#4
ซ่า ซ่า
เสียงไข่ในที่กำลังทอดในกระทะเทฟล่อนชั้นดีทำให้หนุ่มผมแดงที่ตาแทบจะปิดเข้าหากันอยู่แล้วต้องลืมตาขึ้น มือหนาข้างที่ถือตะหลิวอยู่รีบตักไข่ดาวสีสวยขึ้นใส่จานก่อนที่มันจะไหม้ และเมื่อทอดไข่ดาวเสร็จแล้วเขาจึงหันไปทำอย่างอื่นที่มันยังไม่เสร็จแทน
รพหยิบมีดที่อยู่ไม่ไกลตัวขึ้นมาสับกระเทียมบนเขียงหนึ่งในส่วนผสมของเมนูที่จะทำในวันนี้อย่างคล่องแคล่ว ขณะหาวนอนรอบที่สี่ตั้งแต่ที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ ไม่รู้ทำไมคนที่หลังจากออกไปงานปาร์ตี้ตามที่มีคนชวนและพึ่งกลับมาถึงบ้านตอนตีสามอย่างเขาถึงต้องตื่นมาตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อทำอาหารให้คนที่ทำอาหารเก่งระดับเชฟห้าดาวอย่างน้องเล มันคงเป็นกรรมของเขาเองที่บังเอิญทุกคนในตระกูลดันทำอาชีพเป็นเชฟให้กับภัตตาคารหรูมากกว่าห้าดาว ส่วนเขาแม้จะแหวกฝูงมาเรียนวิศวะแต่ทักษะการทำอาหารที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กก็ทำให้ตนเองมีฝีมือการทำอาหารไม่ด้อยไปกว่าใคร
ส่วนสาเหตุที่ต้องตื่นมาทำตั้งแต่หกโมงเช้าทั้ง ๆ ที่พึ่งได้นอนตอนตีสามแบบนี้ก็คงเป็นเพราะ…
ร่างสูงที่กำลังนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกลนัก บอสใหญ่ของกลุ่มที่ไม่ได้สถาปนาตัวเองขึ้นแต่รู้ ๆ กันอยู่โดยที่ไม่ต้องพูด พ่อไม่แท้ของเลที่แค่สั่งทุกคนก็ต้องทำตาม ส่วนเขาก็คือคนที่ถูกสั่ง
แปะ
กระเทียมที่กำลังจะนำไปใส่กระทะบังเอิญหล่นใส่กลางไข่ดาวน่าทาน รพส่ายหน้าให้กับตัวเองเล็กน้อยก่อนวางกระเทียมที่ยังไม่ได้ใส่ในกระทะวางไว้ที่เดิมแล้วหันไปจับตะเกียบเพื่อหยิบกระเทียมบนไข่แดงของไข่ดาวออก ทว่าขณะนั้นเอง…
“อ้ากกกกกกกก!!”
จึก!
เสียงตะโกนร้องของใครบางคนจากชั้นสองทำให้ตะเกียบเผลอจิ้มลงไปในไข่แดงไม่สุดจนมันไหลเยิ้มออกมา ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววหงุดหงิดขณะเงยหน้าขึ้นมองไปยังด้านบน ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูดังปังกับเสียงเท้าที่กำลังวิ่งลงมาจากบันได ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีเจ้าของต้นเสียงโวยวายก็โผล่หน้ามาให้เห็น
“พ่อ!!” เลตะโกนเรียกร่างอยู่ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกลเขานัก ก่อนเจ้าตัวจะวิ่งเข้ามากอดฮิมที่ยังคงนั่งอยู่นิ่ง ๆ “นาฬิกานี้พ่อให้เลใช่ไหม ฮือ…เลรักพ่อ รัก ๆ ๆ ๆ ๆ รักที่สุดในโลกเลย”
ตามมาด้วยการหอมแก้มฟอดใหญ่ที่ทำให้รพต้องเบี่ยงหน้าหนี เขาไม่รู้หรอกว่าหลังจากนี้ด้านหลังของคนที่กำลังทำอาหารอยู่งก ๆ จะเข้าสู่โหมดมุ้งมิ้งขนาดไหน แต่ที่แน่ ๆ คือนาฬิกาโรเล็กซ์บนข้อมือของเลมันเด่นมาก ทีเมื่อวานยังทำหน้าเศร้าเพราะไม่ได้ของขวัญอยู่เลย ถัดมาอีกวันยิ้มได้ขนาดนี้แล้วเห็นทีของขวัญที่เขาจะให้มันคงไม่จำเป็นแล้วล่ะมั้ง
แต่จะห้ามไม่ให้ดีใจเลยก็คงยาก คนพ่อเล่นให้ Rolex สั่งทำขึ้นพิเศษราคาเกินล้านเป็นของขวัญเสียขนาดนั้น เขารู้จักกับเลมาห้าปีกว่า ตั้งแต่ตอนมอหกมาจนถึงตอนนี้ ขอบอกด้วยความรู้สึกที่แท้จริงว่าถ้าเขามีน้องแบบนี้คงจะจับมันมาตีให้ก้นลาย คนอะไรเอาแต่ใจตัวเองได้ขนาดนี้ (ยังไม่ได้เจอฤทธิ์ความเอาแต่ใจของเลใช่ไหม เดี๋ยวก็ได้เห็น) แต่ลองมามองอีกทีจะไม่ให้เอาแต่ใจได้ยังไง ในเมื่อพ่อมันทุ่มให้ขนาดนี้ ขออันนั้นก็ให้ อันนี้ก็ให้
แต่แล้วเจ้าของเรือนผมสีแดงก็ต้องเร่งมือทำกับข้าวให้เร็วขึ้นเนื่องจากเสียงตะโกนลั่นบ้านของเลทำให้พวกที่กว่าจะตื่นพระอาทิตย์ก็แทบจะเลยกลางหัวไปแล้วต้องตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด ไอ้ไทด์กับไอ้วินเดินลงมาจากบ้านด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรำคาญเกินลิมิต
“ตะโกนหาพ่อมึงเหรอ” คำทักทายแรกจากเจ้าของรอยสักลายแมงป่อง คนที่กำลังนั่งบนตักแกร่งอย่างออดอ้อนจึงตอบด้วยความอารมณ์ดี
“ใช่ เลตะโกนหาพ่อ”
“กูอยากฆ่ามึงจริง ๆ” ไทด์กัดฟันกรอดขณะเดินมาเปิดตู้เย็นแล้วเปิดขวดน้ำกรอกเข้าปาก
กำลังคิดอยู่ใช่ไหมว่าไอ้ผาหายไปไหน ? หลังจากจบที่ร้านเนื้อย่างเมื่อคืนมันก็กลับไปนอนคอนโดกับแฟนต่อ บ้านอันแสนวุ่นวายแห่งนี้เลยยังมีแค่พวกเขาหกคนที่อาศัยอยู่เหมือนเดิม ส่วนอีกคนตอนนี้คงยังหลับอยู่ ไม่ว่าจะมีเสียงปลุกหรือเสียงอะไรเช้าขนาดนี้มันก็ไม่ตื่นหรอก มันทำงานตอนกลางคืน เมื่อคืนก็กลับมาถึงบ้านพร้อมเขาและได้เจอกันในรอบห้าวันที่ผ่านมา เป็นคนที่กลับมานอนบ้านแต่ทุกวันแต่ไม่ได้เจอหน้ากันทุกวัน แปลกยิ่งกว่าไอ้ผาที่มีบ้านแต่ไม่ยอมกลับบ้านเสียอีก
“เลขึ้นไปอาบน้ำได้แล้วเดี๋ยวสาย” ได้เสียงแว่ว ๆ มาจากคนพ่อ ไม่มีเสียงตอบรับแต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็ได้ยินเสียงของคนรีบวิ่งขึ้นบันไดไป…
วันนี้เป็นวันดีที่สุดในรอบหนึ่งเดือนของผม
ไม่ดีได้ยังไง พอตื่นมาปุ๊บก็เจอ Rolex บนข้อมือ อารมณ์ตื้นตันมันพุ่งขึ้นอกจนต้องระบายออกมาด้วยการตะโกนลั่นบ้านอย่างที่ทำไปแล้วเมื่อเช้า คือมันดี มันดีมาก รู้สึกดียิ่งกว่าตอนที่บารัก โอบามาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเสียอีก เหมือนคลื่นทะเลซัดอารมณ์หม่นของผมออกซะเกลี้ยง และไม่จำเป็นต้องทายว่าใครให้ คนที่กล้าให้ของแพงสำหรับผมขนาดนี้มีแค่คนเดียว พ่อไง!!
“เลรักพ่อ”
“ไปเรียนได้แล้ว”
“เลรักพ่อ”
“รักก็ไปเรียนสิ”
“เลขี้เกียจ” ผมบอกตามตรง
“อย่าดื้อสิ” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ผมกำลังกอดอยู่ สลับกับมองไปนอกรถที่นักศึกษาเดินขวักไขว่เพราะเรามาถึงกันเกือบสิบนาทีแล้วแต่ผมยังไม่ยอมลงจากรถสักที และถ้าผมไม่ยอมลงจากรถฮิมก็จะไม่ได้ไปเรียนเพราะว่าเขาเรียนคนละตึกกับผม (ผมยังไม่ได้เรียนด้วยซ้ำเพราะวันนี้ยังทำกิจกรรมเหมือนเดิม) หลังจากกรีดร้องเพราะนาฬิกาในตอนเช้า พอโดนฮิมไล่ให้ไปอาบน้ำผมก็ไปอาบอย่างที่เขาบอก ขัดสีฉวีวรรณอย่างดี อาบเสร็จก็ลงมาทานข้าวพร้อมกับชายหนุ่มหน้าบึ้งเพราะโดนเสียงของผมปลุกให้ตื่นอีกสองคนคือพี่วินกับพี่ไทด์ ส่วนพี่รพรายนั้นไปนอนต่อเพราะพึ่งได้นอนตอนตีสามสงสัยจะไม่ไหวจริง ๆ
หลังจากกินเสร็จพ่อก็มาส่งผมที่มหา’ลัย เพียงแต่พอถึงมหา’ลัยแล้วผมไม่ยอมลง…
“วันนี้ไม่ใส่น้ำหอมเหรอ” คำถามจากคนข้างกายทำให้ผมต้องละสายตาต้องด้านนอกคนมามองคนด้านในรถแล้วพยักหน้า
“เลไม่ได้ใส่ มันหมด” วันนี้ถ้าจะเสียดายก็เสียดายอยู่อย่างเดียวคือไม่ได้ใส่น้ำหอม เพราะหลังไปขัดสีฉวีวรรณในห้องน้ำแล้ว ตอนออกมาปรากฏว่าน้ำหอมเกลี้ยงขวด ผมเลยตัดสินใจไม่ใส่ จริง ๆ แล้วถ้าจะใส่ใส่น้ำหอมของฮิมก็ได้ (เราใช้น้ำหอมแยกกัน) แต่กลิ่นของฮิมมันเป็นกลิ่นที่ผมอยากได้เขามีคนเดียว ไม่อยากให้คนอื่นใช้แม้แต่ตัวผมเอง “แปลกเหรอ”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาส่ายหน้า นั่นทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว
ปกติผมก็ใส่น้ำหอมไม่เยอะหนิ คือซื้อมาทีหนึ่งใช้ได้หลายเดือนมาก เวลาฉีดมันเลยไม่ค่อยต่างจากไม่ฉีดสักเท่าไหร่ แต่ฮิมสามารถแยกออกว่าผมใส่หรือไม่ใส่ จมูกดีอะไรปานนั้น ขนาดผมกอดเขาปานนี้ผมยังได้แค่กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ เลย เพราะเราสองคนติดนิสัยเดียวกันคือฉีดแต่ฉีดไม่เยอะ ฉีดเยอะกลิ่นมันฟุ้ง แทนที่จะหอมดมแล้วกลับเวียนหัวแทน ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่สูงกว่าเพราะผมเอนตัวจากเบาะข้างคนขับมากอดเขาอยู่
“พี่ฮิมฟิล์มรถเราทึบมากไหม”
“หือ ?” ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นผมถามแปลก ๆ ผมเลยคิดประโยคใหม่
“ถ้ามองจากด้านนอกคนอื่นเห็นเราที่อยู่ด้านในรถไหม” ผมว่าฟิล์มรถของฮิมมันมืดอยู่พอตัว คิดว่าถ้ามองจากด้านนอกคงมองคนในรถไม่เห็น แต่เพื่อความปลอดภัยถามเจ้าของรถเขาก่อนดีกว่า
คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้า ผมเลียริมฝีปากจับมือหนาที่กำลังลูบศีรษะอยู่ออกแล้วยันตัวขึ้นก่อนจะปีนข้ามฝั่งไปนั่งคร่อมบนตักคนขับแล้วปรับเบาะให้เอนลงเล็กน้อย จนในที่สุดหัวของผมก็อยู่สูงกว่าเขา
เจ้าของตักที่ผมถือวิสาสะข้ามมานั่งทับไม่ได้พูดอะไรนอกจากถามว่า “คิดจะทำอะไร หืม?”
แถมมือหนายังให้ความร่วมมืออย่างดีโดยการเลื่อนมาโอบที่เอวผมแบบหลวม ๆ
ผมถึงต้องถามฮิมก่อนไงว่าฟิล์มรถมันทึบไหม เพราะถ้าคนด้านนอกมองเข้ามาแล้วเห็นพวกเราในสภาพนี้ เขาคงคิดว่าเป็นคู่รักที่กำลังจะเล่นพิเรนทร์บนรถยนต์แน่ๆ แม้ในความจริงแล้วผมแค่ก้มหน้าเข้ากับกลุ่มผมสีดำสนิท สูดกลิ่นแชมพูสไตล์ผู้ชายโดยแท้ แล้วเลื่อนใบหน้าลงไปชิดกับลำคอขาว กลิ่นน้ำหอมของฮิมลอยมาแตะจมูก
กลิ่นบางเบาจนแทบจะโดนกลิ่นโคโลนปกปิด แต่ถ้าได้กลิ่นมันจะรู้สึกติดยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น หอมเย็น ๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายแต่แฝงอะไรเอาไว้บางอย่าง ความรู้สึกลึกล้ำที่ผมยังไม่อาจเข้าถึง แต่แค่นี้ก็ติดจนจะแย่ ถ้าเข้าถึงเมื่อไหร่ ผมกลัวว่าจากติด มันจะกลายเป็น
‘เสพติด’ แทน
(30%)
ถ้าสังเกตเวลาอัพ เราจะอัพที่ Thaiboyslove ช้ากว่าที่อื่นไม่ใช่ว่าอยากอัพช้า
แต่เราเป็นพวกอัพทีละนิด ทีละหน่อย ซึ่งการอัพทีละนิดทีละหน่อย ในเล้าเรารู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก
(ไม่ใช่รำคาญเว็บนะรำคาญตัวเองแบบลงทีเดียวเลยไม่ได้เหรอ ? แต่เป็นแค่ในเล้านะที่อื่นไม่เป็น 555)
เวลาลงในเล้าเลยอยากจะลงแบบเต็มตอนเลยทีเดียว
แต่ถ้าลงเต็มตอน มันก็จะต้องรอช้ากว่าลงที่เว็บอื่น ๆ ไม่ลงก็กลัวคนอ่านในเล้าน้อยใจ
ยังไงก็ตามจะตอนต่อไปจะพยายามลงให้เต็มตอนค่ะ
#วิศวะแดนแฟนมีเกียร์ on twitterไปคุยกับป้าได้ที่ @_mdreds on twitter เช่นเดียวกัน
เลิฟ ๆ