นให้ตลอด กานต์รักเองก็ทานของตัวเองบ้างเพื่อไม่ให้อีกคนรู้สึกว่าต้องทานข้าวอยู่คนเดียว
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“คืนนี้ค้างที่นี่ พรุ่งนี้ตอนเช้าฉันจะไปส่ง” คนเอาแต่ใจพูดขึ้นเมื่อกานต์รักจัดการล้างถ้วยชามจนเรียบร้อย คนที่ล้างมือเสร็จพอดีจึงหมุนตัวกลับมาหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อเอ่ยบอก
“แต่รักไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลยนะครับ”
“เสื้อผ้ามีแล้ว ยังจะมีปัญหาอะไร”
ขนาดแค่ถามคนตัวโตยังเริ่มเสียงขุ่นแล้ว หากกานต์รักขัดใจคงต้องโดนอาละวาดใส่แน่
“เปล่าครับ รักแค่บอกเฉยๆไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ” คนตัวเล็กเอ่ยบอกพร้อมกับยิ้มเอาใจ “ถ้าอย่างนั้นคุณแพทก็ไปอาบน้ำได้แล้วนะครับจะได้รู้สึกสบายตัว คงเหนื่อยมาทั้งวัน”
“ฉันเหนื่อยมาก...อาบน้ำให้หน่อย”
ไม่พูดเปล่า คนที่ขยับกายเข้ามาหายังโอบตวัดเอวเล็กจนร่างทั้งสองแนบกันอย่างใกล้ชิด ว่าความรวดเร็วนั้นทำให้กานต์รักตกใจแล้วแต่ยังไม่มากเท่าประโยคที่ออกจากปากคนตรงหน้า
อะ อาบน้ำ
“ตะ แต่ว่า...” สมองราวกับถูกทุบด้วยคำพูดจนไปต่อไม่ถูก เสียงที่เปล่งออกมาจึงแทบฟังไม่เป็นคำ กานต์รักไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะพูดอะไร แค่ความใกล้ชิดก็พาให้สั่นไหวจนจะแย่ไหนจะคำพูดนั้นอีก